Chapter 43
หลังคุณยายออกจากโรงพยาบาล อาการก็ยังพอทรงตัว ไม่ได้ทรุดลงไปกว่าเก่า กนธีคอยมาดูแลอย่างดี เขาย้ายกลับมานอนบ้านใหญ่เพื่อจะได้อยู่ใกล้ชิดและคอยพยาบาลอีกแรงเวลาน้องๆไปเรียนหนังสือ
ตอนนี้เพิ่งเปิดเทอมมาได้ไม่กี่วัน ช่วงแรกอินทัชค่อนข้างเครียด แต่พอเขาให้กำลังใจและรับปากหนักแน่นว่าจะช่วยดูแทน ท่าทางของโอ๊ตก็เหมือนจะคลายกังวลไปบ้าง เขาอยากให้มันมีสมาธิกับการเรียนไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เรื่องของคุณยาย ขอให้ปล่อยเป็นหน้าที่ของคนว่างงานอย่างเขาจะดีกว่า
“คุณยาย..ทานนี่สิครับ” กนธีให้ป้าแม่ครัวเอาธัญพืชมาต้มกับน้ำเต้าหู้ ใส่น้ำผึ้งลงไปพอให้หวาน แช่เย็นแล้วเอามาให้ท่านทาน จะได้สดชื่นขึ้น
“ลำบากอีกแล้วลูก” แกนึกละอายใจ แต่ละวันนั่งๆนอนๆ รอคนมาดูแล ต้องคอยรบกวนตาหนูของแกเรื่อยทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดเลย
“อย่าคิดแบบนั้นเลยครับ เราครอบครัวเดียวกัน” เขาประคองท่านนั่งที่โซฟา ปรับอุณหภูมิห้องแอร์ให้อุ่นขึ้นเพราะคุณยายมักจะปวดหัวเข่าบ่อยถ้าเจออากาศเย็น “คุณยายลองทานดู ในนี้มีลูกเดือย ลูกบัว ข้าวกล้อง ถั่วเหลือง งาดำกับงาขาว ผมให้ป้าแกต้มสุกๆ รับรองว่าไม่แข็งครับ”
ยายยิ้มให้ อ้าปากรับช้อนที่อีกฝ่ายป้อน “อร่อยมากจ้ะ”
คุณยายที่ไม่ค่อยทานอะไรกินหมดแบบนี้ ชายหนุ่มรู้สึกชื่นใจไม่น้อย
“วันนี้ไม่เข้าร้านหรือจ๊ะตาหนู” แกรับน้ำมาดื่ม คุณกนธีเป็นคนละเอียด แกเคยเล่าว่าสมัยสาวๆรองน้ำฝนไว้ในโอ่งดินเผาแล้วเอามาลอยดอกมะลิ หอมชื่นใจมาก คุณกนธีเลยเอามะลิที่ปลูกไว้ในบ้านมาลอยในน้ำและแช่เย็นให้เรื่อย
“ช่วงนี้ไม่ต้องไปก็ได้ครับ ร้านปรับปรุงเสร็จเรียบร้อย แถมหุ้นส่วนผมเขาก็ลงจากปากช่องมาดูแทนแล้ว” คุณไผทหายไประยะหนึ่งเพราะต้องจัดการงานทางนั้นเหมือนกัน คราวนี้น่าจะอยู่ได้พักใหญ่เลย เขาก็พลอยเบาแรงลง
“หุ้นส่วนนี่เป็นคุณผู้ชายที่มาบ้านนี้บ่อยๆหรือเปล่าจ๊ะ” ยายชวนคุย
“ไอ้เจ้าไผ่น่ะหรือครับ” กนธีหัวเราะ รู้ได้ทันทีเพราะที่นี่มีคนมาไม่เยอะ เขาบอกแล้วว่ามีแต่คนในครอบครัวเท่านั้นที่จะถูกเชิญ “ไม่ใช่หรอกครับ เป็นอีกคนหนึ่ง คุณยายยังไม่เคยเจอ แต่เขาชวนพวกเราไปเที่ยวบ้านเขา เอาไว้คุณยายแข็งแรงกว่านี้ เราไปเที่ยวปากช่องกันดีไหมครับ อากาศดีมากเลย”
“อยากไปจัง ยายจะรีบๆหายนะ” แกตกปากรับคำก่อนทำท่านึกขึ้นได้ “ว่าแต่..พวกเรามีแต่ผู้ชาย ไปบ้านผู้หญิงกันทั้งกลุ่มแบบนี้จะดีหรือจ๊ะ”
กนธีอมยิ้ม “หุ้นส่วนผมเขาเป็นผู้ชายครับ”
“อ้อ..” แกนั่งเคี้ยวลูกเดือยหนึบหนับ
ยายไม่ได้อยากละลาบละล้วง แค่เลียบเคียงถามแทนหลานเพราะรู้ว่าคุณกนธีคบหาดูใจกับเจ้าโอ๊ต แกเองก็เปิดทางสะดวกเต็มที่ แต่หลานมันทำตัวได้ไม่สมกับเป็นแฟนเท่าไร เลยอดห่วงไม่ได้ว่าคุณกุนต์จะหมดรักมันเข้าสักวัน แค่ห่วงตามประสาคนแก่แหละนะ อยากให้รักกันเข้าไว้ แกจะได้ตายตาหลับ
ว่าแต่..ตอนนี้แกงุนงงไม่น้อยว่าควรจะห่วงเรื่อง ‘มือที่สาม’ ที่เป็นเพศหญิงหรือเพศชายมากกว่ากัน ไอ้ครั้นจะถามตรงๆก็เสียผู้ใหญ่แย่ แต่เอาเป็นว่า..คุณกุนต์ไม่น่าจะมีนิสัยเจ้าชู้ประตูดินชอบมีเมียหลายคนแน่นอน
ที่เหลือก็ขึ้นกับเจ้าโอ๊ตแล้วว่าจะทำตัวดีได้สักแค่ไหน
“คุณยาย..เล็บยาวแล้วนะครับ” กนธีทักขึ้น
“เดี๋ยวให้โอ๊ตมันตัดให้ก็ได้ลูก” ยายแก่แล้ว ตามองไม่ชัดเหมือนก่อน
“ผมทำให้เอง” เขาเดินไปหยิบชุดตัดเล็บมาแล้วนั่งลงด้านข้าง ดึงมือคุณยายมาจับก่อนค่อยๆใช้กรรไกรเล็มส่วนขาวออกอย่างระมัดระวัง “ปล่อยยาวไม่ได้นะครับ ไม่อย่างนั้นถ้าไปชนอะไรจนหักขึ้นมา เลือดมันจะออก” หมอบอกว่าคุณยายเลือดออกง่ายแล้วจะหยุดยาก ต้องระวังไว้ก่อน
ยายมองคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดู หากยิ้มได้ไม่ทันไรก็ต้องตกใจกว่าเมื่ออีกฝ่ายตัดเล็บมือให้เสร็จแล้วลงไปนั่งคุกเข่าที่พื้น ตั้งใจจะตัดเล็บเท้าให้
“ไม่เอาลูก ไม่เอา เดี๋ยวให้เจ้าโอ๊ตมาช่วย” แกลนลาน
“คุณยายไม่ต้องกลัว ผมสายตาดีนะ” กนธียิ้ม
“โธ่..ยายไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น” หญิงชรายื้อเท้าออกจากฝ่ามือแต่ตาหนูรั้งไปวางพาดตักเสียแล้ว แกยิ่งยักแย่ยักยันใหญ่ “อย่าลูก เท้ายายสกปรก”
กนธีส่ายหัว ไม่ฟังที่ท่านท้วง เขาปลอบให้นั่งนิ่งแล้วตัดเล็บเท้าให้ด้วยความเบามือที่สุด เล็บยาวๆถ้าไปเดินเตะขาโต๊ะจนฉีก ท่านคงเจ็บแน่
ยายนั่งน้ำตาร่วงจนคนที่กำลังตะไบเล็บให้เรียบเสมอกันเงยหน้ามอง เขาชะงัก รีบร้อนถามว่าตัดโดนเนื้อหรือเปล่า
“เปล่าจ้ะ” แกปาดน้ำตา “แค่รู้สึกว่าทำบุญมาด้วยอะไรถึงได้เจอคุณ”
“คุณยาย..แค่ตัดเล็บเอง” กนธียิ้มบาง
“ทุกๆเรื่องที่ทำให้ยาย..นับว่าเมตตาคนทุกข์คนยากเหลือเกินลูกเอ๊ย..” แกเอาหลังมือเช็ดน้ำตาทิ้ง ยกมือขึ้นไหว้ “ขอบคุณที่ไม่รังเกียจยายนะจ๊ะ”
เขารีบจับมือท่านไว้ “อย่าครับอย่า..ผมทำด้วยความรู้สึกของหลานคนหนึ่ง คุณยายอย่าคิดมาก ผมบอกแล้วว่าผมจะดูแล ผมก็จะทำให้เต็มที่”
“ยายไม่มีอะไรจะตอบแทนเลยลูก”
กนธีส่ายหัว “การทำให้ด้วยใจ ไม่หวังผลตอบแทนหรอกครับ”
แกยิ้มจาง “แม้แต่หลานของยาย..ถ้ายกให้ก็ไม่อยากได้หรือจ๊ะ”
คนฟังชะงัก เกือบทำตะไบเล็บร่วงพื้นแล้ว ได้แต่เงยหน้ามองตื่นๆ
“คุณยายพูดอะไรครับ..” เขาก้มหน้าก้มตาวุ่นวายกับเล็บท่านใหม่
แกเอื้อมลงไปดึงมือของคุณกนธีมากุมไว้ “ยายรู้ว่าคุณกับเจ้าโอ๊ตเป็นแฟนกัน ยายแค่อยากพูดขอคุณมาเป็นหลานแบบจริงจังเท่านั้น”
กนธีสำลักแค่ก..คุณยายรู้เรื่องนี้มานานหรือยังนี่!
“น่าเสียดายที่ครอบครัวยายเป็นแค่คนจนๆ มายกเจ้าโอ๊ตให้คุณแบบนี้ คุณจะคิดมากหรือเปล่าว่าเป็นการผลักภาระหลานให้คุณทั้งชีวิต”
เขาส่ายหัวหวือ “ไม่คิดครับ..ไม่เคยคิดเลย”
ยายมองด้วยสายตารักใคร่เอ็นดู “ยายยกไอ้ตัวโตให้คุณ แต่ไม่ต้องไปดูแลมัน ให้มันน่ะเป็นฝ่ายดูแลรับใช้คุณ ยายให้สิทธิ์คุณจัดการมันได้เต็มที่เลย จะดุด่า จะตีจะฟาดยังไงก็ทำแทนยายด้วยเพราะยายคงอยู่อบรมมันได้ไม่นาน”
“คุณยาย..” กนธีพูดไม่ออก
“มีแต่คุณเท่านั้นที่ยายอยากยกเจ้าโอ๊ตให้ และมีแต่มันเท่านั้นที่ยายอยากให้มาดูแลคุณ ขอแค่ว่าต่อให้หมดรักแล้ว ก็ให้มันได้อยู่ช่วยเหลือคุณไปทั้งชีวิตจะได้ไหม” แกยิ้มบาง “ถึงโอ๊ตมันจะเทียบคนอื่นไม่ได้แต่ยายมั่นใจว่าหลานยายมีดีที่ความซื่อสัตย์ คุณไว้ใจ..วางใจในตัวมันได้เสมอ”
คนดีๆอย่างคุณกนธี คนที่ไว้วางใจในตัวคนอื่นและทุ่มเทให้เต็มที่อย่างไม่คิดอะไรและไม่หวังผลตอบแทน ยายห่วงว่าจะถูกเอาเปรียบ ถ้าเป็นเจ้าโอ๊ต ต่อให้คุณกนธีเลิกเอ็นดูและทิ้งขว้าง ยายก็เชื่อว่ามันจะไม่มีวันทรยศอีกฝ่ายแน่
“หลานยายคนนี้ เชื้อแม่มันแรง ลองถ้าได้ตัดสินใจรักใครสักคนอย่างจริงจัง รับรองว่ามันไม่มีวันเอาใจออกห่าง จะให้ตายแทนกันก็ยังได้”
“โธ่..ผมไม่ขอถึงขั้นนั้นหรอกครับคุณยาย” กนธีดึงมือท่านมากุม อุ่นในอกอย่างถึงที่สุด ไม่คิดว่าจะได้รับการยอมรับอย่างง่ายดาย
“แต่มันออกจะเด็กๆ ใจร้อนและโง่เง่าอยู่สักหน่อย ขอให้คุณช่วยอดทนและเมตตามันจนกว่าจะถึงวันที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวได้ไหมจ๊ะ” ยายลูบแก้มอีกคน “หนักนิดเบาหน่อยให้อภัยมันนะลูกนะ ไว้หมดรักแล้วจะเลิกจะร้างก็ค่อยว่ากัน”
กนธียกมือไหว้คนอายุมากกว่า แกก็ก้มลงกอดเขาแน่น หอมแก้มฟอดใหญ่และอวยพรตามประสาผู้สูงอายุ ทำเอาเขาขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาเลย
อินทัชเพิ่งกลับมาถึงบ้านใหญ่หลังจากเลิกเรียน พี่กุนต์ให้คนขับรถไปรับเขาถึงคณะและรับอ้นกับอุ้มกลับมาพร้อมกัน พอเข้ามาในห้องรับแขกเห็นยายกับพี่กุนต์กอดกันตัวกลมก็งุนงง ไม่รู้เกิดเรื่องอะไรขึ้น
“มีอะไรกันหรือเปล่าครับนี่” เขาวางเป้ไว้ที่เบาะ
กนธีหันมามอง ยายเห็นแล้วก็อมยิ้ม ก้มลงกระซิบข้างหู
“ว่าก็ว่าเถอะตาหนู..ตัวโตเป็นควายแบบนี้ คุณเอามันทำเมียลงหรือ”
คนฟังสำลักพรวด หน้าแดงก่ำก่อนจะหัวเราะออกมาแบบกลั้นไม่อยู่
อ้นกับอุ้มส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาหา เด็กๆไหว้พี่กุนต์กันหน้าสลอน
“ไงครับลูก..เด็กดีของพี่ วันนี้คุณครูให้การบ้านมาหรือยัง” เขาหอมหัวเหม่งน้องทีละคนตามคำขอ ทั้งสองคนโถมเข้ากอดรัดใหญ่จนเขาเกือบล้ม
อินทัชมองพี่กุนต์ที่ลุกขึ้นนั่งบนโซฟา เพิ่งสังเกตเห็นอุปกรณ์ตัดเล็บวางไว้กับพื้นพรม เขาตกใจที่รู้ว่าเจ้าตัวตัดเล็บเท้าให้ยาย
“พี่! ผมทำเอง”
กนธียิ้มแก้มปริ โบกมือปัดๆ “เรียบร้อยแล้ว ไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าวกันเถอะ คุณยายรอนานแล้ว” เขาผละไปล้างมือและประคองท่านไปที่โต๊ะ มีลูกลิงอีกสองหน่อห้อยตามกันเป็นพรวน ต่างฝ่ายต่างแข่งกันเล่าเรื่องในชั้นเรียน
อินทัชมองด้วยความรู้สึกอุ่นซ่านในใจ พี่กุนต์เดินผ่านหน้าเขากลับมาเพื่อหยิบยาให้ยาย กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆผ่านจมูก ร่างสูงได้ทีเลยคว้าแขนไว้แน่น
“หือ..อะไร” กนธีมึนงงตอนที่ถูกลากไปข้างกระจก
ข้างนอกมืดแล้ว เด็กหนุ่มตวัดผ้าม่านตรงบานเลื่อนมาบังพวกเขาสองคนไว้จนมิดก่อนจะก้มลงกดจูบเบาๆที่ปากนุ่ม มือหนึ่งกำม่านไว้ อีกมือกระชับอ้อมกอดเข้าหา พี่กุนต์มองเขาอย่างตื่นๆด้วยดวงตากลมโตเหมือนลูกหนู
..บ้าชะมัด..ทำไมทำตัวน่ารักแบบนี้วะ..
“ขอบคุณนะครับ..ที่ดูยายแทนผม” เขาโน้มลงหอมแก้ม
ปลายจมูกโด่งซุกลงแถวกลุ่มผมสีดำ กลิ่นหอมของแชมพูที่สระร่วมกันทำให้ใจหวั่นไหว ตอนนี้หนูกุนต์ของเขามีผมสีขาวเป็นบางเส้นแล้ว แต่ว่ายิ่งมีก็ยิ่งน่ารัก..เหมือนกับอุปนิสัยต้วมเตี้ยมและอืดอาดแบบเต่าคลานนั่นแหละ
“ฮื่อ..ไม่ต้องมาทำซึ้ง ยายโอ๊ตก็เหมือนยายพี่” เขาหลบไอ้เด็กแก่แดด
“จูบหน่อยครับ” อินทัชขอ
“นี่มันตรงกระจกนะเว้ย” กนธีเขกหัวมัน ถอยออกจากม่าน “ปล่อย~”
ร่างสูงหัวเราะ ตามมากอดรัดแต่พี่กุนต์หนีออกไปได้ ถ้าไม่ติดว่ามีป้าแม่บ้านเดินมาในห้องรับแขก เขาจะลากตัวกลับมาฟัดแก้มอีกหน
“ไปล้างมือล้างหน้าแล้วมากินข้าว เร็วเข้า”
อินทัชอิดออดเล็กน้อย เขาปลดกระดุมเชิ้ตหลวมๆแล้วพับแขนเสื้อขึ้นเหนือข้อศอก พอเงยหน้าก็เห็นพี่กุนต์จ้องอยู่ เขาคิดว่าพี่กุนต์ชอบเขาในลุคนี้นะ เพราะเวลาใส่เชิ้ตพับแขนกับกางเกงสแล็คทีไร ถูกมองไม่วางตาเรื่อย
“ชอบหรือครับ” เขาถามยิ้มๆ “เวลาผมพับแขนเสื้อแบบนี้”
“ชอบ..เอ้ย..” กนธีแทบกัดปาก “ชอบอะไร ไม่รู้เรื่อง”
“ก็ชอบหนุ่มวิทย์กีฬาในชุดนักศึกษาไง” พูดเองยังรู้สึกลามกเอง “ถ้าเป็นหมออาจจะได้แห้งๆแบนๆ แต่ถ้าเป็นนักกีฬาก็แน่นๆเต็มไม้เต็มมือ”
กนธีเบือนหน้าหนี..ไอ้เด็กเปรต! “หึ..หลงตัวเองเข้าไปเถอะ ทำให้พี่ช้ำใจเมื่อไรจะทิ้งให้น่าดู! ชีวิตอยู่ในกำมือพี่แล้วนี่ จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด!”
อินทัชงุนงง พูดแบบนี้คิดว่าพี่กุนต์ต้องมีลับลมคมในกับยายแน่เลย
“ครับๆ..จะบีบจะคลายก็แล้วแต่พี่เถอะ” เขายิ้มบาง รีบไปล้างมือแล้วเดินมาจูงพี่กุนต์ไปที่โต๊ะอาหาร ดูสิ..จับมือแค่นี้ หนูกุนต์ตัวร้อนผ่าวเลย
..ใครตายใครรอดกันแน่ เดี๋ยวก็คงได้รู้..
มื้อเย็นวันนี้มีแต่ของโปรดเด็กๆ อ้นกับอุ้มผลัดกันเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟัง แค่เสียงพูดไม่หยุดของน้องก็ทำให้โต๊ะอาหารครึกครื้นขึ้นมาได้แล้ว
“พี่กุนต์จ๋า วันศุกร์นี้มีประชุมผู้ปกครองน้า” อ้นบอกอีกครั้ง
“เมื่อเช้าก็เตือนพี่กุนต์ไปแล้วไงไอ้บ๊อง” อินทัชรำคาญมันเหลือเกิน คิดจะบอกทั้งเช้าสายบ่ายเย็นเลยหรือไง “แกล้งไม่ให้ไปดีไหม”
“ไม่เอา อย่าแกล้งอ้น~”
“ก็น่ารำคาญนี่” จริงๆแล้วพี่ชายคนโตก็แค่อิจฉาน่ะ
กนธีหัวเราะ ตักทอดมันใส่จานของเจ้าโอ๊ต มันจะได้เงียบปากซะ
“พี่ไม่ลืมแน่นอนครับ เคลียร์งานแล้ว ถึงมีสงครามโลก พี่ก็จะไปประชุมผู้ปกครองให้อ้นแน่ๆ” เขาบอกด้วยดวงตาเป็นประกาย ความมุ่งมั่นแรงกล้า
น้องอุ้มสูดวุ้นเส้นดังจ๊วบ พี่อ้นมัวแต่เกี่ยวก้อยสัญญากับพี่กุนต์ อุ้มเลยเอาส้อมเสียบหอยจ๊อชิ้นสุดท้ายของพี่อ้นมากินเรียบร้อยโรงเรียนมิชลินเลย
“อ๊าา! หอยจ๊อของพี่~” อ้นทำท่าเหมือนใจสลาย มองน้องอุ้มที่นั่งเคี้ยวกร้วมๆ ลอยหน้าลอยตาได้น่าตีแก้มมาก
อินทัชเห็นแล้วนึกมันเขี้ยว กุ้งในจานมันเขาก็ฉกมาเข้าปาก เกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กๆบนโต๊ะ กนธีกับคุณยายเห็นแล้วได้แต่หัวเราะตาม
..ความสุขของชีวิตมันไม่ได้ไกลเกินเอื้อมถึงหรอก..
เสร็จจากมื้ออาหาร กนธีพาเด็กๆมานั่งทำการบ้านที่ห้องรับแขก พอสักสองทุ่มก็ต้อนน้องไปอาบน้ำ จับทาแป้งแล้วให้ดูทีวีจนสามทุ่มค่อยเข้านอน
“นอนกันดีๆ อย่าทะเลาะกันนะครับ” เขายังขำไม่หาย น้องอ้นเหมือนจะงอนน้องอุ้มนิดหน่อย แต่เป็นพี่ชายเลยต้องเสียสละ
อุ้มทำปากยู่ เอาหน้าไถแขนพี่อ้นแล้วง้อ “พรุ่งนี้หนูจะซื้อลูกชิ้นมาให้”
“ลูกชิ้นมันลูกเล็กกว่าหอยจ๊อนี่” อ้นไม่ได้เคืองนะ แค่อยากแหย่
“เอาลูกชิ้นปลาระเบิดระเบ้อก็ได้ฮะ” ไม้ละสิบบาท อุ้มบ่อจี๊เลย
กนธีอมยิ้ม ปล่อยให้เด็กๆนอนคุยกันสองคนพี่น้อง เขาปลีกตัวออกมา ปิดไฟห้อง เหลือไว้แต่ไฟดวงเล็กแถวห้องน้ำเผื่อน้องลุกมาฉี่กลางดึก
อินทัชออกมาจากห้องยาย เขาเพิ่งพาแกไปพัก พอเห็นพี่กุนต์ปิดห้องไอ้สองแสบก็เดินมาหา จูงมืออีกฝ่ายไว้ตามความเคยชิน
“พี่กุนต์อาบน้ำหรือยัง” เด็กหนุ่มชวนคุยระหว่างขึ้นบันได
“ยังครับ ถ้าโอ๊ตง่วงก็ไปอาบก่อน พี่รอได้”
“ไม่ได้ง่วง แค่จะชวนอาบด้วยกัน”
คำพูดแบบยิงตรงถูกโพล่งออกมาแบบหน้าไม่อาย ทำเอากนธีเกือบไปต่อไม่ถูก เด็กอายุน้อยนี่มันดีจังนะ ทำอะไรก็ลุยเลย ไม่ต้องคิดมากเหมือนคนแก่
“ไม่ต้องมาวุ่นวายน่า” กนธีทำนิ่งกลบเกลื่อน แต่หูเป็นสีแดงจนเจ้าโอ๊ตจับไต๋ได้ มันหัวเราะชอบใจ เอานิ้วมาขยี้หูเขาเล่น ไอ้เด็กเปรตเอ๊ย!
“น่า..อาบด้วยกัน ห้องน้ำออกจะกว้าง ผมกลัวผี..”
เด็กผู้ชายสมัยนี้..ยอมแพ้มันจริงๆไอ้ขี้โกหก!
สุดท้ายแล้วกนธีก็ทนการรบเร้าไม่ไหว เขาไม่ได้ใจอ่อนหรอกแค่ปฏิเสธไม่ค่อยเป็น พอมันดึงแขนเข้าห้องน้ำและปิดประตูตีแมว เขาก็จบเห่เท่านั้นเอง
สรุปว่าคืนนั้นกว่าจะเสร็จก็ปาไปชั่วโมงกว่า เพราะไม่ได้จบแค่สระผมและถูสบู่ แต่ยังลามไปถึงการใช้เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าทำอะไรต่อมิอะไรด้วย
“โธ่เอ้ย..” กนธีเดินขาลากออกมา ระบมเอวไปหมด มันคิดว่าเขาอายุเท่าไรกัน สิบแปดหรือไง! คนนะเว้ย ไม่ใช่หินปูน ทำอะไรไม่บันยะบันยังเลย
อินทัชหน้าตาผ่องใสเหมือนตะบองเพชรได้น้ำ เขาหยิบชุดคลุมมาสวมลวกๆแล้วรีบตามมาประคองตัวพี่กุนต์ไปนั่งตรงเตียง หนูกุนต์ของเขาตัวอุ่นและหอมฉุยไปหมดเพราะอาบครีมไปครึ่งชั่วโมง..ก็มันไม่มีเจลช่วยหล่อลื่นนี่นา
“คิดจะฆ่ากันหรือไง” กนธีบ่นอุบ ปวดยอกบั้นเอวจนต้องเอามือคลำ
อินทัชดูระรื่น เขาคุกเข่าลงกับพื้นพรมพลางรั้งปลายนิ้วอีกฝ่ายมาจับ
“ไหน..เอามือมานี่สิครับ ผมว่าเล็บพี่ยาวแล้วนะ”
“ยังไม่ยาว” กนธีเถียง แต่พอเด็กมันหันให้ดูรอยข่วนกลางหลังก็ต้องหุบปากเงียบ เออเว้ย..ทำเอาเจ้าโอ๊ตเลือดซิบเลย
“ผมจะตัดให้ อย่าดื้อด้าน ไม่อย่างนั้นจะฟาดก้น”
“ไอ้เด็กเวร”
อินทัชยิ้มมุมปาก เวลาเขินๆนี่พี่กุนต์ชอบแก้เก้อเรื่อย เขารู้แกวเสียแล้วเลยไม่อยากต่อล้อต่อเถียง ได้แต่ตัดเล็บมือให้กนธีอย่างอ่อนโยน
“นั่งดีๆครับ” พอเสร็จเรียบร้อย เด็กหนุ่มก็ดึงเท้าเปลือยมาพาดตัก
“เฮ้ยๆ เล็บเท้าไม่ต้อง พี่ตัดเองได้” เขาชักหลบแต่โอ๊ตไม่ปล่อย
“แลกกันพี่” อินทัชอมยิ้ม “พี่ดูแลยาย ผมดูแลพี่”
กนธีมองน้องด้วยความอุ่นซ่านในใจ แค่มันแตะเขาเบาๆ เขาก็หวามไหวจนนั่งไม่ติดเตียงแล้ว ไม่ต้องพูดถึงสายตาที่คอยเหลือบขึ้นมองกันเลย
“มีใครเคยบอกไหมว่าพี่กุนต์ตัวขาวมาก” อินทัชพึมพำ นวดคลึงปลีน่องให้ด้วยความเบามือ “ขาวจั๊วะตั้งแต่ข้างบนยันข้างล่าง”
คนอายุมากกว่าเลยเขกหัวมัน “ชมไปก็ไม่ได้ทิปหรอกน้อง”
ร่างสูงหัวเราะ ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตั้งตัว เขาก็ก้มลงจูบที่หลังเท้าขาว
“โอ๊ต..” กนธีดูตื่นๆ ซ้ำยังตื่นมากขึ้นเมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนไล่จูบขึ้นสูง
อินทัชเลิกชายผ้าคลุมที่ปิดช่วงขาไว้หมิ่นเหม่ออก ใบหน้าหล่อเหลาโน้มคลอเคลีย ใช้มือบีบคลึงเป็นการกระตุ้นเร้าแผ่วเบา เขาวนปากไล่ ขบเม้มและกดจูบย้ำจนถึงต้นขาเพรียว ใช้ปลายนิ้วสัมผัสความอุ่นชื้นที่นุ่มละมุน
กนธีครางแผ่ว เผลอขยุ้มปอยผมสีเข้มที่ตกระแถวช่วงล่าง
“พอเถอะโอ๊ต..พี่จะไม่ไหวแล้ว”
“ผมไม่รบกวนมากหรอกครับ” อินทัชหยัดตัวขึ้น หอมแก้มคนตรงหน้าแล้วค่อยๆผลักไหล่กนธีลงนอนราบกับฟูก ปลดสายเสื้อคลุมออกอย่างคุ้นชิน
“โอ๊ต..” ปรามเสียงพร่าทั้งที่รู้ว่าไม่มีความหนักแน่นพอ
“พี่แค่นอนเฉยๆก็ได้” เขายิ้ม เกลี่ยปอยผมที่ยังเปียกอยู่ให้พ้นใบหน้าได้รูปก่อนจะยกรั้งขาเปลือยขึ้นแนบเอว สอดตัวลงตรงกลาง
“เดี๋ยว..ถุงยาง” กนธีท้วง ในห้องน้ำไม่ได้ใช้ ครั้งที่สองนี่ก็ใช้เถอะ
อินทัชเหลือบมองไปตรงลิ้นชักหัวเตียง พูดออกมาหน้าตาย
“หมดอายุไปแล้วครับ เอาไว้งวดหน้าแล้วกัน”
................................................................................
[ต่อด้านล่าง]