Oh...My Love กานต์...ที่รัก (Minemomo)มาแล้วๆพบกันงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ p11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Oh...My Love กานต์...ที่รัก (Minemomo)มาแล้วๆพบกันงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ p11  (อ่าน 75418 ครั้ง)

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
พ่อไปทำอะไรอีกล่ะเนี้ย เห็นว่ากำลังจะดีแล้วเชียว เครียดแทนน้องกานต์
 :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
น่าสงสัยเหลือเกิน

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พ่อกานต์ คงไปทำเรื่องไม่ดี อาชีพเสี่ยงๆ ผิดกฎหมายแน่เลย :katai1:
เพราะได้เงินมาก ได้เงินเร็ว
แล้วมีผลมาถึงพี่สาว กับตัวกานต์ :เฮ้อ:
คุณสยาม คุณภากร คงรู้เรื่องแล้ว
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
รอต่อค่ะ สนุกมาก

ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1





38.






สมัยที่ยังเด็ก แม้ว่าพ่อกับแม่ต่างทำงานหนักด้วยกันทั้งคู่แต่พวกเราก็มีโอกาสไปเที่ยวพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวอยู่บ่อยๆ จุดหมายที่เราสองคนพี่น้องใจตรงกันเสมอก็คือทะเล เราจะออกจากบ้านกันแต่เช้ามืด พอขึ้นรถได้สักพักผมกับพี่กัญเลยหลับปุ๋ย กว่าจะตื่นก็เมื่อถึงทะเลแล้วเราก็จะเทียววิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่บนหาดกับในน้ำกันจนกว่าจะได้เวลากลับ ระหว่างทางก็เลยเหนื่อยจนหมดสภาพ ตีตั๋วนอนยาวกันอีกรอบ เรียกว่าพอถึงบ้านยังต้องให้พ่ออุ้มไปส่งจนถึงเตียง แต่...! ทำไมการไปทะเลเที่ยวนี้ถึงให้ความรู้สึกตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงเลยล่ะ!


“กัญญา”


ผมเผลอสะดุ้งตาม พอหันไปก็เห็นเจ้าของเสียงเรียกที่กำลังอยู่หลังพวงมาลัยเอียงคอมางับหลอดดูดแบล็คคอฟฟี่เย็นที่คนนั่งข้างๆยื่นส่งให้ถึงปาก ภาพนั้นปลุกให้ผมตื่นจากความทรงจำแสนสุขมาสู่ปัจจุบันที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ที่รู้ตอนนี้คือคุณภากรกับคุณวรเมธมีคิวต้องไปตรวจงานโรงแรมที่หัวหิน ส่วนผมกับพี่กัญญาเป็นตัวแถมที่ถูกสั่งให้ตามมาด้วยเหตุผลลับสุดยอดจากคุณภากรที่ว่า...


‘เมธคงอยากพาผู้ช่วยคนใหม่ไปเปิดหูเปิดตาแล้วก็พักผ่อนสมองบ้าง แต่ถ้าน้องไม่ไปแล้วมันจะอ้างเหตุผลอะไรลากเอาตัวพี่สาวไปด้วยได้ล่ะ’


งานนี้ผมเลยต้องยอมเพื่อเห็นแก่ความสุขของคนที่ผมรัก ก็หวังว่าถ้าพี่สาวสุดที่รักรู้เข้าจะไม่ฆ่าผมเป็นผีเฝ้าทะเลก็พอ แต่พูดแบบไม่เข้าข้างใครเลยนะ ผมว่าพี่กัญก็ไม่ได้รังเกียจคุณเมธนักหรอก ถ้าจะให้เวิร์คคุณเมธต่างหากที่ควรปรับปรุงตัว ลดความปากร้าย เปลี่ยนแนวจากจิกกัดมาเป็นจีบแบบหวานๆซะบ้าง ก็มีอย่างที่ไหน พอพี่ผมจะเอะอะหรือไม่ตามใจเข้าหน่อยเป็นต้องถูกปิดปากด้วยเรื่องฝึกงานซะเรื่อย อยากรู้นักถ้าพ้นช่วงฝึกงานไปแล้ว คุณเมธจะหาเรื่องอะไรมาขู่ได้อีกน๊า


“กานต์...”


ส่วนรายนี้ก็ส่งเสียงออดๆ คอยจุ๊กจิ๊ก ยุกยิกมาตั้งแต่ขึ้นรถ ผมพยายามไม่สนใจหรือจะเรียกง่ายๆว่างอนใส่ก็ได้ ถ้าถามเหตุผลบอกได้เลยว่าไม่มี ถึงยังไงในสายตาเขาผมเป็นแค่เด็กที่ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องของผู้ใหญ่ ร้ายกว่านั้นยังเป็นลูกหนี้ที่มีหน้าที่ทำตามคำสั่ง ไม่มีสิทธิ์ถามหรือก้าวก่ายทั้งๆที่ผมแน่ใจว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวผมเองแท้ๆ


“นี่ถามจริง สองคนนี้มีเรื่องอะไรกันนักหนา เห็นงี่เง่าใส่กันมาหลายวันแล้วนะ” เจ้าของพริอุสคันหรูเอ่ยถามเพราะคงไม่อยากให้บรรยากาศมาคุอบอวลไปตลอดทาง คนข้างตัวผมส่งเสียงหัวเราะเบาๆในคอ ผมเลยถือโอกาสแก้ต่างให้ตัวเองเสียก่อน


“เปล่าสักหน่อย อย่างผมจะกล้าไปมีเรื่องอะไรกับท่านประธานล่ะครับคุณเมธ”


“งั้นก็แสดงว่านายใหญ่คงรนหาที่ กล้าขัดใจลูกน้องคนนี้เดี๋ยวก็เรื่องยาว ระวังจะเที่ยวทะเลไม่สนุกนะครับนาย”


ผมแอบยิ้มกับเงาในกระจก ไม่ลืมบวกคะแนนให้คุณเมธในฐานะที่อยู่ฝ่ายเดียวกัน


“กัญญา หาอะไรอุดปากคนขับหน่อยซิ เผื่อจะได้มีแรงเหยียบให้ถึงหัวหินเร็วๆหน่อย ไม่ใช่อืดเป็นพวกมือใหม่หัดขับเพราะอยากจะมีคนคอยป้อนข้าวป้อนน้ำไปตลอดทาง” คุณภากรโต้กลับ แต่ผมว่าดูจะไปเข้าทางคุณเมธมากกว่า


ผ่านไปอีกสักพักพี่กัญถึงได้ว่างพอจะหันมาส่งสัญญาณให้ผมเขยิบเข้าไปหาแล้วป้องปากถามว่ามีอะไรหรือเปล่า แต่ก็ดันมีบางคนรีบขยับตัวแทรกตอบให้แทน


“ไม่มีอะไรหรอกกัญญา พักนี้ฉันงานยุ่งๆ กานต์เขาเหงาก็เลยงอแงเรียกร้องความสนใจนิดหน่อย แต่ไม่ต้องห่วงนะ มาเที่ยวนี้ฉันกะไว้แล้วว่าจะชาร์จความห่วงใยให้น้องชายเธอจนจุกเชียวล่ะ”


ถึงพี่สาวผมจะเป็นเด็กเรียนแต่ก็ไม่ได้ใสซื่อจนไม่เข้าใจความหมายของคำพูดสองแง่สองง่าม พอเจอแบบนี้เข้าไปพี่กัญเลยถามต่อไม่ถูก รีบหันกลับไปนั่งตัวลีบติดเบาะ ส่วนตัวผมถูกวงแขนใหญ่ตวัดกลับไปหาแผงอกกว้าง แถมด้วยพรายกระซิบน้ำเสียงจริงจังผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ


“หรืออยากให้พี่สาวคิดมากไปด้วยอีกคน ก็ดีนะ คราวนี้จะได้งานกร่อย หมดสนุกของจริงกันล่ะ”


“งั้นคุณก็บอกมาสักทีสิว่าวันก่อนคุยอะไรกับเฮียหยาม เรื่องพ่อผมใช่หรือเปล่า” ผมได้ทีรีบหันไปถามคำถามเดียวกับที่เซ้าซี้เขามาหลายวัน และทุกครั้งเขาจะเงียบหรือไม่ก็เดินหนีผมไปดื้อๆ ดูซิว่าคราวนี้จะหนีไปไหนได้อีก “เลิกอ้างว่าผมเป็นแค่เด็กเลยไม่ต้องรู้เรื่องอะไรสักที เพราะแค่นี้ผมก็รู้แล้วว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ แล้วถ้าคุณยังไม่ยอมบอก จะมาหาว่าผมงี่เง่าไม่ได้ด้วย”


“หมายความว่าที่นอนตัวแข็งทื่อ ไม่หือไม่อือมาหลายคืนนี่ยังไม่เรียกว่างี่เง่าอีกงั้นสิ”


ถึงจะได้ยินกันอยู่แค่สองคนแต่ผมก็ร้อนฉ่าไปถึงหู ตัวเขาไม่เขินแล้วไม่คิดว่าคนอื่นจะอายเป็นบ้างหรือไง?!


“กร” บอกแล้วว่าคุณเมธเป็นพวกมีตารอบตัว ใครทำอะไรที่ไหนรู้หมด และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่กล้าท้วงเจ้าของโรงแรม “เป็นผู้ใหญ่ประสาอะไร แกล้งเด็กอยู่ได้”


คุณภากรสบตากับเพื่อนผ่านกระจกมองหลังแล้วก้มลงมาหา เปิดโอกาสให้ผมส่งสายตาอ้อนวอนสุดฤทธิ์ สักพักก็มีลมหายใจอุ่นๆพ่นใส่หน้าผากพร้อมกับเสียงกระซิบบอกที่ถือเป็นชัยชนะของผม...


“โอเค คุณกรยอมแล้ว แต่เอาไว้อยู่กันตามลำพังก่อนค่อยคุยเรื่องนี้ ตกลงมั้ยครับ”


ผมกอดเจ้าของคำสัญญาด้วยหัวใจพองโตและเฝ้ารอที่จะได้รับฟังเรื่องราวต่างๆอย่างมีความหวัง แต่สุดท้ายก็คอยหายเพราะนับตั้งแต่ก้าวลงจากรถจนพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว คุณภากรกับคุณวรเมธก็ยังทำงานไม่เลิก รอบตัวทั้งคู่รายล้อมด้วยพนักงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเปลี่ยนกันมาคอยต้อนรับและประชุมปรึกษาถึงเรื่องราวต่างๆของโรงแรม ขนาดผมมีหน้าที่แค่คอยสังเกตการณ์ยังรู้สึกเหนื่อยแทน พอตกเย็นทานข้าวกันเสร็จก็มีเพียงผมกับพี่กัญที่ถูกส่งตัวขึ้นห้องเพื่อไปพัก


“เข้านอนกันก่อนได้เลยนะ กรกับฉันคงอยู่ดึกหน่อย”


ห้องสูทนี้มีสองห้องนอน คุณเมธเลยให้ผมกับพี่กัญพักด้วยกัน แต่อีกห้องไม่รู้จะได้ใช้งานหรือเปล่า เพราะจนป่านนี้คุณกรก็ยังคุยงานไม่จบ ส่วนคุณเมธแค่ขึ้นมาส่งพวกเรา อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ต้องลงไปอีก พอผมบอกว่าอยากจะไปช่วยงานด้วย


“ไม่ล่ะ ฉันจะทำงาน ขี้เกียจมานั่งรำคาญพวกที่เอาแต่งี่เง่าใส่กัน”


ผมได้คำตอบพร้อมกับโดนแฟ้มเคาะหัว แต่พอพี่กัญอาสาบ้างเพราะรู้สึกเกรงใจที่มานอนพักสบายในขณะที่เจ้านายยังทำงานงกๆ


“อย่าคิดมากสิ ฉันสั่งเองว่าให้พัก ถ้าเธอไม่ทำตามก็ถือว่าขัดคำสั่งไม่ใช่หรือไง ถ้าคืนนี้เคลียร์อะไรๆเสร็จ พรุ่งนี้ก็ฟรี ถ้านอนไม่หลับเราสองคนก็ช่วยคิดแล้วกันว่าอยากจะไปเที่ยวที่ไหน ตกลงมั้ย” น้ำเสียงนุ่มๆแถมด้วยรอยยิ้มเอ็นดู สองมาตรฐานชัดๆ!


พี่กัญญาก้มหน้ารับคำเบาๆแล้วขอตัวเข้าห้อง คุณเมธมองตามจนลับสายตาแล้วออกจากห้องไปอีกคน ส่วนผมกลายเป็นหมาหัวเน่าที่ได้แต่มองทางโน้นทีทางนี้ทีแล้วก็ยืนคอตก เป็นสภาวะปราศจากคนสนใจซึ่งผมไม่ชินอย่างแรงเพราะที่ผ่านมาอย่างน้อยก็มีคนๆหนึ่งที่เห็นผมสำคัญเสมอ พอสบโอกาสที่พี่กัญเคลิ้มหลับไปแล้ว ผมเลยออกจากห้องเพื่อไปหาเขาคนนั้น ไม่รู้ลืมสัญญากับผมไปแล้วหรือยัง สงสัยป่านนี้คงงานยุ่งจน... มีเวลามาเต้นรำกับผู้หญิงเนี่ยนะ?!


แสงไฟมัวสลัวแต่ผมไม่ได้ตาฝาด ไม่ต้องยกมือขยี้ก็แน่ใจได้เลยว่าผู้ชายตัวสูงเด่นที่กลางฟลอร์นั่นคือคนที่กำลังตามหา และในอ้อมแขนซึ่งเคยเป็นที่ประจำของผมคือหญิงสาวร่างเพรียวบาง เธอซ่อนหน้าซบลงบนไหล่กว้าง นอกจากคุณภากรจะไม่มีท่าทีขัดขืนยังประคองเธอไว้แล้วยังไล้มืออีกข้างไปทั่วแผ่นหลัง ก่อนจะหยุดลงตรงส่วนเว้าเหนือก้นงอนงาม


ผมเมินหนีทันควันต่างจากอีกหลายคนที่กำลังมองไปยังคนทั้งคู่ ไม่ใช่อาการเพ่งอย่างเสียมารยาทแต่เหมือนภาพนั้นดึงดูดสายตาพวกเขาจนอดใจมองไม่ได้จริงๆ และแน่นอนว่าตามมาด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะสองสาวเสิร์ฟว่างงานที่กำลังส่งเสียงซุบซิบมาเข้าหูผมเต็มๆ


“ที่เขาว่าคุณแคทกับท่านประธานเคยกิ๊กกันมาก่อนก็จริงน่ะสิ”


ผมรีบหันไปอีกทางแต่หูกางรับสัญญาณเต็มที่ หวังว่าต้นเสียงคงไม่ทันสังเกตเห็นซะก่อน ไม่อย่างนั้นผมคงพลาดข้อมูลดีๆ


“อย่าพูดดังไป! เรื่องนี้เขาปิดกันให้แซด ก็อย่างว่าล่ะนะ ท่านประธานของเราทั้งหล่อทั้งรวยควงผู้หญิงได้ไม่ซ้ำหน้า ยัยคุณแคทนี่ก็ไม่ใช่แมวเซื่องๆแต่เข้าขั้นแม่เสือสาวไวไฟจะตาย เขาเมาท์กันด้วยนะว่าที่เลิกกันเพราะเจ้าหล่อนเผลอไปหว่านเสน่ห์ใส่เพื่อนท่านเข้า ท่านไม่อยากใช้ของร่วมกับใครแต่ก็คงตัดใจทิ้งไม่ลงเลยส่งให้มากินตำแหน่งที่นี่ เผื่อว่าวันไหนเกิดคิดถึงจะได้ตามมาแอบชิมน้ำพริกถ้วยเก่าไงล่ะจ๊ะ”


“มิน่าล่ะ! เต้นรำอะไร้ถึงได้กอดกันซะกลม โยกกันไปโยกกันมาอย่างนั้น แค่เห็นฉันยังขนลุกเลยเนี่ย”


ผมหันกลับไปมองที่กลางฟลอร์แล้วเผลอเม้มปากเพราะภาพกับคำวิจารณ์ช่างตรงกันจนรู้สึกเจ็บแปลบ ทำนองเพลงช้าๆ เสียงเครื่องดนตรีแผ่วๆส่งให้คนทั้งคู่หลุดเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัว จำได้ว่าที่โรงเรียนเคยมีชั่วโมงเรียนลีลาศ เวลาเข้าคู่ซ้อม เพื่อนจะวางมือลงบนไหล่ผม ส่วนมือผมแตะลอยๆเยื้องไปด้านหลังเธอ แต่ตัวของเราทั้งคู่ก็ยังอยู่ห่างกันเป็นคืบ ต่อให้หายใจใส่กันก็คงไกลจนไม่รู้สึก แต่สำหรับสองคนตรงนั้น... แทบจะใช้ลมหายใจเดียวกันอยู่แล้ว!


“แต่นี่รู้มั้ย วันนี้ฉันเพิ่งได้ยินข่าวใหม่ล่าสุด เขาคุยกันให้แซดว่าท่านประธานพาแฟนมาล่ะ...”


สองสาวคุยกันต่อแต่ผมรีบหันหลังแล้วเดินหนีออกมาโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องรอฟังจนจบประโยคก็ได้เค้าว่ากำลังจะงานเข้าเพราะคำนินทามันวกกลับมาหาตัว ให้ทำยังไงผมก็ไม่ชินกับการตกเป็นเป้าสายตา ยิ่งจะให้ยืดอกยอมรับฐานะนั้นในสถานการณ์อย่างตอนนี้ที่คุณภากรมีแฟนเก่าที่ทั้งสาว สวย เซ็กซี่อยู่ข้างกาย ถ้าทำได้ก็คงไม่ใช่คนอย่างไอ้กานต์แล้วล่ะครับ!


ผลจากคำนินทาทำให้ผมต้องก้มหน้าก้มตาเดินหนีคนทั้งโรงแรม เพราะถึงพนักงานกะใหม่จะยังไม่เคยเจอผมมาก่อน แต่ข่าวหนาหูตั้งแต่งานคริสต์มาสก็ทำให้หลายคนถึงกับมองตามจนเหลียวหลัง กว่าจะรู้สึกหายใจหายคอโล่งขึ้นก็ทะลุออกมาถึงหน้าหาดที่มีแขกกรุ๊ปหนึ่งกำลังจัดปาร์ตี้รอบกองไฟกันอยู่ ผมเลี่ยงความวุ่นวายจนห่างจากตัวโรงแรมมาพอสมควรจึงค่อยรู้สึกถึงความสงบขึ้นมาบ้าง ลมแรงไม่หนาวแต่ก็ไม่ชวนให้สบายตัว เสียงเพลงจากงานปาร์ตี้ดังมาตามลม แหงนขึ้นบนฟ้าเห็นพระจันทร์ดวงโต ส่วนเบื้องหน้าคือความมืด มีแสงไฟจากเรือประมงลอยเท้งเต้งบนผิวน้ำเป็นจุดๆ


ผมนั่งลงกอดเข่า ไม่ได้เหงานะ แค่รู้สึกเหมือนเป็นครั้งแรกที่ได้อยู่กับตัวเองบ้าง เพราะต้องยอมรับว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ชีวิตของผมมีใครอีกคนแทรกซึมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งอยู่แทบทุกลมหายใจเข้าออก ขนาดว่าตอนนี้นั่งอยู่คนเดียวแต่แค่ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ใบหน้าของคนๆนั้นก็จะปรากฏแก่สายตา จริงๆผมไม่ได้อยากเอารูปใครมาเป็นภาพหน้าจอ มันน่าเขินออกจะตาย แต่พอไม่ทำก็โดนเจ้าของรูปทำหน้ามึนใส่ ไม่พูดไม่จา ผมนึกสงสารผู้ใหญ่ตัวโตๆที่ต้องมาทำงอนเป็นเด็กๆเลยต้องยอมตามใจ รูปนี้ผมแอบถ่ายตอนที่เขานั่งทำงานหน้าเครียดถึงขนาดยกด้ามปากกาเคาะขมับ พอเจ้าตัวเห็นรีบบอกให้ลบทิ้งเพราะดูแก่กว่าตัวจริง แต่ผมว่าเท่ห์ออกจะตาย ก็เลยยื่นเงื่อนไขว่าเขาก็ต้องลบภาพหน้าจอมือถือของเขาด้วย เป็นรูปตอนที่ไปงานเลี้ยงด้วยกันแล้วผมมัวดูการแสดงบนเวทีเพลินจนเผลอจิ้มกุ้งทอดครีมสลัดไม่เข้าปาก แล้วก็เลยแลบลิ้นออกมาเลียมุมปากด้วยความเคยชิน ไม่อยากเชื่อว่าคนข้างๆจะมือไวเก็บช็อตนั้นไว้ได้ทันแล้วเอาขึ้นหน้าจอมือถือตัวเองซะเฉย


ผมกอดตัวเองแน่นกว่าเดิมแล้วหลุดขำออกมาเบาๆ แค่สิ่งเล็กๆน้อยๆยังมีที่มาที่ชวนให้นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาได้เป็นฉากๆ แล้วอย่างนี้จะให้ผมลืมวันเวลาของเราได้อย่างไร นับตั้งแต่ที่ได้พบกันเป็นครั้งแรก ภาพของร่างสูงใหญ่ที่งีบหลับอยู่บนเตียงไม้ตัวยาวยังชวนให้หัวใจเต้นตึกตักไม่หาย แต่ทีแรกบอกได้เลยว่าไม่ชอบขี้หน้าเจ้าหนี้คนนี้เลยสักนิด ทั้งบ้าอำนาจ บังคับสารพัด แถมยังโรคจิตชอบมาทำอะไรแปลกๆให้ผมทำตัวไม่ถูกเป็นประจำ แต่พอเขาเลิกสนใจ ไม่ยอมมองหน้าหรือคอยตอแยอย่างเคยกลับรู้สึกเหมือนมีเสี้ยนแหลมสะกิดให้เจ็บอยู่ข้างในลึกๆ ที่จริงผมเคยอยากถามเขาว่าตอนนั้นเมินผมทำไม แต่มาคิดอีกทีก็พอเข้าใจว่าทุกคนคงมีช่วงเวลาที่สับสน ในเมื่อเขาสามารถก้าวผ่านจุดนั้นมาได้และเลือกให้ผมเป็นคนที่อยู่ข้างกายแล้ว ผมก็ไม่ควรไปรื้อฟื้นให้เขาต้องวุ่นวายใจอีก


คนที่อยู่ข้างกาย...?


ผมกอดตัวเองให้แน่นขึ้น กดหน้าลงกับเข่าจะได้ไม่ต้องรู้สึกถึงความร้อนที่ลามไปทั่วกระบอกตา บอกตัวเองว่าไม่ได้เศร้า อย่างมากก็แค่ความรู้สึกที่อึดอัดอย่างบอกไม่ถูก แล้วก็ไม่ได้จะร้องไห้ ผู้ชายที่ไหนจะมานั่งเสียน้ำตากับเรื่องแบบนี้กันบ้าง อย่าลืมสิว่าชีวิตคนเรามีทั้งสุขและทุกข์ ถ้ามีใครคนหนึ่งทำให้เรามีความสุขมากๆ จะแปลกอะไรถ้าคนๆนั้นก็สามารถทำให้เราทุกข์มากได้เหมือนกัน


“คนบ้า!” ผมก่นด่า... ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าควรด่าใครกันแน่


“คุณกรบ้า! ผมกะ...กะ...!” จู่ๆผมก็ปากคอสั่น ทั้งๆที่รู้ว่าจะพูดอะไรแต่กลับพูดไม่ออก เหมือนมีใครอีกคนในตัวที่สั่งห้ามไม่ให้พูด หรือกระทั่งคิดกับคนๆนั้นว่ากะ...กะ...!!


“โว้ย!” ผมหงายหลังผึ่งไปกับผืนทรายแล้วตะโกนใส่ท้องฟ้าดำมืด ผมว่าผมนั่นแหละที่บ้า ใช่! ต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ แค่คำว่าเกลียดคำเดียวทำไมถึงพูดออกไปไม่ได้นะ!?


“ไม่ไหวแล้วโว้ย!”


เสียงตะโกนลั่นเรียกให้ผมหันไปดูและเห็นผู้ชายสองคนวิ่งผ่านไป พวกเขาคงไม่ทันเห็นผมแต่เดาจากสภาพน่าจะกรึ่มได้ที่เพราะหนึ่งในนั้นกล้าทำเรื่องที่น่าเกลียดมาก


“อ่าาาา” คนที่ว่าตัวใหญ่หนากว่าอีกคน ผมตัดสั้นเกรียนหันหน้าเข้าหาทะเลแล้วยืนแอ่นปล่อยน้ำเสียออกจากตัวพร้อมด้วยเสียงครางประกอบ


“มึงนี่...ซกมกชิบหาย!” ส่วนอีกคนที่ค่อนข้างผอมสูง ผมด้านหลังยาวระต้นคอร้องด่าได้ตรงใจผมมากแต่ลงท้ายไม่ได้ดีไปกว่ากันเพราะพูดจบก็ส่งเสียงขากเสลดแล้วถ่มทิ้งไปบนพื้นทรายข้างเท้านั่นแหละ


“เดี๋ยวพอเช้าน้ำขึ้นก็ซัดไปหมดเองล่ะน่า”


“ไม่คิดจะเกรงใจคนที่เขาเล่นน้ำแถวนี้เลยเหรอวะ”


“เกรงใจทำไม มึงแหกตาดู แถวนี้มีแต่บ้านตากอากาศกับโคตรโรงแรมขึ้นกันเป็นดอกเห็ด ทั้งหาดถ้าไม่ใช่ฝรั่งก็พวกเศรษฐีเดินกันให้ควั่ก ให้พวกแม่งได้ลองน้ำทะเลรสแปลกๆบ้างจะเป็นไรไปวะ”


ผมว่าสำหรับคนแบบนี้ ‘ซกมก’ น่าจะน้อยไป แล้วผมก็ชักรู้สึกว่าพื้นทรายตรงที่ที่กำลังนอนมีกลิ่นแปลกๆเลยรีบลุกพอดีกับที่พวกเขาเสร็จธุระส่วนตัวแล้วหันมาเห็นผมเข้า


“ว้าวๆ ไม่นึกว่าจะโชคดีมาเจอแจ๊คพ็อตซะได้ มาอยู่มืดๆแถวนี้คนเดียวไม่เหงาเหรอครับน้อง” ผมไม่ตอบ รีบก้มหน้าเดินเลี่ยงเพื่อกลับโรงแรมแต่ก็โดนดักไว้ทั้งทางซ้ายและขวา “จะรีบไปไหนล่ะ อยู่สนุกกับพวกพี่ก่อนดีกว่าน่า”


ผมว่าขืนอยู่ต่อจะหายนะกับสวัสดิภาพตัวเองมากกว่า เพราะถึงผมจะเป็นผู้ชายแต่อีกฝ่ายคือผู้ชายตัวโตกว่าสองคนที่กำลังขาดสติ ฤทธิ์แอลกอฮอล์อาจทำให้พวกมันอารมณ์พลุ่งพล่านจนเห็นผมเป็นสาวน้อยเข้าก็ได้


“ทำไมคนน่ารักถึงได้ชอบทำตัวหยิ่งนักนะ น่าาา ส่งเสียงให้พวกพี่ชื่นใจสักนิดสิครับน้อง...ชาย”


ไอ้คนหัวเกรียนดูจะติดใจผมเป็นพิเศษ พอแซวเสร็จก็หันไปมองหน้าเพื่อนแล้วหัวเราะกันอย่างกับมีเรื่องขำอะไรนักหนา ผมไม่ได้อยากสนใจอยู่แล้วเลยรีบชิ่ง แต่พื้นทรายทำให้ช้าและเสียจังหวะ อีกฝ่ายไหวตัวเอื้อมมือมาเกือบจะคว้าไว้ได้แต่ผมเบี่ยงตัวหลบทันแล้วตัดสินใจหันหลังวิ่งไปอีกทาง อย่างน้อยหนีพวกมันให้ได้ก่อนค่อยหาทางย้อนกลับไปโรงแรม แต่วิ่งได้ไม่กี่ก้าวก็ล้มหน้าคว่ำ มันจับข้อเท้าผมได้และกดไว้จนหมดสิทธิ์ลุกหรือแค่ดิ้นก็เจ็บน้ำตาแทบเล็ด ผมเลยคว้าทรายเต็มสองกำมือแล้วปาใส่ไม่ให้มันตั้งตัว วิธีนี้คงได้ผลถ้าเป็นการสู้กันแบบหนึ่งต่อหนึ่ง แต่พอไอ้หัวเกรียนเผลอปล่อยมือ ไอ้คนผมยาวที่รู้แกวหลบทันก็แตะมือเปลี่ยนตัวมาจัดการต่อ ผมคลานหนียังไม่ทันได้ลุกก็ถูกคว้าข้อเท้าอีก มันกระชากผมเข้าหาตัวแล้วนั่งคร่อมไว้แถมยึดมือผมไว้ทั้งสองข้างป้องกันการโดนซัดทรายใส่เป็นรอบที่สอง


“แม่งเอ๊ย! มึงจับไว้ อย่าให้หลุดนะ เดี๋ยวกูจะเอาคืนให้สิ้นฤทธิ์เลยไอ้เด็กเวร!”


ไอ้หัวเกรียนคำรามสั่งเพื่อนทั้งที่ตัวมันเองยังลืมตาไม่ขึ้นด้วยซ้ำ แต่เรื่องอะไรผมจะอยู่เฉยๆรอให้ถูกเชือด ผมไม่ได้ใสซื่อจนไม่รู้ว่าวิธีการเอาคืนที่มันพูดถึงคืออะไร และถึงผมไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่องไปทั้งตัวก็อย่าหวังว่าผมจะยอมง่ายๆ นะเว้ย!


“เฮ้ย!” ไอ้ผมยาวร้องบ้าง คงไม่นึกว่าผมจะเล่นสกปรกถุยน้ำลายใส่หน้าเต็มๆ มันผงะจนหงายหลังเปิดช่องให้ผมคู้เข่าขึ้นแล้วถีบยอดอกมันสุดแรง พอหลุดมาได้ผมรีบเผ่นแต่ก็ยังหนีไม่พ้น คราวนี้ไอ้หัวเกรียนแล่นมาจับผมไว้ได้...


อุ้ก!


หนึ่งหมัดซัดเต็มๆเล่นเอาจุกจนร้องไม่ออก แต่ผมดันไม่ใช่นางเอกละครไทยที่โดนต่อยท้องแล้วสลบเลยโดนซ้ำอีกที มันรวบมือผมไว้ทั้งสองข้างและคงเพราะเห็นตัวอย่างจากเพื่อนมันก็เลยจงใจนั่งทับลงมาที่ขาผมซะเลย บอกได้คำเดียวว่าทั้งเจ็บ ทั้งหนักโคตรๆ สภาพผมตอนนี้ต้องการตัวช่วยอย่างด่วน...


“ช่วยด้วย! ช่วย...!” ผมตะโกนสุดเสียงแต่ก็ได้แค่นั้น มือใหญ่ตะครุบหมับจนผมสำลัก ทรายทั้งนั้น แล้วเมื่อกี้แม่งยังไม่ได้ล้างมือเลยไม่ใช่เหรอ แหวะ!


“เพิ่งจะมาร้องหาพระแสงอะไรเอาป่านนี้หะ! เงียบเลยนะไม่งั้นพี่อาจเปลี่ยนใจทำให้น้องเป็นผีเฝ้าหาดนี่แทน!”


สัญญาณเตือนภัยดังลั่นในหัวบอกว่ามันเอาจริง ไม่ต้องประเมินสถานการณ์ก็รู้ว่าผมไม่น่ารอด ที่ตรงนี้ห่างจากหน้าหาดของโรงแรมมาพอสมควร แถมมืดขนาดนี้คงไม่มีใครทันสังเกตว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วป่านนี้... คุณภากรจะรู้หรือยังนะว่าผมไม่ได้อยู่ที่โรงแรม หรือว่าเขาจะมัวเพลินอยู่กับแม่สาวกิ๊กเก่าคนนั้น พอคิดแบบนี้แล้วผมแทบหมดกำลังใจ จะสู้ให้เหนื่อยไปทำไมในเมื่อกลับไปได้ก็ต้องเจอกับเรื่องเจ็บปวดไม่แพ้กันอยู่ดี


“เฮ้ยมึง! ทำไมจู่ๆมันนิ่งไปยังงั้นวะ?!” เสียงจากไอ้คนผมยาวกระทุ้งให้เพื่อนมันโงหัวมาดูอาการของเหยื่อบ้าง


“จะเป็นอะไร้ ที่แท้ก็ชอบล่ะสิ เดี๋ยวเหอะ กูจะเอาให้แม่งครางลั่นหาดเชียว ฮ่า ฮ่า”


สบประมาทอย่างเดียวไม่พอยังจะส่งเสียงเยาะ แต่ก็ต้องขอบคุณเสียงหัวเราะชั่วๆของมันที่ปลุกให้สติผมกลับมา


“โว้ย!! โอ๊ยยยย...” เสียงหัวเราะเปลี่ยนเป็นเสียงร้องก้องหาดเมื่อน้องชายที่กำลังตื่นของมันถูกกำแน่นแล้วบิด! ก็บอกแล้วว่าคนอย่างผม ถึงจะดูอ่อนแอแต่ไม่คิดจะยอมแพ้อะไรง่ายๆหรอกเฟ้ย “ปะ...ปล่อยนะมึง!!”


ผมยอมทำตามที่ไอ้หัวเกรียนร้องขอแล้วใช้แรงอีกฮึดถีบมันออกจากตัว ส่วนไอ้ผมยาวผมใช้ลูกไม้เดิมที่คราวนี้ได้ผลเพราะมันกำลังห่วงจะช่วยเพื่อนเลยไม่ทันระวัง นอกจากทรายผมก็แถมด้วยอะไรสักอย่างที่คว้าได้แถวนั้นปาใส่หน้ามันเต็มๆ เสียงเพล้งเมื่อสิ่งนั้นตกลงพื้นก็ได้รู้ว่าคือขวดเบียร์ที่แตกกระจายพร้อมของเหลวสีแดงไหลตามมาด้วย นี่ถ้าเป็นขวดที่พวกมันกินทิ้งไว้เองก็คงยิ่งน่าสมน้ำหน้าเข้าไปใหญ่


“ช่วยด้วย!! ใครก็ได้ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วยยยยย!!!”


ในขณะที่พวกมันร้องด้วยความเจ็บปวด ผมก็ช่วยแหกปากผสมเข้าไปเอาให้ดังลั่นหาด เพราะอย่างที่บอกว่าสภาพผมตอนนี้หมดแรงข้าวต้ม เจ็บจนลุกไม่ขึ้น เหลือแต่เสียงนี่ล่ะเป็นอาวุธสุดท้าย ถ้ายังไม่มีใครมาช่วยก็คงหมดหนทางรอดจากพวกชั่วสองตัวนี้ แต่ชีวิตผมผจญเรื่องแย่มาร้อยแปดยังผ่านมาได้ คงจะไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอก...มั้ง!


“เฮ้! ใครที่อยู่ตรงนั้นน่ะ มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า?”


โอว เสียงสวรรค์ ผมว่าผมรอดแล้ว!







จบตอนแล้วคร้าบ





ดวงดีมากค่ะเด็กคนนี้ มีเรื่องเจ็บตัวตลอด

แล้วค่อยมาลุ้นกันต่อว่าจะรอดแน่ๆ หรือแย่แล้วไอ้กานต์เอ๊ย!!!






 :bye2:



ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
งานเข้าตลอดๆ โอ้ยยยย...สงสาร

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ขอให้กานต์โชคดีเจอคนดีมาช่วยละกันนะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คุณกร  ถ้าไม่คิดอะไรกับแคทแล้ว
ทำไมยังไปเต้นรำ แนบสนิทใช้ลมหายใจเดียวกัน :m16: :m16: :m16:
ใครจะมาช่วยกานต์ ?
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ โอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
เป็นผู้ชายที่แย่จริงๆ

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ทำไมตัดจบแบบนี้ล่ะช่างโหดร้ายทารุณจริงๆเลย

ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1







39.








ผมสวมกอดแกมเขย่าร่างบอบบางอย่างคนที่คุ้นเคยกันมานาน ความจริงผมควรจะเป็นฝ่ายไปส่งแต่เธอยืนกรานว่ากลับที่พักเองได้และรู้สึกเกรงใจ ไม่อยากรบกวนเวลาส่วนตัวของผมมากไปกว่านี้ เธอเลยขอเดินเป็นเพื่อนมาถึงที่ลิฟต์และเอ่ยลากันอีกครั้งด้วยรอยยิ้มที่สดชื่นกว่าตลอดทั้งวันหรืออาจจะหลายวันที่ผ่านมา


“หวังว่าคืนนี้จะไม่นอนกอดหมอนร้องไห้อีกล่ะ คุณพีอาร์ใหญ่ออกมารับแขกตาบวมฉึ่งมันจะเสียถึงภาพลักษณ์ของโรงแรมนะรู้มั้ย”


ผมเชยคางเล็กเชิดขึ้นเบาๆ เธอแกล้งมุ่นหน้าก่อนจะยิ้มกว้าง ภาพแบบนี้อาจดูไม่เหมาะสมนักเมื่อคิดถึงฐานะระหว่างเจ้าของกับหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงแรม แต่ผมไม่อยากสร้างภาพหรือปฏิเสธความจริงที่แม้จะเป็นอดีตไปแล้วว่าผมกับแคทเคยรู้จักชอบพอกันมาก่อน เราเดทกันตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่อเมริกา พอกลับมาเมืองไทยก็สานต่อความสนิทสนมกันจนดูเป็นคนพิเศษในสายตาใครต่อใคร ขนาดคุณแม่ยังเคยรบเร้าให้พาเธอเข้าไปทำความรู้จัก แต่พอคู่ควงของผมเปลี่ยนหน้าเรื่อยๆ เรื่องนี้เลยเงียบไปโดยปริยาย


เมื่อประตูลิฟต์เปิด ร่างบางก็ออกแรงกอดผมแน่นพร้อมเอ่ยลาเสียงอ่อนเสียงหวาน


“ถ้าไม่ได้ยู ไอคงทำอะไรไม่ถูกจริงๆ ขอบคุณมากนะ”


“อย่าคิดมากสิ คุณเป็นเพื่อนผม”


“ว้า! แค่เพื่อนเอง? ยูลืมเรื่องเก่าๆของเราไปหมดแล้วเหรอ”


“ก็นิสัยชอบยั่วอย่างนี้สิน่ะ ต้นมันถึงได้ของขึ้น ถ้ามีคราวหน้าอีกจะยุให้เลิกกันจริงๆ”


ผมแกล้งขู่ด้วยเรื่องที่เพิ่งเคลียร์จบไปสดๆร้อนๆ ตอนที่รู้ว่าเธอกับต้น เพื่อนสนิทอีกคนของผมซึ่งต่างเป็นหนุ่มหล่อ สาวสวย รวยเสน่ห์แต่ไม่ชอบการผูกมัดทั้งคู่หันมาคบกันเอง ผมเซอร์ไพรส์จนพูดไม่ออก ทั้งคู่จริงจังถึงขั้นคิดเรื่องแต่งงานแต่เจ้าต้นมีธุระต้องย้ายไปทำงานที่เมืองนอกราวครึ่งปีจึงต้องพับโครงการนี้ไปก่อน แล้ววันดีคืนดีก็เกิดเรื่องจากการที่เธอโพสต์ภาพตัวเองกับลูกค้าโรงแรมลงในเฟซบุ๊ค ไม่รู้สองฝ่ายสื่อสารผิดพลาดยังไงถึงได้ทะเลาะกันใหญ่โตขนาดที่แคทโทรไปร้องไห้ฟูมฟายกับผม ผมเห็นเธออาการไม่ดีจริงๆจึงถือโอกาสมาตรวจงานที่นี่ช่วยเคลียร์ในฐานะคนกลางที่รู้จักทั้งสองฝ่ายไปด้วยในตัว แต่ก็น่าขำที่บทสรุปกลับง่ายยิ่งกว่าที่คิด อาจเพราะความห่างไกลหรือนิสัยส่วนตัวที่ต้องปรับเปลี่ยนกันอีกหลายอย่าง เรื่องเล็กน้อยเท่าขี้ตาถึงได้ลุกลามอย่างกับไฟไหม้บ้าน ลงท้ายผมยังไม่ทันได้อ้าปาก ไอ้ต้นก็ชิงขอโทษและขอคืนดีราวกับไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ผมล่ะงงกับพวกมันสองคนจริงๆ


“อย่าเชียวนะ! ถ้าแกล้ง ไอจะเอาคืน อย่าคิดว่าใครๆเขาจะไม่รู้จุดอ่อนยูนะ” คนพูดหรี่ตามอง ทำท่ามั่นใจเต็มที่ พอผมวางฟอร์มไม่ร้อนตัวก็เดือดร้อนโวยวายไปเอง “แน๊! อย่ามาทำไก๋ เขารู้กันทั้งโรงแรมว่าวันนี้บิ๊กบอสพาแฟนมาตรวจงานด้วย หวานกันจนน่าหมันไส้!”


ผมเลยถึงบางอ้อว่าจุดอ่อนของตัวเองในสายตาคนอื่นคืออะไร แต่ขอแก้ข่าวว่าวันนี้ผมกับกานต์ยังหวานไม่ได้ตามมาตรฐานที่เคยเป็น ดูเหมือนว่าเวลามาอยู่ในสภาพแวดล้อมไม่คุ้นชิน เจ้าตัวยุ่งจะระวังมากกว่าปกติก็เลยคอยเกาะอยู่กับกัญญาและวรเมธเป็นส่วนใหญ่ ส่วนผมนั้นต้องรีบเคลียร์งานเพื่อจะได้มาจัดการเรื่องของเพื่อนต่อ กะว่าถ้าทุกอย่างเรียบร้อยพรุ่งนี้ค่อยพาเที่ยวเป็นการชดเชย


“ที่จริงได้ยินข่าวมาสักพักแล้วแต่นึกภาพไม่ออกว่าจะเป็นไปได้ยังไง พอได้มาเห็นกับตา...”


“เลยเข้าใจ?” ผมลองถามดักคอ


“เปล่า ไอก็ยังไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมสเปคของยูถึงได้เปลี่ยน...แบบว่า...” เธออึกอัก พอไม่รู้จะอธิบายยังไงก็ยกมือขึ้นมาพลิกไปพลิกมาเสียทีแล้วยิ้มเขินๆ “แต่ไอว่าเด็กคนนั้นก็น่ารักดี ยูดูมีความสุขมาก อาจจะมากกว่าตอนที่เราอยู่ด้วยกันอีกมั้ง ไอดีใจกับความรักของยูจริงๆนะ”


ผมกางแขนออกให้เธอก้าวเข้ามาสวมกอดอีกครั้งแล้วก้มลงฝากคำขอบคุณเบาๆกับเรือนผมยาวสลวย ส่วนเธอตบหลังผมเบาๆแทนคำพูด ก่อนที่เราจะลากันจริงๆด้วยรอยยิ้มแสดงความยินดีในความสุขของกันและกัน เมื่อกลับขึ้นมาถึงห้อง ผมไม่แปลกใจที่เห็นวรเมธนั่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊ค มันเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเพราะรู้อยู่แล้วว่าผมหายไปไหนเป็นนานสองนาน แต่พอเห็นผมยิ้มหน้าบานเข้ามามันก็เลยหมดความสนใจ


“เฮ้ย! ไม่ถามหน่อยเหรอวะ อยากเล่านะเนี่ย” กลายเป็นผมที่ตามเซ้าซี้ไปซะได้


“โทษที ไม่ได้ชอบสอดรู้เรื่องชาวบ้าน” ตามันยังมองหน้าจอ แต่มือไปเอื้อมหยิบเอกสารเล่มหนามาวางให้ใกล้ๆ “รีบไปอาบน้ำแล้วออกมาจัดการนี่ให้ด้วย แฟ้มสุดท้ายแล้ว ถ้าเรียบร้อยพรุ่งนี้ท่านประธานก็ว่าง จะหนีไปเที่ยวไหนก็เชิญตามสบาย พอใจหรือยังครับ”


“นายนี่มันสุดยอด! ไม่เสียทีที่เป็นเพื่อนกันเลยว่ะ” ผมเอ่ยชมจากใจ และอดมองหาคนร่วมห้องที่เหลือไม่ได้


“เข้าห้องไปตั้งแต่หัวค่ำ ป่านนี้หลับหมดแล้วมั้ง” เจ้าเมธตอบเหมือนรู้ใจ แต่พอเห็นว่าผมมุ่งหน้าไปไหนก็เสียงเข้มขึ้น “เฮ้ย! เสียมารยาทน่ะกร ฉันให้กานต์กับกัญญานอนด้วยกัน ส่วนนายกับฉันห้องใหญ่โน่น”


“น่าาา ขอแอบดูนิดเดียวเอง วันนี้ทั้งวันยังไม่ได้คุยกันสักคำ คิดถึงจะแย่”


อาจฟังดูงี่เง่าเกินจะเป็นความคิดของผู้ชายวัยเลขสามแต่ผมยอมรับว่าติดกานต์เอามากๆ ตั้งแต่ที่รวบรัดยกฐานะแฟนให้ไปก็กลายเป็นว่าพื้นที่และเวลาส่วนตัวของผมต้องมีเขาอยู่ด้วยเสมอ อย่างเวลาอยู่ด้วยกันในห้อง แม้จะต่างคนต่างมีกิจกรรมส่วนตัวหรือยุ่งอยู่กับงานของใครของมัน ผมก็มักจะเผลอมองหาเพื่อให้รู้ว่าเขาอยู่ตรงไหน กำลังทำอะไร ขอแค่ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของคนที่อยู่หน้าทีวี หรือได้เห็นอาการสัปหงกจนฟุบลงไปเพราะกำลังนอนเท้าคางอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ผมก็รู้สึกดีจนหุบยิ้มไม่ลง เวลานี้ก็เช่นกัน ขอแค่แอบดูคนแสนงอนนอนหลับตาพริ้มสักนิดผมก็จะได้ฝันดีไปตลอดทั้งคืน แต่พอแง้มประตู ยังไม่ทันได้ก้าวเท้าเข้าไปในห้องนอนเล็กนั้น ผมก็ชักได้กลิ่นของฝันร้ายจางๆ...


“เฮ้ยเมธ! กานต์ไม่ได้อยู่บนเตียงนี่”


ผมหันกลับมาส่งเสียงถามคนที่อยู่ข้างนอก เมธรีบเงยตอบ ถึงสีหน้าจะยังเฉยแต่ผมรู้ว่ามันเอาใจใส่กานต์เสมอ


“ตอนฉันขึ้นมาสองคนก็ปิดห้องนอนเงียบไปแล้ว อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”


ผมถือวิสาสะก้าวเข้าไปทันที ห้องน้ำว่างเปล่าตามคาด คำตอบสุดท้ายจึงฝากไว้ที่หญิงสาวที่กำลังนอนหลับสนิท ต้องสะกิดและออกแรงเขย่าอยู่หลายทีเธอถึงค่อยรู้สึกตัว พอดวงตาสะลึมสะลือหันมาเจอผมเข้าก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา


“อย่าเพิ่งร้องนะ ฉันไม่ได้จะทำอะไร แค่จะถามว่ากานต์ไปไหน เขาบอกเธอว่าจะลงไปข้างล่างหรือเปล่า?”


“ไม่...ไม่นี่คะ” เธอลุกขึ้นทั้งตอบและสั่นหัวบอก พอตั้งสติได้เต็มที่ก็รีบบอกทุกอย่างที่รู้ “ก่อนที่หนูจะหลับ กานต์ก็นอนดูทีวีอยู่ที่เตียงนี่ บอกว่ารอเข้าโฆษณาแล้วจะไปอาบน้ำ ได้ยินบ่นๆบ้างไม่รู้ว่าคุณกรจะเสร็จงานหรือยังแต่ก็ไม่ได้พูดว่าจะออกจากห้องไปไหน แล้วหนูก็เผลอหลับไปก่อนค่ะ”


ผมรีบออกมาที่ด้านนอก เจ้าเมธเองคุยโทรศัพท์เสร็จเพิ่งวางสาย ข้อมูลที่ต่างได้มาส่อถึงความไม่ชอบมาพากล


“มือถือโทรไปไม่รับเลย แต่เช็คแล้วมีคนเห็นกานต์ลงไปข้างล่างจริง ดูเหมือนจะเดินไปทางชายหาด ฉันสั่งการ์ดออกไปช่วยดูให้แล้ว”


ผมพยักหน้ารับและแทบไม่ต้องสั่งเจ้าเมธก็รีบวางงานทั้งหมด เผ่นเข้าห้องไปเปลี่ยนชุดนอนออกเพื่อลงไปตามหากานต์ด้วยกัน ส่วนกัญญาแม้สีหน้าจะดูตื่นๆ แต่ต้องขอชมในความมีสติ ไม่ได้ตกใจโวยวายจนทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ ผมจึงวางใจฝากให้เธอคอยโทรติดต่อกานต์ให้ได้และรอเผื่อว่าเขาจะกลับมาที่ห้องได้เองโดยปลอดภัย


คำบอกเล่าของพนักงานและภาพจากกล้องวงจรปิดชี้ว่ากานต์ออกจากห้องเพื่อมาตามหาผมอย่างที่คิด แต่แน่นอนว่าผมกับเขาไม่ได้เจอกันและท่าทางของเขาตอนกลับออกมาจากเลาจน์ก็ดูผิดสังเกต เอาแต่ก้มหน้าก้มตารีบเดินจนกระทั่งหลุดออกจากกล้องทุกตัวไปทางชายหาดอย่างที่ได้รับรายงานแต่แรก


“นายคุยกับแคทอีท่าไหนวะกร”


เมธหันขวับมาทันทีที่เห็นภาพทั้งหมด มันถามยิ้มๆแต่สายตามันด่าโต้งๆว่าผมคือสาเหตุที่ทำให้กานต์หายตัวไป ประเด็นนี้ผมไม่เถียงแต่ก็บอกได้เต็มปากเช่นกันว่า...


“ฉันกับแคทจบกันแล้ว เราเป็นแค่เพื่อน แค่นั้น โอเคมั้ย”


“สงสัยนายต้องหัดตีกรอบการแสดงออกให้เหมาะสมกับระดับความสัมพันธ์ซะบ้างนะกร นายหวงเวลาเห็นกานต์อยู่กับใครต่อใครแล้วไม่คิดบ้างว่าเด็กนั่นก็รู้สึกแบบนั้นเป็นเหมือนกัน”


“แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่คุย นั่งดื่ม แล้วก็เต้นรำกันนิดหน่อย” ผมพยายามอธิบายแม้จะไม่เต็มเสียงนัก


“เฮ่อ... ไม่นึกเลยว่าคนเป็นเพลย์บอยอย่างนายจะมาตกม้าตายกับเรื่องง่ายๆ เดี๋ยวถ้าเจอตัวแล้วกานต์ไม่ยอมพูดด้วยก็ไม่ต้องบ่น คิดซะว่าแค่เรื่องนิดหน่อยแล้วกันนะ”


เมธตบบ่าเหมือนจะให้กำลังใจแล้วหันไปสั่งงานต่อ ทีแรกผมยังใจชื้นคิดว่ากานต์คงแค่ไปนั่งเล่นระบายอารมณ์อยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่หลังจากผ่านไปเป็นชั่วโมงและเสร็จสิ้นการค้นหาทุกซอกมุมของโรงแรมและบริเวณหาดรอบรัศมีแล้ว สิ่งที่ผมได้กลับมามีเพียงมือถือที่เจ้าตัวคงทำตกไว้ ยิ่งได้ไปเห็นสภาพตรงจุดที่พบซึ่งมีทั้งเศษขวดเบียร์ คราบเลือดและร่องรอยการต่อสู้ชัดเจน ผมก็ยิ่งร้อนใจจนแทบบ้า!


“ถ้าเกิดกานต์ถูกใครทำร้ายแล้วเอาตัวไปล่ะ ตอนนี้อาจจะอยู่ในบ้านหลังไหนสักหลังนี่ก็ได้ ถ้าชักช้ากานต์จะเป็นยังไง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา แกจะรับผิดชอบได้มั้ยไอ้เมธ!” ผมตวาดกลับหลังถูกมันห้ามไม่ให้เดินดุ่มๆเข้าไปในเขตบ้านพักส่วนตัวหลังหนึ่ง


“ฉันถึงได้บอกให้ใจเย็นๆไงเล่า พรวดพราดเข้าไปทั้งอารมณ์ร้อนขนาดนี้แทนที่จะได้เรื่องกลัวจะไปมีเรื่องกับเขาซะมากกว่า ถ้าไม่ยอมรออยู่ที่นี่ก็กลับโรงแรมไปซะ ฉันจะไปตามหากานต์ให้เอง ตกลงมั้ย”


ผมสูดลมหายใจเข้าลึกและยอมตามตัวเลือกแรก อดทนรอให้เมธและรปภ.กลุ่มหนึ่งเข้าไปเรียกดูตามบ้านพักตากอากาศที่ปลูกเรียงรายไปตามแนวหาด แต่ก็คว้าน้ำเหลวเพราะส่วนใหญ่ปิดเงียบ ส่วนหลังไหนที่มีคนมาพักก็ไม่มีใครเห็นหรือให้เบาะแสของเด็กหนุ่มที่อาจหลงมาแถวนี้ได้เลยสักคน


พวกเราต้องกลับมาตั้งหลักที่โรงแรมอย่างจนหนทาง เป็นอีกครั้งนับจากเรื่องพ่อที่ผมรู้สึกแย่กับตัวเองอย่างที่สุด ทั้งโกรธ โมโห สมเพช และสิ้นหวังที่ไม่อาจแก้ไขหรือทำให้อะไรดีขึ้นได้เลย ครั้งนั้นผมรับรู้ข่าวการเกิดอุบัติเหตุเมื่อทุกอย่างสายไป พ่อจากไปอย่างไม่มีวันกลับ แล้วครั้งนี้ล่ะ ผมจะได้แต่นั่งรอโดยไม่รู้ว่าคนที่ผมรักกำลังเป็นตายร้ายดียังไง แล้วสุดท้ายก็ต้องพบกับข่าวร้ายว่าทุกอย่างมันสายเกินไปอีกอย่างนั้นเหรอ?!


“เอ้า! ดื่มสักหน่อย เผื่อจะช่วยดึงสติ ควบคุมตัวเองขึ้นมาได้บ้าง” ผมหันไปตามเสียงและได้แต่มองถ้วยกาแฟร้อนค่อยๆวางลงตรงหน้า ส่วนคนที่ยกมาก็นั่งลงและจิบให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่สีหน้าแบบนั้นบอกชัดว่าถึงเป็นกาแฟวิเศษก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ “ยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงตำรวจเลยยังไม่รับแจ้งความคนหาย แต่ทางสน.ก็ประสานให้สายตรวจช่วยดูให้แล้ว ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะรีบติดต่อมาทันที นายก็อย่าเพิ่งคิดมากไปเลยนะกร เดี๋ยวกานต์อาจจะกลับมาเองก็ได้”


ผมหันไปมองหน้า ไม่สิ จ้องเข้าไปในดวงตาของคนที่พูดเลยนั่นล่ะ


“แกเคยรักใครมั้ยเมธ” ชั่วแวบนั้นผมเห็นแววตาของมันไหววูบ “เคยมั้ยที่อยากให้มีใครสักคนอยู่กับแกเสมอ ถึงจะไม่ได้อยู่ตัวติดกันตลอดเวลาแต่ก็ขอให้รู้ว่าเขาไม่ได้หายไปไหนไกล และเขาจะเป็นของแกตลอดไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”


เมธมองหน้าผม อ้าปากแต่ไม่มีเสียงใดๆเล็ดรอดออกมา แต่ผมก็รู้ว่ามันจะพูดอะไร สำหรับคนที่ยังไม่ได้รู้จักรักใครเต็มหัวใจก็มักยังเหลือพื้นที่สำหรับเหตุผลมากมายที่จะยกมาอ้างเพื่ออธิบายเรื่องต่างๆ แต่ผมก็เชื่อว่ามันคงได้รู้สึกเหมือนอย่างที่ผมรู้สึกกับใครสักคนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ขอแค่เพียงมันยอมเปิดใจยอมรับเธอคนนั้นให้มากกว่านี้


“แกไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าฉันกำลังรู้สึกยังไง เพราะต่อให้แกชอบกานต์มาก หรือจะเอ็นดูรู้สึกเหมือนเขาเป็นน้องชายแท้ๆ แต่มันก็เทียบไม่ได้เพราะฉันรักกานต์ ฉันรักเขาจริงๆ และฉันเหมือนกำลังจะบ้าที่ไม่รู้ว่าตอนนี้คนที่ฉันรักหายไปไหน เป็นตายร้ายดียังไง แล้วถ้าต้องเสียเขาไปโดยที่ฉันช่วยอะไรไม่ได้สักอย่าง แกก็เตรียมตัวเห็นฉันเป็นบ้าจริงๆได้เลย!”


“ไม่ต้องรอถึงตอนไหนหรอก แค่นี้นายก็เข้าขั้นที่เรียกว่าบ้าได้แล้ว ทำเป็นไอ้หนุ่มคลั่งรักไปได้” ขนาดถูกผมตะคอกใส่เจ้าเมธยังทำใจเย็น พูดพลางไล้นิ้วรอบขอบถ้วยกาแฟเล่นไปได้เรื่อย


“แล้วใครบอกนายว่าฉันไม่ได้รักกานต์” ผมหันขวับแต่มันก็ยังยิ้มนิดๆ ไม่ทุกข์ร้อน “ใช่ ฟังไม่ผิดหรอกไอ้คุณกร ความรู้สึกที่ฉันมีต่อเด็กคนนี้อาจจะไม่ได้เหมือนกับนายเสียทีเดียวแต่ฉันก็พูดได้เต็มปากว่าทั้งรักและห่วงเขาไม่ได้น้อยไปกว่านายเลย แต่รู้มั้ยอะไรที่ทำให้เราต่างกัน นายพยายามทำเป็นลืมความจริงไปข้อหนึ่งเพราะนายอยากจะผูกขาดคนที่นายรักไว้คนเดียว นายอยากให้เขาทั้งรัก ชื่นชมบูชาเหมือนนายเป็นทุกอย่างในชีวิต แต่ฉันขอย้ำกับนายอีกครั้งว่ากานต์ไม่ใช่ผู้หญิง และยิ่งไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะคอยงอมืองอเท้ารอให้ใครมาทำอะไรให้ทุกอย่าง การที่เขาอดทนต่อสู้มาตลอดคือเครื่องยืนยันว่าเขาไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ และถึงฉันจะห่วงเขาจนแทบบ้าแต่ฉันก็เชื่ออีกนั่นแหละว่าเขาจะต้องดูแลตัวเองได้แน่ เพราะฉะนั้นนายก็เลิกจิตตกคิดถึงแต่เรื่องแย่ๆได้แล้ว”


คงต้องขอบคุณโชคชะตาที่พาให้ผมมาพบกับเพื่อนคนนี้ คนที่ทำงานด้วยกันมักพูดว่าผมกับวรเมธเหมือนสองขั้วที่สามารถเปลี่ยนสลับให้ตรงกันข้าม ทั้งคัดคานแต่ก็ส่งเสริมกันได้อยู่เสมอ เวลาที่ผมเฉื่อยชาเมธมักจะตื่นตัว กดดันให้ผมสนใจกับงาน แต่เวลาที่ผมร้อนเป็นไฟ มันก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำเย็นที่สาดดับความวู่วามเพื่อให้ผมกลับมาเป็นปกติ คราวนี้ก็เช่นกันที่ท่าทางแบบนั้นทำให้ผมได้สติและเริ่มมีความหวังอีกครั้ง


“กานต์จะไม่เป็นไรแน่นะ?!”


‘รายงานคุณเมธ พบคุณกานต์แล้ว กำลังเดินกลับมาทางหน้าหาดครับ’


เสียงวิทยุสื่อสารในมือเจ้าเมธดังแทรกขึ้นมาแทนคำตอบที่ทำให้เราทั้งคู่ตรงไปหน้าโรงแรมทันที กานต์กลับมาแล้วจริงๆ เขากำลังเดินกลับมาพร้อมกับผู้ชายอีกคนที่ทำท่าเหมือนคอยระวังและช่วยประคองเขาอยู่ห่างๆ ภาพนั้นบอกให้รู้ว่าเขาต้องไปมีเรื่องจนเจ็บตัวแต่ก็เบาใจได้ว่าปลอดภัยกลับมา ผมอยากจะรีบเข้าไปหาแต่ถูกเมธรั้งไว้ มันไม่พูดแต่ส่งสายตาเตือนไม่ให้ผมทำตัวรุ่มร่ามเพราะกานต์คงรู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น และเขาอาจจะยังเคืองเรื่องแคทอยู่ แต่พอผมหันกลับไปอีกที คราวนี้ต่อให้เอาช้างมาฉุดผมก็หยุดไม่อยู่แล้ว... 


“กานต์!!” ผมตะโกนลั่นหาดจนคนถูกเรียกสะดุ้งโหยง “นี่มันอะไรกัน!!??”


ที่ผมต้องถามด้วยน้ำเสียงพร้อมจะฆ่าคนได้ทุกเมื่อก็เพราะจู่ๆดันมีไอ้บ้าอีกคนวิ่งตามทั้งคู่มาแล้วคว้าตัวกานต์ไปกอดซะอย่างเป็นสมบัติของมัน แค่นั้นไม่พอ แม่งยังกล้าหอมแก้มแฟนผมอีกหลายฟอด จะให้ผมยืนดูเฉยๆน่ะฝันไปได้เลย!


“คุณกร!... เอ่อ ขอโทษครับที่ผมหายไปนาน พอดีมีเรื่องนิดหน่อย...เอ้ย! อย่าสิครับพี่บัส!”


กานต์หันมาบอกผมเสียงอ่อยๆแล้วก็ต้องพยายามจัดการกับคนที่กำลังทำตัวเป็นหนวดปลาหมึก ที่จริงผมก็รู้สึกคุ้นหน้ามันอยู่บ้าง แต่ช่างแม่งเหอะ ต่อให้เป็นคนสำคัญระดับชาติแต่มายุ่งกับของๆคนอื่นไม่ดูตาม้าตาเรือก็คงช่วยไม่ได้...


“เฮ้ย!!!”


พยานในเหตุการณ์ร้องพร้อมกันทันทีที่ผมปล่อยกำปั้นเข้าใบหน้าคุ้นๆแต่ยังนึกไม่ออกนั่น ท่าทางไอ้บัสอะไรนี่ก็กรึ่มได้ที่ ไม่มีสติสตังพอจะสู้หรือกระทั่งหลบ ผลเลยโดนจังๆ หมัดเดียวจอด หงายท้องล้มตึงไปทันที


“เคลียร์ให้ด้วย มันจะเอาค่าเสียหายเท่าไหร่ก็ให้ไปแล้วบอกมันด้วยว่าถ้าอยากเป็นผีเฝ้าหาดก็ห้ามเสนอหน้ามาแถวนี้อีก!” ในฐานะเจ้าของโรงแรมที่ต้องคำนึงถึงชื่อเสียงและภาพลักษณ์เลยต้องเสียเวลาสั่งงานอีกสองสามคำ เจ้าเลขาคนสนิทรับคำแต่ก็ถึงกับกุมขมับมองผลงานของผมอย่างปลงๆ


ไม่ต้องรอดูก็แน่ใจได้ว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย ทีนี้ก็เหลืออีกแค่คนเดียวที่ผมต้องคิดบัญชีด้วยตัวเอง


“คุณกร! ปล่อยนะ! ทำอะไรของคุณเนี่ย?!”


มันน่ามั้ย! ยอมให้ไอ้บ้านั่นทั้งกอด ทั้งหอม ทีผมจับกลับทำเป็นดิ้น ร้องโวยวาย แถมยังไม่สำนึกความผิดอีกกระทงโทษฐานทำให้ผมต้องเป็นห่วงจนแทบบ้า


พอเข้ามาในโรงแรมเจ้าตัวเองคงไม่อยากเป็นจุดเด่น เรียกความสนใจของทั้งแขกและพนักงานเลยยอมเงียบปล่อยให้ผมลากหลุนๆจนกลับมาถึงห้องแล้วถูกโยนโครมลงกับเตียงถึงได้หลุดเสียงร้องออกมาเบาๆ...


“โอ๊ย!”


“นี่เตียง ไม่ใช่พื้นกระดาน จะร้องทำไม เจ็บอะไรนักหนา” หัวใจผมหล่นวูบแต่ต้องทำเป็นเก็กเสียงเข้มไว้เพราะอยากสั่งสอนเด็กดื้อเสียบ้าง แล้วดูเอาว่าผมได้คำตอบแบบไหน


“ที่ร้องไม่ได้เพราะเจ็บ แค่สำออย อยากเรียกร้องความสนใจ ถ้าผมตอบแบบนี้จะพอใจคุณใช่มั้ย!” กานต์ย้อนผมเสียงแข็ง ตาโตๆก็จ้องเขม็งเอาเรื่องเต็มที่ “ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นผมขอตัว จะกลับห้องไปอาบน้ำนอน!”


“หายตัวไปจนเขาวุ่นวายตามหากันทั้งโรงแรม อยู่ดีๆก็กลับมากับไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ แล้วยังจะมาดื้อกับฉันอีกงั้นเหรอ?!” ผมตวาดเสียงดุแต่อีกฝ่ายไม่มีกลัว ยังกล้าลุกขึ้นมาตะโกนเถียงใส่หน้า


“โว้ย! จะเอาอะไรกับผมนักหนา ทีคุณยังไปสวีทกับแฟนเก่าได้แล้วทำไมผมจะไปสนุกของผมบ้างไม่ได้ แล้วจะบอกให้ว่าไม่ใช่แค่ที่คุณเห็นหรอก ก่อนหน้านั้นยังมีไอ้ขี้เมาสองคนที่หาด แต่เล่นกับพวกมันได้สักพักก็ไม่ไหว สู้ไปกับพวกพี่บัสก็ไม่ได้ ทั้งกินทั้งดื่มกันเต็มคราบ ไม่เคยสนุก...โอ๊ย!”


คนที่ถูกผลักลงไปกระแทกที่นอนร้องลั่น แต่เขาจะรู้มั้ยว่าทุกคำที่ออกจากปากทำเอาผมจุกและชาไปถึงสมอง ทั้งที่เชื่อเต็มหัวใจว่าเขาไม่ใช่คนที่จะทำแบบนั้น แต่แค่ได้ฟังมันก็ร้อนจนแทบควบคุมตัวเองไม่อยู่ ความรู้สึกที่อยากจะบีบคอคนให้ตายคามือมันเป็นอย่างนี้นี่เอง


“พอ! พอได้แล้ว รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา?!”


“แล้วคุณล่ะรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไร ที่คุณบอกว่ารักผมมันหมายความว่ายังไงกันแน่ แค่เห็นผมเป็นของเล่น หลอกเอาไว้สนุกชั่วครั้งชั่วคราว พอเบื่อก็กลับไปหาแฟนเก่าหรือเปลี่ยนไปนอนกับผู้หญิงอีกตั้งไม่รู้กี่คน...ใช่มั้ยล่ะ?!”


ผมมองหน้ากานต์แล้วหัวใจก็กระตุก จากที่ร้อนรุ่มพลันเปลี่ยนเป็นชาวาบ เขาไม่เคยมองผมด้วยสายตาอย่างนี้มาก่อน สายตาของคนที่กำลังผิดหวังแต่ไม่คิดจะฟูมฟายตีโพยตีพาย คำถามของเขาไม่ใช่การประชด ขอแค่ผมบอกคำเดียวสั้นๆว่าใช่ เขาก็จะเข้าใจและเป็นฝ่ายเดินจากไปโดยไม่เรียกร้องอะไรทั้งนั้น และแน่นอนว่าไม่คิดจะขอให้ผมรั้งเขาไว้ด้วยซ้ำ


“ถ้านายหมายถึงแคทฉันเคยคบกับเขาจริง แต่ตอนนี้เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น แล้วฉันก็ไม่เคย...” ผมจ้องดวงตาแดงฉ่ำแต่ยังไม่มีน้ำตาไหลสักหยดก็ยิ่งเห็นถึงความใจแข็ง กลายเป็นผมเองที่เริ่มกลัวเพราะรู้ว่าคำโกหกแม้จะแค่ครึ่งคำก็อาจทำให้ต้องเสียเขาไปจริงๆ “โอเค ฉันยอมรับว่าถ้าเป็นเมือก่อนก็เคยคิดที่จะหลอก แต่ฉันรู้แล้วว่าฉันคิดผิด ทำผิด แล้วตอนนี้ฉันก็รู้ใจตัวเองว่าฉันรักนาย นายไม่ใช่ของเล่นแต่เป็นตัวจริง นายคือคนที่ฉันรักจริงๆเข้าใจหรือเปล่า”


“ไม่เข้าใจ! ปล่อยผม ผมจะไปหาพี่กัญ ปล่อยโว้ยยยย!”


“กานต์! ไปไม่ได้นะ ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องคืนนี้ก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น!”


ผมรีบคว้าเมื่อร่างบางลุกพรวด หลับหูหลับตาดิ้นจะหนีออกจากห้องไปให้ได้ ริมฝีปากบางเม้มแน่นบ่งว่าเจ้าตัวกำลังกัดฟันเก็บกลั้นอะไรบางอย่างและยิ่งทำให้ดวงหน้าขาวซีดลงอีก แต่จะให้ผมออมแรงค่อยๆกอดถนอมไว้ก็คงเท่ากับปล่อยเสือเข้าป่า แล้วเรื่องอะไรจะต้องเสียเวลาไปไล่ตามจับทีหลังในเมื่อผมแน่ใจอย่างที่สุดว่าจะไม่ยอมปล่อยมือจากผู้ชายคนนี้... ไม่มีวัน!




จบตอนแล้วคร้าบ




มีใครอยากโหวตให้เปลี่ยนคุณเมธมารับบทพระเอกแทนมั้ยคะ 555




 :bye2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
เราคิดว่า คุณเมธเหมาะกับกัญญามากกว่านะ แล้วก็เหมาะกับการพเป็นพี่ชายของกานต์มากกว่าเป็นแฟน
งานนี้คุณกรต้องสำนึกผิดที่พูดกับกานต์แบบนี้ ถ้ากานต์โกรธขึ้นมาก็สมควรแล้ว พอเห็นหน้าแทนที่จะถามก่อนว่า ไปทำอะไรมาไปไหนมา กลับหึงจนหน้ามืดไม่ถามซักคำ รอดูกานต์โกรธคุณกรค่ะ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ aornarak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :angry2:พี่กรบ้า งี่เง่า กานต์ยังมีความคิดมากกว่าอีก
ทีตัวเองยังไม่ชอบให้กานต์ไปใกล้คนอื่น แต่ตัวเองทั้งโอบทั้งกอด
เหอะๆ กานต์ไม่ควรหึงมั้งทำแบบนั้นอ่ะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
 :angry2: :angry2: :angry2: :angry2:

ไอ้พี่กรเห็นแก่ตัวเหรอ :3125: :3125: :3125:
ตัวเองจะกอดใครก็ได้แต่กานต์ไม่ได้อย่างนั้นเหรอ
ตัวเองหึงหวงได้กานต์ห้ามหึงหวงอย่างนั้นเหรอ
 :fcuk: :fcuk: :fcuk:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แล้วก็ดราม่า ซะแล้ว
คุณกร ตอนกอดกัน เต้นรำ กับแคททำไมไม่คิด
ถ้าคิดว่ามีคนรักแล้ว จะทำหรือ
ตัวเองทำได้ ถ้ากานต์ทำบ้าง ยอมไหม
 :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
ดราม่าหนักเลย   อิตอนตัวเองกอดกะคนอื่นละไม่คิด เวลาเห็นคนอื่นทำละร้อนเป็นฝืนเป็นไฟ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
คุณกรคะ ตั้งแต่อ่านมานี่ คุณกรหื่น คุณกรป้อคำหวาน แต่คุณกรไม่สามารถปกป้องดูแลกานต์ได้เลยสักครั้งเดียวแถมงี่เง่าเป็นที่หนึ่งขอบอกว่าผิดหวังจริงๆ กับบทพระเอกที่คุณได้รับอยู่ ณ ปัจจุบัน ขอบอกไว้เลยนะคะว่าคนที่จะทำให้เราเบื่อที่จะอ่านเรื่องนี้คือคุณกร แต่ที่ไม่หยุดอ่านเพราะรักกานต์มากจริงๆ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ minemomo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-1







40.





อึดอัดจัง... หายใจไม่ออก... ขยับตัวก็เจ็บ... อยู่เฉยๆยังปวด... ไม่ไหวแล้ว... ทรมาน... ทรมานชะมัด...!!


เอ๊ะ! แต่จู่ๆทำไมมันแปลกๆ... คัน... หรือจะเรียกว่าจั๊กจี้... เหมือนมีใครเอาแปรงมาเกาเบาๆที่ตรงคอ...
อื๊อออออ!


ผมลืมตาโพลงแล้วส่งเสียงอยู่แค่ในคอเพราะความรู้สึกนั้นมากขึ้นจนลืมที่เจ็บตรงอื่นไปหมด แน่นอนว่ามันทำให้ผมรู้สึกตัว วูบแรกบอกได้ทันทีว่าผมกำลังถูกมัด อ้อ! ไม่ใช่สิ แค่มีวงแขนใหญ่กอดไว้แน่น เจ้าของท่อนแขนสองข้างนี้กำลังหลับสนิท ลมหายใจที่รดอยู่แถวต้นคอผมถึงได้เป็นจังหวะเข้าออกสม่ำเสมอจนน่าหมันไส้เชียวล่ะ


ผมเริ่มถอดกระดูก... พูดเล่นครับ! ก็แค่พยายามขยับให้พอมีช่องว่างเอาแขนตัวเองรอดออกจากอ้อมกอดได้ข้างหนึ่งก่อน จากนั้นก็แกะวงแขนใหญ่ให้หลุด...ค่อยๆ...เบาๆ...ระวังอย่าให้เจ้าตัวตื่นไม่อย่างนั้น...


“หืมมมม”


ผมก็จะได้ยินเสียงครางแบบนี้ที่ในรูหู ดีไม่ดีจะมีอะไรชื้นๆลื่นๆแหย่ตามเข้ามาชวนให้ขนลุกอีกต่างหาก แต่เช้านี้ไม่มีแสดงว่ายักษ์ใหญ่ที่ข้างหลังเพิ่งตื่นจริงๆล่ะมั้ง?


“ขอโทษ กานต์ยกโทษให้คุณกรนะครับ”


ซะเมื่อไหร่! น้ำเสียงออดเป็นมอดกัดไม้ขนาดนี้แสดงว่าเขาคงตื่นก่อนด้วยซ้ำ แต่ผมนี่สิที่ต้องทวนความจำว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง...


“แคทเป็นแค่เพื่อนจริงๆ ฉันรู้จักทั้งเขาแล้วก็แฟนเขาด้วย สองคนนั่นมีเรื่องผิดใจกันนิดหน่อยเลยมาวานให้ฉันเป็นคนกลางช่วยเคลียร์ ทุกอย่างที่กานต์เห็นมันไม่มีอะไรจริงๆ อย่าเข้าใจผิดคุณกรเลยนะ”


อ้อ! เอาเป็นว่าเรื่องที่เลาจน์... เคลียร์!


“แล้วที่กานต์หายไปฉันเป็นห่วงมากรู้มั้ย ค้นจนทั่วโรงแรม แทบจะพลิกหาดทั้งหาดก็ยังหาไม่เจอ พอเห็นกานต์กลับมากับคนพวกนั้นมันก็เลยหน้ามืดไปหน่อย กานต์คงไม่ถือสาคุณกรหรอกใช่มั้ยครับ”


เอาเถอะ! ถึงจะทำเกินไปแต่ก็มีเหตุผลพอฟังขึ้น... ให้ผ่านก็ได้!


“พูดอะไรกับคุณกรสักคำสิครับคนดี”


“ผมเจ็บ ปล่อย!”


แว้ก! ขอด่าตัวเองว่าทำงอนไม่เข้าท่าสักทีเหอะ แล้วยังหางเสียงเมื่อกี้ จะดัดจริตไปหน่อยมั้ยไอ้กานต์?!


“เมื่อคืนเช็ดตัวแล้วก็ทายาให้แล้ว ยังเจ็บมากเหรอ ไปหาหมออีกทีมั้ย” กลายเป็นว่าอีกฝ่ายคิดว่าผมพูดจริง แรงกอดผ่อนลง ผมหันไปมองเขาตาปริบๆก็เลยได้คำตอบโดยไม่ต้องถาม “คนที่มาส่งเล่าเรื่องไอ้พวกขี้เมานั่นให้เมธฟังแล้วก็ฝากถุงยาไว้ให้ ฉันสัญญาว่าต่อไปเราจะพูดกันดีๆ จะไม่วู่วาม ไม่ใช้กำลัง ไม่ทำให้กานต์เจ็บตัวอีก ตกลงยกโทษให้คุณกรสักครั้งนะครับ”


ผมรีบหันกลับมาซ่อนสีหน้าที่จะฟ้องว่าหัวใจอ่อนยวบจนไม่รู้จักแล้วว่าโกรธหรือโมโหต้องทำยังไง คุณภากรช่างดีแสนดี เห็นผมเงียบก็ไม่เซ้าซี้ต่อรอง มีเพียงอ้อมกอดหลวมๆกับสัมผัสแผ่วข้างแก้มที่ส่งไออุ่นไปทั่วทั้งตัว


“แล้วคุณกรล่ะครับจะยกโทษให้ผมมั้ย” ผมกระซิบถามเอากับหมอน คิดเอาเองว่าคนที่กำลังทำตัวต่างผ้าห่มผืนหนาจะได้ยิน “ผมเองก็ผิดที่ไม่เชื่อใจ แค่เห็นคุณอยู่กับผู้หญิงคนนั้นก็คิดเพ้อเจ้อไปเอง แล้วยังทำอะไรไม่ระวัง หาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว ทำให้คุณกับใครๆต้องเป็นห่วง”


“ถ้างั้นคุณกรก็ต้องขอโทษด้วยที่ยังทำตัวดีไม่พอให้กานต์เชื่อได้หมดใจ” คำตอบเคลียคลอไม่ห่างชวนให้กดยิ้มกับหมอนจนเกือบหายใจไม่ออก แล้วประโยคสุดท้ายยังตามมาด้วยการกัดใบหูเบาๆที่ทำเอาผมไปไม่เป็นทุกที “เอาเป็นว่าเราเข้าใจกันแล้วนะ”


ผมพลิกตัวขึ้นมานอนมองคนที่กำลังคร่อมผมไว้แล้วอมยิ้มแทนคำตอบ เขาสอดแขนข้างหนึ่งช้อนรองต้นคอส่วนมืออีกข้างเคลียแก้มสลับกับเขี่ยผมของผมเล่นเบาๆ ดวงตาที่มักเฉยชากับใครต่อใครยามนี้ทั้งอ่อนโยนและอ่อนหวาน ริมฝีปากได้รูปฉาบรอยยิ้มละมุนค่อยๆลอยต่ำลงมา  เดาว่าเขาคงสมใจและคาดหวังจะได้เขมือบเนื้อแกะหวานๆเป็นอาหารเช้าล่ะสิ!


“เข้าใจแต่ยังไม่หายโกรธได้มั้ยครับ” ผมชูมือขึ้นยันแผงอกเปลือยเปล่า จงใจกดพอสให้ฉากหวานค้างเติ่ง เพราะบังเอิญว่าผมไม่ใช่ลูกแกะแสนซื่อในนิทานก็เลยรู้จักผูกใจเจ็บและชอบการเอาคืนเป็นชีวิตจิตใจ “ผมระบมทั้งตัวไม่ใช่เพราะโดนชกหรอก แต่คุณกรนั่นแหละทั้งลากทั้งกระชาก แถมเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาไม่พอ ยังทุ่มผมกับเตียงตั้งหลายที!”


ผมจ้องเขม็ง ตั้งตัวเป็นโจทก์เอาเรื่องเต็มที่ วัดกันไปเลยว่างานนี้ใครจะแพ้ใครจะชนะ


“โอเคๆ อยากลงโทษอะไรก็ว่ามา คุณกรยอมให้คนที่คุณกรรักได้ทุกอย่างเลยครับ”


“แน่...นะ?” ถามให้ชัวร์อีกทีเพราะรู้ว่าที่จะขอก็มากเอาเรื่องอยู่ “งั้นก็...ห้ามคุณยุ่งกับผม...เดือนนึง”


“มากไป!” เสียงเข้มสวนทันควัน หน้ายิ้มๆเรียบตึงขึ้นมาเชียว “ให้โอกาสขอใหม่อีกที คิดดีๆล่ะไม่งั้นวันนี้ไม่ได้ลงจากเตียงแน่”
อะไรอ่ะ?! ทำไมจู่ๆโอกาสโดนพลิกกลับเป็นวิกฤตยังงี้ เมื่อกี้ผมยังเป็นต่อเขาอยู่เลยนะ


“สามอาทิตย์...” จำเลยคิ้วขมวดแปลว่าไม่ยอมรับเด็ดขาด กลายเป็นผมต้องตกที่นั่งลำบากกับบทลงโทษของตัวเอง “คะ..ครึ่งเดือน...ห้ามต่อแล้วนะครับ”


ผมรีบหลับตาปี๋เพราะจู่ๆเขาก็กดจูบลงมา เมื่อผละออก ระยะห่างระหว่างกันหายไปเกือบครึ่งยิ่งเพิ่มแรงกดดันอีกเป็นเท่าตัว


“อาทิตย์เดียว ขาดได้แต่ห้ามเกิน จะเอาไม่เอา” ผมต้องรีบพยักหน้าก่อนที่จะไม่ได้อะไรเลย แต่หมาป่าตัวนี้ยังเจ้าเล่ห์อยู่วันยังค่ำ พอได้คืบก็เอาศอกทันที “อ้อ! ที่ห้ามแค่เซ็กซ์ เพราะฉะนั้นกอดได้ หอมได้ จูบก็ได้ ตกลงตามนี้ ห้ามมางอแงทีหลังล่ะเข้าใจมั้ย”


ผมหลับตา กัดฟัน กำหมัดแน่น ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงประมาณอยากกรี๊ดแต่ร้องไม่ออก แล้วพอลืมตามายังเจอรอยยิ้มเยาะเย้ยว่าลงท้ายผมก็ต้องแพ้เขาอยู่ดี มันสุดจะทนแล้ว!


“โว้ย!”


ผมผลักคนตัวโตให้หงายหลัง ปีนขึ้นคร่อมแล้วกำรอบลำคอหนา ไม่ได้จะบีบให้ตายคามือ แค่กะให้รู้รสชาติของฝ่ายที่อยู่ภายใต้การควบคุมซะบ้าง แต่คนที่ควรจะกลัวหงอกลับนอนยิ้มตาพราว เขากลอกตาลง ผมมองตามแล้วต้องตาเหลือกกับสภาพของตัวเองที่สุดแสนจะ...โล่งโจ้ง...


“เฮ้ย!”


สถานการณ์เฉพาะหน้ายิ่งเข้าขั้นวิกฤตเมื่อจู่ๆก็มีสัตว์ประหลาดสองตัวกำลังไต่ขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงโคนขา ผมสับสนจนไม่ชัวร์ว่าควรตกใจอันไหนมากกว่า ระหว่างการที่มีตัวประหลาดกำลังจะมุดเข้าชายเสื้อ หรือ เรื่องที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่เสื้อนอนหลวมโพรกตัวเดียว... แค่ตัวเดียวจริงๆ... จ๊ากกก!!


“เมื่อคืนนายดิ้นๆแล้วก็คงหมดแรงเลยหลับไป จะอุ้มไปอาบน้ำก็กลัวตื่น ฉันเลยเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนชุดให้จะได้นอนสบายตัว ไม่ดีเหรอไง” เขาเห็นผมอ้าปากค้างเลยช่วยให้ข้อมูลโดยไม่ต้องขอ


หา?! การที่เขายอมใส่แค่กางเกงแล้วแบ่งเสื้อมาให้ แต่ก็ดันใส่ให้แค่เสื้อ ลืมสิ่งสำคัญที่จะให้ความอบอุ่นและการป้องกันกับส่วนที่อ่อนไหวที่สุดเนี่ยเหรอที่ควรเรียกว่าดี...กะผีน่ะสิ! แล้วนี่คิดว่าก้นคนอื่นเป็นดินน้ำมันเอาไว้ปั้นเล่นหรือไง นวดๆคลึงๆอยู่ได้!


ผมนึกอะไรไม่ออกเลยกางมือขยุ้มหน้าคนผีทะเลกดลงกับหมอนแรงๆทั้งแก้เขินและแก้เผ็ด พอเขายอมปล่อยมือผมก็รีบเผ่นออกจากห้อง มีเสียงโวยวายตามหลังแต่เรื่องอะไรจะสน ขืนอยู่ในห้องนั้นต่ออีกแค่นาทีเดียว ไอ้ที่อุตส่าห์ขอไว้ได้ตั้งหนึ่งอาทิตย์คงเป็นหมันตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มน่ะสิ


ผมยืนหายใจหอบอยู่หน้าประตูครู่หนึ่งก็คิดได้ว่าควรจัดการตัวเองให้ดูเรียบร้อยกว่านี้ แต่ดันเหลือบไปเห็นคุณวรเมธกำลังจิบกาแฟชมวิวอยู่ที่ระเบียง และความอยากรู้อยากเห็นดลใจให้ผมตามออกไปในสภาพนั้น เขากำลังมองลงไปที่หาดด้วยท่าทางจดจ่อจนอาจไม่รู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่ใกล้ๆ เป็นโอกาสดีให้แอบดูเลยได้รู้ว่าเป้าหมายของคุณเลขาใหญ่ที่ซ่อนความรู้สึกเก่งพอๆกับเก็บความลับของโรงแรมก็คือ...


ว้าว พี่กัญญานั่นเอง!


ผมหลุดอุทานกับตัวเองเบาๆแล้วค่อยหันไปก็เจอว่าเขาหันกลับมาก่อนแล้ว ดวงตาเรียบเฉยมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าแต่ไม่ได้เอ่ยปากถาม ผมเลยรอดตัวไม่ต้องอธิบาย ถึงอย่างนั้นก็เหมือนมีลางสังหรณ์ว่าผมไม่น่ารอด...


“ไม่นึกว่านายจะได้ออกจากห้องมาเร็วขนาดนี้”


คุณเมธพูดขึ้นมาลอยๆ ยิ้มแบบตัวโกงในทีวีแล้วยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบด้วยท่วงท่าสบายใจ คนที่ออกมารนหาที่เองอย่างผมเลยต้องพยายามเก็บอาการไม่ให้ดูเหมือนร้อนตัวเพราะยังเชื่อว่าตัวเองมีแต้มต่ออยู่


“อากาศดี๊ ดี ทะเลสวย ฟ้าใส” ผมชวนคุยไปเรื่อยในขณะที่คนข้างๆหันกลับไปยังจุดเดิม โป๊ะเช้ะ! ยืนยันเป้าหมาย... “คนก็น่ามองนะครับ”


ได้ผล! คุณเมธหันขวับ แต่... สายตาแปลกๆ ชักจะน่ากลัวแฮะ!


“แต่ฉันว่าบางคนยิ่งกว่าน่ามอง...หรือนายว่าไง?” ร่างสูงก้าวช้าๆพร้อมแววตาไร้ปราณี มือเรียวยื่นมาเชยคางให้มองตอบแถมยังโน้มตัวลงมาใกล้... ใกล้มากๆ


“คะ...คุณเมธ!” ผมเรียกเสียงสั่น ภาวนาขออย่าให้คนข้างในออกจากห้องมาตอนนี้ และโชคดีที่คุณเมธไม่ใช่พวกที่สนุกกับการแกล้งคนอื่น ครู่เดียวมือที่จับปลายคางก็เปลี่ยนไปหยิกแก้มแทน


“รู้จักเอาตัวเองให้รอดซะก่อนจะมายุ่งเรื่องของคนอื่น!” ถึงโดนเอ็ด ผมก็ยังยิ้มหน้าระรื่นเพราะสายตาของเขาไม่ได้ดูดุหรือน่ากลัว ยิ่งได้ฟังสิ่งที่ตามมา... “แล้ววันหน้าวันหลังก็อย่าทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงอีก เข้าใจมั้ย”


คุณเมธบอกแล้วยกมุมปากนิดๆตามนิสัย เสร็จแล้วก็หันไปจิบกาแฟชมวิวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หัวใจของผมพลันพองโตเพราะที่เห็นว่าแค่นี้ก็ถือว่ามากเกินกว่าระดับปกติของเขาแล้ว


พอจัดการกับตัวเองเสร็จเรียบร้อย คุณเมธยังเป็นธุระพาผมลงมาสมทบกับพี่กัญที่ห้องอาหารเพื่อจะได้ทานข้าวทานยาให้เรียบร้อย ส่วนคุณภากรฝากบอกว่าขอนอนต่อสักตื่นด้วยเหตุผลที่คุณเมธเอามาคุยให้ฟังลับหลังว่า...


‘กรมันกลัวนายจะหายตัวไป หรือไม่ก็จะไม่สบายตรงไหนอีก พูดง่ายๆคือคิดมากจนหลับไม่ลง เลยเอาแต่ถ่างตาเฝ้านายจนเช้านั่นล่ะ’


ก็แบบว่า... เป็นเหตุผลไม่เข้าท่าที่ทำเอาผมกินข้าวไปยิ้มไปเหมือนคนบ้าเลยทีเดียว


จากนั้นคุณเมธแยกตัวไปเคลียร์งานที่เหลืออีกนิดหน่อยและแน่นอนว่าต้องหนีบเอาพี่สาวผมไปด้วย แต่ผมก็ไม่ต้องเหงาอยู่คนเดียวเพราะมีพนักงานโรงแรมเข้ามาบอกว่ามีแขกมารอพบ ไม่ใช่ใครที่ไหน พวกพี่ๆที่ช่วยผมไว้จากไอ้ขี้เมาที่ชายหาดนั่นเอง


“พี่เพชร!”


ผมร้องทักและตรงเข้าไปกอดคนที่โบกมือเรียก เขาคือคนที่เดินมาส่งผมก่อนจะมีพี่อีกคนวิ่งตามมา คว้าผมไปกอดเลยโดนคุณกรซัดหงายหลัง ถึงจะบอกว่าเพิ่งเจอกันเมื่อคืนแต่ที่จริงผมรู้จักกับพี่ชายคนนี้มาตั้งแต่เด็ก บ้านเราอยู่ซอยเดียวกัน พี่เพชรอยู่กับแม่แค่สองคน พอแม่เสียพี่เพชรก็บอกเลิกบ้านเช่าแล้วหายหน้าหายตาไป หลังจากนั้นไม่นานบ้านผมเองก็เกิดเรื่องทำให้พวกเราขาดการติดต่อกันไปโดยปริยาย ไม่อยากเชื่อว่าจะได้มาเจอกันไกลถึงที่นี่ ไม่ใช่สิ! เรื่องน่าประหลาดใจมากกว่าคือผู้ชายอีกคนที่นั่งดื่มกาแฟอยู่เงียบๆ มีเพียงรอยยิ้มนิดๆแทนคำทักทายนั่นต่างหาก


 “สวัสดีครับคุณติณณ์” ผมยกมือไหว้ ไม่ลืมถามถึงคนที่ไม่ได้มาด้วย “แล้วพี่บัส...เป็นไงบ้างอ่ะครับ เรื่องเมื่อคืน ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ”


ถ้าจะพูดถึงให้ครบก็ต้องบอกว่ามีพี่บัส พี่เชน พี่แฟรงค์และคุณติณณ์ สี่คนนี้เป็นเพื่อนสนิทกัน พอดีมีช่วงวันหยุดยาว พี่แฟรงค์อยากพาลูกชายมาเที่ยวทะเลอยู่แล้ว เพื่อนทั้งกลุ่มเลยถือโอกาสชวนกันมาพักที่บ้านส่วนตัวของคุณติณณ์ซึ่งอยู่บนชายหาดเดียวกับโรงแรม ส่วนพี่เพชรนั้นมาในฐานะแฟนเจ้าของบ้าน และนี่เองคือเรื่องที่ทำเอาผมอ้าปากค้างอยู่ตั้งนานสองนาน ถึงความจริงจะเห็นอยู่กับตาและออกจะเห็นด้วยกับที่ใครๆบอกว่าพี่เพชรน่ารักกว่าผู้หญิงเสียอีก แต่คนที่รู้จักกันจริงๆจะรู้ว่าพี่ชายคนนี้แมนเต็มร้อย ไม่ได้อยากเป็นสาวทั้งประเภทหนึ่งหรือสอง แล้วก็ไม่เคยคิดพิศวาสผู้ชายด้วยกันเองมาก่อน แต่พอได้ฟังเหตุผลของพี่เพชรแล้ว...


‘พี่ยังยืนยันนะว่าพี่เหมือนเดิมทุกอย่าง ก็แค่พี่มีคนที่พี่รักแล้วบังเอิญว่าเขาเป็นผู้ชาย มันก็เท่านั้นเอง’


นึกถึงตอนนั้น จากที่อ้าปากค้าง ผมก็หุบปากลงแล้วจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตของคนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้วก็รู้สึกเหมือนเห็นตัวเองในนั้นชัดแจ๋วเลย


“พี่บัสน่ะไม่เป็นหรอก รายนั้นเมาทีไรเป็นได้เรื่องโดนชกจนด้านหมดแล้ว” กลับมาที่ตอนนี้ คุณติณณ์นิ่งฟังแฟนตัวเองแล้วก็มีรอยยิ้มสมน้ำหน้านิดๆ ส่วนคนที่ให้คำตอบดูจะเดือดร้อนไปกับเรื่องอื่นมากกว่า “กานต์นั่นแหละเป็นไงบ้าง ยังเจ็บตรงไหนอยู่มั้ย มีไข้หรือเปล่า เมื่อคืนถ้าไม่ติดว่าพี่บัสน็อกไปนะ จะไม่ยอมให้เขาเอาตัวกานต์ไปเด็ดขาด อันธพาลชัดๆ นี่ดีนะที่ยังมีคนที่พอคุยกันรู้เรื่องบ้าง คุณวรเมธนั่นก็รับรองว่าจะช่วยดูแลกานต์ให้ ไม่อย่างนั้นพี่จะพากานต์กลับไปด้วยกันแน่ๆ!”


 พี่เพชรเสียงดังจนหลายโต๊ะหันมามอง ส่วนผมเถียงไม่ออกเพราะมัวอึ้งกับคนที่โกรธก็ยังน่ารัก เอ้ย! ไม่ใช่สิ เพราะไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาแก้ข้อกล่าวหาต่างหาก เหลือก็แต่คุณติณณ์ที่มีความเป็นผู้ใหญ่และมีสติที่สุด เขาวางถ้วยกาแฟลง เอื้อมมือมาทาบลงบนหลังมือขาว บีบเบาๆแล้วพูดอย่างใจเย็น


“เท่าที่ฉันรู้จักมา คุณกรก็เป็นคนดี คนเก่ง...” น้ำเสียงนุ่มเว้นวรรคเพราะเจ้าของมือสวยยังทำท่าฮึดฮัด “ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงน้อง แต่ถึงยังไงเราก็เป็นคนนอก ปล่อยให้กานต์กับคุณกรเขาเคลียร์กันเองดีกว่า”


“แล้วถ้าคุณกรนั่นคอยแต่จะรังแกหรือเอาเปรียบกานต์ล่ะครับ?!”


น้ำเสียงพี่เพชรขุ่นข้องจนเดาได้ว่าสีหน้าคงยังเอาเรื่องเต็มที่ ส่วนผมได้แต่ก้มหน้าเลยได้แอบเห็นมือใหญ่ช้อนมือขาวยกขึ้นไว้ในฝ่ามือตัวเองแล้วไล้หัวแม่โป้งกับผิวเนียนโดยเฉพาะตรงแหวนทองคำขาววงบางๆที่โคนนิ้วนาง


“แต่ฉันเชื่อว่าไม่มีผู้ชายคนไหนจะทำแบบนั้นกับคนที่เขารักหรอก... ไม่เชื่อลองถามกานต์ดูสิ?”


ผมสะดุ้งเมื่อถูกโยนเรื่องมาให้ พอกลั้นใจเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าทั้งคู่กำลังคอยคำตอบอยู่ ต่างกันเพียงพี่เพชรคงอยากให้ผมปฏิเสธ ในขณะที่คุณติณณ์เหมือนจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว พอผมพยักหน้าเบาๆ พี่เพชรเลยออกอาการหงุดหงิดเพราะไม่ชอบใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ส่วนคุณติณณ์ยิ้มนิดๆแบบที่ชวนให้นึกถึงคุณเมธ จากนั้นเขาก็ขอตัวไปสั่งอาหารเช้าเพื่อเอากลับไปฝากเพื่อนที่ยังนอนเมาค้างอยู่ที่บ้านพัก เปิดโอกาสให้เราได้คุยกันแบบพี่ๆน้องๆ


“พี่เพชร...” ผมตัดสินใจเป็นฝ่ายเริ่ม ไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่เพราะไม่อยากเห็นความกังวลในดวงตาของพี่ชายคนนี้ “ผมไม่เป็นไรจริงๆ เมื่อคืนคุณกรไม่ได้ทำอะไรผมเลย แล้วที่จริง... เขาก็ดีกับผมมาก ผมโอเคจริงๆนะครับ”


“กานต์...รู้ใช่มั้ยว่ามันไม่ง่ายเลย” พี่เพชรมองตาแล้วถามตรงๆหลังจากถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “พี่ไม่รู้จะบอกว่าดีใจหรือเสียใจกับเราดี แต่ก็เอาเถอะ ในชีวิตจริง ไม่ว่าคู่ไหน ครอบครัวไหนก็ต้องมีปัญหาหรือเจออุปสรรคกันทั้งนั้น สิ่งที่เราเป็นอาจดูแปลกในสายตาคนอื่นแต่จำไว้ว่าเราไม่ใช่ตัวประหลาด ถ้ากานต์แน่ใจว่านั่นคือความรักก็ต้องนับถือตัวเองและเชื่อมั่นในคนที่กานต์รักให้มากๆนะรู้มั้ย”


ผมยิ้มรับแบบที่เราพี่น้องเคยยิ้มให้กัน ภายนอกพี่เพชรอาจดูเป็นคนนิ่งเฉย แต่ถ้ารู้จักแล้วจะรู้ว่าเขาเป็นคนน่ารักทั้งหน้าตาและนิสัย ยิ่งเวลายิ้มด้วยนะ ผมเห็นยังเคลิ้มเลย หรือจะเป็นเพราะรอยยิ้มนี้ที่ทำให้...


“แล้วเรื่องคุณติณณ์ พี่เพชรยังไม่ยอมเล่าให้ผมฟังเลย ตกลงเป็นไงมาไงกันอ่ะครับ?”


เมื่อคืนเพื่อนคุณติณณ์อยู่กันหลายคน พวกเราเลยได้แต่คุยสารทุกข์สุขดิบกันแบบผิวเผิน ตอนนี้เลยได้โอกาสสัมภาษณ์แบบเจาะลึกแต่แทนที่ได้ฟังเรื่องที่ชวนจั๊กจี้หัวใจ กลับเหมือนมีกระแสไฟอ่อนๆช็อตให้เส้นขนลุกซู่เมื่อโดนคนยิ้มสวยถามแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ผมหันหน้าหนีไปมองแขกชาวต่างชาติที่กำลังทานมื้อเช้ากันทั้งครอบครัว เด็กฝรั่งโต๊ะนั้นแก้มแดงเปล่งยังกับมะเขือเทศแน่ะ แหะ แหะ อาการแบบนี้คงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าผมโดนพี่เพชรย้อนเรื่องอะไร


ผมแอบหันกลับมาก็ต้องหลบสายตาลงต่ำอีก ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆยิ่งร้อนไปถึงหู ถึงคุณกรจะไม่เคยปิดบังเรื่องของผมกับเขา และผมเองก็กล้ายอมรับว่ามีเขาอยู่เต็มหัวใจ แต่จะให้พูดออกมามันก็ยัง... เขินเกินจะบรรยายอยู่ดี!


“เอาล่ะๆ พี่ไม่อยากรู้แล้วก็ได้” พี่เพชรบอกแล้วขยี้หัวผมเล่น ผมถึงได้กล้าเงยขึ้นมามองใบหน้าขาวๆ รอจนเขายอมเอ่ยปาก “ส่วนเรื่องของพี่...ก็ไม่รู้สินะ หลังจากเสร็จเรื่องแม่ พี่ก็เคว้งๆ จับอะไรไม่ค่อยถูก พี่บอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงแต่รู้ตัวอีกทีก็มีคุณติณณ์คอยอยู่ข้างๆ เขาทำให้ชีวิตพี่เข้าที่เข้าทาง แล้วท่าทางจะไม่ยอมหายไปไหนด้วย พี่ก็เลยต้องยอมเลยตามเลย เพราะมันก็ดีเหมือนกันนะที่จะมีใครคอยอยู่เคียงข้างเราสักคน กานต์คงเข้าใจใช่มั้ย?”


ผมตามออกมาส่งและยืนมองทั้งคู่เดินจากไปจนลับสายตา ภาพของผู้ชายสองคนเดินเคียงกันไป อาจไม่ได้หวานแบบคู่รักที่ต้องจับมือจูง พูดคุยหยอกล้อ หรือชี้ชวนกันชมวิวสวยๆ แต่เมื่อใดที่ใครคนหนึ่งเสียหลักเพราะพื้นทรายที่ทำให้เดินลำบากก็จะมีอีกคนคอยช่วยประคองได้ทันทีราวกับเขาทั้งสองเฝ้ามองทุกย่างก้าวของกันและกันอยู่เสมอ... คงไม่ใช่ความรักในมโนภาพของใครหลายคน แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกว่าแสงแดดอ่อนๆของเช้าวันนี้ช่างอบอุ่นเหลือเกิน







จบตอนแล้วคร้าบ



อาจมีบางคนขัดใจที่กานต์ยอมดีด้วยง่ายไปมั้ย ก็เลยต้องรีบบอกว่าเราไม่ใช่สายดรามาค่ะ คืออ่านได้แต่ก็จะรู้สึกอึดอัด มาเขียนเองก็เลยดรามามากๆไม่ไหว อยากให้ดีกันเร็วๆ เคลียร์กันให้จบๆมากกว่า จะมาโกรธมาเคืองทำไมให้เสียเวลาที่จะมีความสุขร่วมกันจริงมั้ยคะ



ส่วนพี่เพชรกับคุณติณณ์นี่จริงๆเป็นวายเรื่องแรกที่เขียน แต่ดันมาปิ๊งพล๊อตของกานต์จนเขียนกานต์จบก่อนค่ะ
เลยรับเชิญมาแว้บๆ เผื่อจะเกิดไฟกลับไปเขียนต่อจนจบ 

พี่เพชรเป็นคนน่ารักม๊าก หวงกานต์ เหม็นขี้หน้าน้องเขยสุดๆ ตามไปดูความป่วงของนางได้ในตอนพิเศษนะคะ
งานขายต้องมา 555




 :bye2:



ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
อยากได้ตอนยาวๆ

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
ก็ไม่ขัดใจนะที่ดีกกันเร็ว คือแบบ..แตาละคนก็มีเหตุผลที่รองรับการกระทำแถมยังเปิดอกคุยกันเรื่องมันเลยจบลงด้วยดี ดีกว่าโกรธกันงอนกัน นี่ละมั้งที่เขาเรียกว่ารักด้วยความเข้าใจ  ทะเลาะกันบ้าง แต่ถ้าคุยกันให้เร็วเรื่องมันก็ไม่บานปลาย

อิอิ น่ารักอ่ะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
คุณกร น่าจะโดนน้องงอนมากกว่านี้นะ ถึงจะดีที่เข้าใจกันได้เร็ว แต่คุณกรน่าจะได้รับบทเรียนมากกว่านี้

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3013
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
เราก็ไม่ชอบดราม่า แต่อยากให้คุณกรปรับปรุงตัวหน่อยก็ดี

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด