ตอนที่ 23งานเลี้ยงครบรอบสามปีของรีสอร์ทเริ่มขึ้นในช่วงเย็นของวันเสาร์
ผมนั่งโต๊ะเดียวกับพี่พร คุณลลิตาและบรรดาเลขาผู้บริหารท่านอื่นๆ ที่ติดตามเจ้านายมาด้วย
ผมอยากย้ายไปนั่งกับคุณลิน คุณซัน แต่ตำแหน่งหน้าที่ทำให้ต้องมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงนี้
ดีที่น้องริวย้ายมานั่งเป็นเพื่อน เลยพอมีคนชวนคุยให้หายเหงา
ผมเรียกงานนี้ว่าค่ำคืนแห่งการวัดใจครับ เพราะตอนนี้ที่โต๊ะผู้บริหาร มีคุณวิกานั่งรวมอยู่ด้วย
ผมเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของงาน ก็คุณวิกาเธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์
แต่พฤติกรรมคุณวีร์เป็นอีกเรื่องนึง ผมจะดูสิว่าคุณรองประธานจะทำยังไง
(ส่วนทำไมผมต้องระเห็จไปนั่งโต๊ะเลขา ก็เพราะโต๊ะวีไอพีแต่ตะตัวนั่งได้แค่ 8ที่ เฉพาะผู้บริหารระดับสูงก็เต็มแล้ว)
ผมคุยกับน้องริวสลับกับการนั่งดูการแสดงบนเวที ที่ล้วนแล้วแต่คัดสรรมาอย่างดี ศิลปิน ดารา ผลัดกันขึ้นไปร้องเพลง
และแจกของรางวัลให้กับแขกที่มาร่วมงาน
ผมจัดให้พี่ปั้นนั่งรวมอยู่กับนักข่าวที่ถูกเชิญมาจากกรุงเทพฯ มีทั้งหนังสือพิมพ์หัวใหญ่ หนังสือธุรกิจ หนังสือท่องเที่ยว
และบล็อกเกอร์ดังๆ เผื่อว่าจะได้ยินใครนินทาอะไรน่าสนใจ
งานเลี้ยงดำเนินไปค่อนคืน เมื่อแขกเริ่มอิ่มหนำสำราญกันดีแล้วก็เข้าสู่ช่วงพิธีการ
พิธีกรเชิญผู้บริหารขึ้นบนเวที ท่านประธานให้คุณวีร์เป็นตัวแทนขึ้นไป และแน่นอนต้องมีคุณเทวิกาขึ้นไปเป็นไม้ประดับ
เพื่อให้คุ้มกับค่าตัวแพงลิบของสัญญาว่าจ้างหนึ่งปี
ผมเห็นงานแบบี้บ่อยตามหน้าข่าวบันเทิงเวลาดาราไปออกงานอีเว้นท์แล้วยืนแจกยิ้มหวานอยู่ข้างเจ้าของงาน
รู้นะครับว่าอะไรเป็นอะไร แต่ทำไมมันคันยุกยิกที่หัวใจบอกไม่ถูก ไม่อยากทำนิสัยพาลเป็นเด็กๆ แต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้
คุณวีร์กล่าวขอบคุณแขกในงาน พูดถึงแนวทางของรีสอร์ทในปีต่อๆ ไป และปิดท้ายด้วยการตัดเค้กก้อนใหญ่มหึมา
เป็นอันเสร็จพิธี ผมถอนหายใจโล่งอก เกลียดภาพบาดตาที่เห็นสองคนยืนชิดกัน ถึงจะไม่ได้เกาะแขนกันเลยก็เถอะ
คุณวีร์เดินลงจากเวทีมีคุณวิกาเดินตาม เห็นพยายามเร่งฝีเท้าเพราะคุณวีร์เดินเร็วมาก แต่คุณวีร์ไม่ได้เดินกลับโต๊ะครับ
เดินมาหาผมแทน
“ปุ่น ริวย้ายไปนั่งกับลินไหม งานไม่มีอะไรแล้วเหลือแค่กินดื่มกันเรื่อยๆ พี่ต้องออกไปส่งแขกผู้ใหญ่กลับก่อน”
“ไม่เป็นไรครับ นั่งตรงนี้แหล่ะเดี๋ยวก็เลิกแล้ว” ผมเกรงใจพี่พรกลัวไม่มีเพื่อน เพราะเลขาบางคนเริ่มทยอยกลับ
“พี่ปุ่นไม่ไปริวก็ไม่ไป”
“ตามใจ งั้นเดี๋ยวพี่มา”
“วีร์คะ วิกายืนจนปวดขาแล้วนะ” เสียงเร่งของคนที่ยืนรออยู่ดังขึ้น มันชวนหงุดหงิดหัวใจเหลือเกิน
ผมแอบมองตาม เห็นคุณวีร์เดินแวะไปทักพี่ปั้นที่โต๊ะ ก้มลงคุยอะไรกันอยู่สักพัก มีคุณวิกายืนหน้าหงิก
รออยู่ข้างหลังเหมือนเดิม
อย่างหนึ่งที่ทำให้ผมหงุดหงิดคือมันไม่ชัดเจนพอที่ผมจะเก็บเอาไปว้ากคุณรองประธานได้ มันก่ำกึ่ง มันอึมครึม
โว้ยพี่ปุ่นหงุดหงิด
“น้องปุ่น” เสียงหวานๆ กับเล็บสีแดงที่วางแตะอยู่บนแขนทำเอาสะดุ้ง ผมหันกลับไปมองคุณลลิตาเป็นคนเรียกผม
“เป็นอะไรคะ สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
“ผมมึนๆครับ ร้อนด้วย สงสัยทานแชมเปญเข้าไปเยอะเกิน” โกหกสุดๆ ผมโดนคำสั่งห้ามแตะแอลกอฮอล์จากคุณรองประธาน
แต่ใครจะกล้าบอกว่าที่หน้าแหยอยู่เนี่ยกำลังช้ำใจ
“ถ้างั้นพี่รบกวนน้องปุ่นช่วยถือของไปส่งพี่หน่อยได้ไหมคะ เดินเสียหน่อยจะได้หายมึนด้วยไง”
“ได้ครับ” ผมรับกล่องของขวัญที่คุณลลิตาส่งมาให้ ลุกขึ้นยืนแอบสบตากับพี่โชคทื่นั่งอยู่ห่างๆ
พี่โชคพยักหน้าให้ผม เป็นอันรู้กัน
คุณลลิตากดลิฟท์ขึ้นที่พัก ชวนผมคุยด้วยเรื่องสัพเพเหระ ก่อนเดินนำผมออกจากลิฟท์ตรงไปที่ห้องสวีท
สอดคีย์การ์ด ผลักประตูเข้าไปแล้วเรียกให้ผมเดินตาม แต่ผมหยุดยืนแค่หน้าห้องเท่านั้น
“ผมไม่เข้าไปดีกว่าครับ คุณลลิตาเป็นผู้หญิงมันจะไม่ดี” ผมให้เหตุผล
“ไม่เป็นไรเข้ามาเถอะ ปุ่นจะได้นั่งพักสักหน่อยมึนอยู่ไม่ใช่เหรอ” คุณลลิตาพยักหน้าเรียกผม
แต่ผมยืนยันว่ายังไงก็ไม่เข้าไปครับ ไม่ได้พูดอะไรแต่แสดงออกด้วยการยืนอยู่หน้าประตูเหมือนเดิม
แล้วยื่นมือส่งของขวัญให้
“เข้ามาเถอะ”
“ขอบคุณมากแต่ไม่ล่ะครับ เดี๋ยวผมกลับห้องเลยดีกว่า” ผมยังยืนยันเหมือนเดิม
“เล่นตัวฉิบ” เสียงผู้ชายที่ไม่ควรมีอยู่ ดังออกมาจากข้างประตู ก่อนคุณจักรจะพุ่งตัวออกมา
ผมเบี่ยงหลบทำให้ตัวหมุน คุณจักรเข้ามาล็อคเอวผมไว้จากด้านหลัง
ผมใช้สองมือจับมือคุณจักรเอาไว้ ง้างมือออกและหักนิ้วไปด้านหลังเพื่อสร้างความเจ็บปวด
เมื่อแขนที่ล็อคผมอยู่คลายออกเล็กน้อย ผมจับข้อมือคุณจักรชูขึ้นสูง หมุนตัวจนย้ายมาอยู่ด้านหลัง
ท่านี้ทำให้แขนคุณจักรบิดตัว ผมใช้ส้นเท้าถีบเข้าที่ข้อพับจนคุณจักรทรุดตัวลง
“ไอ้ห่า ไหนบอกมันมึนยาแล้วไง” เสียงสบถทำให้ผมขมวดคิ้ว ใช้หัวเข่ากดลงกลางหลังคนพูด มือยังจับบิดยกขึ้นสูง
หักปลายนิ้วไปข้างหลังอีกครั้ง เสียงคุณจักรร้องโอดโอย
“ลลิตา” คนที่อยู่ใต้เข่าผมส่งเสียงร้องให้คนช่วย
“ค..คุณจักร” เลขาคนสวยที่ล่อลวงผมมายืนตัวสั่นอยู่หน้าประตูไม่กล้าก้าวออกมา
“อยากเจ็บตัวก็ออกมา” ผมพยักหน้าเรียก เพิ่มแรงกดของเข่า และยกมือขึ้นสูงอีกนิดเพื่อให้เกิดความตึง
ระหว่างแขนกับหัวไหล่ เสียงร้องไม่เป็นภาษาชวนให้นึกสมเพช ตัวก็ใหญ่กว่าผมไม่เอาไหนสักนิด
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงดังจากข้างหลัง ไม่ต้องหันไปมองผมก็รู้ว่าเสียงพี่โชค
ผมขยับตัวออกปล่อยให้คุณจักรเป็นอิสระ ลลิตารีบวิ่งมาประคองเจ้านายตัวเองยืนขึ้น
“ว่ายังไงครับ ผมถามว่ามีอะไรหรือเปล่า”
“มาก็ดี จับไอ้เด็กนี่ส่งตำรวจ มันลงมือทำร้ายคน มึงก็เห็น” คุณจักรหันไปสั่งพี่โชค
“ได้ครับ” พี่โชคเดินเข้ามาจับแขนผมเอาไว้
“เดี๋ยวผมจะไปขอภาพวงจรปิด จะได้มัดตัวคนร้ายได้แน่นหนา” พี่โชคพูดขึ้นมาเสียงเรียบ ทำเอาคนกำลังผยอง
หน้าซีดลงทั้งสองคน
“ไม่..ไม่ต้อง คราวนี้กูไม่เอาเรื่องถือว่าฟาดเคราะห์ มึงพามันออกไปก็พอ”
“แต่ผมอยากไปครับ” ผมหันไปบอกพี่โชค ก่อนส่งยิ้มบาดตาให้คุณจักร
“แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อยเองนะคะน้องปุ่น คุณจักรนึกว่าพี่พาคนอื่นที่นัดกันไว้ขึ้นมา เข้าไปกอดนิดเดียว
น้องปุ่นก็ทำเกินไป” เลขาคนสวยคงมีเวลาคิดครับ เลยปั้นเรื่องขึ้นมาได้
ความจริงผมก็รู้ว่าเอาเรื่องไปก็เท่านั้น ภาพวงจรปิดก็ไม่มีเสียง เห็นแต่จู่โจมเข้ากอด อย่างมากก็ลงบันทึกประจำวัน
หรือตักเตือนนิดหน่อย ผมก็ขู่ไปอย่างนั้นเอง
“เหรอครับ งั้นก็คงไม่มีการเข้าใจผิดเป็นครั้งที่สองอีกนะ ถ้ามีผมคงไม่รอให้เรื่องถึงมือคนอื่น จัดการให้มันใช้ไม่ได้ซะจะได้จบๆ”
ผมกวาดสายตาลงต่ำ ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าผมพูดถึงอะไร ก่อนกระแทกเท้าลงพื้นแรงๆ บิดปลายเท้าไปมา
“ไปกันเถอะ” พี่โชคเรียกผม ผมขยับเท้าไปข้างหน้า สองร่างรีบถอยกรูดเข้าห้องปิดประตูแทบไม่ทัน
หึ นึกว่าจะแน่
"ฝีมือยังใช้ได้นะ นึกว่าเก็บเข้ากรุหมดแล้ว”
“เก็บอะไรล่ะครับ ถึงจะร้างลานานจนมีพุงน้อยๆ แต่รับรองไม่ขึ้นสนิม”
“ดีแล้ว ต่อไปก็ระวังตัวให้มาก ปุ่นเอ๊ยใครจะคิดว่าโตมาจะโดนผู้ชายปล้ำ”
ผมหน้าแดงเลยครับ ไม่ได้คิดถึงคุณจักรแต่ดันไปคิดถึงอีกคนเข้าให้
“แล้วนี่จะบอกคุณวีร์ไหม” ผมชั่งใจอยู่แป๊บนึงก่อนตอบ
“บอกครับ แต่คงรอกลับถึงกรุงเทพฯก่อน” ก็คุณรองประธานเพิ่งวางมวยกับพี่ปั้นมาหมาดๆ ยังสะบักสะบอมอยู่ไม่น้อย
ถึงจะเก๊กว่าไม่เป็นไรก็เถอะ โดนขนาดนั้นไม่ซมก็เก่งแล้ว อย่าเพิ่งให้มีเรื่องเลย
“ตามใจเรา เดี๋ยวพี่ไปส่งที่ห้อง ปุ่นไม่ต้องกลับไปที่งานแล้วเดี๋ยวพี่บอกคุณวีร์เอง”
“ครับ”
“พี่จะไปเอาบันทึกจากกล้องวงจรปิดด้วย แต่จะระวังไม่ให้ทีมรปภ.ทางนี้รู้ ไม่ต้องเป็นห่วง
มีเป็นหลักฐานไว้เผื่อต้องใช้”
“ครับ”
พอพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ไอ้จักรพูดเหมือนมันวางยาผม
แล้วคราวก่อนใช่มันด้วยหรือเปล่าโชคดีที่คราวนี้ผมไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปแม้แต่น้อย
ว่าแต่ทำไมมันถึงคิดว่าผมดื่มเข้าไปแล้วล่ะ น่าแปลก
ผมกลับเข้าห้องพัก อาบน้ำ นอนกลิ้งดูทีวี ผ่านไปอีกชั่วโมงกว่าๆ ถึงมีเสียงเปิดประตูเข้ามา
“ทำไมรีบขึ้นมา” คนถามถอดสูทปลดเนคไท ขึ้นมานอนทำหน้าเหนื่อยข้างๆ ผม
“ไปอาบน้ำก่อนครับ เหงื่อทั้งนั้นเลย” ผมรีบผลักออก เมื่อคนตัวใหญ่พยายามจะจู่โจมหอมแก้มผม
ยังโกรธอยู่เฟ้ย
เสียงกริ่งหน้าประตูทำเอาผมชะงัก นิ่วหน้าหันซ้ายหันขวา มองหน้าคุณวีร์เหมือนขอคำปรึกษาว่าผมควรไปซ่อนดีไหม
อาจเป็นท่านประธานหรือน้องริว หรือใครก็ช่างเถอะ ไม่ควรเห็นผมอยู่ในห้องนี้ทั้งนั้น
คุณวีร์เข้ามาตะครุบตัวผมได้ก่อนที่จะกระโจนเข้าไปในตู้เสื้อผ้า แถมเอาแต่หัวเราะไม่หยุดกับท่าทางตื่นกลัวของผม
“ไปเปิดประตูไป๊” คุณวีร์ผลักผมให้เดินออกจากห้องนอน ทำอย่างกับรู้ว่าใครมาหรือจะเป็นคุณลินนัดกันไว้หรือเปล่า
ผมคิดได้แบบนี้เลยใจกล้าพอที่จะเดินไปเปิดประตู แต่พอเห็นหน้าคนที่ยืนรออยู่เท่านั้นแหล่ะ อึ้งครับพูดไม่ออก
คุณวิกาในชุดโชว์เนื้อหนังชวนวาบหวิว ยืนโพสต์ท่าเบาๆ อยู่หน้าห้อง ถ้าคุณคิดว่าผมตกใจแล้วคุณวิกาดูเหมือน
จะตกใจกว่าผมมาก หน้าที่ยิ้มยั่วยวนรอคนที่คาดหวังมาเปิดประตูหุบฉับ เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเมื่อเห็นผม
“นาย!!” เสียงไม่พอใจระดับสิบเรียกขึ้น
“ปุ่น เชิญวิกาเข้ามาสิ” เสียงเรียกของคุณรองประธานจากในห้อง ทำให้ผมไม่ต้องตอบคำถาม
เพียงแต่เบี่ยงตัวนิดนึง คุณดาราใหญ่ก็เดินกระแทกเท้าปังๆ เข้าไปข้างใน
“วีร์ค่ะ ดึกแล้วยังทำงานอีกเหรอคะ ปล่อยเลขาไปพักผ่อนบ้างเถอะ”
“ปุ่นนายกลับห้องได้แล้ว” คุณวิกาคิดเองเออเองเสร็จสรรพ
ผมหันไปมองหน้าคุณรองประธานเป็นเชิงถามว่าจะให้ผมทำยังไง อยากจะรู้ ดูเหมือนคืนวัดใจยังไม่จบ
“ปุ่นช่วยไปหยิบไวน์ให้พี่ที พี่แช่เตรียมไว้ในถังเอาแก้วมาด้วยนะ”
ผมเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์ หยิบของที่คุณรองประธานบอก เอากลับมาวางบนโต๊ะ
พอคนสั่งมองมาผมก็ค้อนขวับ ผมไม่ใช่คนใช้นะเฟ้ยไหนว่าผมเป็น.....เป็นนั่นไง พูดเองทำไมลืม
“เสร็จแล้วก็ออกไปได้เลย” คุณวิกาไล่ผมซ้ำสอง
“วิกานั่งสิ” คุณรองประธานชี้มือไปที่เก้าอี้ ห้องที่คุณวีร์พักเป็นห้องสวีทมีห้องรับแขกส่วนตัว
(เมื่อวานผมถึงไม่รู้ว่าคุณวีร์กลับมาแล้ว มารู้เอาตอนเปิดประตูห้องนอนเข้ามานั่นแหล่ะ)
“ปุ่นมานี่” คุณวีร์จับแขนผมลากลงนั่งข้างตัว จับจองโซฟาตัวยาวกันสองคน คุณวิกาเลยได้แต่ฟึดฟัดลงนั่งเก้าอี้เดี่ยวข้างๆ
คุณวีร์รินไวน์ใส่แก้ว ส่งให้คุณวิกาและผม
“วีร์คะ?” คุณวิกาเรียกเสียงเคือง มองจ้องผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“มีอะไรหรือวิกา” คนทำเรื่องหมุนแก้วไวน์ในมือไม่ทุกข์ร้อน เอนตัวพิงเบาะ พาดแขนบนพนักเก้าอี้เหมือนโอบผมไว้กลายๆ
“นี่มันหมายความว่ายังไงคะ” คุณวิกาไม่แม้แต่จะหยิบแก้วไวน์ขึ้นจิบ สงสัยจะหมดอารมณ์สุนทรีย์แล้ว
“วิกาอยากชวนผมดื่มไม่ใช่เหรอ ผมก็ดื่มด้วยอยู่นี่ไง” คำตอบประเภทไหนกัน ผมล่ะปวดหัวแทนคุณวิกา
ผมไม่พูดอะไรหรอกครับ นั่งรับชมไปเพลินๆ อยากจะรู้เหมือนกันว่าคุณรองประธานคิดอะไรอยู่
“แล้ทำไมไม่ไล่เลขาคุณกลับ จะให้นั่งขัดความสุขเราอยู่ทำไมคะ” อือหือ ออกตัวชัดเลยครับ แถมลุกจากเก้าอี้มานั่ง
เบียดอีกข้างของคุณวีร์ ผมมองเขม็งเลย
“ปุ่นจะไม่ไปไหนเพราะปุ่นนอนที่นี้ อีกอย่าง..” คุณวีร์พูดค้างไว้ หันมามองผมยิ้มๆ ก่อนจะหันกลับไปทางคุณวิกา
“ถ้าพูดถึงเรื่องมาขัดความสุข ผมว่าคงไม่ใช่ปุ่น” เฮือก ข้อความเข้ารหัสซับซ้อน แต่คุณวิกาฉลาดพอจะแปลได้แน่นอน
เพราะเล่นลืมตาโพลง อ้าปากค้าง
“วีร์..วีร์” คุรวิกาลุกพรวดขึ้นยืน นิ้วที่ชี้มาทางผมสั่นระริก
“ฮ่าๆๆ อย่าคิดมากวิกา ผมแซวเล่น”
“วิกาไม่ได้มาขัดความสุขหรอก เพื่อนมาชวนดื่มผมไม่มีปัญหา คืนนี้ยังอีกยาวมีเวลาถมเถไป”
คนพูดส่งสายตาวิบวับมาทางผมเหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ว่ามีเวลาอีกถมสำหรับทำอะไร
“วีร์..วีร์..บ้าไปแล้ว” คุณวิกาเหมือนจะช็อกจนสะกดคำพูดไม่ถูก
“ไอ้นี่มันผู้ชายนะวีร์” อ้าว คุณดาราครับอย่าหยาบคายกับพี่ปุ่นสิครับ มาขึ้นไอ้ขึ้นอีได้ยังไง
“วิกาพูดถึงปุ่นให้ดีหน่อย” คุณรองประธานลงเสียงหนัก หน้าจากมีรอยยิ้มหัวเรียบตึง
“คุณทำอย่างนี้ได้ยังไงคะวีร์ คุณเห็นวิกาเป็นอะไร” ประโยคนี้คุณวิกาต้องได้มาจากบทละครสักเรื่องที่เล่นแน่เลยครับ
ผมเดาเอา
“ทำไมผมจะทำไม่ได้วิกา ผมจะรักใครมันเป็นสิทธิ์ของผม คนอื่นไม่เกี่ยว”
เสียดายพี่ปุ่นเป็นผู้ชายถ้าไม่ใช่พี่ปุ่นจะกรี๊ดดด
“คนอื่นเหรอคะ วีร์เรียกวิกาว่าคนอื่น ทั้งๆที่วิกาให้วีร์ทั้งตัวทั้งหัวใจ” อันนี้ไม่ต้องเดาครับ น้ำเน่าขนาดนี้บทละครแน่ๆ
“แล้วเช็คที่ได้ไปแต่ละครั้ง วิกาเรียกว่าอะไร” เงียบกริบครับ ผมแอบช็อกเล็กๆ คดีพลิก เรื่องนี้มันคืออะไร
“วีร์” เสียงเรียกปนกรี๊ด ดังจนแสบแก้วหู
“ผมไม่ได้อยากพูดถึง ถ้าวิกาจะทำตัวอยู่ในกรอบที่เราตกลงกัน”
แบดบอยจริงๆ ด้วย ผมไม่ได้ดูคณวีร์ผิดไปสักนิดในครั้งแรก
“ผมบอกวิกาแล้วว่าเซ็กส์เท่านั้นไม่มีอย่างอื่น ถ้าผมเบื่อหรือเจอคนที่ชอบก็จบ”
“คุณจะบอกว่าคุณเบื่อวิกา” ถ้าเป็นผมผมจะไม่ถามครับ ถามทำไมให้เข้าตัว
“ผมมีคนที่ชอบแล้ว” มือที่พาดอยู่บนพนักเลื่อนลงมาลูบหัวผม สายตาเย็นชาเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นอบอุ่นอ่อนโยน
“วีร์ทำอย่างนี้กับวิกาไม่ได้ วิกาจะบอกให้นักข่าวรู้ว่าวีร์มันวิปริตผิดเพศเอาเลขาทำเมีย”
ผมตกใจ ใช้มือดึงเสื้อคุณวีร์ ปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด
“ตามใจวิกาสิ” คุณวีร์ยังคงสางมือเข้าไปเล่นในผมของผม ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย
“อย่าลืมเตรียมรับเอกสารยกเลิกสัญญากับฟ้องร้องจากทนายด้วยนะ เพราะวิกาผิดสัญญาข้อที่ห้าม
เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ทำให้บริษัทได้รับความเสื่อมเสีย”
“ผมไม่ใช่คนใจร้าย รับรองว่าจะให้ทนายเรียกเท่าที่วิกามี ไม่มากไปกว่านั้น”
ไม่ใช่แบดบอยแล้วครับ นี่มันปีศาจชัดๆ มิน่าถึงเป็นเพื่อนสนิทกับคุณลินได้ ผมเริ่มสงสารคุณซันอยู่กับปีศาจตั้งสองตัว
“วีร์”
“ถ้าไม่ดื่มต่อก็ออกไปได้แล้ว” คนแบบไหนที่พูดขนาดนี้แล้วยังชวนเขาดื่มต่อได้ พี่ปุ่นเริ่มเสียวสันหลังวาบๆ
คุณวิกาหยิบแก้วไวน์ที่ยังไม่ได้ดื่มสักนิด ขว้างเปรี้ยงลงพื้น ก่อนเดินเร็วๆ (ไม่วิ่งด้วยนะ เก่ง) ออกประตูไป
ตามด้วยเสียงปิดประตูดังปังระดับการสั่นสะเทือน 7 ริกเตอร์
“เสียดายไวน์ ไหนบอกอยากดื่ม” คุณรองประธานยังมีหน้าพูด มุขอะไรฟระ ใครมันจะนั่งดื่มอยู่ได้ โครตใจร้ายอะ
ผมมองแล้วได้แต่สั่นหัว ต้องถามตัวเองใหม่ว่าคิดผิดคิดถูกเนี่ยมาชอบคนร้ายกาจขนาดนี้ ดูนะครับ ยังนั่งจิบไวน์ชิวๆ
ต่อได้ลงคอ
ผมเดินไปหยิบถังขยะใบเล็กมาเก็บเศษซากปรักหักพังที่คุณวิกาทำเอาไว้ เอาผ้าซับไวน์ที่หกออก
“ปุ่น” ไม่ตอบหรอกหมั่นไส้คนหน้าตาย
“ปุ่นครับ” เสียงอ่อนเสียงหวานก็เป็นนะ แต่ยังไงก็ไม่ตอบครับ ไม่ได้งอนแค่นึกสนุกอยากแกล้ง
“เมีย” สะดุ้งเลยสิครับ บอกว่าอย่าเรียกคำนี้ พี่ปุ่นทำใจไม่ได้
“เมียครับ” พอแล้วเว้ย พี่ปุ่นจะไม่ทนอีกต่อไป
“ครับ”
ตอบรับไปซะจะได้จบๆ แหะๆ ก็น่ากลัวขนาดนี้ใครจะกล้ามีเรื่องด้วยล่ะครับ
....................................................................TBC.......................................................................
แอบกระซิบว่าที่พี่ปั้นยอมง่าย เพราะพี่ปั้นรักน้องมากค่ะ เห็นสายตาน้อง เห็นน้ำตาก็ใจร้ายกับน้องไม่ลง
แล้วคุณวีร์ก็หาญกล้าพอที่จะสู้สุดตัวไม่ให้พี่ปั้นเอาปุ่นไปได้ พี่ปั้นเลยถอยไปดูอยู่ห่างๆ แทน
Darin ♥ FANPAGE