►ลองรักกันไหม สถานะไหนก็ยอม◄ [❁สถานะที่ 16❁] ครึ่งหลัง 1/06/59 โดย Alzhei
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ►ลองรักกันไหม สถานะไหนก็ยอม◄ [❁สถานะที่ 16❁] ครึ่งหลัง 1/06/59 โดย Alzhei  (อ่าน 13130 ครั้ง)

ออฟไลน์ aunnabubell

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0








มือใหม่ครับ สัญญาว่าจะขยัน   :katai4:

ติชมกันได้ อย่าถีบเราเป็นพอ  :hao3:




ลองรักกันไหม สถานะไหนก็ยอม








ลัค

‘ผมรู้สึกพอใจเสมอมากับการโดนเอาใจใส่ ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะอยากดูแลใคร ใคร ๆ ก็ชอบความสบายถูกไหม .. แต่แล้ววันหนึ่ง ก็มีเด็กคนนึงที่ทำให้ผมอยากเปลี่ยนความคิดของตัวเอง….. ผมอยากดูแลและเอาใจใส่ใครสักคน’

‘จะสถานะไหนบนเตียงกูก็เป็นได้ทั้งนั้น แต่ถ้าไม่ได้เป็นแฟนมัน กูต้องบ้าตายแน่ ๆ’







คิม

‘ผมไม่เคยคิดที่จะชอบใคร ชีวิตผมมีสิ่งที่ผมสนใจแค่ไม่กี่อย่าง ผมคิดว่าตัวเองไม่ชอบความวุ่นวายหรือเป็นที่จุดสนใจ แต่แล้วก็มีคนนึงทำให้ผมไปอยู่ในจุดนั้น.. แต่ผมกลับรู้สึกพอใจ เพียงเพราะมีเขาอยู่ข้าง ๆ ผม’

‘ใครว่าผม ‘เสียบ’ ไม่เป็น ถึงเตี้ยกว่าไม่ได้แปลว่าของผม ‘เล็ก’ นะครับ’



แล้วเรามาติดตามกันนะครับว่าใครน้อ จะกดใคร :hao6:

 :katai4: :katai4: 
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2016 14:29:53 โดย aunnabubell »

ออฟไลน์ aunnabubell

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ในงานปาร์ตี้บายเนียร์

ผมยืนพิงเสาอยู่ในมุมหนึ่งของงานในมือถือค็อกเทลแก้วที่สี่มองคนผ่านไปผ่านมามองไปที่ลานกว้างที่ตอนนี้มีคนมากมายกำลังออกแรงเบิร์นไขมันกันกระจายเหงื่อกระเด็นเข้าปากใครต่อใครปาก ชิมเหงื่อใครต่อใครบ้าง ทั้ง ๆ ที่เพลงก็ไม่ได้จังหวะแรงอะไรมากมาย ผมกลอกตา

อะไรจะมันส์กันขนาดนั้น…

ผมไม่ค่อยอยากมางานพวกแบบนี้สักเท่าไหร่ เพราะถ้ามาสมองผมก็จะทำงานหนักในการมองคนนู้นคนนี้ สังเกตสังกาคอยจับผิดคนอื่นและคุยกับตัวเองในหัว มันช่างน่าเบื่อจริง ๆ ที่ไม่มีคนคุยด้วย แต่ก็เพราะตัวผมเองที่ทำให้ตัวเองไม่มีเพื่อนแบบนี้ คิดแล้วก็ถอนหายใจหน่าย กลอกตาไปมา
สายตาเลื่อนไปสะดุดกับร่างหนึ่งที่ตอนนี้กำลังเต้นออกสเต็ปอย่างเมามันส์เหมือนเก็บกดมาตั้งแต่เกิด ร่างโปร่งคนนั้นผมรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาซะเหลือเกิน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจในส่วนนั้น แปลกจัง ทำไมคนรอบข้างถึงหันมามองเขาเป็นวรรคเป็นเวร จะว่าเพราะความสวยของใบหน้านั้นก็คงไม่ใช่หรอก ถึงจะสวยก็ไม่ใช่กับสายตาจับตามองเหมือนเห็นของแปลกขนาดนั้นมั้ย ผมตรวจมองร่างกายเขาก่อนจะมองเห็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนสนใจ และยิ่งแปลกใจกว่านั้นทำไมถึงไม่มีใครเตือนเขาละ? คนที่เต้นข้าง ๆ กันเมื่อกี้นั้นไม่ใช่เพื่อนหรือ? ก็ได้แต่สงสัยอยู่ในใจ
เวลาผ่านไปนานหลายนาที ร่างโปร่งนั้นเต้น ๆ หยุด ๆ ก็ไม่มีท่าทีใครจะมาเตือนเขาซักที นี่เพื่อนเขาไปไหนกันหมดเนี่ย!? ผมไม่ใช่คนชอบไปยุ่งกับใคร ออกจะนิ่ง ๆ ด้วยซ้ำ แต่เห็นแบบนี้ผมก็มีความคิดช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อยู่นะ ผมกัดปากล่างตัวเองเบา ๆ เม้มแน่นขึ้นด้วยความคิดหนักกับการตัดสินใจของตัวเอง ผมเริ่มทนไม่ไหว เอาหว่ะ ใครจะว่าเขาก็ไม่สนใจ จะหาว่าลวนลามคนเมาก็ช่างมัน

ด้วยเลือดความดีของบรรพบุรุษที่มีอยู่ในตัวผมยกแก้วในมือดื่มจนหมดก่อนจะเดินไปหาร่างโปร่งที่ตอนนี้ลดแรงในการเหวี่ยงแขนขาลงทั้งที่เพลงกระหึ่ม สงสัยจะเหนื่อย แต่ก็ไม่แปลก ผมเดินไปประชิดตัวอีกคนแล้วดึงร่างโปร่งนั้นให้หันมาหาผม ดวงตากลมโตสองชั้นนั้นปรือมองผมงง ๆ กลิ่นเหล้าฉุนนั้นทำให้ผมขมวดคิ้วแม้จะมีกลิ่นกายหอม ๆ เย็น ๆ มาจากเจ้าตัวก็ตาม ร่างนั้นไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังพิงตัวผมไว้มากแค่ไหน ปากอิ่มสีสวยนั้นยกยิ้มหวาน ๆ ให้ผม ผมรู้สึกใจกระตุกไปนิดนึง แค่นิดนึง เท่านั้นกับความสวยของคนตรงหน้าแต่ก็ไม่ได้ค้างเติงอะไรนาน มือโอบรอบเอวเขาแล้วทำการดึงกางเกงนั้น

ผมคิดว่าคงมีคนอยากเห็นเขาโป๊ แน่นอนว่าคงมากเลยล่ะ เพราะมีคนหันมาสนใจในสิ่งที่ผมทำ
ผมทำอะไรยุกยิกกับกางเกงเขา อย่างลำบากไปนิดที่ตัวเขาพิงผมอยู่นั่นแหละ

“อือ .. ไรว่ะ”

เสียงหวานยานเกือบถึงพื้น ผมไม่ตอบอะไรแค่มองหน้าเขาก่อนจะจัดการรูดของในมือผมตอนนี้จนเขาสะดุ้ง เบิกตาโตนั้นมองผมแต่แค่แวบเดียวก็กลับไปทำตาหวานเยิ้มเหมือนเดิม และก่อนที่ผมจะทำอะไรไปมากกว่านี้ก็เหมือนจะมีคนรู้จักเขาเดินมา

“นี่ ไอ้ลัค… อ่าว”

ผู้หญิงคนนั้นหันมามองผมอย่างงง ๆ ที่ทำอะไรกับเป้าเพื่อนเขา ผมแค่ยิ้มอ่อน ๆ ให้แล้วเดินออกมาจากตรงนั้น แม้จะมีเสียงเรียกไว้แต่มันก็กลบทับด้วยเสียงดนตรีที่ดังขึ้นกว่าเดิม









แล้วผมจะบอกม๊ายังไงดีเนี่ย
เรื่องเข็มขัดที่ม๊าเพิ่งซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดผมดันหายไป


____________________________________________________________________________



มาเสิร์ฟแบบนิ่ม ๆ  เรื่องนี้มีพล็อตไม่เหมือนเรื่องพี่คลีนน้องอาร์ต สก๊อยคิดสดจ้า

เดี๋ยวเรามาทำความเข้าใจกันในเรื่องนี้ก่อนนะ เรื่องนี้เคะเคะ อารมณ์เลสเบี้ยนอะจ้ะ แต่นิสัยก็ชาย ๆ นี่ละครับ คล้ายเมะเคะ มีครบทุกอารมณ์ หึงหวง ง้องอน ไรมีหมด สำหรับอัลแล้ว เมะเคะมันเป็นแค่สถานะบนเตียง เหมือนคนตัวสูงกว่าใหญ่กว่าก็จะเป็นเมะใช่ไหมเพราะว่า ดูแข็งแกร่ง แต่สำหรับอัลมันไม่ใช่ ตัวผอมกว่าไม่ได้หมายความว่าไม่มีแรง เตี้ยกว่าไม่ได้หมายความว่าจะอ่อนกว่า บางทีพวกสูง ๆ ร่างบึก ๆ นี่บางทียังอ่อนปวกเปียกเลยจ้า ด้วยความที่มีเพื่อนตัวเตี้ยและบู้เก่งมาก คือเตี้ยตัวเล็ก ๆ เลย แต่มีอะไรเพื่อนวิ่งเข้าหามันก่อนเลย ไม่ใช่เพราะเรียนมวยไรแบนั้นด้วยนะ มันบอกอัลว่า เพราะกำลังใจที่สู้ มันก็จะผ่านทุกอย่างเอง แหม ๆ ดูดี (แต่มันก็ดีจริง ๆ ) โอเคเรานอกเรื่องมาเยอะละ ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะเคิ้บบบ



เม้นให้กำลังใจหน่อยนะ  ความรู้สึกเวลาโดนเร่งหรือใครอ่านมันทำให้รู้สึกเกรงใจหรือโดนด่าให้รีบอัพไง 5555555555555555555
:katai5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-03-2016 23:06:12 โดย aunnabubell »

ออฟไลน์ aunnabubell

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
#1

 

           

 

            ‘ เธอมาได้ทันเวลาพอดี! อย่างกับรู้ใจ เธอมาได้ตรงเวลาพอดี อย่างกับนัดกันไว้ มาทันเวลาที่ฉันคิดถึงสักคน ก็กลายเป็นเธอ เย้เย เธอช่วยชี..’

 

            “อือ”

 

            มือขาวที่เพิ่งควานหาโทรศัพท์เจอหรี่ตาขึ้นนิด ใช้นิ้วปาดลูกศรสีเขียว ๆ บนเครื่องสื่อสารแล้ววางแนบกับหู ร้องในลำคอเป็นการขานตอบ ตายังปิดหน้าซุกหมอนดึงผ้านวมผืนใหญ่ที่หล่นไปอยู่ที่เอวขึ้นมาคลุมโปงตัวเองเพื่อกลบตัวเองจากแสงแดดที่สาดเข้ามาถึงเตียงของเขา คิดไว้ในหัวว่าเมื่อคืนคงลืมรูดม่านซินะ

 

            [อือไรละไอ้ลูกหมู นี่เช้าแล้วทำไมยังนอนอยู่อีกละหะ]

 

            สรรพนามที่เรียกขานเขาซะแบ๊วขนาดนี้ทำให้รู้ทันทีว่าใคร

 

            เสียงเข้มจากปลายสายที่บ่นออกมานั้นเหมือนเตือนสติเขาขึ้นมานิด ๆ ดึงผ้าห่มออกจากหน้าแล้วเปิดตาขึ้นมาข้างนึง ก่อนจะแงะอีกข้างขึ้นมา กระพริบตาปริบ ๆ ไล่ความเมาขี้ตานี้ออกไปพร้อมขยี้ตาเบา ๆ

 

            “อือ ๆ”  เขาตอบรับแบบมึน ๆ

 

            [เออ ตะวันจะแยงตูดแล้วยังไม่ตื่นอีก] บ่นอีก

 

“ตอนนี้ตื่นแล้วไง งั้นแค่นี้นะ”

 

[เห้ย ! เดี๋ยวดิ นี่เฮียไม่ได้โทรมาปลุกเอ็งนะ]

 

            “งั้นเฮียมีไร” เขาลุกขึ้นมานั่งตรงมือเกาหัวแกรก ๆ ตวัดผ้าห่มออกจากตัว หูก็รอฟังพร้อมเดินโซซัดโซเซหยิบรีโมทปิดแอร์ก่อนจะเดินออกจากห้องไปหาน้ำดื่ม

 

            [เฮียจะโทรมาเช็คเฉย ๆ ว่าเมื่อคืนเมามากไหม คงไม่..ใช่มั้ย?] มีกดน้ำเสียงตอนท้าย

           

“ไม่อะ กินสามสี่แก้วเอง” เขาตอบก่อนจะยกน้ำที่กดจากช่องหน้าของตู้เย็นขึ้นดื่ม

 

[ดีแล้ว แล้วปิดเทอมจะกลับมาบ้านมั้ย?]

 

“กลับครับ คิดว่าสอบเสร็จก็ไม่น่าติดอะไร” เขาดื่มน้ำจนหมดแก้วก่อนถึงจะตอบไป แล้วเดินกลับเข้าห้องไปพับผ้านวมบนเตียงอีกที

 

[โอเค ดีแล้วกลับมาหาเฮียได้แล้วคิดถึงไอ้ลูกหมูของเฮียม๊ากกกมาก] ปลายสายทำเสียงอ้อร้อ เขาหัวเราะในลำคอกับการขี้เล่นของ พี่ชายตนเอง คุยกันไม่กี่คำก็วางสาย เขาดูหน้าจอที่ขึ้นว่าสายเพิ่งวางไป ฉ่ายรูปผู้ชายสองคนหัวชนกันแนบแก้มติดกันที่พี่ชายของเขาเป็นคนตั้งเองและไหนจะชื่อที่พี่ชายเมมเองว่า “ยิมที่หนึ่งของลูกหมู” ไหนจะเพลงเรียกเขานั้นอีก ร่างขาวได้แต่เหนื่อยใจกับพี่ชายตัวเอง มองดูเวลาแล้วก็รีบไปอาบน้ำเพราะอีกไม่ถึงชั่วโมงเขาจะมีเรียน

 

ร่างขาวลงจากรถ หยิบกระเป๋ามาสะพายไว้ที่ไหล่ กดปิดรถหมุนตัวเข้าไปในตึกคณะบริหาร เขาเดินใส่หูฟังก่อนจะมีคนมาสะกิด ทำให้ต้องดึงหูฟังออกแล้วเลิกคิ้วหันไปมอง

 

“ไงคิม วันนี้ทำไมมาเกือบสายเลยละ” คิมที่ว่า นั่นคือชื่อของผู้ชายร่างขาวคนนี้  คิม คิรากร แซ่ฉิน นิสิตปีหนึ่ง คณะบริหารสาขาการจัดการ

 

“อืม วันนี้นาฬิกาปลุกไม่เตือนน่ะ” คิมยิ้มนิด ๆ แล้วหันไปตอบเพื่อนสาวตัวเล็กในคณะของตน

 

“ฟ้าก็เหมือนกัน นี่คิมยังไม่ได้กินอะไรเลยซินะ” เจ้าตัวเหมือนจะพูดคนเดียว หยุดเดินทำให้คิมต้องหยุดตาม มือเล็กคุ้ยบางอย่างในกระเป๋า คิมเลือกที่จะพยักหน้าตอบ “อะ พอดีฟ้าเลือกไม่ถูกจะกินอันไหนเลยหยิบมาสองอันเลย มีแซนวิชกับขนมปังไส้ครีม คิมจะเอาอันไหน”

 

คิมยิ้มขำ มันเป็นแบบนี้เสมอ แม้เขาจะตอบว่ากินแล้วฟ้าก็จะเอามาให้ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเพื่อนตัวเล็กคิดอะไร แต่เขาไม่ได้คิดอะไรเกินเลย อีกอย่างไม่อยากเสียเพื่อนด้วย ชีวิตมหาลัยกว่าจะหาเพื่อนดี ๆ ที่เข้ากลุ่มเข้างานกันได้ไม่ใช่ง่าย ๆ คิมเลือกที่จะหยิบเอาแซนวิชมา ยิ้มให้อีกคน “ขอบใจนะ”

 

“อื้อ ปะ เข้าเรียนกันเถอะพวกนั้นน่าจะอยู่ในห้องกันหมดแล้ว” ฟ้าว่าแล้วพวกเราก็เข้าไปเลยกัน

 

ช่วงนี้ใกล้จะปิดเทอมใหญ่แล้ว เร่งทำงานส่ง อ่านหนังสือทบทวน ปีหนึ่งนี่เหมือนจะกระชากวิญญาณออกจากร่างเขาจริง ๆ คิมคิดเช่นนั้น 

 

ตุบ

 

คิมเงยหน้าขึ้นมาจากกองหนังสือแล้วได้แต่กลอกตาเหนื่อยอยากฟุบหน้าลงไปอีกรอบ พร เพื่อนผู้หญิงอีกคนในกลุ่ม สาวแว่นผมยาวประบ่า หน้าหมวยปากนิดจมูกหน่อยตัวขาวไม่มากเพราะมัวแต่วิ่งตามอปป้าฝ่าแดดฝ่าน้ำว่ายฟรีสไตล์ข้ามทะเลเลยทำให้คล้ำกว่าผิวจริง พรว่ามาอย่างนั้น

 

“พวกแกอย่ามาอู้กันนะ ฉันอุส่าเสียสละเวลาดู มิวสิคแบงค์มานั่งติวพวกแก !” พรว่า พร้อมดึงผมยาวเกือบถึงเอวของฟ้าเบา ๆ เป็นการกระตุ้น มือเท้าเอวมองพวกผม 4 คนที่นอนฟุบหน้ากับโต๊ะในห้องสมุดเรียงราย ไล่มาจากคิม ฟิล์ม เพื่อนตัวอวบสูงกว่าคิมประมาณ 3 เซน  กร ที่นั่งตรงข้ามฟิล์ม ร่างสูงโปร่งตัวผอมเก้งก้างใส่แว่นดัดฟันสีฟ้าอ่อน ที่ตอนนี้มีแว่นคาดอยู่บนหัวแทนที่จะไปอยู่ที่ตาตี๋ ๆ นั่น และฟ้าที่นั่งตรงข้ามคิม

 

พวกเขาทั้งหมดนั่งติวหนังสือกันตั้งแต่เรียนคาบเย็นเสร็จ ซึ่งนี้ก็ประมาณสามทุ่มแล้ว พวกเขาบิดขี้เกียจก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาตั้งใจและตั้งศรีษะไม่ให้คว้ำกระแทกโต๊ะกัน พอสี่ทุ่มทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านกลับหอ ฟ้า พร และฟิล์มที่บ้านอยู่ใน กทม. และใกล้มหาลัยก็พากันขับรถกลับกันไป มีกรที่ต้องติดรถของคิมกลับ เพราะหอของกรไปทางเดียวกันกับคิม แต่หอคิมจะอยู่เข้าไปในซอยอีก

 

“ไปหาไรกินก่อนมั้ยคิม” กรที่นั่งอยู่บนรถเงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมาถามคิม

 

“แล้วแต่สิ กรจะไปกินไหนอะ เราได้ทั้งนั้น” คิมตอบไม่ได้หันไปมองหน้าแต่อย่างใด

 

“หมี่ปะ หน้าหอเราเหมือนเดิม มึน ๆ งี้อยากได้ของร้อน ๆ อะ” คิมแค่รับคำในลำคอแล้วขับรถต่อไปถึงหน้าหอของกร แล้วลงไปหาอะไรกินกัน หน้าหอของกร เขาสั่งของมานั่งกินกัน

 

ระหว่างกินก็มีโทรศัพท์ของคิมดังขึ้น เมื่อมองชื่อหน้าจอคิมก็ต้องเลิกคิ้วแปลกใจ

 

“ครับ พี่ซิน” ซินคือสายพี่รหัสของคิม ซึ่งตอนนี้อยู่ปีสาม เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่ เจอกันไม่กี่ครั้งตอนเลี้ยงสายรหัสบ้าง รับน้องบ้าง คณะก็น้อยครั้งถ้าเจอก็มีแค่ยกมือไหว้จากไกล ๆ แค่นั้น

 

[ไงคิม ว่างหรือเปล่าเรา ยังไม่หลับใช่ไหม พี่มีเรื่องจะคุย] ต่อให้หลับคิมก็ต้องคุยกับพี่นี่แหละ เล่นพูดมาซะแบบนี้

 

“ครับ ผมยังไม่หลับ” คิมตอบไป ได้ยินเสียงแว่ว ๆ พูดแทรกกันไปมาแต่ฟังไม่รู้เรื่องเพราะเบา

 

[อยากรู้ก็เงียบไป !...... คิมอยู่ไหนหน่ะ] ประโยคแรกเหมือนจะคุยกับใคร แต่ก็วกมาถามคิมอีก

 

“ข้างนอกครับ พี่ซินมีอะไรรึเปล่า” คิมถามทำหน้างง ๆ สบตากับกรที่เงยหน้ามามองแว่บนึงแล้วกรก็ก้มไปกินต่อ

 

[มีคนชะ….. อ๋อ พอดีพรุ่งนี้พี่จะชวนไปกินเลี้ยงนะ ไหน ๆ จะสอบแล้วเลยจะให้ปลดปล่อยซะก่อน เห็นคิมเรียนหนัก ขยันติวกันตั้งแต่เนิน ๆ เลยนี้] หืม รู้ได้ไงว่าพวกคิมติวกันและเรียนหนัก? เพราะจริง ๆ ส่วนมากยังไม่มีใครมานั่งติวหรอกนอกจากพวกคิม เพราะฟิล์มกับกรและฟ้าคะแนนไม่ค่อยดีในวิชาบังคับเพื่อนเลยต้องช่วยกัน ได้ทบทวนตัวเองด้วย คิมได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไปไม่ได้ถาม

 

“คงไม่ไปครับพี่ ผมต้องทำงานส่งและอ่านหนังสือหนักหน่อยหนะครับ” คิมหัวเราะแหะ ๆ ตอบปลายสายไป

 

[เด็กดีจังน๊า] มีเสียงหนึ่งแทรกมา เขาได้แต่เลิกคิ้วสงสัยแต่ไม่ได้ถามเพราะพี่ซินก็ถามแทรกเข้ามาก่อน [สักนิดก็ไม่เอาหน่อยหรอ วันเดียวเอง] พี่ซินตื้อ

 

“ไม่ไปจริง ๆ ครับ ผมอยากนอนมากกว่าด้วย ขอโทษนะครับไว้โอกาสหน้าดีกว่า” คิมตอบไปอย่างสุภาพ

 

[งั้นให้พี่ช่วยติวให้เอามั้ย] เอ๋ ทำไมพี่ซินใจดีจัง

 

“อย่าเลยครับ พี่ก็มีเรียน ผมติวกับเพื่อนๆ กันได้ วันนี้พี่เชอร์รี่ก็เพิ่งไปขนแลคเชอร์เก่า ๆ มาให้พวกผมด้วย”  พี่เชอร์รี่ที่พูดถึงก็พี่รหัสคิม น้องรหัสพี่ซินนั่นแหละ พี่เชอร์รี่เป็นทอม ตัวเท่าคิมได้ผิวขาว ดุ ๆ หน่อย คนนี้ติดแฟนจนคิมแทบลืมไปด้วยซ้ำว่ามีพี่รหัสเป็นเชอร์รี่

 

[ไอ้เชอร์เน่าอะหรอ เออ ๆ งั้นก็แล้วแต่คิมละกันนะ มีอะไรโทรพี่ได้เสมอ โอเคนะ ฝันดีจ๊ะ]

 

ติ๊ด..

 

แล้วก็ตัดสายไป คิมได้แต่อ้าปากค้างยังไม่ทันได้ตอบ กรก็เลิกคิ้วหันมาถาม คิมก็แค่ส่ายหน้าไปแล้วก้มลงกินหมี่

 

“แปลกแฮะ พี่ซินโทรมา” กรพูดขึ้น

 

“อืม นั่นสิ ชวนเราไปกินเลี้ยงน่ะ จะให้กินเลี้ยงกันก่อนแล้วค่อยลุยงานลุยอ่านหนังสือ แต่เราปฎิเสธ แต่ก็จะมาติวให้เราอีก เราก็ปฎิเสธอีก” คิมเล่า มือก็คีบพวกเส้นเนื้อขึ้นมากิน

 

“เหยย จริงดิ มาแปลกวะ ปกติไม่เห็นจะสนเลยหนิ พูดถึงสายรหัส คิมก็น่าสงสารเนอะ ทั้งสายแทบไม่สนใจมาตลอดปี มาให้เห็นก็ตอนธุระทั้งนั้น พี่เชอร์ก็มาให้เห็นแค่เวลาจะสอบ ยิ่งพี่ซินก็แปลกใหญ่ ไม่เคยเห็นมาวุ่นวายก่อนเลยถ้าไม่มีธุระ แล้วอะไรดลใจให้ใจดีถึงขั้นจะช่วยติวแหนะ” กรพูดจ้อ จากที่พูดนั่นก็ถูกหมดเลย

 

“สงสัยคงเห็นมันจะสอบปิดเทอมใหญ่มั้ง เลยจะช่วยเรา ก็ดีนิ”

 

“เออเนอะ ฮ่า ๆ”

 

 

คิมขับรถกลับหอตัวเอง อาบน้ำเตรียมเข้านอนระหว่างนั้นก็มีสายเข้าอีกรอบ

 

“ว่าไงบอย” คิมพูดขึ้นทันทีที่รับสาย

 

[บอยบ้านแกสิย่ะ ไอ้เตี้ย ! เดี๋ยวแม่บินไปตบปากถึงที่เลย เบลล์ย่ะเบลล์ ! ทิงเกอเบลอะรู้จักมั้ย !?] ปลายสายแว้ดเข้าทันทีที่คิมเอ่ยชื่อจริง ๆ ของเบล  ที่ชื่อว่าบอย เพื่อนสนิทร่างชายใจหญิงของเขา ตัวผอมขาวและสูงกว่าเขาห้าหกเซนได้ มันบังอาจมากมาว่าปมด้อยเขา

 

[ถ้ามึงเป็นทิงเกอเบล กูคงต้องสงสารเวนดี้ ที่มีแมลงวันตามผัวมันแจ] เสียงเข้มจากปลายสายที่ลอยมาให้ได้ยินทำให้คิมยิ้มขำ

 

[แอร๊ยยย นั่นปากหรอย่ะ! ทิงเกอเบลเป็นภูติเทวดานะไม่ใช่แมลงวัน อิซัน! อิปากสุนัข!]

 

คิมหัวเราะที่ได้ยินเสียงของเพื่อนสนิทสองคนที่ทะเลาะกันเป็นไม้เบื่อไม้เมา เพื่อนสนิทอีกคนของเขาคือ ซัน หนุ่มดีกรีเดือนมหาลัย ตัวสูงใหญ่อย่างคนออกกำลังกาย ผิวขาวหน้าคมเข้มที่ชอบปากร้ายนัก แม้จริง ๆ จะอายุน้อยกว่าพวกเขาเกือบปี เพราะซันนั่นเรียนไว

 

[หัวเราะอะไรมึงไม่ทราบอิคิม] เสียงบอยว่าออกมาซะเข้ม  อ่าว พาลโดนเขาสะงั้นไป

 

“โถ ๆ มึง ไหงพาลมาทางกูละ” คิมที่นาน ๆ จะพูดกูมึง จริง ๆ คิมเป็นคนสุภาพ แต่กับบางคนเท่านั้นแหละที่จะพูดมึงกู ไม่สนิทมาก ก็คือมาพูดไม่ดีใส่คิมก่อน

 

[มึงแหละตัวดี] อ่าว [ปิดเทอมนี่กลับเลยปะ หรือยังไง ครั้งก่อนแกไม่กลับนะ ครั้งนี้ต้องกลับ!] สงสัยจะอารมณ์ดีมานิด เปลี่ยนสรรพนามคิมแล้ว คิมได้แต่ส่ายหน้ากับอารมณ์แปรปรวนของเพื่อน

 

“ต้องกลับอยู่แล้วเฮียยิมโทรมาตามด้วย บ่นใหญ่เลยละ”

 

[อ๋อ แฟนฉันอ่ะหรอโทรมาตามแก] ไอ้นี่ก็ขี้มโนได้จริง ๆ บอยชอบแซวว่าเฮียยิมเป็นแฟนของตัวเอง ซึ่งเฮียยิมเวลาเจอบอยก็เล่นด้วยซะด้วยสิ แต่คิมก็รู้ว่าทั้งคู่แค่หยอกกันตามประสา เพื่อนสองคนนั้นเล่นกับคิมมาตั้งแต่สมัยเด็กตัวเล็ก ๆ เลย [แล้วจะกลับเดือนไหนละ สอบเสร็จเมื่อไหร่? ของพวกฉันจะกลับต้น ๆ เดือนมีนานี่แหละ ยังไม่ระบุวันอะ กะจะรอลงไปที่แกแล้วค่อยกลับไปพร้อมกัน]

 

“ประมาณนั่นเหมือนกันเพราะสอบเสร็จก็ประมาณปลาย ๆ กุมภาได้ละ”

 

[ก็ใกล้ ๆ กันอะ งั้นพวกฉันสอบเสร็จรอผลแล้วลงไปนอนกับแกก่อนเลยดีกว่า รอเวลากลับ จะได้เที่ยวด้วย] เสียงของซันออกความเห็น

 

“เอางั้นก็ได้อะ”

 

คุยกันไม่กี่คำคิมก็ง่วงเต็มทน พวกนั่นก็เหมือนกันเลยวางสายและเข้านอน

 

 

 

 

 

“รอดตายแล้วโว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ย !!”

 

“มิชชั่นคอมพลีส! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด ด!! ”

 

“โอยยย ไอ้เชี่ย น้ำตากูจะไหล ขอผ้าซับน้ำตาที”

 

เสียงพวกเพื่อนครวญครางที่งานส่งกันเสร็จและสอบเสร็จไปซึ่งก็พากันทำได้ ไม่เครียดมาก คิมส่งกระดาษทิชชู่ให้ฟิล์มที่น้ำตาซึมจริง ๆ

 

“เห็นฟ้าบอกให้กลับก่อนเลย หรือถ้าจะนัดกินอะไรกันไว้วันอื่น” คิมว่าหลังจากเงยหน้าจากโปรแกรมแชทไลน์ แต่ไม่มีใครสนใจเลย

 

“ฉันจะได้ดูซีรี่ย์แล้ว จะดูรัว ๆๆๆ ไม่หลับไม่นอนให้ตาแฉะกันไปข้างเลย”

 

“ไปกินซูชิกัน !!!!” เสียงของกรที่เมื่อกี้ออกจากห้องสอบเหมือนผ่านมรสุมชีวิตมา ตอนนี้ใบหน้ายิ้มแย้มแต่เสียงหนึ่งก็ทำให้ต้องหุบยิ้มฉับทันที

 

“ช้าก่อนพวกเจ้า” คำพูดเหมือนในหนังจีนยังไงอย่างงั้น คิมคิดเช่นนั้น

 

“ไรมึง” ฟิล์มที่เพิ่งโยนกระดาษทิชชู่ปั่นขี้หมูกตัวเองทิ้งหันมามองกลุ่มเพื่อนในสาขาที่ไม่ค่อยจะลงรอยกัน เพราะฝ่ายนั้นเคยแกล้งฟิล์มไว้ตอนรับน้อง

 

ฟาน ชื่อก็จี๊นจีนเหมือนหนังหน้ามันไม่มีผิด

 

“อะไรกันไอ้ฟิล์ม พูดกันดี ๆ หน่อยสิไม่เห็นต้องหยาบคาย” ฟานที่เดินอาด ๆ เข้ามากอดคอฟิล์ม แต่ฟิล์มก็ปัดทิ้งเสียเพราะรังเกียจ คิมมองฟานที่เป็นคนตัวสูงใหญ่เห็นว่าบ้านมันมีโรงเทควันโด ชื่อเอย หน้าเอย ผิวเอย กิจการบ้านเอย แตกต่างกัน น่าจะไปทางกังฟูหรือพลังภายในจะเหมาะกว่านะ ฟานตัวคล้ามแดดนิด ๆ แต่ก็ยังขาวอยู่ดี

 

“มีเหี้ยไรครับ” ฟิล์มนี่ก็น้า ฟานหัวเราะชอบใจก่อนจะหันมาสบตาทุกคนมาหยุดที่ฟิล์ม

 

“เจ๊กูให้มาชวนพวกมึงไปกินเหล้ากันวันนี้”

 

“ไม่ล่ะ” ฟิล์มปฎิเสธทันทีแบบไม่ต้องคิด

 

“เพื่อนมา” คิม

 

“จะไปดูยองพัล” พร ติดเกาหลีจริง ๆ

 

“กูมีนัดกับกิ๊ก” กร หืม?

 

พรึ่บ !

 

พวกที่ยืนอยู่หันไปมองกรทันที กรทำหน้าเลิกลั่ก

 

“อ..อะไร”

 

“อะไรคือกิ๊ก ไปมีมาตอนไหน เมื่อกี้ยังชวนไปกินซูชิ แล้วหน้าอย่างแกมีคนเอาด้วยรึไง” พรใส่ทันที

 

“ก็..”

 

“เด็กม.ปลาย?” ฟิล์ม

 

“ลูกแม่ค้าหมี่หน้าหอ?” คิม

 

“น้องน้ำหวานขายดอกไม้” เสียงฟานที่เสนอหน้าขึ้นมา ทำให้คนที่เหลือต้องเลิกคิ้วงงไปอีก ฟานก็ทำหน้าเหวอทันที “อ่าว ไม่รู้จักหรอว่ะ น้องน้ำหวานมันชอบไอ้ตี๋กรนี่”

 

“เห้ยจริง ! ใครว่ะ ไมไม่รู้” กรทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกไปอีก ถลาไปถามซักฟอกฟาน

 

“แล้วสรุปใคร” พรก็ดึงเรื่องกลับมาอีกรอบ

 

“ก็น้อง..” คิมชักเริ่มมึนหัวจากสอบด้วย อากาศด้วยเลยไม่ได้ใส่ใจที่พวกนั้นพูดว่าสรุปคือใคร สายตาไล่เรื่อยเปื่อยหันไปเห็นกลุ่ม กลุ่มหนึ่งที่เป็นที่สนใจใต้คณะของคิม คิมเห็นผมหยักโศกสีน้ำตาลแดงหมนของใครคนนึ่งซึ่งแปลกตาในคณะไม่น่าจะมีคนทำสีนี้ แต่พอคนกลุ่มนั้นลุกขึ้นถึงได้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นพี่ซิน เพราะร่างผอมเพียวผิวสีแทนและหน้าสวยคมเหมือนแขกนั้น สงสัยเปลี่ยนสีผมอีกแล้วสินะ

 

ในกลุ่มนั่นมีแต่คนหน้าตาดี ๆ ทั้งนั้น แต่คิมก็ไม่ได้รู้จักใครเลย รู้จักแค่พี่ซินคนเดียว พี่ซินที่หันมามองคิมแล้วยิ้ม คิมก็ยิ้มตอบยกมือไหว้ แต่สายตาก็ดันไปเห็นมือเรียวนั่นสะกิดใครอีกคนเป็นผู้ชายตัวขาว ร่างสูงโปร่ง(น่าจะสูงกว่าคิม5เซน)เพียวบางมาก มากจริง ๆ ลมพัดจะปลิวมั้ยนั่นคิมคิด ผมตัดสั้นสีน้ำตาลบลอนด์สว่างข้างบนไว้ยาวมานิดผมตรงปรกลงมาเป็นหน้าม้าบาง ๆ นั้นไม่คุ้นซะเลย หันหน้ากลับมาทำให้คิมนิ่งไปนิด.….

 

ตากลมโตสองชั้น ปากอิ่มสีสด หน้าเรียว คางเรียว

 

สวย

 

และ คุ้น

 

คิมสบตากับคนนั้นมือก็ยกไหว้ค้างไว้ คนสวยคนนั้นหันมามองที่คิมก่อนจะฉีกยิ้มหวานโชว์ฟันขาวสวยมาให้ และนั่นก็ทำให้คิมที่จากนิ่งกลายเป็นตะลึงค้าง..

 

 

บอกเขาทีว่านั่นผู้ชายจริง ๆ

 

 

 

 

โครตสวยเลยเหอะพระเจ้า !







_____________________________________________________________________



รีบอัพครับรีบอัพ กระตือร้นก็ช่วงแรก ๆ เท่านั้นละ ตอนหลังก็ปล่อยยาว (โดนถีบ)  :z6:ไม่มีไรมาก พรุ่งนี้ต้องไม่มีเวลาแน่ ๆ  เป็นคนงานรัดกลุมตัวครับ อีเวรเยอะ ฮา  ว่างตอนไหนอัลก็จะมาตอนนั้นละนะ

สำหรับตอนนี้ก็ขอให้อ่านให้สนุกนะครับ :bye2:

ออฟไลน์ aunnabubell

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
#2







"กูว่าที่มึงทำ มันเหมือนโรคจิตว่ะ"

เสียงแหลม ๆ เอ่ยขึ้นมา

"จิ๊ ! พูดมากจริงมึงกลับไปเลย" ผมยกมือปัดผ่านหน้าเพื่อนสาวของตัวเองมันก็เลยปัดมือผมทิ้งอย่างรำคาญแล้วพูดความจริงใส่หน้าผม จนต้องละสายตาเพื่อหันไปมอง นางซิน คือมึงจะพูดไรอีก บ่นมาเป็นชั่วโมงได้แล้วมั้งเนี่ย

    "มึงน่ะสิ ที่ต้องกลับไปนี้มันคณะกู" ถึงกับต้องเบ้ปากใส่

"เออไงคณะมึง มึงก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนกูที่ไม่ได้เรียนคณะนี้ เลิกบ่นซะ" ว่าเสร็จก็หันไปมองเด็กต่อ

"มึงมันบ้า อีลัค"

"กูก็บอกแล้วไง มันก็แค่น่าสนใจดี" ผมว่าพรางเคลือนตัวไปนั่งลงบนม้าหินอ่อน หันไปมองหน้าเพื่อนสาววัยเด็กที่ตอนนี้โตเป็นสาวผิวแทนหุ่นแซ่บ ไม่ใช่แต่มันที่แซ่บ ผัวมันก็แซ่บ เราปัดเรื่องแซ่บไปเถอะเดี๋ยวยาว

"เหอะ ยังไงมันก็หลานรหัสกูนะ ถึงกูจะเป็นป้ารหัสไม่ได้เรื่อง แต่ก็ไม่อยากให้เด็กบริสุทธิ์แบบน้องคิมมาเกลือกกลั้วกับเพื่อนชั่ว ๆ แบบมึง" แหม เกลือกกลั้ว ลัคได้แต่เบ้ปากใส่เพื่อนแรง ๆ ไปที แต่ก็ติดใจคำของเพื่อน หลานรหัสนางซินก็บริสุทธิ์จริง ๆ ละนะ ตั้งแต่หัวจรดปลายตีนไม่เห็นมันปรุงแต่งอะไรเลย อยากจะรู้จริง ๆ คนนี้มีดีอะไรกันให้ผมต้องตามมาแอบส่องเป็นโรคจิตแบบที่ซินมันว่าแบบนี้

"เอาน่า ถ้ากูรู้ว่าไม่ใช่กูจะถอยออกมาเอง"

ผมบอกมันก่อนจะหันกลับไปมองร่างเล็กนั่น ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจของเพื่อน

"นี่ถามจริง ๆ อีกข้อนะ มึงสนใจอะไรในตัวน้องมันว่ะ อีกอย่างกูว่ามันน่าจะคบกับอีน้องฟ้านั่นนะเว้ย ไม่น่าจะเกย์หรอก "

"กูก็ตอบไม่ได้ว่ะ เสน่ห์มั้ง ส่วนน้องมันจะเกย์ไม่เกย์ กูไม่สนใจหรอก เพราะตอนนี้กูสนใจมัน ก็แค่นั้น" ผมพูดพรางยักไหล่ หันไปมองน้องอีกที ก็หายไปซะแล้ว พวกผมเลยกลับ ผมกับซินนอนหอเดียวกัน มันอาจดูน่าเกลียดเพราะไงผมก็ผู้ชาย แม้จะเป็นเกย์แถมรับซะด้วย แต่คนนอกเขาไม่รู้นิ ต่อให้ผมหน้าสวยก็เถอะ แต่เราสองคนเป็นเพื่อนกันตั้งเแต่เด็ก แล้วผมก็เป็นไม้กันหมาให้เพื่อนได้ด้วย ยังไงมันกับผมก็มาจากที่เดียว คนบ้านเดียวกัน พ่อแม่เราก็รับรู้ว่าไม่มีอะไรเกินเลยแน่ ๆ พ่อแม่ซินกับแฟนมันจับพวกมันหมั้นกับเรียบร้อยแล้ว เพราะคบกันมาก็นาน พ่อแม่รับรู้เลยจับหมั้นลับ ๆ เรียนจบถ้ายังไม่เลิกกันเสียก่อนก็แต่ง

เอาล่ะเรากลับมาที่เรื่องของน้องคิม

เด็กหนุ่มที่ผมสนใจ ตัวผอมนะ แต่ไม่ได้แห้งดูมีเนื้อเต็มไม้เต็มมือด้วยซ้ำ เตี้ยกว่าผมไม่มาก ตัวขาวเหมือนเหยือกกล้วย ตาชั้นเดียวกลมโต ๆ ปากเล็กบางเฉียบ เห็นแล้วน่าจับมาดูดให้ปากเจ่อ จมูกโด่งเป็นสัน จะว่าหล่อก็หล่อตี๋จ๋า แต่สำหรับผมมันน่ารักมากกว่า จริง ๆ หน้าตาดีเลยทีเดียว แต่มักทำตัวให้โดนลืมเหมือนกลืนหายไปกับธรรมชาติไม่มีตัวตน ไหนจะไอแว่นสายตากรอบใหญ่สี่เหลี่ยมนั่นอีก บดบังใบหน้าน่ารักเกลี้ยงเกลานั้นแต่ไม่สามารถบังมันได้จากสายตาผม จะว่าไปไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกที่มองเห็น เหมือนน้องฟ้าไรนั้นก็จะมองเห็น แต่ผมไม่สนใจหรอก ถึงตอนเมื่อก่อนผมจะไม่ได้สนใจน้อง แต่ตอนนี้ผมเห็นแล้วและอยากได้ ผมก็ต้องลองเสี่ยงที่จะแข่งกับคนอื่น ยังไงศัตรูมันก็แค่เด็กผู้หญิงคนนึงนี่นะ คิดมาถึงจุดนี้ก็ยกยิ้มมุมปากชั่ว ๆ จนนางซินหันมามองแบบ หวาด ๆ







คนอย่างฉันถูกโยนทิ้งขว้างง กลับมีเธอ รับเอามาใส่ใจดูแล หยิบใจฉันขึ้นมาจากพื้น ใช้ชีวิตให้ยืนได้เหมือนเดิม ขอบคุณ ที่จะยอมรับกัน ~

"กูละเครียดกับมัน มึงเอาตีนสะกิดมันดิ๊" ผมพูดพร้อมพยักเพยิดหน้าให้เพื่อนในวงเอาเท้าไปสะกิดเพื่อนอีกคนที่ตอนนี้โหยหวย ร้องแหกปากตามเสียงเพลงในร้านเหล้า ทำหน้าทำตาเป็นนางเอกเอ็มวีเพิ่งกระโดดน้ำลงไปแล้วมีพระเอกว่ายไปช่วยไรงี้ และเพื่อนแม่งก็ทำจริงอะที่ผมพูดเมื่อกี้ เอาเท้าสะกิดจริง ๆ ทำดีครับ

"จิ๊ ! อะไรมึงละ กูกำลังอิน !" หนู เพื่อนสาวตัวเตี้ยตัดผมสั้นหน้าม้า เป็นเด็กม.ปลายไปได้แต่หน้ามันก็ให้อะนะ มันหันมาทำตาขวางใส่เพื่อนในวงเหล้าด้วยกันที่ไปสะกิดทำให้มันหลุดจากจิตนาการอันล้นหลามของมัน

"มึงจะแหกปากให้แมลงวันบินเข้าปากมึงอีกนานมั้ยละ มีผู้ชายมองอยู่นะ อายบ้าง" ยัยหนูสะดุ้งทันทีที่ซินมันพูดว่าผู้ชาย มันตะครุบปากทำกระมิดกระเมียดแต่สายตานี่สอดส่องหาผู้ชายที่เพื่อนกล่าวถึง จนผมที่อยู่ข้าง ๆ ทนไม่ไหว โบกหัวไปที กับยัยลูกหนูนี่ทำเบาไม่ได้ มันไม่ถึงใจ

"โอ้ย ตบหาป้ามึงหรออีตุ๊ด โอ๊ะ โทษ ๆๆๆ กูล้อเล่นน้า" มันรีบขอโทษผมทันทีที่ผมถลึงตาใส่ ผมไม่ชอบให้เรียกว่าตุ๊ด ผมชอบผู้ชายก็จริง แต่ก็ไม่ได้แต๊วขนาดจะแต่งหญิงแบบนั้น

"กูเพื่อนไม่ใช่น้ามึง"

".....???" ทุกคนหันมาสบตาผมอย่างงุนงงไปหมด หึ

"ก็เมื่อกี้ไอ้หนูมันบอก ล้อเล่นน้า กูเพื่อนมันไม่ใช่น้ามันนิ" เมื่อผมพูดจบปุ๊ป ทุกคนก็อยู่ในสภาพหน้าเดียวกัน

-_-



โอเค

กูขอโทษละกันจะไม่เล่นมุขนี้อีกต่อไป

"มึงเก็บมุขควาย ๆ นี่ม้วนใส่ขวดโหลแล้วเอาไปปาทิ้งน้ำตกแองเกลอร่าเลยนะ กูขอร้อง" สัดซิน ซ้ำหาพ่อง !

"กูก็พูดไปงั้นละ ฮะ ฮะ ฮะ" หัวเราะค้างปัญญาอ่อนเลยกู ไอ้สัดขายหน้าไหม ผมยกแก้วเหล้ามาดื่มแล้วสอดส่องสายตามองหาเหยื่อต่อ กลบความหน้าแตกเมื่อกี้ ผมนี่วิ่งไปเอาที่โกยขยะมากวาดชิ้นส่วนหน้าแทบไม่ทัน

ระหว่างนั้นเราก็คุยสัพเพเหระกันต่อไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ เหมือนไม่ได้เจอกันเป็นปี แต่เอาจริง ๆ เจอกันบ่อยโครต โครตจะบ่อย ในกลุ่มผมที่สนิทกันม๊ากมาก ก็มีแค่
 ผม ซิน หนู เอ็ม วายุ

"หูย แม่ง แม่สาวนั้นที่บ้านจนหรือเป็นปอริโอวะนั่น มีไส้มั้ยวะ"

ปากหมา ๆ แบบนี้คือไอ้เอ็ม หนุ่มหล่อคมตัวโตผิวแทนแบบคนใต้ ปากหมา เรียนวิดวะเครื่องกล เพื่อนสมัยผมเด็ก ๆ มากับไอ้ซินเลยละ ถามว่าทำไมผมไม่ไปเป็นรูมเมทมัน ยัยซินรับสภาพพวกผมไม่ไหว เคยอยู่ด้วยกันมาสองปี เหมือนจะบ้าตาย ยัยซินนี่ด่าพวกผมเช้าเย็น ๆ อยู่ด้วยกันแล้วเหลวครับไม่มีใครห้ามใคร มันจะกินผมก็ไปผมจะกินมันก็ไป ตื่นสายทุกวันแต่ก็รอดตายเพราะซินจะลงจากอีกชั้นมาเคาะปลุก ปีหนึ่งพอทนนะมีงานมีเรียนเยอะ แต่ปีสองเริ่มน้อย ซินไม่ไหวโทรฟ้องพ่อแม่พวกผมเลยจับแยกผมไปอยู่กับซินเลยไง และตอนนี้ไอ้ควายตัวโตนี้ก็ชอบหิ้วสาวกลับห้อง ถ้าผมอยู่ด้วยก็ว๊ากแตกแน่ ๆ ผมไม่ชอบให้ใครมาทำอะไรในห้องหรือพื้นที่ส่วนตัวตัวเองเท่าไหร่ถ้าไม่สนิทกัน ยิ่งห้องนอนยิ่งแล้วใหญ่ (ได้ห้องที่มี 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำและห้องนั่งเล่นเล็ก ๆ ถูกดี แต่ห้องที่อยู่กับซิน 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ห้องน้ำในห้องจะเป็นแบบทะลุได้ทั้งสองห้องนอน กับอีกห้องอยู่ข้างนอกข้างประตูห้อง คนละชั้นกับห้องเอ็มแต่ตึกเดียวกัน) แต่ผมก็ไม่ค่อยสนใจ แค่บอกว่าพกถุงบ้างไรบ้างแค่นั้น

"ด่าเขาระวังโดนเพื่อนตัวเอง" วา หรือ วายุ เพื่อนที่ตอนแรกเอาเท้าสะกิดหนู หนุ่มหล่อสไตล์เกาหลี หล่อทุกอนุรูขุมขน นั่นก็เว่อร์ไปแต่มันหล่อ หล่อแบบผู้ดี๊ผู้ดี ตัดผมรองทรงสูงตัวขาวสูงหุ่นมีมัดกล้ามแบบพอดีไหนจะซิคแพคที่ไม่ได้ใหญ่บึกบึนเมื่อเทียบกับไอ้ช่างกลอย่างเอ็ม วาเป็นเพื่อนสมัยมัธยมของหนู ตั้งแต่ผมรู้จักมาจะเหยียบ 4 ปีมันไม่เคยยุ่งกับใครเลย เห็นว่ามีคนในดวงใจซึ่งแม่งไม่เคยบอกพวกผม พูดน้อยแต่พูดที ๆ นี้จุกดี

เช่นตอนนี้ที่มันเหมือนจะเตือนไอเอ็มแต่ก็ด่ายัยซินที่ผอมแห้งเพรียว แต่จริง ๆ ยัยซินมันซ้อนรูป และไม่ได้ผอมแห้งแบบพวกนั่น หุ่นมันเหมือนพวกฝรั่งเอ็กซ์ ๆ ผอมเพรียว มี เนื้อ นม เอว สะโพกมากกว่า แต่ก็นะมันไม่ใช่พวกชอบแต่งโชว์เท่าไหร่ มันบอก ของดีต้องเก็บให้คนที่รักดู มันเคยบอกอีกนะ จะสวย จะแซ่บ จะเซ็กซี่ ก็ต้องแบบมีคลาส ไม่ใช่การแต่งตัวโป๊เปิด มันดูไม่น่าค้นหา และผู้ชายจะมองเหมือนเราก็เป็นผู้หญิงธรรมดาทั่วไป

"อีวามึงหุบปาก แดกถั่วปากอ้าของมึงไปก่อนจะอ้าปากแดกไม่ได้" ซินหันไปปาถั่วใส่วาซึ่งมันก็กวนตีนอ้าปากรับยักคิ้วไปที จริง ๆ ถึงวามันจะพูดน้อย แต่อารมณ์กวนตีนมันนี่ก็หมั่นไส้จริง

“เออมึงก็ไปว่ามัน” คำพูดเข้าข้างยัยซินมากลูกหนู ซินนี่พยักหน้าใหญ่เลย “มันแค่พูดความจริง ฮ่า ๆๆ ”

ว่าจบก็แหกปากหัวเราะใหญ่เอนตัวไปชนกับไอ้วาที่นั่งข้าง ๆ มันประมาณว่าเห็นด้วย ยัยซินตาขวาง

“นี่ ๆ ขากูอยู่ข้างบน” ซินว่า ทำให้ยัยหนูมองงง

“อะไรวะ ?”

“เดี๋ยวกูถีบไง อีสัด !” มันไม่ว่าเปล่ามันยันเข้าไปที่เอวยัยหนูพากันเซไปทางไอ้วาที่นั่งด้วย ตรงข้ามมีผมกับไอ้เอ็มนั่งอยู่ ๆ ผมที่นั่งกินเหล้าอยู่มองนาฬิกาข้อมือแล้วก็นึกขึ้นได้ ร้องดังจนเพื่อนในกลุ่มพากันสะดุ้งตกใจ

“เอ่อ !! ซิน !”

“เชี่ยไรมึง อยู่ใกล้แค่นี้กูตกใจหมด !”

“พรุ่งนี้สอบวันสุดท้ายของน้องมันแล้วนี้ ไม่ลองโทรชวนน้องมันดูว่ะ” ผมว่าขึ้นด้วยความกระตือรือร้นเต็มที่

“นี่มึงยังหวังอะไรกับน้องมันอีกหรอวะ กูว่าน้องมันดูเด็กเนิดไปปะ ติดเรียนแจซะขนาดนั้นแถมดูหยิ่ง ๆ อีก” ไอ้เอ็มที่นั่งข้างผมพูดขึ้น 

จากครั้งนั้นที่ผมให้ซินโทรชวนมาเลี้ยงแล้วน้องมันก็ไม่มา ผมก็ให้ซินโทรไปอีกสองสามครั้ง แต่น้องก็ปฏิเสธจะเนียนติวก็ปฏิเสธ ปฏิเสธแม่งทุกทาง ต้องการความส่วนตัวอะไรขนาดนั้น มีบ้างพวกผมไปก่อตัวอยู่ตึกคณะบริหารที่ปกติไม่เค๊ยไม่เคยจะเข้าไปสุ่มหัวกันบ่อยขนาดนั้น มีเจอน้องมันบ้างแต่ในระยะไกล๊ไกล ซึ่งก็ไม่เคยบ๊ะเจอกับผมจัง ๆ สักรอบ กระพริบตาแวบเดียวน้องไปกับกลุ่มเพื่อนเขา พอใกล้สอบก็ยิ่งยุ่งใหญ่ ผมก็ไม่ได้ให้ซินโทรไปกวนผมไม่ใช่พวกชอบตื้ออยู่แล้ว เสียฟอร์มอะแต่ก็มาแอบส่อง(?)เห็นลงจากชั้นนึง ไปชั้นนึง เข้าห้องนี้ออกห้องนู้นเข้าหอสมุดนี้ บลา ๆ สงสัยจะอยากได้เกียรตินิยม แต่แล้วพรุ่งนี้มันก็เสร็จสิ้นสมบูรณ์

น้องสอบเสร็จแล้วโว้ยยยยยยย ! แต่….

มันคือปิดเทอมใหญ่ !

ซึ่งผมจะไม่ได้เจอน้องอีกหลายเดือนเพราะน้องจะกลับบ้าน ตัวผมก็เช่นกัน เพราะฉะนั้น อีกไม่กี่วันนี้ ผมจะต้องทำให้น้องออกมาตามคำชวนของพวกผมให้ได้ !

“น้องเขาแค่ทำหน้าที่ที่ดี”

   “ถูก ! หลานรหัสกูเห็นแก่เรียนไง ไม่ใช่เหมือนมึง” ยัยซินหันมาพยักหน้ากับคำผม แล้วว่าไอ้เอ็มเข้าให้ไปดอก มาว่าหลานรหัสมันได้เยี่ยงไร

   “เออ สงสารแม่มึงเนอะ” ไอ้หนูได้ทีก็เอาใหญ่ไปอีกดอก

   “อื้ม…… ขายวัวส่งควายเลี้ยง” พอไอ้วายุว่าจบเท่านั้นแหละ ฮากันกระจายแปะมือกันใหญ่
   
   “ไอ้ฟายยยยยยยยยยยยยยย !” เอ็มโวยวาย

เอ็มมันไม่ได้เรียนแย่ มันอยู่ในสภาพปานกลางมากกว่าเพราะถ้าแย่คงไม่เรียนมาจนจะปีสี่แบบนี้ มันแค่โดดได้เป็นโดดจนครบโควต้าอะ บางทีก็ลักแอบด้วยแต่การเรียนมันไม่ตกต่ำดีที่ได้สมองแม่มันมาเลยฉลาด ช่างกลแบบมันหนะเด็กกิจกรรม อย่างมันนี่อดีตพี่ว้าก กีฬานี่ถ้าแยกร่างเวลาแข่งได้มันก็รวบหมดไปแล้ว มันเล่นเป็นหมด ตัวถึงได้ดำใหญ่บึกบึนเป็นควายธนูอยู่แบบนี้ไง

   “เดี๋ยวมึงกลับเข้าเรื่องน้องคิมของกูก่อน” ผมดึงทุกคนกลับมาเรื่องของผมอีกรอบ ยัยซินที่หัวเราะหน้าดำจนเป็นแดงหมดแล้วรีบกลับเข้าเรื่อง (จริงมันผิวแทน)

   “แหม เต็มปากเต็มคำ ของกู ถุย !” หืม เชี่ยเอ็ม ผมนี่เบี่ยงหน้าหนีน้ำลายมันแทบไม่ทัน

   “จะโทรก็ได้นะ แต่ไม่ดึกไปหรอวะ” ซินว่า

“กูว่าตอนนี้กวนน้องเปล่า ๆ วะ ไปรอเจอพรุ่งนี้ตอนน้องมันสอบเสร็จดีกว่า ยังไงพรุ่งนี้พวกเราก็ว่างหมดนิ” วาออกความเห็น พวกผมก็พยักหน้ารับ พวกผมสอบเสร็จแล้ว อ๋อ มีแต่ไอ้วากับไอ้เอ็มที่มีสอบตอนเช้านิดนึง แต่ยังไงพวกเราก็อยู่ทันน้องคิมอยู่ดี เพราะตารางสอบน้องก็ประมาณบ่าย ๆ เกือบเย็นเลยละ ถามว่ารู้ได้ไง  ตอบได้ว่ากูเก่งเฉย ๆ พอ







   “มึงว่าจะเจอมั้ย”

   “กูว่าเจอ”

   “กูว่าไม่ 300”

   “กูว่าเจอ 500 เลยสัด”

   “มึงเตรียมตัวจ่ายได้เลย”

   “แล้วได้รู้กันไอ้เตี้ย”

    ผมกลอกตาฟังไอ้สองตัวนั้นเล่นพนันกันจากคลิปต่าง ๆ นา ๆ ที่ไปค้นเจอกันแล้วมานั่งเดานั่งพนัน อย่างเช่นตอนนี้มันกำลังดูคลิปสารคดีสัตว์โลกอย่างปลาเหี้ยอะไรไม่รู้ซึ่งผมไม่รู้จักตามหาไข่ลูกตัวเองที่พัดตามกระแสน้ำไปอย่างแรงเพราะมีไอ้เสร่อตากล้องที่ถ่ายเป็นคนทำให้มันปลิวไป แล้วจะรอดูว่าพ่อปลาจะตามไข่ลูกเจอไหม อย่างกับเรื่องปลานีโม่ ปัญญาอ่อนสิ้นดี ไม่ต้องถามว่าใคร ไอ้หนูกับไอ้เอ็ม -____-

ส่วนผมก็นั่งตอบแชทลูกค้าในอินบ็อกเฟช อิสตาแกรม ไลน์ ไปเรื่อย ๆ ในไอแพด ผมขายของขายครีม ยาเสริม ผลิตภัณฑ์แบรนด์ของเพื่อนแม่ แน่นอนป้าให้เงินผมดีเลยล่ะ ผมไม่ได้รวยฐานะปานกลางพอมีพอกิน พ่อแม่เปิดร้านเว้ดดิ้งสตูดิโอ รับงานแต่งงานเลี้ยงก็มีบ้างบางครั้งที่ไม่ใช่เทศกาลฤกษ์แต่งงาน ไรประมาณนี้  พ่อเป็นตากล้องมือดีเกือบต้น ๆ ของจังหวัดเลยก็ได้ น้องสาวผมที่ชื่อโรสห่างกันปีเดียวก็เรียนแพทย์อยู่ ซึ่งค่าจ่ายมันแพง ผมเลยไม่พึ่งเงินที่บ้านเท่าไหร่ เพราะช่วยขายครีมก็ทำให้ผมมีเงินได้ใช้ได้ส่งตัวเองแล้ว อีกอย่างพ่อแม่ผมก็สอนให้เลี้ยงดู เก็บเงินทำมาหากินตั้งแต่ผมมอต้น เพราะเมื่อก่อนถือว่าก็จนพอกัน กิจการที่บ้านไม่ได้เป็นที่รู้จักเท่าตอนนี้เลยไม่ได้มีรายได้เข้ามากมาย แม่มีเชื้อสายจีนด้วยเลยทำให้ติดนิสัยประหยัดมาจากอาเจ็กอากงบรรพบุรุษซึ่งตอนนี้ไปสู่สวรรค์ไปนานละ  ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามาได้กับพ่อเขาที่เป็นคนใต้ เซอร์ ๆ ซกมก ฟุ่มเฟื่อย เพลย์บอยได้อย่างไร คิดแล้วก็งงเหมือนกัน แต่ช่างมันเถอะ

“นี่จะเย็นแล้วนะ” วาพูดขึ้น หลังจากนั่งเก็กมองไอ้สองตัวนั้นเล่นปัญญาอ่อนกันมานาน

“เออว่ะ แล้วไหนน้องคิมว่ะ กูยังไม่เห็นเลย” ไอ้เอ็มพูดขึ้น นี่มึงสนใจพวกกูนอกจากไอ้คลิปปัญญาอ่อนนั่นแล้วหรอ ไม่รู้มันจะพนันกันทำไม สุดท้ายใครจะชนะหรือแพ้พวกมันก็โกงเงินกันกลับอยู่ดี

ขวับ !

“เออ ยังไม่เห็นเลยว่ะ ซะ…”  คิดได้พวกผมเลยหันไปจะถามซิน แต่สิ่งที่เจอตอนนี้ทำพวกผมต้องมีหน้าเดียวกัน
 
“อืม อืมมม คิคิ …. ไอก็มิสยู มิสยู เหมือนกันนะ ม๊วฟม๊วฟ มายเดียร์”

จะโก่งคออ้วกก็เสียดายข้าวเที่ยงที่กินเข้าไป

“กูเจ็บหัวเหม็ด” (ภาษาใต้วันนี้ เจ็บหัวเหม็ด = ปวดหัวมาก)ไอ้เอ็มวางไอโฟน4เอสแสนทนทานของมันทิ้ง พ่นภาษาบ้านตัวเองด้วยสีหน้าที่เหนื่อยหน่ายเต็มประดาที่หันมาเจอมาเจอยัยซินเว่อร์ชั่นแบ๊วกำลังคอลวิดีโอกับผัวสิงค์โปรของมัน

“ขากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” อิหนูทุเรศมาก มันทำขากยาว เสลดดิ้นจากคอหอยขึ้นมาที่ปากหมดทั้งโพลงแล้วมั้งนั้น

“เชี่ยหนูมึงเอากระโถนไหม” ไอ้เอ็มถาม

“กูว่าให้กะละมังเหอะ ขากขึ้นมาจากลำไส้ใหญ่เลยไหมมึง” ผมว่าพร้อมผลักหัวมันที่จะถมน้ำเสลดมาใส่ผม อีนี่เล่นสกปรก

“เป็นกูเลิกตั้งแต่หัวเราะคิคิละ” วาบ่น เหมือนซินจะได้ยินพอดี โดนจิกหัวไปหนึ่งทีแรง ๆ เอาซะหัวเพื่อนกูโยกเป็นเกียร์รถเลย

“พวกมึงนี่ก็วุ่นวายกัลการคุยกับแฟนของกูฮะ ! ช่วยกันสอนภาษาไง ไทยคำอังกฤษคำสลับกันไปมา อิพวกโง่! โง่! โง่! อย่างพวกมึงอะเงียบไป ไม่มีแล้วอย่าอิจ ซินขอร้อง !”

   เอาที่เพื่อนสบายใจเลยนะ
   มันหันกลับไปคุยกับแฟนมันไม่นานแฟนมันก็วางสายไป แล้วกลับมาสนใจพวกผม

   “ว่ามา มีไร” มันหันมากอดอกมองพวกผม แหมทีนี่ละเชิดซะ ตะกี้นี่ไส้เดือนดิ้นดี ๆ นี่แหละ สะดิ้งซะ

   “น้องคิมไม่เห็นลงมาเลย นี่ก็เย็นมากแล้วนะเว้ย” ผมว่า

   “ก็รอหน่อยดิหว๊า น้องมันอาจทำธุระอยู่ก็ได้”

   “แต่กูเริ่มไม่อยากรอละ หิวชิบหาย เย็นแล้วนะเว้ย ไปหาไรแดกเหอะ น้องคิมมึงค่อยโทรก็ได้” ไอ้เอ็มว่า

   “โหย มึง ขอตรง ๆ น้องมันจะได้ไม่กล้าปฏิเสธไง” ผมโอดครวญ กูอยากเจออะ อยากเจอพวกมึงไม่เข้าใจกู ! ลงไปดิ้นได้กูทำแล้วสึดเอ้ย

   “มึงรู้ได้ไงว่าน้องมันไม่กล้า กูโทรตื้อมันยังปฏิเสธ นี่ป้านะ ป้ารหัสสาวสุดแซ่บที่สุดในคณะแล้ว ดูผมใหม่กูด้วย” ท่าทางแม่งจริงจังมาก มีการสะบัดและดึงผมหยักโศกสีใหม่ของมันน้ำตาลแดงหมนที่ไปทำพร้อมผมเหมือนกัน ของผมน้ำตาลบลอนด์สว่าง

   “โหยย มึงอะ อย่าตัดหวังกูดิ น้องมันอาจจะหิวไปกินกับเราก็ได้” ผมเกาะแขนมัน ตื้อไม่หยุด กูอยากเจอน้องงงงงงงงงงง !!

   “ถ้ามึงยังรอน้องอีกพวกกูเนี่ยละ จะแดกหัวมึง” ยัยหนูว่า พร้อมกับไอ้เอ็มที่เริ่มเสริม มันมาละ  เริ่มละ

   “เออมึงก็รู้ กูไม่ค่อยดี”

   “เป็นบ้าหรอ”

   “พ่อง ! กูเป็นโรคกระเพาะ” มึงไปเป็นตอนไหนไอ้สัด กูเห็นแดกที สี่ห้ามื้อ “แดกข้าวไม่ตรงเวลาแล้วกูจะปวดท้อง พอปวดท้องกูก็จะเจ็บปวดทรมาน แล้วกระเพาะกูจะฉีกขาด ไอ้เชี่ยลัค มึงเห็นเด็กดีกว่ากระเพาะเพื่อนอย่างกูหรอ”

   “เออ” ผมสวนหน้าตาย จนมันฟึดฟัดอารมณ์เสีย

   “ไปเหอะว่ะ ค่อยโทรเอาละกัน หิวไส้บิดละเนี่ย” ยัยหนูว่าอีกที ผมเลยพยักหน้าไป ลุกขึ้นเก็บของเตรียมจะออกไปหาอะไรกิน ก็ได้ว่ะ ถ้าพรมลิขิตมีจริง ก็คงทำให้ผมได้เจอกับน้องมันเอง พูดแล้วก็อยากจะปาดน้ำตา กูเคยเชื่อมันได้หรอ อีพรมลิขิตเนี่ย เกิดมา 21 ปี จะ 22 แล้ว มันไม่เคยลิขิตให้กูเจอคนที่ใช่เล้ยยย อย่าถามถึงแฟน น้อยคนมากที่จะได้คบเป็นแฟน ส่วนมากก็คุย ๆ คนไหนถูกใจก็มีสานสัมพันธ์ร่างกาย แล้วจบจากกันไปแค่นั้น แค่ระบาย พึงพอใจ  คนที่ผมชอบมีเยอะแยะ เยอะมาก แต่คนที่ผมรักนอกเหนือจากคำว่าครอบครัว เพื่อน พี่น้อง …. คงไม่มี

   ผมไม่เคยมีความสนใจที่จะเริ่มต้นเข้าหาใครเพื่ออยากให้มาเป็นคนที่ใช้ชีวิตอีกครึ่งหนึ่งด้วยกันเลยสักครั้ง กับคิม ผมยอมรับผมสนใจและเริ่มเข้าหาก่อนทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำกับใคร แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันคือความรู้สึกที่อยากเอามาเป็นคนที่ยืนข้างกาย ใช้ชีวิตอีกครึ่งหนึ่งด้วยไหมหรือแค่สนใจเพราะเขาต้องตาต้องใจผมตั้งแต่คืนวันงานนั้น เพราะผมคิดเสมอตัวเองยังอายุน้อย คนมันจะใช่ก็ใช่เอง ฟ้ามันจะลิขิตมาเอง

ผมคิดว่าสำหรับคิม ผมก็แค่อยากลอง

   แรงสะกิดทำที่แขนทำให้ผมหันตามไปมองซินที่สะกิด  ผมมองมันอย่างงุนงงแล้วมองตามสายตามันหันไปเห็น ผู้ชายร่างเล็กยกมือไหว้ค้างไว้ ใบหน้าขาวใสจืด ๆ แต่ผมกลับมองว่ามันมีเสน่ห์ มีกรอบแว่นที่ดำสี่เหลี่ยมอันใหญ่อยู่บนกราบหน้าเล็ก ตากลมชั้นเดียวเหมือนตาหงส์นั่นสบตากับผมพอดี

   คิม

   ผมฉีกยิ้มทันทีที่เห็นด้วยความดีใจอย่างลืมตัว ใบหน้านั่นดูตกใจไปนิดหน่อยแล้วยิ้มกลับมาให้ผม รอยยิ้มน่ารัก ๆ ที่ทำให้ผมใจเต้นตึก ๆ
   
   


ผมคิดว่า ครั้งนี้ พรมลิขิตอาจเห็นใจผมขึ้นมานิด ๆ ก็ได้




______________________________________________________________________

มาเสริฟจ้า ตามจริงอัลจะอาบน้ำนอนละเหนื่อยทั้งวัน แต่พรุ่งนี้ไม่อัพเลยมาแบบลงให้ก่อน มาเต็ม ๆ ไปเลย

เม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ   :monkeysad:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-03-2016 22:17:49 โดย aunnabubell »

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
คิมดูท่าทางน่ารักจัง5555555

ออฟไลน์ aunnabubell

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
#3



   ลัคคิดว่าพระเจ้าเริ่มไม่น่ารักซะแล้วซิ …

   “อีคิม ๆ ผู้ชายโต๊ะนั่น แซ๊บบบแซ่บเนอะมึง”  อะไร ชวนคิมดูของแบบนั่นได้ยังไงกัน คิมยังเด็ก (?)

   “คนนั้นอะหรอ ก็ดีนะ”    ดีบ้าอะไรกัน !

   “นอมึงจะแทงไอ้คิมอยู่แล้ว แล้วไม่ต้องไปแพร่เชื้อใส่มัน” เออ ทำดีมากเป็นเพื่อนกันก็หัดเตือน “อะคิม นี่ของโปรดมึง”

   ลัคมองตามอาหารที่ถูกส่งยื่นไปด้านหน้า เขายิ้มนิด ๆ ยังไงก็ได้รู้ว่าของโปรดน้องคืออะไร แม้ก็มีหงุดหงิดในใจลึก ๆ เพราะเพื่อนของน้องดูแลดีเหลือเกิน เขากับพวกเพื่อนไม่เคยดูแลกันแบบนี้เลยด้วยซ้ำ มือตีนล้วน ๆ อะส่วนใหญ่

   “ขอบใจนะ” ยิ้มหวานแบบนั้นคืออะไร ตอนเจอหน้าเขายังยิ้มแหย่เหมือนมีพริกติดฟันอยู่เลย “เบล ๆ ผู้ชายคนนั้นน่าจะสเป็คแกนะ”

   “ไหน ๆ..  แอร๊ยยยย แกก็ตาถึง นี่ละคุณค่าของแว่นหนาและสันดานขี้เสือกของแก”

   “ถ้าจะด่าขนาดนี้ก็อย่าพูดเหมือนชมเลยเบลล์”

   ลัคที่มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่ซ้ำกัน ตอนแรกไม่พอใจนิด ๆ ซักพักหงุดหงิดหน่อย ๆ อีกนิดก็อารมณ์ดีขึ้นมา และก็ต้องกลับไปหน้าหงิกอีกรอบ ตอนนี้เขาคิดว่าเขาหย่นหน้าไปทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 25 รอบ หน้าหย่นขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ

   ตอนแรกก็คิดว่าคิมจะพาเพื่อนที่คณะมา ที่ไหนได้ เป็นเพื่อนแปลกหน้าสองคนที่พวกลัคไม่เคยเห็นและดูจะสนิทกันเกินไปมากมาย อะไรคือการนั่งประกบคิมทั้งสองข้าง ทำให้เขาตีเนียนไปนั่งข้างไม่ได้ และอะไรคือการที่เพื่อนมันคนนึงชวนดูผู้ชาย เพื่อนอีกคนคอยตักอาหารโปรดให้ อะไร นี่คืออะไร !? ใครก็ได้ตอบไอ้ลัคคนนี้ที ! ตั้งแต่เข้ามาน้องไม่แลหัวเขาเลยด้วยซ้ำ นอกจากตอนหันมาแนะนำเพื่อนทั้งสองอ่ะ !!

   ลัคได้แต่คิดแล้วเซ็งจิตอยากจะลงไปดิ้น ๆ ให้โลกรู้ไปเลยว่าตอนนี้ลัคโคตรขัดใจ คิมแนะนำให้ฟังว่าเพื่อนตัวขาวผอมสูงพอ ๆ กับลัคที่ชวนคิมดูผู้ชายชื่อเบลล์ แน่นอนว่าเกย์ ออกแนวสาวด้วยซ้ำ และอีกคนตัวสูงหน้าหล่อคมเข้มผิวขาวดูดุ ๆ หน่อยนั้นชื่อซัน ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทของคิมซึ่งเรียนอยู่อีกที่แต่จะกลับบ้านพร้อมกันในอีกไม่กี่วัน  นั้นหมายความว่าเมื่อใดที่เขาพยายามจะชวนคิมออกมา ต้องมีสองคนนี่พ่วงออกมาด้วยแน่ ๆ

   แค่คิดลัคก็อยากจิคราย ลำพังไอ้เพื่อนเด็กในคณะก็น่าจะสลัดยากแล้ว เจอไอ้สองคนนี้ไปเกาะยิ่งกว่าปลิงทะเลน้ำลึกแน่ ๆ

   “ลัค มึงอยากได้น้ำเย็นมั้ย” หนูที่เดินมานั่งอยู่ข้างลัคสะกิดศอกลัคแล้วกระซิบถาม ทำให้ลัคหันไปมองงง ๆ เพราะในมือก็มีเหล้ามีน้ำแข็งอยู่ “เอามาดับไฟบนตามึง”

   “เดี๋ยวกูตบร่วงโต๊ะ”ลัคว่าพร้อมทำท่าจะตบหัวจริง  ๆ ให้หนูหัวเราะคิกเบี่ยงตัวหนี

   “มึงอย่า ๆ ถิ่นใครดูด้วย อย่ากร่างครับน้อง” หนูว่าพร้อมชี้หน้า ตอนนี้ทุกคนอยู่ในร้านอาหารริมแม่น้ำธุรกิจบ้านของหนู ซึ่งไกลจากมหาลัยอยู่พอควร แต่ก็พากันมาที่นี้ด้วยการข่มขู่ของซิน บอกว่าถ้าคิมยังปฏิเสธจะมีการลงโทษเพราะขัดป้ารหัสมาหลายรอบแล้ว อ้างเสียมารยาทบ้างละ ไม่เคารพบ้างละ ซึ่งคิมต้องจำใจรับปากว่าจะมา และวันนี้ก็มาโดยมีเพื่อนอีกสองคนที่พ่วงมาด้วย

   “แล้วนี่ไอ้วามันหายหัวไปไหนของมัน” ลัคเลิกสนใจรุ่นน้องสามคน หันมาถามต่อเพราะตั้งแต่เข้ามาก็ไม่เห็นเพื่อนคนนี้เลย หรือเพราะมัวแต่สนใจน้องคิมกันแน่นะ ?

   “มันเข้าไปหาพี่นันตั้งแต่นิ้วโป้งเท้ามันก้าวข้ามเขตอาคมหน้าร้านกูละ” หนูว่าเท้าสะเอวมองดูรอบ ๆ ร้านที่มีลูกค้านั่งอยู่เต็มไปหมด บ้านหนูธุรกิจของเขาดีมาก มีเป็นกะอย่างกับเซเว่น มีกะกลางวันและกลางคืน กลางวันแม่ทำก็จะมีลูกจ้างกะกลางวัน กลางคืนพี่ชายของหนูที่ชื่อนันก็จะมาทำต่อก็จะมีลูกจ้างที่ทำกะกลางคืน แถมตอนกลางคืนยังมีดนตรีสดอีกต่างหาก ซึ่งมีวายุเพื่อนของเขานั้นก็มาทำงานพิเศษเป็นมือกลองอยู่ด้วย

   “ที่นี่มีเขตอาคมด้วยหรอคะ? มีไว้ทำไมคะ หรือว่ามี…” นี่ซื่อใช่ไหมลูก? ลัคหันไปมองเพื่อนตัวขาวของรุ่นน้องอย่างเบลล์

   “มึงจะบ้าหรอเบลล์ พี่เขาแค่เปรียบเปรย ใช่ไหมครับ?” ว่าเพื่อนแล้วหันมามองหน้ารุ่นพี่ของเพื่อนตัวเองทั้งสอง ทำให้คนโดนมองอย่างลัคและหนูหัวเราะออกมาน้อย ๆ

   “ไม่ใช่ครับ มันมีเขตอาคมแบบที่น้องเบลล์สงสัยจริง ๆ” สาวร่างอวบผมสั้นอย่างหนูยื่นหน้าไปเกือบกลางโต๊ะสบตาแบบมีเลศนัย  ถ้าคอยาวได้มากกว่านี้คงจะยื่นไปให้กระแทกหน้ารุ่นน้องเลย “ที่ร้านพี่อ่ะ เมื่อก่อนผีดุมากเลยนะ เพราะมันเป็นริมแม่น้ำ ทวดพี่เคยเล่าให้ฟังว่าสมัยทวดสาว ๆ นะ มีผู้หญิงกับผู้ชายมาพลอดรักกันที่นี่ แต่ไม่รู้รักกันอีท่าไหนฆ่ากันแล้วท่วงน้ำที่นี่ซะ หาศพก็ไม่เจอ และเฮี้ยนมากด้วย”
   
   พวกของคิมยังมีสีหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งจนหนูต้องย้ำอีกรอบ

“ทำหน้างั้นไม่เชื่อหรอ มองตาพี่ซิ คิดว่าพี่จะโกหกเรื่องผีกับพวกน้องทำไม ไม่เห็นเชือกหน้าทางเข้าร้านหรอ มันจะมีกระดาษสีขาวใบเล็ก ๆ แปะไว้เป็นระยะ ๆ นะเห็นไหม”

   ไม่ว่าเปล่ามีการผยักหน้าให้รุ่นน้องมองตาม ก็เห็นมีเชือกที่ผูกไว้แถวประตูหน้าร้าน มีผ้าขาว ๆ ออกเหลืองมอซอติดไว้ เมื่อพวกคิมเห็นก็ตาเหลือกกันทันที มันเหมือนในการ์ตูนผีญี่ปุ่นที่เคยดู ! แบบศาลเจ้าในญี่ปุ่นเลย หรือว่าที่รุ่นพี่ร่างเล็กพูดจะจริงกันนะ !??? จะมีผีโผล่ขึ้นมานอกร้านตอนพวกเราออกไปเอารถหรือเปล่าเนี่ย ! เด็กหนุ่มน้อยทั้งหลายกำลังคิดต่าง ๆ นา ๆ การแสดงออกทางสีหน้าที่ทำให้ลัคกลั้นขำไม่อยู่ รู้เลยว่าเด็กพวกนี้มันกลัวผี

“อุ๊บ ! ฮ่า ๆๆ มึงดูหน้าพวกน้องดิ ! ฮ่า ๆๆ ไอ้เหี้ยตลก ! ”

   ป้าบ ป้าบ!

   หนูหัวเราะลั่นทันทีที่เห็นสีหน้าซีดเผือกของน้องแต่ละคน ยิ่งเบลล์ยิ่งฮาไปใหญ่เกาะแขนคิมหนึบ ซันก็เบียดคิม หนูหัวเราะพรางเอามือมาตีแขนลัคที่นั่งหัวเราะอยู่ข้าง ๆ จนลัคเริ่มเจ็บจึงดันตัวหนูออกไกล ๆ

   “ฮ่า ๆ นี่เชื่อจริงดิ ” พวกน้องผยักหน้า “โอ้ย ฮา ๆ ไอ้หนูมันโกหก มันเคยได้คุยกับทวดซะที่ไหนทวดมันตายทั้งแต่มันยังเป็นตัวไข่อสุจิพ่อมันอยู่เลย ฮา ๆ แล้วที่เห็นสีขาว ๆ อะ แค่ป้ายของสายไฟอันเล็ก ๆ ที่พันรอบเชือกไว้ เดี๋ยวอีกไม่นานก็จะเปิดไฟละเนี่ย” ลัคบอกให้ตามความจริง เขาเองก็เคยโดนหลอก แต่ด้วยความไม่ได้กลัวผีอะไรมากเดินไปดู เห็นเป็นป้ายบอกเลขของสายไฟนี่ ๆ เท่านั้น

   “ฮ่า ๆ แม่งแต่ละคนหน้าซีด งั้นเดี๋ยวพี่ไปดูลูกค้าก่อน น้อง ๆ อยากกินอะไรอีกสั่งเพิ่มได้เลยนะ มื้อนี่ไอ้ลัคจ่าย” ลัคถึงกับตาถลน เรื่องอื่นยอมได้ยกเว้นเรื่องเงิน
   
   “ไม่เอาหรอกครับพี่ หารกันสิกินด้วยกัน” คิมพูดขึ้น หันมามองลัคอย่างเกรงใจเพราะไม่ได้สนิทอะไรกับเพื่อนของป้ารหัสคนนี้แล้วจะให้เขาเลี้ยงได้อย่างไรกัน คนที่สมควรเลี้ยงต้องป้ารหัสที่พยายามลากถูเขามาสิ แต่ก็มีเพื่อนเขาพ่วงมาด้วยเขาเลยเสนอออกไปว่าหาร

   “ไม่ต้อง ๆ มื้อนี้เดี๋ยวพวกพี่จ่ายเอง พวกพี่คนชวนมา”ซินที่เดินกลับมาจากคุยโทรศัพท์กับมายเลิฟพูดขึ้นแล้วนั่งลงไขว้ห้างยกแก้วเหล้าดื่ม สะบัดผมที่ปล่อยยาวนั้นตามลมที่พัดเข้ามาประหนึ่งนางเอกเอ็มวีมิวสิค แต่ผมนั่นดันไปโดนหน้าลัคที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

   พรึ่บ !

   “โอยซิน ผมมึงตีหน้ากูแสบหมดแล้วอีเพิ้ง !” ลัคโวยวาย ปัดผมนั้นออกจากหน้าพร้อมผลักหัวเพื่อน ซินหันมาผลักหัวกลับเลยเป็นการทะเลาะเด็กปัญญาอ่อนผลักหัวกันไปมา ผู้ชมที่นั่งฝั่งตรงข้ามสามคนได้แต่นั่งมองสองคนนั้นไปมาว่าใครจะหัวหลุดก่อนกัน

   “มึงเรียกกูเพิ้งหรอ อิเนรคุณ”

   “ก็ผมมึงตีหน้ากูอ่ะ คิดว่านางเอกมากไหมสะบัดมาได้ ผมสาก ๆ ของมึงเนี้ย!”

   “แอร้ยยยย อีลัค ! กูจะตบหัวมึงเปิงเลย”

   “พอ ๆ พวกมึงทั้งคู่เลย น้องนั่งเอ๋อแดกกันหมดแล้วเนี่ย !” หนูที่ยืนมองอยู่ห้ามทัพก่อนที่พวกมันใครคนหนึ่งจะตกน้ำไปเพราะผลักหัวกันไปมา ทั้งสองสงบแล้วจัดทรงผมหน้ามุ่ยหันไปมองเด็กที่ชวนมาที่ส่งยิ้มแหย่มาให้ “ดูน้องไปละกันพวกมึง กูไปช่วยพี่ละ ส่วนไอ้เอ็มเดี๋ยวก็คงมา”

   วนกลับมาที่โต๊ะที่ตอนนี้ก็เริ่มกลับมาทานอาหารกันอีกรอบลัคกับซินก็ชวนน้องคุยเรื่องทั่วไป การเรียน ที่อยู่ บ้านเกิด ต่าง ๆ นานา  เบลล์ดูจะชอบลัคมาก เพราะลัคดังในอินเตอร์เน็ตขายครีมที่เบลล์ก็เคยอุดหนุนซื้อคุยเรื่องครีมกันไป ชนแก้วกันไม่หยุดไม่หย่อย คิมก็กินบ้างมีตอบคำถามลัคที่ถามบ้าง ส่วนซินกับซันก็เหมือนจะคุยถูกคอกัน นี่ก็ผ่านไปนานพอควรจนดนตรีสดจะขึ้นแล้วเอ็มก็ยังไม่มา

   “ไมไอ้เอ็มยังไม่มาอีกวะ” ลัคที่เริ่มมึน ๆ พูดขึ้น ตาโตเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์

   “เดี๋ยวก็มามั้ง อะ มึง ๆ ไอ้วาขึ้นละ ๆ”

ซินตบโต๊ะยกนิ้วชี้เรียกให้ทุกคนมองเลยเข้าไปในร้าน โซนที่มีเวทียกสูงขึ้นมานิด ก็เห็นวงดนตรีสดเริ่มขึ้นไป วายุที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดเทากางเกงยีนขาด ๆ  ที่ขาดแบบ ขาดเหี้ย ๆ กระชากที่ก็ขากางเกงหลุดออกมาได้สบาย ๆ ถ้าไม่หล่อใส่นี่ดับเลย พอมาอยู่ในตัววายุที่หล่อเป็นทุนเดิมบวกหุ่นดีผิวขาว ก็ดูเท่ห์ ๆ ไปเลย

 “นี่พวกมึงเห็นกางเกงขาด ๆ ที่ไอ้วามันใส่ไหม ที่ขาดนี่ไม่ใช่แนวนะอย่าเข้าใจผิด ขาดเพราะเก่านี้ละ ใส่มาได้ตั้งแต่มอปลายไอ้หนูเล่าให้ฟัง รอยแหกรอยแรกได้มาจากวิ่งหนีกระเทยในสีลม 2 แม่งโดนรุ่นพี่หลอกไป รอดหนามหนีเข้าไปในสวนเลยแหก ควายชิบหาย ฮา ๆๆ ”

   พอเริ่มคุยกันสนิทศัพท์มึงกูของซินก็เริ่มมา น้อง ๆ หัวเราะให้กับการแฉเพื่อนของซิน ไม่นานดนตรีสดก็เริ่มขึ้น ลัคลุกเดินออกไปข้างนอกโดยมีสายตาคิมมองตามไป เขาเป็นห่วงเพื่อนเขาที่บอกจะมานานแล้วทำไมยังไม่มา กลัวจะเกิดอุบัติเหตุหรือมีเรื่องอะไรขึ้นเลยกดโทรหา

   [ว่าไงมึง] แปปเดียวก็รับสายพร้อมเสียงเข้ม ๆ ของปลายสายลอยมา

   “มึงอยู่ไหนเนี่ย !” ลัคที่เป็นห่วงก็ว่าออกไปด้วยเสียงฉุนนิด ๆ ทันที

   [จะถึงร้านแล้ว โวยวายไมวะ]

   “ไม่ให้โวยวายได้ไงชั่วโมงกว่าแล้วเนี่ยมึงก็ยังมาไม่ถึง ทำห่าไรชักช้า”

   [ถึงแล้วเนี่ย ๆ] อีกฝ่ายว่ามาลัคก็เห็นรถของเพื่อนเลี้ยวเข้ามา ลัคกดวางสายแล้วเดินไปหา

   “บ้านไอ้คมอยู่ยะลารึไง ทำไมนานนัก”

   “พวกไอ้คมเจอปัญหานิดหน่อย แต่เคลียร์ละ”เอ็มว่า พร้อมเดินมากอดคอลัคเข้าร้านเดินไปที่โต๊ะไม่ให้ลัคได้เซ้าซี้อะไรมากมายอีก

   “อ่าวไอ้เอ็ม กูนึกว่าแหกโค้งไปละ” เอ็มนั่งลงข้างซิน ลัคเลยไปลากเก้าอี้จากโต๊ะที่ว่างมา ไม่อยากนั่งเบียดตัวควาย ๆ นั้นเท่าไหร่

   “คิม เบลล์ ซัน นี่ไอ้เอ็มเพื่อนพวกพี่ เอ็มนี่ เบลล์ ซัน ส่วนคิมมึงคงรู้จักแล้ว” ลัคที่เป็นคนแนะนำ หันไปส่งยิ้มหวานให้คิมที่มีสีหน้างง ๆ ว่าพี่เอ็มไปรู้จักตนได้อย่างไร แต่ก็คิดว่าคงจะเพราะเป็นหลานรหัสของซิน เพื่อน ๆ คิมยกมือไหว้เอ็ม ซึ่งเอ็มก็ยกมือทักทายฉีกยิ้มทะเล้นของมัน ความหล่อเข้มนั่นทำให้เบลล์ที่ตอนนี้แทบละลายไปกองกับพื้น ตีขาคิมใต้โต๊ะตุบตับ ๆ แบบที่ลัคก็เห็นคิมก็แค่หัวเราะกับท่าทางของเพื่อน

   “มา ๆ ชนกันดีกว่า ลัคมึงชงเลยอยู่หัวโต๊ะ” เอ็มว่าซึ่งลัคก็ไม่เกี่ยง พวกเขานั่งกินกันไปเรื่อย ๆ วายุก็เดินวนที่โต๊ะรอบสองรอบ เบลล์ที่เห็นความหล่อเกาหลีของวายุเข้าไปแทบกรี๊ด จิกตบตีคิมจนคิมตัวแดงไปหมด ลัคเห็นแล้วอยากจะถีบออกจริง ๆ มาตีคิมให้ตัวแดงแบบนั้นได้ยังไงกัน

   “เบลล์ออกหน่อยจะไปห้องน้ำ” คิมพูดกับเบลล์เบา ๆ สองคนแต่ลัคที่หูดียิ่งกว่าหูหมาก็ได้ยินเสียงแล้วลุกขึ้นยืนทันที

   “อ่าวมึงไปไหน” เอ็มทักขึ้น พอดีกับที่คิมเพิ่งหลุดออกมาจากที่นั่ง

   “ไปห้องน้ำหน่อย อ่าว แล้วคิมจะไปไหน” ลัคทำหน้าซื่อหันไปมองคิม

   “ผมจะไปห้องน้ำเหมือนกัน” ลัคพยักหน้าแล้วเดินนำไปก่อน คิมก็เดินตามทันทีเพราะตัวคิมเองก็ยังไม่รู้จักห้องน้ำของที่นี้ ห้องน้ำอยู่หลังอาคารส่วนร้านอาหารที่นั่งกินกัน มีทางหินตั้ง ๆ เป็นทางไปข้างหลังมีห้องหลายห้องยาว ๆ อยู่สีเขียวแต่มีแบ่งเขตเอาไว้ด้วยไม้ไผ่กั้นว่าฝั่งซ้ายหญิง ฝั่งขวาชาย ทั้งสองเข้าไปทำธุระในห้องน้ำกันเสร็จเรียบร้อยแล้วมาล้างมือที่อ้าง ไม่มีการชวนคุยใด ๆ ซึ่งคิมเหมือนไม่ได้อึดอัดอะไร แต่กลับเป็นลัคเองที่อึดอัดอยากจะถามบางอย่าง

   “คิมเป็นแฟนกับน้องฟ้าหรอ” ถามไปแล้ว … ถามแบบไม่มีปีมีขลุ่ยอะไรเลยด้วย น้องจะตกใจปะวะเนี่ย ลัคกัดปากรอคำตอบไม่ได้จ้องหน้าน้องแต่อย่างไร สนใจแต่ถูมือตัวเอง

   “เอ๋ ? ผมไม่มีแฟนนะ ไม่ได้เป็นแฟนกับฟ้าด้วย” คิมตอบคำถาม เขาเข้าใจว่าคนอื่น ๆ ก็คิดแบบนั้นกัน เพราะฟ้าจะมาป้วนเปี้ยนแล้วดูแลคิมอย่างดีเหมือนแฟน แต่คิมก็บอกอย่างบริสุทธิ์ใจทุกครั้ง ว่าเขาไม่ได้เป็นแฟนกับฟ้าจริง ๆ

   “อ่า งั้นหรอ” ลัคเงยหน้ามาสบตาคิมแล้วพยักหน้ายิ้ม ๆ คิมที่ยืนมองหน้าลัคอยู่ก็ยิ้มตอบ
   “เบลล์มันก็มือหนักเหมือนกันนะดูดิ แขนคิมแดงเลย”

ลัคพูดมือถือวิสาสะจับแขนคนที่เตี้ยกว่า แขนขาว ๆ นุ่มนิ่มมีรอยแดง ๆ นิดหน่อยจากการโดนเพื่อนตบตีแก้เขิน ลัคคิดแล้วอยากตบหัวยัยเบลล์จริง ๆ

“แบบนี้ตลอดแหละมันอะ เดี๋ยวก็หายแดง”

“อย่าโดนบ่อยละ เสียดายผิวนุ่ม ๆ หมด”  คิมเลิกคิ้วกับประโยคแปลก ๆ นั่นแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ

“ฮะ ๆ ไม่เป็นไรหรอก ชินละ….”

กึก !

คิมหัวเราะแหะออกมาแล้วเงยหน้ามองลัค แต่ก็ต้องผงะที่มือขาวเรียวนั้นเอือมผ่านเขาไปเหนือหัวนิด ๆ พร้อมขยับกายเข้ามาแทบจะติดกัน คิมถอยหลังแต่เท้าก็เตะถังขยะเข้า ทำให้นึกขึ้นได้ว่าตัวเองนั่นยืนล้างมือติดผนังห้องน้ำเลย ! 
   
ละ แล้ว พี่เขาจะเข้ามาแบบนี้ทำไม เฮ้ย ! เดี๋ยวสิ หน้าจะใกล้กันเกินไปแล้ววว !!!

   ลมหายใจร้อน ๆ กับกลิ่นเหล้าที่อีกคนดื่มเข้าไป ไหนจะกลิ่นหอม ๆ เย็น ๆ นี่ .... คุ้นจังเดี๋ยวนะ เขาเงยหน้าขึ้นมองอีกคน ตาโตสองชั้นหวานเยิ้ม สีหน้าแบบนี้ คนนั้น ! หน้าสวยก้มมามองเขาแล้วยกยิ้มขึ้นพร้อมทักด้วยเสียงแผ่วที่โครตเซ็กซี่

   “หน้าแดงนะ”

   เฮือก !

   “อ่า พี่เอากระดาษทิชชู่น่ะ ไปก่อนนะ” ลัคขำกับร่างที่เตี้ยกว่าสะดุ้งน้อย ๆ หน้าแดงก่ำ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้กินเหล้ายังไม่แดงขนาดนี้เลย ลัคชูกระดาษทิชชู่ในมือให้ดูพร้อมรอยยิ้มหวาน หน้าที่อยู่ใกล้กับหน้าคิมไม่กี่เซ็นนั่นทำเอาหัวใจเต้นรัว ๆ จนคิมที่ตาโตสะดุ้งเมื่อกี้ต้องยกมือขึ้นจับหน้าอกตัวเองทันทีที่ลัคเดินออกไป

   “คนนั้นพี่ลัคหรอ โอย กูว่าแล้วทำไมคุ้นจัง” ได้แต่สบถกับตัวเอง สบถที่หัวใจมันเต้นเร็วนี่แหละ !

   อีกด้านของคนที่เดินออกมาก่อน

   “อ่าวพี่ลัค คิมละ” เบลล์ทักขึ้นทีเห็นเดินกลับมาคนเดียว

   “เข้าห้องน้ำยังไม่เสร็จหนะ” เขาว่าจบพร้อมนั่งลง และโดนเพื่อนทักทันที

   “ปากนี่ยิ้มไม่หุบ น้องก็ไม่กลับมา มึงไปทำไรไว้บอกกูมา”  เอ็มที่เข้ามากระซิบพร้อมมองหน้าลัค สอบถามเหมือนลัคเป็นคนใจบาปยังไงอย่างงั้น เขาออกจะใจดี

   “ก็แค่เด็กมันน่ารัก” เอ็มเลิกคิ้วพอเข้าใจแต่ไม่แจ่มแจ้งพอ ถามอย่างตอบอย่าง แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้ปล่อยให้เพื่อนยิ้มบ้าไปแบบนั้น









“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องกลับบ้านแล้วพวกแกอยากเที่ยวไหนอีกเปล่า”

“ไม่แล้วว่ะ นั่งกินกันที่ห้องดีกว่า” ผู้ชายตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่มพูดขึ้น

“แต่ฉันอยากไปเที่ยวผับเกย์อะแก”

ขวับ !

ทันทีที่เสียงแหลม ๆ ในกลุ่มสิ้นสุดสองคนที่เหลือก็หันหน้าไปมองทันทีด้วยสายตาที่สื่อก็รู้แล้วว่าไม่ยอมไปแน่ ๆ ชายร่างใหญ่อย่างซันที่มีประสบการณ์หนีเกย์กระเทยบ่อย ไม่ใช่เพราะเขารังเกียจ แต่เขาไม่อยากโดนข่มขืนทางสายตาให้ตัวเองรู้สึกเสียบริสุทธิ์ทุก ๆ สามวิ แค่คิดก็ไข่หดกลับเข้าไปในเนื้อตัวแล้ว ส่วนคิมนั่นตัวเขาไม่มีปัญหาอะไรเพราะตัวเองไม่ใช่คนที่ต้องการหลัก ๆ อยู่แล้ว แต่เขาก็ใช่จะชอบไปที่แบบนี้เสียหน่อย ตั้งแต่เกิดมาไปสามครั้งเปิดหูเปิดตา แต่ไม่ใช่ผับเกย์

   “น้าาาาาา พวกแกอ่า ฉันอยากไปจริง ๆ เปิดหูเปิดตากันหน่อยสิ นะคิมนะ แกก็หมกหมุ่นแต่กับเกมส์ การ์ตูน หนังสือเรียน ไปเที่ยวบ้างสินะ ๆ” คนที่อยากไปเริ่มเกาะแขนเพื่อนย่อตัวหัวไถไหล่ทันที
   
   “ใครบอกฉันไม่เที่ยว เที่ยวออกจะบ่อย” คิมเถียงกลับ เขาเที่ยวจริง ๆ นะ

   “ตลาดนัด เปิดท้าย ห้าง กับเซเว่นหน้าปากซอยเนี่ยนะเที่ยวของแก !” อีกฝ่ายเถียงสวนกลับมาทันที คิมเที่ยวแค่นั้นจริง ๆ …

   “มีร้านพี่หนูไง บางทีก็ร้านอาหาร” เพื่อนตัวผอมค้อนขวับทันทีที่อีกคนเถียงข้าง ๆ คู ๆ

   “แกอะ เผื่อฉันได้ผัวบ้างไรบ้างไง”

   “ฉันว่าซันมากกว่าที่จะได้ผัว”  หัวคว่ำทันทีที่แซวเพื่อน แต่คิมก็ไม่ได้รู้สึกผิดกลับหัวเราะชอบใจด้วยซ้ำไป

   “ปากเสียนะมึงคิม” ชี้โทษข่มขู่เพื่อนไว้ ก่อนจะหันไปสบตากับเพื่อนตัวขาวที่ตอนนี้ใจไปอยู่ผับเกย์แล้ว “มึงไม่อยากไปหรอคิม”

   คิมพยักหน้าตอบ “แต่ถ้าเบลล์อยากไปก็พาไปได้อะนะ นาน ๆ ทีก็ได้อยู่ แล้วซันละ”

   “เออ ไปก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องกลับบ้านแล้ว”

   “กรี๊ดดดดด ด ! พวกแกน่ารักที่สุดเล้ยยยย” เบลล์กระโดดโล้ดเต้นกอดคอเพื่อนเดินเข้าไปในร้านที่เดินกันมาจากท้ายซอย ซันที่ตามหลังอยู่ถีบตูดเบลล์ไปเบา ๆ แล้วปรายตามองอย่างขบขันที่โดนอีกคนค้อนมา

   “ริกรี้ริกรี้นะมึง”

   “ทำไมกูล่ะ กูสวย แรดไม่ใช่ปัญหา” ว่าแล้วก็สะบัดบ๊อบไปเหนาะ ๆ พร้อมกระแทกตูดลงบนเก้าอี้แบบไม่ได้ดู กะผิดไปนิดหวืดเกือบหงายหลังแต่คว้าแขนคิมไว้ทัน ทำให้ซันที่เดินมานั่งตามหัวเราะลั่นร้าน เลยเกิดสงครามเล็ก ๆ โดยมีคิมเป็นคนห้ามแล้วสั่งอาหารกินกัน




   “แดนซ์ ๆๆ อู้ว !  แดนซ์ ๆๆ อ้า ! แดนซ์ ๆๆ  อะ.. โอ๊ย !! ตบหาป้ามึงหรอไอ้ซัน”

   “แล้วมึงจะแหกปากอีกนานไหมละ อีกะบือ เดี๋ยวกูถีบตกรถเลยไอ้นี่ หยุด ! ถ้าอ้าปากเถียงกูจะให้คิมมันเลี้ยวกลับ !” พอเสียงเด็ดขาดนั่นว่ามา เบลล์ถึงกับหุบปากฉับทันทีบ่นอุบอิบ ๆ คนเดียว คิมหัวเราะกับการเถียงของทั้งคู่ ตอนนี้ก็ถือว่าดึกมากพอสมควร เรามุ่งตรงไปผับแห่งหนึ่งที่เบลล์เป็นคนบอกพิกัดมา คิมก็ไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่าผับเกย์มันอยู่ที่ไหนอย่างไร ตามGPSของร้านในมือถือเอา ไม่นานพวกเขาก็ถึงผับที่เบลล์อยากจะมานักมาหนา เบลล์วันนี้แต่งตัวจัดเต็มกางเกงรัดรูป เสื้อกล้ามคว้านคอ มีเสื้อคลุมบางทับอยู่ แต่งหน้ามานิด ๆ หน่อย ๆ  ซันก็แมน ๆ เลย เสื้อคอปกกางเกงยีนส์ผมไม่ได้เซ็ททรง คิมถามซันทำไมไม่เซ็ทผม ซันบอกหล่อกว่านี้ก็ได้เมียไม่ก็ผัวในผับแน่ ๆ เหมือนจะชมตัวเองแต่ก็ความจริงของมันอะนะ ส่วนคิมนั้นก็เสื้อกล้ามลายกราฟฟิคคอกว้างนิด ๆ และมีเสื้อคลุมทับแต่ไม่บางแบบเบลล์แน่นอน ดูเหมือนเด็กสุดไปในกลุ่มแถมตัวเล็กอีก

   “น้อง พี่ขอตรวจบัตรด้วยครับ” ซันที่เดินผ่านเขตตรวจแล้วหันมามองเบลล์และคิมอย่างขำ ๆ ซันผ่านไปง่าย ๆ ไม่ใช่หน้าแก่แต่ดูก็รู้ว่าน่าจะเลยวัย 20 ไปแล้ว ร่างใหญ่หน้าคมดุแบบนั้น ต่างกับสองคนนี้ ที่ตัวขาวตัวเล็กและหน้าอ่อนวัยใสกริ๊งนั้น ทั้งสองหยิบบัตรมาให้ตรวจง่าย ๆ แล้วได้เข้าไปในที่สุด

   ทันทีที่ทั้งสามผ่านประตู ลัดเลาะเข้าไปนิดหน่อย ก็เจอกับเวที แล้วก็ถึงกับนิ่งอึ้งกันไปทันที

   แสงสีสาดส่องไปทั่วผับ จังหวะดนตรีดังกระหึ่มผสมกับเสียงของผู้คนที่แหกปาก พวกเขาจับจ้องไปยังเวที เลื่อนสายตาไปข้างล่างเวทีที่มีโต๊ะโซฟาสามถึงสี่ตัวตั้งอยู่แต่ละตัว จะมีกลุ่มคนยืนออกันอยู่เต็ม เสียงแหกปากดังขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมเสียงเพลงที่ดัง แสงไฟหลายสีตีสลับกันสาดไปมาทำให้ถึงกับมึน แต่อะไรก็ไม่หน้ามึนกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา พวกเขาบอกอยากมาเปิดหูเปิดตา แล้วก็ได้เปิดกันจริง ๆ เปิดกันเห็นจะ ๆ ไปเลย !!!

เห็นผู้คนมากมายหลายคุณภาพและกระเป๋า เห็นผู้คนที่เหงื่อไหลแทบเป็นสายน้ำ เห็นผู้คนที่เต้นกันสนั่นอกแทบหลุดออกมา เห็นสีหน้าของพวกผู้ชายบางกลุ่มที่แทบทำให้พวกเขาถีบไสตัวเองส่งกลับหอทันที และที่เห็นสิ่งไปกว่านั้น เป็นสิ่งที่พวกเขาสามคนไม่คิดว่าจะได้เจอ

   ของใหญ่ของแรงที่กำลังพริ้วไหวอยู่ตรงนั้น

   


 
   พระเจ้า !!!



นั้นมันผู้ชายเต้นโคโยตี้ !!!!!



_______________________________________________________________________________

 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:

ผ่าง ผ่าง !!
โคโยตี้ค่ะพี่ ฮา  มาต่อแล้วขอรับ มีตัวละครเพิ่มมาอีกแววววว จริง ๆ ว่าจะทำคู่รองด้วยอะนะ แต่รอดูก่อนเพราะตอนนี้ถึงมีพล็อตก็ยังไม่ค่อยแต่งจ้ะ เวลาว่างมันก็มี แต่น้อยไปเกินที่จะพอแต่งให้ หนึ่งตอนต่อหนึ่งวัน อัลทำงานแล้วด้วยไง เดี๋ยวมีงานเลี้ยง งานนู้นงานนี้ งานแดกก็มาอีก 5555555555555555 แต่พยายามแต่งให้ได้สองวันต่อหนึ่ง ตอนก็ยังดีอะนะ 

ซึ่งตอนนี้ง่วงมาก เพิ่งกลับจาก ตจว. ไปเที่ยวบวกธุระมา ได้หมามาด้วย พันธ์เยอรมัน เซฟเพิร์ด โดดเอา ๆๆ 55555555555555 วันนี้นางมาเมนส์วันแรกด้วย ไงก็ฝากติดตาม ฝากเม้นให้กำลังด้วยนะ จุ๊บ ๆ 

ฝันดีนะครับ ^^

ออฟไลน์ aunnabubell

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
#4   

 

 

 

            “มึงเดินไปก่อนดิ”

 

            “มึงนั่นแหละเดินนำไป”

 

            “ไม่ ๆๆ มึงนั่นแหละ มึงเลย ๆๆ ”   

 

            ร่างสูงผอมอย่างเบลล์เขย่าแขนพยายามคะยั้นคะยอให้คิมหนุ่มน้อยที่ร่างเตี้ยกว่าเพื่อนมานิดหน่อยเดินเข้าไปก่อนซึ่งคิมไม่ยอมไป และเริ่มใช้ภาษาขุนทันที

 

            “มึงเป็นคนอยากมามึงก็เดินเข้าไปสิ”

 

            “แล้วมึงกลัวอะไรทำไมไม่เดินเข้าไป”

 

            “กูกลัวอะไม่แปลก มึงกลัวสิแปลก มึงอยากมามึงก็เดินนำไปเลย” คิมบ่นไม่หยุดตอนนี้เริ่มมีคนหันมามองพวกเขาบ้างแล้ว ทำให้คิมยิ่งเกร็งตัวเข้าไปอีก

 

            “พวกมึงจะเถียงกันอีกนานไหมหะ ! เข้าไปสักทีกูจะโดนแยงตูดอยู่แล้วไอ้เหี้ย ! เร็ว ๆ” ซันที่ยืนอยู่ข้างหลังคิมกับเบลล์แทรกหน้ามาระหว่างกลางแล้วพูดเสียงกัดฟันกรอด ๆ มือบีบไหล่สองคนนั้นแน่น คิมกับเบลล์หันไปมองด้านหลังซันก็เห็นกลุ่มผู้ชายหน้าโหด ๆ หื่น ๆ ตัวใหญ่กว่าพวกเขาทั้งสามคน กล้ามปูเหมือนพวกยกน้ำหนัก เบลล์กับคิมอ้าปากค้างแล้วหันหน้ามามองกัน

 

ชิบหายแล้ว

 

ทั้งสามรีบเดินเข้าแทรกหมู่คนเข้าไปลากถูซันเข้าไปพยายามเอาตัวตัวเองกัน เพราะซันหุ่นหน้าตามันเรียกเก้งกว้างกระเทยทิงยิ่งกว่าอะไร คิมกวาดสายตาหาโซนที่นั่งลบคนหน่อย ซึ่งไม่มีเลย ทำให้ต้องไปยืนที่โต๊ะทรงสูงกลมว่าง ๆ สามสี่โต๊ะ มีเก้าอี้สูง ๆ อีกสามสี่ตัวพวกเขาเลยไปนั่งตรงนั้น คนเดินผ่านไปมาเยอะหน่อยเพราะอยู่ทางลงพอดี แต่ก็พยายามดันซันไปข้างในให้เสาใหญ่ของร้านช่วยไว้

 

“ไอ้เหี้ยตัวควายนั่นมันมาทางด้านหลังกู ไอ้เชี่ย ขนลุกหมดแล้วมันแกล้งเบียดมาหาตูดกู!” ซันเมื่อได้นั่งสั่งมิกเซอร์กันเสร็จมันก็พ่นคำขึ้นมาทันที จนคิมกับเบลล์ได้แต่นั่งขำ

 

“แล้วทำไมมึงไม่หันไปด่ามันว่ะ” เบลล์ถาม

 

“มึงเห็นกล้ามมันไหมละ ทุบทีเดียวกูตัวแตกสลายไปตรงพื้นเลยมั้งนั่น” ซันบ่นไม่หยุด แล้วพวกมิกเซอร์ที่สั่งก็มา

 

“พวกมึงอะแม่ง ลีลาไม่เข้าไปสักที”

 

“เลิกบ่นซะทีเถอะน่ามึงก็ มา ๆ อีกสักพักจะมีโชว์ต่อแล้ว” เบลล์ว่าอย่างนั้น ทำให้เพื่อนทั้งสองหันไปมองหน้าเวที เพราะก่อนหน้านี้ตอนกำลังเถียงกันโชว์เต้นพลิ้วบิดเอวที่ถอดผ้าทีละชิ้น(สังเกตจากการเห็นเสื้อ กางเกง โยนลงตามข้าง ๆ หรือเวที)เหลือแต่เกงลิงนั่นก็จบไปพอดี ตอนนี้เหลือแต่เสียงเพลงมาคั้นไว้ พวกคิมหวาดตามองสิ่งที่เห็นข้างหน้าอย่างแปลกตาแปลกใจ แต่แปลกมากกว่านั่นคือสายตาผู้คนที่มอง ๆ กันไปมา

 

มันจะมองจิกกันทำไมว่ะนั่น

 

“พวกมึงมองเหมือนกูปะ” ซันเอ่ยขึ้น คิมและเบลล์เริ่มเขยิบเก้าอี้ไปประกบเพื่อนเพื่อฟังเสียงและเตรียมที่จะ ..

 

            เม้าท์กัน

 

            มันเป็นเรื่องปกติ พวกเขาสามคนชอบจับกลุ่มนินทาคนนู้นคนนี้แต่ไม่ได้ขยายความให้ใครฟังเป็นเรื่องเสีย ๆ หาย ๆ ที่คุยที่พูดนั่นถือว่าพวกเขาแค่รับรู้เสียมากกว่าจะเอาไปนินทาสนุกปากแบบที่พวกคุณป้าแก่ ๆ ชอบทำ คิมกับเบลล์พยักหน้าสายตามองกลุ่มผู้ชายอยู่สองโต๊ะคือโต๊ะข้างบนโซนส่วนตัวที่มีแทบรอบร้านแต่ยกสูงขึ้นกับข้างล่างเวทีแบบพวกเขา มีชายสองคนมองกันตาก็จิกกันไปมา แล้วสักพักผู้ชายที่นั่งอยู่ฝ่ายข้างล่างแบบพวกเขาก็ลุกขึ้นเดินขึ้นไป พวกเขาเบิกตาโตกันด้วยความอยากรู้ทันทีคอนี่หมุนกันตามไปเลยอย่างกับกล้องวงกรปิด

 

            “มึงว่าจะมีเรื่องไหมว่ะ ตาจิกกันแบบนั้น” ซันพูดขึ้นมาอีกรอบ เบลล์ได้แต่ส่ายหน้าไม่ออกความเห็น

 

            “ถ้าเป็นปลากัดป่านนี้ก็ท้องป่องแล้วอะ แต่แกดูสายตาสิ”

 

            “กูว่ารอดูเหอะ ต่อให้มีก็ไม่เกี่ยวกับเรา” คิมว่าอย่างงั้นแล้วยกแก้วขึ้นมาดื่มตาก็มองตามร่างนั้นที่กำลังเดินไปหาอีกคนที่ยืนขึ้นพอดี แล้วก็……

 

 

 

            พรวดดดดดดดดด ด !!     

 

          “เห้ย !!”  ซันกับเบลล์ถึงกับผงะออกหันมาร้องตกใจแทบไม่ทัน คิมก็ไอค่อกแคก ซันที่นั่งข้าง ๆ ก็ลูบหลังมีเบลล์เอากระดาษทิชชู่ยื่นมาให้ คิมก็รับมาเช็ดปาก ตาก็หันไปมองทั้งคู่นั้นพอดี ทำให้ซันคว้าคอคิมให้หันกลับมารุมหัวกันที่โต๊ะ

 

            “มึงโอเคนะ” เบลล์ถาม คิมก็พยักหน้าตอบ

 

            “เมื่อกี้มันอะไรว่ะ กูนึกว่าเขาจะต่อยกันเสียอีก” ซันว่าทำหน้านึก “มึงรู้ปะตุ๊ด”

 

            “กูจะรู้ได้ไง กูตุ๊ดฝึกหัด อีสัด !” เบลล์ขมวดคิ้วทำหน้านึกเหมือนกัน

 

            คิมก็เช็ดปากหยิบแก้วเหล้าที่เพื่อนชงให้มาดื่มใหม่ ที่เขาพ่นของในปากออกไปแบบนั้น เพราะชายหนุ่มสองคนที่จิกกันตาแทบหลุด คนนึงเดินไปยังไม่ทันถึงอีกคนก็ลุกขึ้นมากระชากจูบกันแบบร้อนแรงทำเอาพวกเขาที่นั่งแอบดูอยู่ตกใจตาโต เลยพ่นน้ำออกไปแบบไม่ตั้งใจ

 

            “เขาจีบกันแบบนี้หรอวะพวกเกย์” คิมเอ่ยขึ้น ซันก็พยักหน้า

 

            “กูว่าก็น่าจะใช่”

 

            “แต่ไม่นึกเลยนะ ว่าจะ…”

 

            “จูบนั่นหรอครับ”

 

            กึก !

 

            คิมที่อ้าปากพูดอยู่ถึงกับชะงังเสียงทุ้มเข็มมาจากด้านหลังตัวเอง ตาโตชั้นเดียวนั่นสบตากับเพื่อนทั้งสองคนที่ตอนนี้รักเพื่อนยิ่งกว่าอะไร

 

แม่งเขยิบไปนั่งฝ่ายตรงข้ามกูเฉยเลยไอ้เพื่อนเหี้ย !!

 

คิมได้แต่กัดฟันทำปากขมุบขมิบเพื่อนก็มองมาหาตนหน้าซีด ๆ ยิ้มแหย่ ๆ กันสองคน เขาทำตาลุกลิกเหลือบไปด้านของของตนเอง ขมวดคิ้วเม้มปากนิด ๆ สายตาส่งหาเพื่อนเป็นคำถามไปว่า  ใช่ ใช่ไหม และก็ได้คำตอบมาคือพยักหน้า คิมกระพริบตาปริม ๆ ทำหน้าจะร้องไห้เบะปากแล้วหันไปหาคนด้านหลัง ก็เห็นเป็นคนที่กระชากอีกคนมาจูบคนที่อยู่โซนข้างบนยืนค้ำหัวหน้าเหี้ยมอยู่ คนตัวเตี้ยลงมายืนที่พื้นแล้วเงยหน้ามองคนตัวโตเท่าควายพร้อมเอ่ยพูดกระตุกกระตัก

 

“เอ่อคือ..  พวกผมไม่ได้ตั้งใจจะมองนะครับ”  ส่งยิ้มที่พยายามทำให้สดใสและขอโทษให้มากที่สุด

 

“แต่เห็นตั้งแต่ต้นจนจบเลยนะ ทำไม สนใจพี่หรอครับ” อีกคนก้มลงมาหน้าแทบชิดทำให้คนตัวเตี้ยผงะถอยหลังไป จริงอยู่ที่คิมไม่ใช่คนขี้คลาด แต่ก็ไม่อยากมีเรื่องกับใครอีกอย่าง ณ จุดนี้เขาผิด ไม่มีสิทธิ์ไปทำอะไรเขา ถึงมีก็คิดว่าไม่น่าจะรอดได้ เลยได้แต่คร่ำครวญในใจ

 

ฮือออ กูแค่เป็นคนขี้สังเกตเฉย ๆ เอง

 

“พะ พี่ ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้สนใจพี่ แต่พวกผมขอโทษครับ ผิดเองที่ไปมองแบบนั้น ไร้มารยาทจริง ๆ” คิมรีบพูดขอโทษอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้เป็นปัญหา แต่เหมือนอีกคนจะไม่ยอม เพราะเอ่ยเสียงเหี้ยมว่า

 

“พวกมึงสามคนใครยังไม่มีผัว”

 

“หะ !??” ทั้งสามคนแหกปากทำหน้างงตาเบิกจนแทบจะถลนออกมา

 

“กูถาม !!”

 

“เฮ้ยพี่ ! ผมว่าพอเหอะ พวกผมขอโทษแล้วนะ” ซันที่เป็นห่วงเพื่อนตัวเตี้ยของตัวเองเลยเดินมาขวางดันเพื่อนตัวเองออกไป เบลล์ก็รีบดึงคิมไปนั่งยืนข้าง ๆ  ซันเตี้ยกว่าผู้ชายคนนั้นไม่มากเท่าไหร่ ตัวคนนั้นหนากว่าซันไม่มาก

 

“อ๋อ มึงไม่มีผัวสินะ” พวกคิมยิ่งอ้าปากค้างเข้าไปใหญ่ ซันเหมือนเริ่มโกรธแล้ว

 

“พี่อย่ามาหาเรื่องพวกผมดีกว่า”

 

“ทำไม ใครผิดกันแน่เรื่องนี้ ทำตัวเป็นสปอร์ตไลท์ในร้านสอดส่องมองชาวบ้านเขาแล้วเอามาพูดอีก” อือหื้อ เหมือนด่าเสือกดี ๆ นี้เอง เบลล์มองคนนั้นแบบไม่ชอบใจ

 

“เฮ้ย พี่จะมากไปล่ะ !” ซันผลักอกผู้ชายคนนั้น

 

“ทำไม กูพูดความจริง !” อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ซัน คิมกับเบลล์เริ่มเดินมายืนข้างเพื่อนแล้วดันอีกคนทันที จนอีกฝ่ายตวาดเสียงดังจนผู้คนบริเวณใกล้ ๆ หันมามองเต็ม “อะไรว่ะ !!”

 

“พวกผมก็ขอโทษแล้วก็จบดิว่ะ !!!”คิมแหกปากอย่างเหลืออด

 

“ปากดีนะมึงไอ้เตี้ย !”  ชายหนุ่มเดินมากระชากร่างเตี้ยของคิมทันที ยกมือขึ้นจะตบแต่ก็มีอีกมือมาจับไว้พร้อมน้ำเสียงเย็นที่เอ่ย

 

ทำอะไร…. ไอ้สิงค์


ต่อ



พวกคิมตาโตมองร่างเพรียวที่เขยิบมายืนข้างผู้ชายคนนั้นที่ชื่อว่าสิงค์ ร่างเพรียวสูงหุ่นบางใบหน้าสวยเหมือนผู้หญิงที่พวกเขาไม่ได้เจอเลยหลังจากวันที่ไปกินเลี้ยงกัน

“พี่ลัค” คิมมองร่างสูงคนนั้นที่ตอนนี้ใบหน้าสวยนั้นเรียบเฉยซะพวกเขาหวั่นใจ เมื่อคนชื่อสิงค์ไม่ตอบลัคก็ตวาดเสียงดังพวกคิมถึงกับสะดุ้งทันทีเพราะไม่เคยเห็นลัคเป็นแบบนี้

กูถามว่ามึงจะทำอะไรน้องกู !!” ลัคกระชากแขนอีกคนไปทางหลัง แล้วหมุนกลับไปยืนประจันหน้า แขนเอือมมาโอบไหล่คิม ทำให้คิมรู้สึกอบอุ่นแปลก ๆ คิมรู้ว่าบ้ามากที่ตอนนี้เขากลับรู้สึกหน้าร้อนผ่าว ๆ เพราะอีกคนปกป้อง และโอบไหล่ตน

“ทำไมต้องมาขึ้นเสียงใส่กูเพราะเด็กขี้เสือกนี่ด้วยว่ะ ลัค” อีกฝ่ายเหมือนจะไม่พอใจ ลัคก็เริ่มชักสีหน้าไปอีก แขนโอบกอดคิมให้ชิดตัวมากอีก คิมตัวแข็งไปหมดแล้วซึ่งลัครู้สึกได้และพอใจหน่อย ๆ แต่นี่ไม่ใช่เวลา เพราะกำลังโมโหไอ้สิงค์ที่ยกมือจะตบคิม

“ก็พี่เล่นทำแบบนั้น ใคร ๆ ก็เห็น ทำไมต้องมาเจาะจงแต่พวกผมว่ะ อีกอย่างก็ขอโทษแล้ว” ซันว่าอย่างเหลืออด พวกเขายังไม่ได้ว่าอะไรเสียหายเลยด้วยซ้ำ ก็แค่ไม่เคยเห็น มันผิดตรงไหน คนไทยมันของคู่กันกับความเสือกอยู่แล้ว แล้วแอบคนซะที่ไหนล่ะ ใคร ๆ ก็เห็น

“มึงนี่มันปากดี” สิงค์จะก้าวไปหาซันแต่ลัคก็ดึงอีกฝ่ายไว้

“มึงพอสักที มีเรื่องเหี้ยไรกันไปเคลียร์กับกูที่โต๊ะ พวกนี่มันน้องกู” ลัคว่ามองอีกฝ่ายตาแข็งกร้าว สิงค์มองลัคแบบไม่พอใจหน่อย ๆ แต่ก็ยอมเดินจากไป ลัคหันมามองพวกคิมทันทีสายตายังแข็งเหมือนเดิม หน้าก็เรียบเฉยทำให้พวกคิมพากันสะดุ้ง

“คือพวกผมผิดเองละครับ ที่คุยเรื่องพี่เขา” คิมว่าเสียงอ่อย เพราะคิดว่าคงเป็นเพื่อนของลัค แล้วเหมือนจะสร้างปัญหาให้ลัคไปเคลียร์อีก ลัคเห็นหน้าคิมที่หงอแบบนั้นใจก็อ่อนยวบ

โอ้ยยยย หน้าหงอยซะน่าฟัดเลยไอ้เหี้ย !

“อืม” ลัคตอบมาแค่นั้นทำให้คิมหงอยหนักกว่าเดิม ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหงอยทำไม แต่กลัวพี่เขาโกรธมาก ลัคได้ทีก็เนียนโอบคิมไม่ปล่อย แบบยิ้มในใจที่เห็นคิมเป็นแบบนั้น

“พี่ลัค ผมสร้างปัญหา ให้พวกผมไปขอโทษเพื่อนพี่อีกรอบก็ได้” ซันว่ามาแบบนั้น และเบลล์ก็พยักหน้าหงึกหงักไปด้วย

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เคลียร์ให้ เพื่อนพี่มันก็นิสัยไม่ดี”

“พวกผมต้องขอโทษอีกครั้งนะครับ” คิมว่า ลัคก็แค่พยักหน้า ซันกับเบลล์ก็เริ่มหันไปกินเหล้ากันต่อ

“แล้วพวกเราทำไมถึงมาผับแบบนี้กันล่ะ ยิ่งคิมกับเบลล์ เขาให้เข้ารึไง?” ลัคว่าขึ้น ทำให้คิมหน้ามุ่ยทันที

“ทีพี่เขายังให้เข้าเลย”    

“ว่าอะไรนะ” ลัคแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ยืนหน้าไปใกล้ ๆ คิมก็ผงะไปนิดหน้ายิ่งร้อนเข้าไปอีกเพราะเบียดทั้งตัวคนแล้วหน้าก็เข้ามาใกล้แบบนี้จนได้กลิ่นหอม ๆ เย็น ๆ จากอีกคน เขาหัวใจจะวายแล้ว

“ผมบอกว่าทีพี่เขายังให้เข้าเลย”

“จะชมพี่หน้าเด็ก?” ลัคเลิกคิ้วมองอีกคนยิ้ม ๆ คิมทำปากงึมงำ ลัคเห็นแล้วอยากจะกัดปากเล็กบางนั้นจริง ๆ เมื่ออีกคนไม่ตอบเลยได้แต่หัวเราะหึหึในลำคอ

“ไอ้เบลล์มันอยากลองมาผับแบบนี้ดู พวกผมก็ต้องตามใจมัน นี่ไม่รู้จะโดนสอยตูดตอนไหนเนี่ยพี่” ซันเริ่มบ่นขึ้นมาทันที พอเหล้าเข้าปากก็หายหงุดหงิดแล้ว ลัคหัวเราะ เขาไม่แปลกใจทำไมซันถึงเป็นเป้าหมาย หุ่นแบบนี้เนี้ยสเปคเกย์ชัด ๆ หน้าตาคมหล่อ ผิวขาวเหลือง จะว่าสเปคเขาก็ได้ แต่ก็แค่เมื่อก่อน เพราะตอนนี้มีสเปคเขาจริง ๆ คือคนที่ยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ

“เดี๋ยวพี่กลับโต๊ะก่อนละกัน มีอะไรเดินไปหาพี่ได้นะ นั่งอยู่มุมสุดนู้นโซนข้างบนที่ไอ้สิงค์นั่นแหละ” ลัคว่าแล้วชี้ไปที่ที่ว่า คือที่นั่งตรงที่สิงค์นั่งก่อนหน้านี้ พวกคิมหันไปก็เห็นสิงค์หันมองอยู่ ซันชักสีหน้าทันทีที่สิงค์ยักคิ้วมาให้

“เพื่อนพี่แม่งกวนตีน”

“ฮ่า ๆ มันก็งั้นแหละ แต่อย่าไปมีเรื่องกับมันเลย ที่นี่อะคนของพี่มันทั้งนั้น” คำพูดนั้นทำให้พวกเขางง “พี่ชายมันเป็นหุ้นส่วนผับนี้นะ จริง ๆ สิงค์มันรุ่นพี่พี่อีกนะ จบไปหนึ่งปีแล้ว”

“หาาา ?? แต่มึงกูเนี่ยนะ”

ลัคพยักหน้าแล้วหัวเราะ เขารู้ว่าตัวเองหยาบคาย แต่ไม่อยากให้น้องหยาบคายตาม เพราะถ้านับจริง ๆ พวกคิมห่างจากลัค 2 ปี ห่างจากสิงค์ 4 ปีเลยก็ว่าได้ แต่เขานั้นกรณียกเว้น เพราะสนิทกันมาก

“พี่มึงเกือบห้าปีแหนะ ไอ้ซัน” เบลล์ว่า ทำให้ลัคเลิกคิ้ว งงๆ “จริง ๆ ซันมันอ่อนกว่าพวกผมเกือบปี จะว่าปีหนึ่งก็ได้อะ มันเกิดต้นปีแล้วเรียนไว”

“หืม งั้นหรอ แต่ดูเหมือนพี่พวกเราด้วยซ้ำนะ” ลัคว่าอย่างขำ ๆ ก่อนจะเดินออกไป ไม่ลืมยีหัวคิม




ทันทีที่ลัคเดินกลับมาสิงค์ก็หันมามองอ้าปากจะพูด แต่ลัคยกมือห้ามไว้ก่อน รับเหล้าจากเพื่อนในวงขึ้นมาดื่มจนหมด แล้วศอกเท้าที่เข่าตัวเองจ้องหน้าสิงค์ทันที

“กูมีคำถาม 2 ข้อ และคำสั่ง 1 ข้อ” สิงค์พยักหน้า ค่อมตัวลงนั่งท่าเดียวกับลัค เหมือนท้าทาย ซึ่งลัคก็แค่ยกยิ้มนิด ๆ ยกนิ้วชี้ขึ้น “หนึ่ง มึงมีเรื่องอะไรกัน”

“พวกเด็กขี้สะ..”

“อย่าเรียกน้องกูแบบนั้น” ลัคทำหน้าดุ สิงค์ก็กลอกตา แต่ก็พยักหน้า

“เออ ๆ แม่ง พวกน้องมึงมันดูกูส่องหาเด็กเห็นพวกกูจูบกันมันก็เลยเอาไปพูด”

“แค่เนี้ย ? ที่มึงต้องไปหาเรื่องน้อง แล้วเด็กมันพูดเสียหายรึไง?” ลัคยื่นตัวขึ้นนั่งกอดอกกระดิกเท้าที่ยกขึ้นมาไขว้ห้าง

“เปล่าหรอก กูแค่อยากแกล้ง” สิงค์ตอบยกคิ้วกวน ๆ “กูแค่ไม่เคยเห็นหน้า ตั้งแต่เข้ามาเหมือนพวกเด็กอยากรู้อยากเห็นเลยต้อนรับเข้าผับกูซะหน่อย”

“แน่ล่ะ เด็กพวกนั้นไม่ใช่เกย์” ลัคว่าพร้อมยักไหล่ ชูนิ้วชี้กับนิ้วกลางขึ้นมา “งั้นข้อสอง มึงสนใจใคร”

“หึ มองออกด้วย” สิงค์หัวเราะในลำคอ ยกยิ้มอยากถูกใจที่ลัคมองออก เขาไม่ใช่คนชอบแกล้งใครหรือยุ่งกับใครก่อนเท่าไหร่ แล้วก็ไม่แคร์ด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มีคนเห็นเขาทำแบบนั้น เขาแค่ถูกใจใครคนหนึ่งก็เท่านั้น…

“ใช่ แต่กูมีคำสั่ง” ลัคว่าแล้วดึงคอเสือกสิงค์มาใกล้ ๆ แล้วโน้มตัวเข้าไปหน้าแทบชิดกัน  แล้วเอ่ยเสียงเด็ดขาดที่ปกติไม่ค่อยใช่ ดวงตาแข็งกร้าวขึ้น “ห้ามยุ่งกับไอ้เด็กใส่แว่นนั้นเด็ดขาด !

“แล้วถ้ากูบอกสนใจละ” สิงค์ว่าอย่างกวน ๆ มือลูบคางเรียวสวยของลัค คำตอบที่ลัคไม่สบอารมณ์นั้นทำให้ลัคกำคอเสื้อสิงค์แน่นมันรัดคอแทบหายใจไม่ออก เพื่อนที่เห็นท่าไม่ดีเลยจะเข้ามาช่วยแต่สิงค์หันสายตาไปปรามเสียก่อน “พวกมึงไม่ต้อง กูไม่ทะเลาะกับมันหรอกน่า”

อย่ายุ่งกับคิม” ลัคเอ่ยออกมาเสียงแข็งกว่าเดิม

“มึงสนใจ? คิดยังไงถึงเปลี่ยนสเปค เด็กนั่นจะสนองถูกใจมึงเหรอ”

“นั้นมันเรื่องของกู กูบอกห้ามยุ่งคือห้ามยุ่ง ต่อให้มึงถูกใจมัน กูก็จะสั่งให้เลิกสนใจ !” ลัคว่ามาแบบนั้นสิงค์เลยยกมือขึ้นเหนือไหล่สองมือ เหมือนยอมแพ้

สิงค์หัวเราะนิด ๆ มองเพื่อนรุ่นน้องตัวเองที่ตอนนี้จะว่าสนิทโครต ๆ ยิ่งกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันก็ว่าได้ ลัคมันคนจริง มันใจ ๆ แฟร์ ๆ แม้จะปากหมาไปนิดแต่มันก็เป็นเพื่อนที่โอเคสำหรับเขาเลยทีเดียว เขาแปลกใจนิด ๆ ที่ลัคทำตัวหวงของทั้ง ๆ ที่ยังมาได้ครอบครองแบบนี้ ถ้าถามทำไมดูรู้ ก็ถ้ามันได้แล้วจริง ๆ ไม่มานั่งโกรธเขาเป็นฝืนเป็นไฟแบบนี้หรอก

“โอเค ๆ” สิงค์หัวเราะ “มึงไม่ต้องห่วง กูไม่ได้สนใจไอ้เด็กแว่นนั่นหรอก คนที่กูสนใจคือไอ้คนที่ตัวสูงกว่าเพื่อนนั่นต่างหาก”

ลัคยอมปล่อยมือออกจากคอเสื้อสิงค์ ก่อนจะหันมานั่งปกติ ตาก็จ้องไปที่โต๊ะของคิม ตอนนี้โชว์เริ่มแล้ว พวกเด็กนั่นดูสนใจเป็นพิเศษ มีพวกผู้ชายหุ่นล้ำหน้าตาดีบ้างดูได้บ้างใส่กางเกงหลากสีเท่าเข่าที่รัดติ้วของสงวนนั้น

“สงสารเฮียกรจังเลย เมียนอกใจ” สิงค์ว่าลอย ๆ ลัคที่นั่งอยู่หันไปเตะขาดังป้าป

“กวนส้นตีนละมึง กูไม่ใช่เมียเฮียมึง” ลัคหันไปทำตาขวางใส่สิงค์ กรที่ว่า คือมังกร พี่ไอ้สิงค์โตตัวเท่าควายนี้ พี่กรเป็นเจ้าของผับมีความสัมพันธ์ทางกายกับลัค แต่ก็มีข้อตกลงกันว่าต่างคนต่างมีใครก็ได้ห้ามหึงหวงทั้งสองมองกันเหมือนพี่เหมือนน้องเสียมากกว่าแต่ก็มีร่างกายเข้ามาเอี่ยวด้วย ทั้งสองแฟร์ ๆ ต่อกัน อยากจะจบสัมพันธ์นี้ได้ทันทีถ้าต้องการและห้ามค้านด้วย จะว่าไปแล้วคืนนี้ไปหาพี่กรก็ดีเหมือนกันนะ ไม่ได้ทำกับพี่กรมาเกือบเดือนแล้วเหมือนกัน ลัคเป็นพวกเซ็กส์จัด รู้ตัวตัวเองดี ไม่ได้มีแค่เฮียกรคนเดียว แต่ก็ไม่ได้มีเยอะเป็นสิบคนขนาดนั้น เลือกคนและป้องกันทุกครั้ง เหมือนสไปรท์ใส่ถุงในหนังวัยรุ่นฮอร์โมนฮิต ๆ

“ฮ่า ๆ แต่กูอยากรู้วะ มึงคิดไงไปสนใจเด็กนั่นว่ะ”

“ไม่รู้เหมือนกัน คงเพราะมันมีอะไรน่าสนใจมั้ง เหมือนมีอะไรดึงดูด แต่ก็มองไม่เห็นสักที” ลัคว่าพร้อมขมวดคิ้วงงตัวเอง

“กูงง”

“เออ กูก็งง” ว่าแล้วก็หัวเราะ ก่อนจะจอยกับพวกเพื่อน ๆ ของสิงค์และกลุ่มที่ชอบปาร์ตี้ด้วยกัน ลัคหันไปมองกลุ่มเพื่อนที่ตอนนี้ก็กรึ่ม ๆ คุยกันน้ำลายแตกฟองเหมือนไม่เคยเจอกันมา

“โห สัดฝ้าย มึงเลิกเพ้อหาเมียได้ล่ะ หาเมียใหม่เลยเถอะว่ะ โดนทิ้งมากี่รอบแล้วเนี้ย”

เคลียร์  หญิงสาวร่างอวบออกไปอ้วนหน้าสวยนิสัยกวน ๆ ปากก็เสีย เที่ยวบ่อย แซวแต่ผู้ชายแต่แปลก ดันมีแฟนเป็นตัวเป็นตน (ไม่รู้แฟนทนได้ไงแฟนบ้าผู้ชายขนาดนี้) มันพูดว่า ฝ้าย ทอมร่างเล็กหน้าตาถ้าเป็นหญิงก็สวยเป็นทอมก็หล่อแบบน่ารัก ๆ โดนสาวทิ้งประจำเพราะปัญหาคือผู้ชายชอบมารุมจีบมัน แฟนแต่ละคนไม่เคยทนได้ซักคน

“มึงเงียบไปเลยอิระเบิดขวด” ฝ้ายหันไปค้อนขวับใส่เคลียร์ จนเคลียร์ถลึงตาใส่และโวยวาย

“นิวเคลียร์ อิสัด เดี๋ยวกูเอาระเบิดปาบ้านเลยอีนี่” ฝ้ายส่ายหัวหน่าย ๆ แล้วสะบัดหน้าใส่ กรอกเหล้าเข้าปาก เคลียร์ทำหน้านึกก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา แล้วพูดในสิ่งที่พอฝ้ายได้ยินแล้วอยากปารองเท้าใส่หน้ามันทันที “แต่ไม่แน่นะเว้ย มึงตามพวกกูมาผับเกย์บ่อย ๆ อาจจะโดนเกย์สอยก็ได้”

“สอยผัวมึงนะสิอีเวร ! คิดว่ากูอยากมานักหรอถ้าไม่ใช่เพราะมึงลากมาอ่ะ”

“เฮ้ย พอ ๆ เลยมึงสองตัว จะมาทะเลาะกันทำห่าอะไร เคลียร์มึงก็เลิกกวนตีนมันได้ล่ะ” ริน สาวร่างเพรียวสูง 170 หน้าหวานสวย เพื่อนในมหาลัยเดียวกันกับลัคและก็รุ่นเดียวกัน มีแฝดชายอีกคนชื่อ รัน หนุ่มหน้าหวานสูงมากกว่ารินประมาณ 5 เห็นจะได้ เรียนคณะเดียวกันแต่คนละสาขา หน้าหวานเคร้าโครงเหมือนกับแฝดพี่ แต่ไม่ได้เหมือนขนาดว่าสามารถปลอมตัวสลับกันได้เลยทีเดียว จุดต่างมีบ้างตรงที่รินหน้ากลมแต่รันหน้าเรียวกว่า

“มึงดูมันดิรินนนนน” ฝ้ายได้ทีอ้อนใหญ่ทำให้รินยิ้มขำ ส่วนรัน ตอนนี้ก็หันไปคุยกับ แน็ค เกย์หุ่นเล็ก ๆ พอ ๆ กับคิมเลยแต่ผอมกว่า ผิวขาว หน้าออกไปแนวหวานหล่อใส ๆ ไม่ได้หวานแบบผู้หญิง แน็คเป็นเพื่อนและญาติกับสิงค์

“เออ พงษ์ไปไหนว่ะ” ลัคถามขึ้นเมื่อมองหาเพื่อนร่างใหญ่อีกคนไม่เจอ

“ไปห้องน้ำมั้ง อะ นั่นมาละ พาใครมาด้วยว่ะ” รันตอบหันไปมองทางเพื่อนรุ่นพี่อีกคนที่เดินเข้ามา

“อ้าว คิม” ลัคหันไปบอกก่อนจะเอ่ยชื่ออีกคนออกมาแบบ งง ๆ

“กูเห็นพวกมันยืนมองอยู่นานเลยเดินลากมาด้วย” พงษ์ว่ายิ้ม ๆ ก่อนจะนั่งลงข้างเคลียร์ มีการเอาเท้าไปสะกิดไล่ให้ขยับอีก สิงค์ที่เห็นร่างสูงรุ่นน้องของลัคมาด้วยยิ้มมุมปากนิด ๆ ซึ่งเจ้าตัวก็มองเห็นและชักสีหน้านิด ๆ แต่ทำเมินไม่มอง ทำให้สิงค์ขำในลำคอนิด ๆ ช่างเป็นเด็กที่แกล้งขึ้นได้ง่ายอะไรขนาดนี้ คงพยศไม่น้อยเลย

“คือพวกผมจะกลับแล้วนะครับ” คิมว่าแล้วยิ้มให้ ทำให้ลัคเลิกคิ้ว เพราะมันไม่นานเองทำไมถึงรีบกลับกันละ ?

“ทำไมรีบกันจัง”

“พอดีพรุ่งนี้พวกผมจะกลับบ้านนะครับ”

“อ๋อ โอเคกลับบ้านดี ๆ นะ” ลัคว่าแล้วยิ้มให้ คิมและพวกเพื่อนยกมือไหว้ลัคแล้วหันหลังกลับเดินออกไปพ้นหน้าร้านไปนิด ก็ต้องหยุดชะงัก

“เดี๋ยวคิม !” ทั้งสามหันไปมองตามร่างโปร่งที่วิ่งมาหา คิมเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ ก่อนจะหันไปเต็มตัวมองอีกคน “ครับ?”

“คือ พี่ขอไลน์เราหน่อยได้ไหม” ลัคว่า ทำให้คิมเอียงคอมอง งง ๆ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากซึ่งนั่นก็ดีแล้ว เพราะลัคก็ไม่รู้จะตอบยังไงเขาวิ่งพรวดพลาดออกมาทันทีเพราะคิดว่าจะไม่ได้เจอร่างเล็กอีกเป็นเดือน ๆ อดคิดถึงไม่ไหวแน่ ๆ  คิมยื่นมือไปขอโทรศัพท์จากอีกคน พอรับมาก็กดจิ้มไอดีไลน์ให้แล้วยิ้ม 

“งั้นพวกผมไปแล้วนะครับ”

“ค่อยเจอกันใหม่ปิดเทอมหน้านะพี่ลัค” เบลล์ว่ายิ้ม ๆ และมีซันฉีกยิ้มหล่อโชว์อยู่ด้วย

“โอเค ค่อยเจอกัน กลับบ้านดี ๆ นะ เดินทางปลอดภัยล่ะทุกคน” ลัคยิ้มบอก ทั้งสามเลยโบกมือแล้วเดินขึ้นแท็กซี่ที่มาจอดรับพอดี


   ติ๊ง !

00.03 น.
หลับฝันดีนะครับ น้องคิม





____________________________________________________________________

 

มาอัพให้แล้วเจ้าา 100% เลยงับ  อัลเป็นคนใช้ตัวละครเปลืองนะ มาแบบให้เห็นให้รู้จักแล้วจากไป 55555555555 แต่อาจจะมีประโยนช์ภายภาคหลังเนอะ ๆ อิอิ  

ง่วงนอนอีกแล้วครับ ตอนนี้ ฮา ๆ ติดตามกันต่อไปด้วยเนอะ  :mew3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-03-2016 17:33:09 โดย aunnabubell »

ออฟไลน์ aunnabubell

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
#5



   ปี๊ด ! ปี๊ด ! ปี๊ด !

   “เฮ้ย ! รถจะออกแล้ว ไปเร็ว !”

   เสียงเข้มของเพื่อนตัวสูงทำให้ร่างของเพื่อนทั้งสองคนที่กำลังยืนอยู่หน้าร้านขายของรีบจ่ายเงินแล้ววิ่งไปขึ้นรถทัวร์ นั่งประจำที่ที่เอากระเป๋ามาวางไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ร่างเล็กขาวอวบรีบไสตัวเข้าไปนั่งริมกระจกก่อนจะตามมาด้วยร่างขาวสูงของเพื่อนทั้งสอง เมื่อทั้งสามคนนั่งประจำที่ก็หยิบขนมและโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมหูฟังเสียบที่ตัวสมาร์ทโฟนแล้วเสียบหูตัวเองทันที ต่างคนต่างอยู่ในโลกส่วนตัวของแต่ละคนไปเลย ซันหลับตาพริ้มทันทีที่เปิดเพลงและเสียบหูฟังใส่หู ส่วนเบลล์ก็เปิดเพลงตอบแชทเพื่อนฝูงหลงเข้าไปในโลกโซเชี่ยล

คิมมองภาพนั้นยิ้ม ๆ เกือบปีเชียวนะที่ไม่ได้นั่งรถกลับพร้อมเพื่อนแบบสมัยไปเรียนมัธยมที่มีรถรับส่ง พวกเขาสามคนก็จะนั่งเรียงกันแบบนี้โดยมีคิมนั่งติดกระจกตามด้วยเบลล์ที่นั่งเด่นตรงกลางและซันใบหน้าหล่อคม ๆ นั้นที่สลบทันทีที่ขึ้นรถ คิมเลื่อนนิ้วกดเข้าไปในยูทูปดูรายการเกาหลีที่ชอบดูพวกเน็ตไอดอลแสดงวาไรตี้โชว์ เขาว่าพวกนั้นตลกดี ดูได้ไม่ถึงสามนาทีก็มีไลน์ดังขึ้นมา ใบหน้าใสขมวดเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ ที่เห็นรายชื่อของคนทักตนมาพร้อมข้อความบนแจ้งเตือน เพราะเขามีเพื่อนในโปรแกมไลน์ไม่ถึง 20 คนด้วยซ้ำ (น้อยโครต)


Lucky : กลับบ้านหรือยัง ?

อ่า เขานึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนเขาให้ไลน์พี่ลัคไปนี่น่า คิมกดเข้าในโปรแกรมแชทก่อนจะเห็นว่าเมื่อคืนพี่ลัคก็ทักมาฝันดี เขากดพิมไลน์ตอบไปทันที

KRK : เพิ่งขึ้นรถครับ เมื่อคืนขอโทษที่ไม่ได้ตอบ ผมหลับไปแล้ว
Lucky : อ๋อ ไม่เป็นไร แล้วกินข้าวหรือยังเนี้ย ขึ้นรถเช้าแบบนี้
KRK : เรียบร้อยแล้ว พี่ลัคละครับ ?
Lucky : ยังเลย
KRK : อ่าว ไม่หิวหรอครับ
Lucky : หิว แต่พอดีรอคนตอบแชทอยู่

คิมแอบขมวดคิ้วนิด ๆ  คงจะรอคุยกับแฟนเขาละมั้ง  แต่แค่รอทำไมไม่ไปกินละ ยังไงเขาตอบก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนอยู่ดี คิมอยากจะบอกให้อีกคนไปกินข้าวเลยด้วยซ้ำ แต่มันคงเป็นการยุ่งย่ามกับเขามากไป

KRK : อ๋อครับ งั้นถ้าเขาตอบก็ไปหาอะไรทานด้วยนะครับ เดี๋ยวปวดท้อง 
Lucky : เป็นห่วงพี่หรอครับ ^^

คิมชะงักไปนิด รู้สึกแปลก ๆ ที่อีกคนมาถามหยอด ๆ แบบนี้ แต่พี่ลัคจะมาหยอดเขาทำไมละ ? คิมปัดความคิดนี้ไปทันที

KRK : ครับ เดี๋ยวเป็นกระเพาะมันส่งผลระยะยาวไม่ดีหรอกครับ
   Lucky : คร๊าบ ๆ งั้นพี่ไปอาบน้ำหาอะไรกินก่อนละกัน เดี๋ยวทักไปใหม่นะ
   KRK : ครับ

   คิมแค่ตอบรับไปเท่านั้น มีคนคุยด้วยก็ดีเหมือนกันเพราะกว่าจะถึงบ้านก็อีกหลายชั่วโมงแล้วเขาก็ยังไม่ง่วง ที่พวกเขาไม่ไปเครื่องกันช่วงซัมเมอร์ตั๋วมันแพงแต่เลือกที่จะนั่งรถเพราะสะดวกกับตัวเองพวกเขาเวลากลับไม่แน่นอน บ้านพวกเขาก็ไม่ได้ยากจนที่บ้านคิมทำงานเปิดศูนย์ขายรถยนต์จะว่าใหญ่ที่สุดในภูเก็ตเลยก็ว่าได้ ส่วนเบลล์บ้านก็ฐานะพอดีเปิดร้านเสริมสวยรายได้ดีมากเรียกค่าหัวได้แพงเกือบเท่าที่กรุงเทพเลยล่ะ ซันที่บ้านเป็นข้าราชการพ่อเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนอยู่จังหวัดสงขลาแม่เป็นตำรวจปู่เป็นทนายที่ภูเก็ต คิมดูรายการอยู่ไม่นานก็มีแจ้งเตือนขึ้นมา

   Lucky_someone เริ่มติดตามคุณ

   อินสตาแกรมของคิมขึ้นมาเช่นนั้น คิมเห็นแค่รูปก็รู้เลยว่าใครเขากดเข้าไปและกดฟอลอีกคนตอบแล้วเลื่อนนิ้วไปกดเข้าโปรแกรมไลน์อีกครั้ง

KRK : พี่เอาไอจีผมมาจากไหนครับ ?

คิมทักไปแล้วรออีกคนตอบซึ่งยังไม่อ่านสักที อินสตาแกรมเขาไม่ค่อยมีคนรู้เท่าไหร่ เขาเอาไว้ฟอลพี่ชาย เพื่อน และดาราไอดอลพวกนี้ คิมรอสักพักก็มีแจ้งเตือนขึ้นอีก

@Lucky_somone ติดตามคุณ

อะไรเนี่ย !? จะติดตามให้หมดเลยหรือไง

เขาขมวดคิ้วนิดหน่อยไปเอามาจากไหนกันนะ ในเมื่อน้อยคนนักที่รู้ทวิตเตอร์ อินสตาแกรมเขา ยิ่งทวิตยิ่งคนรู้น้อยไปใหญ่ เขาไม่ค่อยโพสแทบไม่เคยเลยละ จะมีคนรีให้รู้ก็ไม่ใช่จะมีเพื่อนคุยมันก็แค่เพื่อนเก่าเท่านั้น เพื่อนมหาลัยไม่มีใครรู้ของเขาทั้งนั้น เขายอมรับตัวเองโลกส่วนตัวสูง แต่คนหน้าสวยไปหามาจากไหนกันล่ะ ? นี่ถ้าเขามีเฟชบุ๊คก็คงแอดมาใช่ไหมนะ แต่เขาไม่มีหรอก

KRK : พี่จะกดติดตามผมทุกแอพเลยหรือเปล่าเนี้ย ถ้าผมมีเฟชก็คงแอดมาใช่ไหม?
Lucky : นั่นสิ ทำไมไม่มีเฟชล่ะ ?
KRK : พี่ต้องตอบผมก่อนซิครับ พี่ไปเอาไอจีกับทวิตผมมาจากไหน
Lucky : ไม่บอก :P
KRK : อะไรกัน พี่ไปหามาจากไหน
Lucky : เจอเขียนแปะไว้ใต้สะพาน
KRK : มันจะไปมีได้ไงละครับ
Lucky : ก็ใช่ไง
KRK : สรุปพี่จะไม่บอกผมใช่ไหม ว่าเอามาจากไหน
Lucky : ใช่ บอกไปแล้วเราจะทำไมหรอ หรือไม่อยากให้พี่ติดตาม ก็ได้นะ เดี๋ยวพี่อันฟอลให้หมดเลย
KRK : ผมไม่ได้ว่าแบบนั้นนะครับพี่ลัค ฟอลได้ ๆ
Lucky : นึกว่าไม่อย่าให้ฟอลซะอีก
KRK : เปล่านะครับ
Lucky : ถึงไหนแล้วตอนนี้
KRK : ใกล้จะถึงประจวบแล้วครับ

คิมนั่งพิมแชทคุยกับลัคเรื่อย ๆ ไม่นานคิมก็ขอตัวนอนก่อน เขาหันไปมองเบลล์ก็หลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ดูรอบข้างก็เพิ่งรู้ว่านี่เลยประจวบไปแล้วด้วยซ้ำ เขาอมยิ้มกับการคุยสนุกของลัค เดี๋ยวเปลี่ยนเรื่องไปมา ชวนคุยนู้นนี้ แล้วก็เล่าเรื่องตัวเอง ซึ่งคิมก็ชอบเป็นคนรับฟังไม่พูดอะไรมากมายอยู่แล้ว เขาหยิบที่พาวเวอร์แบงค์มาเสียบกับโทรศัพท์ เขาคุยกับลัคจนแบตเกือบหมดเลยด้วยซ้ำ แปลกใจตัวเองนิด ๆ ที่คุยกับใครได้นานขนาดนี้ ไม่นานคิมก็หลับไป





“แดกโทรศัพท์เลยก็ได้มึงถ้าจะขนาดนั้นนะ”

ซินอดที่จะแขวะเพื่อนเกย์หน้าสวยของตัวเองไม่ได้ รู้หรอกว่าเพื่อนมีความสุขแต่มันอดไม่ไหวจริง ๆ เธอเชื่อว่าถ้ามีใครมาเห็นต้องคิดว่ามันเป็นบ้า มีอย่างที่ไหนนั่งอมยิ้มกับโทรศัพท์ เดี๋ยวเคาะหัวตัวเอง เดี๋ยวก้มจูบบ้าง เอาถูแก้ม เอามากอดแนบอกบ้างละเผลอ ๆ มีพร่ำเพ้ออยู่คนเดียว มันบ้าไปแล้วแน่ ๆ และผลของการแขวะเพื่อนก็โดนหมอนอิงของห้องเธอนั้นแหละ ปาอัดหน้าเต็ม ๆ จนหงายเกือบตกเก้าอี้

นี่กูผู้หญิงนะโว้ย !

“อิจฉากูไง”

“กูเนี่ยนะ จะอิจฉามึง อิโถ๊ะ ! จีบน้องให้ติดก่อนเถอะมึง”

ฉึก ! เพื่อนชั่ว

ลัคหันไปค้อนเพื่อนสาวผิวแทนทันที ก่อนจะเชิดหน้าใส่ใหม่ พูดแก้พร้อมทำหน้าเพ้อฝัน

“นี่แค่เริ่มต้นต่างหาก จะให้น้องมันมาใจง่ายได้ไงแบบนั้นก็ไม่พิเศษหรอกนะ ทุกอย่างมันต้องค่อยเป็นค่อยไป”

พอจบคำ เพื่อนสาวจากที่แค่หันหน้ามาคุยถึงหมุนเก้าอี้แล้วสไลด์ตัวกับเก้าอี้หมุนมาหาถึงปลายเตียงที่เขานั่งอยู่

“ว้ายยย คุณลัคกี้นัมเบอร์คะ ! เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้ใจเย็นค่อยเป็นค่อยไป เมื่อก่อนเห็นเล่นยากขนาดไหนก็แปป ๆ ไม่ถึงเดือนก็ได้ แล้วนี่อะไรกันยันปิดเทอมละ เพิ่งได้ไลน์ ไม่มีน้ำยาเหรอจ๊ะเพื่อน”

“นี่มันไม่เหมือนคนที่ผ่าน ๆ มาเว้ย !”

“ก็ไม่มีน้ำยาอยู่ดี”

“น้องเขายังเชอร์รี่”

“ให้พูดใหม่”

“กูแค่ไม่อยากให้น้องตื่นตูม”

“อีกที”

“เออ ! กูไม่กล้า !”

ทันทีที่เพื่อนว้าก ซินก็ขำทันที เพื่อนเขาไม่เคยเป็นคนไม่กล้า ตั้งแต่ที่มันมาด้อม ๆ มอง ๆ ขอให้เขาช่วยเนียน ๆ แล้ว ปกติเพื่อนเขาชอบใครถูกใจใครก็รุกทันที ไม่มีหรอกมาทำตัวแบบนี้ แล้วยิ่งสเป็คก็ไม่ใช่ยิ่งแปลกใจไปใหญ่ ลัคเป็นคนที่จีบใครก็ติด ลัคดูออกใครคือพวกเดียวกัน ผีเห็นผี แต่กับคิมนั้น มันดูไม่ออกแต่ลัคดันมาถูกใจซะงั้น อาจจะเพราะอย่างนี้หรือเปล่านะที่ทำให้มันไม่กล้า ? เพราะไม่รู้ว่าหลานรหัสเธอจะเกย์หรือเปล่า ลัคเป็นคนฟอร์มเยอะซินรู้ และรู้เลยละ ที่มันมาเลียบ ๆ แบบนี้คืออยากรู้ว่าคิมนั้นไปทางไหน ซินได้แต่ยิ้มขำกับเพื่อนของตัวเอง

“แล้วถ้าน้องมันไม่ได้เป็นละวะ”

“อาจจะไม่เป็น แต่ไม่ใช่จะเป็นไม่ได้ กูบอกแล้วไม่ได้สนว่าจะเป็นไม่เป็น แต่ถ้าไม่ได้จริง ๆ กูก็แค่ต้องคิดกับมันเป็นพี่เป็นน้องแค่นั้น กูไม่ได้รุกจีบมันมากเสียหน่อย”

“แล้วที่ได้คุยวันนี้คิดว่าไง” พอซินถาม ลัคก็ได้แค่ส่ายหัว

“น้องมันไม่มีท่าทีไรเลยวะ มีแค่ครั้งเดียวที่กูเห็นชัดก็ตอนวันที่เลี้ยงร้านไอ้หนูวันนั้นวันเดียว กูไปแกล้งมาหน้านี่แดงไปหมด”

“อาจจะเป็นไปได้ก็ได้นะเว้ย ! มึงลองรุกเยอะ ๆ ดูดิ”

“กูก็อยากทำอย่างนั้น แต่กลัวว่าพอมันไม่โอเคแล้วจะเสียความรู้สึกกัน” ลัคทำหน้าหงอยเลยทำให้ซินถอนหายใจ เพื่อนเขาไม่เคยมานั่งเครียดกับความรู้สึกใครแบบนี้ ลัคไม่ใช่คนที่สับสนในตัวเอง “น้องมันบริสุทธิ์  กูไม่เคยรู้สึกอยากถนอมใครเท่านี้มาก่อนเลยจริง ๆ ที่ผ่านมาตลอดหลายเดือนที่แอบดู กูรู้สึกอยากเก็บไว้ อยากดูแล อยากถนอมแม่งทุกอย่าง นี่แค่ได้คุยไลน์กูก็พร่ำเพ้อขนาดนี้แล้วมึงก็เห็น ตอนแรกกูก็แค่คิดอยากจะลองเล่น ๆ เพราะน่าสนใจ”

“แล้วตอนนี้ ?”

“ให้ตายเหอะซินมึงไม่น่าถาม…..
ตอนนี้กูอยากลองรักมันจริง ๆ
.
.
.
“แต่กูเกลียดที่มึงเมมชื่อไลน์หลานกูมากเลย มึงถามน้องเขายัง”  บรรยากาศจริงจังหายไปกับคำพูดไม่มีมารยาทของสาวผิวแทนทันที หญิงสาวที่ทำหน้าเหม็นเบื่อใส่เพื่อนมือถือโทรศัพท์ของลัคไว้ เบ้ปากแรง ๆ ไปอีกที ลัคถึงกับหันขวับแย่งโทรศัพท์มา พร้อมตบหัวเพื่อนไปอีกที

“เสือก ! ”

ซินได้แต่เบ้ปาก อยากจะโก่งคออ้วกนักหนา ไม่คิดไม่ฝันว่าเพื่อนจะเป็นเช่นนี้ ปกติมันปากหมาถึงจะเป็นเกย์รับแต่นิสัยไม่ได้มุ้งมิ้งไปตามหน้าตามันหรอกนะ ครั้งแรกเลย ครั้งแรกจริง ๆ ที่เธอได้เห็นมุมนี้ตั้งแต่คบมา 22 ปี

‘YOU MINE’

หมั่นไส้ อี๋ อี๋ !




“เฮียไม่ต้องถือหรอก คิมถือเองได้”

“นั่นสิ แฟนมาถือของเค้าดีกว่านะ ของเค้าเยอะมากเลยอ่ะปล่อยไอ้เตี้ยไป”

“มึงหอบขึ้นรถเองสิไอ้บอย เสือกขนมาเอง”

“ถ้าไปเรียกกูที่อื่นนะ กูจะตบให้ปากไปติดหูมึงเลยไอ้ซัน”

“เลิกกัดกันได้แล้วทั้งสองคนนะ แบ่ง ๆ กันถือไป ช่วย ๆ กันค่ำกว่านี้เดี๋ยวรถติด”

ยิม พี่ชายคนที่สองของคิมมารับคิมวันนี้ หลังจากที่ก้าวลงรถพี่ชายก็วิ่งมากระโดดกอดฟัดตรงหน้าสถานีขนส่งจนพอใจก็ลากสัมภาระของเขาทั้งลายไปหอบเอาไว้ ให้คิมถือแต่กระเป๋าเป้อันเล็กของตัวเองกับถุงขนมนิด ๆ หน่อย ๆ ส่วนเบลล์กับซันก็เถี่ยงกันไปมาขนของมาขึ้นท้ายรถของบ้านคิมแล้วเข้าไปนั่งกันทันที

“ม๊าละเฮีย”

“ทำงานอยู่กับเฮียฮิม”

“อ๋อ พวกแกหิวไรเปล่า” คิมรับคำพี่ชายแล้วหันไปหาเพื่อนทั้งสองคนด้านหลัง

“กลับไปกินบ้านดีกว่าวะ” ซันตอบ เบลล์ก็พยักหน้าตาม

คิมพยักหน้าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอบไลน์ที่สั่นตอนที่เขาขนของอยู่

Lucky : ถึงหรือยัง ?
KRK : เพิ่งถึงครับ
Lucky : อ๋อ กินข้าวยัง ?
KRK : ยังเลย อยู่บนรถเฮีย
Lucky : อ๋อ พี่ชายมารับสินะ แล้วสองคนนั้นละ?
KRK : กำลังไปส่งเลย แล้วก็ตรงกลับบ้าน
Lucky : อ๋อ นั่งรถมาเกือบสิบชั่วโมง ตูดเป็นสี่เหลี่ยมแล้วมั้งนั่น
KRK : ผมก็ว่างั้น นี่เมื่อยไปหมดแล้ว ถึงบ้านผมจะไม่นั่งเลยยืนกินข้าว
Lucky : ฮ่า ๆ ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก มาให้พี่นวดให้ก็หายเมื่อยก้นแล้ว

แม้จะเป็นคำเล่น ๆ แต่คิมก็อดจะเขินไม่ได้กับที่พี่ลัคพิมพ์ส่งมา อยู่ดี ๆ ในหัวก็คิดภาพที่ลัคจะมาบีบนวดก้นตัวเอง พอคิดถึงขั้นนี้ก็รีบสะบัดหัวซะ

Lucky : เห้ย เงียบเลย พี่ล้อเล่น
KRK : เปล่าครับ ๆ ผมคุยกับพี่ชายเฉย ๆ 

คิมรีบโกหกทันที เพราะไม่อยากให้อีกคนเข้าใจผิด ตัวเขาเองก็เขิน ไม่รู้ทำไมถึงไม่ปฎิเสธกันนะ แต่เขาคิดว่าคนพี่จะเปลี่ยนเรื่องคุยแบบที่ชอบเปลี่ยนเรื่องตลอดแต่กลับ ..

Lucky : ไม่ปฎิเสธที่พี่บอกจะนวดให้ แปลว่าอยากให้นวดก้นให้สินะ ?

อะ …แล้วทำไมต้องถามมาแบบนี้เนี้ย !!!!!!

KRK : ไม่ใช่นะพี่

Lucky : รังเกียจพี่หรอ ?

T^T  ทำไมรู้สึกโดนต้อนละ ฮือ

KRK : ไม่ได้รังเกียจนะครับ !
Lucky : แปลว่าอยากให้พี่นวด ?
           : ใช่มั้ย ?
           : อยากให้พี่นวดจริง ๆ หรอครับน้องคิม ?
           : ทำไมไม่ตอบละ ?
           : อะไรกัน ไม่อยากคุยแล้วหรอ
                      : อยากให้นวดก็ทักมาได้ทุกเมื่อนะ 
   

   แล้วงี้ใครมันจะกล้าทักละโว้ยยยยยยยยยยยย !!!
   
   คิมอยากจะตะโกนร้อง ทำไมพี่ลัคเป็นคนแบบนี้กัน อะไรกันเนี่ย ตัวเขาเนี่ยสิอะไร เขินทำไม เขาไม่เคยโดนใครพูดเล่นแบบนี้ใส่ แล้วไม่รู้ทำไมไม่ได้รู้สึกว่าคำพูดนั้นจะทำให้เขาอารมณ์เสียเลยทั้งที่คำพูดส่อด้วยซ้ำแต่เขากลับเขินเนี่ยนะ บ้าไปแล้วแน่ ๆ ทั้งที่จริง ๆ ปฎิเสธไปก็จบ

   “เป็นอะไรนะคิม ทำหน้าแปลก ๆ ตั้งแต่ก้มเล่นโทรศัพท์ มีใครส่งข้อความมาจีบหรือไง !” มาอีกแล้วนิสัยขี้หวงน้องชายของเฮีย คิมหันไปมองพี่ชายแล้วได้แต่ส่ายหัว

   “คุยกับรุ่นพี่เฉย ๆ”

   “ผู้หญิงผู้ชาย ขอดูหน้าซิ”

   คิมก็รับตอบทำตามทันที เพราะถ้าไม่ทำก็รู้ว่าต้องโดนตื้อจนรำคาญ เขาไม่ได้มีอะไรปิดบังนี่ กดเข้ารูปโปรไฟล์ของลัคแล้วยื่นให้พี่ชายดู แต่มีเพื่อนสนิทสองตัวด้านหลังก็เสนอหน้าเข้ามาดูด้วย พอเฮียมองก็เลิกคิ้วขึ้นทันที

   “ผู้หญิง ?”

   “เปล่าค่ะตัวเอง พี่ลัครุ่นพี่มหาลัยของคิมมัน เป็นผู้ชาย”

   “เฮ้ยจริง แต่ไมสวยจังว่ะ”

   “ใช่ สวย เป็นเกย์แหละตัวเองง”
   คิมหันไปมองเพื่อนด้วยสายตาปราม ๆ แต่มันก็ลอยหน้าลอยตา

   “จีบคิม ?”

   “เฮ้ย ! จะใช่ได้ไงเฮีย สวยขนาดนี้ตัวก็สูงกว่าคิมด้วยนะ” คิมรีบแก้ต่างทันที พี่ชายก็ได้แต่พยักหน้าเออออ

   “ก็จริง สวยขนาดนี้น่าจะมีแฟนแบบหล่อ ๆ แมน ๆ หุ่นเท่ห์ทรมานใจสาวแบบเฮียซิถึงจะถูก” พอมาถึงตรงที่ยอตัวเอง ทั้งสามคนในรถเบ้ปากแล้วกลอกตาทันที คิม เบลล์ ซัน อยู่ด้วยกันมาแต่เด็กก็ไม่ชินจริง ๆ กับความหลงตัวเองของเฮียยิมที่ทุกวันนับยิ่งขึ้น แต่ก็เถียงไม่ได้หรอกเพราะเฮียยิมเป็นถึงเดือนแพทย์เดือนมหาลัยและเดือนมหาลัย สาวนี่ตามเหมือนตามขี้ แต่เฮียก็ไม่เคยเห็นจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน

   “พวกแกหยุดทำหน้าแบบนั้นเลยนะ เฮียแค่พูดความจริง เขาไม่สนไอ้หมูของเฮียหรอก”

   “โอ้ยย เฮีย หัวคิมไม่ใช่เกียร์รถนะ”

   คิมโวยวายทันทีที่เฮียละมือจากเกียร์รถมาโยกหัวตัวเอง พวกเขานั่งรถคุยกันตลอดทางเพราะความคิดถึงและผูกพันทั้งสี่คนด้วยนั้น ยิมไปส่งเพื่อนน้องชายทั้งสองคนแล้วตรงกลับเข้าบ้านไม่ได้ตรงไปที่ศูนย์ คิมกับยิมขนเข้าบ้าน พอลงมาก็เจอม๊ากับเฮียฮิมพอดี คิมรีบตรงไปกอดทั้งสอง กอดหอมกันอยู่พักใหญ่เลย ม๊าของเขาก็ตัวเล็กเหมือนเดิม ตัวสูงพอ ๆ กันเลยกับพี่หนูเพื่อนของซินป้ารหัสตัวเอง ผิวขาว ตัวอวบ ๆ เหมือนเขาไม่มีผิด ส่วนเฮียยิมก็ร่างสูงใหญ่หน้าคมมาทางคนเป็นแม่ ไม่เหมือนฮิมที่ได้หน้าตี๋ ๆ ทางพ่อของคิมที่เป็นคนจีน แต่ได้เสียชีวิตไปแล้ว

   “ดูอวบขึ้นนะเรา”

   “ก็อยู่แต่ห้องไม่ได้ไปได้ไหนนิเฮีย เรียน กิน น้อย ยิ่งหน้าซอยนะของกินเยอะมาก”

   “ขนาดนั้นเลยหรอเรา หึหึ”

   คิมยิ้มให้พี่ชายคนโตของบ้านอย่างเฮียฮิม พออยู่กับครอบครัวหรือคนสนิทมากคิมก็จะคุยจ้อไปเองตลอด เฮียฮิมลูบหัวคิมเบา ๆ แล้วยิ้มให้น้องตัวเองที่ดูอวบขึ้นมากกว่าเทอมที่แล้ว

   “สงสัยอีกไม่นานก็จะกลับไปเป็นไอลูกหมูของผมแล้วมั้งเฮีย”

   ยิมล้อน้องทันที เมื่อก่อนคิมอ้วน ๆ ขาว ๆ อมชมพูหน่อยเหมือนลูกหมูตัวสูงกว่าเพื่อนในชั้นประถม พอมัธยมต้นก็เท่าเพื่อนอยู่หรอก มอสามเท่านั้นแหละเหมือนมีใครไปถอดสวิทต์การพัฒนาส่วนสูงของน้องเขาแถมผอมลงอีก เลยดูเล็ก ๆ บาง ๆ ไปซะงั้น ผู้ชายตัวเตี้ยกว่าคิมมีเยอะแยะ แต่ที่น่ารักเท่าน้องเขาหนะไม่มีแล้ว ยิมเชื่อเช่นนั้น (ไอคนหลงน้อง)

   “ไม่กลับไปอ้วนแน่นอน”

   คิมว่าพร้อมเชิดหน้าใส่ เขาผอมอยู่แล้วเพราะกลับมาก็ช่วยงานแน่นอนและไหนจะพวกเบลล์ซันชอบชวนไปว่ายน้ำ บางทีก็ตามเฮียฮิมกับเฮียยิมไปฟิตเนสก็ต้องมีออกกำลังกายแน่ ๆ ว่างหน่อยก็จะมาเล่นเกมส์กับเฮียยิม

   “เหรอ ๆๆ ไอ้หมู”

   “อย่ามาโยกหัวคิมนะเฮียยยยยยยย ! เฮียฮิม เฮียยิมแกล้ง !!”

   ฮิมได้แต่หัวเราะภาพสองพี่น้องที่เริ่มหยอกล้อกันอีกแล้ว ยิมจับหัวคนน้องไว้แล้วเอาผมซอยสั้นที่ตอนนี้ยาวมาเยอะแล้วถูเข้ากับหน้าน้อง คิมก็จะงับมือพี่ชายให้ได้โยกไปมาจนจะตกโซฟาฮิมเลยต้องจับแยกเสียก่อนจะมีใครหล่นลงไปหัวชนขอบโต๊ะ

   “ พอ ๆ เลิกเล่นกันได้แล้ว เดี๋ยวน้องคอเคล็ด”

   คิมหน้ามุ่ยย้ายตัวไปนั่งข้างหลังพี่ชายคนโต แล้วคนที่มีศักดิ์ที่สุดในบ้านก็เดินออกมาจากโซนห้องครัว นั่งลงคิมเลยย้ายตัวเองไปกอดแขนคนเป็นมารดาทันที
   
   “ไปอาบน้ำนอนได้แล้วไปนั่งรถมาเหนื่อย ๆ”

   “เดี๋ยวก่อนครับ อ๋อใช่ คิมซื้อขนมมาฝากด้วย เจ้าอร่อยเลยมีเสื้อให้ม๊าด้วยนะ ใส่สบายแน่ ๆ” คิมนึกขึ้นได้แล้วหยิบของที่กองอยู่ข้าง ๆ โซฟามาจัดแจงให้แต่ละคน

   “ไม่เห็นต้องซื้อเลยลูก เงินเหลือก็เก็บไว้สิ”

   “ก็ซื้อให้บ้างไม่เห็นเป็นไรเลย ม๊าลองไปใส่ดูนะ ๆ แล้วนี่ของเฮียฮิมซื้อเทคไทมาให้ ส่วนของเฮียยิม ไม่มี”

   “อ่าวเฮ้ย ไหงงั้นละ”

   “ก็ไม่มีให้อะ”

   ยิมโวยวายทันทีที่น้องชายหัวแก้วหัวแหวนไม่ซื้อของให้ พอเห็นท่าทีพี่ชายจะงอนคิมเลยหยิบกล้องเล็ก ๆ ออกมา

   “ดูทำหน้าเข้า ของพี่ชายสุดที่รักทั้งทีไม่มีได้ไงกันละ” 

   “เฮ้ย รุ่นนี่อันลิมิเตดนี่หว่า มีขายแล้วหรอวะ”

   ยิมตาโตยิ้มกว้างดีใจทันทีที่เห็นนาฬิกาแบรนด์เนมยี่ห้อที่ตนชอบ เขาลองหยิบมาสวมที่ข้อมือทันที เขามองนาฬิกาข้อมือด้วยความสุขเต็มเปี่ยม ไม่ใช่น้องไม่เคยซื้อให้ คิมซื้อให้บ่อยมากแต่เขาก็ดีใจเป็นปลื้มทุกครั้งไป ยิมหันไปกอดน้องชายแล้วกดจมูกหอมลงที่หัวแรง ๆ คิมได้แต่ยิ้มดีใจที่พี่ชายชอบของที่ซื้อให้

   “พอ ๆ เลิกฟัดน้องได้แล้ว ไปกินข้าวกันแม่ให้ป้าแช่มจัดโต๊ะให้แล้ว”

   ทุกคนเดินเข้ามาให้ห้องครัวแล้วรับประทานอาหารกันพร้อมหน้าพร้อมตา มารดมองภาพตรงหน้าเธอด้วยความสุข ถ้ามีคุณอยู่ก็คงดีนะคะ..
เธอพยายามเติมเต็มทุกส่วนเพื่อไม่ให้ลูก ๆ ของเธอขาดหายอะไรไป เหตุการณ์เมื่อ 4 ปีที่แล้วทำให้เธอเสียประมุกข์ของบ้านไปแต่ลูก ๆ ของเธอทุกคนไม่ได้มีแววตาที่เศร้าสร้อยเลยหลังจากครบ7วันที่สูญเสียพ่อไป ลูกของเธอพยายามเข้มแข็งเพื่อเธอ เธอรู้ดี ลูกของเธอช่างเข้มแข็งจริง ๆ   

   “ม๊า..”  เสียงอ่อย ๆ ของลูกชายคนเล็กทำให้เธอตื่นจากความคิดหันไปเห็นลูกชายทั้งสามมองเธออย่างห่วง ๆ  ทำให้เธอแค่ยิ้มออกไป

   “ไม่มีอะไรหรอกคิม ม๊าแค่มีความสุขที่เห็นพวกลูกมีเติบโต มีความสุขและรักกันมากขนาดนี้เท่านั้น”

   “พวกเรารักม๊านะครับ” ฮิมพูดขึ้นมา

   “ม๊าอย่าร้องนะ”

เธอตกใจนิดหน่อยที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองร้องไห้ก็ตอนที่คิมเอานิ้วมาปาดน้ำตาของเธอออก ก่อนลูกชายคนเล็กจะเข้ามาสวมกอดเธอตามด้วยลูกชายอีกสองคน
เธอให้สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าต่อไปนี้อะไรที่ทำให้ลูกเธอมีความสุขเธอก็จะทำ
   


______________________________________________________________________



มาต่อแล้วคร๊าบ มาให้แบบเต็ม ๆ แอบปั่นเวลางานตัวเอง และเลิกงานสองทุ่มก็ปั่นยาวเลยครับ กลัวรอ 

เม้นเป็นกำลังใจให้บ้างนะคร้าบบบบบบบ

ออฟไลน์ aunnabubell

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
#6



   “คิมตื่น”

   “อือออ”

   “ตื่นเร็ว ๆ ไปซื้อของกัน อย่ามาเบี้ยวเฮียนะเป็นคนนัดเองแท้ ๆ”

   “อืม ๆ ครับ ตื่นแล้ว”

   ร่างขาวดีดตัวเองขึ้นมาขยี้หัวหน่อย ๆ ปรือตาทีละข้างมองพี่ชายคนรองของตนที่เปลือยท่อนบนมีซิคแพ็คเรียงสวย(แต่ไม่เท่าเฮียฮิมหรอก) หยดน้ำเกราะพราว ที่เอวมีผ้าขนหนูพาดไว้ผูกเป็นปม ยิมที่เห็นน้องยังมึน ๆ งง ๆ อยู่ก็สะบัดผมตัวเองที่เปียกน้ำใส่น้องทันที

   “โหยยยย ไรอะเฮีย เป็นหมารึไงที่สะบัดขน”

   คิมโวยวายทันที พี่ชายที่หมั่นไส้น้องนักเลยจัดการจับหัวน้องไว้แน่น ทำให้คิมเบิกตารู้ชะตาตัวเองทันที กำลังจะอ้าปากแต่กลุ่มผมสีดำนั้นก็พุ่งมาแล้วจัดการขยี้ที่เปียกน้ำกับหน้าน้องตัวเองทันที

   “อ๊ากกกกก ! เฮียยย ! เฮียปล่อยคิม ปล่อย ๆ ตื่นแล้วววววว !!”

   “ฮ่า ๆๆๆ เร็ว ลุกไปอาบน้ำเลย”

   คิมค้อนขวับไปหาพี่ชายแล้วรีบลุกขึ้นก่อนจะชี้นิ้วที่ผ้าห่มแล้วเดินคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป พี่ชายอย่างยิมก็รู้หน้าที่เก็บพับผ้าห่มให้เรียบร้อย เพราะคิมเป็นคนรักสะอาดเจ้าระเบียบเหมือนป๊า ต่างจากเขาลิบลับ เพราะอยากมานอนกับน้องก็ต้องทำความสะอาดห้องน้องให้เรียบร้อย ยิมกลับห้องตัวเองไปแต่งตัวก่อนจะลงไปหาอะไรกินรอน้องชาย ไม่นานคิมก็ลงมานั่งกินข้าว

   “ทำไมเดี๋ยวนี้คิมดูติดโทรศัพท์จัง?”

   “หืม เปล่าติดนะ”

   “แล้วที่อยู่ในมือรองเท้าแตะรึไงละ”

   คนที่เงยหน้ามาตอบพี่แต่ตาเล่นโทรศัพท์ได้แต่เงยหน้ายิ้มเจือนไปให้ ก็เขาไม่ได้ติดโทรศัพท์จริง ๆ นะ มีคนทักมาก็ต้องตอบซิถูกไหม ไม่ได้เล่นตลอดนะ คิมได้แต่เถียงในใจ

   “ปกติไม่ค่อยเล่นด้วยซ้ำ ไอไลน์นั้นนะ” พูดอีกก็ถูกอีก

   “หรือมีแฟน” คิมตาโตส่ายหน้าไปมา สีหน้าพี่ชายเริ่มจับผิด เริ่มจะเหี้ยม

   “เปล่านะเฮีย ก็แค่คุยกับรุ่นพี่เอง”

   “สองสามอาทิตย์มานี่คุยบ่อยเนอะ”  ยิมว่าเลิกคิ้วมองน้อง

   “ก็มีบ้าง”

   “เหมือนจะมีเยอะ”

   “ก็คนมีเรื่องคุยอะ”

   “คุยไรกันหรอ”

   “ก็เยอะแยะ”

   “เยอะขนาดไหน”

   “เฮียยยย”

   “ว่าไง”

   “ให้ดูเลยเนี้ยเอาไหม” คิมยื่นให้ยิมก็รับทันที หน้าจอมีคนชื่อลัคกี้ ที่คุยก็เรื่องปกติทั่วไป ยิมคิดว่าอีกคนคุยเหมือนจะจีบน้องเขาเลยด้วยซ้ำ แต่มันก็ไม่ถึงขั้นนั้น เหมือนรุ่นพี่รุ่นน้องคุยกันจริง ๆ นั่นแหละเรื่อย ๆ ทั่วไป เข้าไปดูรูปลัคอีกรอบ มองพิจารณาคิดซ้ายคิดขวาคิดหน้าคิดหลัง คิดกี่ที ๆ แล้วก็ไม่น่ามาชอบน้องเขาอยู่ดีหรือเขาจะคิดมากไปนะ ยิมเลิกใส่ใจยื่นโทรศัพท์คืนให้น้องไป คิมก็รับมากดพิมพ์ตอบทันทีเมื่อคนในแชทตอบกลับมาว่าอยู่สนามบิน

   “บ้านอยู่ที่ไหนหรือคนชื่อลัค”

   “หาดใหญ่อะ”

   “คนใต้นิ หน้าไม่เหมือนเลยแฮะ”

   “อืม น้องสาวเขาก็เรียนแพทย์ที่มอเดียวกันกับเฮียนั้นแหละ”

   “จริงดิ ใครวะ เผื่อรู้จัก”

   “ชื่อโรส รุ่นพี่คิมหนึ่งปี”

   “อืม… นึกไม่ออก แต่ช่างเถอะ กินข้าวเข้าค่อยเล่นโทรศัพท์”

   คิมแค่พยักหน้าตอบพิมพ์บอกลัคว่าจะกินข้าวก่อนแล้วลงมือกินข้าวให้เรียบร้อยและออกจากบ้านไปซื้อของกับพี่ชายคนรองทันที ขณะที่นั่งอยู่ในรถคิมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นอีก

   Lucky : พี่อยู่บนเครื่องแล้ว อยากไปเที่ยวภูเก็ตบ้านคิมบ้างจัง
   KRK : ก็มาสิครับ
   Lucky :  เดี๋ยวเครื่องขับผ่านเกาะภูเก็ตเมื่อไหร่ คิมก็รอรับละกัน
   KRK : ฮ่า ๆ รอรับอะไรครับ พี่จะโดดลงมาหรอ ?
   Lucky : เปล่า
              : พี่จะทิ้งความคิดถึงลงไป

   มือขาวชะงักค้างไม่กล้าที่จะพิมพ์ตอบ ให้ตายเหอะ นี่มันมุขใช่ไหมใครตอบเขาได้บ้าง คิมได้แต่คิดว่าที่อีกคนพิมพ์ส่งมามันคงเป็นแค่คำหยอกหรือมุขแซวเล่น ๆ แบบที่คุยมาตลอดก็ได้ มือขาวกำโทรศัพท์แน่น มืออีกข้างเลื่อนไปปรับช่องลมแอร์ให้หันมาตีหน้าเยอะ ๆ จนหน้าสัมผัสความเย็นไปหมด ก้มมองข้อความในโทรศัพท์อีกรอบ ถึงจะพยายามคิดแบบนั้นก็เถอะแต่ …

   ทำไงดี ปวดแก้มไปหมดแล้ว





   บนที่นอนขนาด 6 ฟุตมีผู้ชายหน้าสวยร่างโปร่งนอนจ้องโทรศัพท์อยู่ ใบหน้าสวยนั้นขมวดคิ้วแน่นตั้งแต่เขาขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเอง ห้องที่ตามจริงควรกลับมานอนได้ตั้งแต่สองอาทิตย์ที่แล้วแต่เขาก็ติดงานบริษัทของเพื่อนแม่เลยต้องทำงานเต็มวันแบบพนักงานประจำและเป็นการกอบโกยเงินที่ดีไปด้วย แล้วนี่ตั้งแต่เปิดเครื่องที่สนามบินกลับมาบ้านสังสรรค์กับพ่อแม่และน้องสาวจนตอนนี้อาบน้ำแต่งตัวพร้อมนอนเรียบร้อยแล้วก็ยังไม่มีเสียงไลน์จากคนที่รอคอยให้ตอบกลับมาเลยสักครั้ง กดเช็คทุกแอพที่กดติดตามของเจ้าตัวก็ไม่มีอะไรขยับเลยสักนิด

   หายไปไหนว่ะ หรือเริ่มรู้ตัวแล้วไม่ชอบใจ ? ….ไม่นะ ! เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด !

   ลัคเริ่มคิดไม่ตก จัดการต่อสายหาเพื่อนสาวผิวแทนทันที รอสายไม่นานเสียงเพลงรอสายก็หายไป ไม่ทันที่คนทางนั้นจะได้อ้าปากโวยวายที่เพื่อนโทรมากวนเวลานอนลัคก็ยิงคำพูดขึ้นทันที
   
   “เฮ้ยซิน ! มึงว่ากูรุกน้องมันมากไปหรอวะ นี่จะข้ามคืนแล้วนะเว้ย ! ยังไม่ตอบกูเลยอ่ะ ทำไงดีวะมึง หรือน้องมันจะรู้ตัวแล้วว่าโดนกูจีบ โอย อย่านะ กูพยายามรุก หยอดไปทีละนิดเบา ๆ แล้วนะ ถ้าน้องไม่ชอบขึ้นมาจะทำไงดีวะ”

   [เดี๋ยวมะ..]

   “ทำไงดีซิน หรือน้องมันจะรังเกียจที่โดนกูจีบว่ะ น้องมันไม่เหยียดเพศ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่รังเกียจที่มีผู้ชายมาจีบมันนี่ กูแค่บอกคิดถึงเองอะ ซินน ช่วยกูหน่อยทำไงดี”

   [อีลัค !! มึงเงียบ !]

   “งะ”

   [อีควาย มึงเป็นบ้าไรเนี้ย ! ผีเข้ารึไง น้องมันแค่ไม่ตอบเอง ไม่คิดว่าน้องมันอาจจะมีธุระ กลับมาแล้วหลับไปแล้วหรือไง ?]

   “แต่นี่เล่นหายเงียบตั้งแต่ตอนกูขึ้นเครื่องเลยนะมึง ถ้าจะเที่ยวเล่นเหนื่อยมันจะไม่มีเวลาขี้เวลาเยี่ยวเลยหรือไง มันต้องตอบกลับดิ ขนาดกูขี้ตอนนั้นมึงคอลมากูยังรับได้เลย”
   
   [ก็มึงมันทุเรศไงเอาโทรศัพท์ไปไว้ในห้องน้ำ]

   “กูมันเหงานี่หว่า”

   [เหงาเวลาขี้เนี้ยนะอีบ้า !]

   “เอ้า ! มึงไม่เคยเป็นหรอ เวลาขี้เหงานะมึง ต้องรอมันเบ่งอะ..”

   [Stop !! มึงไม่ต้องอธิบายแล้วอิลัค มึงนี่แม่ง !!  แล้วไลน์น้องเบลล์เพื่อนน้องคิมมึงก็มีทำไมไม่ถาม เผื่อมันอยู่ด้วยกัน]

   “เออว่ะ ขอบใจมากมึง”

   [เออ ! แค่นี้ ! ฝันดี ! จบ !]

   ลัคดึงโทรศัพท์ออกจากหูทันที เสียงเพื่อนเขานี่ชั่งแสบแก้วหูซะจริง ลัคทักไลน์ไปหาเบลล์เพื่อนของคิมทันที อย่าถามมีได้ไง เบลล์เคยมาสั่งซื้อของกับลัคและมีเฟชบุ๊คกัน ตั้งแต่รู้ว่าเป็นเพื่อนคิม ลัคก็หาเฟชบุ๊คของเบลล์ขุดอยู่นานแสนนานเพราะรายชื่อที่ลัคต้องตอบในเฟชบุ๊คมันเยอะและก็ไม่รู้ชื่อเฟชของเบลล์ พอได้มาก็มีคุยกันบ้างและมีเนียนแอบถามเรื่องคิมนิด ๆ หน่อย ๆ ได้แอคไอจีกับทวิตเตอร์มาก็จากเบลล์นี่แหละ

   Lucky : เบลล์อยู่ปะ ?
   Belly : อยู่แจ้
   Lucky : อยู่ไหน
   Belly : ทะเลกับพวกอิคิมจ้า  พี่มีไรหรอ
   Lucky : ทำไมดึกแล้วยังไม่กลับบ้านกันอีกหรอ ?
   Belly : ยังอะ มากินเหล้ากันนิดหน่อย จะกลับตอนไหนก็ต้องแล้วแต่คนเลี้ยงอะ อิคิมมันเลี้ยงไงพี่มื้อนี้ อารมณ์ไหนมันก็ไม่รู้
   Lucky : อ๋อเหรอ อย่ากลับดึกนะ
   Belly :  จ้าาาา ฝันดีนะคะ พี่ก็อย่านอนดึกนะ
   Lucky : เดี๋ยวเบลล์ ๆ
   Belly : ว่าไงคร้าาา


   Lucky : ขอเบอร์คิมหน่อยดิ





   
คิม

   
   ดวงตากลมใสที่มีแว่นสี่เหลี่ยมกรอบใหญ่บังกำลังจับจ้องไปเครื่องสื่อสารเครื่องเล็กที่ไม่มีการแจ้งเตือนอะไรขึ้นมาเลยตั้งแต่เช้า

   พี่จะทิ้งความคิดถึงลงไป

คิดถึงบ้าคิดถึงบออะไรละ ก็คุยกันอยู่ทุกวัน พอได้รับข้อความนั้นผมก็ไม่กล้าที่จะตอบไป มันตอบไม่ถูก ไม่สิ.. จริง ๆ มันตอบได้ถ้าผมไม่รู้สึกอะไรกับคำ ๆ นั้น แต่ผมดันรู้สึกยังไงละมันเลยลำบากที่จะตอบ ความรู้สึกมันครึ่ง ๆ กลาง ๆ ผมรู้ตัวดี อยากจะตอบว่าคิดถึงเหมือนกันนั้นหรอบ้าไปแล้ว ใครมันจะไปกล้าละ นั่นพี่ลัคเชียวนะ พี่ลัคที่เป็นเกย์ควีนหน้าสวยมีแต่เก้งกว้างแม้แต่ชายแท้ยังรุมตอมยังกะขี้ (ดูเปรียบ) รู้ข่าวคู่ควงเขามาบ้าง แต่ละคนหล่อ ๆ ท๊อปทั้งในมหาลัยตัวเองและนอกด้วยซ้ำ แล้วผมล่ะ ? ผมคืออะไร ตัวก็เตี้ยกว่า หน้าก็เฉิ่ม ๆ ใส่แว่นหนา ไม่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี เป็นมนุษย์หน้าเบื่อ วัน ๆ ก็อยู่แต่หอกับเกมส์และโลกส่วนตัว ติดที่บ้านพี่น้องยิ่งกว่าอะไร เพื่อนมีอยู่เท่าขี้เล็บมดของมหาลัย ดูซี๊ แล้วแบบนี้หรอจะให้มาคิดเข้าข้างตัวเองว่าที่พี่เขาเข้ามาคุยเพราะชอบเราหนะ พยายามคิดว่าที่พี่เขาคุยอาจจะเป็นเพราะเห็นเป็นน้องเป็นนุ่งหลานรหัสพี่ซิน แต่โดนหยอดบ่อย ๆ มันก็ไม่ไหวปะวะ ผมไม่ได้โง่เฉิ่ม ถึงขนาดไม่รับรู้เลยว่านี่มันเกินกว่าพี่น้องเพื่อนเขาจะคุยกัน

   ผมหงุดหงิดตัวเองที่คิดจะชอบเขา.. ใช่ ผมคิดว่า ผมชอบพี่ลัค

   ไอ้เด็กเตี้ย หน้าเฉิ่ม ติดเกมส์คนนี้ละ ที่ชอบพี่ลัค อาจจะดูใจง่าย แต่ตลอดเวลาที่คุยกันมาเกือบเดือนหนึ่ง ผมยอมรับว่ารู้สึกดีไม่ได้รังเกียจอะไรเลยที่เขาเป็นเกย์ ผมไม่ได้มองที่พี่ลัคเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ผมแค่รู้สึกดีเวลาคุยกับเขา ไม่ว่าเขาจะแกล้งหรืออะไรผมก็รู้สึกดีไปแล้ว และเพราะมันเป็นเช่นนั้นผมที่ยังไม่ยอมตอบจะดูว่าเขาทักมาไหมก็ไม่มีวี่แวว แค่อยากรู้ว่าผมหายไปบ้างเขาจะรู้สึกอย่างไร จะกระวนกระวายที่จะติดต่อผมบ้างไหม แต่ก็ไม่มีอะ.. ผมเลยมานั่งบ้าชวนซันกับเบลล์มานั่งกินเหล้าร้านอาหารริมหาดอยู่นี้ไง ! ให้ตายเหอะ ชีวิตนี้ผมไอ้คิมคนนี้ไม่เคยเครียดเรื่องอะไรนอกจากพระเอกในซีรี่ย์โง่ แพ้เกมส์หรือไอดอลเกาหลีที่ชอบกำลังโดนด่าเลยเหอะ บ้าบอที่สุด

   “จะกลับยังวะคิม”

   “….”

   “คิม… คิม .. ไอ้คิม !!!”

   “ !! อะไรเร้า ตกใจหมด”

   ผมหันไปค้อนซันทันทีที่ตะโกนใส่หน้าผมดัง ๆ จนสะดุ้ง เรียกเบา ๆ ไม่เป็นหรือไง

   “มึงจะกลับตอนไหน นี่เรามาตั้งแต่ค่ำจนห้าทุ่มแล้วนะ เฮียไม่จิกตายหรอวะ”

   “ขอเฮียแล้ว ดื่มขวดนี้ให้หมดแล้วกลับละกัน”

   “มันหมดไปสองแบนแล้วปะ มีแต่กูกับไอ้เบลล์นี่ละกิน มึงแม่งแดกให้เปลืองน้ำแข็งละลาย”

   ซันได้ที่บ่นใหญ่เลย นี่เราก็นั่งเล่นมาหลายชั่วโมงแล้ว จริง ๆ ผมไม่ได้กะจะกินเหล้า แต่ยิ่งไม่มีวี่แววว่าโทรศัพท์จะสั่นเลยสักนิดมันเซ็งจนต้องหาอะไรมากินให้ลืมเรื่องนี้จากหัวไปสักนิด แต่ที่ไหนได้กลับรู้สึกหงุดหงิดที่เขาไม่ทักมากว่าเดิมนะสิ

   “เป็นบ้าไรยะ ทำปากแบะแบบนั้นสวยหรอ”

   ผมกลอกตากับคำแซะของเบลล์ เบลล์ก็เพิ่งจะโผล่หัวมาจากโลกออนไลน์ คุยแม่งทั้งวี่ทั้งวันอะ

   “เออนี่ แล้วแกไม่ได้คุยกับพี่ลัคหรอ”

   ผมมองมันอย่างอึ้งนิด ๆ มันรู้ได้ไงวะ

   “ไม่ต้องมองงั้น เมื้อกี้ฉันคุยกับพี่ลัคมา เขา..”


   เบลล์ยังพูดไม่ทันจบโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นมา เบลล์ยิ้มแปลก ๆ พยักหน้าให้ผม ผมเลยต้องรีบหยิบขึ้นมาดู

   เบอร์แปลก..

   “ฮัลโหลครับ”

   [คิม..]

   สะ..เสียงพี่ลัค !! แล้วอะไรกัน ไม่มีวี่แววจะทักมาแต่กลับโทรมาเลยเนี้ยนะ !? แล้วพี่ลัคเอาเบอร์ผมมาจากไหนกัน ผมอ้าปากเหวอทันที ไอ้เบลล์เห็นงั้นก็หัวเราะคิกคัก ผมรู้ขึ้นมาทันทีเลยว่าได้เบอร์มาจากใคร

   “คะ ครับ.. พี่ลัค เอ่อ โทรหาผมมีอะไรหรอ”

   ผมลุกขึ้นเดินออกไปคุยชั้นล่างที่ริมหาดแทน ได้ยินเสียงเบลล์กับซันคุยเกี่ยวกับเรื่องผมกับพี่ลัค ผมไม่อยากฟังเสียงมันเดาเรื่องผมสักเท่าไหร่นักหรอก

   [เราโกรธอะไรพี่หรอเปล่า? ทำไมไม่ตอบไลน์พี่เลยล่ะ]

   “คือผม ..”

   [คิมรังเกียจพี่หรอที่พี่พูดว่าคิดถึง]

   ไอ้เชี่ย ! อยากจะคร่ำครวญ นี่ผมไม่ได้อยากหยาบคายเลยนะ แต่ไม่มีคำไหนแทนความรู้สึกนี้ได้เลยให้ตายเหอะ

   “ผมไม่ได้รังเกียจนะ คือผม..”

   [ถ้าเราไม่รังเกียจแล้วทำไมไม่ตอบ รู้หรือเปล่าพี่คิดมากทั้งวันเลย พี่กลัวทำให้คิมโกรธหรือรังเกียจ]

   ผมอึ้งไปนิดเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะคิดมากแค่ผมไม่ตอบได้ขนาดนี้ นี่ผม… คิดเข้าข้างตัวเองได้ใช่ไหม ?

   “ผมแค่ไม่รู้จะตอบยังไง”

   [แค่ตอบตามความรู้สึกของคิมไง คิมไม่รู้สึกอะไรกับคำว่าคิดถึงของพี่บ้างหรอ ถึงมันจะเป็นตัวอักษรก็เถอะแต่พี่พิมพ์ไปเพราะรู้สึกจริง ๆ]

   แม้ตอนนี้หน้าขาวจะร้อนวูบวาบแค่ไหน แต่พี่ควรหยุดถามผมสิ ไม่ใช่ถามต้อนผมอย่างนี้เนี้ยยยย ! มือขาวยกขยุ้มหัวตัวเองด้วยอารมณ์ขัดใจนิด ๆ

   “ผมอยากถามพี่..” ผมเลือกที่เลี่ยงคำตอบเป็นคำถามแทน “พี่มาคุยกับผมแบบนี้ทุกวันทำไม พี่ต้องการอะไร”

   […. แค่นี้เราก็ไม่รู้หรอว่าพี่ต้องการอะไร]

   “….” ผมเม้มปากแน่น ผมไม่กล้าที่จะพูดไปหรอก มันดูหลงตัวเองเกินไปแม้อาจจะจริง (?)

   [คิม ฮัลโหล .. ฮัลโหลคิม]

   “ครับ” ผมได้ยินเสียงถอนหายใจจากอีกฝ่ายด้วย พี่ลัคเงียบไปสักพักก่อนจะถามผมมาใหม่

   [จะกลับบ้านตอนไหน]

   “อีกนานเลยครับ” ผมโกหก จริง ๆ คุยเสร็จผมกะจะกลับละ เพราะสบายใจแล้ว

   [กลับได้แล้วมั้งพี่ว่า ดึกแล้วนะ นี่กินเหล้าหรือเปล่า?]

   “กินไปสองแบนแล้วครับ” สองแบนจริง ๆ นะ สั่งมาสอง ก็กินทั้งสองด้วย สั่งมาเปิดก็เทกินแก้วเดียวแล้วปล่อยละลายต่อ

   [เยอะไปนะคิม !!] ผมสะดุ้งนิด ๆ ที่ได้ยินเสียงตวาดดังออกมาจากปลายสายและเสียงลมหายใจเข้าออกแรง ๆ เหมือนระงับอารมณ์นั้นทำให้ผมยิ้มทันที [กินอยู่สามคนเองไม่ใช่หรือ กลับได้แล้วดึกแล้ว ม๊าไม่ว่าหรอ]

   “ขอม๊าแล้ว ยังไม่กลับหรอกครับ”

   [แต่มันดึกแล้ว]

   “แล้วทำไมหรอครับ”  อยากจะตีปากตัวเองที่เริ่มเผลอย้อนกลับแบบนี้ใส่ ปกติถ้าไม่สนิทผมไม่เคยทำแบบนี้ เพราะเกรงใจ ผมจะเอาแต่ใจหรือกวนประสาทหยอกล้อก็เฉพาะกับคนที่บ้านหรือเพื่อนสนิทเท่านั้น

   [พี่เป็นห่วง !]

   โอ๊ยยยยยยย ! โทรเรียก1669 ให้ผมด่วนเลยได้ไหม รู้สึกดีใจเขินตัวจะแตกแล้วบิดจะกลิ้งลงทะเลอยู่แล้ว ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยให้ตาย

   “ครับ กลับก็ได้” 

   เสียงทุ้มนุ่มตอบอุบอิบออกไปให้ปลายสายได้ยิน

   [ครับ กลับได้แล้วนะ ถึงแล้วทักไลน์มาหาพี่ด้วยละ]

   “ครับ”

   [พี่จะรอนะ]

   บึ้มมมมม !!

   กระผมนายคิรากร ระเบิดตัวตายแล้วครับ


_________________________________________________
มาสั้นไปนิด ไม่ถึง 3 พันคำเลยครับ
ฝากติดตาม ฝากหน่อยเนอะ ๆ เม้นให้บ้างนะค้าบบบบ

ออฟไลน์ aunnabubell

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
#7


   มาถึงฤดูกาลของการเปิดภาคเรียนแล้ว นายคิรากรหนุ่มน้อยที่เคยอวบ ตอนนี้กลับผอมลงนิดและมีกล้ามเนื้อน้อย ๆ พ่วงมาจากการติดตามพี่ชายทั้งสองคนเข้าฟิตเนส แต่ใบหน้าก็มีแก้มและน่ารักน่าชังเหมือนเดิมในสายตาของลัค ถามว่าเขารู้ได้ไงที่คิมมีกล้ามเนื้อ ก็เป็นธรรมดา คนมันคุยกันมาตลอดปิดเทอมนี่ มีถ่ายรงถ่ายรูปเวลาปั่นจักรยานบ้าง เล่นเวทบ้าง เด็ดสุด ๆ ก็ตอนที่ไปอ้อนน้องขอให้โชว์หน้าท้องให้ดูหน่อยตอนคอลวิดีโอ ตอนแรกน้องก็ไม่ยอมหรอก พอไซโคดูถูกไปนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เปิดเลยทันที

   ลัคไม่อยากจะอวดหรอกนะ แต่เขาพัฒนาจากพิมพ์คุยเป็นคอลวิดีโอเกือบทุกคืนแล้ววะ อิอิ


   “แล้วพี่ลัคไม่มีเรียนหรอครับ”

   “ ไม่มีเรียนหรอกวันนี้ พี่ปี4 แล้ว” ร่างโปร่งหน้าสวยที่ตอนนี้ทำหน้าเบิกบานยิ่งกว่าดอกไม้แย้มบานตอนเช้าเสียอีก จ้องมองหนุ่มน้อยที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวยิ้ม ๆ พร้อมตอบไปด้วยเสียงร่าเริง

   “อ่าวแล้วมาทำไมหรอครับ” คิมเงยหน้าเอียงคอมองอีกคนงง ๆ เขาไม่เข้าใจอีกคนจะมาทำไม

   “มาเฝ้าเด็ก” พอคำนี้เอ่ยจากปากอีกคน คิมขมวดคิ้วทันที ไม่ใช่เพราะความงุนงงอย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจ แต่เขาแค่รู้สึกไม่สบอารมณ์หน่อย ๆ แต่ก็พยายามเก็บอาการและพูดกลับไปด้วยสีหน้าเดิม ๆ ของเจ้าตัว

   “คงเป็นเด็กพิเศษสินะครับ ทำให้คนชอบตื่นสายแบบพี่ยอมตื่นเช้ามาเฝ้าได้แบบนี้”

   “ก็คงงั้น เด็กพี่มันนิสัยน่ารักมากเลยล่ะ จริง ๆ หุ่นก็ดีอยู่แล้วพอปิดเทอมไปฟิตมาอีกหุ่นยิ่งน่ากินเลยละ”   คิมรู้สึกเท้ากระตุกขึ้นมาทันที จะหลงตัวเองก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านี้หุ่นเขายิ่งกว่าข้าวหลาม เขาแสร้งหันไปมองหาเพื่อนฝูงเหมือนไม่สนใจคำพูดของอีกคน ลัคที่มองอยู่ก็ยกยิ้มขึ้นมานิด ๆ จากที่คุยกันมาตลอดช่วงปิดเทอม ทำให้เขาพอรู้ได้ว่าคิมเป็นคนยังไง “พี่เลยต้องตามมาดูว่าใครมันจะมาจ้องของพี่บ้าง”

   คิมคิดว่า ถ้านี้เป็นการ์ตูนคงมีสัญลักษณ์โกรธปื้ดขึ้นมาตรงขมับของคิม

   “แล้วเขายังไม่มาหรอครับ เห็นพี่ยังนั่งอยู่ตรงนี้ถ้าจะรอเขาเดี๋ยวผมนั่งเป็นเพื่อนก็ได้นะครับ ผมต้องรอเพื่อนพอดี”

   ลัคเลิกคิ้วแปลกใจ ผิดคาดแฮะ คิดว่าจะเงียบนิ่งไปเสียอีก แต่กลับพูดคำยาวเยียดที่น้อยครั้งเจ้าตัวจะพูด อ่า มุมใหม่ ๆ สินะ ลัคหัวเราะในลำคอทำให้คิมหันหน้ามามองโดยไม่รู้ว่าทำหน้าไม่พอใจใส่คนพี่ไปเสียแล้ว

   “ไม่ต้องรอหรอก”

   “ทำไมละครับ ไม่อยากให้ผมรู้ก็ได้นะครับ” คิมเริ่มไม่สบอารมณ์มากขึ้น อะไรกัน นี่คุยกับเขามาเป็นเดือน ๆ ยังมีเด็กมีคุยกับคนอื่นด้วยหรอ เขารู้ว่าไม่มีสิทธิ์หรอก แต่มาพูดแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ !! หยอดเขามาตั้งเยอะแล้วจะไปมีเด็กคนอื่นได้ไง !

   “คิมรู้อยู่แล้ว และเขาก็มาตั้งนานแล้ว”

   “เอ ? ..” 

คิมชักงงไปใหญ่และก็ใจแป้วทันทีที่อีกคนลุกจากฝั่งตรงข้ามและเดินมา.. นั่งข้างเขา มือเรียวสวยยื่นมาวางตรงหัวเขาเลื่อนเบา ๆ ลงมาถึงต้นคอ ปลายนิ้วเกี่ยวผมซอยที่เขาเพิ่งไปตัดมาเล่นหมุนวน พร้อมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ปากอิ่มประจับขยับพูดคำที่ทำให้คิมถึงกับหน้าแดงเถือกแทบจะเป็นลม

   “ก็นั่งอยู่ตรงนี้ไงครับ”

   “อะ .. พะ..พี่ลัค”

   “ครับ?” ยังมาหน้าซื่อตาใส แล้วหน้านี่จะชิดไปไหน !

   “คิม” เสียงนุ่มหวานของคนพี่เอ่ยขึ้น

   “คะ ครับ”

   “ทำไมหอมจัง”

   “หะ !”
   
   ฟอด !

   คิมเบิกตาโตค้างไปเลยทันทีที่จมูกโด่งนั่นกดลงบนแก้มเขาพร้อมสูดดมจนได้ยินเสียง ลัคมองกิริยาอีกคนที่ตอนนี้อึ้งค้างไปเรียบร้อยแล้ว ไม่มีท่าทีรังเกียจ เขาอดใจแล้วที่จะไม่ทำอะไรลุ่มล่าม แต่ไม่ไหวจริง ๆ ตามดูเป็นเดือน ได้คุยตั้งสองสามเดือนแต่ก็ห่างไกลกัน พอมาเจอตัวเป็น ๆ วันนี้ แถมทำท่าทางน่ารักที่แอบจะหึงเขาแบบนั้นด้วย มันอดใจไม่ไหวจริง ๆ นั่งใกล้กันแค่นิดเดียวยังได้กลิ่นหอมออกมาเลย (ฉันว่าแกอะโรคจิต) พอหอมแก้มนิ่มไปทียิ่งหอมไปใหญ่มันน่าฟัดจริง ๆ ไอ้แก้มนั่นนะยิ้มทีก็ขึ้นเป็นลูกเลย ไอ้แพนกวินเอ๊ย

   “คิมนี่เลือดเลี้ยงดีเนอะ กรุ๊ปอะไรหรอ?...”

   “บะ บี” ด้วยความมึนงงเล็ก ๆ ทำให้ตอบไป เด็กน้อยหันหน้าไปมองรุ่นพี่ที่ตอนนี้หน้าก็ยังไม่ห่างจากเขาเท่าไหร่ แถมนิ้วยังคอยจิ้มแก้มเขาอีกด้วย ลัคยกยิ้มมุมปากขึ้นมานิด ๆ บิดแก้มคิมเบา ๆ ให้พอหมั่นเขี้ยว

    “ก็ว่า… หน้าแดงเชียว

   ตึกแพทย์มารับไอ้คิมคนนี้ไปเป็นครูใหญ่ได้เลย !!!!! ร่างกายยังดีสาเหตุที่ตายแค่หัวใจวายเท่านั้นเอง !

   


   อ่า ลัคละมีความสุขจริง ๆ วันนี้เขานั่งเฝ้าคิมทั้งวันเลย ตอนเย็นก็ชวนรุ่นน้องไปร้านเหล้ากินเลี้ยง มันเป็นปกติของพวกลัค ไม่ว่าจะเทศกาลไหน ๆ ก็พากันไปก๊กเหล้า แต่ปีนี้มีเพิ่มมาก็คือพวกของคิมนี่แหละ ลัคยิ้มอย่างมีความสุขหลังจากกลับมาที่หอโดยสารถีคือซินนี่คนเดิมเพิ่มเติมคือแม่งแซะไม่เลิก

   “หุบหน่อยก็ได้นะยิ้มมึงอ จะบานเท่าง้ามตีนไอ้เอ็มล่ะ แค่ได้หอมแก้มน้องนี่เอาใหญ่นะมึง”  ลัคที่กำลังฮัมเพลงถึงกับหยุดชะงักหันไปค้อนเพื่อนขวับจิ๊ปากใส่ทันที ดูมันเปรียบเพื่อนมัน

   “ก็น้องมันชอบกูอะจะทำไม”

   “มั่นหน้ามั่นโหนกเหลือเกิ๊นนนน ถามน้องเขาแล้วหรอย่ะ !”

   “ไม่ต้องถามก็รู้ปะวะ แล้วเอาไงวันนี้ใครไปบ้าง”

   “ก็ไปกันหมดอะ กูชวนไอ้รี่กับแฟนมันด้วย”

   “เออ ไงก็ได้ แต่มื้อนี้หารนะสัด ถึงจะเพิ่งทำงานมากูก็งก”

   “ต่อให้มึงถูกหวยสิบล้านก็งกค่ะ !”

ซินกระแทกเสียงใส่เพื่อนก่อนจะหมุนตัวไปอาบน้ำ ลัคแค่ยักไหล่แล้วกดเข้าแอพไลน์เพื่อดูข้อความของคิม

KRK : เพื่อนผมไปหมดเลยนะ ฟ้า กร พร ฟิล์ม

แม้ชื่อคนแรกที่พิมพ์ส่งมาจะทำให้ลัคเบะปากก็เถอะ ก็ต้องจำใจบอกไปแค่

Lucky : ครับ
   : คิมไปอาบน้ำเตรียมตัวนะ เดี๋ยวพวกพี่เสร็จจะขับรถไปรับ
KRK : ไม่ต้องก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปเอง
Lucky : ไม่เอาพี่จะไปรับ
KRK : โอเคครับ งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ *สติ๊กเกอร์หมีอาบน้ำ*

ลัคยิ้มอย่างพอใจ เขารู้ว่าคิมไม่ค่อยขัดใจเขาอยู่แล้ว ไม่รู้เพราะเกรงใจหรืออะไร แต่จากที่รู้ ๆ มา คิมไม่ค่อยตามใจคน แค่นี่ก็คิดเข้าข้างตัวเองได้แล้วละ






“เอ่ออ… ลัค ไอ้ลัค”

สาวสวยผิวแทนอย่างซินเริ่มสะกิดเรียกเพื่อนตัวเอง ที่ตอนนี้นิ่งสงบเสียเจ้าของรถอย่างเธอเริ่มอึดอัด ต้นเหตุก็ไม่ใกล้ไม่ไกล เธอเลือบตามองสาเหตุจากกระจกส่องหลังก็เห็นร่างผู้หญิงเล็ก ๆ กำลังคุยกับเพื่อนหนุ่มน้อยหน้าใสที่ตอนนี้ก็โน้มตัวไปคุยกันสองต่อสองเหมือนทั้งโลกมีแค่เขาสองคน ไม่ได้รับรู้ถึงรังสีอำมหิตของเพื่อนเธอเลยแม้แต่นิด ก็ใครใช้ให้ยัยน้องฟ้าเข้าไปนั่งนอนกลิ้งเกลือกอยู่ในห้องของคิมกันเล่า !

ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นเลยก็คือซินและเพื่อนของเธอซึ่งคือลัคเดินขึ้นคอนโดของน้องไปกดออดหน้าห้องกันเลยทีเดียวเพราะน้องคิมไม่ยอมรับโทรศัพท์ พอเปิดประตูมาเจอเจ้าของห้องที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วและสายตาก็ดอดไปเห็นผู้หญิงตัวเล็กที่นั่งเก็บของอยู่บนโซฟา เท่านั้นแหละ  บึ้ม ! เหมือนใครเอาขี้ไปให้ไอ้ลัคเพื่อนของเธอกินทันที เพราะนอกจากจะหน้าบึ้งตึง ถามคำตอบคำและปราศจากร้อยยิ้มที่เจอน้องคิมทุกทีจะบานยิ่งกว่าง้ามเท้าของเอ็มที่เธอเคยเปรียบเอาไว้ เป็นอาการที่เธอเห็นประจำจากลัคเมื่อไม่พอใจ และเหมือนเจ้าเด็กสองคนนั้นที่ทำให้เพื่อนเธอเป็นเช่นนี้จะไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยสินะ …

“ว่า”  แหม กูเรียกนานแล้วไหม ซินอย่างจะสวนแต่รู้เพื่อนอารมณ์บ่จอยเท่าไหร่นัก

“มึงโทรถามพวกไอ้เอ็มดิว่าถึงยัง ถ้าถึงแล้วก็สั่งเหล้าเลย”

เวลานี้ต้องบิลเพื่อนให้อารมณ์เสียหนักเพราะอาการหึงหวงที่สาวผิวแทนเพื่อนสมัยเด็กอย่างเธอไม่เคยเห็น แน่ละ ลัคมันเคยจริงจังหวงใครเพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้เสียเมื่อไหร่ ถ้าคู่ควงก็มีหวงบ้างแต่เฉพาะเรื่องใหญ่ ๆ เช่น นายควงกับฉันอยู่แล้วเสนอหน้าไปควงใครที่ไหนลัคก็จะอารมณ์เสียไปเลย แต่แปปเดียวก็หาย ลัคมันแค่รู้สึกไม่สบอารมณ์ที่ต้องใช้ของร่วมกับใครและเหมือนเสียหน้า เพื่อนอย่างเธอรู้ดีว่าไอ้เพื่อนหน้าสวยนิสัยแมนนี้มันชอบเอาชนะและต้องเป็นที่หนึ่งเสมอ เธอแค่เหล่มองเพื่อนที่หน้านิ่งเป็นพิเศษแล้วอยากจะตบหัวมันให้ทิ่มคอนโซลรถ

“โหล…  ถึงยัง… สั่งเหล้าเลย … อืม  อืม.. เปล่า ………. แค่นี้แหละ”

“ประหยัดคำพูดเนอะ”

ซินยิ้มขำเพื่อนที่เวลาโกรธแล้วประหยัดคำพูดยิ่งกว่าวายุเพื่อนอีกคนของพวกเธอเสียอีก พอลองหยอกไปนิดก็ได้สายตาดุ ๆ ส่งมา เธอได้แต่ส่ายหัวแล้วขับรถไปต่อ แต่ก็ต้องหันไปมองเพื่อนหน้าหงิกที่เรียกเธออีกที

“แวะเซเว่นให้ด้วย”

ซินมองหน้าเพื่อนแล้วก็พยักหน้าขับไปสักพักก่อนจะเข้าซอยที่เป็นร้านเหล้าก็เจอเซเว่น ลัคเปิดประตูลงไปโดยมีคิมที่กำลังจะเปิดลงไปด้วย

“ฟ้าจะเอาอะไรไหม” หญิงตัวเล็กแค่ส่ายหัว คิมเลยหันมามองซิน ซินก็ส่ายหัวทันทีเป็นคำตอบ “งั้นเดี๋ยวผมไปซื้อของก่อนนะครับ”

คิมหันไปมองเซเว่นที่มีลัคเดินเข้าไปก่อนหน้าแล้ว คิมเดินตามเข้าไปผ่านลัคที่หันมามองตัวเองแค่แวบเดียว สายตาที่มองมานิ่ง ๆ นั้นทำให้คิมรู้สึกแปลก ๆ ลัคที่เงียบผิดปกติไม่แม้แต่จะเอ่ยปากถามเขาว่าลงมาซื้ออะไร ขนาดขึ้นรถมายังเงียบไม่พูดอะไรไม่เหมือนลัคคนเดิมที่จะมีเรื่องมาพูด คิมไม่ได้สนใจอะไรเพราะคิดว่าลัคอาจจะอารมณ์เสียอะไรสักอย่าง ตัวเขาเองก็ไม่อยากไปยุ่งเลยแค่เดินไปหยิบขนมสามสี่ซองแบบเร่ง ๆ แต่ก็ต้องแปลกใจตอนหันไปเห็นลัคยื่นอยู่หน้าเซเว่นไม่ได้ขึ้นรถไป มองผ่านกระจกใส่ก็เห็นนิ้วเรียวสวยนั้นคีบบุหรี่อยู่

“ร้อยยี่สิบบาทค่ะ” 

คิมละสายตาออกจากบุหรี่ในมือของลัคแล้วหันมาจ่ายเงิน เมื่อจ่ายเงินหิ้วถุงออกมาคิมก็เกิดลังเล เขาควรจะเดินขึ้นรถไปเลยดีไหมหรือจะเดินไปยืนข้าง ๆ ร่างโปร่งที่หน้านิ่งอยู่ตอนนี้ดี และขาก็ขยับเปลี่ยนจากจะเดินตรงเป็นเลี้ยวไปหาทางที่มีลัคยืนอยู่ ดวงตากลมโตนั่นหันมามองเขาแวบหนึ่งถอนหายใจแล้วสูบนิโคตินเข้าปอดพ่นออกมาเป็นควันสีขาวหมนลอยออกมาบนอากาศแทน คิมมองหน้าลัค แม้เขาไม่อยากให้อีกคนสูบบุหรี่แค่ไหนก็ไม่มีสิทธิ์ เพราะดูแล้วลัคอาจจะมีเรื่องเครียด ปกติเขาไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องใครถ้าอีกคนไม่พูดออกมาเอง แต่สำหรับลัคทำให้คิมมีความคิดหนึ่งว่า เขา…. ควรถามดีไหมนะ ?

“พี่ลัคครับ”  อีกคนหันมามองเขาแล้วเลิกคิ้วขึ้น ลัคพยายามทำสีหน้าให้ดีขึ้นมานิด เขารู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดน้องแค่เพื่อนมานั่งรอในห้อง แต่เขาก็ยอมรับเลยว่ารู้สึกไม่พอใจไม่ได้เลยจริง ๆ แม้คิมจะไม่ได้ชอบฟ้าก็ตาม “เอ่อ .. ผมไม่คิดว่าพี่จะสูบบุหรี่ด้วย”

ลัคชะงัก “คิมแพ้หรือเปล่า”

“อ๋อ เปล่าครับ” ปากบางสวยนั้นส่งยิ้มมาให้เขาพร้อมโบกมือพลันวัน

“อ๋อ ขึ้นรถไปสิ มายืนข้าง ๆ ไม่เหม็นหรอ” แม้น้ำเสียงลัคยังไม่ดีขึ้นมา แต่คิมก็ยิ้มดีใจขึ้นมานิดที่อีกฝ่ายเริ่มพูดถามไถเขา

“แล้วพี่ไม่เหม็นหรอ” คิมถามย้อนกลับไปทำให้ลัคมองหน้าคิม ก่อนจะส่งยิ้มให้นิด ๆ

“ก็เหม็นแหละ แต่อยากดูด พี่ไม่ได้เลือกกลิ่นแรงด้วย” ลัคบอกพร้อมยกมือที่คีบบุหรี่ขึ้นมาสูบหันหน้าไปพ่นควันทางอื่นไม่ให้โดนคิม

“ดูดแล้วรู้สึกไงหรอครับ ?” 

ลัคหันมามองเด็กที่อยากรู้อยากเห็น แค่คุยไม่กี่คำเขาก็ลืมเรื่องที่เคืองคิมกับฟ้าไปแล้ว ลัคสูบบุหรี่ที่ถือค้างอยู่ให้หมดม้วนแล้วทิ้งลงพื้นเอาเท้าเหยียบลงไปอีก

“เหมือนมีลมผ่านหัวผ่านปอด”

“แล้วเวลาหายใจมันไม่ผ่านหัวผ่านปอดหรือไง”

ลัคหัวเราะออกมาทันทีที่คิมย้อนคำถามแบบนี้กลับมา ก่อนจะยกมือขยี้หัวคิมน้อย ๆ แล้วกอดคอพาเดินขึ้นรถไปเพราะเห็นซินเปิดกระจกลงมาเหมือนเตือนว่ารีบ ๆ ได้แล้ว

“มันก็ใช่ แต่ไม่เหมือน เวลาสูบบุหรี่นะ คนเราก็จะคิดไปเองแหละว่ามันช่วยเครียดได้ทั้งที่จริง ๆ มันก็แค่เป็นควันพิษผ่านเข้าไปทำร้ายปอดเราเท่านั้น แต่มันก็คือความคิดละนะว่าทำให้หายเครียดทั้ง ๆ ที่จริง ๆ ทุกอย่างยังเครียดเหมือนเดิม ก็เหมือนกับที่คนเราชอบคิดว่าพอทำบุญเสร็จแล้วจะสบายใจทั้งที่จริง ๆ เราจะสบายใจก็ต่อเมื่อเราเคลียร์ปัญหาในใจตัวเอง คิดและเชื่อคล้าย ๆ กันนั่นแหละ”

คิมเงยหน้านิด ๆ ไปสบตาลัคที่กอดคอเขาอยู่ พวกเขาไม่ได้สูงห่างกันมากนักเมื่อยืนเทียบ คิมอยู่ประมาณคิ้วของลัคได้ คิมยิ้มให้กับลัคนิด ๆ

“แสดงว่าพี่เครียดสินะเลยดูดบุหรี่”

“ก็.. ไม่ขนาดนั้น แค่อารมณ์ไม่ดีนิดหน่อย แต่แปปเดียวก็หาย” ใช่ แปปเดียวก็หาย แค่คิมเข้ามาคุยก่อนไม่ถึงสามนาทีเขาก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย

“ตอนนี้หายหรือยังครับ”

ลัคมองคนที่เงยหน้าขึ้นมานิด ๆ เพื่อมาสบตากับเขา ใบหน้าน่ารักภายใต้กรอบแว่นดวงตาทรงตาหงษ์ที่เขาชอบแก้มกลม ๆ กับปากบางเฉียบน่ากัดนั้นทำให้เขาอดใจไม่ไหวอยากจะจับฟัดมันตรงข้างรถซินให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่ก็ทำได้เพียงลูบหัวน้องแล้วยิ้มให้ไปที

“หายแล้วครับ เพราะคิมเลยนะเนี่ย”

คิมแค่ยิ้มหัวเราะและก็มีฟ้าที่เปิดกระจกยื่นหน้าสล่อนออกมา ลัคถึงกับกลอกตาโดยที่คิมไม่ทันเห็น แค่หันไปมองเพื่อนตัวเอง

“คิมทำอะไรอยู่หรอ ไม่ขึ้นรถสักที”

ลัคอยากจะหันไปจิกตาแล้วสวนไปงาม ๆ ว่า มึงไม่มีตามองหรอเขาคุยกันอยู่อีน้องฝ้า  แต่ก็ทำได้แค่เมินแล้วเปิดประตูขึ้นไปก่อนคิมก็เปิดประตูขึ้นรถหลังตามไปติด ๆ รถเลี้ยวเข้าซอยมาก็เจอร้านเหล้าที่นัดกันไว้ ที่ไม่ไปร้านของหนูเพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศเพราะร้านนี้กึ่งผับกึ่งบาร์ แต่ร้านของหนูนั้นเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ริมแม่น้ำ คาดคิดว่าถ้ามีใครเมาแล้วเปิดเพลงแดนซ์อาจจะดิ้นเป็นศพแล้วตกน้ำตายก็เป็นได้

เมื่อเข้ามาในร้านลัคก็เดินนำไปทางโต๊ะที่ลัคเป็นคนโทรจองไว้เอง เดินไปถึงโต๊ะทุกคนก็มาพร้อมหมดแล้ว ลัคทักเพื่อนฝูงนิดหน่อยโซฟายาวตัวใหญ่เป็นตัวยูและมีโต๊ะยาววางไว้ตรงกลาง ลัคเดินไปทางเอ็มที่นั่งอยู่มุมหัวตัวยูข้างนึงพวกที่นั่งอยู่แล้วก็ขยับเข้าไปใน ลัคจับข้อมือคิมที่กำลังยกมือไหว้พี่ ๆ ให้เข้ามานั่งตามตัวเอง ตัดหน้าสาวผิวแทนอย่างซินที่กำลังจะก้าวขาตามไปจนซินชะงักและเบะปากผลักหัวลัคไปทีด้วยความหมั่นไส้ พอมีเด็กมาแล้วไล่ส่งเพื่อนทันทีเลยสินะนายวรกมล ซินได้แต่เค้นเขี้ยวแล้วนั่งตามน้องคิมไปอีกที ฝั่งตรงข้ามก็คือพวก ๆ ของคิม มีฟ้ายืนเหวออยู่เพราะนึกว่าจะได้นั่งข้างกับคิม แต่ก็ช้าไปกว่าลัคที่คว้าคิมไปนั่งข้างกายเสียแล้ว เธอมองคิมด้วยสีหน้าเสียดายหน่อย ๆ แล้วนั่งลงข้างพร
 
“อะเหล้ามึง”

“ให้กูจัดเลยดิ”

“ก็เออ เห็นตอนโทรมาเปรี้ยวนี้ จัดเลยดิ”

ร่างโปร่งหน้าสวยยิ่งกว่าสตรีเพศอย่างลัคได้แต่หรี่ตามองเพื่อนร่างใหญ่อย่างเอ็มที่ท้าทายอำนาจมืดเขา ลัคจัดการหยิบแก้วเหล้าเพียว ๆ อยู่ครึ่งแก้วที่ใส่น้ำแข็งมาสองก้อนกรอกเข้าปากทันที เขาหลับตาปี๋กลืนน้ำขมลงคอ รู้สึกร้อนผ่าวปาดคอเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่คิดจะกินน้ำเปล่าตามแต่อย่างได้ ลัคหันไปมองพวกเพื่อนของเขาที่พากันหัวเราะขบขัน คิมมองเขาเบิกตาโตปากเหวออยากจะจับจูบเสียจริงปากแบบนี้เมื่อไหร่จะเลิกทำกันนะ  มือใหญ่หนักแน่นของเพื่อนที่นั่งข้างกายตบบ่าลัคแรง ๆ พร้อมหัวเราะ

“เออ ดีว่ะ มาถึงแม่งจัดเลย ฮ่า ๆ ”

“พี่ลัค”

“ว่าไง”

ลัคหันไปหาหนุ่มน้อยที่นั่งอยู่ข้างกายตัว คิมยื่นแก้วน้ำเปล่ามาให้เขา เขาแค่ส่งยิ้มแต่ไม่รับ จนคิมขมวดคิ้ว แล้วยื่นชนมือที่วางบนตักของอีกคนเบา ๆ

“รับไปสิครับ มันปาดคอไม่ใช่หรอ”

“ป้อนหน่อย”

“อะไรนะครับ”

เพราะเสียงเพลงมันดังจึงทำให้คิมไม่ได้ยินทำให้คนหน้าสวยอย่างลัคยิ้มเจ้าเล่ห์โน้มหน้าเข้าไปหาใกล้ ๆ หูจนคิมได้กลิ่นประจำตัวของลัค กลิ่นหอม ๆ เย็น ๆ ที่คิมเริ่มจะชอบ เขาเหลือบตามองใบหน้าสวยที่อยู่ใกล้หน้าเขามากถึงมากที่สุด ไม่ได้สนใจคนรอบข้างที่กำลังคุยกันเสียงดังเสียเลย มือเรียวสวยจับแก้วน้ำทับมือขาวแล้วเลื่อนไปที่ตักของคนเดียวเล็กกว่าพร้อมพูดขึ้นว่า …

“ป้อนหน่อยครับ”

!!!!

“ปะ ป้อนอะไรเร้า พี่ กะ ก็มีมือนี้”

คิมหน้าแดงเถือกขึ้นมา เขาคิดว่าเขายังไม่ทันได้แตะแก้วแอลกอฮอล์เลยนะ แต่ทำไมเขาถึงได้หน้าร้อนวูบวาบแบบนี้ หรือมันจะเป็นเพราะสายตาของคนหน้าสวย.. สายตาที่มองมันโครตเจ้าเล่ห์เลย !!

คิมค้างเติ่งได้อยู่ไม่นานลัคก็ยิ่งทำให้คนตัวเล็กกว่าหน้าแดงเข้าไปกว่าเดิมโดยการ ..ยกมือที่ทับมือเขาบนแก้วน้ำขึ้นจรดที่ริมฝีปากตัวเอง !!

เคร้งง ง !


…….

   “อึ้งห่าไรกัน”

   ยังมีหน้ามาพูดอีก !!!  คิมอยากจะโบกหัวคนโตกว่าให้หน้าทิ่มโต๊ะซะ ทุกคนดูตกตะลึ่งไปหมดยกเว้นเสียแต่เพื่อนของลัค ส่วนเพื่อนของเขานะหรือ พรพ่นน้ำ ฟิล์มกับกรที่กำลังแย่งกินกับแกล้มทำช้อนกับซ้อมหล่นลงโต๊ะดังเคร้ง ฟ้านี่หน้าอึ้งไปเลย คิมหน้าแดงก่ำไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนเลยรีบดันแก้วในมือวางที่โต๊ะรีบชักมือออกจากมือเรียวที่อบอุ่นนั้นแล้วเดินออกไปห้องน้ำทันที ทิ้งคนกระทำที่หน้าเสียไปทันที

   “ชิบไม่อยู่แล้วมึง”

“อะไรของมึงวะหนู”

   “ชิบหายไงอิเอ็ม ช่างมุขกูเถอะ ! มึงเอาไงอะลัค” เพื่อนตัวเล็กอย่างหนูที่นั่งเป็นกระจุกอยู่ตรงกลางกับเชอร์รี่และแฟนของเธอ หนูหันมาถามเพื่อนตัวเองที่มองตามร่างของเด็กหนุ่มที่เพื่อนหน้าสวยของเธอหมายปอง หนูทนไม่ไหวเลยโน้มตัวทับตักวายุไปจนถึงตัวเอ็มนำแขนสั้น ๆ ของตัวเองไปสะกิดลัคจนเพื่อนหน้าสวยหันมามอง “ถ้าจะมองดึงวิญญาณขนาดนั้นมึงก็เดินไปตามป่ะวะ นั่งเงียบทำเชี้ยไร”

   “พี่ทำแบบนั้นกับคิมทำไมคะ !”

   ยังไม่ทันที่ลัคจะได้แยกเขี้ยวด่าเพื่อนตัวเล็ก เด็กผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามอย่างฟ้า คู่กรณีที่เขาเบื่อหน่ายหน้าหันมาพูดใส่เขาแบบเสียงดังขึ้นมา จะมองไม่เคารพรุ่นพี่ก็ได้ แต่ถ้าไม่พูดเสียงดังมันก็ไม่ได้ยิน แต่ถ้าตะโกนใส่หน้าได้เธอก็อยากจะทำ ฟ้ามองรุ่นหน้าสวยด้วยแววตาขุ่นเคืองที่มาจับมือคิมให้ป้อนน้ำตัวเองแบบนั้น มันใช่ได้ที่ไหนกัน ! เธอแอบชอบคิมมาหนึ่งปีเต็ม แล้วลัคก็เป็นเกย์รับคู่ควงหล่อล้ำแมนแฮนซั่มเยอะแยะทมไป นี่คิดจะมายุ่งอะไรกับคิม เธอละไม่เข้าใจเลยจริง ๆ

   “ฉันก็แค่แกล้งน้องก็เท่านั้น น้องฟ้ามีอะไรหรอครับ?”

   แค่ประโยคแทนตนดูก็รู้แล้วว่าลัคไม่โอเคกับผู้หญิงคนนี้ พวกเพื่อน ๆ ของลัคก็ลุ้นตัวโก่ง ในขณะที่เพื่อน ๆ ของคิมมองกันอย่าง งง ๆ เพราะกับพวกเขาลัคก็แทนตัวว่าพี่ดี ๆ แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจตรงนี้นักเพราะน้ำเสียงของลัคก็ดูจะทะเล้นไหนจะรอยยิ้มสวย ๆ ที่มุมปากนั้นอีก (มันยิ้มแสยะไม่ใช่?)

   “แต่พี่ !..”

   “พอ เดี๋ยวจะไปตามคิม พวกน้อง ๆ กินกันไปเถอะนะ มื้อนี่พวกพี่เรียก มึงก็ต้องออกเงินนะไอ้รี่แต่แฟนมึงไม่ต้อง”  ลัคพูดรวดเร็วเสร็จสรรพมีการชี้นิ้วไปหาทอมบอยคนเดียวที่ตอนนี้เบะปากซุกหน้ากับไหล่แฟนสาวไปแล้ว

   ลัคเดินปลีกตัวไปทางห้องน้ำ เข้าไปก็เจอกับคิมที่ถอดแว่นออกใช้ชายเสื้อเลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องแบนกระชับขาว ๆ ทำให้ลัคถึงกับชักสีหน้าไปนิด น้องมันจะรู้ตัวบ้างไหมว่ามีเก้งกว้างอยู่ในร้านนี้เยอะแยะ แล้วมาโชว์หน้าท้องขาวเนี้ยนะ! เขารีบเดินไปดึงชายเสื้ออีกคนลงทันที ร่างขาวสะดุ้งตกใจหันมามองเขา ใบหน้าใสมีน้ำเกาะพราวไปหมด ลัคจัดการลากอีกคนออกมาจากห้องน้ำเป็นหลังห้องน้ำแทน มือเรียวสวยหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาจะซับให้แต่อีกฝ่ายก็ผงะหนีจนลัคหน้าเสียแล้วชะงักมือทันที

   “คิมโกรธหรือ พี่ขอโทษละกันนะที่แตะเนื้อต้องตัวคิม”

   เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นมาพร้อมสายตารู้สึกผิดที่จ้องหน้าคนตัวขาวเอาซะไปไม่เป็น คิมก็ใจแป้วไปเหมือนกันที่รู้สึกทำให้อีกฝ่ายแสดงสีหน้าแบบนั้น

   “ผมไม่ได้รังเกียจ”

   “แต่เมื่อกี้คิมคงโกรธ”

   “ผมแค่อยากมาเข้าห้องน้ำ”

   “ไม่จริงหรอก ขนาดพี่จะซับน้ำให้เรายังเอาหน้าหนี”

   นี่ก็สวนให้หมดทุกคำเลยสิ !! คนตัวเล็กกว่าถอนหายใจ ดึงมือของอีกคนมาแปะหน้าตัวเอง

   แปะ !

   “เช็ดให้ผมหน่อยสิครับ…” ทันทีที่คำนั้นออกมาจากปากคิมลัคก็ยิ้มหน้าบานทันที ซับน้ำบนใบหน้าใส พอเสร็จคิมก็เอาแว่นมาใส่

   “คิมไม่ได้โกรธพี่จริง ๆ ใช่ไหม” ลัคถามออกไปด้วยความกังวลที่ยังไม่หายไป ถ้าไม่ใช่คิมอย่างหวังว่าเขาจะมาตื้อถามความรู้สึกแบบนี้เลย !

“ผมไม่ได้โกรธพี่ หรือรังเกียจเสียหน่อย ถ้ารังเกียจผมจะคุยด้วยหรือ” คิมตอบไปพร้อมมองหน้าอีกคน ใบหน้าที่ยังไม่ลดความกังวลเลย เขารู้ว่าตัวเองทำให้อีกคนกังวล ก็เล่นเดินออกมาดื้อ ๆ เสียแบบนั้น “ผมแค่อาย ไม่เคยทำแบบนั้นกับใครนี้ครับ..”

“…….จริงเหรอ” 

ทันทีที่ลัคได้ยินว่า ‘ไม่เคยทำแบบนั้นกับใคร’ มันเหมือนคำพูดยิ่งกว่าถูกหวยเสียอีก คุณคิดดูทั้งชีวิตคนเราจะได้เป็นครั้งแรกของใครสักคนได้มากอย่างนั้นหรือ ถ้าเรื่องแค่นี้ยังไม่เคยทำ แปลว่ามากกว่านี้ก็ไม่มีเลยนะซิ.. ลัคได้แต่ยิ้มกลุ้มกริ้มอยู่คนเดียวมองใบหน้าใสที่เริ่มชมพูขึ้นเรื่อ ๆ

“จริงสิ .. แล้วที่เดินออกมา ผมก็แค่… ไม่รู้จะทำหน้ายังไงก็เท่านั้น”

หัวทุยเล็ก ๆ ก้มหน้างุดมองพื้นเท้าขยุกขยิกไม่นิ่งเสียเลย มองอยู่นั่นแหละ มันมีอะไรดีกว่าหน้าเขาหรือไง แต่พอรู้ว่าอีกคนไม่ได้โกรธเคืองอะไรตัวเองก็สบายใจยกมือลูบหัวทุยนั้น และ.. จัดการหยอดน้องไปอีกนิด ๆ

“ไม่เห็นยากเลย….. ก็ทำหน้าน่ารักแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไงครับ”

เด็กที่ก้มหน้าอยู่เงยขึ้นมาสบตาเขาทันที ปากที่เม้มแทบเลียจนแดงฉ่ำน้ำระเรือ แก้มก็แดงหูก็แดงระเรื่อไปหมดแล้ว ทำเอาร่างโปร่งชะงักไปโดยทันที โอย… ใจไอ้ลัค

“แต่ให้ดี…  อย่าไปทำหน้าแบบนี้ให้ใครเห็นนอกจากพี่ดีกว่านะ”

“หะ? … ทะ ทำไมหรอครับ??”

ลัคถอนหายใจไปทีกับความไม่รู้เรื่องรู้ราวของอีกคน คิดแต่ว่าตัวเองเฉิ่ม ทั้งที่จริง ๆ แล้ว…

“มันน่าจับเอานะสิ”



___________________________________________
รักนะคะ คนดีของฉันนน  :mew1:

ช่วยเม้นติชมกันบ้างนะเคิ้บบบบบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aunnabubell

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
#8

 

 

 

            หลังจากที่ลัคกับคิมกลับมาทุกคนก็เฮฮาปาร์ตี้กันเหมือนเดิม คิมกินเหล้าเยอะจนหน้าเหน่อนี่แดงก่ำ เหล้าถูกส่งมากรอกใส่ปากคิมบ่อย ๆ โดยฝีมือคนชงอย่างแม่สาวสวยผิวแทนอย่างซินที่ไม่รู้ว่าชงของคิมเข้มเป็นพิเศษหรือเปล่าเพราะมองไม่ค่อยเห็นด้วย ลัคก็คอยดูแลคิมอย่างดี ถามว่าไหวไหม อยากเข้าห้องน้ำไหม กินนี่หรือเปล่า สารพัดสารเพจนฟ้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามเริ่มไม่ค่อยเฮฮาเสียเท่าไหร่เพราะการดูแลของลัค ลัคและก็รับรู้แต่ลอยหน้าลอยตาเช่นเดิม แล้วไงละในเมื่อเขาก็มีสิทธิ์ที่จะจีบคิมเหมือนกัน

 

 ทุกอย่างดำเนินไปจนมีพวกเพื่อนออกไปเต้นบ้าง มีพวกเก้งกวางที่เดินผ่านไปมามองลัคอย่างสนใจ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะสานต่อพวกหุ่นแมนหน้าคมนั้นไปแล้วแต่ตอนนี้มีสิ่งหน้าสนใจมากกว่าคือคนข้างกาย มือเรียวสวยยกแก้วน้ำสีเข้มขึ้นมาดื่มแต่ก็ชะงักเมื่อมีอะไรหนัก ๆ หล่นมาใส่ไหล่เขา…

 

            ตุ้บ !

 

            “งื้อออ อ มะ หวาย แล้ววววว”

 

            “กลับไหม?”

 

            ลัคถามกลับไปที่เด็กข้างกายที่ตอนนี้ตัวปวกเปียกไม่ไหวแล้ว จริง ๆ เขาถามหลายรอบแล้วว่าจะกลับไหม แต่อีกคนก็เอาแต่ส่ายหัวหน้ายิ้ม ๆ สายตาเยิ้ม ๆ หัวทุยที่วางอยู่บนไหลเขาขยับหัวเงยหน้ามาให้เห็นใบหน้าภายแว่นตาที่เอียงไม่ได้องศาตามเดิม หน้าแดงก่ำตาเยิ้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ลัคไม่อยากจะบอกเลยว่าตอนนี้หน้าคิมโคตรกระตุ้นต่อมความต้องการของเขามากเพียงใด  หัวทุย ๆ นั่นส่ายไปมา แต่ลัคก็ไม่ยอมแล้วจัดการประคองคนตัวเตี้ยกว่าเขาไม่กี่เซ็นลุกขึ้น

 

          กูจะไม่ยอมให้ใครได้เห็นหน้าตาแบบนี้ของคิมนอกจากกูแน่ !

 

            “อ้าว เชี่ยลัค จะกลับแล้วหรอมึง”

 

            “เออ กลับ ซินมึงนั่งต่อได้เลย เงินค่อยไปคิดกับกูพรุ่งนี้”

 

            ร่างโปร่งหันไปตอบเพื่อนสาว มือก็ประคองกายเล็กที่โงนเงนไปมามือก็อยู่ไม่นิ่งจับนู้นนี้เขาไปเรื่อย ถ้าที่นี่เป็นหอและความอดทนเขาต่ำไอ้แพนกวินน้อยนี่เสร็จเขาแน่ ๆ แต่ไม่ทันที่จะได้ก้าวขาประคองคนที่เกาะเขาออกไปจากเขตโต๊ะ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

 

            “ฟ้ากลับด้วยค่ะ”

 

            ลัคหันไปมองตามเสียงนั้น ใบหน้าจิ้มลิ้มตามฉบับผู้หญิงน่ารักใสใสวัยข๊บเผ๊าะทำให้ลัคแทบจะอดกลั้นกลอกตาไม่ไหวแต่เขาก็เก็บอาการ หันไปมองเพื่อนสาวผิวแทนที่เหมือนจะรู้หน้าที่ดี

 

            “ฟ้ารอกลับเป็นเพื่อนพี่สิเดี๋ยวพี่ไปส่งเอง”

 

            “แต่ฟ้า..”

 

            “อะไรหว่าอิฟ้า มึงอยู่ก่อนเด้ กลับพร้อมกู ๆ นี่ยังมันส์อยู่เล้ยย”

 

            เพื่อนผู้หญิงอีกคนของคิมที่ชื่อพร รั้งแขนฟ้าเอาไว้ดึงให้นั่งลงตามไปฟ้าเหมือนจะขัดขืนแต่เพื่อนสาวนั้นก็ทำการยัดถั่วที่เป็นกับแกล้มเหล้าที่เหลื่ออยู่เข้าปากเพื่อนตัวเองทันที ..

 

            แหม ทำดีจังน้อง พี่ละอยากจะให้ติ๊บถ้าไม่ติดงก

 

            ร่างโปร่งไม่เสียเวลามากกว่านั้น โบกมือลาเพื่อนแล้วรีบเดินออกไปจากผับนี้ เดินไปขายังไม่ทันก้าวพ้นประตูร้านก็มีร่างใหญ่ร่างหนึ่งมาขัดพวกเขา ลัคชะงักมองอีกคนที่สูงพอประมาณเขา อีกฝ่ายแค่ยิ้มมุมปากมาให้เหมือนจะเชื้อเชิญ ลัคแค่เลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ แทน

 

            “ว่างไหมครับคืนนี้”

 

            “ไม่ว่าง ขอตัวนะ”

 

            “เดี๋ยวสิครับคนสวย”

 

            เขาละเกลียดจริง ๆ เวลาคนเรียกเขาด้วยน้ำเสียงและหน้าตากวนบาทาบวกลวนลามเขาแบบนี้ มันคิดว่ามันจะหล่อเลว ๆ มีเสน่ห์แบบในอนิเมะที่คิมชอบดูหรือไง ลัคชักสีหน้าทันที มองอีกคนแบบไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ แต่ถ้าถีบยอดหน้าได้คงทำไปแล้วติดที่คนในอ้อมแขนก็อ้อแอ้ ๆ พอเหล้าเข้าปากก็พูดไม่หยุดเชียวนะ บ่นอะไรก็ไม่รู้งุ้งงิ้ง ๆ คนเดียว

 

            “มีอะไร”

 

            “ไม่สนจริงหรอ ผมว่างนะ”

 

            “ถามหรอ ถ้าว่างมากนักก็ไปช่วยมูลนิธินู้นไป หลีกด้วยผมจะกลับ !”  

 

            ลัคพูดจบก็จะเดินเบี่ยงออกไปแต่อีกคนกลับตื้อไม่เลิกนี่สิ !

 

            โว้ย ! อะไรนักหนาวะ!

 

          “ปากดีจัง แต่ผมสนใจคุณจริง ๆ นะ !”

 

            “ช่างหัวคุณสิ !”

 

            “เฮ้ ผมพูดดี ๆ นะ อย่าเล่นตัวหน่อยเลย”

 

            ลัคอ้าปากเตรียมจะด่า แต่ก็มีเสียงหนึ่งแทรก ..

 

            “ไอ้ควายยยยย ! อึก.. พูดไม่รู้เอื้องง อะ.. ไอ้หรรมเจี๊ยวหมาเอ๊ย ไม่หลบ อึก… กูตีมึงแน่ !” 

 

            อยู่ ๆ คนในอ้อมแขนเขาก็แผลงฤทธิ์ขึ้นมาแล้วมือก็ยกขวดเบียร์ขวดเล็กขึ้นมาชี้ไปข้างหน้า ทำเอาลัคเบิกตากว้างด้วยความตกใจ คิมเนี่ยนะจะทำอย่างนี้ ! ก้มมองคนที่ตัวก็ยืนโอนเอนไปมาเงยมองอีกฝ่ายที่ขัดการเดินออกจากร้านด้วยสายตาขุ่นเคืองแม้ดวงตากลมใสนั่นจะหลับแหล่มิหลับแหล่ก็ตาม แว่นก็มีจมูกกับหูช่วยเกี่ยวไว้ไม่งั้นหล่นแตกไปนานแล้ว แต่เดี๋ยวนะ..

 

            ไปหยิบขวดเบียร์มาจากไหนเนี้ย !!!!

 

            “อ้าว เบี้ยนก็ไม่บอก”

 

            “เบี้ยยยยไรเมิงงงงงงง ไอ้สัด อึก จะไถเงินกูอ๋อ ฟวยยยย อุ๊บ !”

 

            ก่อนไอ้แพนกวินน้อยที่แปลงร่างเป็นหมาปั๊กจะด่าใครไปมากกว่าเขาจัดการเอามือปิดปากแล้วลากออกจากที่นั่นทันที ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าเจ้าแพนกวินนี้เวลาเมาแล้วปากหมา มันน่าจับฟัดปากเสียจริง ร่างโปร่งรีบพาอีกคนไปยืนแถวหน้าร้านมองหาแท็กซี่ซึ่งก็เจอพอดี โบกมือรอรถมาจอดสายตาก็เหลือบไปมองเห็นที่มือขาวกำขวดเบียร์แน่น เขาแกะมืออีกคนออกจากขวดเบียร์ แต่มือขาวก็กำแน่นไม่ปล่อยเลย เฮ้ย ! นี่กะจะเอาไปนอนด้วยเลยไหม ในเมื่อแกะไม่ได้เขาก็ไม่แกะ ลากอีกคนขึ้นรถแท็กซี่แล้วบอกที่อยู่หอคิมไป ก้มมองอีกคนที่มุดมาซบอกเขาอ้อแอ้ไม่หยุด ภูมิใจลึก ๆ ที่อีกฝ่ายหวง(?)เขานักหนาถึงขั้นจะเอาขวดเบียร์ตีหัวคนที่ร่างใหญ่กว่าตัวเองเยอะ

 

            “หวงพี่หรอครับ”

           

            “ไอ้สัดไม่หลบอีก อยากโดน อึก.. กูคิลช่ายม้ายย ป้อมมึงเละ …แน่คอยดู๊ววว ว  ”

 

            เดี๋ยวนะ…

          คิล ? ตีป้อม? …

 

          ไอ้เหี้ยแพนกวินนี่มันละเมอถึงเกมส์หรอเนี่ย !!

          โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ย !

 

           

 

 

 

            แม้จะโดนเจ้าแพนกวินน้อยทำลายจิตใจเอาเสียบอบช้ำ เล่นมโนไปตั้งเยอะว่าเขาเมาแล้วจะหวง ห่วง เราขึ้นมา ที่ไหนได้กัน เจ้าเด็กบ้านี้มันละเมอถึงเกมส์ ถอนหายใจหน่าย ๆ ประคองร่างเล็กที่จะหลับอยู่ล่อมล่อเข้าคอนโดของคิม ในรถก็บ่นถึงเกมส์บ้าง การ์ตูนบ้าง ทำไมถึงไม่มีเขาอยู่ในห้วงการละเมอถึงของมันบ้างนะ คนหน้าสวยเบะปาก ให้แมลงหวี่แมลงวันที่อยู่ทั่วคอนโดรับรู้ไปทีว่าไอ้นี้มันทำหน้าบ้าอยู่คนเดียว เดินมาจนถึงหน้าประตูเขาก็ต้องหากุญแจเข้าห้อง ลัคดึงกระเป๋าสะพายใบเล็กของอีกคนมาค้นดูก็ไม่มี ที่เก็บอีกที่ก็คงจะเป็น… กระเป๋ากางเกง

 

            “ฮื่ออ อย่ายุ่งนะ อืออ อารายอ่า”

 

            “คิมอยู่นิ่ง ๆ สิ พี่หากุญแจไม่ถนัด”

 

            ร่างโปร่งดันอีกคนให้พิงกำแพงไปแล้วตัวเองก็พยายามเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้านหน้าทั้งสองข้าง แต่คนตัวเล็กไม่ร่วมมือที่จะอยู่นิ่ง ๆ เลย ขยับนู้นนี้ เอามือมาปัดป่ายอยู่ได้ นี่เขาไม่ได้จะถอดกางเกงหรือทำอะไรลวนลามนะ ! (แม้จะอยากทำ)  เมื่อหาที่กระเป๋าหน้าไม่เจอ ก็ต้องข้างหลัง แขนยาวรวบแขนอีกคนไว้ที่ลำตัวขยับตัวเข้าไปมือก็ล้วงไปที่กระเป๋ากางเกงข้างหลังเพื่อหากุญแจห้อง แต่คิดเหรอว่าคนอย่างลัค..

 

            “อื้อ ! บีบตูดมายอะ เห็บ หมาา อ๊ะ ! อืออ อย่าบีบบ !”

 

            มันจะแค่หากุญแจจริง ๆ  ลัคหัวเราะในลำคอมองคนตัวขาวเป็นหยวกกล้วยที่ตอนนี้ชมพูระเรื่อแทนด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เนื้อตัวนุ่มนิ่มไม่สมกับที่บอกไปฟิตหุ่นมาด้วยซ้ำ กลิ่นกายหวานแต่ไม่ได้เลี่ยนทำให้เขาสูดดมเข้าเต็มปอด  เขาลืมไปแล้วว่านี่มันหน้าห้องของคิม นี่มันคือคอนโดธรรมดาที่บนชั้น มีห้องไม่ต่ำกว่าสิบห้องแน่ ๆ ใครจะผ่านมาเห็นได้เยอะแยะถมไป ยืนกอดยืนดมกันอยู่แบบนี้จะทำให้น้องเสียหายเปล่า ๆ พอนึกขึ้นมาได้ขนาดนี้ เขายอมผละตัวออกจากสิ่งที่ตนอยากตระกองกอดสูดดมไปจนกว่าจะหมดกลิ่นหอมนั้นไป ลากคนเมาเข้าไปในห้องทันที

 

ร่างขาวแทบจะทิ้งตัวทันทีเดินไปถึงเตียงในห้องนอน ลัคจัดการกับรองเท้าของอีกคนถอดออกให้คนเมาได้นอนสบาย พร้อมกับเสื้อผ้าถอดไว้จนเหลือแต่ชั้นในสีเลือดหมูตัวเดียว เขากลั้นใจอย่างมากที่จะไม่ทำอะไรอีกคน เดินไปหากะละมังและผ้าผืนเล็กมาชุบน้ำเช็ดตัวให้คนเมา ลัคสาบานเลยจริง ๆ ว่าไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครขนาดนี้ เอาใจใส่ดูแลขนาดนี้ กับเพื่อนฝูงมากสุดคือถอดรองเท้าให้เพราะมันจะเปื้อนห้องเพียงเท่านั้นไม่ถึงกับมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวใส่เสื้อผ้าให้ ลงไปหาซื้อโจ๊กซองที่เซเว่นแถว ๆ คอนโดเสร็จสรรพ ทั้งที่ตัวเองก็กินเหล้ามาเหมือนกันแม้จะแค่มึนก็ตามที ปกติเขากลับหอดิ่งลงเตียงนอนนุ่มหลับเฝ้าพระอินทร์เห็นไปยันพระเยซู พระศิวะ พระแม่ธรณีไปแล้วแต่นี้ต่างไป บอกแล้วว่าเขาไม่เคยทำขนาดนี้จริง ๆ

 

            กลับขึ้นมาบนคอนโดอีกครั้งก็เห็นคนเมาหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้ว ลัคทรุดกายลงบนเตียงนุ่ม วางแขนคร่อมข้างหัวคนเมา พร้อมสำรวจใบหน้าที่ทำให้เขาสนใจจนลืมความเป็นตัวเองเมื่อก่อนหน้านี้ ใบหน้าใสชมพูระเรื่อ จมูกโด่งเป็นสัน แก้มใส ๆ ที่ยิ้มทีขึ้นเป็นลูกน่าบีบ ปากบางเฉียบสีสดเผยอน้อย ๆ พร้อมเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของอีกคน ลัคไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตอนนี้ทำหน้าอย่างไร หลงใหล ชอบใจ หรือเฉย ๆ แบบที่ผ่านมา เขามองปากบางเฉียบด้วยดวงตามุ่งมั่นและสั่นไหวไปคราวเดียวกัน เผลอนำลิ้นเลียริมฝีปากอิ่มของตัวเองอย่างเชืองช้า..

 

            พี่ขอนิดหน่อยนะคิม ถือว่าเป็นค่าดูแลสำหรับคืนนี้..

 

            ริมฝีปากอิ่มทรงกระจับกดแนบลงริมฝีปากบางที่เย็นเฉียบทันทีที่คิดคำขอในใจเสร็จสิ้น ไม่มีการล้วงล้ำ ดุนดันอะไรเข้าไป ริมฝีปากอุ่นเพียงขบเม้มปากบางเบา ๆ สลับไปมา ลิ้นอุ่นแลบออกมาเลียรอบปากบางเล็กน้อยละเลียดชิมความหวานนี่อยู่นานก่อนจะผละออกไป แล้วกดจูบ ย้ำ ๆ เบา ๆ อย่างถนุถนอมราวกับถ้ากดย้ำแรงลงไปสิ่งหอมหวานตรงหน้านี้จะสลายหายไป

 

ให้ตายเหอะ นี่เขาแถบจะลืมไปแล้วจริง ๆ ว่าตัวเองนั่นเคยเป็นเกย์รับ ชอบผู้ชายสูงล้ำหุ่นกำยำที่ปกป้องเขาได้มากกว่าคนตัวเตี้ยกว่าเขา ขาวและดูน่าถนุถนอมเพราะความบริสุทธิ์ ชอบคนที่โตกว่ามากกว่ารุ่นน้องแบบนี้ ชอบคนดุดันและโหดสัดมากกว่าคนที่ยิ้มเพียงนิดแล้วโลกสดใสยิ่งกว่าฤดูใบไม้ผลิ(สำหรับลัค) ชอบคนที่ดูผ่านโลกมากกว่าเด็กน้อยในกระดอง คนที่อยากจะมีความสุขทางรสอารมณ์กามเพราะโดนกระทำมากกว่าเป็นคนกระทำเสียเอง

 

คิมทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองที่รู้จักตลอดมาเลย นี่ลัค… ไม่ได้กำลังชอบคิมแบบเต็มเปาหรอกใช่ไหม



45 %



_________________________________________________________________



โปรดเม้นนะ เม้นหน่อยนะ จะอัพไวไม่ทำให้เธอเสียใจ 

ให้กำลังใจกันบ้างไรบ้าง จะได้รู้สึกเหมือนโดนด่าโดนเร่งตลอดเวลาไงครับ (คนไม่ชอบโดนจิก 555)



อัลหายหัวไปสองวันนี่คือไปเสือกร้านเพื่อนมาครับ ไปทำหน้าสล่อน ๆ ได้แดกของฟรีตลอด ปริ่มครับ เพื่อนหน้าตาดีด้วย(หืม?) เคยเป็นไหมครับ เราไม่ได้คบคนที่หน้าตานะ แต่คนที่เป็นเพื่อนเข้ากับเราเสือกหน้าตาดีหมด ยกเว้นตัวเราอะครับ ใครไม่เป็นไม่รู้แต่นี้เป็นประจำครับ รู้สึกต่ำต้อยมาก 555555555555555

อัลเคยสัญญากับพี่คนนึงว่าจะให้ถึงครึ่งเรื่องก่อนค่อยลงแต่แบบรีบครับ เพราะเรื่องเก่านี้ไม่มาแตะมันเกือบปีแล้ว พอมาลงมันเหมือนต้องเริ่มใหม่ ๆ ไง ไม่ได้สร้างแฟนแปงไรด้วย กลัวไม่ทัน งานตัวเองก็มีอีก ไม่ได้อัพถี่ แต่บางทีอัพทีอาจจะมาเป็นตอน ๆ ไรนี้นะครับ มันไม่ทัน เข้าใจนะครับ ทำงานแล้วแต่สัญญาไม่ปล่อยทิ้งร้างแน่นอน ส่วนมีคนถามว่า #ลัคคิมใครจะกดใคร  นี่สปอยไว้ก่อนเลยว่าาาาาาา.... อีกนานกว่าจะถึงฉากนั้น อย่ารีบ 5555555555 10 กว่านู้น (โดนถีบ) :z6:



1 เม้น 1 กำลังใจนะครับผม

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เพิ่งมาอ่านน่ะ
กวิ้นน่ารัก ตีป้อมอะไรจ๊ะระวังหลังดีๆเหอะ

ออฟไลน์ Ra poo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
น่ารักอะะะะะะ เพิ่งเข้ามาอ่าน แต่งยาวมากๆเลย อ่านเพลินเลยค่ะ

อยากรู้แล้วว่าใครกดใครรรร

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
น่ารัก อยากให้ลัคเป็นฝ่ายกดก่อนนะ แล้วค่อยเปลี่ยนกันกด  :impress2:

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
เชียร์นังน้องเพนกวิ้นน เตี้ยกว่าเป็นผัวลูก :katai3:

ออฟไลน์ aunnabubell

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
  เช้าของอีกวันภายในห้องนอนเล็ก ๆ นั่นอากาศเย็นช่ำเพราะแอร์ที่เปิดไว้ มีร่างคนเมาหัวทิ่มเมื่อคืนนอนอยู่ อาการปวดท้องมวน ๆ ทำให้ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงบิดตัวไปมาก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาทีละข้าง แล้วก็ต้องกดเปลือกตาที่หนักอึ้งนั่นลงไปอีกทีเพราะความปวดหนึบที่จู่โจมเข้ามาที่หัว มือขาวยกขึ้นมานวดขมับตัวเองก่อนจะแง้มเปลืองตานั้นให้เปิดขึ้นมามองห้องที่มืดมัวของตัวเอง สายตาเลื่อนไปที่นาฬิกาดิจิตอลบนหัวเตียง

 

            06 : 38

 

“อ่า วันนี้เรียนเช้านี่หว่า”

 

ร่างเล็กครางออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง เขารู้สึกคอแห้งมาก ๆ ดึงผ้าห่มที่คลุมตัวออกไปแล้วนั่งอยู่ข้างเตียง พอขาหย่อนพื้นก็ต้องแปลกใจกับเครื่องแต่งกายของตัวเอง ก่อนจะเบิกตาโตเท่าไข่

 

เมื่อคืนไปเมามานี่ ! แล้วกลับมาได้ไง ใครลากกลับมาพร้อมเปลี่ยนชุดให้วะ

 

คิมก้มมองตัวเองที่ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกเหนียวตัวเท่าไหร่ มันคงจะไม่ใช่แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเดียวอาจจะเช็ดตัวให้เลยด้วยซ้ำ เขาพยายามคิดว่าเมื่อวานอยู่กับใคร พี่ลัค  คนแรกที่เขาคิดถึงคือคนนี้ แล้วความทรงจำเมื่อคืนก็ไหลเข้ามาอย่างกับแผ่นหนังย้อนหลัง ตาที่เบิกโตอยู่แล้วยิ่งโตไปใหญ่พร้อมความร้อนที่พุ่งปรี๊ดขึ้นมาบนใบหน้าจนร้อนวาบ คนตัวขาวอ้าปากหวอแล้ว…

 

“โอ้ย !! พี่ลัคแม่งเห็นเราหมดแล้วววว อ๊ากกกกก”

 

แหกปากพร้อมลงไปชักดิ้นชักงอทันที ลัคเห็นเนื้อตัวเขาหมดไม่พอเล่นเช็ดด้วย ไหนจะพฤติกรรมเมื่อวานที่ไปแผลงฤทธิ์ใส่ตอนเมายันขึ้นมาบนห้องของเขา แล้วไหนจะตอนที่ลัคบอกเขาข้างห้องน้ำว่า ‘น่าจับเอา’… คิดถึงตอนนี้ก็ยิ่งอยากจะทุบตัวเอง ว่าแต่เมื่อคืนก็ดึกแล้วตอนที่ลัคมาส่ง แล้วตัวลัคละไปไหน ? ตื่นมาเขามองไม่เห็นรุ่นพี่หน้าสวยนอนอยู่ข้างกายเขาด้วยซ้ำ หรือจะกลับไปแล้วกันนะ ?

 

ขาขาวรีบเดินไปปิดแอร์แล้วออกจากห้องไปดูที่โซนนั่งเล่น โซฟาหน้าทีวีก็ไม่มีคนหน้าสวยอยู่เลย สงสัยคงกลับไปแล้ว เขาเลยไปดื่มน้ำแล้วสายตาเลื่อนไปเห็นอะไรบางสิ่งบนโต๊ะตอนกำลังจะวางแก้วน้ำที่ดื่มจนหมด มือเอื้อมไปหยิบสิ่งนั่นมาก่อนจะอมยิ้มแก้มแดงอีกรอบ เขาไล้สายตาอ่านโพสอิทสีเขียวที่เขาชอบวางในข้างทีวี ในนั้นมีลายมือไก่เขี่ยเขียนไว้อยู่เต็มไปหมด

 

ตื่นเช้ามาอาจปวดหัวมาก กินยานี้ซะและเอาซองโจ๊กที่พี่ตั้งไว้ไปต้มกินกับน้ำเก็กฮวยในตู้เย็นด้วยละ ช่วยได้ จาก..พี่ลัคของน้องคิม <3

 

            “หึหึ ลายมือไม่สมกับหน้าตาเลย”

 

            คิมพูดออกมาพร้อมมองโพสอิทนั้นยิ้ม ๆ เขาเก็บพับโพสอิทนั้นไว้ แล้วหันไปต้มน้ำร้อนและหยิบน้ำเก็กฮวยในตู้เย็นมาเจาะดื่ม ผลุดเข้าไปในห้องหยิบโทรศัพท์มากดไลน์หาอีกคนเขาไม่กล้าโทรเพราะกลัวคนเป็นพี่จะนอนหลับอยู่ เมื่อคืนก็ดึกและลัคก็กินไปพอสมควร เมื่อคืนถึงเขาจะเมาแต่ก็ไม่ใช่ไม่รู้เรื่อง จำได้ทุกอย่าง จำได้ว่าลัคไปห้องน้ำกี่รอบ จำได้ว่าลัคกินไปกี่แก้ว จำได้ว่าลัคดูแลเขาขนาดนั้น คิดแล้วก็หน้าร้อนวายเหมือนสาวน้อยวัยใสที่เพิ่งมีความรัก

 

เอ๊ะ ? ความรัก

 

            “คิดบ้าไรวะเนี่ย”

 

            พอเริ่มฟุ้งซ่านเลยพยายามปัดทิ้งไม่พยายามหาคำตอบในคำถามนั้น หันหน้ามาทำโจ๊กซองที่พี่ลัคหามาให้ กินไปยิ้มไป ไม่เหลือสักนิดเดียวให้คนอุส่าไปซื้อมาให้เสียใจเลย ร่างขาวทำความสะอาดเครื่องของที่ใช้เสร็จก็วนกลับไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปเรียน เขาหันไปล็อคห้องก่อนจะหมุนตัวเดินออกแต่ก็ต้องชะงัก..

 

            ติ๊ง !

 

            “หืม?”

 

            !!!!!

 

            มือขาวที่ควักมือถือออกมาถึงกับสั่นเมื่ออ่านข้อความที่เข้ามา คนที่ส่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคนที่เขาส่งไลน์ไปหาตอนเช้าว่าขอบคุณนั่นไง ความหมายของข้อความที่ส่งกลับมาว่า…

 

            เจอกันที่มอนะครับ เด็กขี้เมา J

 

            เขาไม่พร้อมจะเจอ !!!!

 

            คิมอยากจะนิสัยเสียโดดเรียนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ถึงเขาจะกล้าคุยกับพี่ลัคแต่ไม่ได้หมายความว่าจะอยากเจอตัวเป็น ๆ เสียหน่อย จะให้เขาทำหน้าอย่างไรละ พี่ลัคแก้ผ้าเช็ดตัวให้เขาเรียบร้อยเลยนะ  แก้ผ้านะ ! แล้วไม่ใช่แค่ถอดเสื้อ แต่มันถอดข้างล่างด้วยก็คือเห็นหมดเลยยังไงละ !

 

            KRK : ครับ ทานข้าวด้วยนะครับพี่ลัค

            Lucky : พี่ว่าจะไปกินที่โรงอาหารคณะคิมเป็นเพื่อนซิน ไปกินด้วยกันมั้ย?

            KRK : ผมทานแล้วครับ ก็โจ๊กที่พี่ลัคซื้อมาให้

            Lucky : งั้นตอนเที่ยงพี่ไปกินข้าวด้วยนะ ขับรถดี ๆ ละ เจอกันที่มหาลัย J

 

            อะไรเนี้ยยยยยยยยยย !

 

            คิมละอยากลงไปชักดิ้นชักงอที่พื้นไปเลย อุส่าบอกปัดทั้งที่จริง ๆ ยังไงเขาก็ต้องไปโรงอาหารที่มหาลัยนั่งเฝ้าเพื่อนกินอาหารประจำอยู่แล้ว เพราะกรกับพรชอบไม่ทันกินข้าวเช้าที่บ้านตลอด แล้วอย่างนี้ถ้าเจอหน้ากันตรง ๆ เขาจะทำหน้าอย่างไรละ…

 

 

 

 

            “อะ เอ่อ…”

 

            “ไหนบอกพี่ว่าเรากินข้าวมาแล้วไง”

 

            ตอนนี้นายคิรากร หรือ คิม กำลังกลอกตาเลิกลั่กไปมาอยู่ต่อหน้าเพื่อนทั้งสามคน(ฟ้ายังไม่มา)และอีกสองรุ่นพี่ต่างคณะอย่างหนูกับวายุและสายรหัสตน คิมเจอปัญหา... ปัญหาก็คือพี่ลัคมานั่งกินข้าวที่โรงอาหารคณะเขาจริง ๆ และไม่ใช่แค่นั้นนะ แต่เล่นนั่งโต๊ะเดียวกันเลย !!!

 

            “ก็ผมทานแล้ว นี่แค่มานั่งเป็นเพื่อนเพื่อน”

 

            คิมได้แต่ตอบไปไม่ยอมเงยหน้ามองลัคที่นั่งข้างกันเลยสักนิด ไม่ใช่เพราะพี่ลัคกำลังโมโหใส่เขา พี่ลัคก็พูดดีแต่เป็นเพราะเขานั้น .. อาย

 

            “แล้วทำไมตอนพี่ถามไม่เห็นตอบว่าจะมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนเพื่อน”

 

            “ก็เพื่อนเพิ่งบอก” ตอบไปเสียงอ่อย

 

            “อย่ามาแหลไอ้คิม กูมาแดกทุกวันที่มีวิชาเช้าตั้งแต่ปีหนึ่ง”

 

            สัดกร !

 

            คิมถึงกับสบถคำหยาบในใจ ร่างขาวอยากหันไปตบหัวเพื่อนที่นั่งตรงข้ามเขาเหลือเกิน แทนที่จะอยู่เงียบ ๆ กินข้าวให้หมดไปซะ ถ้าเขาหัวรุนแรงสักนิดจะตบปากเพื่อนให้คะน้าหมูกรอบติดคอไปเลย

 

            “ทุกวันที่เรียนเช้าด้วย”

 

            คิมยิ่งก้มหน้าชิดอกไปอีกถ้ามีกระดองคิมก็จะมุดหดตัวเข้าไปไม่ให้โผล่ออกมาแม้แต่เส้นผมเลยเหอะ

 

            “แล้วจะก้มไปไหนอะหน้า ทำไมไม่เงยหน้าขึ้นมา”

 

            ไม่ว่าแต่ปาก มือเรียวสวยเลื่อนมาตบปลายคางเขาเบา ๆ ให้เงยหน้าขึ้น คิมก็ได้แต่เงยหน้าขึ้นสบหน้ากันตรง ๆ ยิ่งเห็นหน้าหูก็ยิ่งเรื่อแดง เพราะมัวแต่คิดเรื่องที่ลัคเห็นร่างกายตัวเอง (หมกหมุ่นแท้)

 

            พี่ลัค คิมจะไม่ไหวแล้ว เขินจะตายแล้ว ฮือ

 

            “เป็นอะไรนะเราหน้าแดงเชียว”

 

            และด้วยความตาดีหรือเปล่าไม่รู้ ทำให้ลัคเห็นหูของอีกคนที่แดงเรื่อขึ้นมาพร้อมพูดทักขึ้นมา เอาคนทั้งโต๊ะที่ตอนแรกเงียบสงบเพื่อรอฟังคู่รัก(?) พูดกัน เงยหน้าจากจานอาหารมาสนใจร่างขาวที่หูหน้าแดงนั่นทันที

 

            “ปะ เปล่า”

 

            “เปล่าอะไรก็เห็นอยู่ หรือไม่สบาย แต่เมื่อวานพี่ว่า พี่ก็เช็ดตัวให้หมดแล้วนะ.. ไม่น่าจะไข้ขึ้น”

 

            คิมถึงกับอ้าปากหวอทันทีที่ลัคพูดจบมือบีบกางเกงแสล็คของตนแน่นเพราะความเขินอาย เช็ดตัวให้หมดแล้วนะ ใครบอกให้พี่ลัคพูดขึ้นมากลางโต๊ะอาหารกัน ! ร่างขาวที่หน้าแดงอยู่แล้วตอนนี้เรียกเลือดมารวมกันหมดคล้ายลูกโป่งที่แก๊ซเยอะแทบจะแตกโพะออกมาอยู่แล้ว  กิริยาความขัดเขินที่ทำให้ลัครู้แล้วทำไมคนน้องถึงไม่บอกเขาว่าจะมาที่โรงอาหาร ทำไมถึงไม่สบตาตรง ๆ ตั้งแต่เขาเดินเข้ามา

 

          ที่แท้ก็เขินที่เราเห็นร่างกายตัวเองสินะ

 

            ลัคยิ้มมุมปากขึ้นมาทันที มองคนข้าง ๆ ที่ไม่รู้จะทำตัวน่ารักเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาไปถึงไหน อ๋อ ไม่ใช่สิ คิมมันไร้เดียงสาจริง ๆ  รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏบนใบหน้าสวย ทำให้เพื่อน ๆ ที่พากันถ่อมากินข้าวโรงอาหารตอนเช้ามองหน้ากันแล้วพยักหน้าเข้าใจอารมณ์แบบ กูเข้าใจแล้วว่ามึงทำไรมาทันที

 

            “ว่าไง”

 

            “อะ พี่ลัคมีเรียนกี่โมงหรอ”

 

            เพราะรู้สึกอายมากและคงไม่รู้จะต่อปากต่อคำยังไงเลยเลือกที่จะถามแทนที่จะตอบ มือขาวยกมือไปจับหน้าขาของคนเป็นพี่บีบเบา ๆ เหมือนการบอกให้เลิกถามได้แล้ว ลัคได้แต่ยกยิ้ม ยกมือไปลูบหัวอีกคนเบา ๆ

 

            “เรามีกี่โมงละ”

 

            “แปดครึ่งครับ”

 

            “งั้นก็เตรียมตัวกันไปเรียนได้แล้วสิ”

 

            คำตอบที่คนฟังก็ได้แต่พยักหน้า หันไปมองพวกเพื่อนที่ตอนนี้ก็กินข้าวจะเสร็จแล้ว แต่พวกของลัคกลับลุกขึ้นยืนแทน มือเรียวก็ยังวางอยู่บนหัวทุย ๆ ของรุ่นน้อง

 

            “พี่ไปเรียนก่อนละกันนะ ตั้งใจเรียนละเรา”

 

            “ครับ พี่ลัคก็ด้วยนะครับ”

 

            “เจอกัน”

 

            อีกฝ่ายว่าเช่นนี้ก่อนจะเดินจากไปกลับกลุ่มเพื่อน คิมก็แค่อมยิ้มนิด ๆ มองตามหลังอีกฝ่ายไป

 

            “แหม มองไม่วางตาเลยนะยะ หันกลับมามองหน้าพวกกูก็ได้มั้ง”

 

            เสียงแซวของพรที่ทำให้คิมสะดุ้งนิด ๆ ยกมือเกาแก้มเขิน ๆ

 

            “เออ ทำไมวันนี้เขามากินกับเราละ แล้วดูเขาจะสนิทกับแกมากเลยนะคิม มีอะไร ๆ ๆ บอกเพื่อนมาเดี๋ยวนี้”

 

            สาวน้อยผู้บ้าคลั่งศิลปินเกาหลียิ่งกว่าอะไรดีอย่างพร หรี่ตามองเพื่อนตัวขาวของเธออย่างเจ้าเล่ห์ เธอคิดว่าเธอมีรางสังเหา(?) แปลก ๆ คนที่เป็นติ่งศิลปินเกาหลีอย่างเธอสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการจับคู่จิ้น แน่นอนเซ้นส์ความวาย ความจิ้น การมโนจับคู่ของเธอแรงกล้ายิ่งกว่าอะไร จะหาว่าเธอมโนเกินเหตุก็ไม่ได้ คิดดูสิ คนที่ไม่เคยโผล่หน้ามาหาสายรหัสตัวเองมากินข้าวด้วยกันที่โรงอาหาร ซึ่งประจำไม่เค้ยไม่เคยจะเห็นวี่แวว แล้วไหนจะรุ่นพี่เกย์หน้าสวยอย่างลัค ที่ดูสนิทชิดเชื้อกันมากกับคิม มีเช็ดตงเช็ดตัว มีการไม่ตอบคำถามซึ่งแสดงว่าเขาสองคนต้องคุยกัน

 

            พรวิเคราะห์ทุกอย่างได้เป็นฉาก ๆ ในสมอง ปกติเธอไม่ค่อยยุ่งเรื่องของใคร เพราะเอาเวลาตามอปป้าให้ครบทุกคนทุกวงก็แทบแย่ แต่ตอนนี้เธอต้องเอาเรื่องใกล้ตัวเธอก่อน ความรู้สึกตอนนี้มีทั้งความเสือกและต้องสืบด้วย พรถือคติที่ว่า ‘ใครจะหาว่าฉันเสือกฉันก็ไม่แคร์ เพราะขนาดคนที่อยู่คนละประเทศฉันยังตามรู้ยันยี่ห้อกางเกงใน’  แค่นี่จิ๊บ ๆ

 

“ก็มากินข้าวเป็นเพื่อนพี่ซินมั้ง”

 

“แล้วอะไรคือ เช็ดตัว พวกแกไปกินเลี้ยงด้วยกันแค่ครั้งสองครั้งทำไมดูสนิทสนม ไหนจะไปรับไปส่ง ไหนจะพฤติกรรมเมื่อคืน แล้วนี้อะไรมีการคุยกันตอนเช้า มานั่งง้องอนกันต่อหน้าพวกฉันด้วย”

 

“ทีละคำถามก็ได้มั้ง เสือกเยอะ ๆ ไอ้คิมมันก็ตอบไม่ทัน”

 

ฟิล์มที่นั่งเคี้ยวขนมปังเข้าปากตุ้ย ๆ หันไปว่าพร เพราะรู้สึกพรจะอ้าปากพูดมาก ตั้งคำถามเยอะเสียจริง นี่ต้องมีความเสือกเรื่องเพื่อนขนาดไหนเชียวถึงถามได้ออกมาเป็นฉาก ๆ อย่างนี้ เขาละอยากรู้

 

“จิ๊ ! หุบปากไป คิมตอบ”

 

พรส่งเสียงขัดใจแล้วหันไปตวัดตาใส่เพื่อนร่างอวบของตน ก่อนจะเร่งคำตอบจากคิมอีกรอบ คิมได้แต่ถอนหายใจหน่าย ๆ แล้วตอบไปทุกอย่าง

 

“ก็แค่มีไลน์คุยกัน เมื่อวานเราก็เมา พี่ลัคก็แค่เช็ดตัวให้แล้วกลับ พอไลน์ไปขอบคุณก็ชวนมากินข้าวเพราะจะมากินข้าวเป็นเพื่อนพี่ซินเท่านั้นเอง”

 

“เหรอ แต่เขาดูห่วงแกนะ”

 

“ก็พี่น้องกันไง”

 

เสียงเบาลงมานิด แค่นิดเดียวจริง ๆ พอคำตอบที่พูดออกไปมันทำให้เขาใจวูบ ๆ ที่ออกแปลก ๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร  พรก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อแค่พยักหน้าแล้วรีบกินข้าวกันก่อนจะลุกขึ้นไปเก็บจานให้เขาแล้วเตรียมขึ้นเรียน

 

“เออ แต่พี่ลัคนี่ก็ขยันเนอะ หยุดช่วงเช้าแทนที่จะนอนอยู่บ้านกลับตื่นมากินข้าวที่โรงอาหารเราซะงั้น”

 

คำพูดของฟิล์มที่ทำให้คิมหันไปมองอย่างงง ๆ คิ้วขมวดเข้าหากัน

 

“หยุดเรียนช่วงเช้า?”

 

“เออดิ รุ่นพี่ที่รู้จักมันก็เรียนแซคเดียวกับพี่ลัค มันยังนอนอืดอยู่บ้านอยู่เลย มีเรียนบ่ายนู้น”

 

คำตอบที่ทำให้คิมรีบหยิบโทรศัพท์ทักไลน์ไปหาอีกคนทันที เมื่อคืนก็อยู่ดูแลกับเขาเสียดึกนี่ยังตื่นมามหาลัยทั้ง ๆ ที่ไม่มีเรียนอีกหรือ

 

KRK : พี่ลัค พี่มีเรียนเช้าหรอครับ

Lucky : ทำไมถามงั้น ไม่มีเรียนแล้วพี่จะมาทำไม

 

เออ นั้นสิ แล้วพี่จะมาทำไมละ! เอ๊ะ หรือพี่ลัคมาช่วยเพื่อนหรือเปล่าเถอะ

 

Lucky : คิมถามมามีไรเปล่า ?

KRK : เพื่อนผมบอกพี่ไม่มีเรียนช่วงเช้า

            Lucky : เราอยากรู้เรื่องเกี่ยวพี่ด้วยหรอ ดีใจจัง J

 

          อีโมจิยิ้มนั้นมันด่าเราเสือกปะวะ ?

 

            KRK : เพื่อนผมบอกตะหาก

 

แม้ในใจจะรู้ว่าตัวเองเสือกเรื่องของเขามากไป เขารู้มันไม่ใช่เรื่องของเขาเลยด้วยซ้ำที่พี่ลัคจะมาไม่มามหาลัย หรือนอนไม่ได้นอน แต่ที่ถามไป ก็เพราะ… เป็นห่วง จะไม่ให้ห่วงได้อย่างไร เมื่อคืนก็ดึกนะ เมาด้วยเหมือนกัน เขาก็แค่อยากให้อีกคนพักผ่อนเท่านั้น ไม่รู้จะได้นอนไปแค่กี่ชั่วโมง วันนี้ที่มองหน้าพี่ลัคอีกคนก็ขอบตาดำหน่อย ๆ ด้วย 

 

คิดเพลิน ๆ โทรศัพท์ในมือก็สั่นเพราะข้อความเข้า พอก้มอ่านข้อความเท่านั้นละคนที่ห่วงเขาจะไม่ได้นอนพักผ่อนก็ต้องหน้าแดงแปร๊ด..

 

 

 

Lucky : ไม่อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับพี่ก็ไม่เป็นไร แต่พี่ก็จะบอก

Lucky : (แคปตารางเรียนทางเว็บไซต์)  นี่ตารางเรียนพี่นะครับ

 

 

Lucky : ส่วนเรื่องที่ทำไมวันนี้พี่มามหาลัยตอนเช้า ………. พี่อยากมาเจอหน้าคิม

 

 

 

_________________________________________________________________

 

มาต่อแล้วคร้าบ ครึ่งหลังมาเยอะเลย มีคนถามว่าอัลไปไหนไม่มาอัพ อัลไปเมามาครับ ดิ้นจนปวดเอวกันเลยทีเดียว เจอเพื่อนเก่าก็เอาใหญ่เลย เช้ามาแฮงค์ปิดร้าน ไม่ได้ทำงาน เสียงก็แสนจะเซ็กซี่แหบจนปวดคอไปหมด เพิ่งผ่าตัดมาก็ไม่เจียมตัวด้วย เกือบป่วยแหนะ กินยาดักแทบไม่ทัน 555555555555555555555555 เรื่องนี่เหมือนจะเนิบ ๆ แต่หลัง ๆ อาจจะเร่ง อัลเป็นคนชอบวาร์ป ฮ่า ๆ  เจอคำผิดก็บอกบ้างนะคร้าบ  :mew1:

 

 

 

1 เม้น 1 กำลังใจนะครับผม

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :-[.  เช้านี้จะเรียนรู้เรื่องไหมล่ะนั่น
พี่ลัคแมนมากๆอะ. นี่ไม่รู้เลยว่านางเป็นเคะมาก่อน
ลุ้นต่อไปจ้า

ออฟไลน์ Ra poo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
อยากเห็นคิมหึงลัคบ้างอะ ลัคเนื้อหอมจะตาย หน้าดีด้วยน่าจะมีคู่คงคู่ควงมาในระดับหนึ่ง

แกล้งให้คิมหึงหน่อยเร้ว

ออฟไลน์ aunnabubell

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
#9

 

คิม


 

 

            ผมยืนมองพวกน้อง ๆ ปีหนึ่งคณะผมที่เพิ่งเข้ามากัน เรามาร่วมกันทำกิจกรรมรับน้อง วันนี้แค่แนะนำตัว ทำป้าย แล้วเล่นกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ กันเท่านั้น  พวกผมกับเพื่อนในคณะต่างก็จะแบ่งแยกหน้าที่กันออกไป พี่ว้ากส่วนมากจะปีสาม ปีสองก็มี ปีสี่นี่ไม่ค่อยยุ่งกับพวกพี่เขาจะยุ่งมาก แต่วันนี้มีแต่พวกปีสอง ผมรับหน้าที่พวกดูแลน้อง ๆ หาขนมหาน้ำมาให้น้องดูแลใครเป็นลมเป็นแล้งแค่นั้น หรือที่เรียก ๆ ก็ พี่สันทนาการอะนะ

 

            พวกผมทุกคนแนะนำตัวกับรุ่นน้องไปหมดแล้ว แต่ถ้าจำได้หมดก็คงเก่งไปพวกผมไม่มีป้ายชื่อแบบน้อง ๆ เขาหรอก ยิ่งผมนี่ยิ่งดับใหญ่เลยละ เป็นบุคคลไม่มีออร่าอะไร เหมือนพี่ลัค..

 

            อ่า นี่ผมคิดถึงพี่ลัคอีกแล้ว มือขาวยกมือขยี้หัวตัวเองแรง ๆ วันนี้ตอนเที่ยงพี่ลัคก็มากินข้าวกับพวกผม เหตุผลพี่ซินป้ารหัสผมเขาไม่ยอมออกไปกินข้างนอกจะกินที่โรงอาหาร ก็เลยหอบกันมาอยู่ที่นี้ พี่ลัคก็ทำเหมือนเดิม คอยดูแล แกล้งหยอกผมหน่อย ๆ หยอดผมไม่มากเพราะเหมือนเขาก็กลัวผมจะโกรธ แต่เอาจริง ๆ ผมไม่ได้โกรธเลยด้วยซ้ำ ไม่คิดรังเกียจอะไรพี่ลัคด้วย ถึงผมไม่เคยมีความรักหรือชอบใคร แต่ผมว่าผมก็พอรู้ว่าที่ตัวเองเป็นตอนนี้มันคืออะไร มันคืออาการ ชอบ

 

          ผมไม่กล้าที่จะคิดอะไรเข้าข้างตัวเองมากไปถึงแม้ที่พี่ลัคทำมันจะทำให้ผมเข้าข้างตัวเองมากก็ตาม เขามาหยอด เขามาดูแล มาเอาใจใส่ แต่ผมไม่เคยลืมว่าแท้จริงพี่ลัคเป็นเกย์รับ และแต่ละคนที่เขาเคยควงไม่ใช่ย่อย ๆ (กร ฟิล์ม พร เล่ามา)  ผมเลยคิดว่าเขาอาจจะเป็นแบบนี้กับคนที่อยากสนิท เพราะผมคิดว่าผมก็สนิทกับคนยาก พี่ลัคเป็นสวย แม้นิสัยจะขัดกับหน้าไปนิด ผมเคยเห็นพี่ลัคโมโหเพื่อนเขาที่ชื่อสิงค์ ในผับเกย์วันก่อนนั้น บอกตามตรงว่าตกใจท่าทางที่เหมือนจะตัดหัวพี่สิงค์วันนั้น เพราะปกติพี่ลัคเป็นคน หัวเราะง่าย ยิ้มง่าย ร่าเริง มีมุมอ้อน ๆ บ้าง แต่ก็น้อยมาก ๆ ไม่เคยแสดงมาให้เห็นเลยจริง ๆ จะเห็นก็นู้นนะ ในไลน์ เขาจะวางตัวเป็นตลอด จะบอกว่ามีฟอร์มมากจริง ๆ เลยละ นั้นมันคืออีกเหตุผล ว่าทำไมผมถึงไม่พยายามคิดเข้าข้างตัวเอง

 

            ในขณะที่ผมกำลังคิดถึงเรื่องพี่ลัคเพลิน ๆ ตาก็หันไปมองพวกเด็กที่จับกลุ่มมุงเล็ก ๆ ผมกับเพื่อนคนอื่น ๆ ก็วิ่งตามไปดู เพื่อนผมแหวกทางเข้าไปก็เจอเด็กผู้หญิงตัวเล็กนั่งกุมข้อเท้าอยู่ที่พื้น พอเห็นว่าเป็นเช่นนั้นผมเลยหันไปบอกเพื่อน

 

            “เดี๋ยวเราจัดการเอง”

 

            “เฮ้ย มึงไหวหรอคิม”  

 

ผมหันไปมองน้องตัวเล็กอีกรอบผมก็หุ่นผู้ชายนะครับ สูงก็ร้อยเจ็ดสิบนิด ๆ สำหรับผู้หญิงไทยผมว่าผมก็สูงพอแล้ว (ไม่ได้ว่าผู้หญิงไทยเตี้ยนะครับ แต่ส่วนมากก็เล็ก ๆ ผม 170+ ไปนิดก็ถือว่ามาตรฐานอยู่) ตอนอยู่ภูเก็ตก็ฟิตหุ่นมาอยู่ ผมแค่ขาวมากเลยดูขี้โรคไปนิดแค่นั้นไม่ใช่ทำไรไม่ได้เลยเสียหน่อย ผมหันกลับไปมองเพื่อนที่เป็นพี่ว้ากเด็ก ๆ พวกนั้น มันเลยเรียกเด็ก ๆ ให้หันไปสนใจกิจกรรมต่อ ผมมองน้องคนที่นั่งหน้าแดงเหงื่อซึมอยู่ ใบหน้าเหยเก้คงเจ็บ  ผมย่อตัวก้มหน้าไปบอกน้องเบา ๆ

 

“น้องลุกเดินไหวไหมครับ”

 

“คะ เอ่อ น่าจะไหวค่ะ”

 

ผมพยักหน้าให้น้องแล้วช่วยพยุงขึ้นมา แต่พอลุกขึ้นเหมือนน้องจะลงน้ำหนักผิดเลยเซมาจนผมต้องรีบรับไว้  ผมก้มมองที่ข้อเท้าเหมือนน้องจะแตะไม่ได้เลยด้วยซ้ำเพราะยกขาขึ้นเหนือพื้นไม่ยอมเอาลงเลย

 

“ไม่ไหวเดี๋ยวพี่อุ้มก็ได้ครับ อนุญาตไหม”

 

            “ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ แหะ ๆ ลำบากพี่แย่เลย”

 

            น้องผู้หญิงตัวเล็กหัวเราะแห้ง ๆ ให้ผม ผมมองหน้าเขาแวบนึงแล้วไปมองที่ป้ายชื่อ  น้องปาย ชื่อน่ารักดี สงสัยน่าจะเด็กเหนือตัวก็ขาว ตอนยืนก็สูงประมาณจมูกผมได้ครับ ตาสองชั้นไม่โตมาก จมูกนิด ปากหน่อย จัดฟันซะด้วยสียางก็สลับม่วงเหลือง

 

            “ไม่เป็นไรครับ”

 

            ผมตอบรับก่อนจะใช้แขนขวาสอดใต้รักแร้และแขนซ้ายช้อนข้อพับขาน้องขึ้นมาแขนเรียวนั้นก็ตวัดเกี่ยวคอผมทันที พวกฟิล์มก็เดินตามหลังผมห่าง ๆ แต่เดินเข้าไปยังไม่ถึงใต้ทุนตึกก็เจอพี่ลัคกับพี่หนูยืนหน้าบึ้งอยู่ พี่หนูหนะยิ้ม แต่พี่ลัคนี่สิ .. หน้านิ่งแผ่รังสีดำ ๆ ออกมาเหมือนในการ์ตูนที่เคยดูไม่ผิดเพี้ยนเลยละ

 

            “คิม” เสียงก็เย็นเกิ๊น  ผมทำได้แค่หันไปยิ้มแหย่ ๆ ให้ ไม่รู้ทำไมแต่รู้สึกเหมือนทำอะไรผิดมาแล้วโดนโกรธเลย แต่จะเรื่องอะไรละ ? ผมค่อย ๆ วางน้องลงบนเก้าอี้ มือน้องเลื่อนมาจับแขนผมไว้ไม่ยอมปล่อย ผมหันไปตอบพี่ลัคที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่สายตาที่มองมานี่ถ้าเป็นมีด ผมว่าคนแถวนี้ก็โดนแทงจนพรุนอ่ะ

 

            “ครับ พร ๆ ขอยานวดหน่อยสิ”

 

            ผมเรียกขอยานวดจากเพื่อน กำลังจะนั่งลงข้าง ๆ แต่พี่ลัคก็มาดันผมออกมือน้องก็หลุดจากแขนผมไปด้วยเลย ผมทำหน้างง ๆ เมื่อพี่ลัคไปนั่งข้างน้องแทน พร้อมกับยาที่มาพอดีผมเลยหันไปรับแต่ก็โดนพี่ลัคตัดหน้าไปอีกรอบ

 

            “ไปเอาน้ำให้น้องไป เดี๋ยวเด็กคนนี้พี่จัดการเอง”

 

            “ไม่เป็นไรพี่ลัค เดี๋ยวผมทำเองก็ได้ ผมเป็นรุ่นพี่น้องปายเขา”

 

            พออธิบายก็เหมือนจะพูดอะไรผิด พี่ลัคยิ่งหน้าบึ้งเข้าไปอีก ผมถึงกับทำหน้าเหรอหรา ปากอิ่มทรงกระจับของพี่ลัคเม้มเข้าหากันแน่น ๆ ก่อนจะไม่พูดอะไรกับผมอีกแต่หันไปหาน้องปายแล้ว …

 

            หมับ

 

            “ว๊ายยยย !! /เฮ้ย !!”

 

            “มึงทำบ้าอะไรไอ้ลัค ! น้องเขาใส่กระโปรงนะเว้ย !”

 

            “เอ๊า แล้วมึงจะให้กูลงไปนวดตีนให้น้องมันไง รุ่นพี่นะเว้ย ! ยังไงก็อายุเยอะกว่า ถ้าจะให้ทำก็ยกขาขึ้นมา !”

 

            พี่ลัคว่าขึ้นมาเสียงดังฟังชัดพร้อมหันไปมองน้องปายที่ค่อย ๆ รวบกระโปรงยกขาข้างที่เจ็บขึ้นมาโชคดีใส่กางเกงยีนขาสั้นไว้ข้างในเลยไม่ต้องห่วงว่าอะไรจะออกมาล่อตาล่อใจผู้ชาย พวกผมที่ยืนล้อมอยู่พากันใจหายแวบ ที่อยู่ ๆ พี่ลัคก็ดึงขาน้องเขาขึ้นมาเลย ตัวน้องเขาก็ตกใจพวกผมนี้แทบถลาไปจับน้องที่ตัวหมุนจะหล่นเก้าอี้เพราะแรงจากการดึงขาของพี่ลัค

 

            ผมมองพี่ลัคนิ่ง ๆ ผมว่าเหตุผลพี่ลัคมันก็ใช่แต่ก็ไม่ควรจะดึงขาน้องมาอย่างนั้น ขาก้าวเข้าไปยืนตรงหน้าพี่ลัคที่กำลังถอดรองเท้าให้น้องเขา… ไม่เบาเท่าไหร่

 

            “ผมทำเองดีกว่าพี่ลัค”

 

            “ไม่ต้องพี่จะทำ คิมไปเอาน้ำเอาขนมให้น้องในสนามเถอะ”

 

            “ไม่เป็นไรครับมีเพื่อนคนอื่นทำกันเยอะแยะ แต่เดี๋ยวผมจะดูเท้าให้น้องเอง”

 

            “คิมฟังพี่ไม่รู้เรื่องหรอ พี่บอกให้ไปช่วยเพื่อน”

 

            “แต่น้องเขาเป็นน้องในการดูแลผม เดี๋ยวผมทำเองลำบากพี่ลัคเปล่า ๆ”

 

            “แต่พี่จะทำ !”

 

            พอเริ่มเถียงพี่ลัคก็เริ่มเสียงดัง หน้าตอนนี้บึ้งเข้าหากันจมูกจะติดปากอยู่แล้ว ตอนนี้หน้าก็เริ่มจะแดงเพราะโมโห ที่ผมเถียงคือผมไม่อยากให้พี่ลัคมาลำบาก น้องเขาก็อยู่ในความดูแลของพวกผมที่เป็นรุ่นพี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าพี่ลัคไม่ใช่รุ่นพี่เขาหรอกนะ แค่ไม่อยากให้ลำบาก แต่ไม่รู้พี่ลัคนั่นตีความไปทางไหน ผมถอนหายใจหน่าย ๆ กับความดื้อของอีกคน ผมพยักหน้าแล้วเดินไปช่วยเพื่อนแทน เพราะถ้ายังอยู่เถียงต่อ ไม่แน่อาจจะได้ทะเลาะกันผมเลยเลือกที่จะเงียบแทน

 

            “อ้าว น้องเขาละวะ”  พอมาช่วยเพื่อนกรก็หันมาถามผม ผมเลยพยักหน้าหันไปทางที่เพิ่งเดินออกมาแทน มันก็พยักหน้าเข้าใจ

 

            “พี่ลัคเขาไปกินรังแตนที่ไหนมาวะ ตั้งแต่เดินเข้ามาละ”

 

            “ไม่รู้เหมือนกัน”

 

            “แกว่าเขาจะตบน้องไหมอะ ดูดิ”

 

            กรเขยิบมาพูดกับผมสองคนพร้อมพยักหน้าให้ผมหันไปมอง ก็เห็นน้องปายเบ้ปากแล้วเบ้ปากอีก ร้องโวยวาย จนสุดท้ายพี่หนูก็เข้ามาช่วยแทน ดึงพี่ลัคที่หน้าบึ้งออกมา พี่ลัคหันมาสบตาผมแวบเดียวก่อนจะหันหน้าหนี อ้าว ?

 

            “แล้วเป็นไงคิม ได้อุ้มสาว ยังรู้สึกตายด้านอีกไหม”

 

            ผมหัวเราะกับคำถากถางของกร ที่มันว่าผมตายด้านเพราะผมไม่เคยสนใจใคร ทั้งหญิงและชาย เวลามีผู้หญิงมาจีบผมก็คุยได้ไม่นานเขาก็จะไปเองเพราะผมมันน่าเบื่อ จืดชืด และก็ไม่มีใครทำให้ผมรู้สึกสนใจเขามากไปกว่าการเล่นเกมส์เลยด้วยซ้ำ แต่เหมือน จะเพิ่งเจอมาคนหนึ่งละนะ..

 

            “ไอ้บ้า ใครตายด้านกัน แค่ไม่ได้คบใครไม่ได้เรียกว่าตายด้าน”

 

            “จะบอกว่าก็เอาออกอยู่”

 

            กรหันมากระซิบมองผมเจ้าเล่ห์ ผมก็ทำได้เพียงอายเท่านั้นไม่ได้ตอบอะไร ของอย่างนี้มันก็รู้กันอยู่ ถ้าถามในกลุ่มผมสนิทใจคุยมากกว่าใครก็คงเป็นกร เพราะนั่งรถกลับกันบ่อยคุยกันมากสุดและกร มันจะร่าเริง ขี้เล่น เข้ากับคนง่าย เพื่อนจะเยอะหน่อย ติดเกมส์คล้าย ๆ ผม นิสัยก็เด็กเกรียน ๆ ทั่วไปละครับ ยิ่งหน้ามันตี๋ ๆ ใส่แว่นใส่เหล็กดัดฟันเทรนส์นิยมด้วย สาวก็มีมาจีบแต่เห็นว่ากำลังดูใจกับน้องน้ำหวานอยู่

 

            พวกเรายืนกันอยู่ตรงนั้นเพราะไม่มีอะไรให้ทำแล้ว ไม่มีใครเป็นลม ปวดหัว วิงเวียนศีรษะ ขนมนมเนยก็ให้ไปหมดแล้ว พวกเพื่อนผมก็ปล่อยพวกน้อง ๆ กลับบ้าน พรุ่งนี้ก็นัดกันอีกตอนห้าโมง ผมเดินกลับไปที่เดิม… ที่ที่มีพี่ลัคนั่งหน้าบึ้งอยู่ ไม่มองหน้าผมเลยด้วยซ้ำก้มจิ้มมือถือยิก ๆ ผมก็เลยหันไปหาน้องปายที่ตอนนี้นั่งไขว้ห้างขาที่มีผ้าพันอยู่ไม่โดนพื้น

 

            “เป็นไงน้องปาย เจ็บมากไหมครับ” ผมนั่งข้าง ๆ น้องที่นั่งคนละโต๊ะกับพี่ลัค น้องหันมายิ้มหวาน ๆ ให้ผม

 

            “ก็เจ็บค่ะ แต่ไม่เป็นไรแล้ว มีพี่เขาเอ่อ..สองคนช่วย” น้องเหมือนจะอ้ำอึ้งเล็ก ๆ ผมว่าผมเข้าใจน้องเขานะ เหมือนพี่ลัคจะช่วยแต่น้องก็เจ็บเลยกลายเป็นพี่หนูที่ทำเองทุกอย่าง ผมพยักหน้า

 

            “งั้นก็กลับบ้านก็อย่าลืมไปหาหมอนะครับ ขาแตะพื้นไม่ได้ขนาดนี้กลัวจะไม่ใช่แค่ขาแพลง”

 

ผมบอก น้องก็พยักหน้ายิ้ม ๆ ผมก็เลยลุกขึ้นจะเดินไปเอากระเป๋าจะได้กลับแต่ก็ต้องชะงักเพราะมือเรียวของน้องปายมาจับที่แขนผมไว้ ผมหันไปมองเป็นคำถาม น้องยิ้มเขิน ๆ อ้ำอึ้งเล็ก ๆ  ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาให้ผม

 

 

“คือปาย.. ขอไลน์พี่ได้ไหมคะ เอ่อ พี่ชื่ออะไรนะ”







__________________________________________________________



ไม่รู้จะตัดยังไงดีครับ 555555555555555555

จริง ๆ วันนี้จะไม่มาอัพแล้ว แต่คิดไปคิดมา เออ มาอัพก็ได้ว่ะ สัญญากับตัวเองไว้แล้วจะอัพทุกวัน แต่ก็ต้องแล้วแต่โอกาศด้วยนะครับ ฮา  

ช่วงนี้อารมณ์ไม่ดี ร้อนด้วย ปัญหาด้วย นี่ถ้าที่เขียนๆ กองไว้ในสต็อกหมด เป็นไปได้ทีจะอัพช้ากว่าเดิม แต่จะพยายามเขียนเก็บไว้เยอะ นะ



ฝากติดตามด้วยเน้ออ 1 เม้น 1 กำลังใจน้า

ออฟไลน์ Ra poo

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
คิมไม่หึงลัค แต่ลัคหึงหน้าคว่ำปากคว่ำไปอีกกก โอ๊ย เอ็นดูอะ

แต่ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะลัค ยังไงๆน้องเค้าก็เป็นผู้หญิงอะ

ควงผู้ชายมาเย้ยสิ!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
รู้สึกคิมไม่ค่อยแคร์ลัคเลยยยย รึเปล่า งี้น้องลัคต้องเชิ่ด ต้องแกล้งให้ติมหึงบ้างละ คนที่พยายามฝ่ายเดียวมันเหนื่อยเนาะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ aunnabubell

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
“คิมครับ”  ผมตอบแต่ไม่ได้ยื่นมือไปรับโทรศัพท์เขา

 

“คิม ! ไปได้แล้วพวกไอ้เอ็มมันรอ”

 

“ครับ ๆ” ผมตอบกำลังจะเดินไปหาพี่ลัคที่ตอนนี้ลุกขึ้นยืนมองผมแล้ว แต่ก็ติดที่น้องปายยังไม่ปล่อยมือนี่ละครับ น้องส่งสายตาอ้อน ๆ มาให้ผม น้องเขาน่ารักนะครับ แต่ผมก็ยังเฉย ๆ

 

“พี่คิมคะ เอ่อ ไลน์”

 

“อ่า โอเคครับ”

 

สุดท้ายผมก็รับโทรศัพท์น้องมากดพิมไอดีไลน์ลงไป น้องหันมาขอบคุณผมยิ้ม ๆ ผมก็แค่ยิ้มกลับหันไปอีกทีไม่เห็นพี่ลัคแล้ว เห็นแต่พี่หนูกับกร

 

“เอ่อ พี่ลัคละครับพี่หนู”

 

“มันไปรอละ มันบ้าอย่าไปใส่ใจมาก แล้วนี้เพื่อนเราจะไปแค่กรใช่ไหม”

 

“ครับ คนอื่นไม่ว่าง”  ผมบอกก่อนจะหยิบกระเป๋ามาสะพานแล้วเดินตามพี่หนูออกไปโดยมีกรตามมา พอมาถึงรถผมก็เจอพี่ลัคที่ยืนข้างพี่ซิน พี่วายุและพี่เอ็ม เราแบ่งกันไปสองคัน คันของผมจอดไว้ที่นี้ พี่เอ็ม พี่ลัค และพี่วายุไปคันเดียวกับพี่ซิน ผม กร ไปคันพี่หนู

 

พวกเราทั้งหมดตกลงจะไปดูหนังกัน มีหนังใหม่เข้าโรงและเป็นหนังฟอร์มยักษ์ที่พวกเราทุกคนก็อยากไปดู ผมไม่รู้ว่าผมทำอะไรให้พี่ลัคโกรธแต่พี่ลัคไม่หันมามองหน้าผมตรง ๆ เลยด้วยซ้ำตั้งแต่เดินมาถึง ผมรู้สึกเหมือนจะไม่อยากไปแล้ว ตอนแรกว่าผมขอกลับ ไปแบบอึดอัดคาใจผมแบบนี้ผมไม่ค่อยชอบ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะพี่หนูดันพูดว่า ‘ลัคมันไม่ชอบคนผิดนัดผิดสัญญา’  นั่นเลยทำให้ผมต้องจำใจมานั่งอยู่บนรถของพี่หนูแบบนี้ ผมไม่อยากให้เขาโกรธอีก ไม่ว่าจะเรื่องของผมหรือของใคร มันไม่สบายใจ

 

เมื่อมาถึงโรงจอดรถของห้างพวกผมก็ก้าวเท้าลงจากรถ พี่เอ็มกับพี่ซินนี่แหกปากหัวเราะเฮฮากันใหญ่ มีพี่หนูกับกรเข้าแจม มีอยู่สองคนที่นิ่งเงียบ คือพี่วายุ รายนั้นแกเงียบของแกอยู่แล้ว แต่พี่ลัคที่เดินท้ายหลังผมนี้สิ มันไม่ใช่..

 

            “พี่ลัค” ผมทนคาใจไม่ไหวเลยเดินมาข้างร่างโปร่งแทน พี่ลัคหันมามองหน้าผมนิ่ง ๆ ไม่ได้บึ้งบูดเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่โครตนิ่ง

 

            “ว่า” นั้น พูดก็น้อย

 

            “พี่เป็นอะไร”  คำถามโง่ ๆ ถูกส่งออกไป

 

            “พี่ก็เป็นพี่”   คิมละอยากตีคนข้าง ๆ จริง ๆ ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่นะ

 

            “ผมไม่รู้พี่โกรธอะไรผม หรืออาจจะไม่ใช่ผม แต่ถ้าเป็นผมที่ทำให้พี่ไม่สนุกแบบนี้ ผมขอโทษครับ” 

 

ผมดึงมืออีกคนให้หยุดเดินแล้วหันมาคุยกัน ตอนนี้พี่ลัคจากหน้านิ่งกลายเป็นบูดอีกแล้ว อารมณ์เปลี่ยนไวตามใจเขาไม่ทันจริง ๆ หน้าสวย ๆ บึ้งบูดในสายตาผมมันไม่ได้ดูน่าเกลียดผมว่ามันน่ารักน่าแกล้งดี แต่ติดตรงที่อารมณ์ไง คนตรงหน้าผมถอนหายใจหน่าย ๆ พอดีกับพี่เอ็มที่หันมาอ้าปากจะพูดแต่พี่ลัคยกมือเขาเลยเงียบเดินกันไปก่อน

 

“ใช่ พี่โกรธ”

 

“ผมทำอะไรงั้น”

 

“คิมไม่ได้ทำอะไร” อ้าว ? “พี่งี่เง่าเอง คืองี้ พูดตรง ๆ พี่ว่าพี่ก็ชัดเจนกับคิมนะ ว่าตอนนี้ที่พี่ทำไปมันคืออะไร พี่ว่าคิมไม่ได้ฉลาดน้อยที่จะมองไม่ออก”

 

เหมือนโดนด่าว่าโง่แต่ก็ปลอบด้วยความจริงที่เริ่มเผยออกมา ว่าพี่ลัค .. อาจชอบผม

 

“ครับ ผมก็ พอรู้..”  ผมเม้มปากนิด ๆ พูดไปก็เขินไป พี่ลัคเลยนะที่มาชอบผม แล้วมาเริ่มก่อน “แต่ผมอยากรู้ว่าพี่โกรธอะไรผม”

 

“พี่รู้ว่าพี่ไม่มีสิทธิ์ไปโกรธคิม”

 

ในขณะที่ผมอยากรู้ อีกคนก็เหมือนจะเริ่มตัดพ้อผมเสียแล้ว

 

“ไม่ใช่ไม่มีสิทธิ์ แต่เราไม่ควรโกรธกัน”

 

คำพูดของผมมันเหมือนให้สิทธิ์กับพี่ลัคไป … และใช่ผมให้สิทธิ์พี่ลัค จะโกรธ จะงอน จะว่าอะไรผมก็ได้ เพราะผมชอบเขาผมถึงยอม ทั้งที่ปกติผมไม่ชอบให้ใครมาล้ำเส้นผมมากด้วยซ้ำ พี่ลัคเงยหน้ามามองผม ปากก็เม้มแน่นจนแดงไปหมดก่อนจะพูด

 

“ยัยเด็กนั้น”

 

“เด็กไหนครับ?”

 

“ก็นางชิวาว่าที่ขาแพลงนั้นไง ! ทำไมต้องไปอุ้มมันด้วยละ !”

 

ผมถึงกับห้ามปากตัวเองไม่อยู่ มุมปากทั้งสองยกสูงขึ้นอย่างกลั้นไม่อยู่ สายตามองคนตรงหน้าที่ตอนนี้กอดอกหน้าบึ้งไม่หยุด พี่ลัคแม่ง… น่ารัก

 

“ก็น้องปายเขาขาแพลง”

 

“ขาแพลงต้องไปรู้จักชื่อเขาด้วยหรือไง”   

 

“ก็น้องเขามีป้ายชื่อ พี่ไม่เห็นหรือไง”

 

ผมอยากจะหัวเราะใจแทบขาดแต่ต้องกลั้นไว้ คนตรงหน้าผมตอนนี้แม่งโครตน่ารักเลย โกรธเพราะผมไปอุ้มเขา แล้วไหนจะมางอนผมเรื่องไปรู้ชื่อน้องเขาอีก พอผมบอกออกไปพี่ลัคก็ยกมือปิดหน้าทันที เท้ากระทืบพื้นห้างอย่างขัดใจส่งเสียงอู้อี้ ๆ ออกมา ผมนี่ยิ้มแก้มแทบแตก ปกติพี่ลัคไม่เคยจะน่ารักขนาดนี้

 

ผมขยับเข้าไปใกล้ ๆ ดึงมืออีกคนออกจากหน้า พี่ลัคก็หันมามองผมหน้าเหนอแดงไปหมด เราสบตากันนิ่ง ๆ ผมรู้สึกตัวเองตอนนี้หน้าก็ร้อนผ่าว ๆ ไม่ต่างจากอีกคน มือผมยังจับรอบข้อมืออีกคนไว้อยู่ ผมยิ้มนิด ๆ ก่อนจะถามสิ่งที่ตอกย้ำให้ทั้งพี่ลัคทั้งผมเขินอาย

 

“นี่พี่… หึงผมใช่ไหม”

 

“เออ”

 

 

           

 

 

 

 

            มาโรงหนังกับคนที่ชอบเขาก็จะมีโมเม้น จับมือกัน เอนซบกัน หรือล้วงป๊อปคอร์นถังเดียวกัน แต่นี้…… ไม่

 

            ผมหันไปร่างโปร่งของคนหน้าสวยที่ตอนนี้สายตากำลังจับจ้องจอยักษ์ที่กำลังฉายหนังมันส์ถล่มกันกระจายไม่กระพริบ ขาทั้งสองข้างก็ถอดรองเท้ายกขึ้นมานั่งขัดสมาธิ มือล้วงป๊อปคอร์นกินคนเดียว ถังเดียวไม่แบ่งใครขนาดพี่เอ็มที่นั่งข้าง ๆ จะล้วงสักนิดก็ตีมือหันไปด่าแทบจะแดกหัว จนพี่เอ็มต้องหันไปแย่งพี่ซินที่นั่งอีกข้างแกแทน ไม่มีแม้กระทั่งชวนผมกิน แต่นั่นก็ไม่ใช่เพราะผมอยากกิน แต่มันก็เป็นมารยาทของคนปกติไม่ใช่หรอครับ? 

 

            ผมนึกขำในใจ พี่ลัคนี่บทจะแปลกก็แปลกไม่เหมือนใครเลยจริง ๆ ผมเพิ่งเคยเจอ หน้าสวย ๆ ของพี่ลัคตอนนี้จ้องหนังเขม็งเหมือนจะเครียดตามหนังไปด้วย ลุ้นระทึกตลอดเรื่อง ซึ่งต่างจากผมที่หันไปมองเขาบ้างหนังบ้าง ก็นะ ยังไงผมก็ชอบเขา อยากมีโม้เม้นบ้างไรบ้างถึงแม้จะเป็นหนังมันส์ก็เถอะ แต่แล้วผมก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปซะ เพราะพี่ลัคสนใจแต่หนังยันจบเรื่องจริง ๆ ถึงจะหันมาคุยกับผม ซึ่งผมก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร มันทำให้รู้ด้วยซ้ำว่าพี่ลัคเป็นคนที่ ถ้าสนใจอะไรก็เหมือนจะตัดสิ่งรอบข้างออกเลย

 

            “หนังโครตมันส์อะ แม่งลุ้นชิบหาย พี่นี่เกร็งตามเลย ….”

 

            ผมพยักหน้าฟังพี่ลัคที่เดินกอดคอผมแล้วคุยจ้อยิ้ม ๆ ผมเชื่อว่าพี่ลัคเกร็งตามจริง ๆ พอจุดที่หนังมันลุ้นมา ๆ เขาเอนตัวไปข้างหลัง มือบีบถังป๊อปคอร์น กัดฟันแน่น คือเกร็งทั้งตัวเลยครับ ผมก็ทำแค่ยิ้ม ๆ หัวเราะจนกรหันมามอง งง ๆ

 

            “จะสองทุ่มแล้ววะ หาไรกินกันแล้วค่อยแยกย้ายเอาปะ” 

 

            พี่เอ็มพูดขึ้นมาระหว่างที่เรากำลังยืนอยู่ที่บันไดเลื่อนเพื่อลงไปอีกชั้น กลุ่มเรามีแต่คนหน้าตาดี ๆ ทั้งนั้น เลยมีแต่คนมองตามไปมา ยิ่งพวกพี่ลัคนี้คนมองเยอะมากเพราะดังในเน็ตด้วย  พี่ลัคไม่ได้หันไปสนใจใครมากเลย เอาแต่กอดคอผมมือเขี่ย ๆ ผมของผมไปมา ลูบ ๆ คือเลขจะออกแล้วครับ พี่ลัคหันไปพยักหน้าให้กับข้อเสนอพี่เอ็ม แล้วเอาหัวมาชนกับหัวผมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ผมก็ทำแค่ยิ้มเขิน ๆ หันไปมองเพื่อน กรตั้งแต่ออกจากโรงหนังมาผมเห็นคุยโทรศัพท์ยิ้มไม่หุบเชียว

 

            “น้อย ๆ หน่อยไอ้ลัค กูเห็น”

 

            “เปลี่ยวที่ผัวอยู่ไกลก็อย่ามาแขวะเพื่อนครับ”

 

            พี่ซินถึงกับเบ้ปาก ไอ้ผมก็ทั้งเขินทั้งขำ พอเราบันไดเลื่อนถึงอีกชั้นเราก็เดินออกมาห่าง ๆ จากบันไดเลื่อนแล้วก็มายืนเถียงกันว่าจะกินอะไร

 

            “แดกเอ็มเค กูอยาก” พี่หนู

 

            “ไม่เอาหัวเหม็น ซานตาเฟ่เหอะ” พี่ซิน

 

            “มีแต่เนื้อ แดกพิซซ่ามะ” พี่เอ็ม

 

            “ไม่เอาอ้วน ซานตาเฟ่เหอะ” พี่ซิน

 

            “ไม่เอา/ไม่เอา”

 

            “KFC เป็นไง” เพื่อนผมที่เพิ่งวางสายมันออกความเห็น

 

            “โหย มีแต่ไก่ เก๊าจะแดกกูละ เห็นใจคนแก่หน่อย” พี่เอ็มว่าขำ ๆ กรนี่หัวเราะร่าล้อพี่เอ็มแก่จนคนที่ว่าตัวเองตอนแรกจับมันรัดคอแน่น ผมหันไปมองหน้าพี่ลัคดูว่าแกจะออกความเห็นอะไรบ้าง แต่ก็เปล่า หันมามองหน้าผม หน้าเราห่างกันไม่เท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ใกล้จนน่าเกลียด

 

            “เรื่องเยอะก็แดกสูตรอาหาร”  พี่วายุว่าเสียงนิ่ง ๆ

 

            “ไม่เอา !!” พร้อมกันทั้งสี่คน  

 

            “หรือจะแดกตีนกูแทน เลือกมาสักอย่างเถียงกันอยู่นั้น”  พี่แกทำหน้าเบื่อหน่าย คนข้างผมก็พูดแทรกขึ้นมา

 

            “งั้นบอกมาทุกคนว่าใครอยากกินอะไร”

 

            “กูอยากกินไรร้อน ๆ มีผักเยอะ ๆ ”

 

            “กูอยากกินเนื้อ แต่ไม่ทอดนะมันอ้วนเข้าใจกูไหม”

 

            “ผมอยากกินไก่อะ”

 

            “กูไรก็ได้อะ แดกได้หมด หิวจะแดกไอ้ตี๋นี่ละ” พี่เอ็มว่า กรมันเลยจับแขนล้ำ ๆ พี่แกมาจะกัด สองคนนั้นก็ตีกันไปกันมา พี่วายุกับผมหันมามองพี่ลัคที่นิ่งไป

 

            “ร้อน ๆ ผัก ๆ เนื้อ ๆ”

 

            ทุกคนหันไปมองพี่ลัคที่พูดพึมพำขึ้นมา ไม่เบาเลย

 

 “หมูกระทะบุฟเฟ่ต์เป็นไง”

__________________________________________________________

 

วันนี้มาไวไม่ใช่ไรครับ พักเบรกงานตัวเอง จะไปแต่งต้นฉบับต่อแม่งก็ไม่ได้เลย ฮือ

อย่างที่อ่าน ๆ มา น้องคิมจะเป็นบุคคลไม่ใช่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลยนะ นางจะอารมณ์แบบจืดชืดเฉย ๆ ไม่สนใจใครเท่าไหร่ อารมณ์แบบโลกส่วนตัวสูง ใครเข้าใจเด็กเรียนมั้ยครับ เด็กเรียนที่เรียนจริง ๆ แล้วติดเกมส์ด้วยอะ แต่ไอพวกนี้จะร้ายลึกไง มักมีผัวมีเมียก่อนพวกแรด ๆ จะบอกไว้ เพื่อนนี่ไปหลายคนละ 55555555555 ท้องบ้างเมียท้องบ้าง กูยังขึ้นคานอยู่เลยคร้าบ (นอกเรื่องอีก) ส่วนพี่ลัค มีคนบอกนางแมน ก็นางแมนไง แค่นางมีสถานะบนเตียงเป็นรับ ยังไงนางก็ชาย ส่วนน้องคิม แมน ๆ พอกันครับ แค่น้องจะดูเด็กกว่าไม่ใช่คนแสดงอารมณ์เสียเท่าไหร่ แต่ก็น่ารักครุกคริก ๆ มาม่าต้มยำ แต่แม้ ก็อย่างที่บอก ฟิคของอัล ตัวละครมีเกือบครบทุกรสชาติครับ  


 

ฝากติดตามด้วยเน้ออ 1 เม้น 1 กำลังใจน้า

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
5555 พี่ลัคน่ารักจริงๆ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :man1:   โอ๋เอ๋พี่ลัค
ลบไลน์เลยนะคิม. แหมๆๆๆ. ตลกตรงชิวาว่าขาแพลง โอ๊ยลดเกรดชะนีลงไปเป็นหมาซะงั้น
หวังว่าน้องคิมจะทำให้มันชัดเจนนะ หึงมาขนาดนี้แล้ว

ออฟไลน์ aunnabubell

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
#10
 

 

 

 

 

            ตอนนี้พวกผมก็พากันมานั่งอยู่ที่ร้านหมูกะทะบุ๊ฟเฟ่โดยมีพี่ซินบ่นเป็นหมีกินผึ้งและพี่ลัคก็คอยด่าอยู่ข้าง ๆ กัน ผมหันไปมองกรที่ตอนนี้ก็นั่งตีกันกับพี่เอ็ม อีกแล้ว.. คู่นี้นี่มันอะไรกัน ดีกันได้ไม่ถึงห้านาที ตีกันอีกแล้ว

 

            “มึงจะบ่นไรนักหนาซิน หัวมึงไม่คิดจะสระแล้วไง”

 

            “ก็มันเหม็น มึงก็รู้กูไม่ชอบสระผมกลางคืน”

 

            “ก็สระวันเดียวไง จะเป็นไรไป”

 

            “หัวมันอับอะ มึงเข้าใจไหมสระกลางคืน”

 

            “มึงก็เอาหัวไปตากระเบียงสิ”

 

            ป้าป !

 

            เน้น ๆ แรง ๆ พี่ลัคถึงกับแอ่นหลังเลยทีเดียว เพราะฝ่ามืออรหันต์ของพี่ซินตบป้าปไปเต็ม ๆ ผมเห็นแล้วก็ได้แต่หัวเราะแห้ง ๆ ออกมา สงสารก็สงสาร แต่ก็ตลกไปด้วย สองคนเพื่อนซี้ทำท่าจะวางมวยอีกรอบ

 

เคร้ง !

 

พี่วายุที่นั่งกินถัดจากพี่หนูที่นั่งข้างพี่ซินก็วางตะเกียบลงแรง ๆ หน้าตาเรียบนิ่งเหมือนเดิม แต่ขมวดคิ้วน้อย ๆ เหงื่อก็ไหลซึมตามไรผม สงสัยพี่แกคงร้อนเลยหงุดหงิด (?) พี่วายุยืดตัวขึ้นนิด ๆ มองพี่ซินกับพี่ลัคที่ตอนนี้เงียบไปพร้อมหน้าซีด ๆ  แล้วเอ่ยเสียงที่เย็นเชียบทำเอาพี่เอ็มกับกรก็เงียบตามกัน

 

“พวกมึงจะแดกไหม แล้วซิน ถ้ามึงกลัวหัวเหม็นมึงก็ไปรอในรถ พวกกูจะรีบแดกจะได้พามึงไปแดกหมูอบของมึง เอาไหม?”

 

“ไม่เอา”

 

ตอบมาด้วยน้ำเสียงอ่อย ๆ  ผมว่าในกลุ่มนี้พี่วายุถือว่าน่ากลัวมาก อาจจะเพราะบุคลิกนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ของพี่แกด้วย ต่างจากพี่เอ็มที่น่าจะน่ากลัวกว่าเพราะล้ำบึกถึกเสียขนาดนั้น แต่พี่เอ็มแกดันเฟลนลี่เกินหน้าตาดุ ๆ ของแก

 

“เออ แดกเสร็จก็รีบ ๆ กลับ กูง่วง”

 

จบคำพูดพี่วายุ พวกเราทุกคนก็เลยเริ่มกินกันอีกรอบ แต่ก็มีพี่หนูที่สร้างความคึกครืนอีกรอบ ผมมองพี่วายุคีบเนื้อมาใส่จานพี่ซิน เหมือนจะเป็นการไถโทษที่พูดหักหน้ารุ่นน้องกันแบบนี้ แต่แค่คีบเนื้อพี่ซินก็อมยิ้มนิด ๆ แล้วก็กลับมาคุยแบบเดิม ผมอมยิ้มนิด ๆ ที่เห็นแบบนั้น แม้พี่วายุจะไม่ค่อยพูด จะบอกว่าพูดนับคำได้เลยละ เงียบกว่าผมอีกแต่เขาก็ดูแลเพื่อน ๆ ดี ที่เห็นจากที่ผ่านมาจะตามใจเพื่อนมากกว่าไม่ค่อยคัดค้านอะไร นั่นทำให้เพื่อนต่างเกรงใจก็ว่าได้ แต่ก็ดูแลเพื่อนด้วยการกระทำมากกว่าที่จะเป็นคำพูด ผมว่าเพื่อนแบบนี้มันดีนะครับ ดูแลกันไปเลยไม่ใช่แต่ลมปากที่ว่าห่วง  คิด ๆ แล้วก็คิดถึงเบลล์กับซัน สองคนนั้นปากไม่ดีแต่ก็จะดูแล ปากด่าแต่มือก็ไม่ปล่อยกันไปไหน อะไรประมาณนี้นะครับ พี่ลัคก็จะเป็นแบบนี้กับเพื่อน ๆ เหมือนกัน

 

ผมหันไปมองพี่ลัคที่ตอนนี้ปากก็โวยวายกับเพื่อน ๆ ไปตามท้องเรื่องของเขา บางทีผมก็อยากรู้นะ ว่าตอนเกิดแม่พี่ลัคให้พี่ลัคกินนกหวี้ดหรืออะไร ทำไมพูดไม่หยุดไม่พอเสียงก็แสบแก้วหู แต่ผมไม่ได้รำคาญนะครับ ออกจะชอบ หัวใจผมมันเต้นตุบตับ ๆ ที่พี่ลัคหันมาเอาใจผมบ้าง ตักนู้นตักนี้มาให้ ถามบ้างจะกินอะไร  จะไปตักให้ผมก็ได้แต่ส่ายหัว ดีใจจนเจ็บหัวใจไปหมดแล้วครับ ที่เขาเอาใจเราแบบนี้ เหมือนเราเป็น… คนสำคัญ

 

“โอ้ยอิ่ม เขย่าตัวได้ไหมมันจะได้ลง ๆ ย่อยไปให้หมด”

 

กรว่าพร้อมเอนตัวมาพิงผม พิงเกือบทั้งตัวเลยครับมือลูบท้องตัวเองไปด้วย มืออีกข้างเอาไม้จิ้มฟันแคะฟัน มันใส่เหล็กครับ แคะทุกครั้งหลังกินเสมอ ท่าทางที่พี่เอ็มที่นั่งถัดจากมันก็ตีหัวมันเบา ๆ (?) พร้อมว่า

 

“แดกอย่างกะห่าลง ไม่อิ่มกูก็ไม่รู้จะว่ามึงไงละไอ้ตี๋”

 

“โหย ก็ผมหิวอ่ะ คิม ไปดูไอติมกันปะ อยากกินไอติมสตรอเบอร์รี่วะ”

 

กรว่าพร้อมหันมามองผม แต่ผมดันหันไปมองพี่ลัคเหมือนจะถามว่าเอาอะไรไหม

 

“พี่เอาเรนโบว์ แล้วก็ ………… รีบมานะ พี่คิดถึง”

 

 !!!!

 

ผมเบิกตาโตนิด ๆ ก่อนจะเม้มปากแน่นก้มหน้าด้วยความเขิน แม้ประโยคหลังที่พี่ลัคพูดจะกระซิบผมก็ตาม แต่พอเงยหน้ามาก็เจอสายตาล้อเลียนของป้ารหัสตัวเองทันที ทำให้ผมต้องรีบลุกดึงมือกรที่กำลังเถียงกับพี่เอ็มที่ล้อมันเรื่องไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ กินเหมือนผู้หญิง

 

“เชี่ยแม่ง กูถามจริงเหอะไอ้พี่เอ็มนี่มันกวนตีนทุกคนปะวะ”

 

ผมขำนิด ๆ ปกติกรไม่ค่อยพูดกูมึงกับผมเท่าไหร่ เขาบอกพูดกับผมแล้วดูเกร็ง ๆ เพราะผมดูเรียบร้อยเกินไปซะงั้น แต่นี้คงจะหงุดหงิดซะแล้วถึงได้พูด

 

“ก็มึงมันน่าแกล้ง”

 

พอผมว่า กรก็เหมือนจะรู้ตัวมันตะครุบปากตัวเองแม้จะหน้างอนิด ๆ ที่ผมว่ามันน่าแกล้ง กรเป็นคนที่แกล้งสนุกครับ มันเต้นตามทุกเรื่อง บางทีก็โดนผมแกล้งบ้างเหมือนกัน

 

“เห้ย โทษวะ พูดมึงกูกับคิมอีกละ”

 

“เอาจริง ๆ พูดมึงกูก็ได้นะเว้ย นี้รู้จักกันมาเป็นปีละ หลุดก็ไม่รู้กี่รอบไม่เหนื่อยอ๋อวะ มึงกูก็ได้ กูไม่ได้เรียบร้อยขนาดนั้น”

 

“แต่หน้าคิม … อะ ๆ หน้ามึงมันไม่ให้ให้มึงกูอะ มึงเข้าใจกูปะ หน้ามึงนี่เด็กเนิร์ดเหี้ย ๆ อะ”

 

กรเริ่มเปลี่ยนสรรพนามผมทันทีที่ผมทำหน้าดุใส่ ผมหัวเราะนิด ๆ ที่เขาว่าผมเนิร์ด มีแต่คนว่าผมเนิร์ด ผมก็แค่ตั้งใจเรียนกับใส่แว่น จริง ๆ สายตาก็ไม่ได้สั้นมากถ้าถอดมันจะเบลอนิด ๆ เท่านั้น แต่เวลาอ่านหนังสือหรือเรียนมาก ๆ มันจะมึนหัวเลยใส่ไว้จนชินแค่นั้นเอง

 

“กูแค่ใส่แว่นกับตั้งใจเรียน มันไม่ได้หมายความว่ากูจะเนิร์ดนะ”

 

“เออ แต่บุคลิกหนะ บุคลิก เข้าใจไหม”

 

ผมแค่พยักหน้าตอบไปยิ้ม ๆ พวกเราเดินมาหยุดตรงที่ตู้ไอศกรีม มีเด็กตัวเล็ก ๆ สามสี่คนกำลังตักไอศกรีมอยู่ พวกเขารออยู่ไม่นานก็ตักไอศกรีมแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ แต่พอหย่อยก้นนั่งไม่ถึงสามวิ ก็มีคนเดินเข้ามาที่โต๊ะพวกเรายืนอยู่หลังพี่หนูที่นั่งตรงข้ามผม

 

“ว่าไงลัค ทำไมมากินหมูกระทะไม่เห็นชวนพี่เลย”

 

ผมหันไปมองหน้าพี่ลัคที่แค่เลือบตาไปมองคนนั้นแล้วตักไอศกรีมกินต่อ ก่อนจะหันกลับไปมองอีกครั้ง ผู้ชายที่เดินเข้ามาทักรูปร่างสูงดูมีกล้ามเนื้อแต่ไม่ได้บึกบึน หน้าหล่อออกจะไปทางลูกครึ่ง ๆ แขนข้างซ้ายสักเต็มแขนเลย ผมถึงกับตาวาวทันที ผมชอบลายสักคิดไว้แล้วว่าอีกไม่นานจะสักด้วย เขาคนนั้นเลือบตามามองผมที่มองแขนเขาไม่กระพริบพร้อมยกยิ้มนิด ๆ แต่ก็หันกลับไปสนใจพี่ลัคที่นั่งข้างผม

 

“แล้วทำไมต้องชวน ไม่เห็นหรอว่าผมมากับใคร จะชวนพี่มาทำไมละ”

 

พี่ลัคว่าด้วยเสียงเรียบ ๆ แล้วก็ตักไอศกรีมกินต่อ ผู้ชายคนนั้นหน้าเสียไปนิดแต่ก็กลับมายิ้มนิด ๆ แบบเดิม

 

“งั้นลัคจะบอกว่า ถ้าลัคมาคนเดียวก็ชวนพี่ว่างั้น?”

 

“ผมไม่เคยคิดมากินหมูกระทะคนเดียว”

 

“หึ ตั้งแต่มีไอ้มังกรเลี้ยงนี่เชิดขึ้นเยอะนะ มึงมันก็แค่เด็กขายตัว”

 

ตึง !!!

ผัวะ !

 

ร่างสูงใหญ่ของพี่เอ็มกับพี่วายุยืนขึ้นทันที แต่ก็ช้ากว่าพี่ลัคที่ลุกขึ้นก้าวขาไปยืนตรงหน้าพี่คนนั้นอย่างว่องไว แล้วต่อยอีกคนจนคว้ำลงกับพื้น เพื่อนพี่ลัคแต่ละคนไม่มีใครมีท่าทีตกใจเลยสักนิด มือเรียวสวยกำหมัดแน่นแล้วต่อยลงไปซ้ำ ๆ จนอีกคนตั้งตัวไม่ทัน ผมมองอึ้ง ๆ เพราะไม่คิดว่าคนอย่างพี่ลัคจะมีเรื่องเป็น แต่ก็ต้องตกใจเพราะคนที่ตอนแรกเป็นฝ่ายเสียเปรียบถีบพี่ลัคจนชนพี่วายุที่ยืนใกล้สุดจนเซ พอพี่ลัคตั้งหลักปุ๊ปอีกฝ่ายก็ใส่หมัดกลับมา สองคนตะลุมกันไม่หยุด จนในที่สุดพวกเด็กเสิร์ฟและเจ้าของร้านก็มีกันตาตื่นมาจับแยก

 

“พวกคุณหยุดทะเลาะกันเดี๋ยวนี้ไม่งั้นฉันจะแจ้งความ !!”

 

กึก !

 

“พวกเราขอโทษด้วยนะครับ พอดีเข้าใจผิดกันนิดหน่อย”

 

เป็นพี่วายุที่เป็นฝ่ายเข้าไปเคลียร์กับทางร้านหลังจากเงียบกันอยู่นาน ผมรีบเดินเข้าไปหาพี่ลัค แม้จะหวั่น ๆ เพราะถึงจะเคยเห็นพี่ลัคโมโหแต่ก็ไม่ใช่ถึงขีดสุด ลงไม้ลงมือขนาดนี้ ผมเดินไปใกล้ ๆ แตะข้อศอกอีกฝ่ายเบา ๆ พี่ลัคแค่หันมาหน้าตายังคงมีแต่ความโกรธอยู่ เขาผละออกจากผมไปนิดทำให้ผมใจเสียหน่อย ๆ ผมรู้ว่าเขาโกรธ แต่ผมอยากให้เขาเย็นลงหน่อย พี่ลัคยังคงกำมือแน่น ตามองอีกฝ่ายที่เละพอกันด้วยแววตาวาวโรจ ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

 

“มึงนี่มันน่าสมเพศจริง ๆ วะ เชน

 

“ไอ้ลัค” อีกฝ่ายกัดฟันกรอดทันที มองคนหน้าสวยอย่างเหลืออด พี่ลัคแค่ยกยิ้มพร้อมกอดอกมองอีกคนอย่างเหนือกว่า

 

“ที่จริงถ้ามึงทำตัวดี ๆ กูอาจจะกลับไปเล่นกับมึงอีกสักรอบ แต่เพราะอะไรรู้ไหม…..” น้ำเสียงที่เปร่งออกมาออกจะเยาะเย้ยด้วยซ้ำ “กูไม่ถนัดแย่งเมียใครวะ

 

“มะ.. มึงรู้ !!”

 

 อีกฝ่ายหน้าซีดเผือกทันที พี่ลัคแค่ยกยิ้มนิด ๆ เพียงเท่านั้นก่อนจะหันหลังเตรียมจะกลับ แต่ก็ชะงักแล้วหันไปสบตากับอีกฝ่ายต่อ ที่ตอนนี้มีผู้ชายอีกสามสี่คนเดินท่าทางน่ากลัว ๆเข้ามายืนด้านหลังพอดี พี่ลัคมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเรียบนิ่งจนผมที่ยืนห่างออกไปยังเสียวสันหลัง

 

“กูไม่ได้รังเกียจหรอกน่าเชน แต่มึงน่าจะรู้นิสัยกูดีนะ กูเกลียดคนทรยศ”

 

พี่เชนคนนั้นหน้าซีดไปทันทีก่อนจะพยายามพุ่งมาหาพี่ลัคอีกที สีหน้าเขาดูเจ็บปวด พยายามตะโกนแหกปากพูดกับพี่ลัค แต่ก็โดนผู้ชายพวกนั้นมาจับไว้

 

“เดี๋ยวลัค !  ลัค ! พี่ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้นะลัค !!! ลัคพี่ขอโทษ ! อย่าทิ้งพี่ไปแบบนี้นะ… ปล่อยกูสิวะไอ้พวกเหี้ย ! โวยยยยยยยย ! ลัคคคค !!”

 

“หึ  คำพูดคนเรานี่มันเป็นแค่ลมปากจริง ๆ นะ เชื่อไม่ได้ โดยเฉพาะพวกกลับกลอกแบบนี้”







_____________________________________________________________________



หาที่ตัดไม่ลงจริง ๆ อ่ะ เลยสั้นไปนิดเน้อะ ตอนหน้าใครที่หวังอะไร 18+  รอเลยนะจ๊าาาา อิอิ



1 เม้น 1 กำลังใจน้า

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
งื้ออออ. เป็นเรื่องเพราะอดีตกับคนเลวๆแท้ๆ
อยากจะดันๆให้มันไปหน้าสองสักทีโหลดนานแท้
ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไปให้เขาปลอบใจกัน

ออฟไลน์ aunnabubell

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ครึ่งหลัง


ผมมองอีกฝ่ายที่โวยวายพยามดิ้นให้หลุดจากผู้ชายพวกนั้น พี่ลัคพูดเสร็จก็ไม่ได้สนใจเขาเดินผ่านหน้าผมไปก่อน พวกเราทั้งหลายเลยเช็คบิลแล้วเดินกลับไปที่รถ ก็เห็นพี่ลัคยื่นสูบบุหรี่อยู่ข้างรถ

  “มึงโอเคปะวะ”

พี่ลัคไม่ตอบพี่ซินแค่พยักหน้านิด ๆ พวกเราเลยแยกย้ายกันกลับ ผมกับกรนั่งในรถพี่ซินโดยมีพี่ลัคนั่งเงียบอยู่ด้านหน้า บรรยากาศมาคุจนไม่มีใครกล้ากระดิกแม้แต่กรเอง ที่ไม่กล้าจะเปิดโทรศัพท์เล่นเลยด้วยซ้ำ  พี่ซินขับรถส่งกรก่อน แล้วมาส่งผมต่อ พอผมลงมาก็ต้องงงที่มีคนเดินตามลงมา

“พี่ลัค?”

“…..” อีกฝ่ายไม่ตอบแค่มองหน้าผมนิ่ง ๆ ผมก็มองงง ๆ แต่ก็ต้องใจแป้วไปนิดที่พี่ลัคเดินกลับไปที่รถอีกครั้ง ในอกผมมันวูบ ๆ หน่วง ๆ ไปเลย ผมไม่เข้าใจในสายตาพี่ลัคที่มองผมมาแบบเมื่อกี้ เหมือนจะรู้สึกผิด แต่ก็ยังหน้านิ่งจนผมไม่กล้าพูดด้วยหรือแตะตัว ผมกลัวเป็นแบบตอนที่ผมแตะศอกเขาเบา ๆ แล้วเขาเอาศอกหนี มันรู้สึกจิ๊ด ๆ ในอกนะครับ

“พี่ลัค ?”

แต่ผมต้องงงอีกรอบที่อยู่ ๆ รถพี่ซินก็ขับวนออกไปพี่ลัคยืนอยู่ตรงหน้าผม ใบหน้าเรียบเฉยไร้รอยยิ้มเหมือนปกติที่ชอบยิ้มหว่านสเน่ห์มาให้ผม บนใบหน้ามีแต่รอยช้ำ โหนกแก้ม จมูกก็แดงเถือก ปากก็แตก มุมปากก็ช้ำไปอีก

   “เอ่อ พี่ลัค คือ.. พี่ซินละครับ”

   หมับ

   ผมตกใจนิด ๆ ที่อยู่ ๆ มือเรียวนั้นก็คว้าข้อมือผมแล้วพาเดินเข้าไปในคอนโด ผมเดินก้าวตามไปติด ๆ ผมก้มมองมือเรียวสวยของพี่ลัคที่แดง คงเพราะต่อยตีเมื่อกี้ไป แต่มันแดงมากมันจะช้ำหรือเปล่านะ พอมาถึงหน้าห้องผมพี่ลัคก็ยืนนิ่งไม่พูดอะไรอีก อะไรกัน เวลาโมโหนี่คือเป็นใบ้เลยหรอ ผมละรับอารมณ์ไม่ถูก มือล้วงเอากุญแจมาไข้เข้าห้องตัวเอง พี่ลัคก็เดินตามมา

   “พี่จะนอนนี่หรอ ?”

   “อืม”

   “งั้นจะอาบน้ำก่อนไหมครับ ?”

   “อืม”

   ผมถอนหายใจนิด ๆ กับพี่ลัคเวอร์ชั่นนี้ ผมทำเพียงไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหม่แปรงฟันอันใหม่กับเสื้อผ้าของผมให้เขา แต่มันไม่มี ….กางเกงใน

“พี่ลัค คือ ผมไม่มีกางเกงในใหม่ให้พี่อ่ะ”

“ไม่เป็นไร”

ผมแค่เงียบนิ่ง พี่ลัคก็เดินไปอาบน้ำ หน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม ผมอยากถามนะว่าทำไมต้องมานอนกับผม แต่ผมคิดว่าเวลานี้เลือกเงียบดีกว่า มีคนเคยบอกคนร่าเริงเวลาเขาเงียบมันจะน่ากลัวที่สุด ซึ่งผมก็ว่าจริงนะ ตอนนี้พี่ลัคดูน่ากลัว ๆ มันหวั่น ๆ ครับ ไม่ได้น่ากลัวแบบดุ ๆ หรืออะไร แต่มันหวั่น ๆ เหมือนมีรังสีมืดมน แผ่ออกมาไม่หยุดเหมือนจะปล่อยพลัง

ผมเดินไปจัดของในห้องรอคนในห้องน้ำอาบน้ำ เปิดแอร์ในห้องนอนและเปิดพัดลมที่ห้องนั่งเล่นนี้ไว้พัดตัวเอง ร้อนครับ แต่ไม่นานพี่ลัคก็ออกมาในชุดที่ผมเลือกให้ ก็ชุดบอลสีน้ำเงินแถบขาว ผมสำรวจอีกฝ่ายทันทีที่เดินออกมาจากห้องน้ำ มือพี่ลัคก็เช็ดหัวตัวเองอยู่ หน้าตาที่ไร้เครื่องปรุงแต่งทุกอย่างก็ยังสวยอยู่ ปกติผมเห็นพี่ลัคเขียนตา ใส่คอนแทคเลนส์เป็นสี ๆ ปากก็น่าจะทาหน่อย ๆ แต่ตอนนี้หน้าไร้เครื่องสำอางใด ๆ ปากอิ่มก็แดงสวยไม่เหมือนคนสูบบุหรี่เลยด้วยซ้ำ ชุดบอลที่เขาใส่มันผ้าลื่นแล้วเหมือนจะพอดีตัวด้วย ถ้าผมใส่ก็จะพอดีมาก (เพราะอวบ) แต่สิ่งที่สะกดตาผมจริง ๆ ไม่ใช่หน้าหรือเสื้อพอดีแต่มันเป็น … เป้าพี่ลัค
 
พี่ลัคไม่ได้ใส่กางเกงในแน่ ๆ.. มันห้อยมาดุนกางเกงตรงหว่างขาทำให้รู้เลยว่า …ไม่ได้เล็กเลย ผมรีบปรับสีหน้าทันทีที่พี่ลัคหันมามองผม เขามองผมเหมือนมีอะไรอยากจะพูดแต่สุดท้ายก็ไม่พูด ผมเลยแค่เดินเข้าไปอาบน้ำต่อ ในหัวกำลังสลัดภาพ ส่วนล่างของพี่ลัคออกไป

ไอ้สมองหยุดคิดสิโว้ยยย ! ทำไมถึงลามกอย่างนี้

ผมไม่ใช่คนแบบนี้นะ ไม่เคยลามกมองใครแล้วเก็บมาคิดแบบนี้เลยจริง ๆ แล้วปกติก็ไม่ได้มองด้วย ฮึ้ย ! แต่ทำไมภาพมันติดตาขนาดนี้ ! ก็แค่ลำยาว ๆ นั้นเอง ฮื่อ -////-  ปกติผมอาบน้ำไว แต่วันนี้กลับช้าเพราะมัวแต่คิดเรื่องแบบนั้นอยู่ ทำให้ไม่กล้าออกไปมองหน้าพี่ลัคเลย

“เฮ้อ จะนั่งอยู่ในนี้นานได้ไง ออกไปสิคิม”

ผมพึมพำกับตัวเองมือปัด ๆ ผมเสยขึ้นไป หยิบแว่นติดมือมาด้วย แล้วเดินออกจากห้องน้ำด้วยชุดนอนแต่เป็นเสื้อยืดสีดำกางเกงขาสั้นเลยเข่ามานิดลายทหาร ผมเดินออกมาก็เจอพี่ลัคนั่งนวดมือตัวเองอยู่ ผมเอาผ้าไปตากราวแล้วเดินไปหากล่องยามานั่งข้าง ๆ คนที่นวดมือตัวเองอยู่ หน้าสวย ๆ ขาวใสที่มีรอยแผลนั้นหันมาสบตาผมนิ่ง ๆ

“ผมทำแผลให้นะครับ”

พี่ลัคไม่ตอบแค่พยักหน้า ผมก็เลยจัดการทำแผลให้ ทายาแต้ม ๆ ตรงแผลบนใบหน้า และเอายามานวดที่มือเรียวสวย มือพี่ลัคสวยจริง ๆ ครับ สวยแบบเรียวสวยทั้งนิ้วทั้งมือ ผมนวดอย่างเบามือที่สุด ในห้องเงียบมากได้ยินแต่เสียงพัดลมที่ผมเปิดไว้

 แต่จู่ ๆ ผมก็ต้องเบามือที่นวดลงช้า ๆ ลมอ่อน ๆ กลิ่นหอมเย็น ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์แม้จะใช้ครีมอาบน้ำของผมไปแล้วแต่กลิ่นนั้นกลับไม่หายไปเลย สัมผัสแข็ง ๆ แต่นุ่มนวลตรงศีรษะของผม พร้อมกับลมหายใจร้อน ๆ ที่รดรินอยู่แถวกกหู ทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำ ผมนวดมืออีกฝ่ายเบา ๆ ช้า ๆ ตามจังหวะที่ลมหายใจร้อนนั้น ผมรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้าทั้งตัว สัมผัสแข็ง ๆ นั้นเริ่มเคลื่อนที่มาแถว ๆ หูผม จมูกโด่งเฉียดแก้มไปนิด ทำให้ผมชะงักมือจากที่นวดเป็นกุมเรียวนั้นไว้  ผมรู้สึกได้ว่ามือผมมันสั่น … มันไม่ได้สั่นเพราะกลัว แต่มันเพราะตื่นเต้นและหวั่นไหว

“พะ พี่ลัค..”

ผมเอ่ยออกไปเสียงเบา ใบหน้าสวยตอนนี้ยังไม่ถอยห่างจากหน้าผมเลยสักนิด ผมสายตาลอกแลกไม่รู้จะไปจ้องอยู่ส่วนไหนของพื้นห้อง พี่ลัคยังคงเงียบ จมูกโด่งนั้นเริ่มไซร้แก้มผมไปมาเลื่อนมาถึงต้นคอของผมอย่างอ้อยอิ่งแล้ววกกลับมาที่เดิม ลมหายใจร้อน ๆ เป่ารดทุกที่ที่จมูกโด่งนั้นไซร้ไปจนผมขนลุกวาบ มันเป็นสัมผัสที่แปลก แต่ผมกลับหัวใจเต้นรัว ๆ รู้สึกตื่นเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ พี่ลัค .. คะ …. อื้อ !”

ผมตกใจจนต้องครางอือออกมา ตื่นตระหนกไปเสียทุกอย่างกับการกระทำที่รวดเร็วแต่นุ่มนวลนี้ ตกใจ ไม่ได้รังเกียจเลย แต่มันกลับ … ดีใจ

ริมฝีปากอิ่มบดคลึงริมฝีปากบางของผมช้า ๆ นุ่มนวล เขาดูดดึงริมฝีปากผมซ้ำไปมาบนล่าง ขยับหน้าปรับองศา ผมทำได้แค่หลับตาพริ้มรับสัมผัสที่นุ่มนวล เหมือนจะขอโทษ ลมหายใจรดรินใส่กันจนร้อนผ่าว แม้ไม่มีการสอดลิ้นเข้ามาแต่มันอ่อนหวานไปหมดจนผมต้องกุมมืออีกฝ่ายแรงขึ้น และไม่นานสัมผัสนั้นก็ถอยห่างออกไป ผมเผยอปากนิด ๆ อย่างเสียดาย ลืมตามองคนตรงหน้าที่กำลังมองผมอยู่ อีกฝ่ายหน้าแดงเรื่อคงไม่ต่างจากผมนัก สีหน้าดีขึ้นมานิดจากเมื่อก่อนหน้านี้

จูบแรกของผม … ผมกำลังจะอมยิ้มเขินแต่ก็ต้องชะงักไปเพราะคำพูดของอีกคน

ขอโทษ

“…..”

“…...”

   จูบกันแล้วมาขอโทษงั้นหรอ ?

   ความหมายคือไม่ได้ตั้งใจใช่ไหม ? หรือมันเป็นเพราะพี่เขาแค่อยากลองจูบผมเฉย ๆ เป็นเพราะแฟนคนเก่าของเขาหรือเปล่าที่เอาอารมณ์มาลงกับผม เขานุ่มนวลกันขนาดนั้นเลยหรือ ที่ทำไป ที่ผ่านมาไม่ใช่เพราะชอบผมงั้นหรือ ไหนว่าหึงกัน คนมันหึงกันได้ก็ต้องชอบกันไม่ใช่หรือ …. มีคำถามมากมายในหัวผมตอนนี้ที่ทำให้ผมนึกออกอยู่แค่สิ่งเดียว

   ผมเป็นอะไรสำหรับพี่เขากันแน่ …

   “คิม คิม !  น้อง !!”

   “ …. ครับ”

   ผมสะดุ้งนิด ๆ มองอีกคน ผมไม่รู้จะเริ่มยังไง ยังไงพี่เขาก็ไม่เคยบอกอะไรตรง ๆ อยู่แล้ว ผมไม่ใช่คนอ่อนแอ ร้องไห้ง่าย แต่ตอนนี้ผมรู้สึกลำคอกำลังตีบตัน เหมือนมีอะไรจุกอยู่ที่คอ ผมไม่อยากร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้เลยจริง ๆ ..

   “คิดมากอะไรนะเรา ที่พี่บอกขอโทษพี่หมายถึงที่พี่ชักแขนหนีเราตอนอยู่ที่ร้านต่างหาก”

   หา ?

   “ไม่ต้องทำหน้างง คิดอะไรบอกพี่มา”

   พอพี่ลัคพูดมาแบบนั้นผมก็ทำหน้าเอ๋อไปเลย นี่ผมคิดมากไปหรอเนี้ยยยยยย ! ดีแล้วที่ไม่ร้องไห้ ไม่งั้นพี่ลัครู้แน่ว่าเราชอบ (เขาดูหนูออกนานละลูก)  เราน้อยใจเขา

   “ปะ เปล่าครับ ผมว่าเราเข้าห้องดีกว่าครับ”

   “แหม ๆ อะไรกันชวนพี่เข้าห้องด้วย พี่คิดลึกนะ”

   ผมทำแค่ยิ้มหัวเราะให้กับพี่ลัค พี่ลัคที่กลับมาเป็นคนเดิมแล้ว ผมเดินไปเก็บกล่องยาแล้วกลับเข้าห้องโดยมีพี่ลัคเดิน ห้องเย็นช่ำไปหมดเพราะผมเดินแอร์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เราล้มตัวนอนกัน โดยมีพี่ลัคนอนติดกำแพง พี่ลัคยกมือรูดผ้าม่านปิดให้เรียบร้อยผมเลยเลื่อนมือไปเปิดไฟสีส้มอ่อนแสงบนหัวเตียง นี่มันยังไม่ดึกมากเท่าไหร่เลย เพิ่งสี่ทุ่มกว่า ปกติผมจะนั่งเล่นเกมส์อยู่ด้วยซ้ำ

ผมนอนนิ่งอยู่ในความมืดโดยมีร่างกายอุ่น ๆ ของอีกคนนอนอยู่ข้าง ๆ  ระหว่างเรามีหมอนข้างอยู่ แต่แค่แปปเดียวก็มีการขยับเขยือนบนเตียง อยู่ ๆ หมอนข้างผมก็หายไปผมหันขวับไปเจอกับหน้าของพี่ลัคเข้าแทนที่ เขาเท้าแขนกับหัวขึ้นมามองหน้าผม ผมทำได้แค่กระพริบตาปริม ๆ  พี่ลัคจ้องหน้าผมอยู่นานจนผมเริ่มทำอะไรไม่ถูก

“มีอะไรหรือเปล่าพี่ลัค”

“น้องไม่ใส่แว่นแล้วน่ารักจัง”

“อะ เอ่อ” ผมถึงกับไปไม่ถูกอยู่ ๆ ก็ถูกชม  พี่ลัคเขยิบตัวเข้ามาหาผมอีกนิดจนเกือบติดกัน

“คิมครับ”

“คะ ครับ”

“วันนี้น้องกลัวพี่ไหม”

ผมมองอีกฝ่ายที่ตอนนี้หน้าเริ่มหมองลงไป ผมยิ้มบาง ๆ ให้

“ไม่กลัวหรอกครับ เป็นผมผมก็ทำแบบพี่”

“แทนตัวเองว่าน้องสิ”

“หะ?” ผมทำหน้างงทันทีที่อยู่ ๆ ก็เปลี่ยนเรื่อง

“พี่บอกให้แทนตัวเองว่าน้อง ไม่ต้องพูดครับมาก ๆ ด้วย”

“ให้ผมแทนตัวเองว่าน้อง” ผมทวนอีกรอบ คนที่เท้าแขนมองหน้าผมอยู่ก็พยักหน้าหงึก ๆ ยิ้มหวาน ๆ ให้ “ครับ น้องก็น้อง”

“อย่าครับสิ”

“มันชินอะ”

“โอเค ๆ” พี่ลัคพยักหน้าแต่ก่อนจะล้มตัวนอนเขาก็เด้งตัวขึ้นมาอีกรอบจนผมตกใจมองตาม

“น้อง”  อ่า เรียกแบบนี้แล้วมันแปลก ๆ แฮะ ส่วนมากเขาเอาไว้เรียกกับผู้หญิง

“ครับ”




“พี่ขอจูบอีกทีได้ไหม”

   ผมนิ่งอึ้งไป ตอนนี้หน้าร้อนผ่าวไปหมด ถ้าเขาเริ่มเลยผมจะไม่เขินขนาดนี้ แต่ถามผมทำไมกันเร้า ผมเม้มปากครุ่นคิดอยู่พักนึง สายตาพี่ลัคที่มองมามันทำให้ผมต้องใจอ่อนยวบ มันเซ็กซี่จริง ๆ … พี่ลัคตอนนี้โครตเซ็กซี่เลย แบดนิด ๆ เพราะรอยแผลที่มีอยู่บนหน้าด้วย  ไฟสลัว ๆ นั้นทำเอาผมใจเต้น ผมจึงต้องพยักหน้าไป แล้วพี่ลัคก็ก้มลงมาจูบผมอีกรอบ

   แต่จูบครั้งนี้แตกต่างออกไป ริมฝีปากอิ่มบดคลึงอย่างหนักหน่วงกว่าครั้งนั้น สัมผัสเปียกชื้นไล้เล็มปากบางของผมเหมือนขออนุญาติ ผมเปิดปากนิด ๆ จนลิ้นร้อน ๆ ของอีกคนสอดแทรกเข้ามาได้ ผมอึกอักนิด ๆ ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง นี่คือจูบแรก

   จูบแรกที่คือจูบจริง ๆ ไม่ใช่แค่ปากสัมผัสเหมือนก่อนหน้านี้

   พี่ลัคถอนปากออกไปแล้วมองหน้าผม ร่างโปร่งขยับตัวมาคร่อมทับตัวผมไว้มือประคองหน้าผม หน้าสวย ๆ ที่ต้องแสงนั้นทำผมใจสั่นไม่หยุดเลยจริง ๆ  พี่ลัคไม่พูดอะไรก้มลงมาจูบผมอีกรอบ ลิ้นร้อนเกี่ยวพันลิ้นของผมไปมาเหมือนจะสอน ดูดดึงแทบจะกินลิ้นเล็กของผมเข้าไปจนผมเจ็บ ลิ้นร้อน ๆ นั้นไล้ไปตามแนวฟันซี่เล็กกวาดไปทั่วโพรงปาก ตักตวงน้ำหวานจากผมไม่มีหยุดไม่มีหย่อน ผมหายใจรวดเร็วแทบขาดใจ มือขยุ้มเสื้อบอลด้านหลังอีกคน พอพี่ลัคถอนริมฝีปากออกไปจนน้ำลายใสยืด ๆ นั้นตามออกมาดูลามก จนผมได้แต่เขินอายหน้าแดงไปหมด ผมรีบกอบโกยหายใจเข้าปอด

   “จูบอีกนะ”

   น้ำเสียงออดอ้อนที่ทำให้คนฟังใจอ่อนยวบ เหมือนจะขอร้องแต่ก็ไม่รอคำตอบ พี่ลัคกดจูบเข้ามาอยู่แบบนั้น เป็นเวลานานมีบ้างที่ผมตอบกลับไปอย่างเงอะงะเพราะความไม่เคยชิน เราจูบกันอยู่นานจนเหนื่อยหอบ ในห้องผมมีแต่เสียงหอบหายใจของเราสองคนและเครื่องปรับอากาศ หน้าสวยนั้นซุกอยู่ที่คอผม ผมก็กอดคอพี่ลัคเอาไว้แน่น แต่ผมก็ต้องร้องออกมาอย่างตกใจ …

   “พี่ลัค !!!”

   “ชู่ว พี่รู้แล้วครับ”

   “ตะ แต่.. มัน”

   “เงียบ ๆ น่าน้อง”
   
   ผมกัดปากตัวเองแน่น ผมตื่นเต้นและเขินอายไปหมด แต่ตอนนี้มันคงจะมีแต่ความอาย อย่าลืมสิพี่ลัคไม่ได้ใส่กางเกงใน อย่าลืมสิที่ลัคนอนคร่อมทับตัวผมไว้ และตอนนี้….
 ท่อนแข็ง ๆ มันขยายตัวและกำลังดุนมาชนกับของผมที่นิ่งสงบอยู่นะสิ !!


_____________________________________________________________________

 สุขสันต์วันปีใหม่ไทยนะเจ้าคะ

นี่ก็ 18+ จริง ๆ นะเธอ เห็นมั้ยมันโด่ว 555555555555555555555555555555555555555

ขอโทษที่หายไป แต่เดี๋ยวก็จะหายไปอีก งดอัพ 5 วันเจ้า ไปเที่ยว อิอิ  :mew1:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :o8:  โอ้วพี่ลัค จะปล่อยของแล้ว
เขินแทนน้อง
ขอบคุณที่มาต่อจ้า เที่ยวให้สนุกและปลอดภัยนะคะ

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
พี่ลัคกดน้องคิมเลยยยยย :hao6:

ออฟไลน์ aunnabubell

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
#11




   ในเช้าของอีกวันร่างขาวของรุ่นน้องขยับเขยื้อนตัวไปมาบนเตียงนอน มือคว้าหาที่มาของเสียงที่รบกวนเขาอยากรุนแรง มือขาว ๆ คว้าที่นาฬิกาปลุกบนหัวเตียง ใช้นิ้วกดปุ่มให้มันหยุดส่งเสียงก่อนจะส่งมือมาคว้ากอดหมอนข้างของตัวเอง แต่ก็ต้องแปลกใจที่หมอนข้างมันแข็ง ๆ และอุ่นแปลก ๆ แถมขยับเขยื้อนได้ด้วย ทำเอาเปลือกตาที่หนักอึ้งต้องโพล่งขึ้นมาอย่างลนลานเมื่อนึกขึ้นได้ว่า …

   เมื่อคืนพี่ลัคมานอนเรานี่ !!!

   สายตาก็หันควับไปดูมือตัวเองที่ ….. พาดอยู่บนอกของพี่ลัคพอดี เขารีบชักมือออกทันที เอามือมาลูบหน้าลูบตาลูบขี้ตาลูบน้ำลาย ลูบให้หมด ๆ ตาจะได้สว่าง เขากลอกตาไปมาไม่รู้จะทำอย่างไรก่อนดี ความทรงจำเมื่อคืนก็ผุดเข้ามาในหัว

   ‘พี่ขอจูบอีกทีได้ไหม’
   ‘จูบอีกนะ’
   ‘ชู่ว พี่รู้แล้วครับ’
   ‘ตะ แต่.. มัน’
   ‘เงียบ ๆ น่าน้อง’


   โอ๊ยยยยย กูทำอะไรลงปายยยยย !!
   
   มือเล็กขยุ้มหนังหัวตัวเองแรง ๆ กัดปากตัวเองแน่น ความร้อนผ่าวเกิดขึ้นบนใบหน้าใสของตัวเองจนมันระเรื่อชมพู

   น .. นี่เราจูบกับพี่ลัคจริง ๆ เหรอวะเนี้ย ถ.. แถมพี่ลัคยัง โด่อีก …

   คิมได้แต่หลับตาปี้ แม้ปากจะเริ่มยกยิ้มขึ้นมาแล้วก็ตาม พอนึกได้ว่าเมื่อคืนพี่ลัคนอนกอดเขาไว้แบบนั้นจนมันลงแล้วพี่ลัคถึงได้กลับไปนอนข้าง ๆ อย่างปกติแล้วหลับลงไปเลย ก็มีแต่เขานี้ละที่นอนหน้าแดงใจเต้นตุบ ๆ  อยู่ตั้งนานกว่าจะข่มตาหลับลงไป

   คิมหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ หน้าสวย ๆ ที่หันตะแคงมาทางตนทำให้คิมมองเห็นใบหน้าของอีกคนแม้จะซีกเดียว และบู้บี้ไปนิด ก็ยังคงความสวยเหมือนเดิม สวยแบบที่ผู้หญิงบางคนยังอิจฉา ขนตายาวเป็นแพ จมูกโด่งทรงหยดน้ำ หน้ารูปไข่ คางเรียวสวย และ… ปากอิ่ม

   อยากจูบอีกจัง

   คิมตกใจกับความคิดตัวเองยกมือปิดหน้าปิดตาทำยังกะคนที่หลับอยู่นั้นจะเห็น เขายิ้มนิด ๆ แต่ก็เขินความคิดตัวเอง ลูบหน้าลูบตาขยุ้มหัวบ้างละ ราวกับคนบ้า

   ใช่ เรามันบ้า บ้าที่ไปชอบพี่ลัค และบ้ามากด้วยที่คิดอยากจะชิมปากนั้นอีกครั้ง

   “เป็นอะไรหนะ”

   เฮือก !!
   คนที่นอนขยุ้มหัวตัวเองอยู่ถึงกับสะดุ้งเฮือก ไม่คิดว่าคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ จะตื่นขึ้นมา คิมไม่กล้าสบตากับคนเป็นพี่เลยสักนิด เขาลุกลี้ลุกลนเหมือนคนทำความผิด การกระทำที่ลัคเห็นก็ทำให้หายเมาขี้ตาไปเลย มองร่างขาวนั้นอย่างนึกขัน .. คงจะเขินเรื่องเมื่อคืนสินะ

   ลัคยกมือไปวาดไปหาอีกฝ่ายขยับเข้าไปกอดแน่น ๆ เอาหัวซุกอ้อนตรงอกของคนน้องหลับตาพริ้มพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงแหบ ๆ อย่างคนเพิ่งตื่นนอน ด้วยคำอ้อนที่คิดว่า อีกคนคง

   “กอดลัคหน่อยนะ”

   ไม่รอด ….  คำพูดที่ยิ่งกว่าดาเมจพุ่งเข้าใส่ร่างคนน้อง หน้าขาวที่แก้มชมพูระเรื่อก้มมองกลุ่มผมของคนที่เอาหัวมาวางบนอกเขาแถมยังกอดไว้เสียแน่น พร้อมคำพูดอ้อน ๆ พร้อมสรรพนามที่คิดว่า ถ้าพวกผู้ชายคนอื่นได้ยินคงต้องรีบรุมกอดพี่ลัคแน่ ๆ .. ซึ่งเขาก็เป็นอีกคนที่จะรีบกอดร่างบาง ๆ นี้เช่นกัน

   หมับ

   “นอนต่อนะ พี่ยังง่วงอยู่เลย”

   “แต่เจ็ดโมงแล้วนะครับ”

   “อือออ แปดโมง”

   “แต่ผมมีเรียนแปดครึ่ง”

   “ฮื่อ ขอห้านาที”

   คนต่อรองที่เอาหน้าข้างที่ไม่มีแผลมาถู ๆ อกคนน้องที่ตอนนี้หน้าก็เขินแดงจนจะระเบิดอยู่ร่อมร่อ ได้แต่ถอนหายใจแล้วปล่อยอีกฝ่ายนอนไปก่อน

   อีกสักครึ่งชั่วโมงค่อยปลุกก็ได้มั้ง





   เมื่ออีกคนหลับไปสนิทคิมก็พยายามแงะตัวอีกคนออกเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ก็ออกหาของที่สามารถทำกับข้าวได้ โชคดีเหลือเกินที่เขามีโจ๊กซองอยู่สามสี่ซอง กับแครอทและหมูสับหมักเอาไว้แล้ว คิมยืนทำโจ๊กที่มีหมูสับกับแครอทเป็นส่วนประกอบ แล้วเอาขนมปังมาปิ้งพร้อมกระปุกแยมบลูเบอร์รี่มาทาขนมปัง

   คิมอมยิ้มนิด ๆ ที่คิดถึงเรื่องเมื่อคืน แม้จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นและพี่ลัคจะเจ็บตัว บอกตามตรงผู้ชายคนนั้นเขาไม่ชอบเอาเสียเลย ถึงจะไม่รู้จักพี่ลัคดี แต่เขามั่นใจว่าพี่ลัคไม่ใช่เด็กขายตัวอย่างที่คนคนนั้นพูด แต่ต่อให้ทำแล้วจะยังไงละ มันเป็นเรื่องของพี่ลัคอยู่ดี พี่ลัคดีกับเขาขนาดนี้ และตอนนี้เขาก็ชอบพี่ลัคไปแล้วด้วย ต่อให้ชักเรื่องราวอดีตพี่ลัคมาเสียขนาดไหนคนอย่างคิรากรก็ไม่สนใจหรอกนะ แม้ปากจะอยากถามแต่เขาคิดว่า ถ้าพี่ลัคอยากเล่าก็ให้เขาเล่าเอง เขาไม่อยากไปซอกแซกกับอีกคน

   คิมประกบขนมปังคู่สุดท้ายเสร็จหันไปดูนาฬิกาอีกทีก็สมควรจะไปปลุกคนในห้องนอนได้แล้ว เดินเข้าไปก็เห็นอกคนนอนขวางเตียงไว้หน้าฟุบกับหมอน จะหายใจออกไหมนั้น

   “พี่ลัค พี่ลัค … พี่ลัคครับ อย่านอนคว้ำแบบนี้เดี๋ยวหายใจไม่ออก”

   คนน้องนั่งลงที่เตียงเขย่าไหล่กว้างของอีกฝ่ายเบา ๆ แล้วใช้มือดันหน้าพี่ลัคให้หันขึ้นมา ๆ จนคนที่นอนหงายตัวนอนแทน ปรือตามามองคนตรงหน้าตาปริบ ๆ ส่งเสียงอู้อี้ขยับมากอดเอวของเขาไว้คิมแค่ยิ้มบาง ๆ ไปให้ พี่ลัคตอนตื่นนอนแม่งโครตน่าปัด

   “พี่ลัคนี่เลยสิบห้านาทีที่พี่ขอแล้วนะครับ”

   “อือ”

   “อือก็ลุกสิครับ”

   “ฮึ”

   คิมมองอีกคนที่เลื่อนหัวมาซบตักเขาเอาแก้มข้างที่ไม่มีแผลถูเหมือนปฏิเสธ ดื้อจริง ๆ เลยให้ตาย

   “พี่ลัค ถ้าไม่ตื่นผมจะทิ้งพี่ไว้ที่ห้องแล้วไปมอแล้วนะ”

   “น้อง”

   “ครับ”

   “แทนตัวว่าน้องไง” เสียงอู้ ๆ อี้ ๆ นั้นว่าขึ้นมา เงยหน้าขึ้นมามองคิม ทำให้คิมได้แต่ร้องอ๋อในใจ

   “จะแทนตัวว่าน้องก็ได้ครับถ้าพี่ลุกขึ้น”

   “แทนก่อนจะลุกขึ้น”

   “ก็ลุกก่อนสิครับ”

   “แทนก่อนนนนน”

   งอแงเหมือนเด็กไม่พอ มีการซุกหน้ากับหน้าท้องของเขาส่ายไปมาอีก จนคิมเริ่มรู้สึก… เขาว่าเขาควรยอมอีกคนได้แล้วละ

   “โอเค ๆ งั้นพี่ลัคลุกขึ้นได้แล้ว น้องทำโจ๊กกับขนมปังไว้ให้กินข้างนอกแล้ว  นะ”

   มีการส่งเสียงเว้าวอนให้ตอนท้าย ดันหัวอีกคนออกเบา ๆ คนพี่ก็ยอมถอยลุกขึ้นมายิ้มแฉ่งพร้อมฉกหอมแก้มเขาไปอีกฟอด

   ฟอดด

   “งั้นพี่ล้างหน้าแปรงฟันก่อนนะ”

   มือเรียว ๆ หันมาขยี้หัวอีกคนแล้วเดินหน้าบานเข้าห้องน้ำไป โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำแต่ละที่ แต่ละที่มันสร้างความหว้าวุ่นและ …. อารมณ์ขึ้น ของคนที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงด้วยหน้าแดงก่ำ

   มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ตื่นเช้า ๆ ของใครก็ขึ้นทั้งนั้น
   
แม้จะแก้ตัวในใจขนาดนั้น แต่เขาก็ตื่นมานานแล้วไม่ใช่หรือ คิมลุกเตียงออกนอกห้องทั้ง ๆ ที่ตรงกลางยังไม่สงบเขาพยามนั่งนิ่ง ๆ หายใจเข้าออกสงบอารมณ์ที่วันนี้มันขึ้นมานานเสียแปลก ๆ ในหัวมีแต่เรื่องลามกที่ไม่ค่อยจะมีเข้ามาแทรก เปิดน้ำในซิงค์ล้างหน้าให้อารมณ์เย็นกว่านี้ ไม่นานก็ได้ผล มันสงบลงไปแล้ว
   
   คิมจัดการตักโจ๊ะหมูสับใส่ถ้วยจัดการเรียบร้อยจนร่างสูงโปร่งนั้นเดินออกมาถึงได้มานั่งกินโจ๊กด้วยกัน เราคุยกันไปกินกันไปต่างคนต่างอาบน้ำเพราะก็ใกล้เวลาเต็มทนแล้วเดี๋ยวต้องพาลัคไปส่งแต่งตัวอีก คิมนั่งทาแผลบนใบหน้าให้ลัคแล้วจึงพากันไปคอนโดลัค ลัคมีตอนสิบโมงกว่า ทำให้คิมต้องมาเรียนก่อน






   “คิม ๆ กูมีเรื่องจะเหลาให้ฟัง”

   กรที่ถือจานขนมปังวิ่งมากอดคอผมไว้แล้วกระซิบพูด คิมยิ้มน้อย ๆ ที่กรพูดมึงกูด้วย ชอบอ่ะ มันเหมือนจะสนิทกันขึ้นมากกว่าเดิม คิมแค่พยักหน้าตอบมือก็ก้มมองดูรายงานของตัวเอง ตอนนี้ 10 โมงครึ่งแล้ว เขาเรียนจบไปวิชานึงที่เลิกคลาสก่อนทำให้ว่างมานั่งหาของทานเล่น ป่านนี้พี่ลัคก็น่าจะถึงมอแล้ว ไม่ได้ไลน์มาหาผมเลยด้วย

   “เมื่อกี้ กูไปซื้อขนมมา น้องปลาน้องปายไรนั้นถามหามึงใหญ่เลย กูเลยแกล้งแซว ๆ น้องเขาว่าชอบมึงหรอ น้องแม่งเขินหน้าแดงหมดเลยเว้ย” คนฟังเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ เหมือนไม่เชื่อ เขาจำได้น้องปาย คงเป็นรุ่นน้องปีหนึ่งที่เขาอุ้มวันก่อน “จริง ๆ นะ ไม่เชื่อหันไปมองด้านหลัง อย่าให้เขารู้นะเว้ย”

   หน้าขาวใต้กรอบแว่นทำหน้าแปลกใจนิด ๆ ก่อนจะพยักหน้า ทำเป็นหันไปมองเพื่อน แล้วก็ปะ เจอเข้ากับร่างเล็กของน้องปาย ยิ้มหวานส่งมาให้ ที่ขาเหมือนก็โดนเฝือกอ่อน ๆ หุ้มไว้อยู่ มีไม้เท้าด้วยข้างกาย น้องเขาหันมามองคิมพอดี น้องทำหน้าตกใจนิด ๆ แล้วยิ้มหวานส่งมาให้ หน้าใต้กรอบแว่นก็ยิ้มตอบแค่บาง ๆ แล้วหันกลับมาสนใจรายงานตัวเองอีกรอบ

   “แหม พยายามเนอะ”    พรที่นั่งอยู่ตรงข้ามร่างขาวพูดขึ้น คิมเลิกคิ้วงง ๆ พรพยักหน้าให้ไปทางหลังของคิม คนหน้าขาวก็หันกลับไปมองตาม มีสีหน้างง ๆ เมื่อเขาพบกับ

   น้องปายที่ถือไม้ค้ำเดินกระเผลกมาโต๊ะของคิม

   “พี่คิม”    เสียงหวานเรียก ทำให้เจ้าของชื่อแค่ยิ้ม ๆ ไปให้เหมือนรับรู้แล้วนะ ว่าพูดไรก็พูดมา “หนูทักไลน์ไปเมื่อวาน เห็นพี่ไม่ตอบเลยอ่ะ”

   น้องเขาไม่พูดเปล่า มีการหย่อนตัวนั่งข้าง ๆ คิมโดนการหันหลังให้โต๊ะไม่ได้ก้าวขาเข้ามา แต่ก็หันข้างเข้าหาคิม คิมอ้าปากนิด ๆ เหมือนจะนึกออก

   “คือเมื่อวานพี่แบตหมดนะ”

   “ตอนเช้าไม่ได้เปิดดูเหรอคะ”  คิมกัดปากนิด ๆ จะชักสีหน้าแต่ก็ห้ามไว้ทัน เขาไม่ค่อยชอบให้ใครมายุ่งจี้ ๆ แบบนี้ “ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงวันนี้เราก็ได้เจอกันเนอะ ว่าแต่พวกพี่ ๆ เพื่อนพี่คิมชื่ออะไรกันเหรอคะ”

   กรที่แอบหันพรหันมาข้างฟิล์มพร้อมเบ้ปาก สงสัยคงจะมีหยิกนิด ๆ ฟิล์มมันสะดุ้งเงยหน้าจากโทรศัพท์มองงง ๆ  ฟิล์มไม่ได้สนใจผู้มาเยือนเลยสักนิดเพราะมัวแต่สนใจเกมส์ในมือถือ ฟ้าที่ตอนนี้กลับมาจากตจว. แล้วมองหน้าคนมาใหม่นิ่ง ๆ นิ่งแบบที่ไม่ใช่ฟ้า กรมองฟ้าพร้อมกลืนน้ำลายนิด ๆ  คุณเคยเป็นไหมเหมือนเห็นกระแสไฟแปล็บ ๆ ยิงใส่กัน เขาเป็นเพื่อนทำไมจะไม่รู้กันละว่าฟ้าชอบไอ้คิมมัน แต่ทำไงได้ คิมมันไม่รู้หรืออาจจะรู้แต่ไม่สนใจ เขาว่าผู้หญิงมีเซนส์ แต่ไม่มีเซนส์กรว่ากรก็มองรู้ว่าปายจะจีบคิม แล้วนับประสาอะไร๊ กับฟ้าที่ชอบคิมถึงจะไม่รู้ว่ามีคนจ้องจะเอาคนที่ตนชอบ

   “พี่ชื่อกร ส่วนนี้ ฟิล์ม พร ฟ้า ส่วนคิมน้องก็คงรู้จักแล้วเนอะ” กรว่าพร้อมส่งยิ้มแป๊ะ ๆ ไปให้ เมื่อเพื่อนแต่ละตัวแม่งไม่ง้างปากพูดเล้ยยย

   “รู้จักสิคะ แต่รู้จักพี่คิมมากกว่านี้ เนอะ”

   อูยย มีอยากรู้จักมากกว่านี้ น้ำเสียงร่าเริงมีส่งสายตาสื่อถึงกัน แต่ถามคิมมันหรือยังว่ามันเข้าใจไหม กรที่มองสองคนไปมา มองฟ้ากับปายนะ ไม่ใช่มองคิม ไอ้นั้นก็ทำได้แค่ยิ้มอ่อน ๆ ส่งไป ญาติมันเป็นตัวสล็อตเหรอเขาอยากจะรู้นัก แม่งยิ้มอ่อน ๆ ช้า ๆ เหมือนข่มศัตรูไม่ให้เข้ามาใกล้อะไรแบบนั้น

   “แล้วนี้น้องไม่มีเรียนหรือ”

   พรที่นั่งเงียบอยู่ถามขึ้น คิมเหมือนโล่งอกที่พรพูดเรียกให้ร่างเล็กข้าง ๆ เขาหันไปสนใจอย่างอื่นบ้างที่ไม่ใช่เขา น้องปายหันไปมองพรที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

   “มีค่ะ”

   “มีแล้วทำไมไม่ไปเรียน มานั่งเล่นอยู่ทำไม”

   เสียงของฟ้าที่ดังขึ้นมาเสียงที่ฟังก็รู้เหมือนไม่สบอารมณ์ จนน้องปายก็ต้องหันตัวข้างคิมทางฝั่งฟ้าที่มองรออยู่ก่อนไว้แล้ว ปายยิ้มขึ้นนิด ๆ .. ซึ่งเหมือนผู้หญิงจะรับรู้กันดีเอง กรและฟิล์ม(ที่ตอนนี้เลิกเล่นเกมส์แล้วหันมาเสือกบ้าง) มองอยู่ก็หวั่น ๆ จะลุกมาตบกันตอนไหน  ถามความคิดกรกับฟิล์มเขาก็ไม่คิดว่าน้องปายน่าเกลียดนะออกจะน่ารัก หมายถึงหน้าตา ส่วนกริยาก็คิดว่าไม่ผิด สมัยนี้สาว ๆ ควรลุกขึ้นมาจีบผู้ชายได้แล้ว มันแดกกันเองครึ่งโลกแล้ว แต่ก็นะคนเรา ถ้าแค่หมั่นไส้มันก็ตบก็ต่อย

   “ก็ยังไม่ถึงเวลานิคะ”

   “แต่พี่ว่าน้องควรกลับไปนั่งที่โต๊ะ เพราะพวกพี่จะทำงาน”

   “เดี๋ยวหนูก็ไปค่ะ แต่จะคุยกับพี่คิมก่อน เดี๋ยวจะกระซิบกันเบา ๆ ไม่รบกวนพี่ฟ้าแน่นอนค่ะ”

   รุ่นน้องลอยหน้าลอยตาเถียงมีการยิ้มและเน้นคำว่า กระซิบ จนกร ฟิล์ม พรที่นั่งมองอยู่ถึงกับตาเหลือกกับความใจกล้าหน้าด้านของรุ่นน้อง มันเหมือนท้าทายฟ้าเพื่อนของพวกเขาไปในตัว แต่แล้วก่อนจะวางมวยกันตัวต้นเหตุก็รวบของบนโต๊ะผุดลุกขึ้นเสียก่อน

   “ไปซื้อน้ำแปปนะ จะถึงเวลาเรียนแล้ว”

   “เออว่ะ งั้นเก็บ ๆ” กรพูดขึ้นแล้วก็เก็บงานตามโต๊ะ คนอื่น ๆ ก็ทำตาม

   “น้องปายเดินไหวไหม”

   คิมที่ไม่อยากให้เกิดการเถียงกันวุ่นวายมาก ๆ ก็เลยหลีกเหลี่ยงอ้างไปซื้อน้ำ แต่เห็นเด็กอีกคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ขาเจ็บก็ต้องถามเสียหน่อย ยังไงเขาก็รุ่นพี่

   “ก็ ไหว … มั้งคะ พี่คิมช่วยพยุงไปหน่อยได้ไหมคะ”

   อีกฝ่ายช้อนตาขึ้นมองอ้อน ๆ ผมก็ทำได้แค่พยักหน้าแล้วสอดมือใต้จักแร้อีกคนมืออีกข้างเอากระเป๋าสะพายไหล่ไว้ น้องก็ให้ความร่วมมือยกตัวขึ้นเอาที่ค้ำอีกข้างมาค้ำข้างด้วย แต่มือข้างที่เข้าช่วยพยุงดันมาโอบคอเขาเสียนี้ คิมแค่ก้มให้หน่อย ๆ ไม่ได้พูดอะไร แม้จะไม่ชอบใจน้อย ๆ

   “น้องก็มีไม้ค้ำนิ ทำไมต้องใช้รุ่นพี่”

   เสียงของฟ้าที่พูดขึ้นทำให้คิมต้องถอนหายใจนิด ๆ ด้วยความไม่ชอบใจ ปล่อยผ่าน ๆ ไปให้หมดไม่ได้หรือไงวะเนี้ยยย

   “หนูไม่ได้ใช้นะ แต่พี่คิมเขาใจดีช่วยหนูต่างหาก”

   “ก็เห็น !!”

   “ถ้าฟ้าไม่อยากให้เราทำ ฟ้ามาพยุงน้องไปไหมละ”

   คิมทำหน้านิ่ง ๆ ตามสไตล์บอกไปแม้ตอนนี้เริ่มจะไม่สบอารมณ์แล้วก็ตาม เขาไม่ชอบความวุ่นวาย และรำคาญมากที่ต้องมานั่งทนคนเถียงไปมาด้วยเหตุผลไม่กี่เรื่องซึ่งมันไร้สาระ

   “ไม่ได้หรอกค่ะพี่คิม พี่ฟ้าก็ตัวพอ ๆ หนูอะ ไม่พากันล้มหรือ”

   ฟ้าที่กำลังอ้าปากตกลง ต้องชะงักไปทันทีที่เด็กอีกคนแทรกเข้ามา แม้เขาจะไม่ชอบเด็กคนนี้ก็ดีกว่าให้นางนั่นมายุ่งกับคนที่เขาชอบ ฟ้ากำมือแน่นเมื่อเด็กคนนั้นปฏิเสธ คิมก็ได้แค่พยักหน้าแล้วพาอีกคนเดินออกไป

   “ใช้ได้เลยว่ะ” ฟิล์มว่าขึ้น

   “ฉันก็ว่างั้น แต่ร้อยทั้งร้อย ไอ้คิมไม่เอา” พรว่าเช่นนั้น กรที่มองก็ได้แต่ยิ้มแหย่ .. 

ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าสุดท้ายใครกันแน่ที่คิมจะเอา … มีอย่างที่ไหนเพื่อนตัวเล็กตามจีบเอาใจมาเป็นปีก็ไม่มีวี่แววสนใจ แต่มันกลับไปสนิทสนมกับรุ่นพี่ในเวลาไม่นาน และ … ให้ความสนใจเป็นพิเศษ






“ทำไมน้องถึงมาอยู่ตรงนี้ละ”

เพราะเสียงพูดของรุ่นพี่ทำให้ทุกคนหันไปมองเด็กปีหนึ่งคนนึง คนเดิมกับเมื่อเช้า กำลังนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ข้าง ๆ คิม  คิมทำได้แค่ยิ้มแห้ง ๆ ส่งตอบป้ารหัสตัวเอง แม้เขาจะไม่ได้ถามเราก็ตาม

“ก็มากินข้าวกับพี่คิมไงคะ”

เสียงใสพร้อมฉีกยิ้มหวานเห็นเหล็กดัดฟันสีสวย ใครเห็นก็คงคิดว่าน้องคนนี้ยิ้มทีแล้วโลกสดใส แต่สำหรับกลุ่มใหญ่ โต๊ะกลางโรงอาหารคณะบริหารคงไม่ใช่ …

ย้อนกลับไปเมื่อตอนกลุ่มคิมเลิกคลาสกัน ก้าวเท้าออกมายังไม่ทันพ้นขอบประตูก็ต้องพากันผงะออกไปเพราะเจอรุ่นน้องอย่าง ปายและเพื่อนสาวอีกคนนึงมายืนยิ้มแฉ่งเป็นพระอาทิตย์ในเทเลลับบี้อยู่ เมื่อคนน้องถามว่าเจาะจงว่าคุยกับคิมว่าจะไปกินข้าวที่ไหน ยังไง คิมก็ทำได้แค่บอกไปตามตรง แม้จะไม่ชอบใจนิด ๆ แต่ก็คิดว่าน้องแค่อยากหารุ่นพี่ไว้สนิทเฉย ๆ  ระหว่างทางเดินออกไปโรงอาหาร แม้จะมีน้องปายคอยถามนู้นนี้ ฟ้าก็เดินข้าง ๆ ขนาบคิมแสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างโจ้งแจ้งเสียขนาดไหน คิมก็… ไม่ได้สนใจ

จะสนใจได้ไงในเมื่อเขากำลังคุยกับลัคทางผ่านมือถือของป้ารหัสตัวเองและก็ได้เรื่องว่าจะตามมากินข้าวด้วย ซึ่งคิมก็ไม่ได้บอกไปว่าจะมีรุ่นน้องเพิ่งมาสองคนก็ตาม ก็ไม่รู้จะบอกไปทำไม ไม่มีผลอะไรกับตัวพี่ลัคอยู่แล้ว คิมคิดเช่นนั้น แต่เหมือนตอนนี้เขาว่า … เขาพลาด

“สนิทกันเหรอ”

นิ่งได้อีกไหมนะ หน้าตา.. คิมรู้สึกตัวเองใจหวั่นแปลก ๆ หวั่นไปเองทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่มีอะไรเลย (?)

“ไม่ครับ”

“เดี๋ยวก็สนิทมากค่ะ”

ทุกคนพร้อมหันกลับไปมองหญิงสาวตัวเล็กที่โดนเพื่อนหยิดเอวที่พูดออกมาแบบนั้น เธอเจตนาที่จะบอกคิม ให้คิมรู้ว่าอยากเขยิบสัมพันธ์ แต่เหมือนเด็กรุ่นน้องจะพูดไม่ถูกสถานการณ์เสียแล้ว ฟ้าหันไปมองเธออย่างไม่สบอารมณ์ ทว่าลัคนั้นหรี่ตาลงนิดและยกยิ้มมุมปากให้เธอจนคิมรู้สึกได้ว่า.. มันคือรอยยิ้มเยาะ ที่เขาไม่เคยเห็นเลย

เล่นกับคนที่ฉันหมายปอง เธอพลาดแล้วหนู

แต่ถามว่าเธอรู้สึกถึงมันไหม? … ก็ไม่

ซินมีสีหน้าไม่ชอบใจเด็กคนนี้ทันทีในขณะที่หนูหัวเราะถูกอกถูกใจกับความตรง ๆ ของเด็กคนนี้ น้องมันก็แค่เป็นคนซื่อตรง แม้จะโผ่งผ่างไม่สมกับหน้าตาที่หน้ารักใสใสเอาเสียเลย

“พี่ว่า คิมเป็นผู้ชายมานั่งให้ผู้หญิงประกบคู่แบบนั้นมันดูไม่ค่อยดีเนอะ มานั่งฝั่งพวกพี่ดีกว่า”

ลัคเท้าคางกับโต๊ะพูดยิ้ม ๆ แบบที่ยิ้มแล้วก็ยังทำให้คิมรู้สึกหวั่นแปลก ๆ แต่ก็รีบลุกไม่รอฟ้าหรือน้องปายรั้งไว้เลย ร่างขาว ๆ เตี้ยกว่าเพื่อนรีบเดินไปนั่งระหว่างพี่ลัคกับพี่วายุที่เขยิบให้ พอนั่งลงเท่านั้นละ ก็ได้เห็นสีหน้าของสองสาวเล่นเอาคิมถอนหายใจกันเลยทีเดียว

ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องเสียหน่อย เขารู้ว่าน้องปายจะจีบเขา และก็รู้ว่าฟ้าชอบเขาอยู่ แต่ทำไงได้คนที่เขาชอบคือพี่ลัค และเหมือนพี่ลัคก็จะชอบเขาด้วยแม้จะไม่รู้อนาคตว่าจะได้จีบได้คบกันหรือไม่ แต่เรื่องอะไรจะทำร้ายความรู้ดี ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างตัวเองกับรุ่นพี่หน้าสวยคนนี้กันละ

ลัคหัวเราะในลำคอนิด ๆ ตอนนี้เหมือนแบ่งฝั่งชายหญิงเลยก็ว่าได้ ฟิล์ม กร เอ็ม วายุ คิม ลัค และอีกฝั่งก็เป็น พร ฟ้า รุ่นน้องคนที่ลัคไม่คิดจะจำชื่อใส่หัวนัก และ หนูกับซิน  ลัคยิ้มนิด ๆ เหมือนคิดอะไรออก แขนเรียวสวยกอดคอคิมที่กำลังคีบลูกชิ้นเข้าปาก คิมสะดุ้งนิด ๆ เพราะตกใจก่อนจะหันไปมองลัคที่ … โน้มหัวเขาไปใกล้พร้อมสดดม

“หอมดี เมื่อเช้าคิมสระผมด้วยหรือทำไมพี่ไม่เห็น หรือสระเมื่อคืน ก็ไม่น่าใช่นะ”

คำพูดที่คนถูกถามไม่ได้คิดอะไร แต่คนฟังอย่างเพื่อน ๆ ของลัคถึงกับยกยิ้มกันอย่างพร้อมเพรียง คำพูดที่บอกให้รู้ว่า เขานอนกับคิมเมื่อคืน

“สระตอนเช้า พี่ลัคออกมาผมผมก็แห้งแล้ว”

“น้องไง”

“ครับ ๆ ผมน้องแห้งพอดีไง”

คนน้องก็ตอบไปแบบไม่ใส่ใจจะคิดอะไร แม้จะเขินนิด ๆ ที่แทนตัวว่าน้อง แต่คนฟังอย่างเพื่อน ๆ เจ้าตัวนั่นสิถึงกับตาโต จะไม่ให้โตได้อย่างไร ตั้งแต่ปิดเทอมมันเจอพี่เขาแค่กี่ครั้ง และเปิดเทอมนี้ยังไม่ถึงอาทิตย์ด้วยนะ อะไรจะสนิทป่านไปนอนด้วยกัน ขนาดพวกเขาที่เป็นเพื่อนมาหนึ่งปีแล้วยังแค่เข้าไปเล่นแต่ไม่ได้นอนด้วยซ้ำ กรมองเพื่อนอย่างอึ้งนิด ๆ แต่พรนะหรือ … รายนั้นกรี๊ดกลางโต๊ะได้คงทำ มันฟินจะตายกับเรื่องพวกนี้ ด้วยความที่เป็นติ่งเกาหลีความจงความจิ้นฟินเฟ้อ นั้นทำให้หัวคิดการไกล ไม่เหมือนฟิล์มที่แค่คิดว่า คงจะพี่น้องพึ่งพา สำหรับพรนั้นคิดไปไกลจะแตะขอบดวงจันทร์ได้อยู่แล้ว เธอไม่คิดว่าจะมาเกิดกับเพื่อนตัวเองและคนหน้าสวย เธอคิดว่าเพื่อนเธอไม่น่าจะรุก และคนหน้าสวยอย่างพี่ลัคก็รุกไม่ได้แน่ ๆ ก็เป็นข่าวควงหนุ่มเท่มาเสียมากเสียแบบนั้น หรือจะ ยูริ !? 

สายตาของพรที่มองทั้งคู่ทำเอากรที่นั่งฝั่งตรงข้ามรู้ถึงแรงความเสือกออกมาทันที ไม่ได้เสือกเพราะห่วงเพื่อนหรอกนะ แต่เสือกเพราะอยากรู้จริง ๆ

 กรได้แต่คิด ว่าอีกไม่นานเขาคงจะรู้ความสัมพันธ์ของเพื่อนกับรุ่นพี่หน้าสวยมากกว่านี้เป็นแน่ ไม่ใช่เพราะสองคนนั้นแสดงหรอกนะ แต่เพราะความเสือกของยัยพรต่างหาก ..


_____________________________________________________________________________



มานี่อัพให้ไปเลย 1 ตอน เต็ม ๆ

เหตุด่วนเหตุร้ายมาให้ทราบ ............. นิยายที่เขียนเผื่อเก็บไว้เหลือตอนเดียวแล้วครับ  :katai1:

เนื่องจากไปเที่ยวมา สนุกมาก(?) เพิ่งแล้นดิ้งถึงบ้านประมาณตี 1 เศษ ๆ กว่าจะได้นอนเกือบตี 4 เข้าไปแล้ว ตื่นมาเปิดร้านทำงานตั้งแต่ 7 โมงเช้า แค่นั้นไม่พอ แจ็คพ็อตแตก !! ลูกค้าเยอะทั้งวันเลยจ้าา ปิดร้าน 2 ทุ่มได้ ร่างจะพังครับ บอกจริง ๆ เหมือนร่างกายรวน เพราะ 5 วันที่หายไปใช้พลังงานเยอะมาก ไม่รู้ไปเที่ยวพักผ่อนหรือผจญภัย อุปสรรคเยอะโครตแต่สนุก (มึงจะเล่าอีกนานมั้ยอัล)

โอเคเข้าเรื่อง คือตอนนี้ร่างกายรวน มีแนวโน้มจะอัพช้าแบบที่ปกติก็ช้าอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้ก็จะช้า ช้าแบบสล็อตเลย จะช้า มากมาก บางทีอาจเป็น 2 วัน 50% ไรงี้ อย่าโกรธกันเลย ญาติโกโหติกามาอีก จริง ๆ มันควรมาแค่ 13-15 เนอะ มาทำไมหืมตอนจะสิ้นเดือนช่วงนั้นลูกค้าก็เยอะ (บ่น)  :mew5: อย่าโกรธเลยนะ อัลเป็นคนแต่งนิยายลำบากมาก 5555555555555555 ตั้งใช้อารมณ์เยอะ เห็นไหมเลยแต่งนิยายงง ๆ 555555 



รักคนอ่านนะ อย่าทิ้งกัน ว่าง ๆ แว่บไปอ่านเรื่องเก่าได้ ไม่ได้เรื่องก็อ่านไปครับ ธัญวลัย # I wish พยศร้ายหัวใจสก๊อย



1 คอมเม้น 1 กำลังใจน้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด