Sins : Greed -- [SP.1 : Wedding Night] pg.146 -- 13/4/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sins : Greed -- [SP.1 : Wedding Night] pg.146 -- 13/4/61  (อ่าน 1335417 ครั้ง)

ออฟไลน์ BeauBeeiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1770 เมื่อ30-09-2016 07:37:43 »

อ่านแล้วแบบ เอาล่ะ เป็นไงเป็นกัน ถ้าจะเจ็บต้องเจ็บให้สุด

พี่กุนต์สู้ๆ ไม่ไหว หันมาทางเรา เราจะรับพี่กุนต์ไว้เอง

ส่วนโอ๊ต แล้วแต่โอ๊ตเลยลูก

ปล.แต่ก็อยากให้เขาทั้งคู่รักกันอ่าาาาา

เจอกันอีกครึ่ง เร็วๆนี้ค่ะ

ออฟไลน์ ╰Äρρłәßәѓѓÿ╮

  • There can be miracles When you believe
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
    • Twitter
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1771 เมื่อ30-09-2016 07:55:16 »

นี้สินะfeel good ที่เรารอค่อยกันมานาน 55555555  :katai4:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1772 เมื่อ30-09-2016 08:21:30 »

ถามใจคนอ่านดูว่าต้องเข้มแข็งขนาดไหน  :hao5:
พี่กุนต์คนดีคงไม่ต้องถึงขนาดเจ็บเพื่อจบ นะ

ออฟไลน์ DATAs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1773 เมื่อ30-09-2016 10:18:49 »

เมื่อไหร่โอ๊ตจะรักพี่กุนต์กันนะ สงสารพี่กุนต์จัง  :m15: :m15:

ออฟไลน์ penneeamoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1774 เมื่อ30-09-2016 10:32:07 »

กอดดดดดดด พี่กุนต์

ออฟไลน์ JRabbit94

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1775 เมื่อ30-09-2016 10:48:52 »

อยากโอ๋พี่กุนต์จังเลยอะ ทำไมต้องดีมากมายขนาดนี้ ;-;
โอ๊ตเหมือนแค่ชอบปาลินนะ ไม่น่าใช่รัก
ชอบที่เจอคนเหมือนๆ กันอะ ฟีลนั้นเลย
รอให้ถึงวันที่โอ๊ตรู้ใจตัวเองซักที..

ออฟไลน์ scottoppa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1776 เมื่อ30-09-2016 11:14:42 »

พี่กุนต์คนดี ดีมากๆ ที่สุด ผัวแห่งชาติชัดๆ
ไม่อยากให้พี่กุนต์เจ็บปวด แต่เชื่อว่าสักวันอีตาเด็กโอ๊ตต้องคืนความสุขให้พี่กุนต์เป็นการชดใช้
555555555555555 โอ๊ตตอบคำถามพี่กุนต์ได้แทงใจคนฟังสุดๆ
อยากโอ๋พี่กุนต์ ตาแก่เข้มแข็งเหลือเกิน ฮือๆๆ
สงสัยต้องพาโอ๊ตมาทะเลบ่อยๆ ให้คลื่นซัด ให้หินกร่อนไวไว

ออฟไลน์ Minzero

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1777 เมื่อ30-09-2016 12:54:49 »

งื้อออละมุน :hao7:

ออฟไลน์ waza

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1778 เมื่อ30-09-2016 13:38:13 »

อือหือ พ่อพระ พี่กุนต์เป็นมาโซหรือเปล่าเนี้ย ชอบเจ็บปวดเหลือเกิน

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1779 เมื่อ30-09-2016 18:44:23 »

เริ่มไม่อยากให้พี่กุนต์คบโอ๊ตละ โอ๊ย ขอซักคนเหมาะสมและแสนดีให้พี่กุนต์ทีค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
« ตอบ #1779 เมื่อ: 30-09-2016 18:44:23 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ain

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1780 เมื่อ30-09-2016 19:29:41 »

ตอนนี้พี่กุนต์ยังเจ็บแค่มดกัด
แต่ถ้าปาลินโผล่มาเมื่อไหร่
มดจะยิ่งตัวใหญ่ขึ้นค่ะ
 :o12:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1781 เมื่อ30-09-2016 21:56:52 »

โอ้ยยยยยยย ค้างงงงงงงงงงง

ออฟไลน์ Vanillaเปรี้ยว

  • รักเด็กอายุยืนยาว กินเด็กชีวิตเป็นอมตะ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 258
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1782 เมื่อ01-10-2016 00:27:47 »

อิโอ๊ตตตตตต แกรู้ทั้งรู้ยังทำร้ายจิตใจพี่กุนต์อีกหรือออออออ พี่กุนต์ๆเอาเห็บหมัดที่หาได้จากหมาหลังอานตัวนั้นใส่หัวอิโอ๊ตเลย

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1783 เมื่อ01-10-2016 01:35:25 »

จะมายังอ่าาาา งื้ออ
คิดถึงพี่กุนต์

ออฟไลน์ MooMiew

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1784 เมื่อ01-10-2016 01:37:58 »

พี่กุนต์คนแมนอีกแล้ววววว โอยยยยยย

ออฟไลน์ Pimjean

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1785 เมื่อ01-10-2016 11:05:02 »

ไม่เอาโอ๊ตแล้วได้มั้ย ..

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1786 เมื่อ01-10-2016 14:45:35 »

จะดราม่าก็เพราะโอ๊ตมันไม่รู้ใจตัวเองนี่แหล่ะ!!!55

ออฟไลน์ uchikas

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1787 เมื่อ01-10-2016 19:22:17 »

ทำร้ายจิตใจคนแก่เกินไปแล้วนังโอ๊ต
 :katai1:

ออฟไลน์ ปุยหมาม่วง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 295
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-7
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1788 เมื่อ02-10-2016 01:23:25 »

โอ๊ตไม่ต้องโกหกหรอก แค่คิดก่อนพูดให้มากขึ้นหน่อยก็พอ บางเรื่องไม่จำเป็นต้องขยี้ให้อีกคนเจ็บมากก็ได้

อย่างเรื่อง5,000 -500 เราน้อยใจแทนพี่กุนต์จริงๆนะ
โอ๊ตไม่ทันคิด แต่ไม่ควรพลาดเลย ว่าคนฟังจะรู้สึกยังไง

สงสารพี่กุนต์

คนเป็นฝ่ายรักก่อนนี่เสียเปรียบจังเลยเนอะ
ตอนนี้เจ็บหนักไปสิ  พออีกหน่อยอิโอ๊ตรักพี่กุนต์มันก็ได้รักจากพี่กุนต์ตอบอยู่ดี คนรักทีหลังนี่มีแต่ได้กับได้

ดังนั้นก่อนที่โอ๊ตจะเป็นฝ่ายสมหวัง

ขอให้ได้เอาคืนให้เจ็บหนักๆบ้างก่อนได้มั้ย

 :katai1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2016 01:29:03 โดย ปุยหมาม่วง »

ออฟไลน์ boy_nonny

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1789 เมื่อ02-10-2016 21:12:35 »

เมื่อไหร่พี่กุนต์จะสมหวัง สงสารพี่กุนต์   :m15: :m15:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
« ตอบ #1789 เมื่อ: 02-10-2016 21:12:35 »





ออฟไลน์ kanunsak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1790 เมื่อ02-10-2016 22:56:36 »

อ่านแล้วสงสารพี่กุนต์จับใจ รู้ว่าเรื่องของหัวใจ จะไปบังคับกะเกณฑ์อะไรใครได้ยาก แต่ก็อยาก... อยากเหลือเกิน...  เมื่อไหร่น้อ..... สงสารคนแก่เห้อ....

ออฟไลน์ drasil

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +95/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.27] pg.56 -- 24/9/59
«ตอบ #1791 เมื่อ02-10-2016 23:10:46 »

ตอนนี้เศร้าจังเลยค่ะคุณข้าวปั้นน

ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page
Re: Sins : Greed -- [Ch.28] pg.60 -- 3/10/59
«ตอบ #1792 เมื่อ03-10-2016 00:15:33 »





Chapter 28




แดดช่วงบ่ายคล้อยลง แสงสีส้มเรื่อตัดกับสีม่วงอมแดงบนท้องฟ้าสะท้อนลงคลื่นน้ำที่ไหวกระเพื่อม ลมพัดโกรกตลอดแนวชายฝั่ง ได้กลิ่นไอเกลือและกลิ่นอากาศบริสุทธิ์จากท้องทะเล
   
กนธีนั่งขัดสมาธิอยู่บนสันเขื่อน ตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกมในไอแพดกระทั่งผ่านไปได้ชั่วโมงกว่า
   
“พอได้แล้วครับ สายตาเสียหมด” อินทัชที่นั่งเงียบๆ มีหน้าที่คอยส่งหัวใจให้พูดท้วง “ถ้าจ้องหน้าจอนานๆติดต่อกันทุกวัน ผักบุ้งเป็นกระสอบก็คงจะเอาไม่อยู่”
   
เขากลั้นขำพลางบิดขี้เกียจ ปิดล็อกหน้าจอแล้วฝากเด็กเอาไอแพดไปเก็บไว้ในห้อง ตอนที่อินทัชเดินกลับมา เขาเห็นพี่กุนต์นั่งคลึงขาตัวเองอยู่ ได้ยินเสียงบ่นพึมพำว่าเหน็บกิน
   
“ผมนวดให้”
   
กนธีดึงขากลับ โบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องๆ พี่ทำเองได้” เขาไม่ชอบการชี้เท้าหรือขาไปที่ใคร คงเพราะเป็นคนโบราณล่ะมั้ง เลยมองว่าเท้าคือของต่ำ ต่อให้อีกฝ่ายเป็นลูกน้อง เป็นเด็กเล็ก หรือแม่บ้าน เขาก็ไม่เคยให้มาคุกเข่าบีบนวด
   
..เพราะฉะนั้นเลยอดจะอึ้งไม่ได้ ที่เจ้าโอ๊ตมันทั้งจูบเท้าและยกขาเขาขึ้นพาดบ่า..
   
คิดมาถึงตรงนี้ กนธีก็หน้าร้อนผ่าว เขาทรงตัวขึ้นยืนแล้วเดินง่อกแง่กลงไปที่หาดข้างล่าง อย่างน้อยก็ขอทำหน้าตาให้เป็นปกติสักหน่อย ประเดี๋ยวจะมองเด็กมันตาเยิ้มไปมากกว่าที่เป็น
   
บริเวณชายฝั่งด้านหนึ่งของรีสอร์ท ทางเจ้าของก่อแนวหินเอาไว้เป็นรูปสี่เหลี่ยม พอน้ำทะเลซัดเข้ามาก็จะขังอยู่ภายใน เป็นเหมือนสระว่ายน้ำตามธรรมชาติ เขาเล็งเอาไว้ว่าอยากจะไปนั่งแช่ตั้งแต่ขามาแล้ว
   
“พี่กุนต์จะไปไหน” อินทัชเดินตาม
   
“ไปนั่งเล่นตรงนู้น” กนธีบอก “อยากลงแช่น้ำ”
   
“เอามือถือออกมาจากกางเกงก่อนพี่ ไม่ต้องไปอาบน้ำให้มัน”
   
เขาหัวเราะร่วน เพิ่งนึกได้ว่ามีโทรศัพท์ในกระเป๋าเลยส่งให้อีกฝ่าย “ทำไมพักนี้ขี้ลืม”
   
“ผมบอกแล้วว่าพี่ต้องกินกิงโกะ” อินทัชย้อนกลับไปที่ห้องอีกครั้งพร้อมกับหยิบมือถือตัวเองไปวางไว้ตรงหมอนด้วย ถ้าพี่กุนต์ลงน้ำ เขาก็จะได้ลงเหมือนกัน
   
กนธีค่อยๆไต่ไปตามแนวหินที่ก่อเป็นทางเดินแคบ พอหย่อนตัวลงไปนั่ง หมาไทยหลังอานจากไหนไม่รู้ก็วิ่งฉิวเข้ามาแล้วกระโดดลงสระตาม มันทิ้งตัวเสียงดังตูม น้ำกระเด็นใส่หน้าเขาที่นั่งเล่นอยู่
   
ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจ มองมันเดินวนเวียนในสระแล้วก็แช่ลงไปครึ่งหนึ่ง ท่าทางจะชอบทะเลเอามาก
   
“มาจากไหนล่ะเรา” เขาชวนคุย “เป็นหมาเลหรือไง เจ้าของอยู่ไหน”
   
อินทัชกลับมาเจอพี่กุนต์กำลังชวนหมาคุย เขาเลยอดยิ้มขันไม่ได้ ฝ่ายนั้นค่อยๆขยับเข้าหา จากนั้นก็ลงไปนั่งข้างกันได้สำเร็จ หนึ่งคนหนึ่งหมานั่งแช่น้ำท่าเดียวกัน น่าเอ็นดูไม่หยอก
   
“ขอมือหน่อย” กนธียื่นมือรอรับ ไอ้ปากมอมก้มลงดมแล้วหันกลับไปมองทะเลเหมือนเดิม “หยิ่งนะเรา”
   
“ถ้ามันบอกว่าไม่ได้หยิ่ง พี่จะวิ่งหนีไม่ทัน” อินทัชลุยน้ำตามลงมา เขาพูดยิ้มๆ “พี่กุนต์นี่ครบสูตรเลยนะ ใจดี สปอร์ต เอ็นดูเด็กและคนชรา แถมยังรักหมารักแมวอีก”
   
“ไม่ได้รักอะไรขนาดนั้น เลือกเอ็นดูเป็นบางตัวต่างหาก เอาเฉพาะตัวที่น่าสงสาร” คนอายุมากกว่าหัวเราะ “พอดีไอ้ตัวนี้มันเหมือนคุณกระถินที่พี่เคยเลี้ยงตอนเด็กๆน่ะ”
   
“คุณกระถินนี่พันธุ์อะไรครับ” เขาลองเดา “ไซบีเรียน? โกลเด้น? ลาบราดอร์?”
   
“หมาวัด” กนธียิ้ม “ไปทำบุญกับที่บ้านแล้วหลวงตาบอกว่ามีคนเอามันมาทิ้ง พี่เลยขอพ่อเลี้ยง ตอนนั้นเริ่มจะเป็นขี้เรื้อนแล้วแหละ ต้องเอาไปรักษานานเลย” เขาขยี้หัวไอ้ตูบที่นั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ด้านข้าง
   
อินทัชเลิกคิ้ว “ไม่น่าเชื่อนะว่าคนอย่างพี่จะเลี้ยงหมาวัดขี้เรื้อน”

“อ้าว..ทำไมล่ะ”

“ปกติถ้ามีเงิน ก็น่าจะซื้อหมาสวยๆมาเลี้ยงมากกว่าไม่ใช่หรือ”

“หมาวัดก็อยากมีบ้าน มีเจ้าของ มีคนเลี้ยงให้ดีเหมือนกันนั่นแหละ แล้วหมาไทยก็กตัญญูมากนะ เชื่องมากด้วย” เขาโอบมือรอบหลังเพื่อนใหม่ หันไปพยักพเยิด “จริงไหมหมาเล”

อินทัชลอบมองสีหน้ายิ้มแย้มของพี่กุนต์ เขาเผลอยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว

“ตอนนี้มันไปไหนแล้วล่ะครับ” เขาชวนคุย มองพี่กุนต์ก้มหน้าหาเห็บให้หมา

“ก็เลี้ยงจนมันแก่ตายไปเองน่ะ หลังจากนั้นก็ไม่ได้เลี้ยงอีกแล้ว เวลาใครตาย..พี่ทำใจไม่ได้หรอก” กนธีถอนหายใจ “บางทีพี่ก็คิดว่าหากผูกพันกับใครให้น้อย เวลาสูญเสียก็คงไม่เจ็บปวดมาก”

“แต่ในความเป็นจริง เราห้ามความผูกพันที่เกิดขึ้นไม่ได้หรอกครับ” อินทัชพึมพำ “จะรักจะชอบใครสักคน พี่ปรามตัวเองได้หรือไง”

คนฟังหันหน้ามามอง ชะงักไปนิดหนึ่ง

..มันก็จริง..ห้ามไม่ได้ ปรามไม่อยู่ ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย..

จะว่าไป ความรักมันทำให้เกิดความทุกข์แน่นอนอยู่แล้ว เพราะรักแล้วมักจะยึดติดและคาดหวัง ถ้าไม่รัก ไม่หวัง ไม่ยึด มันก็ไม่ทุกข์ เรียกว่าตัดไฟตั้งแต่ต้นลม แต่ในอีกมุมมองหนึ่ง เขาคิดว่าการที่เรารู้จักรักให้เป็น เรียนรู้ที่จะรับมือกับความทุกข์อย่างมีสติ แบบนี้ก็นับว่าเป็นการจัดการความรู้สึกแบบมีวุฒิภาวะเหมือนกัน

ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติของโลกเถอะ..ฝนจะตก แดดจะออก จะตกหลุมรักรอบที่สิบ จะอกหักรอบที่ร้อย ใครจะอยู่ ใครจะไป ใครจะรักหรือไม่รัก มันก็คือเรื่องสามัญธรรมดา เจ็บนิดเจ็บหน่อยก็ปล่อยมัน ไม่มีใครตายเพราะหัวใจไม่ตรงกันหรอก ก็แค่อีกหนึ่งวันที่ต้องผ่านเลยไปในที่สุด

กนธีได้แต่ยิ้มบาง “Whatever will be, will be”

หมาทะเลของกนธีลุกจากน้ำแล้วสะบัดขนยกใหญ่ เขามองตามพลางยิ้มส่ง มันขึ้นจากสระก่อนจะวิ่งหายลับไปทางด้านหนึ่งของรีสอร์ท
   
ลมแรงพัดโกรก อากาศเย็นขึ้นเล็กน้อยแต่น้ำที่ขังอยู่ด้านในยังอุ่นอยู่ กนธีรู้สึกสบายเลยนั่งแช่ต่อ เขาทอดสายตามองเส้นขอบฟ้า เก็บภาพพระอาทิตย์ตกดินที่ค่อยๆลับหายลงไปกลางทะเล
   
“พี่ชอบดูตะวันตกดิน” เขาเปรย “รู้สึกเหงาหน่อยๆ แต่มันก็โรแมนติกดี เหมาะกับการมาเดทมาก”

อินทัชมองตามสายตาอีกฝ่าย “บรรยากาศยอดนิยมสำหรับคู่รัก”

“นั่นสินะ..” กนธีหัวเราะ “แล้วเราล่ะ..ถ้าพาแฟนไปเดท จะพาไปที่ไหน สำหรับพี่ก็ต้องทะเลนี่แหละ”

“จริงๆแล้วที่ไหนก็โรแมนติกได้ ถ้าพี่อยู่กับคนที่พี่รัก จะอยู่บนเขา อยู่ในน้ำ กลางทุ่งนา หรือว่าห้องเช่าแคบๆก็ตาม” เขาบอก “ขอแค่เป็นคนๆนั้น สถานที่ไหนก็ไม่สำคัญหรอกครับ”
   
“เรานี่ทำให้พี่แปลกใจอยู่เรื่อย”
   
“ยังไงครับ”
   
“ตอนแรกที่เจอ พี่ก็ว่าโอ๊ตดูเป็นคนเจ้าชู้ พวกเข้าหาคนอื่นก่อน ไปๆมาๆ..ไม่ใช่นี่หว่า โอ๊ตแค่ทำตามหน้าที่” กนธีพูด “หลังจากนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นคนอ่อนโยน ช่างเอาใจ ชอบดูแล แต่พอนานเข้า..ก็รู้สึกว่าไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียว จะเรียกว่าเลือกปฏิบัติหรือเป็นการทำตามภาระงานดี”
   
“ผมเลือกคนครับ” อินทัชยิ้ม “ไม่ได้เป็นพวกเอาใจใครขนาดนั้น ติดจะไม่ใส่ใจด้วยซ้ำ ถ้าจะดูแลใครก็ขอเฉพาะคนสำคัญเท่านั้นพอ”
   
“อย่างพี่นี่อยู่ในหมวดคนสำคัญ หรือหมวดทำตามหน้าที่ล่ะ” เขาไม่เคยเข็ดจริงๆ เพราะเป็นคนอยากรู้อะไรก็ถามกันแบบตรงไปตรงมา ไม่ต้องมานั่งคาดเดา
   
“ยอมรับว่าส่วนหนึ่งทำตามหน้าที่ ถ้าพี่ไม่ออเดอร์มา บางอย่างผมก็คิดเองไม่ได้หรอก” เขาตอบแบบไม่อ้อมค้อม “แต่ที่ต่างจากคนอื่น พี่กุนต์เป็นคนสำคัญในชีวิตผมนะ ทุกอย่างที่ทำ ถึงจะเป็นเรื่องที่พี่บอก แต่ผมก็ไม่เคยฝืนใจเลย”
   
กนธีหัวเราะอารมณ์ดี เขาเงียบไปสักพักก่อนจะพึมพำ

“เล่าเรื่อง ‘คนๆนั้น’ ของโอ๊ตให้ฟังหน่อยสิ”
   
อินทัชเลิกคิ้ว นิ่งอยู่อึดใจหนึ่ง “ทำไมจู่ๆถึงถามล่ะครับ”
   
“พี่อยากรู้จักคนสำคัญของเรา..คนที่ทำให้โอ๊ตพร้อมจะดูแลเขาจากใจจริง..ไม่ใช่ดูแลเพราะหน้าที่น่ะ”
   
“ที่ถามนี่ ไม่ใช่เพราะว่ากำลังน้อยใจใช่ไหมครับ” เขายกมือขึ้นเกลี่ยปอยผมตรงข้างแก้มอีกฝ่าย 
   
กนธีไม่ตอบ ได้แต่นั่งยิ้ม มองเด็กหนุ่มที่ประสานสายตากลับมา
   
“ผมรู้จักเขาครั้งแรกตอนที่เขามาทำงานที่ Vin Santo” อินทัชเล่า ทั้งสายตาและน้ำเสียงอ่อนโยนจนใครอีกคนรู้สึกได้ “เราเหมือนกันและเข้ากันได้ดีในหลายๆเรื่อง ชีวิตครอบครัว ภาระหน้าที่ ความเป็นอยู่ กระทั่งมุมมอง หรือทัศนคติกับเรื่องบางอย่าง เขาเป็นกำลังใจให้ผม เป็นคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วไม่ต้องฝืนตัวเอง”
   
กนธีก้มดูฟองคลื่น เขาใช้อุ้งมือช้อนมันขึ้นมา เพียงเพื่อจะเห็นฟองอากาศนั้นเกาะตัวอยู่เพียงเสี้ยวอึดใจแล้วแตกสลายไปต่อหน้า
   
“เขาไม่มีพ่อแม่ มีแต่พี่ชาย ผมเองก็ไม่มีพ่อไม่มีแม่ มีแต่ยายกับน้องสองคน เขาเป็นน้องคนเล็กที่เอาการเอางาน รักพี่ แคร์พี่มาก เหมือนผมที่เป็นพี่คนโตทั้งรักทั้งห่วงไอ้อ้นกับไอ้อุ้ม ผมกับเขาสื่อถึงกันได้ เข้าใจดีว่าครอบครัวที่เหลืออยู่มันสำคัญแค่ไหน เหมือนเรามีเป้าหมายเดียวกันว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้เราทำเพื่อใคร”

อินทัชยิ้ม เหม่อมองไปที่เงาเลือนรางของชายฝั่งทะเล

“มองไปรอบตัว เพื่อนๆแต่ละคนแตกต่างจากผม ความคิด พฤติกรรมสวนทางกัน แต่มองไปที่เขา ผมเห็นเงาของผม..และผมก็คิดว่า คนๆนี้แหละ ที่เข้าใจผมมากที่สุด”
   
“นิสัยเขาเป็นยังไง” กนธีคิดว่าตอนนี้ก็เจ็บแปลบมากพอแล้ว เจ็บให้ลึกกว่านี้อีกหน่อยจะเป็นไร
   
“นิสัยดีแบบคนทั่วไป ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นนัก” อินทัชตอบ “แต่ที่ผมประทับใจเขาที่สุด..คือการที่เขาพร้อมจะให้และช่วยผมได้ทุกอย่าง แม้ในวันที่เขาไม่มี”
   
“คนให้จะมีหรือไม่มี แต่ถ้าเต็มใจให้เรา มันก็คือการที่เขาทำเพื่อเราอยู่ดีไม่ใช่หรือ” เหมือนกับคนร้อนตัว เลยต้องพูดแก้ ถึงเขาจะมีพร้อมหลายอย่าง แต่เขาก็ให้ทุกคนเพราะอยากช่วยเหลือจากใจจริง
   
“มันก็ใช่ แต่สำหรับผมความรู้สึกมันต่างกัน” อินทัชพูด “ถ้าคนๆหนึ่งให้เงินเราห้าพัน ในขณะที่อีกคนให้ห้าร้อย พี่คิดว่าใครทุ่มเทให้เรามากกว่า”
   
“คนแรก..”

“แต่ในความเป็นจริง คนที่ให้ห้าพัน อาจจะมีเงินอยู่ห้าล้าน ในขณะที่คนให้เราห้าร้อย เงินจำนวนนั้นมันคือทั้งเนื้อทั้งตัวของเขา เขายินดียกให้เราทั้งหมดต่อให้เขาจะไม่เหลืออะไรเลยก็ตาม เป็นแบบนี้..พี่จะรู้สึกกับใครมากกว่ากัน”
   
“เข้าใจแล้ว..” กนธีลอบถอนหายใจ “เป็นพี่ก็จะเลือกคนที่ให้เราจนไม่คิดถึงตัวเอง”

..น่าเสียดาย..ที่เขาเป็นฝ่ายที่ให้ไปห้าพัน..
   
สำหรับอินทัช เขายังให้ได้แค่นั้น แต่สำหรับศรัณย์..เขาจะเป็นฝ่ายที่ให้จนหมดตัว
   
“อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าผมเป็นพวกเรียกร้องเอาแต่ได้ จนอีกฝ่ายไม่เหลืออะไรให้ตัวเองเลย” เด็กหนุ่มอธิบาย “ผมแค่รู้สึกอบอุ่นกับสิ่งที่เขาอยากจะให้เท่านั้นเอง ขอแค่เอ่ยปาก ผมก็รู้ซึ้งถึงใจของคนพูดแล้ว”
   
“อืม..” นั่นคือคำตอบ ว่าคนที่ได้ ‘หัวใจ’ ของเด็กคนนี้ไป เป็นคนอย่างไร
   
..ไม่ใช่คนอย่างเขาแน่นอน..
   
อินทัชยกมือขึ้นแตะเสี้ยวหน้าได้รูปของคนข้างกาย “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ”
   
กนธีเลิกคิ้ว เขาไม่รู้หรอกว่าทำหน้าตาอย่างไร รู้แค่ว่ามันซึมลงนิดหน่อยก็เท่านั้น

เด็กหนุ่มเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “ไม่ใช่เข้าใจว่าผมเอาพี่ไปเปรียบกับคนที่ผมชอบนะ”
   
เขาเงยหน้ามอง “อ้าว..ไม่ใช่หรอกหรือ พี่ให้ห้าพัน ส่วนเขาคนนั้นของโอ๊ตให้ห้าร้อยไง”
   
“โธ่เอ๊ย..ใช่ที่ไหนกันล่ะครับ..” ร่างสูงส่ายหัว เขาตบหน้าผากตัวเองเพราะไม่ทันได้ฉุกใจ รู้แบบนี้ไม่พูดน่าจะดีกว่า “ผมแค่ยกตัวอย่างเล่นๆ แค่จะเทียบให้พี่เข้าใจว่าสำหรับผมมันแตกต่างกัน ถ้าทำให้พี่คิดมากก็ต้องขอโทษด้วย”
   
“อ้อ..” ฟังแบบนี้แล้ว กนธีก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา แต่อย่างว่าแหละ..จะไปหม่นเศร้าอะไรมากนัก ในเมื่อเขาเอง ยังไม่ได้ให้ความรู้สึกกับอินทัชไปสักครึ่งหนึ่งของที่ให้ศรัณย์เลย
   
เราชอบเขาเท่าไร เขาก็ให้ตอบมาเท่านั้น ถึงแม้ว่าเขาจะให้เราน้อยกว่า แต่ก็ไม่ใช่เรื่องของการได้เปรียบเสียเปรียบอะไร เพราะเรื่องของใจ มันไม่ใช่ตราชั่ง ไม่ต้องรู้สึกให้เท่ากันนักก็ได้
   
ถ้ายินยอมจะชอบเด็กคนนี้ต่อไปโดยที่ไม่ได้ ‘ใจ’ ตอบกลับมาเลย ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ
   
..ฝืนมากนักก็เหนื่อย..
   
กนธีผ่อนลมหายใจออก ยกมือที่แช่น้ำอยู่นานขึ้นมาดู “เปื่อยซะแล้วแหละ”
   
“ขึ้นกันเถอะครับ ปากผมเริ่มจะสั่นแล้วเนี่ย” อินทัชเป็นฝ่ายลุกก่อน เขายื่นมือให้พี่กุนต์จับ
   
คนอายุมากกว่ามองฝ่ามือที่ส่งให้แล้วได้แต่ยิ้มเล็กน้อย จงใจปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือนั่น ถ้าหากว่าปล่อยให้ตัวเองต้องพึ่งพาอินทัชอยู่ตลอดเวลากระทั่งเรื่องไม่เป็นเรื่อง อีกหน่อย..เขาคงจะรู้สึกขาดหมอนี่ไม่ได้จริงๆ
   
กนธียันตัวลุกขึ้นเองแล้วเดินลุยน้ำไปตรงขอบสระ น้ำเริ่มหนุนขึ้นสูงจนมองแทบไม่เห็นทางเดิน
   
“ระวังลื่นนะครับ” อินทัชเตือน เขาตามมาติดๆ
   
ไม่ทันขาดคำ เท้าเปล่าเปลือยที่เหยียบลงบนแนวหินก็ก้าวพลาด กนธีเสียหลักลื่นพรืด
   
อินทัชรีบคว้าตัวอีกฝ่ายไว้ เขาดึงแขนพี่กุนต์เต็มแรง แต่ตนเองกลับทรงตัวไม่มั่นคงพอ
   
ร่างทั้งสองล้มฟาดลงใกล้กับขอบสระ หากในเสี้ยววินาทีที่ตัวของเด็กหนุ่มจะกระแทกแง่งหิน กนธีก็ดึงเจ้าโอ๊ตเข้ามากอดไว้แน่นแล้วเป็นฝ่ายหันลำตัวด้านข้างของตนลงพื้นแทน

อินทัชเจ็บแสบที่ข้อศอก มันครูดกับเศษหินข้างใต้แต่ก็ไม่มากนัก เป็นเพียงจุดเดียวที่มีรอยแดง

เด็กหนุ่มรีบลุกเมื่อเห็นว่าเขาทับพี่กุนต์ทั้งร่าง “เจ็บหรือเปล่าครับ!”
   
“อา..เปียกหมดเลย” กนธีหัวเราะร่วน เขาชุ่มโชกเหมือนลูกหมาตกน้ำ
   
อินทัชสำรวจอีกฝ่าย เขานิ่วหน้าเมื่อเห็นแขนข้างหนึ่งของพี่กุนต์เป็นรอยบาดลึก เลือดไหลเป็นแนว เขาถอดเสื้อที่สวมออกมา จัดการกดห้ามเลือดเอาไว้ก่อน
   
“อะไร ทำไมต้องทำหน้าเครียด ของแค่นี้เลียเดี๋ยวก็หาย”
   
“ไม่ขำ” ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่น เขาก้มลงสอดแขนเข้าใต้ข้อพับขา ช้อนร่างที่เบากว่าขึ้นอุ้ม
   
“เฮ้ยๆ พี่เดินได้ ใช้ขาเดิน ไม่ใช่แขน” กนธีทุบหลังเด็กแรงๆ มันทำเกินกว่าเหตุอีกแล้ว “ปล่อย”
   
เขายอมวางคุณลุงหัวดื้อลงก่อน เพราะขืนอุ้มไปหนีไป คราวนี้จะได้ล้มหัวฟาดกันจริงๆ แต่พอพี่กุนต์เดินขึ้นฝั่งได้ เขาก็ตรงเข้าไปหา ไม่พูดพร่ำทำเพลง ตวัดตัวอีกคนขึ้นบ่าทันที
   
“ไอ้โอ๊ต~”
   
“ถ้าไม่หยุดรั้น ผมจะโยนลงน้ำรอบสอง”
   
กนธีหน้าร้อนผ่าว ตัวเขาก็ไม่ใช่ว่าเล็ก น้ำหนักไม่ได้น้อยเลยด้วย แต่เด็กมันจับอุ้มจับโยนเหมือนเบาเท่านุ่น
   
พอถึงห้อง อินทัชก็ผลักประตูเข้าไปแล้ววางตัวฝ่ายตรงข้ามลงกับเก้าอี้คอม
   
“รอก่อนนะพี่ เดี๋ยวผมไปขออุปกรณ์ทำแผลมาให้”
   
“ต้องเย็บไหม” กนธีเอาเสื้อของเด็กออก ก้มลงดูแขน
   
อินทัชนั่งยองๆ “ไม่ลึกขนาดนั้นครับ เลือดยังซึมอยู่นิดหน่อย พี่กดเอาไว้ก่อนแล้วค่อยไปล้างน้ำสะอาด เดี๋ยวผมกลับมา”
   
คนอายุมากกว่าพยักหน้ารับ นั่งห้ามเลือดอีกอึดใจก็เดินโผเผเข้าห้องน้ำ รอยบาดจากคมหินไม่ได้ยาวเท่าไร แค่เกือบครึ่งไม้บรรทัด ไอ้โอ๊ตดันทำซีเรียสหมือนเขาคอหักตายไปแล้วเรียบร้อย
   
กนธีล้างน้ำสะอาด สุดท้ายก็ตัดสินใจอาบน้ำให้เสร็จมันเสียเลย เปียกน้ำทะเลแบบนี้ ทั้งหัวทั้งตัวเขาเหนียวไปหมด ไหนจะทรายแล้วก็เศษกรวดที่ติดไปทั่วนี่อีก 
   
“แสบเหมือนกันวุ้ย” เขาพยายามล้างทรายที่ติดออก
   
มีเสียงเคาะประตูห้องน้ำ เขาก้มๆเงยๆล้างตัวเลยได้แค่ขานรับ แต่จำได้ว่าไม่ได้ออกปากอนุญาต ไอ้เด็กเปรตมันกลับผลักเข้ามาเสียอย่างนั้น จะโทษใครล่ะ ในเมื่อเขาไม่ได้ลงกลอนเอง
   
อินทัชชะงักไปครู่ เขาหยุดมองร่างเปลือยของอีกฝ่าย “ผมให้ล้างแผลไม่ใช่หรือ..แก้ผ้าทำไม”
   
“ออกไปๆ” กนธีไล่ คว้าผ้าขนหนูมาพันท่อนล่างแทบไม่ทัน ถึงจะมีอะไรกันมาสองหนแล้ว แต่เขายังไม่คุ้นชินกับการปล่อยตัวล่อนจ้อนให้คนอื่นมอง “เสร็จแล้วเดี๋ยวบอก”
   
“ให้อาบให้ไหม”
   
“แค่เจ็บแขน ไม่ได้แขนขาด”
   
อินทัชหัวเราะเบาๆ เขาเครียดจะตาย พี่กุนต์มาทำเป็นขำ เด็กหนุ่มออกไปรอด้านนอก เขาเองก็เปียกจนเริ่มสั่นเหมือนกัน แต่เพราะว่าอยากทำแผลให้เจ้าตัวก่อน เลยยังไม่ขยับไปไหน
   
กนธีเดินตัวเปียกออกมา บนบ่ามีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดเอาไว้ ผมชุ่มโชกจนน้ำหยดพราวตลอดทาง
   
“ระวังลื่นนะครับ” เขาบอก เป็นห่วงคนเลินเล่อที่สุด “เช็ดตัวให้แห้งแล้วมานั่งตรงนี้พี่ ผมทำแผลให้” คุกเข่าอยู่ข้างเตียงพลางตบฟูกนอน
   
กนธีทำตามอย่างเชื่อฟัง เขาหยิบกางเกงขายาวมาสวมแล้วนั่งลง เอียงแขนให้เด็กมันใช้ผ้าก็อซซับส่วนที่ยังเปียกชื้นให้แห้ง ดวงตาสีอ่อนจ้องมองอีกฝ่ายใช้แอลกอฮอล์เช็ดรอบปากแผลด้วยความนุ่มนวล
   
“แรงหน่อยก็ได้ พี่ไม่เจ็บ”
   
“ผมเจ็บแทน” อินทัชพึมพำ ใส่เบตาดีนลงไปแล้วปิดด้วยผ้าก็อซ
   
“รอยเท่าแมวข่วนเนี่ยนะ”
   
“นี่มันเสือตวัดครับ ไม่ใช่แมวข่วน” เขามองคนที่ไม่แสดงความรู้สึกทางสีหน้าเลยตอนที่ทำแผลให้
   
“นั่นก็เว่อร์ไป” กนธีส่ายหัว สรุปว่าเขาเบาใจเกินกว่าเหตุ และเจ้าโอ๊ตก็วิตกเกินความจำเป็น “โอเคแล้ว ขอบคุณมาก”
   
“พรุ่งนี้แวะเข้าโรงพยาบาลให้หมอดูหน่อยนะพี่”
   
เขาขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเด็กเลยพยักหน้ารับไปอย่างนั้นเอง ไปหาคลินิกใกล้บ้านไม่กี่นาทีก็เสร็จแล้ว เรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ สมัยเด็กๆเคยล้มฟาดกับขอบสระว่ายน้ำ ต้องเย็บหัวไปหลายเข็ม ดีที่มีผมบัง แม่บอกว่าเขาเบะปาก สะอื้นอยู่สองสามฮักแล้วก็เฉยสนิท
   
อินทัชรื้อเสื้อนอนตัวใหม่ของพี่กุนต์ออกมาจากเป้ “มาครับ เดี๋ยวจะปอดบวม” เขาใส่เสื้อก่อนจะติดกระดุมให้ทีละเม็ด ปกติพี่กุนต์ชอบใส่เสื้อยืดนอน แต่เขาคิดว่ามันคงลำบากตอนถอด เลยเลือกตัวนี้ให้
   
กนธียิ้มจาง มองคนที่เอาผ้าเช็ดตัวมาวางบนศีรษะเขาเป็นลำดับต่อไป เด็กมันพึมพำขออนุญาตแล้วเช็ดหัวเปียกโชกให้เหมือนเลี้ยงน้อง เขาหัวสั่นหัวคลอนเพราะแรงขยี้

ชายหนุ่มไม่ได้เงยหน้ามองฝ่ายตรงข้าม สายตาทั้งสองหลุบต่ำอยู่แค่ชายเสื้อเปียกชุ่ม

“ไม่หนาวหรือ”

“หนาว” อินทัชบอก “แต่ต้องจัดการพี่ก่อน”

กนธีหัวเราะในลำคอ เขาวางมือลงกับแผ่นอกกว้าง “ดีกับพี่แบบนี้..ไม่รู้สึกผิดกับคนที่เราชอบหรือไง”

คนฟังเงียบกริบ ชะงักการกระทำทั้งหมด สุดท้ายก็ขมวดคิ้ว ไม่เห็นจะเข้าใจกับคำถามประหลาดๆพรรค์นี้เลย

“แล้วตอนพี่ดีกับผม..พี่รู้สึกผิดกับคุณศรัณย์หรือเปล่า”

กนธีพูดไม่ออก นั่นสินะ..เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้นเหมือนกัน

อินทัชเห็นว่าผมพี่กุนต์แห้งพอแล้วเลยโยนผ้าเช็ดตัวไปไว้ตรงเก้าอี้คอม เขานั่งยองๆลง มองคนที่ก้มหน้าต่ำ 

ภาพก่อนหน้านี้หวนกลับเข้ามาในหัวเป็นฉาก..พี่กุนต์คว้าเขาแล้วกอดไว้ จงใจเอาตัวเข้าไปแทนเพื่อไม่ให้เขากระแทกกับขอบสระ ไม่อย่างนั้น คนที่เจ็บตัวจนเลือดไหลจะไม่ใช่พี่กุนต์ แต่ต้องเป็นเขาแน่นอน

การกระทำแบบนั้นเกิดขึ้นเร็วมาก เป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายจะมีเวลาคิดทบทวน เรียกได้ว่าทำโดยอัตโนมัติทั้งสิ้น

แปลความได้อย่างเดียว..คือกนธีพร้อมจะปกป้องและดูแลเขาอยู่ทุกลมหายใจ

“ทำเพื่อผมทำไมครับ” อินทัชเปรย “เจ็บตัวเพื่อผมทำไม”

“อะไรวะ” กนธีทำไม่รู้ไม่ชี้ “ละเมออะไรไอ้แสบ”

“อย่ามาทำหน้ามึนใส่” เขาจับแก้มพี่กุนต์แน่น พอเจ้าตัวหันหนี เลยต้องเพิ่มแรงบังคับ “ไม่คิดบ้างหรือไงว่าถ้าพี่เอาหัวลง บางทีอาจจะน็อคไปแล้วก็ได้ มันคุ้มหรือไงครับ”

“แล้วทำไมถึงจะไม่คุ้มล่ะ” เขาสวน “เจ็บตัวแทนคนที่ชอบ ใครๆก็ทำกันทั้งนั้น”

อินทัชนิ่งอึ้ง พี่กุนต์จ้องเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วเบนสายตาไปทางอื่น

เขาบอกแล้วว่าไม่ได้ประหลาดใจถ้าพี่กุนต์จะชอบเขา แต่ที่รู้สึกมากที่สุด ก็คงเพราะว่าความชอบของคนๆนี้ มันจริงจังกว่าที่คาด

“ขอโทษที่ทำให้พี่เจ็บ..” ในที่สุด เขาก็พูดขึ้น

“ก็ไม่ได้เจ็บเท่าไร” กนธียิ้มจาง

“ไม่ใช่ที่แขน ผมกำลังหมายถึง..” อินทัชอ้ำอึ้ง “แต่จะให้โกหก..ผมก็ไม่อยากทำ”

“อย่าคิดมากสิ” คนอายุมากกว่าโยกหัวเด็กหนุ่ม เอานิ้วนวดคลึงตรงหน้าผากที่ย่นเข้าหากันด้วยความเอ็นดู “ไม่ใช่เรื่องใหญ่สักหน่อย ไม่ว่าจะเรื่องไหน พี่ก็เป็นคนตัดสินใจทำเองทั้งนั้น”

เขายินดีรับดูแลอินทัช ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าน้องมีคนที่รักที่ชอบอยู่แล้ว

เขาจงใจถามความรู้สึก ทั้งที่รู้อยู่แน่ชัดว่าเด็กมันจะไม่โกหกหรือหลอกลวงเขา

เขาพร้อมใจจะปกป้องอีกฝ่ายจากทุกอันตรายที่เผชิญ ทั้งที่รู้ดีว่าสุดท้าย..เขาคงต้องเจ็บตัว

..ทุกอย่าง..ไม่มีใครบังคับ..เขายินดีทำด้วยตัวเอง..

..แล้วอินทัชจะมาขอโทษเขาทำไม..

“ยิ้มหน่อยไอ้เสือ” กนธียิ้มให้ดูเป็นตัวอย่าง “อย่าเดือดร้อนเพราะความคาดหวังของพี่ ไม่ต้องมาสนใจหรอก พี่จัดการความรู้สึกของตัวเองได้” น่าจะจัดการได้ล่ะมั้ง..คิดว่านะ

อินทัชหลับตาลง เอนหน้าซบแผ่นอกอุ่น

“พี่เป็นคนสำคัญของผมนะครับ..”

กนธียิ้มบาง ลูบหัวด้วยความอาทร “อืม..โอ๊ตก็เป็นคนสำคัญของพี่เหมือนกัน”

ร่างสูงกอดรัดเอวอีกคนไว้หลวมๆ สูดกลิ่นหอมละมุนจากผิวเนื้อขาว หัวใจอุ่นซ่านขึ้นมาเมื่อได้ใกล้ชิดและรับรู้ว่ายังมีใครคนหนึ่งมอบความรู้สึกให้เขามากมาย

คืนนี้ท้องฟ้าเปิด พระจันทร์ทอแสงนวลตา กลุ่มดาวนับร้อยสว่างไสวในทิศทางเก่า น้ำทะเลยังคงหนุนเนื่องขึ้นในตอนกลางคืน และเหือดหายไปในตอนกลางวัน เกลียวคลื่นสาดซัดเข้าหาฝั่งไม่เปลี่ยน สายน้ำเย็นเซาะลงแผ่นหินอย่างเคย

แตกต่างที่ความมั่นคงหนักแน่นของก้อนหินนั้น..กำลังค่อยๆกร่อนบาง

..เช่นเดียวกับใจคน..



............................................................................................




[ต่อด้านล่าง]


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2016 00:35:54 โดย nigiri-sushi »

ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page
Re: Sins : Greed -- [Ch.28] pg.60 -- 3/10/59
«ตอบ #1793 เมื่อ03-10-2016 00:16:51 »





นาฬิกาปลุกตอนตีห้าครึ่ง กนธีลุกอย่างเกียจคร้าน วันนี้เป็นวันกลับกรุงเทพ ถึงใจจะอยากอยู่ต่ออีกสักวันสองวัน แต่เขาก็มีหน้าที่ต้องกลับไปทำ ไหนจะเข้าร้านแทนคุณไผทเป็นครั้งแรก แล้วยังจะพาเจ้าโอ๊ตไปทำงานอีก หุ้นส่วนของเขาจะได้ไม่กล่าวหาเอาได้ว่าพาเด็กเส้นมาเดินเล่นไปมาแบบไม่จริงจัง ตัวเขาน่ะไม่แคร์หรอก แต่อินทัชนั่นแหละจะเสียหายเปล่าๆ
   
ชายหนุ่มหันไปทางคนที่ยังหลับตานิ่งด้วยความเอ็นดู เขาลูบปอยผมที่ปรกหน้าผากให้อย่างอ่อนโยน ดวงตาทอดมองใบหน้าคมคาย ก่อนจะไล่สายตาไปยังอ้อมแขนที่วางพาดอยู่บนฟูก หมอนอีกใบถูกผลักไปชิดขอบผนังอีกด้าน

เมื่อคืน..เขาใช้แขนข้างนี้นอนหนุน และหลับไปในอ้อมกอดของกันและกันด้วยความอุ่นใจ

“โอ๊ต” กนธีกระซิบข้างหู “วันนี้ออกเช้าหน่อยนะ แต่หลับไปก่อนก็ได้ พี่อาบน้ำเสร็จแล้วจะเรียก”

อินทัชปรือตาขึ้นมอง เขางัวเงียแต่ก็ยังไม่ลืมกำชับ

“ระวังอย่าให้แผลโดนน้ำนะครับ”

“อืม” เขายิ้ม ค่อยๆลงจากเตียงแล้วคว้าเสื้อผ้าชุดใหม่เข้าห้องน้ำไป

อากาศตอนรุ่งสางกำลังเย็นสบาย ลมทะเลพัดเข้าหาชายฝั่ง ท้องฟ้าเริ่มมีแสงเรื่อเรืองขึ้นทางทิศตะวันออก กนธีนั่งบนสันเขื่อน รอดูพระอาทิตย์ขึ้น

แสงสีเหลืองทองค่อยๆแผ่ขยายขึ้นจากท้องน้ำ สะท้อนเงาลงบนท้องทะเลสีคราม คลื่นใสซัดเข้าหาหาด กระแทกโดนแนวหินเป็นเสียงครืนก่อนม้วนตัวกลับ ลากเอาเศษกรวดน้อยใหญ่ลงไปใต้ผืนทราย

อินทัชเลื่อนประตูตามออกมา เห็นแผ่นหลังอีกฝ่ายอยู่ไม่ไกล

กนธีรู้สึกตัวเมื่อมีผ้าผืนหนึ่งคลุมลงบนไหล่ เขาแหงนหน้ามองไปด้านหลัง เห็นรอยยิ้มอบอุ่นของใครบางคน

“น้ำค้างลง มายืนแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอกครับ”

“อืม..” เขายิ้มบาง กระชับผ้าผืนนั้นเข้ามาแนบตัว “ขอบคุณนะ..”

..ไม่รัก..แต่ก็ดูแลยิ่งกว่าคนรัก..

..แล้วแบบนี้จะไม่ถลำลึกไปมากกว่าที่เป็นหรือ..

“หายเจ็บแขนหรือยังพี่” อินทัชนั่งลงด้านข้าง

“ไม่ได้เจ็บตั้งแต่เมื่อวานแล้...โอย..” เขาโอดเบาๆเพราะเด็กมันหยิกแก้มจนยืด ปัดโธ่..เนื้อเขาย้อยอยู่แล้ว ยังจะมาดึงให้หย่อนอีก

“ทีหลังเจ็บก็บอกว่าเจ็บสิครับ” เด็กหนุ่มตำหนิ “จะโวยวายหรือสบถด่า ก็ไม่มีใครว่าสักหน่อย ร้องไห้บ้างก็ได้นะ ทีผมยังร้องให้พี่เห็นตั้งหลายรอบ”

“มันไม่เท่..”

อินทัชหัวเราะ “พี่กุนต์น่ะ..เท่สำหรับผมเสมอแหละ”

กนธียิ้มรับ หันไปมองพระอาทิตย์ค่อยๆลอยตัวขึ้นสูงเหนือผืนน้ำ แสงแรกของวันสาดส่องไปทั่วบริเวณ เมฆขาวลอยนิ่ง ฝนฟ้าของช่วงฤดูแสนจะเป็นใจ ความหนาวเย็นของช่วงเช้ามืดถูกไออุ่นไล่หาย

“อา..ลืมไป” เขาหันไปหาคนข้างกาย “อรุณสวัสดิ์”

อินทัชเลิกคิ้ว จากนั้นถึงได้หัวเราะในลำคอ

กนธียิ้มน้อยๆ สบตาอีกฝ่ายอยู่ชั่วอึดใจ แต่ก่อนที่จะได้หันไปทางอื่น ปลายนิ้วเรียวยาวก็แตะลงบนแก้ม ลูบแผ่วเบาอย่างเอาใจใส่ ดวงตาคู่นั้นจับจ้อง ไม่ยอมละไปไหนคล้ายกับคนละเมอ

แสงสว่างที่ทอขึ้นจับกลุ่มเมฆฉาบไล้บนใบหน้าได้รูป นัยน์ตาคนตรงหน้าสะท้อนแดดเห็นประกายสีน้ำตาลเจือจาง ดูอ่อนโยนไม่ต่างจากรอยยิ้มที่มีให้..ในเสี้ยวนาทีนั้น ความอุ่นซ่านในใจก็วาบขึ้น

อินทัชไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเขาก้มลงจูบพี่กุนต์ตอนไหน

“อรุณสวัสดิ์ครับ” เขาพูดชิดติดริมฝีปากนุ่ม จูบอีกครั้งแล้วกดปากเข้ากับแก้มเจ้าตัว

จมูกของกนธีขึ้นสีแดงเรื่อ เขามองเด็กที่ขยับเข้ามา “เก็บของหรือยัง”

“เก็บตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว..ตอนพี่หลับ” เขาตอบ “สามวันสองคืน เร็วเหมือนกันนะ”

“เอาไว้มาใหม่ก็ได้น่า” เขายกมือถือขึ้นถ่ายรูปพระอาทิตย์ดวงกลมโต แสงยังไม่จ้ามาก พอจะมองได้โดยไม่แสบตานัก “เอาล่ะ..กลับกันได้แล้ว เดี๋ยวจะสายไปมากกว่านี้”

กนธีหาวหวอด พึมพำกับตัวเองว่าต้องแวะซื้อกาแฟตอนเจอปั๊มน้ำมัน

อินทัชรั้งข้อมือคนที่ลุกขึ้นยืน เขามองตาฝ่ายตรงข้าม ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรจนอีกคนต้องออกปากถาม “เรื่องเมื่อวานที่คุยกัน ทิ้งไว้ที่นี่ได้ไหมครับ”

คนฟังนิ่งไปนิดหนึ่ง “ทำไมล่ะ”

“ไม่อยากให้พี่เก็บเอามาเป็นอารมณ์”

กนธีหัวเราะแผ่ว “เห็นพี่เป็นคนยังไง พี่แยกแยะเป็นหรอกน่า”

“ทิ้งไปเถอะครับ” อินทัชขอ “ผมจะรู้สึกยังไงกับใคร..มันไม่สำคัญ เพราะตอนนี้..ผมเป็นของพี่คนเดียว”

ได้ยินแบบนี้แล้วอดไม่ได้ ต้องก้มลงจูบหน้าผากเด็กดีของเขาให้ชื่นใจ

“ขอบคุณที่แคร์ความรู้สึกกัน” กนธีขยี้หัวเจ้าโอ๊ต “กลับบ้านกันเถอะ”

พวกเขามาถึงกรุงเทพตอนประมาณเที่ยงกว่า กนธีเลยเข้าบ้านใหญ่ก่อน จะได้ไปทักทายคุณยายกับเด็กๆ เขาซื้อของฝากมาเพียบ ทั้งของกิน ทั้งผลไม้ ทำเหมือนจะเอาไปเลี้ยงทั้งกองทัพ
   
“นี่..ระกำหวานกับสับปะรดสีทอง” กนธีให้แม่บ้านเอาไปปอก จะได้ขึ้นโต๊ะเย็นนี้ “กุ้งแห้ง เอาไว้ทำข้าวต้ม กะปิ ปลาสามรส สละลอยแก้ว ทุเรียนกวน ทุเรียนทอด กินให้อ้วนเป็นลูกฟุตบอลกันไปข้างเลย”
   
พวกแม่บ้านหัวเราะกันคิกคัก เวลาคุณกุนต์ไปต่างจังหวัดมักจะมีของฝากติดไม้ติดมือมาเสมอ ไม่เคยลืมนึกถึงพวกเธอเลย เอาตั้งแต่คนสวน คนขับรถ คนใช้ จนถึงคนครัว ล้วนได้ของใช้ของกินกันถ้วนหน้า 
   
“ซื้องอบมาด้วย” กนธีใส่โชว์แล้วเดินไปมา “เอ้า..ให้คนละใบ”
   
พวกหล่อนวี้ดว้าย งอบน้ำเชี่ยวเป็นสินค้าขึ้นชื่อของตราด รูปแบบสวยและทนทานดี
   
“ของฝากคุณพยาบาลก็มีนะครับ” เขายิ้มให้ เอาผลไม้กับของทะเลแห้งใส่ถุงให้เธอ
   
อินทัชมองแล้วหลุดยิ้ม ไม่สงสัยเลยว่าทำไมพี่กุนต์เป็นที่รักของใครต่อใคร ไม่ใช่ว่าเจ้าตัวใช้เงินซื้อคน แต่เป็นเพราะการมีใจจะนึกถึงคนที่ทำงานให้โดยไม่คิดเล็กคิดน้อยว่าอีกฝ่ายเป็นแค่คนรับใช้หรือคนที่จ้างมาต่างหาก
   
“ของเด็กๆ มีพวกของที่ระลึกทำจากเปลือกหอยนะครับ” กนธีนั่งยองๆลง กอดอ้นกับอุ้มไปคนละหนุบสองหนุบ “พี่ซื้อฝากเพื่อนๆของเราด้วย พอเปิดเทอมก็เอาไปฝากเพื่อนนะ ผูกมิตรกันเอาไว้ จะได้ช่วยเหลือกัน”
   
“ขอบคุณคร้าบ” สองหน่อยกถุงออกไปรื้อดูของด้านใน
   
ยายนั่งยิ้ม ของฝากในจังหวัดไม่มีอะไรที่เหมาะกับแก อาหารที่พอจะกินได้ก็ส่งให้คนครัวโดยตรงเพื่อจะทำอาหารแต่ละมื้อให้แล้ว ผลไม้อื่นๆก็หวานเกิน หลานกุนต์ของแกเลยแวะห้าง ซื้อเชอร์รี่แดงนิวซีแลนด์กับสตรอว์เบอร์รี่เกาหลีมาฝากหลายกล่อง ซ้ำยังมีพวกน้ำสมุนไพรจากโครงการหลวงมาให้อีก
   
“มันแพงเกินไปนะตาหนู” แกได้ยินเจ้าโอ๊ตกระซิบราคาแล้วไม่กล้าเอาเข้าปากเลย
   
“นานๆซื้อทีครับ ไม่เป็นไรหรอก” กนธีไม่ได้กินอยู่แล้ว เขาชอบกินเงาะ มังคุดกับฝรั่ง ผลไม้เมืองไทยนี่แหละอร่อยสุด “เดี๋ยวให้เด็กเอาไปล้างให้ แล้วคุณยายทานหลังมื้อเย็นนะครับ”
   
“รบกวนอยู่เรื่อยเลยพ่อคุณเอ๊ย” แกยกมือไหว้ ทำเอาคนตรงหน้ารีบจับห้ามแทบไม่ทัน
   
กนธีหันมองนาฬิกา เห็นว่าบ่ายกว่าแล้วเลยเรียกให้อินทัชเข้าร้านกับเขา แต่ยังไม่ลืมหันมาบอกคนในบ้านให้ดูแลคุณยายกับเด็กๆให้ดี วันนี้ให้เปลี่ยนบรรยากาศออกไปทานข้าวในสวนบ้าง จะได้สดชื่น ไม่อุดอู้นัก
   
“ไม่อยู่กินด้วยกันหรอกหรือตาหนูกุนต์” ยายไม่เจอหน้าอยู่สามวันเลยคิดถึง สำหรับเจ้าโอ๊ตน่ะแกเบื่อหน้าแล้ว ตอนนี้เห่อหลานคนใหม่มากกว่า
    
“ผมต้องเข้าไปคุมร้านน่ะครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ” เขาจับแขนแก “เอาไว้พรุ่งนี้ผมกับโอ๊ตจะอยู่ทั้งวันเลย”
   
“พรุ่งนี้ว่ายน้ำกับหนูน้า” น้องอุ้มเข้ามาปะเหลาะ
   
“ระบายสีกับอ้นด้วย~”
   
อินทัชได้แต่ส่ายหน้า เขาเป็นหมาหัวเน่าเกือบจะสมบูรณ์แล้วเนี่ย
   
กนธีเกี่ยวก้อยสัญญากับเด็กๆแล้วปลีกตัวมาขึ้นรถ หน้าตามีความสุขจนคนที่เดินตามอดมันเขี้ยวไม่ได้
   
“ขอชื่นใจตามประสาคนแก่หน่อยเถอะ” เขาอมยิ้ม “สามปีแล้วโอ๊ต..ที่บ้านนี้ไม่ได้มีคนอยู่กันเยอะ ไม่ได้มีเสียงหัวเราะ ไม่ได้อบอุ่นอย่างที่เห็น”
   
อินทัชไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะรู้ว่าพี่กุนต์เหงาแค่ไหน ต่อให้มีเพื่อนมากมาย คนเหล่านั้นก็ทดแทนคำว่า ‘ครอบครัว’ ไม่ได้
   
เด็กหนุ่มกุมมือคนที่กำลังวุ่นวายอยู่ในรถ พี่กุนต์ชะงัก หันมามอง
   
“สามปีที่ผ่านมา ผมไม่รู้” เขาพึมพำ “แต่ตอนนี้ พี่มีพวกผมอยู่ด้วยนะ”
   
กนธีนิ่งไปอึดใจก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา “ขอบคุณนะครับ..พี่โอ๊ต”
   
อินทัชหัวเราะในลำคอ “ด้วยความยินดีครับ..หนูกุนต์”
   
“เดี๋ยวเตะให้น่วมเลยนี่” คนอายุมากกว่าทำหน้าขึงขัง กลบสีหน้าเก้อเขินของตน 
   
“เตะก็ส่วนเตะ อย่าทำหูแดงใส่สิครับ”
   
“เงียบน่า!”

.

.

.


ใช้เวลาไม่นาน กนธีก็มาถึงร้านอาหารที่ร่วมหุ้นกับคุณไผท อินทัชกำลังเตรียมเพลงที่จะร้องคืนนี้ เขาเปิดมือถือเลือกเพลงสากลและฮัมคลอ
   
ชายหนุ่มจอดรถในที่ประจำ พอดับเครื่องยนต์ ยังไม่ทันได้ปลดเบลท์ หน้าต่างด้านข้างก็ถูกเคาะ คนสองคนในรถชะงัก เพราะผู้ชายตัวโตที่มาทักทายถึงในลานจอดก็คือคนที่น่าจะกลับปากช่องไปแล้ว
   
“คุณไผท..”
   
อินทัชหน้าตึง รู้สึกหัวเสียขึ้นมาทันควัน แต่ต้องจำใจยกมือไหว้เพราะอีกฝ่ายอายุมากกว่า ทั้งที่ปกติแล้วตามนิสัยเขา คนแก่แบบไร้คุณภาพ คือเพิ่มแค่วัย วุฒิภาวะไม่ค่อยมี เขาไม่ยอมไหว้ให้เสียเวลาแน่ นี่เห็นแก่พี่กุนต์ต่างหาก
   
“ไหนว่ากลับแล้วไงครับ” กนธีล็อครถพลางยิ้มทักทาย   
   
“ผมไม่ได้บอกว่ากลับแล้วนะ” ไผทเล่นลิ้น “ผมแค่บอกคุณว่าจะกลับต่างหาก..แต่ว่าเกิดเปลี่ยนใจนิดหน่อย” ประโยคหลัง เขาปรายตามองเด็กหนุ่มที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับ นั่นแหละ..จุดประสงค์ที่ทำให้เขายังอยู่
   
คิดว่าเขาไม่รู้หรือว่าสองคนนี้ไปทำอะไรกันที่เกาะช้าง คนรับเลี้ยงกับเด็กในอุปการะ ใช้เวลาร่วมกันสองต่อสอง..คงจะนอนกอดกันเฉยๆหรอก
   
ไผทชอบกนธี ชอบด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง และเขาก็ตั้งใจตั้งแต่คราวแรกที่ได้เจอกัน ว่าเขาจะต้องเข้าหาคนๆนี้ให้ได้
   
ตอนแรกที่รู้ข่าวพูดคุยวงในว่ากนธีชอบคบหาเด็กที่เพิ่งทำงานหรือยังเรียนมหาวิทยาลัย เขาเกือบคิดว่าตนแก่เกินไปแล้วเชียว หากมาคิดดูดีๆ ภาษีเขาเยอะกว่าไอ้พวกตัวเปล่าเล่าเปลือย เขาไม่ใช่พวกมาโพลนๆ ดังนั้น คุณกุนต์น่าจะสนใจเขาบ้าง เขาเลยตัดสินใจเดินหน้าทันที

..ไม่คิดเลยว่าช้าเกินไป..
   
ยังไงก็เถอะ ถ้าดูจากสถิติการคบหาของกนธีกับเด็กแต่ละคน เขาคิดว่าไอ้หมอนี่ก็คงจะสำคัญตัว ลอยหน้าลอยตาอยู่ข้างคุณกุนต์ได้ไม่นานนัก
   
“ทำไมล่ะครับ ห่วงร้านหรือ” กนธีนึกขัน เดินคู่กับอีกฝ่าย
   
“ไม่ได้ห่วงหรอก ผมวางใจอยู่แล้วเพราะมีคุณเป็นหุ้นส่วน” ไผทหัวเราะ “พอดีว่าไปได้ของดีมา อยากให้ช่วยดู” ผายมือไปทางห้องทำงานบนชั้นสอง 

กนธีหันมองอินทัชที่เดินตาม เขาพยักหน้าให้เด็กไปทำหน้าที่ของตน

“เดี๋ยวพี่ลงไปนั่งฟัง” เขายิ้มให้กำลังใจ “ทำงานวันแรก..สู้ๆนะ”

ไผททำทีว่าเพิ่งนึกขึ้นได้ “ไอ้หนูต้องไปร้องเพลงนี่นา ยังไงก็พยายามเข้าล่ะ อย่าทำเสียงหลงจนแขกวิ่งหนีไปก่อน ทำแขกหาย เงินเดือนลดแน่”

“คงมีให้ลดอยู่หรอก”  อินทัชเหยียดปาก พึมพำออกมา แต่พอพี่กุนต์มองปราม เขาก็คลายสีหน้าไม่พอใจลง ยิ้มให้ผู้ปกครองของเขาแล้วโน้มเข้าไปหา เปิดปากกระซิบ “ผมจะทำให้ดีที่สุด..เพื่อพี่นะ”

ไผทหรี่ตามอง เขารู้ว่าไอ้เด็กเวรนี่ตั้งใจยั่วอารมณ์เลยแสร้งพูด “เด็กมันแค่ไปร้องเพลง ไม่ได้ไปออกรบนะคุณกุนต์ ให้กำลังใจแบบนี้ผมอิจฉาจัง”

กนธีหัวเราะ เป็นฝ่ายเดินนำไปที่ห้องโดยไม่รู้ว่าเพื่อนใหม่ของเขาหันมาทางเจ้าโอ๊ต จงใจประกาศโจ่งแจ้งว่ากำลังรุกเข้าหาหุ้นส่วนของตน

ใครอีกคนได้แต่ข่มความหงุดหงิด มองตามคนสองคนแทบไม่วางตา

พอขึ้นมาถึงชั้นสอง ไผทก็เชิญให้กนธีนั่งที่โต๊ะทำงานและผละไปเปิดม่านหน้าต่าง จากตรงนี้มองลงไปจะเห็นระเบียงร้าน ตรงนั้นมีเวทีกลางแจ้งติดกับฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

“คุณจะได้เห็นน้องมัน” เขาบอกเหมือนหวังดี แต่จริงๆแล้วจงใจให้มันมองขึ้นมาเห็นในห้องมากกว่า

กนธีนั่งยิ้ม มองคนที่เดินไปเปิดเซฟ “ของดีที่ว่าคืออะไรครับ”

ไผทหยิบกล่องพลาสติกสีขาวอันเล็กกว่าฝ่ามือออกมา ด้านในมีทับทิมดิบพม่าผ่านการเจียระไนแล้ววางอยู่บนสำลี คะเนจำนวนกะรัตน่าจะเอาเรื่อง

“ไปได้มาจากไหนครับเนี่ย” เขาไม่ได้เล่นอัญมณี แต่ก็รู้อยู่ว่าแพงแน่ พอหยิบขึ้นมาส่องกับไฟ จะเห็นแสงสะท้อนเป็นประกายรูปดาวเกินหกแฉก

“คนรู้จักที่แม่สอดเอามาขายให้ เดี๋ยวนี้หาไม่ได้แล้วนะคุณ”

“จะเอาไปทำอะไรครับ แหวนหมั้นสู่ขอสาวหรือ” กนธีแหย่ “เรื่องพลอยผมไม่สันทัด แต่ถ้าถามหาร้านเครื่องเพชร ผมพอจะบอกร้านได้อยู่”

ไผทหัวเราะ นั่งบนโต๊ะหมิ่นๆ “ชอบไหม”

กนธีนิ่งไปครู่ “อะไรครับ”

“ทับทิมเม็ดนี้น่ะ ชอบไหม..” เขายิ้ม “ผมซื้อให้คุณ”

“เฮ้ย..ผมรับไม่ได้” เขาวางมันลง “คุณจะให้เนื่องในโอกาสอะไรล่ะ”

“วันเกิดคุณไง”

“ยังไม่ถึงเลยครับ” กนธีส่ายหัว “มันแพงเกินไป แล้วผมก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรด้วย คุณเก็บไว้รอทำแหวนแต่งงานในอนาคตเถอะ”

“คุณไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่” ไผทยิ้มบาง “ว่าผมไม่ได้ชอบผู้หญิง”

คนฟังเงียบไปอึดใจหนึ่ง จากนั้นถึงได้กระแอมแก้เก้อ แน่ล่ะว่าเขารู้กระทั่งว่าคุณไผทกำลังเข้าหา เขาถึงได้เบี่ยงประเด็นให้อีกฝ่ายมองคนอื่น

“จะยังไงก็แล้วแต่เถอะ..ผมรับไม่ได้จริงๆ” เขาดึงเรื่องกลับมาที่เดิม

“ผมไม่ได้ชอบผู้หญิง” ไผทยังย้ำ “และถ้าคุณไม่ได้ปิดหูปิดตาเกินไป ผมคิดว่าผมบอกใบ้อะไรไปหลายอย่างแล้วนะ”

“คุณไท..” กนธีเงยหน้ามอง “พวกเราไม่ได้อายุน้อยๆกันแล้วนะ”

“แล้วไง?” ร่างสูงเอื้อมมือไปจับแขนอีกฝ่าย

กนธีนิ่วหน้า ยกมือห้าม “คุณไท..เอามือออกก่อน”

ไผทเพิ่งสังเกตว่าภายใต้เสื้อเชิ้ตแขนยาวนั้น มีรอยนูนที่น่าจะเป็นผ้าก๊อซปิดอยู่ เขาชะงัก “เป็นอะไร มีแผลหรือ ขอผมดูหน่อย”

“ไม่เป็นไรๆ” เขาหัวเราะเฝื่อน “แค่อุบัติเหตุนิดเดียว”

ตั้งแต่ถึงกรุงเทพ เขายังไม่ได้แวะเข้าไปหาหมอเลย แค่ทำแผลตามมีตามเกิดเมื่อช่วงเช้าไปเท่านั้น ผ่านมาหนึ่งวัน ดูเหมือนว่าตรงที่ฟาดกับก้อนหินจะม่วงช้ำ มีรอยเขียวเป็นจ้ำอยู่ด้วย

“คุณกุนต์อย่าดื้อ” ไผทดุ “หัวโค้งนี่มีคลินิก ผมจะพาไป”

“ค่อยไปแถวบ้านก็ได้ครับ” กนธีพึมพำ

“ดึงแขนเสื้อขึ้นหน่อย” เขาน่าจะเห็นแต่แรกว่าวันนี้เชิ้ตของคุณกุนต์ตัวใหญ่ผิดไซส์ เพราะถ้าใส่พอดีแขนมาก มันก็จะเสียดสีกับแผลไปด้วย

“คุณทำเป็นหรือ” เขายอมถลกแขนเสื้อขึ้น มองตามคนที่ผละไปรื้อค้นกล่องยาประจำบ้าน “ผมทำเองได้ ขอแค่กระจก”

“ผมเนี่ยแหละกระจก” ไผทกลับมาที่โต๊ะ “อย่าดูถูกไอ้หนุ่มบ้านนอกอย่างผมเชียวนา สมัยเด็กๆเนี่ย วีรกรรมหัวร้างข้างแตกตลอด”

“ผมไม่แปลกใจ” กนธีหัวเราะ “ดูท่าจะซนเอาเรื่องเหมือนกัน”

“ยิงนกตกปลา กัดกับหมา ด่ากับคน ผมกลัวที่ไหน” ไผทยักไหล่ ค่อยๆแกะผ้าก๊อซออก เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าแขนคุณกุนต์เป็นรอยช้ำวงใหญ่

“ผมเคยแค่หัวแตกเอง”

“ดีแล้วครับ เจ็บตัวไม่ใช่เรื่องสนุก” เขาลงมือทำความสะอาดให้อย่างเบาแรง “ถ้าเจ็บก็บอกนะคุณ ไม่ก็ชกผมเข้ามาได้เลย”

กนธีกลั้นขำ กำลังนึกภาพคุณไผทกัดกับหมาค้างอยู่

“เล่าได้หรือยังครับว่าไปทำอะไรมา”

“ลื่นล้มตรงแนวหินน่ะครับ เนี่ยแหละ..คนแก่ ขาไม่แข็งแรง”

“คุณไม่แก่สักหน่อย อายุมันแค่ตัวเลข” ไผทพึมพำ เช็ดแอลกอฮอล์รอบรอยกรีด “คนแก่ที่ไหนจะดูดีขนาดนี้”

“ยอผมก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกน่า” กนธีว่ายิ้มๆ

“คนอย่างผมไม่จำเป็นต้องยอใคร ก็แค่คิดอะไรแล้วพูดออกมาตามนั้น”

คนฟังได้แต่ยิ้มจาง คุณไทแทบไม่เว้นช่วงให้เขาเลย

“น่าเสียดายนะ ถ้าผมอยู่ด้วย ผมจะไม่ยอมให้คุณล้มลงไปแบบนั้น”

กนธีส่ายหัว “คนจะได้แผลมันก็ต้องได้ครับ คิดอะไรมาก”

“ก็บอกแล้วไง ถ้าผมอยู่ด้วย..” เขาเหลือบตาขึ้นมอง สีหน้าจริงจัง “ผมจะไม่ยอมให้คุณเจ็บตัว..จะดูแลคุณให้เต็มที่” ไม่เหมือนไอ้เด็กเมื่อวานซืนหรอก มันอยู่กับคุณกุนต์ประสาอะไร ทำให้เจ็บได้ขนาดนี้

“ขอรับน้ำใจไว้ก็แล้วกันนะครับ” กนธียิ้มให้

มีเสียงดนตรีดังแว่วขึ้นมา เขาหันไปมอง เห็นว่าอินทัชขึ้นร้องเพลงแล้ว ชายหนุ่มชูนิ้วโป้งให้กำลังใจ และก็ได้รอยยิ้มจากเจ้าโอ๊ตส่งกลับมา

ไผทหน้าบึ้งตึง แต่ยังคงตั้งอกตั้งใจทำแผลต่อไป

“วันเกิดคุณ..ถ้าว่างล่ะก็ ไปเที่ยวบ้านผมไหม”

กนธีหันกลับ “บ้านคุณ?”

“ที่ติดกับไร่คุณ” เขาค่อยๆแต้มยาลงไปเชื่องช้า ถ่วงเวลาให้ยืดยาว “มีแต่ผมลงมากรุงเทพ คุณไม่เห็นขึ้นไปเที่ยวปากช่องบ้างเลย”

“ผมกลัวแม่วัวของคุณจะผูกใจเจ็บน่ะ”

ไผทหัวเราะ นึกมาถึงตรงนี้ เขายังสบถด่าไอ้น้องชายตัวเอ้ของคุณกุนต์ไม่หาย มันตาบอดหรือไง วัวทั้งตัวดันชนเข้าเต็มรัก แต่อย่างว่า ใส่แว่นตาดำปึ้ดเหมือนรอจ้องสุริยคราสแบบนั้น เขาไม่แปลกใจที่มันจะเซ่อติดหมัด

“แม่เนื้อทองเขาคงให้อภัยแล้วล่ะครับ”

กนธีนึกขัน อดเอ็นดูชื่อแม่วัวของคุณไทไม่ได้ “ผมเคยมีหมาชื่อกระถิน”

“ผมก็เคยเลี้ยงปลากัดชื่อนายละมุนกับนางละไม”

ชายหนุ่มหัวเราะจนน้ำตาซึม “ยังมีตัวไหนอีกไหมครับ”

“ไก่ชน..” ไผทบอก “ชื่อคุณจงอยทอง ร้อยเวที”

“ชนะร้อยเวที?”

“แพ้ร้อยเวที เลยจับถอนขนลงหม้อทำต้มยำไปแล้ว” เห็นคุณกุนต์ตาโต เขาก็พูดแก้ “ล้อเล่นครับ..ยังอยู่ดีมีสุขจนแก่ตายไปเองนั่นแหละ”

“คุณซนน่าดูเลยนะ พ่อแม่ไม่ปวดหัวแย่หรือ”

“ไม่มีครับ” ไผทพูดเสียงเรียบ “ผมโตมากับมูลนิธิ โชคช่วยที่มีคนใจดีอุปการะเงินให้”

กนธีเงียบกริบ ไม่ได้พูดต่อกระทั่งอีกฝ่ายทำแผลให้จนเสร็จ พอจะผละออก เขาก็คว้าแขนเอาไว้ “ขอโทษที่ทำให้นึกถึงเรื่องเก่านะครับ”

ร่างสูงยิ้มจาง “คนเราทิ้งอดีตไม่ได้หรอกคุณ ผมมีวันนี้เพราะเรื่องเก่าๆมันช่วยผลักดัน และผมก็ภูมิใจไปกับมันมาก แค่ว่าไม่ได้เอาไปเล่าให้ใครฟังไปทั่ว แต่ถ้ามีใครถาม ผมก็พร้อมจะเล่าแบบไม่อาย”

“ผมชอบคุณก็ตรงนี้” เขาสัมผัสมือที่หยาบกร้านของคนตรงหน้า “ชอบคุณที่ความพยายาม”

“ชอบตรงอื่นบ้างไม่ได้หรือ” ไผทเท้าแขนกับขอบโต๊ะ ยื่นหน้าเข้ามาหา

“โธ่..คุณไท” กนธีหัวเราะกลบเกลื่อน เบนสายตาไปทางระเบียงริมน้ำ ถ้าเขาตาไม่ฝาด คิดว่าเห็นเจ้าโอ๊ตจ้องมาอยู่ก่อนแล้ว

เขาเป็นคนออกกฎเรื่องความซื่อสัตย์ ดังนั้น มันคงไม่ดีนักถ้าจะทำตัวให้น่าระแวงเสียเอง มันไม่ใช่เรื่องของความรักหรอก แต่มันคือเรื่องของการให้ความเคารพและการให้เกียรติคู่ในปัจจุบันของตนต่างหาก

“ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยทำแผลให้”

“ได้เสมอ”


.

.

.



[ต่อด้านล่าง]



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2016 00:54:55 โดย nigiri-sushi »

ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page
Re: Sins : Greed -- [Ch.28] pg.60 -- 3/10/59
«ตอบ #1794 เมื่อ03-10-2016 00:18:47 »






หลังแยกจากทั้งสองคน อินทัชก็ขึ้นเวที วันนี้เขาไม่ค่อยจะอยากร้องเพลงนัก แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ เด็กหนุ่มเลือกเพลงที่ฟังแล้วน่าจะเจริญอาหารที่สุด ในขณะที่คนร้องอย่างเขารู้สึกปวดท้องจนอารมณ์ขุ่นมัวตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้าน
   
ดวงตาคมกล้าปรายมองไปยังห้องกระจกบนชั้นสอง ตรงนั้นเป็นห้องส่วนตัวของผู้จัดการร้าน ปกติจะปิดม่านไว้ตลอด น่าแปลกที่วันนี้ ดูเหมือนว่าจะมีคน ‘จงใจ’ เปิดไว้อ้าซ่า
   
มีแขกยื่นขอเพลง เขายิ้มรับ ดึงความสนใจของตนกลับมาที่ลูกค้า เขาพูดทักทายก่อนจะเริ่มดนตรี วันนี้อากาศดี ไม่ควรทำให้ใจร้อนโดยใช่เหตุ
   
“I heard she sang a good song. I heard she had a style. And so I came to see her to listen for a while.”

เขาดีดกีตาร์ตามทำนองเพลง เสียงของมันแว่วหวาน ดังคลอไปกับสายลมอบอุ่นของช่วงเย็นย่ำ น้ำในเจ้าพระยาไหวเพื่อม
อินทัชยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงคลื่นลมทะเลที่ได้เจอ

“And there she was this young girl. Stranger to my eyes.” เขาหลับตาลง ทอดอารมณ์ตามดนตรี “Strumming my pain with her fingers. Singing my life with her words.”

“Killing me softly with her song. Killing me softly with her song. Telling my whole life with her words.” เขาทอดเสียงนุ่ม “Killing me softly with her song.” 

ปลายนิ้วเรียวยาวพลิ้วไหวไปตามเส้นสาย เสียงกีต้าร์โปร่งดังกังวาน แขกทุกคนหันมาฟังอย่างตั้งใจ ไม่มีใครพูดคุยกันสักคน

“I felt all flushed with fever. Embarassed by the crowd. I felt she found my letters. And read each one out loud” เสียงทุ้มต่ำร้อง

อินทัชลืมตาขึ้น ยิ้มให้แขก

“I prayed that she would finish. But she just kept right on.”

เงาของคุณไผทจากตรงหน้าต่างทำเอาเขาชะงักไปเสี้ยววินาที หมอนั่นจับแขนพี่กุนต์ พี่เขาดูจะเจ็บ หมอนั่นทำท่าตื๊อ กระทั่งเจ้าตัวต้องถลกแขนเสื้อ

“Strumming my pain with her fingers. Singing my life with her words.” เขาพยายามคุมสมาธิ แต่สายตาก็ไพล่ไปมองอยู่เรื่อย “Killing me softly with her song. Killing me softly with her song.”

คุณไผทหายไปจากหน้าต่าง ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับกล่องยา คราวนี้ความไม่พอใจแล่นวาบ จะทำแผลให้? มันใช่หน้าที่หรือไงกัน!

“Telling my whole life with her words.” เขาข่มใจร้องให้จบเพลง “Killing me softly with her song.” 
   
อินทัชเห็นคุณไผทพูดไม่หยุด เห็นมันทำมือทำไม้เหมือนกำลังเล่าเรื่อง เห็นพี่กุนต์ยิ้ม หัวเราะ และโต้ตอบกลับไปราวกับสนิทสนมกันมานาน

..เขาเห็นความใกล้ชิดนั่น..ที่ทำให้รู้สึกขุ่นมัว..
   
ร่างสูงขมวดคิ้ว เขาเล่นผิดทำนองไปนิดหนึ่งแต่ยังกลบเกลื่อนได้
   
..แย่ชะมัด..เป็นแบบนี้คงไม่ไหวจริงๆ..
   
Killing me softly จบลง แขกในร้านปรบมือให้ พนักงานเสิร์ฟรับทิปและยื่นกระดาษขอเพลงจากลูกค้า ส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่หรือคนที่อายุเยอะแล้ว เพลงที่ขอเลยเป็นเพลงดังในอดีตที่เขารู้จัก
   
“เพลงต่อไป คุณผู้ชายทางโต๊ะริม” อินทัชดึงความสนใจกลับมา เขามองไปยังคุณปู่วัยหกสิบกว่าที่โบกมือให้ “มอบให้ภรรยาสุดที่รักของเขานะครับ” ทางนั้นยิ้มให้คุณยายที่มาดินเนอร์กันสองต่อสอง “Love me tender”
   
เขามีความสุขกับการร้องเพลง ทั้งยังไม่เคยคิดเลยว่ามันคือการทำงาน แต่วันนี้เขาไม่ค่อยจะลื่นไหลไปตามดนตรีเท่าไรนัก จะโทษใคร ถ้าไม่ใช่เพราะตัวการที่เขารำคาญน้ำหน้านั่น
   
อินทัชเอาหัวเป็นประกัน คุณไผทไม่ยอมกลับปากช่องตามที่โทรบอก เพราะจงใจจะอยู่รอเจอพี่กุนต์แน่
   
..เกลียดขี้หน้ามันเป็นบ้า..

.

.

.


หลังเลิกงานตอนสี่ทุ่ม กนธีรอรับอินทัชกลับบ้านด้วยกัน เด็กหนุ่มดูนิ่งเงียบ ไม่ค่อยพูดจานักตลอดทาง เขาขับรถตอนดึก บางทีก็อยากได้เพื่อนคุยบ้าง
   
“เป็นไง วันแรกโอเคไหม”
   
อินทัชพยักหน้ารับ “เรื่อยๆครับ ร้องผิดคีย์ไปนิด”
   
“อ้าว..” กนธีหัวเราะ “เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก ไมค์ยังไม่ชิน กีต้าร์ก็ไม่ใช่ของเรา” เขานึกขึ้นได้ “นั่นสินะ..ไปซื้อกีต้าร์คู่ใจสักตัวกันไหม”
   
“ไม่เป็นไรครับ”
   
ชายหนุ่มหันมามอง สัมผัสได้ถึงอารมณ์ตึงๆของอีกคน
   
“ง่วงหรือ นอนก่อนก็ได้ ถึงบ้านแล้วเดี๋ยวพี่ปลุก”
   
อินทัชทำตาม เขากอดอก เอนหัวไปอีกด้านของเบาะ เสียงพูดคุยในรถเงียบลงไป กนธีเห็นน้องทำท่าเหมือนหนาวเลยเบาแอร์ให้และดึงเสื้อคลุมมาห่ม
   
เขาเปิดเพลงคลอแผ่วเบา เลือกคลื่นเพลงสากลเก่าๆ เขากับโอ๊ตชอบฟังเพลงแนวเดียวกัน สเปคเหมือนแบบนี้ ไปด้วยกันได้นาน
   
กนธีฮัมเพลงในลำคอ ช่วงที่รถติด เขาหันมามองคนข้างกาย เสื้อที่ห่มให้เลื่อนหล่น เขาเลยเอื้อมไปดึงขึ้นและปัดปอยผมบนหน้าผากให้เด็ก
   
อินทัชหันมา ดวงตาสีเข้มจ้องมอง ไม่มีวี่แววของคนเพิ่งตื่น
   
“ไม่ได้หลับหรอกหรือ” กนธียิ้ม “ไม่ต้องฝืนนะ วันนี้เดินทางเหนื่อย”
   
เด็กหนุ่มได้ยินคำพูดแสดงความห่วงใยก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ คนๆนี้มีแก่ใจถามไถ่เขาตลอด ทั้งที่วันนี้พี่กุนต์ต่างหากที่น่าจะเหนื่อยกว่าแต่เขากลับมองข้ามเสียนี่ อยากถามตัวเองเหมือนกันว่าจะขุ่นใจไปทำไมกับไอ้แค่กลิ่นน้ำหอมของคุณไผทที่ลอยอยู่รอบตัวพี่กุนต์
   
เขาควรจะสนใจและใส่ใจอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ต่างหาก ถ้าเขาไม่ลืมพาพี่กุนต์ไปคลินิก คุณไผทจะเข้ามายุ่มย่ามได้หรือ

“แวะโรงพยาบาลไหมครับ”   

กนธีเห็นว่าน้องมันดูโอเคขึ้นก็ใจชื้น “ไม่เป็นไร เปลี่ยนผ้าก๊อซแล้ว”

เขาคิดว่าเด็กคงจะเหนื่อย ถูกลากไปนู่นมานี่แล้วยังต้องทำงานบริการคนอื่นอีก รีบพากลับบ้านไปนอนจะดีกว่า

อินทัชฟังแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นทันควัน “ทำแผลห่วยแบบนั้น ถูกวิธีหรือเปล่าก็ไม่รู้ พี่ไม่กลัวแผลอักเสบหรือไงครับ”

“ไม่หรอก คุณไทเขาทำเก่งอยู่” เขามองไฟเขียว “พรุ่งนี้ค่อยไปหาหมอ”
   
ร่างสูงอดงุ่นง่านในใจไม่ได้แต่ก็พยายามวางเฉย เขาทำได้แค่หุบปากของตนแล้วนั่งนิ่ง เพราะหากให้พูดอะไรออกมาตอนนี้ ได้ก่นด่าบุคคลที่สามแน่
   
..อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่..มีหรือจะไม่รู้จุดประสงค์มัน..
   
พวกเขาถึงบ้านตอนห้าทุ่มกว่า กนธีดูเพลียๆเพราะวันนี้ขับรถตลอดทั้งวัน พอจอดรถเรียบร้อย เขาก็แทบคลานขึ้นบันได
   
“พี่กุนต์..” อินทัชเข้ามาจับแขน “ไหวไหม”
   
“ยังโอเค แค่ง่วงตาจะปิดน่ะ” กนธีหัวเราะ “ไปเรา..ไปอาบน้ำ พี่จะนอนแล้ว ใช้ห้องแขกก็ได้ จะได้ไม่ต้องรอ”
   
เขาพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ไม่อยากทำให้อีกคนเหนื่อยไปมากกว่านี้
   
กนธีหาวหวอด ปีนขึ้นบันไดแล้วเข้าไปจัดแจงธุระส่วนตัวด้วยความรวดเร็ว พอหัวถึงหมอน เขาก็ผล็อยหลับ แทบไม่รู้สึกเลยว่าฟูกนอนด้านข้างยุบลงมา พอปลายเท้าอุ่นๆแตะช่วงขา เขาถึงได้ปรือตาขึ้นมอง
   
“อ้อ..โอ๊ต..” เขาพลิกนอนตะแคง “ฝันดีนะ”
   
อินทัชมองคนที่หลับตานิ่ง เขาค่อยๆสอดตัวลงใต้ผ้าห่มแล้วก้มลงใกล้ อะไรบางอย่างดลใจให้จูบบนแก้ม คนอายุมากกว่าขยับเล็กน้อยแล้วหลับลึก
   
อันที่จริงคืนนี้..อินทัชตั้งใจว่าจะขอมีอะไรกับพี่กุนต์อีก แต่ติดที่พวกเขาเหนื่อยเกินไป เด็กหนุ่มเลยล้มตัวลงนอนซ้อนหลัง วางแขนกอดก่ายช่วงเอว ดึงตัวอีกคนเข้ามาชิดแผ่นอก กลิ่นหอมอ่อนๆของสบู่ทำให้ใจสงบลงอย่างง่ายดาย
   
“ฝันดีครับ..”




......................................................................................





หูยย ครั้งแรกที่ได้ 3 ท่อน ก๊ากกก

เค้าแอบเห็นชื่อพี่กุนต์กับเรื่องนี้ ขอบคุณน้าา  :hao5:  :-[   :o8: 

ปล. ฟัง Killing me softly ของ Andy Williams แล้วค้างในหัวมากก
ต้องลบด้วยเพลง พี่บุญน้อย ของพี่ก็อต จักรพรรณ์ /มันช่างย้อนแย้งเหลือเกิน

ปลล. เพื่อนเค้าบอกว่าอ่านนิยายเค้าแล้ว ตอนที่ยังไม่เจอตัว นึกว่าเป็นลุงแก่ๆเขียน /เดี๋ยวนะะะ  :ling1:





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-10-2016 01:01:22 โดย nigiri-sushi »

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Sins : Greed -- [Ch.28] pg.60 -- 3/10/59
«ตอบ #1795 เมื่อ03-10-2016 00:34:13 »

พี่กุนต์ ๆ ๆ น่ารักอะไรเบอร์นี้

โอ๊ตยังเด็กนะ ต่อให้ปากกัดตีนถีบมาเรื่องงานมากมาย แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็อายุ 19-20 ปี ยังอ่อนด้อยประสบการณ์เรื่องความสัมพันธ์  ความละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกของคนอื่น และเรื่องงาบพี่กุนต์....เอิ่ม....

ดังนั้น พี่กุนต์ต้องสอนน้องนะ สอนจนแก่หง่อมกันไปเลย

ส่วนคุณไทคนเจ้าเล่ห์ปล่อยแกไปเถอะ เขี้ยวลากดินแล้ว 

ออฟไลน์ KaorPaor

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 669
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-4
Re: Sins : Greed -- [Ch.28] pg.60 -- 3/10/59
«ตอบ #1796 เมื่อ03-10-2016 00:34:29 »

จิ่มไว้ก่อนนอน

ออฟไลน์ jungjiyoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.28] pg.60 -- 3/10/59
«ตอบ #1797 เมื่อ03-10-2016 00:37:52 »

ฮรือออออ คุ้มที่มารีเฟรชรอทุกคืนจริงๆ พิกุนต์มาแล้ววววววว ทูนหัวของบ่าว >\\\<   แอบชอบเวลาหึงค่ะให้เด็กหึงเยอะๆ  มันก๊าวใจดีเลื๊อเกินนน

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: Sins : Greed -- [Ch.28] pg.60 -- 3/10/59
«ตอบ #1798 เมื่อ03-10-2016 00:53:45 »

ตอนนี้ต่ผัดไททำดี ตรงที่ยังอยู่ให้เด็กหึงนี่แหละ หึๆๆๆ ซาดิสต์ชอบเห็นเด็กเจ็บปวด
ก็อยากปากแข็งเองนิ พอเห็รผัดไทปุ๊บ โอ๊ตรมเสียปั๊บ สะใจ ขำอ่ะขำ
ตอนเช้าบรรยากาศดีๆ โอ๊ตพูดเรื่องเมื่อวานไมว้า มันจี๊ดนะมันจี๊ดดดดดด พยายามจะลืมอยู่เนี่ย
แต่ที่จริงนางก็ดี พยายามจะลบล้าง แต่มันไม่ทันแล้วไง พี่กุนต์น่ะเขาดี ยอมรับได้ แต่คนอ่านไม่โอเคค่ะ
กร้ากกกก บางทีก็ขำในความอินของตัวเองนะ พรุ่งนี้จะได้อยู่บ้านกันมั้ยน้า จะมีตัวแทรกไหม
หอมแก้มตอนเค้าไม่รู้สึกตัวเขาเรียกว่ารักป่ะโอ๊ต
พี่กุนต์ซื้อของฝากทุกคนเลย น่ารักมากอ่ะ น่ารักที่สุด รักเธอ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ bradpitt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.28] pg.60 -- 3/10/59
«ตอบ #1799 เมื่อ03-10-2016 01:00:04 »



กลับจากฮันนีมูน ชายทะเล สักทีสินะ   //กอดข้าวปั้น  :กอด1:
 

พี่กุนต์ เสน่ห์แรงจริงๆๆๆๆ  ใครๆ ก้อรัก ก้อหลง :o8:    ขอฉากหวานๆๆ service ได้อีกๆๆๆ นะ



ไอ่ โอ๊ตเอ๊ย   ตายแน่ๆๆ คู่แข่ง เอาจริงแล้ว ...คุณไผท รุกไม่ธรรมดาจริงๆๆ :hao3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด