Sins : Greed -- [SP.1 : Wedding Night] pg.146 -- 13/4/61
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Sins : Greed -- [SP.1 : Wedding Night] pg.146 -- 13/4/61  (อ่าน 1335347 ครั้ง)

ออฟไลน์ ToeyTato

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1289
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.53] pg.131 -- 4/9/60
«ตอบ #3960 เมื่อ05-09-2017 23:07:25 »

ใจหายตรงที่ความสัมพันธ์มันสวนทางกันแล้วเนี้ยสิ หน่วงมากกกกก

ออฟไลน์ gang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.53] pg.131 -- 4/9/60
«ตอบ #3961 เมื่อ06-09-2017 00:15:39 »

บีบคั้นอารมณ์ ดีจัง

ออฟไลน์ Seeetnott

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 18
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.53] pg.131 -- 4/9/60
«ตอบ #3962 เมื่อ06-09-2017 08:56:22 »

 :hao5: ตอนนี้สงสารทั้งพี่กุนทั้งโอ้ต

ออฟไลน์ namngern

  • Flowers need to bloom
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-2
Re: Sins : Greed -- [Ch.53] pg.131 -- 4/9/60
«ตอบ #3963 เมื่อ06-09-2017 10:11:00 »

หนักหน่วงมาก
พี่กุนต์คงรู้สึกว่าเพราะสนโอ๊ตถึงยอม
คือ... เหตุการณ์มันพาไปแบบนั้น
เราไม่รู้ว่าควรอยู่ข้างใคร อึดอัดไปหมด
พี่กุนต์เองก็คงลำบากใจ จะทิ้งโอ๊ตตอนนี้ก็คงทิ้งไม่ลง
เราไม่รู้สิ... ความต่างของวัยมันก็มีผล
ถึงโอ๊ตจะมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ยังไง
แต่เด็กก็คือเด็ก ไม่สามารถควบคุมตัวเองให้ใจเย็นได้ตลอดหรอก มันต้องหลุดนิสับเหมือนเด็กมาบ้าง
ขนาดผู้ใหญ่บางคนยังเป็นเลย
เอาจริงๆ เราแบบ อยากให้เลิก.. แต่ก็นะ..
พูดยาก

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.53] pg.131 -- 4/9/60
«ตอบ #3964 เมื่อ06-09-2017 22:20:21 »

โอ๊ยยย พีคมากค่ะ คือแบบว่าร้องไห้น้ำตาไหลพรากมาหลายตอนแล้ว ตอนนี้หนักสุดค่ะ
ร้องตั้งแต่ต้นตอนถึงท้ายตอนเลย

กุนต์เป็นคนดีนะ แล้วรักน้องมาก รักอ้นอุ้มมาก แต่โอ๊ตทำตัวเองพัง แล้วใจพี่กุนต์ตอนนี้เจ็บหนัก
หนักเข้าไปอีก เพราะแค่คำพูดของปาลิน โอ๊ตฟัง คือจะบอกว่า อารมณ์คิดได้ก็อาจใช่
แต่คนเสียใจไปแล้ว แถมยังคิดว่าโอ๊ตยังชอบปาลินอยู่ เลยยิ่งแย่ไปอีก

โอ๊ตคิดถูกแล้วนะ ที่ยอมให้ยายไป แล้วบอกจะพายายกลับบ้าน คงรอคำนี้มานาน
ถึงโอ๊ตจะช้าไป แล้วพลาดมาหลายเรื่อง ทำพี่กุนต์ใจพังอีก โอ๊ตควรให้เวลาตัวเอง และพิสูจน์ตัวเองให้ได้

อยากให้พี่กุนต์พูดมากกว่านี้ ทั้งที่รู้ว่าแก้วแตก กลับมาต่อไม่ได้
โอ๊ตต้องชัดเจนกว่านี้ ทั้งกับพี่กุนต์และปาลิน ไม่งั้นได้เสียพี่กุนต์แน่


ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.53] pg.131 -- 4/9/60
«ตอบ #3965 เมื่อ07-09-2017 00:24:26 »

อินทัชน่าสงสาร เด็กๆ ก็น่าสงสาร พี่กุนต์ก็น่าสงสาร เศร้ามากๆ เลย

ออฟไลน์ graciej

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.53] pg.131 -- 4/9/60
«ตอบ #3966 เมื่อ07-09-2017 01:00:09 »

คำบอกรักที่ผิดที่ผิดเวลา เห้อออ

ออฟไลน์ zelesz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 525
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
Re: Sins : Greed -- [Ch.53] pg.131 -- 4/9/60
«ตอบ #3967 เมื่อ08-09-2017 18:50:59 »

ทรมานบาดใจสุดๆไปเลยค่ะ ต่อเนื่องติดกันหลายตอน จิตใจถึงกับอ่อนล้าตาม แต่ยังคงรอตอนต่อไปอย่างมีความหวัง

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.53] pg.131 -- 4/9/60
«ตอบ #3968 เมื่อ08-09-2017 19:19:05 »

ร้องไห้ ไปกับทุกคน

ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3969 เมื่อ10-09-2017 13:06:55 »






Chapter 54





กนธีเป็นเจ้าภาพจัดงานศพ สวดสามคืนที่วัดแถวบ้านของอินทัชในอำเภอปัว  เชิญแขกเหรื่อแถวบ้านซึ่งก็ไม่ได้มีมากมายนัก ล้วนแล้วแต่เป็นคนกันเอง
   
ถึงแม้คุณยายจะบอกว่าไม่ต้องทำพิธีอะไร แต่เขาปรึกษากับอินทัชแล้ว น้องเองก็ตกลงใจที่จะจัดงานสวด อย่างน้อยก็ได้ทำตามประเพณีของไทย
   
กนธีเป็นคนขับรถพาทุกคนกลับมาที่บ้านเกิด มีพสิษฐ์กับปาลินตามมาด้วยอีกสองคน ช่วงที่จัดงานกันวุ่นวาย เด็กๆพอจะหายเศร้าซึมลงไปบ้าง

เขากับพสิษฐ์ช่วยเป็นธุระจัดการทุกอย่างเท่าที่อินทัชจะยินยอม พิธีสวดจัดอย่างเรียบง่าย ให้คนรู้จักมารดน้ำศพ ขออโหสิกรรม ทำบุญเลี้ยงพระตามวันที่กำหนด มีงานฌาปณกิจในวันสุดท้ายและเก็บอัฐิในวันรุ่งขึ้น

ระหว่างที่อินทัชและปาลินดูแลแขก กนธีเป็นฝ่ายช่วยงานและดูน้องอุ้มอยู่ไม่ห่าง น้องอ้นขอบวชหน้าไฟให้ยาย แต่อินทัชไม่เห็นความจำเป็นที่จะบวชวันเดียวตอนเช้าแล้วสึกออกมาตอนเย็น แต่ถ้าบวชตลอดงานศพ เขาเห็นดีด้วย น้องอ้นเลยได้บวชสามเณร ถือศีลสิบและตั้งใจปฏิบัติตัวแผ่ส่วนกุศลไปให้

วันนี้เป็นงานสวดคืนแรก กนธีและพสิษฐ์คอยช่วยในงานอย่างดีเหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ ทำเอาเพื่อนบ้านที่รู้จักมักคุ้นกับเด็กๆอดสงสัยไม่ได้

“คุณเขามาจากกรุงเทพใช่ไหม เป็นใครหรือเจ้าโอ๊ต ทำไมมาช่วยเป็นธุระให้คนบ้านๆอย่างเรา” ลุงที่เคยขับรถพายายไปโรงพยาบาลออกปากถาม

“แกน่าจะเป็นนายของโอ๊ตมัน คราวนู้นเห็นส่งคนมารับถึงสนามบิน” ป้าคนดูแลจุดธูปดอกเดียวไหว้ศพแล้วหันมาตอบ “ได้นายใจดีจริงๆลูกเอ๊ย”

อินทัชเพียงแต่ยิ้ม ปลีกตัวเอาอาหารไปให้ยายก่อนเคาะโลงเรียกตามความเชื่อ ตอนนั้นพระสงฆ์ขึ้นมาบนศาลา พี่กุนต์เลยเดินไปรับ

วันนี้กนธีเป็นประธาน เขาแยกไปนั่งกับพสิษฐ์ เมื่อมัคนายกเชิญก็ลุกไปจุดธูปเทียนบูชาพระและไหว้เคารพศพ ฟังพระท่านสวดพร้อมกันกับน้องอุ้ม

หลังพระสวดจบที่สอง ปาลินเป็นคนเอาข้าวต้มมาให้แขกที่นั่งอยู่ ส่วนอินทัชเป็นคนยกน้ำ แจกจ่ายไปจนครบทุกคนบนศาลา

“ของพี่กุนต์ล่ะ” ปาลินถาม ที่จริงพี่กุนต์กับคุณไผ่ทานมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าหิวอีกหรือเปล่า อีกอย่าง เขาแอบเกรงใจด้วยที่จะให้ทานข้าวต้มงานศพ

“เดี๋ยวเรายกไปเอง สนไปพักก่อนเถอะ” อินทัชหยิบถาดมาจากเพื่อน แล้วเดินไปหาผู้ชายที่ผูกไทใส่สูท แต่งดำทั้งชุดอย่างดีเป็นการให้เกียรติคนตาย

กนธีกำลังกินข้าวต้มที่น้องอุ้มกินเหลือ เด็กชายกินไปร้องไห้ไปจนอิ่มน้ำตา ยังดีที่ได้พี่กุนต์คอยปลอบ พอดีมีสายโทรเข้า เขาเลยฝากน้องไว้กับพสิษฐ์

“อ้าว..โอ๊ต” เขาหันมาเจอ เห็นเด็กหนุ่มยืนอ้ำอึ้ง จะเอาข้าวต้มมาให้ “ไม่เป็นไร พี่กินของน้องอุ้มแล้ว เดี๋ยวขอไปคุยธุระก่อนนะ”

อินทัชพยักหน้ารับ อีกฝ่ายเดินสวนไปทางหน้าศาลา เขาถอนหายใจแผ่วเบา มองตามคนที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาคุยงาน วันนี้ทั้งวัน พวกเขายังไม่ได้พูดคุยอะไรกันเท่าไร พี่กุนต์คอยดูแลพิธีการให้ เขาก็วุ่นวายรับแขกเหรื่อ

“ว่าไงเรา มานั่งนี่สิ” พสิษฐ์เรียกน้อง บนตักมีน้องอุ้มนั่งปาดน้ำตาอยู่

อินทัชขยับเข้ามาหา เหม่อมองไปทางโลงเย็นที่ไว้ศพของยาย จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหงา ในอกมันวูบโหวง เหมือนใจส่วนหนึ่งถูกฉีกออกและหลุดลอยหายไป

“พี่โอ๊ตจ๋า..” น้องอุ้มเห็นพี่ชายก็โผมากอด สะอื้นฮัก “หนูคิดถึงยาย”

พสิษฐ์ลูบหัวอุ้มอย่างสงสาร เขาลุกขึ้น บีบบ่าเด็กหนุ่มก่อนจะปล่อยให้สองคนพี่น้องอยู่ด้วยกัน เขาเห็นว่าเด็กมันเหนื่อยล้า อ่อนไหวจนอยากจะร้องไห้ แต่เพราะมีคนอื่นอยู่ด้วย เจ้านั่นถึงต้องเอาแต่กลั้นน้ำตา

“พี่โอ๊ตเอาข้าวให้ยาย แล้วยายจะได้กินไหม” น้องอุ้มถาม

“ยายอิ่มบุญครับ” อินทัชจูบหน้าผากน้อง “พี่อ้นบวชเณร ยายก็จะได้”

“หนูอยากเจอยาย” อุ้มซบกับอกพี่ ร้องไห้ซิก “ใครจะเล่านิทานให้หนู”

“พี่จะเล่าให้ฟังแทน” เขาลูบแผ่นหลังเล็ก “อ้นกับอุ้มยังมีพี่อยู่ทั้งคน”

น้องเล็กสะอื้นจนตัวโยน กอดพี่ชายแน่น “พี่โอ๊ตอย่าทิ้งหนูกับพี่อ้นนะ”

อินทัชกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เขาโยกตัวน้องปลอบใจ เช็ดน้ำหูน้ำตาให้มันไปพร้อมกับการเช็ดน้ำตาให้ตัวเองด้วย “เจ้าบ้า..ใครจะทิ้งลูกหมูอย่างอุ้มได้ล่ะ”

“ฮืออ..หนูจะเป็นเด็กดี หนูจะไม่ทำให้พี่โอ๊ตเหนื่อย หนูสัญญา”

“ดีแล้ว” เขาปล่อยน้ำตาไหลเงียบเชียบ แต่น่าตลกที่มันไหลไม่หยุดเมื่อมีมือเล็กๆของน้องช่วยเช็ดให้ “พี่ไม่ทิ้งอ้น ไม่ทิ้งอุ้ม เราสามคนพี่น้องไม่ทิ้งกัน”

..ไม่เหลือใครอีกแล้ว..ไม่มีญาติผู้ใหญ่ที่ไหนอีกแล้วในชีวิตนี้..

เดียวดาย เคว้งคว้าง หดหู่ ว่างเปล่า วูบโหวงอยู่ในใจ

ขาดร่มโพธิ์ของบ้าน เหมือนไทรใหญ่ถูกถอนรากหมดโคน ความมั่นคงทางจิตใจถูกสั่นคลอน เมื่อก่อนถึงอยู่ไกลกัน แต่ก็รับรู้ได้ว่ามีกันและกันอยู่

หากตอนนี้ มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ เหลือทิ้งไว้แค่ความทรงจำ

อินทัชกอดน้อง ร้องไห้โดยไม่มีเสียง กระทั่งฝ่ามือหนึ่งแตะลงบนบ่า ใจเขากระตุกไหว เงยมองด้วยสายตาพร่าเลือน ตอนนั้นคิดทันทีว่าเป็นคนสำคัญ

“พี่กุนต์..” เขารีบเช็ดน้ำตา ไม่อยากให้ฝ่ายนั้นเห็นความอ่อนแอ แต่แล้วเมื่อมองทุกอย่างได้ชัดเจน คนที่ยืนอยู่ด้านหลังกลับไม่ใช่คนที่เขาต้องการ

ปาลินบีบไหล่เพื่อนด้วยความเห็นใจ เขาเห็นเพื่อนร้องไห้เลยเป็นห่วง

อินทัชไล่ความรู้สึกผิดหวังในชั่ววูบนั้นทิ้งไป เพื่อนคนนี้กังวลแทนเขาทุกครั้ง คอยอยู่ข้างกันทุกเวลาที่อ่อนแอ ออกตัวแทนและห่วงใยเขาเสมอมา

“คิดถึงยายใช่ไหม..” คำถามสั้นๆ ทำให้คนฟังปวดหัวใจ

อินทัชไม่ตอบ แต่น้องอุ้มได้ยินแล้วร้องไห้โฮ ปาลินรีบเข้าไปหา กอดสองคนพี่น้องไว้แน่น แขนหนึ่งของเขาโอบน้องเล็ก อีกข้างกอดคนเป็นพี่

หากว่ากำลังใจส่งต่อถึงได้ เขาพร้อมจะให้เพื่อนทั้งหมด

“เรารู้..เราเข้าใจโอ๊ต” ปาลินปลอบ “เวลาเท่านั้นที่จะช่วยได้”

อินทัชหลับตาลง ใบหน้าชุ่มไปด้วยหยดน้ำตา เขากอดตอบอีกฝ่าย

“ขอบคุณนะสน..” เสียงทุ้มพร่าต่ำ “ขอบคุณ..เพื่อนรัก”

“เราจะอยู่ข้างโอ๊ตนะ ไม่ว่าเมื่อไร ไม่ว่าวันไหน เราจะไม่ทิ้งกัน”

ภายนอกศาลา กนธีเพิ่งจะวางสายจากคุณไผท ทางนั้นทราบข่าวว่าคุณยายเสียเลยอยากร่วมเป็นเจ้าภาพ แต่เขาเห็นว่าคงไม่เหมาะนักเพราะอินทัชไม่ได้นึกชอบคุณไผทเท่าไร ครั้นจะปฏิเสธตรงๆก็ลำบากใจ เขาเลยขอเป็นคนจัดการให้แทนในนามของตนเอง ถือเสียว่ารับไว้แต่น้ำใจกันก็พอ

ตอนที่จะกลับไปนั่ง สายตาก็เห็นเด็กสองคนคอยปลอบใจกันและกัน เขามองภาพนั้น ไม่มีความรู้สึกทางลบอื่นใดมาแทรก มันคือความสงบราบเรียบ วางเฉย ทั้งยังเต็มไปด้วยความเข้าใจ..เหมือนยืนดูในฐานะคนนอก

พสิษฐ์เข้ามาหา มองตามพี่ชาย “อย่าคิดมาก” เขาพูด “เด็กสองคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนที่พี่จะเจอโอ๊ต ไม่แปลกที่เขาจะปลอบใจกัน”

“พี่ไม่ได้คิดมาก” กนธีมองน้อง “พี่ไม่ได้คิดอะไรเลยต่างหาก”

“หมายความว่ายังไง”

เขายิ้มจาง ลมเย็นเอื่อยพัดผ่านตัว “พี่ไม่ไปต่อแล้วไผ่” เขามองท้องฟ้าสีดำสนิท เมฆเลื่อนคล้อยตามแรงลม “ขอออกมาอยู่ในจุดที่สบายใจดีกว่า”

พสิษฐ์นิ่งอึ้ง “พี่เอาจริงหรือ..” วันก่อนที่พูด เขาก็คิดว่ายังอยู่ในอารมณ์เสียใจ แต่ถ้าลองได้บอกย้ำ แปลว่าตัดสินใจไปแล้ว “เกี่ยวกับน้องสนไหม”

“เรื่องของน้องสนทำให้พี่เดินช้าลง แต่ไม่ได้ทำให้พี่หยุด สาเหตุใหญ่มาจากพี่กับโอ๊ตทั้งนั้น ถึงจะมีนึกเปรียบเทียบ แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นหลัก”

“พี่เคลียร์เรื่องของน้องสนกับโอ๊ตหรือยัง ผมว่าเราควรให้ความยุติธรรมกับโอ๊ตด้วย” พสิษฐ์ท้วง “บางที..ถ้าตัดเรื่องที่น้องมันแอบชอบเพื่อนออกไป..”

“เด็กสองคนจะคิดยังไง รู้สึกยังไงต่อกัน ตอนนี้ไม่ได้สำคัญกับพี่แล้ว” กนธีตอบ ละสายตาออกมาจากทั้งคู่ “ช่วงที่โอ๊ตไปรับส่งน้องสน พี่โอเคกับการมีปาลินและไม่ได้อยากให้โอ๊ตเลือกใคร ไม่ได้ขอให้เลิกคบ เลิกคุย เลิกห่วง การให้กำลังใจกัน เข้าใจกันแบบที่ไม่เกินเลยต่อกัน พี่มีแต่จะยินดี สิ่งที่พี่อยากได้มีแค่..โอ๊ตปฏิบัติตัวกับน้องสนยังไง พี่ก็อยากให้โอ๊ตเผื่อแผ่มาทางพี่บ้างเท่านั้น”

..แต่อินทัชให้เขาไม่ได้..ไม่ว่าจะคิดเข้าข้างอย่างไร..มันก็อ้างไม่ขึ้น..

“ทุกความสัมพันธ์ของเด็กๆ ไม่ได้กระทบใจพี่อีกแล้ว มันรู้สึกเป็นกลาง เหมือนได้ถอยออกมายืนมองน้องที่เอ็นดูเท่านั้น” กนธีพึมพำ “แม้แต่คำบอกรักของโอ๊ต พี่ยังไม่รู้สึกอะไรเลยไผ่”

พสิษฐ์เลิกคิ้ว “น้องมันบอกรักพี่หรือ..มันพูดจริงๆหรือ”

“อืม..” เขาตอบรับ “แต่รู้อะไรไหม แค่คำว่ารักอย่างเดียว มันไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ไปรอด คิดว่าเรือแล่นได้เพราะฝีพายอย่างเดียวหรือ ทุกอย่างต้องประกอบกัน..ต้องลงตัวที่คำว่าเหมาะสม”

และจากภาพวันนี้ กนธีก็เห็นว่า ‘เหมาะสม’ ไม่ได้เป็นคำที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้นิยามความสัมพันธ์ของเขากับอินทัช เด็กสองคนต่างหากที่ต้องใช้คำนั้น..เหมาะสมกันทั้งวัย ความคิด นิสัยใจคอ ทัศนคติ และระยะเวลาที่คบหากันมา

“ทำไมถึงมาคิดว่าพี่กับโอ๊ตไม่เหมาะกันเอาตอนนี้ ทำไมไม่คิดถึงตอนที่เริ่มชอบเขา รักเขาล่ะ ความไม่เหมาะสมก็มีของมันมาแต่แรกอยู่แล้ว”

“น้ำเชี่ยว..เอาอะไรไปขวางก็ไม่อยู่ แต่พอเจออุปสรรคหลายครั้งเข้า มันก็ติดหล่มเอาได้” กนธียิ้มบาง “ตอนนี้นั่นแหละ ที่พี่ลืมตามองรอบข้าง”

“พี่กุนต์..” พสิษฐ์มองอย่างห่วงใย

“ขอบคุณที่อยู่ข้างพี่มาตลอด” เขาตบบ่าน้อง “แต่พี่ไม่เป็นไรหรอก”

..มันก็แค่..ความรักครั้งที่สองที่จบลง..

.

.

.




หลังพิธีสวดของวันแรกเสร็จสิ้น อินทัชกับปาลินยืนส่งแขกจนทุกคนกลับกันหมด ส่วนสามเณรน้อยของพี่ๆก็ไปอยู่กับหลวงพ่อจนกว่าจะถึงวันเผา

อินทัชจัดห้องของเขาให้พี่กุนต์กับคุณไผ่ อีกห้องที่เล็กกว่าให้เพื่อนนอนกับเจ้าอุ้ม ส่วนตัวเขาเองกางมุ้งนอนอยู่ข้างล่าง ใช้เตียงไม้ของยายปูฟูก

ดึกดื่นเที่ยงคืน แต่เด็กหนุ่มหลับไม่ลง เขานั่งมองข้าวของเครื่องใช้ของยายที่วางระเกะระกะในบ้านเหมือนเมื่อคราวแกยังมีชีวิต กระจาดใส่ของจุกจิก แผงยา เสื้อผ้าบางส่วน ผ้าซิ่นผืนใหม่ๆที่ซื้อมาฝาก ยายชอบเอาเก็บใส่ตู้กระจกแล้วใส่แต่ผืนเก่า มีเข็มขัดอยู่สองสามเส้นวางคู่กับเสื้อที่ใส่ประจำ

อินทัชล้มตัวลงนอนบนหมอน ยังได้กลิ่นยาหม่องเขียวและพิมเสนน้ำที่ยายชอบใช้ เขามองฝ่าความมืดตามลำพัง รอบด้านเงียบสนิท มีแต่เสียงจิ้งหรีดร้องอยู่ไกลๆในทุ่ง นานครั้งถึงจะมีเสียงกิ่งไม้เสียดสีกันตามแรงลม

เด็กหนุ่มขยับตัวนอนหงาย ยกแขนก่ายหน้าผาก นึกวนเวียนแต่ตอนที่ยายยังอยู่ แต่ละคำพูดที่ฝากฝัง ยายจากไป ทิ้งเงินไว้ก้อนหนึ่งสำหรับหลานๆ ทุกครั้งที่เขาส่งเงินมา ยายพยายามไม่ใช้ กระเบียดกระเสียรเก็บไว้ให้พวกเขา

สมบัติของยายมีไม่มากนัก มีที่นาปล่อยให้เช่า บ้านหลังนี้ เงินสดในธนาคารเกือบแสน เครื่องทองเหลือง พระเครื่องของตา กับกำไลเงินที่ยายยกให้

อินทัชลุกขึ้น เดินไปรื้อกล่องไม้ที่เขาเอากำไลมาเก็บ ไม่ได้ใส่ใจมันมากนักตอนที่ยายบอกให้เอาไปไว้กับตัวเพราะไม่ทันนึกเรื่องคนที่เขาจะรัก

กำไลเงินแท้เป็นสีดำเพราะถูกลม เขาเอาน้ำยากับผ้ามาขัดจนแวววาวตามเดิม รู้ดีว่าพี่กุนต์ไม่ใส่เครื่องประดับ แต่เขาก็ยังอยากให้

ร่างสูงถือมันไว้ในมือ ค่อยๆก้าวขึ้นบันไดไม้ไปด้านบน ในห้องของเขาปิดไฟมืด ทุกคนคงหลับกันหมดแล้ว เขาไม่ได้มารบกวนเวลานอน ก็แค่เดินเข้าไปเงียบๆ มองผ่านแสงจันทร์เลือนลาง ดูใบหน้าได้รูปที่นอนตะแคงข้าง หลับสนิทอยู่บนเตียงแคบ อีกด้านเป็นคุณไผ่ที่นอนหันหลัง หลับลึกไม่ต่างกัน

อินทัชคุกเข่า จับแขนที่ซุกหมอนก่อนสวมกำไลวงเกลี้ยงเข้ากับข้อมือ

พี่กุนต์ขยับตัวเล็กน้อย เขาไม่ได้ปลุก เพียงแต่ชะโงกหน้าเข้าไปจูบแผ่วเบาบนหน้าผาก ห่มผ้าให้จนชิดคอเพราะคืนนี้อากาศหนาว

ก่อนหน้าพี่กุนต์รักเขา แต่เขาไม่ทันได้ใส่ใจ มองข้ามและวางเฉย

หากหลังจากนี้เป็นคราวของเขา ไม่ว่าสิ่งนั้นจะทำต่อหน้าหรือลับหลัง กนธีจะเห็นหรือไม่เห็นก็ตาม แต่ก็ถึงทีที่เขาจะต้องเป็นฝ่ายพยายามบ้างแล้ว

.

.

.



เสียงไก่ขันข้างบ้านหลังเก่าหลายต่อหลายครั้งทำให้กนธีตื่น สิ่งแรกที่เจอเมื่อลืมตา คือแสงเป็นประกายจากห่วงสีเงินยวงที่สะท้อนกับแดดตอนเช้าตรู่
   
ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่ง คิ้วขมวดด้วยความประหลาดใจจนต้องหันไปเขย่าตัวน้องที่ยังนอนหลับไม่รู้เรื่อง “ไผ่..ไอ้ไผ่” พอมันลืมตา เขาก็ชูมือให้ดู “นี่อะไร”
   
พสิษฐ์หาวหวอด “กำไลไง” เขากลับไปนอนต่อ “ดูดีนะ”
   
“แกเอามาใส่ให้พี่ทำไม”
   
“หนวกหูน่า” เขาบ่น “ใครจะพิศวาสเอามาใส่ให้พี่ถ้าไม่ใช่เจ้าโอ๊ต”
   
กนธีชะงัก ก้มลงมองเครื่องประดับเงิน มันไม่ใช่ของที่ซื้อหรือทำขึ้นใหม่ รูปแบบค่อนข้างเก่า ดูเรียบง่าย เนื้อเงินดี มีน้ำหนัก ถึงไม่สุกปลั่งเหมือนในร้านเครื่องเงิน แต่ความวาวในผิวเนื้อก็ยังสะท้อนคุณค่ามันออกมา
   
เขายกมันขึ้นมาแตะบนอกซ้าย นึกทบทวนความฝันเมื่อคืน ใครบางคนเข้ามาหากลางดึก จูบแผ่วบนหน้าผากและสวมมันให้ก่อนจะกลับออกไปเงียบๆ
   
กนธียิ้มจาง ส่ายหัวอย่างระอาเด็กน้อยของเขา เจ้าตัวนั่งมองอยู่สักพักก็ถอดมันออก ห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าแล้วเอาไปเก็บไว้ในกระเป๋าเอกสารอย่างดี
   
“พี่ลุกก่อนนะไผ่ บ้านคนอื่น อย่ามัวนอนจนสายล่ะ” เขาผลักน้องชายแล้วลุกไปอาบน้ำ วันนี้เป็นวันที่สอง เขาแต่งดำไว้ทุกข์ให้คุณยายเหมือนเดิม
   
ข้างล่างยังไม่มีใคร กนธีหันมองรอบด้าน ตัดสินใจช่วยทำความสะอาดและปัดฝุ่นที่ขึ้นตามชั้นวาง ตั้งแต่ทุกคนไปอยู่กรุงเทพก็เพิ่งจะได้กลับมานี่เอง
   
ประตูบ้านเลื่อนดันครืด อินทัชออกไปซื้อข้าวเช้ามาให้

“พี่กุนต์..” เขามองคนที่กำลังกวาดพื้น “ไม่ต้องทำพี่ ไม่เป็นไร”

“ช่วยๆกัน” กนธียิ้มให้ “ซื้ออะไรมา”

“ข้าวแกงที่ตลาดครับ” เด็กหนุ่มหลุบตามองที่ข้อมือซ้ายของพี่กุนต์ มันว่างเปล่า..ทำเอาใจวูบหล่น “กำไลนั่น..เป็นของยาย”

กนธีหันมามอง แตะบนมือตัวเอง “ให้พี่หรือ..”

อินทัชมีสีหน้าเศร้าซึม “ยายบอก..ให้ยกให้คนที่ผมรัก..”

ดวงตาคู่นั้นไหวสั่น ไม่นาน..เจ้าตัวก็เสหลบ “ขอบคุณนะ” เขาพึมพำ “พี่เก็บไว้แล้ว..เก็บอย่างดี สัญญาว่าจะไม่ทำหายแน่นอน”

ร่างสูงหลุดยิ้มออกมา เขาไม่อยากให้บรรยากาศตอนเช้าเสียไปเลยออกปากชวนอีกฝ่าย “ไปถวายเพลด้วยกันไหมครับ เอาของไปให้เณรด้วย”

“เอาสิ” กนธีโกยผงใส่ตะกร้า ล้างมือแล้วมาช่วยแกะกับข้าว

ปาลินเพิ่งจะพาน้องอุ้มลงมาจากข้างบน สักพักพสิษฐ์ก็ตามลงมา ข้าวที่อินทัชหุงไว้สุกพอดีเลยได้นั่งล้อมวงกินกันที่โต๊ะไม้เก่าคร่ำในบ้าน

กนธีแกะปลาให้น้องอุ้ม และแกะเผื่อไปยังอินทัชกับปาลินด้วย

“ระวังก้างกันนะเด็กๆ” เขาถึงกับต้องใส่แว่นสายตาหา “พ่อของเพื่อนพี่กินปลาไม่ยอมคายก้าง ต้องให้หมอคีบออกจากคอกันเลย”

ปาลินก้มหัวขอบคุณพี่กุนต์ที่ใจดีของเขา ปลาทูสองสามตัว ฝ่ายนั้นแกะให้น้องๆกินหมด เผื่อให้คุณไผ่อีกหน่อย ส่วนตัวเองไม่ค่อยได้แตะ

“พี่กุนต์กินบ้างสิครับ พวกผมแกะกันเองได้” อินทัชบอก

“เอาน่า” กนธียิ้ม “ดูแลเด็กๆเป็นความสุขของพี่ ให้พี่ทำเถอะ”

พวกเขาไม่ได้คุยอะไรกันอีกกระทั่งกินเสร็จ พสิษฐ์กับอินทัชไปช่วยกันซื้อของสำหรับถวายเพล ปาลินเก็บอาหารและเช็ดโต๊ะ กนธีเลยยกจานไปล้าง

“พี่กุนต์! ผมทำเองครับ” น้องรีบเข้ามาช่วย

“พี่ทำได้” แย้งไป เด็กก็ไม่ยอมอยู่ดี เขาเลยได้แต่ยืนให้กำลังใจ

จากมุมนี้เห็นวิวทุ่งนาไกลสุดสายตา ลมเอื่อยเฉื่อยพัดเข้ามาในครัว

“สงบดีนะ” กนธียิ้ม สูดกลิ่นดินกลิ่นหญ้าที่แทรกมากับลม

ปาลินหัวเราะ มองลอดรางน้ำฝนออกไปดูท้องฟ้าสว่างโล่ง ช่วงนี้เป็นปลายปี ต้นข้าวขึ้นกันเบียดเสียด ออกรวงสีเหลืองทองไปตลอดทาง

“ถ้ามาหน้าฝน จะได้เห็นทุ่งนาสีเขียวสดชื่นเลยครับ”

กนธีกอดอกพิงกรอบประตู มองไปข้างนอก “สนเคยมาเที่ยวหรือยัง”

“เพิ่งมาครั้งแรกครับ” ปาลินล้างจานอย่างขะมักเขม้น “โอ๊ตเคยถ่ายรูปหลังบ้านตอนหน้าฝนมาให้ดู ผมว่าที่นี่น่าอยู่มากเลย” พูดไปยิ้มไปแล้วถามขึ้น “พี่กุนต์ล่ะครับ..ชอบที่นี่ไหม ถ้าโอ๊ตชวนมาอยู่ด้วย พี่คิดว่าไงครับ”

ชายหนุ่มหัวเราะแผ่วเบา “จะให้มาอยู่ในฐานะอะไรล่ะ”

“ก็..” ปาลินเกาหัวแกรกจนฟองน้ำยาติดบนหัว

กนธียิ้มน้อยๆ เอื้อมมือไปเช็ดออกให้ “บ้านพี่..อยู่ที่กรุงเทพครับ”

เด็กหนุ่มชะงัก หัวคิ้วมุ่นเข้าหากัน พยายามตีความสิ่งที่พี่กุนต์ตอบ

..มันคือ..การปฏิเสธ?..

“โอ๊ตเป็นคนดี” เขาลูบหัวน้องสน แววตาอ่อนโยนเทียบเท่าพี่ชาย “พี่อยากให้เราอยู่ข้างๆโอ๊ต คอยช่วยเป็นกำลังใจให้เขาด้วย ตอนนี้..พวกเขาเหลือกันแค่สามคนพี่น้องแล้ว” เขาขอร้อง “รับปากพี่ได้ไหม”

ปาลินงุนงงมากกว่าเก่า อยากถามว่า แล้วพี่กุนต์จะไปไหน ทำไมต้องฝากโอ๊ตไว้กับเขา แต่ก็เกรงจะเสียมารยาทที่ย้อนผู้ใหญ่ เลยได้แต่ตกปากรับคำ

“เด็กดี” ชายหนุ่มยิ้มให้ “ไปเรา..ไปเตรียมตัวถวายเพลให้เณรกัน”


.

.

.




[ต่อด้านล่าง]




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-09-2017 13:11:42 โดย nigiri-sushi »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
« ตอบ #3969 เมื่อ: 10-09-2017 13:06:55 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nigiri-sushi

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1165/-8
    • Nigiri-Sushi Page
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3970 เมื่อ10-09-2017 13:08:45 »






วันสุดท้ายของงาน อินทัชยิ่งดูหดหู่มากกว่าเดิม หลังกลับจากฟังพระสวด เขากับปาลินนั่งติดสติ๊กเกอร์ถ้วยแก้วใบเล็กๆเป็นของที่ระลึกในงาน กนธีกับพสิษฐ์ก็มาช่วยด้วย ส่วนน้องอุ้มนอนหนุนตักพี่กุนต์ แต่ละฝ่ายไม่มีใครพูดคุยอะไร
   
ล่วงเข้าเที่ยงคืน กนธีบอกให้เด็กๆไปนอน เขากับไผ่จะเก็บของให้เอง
   
“พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ไปพักเอาแรงเถอะนะ”
   
อินทัชพยักหน้ารับ ปาลินง่วงแล้วเลยพาน้องอุ้มไปนอนด้วย เหลือแต่กนธีที่เอาไม้กวาดมากวาดเศษกระดาษที่กระจัดกระจายอยู่กับพื้น ส่วนน้องชายเขาช่วยเอาแก้วเรียงในลังกระดาษ มีอยู่แค่ห้าสิบกว่าใบเท่านั้น
   
“ผมขึ้นก่อนนะ” พสิษฐ์ขอปลีกตัว ทิ้งให้พี่กุนต์อยู่กับเด็กตามลำพัง
   
กนธีมองน้องที่นั่งเงียบ เขาขยับเข้าไปหาและนั่งลงด้านข้าง ไม่พูดอะไร นอกจากเอื้อมมือไปกุมปลายนิ้วที่เย็นจัดเอาไว้ “ว่าไงเรา..”
   
อินทัชเหม่อมองไปทางอื่น “ผม..คิดถึงยาย”
   
“พี่เข้าใจ” เขาลูบผมน้อง “คนเรา..พบกันเพื่อจากกันนะโอ๊ต ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย มันก็คือปลายทางของทุกคนทั้งนั้น”
   
“แล้วพี่ล่ะ” เขาหันมา “พี่จะไปจากผมอีกคนไหม”
   
กนธีนิ่งอึ้ง เขาหลุบตาลงต่ำก่อนจะตอบอีกฝ่าย
   
“พี่จะยังอยู่ตรงนี้เหมือนเดิม..เป็นพี่ชายของทุกคนเหมือนเดิม”
   
อินทัชซบหน้าลงกับไหล่ลาด กอดเอวกนธีไว้ เสียงทุ้มต่ำพร่าสั่น
   
“เรายังเป็นครอบครัวเดียวกันใช่ไหม”
   
คนฟังจูบลงบนเรือนผมสีเข้ม เอียงหน้าซบกับศีรษะได้รูป
   
“แน่นอนอยู่แล้ว..” กนธีกระซิบ “พี่พร้อมจะเป็นพ่อ เป็นพี่ให้พวกเรา”
   
..แค่ถอยออกมาจากคำว่า..คนรัก..เท่านั้นเอง..

.

.

.



แดดตอนสายทอแสงอ่อนแรง ความร้อนที่จับอยู่บนผิวปูนเพียงแต่สร้างความอบอุ่นในช่วงที่ลมเย็นของหน้าหนาวพัดผ่านผิวกาย ฝีเท้าของแต่ละคนที่ก้าวเดินเวียนซ้ายรอบเมรุเต็มไปด้วยความสงบ ไม่มีการพูดคุยอื่นใด เพียงแค่สำรวมจิตใจ ระลึกถึงความจริงของกฎไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
   
เณรอ้นเดินตามหลังพระผู้ใหญ่ จูงศพยายเคลื่อนตามประเพณีทั้งหมดสามรอบก่อนที่จะให้ผู้ชายรุ่นๆช่วยกันหามโลงขึ้นไปไว้ด้านบน
   
ปาลินกอดน้องอุ้มที่ร้องไห้ไม่หยุดเอาไว้แน่น
   
กนธีเป็นประธาน เขาทอดผ้าบังสุกุล แล้วนำธูปเทียน ดอกไม้จันทน์ไปวาง ชายหนุ่มเงยมองภาพของคุณยาย นึกขอขมาในใจเป็นครั้งสุดท้ายหากเคยทำอะไรล่วงเกิน ชาตินี้ได้ร่วมดูแลกันมา ถือว่าเป็นวาสนาที่ได้มาพบเจอ
   
“หลับให้สบายนะครับคุณยาย..ไม่ต้องห่วงอะไร” เขาพูดแผ่ว “ผมขอสัญญาว่าจะดูแลน้องๆทุกคนอย่างดี เราจะเป็นครอบครัวเดียวกันเสมอ”
   
เขาเดินลงเมรุอีกด้าน เปิดโอกาสให้คนอื่นๆขึ้นมาวางดอกไม้จันทน์ต่อ
   
พิธีดำเนินเรียบง่าย เสร็จสิ้นพิธีเผาหลอก เมื่อเหลือแต่ญาติพี่น้องและคนสนิท สัปเหร่อกับหลวงพ่อก็ขึ้นมาบนเมรุ ยกโลงไปตั้ง รอนำร่างเข้าเตาเผา
   
“มา..ดูหน้ากันครั้งสุดท้าย” ลุงเปิดโลงออก
   
อินทัชอุ้มน้องคนเล็กไว้กับตัว เขาน้ำตาไหลเงียบๆ น้องอุ้มร้องไห้ตัวโยนเมื่อเห็นยายนอนนิ่ง ร่างนั้นซีดเทา แข็งจนงอไม่ได้ “เณร..มาลายาย”
   
เณรอ้นน้ำตาคลอ ถึงจะห้ามแค่ไหน แต่ก็เผลอร้องอยู่ดี
   
“อย่าให้น้ำตาไหลโดนยายนะ แกจะมีห่วง” คนเฒ่าคนแก่บอก
   
อินทัชลูบหัวน้องอุ้ม มืออีกข้างจับจูงแขนเณรที่น้ำตาร่วงเป็นสาย กนธีคอยอยู่ข้างๆ เช่นเดียวกับปาลินและพสิษฐ์ ในเวลานี้ไม่มีใครทอดทิ้งกัน
   
ลุงสัปเหร่อฟันลูกมะพร้าวล้างหน้าศพ จากนั้นก็พลิกร่างที่นอนแน่นิ่งลงวางคว่ำ เพื่อที่ว่าเวลาศพนั้นโดนไฟเผา เส้นเอ็นจะได้ไม่หดตัว ดีดลุก
   
อินทัชกับน้องๆมองส่งยายเป็นครั้งสุดท้าย โลงไม้ถูกผลักเข้าไปในเตาก่อนจะปิดลงอย่างแน่นหนา เชื้อเพลิงถูกสุม ไฟแรงโหมกระหน่ำ ลามเลียร่างที่เคยมีลมหายใจ เหลือทิ้งไว้แต่กลุ่มควันขาวที่ลอยสูงขึ้นด้านบน
   
สามคนพี่น้องกอดกันและกัน ปาลินเองก็ร่วมรู้สึกไปกับเพื่อน ต่างฝ่ายต่างกอดให้กำลังใจ กนธีทำได้แค่เพียงลูบหลังเด็กๆแล้วถอยออกมา
   
ไม่สำคัญว่าใครอยู่เคียงข้าง ขอแค่ทุกคนรู้สึกดีขึ้น..มันก็เพียงพอแล้ว




……………………………………………………........................




ระยะเวลาช่วยเยียวยาความเสียใจ หลังผ่านช่วงที่ลำบากที่สุด ทุกอย่างก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ คนมีชีวิตยังคงต้องดำเนินชีวิตต่อไป แต่ละฝ่ายมีหน้าที่การงาน มีภาระสำคัญที่ต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด
   
อ้นกับอุ้มถึงแม้จะซึมเซาในช่วงแรก แต่เด็กๆก็ฟื้นตัวได้รวดเร็ว น้องกลับมาร่าเริง เข้มแข็ง มีความสุขขึ้นเพราะกำลังใจจากพี่กุนต์
อินทัชเหลือวิชาสอบตัวสุดท้าย เมื่อปิดเทอม เขาตั้งใจจะบวชให้ยายตลอดเดือนจนกว่าจะเปิดภาคเรียนที่สอง กนธีเองก็เห็นดีด้วย
   
“พี่กุนต์ครับ” เด็กหนุ่มเดินมาหาคนที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โต๊ะอาหาร
   
ตอนนี้พวกเขาย้ายกลับมาอยู่คอนโดเพราะสะดวกกับการเดินทางในเมืองมากกว่า กนธีทำหน้าที่ไปรับไปส่งเด็กๆอย่างเคย ยกเว้นวันที่ต้องนัดเจอลูกค้าถึงจะให้อินทัชขับรถไปส่งน้องที่โรงเรียนแล้วค่อยไปคณะต่อ
   
“ว่าไง” เขาวางหนังสือในมือลง มีสีหน้าประหลาดใจกับซองเอกสารที่น้องเอามาให้ เขาแกะมันออก เห็นว่าเป็นเงินสดก้อนหนึ่ง
   
“ผมขอทยอยจ่ายนะครับ” อินทัชบอก “งวดนี้คงมากหน่อย แต่หลังๆคงไม่ได้เยอะเท่านี้..” เขาถอนมาจากธนาคารบวกกับเงินก้อนที่ยายเก็บไว้ให้
   
“ค่าอะไรกัน ทำไมมันเยอะขนาดนี้” กนธีดูเงินสดหนึ่งแสนบาท
   
“ค่ารักษาของยาย” เขารู้ดีว่ามันมากกว่าหนึ่งแสน ยายเข้าไปพักรักษาตัวอยู่นาน ไหนจะก่อนหน้าที่เพิ่งเริ่มเข้าโรงพยาบาลอีก “ผมบอกพี่ไว้แล้ว”
   
“โอ๊ต..” กนธีไม่อยากได้ เขาส่งคืน “พี่ยกให้เรา”
   
“ขอร้องเถอะพี่” อินทัชจริงจังและหนักแน่นกับการชดใช้หนี้ครั้งนี้ “ผมรบกวนพี่มาหลายครั้งแล้ว ไม่อยากได้ชื่อว่าเกาะพี่กินไปมากกว่าที่เป็นอยู่”
   
“แล้วถ้าเอามาคืนพี่ โอ๊ตจะเหลือเงินอยู่เท่าไร”
   
“ผมยังมีอยู่บ้าง” เขาบอก “แต่ผมจะหางานทำเพิ่ม”
   
“พี่สัญญากับคุณยายว่าจะเลี้ยงดูพวกเราให้ดี” เขาแย้ง
   
“เลี้ยงให้ดี ไม่ได้แปลว่าจะนั่งกินนอนกิน รอเกาะพี่ไปเรื่อยๆนี่”
   
“ทำไมต้องคิดมากด้วยนะ” กนธีส่ายหัว แต่ในเมื่อน้องอยากคืน เขาก็จะไม่ปฏิเสธ “ถ้าทำแล้วเราสบายใจ พี่ก็โอเค แต่ไม่ต้องเอามาคืนเยอะขนาดนี้ ทยอยมาวันละร้อยสองร้อย หรืออาทิตย์ละพันก็ได้พี่ไม่ว่า”
   
“ผมจะหางานใหม่ทำด้วย แต่มันอาจจะทำให้เวลาดูแลพี่ลดลง” อินทัชค่อนข้างกังวล “งานที่ได้เงินเร็วที่สุดเป็นงานตอนกลางคืน แต่ก็กลัวว่าพี่จะห่วง”
   
“ห่วงแน่อยู่แล้ว มันอันตราย จำไม่ได้หรือไงว่าเจออะไรมาบ้าง” กนธีไม่เห็นด้วย “อยากทำงานอะไรก็ไม่ว่า พี่ตามใจ แต่ห้ามทำในเลาจน์อีก”
   
“ผมน่ะไม่กลัวเรื่องอันตรายหรอก..กลัวก็แต่..” เขาเหลือบมอง “ถ้ามีแขกเข้ามายุ่ง ผมกลัวพี่จะเข้าใจผมผิด มันก็เลยลังเล คิดว่าไม่เอาดีกว่า”
   
คนฟังปิดหนังสือลง “อันที่จริง เราเรียนอย่างเดียวก็น่าจะพอ ถ้าทำงานไปด้วยแล้วเรื่องสุขภาพจะทำยังไง พี่รู้ว่าโอ๊ตกังวลเรื่องเงิน แต่บางครั้งเราก็ต้องพึ่งพาผู้ใหญ่บ้างนะ ถ้าคนให้เขาไม่เดือดร้อนที่จะให้ เราก็ไม่ต้องคิดมาก”
   
“คิดมากสิ ผมอยากเป็นผู้ชายที่มีค่าพอสำหรับพี่กุนต์” เขาโพล่ง
   
กนธีชะงัก ถูกนัยน์ตาสีดำสนิทจับจ้องจนต้องเสมองไปทางอื่น
   
“โอ๊ตน่ะ..มีค่าพอสำหรับพี่อยู่แล้ว” เขาตอบ “ในเมื่อเราเป็นครอบครัวเดียวกันก็ไม่เห็นจะต้องดิ้นรนอะไรเพื่อพี่ ยังไงเราก็เป็นน้องชายที่พี่รัก..”
   
อินทัชหมุนเก้าอี้ของกนธีให้หันมา เจ้าตัวยังมองไปทางอื่น เขาเลยต้องจับใบหน้าได้รูป “พี่รู้ไหม..พักหลังพี่ย้ำกับผมบ่อยมาก เรื่องที่ผมเป็น..น้องชาย”
   
กนธีไม่ตอบ เขาหันไปอีกด้าน พอดีอ้นกับอุ้มออกมาจากห้อง วันนี้เขาสัญญาว่าจะพาเด็กๆลงไปว่ายน้ำที่สระ แล้วค่อยออกไปหาอะไรกินกันข้างนอก
   
“พี่กุนต์” อินทัชเรียก “ผมไม่อยากให้สถานะเราคลุมเครือไปมากกว่านี้”
   
เขาถอนหายใจ “ดึกๆค่อยคุยกัน เตรียมตัวไว้ล่ะ บ่ายสามจะขึ้นมารับ”
   
เด็กหนุ่มยืนนิ่ง มองประตูที่งับปิดลงด้วยความรู้สึกวูบโหวง
   
..ทั้งหมดนี้..หรือว่าเรายังรักกันไม่มากพอ..
   
อาหารมื้อเย็นทำให้รู้สึกฝืดเคืองในลำคอ แม้ว่ากนธีจะดูแลอ้นกับอุ้มตามปกติ เผื่อแผ่ความห่วงใยมายังเขาเหมือนเดิม แต่อินทัชกลับรู้สึกว่า สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ เขาไม่อยากได้ความอบอุ่นที่เต็มไปด้วยม่านหมอกจางๆนี่
   
ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนที่เคยเป็น พวกเขาอยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน ทำอะไรหลายอย่างพร้อมกันแบบครอบครัว แต่เขารู้สึกว่ามีใครบางคนก้าวถอยออกไปจากสถานะใกล้ชิด สร้างกำแพงที่มองไม่เห็นมาขวางกั้นความสัมพันธ์
   
เหมือนกับคำว่า ‘คนรัก’ ถูกขีดออก แล้วแทนที่ด้วยคำว่า ‘พี่น้อง’
   
หลายต่อหลายครั้ง อินทัชเข้าไปสวมกอดกนธี แต่เจ้าตัวจะบ่ายเบี่ยงอย่างสุภาพ มักนอนหันหลังให้ และไม่พูดคุยอะไรที่จะทำให้เกิดความรู้สึกเกินเลยต่อกัน ระมัดระวังท่าทีที่กระทำต่อเขาไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง
   
..ความผิดอะไรกันที่ทำให้อีกฝ่ายห่างเหินไปจากเขา..
   
กนธีพาทุกคนกลับมาที่ห้อง อ้นกับอุ้มเล่นโมเดลรถที่คุณอาไผ่ให้เสียงดังโครมครามอยู่ตรงเบาะหลัง ในขณะที่อินทัชนั่งเงียบ ไม่พูดไม่จา
   
“ง่วงแล้วหรือ” เขาลูบผมคนด้านข้าง น้ำเสียง สายตาอ่อนโยน
   
อินทัชหันมามอง ท่าทางผิดหวัง “อย่าทำเหมือนผมเป็นน้องชาย”
   
“งอแงนะเรา” เขาหัวเราะ ตั้งใจขับรถต่อไปจนถึงคอนโด
   
อ้นกับอุ้มยังเล่นไปตลอดทางจนต้องปรามให้เบาเสียง ช่วงนี้น้องสอบเสร็จ ปิดเทอมเรียบร้อยแล้ว กนธีอนุญาตให้ดูหนังและนอนดึกได้ตามสมควร
   
“เอาล่ะเด็กๆ ไปอาบน้ำกัน อย่าล็อกประตูนะ เดี๋ยวลื่นขึ้นมา” เขาถอดเสื้อนอกโยนพาดไว้กับเก้าอี้ เด็กหนุ่มที่เดินตามหลังเป็นฝ่ายเก็บให้ “อา..ขอโทษที..พี่นี่มักง่ายไม่หายเลย” เขาหยิบเสื้อจากมือน้องไปแขวนเอง
   
อ้นกับอุ้มชวนกันไปอาบน้ำ วันนี้แช่คลอรีนจนตัวเปื่อย พี่กุนต์อยากให้สระผมอีกรอบ เป่าให้แห้งแล้วจะมานั่งกินขนม ดูทีวีก็ตามใจ
   
“โอ๊ตจะอาบก่อนหรือเปล่า ถ้าไม่อาบ พี่ขอเข้าก่อนนะ” เขาเดินไปทางโคลเซ็ท ปลดกระดุมเสื้อแล้วหยิบชุดคลุมมาสวม
   
อินทัชจับประตูตู้ที่อีกคนกำลังจะปิด สีหน้าเรียบนิ่ง “ผมขออาบด้วย”
   
กนธีเงียบไป คิดอยู่ครู่ก็ตอบ “อย่าเพิ่งดีกว่า แย่งกันอาบก็ช้าน่ะสิ”
   
“พี่กุนต์” เขารั้งแขน “ผมทำอะไรผิดจนพี่ยกโทษให้ไม่ได้หรือ”
   
“พูดอะไร” กนธีฟังเสียงน้ำจากฝักบัว เด็กๆกำลังอาบน้ำกันอยู่
   
“พี่ไม่ยอมให้ผมยุ่งด้วยมานานแล้วนะ”
   
“โอ๊ต..” เขาขยับตัวออก ดึงสาบเสื้อคลุมให้กระชับขึ้น
   
อินทัชมองด้วยความสับสน นี่ไม่ใช่เรื่องปกติจริงๆ เขามองคนที่หันหน้าหนี พี่กุนต์ไม่พูดอะไร พอเงียบหนักเข้า เจ้าตัวก็ก้าวหลีกไปอีกทาง
   
เด็กหนุ่มยกแขนขึ้นกั้น ดึงช่วงเอวเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
   
“โอ๊ต..พี่ไม่..” กนธีขมวดคิ้ว ใบหน้าอ่อนวัยของคนตรงข้ามโน้มลงกดจูบที่ริมฝีปาก เขาเม้มแน่น ไม่ยอมให้ล่วงล้ำเข้ามาแนบชิดกันเหมือนเคย
   
อินทัชนึกเสียใจ พี่กุนต์ผละถอยจากเขา ยิ่งเร่งให้พิสูจน์ความรู้สึก เขาดึงต้นคอกนธี ดันแผ่นหลังแนบกับอก พยายามจูบลึกซึ้งอย่างแต่ก่อน
   
ฟันคมขบกัดเข้าที่ปลายลิ้น เพียงพอที่จะทำให้ร่างสูงหยุดทุกอย่าง
   
กนธีมองน้อง ดวงตามีแววเสียใจที่ทำเกินเลยไป “พี่..ขอโทษ”
   
อินทัชยิ้มขัน “ผมไม่ได้อยากจะฝืนใจพี่หรอก..ก็แค่อยากรู้เท่านั้นเอง”
   
เขาหลบสายตา เผลอยกหลังมือขึ้นเช็ดความอุ่นชื้นบนเรียวปาก
   
คนอายุน้อยกว่ามองด้วยความเสียใจ “วันนั้นที่ผมถามพี่ว่าเกลียดผมหรือยัง พี่ตอบว่าไม่ได้เกลียด มาวันนี้ผมขอถามใหม่” เขามองอย่างตัดพ้อ
   
กนธีหันไปมองทางอื่น ขบฟันแน่นกับคำถามที่ต้องตอบ

พี่ยังรักผมอยู่ไหมครับ

เขานิ่งงัน ปล่อยให้รอบด้านมีแต่ความเงียบอยู่นาน “รักสิ..”

“รักของพี่ คือรักแบบน้องชาย หรือรักแบบคู่รักกันแน่” อินทัชถามอย่างน้อยใจ “ทำไมถึงเย็นชากับผม ทำไมถอยห่างไปจากผม ผมทำอะไรผิด ทำอะไรไม่ดี พี่ก็บอกตรงๆ ผมจะได้ปรับปรุงตัว หรือความผิดผมมันให้อภัยไม่ได้เลย”

กนธีเงยหน้ามอง ไม่ยอมตอบอะไร

“อย่านิ่งไปแบบนี้ คิดอะไรก็พูดออกมา พี่ไม่พูด ผมก็ไม่รู้ เราเคยตกลงกันแล้วว่ามีอะไรจะคุยกัน พี่เก็บไว้คนเดียว มันไม่ได้ทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้น”

เจ้าตัวถอนหายใจ “ไปอาบน้ำก่อนเถอะแล้วค่อยมาคุย”

อินทัชรู้สึกผิดหวัง ทำได้แค่มองตามคนที่ผละห่างออกไป เขาหลับตาลง เป็นแบบนี้ รู้สึกแย่กว่าการทะเลาะกันรุนแรงเสียอีก

..เขารับมือกับพี่กุนต์ไม่ถูก..

เด็กหนุ่มเข้าไปในห้องของน้อง คิดว่าวันนี้อาจไม่ได้นอนกับกนธี ถึงได้แยกออกมาใช้อีกฟาก เขาเปิดฝักบัว ให้น้ำเย็นจัดรดลงหัว ดับความร้อนในอก

เมื่อเขาออกมา อ้นกับอุ้มก็ผล็อยหลับไปพร้อมกันอยู่หน้าทีวี อินทัชกดปิด เก็บขนมที่วางกองเอาไว้ พรุ่งนี้คงต้องดุกันสักทีที่ทำตัวไม่เรียบร้อย

ห้องรับแขกด้านนอกมีเสียงโทรทัศน์ดังแว่ว เขาเดินออกไปหา กนธีนั่งอยู่ตรงนั้น ไม่ได้มองทีวี ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น แค่นั่งเงียบๆตามลำพัง

เมื่ออินทัชนั่งลงด้านข้าง ชายหนุ่มก็เปิดปาก

“โอ๊ต..” กนธีพูดเสียงเบา “พวกเรา..หยุดกันไว้แค่นี้..ดีกว่าไหม”







to be continued





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-09-2017 13:16:51 โดย nigiri-sushi »

ออฟไลน์ tutu

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3971 เมื่อ10-09-2017 13:27:51 »

 :monkeysad:

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3972 เมื่อ10-09-2017 13:39:27 »

 :serius2:

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3973 เมื่อ10-09-2017 14:15:44 »

ฮือออ พี่กุนต์ ไม่นะ
เคลียร์กันให้เข้าใจ

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3974 เมื่อ10-09-2017 14:17:49 »

อ่านตอนนี้แบบวูบๆ โหวงๆ หันมากลัวใจพี่กุนต์อีกครั้ง เรื่องนี้ไม่มีมือที่สาม มีแค่ความไม่เชื่อใจ
ความระแวง และสร้างกลไกป้องกันตัวเองด้วยการถอยออกมาซะ แต่คิดว่าโอ๊ตควรได้รู้ว่าตรงไหน
ที่พี่กุนต์ไม่โอเค หรือมันเยอะเกินกว่าจะพูดออกมาวะ ตอนนี้อารมณ์แบบผ่านช่วงฟูมฟายไปแล้ว
กำลังพยายามอ่านอย่างมีสติ
ตอนโอ๊ตเอากำไลใส่ให้พี่กุนต์น่ารักเนอะ โอ๊ตเป็นคนฉลาด รู้หมดทุกอย่างและรู้าึกได้ทุกอย่าง
แต่ก็ผ่านเวลามาเนิ่นนานแล้ว เหมือนจะกลับไปแก้ได้ยาก จะอยู่ด้วยกัยต่อได้ไหม จะเจ็บปวดกว่าเดิมไหม
ถ้าถูกปฏิเสธไปแล้ว ถ้าไม่มีอ้นอุ้มคงย้ายบ้านย้ายเรือนกันละ แต่นี่มีน้องสองคนถ้าต้องเปลี่ยนแปลงกระทันหัน
จะทำยังไง พี่กุนต์คงไม่ยอม แต่โอ๊ตเองก็คงไม่อยากพึ่งพาพี่กุนต์อีกถ้าความสัมพันธ์ไม่เหมือนเดิม
เจ็บปวดแบบลึก น้ำตาซึมๆ ขอตอนที่ 56 ค่ะ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3975 เมื่อ10-09-2017 14:18:34 »

เข้าใจทั้งพี่กุนต์ ทั้งโอ๊ต    :hao5:  //  กว่าโอ๊ตจะรู้ตัวว่ารักพี่กุนต์ ก็มาเจอเรื่องราวให้ระแวง ไม่ไว้ใจกัน ทั้งไผท  ทั้งปาลิน  พี่กุนต์ก็แสนดี รักก่อน ทุ่มเทก่อน ก็ต้องมีท้อบ้างเป็นธรรมดา  //  หากคิดจะเริ่มกันใหม่  คงต้องถอยคนละก้าว  พี่กุนต์ต้องฟัง โอ๊ตต้องเปิดใจ พูดและสารภาพทุกอย่าง ทั้งความรู้สึกที่มีต่อปาลินในอดีตและปัจจุบัน   :hao5:  มันเป็นจุดที่ยากที่จะข้ามผ่านไปให้ได้จริงๆ  :o12:

ออฟไลน์ BeauBeeiiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3976 เมื่อ10-09-2017 14:35:20 »

น้ำตาไหลเลยเด้อออ อินขนาดดดด

คือเจ้าใจทั้งคู่อาะ เหมือนความรู้สึกคอนนี้มันสวนทางกันยังไงไม่รู้

สู้ๆนะโอ๊ต เอาใจพี่กุนค์กลับมาให้ได้นะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3977 เมื่อ10-09-2017 15:02:26 »

ปวดใจไปกับโอ๊ต.. :ling3: :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ gang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3978 เมื่อ10-09-2017 15:04:09 »

 :hao5:รู้สึก ใจหวิวๆนะ  ยังไงไม่รู้ครับ

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3979 เมื่อ10-09-2017 15:14:19 »

ฉากงานศพยายคือน้ำตาไหล  คุณข้าวปั้นบรรยายเก่งมาก

ความสัมพันธ์โอ๊คพี่กุนต์  ตอนนี้สงสารโอ๊ต

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
« ตอบ #3979 เมื่อ: 10-09-2017 15:14:19 »





ออฟไลน์ chisarachi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1019
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3980 เมื่อ10-09-2017 15:32:15 »

ทำไมนะ
ตินที่พี่โอ๊ตยังไม่ได้นักพี่กุนต์นั้น ไม่ได้รู้สึกสงสารพี่กุนติ
จนร้องไห่ล้ออกมาแบบนี้
ความรุ้สึกมันแบบพี่กุนต์รักแบบไหนกันหรอ

แต่พอพี่โอ๊ตโดนทำแบบนี้ ใจน้องมันอ่อนให้เหลือเกิน
น้ำตาไหลพราก สงสารจับใจ
พี่โอ๊ตถอยมาอยุ่กับน้องนะ เก็บข้าวเก็บของออกมา

ปล.เม้นไม่ได้ใช้เหตุผลใดๆเลย อารมณ์ล้วนๆ5555555
ความทีมพระเอกแรงมาก

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3981 เมื่อ10-09-2017 15:36:13 »

จะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป


ออฟไลน์ ujen

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-13
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3982 เมื่อ10-09-2017 15:47:12 »

 :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3983 เมื่อ10-09-2017 15:50:39 »

สมหน้า อิโอ้ต อิอิ
ปล แม้ไม่ชอบมาม่าก็ตาม

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3984 เมื่อ10-09-2017 15:54:44 »

เฮ้อออ ไม่คุยกันดีๆสักที
เหมือนประชดแบบไม่ตั้งใจ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3985 เมื่อ10-09-2017 16:01:06 »

 :เฮ้อ:

  :3123: :pig4: :3123:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3986 เมื่อ10-09-2017 16:11:20 »

เข้าใจและเป็นกำลังใจให้พี่กุนต์จ้า
สะใจโอ๊ต  เหอๆๆ

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3987 เมื่อ10-09-2017 16:34:01 »

ถ้าไม่ไหว โอ๊ตออกมาเถอะ แต่ก่อนไม่มีพี่กุนต์ก็อยู่ได้ ทำไมตอนนี้จะอยู่ไม่ได้อีก

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3988 เมื่อ10-09-2017 16:49:25 »

ย้ายออกมาเลยโอ้ต ถ้าเค้าไม่ต้องการเราแล้ว
ตอนนี้ให้คะแนนพี่กุนต์ติดลบเลย พี่กุนต์เอาอารมณ์ตัวเองตัดสินปัญหาล้วนๆ ผู้ใหญ่ที่น่ารักคนเดิมหายไปไหนกัน

ออฟไลน์ o4u0n7

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: Sins : Greed -- [Ch.54] pg.133 -- 10/9/60
«ตอบ #3989 เมื่อ10-09-2017 16:49:58 »

 :monkeysad: แทนที่จะคุยกันให้เคลียร์ ทะเลาะกันให้กระจ่าง จะเก็บเงียบเอาไว้คนเดียวทำไม มันเลยกลายเป็นสะสมความน้อยใจ ความไม่เข้าใจ ความระแวง แล้วก็ระเบิด สะใจหงายเก๋งไปเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด