<< อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> [Pre orderพิมพ์ครั้งใหม่ 4 ก.ย.-5ต.ค.61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> [Pre orderพิมพ์ครั้งใหม่ 4 ก.ย.-5ต.ค.61]  (อ่าน 154903 ครั้ง)

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                 อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                            บทที่ 8               


               “หมั่นไส้ว่ะ ทำเป็นอยู่ใกล้พี่วินนี่ไม่ยอมห่าง โธ่ไอ้ผู้กองหน้าปลวก”


               “ปลวกตรงไหนวะ กูเห็นเขาก็ออกจะหน้าตาดี มึงน่ะอคติ”


               อาศิรยืนขำขณะที่เวทิศหน้าบึ้งตึงมองปาลที่อยู่ไม่ห่างกายกวินตรา บุตรีของนายแพทย์กำจรเป็นจุดสนใจของผู้ที่มาร่วมงาน

ยิ่งอยู่ใกล้ร.ต.อ.ปาล แทบทุกคนก็ยิ่งมองเป็นตาเดียวเพราะความเหมาะสมของทั้งคู่ เวทิศเจ็บจี๊ดจนทนไม่ไหว


               “มึงจะไปไหน”


               อาศิรเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนสนิทขยับกายก้าวเดิน เวทิศยกยิ้มพร้อมยักคิ้วให้อาศิรอย่างเจ้าเล่ห์


               “แค่อยากรู้ว่าคนเป็นตำรวจเขาทำอะไรได้มากแค่ไหนไงล่ะไอ้โอม”


               “ไอ้ทิศ นี่งานใหญ่นะโว้ย ทำอะไรคิดดีๆ”


               “เฮ้ย กูไม่ได้ทำอะไรรุนแรง แค่อยากทำความรู้จักคุณตำรวจเขาก็แค่นั้นเอง”


              ได้ยินเวทิศเถียงอาศิรก็คร้านจะเอ่ยห้ามเพื่อนที่คิดจะลองของ เขาก็เลยได้แต่ชักชวนอนูบิสให้ทดลองชิมอาหารบุฟเฟ่ที่ตั้ง

โต๊ะอยู่ริมสระน้ำ ปล่อยให้เวทิศเดินตรงเข้าไปให้ปาลที่แยกจากกวินตรามาบริเวณซุ้มเครื่องดื่มริมสระน้ำอีกฝั่ง เวทิศคว้าแก้วพันช์สีสวย

มาถืออยู่ในมือและเดินตรงเข้าหาปาลทันที


               “อุ๊ย คุณพระช่วย”


               “เฮ้ย!”


               ปาลอุทานออกมาพร้อมต่อด้วยคำสบถอีกเล็กน้อยเมื่ออยู่ๆก็ถูกชนเข้าที่กลางลำตัวขณะที่เขาหันไปทักทายคนรู้จัก และเมื่อ

หันกลับมาอีกทีเสื้อผ้าของเขาก็เปื้อนเป็นวงด้วยพันช์ในมือของไอ้หน้าจืดที่ชนเขานี่แหละ


               “ตาเป็นต้อหินหรือไงถึงไม่เห็นคนเดินอยู่”


               เวทิศกลั้นยิ้มเกือบจะไม่สำเร็จเมื่อเห็นฝีมือตัวเอง เสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อดีที่ปาลสวมใส่ภายใต้สูทสีดำปรากฏสีแดงของพันช์เป็น

วงกว้างเพราะเขาจงใจที่จะเดินเข้าไปชนชายหนุ่มร่างสูงผิวคล้ำแดดของปาล และตอนนี้ใบหน้าอย่างชายไทยแท้ของนายตำรวจหนุ่ม

กำลังบึ้งตึงด้วยความขัดเคืองสมใจของเวทิศ


               “ตาไม่ได้เป็นต้อหิน ตาเป็นครูใหญ่วัดลิงขบ โถ่ อย่าโวยวายสิครับคุณตำรวจเดี๋ยวประชาชนเต็มขั้นอย่างผมจะตกใจ”


               กวนตีน

               ปาลจำกัดความให้ผู้ชายผิวขาวหน้าจืดใส่แว่นตากลมโตที่ยืนยิ้มเยาะอยู่ตรงหน้า เขาจำได้แล้วว่าคนๆนี้มากับน้องชายของ

กวินตรา แต่ดูจากท่าทางแล้วก็ไม่ได้มีพิษสงมากมายนักเพราะลักษณะคงแก่เรียนเหมือนพวกศาสตราจารย์สติเฟื่องมากกว่า อาจจะ

อยากแค่ลองดีกับเขา


               “อุบัติเหตุกับจงใจมันแยกกันได้ไม่ยากหรอก ถ้าอุบัติเหตุจริงก็แค่ชนโดยประมาท แต่ถ้าอยู่ๆก็พุ่งเข้าชนนี่อาจจะเจอข้อหา

ทำร้ายเจ้าพนักงานให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส”


               สาหัสตรงไหนวะ แค่เสื้อเปื้อน


               “ทำไม คุณตำรวจพูดแบบนี้คิดจะเคลมค่าทำขวัญจากผมงั้นสิ โธ่เอ๊ย แค่เสื้อเปื้อนผมออกค่าซักรีดให้ก็ได้ จะสักเท่าไหร่กัน

เชียว”


               ใบหน้าจริงจังของปาลทำให้เวทิศชักจะหน้าเสีย ความจริงเขาไม่ใช่คนร้ายกาจขี้แกล้งโดยนิสัย แต่นี่เป็นเพราะหมั่นไส้ปาลที่

ได้ใกล้ชิดกวินตรา ส่วนปาลเมื่อเห็นสีหน้าเผือดของเวทิศเขาก็นึกขำเมื่อดูออกว่าไอ้หนุ่มหน้าจืดเริ่มใจฝ่อแล้วปาลจึงรีบสำทับตามทันที


               “นี่กำลังข่มขู่เจ้าพนักงานอีกกระทงหนึ่งนะรู้ตัวหรือเปล่า”


               ไอ้...

               เวทิศนึกไม่ออกว่าควรจะตอบโต้ปาลอย่างไรดีในเมื่อตอนนี้ร่างสูงฟิตเฟิร์มอย่างคนออกกำลังกายก้าวเข้ามาใกล้แถมยังยื่น

หน้าเข้ามาหา คิ้วเข้มของนายตำรวจยกสูงพร้อมกับดวงตาพราวเพราะความขำขันทำให้เวทิศต้องก้าวถอยหลัง


                “ถอยไปคุณตำรวจ ผมไม่ได้ขู่คุณสักหน่อย มีแต่คุณนี่แหละที่กำลังคุกคามประชาชน”


               “ว่าไงนะ หยุด จะหนีไปไหน”


               เมื่อเห็นเวทิศถอยฉากปาลก็คว้าข้อมือไว้ คราวนี้เวทิศชักหวั่นที่ตนเองกำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ


               “ปล่อยผม!”


               “คุณจงใจแกล้งเดินชนผมแล้วคิดจะหนีรึไง ไม่มีทาง”


               มือของปาลที่ยึดข้อมือเหนียวและแข็งแกร่งยิ่งกว่าตุ๊กแกเสียอีก เวทิศพยายามแล้วที่จะสะบัดหนีแต่ก็ไม่เป็นผล แถมปาลยัง

ก้าวเข้ามาใกล้ด้วยใบหน้าดุยิ่งทำให้เวทิศใจเสีย เขาก้าวถอยหลังหนีอีกครั้งโดยไม่เห็นว่าตัวเองกำลังใกล้ขอบสระน้ำเข้าไปเรื่อยๆ


               “ถ้าไม่ปล่อย ผมจะตะโกนให้ทุกคนในงานรู้ว่าตำรวจรังแกประชาชน”


               ปาลไม่ปล่อย ดวงตาของเขามองเวทิศอย่างท้าทาย เวทิศทั้งกลัวทั้งโมโหจนต้องใช้มือข้างที่ไม่ได้ถูกจับยึดผลักไหล่ของ

ปาลให้ออกห่าง แต่เขาไม่นึกว่าปาลจะปล่อยข้อมือที่จับไว้ทันที มันทำให้เวทิศเสียหลักหงายหลังลงไปในสระน้ำสีฟ้าเบื้องหลัง

               ตูมม


               “เฮ้ย!”


               ส่วนปาลเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่า มือของเวทิศที่ผลักไหล่ของเขานั้นจะพาลคว้าปกเสื้อสูทไว้ด้วย และทำให้ปาลหน้าคว่ำ

ลงไปกับผิวน้ำที่กระเพื่อมเพราะเวทิศที่ตกลงไปก่อนหน้า ภาพที่ชายทั้งสองลอยละลิ่วลงไปเล่นน้ำกลางสระกลายเป็นจุดสนใจของผู้คน

โดยรอบจนได้ กวินตรารีบก้าวยาวๆเข้ามาทันที หญิงสาวเต็มไปด้วยความอับอายขายหน้า


               “เกิดอะไรขึ้น ปาล ทำไมคุณถึงไปอยู่ในน้ำกับเจ้าเอ๋อนี่ล่ะ”


               ทั้งปาลและเวทิศต่างก็ทำท่าฮึดฮัดขณะแยกกันไปดันตัวขึ้นบนขอบสระ ชุดสูทเนื้อดีของปาลเปียกลู่ไปกับตัว เขานึกอาย

สายตาของแขกในงานจนได้แต่มองเวทิศที่รีบจ้ำอ้าวหนีไปอีกฝั่งด้วยความเจ็บใจ

               ฝากไว้ก่อนเหอะไอ้หน้าจืด







               “จะหัวเราะอีกนานไหมไอ้เหี้ยโอม”


               เวทิศที่เปียกจนกลายเป็นลูกหมาตกน้ำมองเพื่อนสนิทที่เดินกลับมายังรถยนต์ของเขาด้วยความโมโห ท่านเทพแสนเท่ก็

อุตส่าห์อมยิ้มขำส่งให้อีก วันนี้มันไม่ใช่วันของเวทิศจริงๆ


               “สมน้ำหน้า อยากทำอะไรแผลงๆดีนัก”


               พอขึ้นจากสระน้ำ เวทิศก็รีบดิ่งมาหาอาศิรและฉุดแขนเพื่อนให้เดินกลับออกมาจากงานทันที เวทิศอายจนไม่รู้จะทำหน้า

อย่างไรเมื่อกลายเป็นตัวตลกของคนที่อยู่รอบสระ


               “ใครจะนึกวะว่าจะเจอตำรวจกวนตีน”


               “มึงไปกวนตีนเขาก่อนนี่หว่า”


               “เหี้ยโอม ไม่ช่วยเพื่อนแล้วยังเสือกเข้าข้างคนอื่นอีก เดินเร็วๆกูหนาว”


               เวทิศเดินจ้ำอ้าวไปทางรถยนต์ของเขาที่จอดอยู่ริมรั้วบ้านเหมือนรถคันอื่นๆ ปล่อยให้อาศิรกับอนูบิสเดินทอดน่องตามมาด้าน

หลัง


               “แขกของงานวันนี้มีหลายวงการมาก” อาศิรเอ่ยกับอนูบิส


               “ทั้งวงการธุรกิจของคุณวิไลวรรณ วงการเซเลบของพี่วินนี่ แล้วยังมีวงการแพทย์ของพ่อมาด้วย”


               “ผมเพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้การรักษาโรคภัยก็เป็นการค้าได้”


               อาศิรพยักหน้ารับ


               “ใช่ ทุกอย่างในปัจจุบันนี้กลายเป็นการค้ากันหมดแล้ว น้ำใจเป็นสิ่งหายากเหลือเกิน”


               “แต่โอมมีน้ำใจนะ แสดงว่าโอมเป็นสิ่งหายาก”


               เสียงอ่อนที่มาพร้อมประกายในดวงตาคมที่จ้องมองทำให้อาศิรหน้าร้อนขึ้นมาฉับพลัน เขาไม่กล้าสบตากับตาคมคู่นั้นจนต้อง

เบนสายตาหลบไปทางอื่น


               “อ้าว นั่นพวกอาจารย์ที่สอนผมนี่”


               รถยนต์คันหนึ่งขับเข้ามาจอดไม่ไกลนัก อาศิรมองเห็นศัลยแพทย์ราวสามถึงสี่คนลงมาจากรถยนต์คันนั้น และเดินตรงเข้าไป

ในงาน อาศิรเกือบลืมไปแล้วว่าบิดาของเขารู้จักอยู่กับหัวหน้าภาควิชาด้วยเพราะเรียนรุ่นเดียวกันมา แต่อาศิรไม่นึกว่านายแพทย์คีรีจะมา

งานนี้ด้วย


               “ต้องเข้าไปทักทายหรือเปล่า”


               “ไม่ต้องหรอก เรารีบกลับกันเถอะ ผมเป็นห่วงยาย ช่วงนี้อากาศชื้นเดี๋ยวยายจะไม่สบาย”


               เมฆฝนเริ่มเกาะตัวกันหนาอยู่บนผืนฟ้าสีดำสนิท อาศิรชักชวนให้อนูบิสเดินตามไปที่รถยนต์ของเวทิศที่เข้าไปนั่งประจำที่คน

ขับรออยู่แล้ว เขาก้าวขึ้นไปนั่งข้างเวทิศและให้อนูบิสนั่งเบาะหลัง

               มือใหญ่ที่จับประตูด้านหลังพลันชะงัก อนูบิสยืดกายตรงพลางเปิดประสาททั้งหมด เขาเหลียวไปมองบ้านหลังใหญ่ในพื้นที่

กว้างที่ยังมีผู้คนหนาแน่นเมื่ออนูบิสรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่ผิดปกติ


                “มีอะไรหรืออินทร์ภู”


               อาศิรเปิดกระจกแล้วโผล่หน้ามาถาม อนูบิสจึงเสียสมาธิไปแวบหนึ่งและเมื่อเขาหันกลับไปมองอีกครั้งความรู้สึกดังกล่าวก็

ไม่มีเหลืออยู่อีก เขาได้แต่ถอนหายใจและก้าวขึ้นรถให้เวทิศขับไปส่งที่บ้านของอาศิร


               “ไม่มีอะไรหรอก ผมคงคิดมากไปเอง”







               กลับมาถึงบ้านยามดึก ยายจันทร์หลับๆตื่นๆอยู่บนเตียงในห้องนอนโดยมีป้าแก้วนอนอยู่บนที่นอนยางพาราเนื้อหนาด้านข้าง

ได้ยินเสียงกรนเบาๆของป้าแก้วขณะที่อาศิรคุกเข่าและจ้องมองหน้าอกของยายจันทร์ที่กระเพื่อมเพราะแรงหายใจ อากาศชื้นฝนมีผลต่อ

หญิงชราอาศิรกลัวว่ายายจะหอบเหนื่อยเพราะอากาศที่เปลี่ยนแปลงนี่เอง

               ยายของเขาอายุมากแล้ว และป่วยกระเสาะกระแสะมานานเพราะความชรา แถมยังมีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตสูงตาม

ประแสคนสูงวัย อาศิรได้แต่มองยายจันทร์ด้วยความเป็นห่วงก่อนจะออกมาจากห้องโดยมี

อนูบิสยืนรออยู่หน้าประตู


                “ผมไปอาบน้ำก่อนนะ”


               อาศิรเอ่ยพลางคว้าผ้าเช็ดตัวออกไป ผลัดกันไปอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านนอกเมื่ออนูบิสก้าวกลับเข้ามาเขาก็เห็นร่างโปร่งของ

อาศิรกำลังอ่านตำราเล่มหนาหนักอยู่ที่โต๊ะหนังสือ อนูบิสชะโงกไปมองเนื้อหาที่มีแต่ตัวอักษรที่เขาไม่รู้จักและยังมีรูปส่วนต่างๆของ

ร่างกายอยู่ในนั้น


               “ร่างกายมนุษย์ เหตุใดถึงชัดเจนเช่นนี้?”


               อนูบิสรู้จักร่างกายมนุษย์ดีเพราะเขาเป็นคนคิดเรื่องมัมมี่เพื่อรักษาร่างของผู้ไร้วิญญาณไว้ให้เป็นนิรันดร์ การชำแหละร่างกาย

นั้นเป็นสิ่งต้องห้ามที่จะกระทำได้ด้วยนักบวชที่ใส่หน้ากากหมาในภายในวิหารแห่งอนูบิสเท่านั้น แต่ในดินแดนใหม่กลับมีรูปชิ้นส่วน

มนุษย์อยู่ในตำราเหล่านี้ด้วย


               “เขาเรียกว่ากายวิภาคศาสตร์”


               อาศิรอธิบายให้ผู้มาจากแดนไกลเข้าใจ ใบหน้ายามเอื้อนเอ่ยกระจ่างจนอนูบิสได้แต่มองอย่างไม่อาจคลาดสายตา


               “เราดองร่างกายของผู้บริจาคร่างกายและเรียกท่านเหล่านั้นว่าอาจารย์ใหญ่ ที่เสียสละตัวเองเป็นความรู้”


               “ดองศพงั้นหรือ เหมือนทำมัมมี่หรือเปล่า”


               อนูบิสทรุดตัวลงนั่งที่ขอบเตียงใกล้กับอาศิรพร้อมกับถามด้วยความสนใจ อาศิรจึงได้ถามบ้าง


               “มัมมี่ทำยังไง นี่ผมก็อยากรู้นะ”


               “นักบวชในวิหารของเราจะผ่าท้องและควักหัวใจ ตับ ปอด ออกมาใส่ในโถ จากนั้นจะใช้ตะขอเกี่ยวเข้าไปในจมูกเพื่อดึงมัน

สมองออกมา เราใส่ผงแห่งความลับลงไปในร่างกายและห่อไว้ด้วยผ้าทอ”


               “โอย พวกคุณนี่เก่งยิ่งกว่าหมอผ่าตัดอีก” อาศิรครางเมื่อฟังขั้นตอนทำมัมมี่จบ


               “ความสามารถของพวกคุณทำให้พวกเรายังอึ้งไม่เลิก ทุกวันนี้ผมยังงงว่าพวกคุณสร้างปิรามิดด้วยก้อนหินเรียงๆกันขึ้นไปได้

ยังไงขนาดนั้น”


               พูดจบอาศิรก็ปิดปากหาวหวอด เขาลุกจากเก้าอี้และทิ้งกายโปร่งลงบนที่นอนนุ่ม


               “นอนเหอะ ง่วงแล้ว”


               คงจะง่วงจริงๆ อนูบิสเห็นแพขนตายุกยิกอีกไม่กี่ครั้งก็ปิดสนิทพร้อมกับลมหายใจสม่ำเสมอของอาศิร อนูบิสเดินไปปิดไฟ

กลางห้องและกลับมาเอนกายนอนเคียงข้าง เขาตะแคงมองเสี้ยวข้างของใบหน้านั้นด้วยสายตาอ่อนโยน

               จิตใจของอาศิรดีงามเหลือเกิน

                มันเป็นสิ่งที่อนูบิสสัมผัสได้

               ภาพยามที่อาศิรดูแลหญิงชราอย่างยายจันทร์ประทับเข้าไปอยู่ในส่วนลึกของอนูบิส จนเขารู้สึกวูบไหวคล้ายดั่งไม่ใช่ตัวเอง

ยามกระด้างชาอยู่ในมตภูมิ

               เพียงไม่นานที่ได้ใกล้ชิด ก็ราวกับอนูบิสจะไม่อาจลบเลือนใบหน้าของอาศิรออกไปได้เสียแล้ว


               “เซเฮดเจนเมรูท”


               ใบหน้าคมก้มต่ำ เขากระซิบอยู่ข้างใบหูคนที่นอนหลับสนิทก่อนจะทิ้งศีรษะลงไปและโอบกอดร่างอบอุ่นนั้นให้เข้ามาอยู่ใน

อ้อมกอดอย่างเช่นทุกคืน







              มีต่ออีกนิด....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2016 18:52:15 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
ต่อกันตรงนี้...


                อาศิรคันยุกยิกอยู่ในหัวใจ

               เขาตื่นขึ้นมาในยามเช้าเพื่อพบว่าตนเองอยู่ในอ้อมกอดของอนูบิสเช่นเคย ดวงตาคมใต้คิ้วเข้มทอดมองจนเขาต้องเบน

สายตาหลบ


               “ตื่นก่อนผมอีกแล้ว”


               “ผมชอบมองโอมยามหลับ น่ารักดี”


               เทพบ้า

               น่ารัก น่าเริ้กอะไรกัน เขาเป็นผู้ชายต้องชมว่าหล่อสิ


               “ปล่อยผมได้แล้ว ต้องไปทำงานนะ”


               “ผมอยากกอดโอมไว้อย่างนี้”


               “ท่านจะบ้าเหรอ ไม่มีผู้ชายที่ไหนเขานอนกอดกันกลมขนาดนี้หรอก”


               โวยวายกลบเกลื่อนความขัดเขินกับคำพูดของเทพผู้ยิ่งใหญ่ อาศิรผลักแผงอกล่ำออกห่างตัวจนได้ เขารีบลุกขึ้นนั่งทิ้งปลาย

เท้าอยู่ตรงขอบเตียงโดยมีร่างสูงใหญ่ขยับมานั่งซ้อนหลัง


               “วันนี้ไม่ได้ไปโรงพยาบาลกับโอมนะ”


               เขานัดกับเวทิศไว้แล้ว โชคดีที่ช่วงนี้เป็นช่วงมหาวิทยาลัยปิดเทอมเวทิศจึงมีเวลาเหลือเฟือ อนูบิสเริ่มเรียนรู้การเดินทางด้วย

ตนเองในเมืองใหญ่โตแห่งนี้


               “แล้วทำไมครับ”


               “ก็คงคิดถึง”


               ท่อนแขนแข็งแกร่งสอดมาที่เอวแล้วดึงร่างโปร่งขยับเข้าใกล้จนอาศิรอ่อนใจ


               ก็เพิ่งจะหนีจากอ้อมกอดยามนอน พอลุกนั่งก็ยังไม่วายตามมากอดอีก เทพจากอียิปต์นี่มือไวใจเร็วอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่านะ

               แต่อาศิรก็ไม่อาจขัดขืนได้เมื่อเขาเองก็นึกอบอุ่นอยู่ในอ้อมกอดนี้เช่นกัน


               “คิดถึงอะไรครับ ไม่ได้จากกันไปไหนเสียหน่อย ตอนเย็นก็มาเจอกันที่บ้าน”


               “แค่นั้นก็ยังคิดถึง” เสียงนั้นดังอยู่ใกล้หู


               “เซเฮดเจนเมรูท”


               ประโยคนี้อีกแล้ว อาศิรคุ้นหูราวกับได้ยินคำนี้มาตลอดทั้งคืน เขาผินหน้าไปหาหวังจะเอ่ยถามให้หายข้องใจว่ามันหมายถึง

อะไร แต่เมื่อเอียงหน้าไปใบหน้าของเขากลับไปชนกับจมูกโด่งเข้าพอดี

               พอดีเกินไป

               อาศิรร้อนวูบไปทั้งตัวเมื่อคล้ายกับว่าแก้มของเขากำลังถูกพ่อเทพตัวดีหอมเข้าอย่างจัง


               “ปล่อยเดี๋ยวนี้”


               ตัดใจผลักใบหน้าหล่อเหลาออกห่างก่อนจะเด้งตัวหนีไปคว้าผ้าเช็ดตัวแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ อนูบิสมองตามพลางยกยิ้มตามหลัง

กลิ่นหอมอ่อนๆจากใบหน้าเนียนยังกรุ่นอยู่ในความรู้สึกที่จมูก อาศิรน่ารักจนเขาอดใจไม่ได้จริงๆ


               อาศิรนั้นคือเซเฮดเจนเมรูทสำหรับเขา


TBC

 :z2: :z2:
               

               
               
               



[attachment deleted by admin]

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :z1:   โอ๊ยยยย กลิ่นปาลเว  มาแจ่ไกลเชียว เรียกว่าโชยเลยดีกว่า  :o8:

ส่วนพ่อหมีภูเนี่ย แอบเก็บเล็กผสมน้อยนะเนี่ย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เวทิศเอ๋ย ไปแกล้งเขาก็โดนเขาแกล้งกลับจนได้
หมอคีรียังคงน่าสงสัย...

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :hao6:  Is that means My precious ?
ของรักของข้า ของรักของข้า อย่างนี้รึเปล่าคะพ่อหมีพู
ว่าแล้วก็ยังคงสงสัยหมอต่อไป

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
่ท่านเทพต้องอยู่ใกล้โอมเพราะอังค์
แต่เดี๋ยวนี้ทั้งหอมทั้งกอดเพราะอังค์หรือเพราะอะไร :o8: :o8:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
มีลักหอมแก้มด้วยนะท่าน

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ท่านเทพมือไวนะคะ

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
นั่นๆๆๆ ท่านเทพนอกจากมือไวแถมมีสกิลเนียนอันล้ำเลิศอีกนะ

หุๆๆ รออ่านคู่ปาลเวล่ะ ท่าทางแสบดีนะ :haun5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ท่านเทพ เนียนจุงงง

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
อิเจ้แอบจิ้น ปาลเวทิศไปแล้ว 5555

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
อืม ถ้าเดาไม่ผิด ไอ้หมอคีรีแน่ๆที่ทุกคนตามหา 

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                         อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                    บทที่ 9


               ร.ต.อ.ปาลเดินดุ่มเข้ามาในกรมสืบสวนคดีพิเศษอย่างหงุดหงิด ทั้งที่เรื่องชวนให้หงุดหงิดนั้นผ่านไปตั้งแต่ค่ำคืนที่ผ่านมาแล้ว

เขายังเจ็บใจไม่หายกับไอ้แว่นหน้าจืดที่พาให้เขาตกลงไปในสระน้ำจนกลายเป็นตัวตลกในสายตาของแขกในงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้

               หลังจากขึ้นมาจากสระน้ำ ไอ้แว่นหน้าจึดนั่นก็รีบจ้ำอ้าวลากน้องชายของกวินตราออกไปจากงานทันที ปล่อยให้เขายืนอึ้งอยู่

กับความอับอายเพราะกลายเป็นจุดรวมสายตาของทุกคน ปาลหน้าชาดิกเมื่อสายตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความขบขันจนเขาหน้าร้อนเห่อ


               “กลับเข้าไปในบ้านเลยปาล”


               กวินตราที่ยืนอยู่ด้านข้างมองเขาด้วยสายตาขัดเคือง เขารู้อยู่แล้วว่าแฟนสาวเป็นพวกเพอเฟ็คชั่นนิส ทุกอย่างต้องดีเลิศ

สมบูรณ์แบบ และกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้แม้ว่าจะเป็นอุบัติเหตุแต่สำหรับกวินตรามันคือสิ่งเลวร้าย


               “วินนี่ คือผม...”


               “ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” กวินตราทำหน้าบึ้งใส่เขา


               “กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในบ้านของวินนี่หรือปาลจะกลับบ้านปาลไปเลยก็ได้ วินนี่อายคนอื่น”


               ประโยคนั้นเองที่ทำให้ปาลตัดสินใจกลับบ้านตนเอง เขานึกน้อยใจและขัดเคืองใจในตัวกวินตราอยู่ไม่น้อย เหตุการณ์นั้นคนที่

อับอายที่สุดก็คือตัวปาลเอง แต่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักกลับเห็นความสำคัญของคนอื่นมากกว่าความรู้สึกของเขา


               “ช่างมันเถอะน่า วินนี่เขาเป็นเจ้าของงานเลี้ยงก็ต้องอายเป็นธรรมดา”


               ได้แต่ปลอบตัวเองแต่ก็ยังไม่วายหงุดหงิด จนกระทั่งมองเห็นเจ้านายกวักมือเรียกเข้าไปในห้องประชุม ปาลจึงตรงดิ่งเข้าไป

ภายในห้องมีเพื่อนที่ทำงานนั่งกันอยู่ก่อนแล้ว


               “มีเรื่องใหญ่”


               พันตำรวจเอกเชิดชัยเจ้านายสายตรงเอ่ยขึ้นเป็นการเปิดเรื่อง  ภาพจากจอแล็ปท็อปถูกเชื่อมต่อให้ฉายอยู่ในจอมอนิเตอร์ด้าน

หน้า


               “พบศพคนตายทั้งสองศพนี้อยู่ในสภาพเดียวกันทั้งที่ทั้งสองศพไม่ได้มีความข้องเกี่ยวอะไรกันแม้แต่อย่างเดียว”


               ปาลจ้องภาพศพทั้งสองและฟังการบรรยายจากเจ้านายอย่างตั้งใจ สภาพศพถูกกรีดตั้งแต่ลิ้นปี่จนถึงหน้าท้องและถูกควัก

อวัยวะภายในออกมากองอยู่ภายนอก และมีอวัยวะชิ้นหนึ่งที่ภายไป มันคือหัวใจ!


               “ซีอุยกลับชาติมาเกิดหรือไงวะ”


               นายตำรวจหนุ่มอุทานออกมาเมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันช่างพิลึกพิลั่น เขาไม่เข้าใจว่าไอ้ฆาตกรจะนำหัวใจมนุษย์ไปทำอะไร


               “นั่นคือสิ่งที่ตำรวจในท้องที่เกิดเหตุก็ยังเคลียร์เรื่องนี้ไม่ได้ถึงได้ขอความช่วยเหลือจากเรา ผู้กองปาลเพิ่งจะเคลียร์คดีเก่าจบ

ไม่ใช่หรือ งั้นรับคดีนี้ไปทำก็แล้วกันนะ”


               คำสั่งนั้นเองที่ทำให้ปาลต้องไปที่ฝ่ายนิติเวช เขาตรงไปหาร.ต.ท.แพทย์หญิงใจภักดิ์ที่เป็นเพื่อนสนิทของเขาเพื่อเริ่มต้น

สืบหาข้อมูลทันที


               “มันก็แปลกว่ะปาล”


               แพทย์หญิงหน้าตาดีแต่งตัวทะมัดทะแมงยกแฟ้มข้อมูลมากองอยู่ตรงหน้าเป็นตั้งก่อนจะอธิบายให้ปาลฟัง


               “คนร้ายเชือดลำตัวและควักเอาปอดตับม้ามมากองไว้ภายนอกและตัดหัวใจลงไปตั้งแต่ขั้วของมันเหมือนต้องการหัวใจใน

ลักษณะที่สมบูรณ์ที่สุด และแผลโคตรสวย”


               “เป็นไงวะแผลโคตรสวย แกหมายถึงคนร้ายเป็นมืออาชีพงั้นเหรอ”


               ปาลเอ่ยถามอย่างข้องใจ


               “ก็ไม่ใช่มือสมัครเล่นแน่นอนล่ะ แผลที่กรีดเป็นเส้นตรงและนิ่งมาก เหมือนคนทำไม่มีความลังเลเลยที่จะชำแหละเนื้อหนังคน

ลงไป”


               “ใครบ้างที่จะทำอย่างนั้นได้”


               “อีกอย่างนะโว้ยปาล” ใจภักดิ์ยังเสริมขึ้นอีก


               “แต่เรื่องนี้ยังไม่มั่นใจนะ ขอดูผลแลปคอนเฟิร์มอีกที จริงๆแล้วทั้งสองศพนี่ถ้าไม่ถูกฆ่าเสียก่อนพวกเขาก็ใกล้จะตายเต็มที

แล้ว คนนึงเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายกับอีกคนนึงก็เป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรง แค่ลมพัดแรงๆก็พากันตายได้ทั้งคู่ แล้วคนร้ายมันจะฆ่าคนใกล้

ตายอยู่แล้วไปเพื่ออะไรวะ”


               ปาลหอบข้อมูลที่ได้จากใจภักดิ์ไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เขาศึกษามันอย่างเคร่งเครียด โดยปกติการฆ่าอำพรางศพที่เคย

เห็นก็จะมีแต่หั่นเป็นชิ้นและนำไปอำพราง แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เช่นนั้น ดูเหมือนคนร้ายจะต้องการแค่อะไรบางอย่างในร่างผู้ตาย

                เดี๋ยวก่อน!

               เขาเคยเห็นลักษณะการผ่าศพเช่นนี้มาจากไหนกันนะ

               ปาลทิ้งร่างลงไปกับพนักพิงและยกปลายนิ้วขึ้นมานวดขมับ พยายามคิดถึงที่มาของความทรงจำ ภาพสารคดีจากรายการทาง

เคเบิลผุดขึ้นมากลางสมองจนปาลต้องเด้งตัวขึ้นมาวางเม้าส์เปิดจอคอมพิวเตอร์แล้วกดหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต

               บิงโก!

               ปาลจ้องดูสารคดีนั้นจากหน้าจออย่างตั้งใจ ในภาพเป็นสารคดีที่อธิบายถึงการกระทำในอดีตกาลก่อนหน้าปัจจุบันไปหลาย

พันปี มันคือสารคดีเรื่องพิธีกรรมเพื่อเดินทางไปสู่ชีวิตหลังความตายของดินแดนไอยคุปต์ เนื้อหาในสารคดีกำลังบรรยายถึงการรักษา

สภาพศพให้เป็นนิรันดร์เพื่อรอคอยวิญญาณเจ้าของร่างนั้น พูดง่ายๆว่ามันคือการผลิตมัมมี่จากร่างคนตายนั่นเอง

               หรือไอ้คนร้ายมันจะเป็นแฟนคลับคำสาปฟาโรห์

               ปาลวิเคราะห์ข้อมูลจนปวดศีรษะ บางทีอาจจำเป็นที่เขาต้องหาตัวช่วย

               ใครกันนะที่จะช่วยเขาได้

               ปาลถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อรู้สึกว่าคดีใหม่ที่เขากำลังสืบอยู่นี้มันช่วงลึกลับซับซ้อนเหลือเกิน
               






               “เมื่อวานผมไปงานเลี้ยงที่บ้านของหมอกำจรด้วยนะ”


               อาศิรเกือบจะหุบยิ้มอยู่แล้วกับสิ่งที่คีรีชวนเขาคุยขณะกำลังเตรียมผ่าตัด อาศิรอยู่เวรในวันนี้ตลอดจนถึงทั้งคืน เขาบอกกับ

อนูบิสไว้แล้วว่าจะไม่กลับบ้านและยังฝากให้อนูบิสดูแลยายจันทร์แทนเขาด้วย


              “งั้นหรือครับ”


               “ทำไมไม่เห็นโอมเลยล่ะ”


               “ตอนที่พี่คีรีไปผมคงกลับแล้ว”


               “อ้าว แล้วโอมไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนั้นเหรอ”


               “เปล่าครับ ผมไม่ได้อยู่กับเขา เอ่อ พ่อ”


               ดูเหมือนคีรีจะสังเกตเห็นแล้วว่าอาศิรเก็บปากเก็บคำเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ คีรียักไหล่เบาๆก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย ทำให้อาศิรได้

สบายใจขึ้นบ้าง อาศิรอึดอัดเสมอที่ต้องคุยเรื่องของบิดาตนเองกับคนอื่น


               “เคสนี้ยากหน่อยนะ”


               คีรีเอ่ยกับเขาที่ต้องแพทย์ผู้ช่วยผ่าตัด ในขณะที่แพทย์อินเทิร์นรุ่นพี่แยกไปผ่าตัดผู้ป่วยที่อาการไม่หนักอีกห้องหนึ่ง


               “คนไข้เกิดอุบัติเหตุรถชนจนหน้าท้องถูกกระแทกและเกิดเลือดออกในช่องท้อง ถ้าเราไม่รีบสต็อปบลีดคนไข้จะช็อกเพราะ

เสียเลือดอย่างรวดเร็ว”


               คีรีอธิบายให้อาศิรฟังถึงอาการของผู้ป่วยที่นอนสลบอยู่บนเตียงผ่าตัด อาศิรจ้องมองแผ่นท้องที่เป็นเขียวจ้ำเพราะแรง

กระแทก คีรีที่ใส่ถุงมือพร้อมแล้วรับมีดจากพยาบาลมาถือในมือ ดวงตาของคีรีโชนแสงวูบหนึ่งก่อนลงมีดลงไปโดยมีอาศิรช่วยใช้มีเลาะ

เนื้อเยื่อจนถึงช่องว่างของลำตัว


               “อ๊ะ เลือด!”


               อาศิรตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นแอ่งเลือดเสียงจำนวนมหึมากองอยู่ในช่องทอง คีรีที่มากประสบการณ์กว่ารีบสั่งพยาบาลที่ยืนช่วย

ทันที


               “ซับเลือด ดูดเลือดออกให้หมด”


               เครื่องมือดูดเลือดถูกส่งเข้าไปในช่องท้องอย่างรวดเร็วจนเลือดเหล่านั้นหมดไป คีรีมองหาจุดที่บาดเจ็บจากอุบัติเหตุแล้วเร่ง

มือเย็บทันที อาศิรเองก็ลงมือช่วยอย่างคล่องแคล่วจนกระทั่งมั่นใจว่าไม่มีจุดไหนที่ยังมีเลือดออกเพิ่มอีกแล้วคีรีจึงสั่งให้เย็บชั้นกล้าม

เนื้อปิดปากแผล


               “ความดันคนไข้ตกอีกแล้วค่ะ”


               พยาบาลรีบแจ้งเมื่อผู้ป่วยยังไม่ดีขึ้น คีรีขมวดคิ้วมองอย่างเคร่งเครียด เขารีบสั่งการช่วยเหลือทันที


               “โหลดน้ำเกลือพันซีซี ตอนนี้เลย”


               สิ้นเสียงคำสั่งพยาบาลก็รีบทำอย่างรวดเร็ว แต่เหตุการณ์ก็ยิ่งย่ำแย่ลงอีกเมื่อผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น ทุกคนในห้องผ่าตัด

สาละวนช่วยเหลือเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยอย่างเร่งรีบรวมถึงอาศิรด้วย

               อยู่ๆอาศิรก็ร้อนบริเวณหน้าอกจนต้องใช้ฝ่ามือมากดไว้ ความร้อนภายในทำให้เขารู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว ดวงตาเรียวเบิกโพลง

ขณะจ้องไปยังร่างกายที่เป็นจุดรวมความสนใจของทุกคน อาศิรเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น

               มวลบางเบารูปร่างหน้าตาพิมพ์เดียวกับผู้ป่วยค่อยๆขยับลอยออกจากร่างโดยไม่มีใครเห็นนอกจากอาศิร มวลนั้นหลุดออก

จากกายหยาบช้าๆจนถึงปลายเท้าและในที่สุดมันก็หลุดออกจากกัน มวลละเอียดลอยละล่องกลางอากาศอย่างไม่สนใจกายหยาบอีก

แล้ว อาศิรทอดสายตามองก่อนจะแผ่เมตตาให้ในใจ


               “ไปในภพภูมิของคุณเถอะนะ มันถึงเวลาหมดกรรมของคุณแล้ว”


               พึมพำอยู่ในใจอย่างเช่นทุกครั้งที่พบเจอเหตุการณ์เช่นนี้หากแต่คราวนี้กลับมีบางสิ่งที่แปลกไป เมื่ออาศิรจ้องมองที่เพดาน

ห้องเขาเห็นกลุ่มควันจางๆสีดำปกคลุมอยู่ และควันสีดำนั้นกลับขัดขวางและกลืนกินวิญญาณที่เพิ่งจะลอยไปถึง อาศิรมองอย่างตกใจ

ก่อนจะตะโกนห้าม


               “หยุดนะ อย่าทำเขา!”


               ควันสีดำชะงักงัน มันส่งเสียงกรีดร้องแหลมลึกจนอาศิรต้องยกมือปิดหูไว้ เขาจ้องมองด้วยความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือวิญญาณ

โชคร้ายนั้น อาศิรเพ่งสมาธิใช้สายตามองจนไม่รู้ตัวเลยว่ารังสีสว่างขาวนวลกำลังแผ่กระจายออกไปจนควันดำนั้นส่งเสียงแหลมอีกครั้ง

ก่อนจะปล่อยวิญญาณให้เป็นอิสระอย่างเสียดายและจางหายไปอย่างรวดเร็ว


               “โอม ว่าไงนะ”


               อาศิระสะดุ้งเฮือกเมื่อหลุดจากภวัง เขาเห็นคีรีที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดหันมามองเขาอย่างสงสัย อาศิรรีบตั้งสติและเอ่ยออกไปทันที


               “ปั๊มหัวใจเกิดครึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ เกินลิมิตแล้ว”


               เพราะสมองชาดเลือดไปเลี้ยงได้ไม่เกินสี่นาทีเท่านั้น และการปั๊มหัวใจหากนานเกินกว่าครึ่งชั่วโมงถึอว่าไม่ได้ผล อาศิรใช้

ความรู้เป็นข้ออ้างจนคีรีถอนหายใจและสั่งให้การช่วยฟื้นคืนชีพหยุดลง


               “นั่นสินะ หยุดกันได้แล้วครับ”


               นายแพทย์คีรีตัดสินใจหยุดการช่วยเหลือทั้งหมดลงแล้วจึงเดินออกไปภายนอกห้องผ่าตัด อาศิรเดินตามมาห่างๆ เขาเห็นคีรี

บอกข่าวร้ายกับญาติผู้ป่วยที่รออยู่หน้าห้องผ่าตัด เสียงร้องไห้ดังระงมทันที อาศิรได้แต่มองพวกเขาเหล่านั้นด้วยความเห็นใจ


               “เหนื่อยหรือเปล่าโอม”


               คีรีเอ่ยถามเมื่อทุกอย่างจบลงแล้ว ใบหน้าของเขาดูเครียดขรึมอย่างเห็นได้ชัด อาศิรเองก็ฝืนยิ้มอย่างยากเย็น


               “นิดหน่อยครับพี่คีรี”


               ฝามือใหญ่เอื้อมมาตบบ่าอาศิรเบาๆ


             “ไปล้างหน้าล้างตาแล้วพักผ่อนเอาแรงไว้ก่อนนะโอมจะได้ดีขึ้น เผื่อมีเคสฉุกเฉินมาอีกจะได้มีแรง”


               อาศิรรับคำพร้อมกับแยกตัวไปล้างมือและเดินกลับห้องพักแพทย์ เขายังคงครุ่นคิดถึงสิ่งแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น

ควันสีดำนั้นคืออะไรกันแน่ อาศิรอยากจะรู้ความจริงเหลือเกิน






             
                คีรีก้าวดุ่มเข้าไปในห้องพักตนเองอย่างรวดเร็ว และทันทีที่ได้อยู่ตามลำพังใบหน้าเปื้อนยิ้มของเขาก็หุบลงอย่างรวดเร็ว


               “ออกมาเดี๋ยวนี้”


               เขาส่งเสียงลั่นห้องก่อนที่ห่างกายไปไม่กี่เมตรกลับมีควันสีดำจางๆเกิดขั้น มันก่อตัวเป็นรูปร่างประหลาดแปลกตา คีรีจ้องมอง

มันอย่างไม่นึกหวาดกลัว


               “คุณจัดการมันสำเร็จหรือเปล่า”


               ตัวประหลาดนั้นกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บใจ มันตวัดสายตามองคีรีด้วยความโมโห


               “ไม่ ข้าทำไม่สำเร็จ”


               คีรีขมวดคิ้วอย่างแคลงใจ


               “มันจะไม่สำเร็จได้ยังไงในเมื่อคนไข้ก็ตายแล้ว ทำไมคุณไม่กินวิญญาณเขาเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเองล่ะ”


               “ก็เพราะว่ามีอะไรบางอย่างขัดขวางข้าน่ะสิเจ้ามนุษย์หน้าโง่”


               ปีศาจตนนั้นแผดเสียงอย่างแค้นเคือง


               “อะไรบางอย่างที่คล้ายกับพลังจากศัตรูของข้ามันขัดขวางมิให้ข้าได้กินวิญญาณตนนั้น”


               “จะเป็นไปได้ไง อะไรที่ขัดขวางคุณได้”


               “ก็มันไง ไอ้ความร้อนและแสงสว่างนั่น มันช่างเหมือนพลังของศัตรูข้า อนูบิส!”


               คีรีจ้องตัวประหลาดนั้น แม้ว่ามันจะน่าเกลียดน่ากลัวแต่คีรีก็ไม่หวั่น


               “ต้องการให้ผมทำอะไรอีก”


               น้ำเสียงไม่ได้มีความเคารพอีกฝ่ายสักนิด แต่คีรีก็ต้องทนฟังเจ้าตัวประหลาดเอื้อนเอ่ย


               “ก็ไปจัดการนำหัวใจของมันมาให้ข้า ไม่ได้วิญญาณก็ได้ขุมพลงของมนุษย์มากินก็ยังดี ตอนนี้พลังของข้าเริ่มฟื้นมากขึ้นแล้ว

มันเป็นหน้าที่ที่เจ้าจะต้องควานหาขุมพลังมาให้ข้า เมื่อพลังของข้ากลับมาเท่าปกติแล้วเราจะให้ทุกอย่างที่เจ้าต้องการตามข้อแลก

เปลี่ยน”


               แม้ว่าจะไม่ชอบใจนักที่มันทำท่ากำแหงเหนือกว่าเขา แต่คีรีก็จำเป็นต้องโอนอ่อน  ถ้าไม่เป็นเพราะสัญญาที่เจ้าตัวประหลาดนี้

ยื่นข้อเสนอให้ล่ะก็ ไม่มีทางที่คนอย่างคีรีจะยอมทำตาม


               “ได้ เนรู ผมจะหาทางไปตัดหัวใจของคนตายมาให้คุณ”


               
                TBC

               เป็นเพราะตั้งใจจะให้นิยายเรื่องนี้เป็นแนวหวานแหววกุ๊กกิ๊กไม่ใช่แนวสืบสวน  (หรา...)

               ก็เลยเปิดเผยได้ว่า เข้าใจกันถูกแล้วจ้า

               พ่อหมอคีรีคือคนที่ทุกคนตามหานั่นเอง
               

                 o18 o18 o18





[attachment deleted by admin]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2016 00:28:12 โดย Belove »

ออฟไลน์ เถิก19day

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุก รอตอนต่อปายๆ :hao7:

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
กรี๊สสสสสสส    ตอนแรกก็คิดว่าเนรูจะลงมือเอง

แล้วแอบจิ้นปาลว่าจะต้องมาปรึกษาหมอศัลแล้วแอบปิ้งนายเอกเรา

ที่ไหนได้  พลิกคว่ำหมดเลย   อิตาหมอคีรี ถีบเรือฝันคว่ำจมน้ำตายเลย  :z3:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :katai1:    แง้. โอมไม่ปลอดภัยแล้ววว

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
คนใกล้ตัวแล้วยังต้องทำงานด้วยกันอันตรายแท้ๆเลย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
คนใกล้ตัวนี่เอง กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
โอ้ยยย สนุกมากอ่ะ กรี๊ดด o13 :hao7:

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
ว่าแล้ว หมอคีรี :katai1:

ผู้กองคะ อยากได้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยทำคดีไหมคะ เจ้มีแนะนำคนนึง นายเวทิศค่ะ สนใจไหม 55555

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
คีรีแกอยากได้อะไรจนถึงขนาดฆ่าคนวะห้ะ

ออฟไลน์ nuper

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
มีความรูู้สึึกว่าหมอคีรีนี่ละ ที่ถููกปีศาจสิง ความกลัวและความตายที่ๆเหมาสุดก็  รพ. นี่ล่ะ

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26

ออฟไลน์ igaga

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
คีรีอยากได้สูตรทำมัมมี่?
เพื่อนของโอม เสร็จคุณตำหนวดแน่ๆ
โอมจะได้ไปอยู่กับหมีพูแน่ๆเบย
ถึงได้เห็นของแปลกๆ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
โอมรีบ ๆ สงสัยหมอคีรีเลยนะ ไม่งั้นอันตรายแน่ ๆ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เดี๋ยวๆๆๆ แนวหวานกุ้กกิ้ก เอ้ะมันใช่หรอ ฮ่าๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ชัดเจนกาบ

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-23
หวานแว่ว  แบบโหด เลือดกระจาย  ไม่ได้ว่าอะไรนะครับ  เรารักนิยายเรื่องนี้  เรากลัวนายเอกเป็รอะงันตรายจัง  พระเอกด้วยยิ่งไม่มีพลังอยู่ด้วย  ไม่ชอบไอ้คุนตำรวจเลย  นิสัยไม่ดีเหมือนแฟนมัน  หาว่าเขาเป็นไอ้น่าจืด  อย่ามาหลงรักเขานะเว้ยไอ้คุณตำรวจขี้เก็ก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด