Chapter 42
เสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ตอนตีห้าครึ่งดังข้างหัวเตียง อินทัชหยิบมากดปิดก่อนจะขยับเข้าหาคนที่นอนหันหลังให้ สอดแขนใต้ราวเอวแล้วลากร่างนั้นมาแนบอก กนธีขยับเล็กน้อยก่อนพลิกเข้าไปซุกหน้าในอ้อมกอดอบอุ่น
อินทัชมองฝ่าความมืด ยิ้มตามรอยยิ้มเล็กๆมุมปากของคนหลับ เขาลูบแก้มพี่กุนต์แผ่วเบาและจูบบนหน้าผาก กระซิบถาม “จะออกกี่โมงครับ”
“แปดโมงครับ” กนธีพึมพำ แนบแก้มกับท่อนแขนแข็งแรงที่สอดให้หนุน
“งั้นผมตื่นก่อน สักหกครึ่งจะมาปลุกไปกินข้าวนะ” เขาทำท่าจะลุกจากเตียงแบบอ้อยอิ่ง แต่มือข้างหนึ่งของพี่กุนต์ฉุดกลับลงมาก่อน
“หนาว..” เจ้าตัวบ่นอุบ หน้านิ่วคิ้วขมวด “กอดกันเถอะ”
อินทัชหน้าร้อน ปีนกลับขึ้นเตียงแบบทันทีทันใด แต่พอจะขยับเข้าทาบ พี่กุนต์ก็เอาขายันไว้แล้วเปิดตาข้างหนึ่งขึ้นมอง
“กอด..เฉยๆ” คนอายุมากกว่ายิ้มบาง ตบฟูกปุๆ “พี่ต้องขับรถยาว”
เด็กหนุ่มหัวเราะในลำคอ เขาลืมตัวไปหน่อย “โอเคครับ..กอดเฉยๆ” เขารวบตัวอุ่นๆเข้ามาหา ซุกปากลงกับซอกคอแล้วจูบแผ่วเบา “นอนต่อเถอะพี่”
“อื้อ..” กนธียิ้มละมุน ดึงมือน้องมาจับ สอดปลายนิ้วเข้าประสาน
อินทัชลูบแขนอีกฝ่ายกระทั่งพี่กุนต์ผล็อยหลับไปอีกครั้งถึงได้ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวและออกไปซื้ออาหารเช้าให้ เมื่อคืนพี่กุนต์บอกว่าอยากกินโจ๊กกับปาท่องโก๋ เขาเลยเรียกแท็กซี่ไปซอยจุฬาสิบเอ็ดและซื้อโจ๊กสามย่านกลับมาให้
เรื่องบางเรื่องดูเหมือนไร้สาระ แค่โจ๊กถุงสองถุง ซื้อแถวไหนก็มี ไม่ต้องถ่อนั่งรถออกไปแต่เช้ามืดก็ได้ แต่อินทัชอยากทำและเต็มใจทำยิ่งกว่าอะไร
..อันที่จริงเขาไม่ได้ตามใจพี่กุนต์หรอก..
..เขาตามใจตัวเองที่อยากเห็นรอยยิ้มของฝ่ายนั้นต่างหาก..
กนธีตื่นตอนหกโมงครึ่ง อินทัชกลับมาจากข้างนอกพอดี เมื่อเห็นโจ๊ก ปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ในมืออีกฝ่าย เขาก็ตกใจ “เฮ้ย! ไปมาตอนไหน”
“ตอนพี่หลับไง” ร่างสูงวางของบนโต๊ะ หยิบชามมาแกะใส่ “ลองดูครับ นี่โจ๊กขึ้นชื่อตรงจุฬา ผมว่าก็อร่อยดีนะ คนซื้อเยอะ ถ้าไปสายจะเหลือแต่หมูสับ”
“ไปถึงสามย่านมาเลยหรือ” เขายิ่งเซอร์ไพรส์หนักกว่าเดิม
“ใช่พี่” อินทัชยิ้ม หยิบจานมาใส่ปาท่องโก๋และเทน้ำเต้าหู้ให้เสร็จ
กนธีมองน้องอย่างรักใคร่ เขาเดินเข้าไปหา “เอาใจเก่งแบบนี้ ถ้าพี่ให้ทิปบ่อยๆคงล่มจมแน่” หยิบปาท่องโก๋ขึ้นมาเคี้ยวเล่น
“ไม่ได้บอกว่าจะเอาทิปสักหน่อย” เขามองคนที่กระดกแป้งทอดในปากเล่น “แค่ยิ้มให้ผมทุกครั้งที่ผมตามใจพี่..ได้เท่านั้นก็พอแล้ว”
หยอดแบบนี้..คิดว่าได้ผลหรือไง กนธีนึกด่าเด็กในใจตอนที่จมูกขึ้นสีแดง เขาได้แต่ยัดปาท่องโก๋ตัวนั้นเข้าไปเต็มปาก ไม่ได้อายนะ แค่อร่อย!
“ไหน..หันมายิ้มให้ผมก่อน” อินทัชจับตัวพี่กุนต์ไว้
“ยุ่งน่า” ขนาดบอกตัวเองว่าอย่ายิ้ม อย่าหลุดนะเว้ย มันยังไม่เชื่อฟังเลย ทรยศคำสั่งสมองทั้งหน้านั่นแหละ ถ้าไอ้ไผ่รู้มันคงว่าเขาไม่ยอมไว้ท่าบ้าง
เด็กหนุ่มหัวเราะหึ พี่กุนต์กัดปาท่องโก๋ค้างไว้ เขาเลยก้มลงไปช่วยแย่ง ไม่ได้ใช้มือหรอก ใช้ปากดึงออกมานั่นแหละทำเอาหนูกุนต์ของเขาตาโตเลย
กนธีนิ่งค้างเมื่อน้องเข้ามางับทั้งปากทั้งของกินไปพร้อมกัน
“ทำไมไม่หยิบชิ้นใหม่~” เขาอมอยู่ครึ่งหนึ่งนะนั่น อมจริงๆ!
“ก็แล้วทำไมจะกินจากปากพี่ไม่ได้ล่ะ” อินทัชยักคิ้วถาม
แน่นอนว่ากนธีไม่มีคำตอบ เถียงก็ไม่ได้ ดังนั้นเลยหยิบชิ้นใหม่ขึ้นมากิน มองอย่างท้าทายว่าอยากได้ก็เข้ามาเอาสิ..เอาจากปากเขานี่แหละ
..คิดหรือว่าอินทัชจะกลัว..
เช้านั้น พวกเขาเลยจูบกันหลายต่อหลายรอบทั้งที่มีปาท่องโก๋คั่นกลาง
กว่าจะได้ออกเดินทางก็ปาเข้าไปแปดโมงกว่า อินทัชลงมาส่งกนธีที่ชั้นจอดรถ ย้ำแล้วย้ำอีกให้ขับช้าๆ ห้ามเล่นมือถือระหว่างอยู่บนถนน
“สมอลทอล์คอยู่ไหนพี่” เขายืนคุมคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย “เอามาวางให้เห็นชัดๆ อย่าให้รู้ว่าขับไปดูหน้าจอไป ผมจะบีบคอให้ตายเลย”
“ดุจังวุ้ย” เรื่องนั้นเขาไม่ทำอยู่แล้ว เห็นมาเยอะคนที่ขับรถแล้วก็เล่นโทรศัพท์ไปด้วย ขนาดอยู่บนทางด่วน กำลังจะลงหัวโค้งก็ยังไม่วาย
เรื่องพวกนี้ควรมีสามัญสำนึกจริงๆ อุบัติเหตุเกิดได้เสมอ ไม่ใช่แค่เราเท่านั้น คนอื่นจะพลอยรับเคราะห์จากความประมาทและคิดน้อยของเราไปด้วย
“แล้วก็นี่” อินทัชยื่นกระติกร้อนให้ “ผมชงเอง อร่อยกว่าอเมซอนอีก จิบหน่อยครับ จะได้ตาสว่าง ถ้ารู้สึกง่วงก็แวะพักหรือโทรหาผมนะ”
กนธีรินกาแฟมาดื่มตามคำสั่ง พอเข้าปากก็ต้องเบ้หน้า เกือบบ้วนทิ้งแล้วเพราะขมสุดๆ แต่เด็กมันยืนมองอยู่เขาเลยจำใจกลืนลงท้องไป “อร่อยครับ”
..ถ้าไอ้โอ๊ตเป็นเมียเขา..เขาก็คือพ่อบ้านกลัวเมียดีๆนี่เอง..
อินทัชยิ้มระรื่น เท้าแขนกับหลังคารถ หลุบตาลงมองคนที่สตาร์ทเครื่อง
“ลืมอะไรหรือเปล่าพี่”
“ไม่นะ” กนธีเช็กดูแล้ว กระเป๋าเงิน โทรศัพท์ แว่นกันแดด หูฟัง กระติกกาแฟ ได้มาครบถ้วน “อ้อ..คาดเข็มขัด” เขาดึงเบล์ทมาเสียบและยิ้มให้น้อง
“ลืมนี่ต่างหากครับ” เด็กหนุ่มแตะปากตัวเอง
อีกคนเลยยิ่งเก้อเขิน จูบมันไปหนหนึ่งตอนที่เด็กก้มมาหา
..ความรักเนี่ย..หวานกว่าน้ำต้มผักจริงๆว่ะ..
กนธียิ้มค้างอยู่แบบนั้นกระทั่งออกจากคอนโด ขับได้สักพัก เขาก็ตบหัวตัวเอง ดันลืมสำเนาเอกสารที่จะให้ลูกค้าดูไว้บ้านใหญ่ สุดท้ายก็ต้องวกกลับ
อ้นกับอุ้มหูผึ่งเมื่อได้ยินเสียงรถพี่กุนต์ เด็กๆวิ่งมารอรับหน้าบ้าน พอดีคุณป้ายืนคอยพี่กุนต์อยู่ก่อนแล้ว ในมือมีซองสีน้ำตาล พอเจ้าตัวมาก็ส่งให้เลย
“อ้าว..ว่าไงครับ” กนธีลดกระจกหน้าต่าง “ตื่นเช้ากันจัง” ถ้าเป็นเขานะ ปิดเทอมแบบนี้จะล่อมันสักสิบโมงค่อยลงจากเตียง
เจ้าตัวน้อยยกมือไหว้เขากันหน้าสลอน “พี่กุนต์จะไปไหนครับ”
“พี่มีธุระต้องไปต่างจังหวัดครับลูก” เขายิ้มให้ นึกขึ้นได้ “อยากไปกับพี่ไหม นั่งรถเล่นกัน เสร็จงานแล้วจะพาไปปากช่อง ไปซื้อข้าวโพดหวาน”
ไม่รอให้พี่กุนต์ชวนรอบสอง อ้นกับอุ้มก็กระโดดขึ้นรถมาเรียบร้อย
กนธีหัวเราะ หันมาบอกแม่บ้านที่ยืนยิ้มเอ็นดู “รบกวนช่วยหยิบเสื้อกันหนาวให้น้องหน่อยครับ แอร์มันเย็น เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
ป้าหายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมเสื้อสองตัว “มือถือน้องอ้นค่ะ คล้องคอไว้นะ ระวังหาย” แกส่งซองพลาสติกที่มีสายห้อยให้น้อง
“ขอบคุณค้าบ” อ้นยิ้มดีใจ เดี๋ยวจะถ่ายรูปข้าวโพดมาอวดพี่โอ๊ต
“คุณยายเป็นยังไงบ้างครับ ทานข้าวเช้าหรือยัง”
“ตอนเจ็ดโมง พยาบาลเอาไปให้ แต่คุณยายไม่ค่อยหิวค่ะ ทานซุปใสได้นิดเดียวก็ขอไปนอน” แกรายงานให้ฟัง “ดูเพลียๆแต่ไม่น่าจะมีอะไร”
“โอเค ผมฝากด้วยนะ ถ้ายังไงโทรหาผมได้ตลอด หรือโทรหาโอ๊ตก็ได้”
แม่บ้านยิ้มรับ โบกมือบ๊ายบายน้องๆกระทั่งคุณกนธีขับออกไป
อ้นมานั่งเบาะหน้า ส่วนน้องอุ้มนั่งด้านหลัง พี่กุนต์ให้น้องคาดเข็มขัดนิรภัยด้วย ถึงลุงจะขับช้าเป็นเต่าแต่ก็ปลอดภัยเอาไว้ก่อน
“พี่โอ๊ตไม่ไปด้วยหรือครับ” อ้นเงยหน้าถามผู้ใหญ่ด้านข้าง
“พี่โอ๊ตติดสอนเลยอดไปครับ”
“ดีเลย วันนี้พี่กุนต์เดทกะอ้น เดทกะอุ้มแทน” เด็กชายยิ้มเผล่
กนธีสำลักหน้าแดง “ไปรู้จักคำว่าเดทตอนไหนเนี่ย..หืม”
“พี่โอ๊ตเคยพูดให้หนูฟัง” น้องอุ้มที่นั่งพุงป่องอยู่เบาะหลังเล่า
“เดทแปลว่าเที่ยว อ้นรู้นะ”
“โอเคครับ..งั้นหนูๆไปเดทกับพี่แล้วกัน” เขากลั้นขำ “วันนี้ลุงฮอทจริงๆ มีทั้งหนุ่มเอ๊าะหนุ่มกระเตาะ..” แบบฟันน้ำนมเพิ่งหัก “มาเดทด้วยตั้งสองคน”
กนธีขับรถไปยังจุดหมายที่อำเภอวังม่วง สระบุรี ถึงจะตื่นเช้าแต่ก็ไม่รู้สึกง่วงเลยเพราะมีเจ้าตัวน้อยสองคนคอยชวนคุยตลอดเวลา ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่อง ‘นินทา’ พี่ชายคนโตเสียมากกว่า
“พี่โอ๊ตน่ะ เดี๋ยวนี้ส่องกระจกบ๊อยบ่อย” อ้นบอก “แล้วก็เลือกเสื้อตั้งนาน ตัวนั้นไม่ดี ตัวนี้ไม่เอา เพิ่งตัดผมมาก็จะไปตัดใหม่ อยากได้หล่อๆ”
กนธีกลั้นขำจนตัวโยน ไส้ศึกในบ้านนี่อันตรายจริงๆ
“หนูเอาเยลลี่มาทาขา พี่โอ๊ตก็ดุ” น้องอุ้มบ่นบ้าง
“แต่แอบมาใช้เต้าหู้ของน้องอุ้มแล้วไม่บอก”
เขาหัวเราะพรืด..นึกคึกอะไรของมันเนี่ย
“พี่กุนต์เคยเห็นหนูเต้นไก่ย่างอ๊ะยาง~”
“ยังเลย” กนธีมองกระจกหลังแล้วยิ้มให้ “หมูย่างถูกเผางี้หรือ”
“ไก่ๆ หนูเป็นไก่ ไม่ได้เป็นหมู” น้องอุ้มส่ายหัว “ไก่ย่างถูกเผา อ๊า~”
“โหย..อยากเห็นจัง ไก่อุ้มจะน่ารักขนาดไหนนะ”
“หนูเต้นเพราะพี่โอ๊ตจะเลี้ยงไอติม” อุ้มตีปีกพั่บๆ “รถมาจอดด้วย! แต่พอถึงบ้าน พี่โอ๊ตก็เบี้ยวอ่ะ เอายาคูลท์แช่เย็นให้หนูกินแทน”
“โธ่..” กนธีหัวเราะอย่างสงสาร “เอาไว้คราวหลังแก้แค้นพี่โอ๊ตกันเนอะ”
อ้นพยักหน้าแบบเห็นด้วย “อ้นจะเอาหมากฝรั่งพี่โอ๊ตมาเป่าให้หมด!”
“โอเค เดี๋ยวพี่ช่วยเป่า” เขาแปะมือแท็คทีมกับเด็กๆ
..ถ้ารู้ว่าหมากฝรั่งของอ้นคืออะไร เขาจะรีบถอนคำพูดมันตอนนี้เลย..
ขับรถมาได้ชั่วโมงกว่า กนธีได้ยินเสียงร้องเบาๆอยู่ด้านหลัง พอเหลือบมองกระจกก็เห็นน้องอุ้มทำหน้าดำหน้าแดง ขนลุกตัวสั่นอยู่ตามลำพัง
“เป็นอะไรครับอุ้ม” เขาเบาแอร์ลง “หนาวหรือเปล่า”
น้องส่ายหัว เอาสองมือดึงกางเกงแล้วหน้าเบ้ “หนู..ปวด..ฉี่”
ชายหนุ่มร้องในลำคอ ตบหน้าผากตัวเองเมื่อน้องอ้นหันมาพยักหน้าเหมือนกัน เขานี่มันใช้ไม่ได้เลย ลืมถามเด็กๆไปสนิท น้องเกรงใจจนไม่กล้าบอก
“รอแป๊บนะลูกชาย พี่จะแว้นเข้าปั๊มให้เดี๋ยวนี้แหละ กลั้นไว้ๆ”
อีกประมาณกิโลเมตรจะมีปตท. กนธีเลยเข้าเลนซ้ายแล้วรีบหาที่จอด พอดับเครื่องและล็อครถได้ก็รีบพาเด็กๆวิ่งฉิวเข้าไปชิ้งฉ่อง
อ้นตัวสูงกว่าน้องเลยใช้โถด้านหน้าได้ไม่ยาก แต่น้องอุ้มตัวสั้นนิดเดียว พี่กุนต์ต้องพาเข้าไปฉี่ในห้อง อารามรีบร้อน น้องยิ่งรูดซิปผิดๆถูกๆเข้าไปใหญ่
“จะไหลแล้วๆ” น้องอุ้มร้อง “บรื๋อ~”
กนธีรีบถอดกางเกงให้เด็กแล้วน้องอุ้มก็ปล่อยโจ้กลงส้วมซึมแบบสุดกลั้น คงจะทนมาสักพักแล้วแต่ไม่กล้าบอกเพราะฉี่อย่างแรงเป็นครึ่งนาทีเลย
เขาลอบขำ ลูบหัวด้วยความเอ็นดูเมื่ออุ้มส่ายเอวเบาๆเป็นสัญลักษณ์ว่าฉี่หมดกระเพาะเรียบร้อย “โอเค~” เขาก้มลงจุ๊บเหม่ง “ไปล้างมือกัน”
“พี่กุนต์จ๋า” น้องทำปากยู่ “หนูฉี่ใส่รองเท้า..”
คนอายุมากกว่าพยายามไม่หัวเราะแทบแย่ “ไม่เป็นไรครับคนดี เดี๋ยวพี่ล้างให้” บอกน้องอุ้มจับเสื้อเขาเอาไว้แล้วยืนขาเดียว ยกขาขึ้นมาทีละข้าง ตักน้ำใส่ขันล้างเท้าลงในโถให้อย่างเบามือ ตามด้วยการล้างรองเท้าจนเอี่ยมอ่อง
“อ้นฉี่เสร็จแล้ว” อ้นโผล่หน้าเข้ามาดู “ล้างมือแล้วด้วย”
“อุ้มก็เสร็จแล้วครับ” เขาอุ้มน้องไปถูสบู่ที่อ่าง “เดี๋ยวหนูรอข้างหน้านะ ขอพี่เข้าบ้าง” เขาบอก “ใครเรียกไปไหนห้ามไป ใครให้ขนมก็ห้ามรับนะครับ”
อ้นกับอุ้มพยักหน้าแข็งขัน พี่คนกลางจูงน้องเล็กออกไปด้านนอก กนธีทำธุระไป ใจพะวงไป เลยรีบจัดการให้เสร็จแล้วตามออกมา
อ้นกำลังนั่งยองๆเอาทิชชูเช็ดรองเท้าให้น้อง พอเช็ดเสร็จ น้องอุ้มก็ลากพี่ไปล้างมือที่อ่าง อ้นเลยยกตัวน้องขึ้นล้างด้วยอีกคน เขาเห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้
“เก่งจังเลยครับ” กนธีชม บอกคำไหนทำตามคำนั้น ไม่มีดื้อไม่มีซน เชื่อฟังทุกอย่างแล้วยังช่วยดูแลกันและกันอยู่ตลอดเวลาด้วย “เอาล่ะ..หิวกันไหม”
เด็กชายมองหน้ากัน ท่าทางเกรงใจเหมือนเคย
“ไม่เอานะ..ห้ามกลัวพี่จะเสียเงิน” กนธีบอกกติกา เข้ามาจูงอ้นข้างซ้าย จูงอุ้มข้างขวาแล้วพาไปที่ร้านจิ๊ฟฟี่ในปั๊ม “หนูอยากได้อะไรก็บอก ปวดฉี่ก็บอกเลยนะลูกชาย เราคนกันเอง เป็นครอบครัวเดียวกันไม่ต้องเขินอายครับ”
กนธีพาน้องไปซื้อของกิน มีน้ำเปล่า น้ำผลไม้ ขนมกรุบกรอบ นมรสจืด เบอร์เกอร์กับข้าวกล่องและพายมะพร้าว พายทูน่าที่อุ่นร้อนในตู้ “พอไหมครับ”
อ้นกับอุ้มคงจะพุงแตกแน่ๆถ้ากินหมดทั้งถุงยักษ์นี้
“พี่กินข้าวพะแนงดีกว่า” กนธีก้มลงหยิบของตัวเองบ้าง “ไอ้โอ๊ตไม่ยอมให้พี่กินกะทิ ก็คนมันอยากกินอ่ะ ห้ามมากเดี๋ยวมีน้ำโหเลย”
เด็กๆหัวเราะชอบใจ พอพี่กุนต์จ่ายเงินเสร็จก็พาเดินไปขึ้นรถ แต่อ้นยื้อแขนพี่กุนต์สุดแรง น้องถามว่าพี่กุนต์ไม่กินกาแฟดำหรือ
“พี่โอ๊ตชงมาให้แล้วครับ อยู่ในกระติก” เขายิ้ม
“พี่โอ๊ตชงไม่อร่อย อ้นเห็นพี่กุนต์ทนกิน” เด็กชายส่ายหัว “ไปกันๆ ไปซื้อกาแฟ เดี๋ยวอ้นจะเลี้ยงกาแฟพี่กุนต์เองนะครับ”
“โธ่..ไม่เป็นไรครับอ้น พี่กินของพี่โอ๊ตได้ เดี๋ยวกลับบ้านไปกาแฟเหลือเต็มกระติก พี่โอ๊ตจะเสียใจ หาว่าชงให้แล้วไม่ยอมกิน”
อ้นได้ยินแบบนั้น เลยแก้ปัญหาด้วยการเปิดประตูรถแล้วเอากาแฟของพี่โอ๊ตไปเทที่อ่างล้างหน้า อ้นไม่ได้ใจร้ายนะ แต่เห็นพี่กุนต์ทนกินแบบฝืนตัวเองสุดๆมาตั้งแต่ออกจากกรุงเทพแล้ว อ้นไม่อยากให้พี่กุนต์ท้องเสียหรืออาเจียน
กนธีขำพรืด ถ้าเจ้าโอ๊ตรู้จะบ่นยาวแค่ไหนกันเนี่ย
“นี่ถือเป็นความลับนะเด็กๆ อย่าบอกพี่ชายล่ะ”
อ้นทำหน้าจริงจัง “พี่กุนต์ไม่ต้องเอาใจพี่โอ๊ต พี่โอ๊ตชงไม่อร่อย พี่กุนต์ก็บอกได้ครับว่าไม่อร่อย พี่โอ๊ตจะได้ปรับปรุงตัว” น้องเข้าข้างพี่กุนต์เต็มที่ “วันนี้พี่กุนต์กินอเมซอนก่อนนะ รออ้นโต อ้นจะชงกาแฟที่อร่อยกว่าสตาร์บั๊คส์ให้เอง”
เขาหัวเราะก๊าก ชอบใจสุดๆ เด็กน้อยของเขารู้จักสตาร์บั๊คส์ด้วย
น้องอุ้มยืนเอียงคอมอง “หนูชงกาแฟไม่เป็น แต่หนูชงนมเป็นนะ”
“ครับๆ..รอกินจากหนูทั้งสองคนเลยลูก” กนธีหอมหัวเหม่ง มีความสุขมากที่ถูกเด็กเอ๊าะๆเนื้อขบเผาะรุมกันแย่งความรัก กระชุ่มกระชวยชะมัด
อ้นลากพี่กุนต์เข้าไปซื้อกาแฟที่อเมซอน เด็กชายจำได้ดีว่าพี่กุนต์กินกาแฟดำ พอถึงคิวที่ต่อไว้ น้องเลยยกมือขึ้นแล้วพูดเสียงดังฟังชัดกับพนักงาน
“โอเลี้ยงแก้วนึงครับ!”
กนธีกลั้นขำเพราะเอ็นดูเหลือเกิน พวกสาวๆในนั้นก็อมยิ้มกันทั้งแถบ เขาเลยขยับเข้าไปแล้วกระซิบกับคนรับออเดอร์ “แบล็คคอฟฟี่น้ำผึ้งครับ”
อ้นส่งเงินให้พี่คนขายแล้วถอยออกมายืนรอกาแฟให้พี่กุนต์ด้วยความภูมิใจ ส่วนอุ้มก็สะกิดให้พี่อ้นหยิบหลอดกับซองน้ำตาลให้ อุ้มจะรอส่งให้พี่กุนต์
“กินเค้กกันไหมลูก” กนธีลูบหัวเด็กๆ “เอาน้ำอะไรครับ โกโก้? ชานม?”
“หนูเอาโกโก้~” น้องอุ้มยกมือหรา
“อ้นกินกับน้องอุ้มก็ได้ครับ เดี๋ยวน้องอุ้มกินไม่หมด เสียดายเงิน” อ้นช่วยพี่กุนต์ประหยัด แต่สุดท้ายพี่กุนต์ก็ซื้อให้คนละแก้วอยู่ดี
“เอาแซนด์วิชแฮมไปอีกสองอันเนอะ เผื่อไม่อยากกินข้าว” กนธีจ่ายเงินส่วนที่เหลือแล้วจูงน้องออกมา มีเด็กเดินตามแบบนี้ รู้สึกเหมือนพ่อลูกอ่อนเลย
เขาส่งน้องอุ้มไปนั่งเบาะหลัง เอาที่วางแก้วตรงกลางลงมา คาดเข็มขัดให้น้อง ตามด้วยการให้น้องอ้นนั่งเบาะหน้า รัดเข็มขัดและกลับมาประจำที่
“พี่กุนต์กินกาแฟครับ” อ้นส่งแบล็คคอฟฟี่ให้อย่างรู้ใจ
“แบบนี้รักตายเลย” ก้มลงดูดจากหลอดที่น้องยื่นมา “อืม..อร่อยมาก สุดหล่อที่ไหนน้อ เลี้ยงกาแฟพี่แก้วนี้ ดีใจจังครับ”
เด็กน้อยยิ้มยิงฟัน เป็นชัยชนะเล็กๆที่มีเหนือพี่โอ๊ต..ในเรื่องกาแฟ
ใกล้เที่ยง กนธีนัดเจอกับลูกค้าที่ขับรถมาจากบลูสกายวิลล่า รีสอร์ท เขาใหญ่ ทางนั้นพาลูกหลานมาพักผ่อน เลยถือโอกาสคุยเรื่องที่ดิน
เขาพาครอบครัวของลูกค้าไปเลี้ยงข้าวที่ร้านบ้านบนดอยในวังม่วง เด็กๆจะได้เห็นวิวเขื่อนป่าสักด้วย เขาเคยมาหลายหน ที่นี่บรรยากาศดี ลมพัดสบายต่อให้เป็นตอนเที่ยง วิวสวยอยู่บนเนิน มองไปเห็นรถรางวิ่งเลาะเขื่อน
“ปลากับกุ้งที่นี่สดมากนะครับ อาหารอร่อยหลายอย่างเลย”
อ้นกับอุ้มออกจะเกร็งเล็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ แต่ทางนั้นเองก็ดูใจดี ซ้ำยังมีหลานวัยอ่อนกว่ามาด้วย ทั้งคู่เลยช่วยกันดูแล
“ตัวเองชื่ออะไร” เด็กหญิงตัวจ้อยชวนคุย
อ้นที่กำลังเอาคีมคีบน้ำแข็งให้น้องสาวคนนี้อยู่หันมาบอก “พี่ชื่ออ้น”
“เค้าชื่ออุ้ม” ไอ้ตัวเล็กยิ้มเผล่ “เธอชื่ออะไร”
“หนูชื่อคิทตี้” น้องหมุนตัว โชว์กระเป๋าลายคิทตี้
“เค้าไม่รู้จัก เค้ารู้จักแต่ คิดจะพักคิดถึงคิทแคท” อุ้มบอก
กนธีกลั้นหัวเราะ ปล่อยเด็กๆคุยกัน ส่วนตัวเขาก็คุยกับพวกผู้ใหญ่ไป ลูกค้าของเขาเป็นชายวัยเกษียณ อีกฝ่ายพาภรรยามาพักผ่อน พ่วงด้วยลูกชายวัยสามสิบกว่าอีกคนที่เป็นหม้ายลูกติด ทางนั้นเองดูสนใจที่เขาเป็นซิงเกิ้ลแด๊ด
ซิงเกิ้ลแด๊ดอะไรเล่า..ขโมยน้องคนอื่นมา ยังไม่ได้บอกไอ้พี่ตัวร้ายสักคำ
“ลูกชายคุณน่ารักทั้งคู่เลย มีสองคนหรือครับ”
กนธีหัวเราะ “อ่า..ครับ ชื่ออ้นกับอุ้ม จริงๆอีกคนชื่อโอ๊ต แต่ไม่ได้มา”
“ลูกสามคนเชียวหรือครับ” อีกฝ่ายนึกทึ่ง
เขายกน้ำขึ้นจิบ ยิ้มจาง ไม่รู้จะบอกอย่างไรเลยได้แต่ปล่อยผ่าน
..ถ้าไอ้โอ๊ตได้ยิน มันคงควันออกหู..
“ผมเลี้ยงคนเดียวยังแย่ พอดีภรรยาเสียไปแล้วตั้งแต่คลอดน้อง ผมเลยเลี้ยงแกมาเอง” คนเป็นพ่อพูด “โชคดีที่โตมาแล้วสดใสแบบนี้”
ชายหนุ่มฟังอย่างเห็นใจ “การเป็นพ่อต้องใช้พลังกายพลังใจมากเลยล่ะครับ นับถือคุณจริงๆ” สำหรับเขาที่เป็นพ่อคนไม่ได้ รู้สึกยอมรับอีกฝ่ายมาก
“ลูกๆคุณก็น่ารักเหมือนกัน ตัวแค่นี้ดูแลน้องเก่งชะมัด” เขามองน้องอ้นที่ตักข้าวให้ลูกสาว ส่วนน้องอุ้มที่โตกว่าก็อาสารินน้ำให้ด้วย
กนธีได้แต่ยิ้มรับ จะบอกยกความดีให้พี่โอ๊ตก็เดี๋ยวจะมีคำถามลามไปว่าพี่โอ๊ตอายุเท่าไร ถ้าพูดอายุของมัน คงถูกตีความว่าเขาไปทำสาวท้องตั้งแต่อยู่ปีสอง ไอ้จะเล่าว่ารับเด็กมาเลี้ยงก็กระไรอยู่ เอาเป็นพูดไว้แค่นี้พอ
“ไว้แลกไลน์กันนะครับ คบกันไว้ไม่เสียหาย” คุณพ่อลูกหนึ่งยิ้มให้
“อ้อ..ได้สิครับ ยินดี” เขาบันทึกเบอร์อีกฝ่ายและแอดไลน์เรียบร้อย
..เมียช่างจับผิดที่บ้านคงไม่ได้มาค้นมือถือเขาหรอกมั้ง..
ออกจากร้านอาหาร กนธีพาลูกค้าไปดูที่ดิน เขาเอาโฉนดที่ดินตัวก๊อปปี้ที่ได้มาจากเจ้าของให้ดูบริเวณทั้งหมด ที่ตรงนี้ติดกับถนน ด้านหลังเป็นวิวภูเขา น้ำไฟเข้าถึง เดินทางออกง่าย ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เปลี่ยวจนเกินไป
ราคาขายในเรทนี้กำลังพอเหมาะ สำหรับอดีตผู้บริหารธนาคารที่มีเงินก้อนสะสมและไม่มีภาระอย่างอื่น นับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ คุยกันได้พอควร อีกฝ่ายก็ตกลงใจ พวกเขาเลยนัดวันทำการซื้อขายกับทางเจ้าของอีกที
ก่อนที่ครอบครัวนั้นจะแยกย้ายกลับรีสอร์ท พ่อหม้ายหนุ่มยังเดินมาหา
“ไว้เจอกันนะครับคุณกุนต์ ผมจะชวนไปกินข้าว พาน้องๆมาด้วยนะ” เขาก้มลงจูงมือลูกสาว “คิทตี้บ๊ายบายพี่เขาสิครับ เดี๋ยวพี่ๆจะกลับแล้ว”
น้องน้อยโบกมือหยอยๆ ส่งจูบให้พี่อ้นกับพี่อุ้มด้วยแน่ะ
กนธียิ้มเอ็นดู ลูกชายเขานี่..เนื้อหอมแต่เด็กเลยวุ้ย
“เจอกันที่กรุงเทพครับ”
เขายิ้มรับ นายหน้าก็ดีแบบนี้ ได้ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ ได้คอนเนคชั่นอีกเยอะ ยิ่งเป็นครอบครัวนายแบงค์ เขายิ่งรู้จักคนวงในมากขึ้นไปอีก
“เอาล่ะ..เสร็จธุระแล้ว เราไปซื้อข้าวโพดหวานกันลูก”
“พี่อ้นไปกินข้าวโพด~” น้องอุ้มเรียกพี่คนกลาง
น้องอ้นกำลังกดถ่ายวิวภูเขาแชะๆ แต่ส่วนใหญ่จะแอบถ่ายพี่กุนต์ทีเผลอมากกว่า เด็กชายจงใจส่งไลน์ไปให้พี่โอ๊ต รายงานว่ามา ‘เดท’ กับพี่กุนต์
กนธีต้อนน้องๆเข้ารถ ตั้งใจว่าจะโทรบอกอินทัช บ่ายสองกว่า ป่านนี้คงจะสอนเสร็จและกลับบ้านแล้ว พอหยิบมือถือขึ้นมา ยังไม่ทันโทรออก สายเข้าจากเด็กก็แผดลั่น ตามด้วยการโวยวายยกใหญ่ว่าเขาหนีเที่ยว
“ก็ชวนแล้วเราไม่ว่างไม่ใช่หรือไง” เขาส่ายหัวอย่างระอา แต่ปากก็ยิ้ม
‘ไม่ได้บอกนี่ว่าจะเอาไอ้แสบสองตัวไปด้วย ทิ้งผมไว้คนเดียวซะงั้น’
“อายุเท่าไรวะเนี่ยไอ้เด็กโข่ง กับน้องกับนุ่งยังอิจฉา”
‘ไอ้อ้นมันไลน์มาเยาะเย้ยผม บอกว่าพี่โอ๊ตถูกทิ้ง มันส่งรูปกุ้งเผากับปลาเผามาให้ดูด้วย ภาพวิวด้านหลังอีก..ไปเที่ยวเขื่อนป่าสักกันมาหรือไง’
กนธีหัวเราะยกใหญ่ “เอาน่าๆ ไว้คราวหลังจะพามากินสเต็กโชคชัย”
‘หึ..แล้วนี่กำลังจะไปไหนกันครับ’
“ไปซื้อข้าวโพดหวานไร่สุวรรณ กินกะหรี่ปั๊บไหม พายองุ่นก็มีนะ”
.
.
.
[ต่อด้านล่าง]