[เรื่องสั้น] ขอได้มั้ยรอยยิ้มของนาย? l เริ่มต้นการขอ - ขอครั้งที่ 3 l (24.03.59)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] ขอได้มั้ยรอยยิ้มของนาย? l เริ่มต้นการขอ - ขอครั้งที่ 3 l (24.03.59)  (อ่าน 1757 ครั้ง)

ออฟไลน์ mint_wannaluk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0





ขอได้มั้ยรอยยิ้มของนาย?

เริ่มต้นการขอ

เคยรู้สึกไหม..?
 เวลาที่ได้แอบชอบใครซักคน ต่อให้เขาจะไม่ได้สนใจหรือหันมามอง แต่เราก็ยอมทำทุกอย่างเพื่อรักษารอยยิ้มนั้นของเขา ได้มีความสุขกับการที่ได้แอบมองรอยยิ้มของเขาในทุกๆวัน
นั่นแหละครับ.. ที่ผมเรียกมันว่าความสุข

“เฮ้ย!! จะรีบไปไหนวะไอ้มิน รอกูด้วย” เสียงวิ่งตึกตักของเด็กหนุ่มรูปร่างโปร่งวิ่งตามเพื่อนรักที่สะพายกระเป๋าเดินลิ่วออกจากห้องเรียนทันทีที่เสียงออดครั้งสุดท้ายของวันสิ้นสุดลง มือคว้าไปยังไหล่ของอีกคนให้หันหน้ามาหา ใบหน้าขาวๆของคนที่โดนคว้าไว้หันมามองเพื่อนรักของตัวเองที่ยืนหอบอยู่ก็ได้แต่ทำหน้าเลิกลักก่อนจะเอ่ยขอโทษขอโพยยกใหญ่

“อะ.. อ้าว เฟิร์สเองเหรอ เราขอโทษ เราไม่คิดว่าเฟิร์สจะตามเรามา ขอโทษจริงๆนะ เหนื่อยมากมั้ยเนี่ย เหงื่อออกเยอะมากเลย” พูดรัวเป็นพัลวันเมื่อเห็นสีหน้าหอบเหนื่อยของเพื่อน มือก็ควานหาทิชชู่ที่พกติดกระเป๋าสะพายของตัวเองและยื่นไปตรงหน้าอีกคนด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิดสุดๆ

“เออๆ ช่างมันเถอะ แล้วมึงจะรีบไปไหนมิน จู่ๆก็เดินตัวปลิวออกจากห้องไม่รอกันเลย” น้ำเสียงของเพื่อนตัวโปร่งนั้นติดตัดพ้อเล็กๆมือก็ดึงเอาทิชชู่ที่อยู่ตรงหน้ามาซับเหงื่อตามกรอบหน้าแบบลวกๆถึงอย่างนั้นหน้าตาก็ยังแสดงออกว่าเจ้าตัวนั้นแอบงอนเพื่อนตัวขาวที่ทิ้งตัวเองไม่ยอมบอกกล่าวอะไรเลยซักนิด ทำให้อีกฝ่ายหลุดขำออกมาน้อยๆกับน้ำเสียงและท่าทางงอนเล็กๆนั่น

“พอดีเรามีธุระนิดหน่อยน่ะ เราว่าจะไปที่โรงเรียนสุธาวิทฯ..” มินตอบ ท้ายประโยคกลับเสียงเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน แต่ถึงถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจรอดไปจากหูทิพย์ของเฟิร์สไปได้

“จะไปหาไอ้พีชอีกล่ะสิ”

“อะ.. อื้ม” มินมองหน้าเพื่อนรักพร้อมกับรอยยิ้มแหยๆ

“เฮ้อ มานี่ กูจะไปส่ง” เฟิร์สถอนหายใจพลางส่ายหน้ายิ้มๆให้กับเพื่อนรักของตัวเองก่อนจะคว้าแขนมินให้เดินตามตัวเองมายังโรงจอดรถของโรงเรียน เดินมาหยุดอยู่หน้ารถสกู๊ปปี้คันสีแดงคันเก่งของตัวเองและขึ้นคร่อมทันที หมวกกันน็อคสีเดียวกับรถถูกส่งไปให้ไอ้คนที่ยืนหน้างงงวยอยู่ข้างๆ

“เอ้า! เร็วๆสิวะ เดี๋ยวมันก็กลับก่อนหรอก โรงเรียนมันเลิกก่อนเราไม่ใช่รึไง?” เฟิร์สพูดยิ้มๆ เรียกรอยยิ้มกว้างจากอีกคน

“อื้อ! ขอบใจนะเฟิร์ส” มินกล่าวขอบคุณเสียงใสพร้อมกับขึ้นซ้อนท้ายอย่างคล่องแคล่ว ทันทีที่ก้นแตะเบาะได้ไม่เท่าไหร่เจ้าของรถก็ออกตัวทันที ทำเอาคนซ้อนถึงกับร้องเหวอออกมาเพราะเจ้าตัวนั้นยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลยซักนิด

โรงเรียนสุธาวิทยา
ผมกระโดดลงจากรถของเฟิร์สหลังจากที่จอดเรียบร้อยตรงบริเวณจอดรถหน้าตึก 8 ของโรงเรียนสุธาวิทยา โรงเรียนรัฐบาลที่มีชื่อเสียงอย่างมากในจังหวัด ถือได้ว่าเป็นโรงเรียนอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ ผมแหงนหน้าขึ้นมองตัวเลขที่ใช้เรียกแทนชื่อตัวอาคารนี้อีกครั้ง สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เฟิร์สที่เห็นท่าทีผมจึงตบบ่าผมเบาๆและส่งยิ้มให้อย่างรู้กัน ผมยิ้มตอบกลับบางๆ ก้มมองถุงกระดาษสีฟ้าที่มีหนังสือการ์ตูนอยู่เกือบสิบเล่มที่เตรียมมาให้กับ ‘เนส’ เพื่อนที่บังเอิญไปสนิทด้วย เนสเป็นเพื่อนสนิทของ ‘พีช’ คนที่ผมนั้นดันไปแอบชอบ เป็นเพื่อนข้างห้องสมัยประถมที่ผมไม่เคยคุย ไม่เคยเล่น หรือทำความรู้จักด้วย รู้เพียงเด็กผู้ชายท่าทางกวนๆคนนั้น เป็นหัวโจกตัวแสบที่ชอบสร้างเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน พอช่วงขึ้นม.ต้นพีชก็ย้ายมาเรียนยังโรงเรียนนี้ซะแล้ว
ผ่านมาหลายปีล่วงเลยมาจนถึงม.ปลาย ผมไม่เคยมีเรื่องของคนคนนี้ในหัวเลยซักนิด แต่อยู่มาวันนึงชายหนุ่มคนนี้ก็ได้ทักแชทเฟสบุ๊คมาหาผม..
‘นาย! เราเคยเรียนประถมที่เดียวกับนาย นายจำได้รึเปล่า??’
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่เราได้พูดคุยกัน และนานวันเข้าสิ่งนี้ทำให้ผมแอบชอบพีชไปโดยไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เพื่อนๆในกลุ่มเริ่มจับผิดสังเกตเกี่ยวกับตัวผมได้ ผมก็ยอมรับแต่โดยดีครับว่าชอบพีชเข้าให้แล้วจริงๆ
“ไปกันเหอะมึง เดี๋ยวกูเดินไปเป็นเพื่อน” เฟิร์สเอ่ยขึ้นทำให้ผมตื่นจากภวังค์หันไปมองหน้าเพื่อนที่ผมสนิทที่สุดส่งยิ้มและพยักหน้าให้เป็นคำตอบ มือของเฟิร์สดันแผ่นหลังผมให้เดินไปพร้อมๆกัน

ผมกับเฟิร์สเดินลัดเลาะมาตามด้านข้างของตึก แม้ตอนนี้จะเลยเวลาเลิกเรียนของโรงเรียนนี้มาชั่วโมงกว่าแล้ว(โรงเรียนนี้เขาเลิกเรียนบ่ายสามครับ ส่วนโรงเรียนผมเลิกสี่โมงเย็น)แต่คนก็ยังพลุกพล่านเหมือนกับเพิ่งเลิกโรงเรียนอย่างไงอย่างงั้น สายตาหลายคู่ที่หันมาสนใจพวกผมสองคนที่ใส่ยูนิฟอร์มสีเตะตาด้วยกางเกงสีน้ำเงินบ่งบอกว่าเป็นเด็กโรงเรียนเอกชน  ช่วยเรียกความสนใจผู้คนรอบข้างได้มากทีเดียว ผมแอบเห็นสาวๆหลายคนแอบส่งสายตามาให้เฟิร์สกันเป็นพรวนเลยล่ะครับ ทำไงได้ล่ะ เพื่อนผมหน้าตาดีน้อยซะที่ไหน

“เฮ้!! ไอ้มิน ทางนี้” เดินมาได้ซักพักเกือบจะถึงท้ายตึกก็เจอเข้ากับเนส ชายหนุ่มตัวสูงชะลูด เจ้าของใบหน้าขี้เล่นกำลังยิ้มกว้างเมื่อเห็นผม จึงยืนโบกไม้โบกมือเรียก ผมสะกิดเรียกเฟิร์สที่มัวแต่มองสาวให้รู้ว่าผมเจอกับเนสแล้ว เฟิร์สหันมองเนสนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้าให้ผมแล้วเดินไปนั่งรอที่ม้านั่งแถวนั้นรอผม ผมเห็นดังนั้นจึงเดินตรงไปหาเนสทันที

“ขอโทษทีนะเนส ที่ทำให้ต้องรอนาน เราพยายามรีบมาแล้วแต่มีปัญหานิดหน่อย” ผมส่งยิ้มแหยๆให้เนสพร้อมคำขอโทษ

“ไม่เป็นไรหรอกมิน เราถ่วงเวลาไอ้พีชไว้ให้แล้วล่ะ ตอนนี้นั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหลังกับเพื่อน แต่ถ้าต้องทำแบบนี้บ่อยๆเราก็รับปากมินไม่ได้หรอกนะว่าไอ้พีชจะไม่สงสัยน่ะ” เนสบอกพร้อมกับยกมือชี้ไปยังด้านหลัง ผมหันไปชะโงกมองข้ามไหล่ของเนสก็พบกับผู้ชายที่ผมแอบชอบกำลังหัวเราะอย่างสนุกสนานกับกลุ่มเพื่อน รอยยิ้มนั้นทำให้ผมยิ้มออกมาตามภาพที่เห็นโดยไม่รู้ตัว

“ขอบคุณจริงๆนะเนส นี่การ์ตูนที่เราให้ยืมตามสัญญาที่ช่วยเรา แล้วก็ขอบคุณมากนะที่ไม่รังเกียจเรา ทั้งๆที่เราเป็นผู้ชายแต่กลับมาชอบผู้ชายที่เป็นเพื่อนสนิทของเนส” ผมยื่นถุงหนังสือในมือให้กับเนสและเอ่ยคำขอบคุณจากใจไปให้ การที่เพื่อนสนิทมาช่วยผู้ชายที่แอบชอบเพื่อนตัวเองที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแบบนี้ฟังดูยังไงก็หาความเป็นไปได้แทบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่กับเนสนั้นไม่ใช่
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เราเพื่อนกันนะมิน อย่าคิดมากเลย” เนสยกมือวางแปะบนหัวผมและโยกไปมา

“...” ผมเม้มปาก เงยหน้ามองคนที่สูงกว่าและพยักหน้ายอมตามคำพูดของอีกคน

“งั้นไปกันเถอะ ไปหาไอ้พีชกัน” เนสแตะข้อศอกผมให้เดินตามไปยังโต๊ะที่พีชกำลังนั่งเล่นอยู่กับเพื่อนกลุ่มใหญ่

ขาของผมก้าวไปใกล้โต๊ะนั้นเรื่อยๆเสียงหัวเราะของกลุ่มเด็กหนุ่มที่มีเด็กสาวปะปนอยู่บ้างดังขึ้นเป็นระลอก ยิ่งใกล้เท่าไหร่เสียงนั้นยิ่งดังชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังต้องแพ้เสียงหัวใจของผมที่กำลังเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวใจดังไปทั้งโสตประสาท หูของผมอื้อไปหมด ยิ่งเห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างของชายหนุ่มที่ตัวเองหลงใหลยิ่งทำให้หัวใจนั้นเต้นกระหน่ำเหมือนกับจะทะลุออกมาซะให้ได้ นี่ผมเป็นเอามากจริงๆสินะ

“อ้าว มิน!! มาไงเนี่ย???” เสียงทุ่มนุ่มดังขึ้นด้วยความประหลาดใจ เจ้าของเสียงลุกพรวดขึ้นมาเต็มความสูงและเดินตรงมาทางผมทันที มะ.. เมื่อกี้พีชว่าอะไรนะ ผมไม่ทันจะได้ฟัง ทำไงดีล่ะ ทำไงดี

“เอ่อ.. คะ คือ” ผมเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก ขาก็ก้าวถอยหลังเมื่อเห็นพีชกำลังตรงเข้ามาหาผม ใบหน้าเปื้อนยิ้มนั่นกำลังเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ อุณหภูมิรอบกายผมสูงขึ้นมาทันทีเมื่อสบตาเข้ากับดวงตาเรียวคู่นั้น กะ.. ใกล้ ใกล้เข้ามาแล้ว ผมหลับตาปี๋ทันทีที่พีชเข้ามาประชิดตัวและ..

หมับ!!

พีชคว้าคอผมเข้าไปกอด!!!!

มันไม่กอดที่แนบชิดกันทั้งตัวแบบนั้นนะครับ ถึงจะเป็นแค่การคว้าคอรั้งเข้าไปกอดชิดตัวธรรมดา แต่การที่โดนสัมผัสตัวแบบนี้มันไม่เคยอยู่ในความคิดของผมมาก่อนเลย ความรู้สึกเหมือนเลือดทั้งร่างกายกำลังสูบฉีดขึ้นมากองกันอยู่ที่ใบหน้านี่คืออะไรกัน แล้วไอ้หัวใจบ้านี่ช่วยเต้นให้เบากว่านี้ได้มั้ย ผมกลัวว่าพีชจะรู้ในสิ่งที่ผมคิดจริงๆ ให้ตายสิพระเจ้า!

“มินไม่สบายรึเปล่าทำไมหน้าแดงแบบนี้ล่ะ?” พีชก้มลงมองเห็นหน้าของผมร้องขึ้นด้วยความตกใจ มือใหญ่ยกขึ้นมาวางแปะที่หน้าผากผมเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย

“เปล่า!!! เปล่าๆ เราไม่เป็นไร” ผมหดคอถอยหนีสัมผัสที่แสนใจดีของพีชทันที ยกไม้ยกมือขึ้นปฏิเสธพัลวัน ผมไม่ได้รังเกียจ แต่ผมกลัวผมทนไม่ไหวแล้วผมจะระทวยเพราะความอ่อนโยนของคนตรงหน้าไปก่อนน่ะสิครับ

“งั้นเหรอ.. แต่เราว่าแก้มแดงๆของมินก็น่ารักดีเหมือนกันนะ” พีชพูดกลั้วหัวเราะ หัวใจเจ้ากรรมของผมเต้นด้วยจังหวะแห่งความสุข แม้ความหมายของพีชจะไม่ได้ตรงกับผม แต่ผมขอคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ย ผมคงไม่ผิดใช่มั้ยครับ?

“พูดอะไรน่ะพีช มินหล่อเถอะ” ผมแกล้งทำเป็นไม่พอใจกับคำว่า ‘น่ารัก’ ที่ได้ยินแต่ในใจกลับรู้สึกชอบใจในสิ่งที่คนตัวสูงพูด อยากจะได้ยินอีก อยากจะฟังมันจากปากของคนคนนี้

“ฮ้าๆๆ โอเค เรายอมแพ้ก็ได้ ไม่ได้เจอมินตั้งสองอาทิตย์แล้วนะเนี่ย ไหงวันนี้มาได้ล่ะ?”

“เรามาซื้อของที่ห้างแถวนี้ พอดีเอาของมาคืนเนสด้วยเลยแวะมา” ผมโกหก ใครจะกล้าบอกล่ะว่าตั้งใจมาหาน่ะ

“อะไรกัน มาหาไอ้เนสได้ แต่ไม่คิดจะมาหาเราเลยนะ” พีชพูด ผมหันขวับไปหาเจ้าของประโยคเมื่อครู่ทันที เมื่อกี้ผมได้ยินไม่ผิดใช่มั้ยครับ พีชกำลังพูดเหมือนกับอยากจะให้ผม.. มาหา

“นี่  พีชอยากให้เรา.. มาหา?” ผมกลั้นใจถามในสิ่งที่คิดออกไป สายตาช้อนขึ้นมองคนตัวสูงที่ยังไม่ปล่อยคอผม รอคอยคำตอบที่มีความหวัง หวังว่าใจเราจะตรงกัน

พีชยิ้ม ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ผมแอบมองตลอดมา รอยยิ้มที่เราให้ผมหลวมตัวไปชอบคนคนนี้ด้วยความเต็มใจ และคำตอบที่พีชมอบให้ เหมือนกับน้ำฝนเย็นๆที่รดลงมายังหัวใจที่แห้งเหี่ยวมานานของผมให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง...

“อื้ม เราอยากเจอมินนะ”





********************************************************************************************

เรื่องสั้นเรื่องแรกเลย อยากให้อ่านกันเยอะๆ และติดตามกันเยอะๆนะคะ แล้วจะรีบมาอัพตอนต่อไปนะคะ ฮึบๆ

ขอบคุณเจ้าค่ะ


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2016 20:01:50 โดย mint_wannaluk »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
มีแต่คนให้กำลังใจมินน้อย :3


>< พีชต้องรู้แน่ว่ามินแอบชอบ

ออฟไลน์ mint_wannaluk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ขอครั้งที่ 1






“สำหรับวันนี้ก็พอแค่นี้.. ขอให้พระเจ้าอวยพรลูกๆทุกคนค่ะ”

หลังจากสิ้นเสียงของซิสเตอร์ครูใหญ่ให้โอวาทในทุกๆเช้าของการเข้าแถว อย่างที่รู้ๆกันว่ากว่าจะจบก็ปาเข้าไปเกือบหมดคาบแรกในช่วงเช้าซะแล้ว ทั้งเด็กๆม.ต้นและพี่ม.ปลายต่างก็สัปหงกกันเป็นแถบ แต่พอได้ยินเสียงปล่อยแถวจากคุณครูที่เป็นเวรหน้าเสาธงเหล่าผู้หลับใหลทั้งหลายก็เด้งตัวตื่นขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน ผมนั่งมองภาพพวกนั้นยิ้มๆก่อนจะรู้สึกถึงแรงสะกิดที่ไหล่จากคนด้านหลังให้ลุกขึ้นเดินตามแถวขึ้นห้องเรียน

“เฮ้ย ไอ้มิน เมื่อวานเอ็งไปหาพีชมาเป็นไงบ้างวะ” เดินแถวเข้ามาถึงใต้อาคารได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกล็อกคอซะแล้ว ผมหันหน้าไปมอง ‘อุ้ย’ เพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มที่ได้มารู้จักกันตอนขึ้นม.ปลาย

“อุ้ยรู้ได้ไง ว่าเราไปเจอพีชมา???” ผมเลิกคิ้วมองหน้าอีกคน ที่ตอนนี้พ่นลมหายใจยาวพลางกรอกตาใส่ผม

“พุ่งออกจากห้องด้วยความเร็วสูงขนาดนั้นมีเรื่องเดียวเท่านั้นแหละ ดูไม่ออกก็บ้าละ” อุ้ยเดาะลิ้นตอบด้วยใบหน้าสุดเซ็ง ผมยิ้มขำกับท่าทางนั้น แต่ก่อนจะเปิดปากเล่าก็เดินมาถึงหน้าห้องเรียนซะแล้ว

ผมผลักบานประตูกระจกมองเข้ามาในห้องก็เจอเฟิร์สที่นอนฟุบรออยู่แล้ว ผมกับอุ้ยเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะของตัวเอง โดยโต๊ะของอุ้ยจะอยู่ด้านหน้าผม และคนที่นั่งข้างอุ้ยก็คือเฟิร์ส ส่วนผมนั่งกับ ‘นัท’ ที่ดูเหมือนตอนนี้เจ้าตัวจะไม่อยู่เห็นเพียงแค่กระเป๋าสะพายห้อยที่เก้าอี้ไว้ลวกๆบ่งบอกว่าเจ้าตัวมาแล้ว

หลังจากผมวางกระเป๋าสะพาย ก้นแตะลงบนเก้าอี้ไม่ทันไร คนที่นั่งอยู่โต๊ะตรงหน้าผมจู่ๆก็หันขวับมาหาผมทันที เล่นเอาผมสะดุ้งเกือบร้องจ๊ากออกมาด้วยความตกใจแต่ยังดีที่คุมสติตัวเองได้ทัน
“เอ็งไม่ต้องมาแอ๊บเนียนเลยนะ เล่ามา!”

“คือเมื่อวานเรา....”

ผมตัดสินใจเล่าเรื่องเมื่อวานทั้งหมดให้กับอุ้ยฟัง เล่าไปก็หลบสายตาล้อเลียนของคนตรงหน้าไป จากที่จะไม่เขินกลับรู้สึกเขินขึ้นมาซะดื้อๆ และยังมีนัทที่กลับเข้าห้องมาตอนที่ผมเริ่มเล่าไปไม่เท่าไหร่มาผสมโรงกับอุ้ยทำเสียงล้อผมเป็นพักๆยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยากมุดดินหนีพวกนี้ไปให้ไกลๆ
“มิน  เราพูดตรงๆนะ บอกพีชไปเถอะ” นัทพูดขึ้นหลังจากที่ผมเล่าจบ

“เออ ข้าเห็นด้วยกับไอ้นัท เอ็งแอบชอบมันมาเกือบสองปีแล้วนะเว้ย นี่ก็ม.5แล้ว จะรอไปถึงเมื่อไหร่” อุ้ยสบตากับผม น้ำเสียงนั้นไม่มีความล้อเล่นเหมือนที่เจ้าตัวชอบทำ

 “แต่.. แต่เราไม่กล้าบอกหรอกนะ คือเรา.. เราไม่กล้า เราอาย” ผมก้มหน้างุดๆหลบสายตาของเพื่อนทั้งสอง พลันก็รู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่แล่นขึ้นมาตามพวงแก้มทั้งสองข้าง
 
“งั้นข้าถามหน่อย”

“...”

“ถ้าวันนึงพีชมันมีคนของมัน เอ็งจะทำยังไง?”

“...เรา” ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับอุ้ยอีกครั้งกับคำถามที่เหมือนกับต้องการหยั่งเชิงกรายๆ แต่ความรู้สึกที่หัวใจกลับเหมือนถูกบีบจนอึกอัด  ความกลัวที่จะสูญเสียของสำคัญบางอย่างฉายชัดขึ้นมาในห้วงความคิด

รอยยิ้ม.. ของพีช
 
“เอ็งจะรอจนถึงวันนั้นแล้วเก็บความรู้สึกนี้ไว้ต่อไปข้าก็จะไม่ว่า เพราะนั่นคือสิ่งที่เอ็งเลือก แต่ข้าไม่อยากให้เอ็งต้องเสียใจที่ไม่ได้บอกความรู้สึกนี้ออกไป ตอนนี้เอ็งยังมีเวลาก็จริงแต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันเหมือนกันว่ามันจะไม่เกิดขึ้น เอ็งควรรีบบอกออกไปก่อนที่อะไรมันจะสายไป เข้าใจที่พูดใช่มั้ย... มิน” อุ้ยพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะหันไปทางหน้าห้องเตรียมตัวเรียนวิชาแรกของเช้านี้ ประโยคสุดท้ายนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของผมตลอดทั้งคาบ สิ่งที่ครูกำลังบรรยายสอนอย่างตั้งใจนั้นไม่ได้เข้าในหัวผมซักนิด มีเพียงแค่ความรู้หน่วงในอกแปลกๆ ไม่ชอบเลย ความรู้สึกแบบนี้

“คิดให้ดีนะมิน ไม่ว่าผลของมันจะเป็นยังไง แกยังมีพวกเรา ยังมีเพื่อนอยู่ข้างๆนะ” นัทหันมาพูดกับผมระหว่างที่ครูสั่งงานเสร็จ รอยยิ้มบางและสายตานั้นเป็นสิ่งยืนยันคำพูดเมื่อครู่ให้ผมมั่นใจ

นั่นสินะ ผมยังมีพวกเขาอยู่

กริ๊งงงงง งง ง

เสียงออดส่งสัญญาณหมดเวลาของคาบสายสู่การพักเที่ยงรับประทานอาหาร นักเรียนในห้องม.5/1 เริ่มทยอยออกจากห้องเพื่อไปยังโรงอาหารกันเป็นกลุ่มๆ แต่ยังคงมีเด็กหนุ่มหน้าหวานผิวขาวจัดนั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะสายตาจ้องมองออกไปยังนอกหน้าต่างไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน ดวงตากลมสีน้ำตาลสวยเหม่อลอยฉายแววเศร้า ทั้งที่ปกติมักจะฉายแววสดใสชวนให้มองอยู่เสมอ มือของคนที่นั่งโต๊ะเยื้องกับเจ้าของดวงตาสีน้ำตาลยกขึ้นลูบผมเจ้าตัวอย่างเบามือ

“เฟิร์ส..”

“ถ้าความรู้สึกมันมากมายนักก็บอกออกไปให้หมดสิ จะเก็บไว้ทำไม?”

“มึงอย่ากลัวเลย เพราะทุกการเริ่มต้น ย่อมต้องมีการสูญเสียเป็นธรรมดา” ร่างโปร่งพูดจบก็หยัดกายยืนขึ้น ล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์ของคนผิวขาวที่มักวางไว้ที่ลิ้นชักใต้โต๊ะและวางแปะลงตรงหน้าของเจ้าของ มินเอียงคอมองอีกคนด้วยสีหน้าสงสัย เฟิร์สทำเพียงแค่ยิ้มกวนๆให้และยักคิ้วเดินออกจากห้อง เสียงใสของมินหลุดหัวเราะออกมาน้อยๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามอง

ทั้งที่เป็นคนกันเขาออกจากเรื่องพีชมาตลอดแท้ๆ แต่ก็เป็นคนที่ช่วยเขาในเรื่องนี้ทุกอย่างเหมือนกัน

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สุดท้ายผมก็ตัดสินใจจะสารภาพความรู้สึกกับพีชตามคำแนะนำของเพื่อนๆ ผมจึงตัดสิ้นใจหยิบโทรศัพท์ตัวเองที่วาอยู่บนโต๊ะตรงหน้า มือสไลด์ปลดล็อกและเลือกช่องทางที่ผมใช้ติดต่อกับพีชบ่อยที่สุด ‘Messenger’ ของเฟสบุ๊ค ผมกลั้นใจอยู่นานกว่าจะตัดสินใจทักไป แต่ยังไม่ทันไร ไอ้คนที่ทักไปก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
Minn Warut : พีช
Captain Peach : ครับ? ว่าไงมิน
Minn Warut : *ส่งลิ้งค์เพลง You belong with me*
เราอยากให้พีชฟัง ช่วยฟังให้จบด้วยนะ

มือไม้ผมสั่นด้วยความตื่นเต้น หลังจากส่งลิ้งค์เพลงที่ผมคิดว่าเป็นคำสารภาพกรายๆออกไป ผมกำลังทำอะไรอยู่เนี่ยยยย!

Captain Peach : ไม่คิดว่าเราจะใจตรงกัน เราก็ชอบเพลงนี้เหมือนกัน
                           *ส่งสติกเกอร์หน้ายิ้ม*

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก..
หัวใจของผมเต้นรัวอย่างกับมีคนมารัวกลองกระหน่ำอยู่ภายในหัวใจดวงนี้ แค่คำว่าชอบ ‘ใจตรงกัน’ มันก็ทำให้ผมดีใจจนเนื้อเต้นไปหมด ถึงแม้มันจะหมายถึงเพลง ไม่ใช่ผมก็เถอะ ผมขอคิดเข้าข้างตัวเองซักนิดแล้วกัน

Minn Warut : เรามีอะไรอยากจะบอกพีช
Captain Peach : ??

ผมพิมพ์คำสารภาพค้างไว้แต่ไม่ได้กดส่งไป นานพอตัว พีชพิมพ์กลับมาถามซ้ำอีกครั้ง ประจวบเหมาะกับเวลานั้นมีคนพรวดเปิดประตูหลังห้องเข้ามาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง ผมสะดุ้งเฮือกเป็นรอบที่สองของวันและ..

Minn Warut : เราชอบพีชนะ

นิ้วของผมมันดันกดโดนปุ่มส่งข้อความ!!!!!!!
ไม่ทันแล้วครับ หายใจเข้าออกยังไม่ครบหนึ่งครั้งด้วยซ้ำ สัญลักษณ์รูปโปรไฟล์ของพีชเลื่อนลงมาที่ข้อความล่าสุดของผม หมายความว่าเจ้าตัวได้อ่านข้อความนี้แล้ว ไม่นะ ม่ายยยยย ผมยังไม่พร้อม แล้วไอ้หัวใจไม่รักดีก็เอาแต่เต้นโครมครามอย่างกับเพิ่งวิ่งรอบสนามมาก็ไม่ปาน ผมคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลง ฝ่ามือสองข้างถูกยกขึ้นมาลูบใบหน้าแรงๆเพื่อสงบสติอารมณ์ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน!
ผมตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง หน้าจอนั้นยังไม่ดับ และข้อความที่ตอบกลับมานั้นชัดเจนต่อสายตาผมทุกคำ

Captain Peach : เราดีใจนะที่มินชอบเรา
                           แต่เราขอโทษจริงๆ เรายังลืมคนเก่าไม่ได้
                           เราไม่อยากเอาเปรียบมิน ถ้าเกิดว่าคบกันแล้วเรายังลืมคนเก่าไม่ได้
                           
ความรู้สึกเหมือนโดนผลักลงเหว บรรยากาศรอบตัวเหมือนขาดออกซิเจนไปชั่วขณะ ไม่มีเสียงสะอื้น ไม่มีน้ำตา แต่เจ็บชะมัด ฮะๆ อยากจะหัวเราตัวเองจัง แต่ผมทำได้แค่แค่นหัวเราะไร้เสียงออกมา

Minn Warut : อืม เราเข้าใจ
*ส่งสติกเกอร์ยิ้ม*
Captain Peach : มินดีเกินกว่าที่เราจะทำร้ายได้ลง
       
 
Minn Warut : เราไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกนะ     
           
Captain Peach : แต่มินสำคัญกับเรามากนะ
Minn Warut : สำคัญยังไงล่ะ?
Captain Peach : สำคัญกว่าคำว่าเพื่อน เป็นคนพิเศษสำหรับเรา
                          เราพูดจริงๆนะ.. จะเชื่อหรือไม่เชื่อเราก็ได้
                          แต่เราอยากให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ขอแค่มินอย่าเปลี่ยนไป
                          ได้มั้ย?
Minn Warut : งั้นเราขอได้มั้ย
ถ้าพีชมีคนของพีชเมื่อไหร่ ช่วยบอกเราด้วยตัวเองได้รึเปล่า
Captain Peach : อื้ม ได้สิ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

หลังจากการสารภาพรักผ่านมาได้ 2 วัน ความรู้สึกเฮิร์ตกลับไม่ได้มากอย่างที่คิด ผมคิดว่าความสัมพันธ์ของผมกับพีชอาจเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ฝ่ายใดฝ่ายนึงต้องตีตัวออกห่าง แต่เปล่าเลยครับ ผมรู้สึกเหมือนพีชพยายาม ’เข้าใกล้’ ผม ยิ่งพอรู้ว่าผมชอบเขายิ่งแกล้งผมบ่อยขึ้น เหย้าแหย่ให้ผมงอน หนักเข้าก็เล่นถึงขั้นทำให้ผมหึง ในส่วนที่ขยันทำที่สุดก็รู้สึกจะเป็นเรื่องทำให้ผมเขินเนี่ยแหละครับ อย่างเช่นเมื่อคืน..

ขอท้าให้คุณบอกความรู้สึกดีๆตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกับฉันบนหน้าวอลของฉัน แล้วส่งข้อความนี้ให้คนที่คุณรักหรือเพื่อนสนิท ถ้าคุณได้รับข้อความนี้จากเขา คุณเป็นคนสำคัญนะแล้วถ้าคุณไม่เล่นคนที่ส่งมาให้คุณคงเสียใจแย่

ข้อความนี้ถูกส่งมาให้ผม ดูยังไงก็เป็นแค่ข้อความลูกโซ่ธรรมดา แต่ไม่ธรรมดาตรงที่คนที่ส่งนั้นดันจริงจัง ทวงผมยิกๆ สุดท้ายแล้ว ผมก็ยอมให้พีช โพสต์เรื่องราวทุกอย่างลงบนหน้าวอลได้ไม่กี่นาที เจ้าตัวก็ส่งรู้ที่แคปโพสตืนั้นมาให้ผมดูและตามมาด้วยข้อความสั้นๆ ‘จะเก็บไว้เป็นอย่างดีเลยครับ’  ครับ.. ผมแพ้พีชอย่างหมดรูปเลย

“อ้าว เป็นไรมามิน ทำไมทำหน้างอเหมือนตูดแบบนั้นล่ะ” นักร้องทักผมที่เดินเข้าห้องมาด้วยอารมณ์บูดแต่เช้า

“โดนไอ้พีชแกล้งมาอีกล่ะสิ หึหึ” เฟิร์สพูด แต่สายตายังจ้องหนังสือการ์ตูนในมือ

“อือ เราว่าเราคิดผิดจริงๆแหละที่ดันบ้าจี้บอกชอบไป” ผมถอนหายใจพรืด ฟุบลงกับโต๊ะ

“มิน! วันนี้เวรหน้าใช่มั้ย มาเปลี่ยนวันที่ด้วย” หัวหน้าห้องที่ยืนเขียนบันทึกตารางเรียนประจำวันอยู่หน้าตะโกนเรียกผม มือเล็กๆชี้โบ้ยไปทางกระดานไวท์บอร์ด ผมพยักหน้าให้และเดินตรงไปหยิบปากกาไวท์บอร์ดกับแปรงลบขึ้นมาเตรียมเปลี่ยนวันที่และต้องชะงัก
เมื่อวาน 7 มกราคม งั้นวันนี้คือวันที่ 8 ……



เฮ้ย!!!
พรุ่งนี้วันเกิดพีช!!!!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2016 19:02:58 โดย mint_wannaluk »

ออฟไลน์ mint_wannaluk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ขอครั้งที่ 2



สกู๊ปปี้แดงสดแล่นเข้ามาจอดในโซนจอดรถจักรยานยนต์ของห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่ตั้งอยู่ใกล้สถานศึกษา ถือเป็นย่านของเด็กวัยรุ่นส่วนมากยึดเป็นแหล่งผ่อนคลายหลังเลิกเรียน สกู๊ปปี้คันเก่งของเฟิร์สเลี้ยวเขาช่องเล็กๆเพื่อจอด แต่ยังไม่ทันที่รถจะจอดสนิทดีคนที่ซ้อนด้านหลังก็กระโดดลงซะแล้ว ทำให้รถคันเก่งของเขาเกิดการเสียหลักนิดหน่อย เจ้าของรถตวัดสายตาไปยังเพื่อนสนิทที่ดันกระโดดลงก่อนเขาจะจอดเสร็จ ดีนะที่ประครองรถไว้ได้ไม่ ไม่งั้นมีหวังล้มพร้อมรถทับคันอื่นกลายเป็นโดมิโน่แหง

“เร็วๆสิเฟริส เดี๋ยวเราซื้อของไม่ทัน” ผมหันกลับไปมองเฟิร์สที่ตอนนี้ส่งสายตาดุๆมาให้ ผมเอียงคอเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย อะไรหว่า? ทำไมต้องดุผมด้วยล่ะเนี่ย

“มึงนี่มัน.. ! ฮึ่ยย” เฟิร์สยกนิ้วขึ้นชี้หน้าผมพลางทำเสียงฟึดฟัดอยู่คนเดียว อะไรของเขานะ

“ไม่ต้องบ่นเลย รีบล็อครถได้แล้ว จะได้ไปช่วยเราเลือกของขวัญ เดี๋ยวหกโมงเย็นพี่นะก็มารับกลับบ้านด้วย” ผมพูดพลางนึกถึง ‘พี่นะ’ ลูกพี่ลูกน้องของผมที่โตมาด้วยกัน ตั้งแต่พี่นะไปเรียนมหา’ลัยผมก็แทบไม่ได้เจอหน้าเลยนอกจากพี่นะจะได้หยุดยาวๆถึงได้กลับมาเยี่ยมบ้านทีอย่างครั้งนี้

ผมเข้าไปกระตุกแขนของเฟิร์สเพื่อเร่ง เฟิร์สกรอกตาหน่ายๆใส่ผมก่อนจะล็อครถและลงมายืนเต็มความสูงข้างๆผม เฟิร์สผลักหัวผมด้วยความหมั่นไส้ที่ผมเอาแต่เร่งเจ้าตัวไม่เลิกตั้งแต่อยู่โรงเรียนแล้ว แต่ผมไม่โกรธหรอก คิกๆ เพราะวันนี้ผมมาซื้อของขวัญในวัดคล้ายวันเกิดให้กับพีชในวันพรุ่งนี้ วันที่ 9 มกราคม แค่คิดถึงใบหน้าพีชที่เปื้อนยิ้มก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ผมยกมือขึ้นลูกแก้มตัวเองหน่อยๆเมื่อรู้สึกถึงความรู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มทั้งสองข้าง เฟิร์สชะโงกมามองผม คงสงสัยที่ผมเงียบไป แต่พอเห็นท่าทางของผมก็ดันหลุดขำออกมาซะงั้น

“ฮ่าๆๆ มึงนี่เป็นเอามากนะ ไปกันได้แล้วไอ้เตี้ย” ผมหันไปฟาดผั๊วะเข้าให้ที่แขนของเฟิร์สกับสรรพนามที่ใช้เรียกผม

“สูงตายแหละ ไอ้คนคิดไปเอง” ผมแลบลิ้นใส่เฟิร์สก่อนจะหมุนตัววิ่งหนีเท้าที่ลอยตามก้นผมมา ก็ผมพูดจริงนี่ครับ สูงกว่าผมแค่สองสามเซนทำมาเป็นเบ่ง โถ่..
ผมวิ่งหลบเท้าของเพื่อนสนิทมาได้ไม่ไกลนักสายตาก็พลันไปสะดุดเข้ากับร่างสูงโปร่งอันคุ้นตาที่เดินลิ่วมาทางผม ยิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่ยิ่งแจ่มแจ้งชัดเจนแก่สายตาของผมแล้วว่าผู้ชายสูงโปร่งหน้าตาหล่อใสตรงหน้าคือพีช! ผมเบิกตากว้าง หัวใจกระตุกเต้นถี่รัว ขาที่ก้าวเดินหยุดชะงักทำให้เฟิร์นที่วิ่งตามมาชนเข้ากับแผ่นหลังของผมและตามมาด้วยเสียงพึมพำจับใจความได้ว่า ‘แม่ง หยุดวิ่งเอาดื้อๆแบบนี้เลยเหรอวะ’ ทำให้สติของผมเริ่มกลับมาแล้วบ้าง แต่เหมือนชายหนุ่มที่ผมจ้องเมื่อครู่จะเริ่มรู้ตัวและสังเกตเห็นพวกผมเข้าแล้ว จึงหันมาตะโกนทัก

“อ้าว!! มิน เฟิร์ส มาทะ.. ทำ เฮ้ย!! มิน มิน! จะรีบไปไหน!!!???” ผมที่สะดุ้งกับเสียงทักของพีชจนเกินเหตุ ส่งผลให้ขาทั้งสองข้างวิ่งหนีเข้าไปในตัวห้างสรรพสินค้าตรงหน้าด้วยความเร็วสูง เสียงทุ่มตะโกนเรียกผมเสียงดันตามหลังมานั้นไม่ได้ทำให้ผมหยุดวิ่งหนีลดความเร็วลงแต่อย่างใด ยังคงหลับหูหลับตาวิ่งอยู่อย่างนั้น

จนกระทั่งมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่ขึ้นบันไดเลื่อนมายังชั้นสอง ผมเดินไปพิงเสาแถวนั้นอย่างหมดแรง หอบหายใจสูดอากาศเข้าปอดให้มากที่สุด สายตากวาดมองไปรอบตัวด้วยความระแวง กลัวคนที่ตัวเองหนีมาเมื่อครู่จะมาเจอผมเข้า ผมยกมือขึ้นมากุมตรงอกด้านซ้ายที่มีก้อนเนื้อก้อนเต้นกระหน่ำเพราะความเหนื่อยจากการวิ่งสี่คูนร้อยของผม แต่ไอ้ความรู้สึกวูบวาบในใจและความร้อนผ่าวที่แก้มทั้งสองข้างนี้น่าจะมาจากต้นเหตุของเหตุการณ์ซะมากกว่าสินะ

หลังจากเหตุการณ์การวิ่งสี่คูนร้อยของผมผ่านไปไม่นานผมก็โดนเฟิร์สบ่นซะหูชาว่าผมเขินอะไรไม่เข้าเรื่อง ผมไม่ผิดเถอะ มันเป็นรีเฟล็กของร่างกายผม อีกอย่าง ผมเพิ่งจะสารภาพกับพีชไปได้ไม่นาน ใครจะกล้าสู้หน้าตรงๆแบบฉับพลันทันทีแบบนี้ได้กัน

“เฟิร์สๆ ระหว่างสีดำกับสีกรม เอาตัวไหนดี?” ผมสะกิดเพื่อนสนิทให้หันหน้ามาช่วยพิจารณาเสื้อแขนยาวสองตัวในมือ ตอนนี้ผมอยู่ในร้านเสื้อผ้าแบรนโปรดของผม และเสื้อที่กำลังเลือกนี้ตั้งใจจะซื้อเป็นของขวัญให้กับพีช ผมอยากจะให้ของที่สามารถนำมาใช้ได้ ไม่ใช่เอามาตั้งไว้เฉยๆ อย่างน้อยเวลาหยิบมาใช้เราก็ได้นึกถึงคนที่ให้มา ผมจึงเลือกให้เสื้อเป็นของขวัญซะเลย

“ส่วนตัวกูชอบสีกรมนะ” เฟิร์สพิจารณาอยู่เพียงครู่ และตอบออกมา

“เราก็ชอบสีกรมนะ สีดำเห็นพีชมีเยอะแล้ว.. นี่ครับ ผมเอาตัวนี้ครับ” ผมเอ่ยตอบเฟิร์ส ประโยคหลังหันไปพูดกับพนักงานที่ยิ้มแย้มรับเสื้อจากมือผมไปคิดตังค์

“ทีเรื่องแบบนี้รู้ดีจริงเชียวนะมึง” แววตาล้อเลียนมาพร้อมกับน้ำเสียงกวนของเฟิร์สทำเอาผมหันไปค้อนตาเขียวใส่แม้มือจะรับถุงจากพนักงานอยู่ก็ตาม เจ้าตัวก็หัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งผมก่อนจะกอดคอผมออกจากร้านไปซื้อของต่ออีกสองสามที่และพาผมมาส่งที่หน้าโรงเรียน




“ขอบใจมากนะเฟิร์สที่พาเราไปซื้อของ” ผมยิ้มกว้างส่งหมวกกันน็อคคืนให้คนตรงหน้า หลังจากรถของเฟิร์สหยุดจอดที่หน้าโรงเรียน เจ้าของหมวกรับหมวกไปห้อยเก็บไว้และส่งมะเหงกมาเขกหัวผมไม่แรงนัก ผมกุมหัวร้องโอดโอยเบาๆ

“เออ ที่กูยอมเพราะเรื่องของไอ้พีชมันทำให้มึงมีความสุขหรอกนะ” เฟิร์สยิ้มกลับมาให้ผมน้อยๆสื่อว่าตัวเองนั้นคิดแบบนั้นจริงๆ ผมเข้าใจดีครับ ก็เฟิร์สน่ะห่วงผมมากกว่าใคร เรียกว่าแม่คนที่สองของผมก็ว่าได้ แต่อะไรที่ผมทำแล้วมีความสุข แม้เฟิร์สจะไม่ชอบแต่ก็จะไม่แทรกแซงเด็ดขาด เรื่องนี้ก็เช่นกัน

“งั้นเราไปแล้วนะ พี่นะมารอแล้ว” ผมโบกมือให้เฟิร์สก่อนจะวิ่งไปอีกทางตรงไปยังรถโตโยต้าแครมรีสีดำที่จอดรออยู่ ผมเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งข้างคนขับแทรกตัวเข้าไปนั่งก็พบกับผู้ชายที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายลูกครึ่งกำลังส่งยิ้มกว้างมาให้ผม ผมยิ้มกว้างตอบกลับและยกมือขึ้นไหว้คนที่มีศักดิ์เป็นพี่และเอ่ยทักทายหลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน




“สวัสดีครับพี่นะ ไม่ได้เจอกันนานเลยแอบไปมีสาวสวยคอยเอาใจจนลืมน้องมินไปแล้วรึเปล่าครับ” พี่นะยกมือรับไหว้ผม และหัวเราะรวนทันทีที่ได้ฟังประโยคทักทายของผมจบ มือใหญ่ยื่นมาดึงแก้มผมด้วยความหมั่นเขี้ยว ผมเลยย่นจมูกใส่ ผลที่ได้กลับมาคือฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างตะปบเข้ายีแก้มผมซะน่วมเลย

“ใครจะไปกล้าลืมเจ้าเด็กขี้อ้อนกันครับ แล้วเมื่อกี้ใครมาส่งเราน่ะ หรือว่าแอบไปมีแฟนไม่บอกพี่ครับ” ดวงตาสีน้ำตาลเรียวหรี่ลงมองจับผิดผม ผมสบตามองดวงตาสีเดียวกันกับผมและทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ใส่ พี่นัดเลยบีบจมูกของผมไปทีเป็นการลงโทษ ผมพยายามปัดป้องออกและหัวเราะกับท่าทางขี้หวงของคนตรงหน้าและตอบคำถามออกไปตามความจริง

“คนนั้นเพื่อนน้องมินต่างหาก พี่นะจำเฟิร์สไม่ได้เหรอครับ ลูกชายแม่ศรเจ้าของตลาด”

“อ๋อ ไอ้เด็กท่าทางกวนๆ พูดจาโผงผางนั่นน่ะเหรอ” ผมพยักหน้าหงึกหงักแทนคำตอบ พี่นะกระตุกยิ้มกับคำตอบของผม ผมได้แต่เลิกคิ้วมองอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป พี่นะเริ่มออกรถขับไปยังเส้นทางที่ผมคุ้นเคยก็ทางกลับบ้านผมนั่นแหละครับ
 
...
เช้าของวันที่ 9 มกราคม ช่างเป็นวันที่สดใสจริงๆเลย อีกทั้งเช้านี้ยังมีสารถีรูปหล่ออย่างพี่นะขับรถมาส่งอีกด้วย ผมกระชับกระเป๋าสะพายของโรงเรียนอีกครั้งและเดินเข้าโรงเรียน และตรงไปยังโรงอาหารกวาดสายตาไปเจอกับกลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะประจำของเรา สองขาก้าวตรงไปโต๊ะนั้นอย่างรวดเร็ว และทรุดตัวนั่งตรงข้ามอุ้ยที่กำลังดูดเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่ เหลือบไปมองเห็นนัทกำลังนั่งอ่านการ์ตูนโคนัน แต่ไม่ยักกะเห็นเฟิร์สเลยแฮะ

“เฟิร์สล่ะ?” ผมเอ่ยถามอุ้ยเมื่อสอดส่องสายตาดูรอบๆแล้วยังไม่เจอเฟิร์ส

“เห็นมันเฟสมาบอกว่าจะเข้ามาหลังเลิกแถว” นัทเป็นคนตอบคำถามแทนอุ้ยที่กำลังฟาดก๋วยเตี๋ยวร้อนๆด้วยความเร่งรีบ เพราะอีกห้านาทีจะถึงเวลาเข้าแถวแล้ว ผมพยักหน้าตอบนัท พานนึกไปถึงเรื่องเมื่อวานเพราะไม่อยากให้พี่นะสงสัยเรื่องของพวกนั้นจึงต้องไปฝากไว้ที่เฟิร์ส ไม่นานนักเสียงออดบอกถึงเวลาเข้าแถวก็ดังขึ้นพวกผมจึงต้องยุติการสนทนาไว้เพียงเท่านี้



“นี่ ใจคอมึงไม่คิดจะกินข้าวกินปลาเลยรึไงวะ” เฟิร์สใช้เท้าสะกิดผมเป็นรอบที่สาม
ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยงครับ พวกผมสี่คนมานั่งกินข้าวที่โรงอาหารด้วยกันเหมือนทุกวัน แต่วันนี้ไม่เหมือนกับทุกวันตรงที่ผมหอบกระดาษสีน้ำตาลอ่อนแผ่นใหญ่ลงมาด้วย ก้มหน้าก้มตาเขียนข้อความ ‘Happy Birthday to Peach’ อย่างบรรจงไม่เป็นอันกินข้าวจนทำให้เฟิร์สต้องสะกิดเตือนหลายรอบ ผมเงยหน้ามองใบหน้านิ่งๆของเฟิร์สก่อนจะส่งรอยยิ้มแหยๆให้และละมือจากกระดาษที่ตั้งใจทำเป็นกระดาษห่อของขวัญมาหาจานข้าวตัวเองแทน

“คร้าบๆ ผมกินแล้วครับแม่ อย่าดุซิครับ” เฟิร์สถลึงตาใส่ผมที่ไปเรียกเจ้าตัวว่าแม่ ส่วนนัทกับอุ้ยที่ได้ยินก็ถึงกับสำลักข้าวจนหน้าดำหน้าแดง เหมือนอยากจะขำ แต่ขำไม่ได้เพราะข้าวยังเต็มปากอยู่ทำได้แค่ทุบโต๊ะด้วยความชอบใจแทน

“เดี๊ยะๆ จะโบกกะโหลกเรียงตัวเลยไอ้พวกนี้” เฟิร์สชี้หน้าพวกผมคาดโทษ แต่ก็ทำได้แค่ฟึดฟัดเดินออกไปซื้อน้ำแค่นั้น ผมหยุดขำพรืดออกมากับท่าทางเหมือนเด็กของเฟิร์ส ฮา ความรู้สึกได้แกล้งใครซักคนมันสนุกแบบนี้เองสินะ

“ว้าว สวยจังเลยอ่ะมิน นี่นายทำเองหรอ??” เสียงเล็กร้องขึ้นมาข้างๆผม ผมหันไปมองร่างเล็กในชุดนักเรียนแขนยาวผูกไทด์บ่งบอกว่าเป็นนักเรียนหญิงมอปลายของที่นี่ มือเรียวเล็กลูบกระดาษสีน้ำตาลที่ผมเขียนค้างได้มากกว่าครึ่ง สายตาช้อนขึ้นมองหน้าร่างเล็กตรงหน้าและผมก็เผยยิ้มกว้างให้กับเธอ

“อื้อ ใช่แล้วล่ะแบ๋ม เราทำเอง” เด็กสาวคนนี้อยู่ห้อง 2 ซึ่งเป็นสายวิทย์-คณิตเช่นเดียวกับห้อง 1 ที่พวกผมอยู่ ‘แบ๋ม’ ถือเป็นควีนของห้องนั้นเลยก็ว่าได้เพราะเธอเรียนเก่งมากโดยเฉพาะด้านคำนวณ  และถ้าถามหาคิงล่ะก็ กำลังนั่งดูดน้ำเสียงดังอยู่ข้างๆผมเนี่ยแหละครับ ก็ ‘อุ้ย’ยังไงล่ะครับ อาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อแต่อุ้ยนั้นเรียนเก่งสุดๆเลยล่ะครับ ยิ่งด้านวิทยาศาสตร์ด้วยแล้วยังไม่มีใครล้มตัวท็อปคนนี้ได้เลย

“ทำให้ใครอ่ะ สงสัยทำให้แฟนแน่เลย คิกๆ น่าอิจฉาจัง ถ้าเราเป็นคนนั้นเราคงดีใจยิ้มแก้มแตกแน่ๆที่เห็นมินทำแบบนี้ให้” ผมที่ได้ฟังก็รู้สึกเหมือนความร้อนแล่นขึ้นมาสุมรวมกันที่แก้มทั้งสองข้าง ก้นเริ่มจะนั่งไม่ติดเก้าอี้ ยกไม้ยกมือขึ้นโบกปฏิเสธพัลวัน

“มะ มะ..ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ฟะ แฟ..”

“ไม่ต้องเขินหรอกมิน เราเข้าใจ เดี๋ยวเราไปกินข้าวก่อนนะ บายจ้า” แบ๋มขยิบตาให้ผมแล้วเธอก็วิ่งหายไปกับกลุ่มคน ผมได้แต่มองตามตาปริบๆ





“ไปได้แล้ว ไปสิวะ ปายยยยย” อุ้ยดันหลังผมให้เดินเข้าไปยังประตูหลังของโรงเรียนสุธาวิทฯ ที่วันนี้ไม่ปิดเร็วเหมือนทุกๆเพราะปกติผมมากับเฟิร์สจะต้องเข้าทางด้านหน้าเพราะประตูปิดหลังจะปิดสี่โมงเย็น ผมหันไปมองหน้าคนที่เอาแต่ดันหลังผมตั้งแต่มาถึงพร้อมกับทำหน้ามุ่ย

“ขอทำใจก่อนสิ เราเพิ่งบอกชอบพีชไปเองนะ ยังไม่กล้าสู้หน้าตรงๆเลยอ่ะ” ผมบ่นอุบใส่ สิ่งที่ได้ตอบกลับมาคือเสียงถอนหายใจยาวของอุ้ย

“มาถึงขนาดนี้ก็รุกจีบไปเลยสิมิน” นัทที่สังเกตเหตุการณ์มาซักพักเอ่ยขึ้น วันนี้เพื่อนๆผมมากันครบองค์ประชุมกันเลยล่ะครับกรู่กันมาเพื่อให้กำลังใจผม(ล่ะมั้ง)

“บ้า! เราไม่เคยทำแบบนั้นหรอกนะ” ผมปฏิเสธทันที แอบเห็นเฟิร์สกับอุ้ยหันไปพยักเพยิดหน้ากันก่อนที่ทั้งสองคนจะเข้ามาหิ้วปีกผม

“งั้นมึงก็เริ่มมันตอนนี้เลยแล้วกัน”
จากนั้นผมก็โดนหิ้วปีกเข้ามาภายในโรงเรียนแต่เข้ามาได้ไม่เท่าไหร่ผมก็ร้องขอทั้งคู่ให้ปล่อยผม โดยผมรับปากว่าจะเดินไปหาพีชเอง เพราะมีหลายๆคนจ้องมายังพวกเรามากกว่าปกติ ผมเดินลัดเลาะมานิดหน่อยก็เจอกับโต๊ะประจำของพีชข้างตึก 8 ผมสูดหายใจเข้าลึกๆเรียกกำลังใจให้ตัวเองและเดินตรงไปยังโต๊ะที่พีชนั่งอยู่คนเดียว

“พีช” ผมเอ่ยเรียกคนตัวสูงที่ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมส์ในโทรศัพท์เอาเป็นเอาตาย แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ยินผมเรียก กลีบปากเรียวสีค่อนข้างอ่อนบ่นพึมพำสบถใส่เกมส์ตรงหน้า ผมแอบอมยิ้มให้กับท่าทางของพีช

จมูกโด่งนี่ทำไมน่ากัดจัง.. ผมคิดได้ดังนั้นจึงโน้มใบหน้าลงไปในระดับเดียวกับพีช เอียงคอมองและส่งเสียงเรียกชื่ออีกครั้ง ครั้งนี้พีชได้ยิน เงยหน้าขึ้นมามองผมและผงะเล็กน้อย ผมแอบเห็นแก้มขาวๆของพีชขึ้นสีเล็กๆ ดวงตาสีดำขลับฉายแววตกใจระคนดีใจสบเข้ากับผม ผมผละตัวออกมายืนห่างจากพีชทันที เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองดันทำตามความรู้สึกเข้าไปใกล้ชิดมากจนเกินไปซะแล้ว ไอ้บื้อมินเอ้ย!

“มินมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” พีชหยัดตัวลุกจากโต๊ะก้าวมายืนตรงหน้าผมและส่งยิ้มกว้างมาให้

“คือเรามาเมื่อกี้ เอ่อ.. เราเอานี่มาให้พีชน่ะ” ผมยื่นถุงที่บรรจุกล่องของขวัญให้ พีชยื่นมือมารับด้วยสีหน้าที่แสดงออกว่ากำลังดีใจ ผมที่ได้เห็นดังนั้นก็รู้สึกเหมือนตัวพองแทบลอย

“...มินเขียนเองเหรอ?” พีชหยิบกล่องขึ้นมาดูและเอ่ยถามผมด้วยเสียงเบาหวิว แต่ในระยะที่ไม่ไกลมานักทำให้ผมได้ยินคำถามชัดเจน นิ้วยาวของพีชไล้ไปตามตัวอักษรเล็กๆบนกระดาษห่อ

“อ.. อื้ม ชอบรึเปล่า?” ผมตอบเสียงตะกุกตะกัก ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะมีไข้เลย ให้ตายสิ พีชหันกลับมาสบตากับผมด้วยความรู้สึกหลากหลายในดวงตาคู่นั้น ผมขมวดคิ้วมองพยายามค้นหาความหมายในดวงตาคู่นั้น แต่ผมก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ รอยยิ้มหวานถูกส่งมาให้ผมแทนเหมือนกับต้องการกระตุ้นหัวใจของผมให้หนักยิ่งขึ้น พร้อมกับคำพูดที่เหมือนต่อลมหายใจของคนแอบชอบแบบผม

“ชอบสิ ชอบมากด้วย”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2016 10:17:32 โดย mint_wannaluk »

ออฟไลน์ wonderbe

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พีชยังไงเนี้ยยย ? ชอบมินมั้ยเนี่ย
มินน่ารักกกกก

ออฟไลน์ mint_wannaluk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ขอครั้งที่ 3






“อรุณสวัสดิ์ ได้เวลาตื่นแล้วนะ”

[อือ..] เสียงครางงัวเงียในลำคอดังมาจากปลายสายตอบรับ ผมขมวดคิ้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเพื่อเช็คเวลาให้แน่ใจก่อนจะกรอกเสียงพูดกับคนในสาย

“หกโมงครึ่งแล้วนะ ลุกขึ้นไปอาบน้ำได้แล้ว”

[อื้อออ..] ยังคงเป็นเสียงเช่นเดิม แต่ยาวกว่าเมื่อกี้นิดหน่อยมาพร้อมกับเสียงขยับพลิกตัวบนเตียง

“พีช.. อย่าดื้อสิ” ผมเรียกชื่อคนในสายที่ไม่มีท่าทีจะตื่นง่ายๆ ทำไมถึงได้ปลุกยากแบบนี้นะ

[………………] เงียบครับ ไร้สัญญาณตอบรับจากคนตัวโตขี้เซา แบบนี้ก็คงต้องใช้มาตรการเด็ดขาดสินะ

“พีช หนึ่ง..”

[...ขออีกสิบนาที]

“..สอง”

[ห้านาทีก็ได้]

“สะ.. สา”

[ตื่นแล้วๆ ตื่นแล้วคร้าบบบบบบ] ยังไม่ทันจะนับสามจบ คนในสายก็แทรกขึ้นมาซะก่อน ผมได้ยินเสียงตึงตังเข้ามาในสายเบาๆ สงสัยจะเด้งตัวขึ้นจะเสียงแรงไปหน่อยจนทำให้หมอน ผ้าห่มหล่นไปกองพื้นล่ะมั้ง นึกภาพตามแล้วก็อดขำคนตัวโตๆท่าทางเหมือนเด็กไม่ได้ อยากจะขำดังๆซักหน่อยแต่ผมก็กลัวคนในสายจะงอนที่ผมแอบหัวเราะเลยทำได้แค่กลั้นขำไว้

“ลุกจากเตียงแล้วตรงไปอาบน้ำแปรงฟันเลยนะ อ๊ะๆ! ห้ามแอบหลับต่อ อย่าลืมทานข้าวเช้าด้วย” ผมรีบดักคอพีชไว้ก่อน เพราะอีกฝ่ายก็เจ้าเล่ห์น้อยซะที่ไหน คราวก่อนแอบนอนต่อ ปาไปเจ็ดโมงครึ่งถึงจะตื่น แล้วดันมาโทษว่าผมไม่ปลุกซะงั้น

[รับทราบครับผม!! มินก็ด้วย ทานเยอะๆนะ จะโตไม่ทันเราแล้ว] พีชตอบกลับมาเสียงดังเหมือนพวกนักเรียนรด. ผมหัวเราะตอบกลับนิสัยขี้เล่นนั้นน้อยๆ แต่ประโยคต่อท้ายนั้นทำให้ผมหุบยิ้มแทบจะทันที นี่ผมกำลังโดนว่าเตี้ยอยู่ใช่มั้ย!?

“โตแล้วเหอะ!!” ตอบเสียงสะบัดกลับไป คนในสายกลับหัวเราะรวน แก้มสองข้างของผมเริ่มร้อยผ่าวด้วยความอายที่โดนล้อผสมกับความเขินเสียงหัวเราะสดใสของพีช

[ฮ่าๆๆๆๆๆๆ แกล้งคนแคระเนี่ยสนุกจริงๆ ชู่ววว ไม่เอาไม่ร้องนะครับคนเก่ง ไว้จะมาง้อนะครับ ขอตัวไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวคนแคระแถวนี้จะหน้างอกว่าเดิม]

“อะ.. ” ผมได้แต่อ้าปากผะงาบๆ ไม่สามารถโต้ตอบกลับไปได้ พีชจึงชิงพูดขึ้นมาก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร

[เสร็จแล้วจะทักไปนะ บายครับ]

ติ๊ด ตื้ด ตื้ด ตื้ด..
จบประโยคปลายสายก็โดนตัดไป ทิ้งให้ผมนั่งอ้าปากค้างอยู่เช่นเดิม

ทุกคนคงจะสงสัยสินะครับที่ผมได้โทรไปปลุกพีช ทั้งๆที่ผ่านมาตั้งนานไม่เห็นจะมีเค้าว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ ผมก็แปลกใจเหมือนกันครับ เพราะเจ้าตัวเป็นคนมาขอให้ผมโทรปลุกเขาในตอนเช้าหลังจากคืนวันเกิดของเขา คืนวันนั้นผมได้ส่งขอขวัญอีกชิ้นให้ผ่านโซเชียล มันเป็นคลิปที่ผมร้องเพลง’ลูกผม’ แต่มันไม่ได้มีอะไรมากหรอกครับ ผมไม่ได้เล่นกีตาร์ไปด้วยหรอก เพราะผมเล่นไม่เป็น แฮ่ๆ ผมทำแค่เพียงเปิดเพลงคลอและร้องตาม ในมือถือกระดาษสีน้ำตาลอ่อนขนาดเท่าA4เปิดไปเรื่อยๆ บนกระดาษเป็นข้อความสั้นๆที่ผมเลือกมาจากเนื้อเพลงหลายๆแทนความรู้สึกเขียนลงไปหลายต่อหลายแผ่น จนถึงแผ่นสุดท้ายเป็นคำว่า Happy Birth Day to Peach พร้อมกับเพลงที่ร้องจบลง ต่อจากนั้นผมพูดอวยพรให้นิดหน่อยไม่ได้มีคำสารภาพรักแต่อย่างใดครับ อย่าคิดว่าผมจะกล้ามากถึงขนาดนั้นเลย ทำคลิปนี้ขึ้นมาได้ก็รู้สึกเหมือนตัวกับแก้มจะแตกแล้วล่ะครับ

‘เราชอบมากนะมิน ขอบคุณนะ เราจะเก็บสิ่งนี้ไว้เป็นอย่างดี’

‘วันหลังมาร้องเพลงให้เราฟังอีกนะ’

ข้อความตอบกลับมาหลังจากที่ผมส่งคลิปนั้นไปให้ได้ไม่นาน ผมรู้สึกมีความสุขมากจริงๆครับ ผมยิ้มจนปวดแก้มไปหมด คืนนั้นทำให้ผมฝันดีและทำให้ผมอยากจะทำแบบนี้ต่อไป ทำให้พีชมีความสุข มีรอยยิ้มสดใสให้ผมได้มองตลอดไป..


“น้องมิน ข้าวเช้าเสร็จแล้วนะลูก” ป้าสายส่งเสียงเรียก ผมเก็บหนังสือเรียนใส่กระเป๋า ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องให้เรียบร้อยก่อนจะออกจากห้องลงไปทานอาหารเช้ากับคุณยายด้านล่าง

ติ๊ง!!

เสียงแจ้งเตือนจากMessengerดังขึ้นจากโทรศัพท์ของผมที่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาออกจากห้อง ผมล้วงออกมาจากกระเป๋าเปิดดูข้อความที่ถูกส่งเป็น เป็นรูปของคนตัวโตขี้เซาเมื่อครู่กำลังกัดขนมปังปิ้งพร้อมกับทำหน้าทะเล้นใส่กล้องถูกส่งมาพร้อมกับข้อความสั้นๆว่า ‘ทานข้าวเช้าแล้วนะ อย่าลืมทานด้วยล่ะ’

เพียงแค่การกระทำแค่นี้ก็ทำให้ผมยิ้มกว้างออกมาโดยไม่รู้ตัว

ยิ้ม.. จนโดนคุณยายทักว่าทำไมเช้านี้ดูอารมณ์ดีกว่าปกติ
ยิ้ม.. แม้กระทั่งทานอาหารเช้าเจอมะเขือเทศที่ไม่ชอบในจานก็ยังยอมทาน
ยิ้ม.. แม้รถจะติดเพราะบนถนนเกิดอุบัติเหตุทำให้เกือบจะเข้าแถวไม่ทันเช็คชื่อ

ช่างเป็นความรู้สึกที่บ้าบอจริงๆ ไอ้ ‘ความรัก’ เนี่ย


--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ผ่านมาจนกระทั่งถึงเดือนกุมภาพันธ์อีกไม่นานก็จะถึงเทศกาลสอบไฟนอลแล้ว แต่ความวุ่นวายมันยังไม่ทันจบครับช่วงนี้มีงานเทศกาลการแข่งขันทักษะทางวิชาการของเครือข่ายโรงเรียนเอกชน ทั้งคุณครูและนักเรียนวิ่งซ้อมวิ่งติวกันให้วุ่น และปีนี้โรงเรียนผมเป็นเจ้าภาพด้วยสิ และความยุ่งเหยิงจึงมีมากกว่าทุกปีเป็นเท่าตัว

“วรุธ ช่วยไปแข่งแลปชีวะให้ครูหน่อย ช่วยครูทีนะ”

“คือผมแข่ง skit และ speech ของหมวดภาษาแล้วน่ะครับ แต่ถ้าตอนแข่งไม่ชนกัน ผมก็จะช่วยนะครับ” ผมตอบครูประจำวิชาชีววิทยาพร้อมกับรอยยิ้มแหยๆ ครูพยักหน้าเข้าใจและบอกว่าจะดูกำหนดการแข่งอีกทีแล้วจะบอก ผมยกมือไหว้และเดินออกมาจากห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ เจอกับอุ้ย เฟิร์ส และนัท กำลังยืนรอผมอยู่

“ครั้งนี้ครั้งที่เท่าไหร่แล้วล่ะ” เฟิร์สเอ่ยถามขึ้นถึงจำนวนครั้งที่ผมโดนคุณครูทั้งหลายมาทาบทามไปแข่ง พร้อมกับเดินเข้ามากอดคอผม

“เจ็ดอ่ะ”

“โอววว ฮอตนะครับเอ็ง ข้ายังไม่เยอะเท่าเลย” อุ้ยหัวเราะ ผมเลยทำหน้ามุ่ยใส่ซะเลย

“ก็มินดันทำได้ซะทุกอย่างแบบนี้ไง จะวิชาไหนก็ทำออกมาได้ดีหมด แต่เอาสุดๆซักอย่างกลับไม่ได้ซักอย่าง” นัทพูด นั่นมันใช่คำชมรึเปล่าครับ ทำไมผมรู้สึกตะหงิดๆยังไงไม่รู้

“ช่างเถอะ กลับห้องกันดีกว่า เดี๋ยวเจ๊ปากแดงจะว้ากเอา” เฟิร์สพูดแทรกขึ้นก่อนที่ผมจะได้ท้วงติงคำพูดของนัท นึกได้ดังนั้นพวกผมจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเดินกลับไปยังตึกเรียนของเด็กม.ปลาย ผมล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูเวลา ปกติผมจะใส่นาฬิกาข้อมือแต่เมื่อเช้าผมดันลืมไว้ที่โต๊ะทานข้าวที่บ้าน กดปุ่มโฮมหน้าจอก็สว่างขึ้นแสดงเวลาและการแจ้งเตือนขอโซเชียลต่างๆ ผมขมวดคิ้วมองแจ้งเตือนจากแอพ Instargram ว่าผมโดนแท็กด้วยชื่อแอคที่ผมจำได้ขึ้นใจแม้จะไม่ได้เล่นแอพนี้บ่อยๆก็ตาม

นิ้วสไลด์ปลดล็อกหน้าจอเปิดดูการแจ้งเตือนทันที ฝีเท้าที่ถูกเร่งเมื่อครู่ก็เริ่มชะลอ กดเปิดโหลดรูปที่โดนแท็กไม่นานรูปก็ปรากฏขึ้น เป็นรูปพีชกำลังกัดไอติมยิ้มตาหยีโชว์ฟันเรียงสวย แต่ที่ทำผมใจเต้นแรงเหมือนกับจะหลุดออกมานอกอกนั้นน่าจะเป็นเสื้อแขนยาวสีกรมคุ้นตา ก็ตัวที่ผมซื้อให้เป็นของขวัญพีชยังไงล่ะครับ เหลือบลงมาอ่านแคปชั่นใต้รูป

‘ถึงอากาศจะร้อน แต่เราก็ใส่นะ’

ผมแทบเดินสะดุดขาตัวเอง ให้ตายสิ!!!



ผมเดินทอดน่องมายังโต๊ะม้าหินอ่อนใต้ร่มการะเวกต้นไม้ประจำโรงเรียนของผม มองไปยังโต๊ะประจำที่กลุ่มผมชอบนั่งก็เจอแค่นัทกับเฟิร์สที่นั่งทะเลาะกันเรื่องขนม สงสัยอุ้ยจะไปซ้อมโครงงานกับตอบปัญหาวิชาวิทยาศาสตร์อยู่สินะ ผมเดินเข้าไปหาทั้งสองคนและหย่อนก้นนั่งลงข้างๆนัทและถอนหายใจ  เฮ้อ ทำไมช่วงนี้มันเหนื่อยแบบนี้เนี่ย

“ถอนหายใจบ่อยๆชีวิตมึงจะสั่นลงนะ” เฟิร์สเอ่ยขึ้น มือก็ล่วงหยิบขนมของนัทเข้าปาก ได้ยินเสียงนัทฟาดมือดังเพี๊ยะ พร้อมกับคำพูดสั้นๆง่ายๆได้ใจความ ‘ยุ่ง!!’


“เรากดดันนี่ หมวดภาษาทำไมไม่เอาเด็กห้องอิ้งฯไปแข่ง เราเรียนห้องวิทย์ฯแท้ๆ แต่ก็ยังหนีไม่พ้น” ผมบ่นฟุบหัวลงกับแขนที่วางเกยอยู่บนโต๊ะ

“เออน่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เลิกเรียนกูพาไปกินสเต็ก เลี้ยงไอติมด้วยเอ้า” มือเฟิร์สยื่นมายีหัวผม ผมเงยหน้าขึ้นมองพร้อมยิ้มกว้างกับคำว่าไอติมของเฟิร์ส

“พูดแล้วนะเฟิร์ส กลับคำเราจะไม่ให้ลอกการบ้านจริงด้วย” เฟิร์สหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเหมือนถูกใจ ผมก็ได้แต่มองภาพตรงหน้างงๆ

“แล้ววาเลนไทน์นี้มินจะซื้ออะไรให้พีชเหรอ” นัทที่เงียบเพราะกินขนมอยู่เอ่ยถามขึ้น ผมหันไปเอียงคอน้อยๆพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

“ก็เดี๋ยวมะรืนนี้จะถึงวันวานเลนไทน์แล้วไง อย่าบอกนะว่าซ้อมจนลืมวัน ลืมเวลาไปแล้วน่ะ”


เอ๋.. ?? วาเลนไทน์อย่างนั้นเหรอ!!??




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

พูดคุยกันซักนิด

ขอโทษมากๆนะคะที่ตอนที่ 3 ออกมาช้าไปหน่อย คนแต่งโดนงานรุมเร้าค่ะ  :katai1: อยากจะมาปั่นให้อ่านแทบแย่ขอโทษจริงๆนะคะ

ตอนแรกกะแต่งให้ได้ 7 ตอนจบ แต่ดูเหมือนจะต้องเพิ่มตอนซะแล้ว กลัวรวบรัดตัดตอนจะงงกัน 5555

ในส่วนพระเอกของเรื่องนี้อยากให้คนอ่านช่วยนึกถึงโมเม้นของคนที่ยังลืมรักครั้งเก่าไม่ได้ อยากเปิดใจแต่ไม่กล้าพอ น่าจะเข้าใจมากขึ้นนะคะ

ไว้ช่วงสงกรานต์เราจะมาปั่นให้รัวๆชดเชยที่ค้างมาหลายวันนะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นด้วยนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-05-2016 23:12:12 โดย mint_wannaluk »

ออฟไลน์ mint_wannaluk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
แจ้งกำหนดการลงตอนต่อไปนะคะ

ภายในอาทิตย์นี้จะพยายามลงให้ได้อย่างน้อย 1 ตอนนะคะ เราติดไปค่ายอาสาวันศุกร์ที่จะถึงนี้ อาจจะมาช้าไปบ้าง ก็อย่าเพิ่งลืมกันนะคะ ;___;

แล้วจะนำพาความน่ารักของพีชมินมาเสิร์ฟเร็วๆนี้แน่นอนค่ะ! ><

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด