Sins : Greed -- [SP.1 : Wedding Night] pg.146 -- 13/4/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sins : Greed -- [SP.1 : Wedding Night] pg.146 -- 13/4/61  (อ่าน 1336027 ครั้ง)

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
Re: Sins : Greed -- [Ch.50-Ch.51] pg.127 -- 13/8/60
«ตอบ #3840 เมื่อ14-08-2017 23:09:31 »

ตอนนี้ดราม่าดี คนแต่งเขียนได้เรียล ซึมลึกมากก

พี่กุนต์ที่กลัวความจริง  ไผทที่ตรงจนน่าถีบ  โอ๊ตที่น่ารำคาญมาก

อิโอ๊ตยังเป็นพระเอกที่น่ารำคาญ

ในส่วนของยาย ร้องไห้รอมาตั้งแต่ฉากกอดและนอนกับน้องอุ้มละ

ร้องไห้รอเลย  เซนซิทีฟกับคนแก่มากกกก 

ถึงฉากวาระสุดท้ายยายเมื่อไหร่ไม่กล้าอ่านเลย ร้องไห้เป็นเผาเต่าแน่

ออฟไลน์ PHA_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.50-Ch.51] pg.127 -- 13/8/60
«ตอบ #3841 เมื่อ14-08-2017 23:21:29 »

หงุดหงิดพี่กุนต์ เข้าใจที่เจ็บ ที่หึง แต่การที่เอาแต่หนีและโยนความผิดให้อีกคน มันแย่มากๆจริงๆ เกลียดอิไผทด้วย เลวววววว คนแบบนี้แย่ที่สุด ดูถูกหัวใจคนอื่น ใชเมาตรฐานของตัวเองไปตัดสินใครๆ ไม่เคยใช้หัวใจเพื่อรัก คนแบบนี้สุดท้ายจะต้องเจอกับคนที่ใช้หัวใจเพื่อรักและเสียไปจะสมน้ำหน้า

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
Re: Sins : Greed -- [Ch.50-Ch.51] pg.127 -- 13/8/60
«ตอบ #3842 เมื่อ15-08-2017 02:10:29 »

งานเข้าแล้วว คุณยายอย่าเป็นอะไรไปนะ ;______;

ออฟไลน์ MorethanMore

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.50-Ch.51] pg.127 -- 13/8/60
«ตอบ #3843 เมื่อ15-08-2017 06:36:44 »

ขนาดเราอ่านนะ เรายังไม่สามารถคิดดีได้เลยว่าโอ๊ตรักพี่กุณเพราะรัก รักเพราะเงิน รักเพราะดี เกลียดโอ๊ต รำคาญด้วย

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
Re: Sins : Greed -- [Ch.50-Ch.51] pg.127 -- 13/8/60
«ตอบ #3844 เมื่อ15-08-2017 09:30:48 »

ดราม่าเริ่มก่อตัว~

ออฟไลน์ question09

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-10
Re: Sins : Greed -- [Ch.50-Ch.51] pg.127 -- 13/8/60
«ตอบ #3845 เมื่อ15-08-2017 17:53:32 »

 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ pornwicha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.50-Ch.51] pg.127 -- 13/8/60
«ตอบ #3846 เมื่อ15-08-2017 19:18:04 »

รอตอนต่อไปปปแทบไม่ไหว :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ gang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.50-Ch.51] pg.127 -- 13/8/60
«ตอบ #3847 เมื่อ16-08-2017 21:35:46 »

มารออ่านอีกครับ

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.50-Ch.51] pg.127 -- 13/8/60
«ตอบ #3848 เมื่อ17-08-2017 09:29:20 »

พอตอนสำคัญแล้ว ต้องมีเรื่องบรรเจิดทุกทีสิน่า!

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: Sins : Greed -- [Ch.50-Ch.51] pg.127 -- 13/8/60
«ตอบ #3849 เมื่อ18-08-2017 15:26:57 »

โอ๊ตไม่มีอะไรจะเล่นหรอไง

เครียด ทีมพี่กุนต์แบบ 100 เปอร์เซ็นเต็มไม่แบ่งปัญไปให้ใครเลย


โอ๊ยยย แล้วคุณยาย กำลังแย่ด้วยสิ

คุณยายต้องสู้นะคะ ต้องผ่านไปให้ได้ สุขภาพต้องแข็งแรงนะ  อย่าเป็นอะไรนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sins : Greed -- [Ch.50-Ch.51] pg.127 -- 13/8/60
« ตอบ #3849 เมื่อ: 18-08-2017 15:26:57 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3850 เมื่อ20-08-2017 15:15:50 »






Chapter 52





กนธีรู้เรื่องจากแม่บ้านว่าคุณยายล้มในห้องน้ำ เขาเลยรีบกลับจากลำปางโดยฝากงานไว้กับพสิษฐ์แทน น้องขับรถมาส่งเขาที่สนามบิน พอถึงกรุงเทพ กนธีก็เรียกแท็กซี่ต่อไปยังโรงพยาบาลทันที ไม่ได้หยุดพักเลยสักนิด
   
อินทัชกับเด็กๆนั่งอยู่ข้างเตียงของยาย หน้าตาทุกคนหมองเศร้า ยิ่งกับพี่ชายคนโต ดวงตาคู่นั้นแห้งผาก อ่อนล้า คล้ายกับหมดแรงใจทำอะไรทุกอย่าง บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด ทั้งเครียดและกดดัน ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ
   
ทันทีที่กนธีเปิดประตูห้องพักพิเศษเข้าไป อ้นกับอุ้มก็หันขวับมามอง เด็กๆน้ำตาไหลพรู วิ่งเข้ามาหาเขาแล้วกอดรัดแน่นเหมือนลูกแมวที่เสียขวัญ
   
“พี่กุนต์~” น้องอุ้มสะอื้น ตั้งแต่เกิดมา อุ้มยังไม่เคยเห็นตอนที่ยายเจ็บหนัก ไม่ว่าจะเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยแค่ไหน ยายก็ไม่เคยดูแย่ขนาดนี้เลย
 
“ลูกชาย..” กนธีนั่งยองๆ กอดอ้นกับอุ้มไว้ด้วยสองแขน
   
อินทัชหันมา สีหน้าดูอิดโรยและเครียดอย่างหนัก
   
ชายหนุ่มก้มลงจูบหน้าผากเด็กตัวจ้อยสองคนแล้วปล่อยให้ไปนั่ง เขาเดินเข้ามาหาคนที่นั่งนิ่ง น้องเงยหน้ามอง นัยน์ตาเป็นสีแดงก่ำ
   
ไม่ต้องพูดอะไรต่อ กนธีดึงตัวอินทัชเข้ามากอด
   
“ไม่เป็นไรนะ..เข้มแข็งไว้” เขากระซิบ ลูบผมสีเข้มอย่างห่วงใย “ตอนนี้คุณยายอยู่กับหมอแล้ว อาการจะต้องดีขึ้น..ยังไงก็ดีขึ้น”
   
เด็กหนุ่มหลับตาแน่น ยกสองแขนขึ้นกอดพี่กุนต์เป็นการตอบรับ
   
“ขอบคุณครับพี่” อินทัชซบหน้าบนแผ่นอกอุ่น รู้สึกปลอดภัยและสบายใจขึ้นกับสัมผัสคุ้นเคย กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวอีกฝ่ายทำให้เขาหายเครียด นานแล้วที่ไม่ได้อยู่กับความรู้สึกนี้..การได้รับความห่วงใยและรักใคร่จากใครคนหนึ่ง
   
กนธีตบบ่าน้อง อ้นกับอุ้มเห็นเข้าก็เดินมากอดรัดเขาไว้ ทั้งสี่คนกอดกันแน่น ให้กำลังใจกันและกันกับเรื่องเลวร้ายที่แล่นลามเข้ามาในชีวิต
   
เขามองไปที่คนเจ็บ ตอนนี้คุณยายนอนหลับอยู่ ใบหน้ามีรอยช้ำ เป็นวงเขียวและบวมปริบ เท่าที่คุยกับเด็กรับใช้ คุณยายหน้ามืดและล้มฟาดตอนที่พยาบาลคลาดสายตาไปหยิบของแค่ครู่เดียว บริเวณหน้ากระแทกกับขอบที่นั่งอาบน้ำ จากนั้นหัวก็ลงพื้น ยังดีที่ไม่ได้ร้ายแรงมากนัก
   
คุณหมอเอ็กซเรย์สมองแล้ว ไม่พบความผิดปกติ ไม่มีกะโหลกแตกร้าวตรงไหน แต่ว่ายังวางใจไม่ได้ ต้องทำ CT Scan ดูว่ามีเลือดออกในสมองหรือไม่ ช่วงแรกที่ล้ม อาจจะยังไม่มีเลือดออกให้เห็น ผ่านไปหลายชั่วโมงถึงจะเพิ่งเกิด และหมอก็แนะนำให้สังเกตอาการอีกยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยให้แอดมิทรอดูกันไปก่อน

“ไม่เป็นไรนะทุกคน..” กนธีพูดปลอบ ทั้งที่น่าจะวางใจได้ว่าอยู่กับหมอ แต่เขาเองก็รู้ดี ว่าอาการป่วยของคุณยายมาถึงระยะสุดท้าย

อินทัชเงียบ ไม่โต้ตอบอะไร ตอนนี้ยายหลับอยู่ มีคุณหมอกับพยาบาลเข้ามาดูเป็นพัก ดูแลอย่างดี ให้นอนพักห้องพิเศษทันทีที่มาถึง เขารู้สึกไม่ดีที่ต้องรบกวนเงินค่าใช้จ่ายจากพี่กุนต์ แต่ในตอนนี้ จะให้พึ่งพาตัวเอง เขาก็ไร้ปัญญา
   
“พี่กุนต์..” เด็กหนุ่มเดินมาหาคนที่นั่งอยู่กับน้องๆ พวกมันถูกเขารับตัวมาจากโรงเรียนกะทันหัน ท่าทางตกใจกันไม่น้อย “ผมขอคุยด้วยหน่อยสิครับ”
   
กนธีเงยหน้ามอง เขาค่อยๆอุ้มตัวเด็กสองคนที่นอนหนุนตักเขาคนละข้างลงนอนกับเบาะ เอาหมอนรองคอ ห่มผ้าให้แล้วเดินตามโอ๊ตไปที่ประตู
   
อินทัชเบาเสียงลงหลังจากยืนมองหน้าพี่กุนต์ไปร่วมนาที
   
“ขอบคุณนะครับ..ที่พี่ช่วยเป็นธุระให้ผมทุกอย่างขนาดนี้” เขาพึมพำ “สัญญา..ว่าจะหาเงินมาใช้คืนให้ จะไม่ขอรบกวนไปมากกว่าที่เป็นอีกแล้ว”
   
กนธีมุ่นหัวคิ้ว “ทำไมต้องคิดเยอะให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วยโอ๊ต” เขาวางมือลงบนบ่ากว้าง “พี่บอกแล้วไง..ชีวิตครอบครัวของเรา พี่จะรับผิดชอบเอง”
   
“มันมากเกินไป” อินทัชส่ายหัว “ขอร้องเถอะพี่ ยังไงก็ให้ผมได้ใช้คืน ไม่ว่าจะเรื่องอะไร หนี้ไหนที่ติดค้าง..ผมจะทยอยคืนเงินให้”

กนธีมองหน้าอีกฝ่าย รู้สึกวูบโหวงในอก หากตัดเรื่องการเงินออกแล้ว บางครั้งเขาก็แทบไม่มีความมั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย เหมือนสมัยที่คบหากับศรัณย์ การได้เป็นที่พึ่งพาให้ฝ่ายนั้น ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีสิ่งให้ยึดเหนี่ยว

การได้เป็นผู้นำ ได้เป็นที่พึ่งพิง ได้เป็นไม้ใหญ่ให้เกาะยึด ทำให้รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง ตัวเขาอยากได้ความรู้สึกนั้น แล้วกับอินทัชเล่า...

“โอ๊ตเกรงใจพี่จริงๆ หรือเพราะไม่อยากมีพี่ไว้เป็นที่พึ่งอีกแล้ว”

อินทัชชะงัก “หมายความว่ายังไงครับ”

“หมายความว่า..” กนธีถอนหายใจ “โอ๊ตไม่อยากพึ่งพาพี่อีกแล้วน่ะสิ”

ร่างสูงขมวดคิ้ว “แล้วพี่ดีใจหรือไงครับที่ผมมาคอยเกาะพี่เหมือนปลิง”
   
คนฟังนิ่งเงียบ ตอบในใจว่า..ไม่รู้
   
“ผมไม่อยากเป็นแบบนั้น” อินทัชบอกหนักแน่น “ผมรู้ว่าพี่หวังดี แต่ผมไม่คิดจะเกาะพี่ไปตลอดชีวิต นั่นแมงดาครับ ไม่ใช่คน เพราะฉะนั้นอยากให้พี่รู้ไว้ ไม่ว่าจะทำวิธีไหน ผมจะต้องเอาเงินมาคืนพี่ให้ได้ หากว่าในอนาคตจะมีอะไรที่กลายเป็นความข้องใจระหว่างเราสองคน มันจะได้ถูกล้างไปให้หมด”
   
กนธียิ้มบาง เขาเข้าใจและรับรู้ความตั้งมั่นนั้น แต่มันก็อดใจหายไม่ได้ คงเป็นความรู้สึกที่คล้ายกับพ่อคนหนึ่ง..หัวหน้าครอบครัวที่ทุ่มเททุกอย่างเพื่อลูกรัก ประคองตั้งแต่เริ่มก้าวเดิน จับมือให้ยืนเวลาล้ม แล้วพอเริ่มเติบโต ตั้งหลักขึ้นมาได้ ลูกๆก็พร้อมจะโบยบินจากไปด้วยปีกที่กล้าและขาที่แข็ง
   
ปฏิเสธมือที่เคยอุ้มชู ให้เหตุผลว่า ไม่อยากทำให้ลำบาก

แต่บางครั้ง..คำว่าลำบากที่อีกฝ่ายเข้าใจ ก็คือความรู้สึกดีๆที่ได้เป็นที่พึ่งพาให้คนที่รักเท่านั้น การมีชีวิตจะมีความสุขอย่างไร ถ้าไม่ได้ดูแลคนของเรา
   
หากกนธีก็รับคำในที่สุด “เข้าใจแล้ว”




..........................................................................




กนธีรับหน้าที่ดูแลคุณยายในช่วงที่เด็กๆไปโรงเรียน เฉพาะวันที่เขามีนัดถึงจะฝากให้คนที่บ้านมาอยู่เป็นเพื่อน อาการล้มฟาดพื้นของคุณยายไม่มีผลกระทบร้ายแรงกับสมอง แต่ที่แย่ยิ่งกว่า คือการแพร่กระจายของมะเร็งระยะสุดท้าย
   
ชายหนุ่มเพิ่งจะป้อนโจ๊กเหลวๆเป็นมื้อเช้าให้ท่าน คุณยายทานไปได้ไม่กี่คำก็ไม่ไหว เขาวางถ้วยลง เช็ดมุมปากที่เปื้อนให้อย่างเบามือ ดวงตาที่ทอดมองใบหน้าเขียวช้ำแทบไม่ทุเลาจากเดิมจับจ้องอีกฝ่ายด้วยความห่วงใย
   
“ลูกเอ๊ย..” ยายจับมือคนข้างกาย “ทำไมยังไม่ให้ยายกลับบ้าน”
   
กนธีพูดไม่ออก เขาได้แต่เลี่ยงไป “คุณยายขาดสารอาหารครับ ช่วงนี้อยู่กับคุณหมอก่อนดีกว่านะ ถ้ายังทานน้อย คงต้องให้น้ำเกลือนะครับ”
   
ยายนิ่งเงียบ เบ้าตาข้างหนึ่งเป็นรอยห้อเลือด ซีกแก้มข้างเดียวกันบวมปริบ เนื้อกลายเป็นสีม่วงเขียว เหมือนจะปริแตกได้ การได้รับบาดเจ็บจนฟกช้ำของคนแก่ จะเร่งให้หายวันหายคืนเหมือนคนหนุ่มสาวมักเป็นไปได้ยาก
   
“ยายคิดถึงบ้าน..” แกพูดเสียงเครือ
   
“บ้านที่น่านหรือครับ” กนธีกุมมือท่านไว้ ลูบปลอบ “ถ้าอย่างนั้นก็ทานข้าวให้ได้ตามที่หมอสั่ง มีกำลังใจ หายวันหายคืน แล้วเราจะได้กลับน่านกัน”
   
ยายส่ายหัว กินอะไรไม่ลงอีกแล้ว “หนู..ลูก” แกไขว่คว้ามือข้างนั้นของกนธี กอบกุมไว้กับตัว “หนูบอกยายที..ยายป่วยเป็นอะไร”
   
เขาชะงัก นิ่งไปครู่ถึงจะนึกคำตอบได้ “โรคตับครับ”
   
“อย่าโกหกคนแก่เลยลูก” ดวงตาฝ้าฟางมีหยดน้ำคลอ สักพักมันก็ไหลลง คุณกนธีเลยหยิบทิชชูมาซับให้อย่างอ่อนโยน “บอกยายมาเถอะ”
   
กนธีเบือนหน้าหนี เขาไม่ตอบ แต่คุณยายยังถามซ้ำๆ
   
“ถือว่าทำบุญให้คนแก่ ถ้าหนูไม่พูด ยายก็ไม่รู้เวลาตัวเอง” แกร้องไห้
   
“คุณยายรอถามโอ๊ตได้ไหมครับ” เขาต่อรอง
   
“ถ้ามันคิดจะบอก มันบอกยายไปแล้ว” แกกุมมือกนธีไว้ “ยายเป็นอะไร ไม่ใช่โรคตับใช่ไหม ยายเป็นเหมือนแม่เจ้าโอ๊ตใช่ไหม..”
   
กนธีหันไปทางอื่น ลำคอตีบตัน เพียงเท่านั้น ยายก็รู้ได้ชัดเจน
   
แกน้ำตาไหลไม่หยุด ต่อให้เตรียมใจ แต่ก็เป็นธรรมดาของคนเราเมื่อรู้วาระสุดท้ายในชีวิต มะเร็งเป็นโรคที่บั่นทอนกำลังใจ เกือบทุกคนที่รู้จักรักษาไม่หาย แกรู้ดีถึงความเจ็บปวดของลูกสาวเพียงคนเดียว ภาพความทรงจำที่มันนอนร้องโอดโอย งอก่องอขิง ทรมานในบั้นปลายก่อนหมดลมหายใจผุดขึ้นมา 
   
“ขอบคุณนะลูก..สำหรับทุกอย่างที่หนูทำให้ ทั้งที่ยายเป็นคนอื่น เป็นแค่คนแก่บ้านนอกงกเงิ่น ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับหนู แต่ก็ยังอุตส่าห์เมตตากันมาถึงป่านนี้ ขอบคุณนะจ๊ะพ่อคุณ” ยายร้องไห้ ยกมือไหว้คนตรงหน้า

“อย่าพูดแบบนี้เลยครับ ผมเต็มใจทำให้ทุกอย่าง” เขากุมมือท่านไว้

“ลำบากอีกหน่อยนะลูกนะ ยายอยู่รบกวนหนูไม่นานหรอก”

“ไม่เอาครับ” เขากอดท่าน น้ำตาไหลลงมาอีกคน “คุณยายก็เหมือนญาติผู้ใหญ่ของผมนะ ผมจะดูแล จะรักษาจนสุดความสามารถ”
   
“ยายรู้ว่าต้องตายแน่แล้ว” แกพึมพำ “ขออย่างเดียว..ขออย่าทรมานยาย ยื้อชีวิตไว้เหมือนที่ทำกับลูกยาย ปล่อยให้ตายไปเลยยังดีกว่า”
   
“ไม่ได้หรอกครับ เจ็บป่วยก็ต้องรักษา” กนธีปลอบ
   
“ยายไม่อยากให้หมอทำเหมือนที่ลูกมันโดน” แกกลัว แกจำภาพนั้นได้ ภาพสายระโยงระยาง ใส่ท่อช่วยหายใจ ใส่สายยางส่งอาหาร แทงเข็มครั้งแล้วครั้งเล่าบรรเทาความเจ็บปวด ภาพความเพ้อคลั่ง สับสนกระทั่งหายใจแผ่วลง
   
“หนูจ๋า..ยายขอให้เมตตา ถ้าเวลานั้นมาถึง ให้ยายไปสบายๆ อย่ายื้อ”
   
กนธีไม่ตอบ ไม่รับปากอะไรทั้งสิ้น
   
“หากทำได้ ยายอยากฟังพระสวด” แกขอ ได้ยินมาว่า ช่วงเวลาสุดท้าย ให้ภาวนาคำว่าพุทโธ หากจิตตั้งมั่น สงบ ก็จะได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดี “ถ้าตายแล้ว พวกหนูไม่ต้องเปลืองเงินสวดศพ ตายวันไหน เผาวันนั้น ไม่เดือดร้อนคนเป็น”
   
กนธีร้องไห้ ก้มลงกอดยายไว้ เขาทำได้แค่รับปากกับคำสั่งเสีย
   
“ตอนนี้พักผ่อนก่อนนะครับ เดี๋ยวเย็นๆโอ๊ตก็มา..” เขาเปลี่ยนเรื่อง ยิ้มทั้งน้ำตาพลางกุมมือท่านแน่น “เล็บยาวอีกแล้ว เดี๋ยวผมตัดให้นะครับ”
   
ยายยิ้มให้ มองคนในครอบครัวที่แกเต็มใจรับเสียยิ่งกว่าใครด้วยความรักใคร่เอ็นดู นึกดีใจที่คิดไม่ผิด ดีใจที่ในวันนั้น แกไม่ได้ตัดรอนกีดกันหลานคนนี้
   
คุณกนธีเป็นคนดีที่สุดเท่าที่แกเคยพบเจอ การเป็นคนดีไม่ได้จำกัดว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพศอะไรหรือใช้ชีวิตแบบไหน แกหวังแต่ว่า สิ่งที่หนูกุนต์ของแกทำในวันนี้ จะส่งผลให้วันข้างหน้ามีแต่ความสุข พบเจอแต่สิ่งดีๆเป็นการตอบแทน แม้ไม่เห็นผลในทันทีทันใด แต่ในไม่ช้าผลของการกระทำก็จะกลับมา
   
..หากบุญวันนี้ยังพอมี จะอธิษฐานให้ลูกหลานทุกคนมีแต่ความสุข..
   
..แม้ต้องจากลา แม้ไม่ได้อยู่ด้วย ก็จะวางหัวใจไว้เคียงข้างกันเสมอ..
   
.

.

.



อินทัชถึงโรงพยาบาลประมาณหกโมงเย็น ช่วงนี้เขาสลับมาเฝ้ายายกับพี่กุนต์ ผลัดกันครั้งละวันสองวัน มีบางครั้ง ปาลินมาช่วยดูด้วย ดีที่เพื่อนหายเจ็บแล้ว
   
อ้นกับอุ้มนั่งเล่นอยู่ในห้องพัก เด็กๆดูทีวีไปเงียบๆ ส่วนกนธีอยู่ที่โซฟา พยาบาลกำลังเช็ดตัวให้ยาย เขาเลยถือโอกาสพักกินข้าวในกล่องโฟมที่ไปซื้อมา
   
“อ้าว..โอ๊ต” กนธีเงยหน้าทัก “รถติดมากไหม กินอะไรมาหรือยัง”
   
“กินแล้วครับ” เขาขับรถไปเรียนทุกวัน อาศัยช่วงรถติดกินข้าวให้เสร็จ “พี่เพิ่งได้กินหรือ เย็นป่านนี้แล้วเนี่ยนะ แล้วพวกไอ้แสบกินกันหรือยัง”
   
“เรียบร้อยกันหมดแล้ว พี่ยังไม่หิวเลยกินเลทน่ะ” เขายิ้มให้
   
อินทัชอดรู้สึกผิดไม่ได้ ทั้งที่เขาควรดูแลพี่กุนต์ กลายเป็นว่าฝ่ายนั้นต้องมาดูแลครอบครัวเขาแทน “ขอโทษนะครับที่ทำให้ลำบาก”
   
“ไม่ต้องคิดมากหรอก” กนธีขยับไปนั่งริมโซฟา เหลือที่ให้น้อง
   
เด็กหนุ่มมองกระเช้าผลไม้ที่เขียนป้ายว่ามาจากคุณพสิษฐ์ มีแจกันอีกใบเขียนด้วยลายมือหวัดๆ ลงชื่อคุณไผท เขาขมวดคิ้ว นึกรำคาญแต่ก็เบื่อจะพูด
   
พยาบาลเช็ดตัวให้เสร็จแล้วก็ออกจากห้องไป อินทัชลุกไปหายาย ยกมือไหว้สวัสดี แกหันมามอง เอื้อมมือผอมแห้งมาแตะแขนเขา
   
“โอ๊ต..” ยายเสียงเครือ “ยายอยากกลับบ้าน”
   
“อยู่กับหมอให้อาการดีขึ้นก่อนนะยาย แข็งแรงแล้วจะพาไป”
   
แกน้ำตาคลอ “ยายคิดถึงตา..เมื่อคืนฝันเห็นตาเอ็ง”
   
อินทัชนิ่งเงียบ รู้สึกใจไม่ดีเอาเสียเลย “ตาไม่อยู่แล้วนะยาย คิดถึงได้ แต่อย่าเก็บเอามาคิดมากจนฝันสิ” เขาก้มลงจับมือแก “ยายไม่เป็นอะไรหรอก”
   
กนธีขยับเข้าไปหา นั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วกุมมือท่านไว้
   
“ตาหนู..ช่วยพูดกับเจ้าโอ๊ตหน่อยลูก ยายคิดถึงบ้านจริงๆ” แกขอร้อง “ให้ยายได้กลับไปตายที่บ้านเถอะนะ อย่าให้ยายอยู่ในนี้เลย ไม่อยากอยู่..”
   
คนฟังพูดไม่ออก ได้แต่หันมองอินทัชอย่างขอความเห็น

“ไม่เอาน่ะยาย พูดอะไรไม่ดี ยายไม่ตายหรอก” เขาปลอบ “ยายต้องแข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ผม ให้ไอ้อ้นไอ้อุ้มไปอีกนาน..เป็นสิบๆปีเลย”

ยายปล่อยน้ำตาร่วงลง “เอ็งโกหกยาย..”

อินทัชชะงัก มองหยดน้ำที่ไหลอาบแก้มหญิงชรา

“ยายเป็นแบบที่แม่เอ็งเป็น..” แกพูดเสียงสั่นพร่า “โกหกยายทำไม”

เด็กหนุ่มเงยหน้ามองกนธี คิ้วเข้มขมวดมุ่น พี่กุนต์หลบสายตา และนั่นก็ทำให้เขารู้ทันทีว่ายายรู้เรื่องนี้จากใคร “พี่บอกยายหรือ” เขาไม่ค่อยโอเคนัก

“อย่าโทษคุณเขา” ยายจับมือหลานไว้ “ยายถาม แต่ตาหนูไม่ตอบ คิดว่าจะปิดยายไปจนเมื่อไรลูก..จนยายตายไปเอง ไม่ให้ร่ำลาใครเลยหรือ”

“ยาย..ฟังผมนะ” อินทัชกอดแกแน่น “ยายไม่เป็นอะไรมากหรอก มะเร็งเดี๋ยวนี้เขารักษาได้ ยายแค่ต้องดูแลสุขภาพ ทำตามหมอสั่ง มาหาหมอบ่อยๆ”

“เอ็งก็ยังโกหกยายไม่เลิก” แกเบือนหน้าหนี “จะว่ายังไงก็แล้วแต่ ยายขอเอ็งอยู่อย่างเดียว รับปากยายได้ไหม..ถือว่าทำให้ยายครั้งสุดท้าย”

“ยายอยากได้อะไร ผมจะหามาให้ทุกอย่าง บอกมาเถอะครับ”

ยายส่ายหัว ยิ้มทั้งน้ำตา “ถ้ายายไม่ไหวแล้ว..เอ็งปล่อยยายได้ไหมลูก”

“หมายความว่ายังไง” อินทัชถามย้ำ “ให้ปล่อยยายคืออะไร”

“อย่ายื้อ อย่าทรมานยายเหมือนที่คนอื่นเขาโดน” แกร้องไห้ “ปล่อยให้ตายไปเอง ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ยายไม่หิว ลูกอย่าบังคับให้กิน ยายไม่หายใจก็อย่าฝืน ถ้ายายไม่ฟื้น ไม่ลืมตา ลูกอย่ารั้งกลับ..ให้ยายไปของยายนะ”

“ยายพูดแบบนี้ได้ยังไง” อินทัชน้ำตาไหล กอดแกแน่น “ยายอยู่กับหมอ จะไม่ให้หมอรักษาได้ยังไง ยายให้ผมปล่อยยายตายทั้งที่ยังมีโอกาสช่วยหรือ”

“ไม่ตายวันนี้ ก็ตายวันพรุ่ง เอ็งต้องทำใจนะลูกนะ”

“ไม่เอา” เขาร้องไห้ ซบหน้ากับมือยาย “ไม่ว่าจะยังไง ผมจะรักษายายให้ถึงที่สุด ผมจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดซ้ำสอง ผมปล่อยแม่ตายมาคนหนึ่งแล้ว ผมจะไม่ทำกับยาย วันนี้ผมมีทางช่วย ผมก็จะให้หมอช่วยยายจนถึงที่สุด”

กนธีหน้าหมอง รู้สึกหนักใจกับความรู้สึกผิดที่ค้างคาของน้อง “โอ๊ต..” เขาเดินอ้อมมาแตะแขนเด็กหนุ่ม “โอ๊ตอย่าเพิ่งทำให้คุณยายลำบากใจ”

อินทัชไม่ฟังเสียง ไม่อยากคุยอะไรกับใคร “ขอผมอยู่กับยายได้ไหม”

เขานั่งนิ่ง ไม่หันไปสบตาคนที่บีบบ่าแผ่วเบา กลัวจะเผลอแสดงความไม่พอใจที่ก่อตัวอยู่ลึกๆออกมา ยอมรับว่าเขาคาดหวังกับพี่กุนต์ไว้มาก แต่แค่ความลับอย่างเดียวที่เขาไม่อยากให้ยายได้รู้ เจ้าตัวกลับช่วยเก็บไว้ไม่ได้

กำลังใจของคนแก่เป็นเรื่องสำคัญ และตอนนี้ ยายก็ไม่มีหวังในการมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว เขาแค่อยากให้ระยะเวลาสุดท้ายนั้นถูกยืดออกไปอีกหน่อย

รู้ว่ากำลังพาล เขาถึงไม่กล้ามองหน้ากนธีในตอนนี้

“ฟังคุณยายสักหน่อยเถอะ” กนธีพูดช่วย “ถ้าท่านอยากกลับน่าน..”

“ถ้าไม่ดีขึ้นก็ออกจากโรงพยาบาลไม่ได้” อินทัชพูดหนักแน่น เขาเห็นว่าหากกลับไป ก็เท่ากับรอวันตาย “พี่ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ผมคิดดีแล้ว”
   
อีกคนเงียบกริบ ทำอะไรไม่ได้เพราะน้องไม่ต้องการความเห็นจากเขา

อินทัชหันมาสนใจยาย “ยายต้องเข้มแข็งเอาไว้นะ ยายเป็นคนเก่ง อย่าพูดอะไรตัดช่องน้อยแบบนี้ ไม่คิดถึงผม ไม่ห่วงไอ้อ้นไอ้อุ้มเลยหรือ”
   
ยายร้องไห้ กอดหลานชายคนโต “ห่วงพวกเอ็งยิ่งกว่าชีวิต”
   
“ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งใจรักษาตัว กำลังใจสำคัญมากนะยาย” เขากุมมือแก “อย่าเพิ่งหมดหวัง ถ้ายายเชื่อว่ามันหายได้ มันก็ต้องหาย”
   
กนธีลอบถอนหายใจแผ่วเบา น้องกำลังเผชิญหน้ากับเรื่องทุกข์ เขารู้ดีเพราะเจอมาก่อน ปฏิกิริยาแรกคือการปฏิเสธ ไม่ยอมรับอะไรทั้งสิ้น
   
ไม่ยอมรับกระทั่งว่า..คนเรามีเกิด ก็มีเจ็บ และมีความตายเป็นของคู่กัน
   
อินทัชกอดยาย ต่างฝ่ายต่างร้องไห้จนแกเริ่มอ่อนเพลีย เขาเลยนั่งอยู่ด้วยกระทั่งแกหลับทั้งที่กุมมือไว้แนบแน่น สักพักเขาก็ละมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้
   
“ยายเป็นครอบครัวหนึ่งเดียวของผม” เขาพึมพำ “ขอร้องเถอะนะครับ..ผมยังดูแลยายได้ไม่เต็มที่ ให้โอกาสผมตอบแทนบุญคุณของยายอีกหน่อยนะ”
   
กนธีได้ยินคำพูดนั้น เขาไม่ได้โต้แย้งอะไรนอกจากเดินออกไปเงียบๆ
   
อินทัชหันมองเมื่อได้ยินเสียงปิดประตู คิดอยู่วูบหนึ่งว่าไม่น่านึกพาลไปยังพี่กุนต์ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ยังยืนยันความคิดของตัวเองไม่เปลี่ยน
   
ยายเป็นญาติผู้ใหญ่คนสุดท้ายที่เขามี จะให้ละทิ้ง ปล่อยตายโดยไม่สนใจทั้งที่มีโอกาสยื้อชีวิต เขาไม่คิดจะทำ และไม่ว่าใครก็ขอให้เขาล้มเลิกไม่ได้

เด็กหนุ่มถอนใจ ผละไปหาน้องๆที่นั่งเล่นกันด้วยความไร้เดียงสา จมอยู่กับความกลัดกลุ้มโดยไม่ทันสังเกตว่าคนที่หลับไปแล้วกำลังร้องไห้แผ่วเบา




......................................................................






[ต่อด้านล่าง]




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-08-2017 15:20:15 โดย nigiri-sushi »

ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3851 เมื่อ20-08-2017 15:16:57 »







กนธีเชื่อว่าคุณยายเป็นคนอดทน ซ้ำยังอดทนอย่างมาก เรียกว่าไม่ยอมแสดงอาการเจ็บปวดออกมาเลย และถ้าคนที่อดทนได้เก่งอย่างนั้นเริ่มบอกว่าเจ็บขึ้นมาเมื่อไร นั่นหมายความว่าเริ่มถึงขีดสุดจนเกินจะฝืนแล้ว
   
มอร์ฟีนเข็มแรกถูกนำมาฉีดให้ เป็นปริมาณแต่น้อยที่พอจะช่วยบรรเทาความปวดในช่องท้อง คุณยายหลับได้สบายเป็นหนแรกของการมาโรงพยาบาล
   
พสิษฐ์มาเยี่ยมในบ่ายแก่วันหนึ่ง อินทัชนั้นมีเรียนและสอบเก็บคะแนน เขาไม่ได้เล่าให้น้องฟังว่าวันนี้อาการคุณยายแย่มากจนต้องใช้มอร์ฟีน
   
“ท่านเป็นยังไงบ้างพี่” เขาวางกระเช้ารังนกลง มองคนที่หลับไม่ได้สติ
   
กนธีส่ายหัว “นับถอยหลัง..”

จากวันที่เข้ามาแอดมิทเพราะล้มหัวฟาดพื้น รอเอ็กซเรย์ รอดูอาการ ทำ CT Scan ตรวจอย่างละเอียด คุณยายก็พักรักษาตัวจนกระทั่งเรื่องอุบัติเหตุบรรเทาลง การรักษาต่อเนื่องคือเรื่องขาดสารอาหาร เขานึกเสียใจที่ไม่ได้ดูแลใกล้ชิด คุณยายบอกว่าช่วงหลัง ท่านไม่ยอมกิน มักจะแอบทิ้งอาหารอยู่เนืองๆเพราะไม่อยากให้หลานเป็นห่วง มาวันนี้ ต้องให้น้ำเกลือแทน เขาสงสารที่ท่านต้องเจ็บตัวจากการถูกแทงเข็มครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะเส้นเลือดตีบจนหาไม่เจอ

โรคอื่นที่รุมเร้า อยู่ในความดูแลของหมอ ตอนนี้มันแสดงอาการแทรกเป็นระยะ ช่วงไหนมีทีท่าว่าจะสงบลง คงได้กลับไปพักผ่อนสบายๆที่บ้าน ก็มีเหตุให้ต้องรักษาต่อ ทั้งเรื่องความดัน เรื่องโรคไต เบาหวานสารพัด ไหนจะต้องคอยเจาะระบายน้ำในช่องท้องถี่ขึ้นเพื่อให้ท่านยังพอหายใจได้สะดวกอีก

“อาการท่านทรุดเร็วมาก” กนธีพูดเศร้า “ได้แต่ประคับประคองกันไป”

อ้นกับอุ้มเลิกเรียนแล้ว เด็กๆมาเยี่ยมคุณยายทุกวันที่พี่กุนต์มา คืนไหนพี่โอ๊ตมาคอยเฝ้า ทั้งคู่จะกลับไปนอนกับพี่กุนต์ที่คอนโด เด็กน้อยขดตัวกอดแขนกนธีคนละข้างเหมือนลูกแมวที่โหยหาความอบอุ่น โชคดีที่หลับไปอย่างสบายใจเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดของผู้ใหญ่ที่รักและห่วงหาน้องๆเหมือนพ่อที่แท้จริง
   
พสิษฐ์มองอย่างเข้าใจ เขาบีบไหล่พี่กุนต์ สงสารที่พี่ชายของตนต้องเผชิญกับความสูญเสียคนใกล้ตัวหลายต่อหลายครั้ง ตั้งแต่มารดาที่จากไปเมื่อตอนเด็กๆ บิดาที่แยกตัวออกไปมีครอบครัวใหม่ กระทั่งคนรักที่ประสบอุบัติเหตุ

“เข้มแข็งไว้นะพี่” เขากอดกนธี

เจ้าตัวพยักหน้า “คุณยายก็เหมือนครอบครัวพี่นะ” เขายิ้มหม่น “อดใจหายไม่ได้ แต่พี่รู้ดี ยิ่งฝืนยิ่งรั้ง ยื้อกับธรรมชาติมากเท่าไร คุณยายก็เจ็บเท่านั้น”

พสิษฐ์เข้าใจดี แต่ถ้าเป็นเขา เขาเองก็เลือกไม่ได้เหมือนกัน

คนของใคร คนนั้นก็รัก ถ้าวันหนึ่ง คนสำคัญของเขา ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ หรือพี่กุนต์ก็ตามที เผชิญหน้ากับบั้นปลายในชีวิต ถ้าหมอให้เขาตัดสินใจ หากหัวใจล้มเหลว หากหยุดหายใจ จะให้ยื้อขึ้นมาไหม เขาก็ต้องเลือกให้ช่วย

กระบวนการรักษานั้นเจ็บปวด คนไข้ไม่อยากรับ แต่ญาติพี่น้องก็ทนดูคนที่รักค่อยๆหมดลมไปเองโดยวางเฉย ไม่ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ เหมือนกับผู้ป่วยสมองตาย จะให้ถอดเครื่องช่วยหายใจหรือไม่ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ตัดสินใจได้ง่ายๆ

“เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอ” เขาปลอบใจ

“พี่ห่วงก็แต่โอ๊ต..สงสารน้อง” กนธีไม่สดชื่นเหมือนเคย “อีกเดือนสองเดือนน้องจะสอบปลายภาค ทางนี้ก็ห่วง ทางนั้นก็เครียด พี่ไม่รู้จะช่วยยังไงดี”
   
“เป็นกำลังใจให้เขาก็พอ” พสิษฐ์กอดญาติผู้พี่ “การสูญเสียคนสำคัญเป็นช่วงแย่ที่สุดในชีวิตของทุกคน ผมว่ากำลังใจเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้นะ”
   
“อืม” เขารับคำ กุมหลังมือใหญ่เอาไว้
   
พสิษฐ์ให้พี่กุนต์นั่งเฝ้าคุณยายต่อ เขาปลีกตัวออกมาชวนอ้นกับอุ้มคุย
   
“ว่าไงครับสุดหล่อ” เขาทักทายน้องที่หันมาฉีกยิ้มรอเขามาคุยเล่นด้วยหลายครั้งแล้ว “วันนี้คุณอามีของฝากมาด้วย” หยิบโมเดลรถบีเอ็ม รุ่นที่พี่กุนต์ขับ กับเมอร์เซเดส คาบริโอเลต คันโปรดของเขามาให้คนละคัน “เลือกได้เลย”
   
“ว้าว~” น้องอุ้มตาโต เด็กชายคว้าเบนซ์คันงามมากอดทันที
   
“ผมขอคันนี้ๆ” น้องอ้นเลือกบีเอ็มเพราะเป็นแฟนคลับตัวยงของพี่กุนต์
   
น้องน้อยสองคนไหว้ขอบคุณคุณอาไผ่ด้วยความดีใจสุดๆ
   
“ไปกินขนมกันมั้ยครับ” พสิษฐ์ชวน เด็กๆอยู่โรงพยาบาลทุกเย็น มันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพใจเท่าไรนัก มาทีไรก็เห็นแต่ภาพหดหู่ ถ้าคุณยายตื่นขึ้นมาแล้วเริ่มมีอาการให้เห็น น้องจะยิ่งรู้สึกแย่ “ไปนั่ง S&P ที่ท่ามหาราชกันดีกว่า”
   
“คุณอาจะพาหนูไป~” น้องอุ้มชูสองแขน “ไปฮะ อยากไป~”
   
กนธีหันมายิ้มให้ พยักพเยิดให้น้องพาเด็กๆไปรีแล็กซ์บ้าง “กลับมาให้ทันตอนหนึ่งทุ่มนะ คืนนี้โอ๊ตจะมาค้างที่นี่ พี่จะพาอ้นกับอุ้มกลับคอนโด”
   
“ใครจะไปนั่งกินยืดยาดเป็นเต่าแบบพี่เล่า” พสิษฐ์แหย่ ให้พี่กุนต์ยิ้มบ้าง จะได้ไม่เครียดเกิน “เอาอะไรไหม จะซื้อมาฝาก เค้กต้นอ่อนทานตะวัน?”
   
“ไปได้แล้วไป” กนธีโบกมือปัดๆ
   
พสิษฐ์หัวเราะ จูงมืออ้นกับอุ้มออกไปจากห้อง คล้อยหลังได้สักครึ่งชั่วโมง มีเสียงเคาะประตูห้อง กนธีชะโงกหน้ามองก่อนจะเห็นว่าเป็นปาลิน
   
“ขออนุญาตครับพี่กุนต์” เด็กหนุ่มเยี่ยมหน้าเข้ามา ถือกระเช้ามาด้วย “ผมไม่มีคลาสบ่าย เลยมาดูคุณยาย” เขาค่อยๆเดินมา วางนมตราหมีบนโต๊ะ
   
กนธียิ้มให้ สีหน้าออกจะอิดโรยไม่น้อยเพราะนอนไม่ค่อยพอ
   
“ขอบคุณมากครับ มานั่งตรงนี้สิ กินอะไรหรือยัง ในตู้เย็นมีนะ”
   
“กินแล้วครับ” ปาลินนั่งลงด้านข้าง ท่าทางเป็นกังวล “ดีขึ้นไหมครับ”
   
กนธีนิ่งไป เท่านั้นก็รู้กันชัดเจนว่าที่เหลือมีแต่รอคอยเวลา
   
พวกเขาพูดคุยกัน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเรียนที่มหาวิทยาลัย น้องสนมีฝีมือทางด้านศิลปะ ยังเคยขออนุญาตให้กนธีช่วยเป็นแบบวาดภาพคนเลย
   
“เสียดายที่ไม่มีเวลา” กนธียิ้มบาง “แล้วการบ้านไปถึงไหนแล้ว”
   
“ส่งแล้วครับ” ปาลินเกาท้ายทอย หัวเราะแหะ “ผมวาดเพื่อนของพี่ศร”
   
“เราอยู่คณะศิลปกรรมสินะ” เขาคิด “รู้จักอาจารย์กฤษณะหรือเปล่า”
   
เด็กหนุ่มส่ายหัวหวือ “อาจารย์พิเศษหรือครับ เพื่อนพี่กุนต์?”
   
“เคยเป็นสมาชิกสโมสรไลออนส์ด้วยกัน พอดีพักหลังพี่ไม่ได้เข้าร่วม”
   
ปาลินตั้งอกตั้งใจฟังพร้อมกับแอบเก็บข้อมูล พี่กุนต์พึมพำว่าอาจารย์คงลาออกไปแล้ว ไอ้เขาก็นึกว่าฝ่ายนั้นเป็นแฟนเก่าพี่กุนต์เสียอีก
   
สักพักหนึ่ง คุณหมอก็เข้ามาดูอาการ เป็นเวลาเดียวกับที่คุณยายตื่นขึ้นมา หมอตรวจร่างกายและชวนคุยโดยมีพวกเขาสองคนอยู่ข้างๆ
   
“คุณหมอ..ยายอยากกลับบ้าน” แกร้องขอซ้ำๆ
   
“อยู่รักษาตัวก่อนนะครับคุณยาย ให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นหน่อยนะ”
   
ยายน้ำตาไหล “ยายอยากกลับไปตายที่บ้าน ขอออกไปเถอะนะจ๊ะ” แกหันมาหากนธีกับปาลิน “ตาหนู..ช่วยขอหมอให้ยายที ยายอยากกลับไปหาตา”
   
ทั้งสองมองหน้ากัน สงสารจนทำอะไรไม่ถูก ต้องขอความเห็นจากหมอ
   
กนธีเล่าว่าคุณยายทราบว่าเป็นมะเร็งและรู้ดีว่าไม่มีทางหายขาด เลยอยากจะกลับไปรักษาตัวที่บ้าน และจะขอปฏิเสธการรักษาในช่วงเวลาที่ร่างกายไม่ไหวแล้ว นายแพทย์สูงวัยรับฟังและมีท่าทีเห็นอกเห็นใจ
   
“ในกรณีที่คุณยายยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน อาจจะเขียนหนังสือแสดงเจตนาไม่ขอรับบริการทางการแพทย์ที่จะยืดเวลาการเสียชีวิต จะได้เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน ให้คุณยายเขียนเอง คนอื่นเขียนหรือพิมพ์ให้ก็ได้ และถ้าทำในโรงพยาบาลก็ควรมีพยานร่วมยืนยัน เป็นญาติพี่น้อง ลูกหลานหรือคนใกล้ชิดผู้ป่วย และควรมีแพทย์หรือพยาบาลที่ไม่ได้เป็นเจ้าของไข้ร่วมด้วยครับ”
   
“การไม่ขอรับบริการในที่นี้หมายถึงอะไรบ้างครับคุณหมอ” กนธีถาม
   
คุณหมอผายมือไปอีกทางเพื่อให้ข้อมูล ระวังไม่ให้คำพูดกระทบจิตใจคนเจ็บ “กรณีผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวถาวร มีอาการสับสนถาวร อยู่ในภาวะสุดท้ายของการเจ็บป่วย เช่น โรคมะเร็งแพร่กระจายไปทุกส่วนจนไม่สนองตอบต่อการรักษาใดๆอีก ผู้ป่วยสามารถแสดงเจตนาด้วยตัวเองได้ว่าไม่ให้ทีมแพทย์ทำการรักษาต่อ เช่นว่า การกระตุ้นหัวใจหลังหัวใจหยุดเต้น การพยุงชีวิตโดยใช้เครื่องช่วยหายใจติดต่อกันนานๆ การให้สารน้ำหรือยาทางหลอดเลือด การใช้เครื่องมืออื่นเพื่อให้อวัยวะภายในยังทำงานได้ รวมไปถึงการให้อาหารและน้ำทางท่อด้วย”
   
ปาลินมือเย็นเฉียบ พ่อกับแม่ของเขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุในสถานที่นั้นเลย เขาไม่เคยต้องเผชิญกับวาระสุดท้ายที่ต้องเห็นคนที่รักค่อยๆสิ้นใจไป
   
กนธีเหลือบมองน้อง เห็นปาลินหน้าซีดเผือดเลยเอื้อมมือไปโอบรอบบ่าแทนการปลอบ เขาเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว พอจะรับมือได้
   
“หนังสือแสดงเจตนามีประโยชน์กรณีที่ผู้ป่วยประสงค์จะเสียชีวิตอย่างสงบตามธรรมชาติ ไม่ต้องการให้ใช้เครื่องมือทางการแพทย์ยืดระยะเวลาออกไป เพราะว่าตามกระบวนการมักจะสร้างความลำบากทรมานให้คนเจ็บ และผู้ป่วยก็สามารถระบุความประสงค์ได้ว่าต้องการจะกลับไปอยู่ที่บ้านในช่วงสุดท้าย”
   
เขาพยักหน้ารับ คุณหมอให้ข้อมูลอีกหลายอย่าง เป็นต้นว่าการเตรียมตัวในช่วงสุดท้าย การเขียนเอกสารหลักฐานต่างๆในช่วงที่คุณยายยังมีสติครบ
   
“ขอบคุณมากนะครับ” เขาถอนหายใจ รอกระทั่งคุณหมอออกไปจากห้องก็เข้ามาคุยกับคุณยาย บอกเล่าให้ฟังคร่าวๆว่าคุยอะไรกันมา
   
ยายจับข้อมือคุณกุนต์ของแกเอาไว้ “หนูจ๋า..ช่วยเป็นธุระให้ยายหน่อย”
   
กนธีลำบากใจไม่น้อย “ผมจะพยายามครับ..”
   
ปาลินอดกังวลไม่ได้ “เรื่องนี้..ผมว่าควรจะคุยกับโอ๊ตอีกคน”
   
“โอ๊ตคงไม่ยอม” เขาถอนหายใจ “แต่น้องก็มีสิทธิ์อยู่ร่วมด้วย เอาเป็นว่า..พี่จะไปค้นข้อมูลมาให้ ได้หนังสือมาแล้วจะลองคุยกับโอ๊ตดู”
   
คุณยายหลับตาลง สองมือเลื่อนลงกุมท้อง อาการเริ่มแสดงออกอีกครั้งกนธีมองอย่างสงสารและเห็นใจ คนกลางอย่างเขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
   
..ความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ช่วงก่อนที่จะจากไปต่างหากที่น่ากลัว..




......................................................................




สองวันหลังจากนั้น ไผทเอาดอกไม้และน้ำองุ่นสดจากฟาร์มของเขามาเยี่ยมคุณยายที่โรงพยาบาล เขาเลือกมาตอนบ่ายเพราะรู้ว่าอินทัชไม่อยู่
   
“ขอบคุณมากคุณไท” กนธียิ้มให้ เขานั่งขดตัวอยู่ที่โซฟา ตั้งใจจะงีบสักพักแล้วพอใกล้บ่ายสามจะออกไปรับอ้นกับอุ้ม กว่าจะถึงก็พอดีกัน
   
“คุณยายหลับอยู่หรือครับ” เขานั่งบนเบาะอีกด้าน

ไผทรู้มารยาททางสังคมมากพอ การมาเยี่ยมในครั้งนี้ เขาไม่ได้มาจีบหรือทำคะแนนกับกนธี ถึงเขาจะเลวที่เข้ามาแทรกกลางระหว่างสองคน แต่ก็ไม่ถึงกับต้องสิ้นไร้ปัญญาขนาดใช้คนป่วยเป็นเครื่องมือ ที่มาก็เพราะอยากมาเยี่ยมไข้ อย่างน้อยคุณยายก็เป็นคนรู้จักที่เห็นหน้าค่าตากันก่อนจะทรุดหนัก

“เพิ่งได้มอร์ฟีนไปเข็มหนึ่ง หลับสบายขึ้น” กนธีหาวหวอด พับผ้าที่ใช้ห่มตัวแก้หนาว “คุณไททานข้าวมาหรือยัง นี่มาจากปากช่องเลยหรือ”

“ใช่ครับ ออกมาเมื่อเช้า” ไผทมองหน้า “คุณได้หลับบ้างหรือเปล่า”
   
กนธียิ้มรับ เขานอนไม่พออีกแล้ว สังขารคนแก่วัยสี่สิบมันเริ่มร่วงโรยไปตามเวลาเต็มที พักผ่อนไม่พอก็ล้าได้ง่ายๆ ยิ่งมานอนขดบนเบาะ ไม่กว้างขวางเหมือนเตียงก็ยิ่งปวดหลัง แต่เขาเต็มใจจะช่วยดูแลคุณยายที่สุดเลยไม่เคยบ่น
   
“คุณนอนสักหน่อยไหม” ไผทเสนอ “ผมจะอยู่เฝ้าให้เอง ไม่ต้องห่วง”
   
คนฟังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า เขาทำตัวตามสบายมากขึ้นเมื่ออยู่กับไผท แม้ว่าอีกฝ่ายจะแสดงชัดเจนว่าชอบพอ แต่ก็ไม่เคยมีทีท่าเข้ามาเกินเลย อย่างมากแค่ครั้งนั้น..แล้วพอห้าม ไผทก็รับฟังและทำตามโดยดี
   
เขาให้เหตุผลว่า ลูกผู้ชาย ถ้าจะรุกเข้าหาก็ต้องรุกเปิดเผย ไม่ลอบทำอะไรลับหลังแน่ เรื่องนี้ทำให้กนธีหัวเราะอยู่หลายวัน
   
“ฝากด้วยนะครับ” กนธียิ้มบางแล้วนอนหันหลัง คลุมโปงจนมิดหัว
   
ไผทถอนหายใจ ค่อยๆดึงผ้าห่มลงมาเพราะกลัวคุณกุนต์หายใจไม่ได้
   
เขาผละออกไปนั่งใกล้คุณยาย เอาแท็บเลตมาเล่นฆ่าเวลา ระหว่างนั้นก็สังเกตอาการท่านไปด้วย เผื่อว่ามีอะไรจะได้เรียกหมอทัน
   
ตอนที่เงยหน้าพักสายตา กระดาษเอกสารบนโต๊ะก็ดึงดูดความสนใจ เขาเอียงคอมอง อ่านหัวข้อ ‘หนังสือแสดงเจตนา’ ตามด้วยชื่อคุณยาย
   
เขาหยิบมาอ่านคร่าวๆ เห็นว่าเป็นเรื่องของการแสดงเจตนาปฏิเสธการรักษาในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต ระบุว่าขณะเขียน คุณยายมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนปกติดีทุกประการ และขอระบุการใช้สิทธิตามมาตรา ยืนยันสิทธิของตน หากอยู่ในภาวะที่รักษาไม่หาย ไม่อาจมีสติดังเดิม ขอไม่รับการรักษาหรือการทำหัตถการที่จะยืดชีวิตออกไปโดยไม่จำเป็น เพื่อให้ตัวเองได้เสียชีวิตตามธรรมชาติ
   
หากหัวใจหยุดเต้น ขอไม่รับการกระตุ้นหัวใจด้วยวิธีใดๆ และหากหยุดหายใจ ขอไม่รับการเจาะคอหรือใช้เครื่องช่วยหายใจ
   
ขอรับเพียงการรักษาที่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดเท่านั้น
   
ลงลายมือชื่อของคุณยาย และพยานคนที่หนึ่ง..คือกนธี สิงหนาท
   
ไผทวางหนังสือนั้นลง มองไปยังคนป่วยและผู้ดูแลที่เหน็ดเหนื่อยและอิดโรยจนหลับไม่รู้เรื่องในทันทีที่หัวถึงหมอน เขาถอนหายใจแผ่วเบาเมื่ออ่านชื่อพยานคนที่สอง ตรงที่ให้ลงลายเซ็นกำกับมันยังว่างไว้อยู่ คงตั้งใจจะรออินทัช
   
เขามีความเห็นว่า เรื่องนี้คงทำให้เกิดปัญหาขึ้นไม่มากก็น้อย
   
“มีใจให้คนอื่นจนหลงลืมตัวเองอีกแล้วนะคุณกุนต์” ชายหนุ่มพึมพำ
   
เวลาล่วงเลยจนถึงเวลา ไผทที่นั่งเฝ้าคุณยายอยู่นานตัดสินใจปลุกกนธี เพราะเห็นว่าจะต้องไปรับน้องอ้นกับน้องอุ้มที่โรงเรียนแล้ว
   
กนธีงัวเงียตื่นขึ้น เขาลุกและพับผ้าห่มไว้ปลายเบาะ
   
“ขับรถไหวไหม ผมไปรับน้องให้ได้นะ” ไผทมองคนที่เซถอยหลังมาก้าวหนึ่ง “นอนตอนบ่ายๆมันจะปวดหัวน่ะคุณ ดูดแรงไปไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ”
   
กนธียิ้มบาง “ยังได้ครับ ล้างหน้าสักหน่อยก็โอเค” เขาบิดขี้เกียจ
   
ไผทหัวเราะ เขามองนาฬิกา “แล้วตอนคุณไปรับน้อง ใครอยู่ล่ะ”
   
“เดี๋ยวผมฝากพยาบาลช่วยดูสักพัก” เขาขยี้หัวตัวเอง
   
“เอาแบบนี้แล้วกัน ผมจะไปรับเด็กๆให้ คุณอยู่ที่นี่ กินข้าวซะด้วย” เขาเห็นว่าข้าวกล่องมื้อเที่ยงหรืออาจจะมื้อเช้าของกนธี เย็นเฉียบไปหมดแล้ว
   
“ผมเกรงใจ” เขารีบบอกปัด

“ผมว่างทั้งวัน” ไผทเสนอตัว จากนั้นก็ส่ายหัว ทำเสียงจุ๊ๆ “อย่าเพิ่งคิดไปไกล นี่ไม่ใช่การจีบคุณ นี่เป็นการช่วยเหลือในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง”

กนธีคลายหัวคิ้วที่ขมวดมุ่น หัวเราะอย่างผ่อนคลาย “ตามใจแล้วกัน”

“น้องอ้นมีมือถือใช่ไหม คุณโทรบอกน้องก่อนแล้วกันครับว่าจะให้ผมไปรับ บอกว่าจะมีคุณอาสุดหล่อเจ้าของม้าหล่อที่สุดไปแทนพี่กุนต์”

เขากลั้นขำ “อะไรทำให้มั่นใจขนาดนั้นคุณไท”

“ผิวสีน้ำตาลเหมือนกาแฟคาปูชิโน่ของผมยังไงล่ะ” เขายักคิ้วให้

กนธีหัวเราะร่วน โทรหาน้องอ้นและบอกข้อความตามนั้น ทั้งยังกำชับด้วยว่า คุณอาไทจะมีรหัสลับให้ “ขอโค้ดลับด้วยครับคุณไท”

ไผทยิ้ม “คุณอาจะพูดว่า ใครเอ่ยหล่อที่สุดในปฐพี แล้วน้องก็ตอบว่า..”

“พี่กุนต์นี่เอง..” กนธีสรุปให้เสร็จ “โค้ดตามนี้นะครับน้องอ้น”

ร่างสูงขบขัน จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วออกไปรับน้อง “จะรีบกลับมา”

กนธีโบกมือให้ก่อนปิดประตูตามหลัง ผ่านไปเกือบชั่วโมง เขากำลังนั่งขัดสมาธิ กินข้าวชืดๆที่โต๊ะ ประตูหน้าห้องก็ถูกเปิด มีเสียงฝีเท้าเดิน

ชายหนุ่มเงยหน้ามอง “อ้าว..โอ๊ตมาแล้วหรือ” เขามึนงง ไหนว่าวันนี้น้องมีเรียนตอนบ่าย ไม่คิดว่าจะมาก่อนสี่โมงเย็น

อินทัชดูนอนไม่ค่อยพอเหมือนกัน เขาวางเป้ลงแล้วทิ้งตัวบนโซฟา

“คลาสบ่ายเป็นวิชาเลือก เลยเข้าไปฟังครึ่งแรกแล้วออกมาตอนเบรค”

กนธีพยักหน้า ในห้องเกิดความเงียบอยู่ชั่วขณะเมื่ออินทัชวางหัวพาดกับขอบเบาะ หลับตาลงท่าทางเหนื่อยอ่อน เขานึกลังเลอยู่พักก็ตัดสินใจพูด

“พี่..ขอคุยเรื่องคุณยายหน่อยได้ไหม” เขาพึมพำ

อินทัชไม่ผงกหัวขึ้นมอง “เรื่องจะกลับบ้านหรือครับ..ไม่ได้หรอก”

กนธีนิ่งเงียบ “เรื่องนั้นก็คิดอยู่แล้วว่าคงยาก แต่ว่า..อันนี้เป็นเจตนาของท่าน อย่างน้อยโอ๊ตเปิดใจ ช่วยรับฟังเหตุผลหน่อยได้ไหม”

เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว ลืมตามองเอกสารที่พี่กุนต์ยื่นมาให้

สีหน้าเขานิ่งขึงไปทันที “นี่อะไร”

“คุณยายต้องการแบบนั้น โอ๊ตต้องเข้าใจนะ” เขาอธิบาย

“ผมหมายถึง..การตัดสินใจแบบนี้มันคืออะไร” เขาลุกขึ้นยืน สีหน้าไม่พอใจ “ทำไมยายถึงรู้เรื่องนี้ได้ หมอบอก พี่บอก หรือใครทำอะไรลับหลังผมอีก”

กนธีเห็นว่าน้องเริ่มใช้อารมณ์ เขาพยายามขอให้ใจเย็นไว้ก่อน “ทุกคนแค่รับฟังแล้วก็ไม่ปฏิเสธความต้องการของท่านแค่นั้น พี่รู้ว่าโอ๊ตหวังดี แต่ว่า..”

“กี่ครั้งแล้วที่พี่ตัดสินใจเอาเอง” อินทัชมอง ข่มใจไม่ต่อว่ารุนแรง

“พี่..” เขาพูดไม่ออก

“ผมไม่ชอบที่พี่คิดเองเออเอง ตัดสินใจทำเองโดยไม่ถามความเห็นของผม หลายครั้งแล้วที่เป็นแบบนี้ ผมไม่พูด แต่ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึก”

กนธีนิ่งอึ้ง จุกในลำคอจนไม่รู้จะตอบอะไรออกมา

..ความหวังดีนั้นย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง..

“เรื่องอื่นยังพอว่า แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องในครอบครัว! เขาเป็นยายผมนะ” อินทัชไม่ชอบ “จะทำอะไรช่วยถามความเห็นผมที่เป็นหลานแท้ๆสักคำได้ไหม”
   
เขายืนเงียบ ไม่โต้แย้งน้องเพราะเห็นว่าตัวเองผิดจริง
   
แต่คำว่า ‘เรื่องในครอบครัว’ ก็เสียดแทงใจเขาเหลือเกิน
   
..คนอย่างเขา..ไม่ใช่คนในครอบครัวของอินทัชใช่ไหม..
   
“พี่ก็แค่..แค่สงสารท่านเท่านั้น” กนธีก้มหน้า “โอ๊ต..เราจะคิดยังไงก็ตาม ตอนนี้พี่ขอให้เข้าใจความรู้สึกของคุณยายก่อนได้ไหม”
   
“แล้วผมไม่เข้าใจอะไร”
   
“คุณยายต้องเจ็บตัวซ้ำๆ ถูกแทงเข็มหาเส้นเลือด ถูกเจาะท้องระบายน้ำ แล้วหลังจากนี้ล่ะ ให้ปั๊มหัวใจ ให้ใส่ท่อจากจมูกลงปอด ถูกมัดมือ นอนติดกับเตียง นอนซมในนี้ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน โอ๊ตยังจะทนดูได้หรือ” กนธีมองไปที่คุณยาย หญิงชรานอนซม หายใจยากลำบาก ร่างกายผ่ายผอมลงมาก
   
“ผมทำหน้าที่ของหลาน หรือจะให้เอาออกจากที่นี่ไปรอวันตาย”
   
“โอ๊ตจะไม่พาท่านกลับน่านก็ได้ แต่ความต้องการสุดท้ายของท่าน ขอไม่ให้ยื้อท่านไว้ทรมาน แค่เรื่องนี้ เข้าใจหน่อยได้ไหม” เขาหยิบเอกสารขึ้นมา

“ผมไม่เซ็น” อินทัชปฏิเสธ “เป็นอะไรก็รักษาให้ถึงที่สุด”

“โอ๊ต” กนธีมองหน้า “เราทำแบบนี้เพื่อคุณยาย หรือตัวเราเองกันแน่”

“พี่คิดได้ยังไงว่าผมทำเพื่อตัวเอง” เด็กหนุ่มไม่พอใจในทันทีนั้น

“แล้วการรั้งการยื้อคนป่วยไว้ทรมาน มันเป็นความต้องการของใคร”

“พอเถอะ!” เขาหันหนี “เขาไม่ใช่ยายของพี่ก็พูดง่ายน่ะสิ!”

กนธีชะงัก รู้ว่าน้องเครียดหลายเรื่อง อย่าใส่ใจกับอารมณ์ของเด็ก

..แต่มันก็ห้ามไม่ได้..สั่งให้เลิก ‘น้อยใจ’ ไม่ได้เลย..

“พี่จะมาเข้าใจอะไรในเมื่อมีพร้อมตั้งแต่เกิด มีครอบครัวสมบูรณ์ แต่ทั้งชีวิตของผมมีแต่ยายกับน้องเท่านั้น!” อินทัชอารมณ์ไม่ดี “ถ้าพี่เคยสูญเสียคนสำคัญเหมือนที่ผมกำลังจะเจอ พี่จะไม่พูดกับผมแบบนี้เลย!

กนธีนิ่งอึ้ง เสียงของพวกเขามันดังพอที่จะปลุกคุณยายให้ตื่น พอท่านเรียกชื่อเขากับอินทัช ชายหนุ่มก็เบือนหน้าหนี..เพื่อซ่อนน้ำตาที่ไหล

..แม่ของเขาเสียชีวิต พ่อของเขามีครอบครัวใหม่ ศรัณย์คนดีที่จากไป..

..ยังไม่เพียงพอต่อความสูญเสียอีกหรือ..

อินทัชเงียบกริบ คำพูดที่หลุดทำให้พี่กุนต์เสียใจ และเขาก็เห็นน้ำตานั่นอย่างชัดเจน เขาใจเสีย อารมณ์พลุ่งพล่านลดลงและสงบในที่สุด

“ผม..” เขาเอื้อมมือไปหา แต่กนธีขยับถอยไปอีกด้าน

..พูดออกมาได้ยังไงกันว่าพี่กุนต์ไม่เคยสูญเสียคนสำคัญ..

..โง่เง่า ไร้ปัญญาสิ้นดี!..

“ทะเลาะอะไรกันลูก..” ยายถามเสียงพร่า นัยน์ตาฝ้าฟางมีหยดน้ำคลอ “ยายจะตายวันตายพรุ่ง ลูกยังทำให้มีห่วง ยายจะไปได้ยังไงลูกเอ๊ย..” แกร้องไห้

กนธีหันหนี ก้มลงกอดท่าน “ไม่มีอะไรครับ แค่คุยกันนิดหน่อย”

อินทัชรู้สึกแย่ที่สุด เขากุมมือพี่กุนต์ไว้ พึมพำ “ผมขอโทษ..”

คนฟังไม่โต้ตอบ ไม่พยักหน้ารับ แต่ก็ไม่ได้ดึงมือออก 

“รักกันเถอะนะลูกนะ..สองคน..รักกันให้ยายหมดห่วง” แกกุมมือพวกเขาไว้ด้วยกัน เขย่าเบาๆ “รับปากยายได้ไหม หนักนิดเบาหน่อย ค่อยพูดกันนะ”

อินทัชกอดยาย แล้วเลื่อนมือประสานปลายนิ้วกับคนด้านข้าง

“ยาย..ไม่ต้องห่วงนะ พี่กุนต์เป็นคนสำคัญของผม” เขาหันมอง ดวงตาฉายแววความเสียใจ “ผมขอโทษที่พูดไม่คิด”

กนธีไม่ได้ว่าอะไร คำพูดนั้นคือตะปู ตอกตรึงลงบนแผ่นไม้ที่เป็นเหมือนเนื้อใจ ต่อให้ถอนออกไปแล้ว อย่างไรเสียก็ยังหลงเหลือร่องรอย

“ลูกสองคนรักกัน ยายจะได้นอนตายตาหลับ” แกปาดน้ำตา

อินทัชมองคนที่ไม่ยอมสบตาเขา ต้องดึงมือและจับเอาไว้ ไม่รู้ว่าต้องพูดขอโทษกี่ครั้ง คนคนนี้ถึงจะให้อภัย และไม่รู้ว่าต้องบอกความในใจกี่หน

..ถึงจะแทรกซึมลงในความรู้สึกที่ถูกทำร้ายซ้ำซาก..

..พอเถอะ..ไม่ต้องรออะไรอีกแล้ว เวลานี้เท่านั้นที่จะทำให้มั่นใจ..

“รักสิครับ” เขาสารภาพ จับจ้องดวงตาที่หมองเศร้า “ผมรักพี่กุนต์

กนธีเงยหน้ามอง เรียวคิ้วขมวดเข้าหากัน นัยน์ตายังมีหยดน้ำเอ่อคลอ

“ยาย..” อินทัชกุมมือกนธีให้แกเห็น จูบปลายนิ้วแผ่วเบา “ยายได้ยินแล้วนะ..ผมรักพี่กุนต์ และชีวิตผมจะมีแต่พี่กุนต์เท่านั้น”

ใครอีกคนยืนนิ่ง คุณยายหันมาทางเขา จับมือไว้แน่น เรียกร้องให้ตอบ

กนธีเข้าใจดีแล้ว เขาพยักหน้ารับ “ผมก็รักโอ๊ตครับคุณยาย..”

อินทัชฟังคำตอบนั้นด้วยความรู้สึกวูบโหวง

..มันมีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม..

ยายน้ำตาไหล จับมือหลานสองคนไว้แนบแก้ม พึมพำซ้ำไปซ้ำมา ว่าเพียงเท่านี้ ยายก็หมดห่วงแล้ว ขอแค่ได้ฝากคนสำคัญไว้กับคนที่ดีที่สุดก็พอ

พวกเขาไม่ได้พูดคุยกันต่อ พยาบาลเข้ามาดูอาการ กนธีขอยาแก้ปวดทั้งที่รู้ว่าช่วยได้เล็กน้อย คุณยายทานยาและหลับไปอีกครั้งอย่างอ่อนเพลีย

เมื่อเหลือกันเพียงสองคน อินทัชก็จับแขนคนที่ห่มผ้าให้ยายเขา

“พี่กุนต์..” เขาเสียใจจริงๆ “ผมขอโทษนะ..ผม..”

ประตูหน้าห้องเปิดออก อ้นกับอุ้มกระโดดโลดเต้นเข้ามา กนธีไม่สบตาน้อง เขายื้อแขนออกเบาๆพอไม่ให้เสียน้ำใจแล้วก้มลงกอดเด็กน้อยทั้งสองแทน

ไผทชะงักเมื่อเห็นอินทัช เขายกสองมือเป็นสัญลักษณ์ยอมแพ้แล้วล่าถอยไปเอง ใช่ว่าไม่กล้า แต่เพราะที่นี่เป็นโรงพยาบาลและเขาก็เห็นแก่คุณยาย

อินทัชมุ่นหัวคิ้ว “ทำไมคุณไผทถึงไปรับอ้นกับอุ้มได้”

กนธีถอนหายใจ ขยี้หัวน้องๆ “วันนี้โอ๊ตจะอยู่เฝ้าใช่ไหม” เขาเดินไปเก็บของ ไม่ตอบคำถามอะไรทั้งสิ้น “อ้นครับ อุ้มครับ พี่จะกลับเลย หนูว่าไงกัน”

“วันนี้วันศุกร์ หนูอยากนอนกับยายจ๋า” น้องอุ้มบอก

“อ้นก็ขอนอนด้วยคนคร้าบ~” อ้นชูมือ

กนธียิ้มรับ ยัดเสื้อผ้าใช้แล้วลงเป้ลวกๆ ก้มหน้าก้มตาไม่มองใคร

“พี่กุนต์..” อินทัชเข้าไปจับมือ..แต่ก็ถูกปลดออกช้าๆ

“พี่กลับก่อนนะ” ชายหนุ่มพูดเสียงเบา เดินไปและปิดประตูตามหลัง

ทันทีที่ออกมาได้ น้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลลงมาเป็นหนที่สอง

ไผทยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ เขายังไม่ไปไหน พอเห็นกนธียืนพิงผนัง ท่าทางอ่อนล้าก็รีบเดินไปหา เขาแตะแขนข้างนั้น คุณกุนต์หันมอง ยิ้มอย่างหมดแรง

“เหนื่อยจังเลย..คุณไท”

ร่างสูงเงียบกริบ สุดท้ายก็ดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามากอด “ไม่เป็นไรนะ..คนดี”

กนธีร้องไห้ เวลานี้เขาไม่อายใครทั้งนั้น “ช่วยพาผมกลับบ้านได้ไหม”

ไผทตอบรับ จูงมือของกนธีโดยไม่สนสายตาคนอื่น เมื่อลงมาถึงลานจอดรถ เขาก็เปิดประตูด้านข้างแล้วประคองตัวคนตรงหน้าเข้าไปนั่ง คาดเข็มขัดให้ กนธีดูไร้เรี่ยวแรง เหมือนหมดกำลังใจกับทุกอย่าง

“นอนเถอะครับ..ถึงแล้วผมจะปลุก”

กนธีหลับตาลง..ทั้งที่ยังมีร่องรอยของความเสียใจ





....................................................................................





Talk : จบตอนนี้ ไอ้โอ๊ตไม่น่าหลงเหลือซากความเป็นพระเอก 5555+
หากว่ามีข้อมูลผิดพลาดในเรื่องทางการแพทย์ ต้องขออภัยก่อนเลย และขอรบกวนผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยจ้า  :mew1:





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-08-2017 15:40:32 โดย nigiri-sushi »

ออฟไลน์ Maii2206

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3852 เมื่อ20-08-2017 15:34:28 »

อิโอ๊ตตตต พูดไม่คิดดเลย เข้าใจว่าคนกำลังเสียใจ อยากให้พี่กุนต์เข้าใจแต่ช่วยฟังพี่กุนต์บ้าง

แค่นี้ก้เสียใจจะแย่อยู่แล้ว แล้ววมาบอกรักจังหวะนี้ มันแบบเป็นพี่กุนต์เราก้คิดวะ ว่าบอกเพื่อให้ยายสบายใจ เห้อๆๆๆๆ  :katai1:

พี่กุนต์ใจเย็นๆเน้อ เสียใจได้ ชีวิตคู่ทะเลาะกันบ้าง แต่ค่อยๆปรับกันไปเนอะะ

ออฟไลน์ littlegift

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3853 เมื่อ20-08-2017 15:39:29 »

เอาตอนต่อไปมาต่อตอนนี้เลยได้ไหม เศร้าสุดๆไปเลย  :mew6:

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3854 เมื่อ20-08-2017 15:39:38 »

เข้าใจโอ๊ตนะ จุดนั้นทั้งชีวิตมีแค่ยาย เหมือนคนที่เป็นจุดยึดเหนี่ยวของใจจะหายไป

ออฟไลน์ MooMiew

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3855 เมื่อ20-08-2017 15:42:14 »

น้ำตามา :hao5:

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3856 เมื่อ20-08-2017 15:44:37 »

สงสารพี่กุนต์อ่ะ โอ๊ตเสัยใจเครียดเรื่องยายได้แต่ก็ไม่น่ามาเหวี่ยงกับพี่กุนต์นะ
ถึงพี่กุรต์จะรักมากแต่ต้องเจ็บช้ำตลอดมันก็ไม่ไหว ความอดทนมันก็มีขีดจำกัดนะ ถ้าหมดเมื่อไหร่แกจะรุ้สึกนะโอ๊ต
สงสารยายด้วยเข้าใจที่ยายจะทำแต่สำหรับคนที่ต้องอยู่ต่อไปมันก็ทำใจลำบากจริงๆ
 :sad11:

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3857 เมื่อ20-08-2017 15:45:23 »

TT

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3858 เมื่อ20-08-2017 15:53:38 »

ตีพี่กุนต์กับโอ้ต คนละที โทษฐานคิดไปเองกับคิดมาก คนนึงก็คิดเองเออเองเก่งจัง อีกคนก็ช่างน้อยใจ โอ้ยยย เครียด

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3859 เมื่อ20-08-2017 15:59:02 »

 :angry2: อ๊ากกกกกกไอ่โอ๊ตตตต .พ่นไฟ รู้ว่าเสียใจรู้ว่าทำใจไม่ได้แต่ก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดกับพี่กุนต์แบบนี้นะเฟร้ยยย นี่จุกตั้งแต่ที่บอกว่าพี่กุนต์ไม่ใช่ครอบครัวแล้วคือไม่คิดถึงจิตใจพี่กุนต์เลยอะว่าที่ทำมาทุกอย่างนี่เพื่อใครไหนจะเรื่องสารภาพรักอีกเวลาไหนไม่บอกมาบอกตอนนี้พี่กุนต์แกคงคิดว่าอยากทำให้ยายสบายใจ สงสารพี่กุนต์มากอะ โอ๋ๆอย่าเสียใจนะคะพี่กุนต์ ถ้าเหนื่อยมากก็ถอยค่ะพี่กุนต์กับเพื่ออิโอ๊ตมามากแล้วถ้ามันไม่เห็นค่าก็ถอยออกมาค่ะ มาอยู่กับเรานี่จะดูแลพี่กุนต์เอง .กอดปลอบคนดี  :กอด1: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
« ตอบ #3859 เมื่อ: 20-08-2017 15:59:02 »





ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3860 เมื่อ20-08-2017 16:06:57 »

น้ำตาคลอกันไป ไหลเป็นทางกันไป
โอ๊ตอย่าใช้อารมณ์สิ คำพูดมันเอากลับมาไม่ได้หรอก ความรู้สึกต่อให้ดีขึ้นมันก็ไม่หาย คำนั้นมันทำร้ายไปแล้ว
พี่กุนต์ถูกแย่งจะไม่สงสารเลย
ยื้อคุณยายด้วยความรักแต่ไม่เห็นใจคุณยายที่ต้องเจ็บต้องทรมานด้วยความเห็นแก่ตัว
คิดให้เยอะ ๆ นะ โอ๊ต

ออฟไลน์ SeaBreeze

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3861 เมื่อ20-08-2017 16:07:52 »

สงสารทุกคน :o12:
ทำไมคนเราถึงพูดตามที่ใจคิดไม่ได้ :katai1:

ออฟไลน์ followme

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3862 เมื่อ20-08-2017 16:17:09 »

โอ้โห นั่นปากหรือตูดด
รู้ว่าโอ๊ตเสียใจเพราะเป็นคนสำคัญ
แต่ไม่ควรจะมาเหวี่ยงพี่กุนต์ป่ะ
ควรคิดได้แล้วถ้าไม่ได้พี่กุนต์ป่านนี้ยายโอ๊ตตายไปนานแล้ว!!!!
เราไม่โอเคกะโอ๊ตตอนนี้จริงๆ ให้ตายสิ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3863 เมื่อ20-08-2017 16:20:52 »

พี่กุนต์  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3864 เมื่อ20-08-2017 16:21:52 »

น้ำตาไหลพรากๆเลยอ่ะ

เข้าใจโอ๊ตเรื่องของคุณยายนะ
เข้าใจยายเรื่องที่ขอครั้งสุดท้าย
(เพราะเราก็จะทำแบบคุณยาย ถ้ามีเหตุแบบนี้)
เข้าใจพี่กุนย์เช่นกัน คำรักของโอ๊ตมาในช่วงเวลาที่ผิด
กุนย์จะคิดว่าโอ๊ตพูดเพราะต้องการให้ยายสบายใจก็ได้
ซึ่งใครหลายคนคิดแบบพี่กุนย์แน่นอน สงสารพี่กุนย์นะ
เหมือนที่ผ่านมาตัวเองเป็นคนนอกมาตลอด
โอ๊ตลืมไปหรือเปล่ากุนย์ก็เคยสูญเสียมาก่อน
แถมสูญเสียแบบคิดว่าเป็นเพราะตัวเองอีกต่างหาก

รอตอนต่อไปนะ

ออฟไลน์ chisarachi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1019
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3865 เมื่อ20-08-2017 16:30:04 »

ตบปากพี่โอ๊ตสามที
เป็นเราก็เสียใจ และเสียใจมากๆด้วย
คำบอกรักที่ได้ยินวันนี้มันยังไม่ได้รู้สึกมั่นคง แม้จะดีใจก็ตาม
แต่ก็ยังมีอะไรที่เป็นตะกอนอยู่

แต่เหนืออื่นใดอย่กตบคุณไผท
คุณไผ่เอานางออกมาที~~~

ออฟไลน์ BeauBeeiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3866 เมื่อ20-08-2017 16:54:34 »

สงสารพี่กุนต์ มากกก คำพูดบักโอ๊ตนี่แบบ กระทืบมาที่ใจพี่กุนต์เลยจ้าาาา

เอ็งพูดไม่คิดเต็มที่เลย ก็เข้าใจอ่ะนะ สถานการณืแบบนี้ คิดอะไรไม่ค่อยทันหรอก

ก็รอรับผลของการกระทำไปเด้อ ป้าบอกได้แค่นี้ ส่วนพี่กุนต์ ป้าจะดูแลเอง กร๊ากกกกก

ไผทมานี่ เหมือนพระเอกขี่ม้าขาวเลยอ่ะ มาถูกเวลาจริงๆ พ่อคู้นนนนนน

เจอกันตอนหน้า บักโอ๊ตจะทำยังไง ต่อ ฮ่าๆๆ ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3867 เมื่อ20-08-2017 17:37:41 »

โอ๊ตยังเด็ก วุฒิภาวะยังน้อย จะโทษก็คงไม่ได้  ได้แต่เห็นใจพี่กุนต์

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3868 เมื่อ20-08-2017 17:38:30 »

สงสารพี่กุนต์ สิ่งที่ได้รับของการเป็นคนดี คือน้ำตา ร้องไห้หนักมาก  :m15:
ถอยออกมาเพื่อตัวเองบ้างก็ดีนะพี่กุนต์ บอกเลยตอนนี้โอ๊ตไม่เหมาะกับคนดีๆ อย่างพี่กุนต์แม้แต่นิดเดียว

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
Re: Sins : Greed -- [Ch.52] pg.129 -- 20/8/60
«ตอบ #3869 เมื่อ20-08-2017 17:43:44 »

ขนาดคุณผไทยังเหมาะจะเป็นพระเอกกว่า
เอาอิโอ๊ตไปปล่อยวัด   
เลี้ยงไว้แค่อ้นกะอุ้มก็พอ
โทษฐานทำร้ายจิตใจพี่กุนต์ซ้ำๆ จนวันนี้ถึงกับหลั่งน้ำตา

ปล. คำว่ารักในสถานการณ์ที่ผิดที่ผิดเวลา บางทีมันก็คือยาพิษ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด