<< อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> [Pre orderพิมพ์ครั้งใหม่ 4 ก.ย.-5ต.ค.61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: << อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ >> [Pre orderพิมพ์ครั้งใหม่ 4 ก.ย.-5ต.ค.61]  (อ่าน 154416 ครั้ง)

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ผู้กองจะทำอารายยยย คึคึ

ออฟไลน์ Ryu7801

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
รอตอนต่อไปค่ะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :impress2: งานนี้ผู้กองกับเวทิศมีเฮแหละ  :mew4:

ออฟไลน์ darkside8

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :hao6: :hao6: :hao6:

แทบจะรอตอนต่อไปไม่ไหวแล้ว

ออฟไลน์ meyj4ever

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
น้องเวทิศปลอบใจผู้กองหน่อยเร็ว

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove

                                           อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                       บทที่ 21

                                      Anubis Lord of the Death


                 กลิ่นกายจากร่างสูงที่โถมเข้าใส่อบอวลไปด้วยความฉุนของเหล้าและบุหรี่เต็มคราบ ใบหน้าที่ซบลงมาบนบ่าก็ดูเลื่อนลอย

ไม่เป็นผู้คนเมื่อเวทิศพยายามผลักให้ปาลออกห่างแต่ก็ไม่สำเร็จ


               “ไอ้ผู้กอง ไอ้ขวดเหล้าเดินได้ ปล่อยกูเลยเหม็นชิบหาย แดกเข้าไปได้ไงขนาดนี้”


               “อย่าดุนักสิ กลัวแล้วคร้าบ”


               เสียงอ้อแอ้ดังออกมาจากปากฟังแทบไม่รู้เรื่อง ดวงตาของเวทิศแดงก่ำไปด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ที่เขานั่งดื่มเพียงคน

เดียวจนกระทั่งผับปิด เจ็บใจที่ถูกกวินตราเอ่ยปากของเลิกประกอบกับความเหงาทำให้ปาลไม่อาจกลับไปนอนคนเดียวที่บ้านของเขาได้

แต่ก็แปลกที่แม้แต่ในช่วงเมามายกลับมีเพียงเวทิศเท่านั้นที่เขานึกถึงและพาตัวเองมาถึงที่พักของเวทิศได้อย่างปลอดภัยโดยไม่เกิด

อุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน


                 “อุตส่าห์มาหาด้วยความคิดถึง ยิ้มรับหน่อยก็ไม่ได้”


                 “ยิ้มเหี้ยอะไร ใครจะยิ้มออกวะมาสภาพแบบนี้”


                 เวทิศส่งเสียงโล้งเล้ง เขาพยายามเบือนหน้าหนีเพราะไม่ชอบกลิ่นเหล้าและบุหรี่ แต่ฝ่ามือที่ยึดลำตัวของเขาไว้ก็ไม่ปล่อย

ให้เวทิศทำได้อย่างใจคิด นึกโมโหจนต้องกลั้นลมหายใจแล้วหันไปมองหน้าปาล ร่องรอยความรู้สึกที่ยังฉายชัดอยู่บนใบหน้านายตำรวจ

หนุ่มทำให้เวทิศพอจะเดาออกว่าทำไมปาลถึงได้กระหน่ำดื่มเหล้าเสียขนาดนี้ และสิ่งที่เขาคิดนั้นสร้างความเจ็บแปลบจนนึกอยากจะก่น

ด่าตัวเองที่รู้สึกเช่นนั้น


                “เฮอะ ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าถูกผู้หญิงเทมาล่ะสิ ก็ดูทำตัวเข้า สมควรแล้วที่เขาทิ้ง”


                “เวทิศ!”


                คำพูดของเวทิศยิ่งตอกย้ำให้ปาลเดือดเพราะความเสียหน้า ความเป็นผู้ชายแท้ๆที่เกลียดการถูกหยามศักดิ์ศรีทำให้เขา

กระชากต้นแขนของเวทิศเข้าหาตัวพร้อมกับบีบแน่นจนเวทิศหน้าเสีย


                 “ปล่อยนะผู้กอง ผมเจ็บนะโว้ย”


               “ด่าอีกสิ แน่จริงก็ด่ามาอีกไอ้คนปากเสีย”


                เสียงตะคอกของปาลทำให้เวทิศยิ่งน้อยใจเพิ่มขึ้นมาอีกความรู้สึกหนึ่ง ที่ปาลโมโหเช่นนี้ก็คงเพราะรักกวินตรามาก มากจน

แตะต้องไม่ได้


              “เออ ไอ้คนนิสัยไม่ดี ใจร้อน ขี้โมโหขี้วีนขี้เหวี่ยง ขี้เมาเอาแต่ใจ ใครจะไปทนอยู่ด้วยได้วะ สมน้ำหน้าที่ถูกทิ้ง อุ๊บ!”


                โดยไม่ทันตั้งตัวสักนิดเวทิศก็ต้องตกใจเมื่อร่างของเขาถูกผลักจนหงายหลังลงไปกับพื้นห้อง ศีรษะกระแทกพื้นแม้จะไม่แรง

นักแต่เขาก็มึนไปหมด และเขาก็ต้องตกใจมากขึ้นไปอีกเพราะปาลทิ้งกายหนักลงมาทับอยู่บนร่างของเขา แขนทั้งสองถูกตรึงไว้เหนือหัว

บนพื้นเย็นๆ เวทิศมองเห็นเพียงใบหน้าของปาลที่ก้มลงมาจนกระทั่งมันปิดปากช่างต่อว่าของเขาไว้จนไม่อาจเอื้อนเอ่ยอะไรได้อีก


                “อึก อื้อ...”


                 กลิ่นแอลกอฮอลล์และนิโคตินระเหยออกมาจากปลายลิ้นที่ฉวยโอกาสฉกเข้ามาในโพรงปากของเวทิศราวกับงูร้าย มันทำ

ให้เวทิศมึนงงไปพร้อมรสจูบหนักหน่วงที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน ลิ้นลื่นนั้นตวัดอย่างช่ำชองจนเวทิศตกใจ รสจูบของปาลดึงสติ

สัมปชัญญะทั้งหมดของเวทิศจนหมดแรงต้านทาน มือทั้งสองที่พยายามดิ้นรนจึงค่อยๆหยุดนิ่งตกแนบไปกับพื้นจนกระทั่งปาลไม่จำเป็น

ต้องยึดมันไว้อีกต่อไป

                 เวทิศได้ยินเสียงเสื้อยืดตัวเก่าแสนย้วยและกางเกงขาสั้นที่เขาใช้ใส่นอนถูกฉีกขาดอย่างง่ายดาย นึกเจ็บใจที่เขาขาดความ

ระมัดระวังป้องกัน ก็ใครจะนึกว่าจะถูกรุกรานแบบนี้ในห้องพักของตัวเองกันเล่า และยิ่งเจ็บใจมากขึ้นที่ตนเองนั้นไร้เรี่ยวแรงจะต่อสู้ คน

อย่างเวทิศสนใจการออกกำลังกายเสียเมื่อไหร่ จะมีแรงที่ไหนไปสู้กับนายตำรวจที่ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างปาล แถมยังได้ฤทธิ์

เหล้าเข้าไปช่วยเสริมทำให้ตอนนี้ปาลก็เหมือนกระทิงเปลี่ยวที่กำลังกลัดมัน

                     เสียงที่ได้ยินตามมาคือเสียงรูดซิปกางเกงยีนส์ของปาล มันสร้างความหวาดหวั่นให้กับเวทิศเมื่อเดาได้ว่าจุดประสงค์ของ

ปาลคืออะไร เวทิศเบิกตาโตเมื่อปาลไม่สนใจจะถอดยีนส์ตัวนั้นออกให้หมดด้วยซ้ำ เขาทำเพียงงัดความเป็นชายอันแข็งแกร่งออกมา

ภายนอกและจับท่อนขาของเวทิศให้ยกสูง เวทิศเค้นแรงผลักไหล่ของปาลออกได้เพียงให้ริมฝีปากผละออกจากกัน ปากของเขาสั่นระริก

ยามเอ่ยห้ามปาล


                  “อย่านะผู้กอง ผมไม่...”


                  อึก!


                  เสียงห้ามเงียบดับไปทันทีเมื่อปาลชำแรกความเป็นชายเข้ามาในร่างกายของเวทิศ ความเจ็บปวดเมื่อกล้ามเนื้อปริแยกจาก

กันทำให้เขาร้องไม่ออก มันเป็นความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตจนเขาไม่อาจประมาณได้เวทิศเกร็งกายอ้าปากค้าง เหงื่อไหลซึมไปทั่วทุกอณู

ขุมขนแม้ว่าเขาจะเปิดเครื่องปรับอากาศไว้เย็นฉ่ำ

                  ความคับแน่นรัดรึงจากช่องทางที่ไม่ได้ผ่านการเตรียมตัวและปฏิกิริยาตอบโต้ของเวทิศดึงสติกลับคืนมาสู่ปาลได้จนเกือบ

จะหายเมา เขาชะงักงันและสบถออกมาขณะประสานสายตากับดวงตาที่ยังเบิกกว้างอย่างตกตะลึงเมื่อเขาดันกายเข้าไปทีเดียวเสียเกิน

ครึ่ง ช่องทางของเวทิศร้อนระอุและบีบคั้นจนเขาอึดอัด แม้จะพอมีสติขึ้นมาบ้างแต่ความต้องการของปาลกลับไม่ได้ลดลงเลย หากแต่

เขาก็นึกสงสารเวทิศกับความเจ็บปวดที่ปาลรู้ว่ามันเป็นครั้งแรกของเวทิศแน่ๆ


                 “เวทิศ ใจเย็นนะ”


                    ปาลเอ่ยปลอบขณะหยุดพักและใช้ท่อนแขนเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเวทิศ ความเจ็บปวดที่พอจะคลายลงบ้างทำให้เวทิศก

ลับคืนมาสู่ความจริง เวทิศผงกหัวขึ้นมามองปาลอย่างเจ็บใจ


                  “ไอ้เหี้ยผู้กอง เอาของมึงออกไป”


                  ยกมือผลักไสแต่หากถูกรวบไว้ด้วยมือสากของปาลที่บัดนี้มองเขาอย่างอ่อนโยนกว่าที่เคยมอง


                  “ผมขอโทษ ผมเสียใจ แต่มันล่วงเลยมาขนาดนี้แล้ว อย่าให้เรื่องทั้งหมดมันสูญเสียไปเปล่าๆเลยนะ”


                   “จะทำอะไรอีกไอ้ผู้กอง อ๊ะ!”


                  อีกครั้งที่เวทิศเสียท่า ปาลก้มหน้ามาช่วงชิงกลีบปากของเขาได้อีก แต่คราวนี้มันไม่ได้หนักหน่วงรุนแรงเหมือนจูบแรก ทว่า

มันกลับเรียกร้องและทำให้เวทิศสติหลุดเสียยิ่งกว่า มือสากร้อนผ่าวแตะต้องไปตามเนื้อตัวบางเบาสลับบีบเค้นจนสมองของเวทิศหลงลืม

ไปสิ้นทุกสิ่งอย่าง และไม่เหลือเรี่ยวแรงจะห้ามปรามยามร่างกายทั้งสองขยับประสานลึกล้ำจนสุดทาง

                      เวทิศปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้เขากำลังเตลิดไปกับการกระทำของปาลอย่างแท้จริง มันเป็นความแปลกใหม่ที่คนคงแก่เรียน

อย่างเขาไม่เคยรู้จัก ปาลกำลังสอนให้เขาได้รับรู้อีกประสบการณ์หนึ่งของชีวิตเมื่อตอนนี้ร่างกายของเขาตกเป็นของปาลโดยสิ้นเชิง เวทิ

ศผวาทุกครั้งยามปลายลิ้นอุ่นแตะต้องไปตามเนื้อตัวและยามที่ปาลขยับกายขับเคลื่อนอยู่ในช่องทางของเขาที่เปิดทางตอบรับในที่สุด


                    “อา...เวทิศ อีกนิดนะ”


                    “ผู้กอง อื้อ เบาๆ ผม โอย”


                   เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางปาลก็กลายเป็นผู้นำ เขาทั้งปลุกปลอบและรุกเร้าพาให้เวทิศตามติดไปกับความสัมพันธ์ที่แสน

ลึกซึ้ง เวทิศมีสติรับรู้ทุกอย่างแต่ก็ไม่อาจห้ามใจไม่ให้ตกหลุมของปาลได้ ร่างกายของเวทิศตื่นไปกับสิ่งที่ปาลกำลังกระทำอยู่


                 “ผู้กอง ผมไม่ไหวแล้ว”


                  สองแขนที่สอดไปรอบบ่ากว้างกระชับเบียดแนบแน่นเมื่อเวทิศสั่นไปทั้งตัว ปาลกัดฟันรับความตอดถี่ของผนังโดยรอบที่กด

รัดจนเขาเองก็แทบจะทนไม่ไหว ปาลโอบกอดเวทิศไว้และช้อนกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ออกแรงช่วงสุดท้ายได้อย่างเต็มที่ เสียงหอบ

หายใจกระเส่าร้อนรุมเป่ารดกันอยู่ข้างแก้มเมื่อร่างกายเบียดอัดกันจนไม่เหลือช่องว่าง


                 “พร้อมกันนะเวทิศ”


                  ไม่รู้ตัวเลยว่าเสียงของตัวเองนั้นหวานกว่าที่เคย ปาลออกแรงโยกรั้งอยู่ในร่างกายของเวทิศบนพื้นห้องแข็งกระด้าง หาก

แต่มันไม่เป็นอุปสรรคสักนิด เขาปรนเปรอเวทิศด้วยจูบอีกครั้งก่อนที่เขาจะชักนำเวทิศให้รู้จักกับความสุขที่ไม่เคยพบพานจนกระทั่งทิ้ง

กายซบลงไปด้วยกันอย่างหมดแรง

                      ความเหน็ดเหนื่อยและปวดร้าวมาเยือนร่างกายของเวทิศ เขาหอบหนักจนตัวโยนแม้แต่ตอนที่ปาลถอนกายออกอย่าง

นุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ถึงกระนั้นเวทิศก็ยังต้องนิ่วหน้า เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นเวทิศจึงกลับมาเป็นตัวตนของเขาอีกครั้ง ชายหนุ่มที่

เพิ่งจะหายเหนื่อยกำหมัดแน่นและต่อยเข้าที่โหนกแก้มของปาลดังเปรี้ยง

                      ปาลหน้าหันไปตามแรงหมัด มันไม่ได้รุนแรงนักหากแต่ก็เรียกความรับรู้ผิดชอบชั่วดีกลับคืนมาได้ เขาหันกลับมาเผชิญ

หน้ากับเวทิศที่มองเขาด้วยความเจ็บใจ ปาลหายเมาเป็นปลิดทิ้งใบหน้าของเขาสลดลงอย่างเห็นได้ชัด


                   “เวทิศ ผมขอโทษ”


                    เวทิศผลักบ่ากว้างออกให้พ้นตัวก่อนกระเสือกกระสนลุกขึ้นนั่ง ดวงตาของเขาแดงก่ำไปด้วยความโกรธและเจ็บใจ ความ

สูญเสียทางกายยังไม่เท่าที่สูญเสียทางใจเมื่อเขารู้ดีว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะปาลเมาไม่ใช่เพราะความต้องการด้วยใจอย่าง

แท้จริง นี่ต่างหากที่ทำให้เขาเสียใจ


                   “ไปให้พ้นหน้าผมไอ้ผู้กอง”


                   “แต่เราเพิ่งจะ...”


                    “ช่างแม่ง”


                    เวทิศสบถออกมาพร้อมเบือนหน้าหนี มันทำให้ปาลสำนึกผิดและสงสารเวทิศที่ต้องตกเป็นเครื่องมือระบายอารมณ์ของ

เขา  แต่ปาลก็อดยอมรับกับตัวเองไม่ได้ว่าสิ่งที่เพิ่งจะจบลงไปมันทำให้เขารู้สึกดีกับเวทิศอย่างน่าแปลกใจ


                  “ผมควรจะรับผิดชอบ”


                “โว้ย ผมไม่ใช่เด็กอายุสิบห้า”


                  เวทิศโวย เขายกเท้าถีบเข้าที่สีข้างของปาลก่อนจะร้องโอดโอยเพราะเจ็บบั้นท้าย ปาลรีบฉวยโอกาสนั้นพุ่งเข้ารวบตัวของ

เวทิศแล้วดึงเข้ามากอด เวทิศพยายามขัดขืนแต่เมื่ออ้อมกอดนั้นอ่อนโยนกว่าที่คิดทำให้เวทิศยอมสงบลงแต่ก็ยังฮึดฮัดอยู่ในอ้อมกอด

นั่น


                  “ยกโทษให้ผมนะ”


                  “ง่ายไปผู้กอง ผมไม่ใช่เครื่องมือบำบัดความใคร่ ระบายความเศร้าของใคร”


                   เวทิศค่อนขอด เขาผลักหน้าของปาลที่ก้มต่ำมาหาเขา ความคิดที่ว่าปาลอกหักแล้วมาลงกับเขายังวนเวียนอยู่ในสมองจน

ไม่อาจมองเป็นอย่างอื่น


                  “ตอนแรกก็คิดอย่างนั้นนะ” ปาลสารภาพ “แต่เมื่อมันจบลงผมโคตรรู้สึกดีกับคุณเลย คุณไม่คิดแบบผมเลยสักนิดเหรอ”


                 เวทิศเม้มปากแน่น จะให้บอกได้อย่างไรว่าเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน หากปาลมีความสัมพันธ์กับเขาโดยไม่มีเรื่องกวินตราเข้า

มาเกี่ยวข้อง เวทิศอาจจะมีความสุขทั้งกายและใจมากกว่านี้

                เวทิศตกใจตัวเอง

               คำตอบที่ก้องอยู่ในหัวมันจะเป็นประการใดไม่ได้นอกจากว่าเขาจะตกหลุมรักปาลเข้าเสียแล้ว


              “ถ้ามึงอยากรู้อยากเข้าใจ ก็ลองมีความรักดูสิ”


               คำท้าทายของอาศิรก้องขึ้นมาฉับพลัน หัวใจของเวทิศเต้นรัวขึ้นมาทันควันเมื่อจำเป็นต้องยอมรับ

                เขารักปาล



มีต่ออีกนิด...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2016 00:12:04 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


ต่อกันตรงนี้...



                     ชายหนุ่มที่กำลังกอดเขาไว้อยู่บนพื้นห้องและสบตากับเขาด้วยนัยน์ตาที่เวทิศไม่กล้าคาดเดา


                     “ผมเลิกกับวินนี่แล้ว”


                     เวทิศกรอกตาไปมา หัวใจเต้นตึกตัก


                     “แล้วบอกผมทำไม เลิกกับแฟนก็เรื่องของคุณสิ”


                      “อันที่จริงก็ไม่เจ็บอย่างที่คิดนะ” ดูเหมือนปาลจะไม่รับฟังความเห็นของเวทิศเลย “ก็แค่เสียหน้ามากกว่าที่ถูกเขาชิ่ง

แล้วก็แค่เป็นห่วงความปลอดภัยเพราะเห็นเขาไปกับหมอคีรีแค่นั้น”


                  ปาลรั้งให้เวทิศซบหน้าไปกับแผงอกแน่นกล้ามของเขา หูของเวทิศแนบไปกับหน้าอกจนได้ยินเสียงหัวใจของปาล ทำให้

เวทิศไม่กล้าขยับหนี


                   “แปลกนะ เวลาที่ไม่มีใครอยู่ข้างๆ คนแรกที่ผมคิดถึงคือคุณ”


                   ปาลก้มลงจูบกลางกระหม่อมของเวทิศ เขาสูดกลิ่นหอมของยาสระผมผู้ชายยี่ห้อหนึ่งเข้าไปเต็มปอด


                   “ไหนๆเรื่องมันก็เกินเลยมาขนาดนี้ ทำไมเราไม่ถือโอกาสลองคบกันดูล่ะ”


                     “อะไรนะ!”


                     เวทิศอุทานอย่างตกใจ เขายกศีรษะขึ้นมากะทันหันจนไปชนกับคางของปาล เวทิศไม่สนใจที่ปาลสูดปากดังลั่น เขาใช้

มือทั้งสองวางประกบไปบนกรอบหน้าของปาลแล้วเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อหู


                “คุณบอกว่าเราคบกัน แบบไหน แบบแฟนอะเหรอ”


                   “ใช่” ปาลตอบรับ “ผมไม่อยากเสียความรู้สึกดีๆที่ได้อยู่ใกล้คุณ ถึงแม้ตอนแรกที่รู้จักจะหมั่นไส้คุณมากก็เหอะ ว่าไงครับ

เวทิศ จะลองเป็นแฟนกันไหม กล้าหรือเปล่า”


                     “ท้าเหรอ”


                   เวทิศสบตากับนัยน์ตาท้าทายคู่นั้น หากแต่มันทำให้เขาเบิกบานขึ้นมาจนแทบจะระงับอาการไว้ไม่อยู่ เขาก้มหน้ากลั้นรอย

ยิ้มไว้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเมื่อเก็บอาการได้แล้ว


                  “ถ้าไม่กลัวโดนผมเทจะลองดูก็ได้”


                  ปาลหัวเราะ ความรู้สึกหมองหม่นหายไปเป็นปลิดทิ้ง อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นในชีวิตของเขาบ้าง


                  “ตกลง ต่อจากนี้เราจะคบกันเป็นแฟนนะ” ปาลย้ำให้เวทิศหน้าแดงเล่น “ถ้างั้น คุณแฟนครับ ยังเจ็บอยู่ไหม ขอผมดูหน่อย

นะ”


                  “ไอ้ผู้กองบ้า จะหลอกแหกตูดผมอีกล่ะสิ”


                    เวทิศหน้าง้ำแต่ปาลก็ยังตื๊อไม่เลิก


                   “ไม่ปล้ำแล้วน่า หมดแรงแล้ว แค่จะดูสภาพให้ นอนคว่ำลงเดี๋ยวนี้”


                   ใช้ความเชี่ยวชาญในการจับคนร้ายมาจับเวทิศให้นอนคว่ำหน้าไปกับพื้นและแหวกทางมองสภาพที่ตนเองเป็นคนก่อเรื่อง

ปาลเห็นรอยแผลซิบๆอยู่รอบทางเข้าก็นึกสงสารเวทิศ


                   “ขอโทษอีกทีที่ทำให้คุณเจ็บ มียาอะไรมาทาไหม”


                  “จะบ้าเรอะ จะเอายาอะไรมาทารอบรูตูดวะ มันไม่ยิ่งแสบมากขึ้นหรือไง”


                    “นั่นสินะ” ปาลกรอกตาใช้ความคิดเพื่อหาทางปฐมพยาบาลคนรักหมาดๆของเขา


                    “หาอะไรเย็นๆมาประคบก็น่าจะดีขึ้น เอางี้ เดี๋ยวผมพาคุณไปอาบน้ำแล้วหาน้ำแข็งมาประคบให้ดีกว่า”


                  ปาลไม่รอคำอนุญาต เขาลุกขึ้นยืนและโอบเอวเวทิศขึ้นพาดบ่าเหมือนแบกกระสอบข้าวสารจนเวทิศตกใจ


                   “เฮ้ย ทำอะไรผู้กอง เดี๋ยวผมก็ร่วงพื้นหรอก”


                  “ก็อยู่นิ่งๆสิ อย่าดิ้น บอกให้ทำอะไรก็เชื่อกันบ้างเหอะ”


                   ปาลยกมือฟาดเผียะไปที่ก้นของเวทิศอย่างมันเขี้ยวก่อนจะก้าวไปยังห้องน้ำ เวทิศที่ถูกอุ้มพาดบ่าจึงทำได้เพียงหยุดดิ้นรน

และอยู่นิ่งเพราะกลัวตก เขาแอบอมยิ้มโดยไม่ให้ปาลเห็น

                   บางทีเรื่องร้ายๆอาจนำมาซึ่งเรื่องดีเกินกว่าจะคาดคิด

                    อย่างเช่นตอนนี้ที่เวทิศปล่อยให้ปาลดูแลเขาเพื่อลบความรู้สึกผิดออกไปจากใจ ทั้งที่ความจริงแล้วเวทิศเลิกโกรธตั้งแต่

ตอนที่ปาลขอคบกับเขาเป็นคนรักนั่นแหละ



           TBC

                  :impress2: :impress2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2016 00:17:50 โดย Belove »

ออฟไลน์ yymomo

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-3
 :hao7:   กรี๊สสส  เขาได้กันแล้ว  เขาคบกันแล้ว  มันดีแก่ใจจริงๆ 

ผู้กองงงง มาแรงมาตอนเดียวปิดจ๊อบ  :hao6:  ทำเอาพ่อหมีพูของเราเป็นเทพกิ๊กก๊อกไปเลย 

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ชอบความง่ายแบบนี้ ฮ่าๆๆๆ
เวทิศน่ารักกกกก  :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
มาเร็ว เคลมเร็ว 555

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เป็นแฟนกันแล้ววววว :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Nam-Ing

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบคู่เน้ๆ :hao7:

ออฟไลน์ Silvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-3
ได้เสียกันจนได้อิอิ :laugh:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :katai2-1:   อู้ย สารวัตรเคลมเร็ว เก็บหลักฐานเรียบร้อยค่ะ......มัดตัวเรียบร้อยเอาเข้ากรงขังในหัวใจได้เลย

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
คุณตำรวจปิดจ๊อบได้ไวมาก

ทีนี้เวทิศก็ได้มีฝามีสะที อิอิ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
มันดีต่อใจจริงๆ >.<

ออฟไลน์ rainees0011

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอๆต่อไปนร้าาาาาาา :z1: :z1:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
 :-[ ผู้คบกันเราก็ดีใจ แมนๆ นอนคุยกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26

ออฟไลน์ KnightDevil

  • Love is neither smile or cry.
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แอร๊ยยย เขาได้กันๆ ฮือ สมหวังสักทีนะเวทิศ :mew1:

รอคอยตอนต่อไปค่ะจะกำจัดเนรูกับคีรีได้ม้ายยย

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ meyj4ever

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 344
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
น้องเวทิศเรียบร้อยโรงเรียนผู้กองไปซะแล้ว~

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


                                                         อนูบิส จ้าวแห่งแดนมรณะ

                                                                    บทที่ 22

                                                      Anubis Lord of the Death


               รถยนต์คันคุ้นตาค่อยๆจอดสนิทอยู่ริมถนนหน้าห้องแถวสองคูหาที่ชาลินีกำลังช่วยมารดาจัดร้านอยู่ในช่วงเช้าที่เป็นวันหยุด

ของเธอ ทันทีที่เห็นเจ้าของรถก้าวลงและเดินตรงเข้ามาทางหน้าร้านชาลินีก็ทำหน้าบึ้งทันทีตรงกันข้ามกับแม่ของหญิงสาวที่ยิ้มจนหน้า

บานเป็นกระด้ง


               “อ้าว คุณหมอ วันนี้มาแต่เช้า น้ายังจัดโต๊ะไม่เสร็จเลยค่ะ”


               “ไม่เป็นไรค่ะคุณน้า หนูรอได้”


               กับผู้อาวุโสกว่าใจภักดิ์อ่อนน้อมเสมอ หญิงสาวยกมือไหว้แม่ของชาลินีโดยไม่ถือว่าตนเองเป็นถือแพทย์ของกรมตำรวจและ

กล่าวทักทายอย่างสนิทสนม สายตาเอ็นดูที่มารดามีให้ลูกค้าคนแรกจึงทำให้ชาลินีหมั่นไส้จนแอบเบ้ปากตามหลังเมื่อใจภักดิ์เดินผ่านไป

นั่งที่โต๊ะตัวหนึ่ง


               “อ้าว น้ำชา แล้วจะยืนทำหน้างอเป็นจวักอยู่ทำไม หาน้ำให้คุณหมอเข้าสิ คุณหมอจะรับเมนูเดิมใช่ไหมคะ น้าจัดของเสร็จจะ

ได้ทำให้”


               ใจภักดิ์กล่าวตอบรับแต่สายตาของเธอกลับจับจ้องแต่หญิงสาวร่างเล็กที่อยู่ในชุดลำลองผิดตาจากชุดพยาบาลที่เห็นเป็น

ประจำ ชาลินีเดินไปตักน้ำแข็งใส่แก้วแล้วจึงเดินหน้างอตรงเข้ามาที่โต๊ะของใจภักดิ์และกระแทกแก้วน้ำวางบนโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์

แต่ชาลินีกลับต้องชะงักไม่สามารถจะหันหลังเดินหนีได้อย่างใจคิดเพราะใจภักดิ์ยื่นมือมากุมมือของเธอตั้งแต่ยังไม่ทันจะปล่อยจากแก้ว

น้ำด้วยซ้ำ ชาลินีขมวดคิ้วพลางมองใจภักดิ์อย่างไม่พอใจ


               “ปล่อย”


               “ไม่ปล่อย”


               “ฉันบอกให้ปล่อย”


               “อยากถูกแม่ดุเหรอน้ำชา”


               พูดขึ้นอย่างเป็นต่อ ชาลินีเม้มปากแน่นขณะหันไปมองมารดาที่กำลังเตรียมวัตถุดิบอยู่หน้าร้าน หญิงสาวจึงหันกลับมาตวัด

สายตาใส่ใจภักดิ์


               “มีอะไรก็พูดมา เร็วๆด้วยล่ะ”


               ใจภักดิ์นึกลิงโลดอยู่ในใจ หญิงสาวดึงมือของชาลินีออกจากแก้วน้ำที่เย็นเฉียบเพราะน้ำแข็ง ก่อนจะถือโอกาสกุมมือของ

ชาลินีไว้


               “ฉันอยากรู้ว่าฉันทำอะไรให้น้ำชาโกรธจนไม่ยอมมองหน้า ไม่ยอมพูดกับฉัน”


               นั่นสินะ

               ชาลินีถามใจตนเอง

               ในเมื่อตั้งแต่รู้จักกันใจภักดิ์ก็ดีกับเธอและครอบครัวของเธอมาตลอด อันที่จริงชาลินีควรจะขอบคุณใจภักดิ์ด้วยซ้ำที่เป็นแขก

ประจำแถมยังแนะนำคนอื่นๆให้มาที่ร้านอาหารตามสั่งของครอบครัว หากจะมีอะไรที่ทำให้ชาลินีไม่อยากพบหน้าใจภักดิ์ก็คงจะมีอยู่เรื่อง

เดียวก็คือ ใจภักดิ์มาทำให้หัวใจของชาลินีสั่นไหวเมื่อทั้งคู่อยู่ใกล้กัน

               แต่จะให้ตอบความจริงออกไปนั้นก็ช่างยากเย็นเกินกว่าจะทำได้ ความขัดเขินแล่นปราดเข้ามาจนใบหน้าของชาลินีแดงก่ำ

และต้องกลบเกลื่อนความอาจไว้ด้วยสีหน้าไม่พอใจ


               “จะเพราะอะไรมันก็เรื่องของฉันหมอไม่ต้องยุ่ง กินข้าวให้อิ่มแล้วก็รีบไปทำงานได้แล้ว”


               “วันนี้ฉันหยุด” ใจภักดิ์รีบเอยดักคอ “ฉันว่างพอที่จะรอคำตอบจากน้ำชา”


               “หมอ” ชาลินีกัดฟันพูด “จะทำแบบนี้เพื่ออะไร หมอมายุ่งมาตอแยกับฉันทำไม”


               “เพราะว่าฉันชอบน้ำชาไงล่ะ”


               ใจภักดิ์สวนกลับทันควัน แต่ตัวเองกลับสะดุ้งกับสิ่งที่หลุดออกมาจากปากโดยไม่ทันยั้งคิด แต่มันเป็นความรู้สึกแท้จริงที่ใจ

ภักดิ์ไม่อาจปฏิเสธได้ เธอได้แต่จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มของชาลินีที่ตอนนี้แดงจนลามไปถึงใบหู


               “น้ำชา มายกข้าวไปเสิร์ฟให้คุณหมอได้แล้ว”


               เสียงมารดาดังลั่นเรียกสติให้กับคนที่ยืนจ้องตากันด้วยความสับสน ชาลินีเม้มปากแน่นพร้อมกับสะบัดมือของใจภักดิ์ให้หลุด

ออกจากมือของเธอ


               “เลิกมายุ่งกับชีวิตฉันสักทีเถอะ”


               “น้ำชา!”


               ชาลินีตัดสินใจก้าวหนีขึ้นบันไดไปชั้นบนโดยไม่สนใจเสียงของมารดาที่ร้องเรียกไว้อย่างนึกอายมารยาทของลูกสาว แต่ใจ

ภักดิ์กลับรีบลุกขึ้นยืนและกล่าวโดยเร็ว


               “คุณน้าคะ หนูขอขึ้นไปหาน้ำชาข้างบนนะคะ”


               “อ้าว เดี๋ยวสิหมอ แล้วข้าวล่ะ ไม่กินเหรอ หมอ”


               ใจภักดิ์รีบก้าวขึ้นบันไตตึกแถวตามหลังชาลินีไปอย่างไม่รอช้าจนกระทั่งถึงชั้นสามและใจภักดิ์มาทันที่จะยื้อยุดประตูไว้ไม่ให้

ชาลินีปิดใส่หน้าเธอ


               “น้ำชาอย่าทำอย่างนี้  มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน”


               “ฉันบอกหมอแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับฉัน”


               ใจภักดิ์สบตากับชาลินีผ่านช่องว่างของประตูอย่างไม่ยอมแพ้


               “น้ำชาหนีมาเพราะไม่ยอมรับความจริงใช่ไหมว่าจริงๆแล้วน้ำชาก็รู้สึกอย่างเดียวกับฉัน”


               “หมอ!”


               ชั่วเวลาที่ชาลินีถูกหมัดฮุคกระแทกเข้ากลางใจประตูก็ถูกผลักให้กว้างก่อนที่ใจภักดิ์จะแทรกกายเข้ามาได้ในที่สุด ใจภักดิ์กด

ล็อกที่ลูกบิดประตูและหันกลับมาเผชิญหน้ากับชาลินีที่ยังไม่เลิกอึ้ง


               “น้ำชา”


               เสียงของใจภักดิ์หวานกว่าเคยขณะยกมือไปกระชับต้นแขนของชาลินีไม่ให้หนีไปไหนได้อีก ดวงตาอ่อนโยนจ้องมองชาลินีที่

ยังสับสนไม่คลาย


               “ถ้าน้ำชาไม่ชอบฉันแล้วจะเดินหนีหลบหน้าแดงๆแบบนี้ทำไม”


               เลือดสาวในกายอุ่นจนพล่านไปหมด หัวใจของชาลินีก็ยิ่งเต้นเร็วจนกลัวจะหัวใจวาย นัยน์ตาคู่สวยที่จ้องมองทำให้ชาลินี

กระอักกระอ่วน จะสู้ตาก็ไม่กล้าจะหลบก็ไม่วายถูกมอง


               “จะบ้าหรือหมอ เราเป็นผู้หญิงเหมือนกัน”


               “แล้วชอบกันไม่ได้เหรอ” ใจภักดิ์สวนกลับทันทีเหมือนกัน “ผู้หญิงรักกันเยอะแยะไป หรือว่าน้ำชาอายที่จะชอบฉัน”


               ชาลินีสับสนเหลือเกิน อันที่จริงเธอก็มีเพื่อนที่คบกับเพศเดียวกันอยู่บ้างตั้งแต่เรียนพยาบาลที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง แต่ชาลินี

ไม่นึกว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง


               “ฉัน...”


               “หมอชอบฉันจริงเหรอ”


               อดไม่ได้ที่จะถามก่อนจะช้อนสายตามองอีกฝ่ายด้วยความไม่มั่นใจ ใจภักดิ์คลี่ยิ้มอ่อนหวานพลางเชยคางให้ชาลินีเงยหน้าขึ้น

มาประสานสายตา


               “คิดว่าที่เทียวมากินข้าวที่ร้าน เทียวรับเทียวส่งทั้งที่ที่ทำงานไปกันคนละทางนี่คืออะไรล่ะ ถ้าไม่เป็นเพราะอยากเจอน้ำชา

อยากเห็นหน้าอยากได้ยินเสียง”


               “...แต่ฉัน”


               คราวนี้ชาลินีเขินจัด แขนขาดูเกะกะไปหมดเมื่อเริ่มจะโกหกหัวใจตนเองไม่ได้อีกต่อไป


               “ฉันไม่เห็นจะมีอะไรดีเลย หน้าตาก็ไม่สวย ปากก็จัด นิสัยก็ไม่ดี หมอชอบเข้าไปได้ยังไง”


              “ก็ชอบไปแล้ว” ใจภักดิ์ถือโอกาสตวัดร่างนุ่มเข้ามากอดเต็มวงแขน “ให้โอกาสฉันนะน้ำชา ให้โอกาสเราได้เรียนรู้กัน อย่า

ผลักไสฉันไปไหนอีกเลย ฉันไม่อยากไปไหนไกลน้ำชา”


                จมูกโด่งเอียงจนได้องศา ใจภักดิ์ก้มหน้าลงไปฝังจมูกลงที่แก้มนุ่มอย่างจงใจผิดกับครั้งแรกในรถยนต์ที่เป็นอุบัติเหตุ หญิง

สาวบรรจงสูดกลิ่นหอมของแป้งเด็กเข้าไปเต็มปอดก่อนจะยอมผละออกอย่างเสียดายในขณะที่ชาลินีได้แต่ยืนตัวแข็งเป็นก้อนหิน


               “น้ำชา เป็นอะไร”


              คนถูกจูบได้สติกลับคืนมา ชาลินีอายจนอยากจะกระโดดตึกหนี หญิงสาวรีบผลักใจภักดิ์ให้ห่างออกไปทันที


              “หมอ มาจูบเขาทำไม”


             “ก็อยากจูบ น้ำชาอยากน่ารักทำไมล่ะ”


              ดวงตากลมโตของใจภักดิ์ดูแพรวพราวเป็นพิเศษ เธอยอมห่างออกมาเพราะไม่อยากรุกชาลินีมากไปกว่านี้ แค่เริ่มต้นชาลินีก็

เกือบจะเป็นลมเสียแล้ว


                 “พอแล้ว ไม่ต้องทำปากหวาน ลงไปข้างล่างเลย ข้าวที่แม่ทำให้เย็นหมดแล้วมั้ง”


                 “น้ำชา” เสียงนั้นทอดหวานจนใจยิ่งสั่น


                 “เรียกทำไมอีกล่ะหมอ”


                 “สรุปว่าน้ำชาให้ฉันจีบน้ำชาแล้วใช่ไหม”


                “โอ๊ย ยัยหมอบ้า” ชาลินีทั้งเขินทั้งเคือง “พูดจากวนไปวนมาอยู่นั่นแหละรีบลงไปข้างล่างเร็วๆเข้า”


                  ว่าแล้วก็รุนหลังให้อีกฝ่ายเดินออกไปจากห้อง ใจภักดิ์ได้แต่หัวเราะด้วยความสดชื่นที่ในที่สุดก็ปรับความเข้าใจกับชาลินีได้

สำเร็จและก็ยอมเดินตามเมื่อชาลินีลากแขนให้เดินลงบันไดไปยังชั้นล่างของตึกแถว




มีต่ออีกนิด...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2016 00:21:51 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


ต่อกันตรงนี้...



                หลังจากงานศพยายเสร็จสิ้นแม้จะไม่เต็มใจแต่อาศิรก็ต้องมาทำงานที่โรงพยาบาลของบิดาตามที่เซ็นสัญญาเข้าทำงานไป

แล้ว กำจรให้เขาเริ่มต้นงานเป็นแพทย์ประจำฝ่ายผู้ป่วยนอกที่ยังไม่ต้องรับผิดชอบมาก นัก ส่วนอนูบิสก็ติดตามเขามาที่โรงพยาบาลและ

นั่งรอที่ล็อบบี้ จนกระทั่งบ่ายจัดก็หมดเวลาทำงานของอาศิรเขาจึงรีบเดินมาหาอนูบิส


                “เบื่อไหมครับอินทร์ภู”


                อาศิรเอ่ยถามอย่างนึกเห็นใจที่อนูบิสต้องมานั่งเงียบๆอยู่เพียงคนเดียวท่ามกลางผู้คนที่ไม่รู้จัก หากเป็นเขาอาศิรคงจะ

ขาดใจตาย อนูบิสคลี่ยิ้มอ่อนและลุกขึ้นยืนอวดกายสง่าผ่าเผย


              “ก็นิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่อยากรบกวนเวลางานของโอม”


               อาศิรยิ้มรับพลางคล้องแขนอนูบิสอย่างเอาอกเอาใจ


              “กลับบ้านกันเถอะ หาซื้ออะไรไปกินที่บ้านกันดีกว่า”


                อนูบิสทำตามอย่างไม่อิดออด ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันไปจนกระทั่งใกล้ถึงประตูทางออกของอาคารอนูบิสจึงหยุดเดินเมื่อเห็น

ร้านเครื่องดื่ม


              “โอมรอตรงนี้นะ ผมเข้าไปซื้อน้ำมาให้”


                อาศิรพยักหน้า อนูบิสคงเห็นสีหน้าอิดโรยของเขาจึงอาสาไปซื้อน้ำมาให้ เขายืนรออยู่ที่เดิมจนกระทั่งคิ้วของเขาขมวด

เข้าหากันเมื่อเห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินตรงเข้ามาจากด้านนอก


              “พี่วินนี่ทำไมมากับพี่คีรีได้”


              นึกแปลกใจอยู่ครามครันที่เห็นทั้งคู่เดินมาคู่กัน เมื่อผ่านประตูทางเข้าคีรีก็เห็นอาศิรเข้าจนได้


               “อ้าว โอม”


                อาศิรฝืนยิ้ม เขายกมือไหว้ทักทายคีรีและกวินตรา คีรีนั้นยิ้มแย้มแจ่มใสเช่นที่เคยรู้จักส่วนกวินตราก็ทำหน้าบึ้งตึงใส่เขาเป็น

ปกติอยู่แล้ว


               “ไม่นึกว่าจะพบพี่คีรี” อาศิรเอ่ยทัก เขาพยายามระมัดระวังตัวเพราะความสงสัยในพฤติกรรมของคีรี


               “พี่มาสมัครทำงานที่นี่ ต่อไปคงได้เจอโอมบ่อยๆ”


                อาศิรกลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่นึกว่าคีรีจะเข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ตัวอีกครั้ง จากนั้นอาศิรจึงฝืนยิ้ม


              “ยินดีครับพี่คีรี”


               “จะคุยกันอีกนานไหม” กวินตราส่งเสียงแทรกอย่างนึกรำคาญ “วินนี่เมื่อยขาแล้วนะ”


               คีรีย่นหัวคิ้วอย่างไม่ชอบใจที่กวินตราเสียมารยาท เขากำลังจะเอ่ยปากล่ำลาอาศิรถ้าไม่หากว่าจะมีบุรุษร่างสูงก้าวเข้ามายืน

เคียงข้างอาศิรเสียก่อน คีรีสบตากับดวงตาสีนิลแล้วมันทำให้เขาสันหลังร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ผิดกับกวินตราที่มองผู้ชายเบื้องหลัง

น้องชายคนละแม่อย่างสนใจ

               ใบหน้าคมแกร่งอย่างชายแท้รวมทั้งรูปร่างอันแข็งแกร่งนั้นทำให้กวินตราหัวใจเต้นเร็วได้ไม่ยาก หล่อนจำได้ว่าเคยเห็นผู้ชาย

คนนี้ที่งานเลี้ยงวันเกิดมารดา แถมในวันนั้นเขายังเมินหล่อนอีกต่างหาก ขนาดในตอนนั้นเป็นยามราตรีทำให้เห็นใบหน้าไม่ชัดนักกวิน

ตรายังต้องมองอย่างสนใจ แต่ในเวลานี้กวินตราเห็นเขาเต็มตา เสน่ห์ของบุรุษเพศยิ่งชักชวนให้หล่อนร้อนวูบวาบจนครั่นเนื้อครั่นตัว


                “เพื่อนแกเหรอโอม จำได้ว่าเจอตอนงานวันเกิดแม่ ชื่ออะไรนะฉันจำไม่ได้”


                    พยายามกดเสียงให้ราบเรียบที่สุดเพื่อไม่ให้อาศิรจับได้ถึงความอยากรู้อยากเห็น น้องชายตัวดีฝืนยิ้มก่อนจะแนะนำให้

กวินตรารู้จัก


                “เพื่อนผมครับพี่วินนี่เขาชื่ออินทร์ภู”


               เพียงค้อมศีรษะให้ตามมารยาท หากแต่ท่วงท่าสง่างามรามกับเป็นเจ้าชายนั้นแทบจะทำให้กวินตรากรีดร้อง หล่อนแตะปลาย

ลิ้นไปที่ริมฝีปากแผ่วเบาเมื่อสบตากับดวงตาคมที่แสนจะดึงดูดใจของผู้ชายที่ชื่อว่าอินทร์ภู


               “จะคุยกันอีกนานไหมครับวินนี่”


               คราวนี้เป็นเสียงแปร่งๆของคีรี เขาไม่ถูกชะตากับผู้ชายตรงหน้าเอาเสียเลย


               “ผมไม่ได้มีเวลาว่างมากพอจะยืนรอไหวนะครับ ไหนว่าจะรีบให้เซ็นสัญญาทำงานไงล่ะ”


               กวินตราจิกตาใส่คีรีที่บังอาจมาขัดคอหล่อน กวินตราหันไปประดิษฐ์รอยยิ้มโปรยใส่อนูบิส


               “คราวหน้าค่อยคุยกันใหม่นะคะอินทร์ภู”


               ตัดใจเบือนหน้าหนี กวินตราหันไปหาคีรีด้วยสีหน้าขัดเคือง


               “จะไปก็ไปสิคะคีรี”


               ลงเท้ากระแทกส้นสูงจากไปพร้อมกับคีรีที่ก้าวเดินตาม อนูบิสจ้องมองตามแผ่นหลังนั้นอย่างไม่ไว้วางใจจนกระทั่งเขาเห็นเงา

ซ้อนทับอยู่บนบ่าของคีรี เมื่อนั้นอนูบิสจึงตะโกนทันควัน


               “อัมมุท”


               เพียงแค่เอ่ยชื่อ มวลอากาศก็เกาะกลุ่มกันทันที อัมมุทกระโจนเข้าใส่เบื้องหลังของคีรีที่อยู่ๆก็มีเงาดำลอยขึ้นมาจากร่างกาย

ของเขาโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้สึก


               “ก๊าสสสส”


               อัมมุทกระโจนเข้าหาเนรูอย่างรวดเร็ว อนูบินพลันแปลงร่างกลับคืนสู่ร่างเทพแห่งดินแดนไอยคุปต์โดยที่ไม่มีใครมองเห็น

ยกเว้นอาศิรที่จ้องมองอย่างตกใจ อนูบิสใช้คทาประจำกายเข้าฟาดฟันกับเนรูที่ดูจะแข็งแกร่งและไม่บาดเจ็บอีกแล้ว


               “เนรู มอบขนนกมา”


               “ไม่มีทาง ไอ้เทพโง่เขลา” เสียงแหลมเล็กดังบาดหู “อย่าหวังว่าจะได้มันกลับคืนโดยง่าย”


               คำตอบนั้นสร้างความขัดเคืองให้อนูบิสอย่างที่สุด ร่างเทพพุ่งเข้าหาและต่อสู้กับปีศาจร้ายเสียงดังสนั่นหวั่นไหวหากแต่ไม่มี

มนุษย์มองเห็นหรือใต้ดิน คทาของอนูบิสฟาดเข้าที่สีข้างของเนรูจนต้องกรีดร้องและบินหนีไป    อนูบิสรีบเหาะตามทันที


               “โธ่โว้ย”


               เนรูเอะใจ มันหันกลับมามองอนูบิสที่หยุดอยู่กับที่และมองตามมันโดยที่ไม่ได้ติดตามมา พลันสายตาของมันกลับมองเห็น

แสงสว่างเรืองรองออกมาจากร่างมนุษย์ที่อยู่บนผืนแผ่นดิน เนรูจำได้ว่ามันเคยพบและยื้อแย่งวิญญาณกลับมนุษย์ผู้นั้นมาแล้วครั้งหนึ่ง

เนรูครุ่นคิดถึงเหตุผลที่อนูบิสไม่สามารถกำจัดเขาได้ อาจเป็นเพราะอนูบิสไม่มีอังค์

               บางทีเนรูอาจจะมีหนทางจัดการกับหอกข้างแคร่ของเจ้านายมัน เผื่อว่ามันจะได้รางวัลที่มากไปกว่านี้
               




               คีรีกลับมาที่ห้องพักอย่างหงุดหงิดที่เขามีปากเสียงกับกวินตรา และเมื่อกลับมาถึงเขาก็เห็นเงาปีศาจอยู่ในห้องของเขา


               “มาทำไมอีกเนรู คุณเองก็หายดีแล้วนี่ จะไปไหนก็ไปได้แล้ว”


                ขับไล่เพราะจุดประสงค์ของเขาที่ได้เข้าใกล้ตระกูลก่อเกียรติกุลนั้นสำเร็จไปแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเนรูอีกต่อไป แต่แค่

คิดร่างอันน่ารังเกียจก็พุ่งเข้ามาปะทะกับใบหน้าและบีบคอจนคีรีหายใจไม่ออก


               “ปล่อย”


               “เจ้าจะไล่ข้าไม่ได้ไอ้มนุษย์น่าโง่ เพราะเจ้ามีพันธะสัญญากับข้า”


               กำลังของเนรูดีขึ้นมาก มันตวาดเสียงแหลมเล็กใส่คีรีที่ดิ้นไปมาอย่างทรมาน


               “แต่เพราะข้าปรานี ข้าจะมอบงานชิ้นสุดท้ายให้เจ้า จงไปนำหัวใจมนุษย์ที่มีอังค์อยู่ในร่างมาให้ข้า”


               “ปล่อยกู กูยอมแล้ว แค่ก แค่ก ใคร”


               เนรูกรีดร้องอย่างสาสมใจ


               “มันผู้นั้น บุรุษที่เจ้ายืนเจรจากับมัน มันยืนอยู่เคียงข้างไอ้เทพกระจอกอนูบิส”


               คีรีเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าเหยื่อคนสุดท้ายของเขาเป็นใคร




                  TBC

 :katai4: :katai4:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2016 00:27:23 โดย Belove »

ออฟไลน์ Fragrant

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 859
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
โอ้ว ไม่นะโอม หวังว่าโอมจะไม่เป็นไรนะ  :hao5:

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด