Chapter 46
ปิดกีฬาเฟรชชี่ อินทัชยิ้มได้ทั้งวันเพราะผลสรุปออกมาคณะของเขาได้เหรียญไปครองมากที่สุด ที่สำคัญ ทีมบาสของเขาได้เหรียญทองมาด้วย
คืนนี้เขามาร่วมพิธีปิด พอทุกอย่างเสร็จแต่ละคนก็แยกย้ายกันกลับ พวกเพื่อนๆนัดกันไปต่อ แต่เขาโทรคุยกับพี่กุนต์แล้ว พี่เขาบอกว่าจะมารับ
“แน่ใจหรือวะว่าจะไม่ไปด้วยกัน” เพื่อนในกลุ่มร้องโอด “ถือซะว่าพาน้องไปเลี้ยงด้วยไง จะรีบกลับไปถึงไหนวะ กลัวบ้านหายเรอะ”
อินทัชหัวเราะ เขาเคยทำงานกลางคืนก็จริง แต่ไม่ชอบการไปสังสรรค์ตอนกลางคืนเอาเสียเลย เสียงอึกทึกหนวกหู เหม็นทั้งบุหรี่และกลิ่นเหงื่อคน
“ไม่ไป นัดกับพี่กุนต์ไว้แล้ว”
“เออ..ไอ้เด็กดี เด็กใสๆ กลับไปกินนมนอนเลยนะมึง”
เขายักไหล่ไม่ถือสา ก้มหน้าส่งไลน์ระหว่างเดินไปคณะ พี่กุนต์ถ่ายภาพสัญญาณไฟจราจรที่ขึ้นเวลาเป็นร้อยมาให้ ท่าทางว่าอีกครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึง
‘บาสของพวกผมได้เหรียญทอง’
ทางนั้นตอบมา ‘ได้โค้ชเก่งก็งี้แหละครับ’
เด็กหนุ่มอมยิ้มอยู่คนเดียวพร้อมกับส่งสติ๊กเกอร์เขินอายกลับไป
เขาไม่ได้ติดคำชม เขาเพียงแต่อุ่นอวลในอกเวลาที่มีใครเห็นคุณค่าในตัวเขา พี่กุนต์เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบ สนับสนุน และคอยเป็นกำลังใจให้ในสิ่งที่เขาทำมาโดยตลอด ทั้งยังไม่เคยลังเลที่จะแสดงออกมาให้เขารับรู้
เขากลายเป็นคนสำคัญ เพราะใครคนนั้นให้ค่าความสำคัญในตัวเขา
‘คืนนี้วันศุกร์..ฉลองกันนะครับ’ อินทัชพิมพ์ไป ‘ค่อยตื่นสักสิบโมง’
‘555+’ พี่กุนต์ส่งสติ๊กเกอร์ ‘อยากกินเกรียบกุ้งคาลบี้’
‘โอเค เดี๋ยวซื้อให้พี่ มาดื่มกับผมด้วยนะ’
‘ว่าไงว่าตามกัน ตามใจพี่โอ๊ตครับผม’
คำตอบนั้นทำให้เขาหลุดยิ้ม และเขาคงไม่รู้ตัวว่าทำสีหน้าแบบไหนลงไป ถ้าเพื่อนในกลุ่มจะไม่สะกิดกันเป็นทอดๆให้หันมาดู
“พักนี้ติดโซเชียลนะมึงน่ะ” มันชะโงกมามอง “ไหน..คุยกับใคร”
อินทัชเอียงมือถือหลบทันที “ดูปากกูนะครับ” เขาพูดช้าๆ “..เสือก..”
“โหย..ควายโอ๊ต มีแฟนแล้วลืมฝูง” พวกนั้นโวยวาย
เขายิ้มขัน ไม่ตอบรับ..แต่ก็ไม่ปฏิเสธ
ตอนกลับถึงคณะที่อยู่หลังห้าง เพื่อนๆกำลังนัดหมายจะไปร้านเหล้ากันต่อ เขาเลยยืนอยู่ในกลุ่มอีกพักเพื่อรอให้พวกเด็กปีหนึ่งตามมาจนครบ
“พี่โอ๊ตไม่ไปด้วยหรือคะ” น้องที่รู้จักกันถามขึ้น
อินทัชหันมอง ส่ายหัวพลางยิ้มให้ “ไม่ไปครับ ขอตัวดีกว่า”
กลุ่มเด็กอีกด้านหนึ่งส่งเสียงร้องว้าแบบชัดเจน เพื่อนๆปีสองของเขาฟังแล้วยิ่งเบะปากหมั่นไส้ พวกมันบ่นให้เขาได้ยินว่าไอ้โอ๊ตทำหยิ่งเพราะเลือกได้
..เขาเคยเลือกเองซะที่ไหนล่ะ..เป็นฝ่ายถูกเลือกต่างหาก..
“ไม่ไปจริงหรือคะ” เด็กคนเดิมตื๊อ
“พี่นัดพี่ชายไว้แล้วครับ” อินทัชบอก “ไปเที่ยวให้สนุกแล้วกัน”
“เฮ้อ..ยังดีที่เป็นพี่ชาย” เธอยิ้ม “เพื่อนหนูจะได้มีหวัง”
เขาทำเป็นหูทวนลม ใช่ว่าไม่เห็นสายตาของเด็กปีหนึ่งอีกคนที่มองมา
“ถามจริงๆนะ..พี่โอ๊ตมีแฟนหรือยังคะ”
คนที่ได้ยินส่งเสียงวี้ดวิ้วเหมือนเป็นนกหวีด อินทัชชะงักไปครู่เพราะไม่คิดว่าจะโดนยิงด้วยคำถามโจ่งแจ้ง พอเขาเงียบ อีกฝ่ายก็ถามย้ำ
“บอกหน่อยค่า อยากรู้จัง”
ร่างสูงลูบท้ายทอยตัวเองด้วยความเก้กัง จมูกขึ้นสีแดงอย่างน่าตลก
“ก็..” เขาคิดว่าตัวเองเสียงสั่นนะ “ตอนนี้..มีคนที่คบด้วยอยู่ครับ”
“ไม่จริง~” เสียงโวยวายดังตามมา เล่นเอาเก้อเขินหนัก
อินทัชเสมองไปทางอื่น อาศัยเงามืดปิดบังใบหน้าที่ร้อนผ่าว
..เกิดมายี่สิบปี เพิ่งจะเคยอายจริงจังก็คราวนี้แหละว้า..
“ไอ้โอ๊ต! ในที่สุดก็สารภาพออกมา” เพื่อนๆแซวไม่เลิก “ส่งภาพมาให้ดูเลยนะว่าหน้าตาเป็นไง สวยน่ารักขนาดไหน ทำเอามึงเขินได้เนี่ย!”
“สวยห่าอะไร” เขาถอยหลังหนีอัตโนมัติ กลัวมันมายุ่งกับมือถือ
“เอ้า! ไม่สวยหรือวะ” พวกมันยิ่งสงสัย “นึกว่าสเปคขนาดดาวคณะ”
“เออ..ไม่สวยน่ะสิ” อินทัชยืนยันก่อนจะยิ้ม “แต่น่ารักน่ะเรื่องจริง”
“ฮิ้วว~ ควายโอ๊ต เวลามึงอินเลิฟนี่อุบาทว์ฉิบหาย”
“เสือกก” เขาชูนิ้วกลางใส่เพื่อน เห็นว่าน้องมาครบแล้วเลยขอแยกออกมา “เดี๋ยวพี่กุนต์มารับ เขาฝากกูซื้อของ ไปก่อนล่ะ กลับบ้านกันดีๆนะ”
พวกนั้นยังโห่ฮาไม่หยุดกระทั่งเขาเดินพ้นโค้งอาคาร
..หน้าร้อนไม่หายพอกันเลย..ไอ้โอ๊ตเอ๊ย..ควายสมฉายา..
อินทัชเดินทะลุไปทางด้านหลังห้าง แวะเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตตรงชั้นล่างเพื่อซื้อขนมขบเคี้ยวให้พี่กุนต์ และซื้อสเมอร์นอฟกลับไปดื่มด้วยกันคืนนี้
มีโทรไลน์ดังขึ้น เขาหยิบโทรศัพท์ ตอนแรกนึกว่าพี่กุนต์ แต่แล้วกลับเป็นไอ้น้องคนรองที่เดี๋ยวนี้มันพัฒนา เล่นได้ทั้งไลน์ ได้ทั้งวีดีโอคอลจนคล่อง
“มีไรไอ้อ้วน” อินทัชถาม หยิบคาลบี้ใส่ตะกร้า
‘อ้นชื่ออ้นนะ! ไม่ใช่อ้วน อ้วนนั่นน้องอุ้มเหอะ’
มีเสียงง้องแง้งดังมาจากไอ้อุ้ม น่ารำคาญพอๆกับพี่มันเลย
“โทรมาทำไม” เขาเอามือถือเหน็บหู พลิกดูปริมาณโซเดียมบนถุง
‘คืนนี้ดูหนังกันน้า’ ไอ้อ้นชวน ‘อยากกินขนม กินนม ดูหนังไดโนเสาร์’
..แผ่นผุแล้วมั้งนั่น เป็นบ้าอะไรกับไดโนเสาร์วะ..
“ไม่เอา ขี้เกียจดู แข่งบาสมาเหนื่อยๆ พี่อยากนอน”
‘พี่โอ๊ตไม่ได้แข่งบาสซะหน่อย คนอื่นแข่งต่างหาก ไม่รู้อ่ะ ขอพี่กุนต์แล้ว พี่กุนต์บอกว่าโอเคคร้าบ~’ อ้นทำเสียงร่าเริง ‘อ้นบอกพี่โอ๊ตเฉยๆ ไม่ได้ขอพี่โอ๊ต’
“ครับ..ไอ้น้องบังเกิดเกล้า” หัวเน่าแล้วก็เน่าถาวรเลยพี่คนนี้
‘พี่กุนต์ให้โทรบอกพี่โอ๊ต ว่าซื้อขนมให้อ้นกับน้องอุ้มกินด้วย’
อินทัชอยากทะลุโทรศัพท์เข้าไปเขกกะโหลกมันเป็นบ้า แต่ต่อล้อต่อเถียงไปก็ไม่จบ ได้แต่รับปากแล้วคว้าทาโร่โยนลงตะกร้า..ให้กินแค่นี้พอ!
..ว่าแต่ ถ้าพวกมันมาดูหนัง แล้วคืนนี้จะฉลองกับพี่กุนต์ยังไงวะ..
เด็กหนุ่มมุ่นหัวคิ้ว ระหว่างกำลังหยิบถั่วลันเตาวาซาบิของโปรดตัวเองก็คิดแผนไปด้วย เอาเป็นว่าก่อนอื่นต้องเอาขนมให้ไอ้อ้นกับไอ้อุ้มกิน ล่อให้หม่ำจนพุงป่อง รอพวกมันผล็อยหลับแล้วค่อยอุ้มกลับไปชั้นล่าง
สุดท้ายเขาก็ต้องหยิบพริงเกิ้ล เลย์ ฮานามิ โอรีโอ้และป๊อกกี้เพิ่ม นานๆทีให้มันกินขนมบ้างไม่เป็นไรหรอก ซัดให้เต็มอิ่มแล้วรีบๆหลับไปซะนะน้อง!
ผู้ใหญ่จะดื่มเหล้า ไม่เกี่ยวกับเด็กๆ!
อินทัชเดินกลับจากห้าง สองมือหิ้วถุงของพะรุงพะรัง แถวนั้นเงียบลงแล้ว รอบด้านก็มืด เหลือเพียงแสงไฟตรงอาคารของสหเวช เขาเดินตัดผ่านลานกิจกรรมที่เปิดสปอร์ตไลท์ ตั้งใจจะเลาะผ่านตึกเรียนไปยังคณะของตัวเอง
ใครบางคนลงบันไดมาจากฝั่งซ้ายมือ เขาเหลือบมองตามวิสัยปกติ พอใบหน้าของอีกฝ่ายพ้นเงามืดและหันมาเจอเขา ต่างฝ่ายก็ต่างนิ่งกันไป
..ที่แท้..ก็เป็นเด็กคนเก่าของคุณกนธีนี่เอง..
อินทัชมุ่นหัวคิ้ว รู้สึกเซ็งไม่น้อยที่มาบังเอิญเจอแบบนี้
ยอมรับว่ายังสะกิดใจกับไววิทย์ ถึงแม้มันจะไม่มาวุ่นวาย ไม่แสดงตัว ไม่ส่งข้อความหรือรบกวนอะไรพี่กุนต์อีกก็ตาม..ไม่ชอบคือไม่ชอบ ไม่มีคำอื่น
เขาตั้งใจเดินผ่านเหมือนมันเป็นอากาศ แต่ตอนสวนกัน มันพูดลอยๆ
“ผมรู้ว่าคุณเป็นคนส่งข้อความนั้น”
อินทัชชะงักฝีเท้า มันเองก็หยุดเดิน แต่ไม่มีใครหันมองใคร แต่ละคนคอยดูเชิงกันอยู่ เขากำลังคิดว่าถ้ามีเรื่องขึ้นมาตอนนี้ เขาควรจะวางขวดแก้วไว้ตรงไหน ถึงจะไม่ทำแตกตอนซัดหมัดเข้าหน้ามันสักหน
“ไม่ต้องทำหน้าดุขนาดนั้นก็ได้” ไววิทย์หัวเราะหึ มองอีกคนด้วยหางตา “หลังจากนี้ผมกับพี่กุนต์ไม่มีอะไรกันแล้ว ในเมื่อเขาบอกว่าจบ ตื๊อไปก็ไม่ช่วย”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะขอบคุณมาก” อินทัชสวนกลับ
“ขี้หวงนะคุณน่ะ” คนด้านข้างยิ้มมุมปาก “หรือว่าขี้หึงกันแน่”
ร่างสูงขมวดคิ้ว “เป็นแบบไหนแล้วจะทำไมล่ะครับ”
ไววิทย์หันมาเผชิญหน้า “รักพี่กุนต์แล้วใช่ไหม”
..เขาไม่จำเป็นต้องตอบมัน ไม่ใช่หน้าที่ ไม่ใช่กงการอะไรของใคร!..
“ไม่ต้องมองเหมือนผมเป็นศัตรูมาตั้งแต่ชาติก่อนก็ได้”
“อยากพูดอะไรก็พูดมา” อินทัชยังไม่คลายสีหน้าเครียดขึ้งลง “แต่ถ้าจะลองมาหยั่งเชิง หาทางกลับไปวุ่นวายกับพี่กุนต์ บอกเลยว่า..อย่าฝัน”
ไววิทย์ยักไหล่ ไอ้หมอนี่เอาเรื่องน่าดู ตอนคบหากับพี่กุนต์ เขายังไม่เคยแสดงท่าทีหึงหวงรุนแรงขนาดนี้เลย..สงสัยคงหลงรักเข้าเต็มเปา
“จะบอกให้นะ คนที่คุณต้องกลัว ไม่ใช่ผมหรอก” เขายิ้ม “ถึงจะอยากให้พี่กุนต์เขี่ยคุณทิ้งแล้วมารับผมกลับไปอยู่ด้วยแค่ไหน มันก็ไม่มีทาง”
อินทัชคิ้วกระตุก แต่ก็ดีแล้วที่มันตื่นจากความฝันโง่ๆได้ซะที
“เพราะคนอย่างคุณกนธี ถ้าทิ้งใครแล้ว ไม่มีทางหันมาคบซ้ำสองอีก”
“ขอบคุณที่บอก” เขาไม่อยากมายืนฟังการอาลัยอาวรณ์ความหลังของใคร ในเมื่อทำพลาด ทำผิดกับคนที่มีบุญคุณด้วยขนาดนั้น ก็รับไปเองแล้วกัน
มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พี่กุนต์คงจะมาถึงคณะแล้ว
“คุณน่ะ” ไววิทย์พูดกับคนที่เดินผ่าน “กลัวคนที่จะมาหลังจากนี้ดีกว่า”
อินทัชหันขวับมามอง คิ้วขมวดเข้าหากันทันที
“ไม่มีอะไรรับรองว่าคุณจะได้เป็นคนสุดท้ายในชีวิตของพี่กุนต์” เขายิ้ม ถือเสียว่าเป็นคำเตือนของรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง “เตรียมใจไว้บ้างนะ”
ดวงตาสีเข้มดูดุดัน มองตามหลังไววิทย์ที่เดินจากไป
..วางเพลิงลงความสัมพันธ์คนอื่น..คิดว่าได้ผลหรือไง..
เสียงมือถือดังอีกครั้ง เขาหยิบมากดรับ พี่กุนต์บอกว่าจอดรอที่เดิม
“กำลังไปครับ” เขาตอบเสียงเรียบ ยืนนิ่งแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะไปตรงจุดที่นัดกันไว้
กนธีลดกระจกลงเมื่อเห็นน้องเดินเข้ามาใกล้ เขาปลดล็อคให้เจ้าโอ๊ตเอาถุงของไปวางเบาะหลัง พอมันขึ้นมานั่งข้างกัน เขาก็ชูนิ้วโป้งให้
“อะไรพี่” อินทัชหันมอง
“กดไลค์ให้โค้ชคนเก่งไง” เขายิ้มร่า “พี่โอ๊ตต้องเท่มากแน่ๆ”
คนฟังชะงักไปครู่ก่อนจะลอบถอนหายใจออกมา
..ให้ตายเถอะวะ..ผู้ชายคนนี้..ช่วยทำตัวน่ารักให้น้อยลงหน่อยได้ไหม..
“โอ๊ตเป็นอะไร ร้อนหรือ” กนธีเร่งแอร์ เอามือแตะแก้มน้อง “ไม่สบาย?”
อินทัชส่ายหัว นวดคลึงหว่างคิ้วที่ยังพันกันไม่หาย ต่อให้เถียงว่าการใส่ไฟของไอ้ไววิทย์ไม่ได้ผลแต่เขารู้อยู่กับใจ..ว่าในอกมันร้อนจนมืดไปหมดทุกด้าน
..หวงหรือหึง..ของมันแน่ชัดอยู่แล้ว..
ทีละเล็ก ทีละน้อย พี่กุนต์ค่อยๆก้าวเข้ามาในชีวิตเขา แทรกซึมเหมือนหยดน้ำลงผืนทรายที่แห้งผาก ทั้งยังเป็นแสงอาทิตย์สว่างจ้าทำให้รอบข้างที่มืดดำเห็นทางไป เป็นความอบอุ่นที่คลายความเหน็บหนาวและโดดเดี่ยว
..เป็นทุกสิ่ง เป็นทุกอย่าง..และเป็นความรู้สึกของเขาด้วย..
“พี่โอ๊ต..กลับบ้านไปกินยาแล้วนอนดีกว่านะ” กนธีมองอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร..ผมอยากฉลองกับพี่”
“นั่นสิ..ซื้อมาซะเยอะเลย” เขาหันไปมองถุงของ “จ่ายไปเท่าไร เดี๋..”
ชายหนุ่มชะงักกึก ถูกคนด้านข้างจับใบหน้าให้หันไปหา ไม่ทันได้ตั้งตัวตอนที่ปากอุ่นร้อนบดจูบลง เขาร้องเบาๆเมื่อถูกฟันคมขบกัด
“โอ๊ต..” กนธีมึนงง “ใจเย็..น..”
อินทัชดึงปลายคางพี่กุนต์เข้ามา มืออีกข้างกดต้นคอให้แนบชิด สอดลิ้นเข้าไปในโพรงปาก กวัดกวาดตามไรฟันขาวแล้วดูดกลืนลิ้นอีกฝ่ายอย่างหิวกระหาย เขาวกกลับขึ้นเลาะเล็มตามเรียวปากนุ่มด้วยความเอาแต่ใจ
นานหลายนาที กว่าเขาจะยอมปล่อยปากอีกคนเป็นอิสระ พอผละออกจากกัน ปากของฝ่ายนั้นก็บวมแดง ชุ่มฉ่ำและเห่อร้อนได้น่าดูชม
“ไอ้เด็กเปรตเอ๊ย” กนธียกหลังมือขึ้นเช็ด หน้าร้อนผ่าว โชคดีที่ไม่มีใครผ่านไปผ่านมา ซ้ำตรงนี้ยังมืดสนิทเสียอีก “ไม่ห้ามอารมณ์ตัวเองเลย”
“หึ” อินทัชยิ้ม “ห้ามทำไม..ในเมื่อพี่เป็นของผม”
คนได้ยินอ้าปากค้าง ไม่รู้มันไปกินอะไรผิดสำแดงมา
เด็กหนุ่มจ้องมองด้วยดวงตาคมปลาบ ไม่ยอมหันไปไหน เขาอยากมองทุกกิริยาอาการ ทุกสัดส่วนของกนธี มองฝ่ามือที่จับเกียร์ มองนิ้วเรียวยาวที่หมุนพวงมาลัย มองต้นขาเพรียวใต้กางเกงสแล็ค เลยไปยังช่วงตัวในเชิ้ตสีเข้ม มองแม้แต่ต้นคอขาวที่มีไรผมอ่อนยาวเคลีย หรือแม้แต่ใบหูที่ขึ้นสีแดงก่ำ
“หันไปทางอื่นได้ไหม ไม่มีสมาธิ” กนธีขับออกจากที่จอด
“ไม่” อินทัชยิ้มร้าย พี่กุนต์อาจไม่รู้ตัวว่าเวลาไม่สบอารมณ์กับรถที่ขับปาด เจ้าตัวอาจไม่ด่าออกมาก็จริง แต่จะชอบกัดปากและขมวดคิ้วเสมอ
“ตามใจ อยากมองก็เอา ชนเกาะกลางถนนแล้วค่อยว่ากัน”
“ฮ่ะๆ” เขาหัวเราะ “จะว่าไปเดี๋ยวนี้ก็พัฒนานะครับ”
“อะไรวะ” กนธีมองกระจกส่องหลังเมื่อเข้าถนนใหญ่
“เวลาอายผม พี่ไม่เปิดที่ปัดน้ำฝนแล้ว” เขาหยิกติ่งหูพี่กุนต์เบาๆ
ไม่ทันไร ไอ้ที่ปัดเจ้ากรรมนั่นก็ไกววูบๆทันที
ตอนมาถึงบ้าน คุณยายเข้าไปพักผ่อนแล้ว ส่วนอ้นกับอุ้มยังคอยอยู่ พอเด็กๆเห็นก็วิ่งพรวดมาหาพี่กุนต์ กอดคนละหนุบหนับ ปล่อยพี่โอ๊ตถือของเอง
“อาบน้ำหรือยังไอ้ตัวแสบ” อินทัชส่ายหัว เห็นมันยังไม่ใส่ชุดนอนกัน
“อาบแล้วคร้าบ” อ้นชูสองมือ ช่วยกันกับน้องอุ้มหิ้วถุงขนม “พี่กุนต์กับพี่โอ๊ตรีบอาบน้ำน้า..อ้นกับน้องอุ้มจะขึ้นไปเปิดทีวีรอ”
กนธีหัวเราะ “ได้ครับ ถ้าหิวก็กินไปก่อนนะ พี่โอ๊ตใจดี ซื้อซะเยอะเลย”
อินทัชยกยิ้ม เขาใจดีเพราะอยากจะเร่งให้พวกมันหนังตาปิดแล้วหนังตาหย่อนต่างหาก “นั่งตรงพื้นนะ อย่าเอาขึ้นไปกินบนเตียงพี่กุนต์ มดจะหาม”
“ซึมแซ่บ!” น้องอุ้มตะเบ๊ะรับก่อนจะวิ่งตึงๆขึ้นบันไดไปกับพี่ชาย
พวกเขามองตามหลังแล้วได้แต่ยิ้ม กนธีเห็นว่าสามทุ่มแล้ว เลยบอกว่าจะลงมาใช้ห้องน้ำข้างล่าง ให้โอ๊ตใช้ข้างบนไปเลย ขืนรอต่อกันจะช้าเอา
อินทัชเลยคว้าข้อมือคนที่กำลังจะเดินออกไป พี่กุนต์หันมา เลิกคิ้วมอง
“จะใช้แยกห้องทำไมล่ะพี่” เขากระซิบ “อาบด้วยกันก็หมดเรื่อง”
คนฟังร้อนวูบ “ไม่เอาเว้ย..รู้นะว่าคิดอะไร”
“คิดอะไรครับ” อินทัชทำหน้าตาย “แค่ชวนอาบน้ำด้วยกัน”
“เออ..มันไม่ใช่แค่อาบหรอก ไอ้เด็กเปรต” เขาหันหนี แต่น้องมันไม่ยอมปล่อย “พี่โอ๊ต..เดี๋ยวมีคนเห็น” เขาดีดหน้าผากมันไปหน ไอ้แสบก็ยังหน้าทนต่อ
ร่างสูงรวบตัวคนตรงหน้าเข้ามากอด อ้อมแขนโอบรัดเอวไว้แน่น
“ผมไม่ทำอะไรพี่หรอกน่า ไม่เชื่อใจหรือครับ” เขายิ้ม “ถ้าผมปล้ำพี่ตอนอาบน้ำ จะลงโทษตัวเอง งดยุ่งกับพี่ไปสามเดือนเลยเอ้า!”
กนธีหลุดยิ้มตาม มันทำหน้าอ้อนระหว่างที่เลื่อนมือขึ้นนวดคลึงต้นคอเขาอย่างเอาใจ สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้น้องจูงมือขึ้นชั้นสองไปอย่างว่าง่าย
..ใจอ่อนทุกทีสิน่า..
“จะสระผมไหมพี่” อินทัชเหลือบมองน้องๆที่จ้องหน้าจอทีวีไม่กะพริบ
กนธีโผล่หน้าออกมาจากโคลเซ็ท ปลดกระดุมเสื้อแล้วหยิบเสื้อคลุมมาสวม “อืม..ว่าจะสระหน่อย วันนี้อากาศร้อนมากเลย เหงื่อออกเยอะ”
“ผมซื้อโดฟมาแหละ ใช้ด้วยกันนะ”
คนฟังหน้าร้อน อาศัยจังหวะที่เด็กน้อยไม่ทันสน แอบแวบเข้าห้องน้ำแต่ไม่ได้กดล็อค อีกอึดใจเดียว เจ้าโอ๊ตก็ผลุบหายตามเข้ามา
“ทำไมต้องทำหลบๆซ่อนๆด้วยก็ไม่รู้” อินทัชส่ายหัว ถอดเสื้อนิสิตออก
“จะให้บอกน้องว่ายังไงล่ะ พี่สองคนอาบน้ำด้วยกัน ตลกตายชัก” กนธีปลดเสื้อคลุมออกแขวนที่ราวก่อนรีบก้าวลงอ่าง ป่านนี้แล้วเขาก็ยังไม่ชิน
“บอกว่าผมกลัวผี พี่กุนต์เลยมาอาบเป็นเพื่อน” เด็กหนุ่มหัวเราะ ถอดกางเกงและชั้นใน เดินเปลือยเปล่าไปยังส่วนอาบน้ำที่มีใครบางคนเปิดฝักบัวอยู่
สายน้ำจากด้านบนรินรดลงแผ่นหลัง ร่างสูงใหญ่ขยับเข้าไปใกล้ ฝ่ามือร้อนผ่าวทาบลงบนบ่าลาดและนวดแผ่วเบา เรียกเสียงครางเครือในลำคอ
“ว่าไงไอ้เสือ” กนธีเอียงหน้ามอง ยิ้มไปกับอ้อมกอดของน้องและสัมผัสจากปากที่แตะจูบตรงหัวไหล่ “มาอ้อนแบบนี้ ขอเดาว่ามีอะไรอยากได้สินะ”
อินทัชสั่นหัว กดปลายจมูกเข้ากับต้นคอ “อย่ามองผมเป็นคนขี้งกสิ”
“ปกติไม่เห็นอ้อนนี่นา” หลับตานิ่งกับแรงบีบนวดเชื่องช้า
น้องจับให้เขาวางมือทาบผนัง แตะปลายคางให้แหงนเงยเพื่อจะรดน้ำลงบนเส้นผมจนชุ่ม กลิ่นแชมพูหอมอวลอยู่ในห้องน้ำ ปลายนิ้วใหญ่ค่อยๆคลึงตามแนวเส้นผมด้วยความนุ่มนวล ทำเอาเขาเคลิ้มจนแทบหลับ
“ดีไหมครับ” อินทัชกระซิบ ล้างฟองขาวออกจากศีรษะให้
“อืม..ชอบมากเลยพี่โอ๊ต” กนธียิ้ม แหงนหน้ามองตามแรงรั้ง
เด็กหนุ่มก้มลงหา เปิดปากจูบอีกฝ่าย พี่กุนต์ครางแผ่วเมื่อเขาไล้ปลายนิ้วตรงสะโพกตึงแน่น เขาผละออกเล็กน้อยเพื่อให้เจ้าตัวได้หายใจ จากนั้นถึงจะพลิกร่างตรงหน้าเข้าสู่อ้อมกอด โอบรัดไว้แนบอกตอนที่จูบลงไปซ้ำสอง
พวกเขากอดกันและกันแนบแน่น สัมผัสแรงเต้นของหัวใจที่รัวเร็ว
“วันนี้ช่างเอาใจเป็นพิเศษนะครับคุณอินทัช” กนธียิ้มแซว ลูบใบหน้าหล่อเหลาอย่างรักใคร่ “ขี้อ้อนแบบนี้ พี่จะไปไหนพ้น หืม..”
อินทัชมองพี่กุนต์ด้วยสายตาวาววับ “ก็ไม่ได้อยากให้ไปไหนอยู่แล้ว”
คนฟังตัวร้อนผ่าว ซ้ำยังยิ่งร้อนมากขึ้นเมื่อส่วนล่างที่แนบชิดกันรับรู้ได้ถึงปฏิกิริยาแข็งกร้าวที่ดุนดันตรงต้นขา เขาเลิกคิ้ว ก้มลงมองอารมณ์ของเด็ก
“น้อยๆหน่อยไอ้แสบ ไหนว่าจะไม่ทำไง”
อินทัชยักไหล่ “ไม่ทำครับ ทำตอนนี้เดี๋ยวไม่ได้ฉลอง”
“ไอ้ขี้เหล้า” กนธีขำ หยิบสบู่มาถูตัวเร็วๆ อาบนานเดี๋ยวอ้นกับอุ้มรอ
“ช้าๆก็ได้พี่” คนที่อยู่ด้านหลังแย่งสบู่ไปจากมือ ถูเป็นฟองแล้วลูบตามผิวเนื้อลื่นของพี่กุนต์อย่างหลงใหล เขายกยิ้มเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายเกร็งตัวขึ้น
อยากรู้ว่าถ้าช่วย ‘ล้วงลึก’ จนถึงจุดนั้น ปฏิกิริยาหนูกุนต์จะเป็นยังไง
ปลายนิ้วไวเท่าความคิด เขาหลุบตาลงต่ำ เลื่อนฝ่ามือโอบรอบเอวและสอดนิ้วกลางลงสู่ร่องสะโพก แตะลงตรงผิวเนื้อในซอกเร้นที่ชุ่มชื้นและร้อนจัด
กนธีไหวเฮือก รีบตะครุบข้อมือไอ้เด็กเปรตเอาไว้
“พอได้แล้วมั้งโอ๊ต เดี๋ยวตัวเปื่อยกันพอดี” เขารีบล้างตัวอย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วก็ผลักเด็กที่ยืนจ้องเขาตาไม่กะพริบไปอาบบ้าง “พี่รอในห้องนะ”
ประตูห้องน้ำปิดดังปึง อินทัชมองตามก่อนก้มลงดูช่วงล่างของตัวเอง
..ถ้าไม่ถูกห้าม สงสัยเขาได้ปล้ำใครบางคนไปแล้วแน่ๆ..
ตอนที่อาบน้ำเสร็จและตามออกมา ทีวียังเปิดอยู่ ไดโนเสาร์ฉายไปได้ครึ่งเรื่อง กองขนมถูกเปิดกินแบบกระจัดกระจาย ส่วนไอ้อ้นกับไอ้อุ้มน่ะหรือ..พวกมันผล็อยหลับคากระป๋องพริงเกิ้ลไปแล้วเรียบร้อย พุงป่องจนแทบระเบิด
“อา..” กนธีกำลังนั่งขัดสมาธิพับซองเลย์อยู่ “น่าสงสารจริงๆ”
อินทัชยกยิ้ม เช็ดผมที่เปียกโชกให้แห้ง “สงสารอะไรครับ”
“รอพี่ๆจนหลับปุ๋ยเลย” เขาถอนใจ “ทำไงดี ฟันยังไม่แปรง ปลุกไหม”
“คืนเดียวช่างมันเถอะ” ปลุกตอนนี้มันก็ลุกมาดูหนังต่อน่ะสิ
“ถ้างั้นก็ขึ้นไปนอนบนเตียงดีๆนะครับ” กนธีก้มลงสอดแขนเข้าประคองต้นคอน้องอ้น อีกข้างช้อนเข้าใต้ข้อพับขาและยกตัวน้องขึ้นแนบอก
“ทำอะไรน่ะพี่” นอกจากจะไม่ช่วยแล้วเขายังห้ามด้วย “ห้องนอนมันอยู่ข้างล่างครับ ไม่ใช่บนนี้” เรื่องอะไรจะให้มานอนบนเตียงของพวกเขาล่ะ
“ใจร้ายน่าโอ๊ต น้องมานอนด้วยคืนเดียว”
“ถ้ามันตื่นขึ้นมาเห็นเรานั่งดื่มกันอยู่แล้วขอลองบ้างล่ะครับ”
กนธีชะงัก เห็นด้วยกับเจ้าโอ๊ตมัน เหล้าเนี่ยไม่ดีกับเด็กๆหรอก และการที่พี่ชายสองคนนั่งชนแก้วกันตอนดึกก็เป็นตัวอย่างที่ไม่โอเคเท่าไร พอคิดได้แบบนั้นเลยตกลงกับน้อง พาอ้นกับอุ้มลงไปนอนต่อชั้นล่าง
“เอาล่ะ เรียบร้อย” เขาเปิดไฟดวงเล็กไว้ให้เผื่อเจ้าตัวน้อยลุกมาชิ้งฉ่อง “ในห้องพี่มีแก้ว แต่เดี๋ยวหยิบน้ำแข็งจากในครัวขึ้นไปเพิ่ม โอ๊ตไปรอก่อนเลย”
อินทัชพยักหน้ารับ “ผมซื้อมาหลายรส พี่อยากลองอะไรก่อน”
“ราสเบอร์รีมีไหม” เขายิ้มกว้าง “อยากชิมมานานแล้ว”
“มีครับ แล้วก็มีพีช เมล่อน สตรอว์เบอร์รี”
“โห..เยอะดีจัง จะกินให้หมดเลยหรือ” ถามอย่างชั่งใจ
อินทัชมองด้วยดวงตาคมปลาบ “นานๆทีจะดื่ม ต้องลองให้ได้ทุกรสสิ”
กนธีหัวเราะ เขามันคนว่าง่าย “โอเคครับ..ไม่เมาไม่เลิก”
ใช่แล้ว..อินทัชยิ้มมุมปาก เขาจะมอมหนูกุนต์ให้ลงไปกลิ้งเลย
...................................................................................
[ต่อด้านล่าง]