[เรื่องสั้น] Escape Hours ในด้านมืด NC18+ (END)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] Escape Hours ในด้านมืด NC18+ (END)  (อ่าน 34052 ครั้ง)

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


ตัวแม่* Talks:
ไม่เคยอัพเรื่องลงที่นี่มาก่อนเลย เรื่องนี้เรื่องแรก ติชมกันได้นะคะ ยินดีรับทุกความคิดเห็นเลย รู้สึกยังไงกับเรื่องรบกวนบอกจะเป็นกำลังใจให้คนเขียนมากเลยนะ :)

ตัวแม่* (เอฟ)
20.03.2015


ขอบคุณภาพสวยๆ ช่วยส่งอารมณ์เรื่องจาก
http://s1.favim.com/orig/150204/day-lonely-rain-romantic-Favim.com-2444661.gif
http://thealternative.in/wp-content/uploads/2013/07/kid-playing-in-the-rain.jpg
http://images2.fanpop.com/image/photos/8500000/rain-rain-8578021-516-303.jpg
http://g02.a.alicdn.com/kf/HTB1gFskHVXXXXcoXXXXq6xXFXXXd/Life-isn-t-about-waiting-for-the-storm-to-pass-dance-in-the-rain-wall-art.jpg
http://cdn.playbuzz.com/cdn/8babe837-1767-4edd-88f5-7ab3b5f9ee6e/95a3691a-2f9a-4545-b864-bc38af007472.jpg

ค่ะ ขอบคุณค่าาาา
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-03-2016 21:52:10 โดย ตัวแม่ »

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่
Re: [เรื่องสั้น] Escape Hours ในด้านมืด
«ตอบ #1 เมื่อ20-03-2016 17:40:01 »

Escape Hours
ในด้านมืด


   
สี่ทุ่มสิบห้านาที ไฟห้องนอนดับลง

ผมพลิกตัวไปมาบนเตียงอย่างไม่สบอารมณ์ ท่ามกลางความมืดที่ปกคลุมห้องนอนอยู่ สายตาผมหรี่เพ่งไปที่หน้าจอโทรศัพท์ที่เพิ่งสว่างโร่ขึ้น นิ้วกดเลื่อนกระดานข่าวของเฟซบุ๊กดูเรื่อยเปื่อย ผมรู้นะว่าทำแบบนี้มันอาจทำให้สายตาเสีย แต่มันทนไม่ได้จริงๆ มันเป็นเรื่องปกติของชายหนุ่มนักศึกษาอย่างผมที่จะเสพติดการนอนดึก ซึ่งเวลาแค่สี่ทุ่มแบบนี้แม่งไม่ใช่เวลานอนของผมเลย แต่ผมกลับต้องรีบเข้านอนเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นไปรับแฟนที่สนามบินตอนเจ็ดโมงเช้า

ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ของมหา’ลัย ปกติแล้วนักศึกษาที่ไม่ได้ลงเรียนภาคฤดูร้อนก็จะได้หยุดประมาณสองเดือน ผมคิดไม่ออกว่าจะเอาเวลาสองเดือนนั้นไปลงกับอะไรเลยตัดสินใจลงเรียนภาคฤดูร้อนแก้ว่าง แต่แฟนของผมไม่ได้เรียนด้วย ตลอดช่วงปิดเทอมเธอจึงไปเที่ยวกับครอบครัวที่ต่างประเทศ และพรุ่งนี้จะบินกลับมาเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเปิดเรียนในภาคการศึกษาใหม่ที่ใกล้เข้ามาทุกที

พอคิดได้ว่าพรุ่งนี้ฤดูร้อนของผมต้องจบลงแล้วรู้สึกห่อเหี่ยวใจชะมัด

ขณะที่ผมปัดจอโทรศัพท์ขึ้นลงอย่างใจลอย กล่องข้อความหนึ่งเด้งขึ้นมา
   
   หยก: ที่รัก

พูดถึงก็ทักแชทมาพอดี

   หยก: จะนอนละน้า
   หยก: ฝันดีนะคะที่รัก
   หยก: พรุ่งนี้เช้าเจอกันนะ
   หยก: Love you

“รู้แล้วน่ะ” ผมบ่นด้วยอารมณ์ขุ่น แต่พิมพ์ตอบออกไปว่า

   ผม: ฝันดีครับ

ผมปิดกล่องข้อความแล้วเลื่อนกระดานข่าวดูเรื่อยเปื่อย เห็นโพสต์ของแฟนที่เพิ่งแชทคุยกันว่าจะไปนอนเมื่อกี้ เป็นรูปของหยกกอดกับชายแก่หัวล้านเลี่ยน เหมือนเธอจะลงรูปขอบคุณที่ได้ของขวัญฟุ่มเฟือยอะไรสักอย่างจากผู้เป็นพ่อ ผมหรี่ตามองภาพนั้นนิ่งๆ ด้วยความรู้สึกขุ่นในใจแล้วเขี่ยผ่านมันไป เจอกับโพสต์อันกราดเกรี้ยวต่อความอดสูในชีวิตของเพื่อน รูปบอกฝันดีของเน็ตไอดอล ข้อความแชร์ลูกโซ่ที่ว่ากันว่าแชร์แล้วจะโชคดีของญาติผู้ใหญ่ เลื่อนไปมาจนสุดท้ายก็ทนความไร้สาระของมันไม่ไหวจึงคิดจะข่มตานอนดีกว่า

ผมกดปุ่มดับหน้าจอ ปล่อยให้ความมืดเข้ามาทำความคุ้นเคยกับดวงตาเวลาผ่านไปไม่ถึงนาที เสียงข้อความกับหน้าจอสว่างโร่ก็ปลุกผมอีกครั้ง

ผมเอื้อมหยิบโทรศัพท์กะจะปิดเครื่อง แต่ข้อความที่เด้งขึ้นมาชะงักมือผมไว้ก่อน

   Tan: ดีครับ
   Tan: ชื่อไรอะ

มีคนทักเข้ามาจากแอพพลิเคชั่นนั้น

ผมกดเข้าไปในกล่องข้อความของแอพพลิเคชั่นสีส้ม มันเป็นแอพพลิเคชั่นที่ใช้ในการหาคู่เฉพาะกลุ่มเพศชายพูดง่ายๆ คือแอพที่หมู่เกย์ใช้เพื่อหาคู่นอนกัน...เป็นส่วนมาก

ผมยังไม่ตอบ แต่เลือกกดดูข้อมูลส่วนตัวของเขาแทน
   
   แทน: 20 ปี
   เชียงใหม่, ประเทศไทย
   ส่วนสูง 178 เซนติเมตร น้ำหนัก 68 กิโลกรัม
   มองหา: เพื่อน, ความสัมพันธ์แบบชั่วคราว, Top (รุก)
   ข้อความ: Let’s have fun : )

   บุคคลนี้ห่างจากคุณแค่: 1.2 กิโลเมตร


เขาลงรูปในแอพพลิเคชั่นไว้สามรูป รูปแรกเป็นรูปของเด็กหนุ่มหน้าคมแบบชายไทยแท้ ผิวเข้ม ไม่ค่อยหล่อเท่าไหร่ แต่ใบหน้าเขามีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ส่วนรูปที่สองกับรูปที่สามเป็นรูปเด็กหนุ่มคนเดิมแต่ถอดเสื้อ เขามีหุ่นแบบนักกีฬา แผงอกกว้าง รูปร่างผอมลีนแข็งแกร่ง

ลอนกล้ามบนหน้าท้องนั้นทำผมใจหวิวๆ ชอบกล

ผมกัดฟันอย่างพยายามขัดใจตัวเอง ได้ยินเสียงเทวดาในหัวผมบอกว่า

‘จะดีเร้อ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้านะ’
   

   My Dark Side: เชน
   
แต่ผมก็พิมพ์ตอบไปในที่สุด

เราคุยกันหลังจากนั้นสักพัก ถามข้อมูลส่วนตัวแบบไม่ลงรายละเอียดเท่าไหร่ แลกเปลี่ยนที่อยู่กันแล้วพบว่าเขาอยู่ใกล้ผมจนน่าตกใจ แทนอายุน้อยกว่าผมหนึ่งปี เรียนมหา’ลัยเดียวกันแต่อยู่คนละคณะ เขาพักอยู่หอที่ห่างจากคอนโดผมไปไม่ไกล

ก่อนที่เราจะนัดเจอกัน เขาขอให้ผมส่งรูปตัวเองให้เขาดู เพราะรูปที่ขึ้นในแอพฯ ของผมเป็นรูปนายแบบที่เซฟมาจากอินเตอร์เน็ต


   Tan: แลกรูปกันได้ปะ
   My Dark Side: นายส่งมาก่อนดิ
   Tan: รูปผมในแอพไง
   My Dark Side: ถ่ายมาตอนนี้ได้ป่ะ เราจะแน่ใจได้ไงว่าเป็นนายจริง
   Tan ส่งรูปภาพ

แทนส่งรูปผู้ชายในชุดเสื้อยืดนักฟุตบอลสีเหลืองและกางเกงกีฬาสีขาว มือหนึ่งถลกเสื้อขึ้นมาเห็นแผงอกกว้างกับหัวนมสีเข้ม

ใช่เขาจริงๆ


   Tan: ตานายละ
   My Dark Side ส่งรูปภาพ
   Tan: หุ่นนายดีเหมือนกันนะ แต่ขอที่เห็นหน้าเต็มๆ ได้มั้ยครับ
   My Dark Side: ผมไม่ชอบส่งรูปหน้าให้ใคร โทษทีนะ


เขาเงียบไปสักพักเหมือนชั่งใจ ผมกดส่งไปอีกรูป


   My Dark Side ส่งรูปภาพ
   Tan: ใหญ่จัง
   My Dark Side: พอทดแทนกันได้ป่ะ
   Tan: อื้มมมมมมม
   Tan: ให้ผมไปหาที่คอนโดมั้ย


...ปลางับเหยื่อแล้ว


   My Dark Side: เราชอบออกไปข้างนอกมากกว่า
   Tan: อ้อ
   My Dark Side: เรามีที่ประจำนะ
   My Dark Side: รู้จักปั๊ม Power Oil ในมอใช่ป่ะ
   Tan: ปั๊มที่ติดประตูสี่อ่ะนะ
   Tan: อืม
   Tan: นายจะออกไปเลยมั้ยครับ

เราตกลงกันได้ ผมจะออกไปเจอเขาในอีกยี่สิบนาที โดยที่ผมไม่มีวันรู้เลยว่าหลังจากยี่สิบนาทีนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของคืนที่ผมไม่มีวันลืม

ผมกดดับไฟหน้าจอโทรศัพท์ ก้าวขาลงจากเตียง คลำหาสวิตซ์และกดเปิดเพื่อแต่งตัวเตรียมออกจากห้อง

สี่ทุ่มห้าสิบแปดนาที ไฟห้องนอนสว่างขึ้นอีกครั้ง



ข้างนอกอากาศร้อนอบอ้าว...มันช่างเป็นคืนที่ร้อนอบอ้าว...

ผมนั่งบนฝาชักโครกที่ปิดอยู่ ในห้องส้วมห้องสุดท้ายของสุขาประจำปั๊มน้ำมันที่นัดกับแทนไว้ เหงื่อเริ่มซึมขึ้นบนหน้าผากเพราะความร้อนของอากาศ...และความกำหนัด

ปากผมคาบบุหรี่มวนหนึ่ง ควันสีขาวลอยขึ้นสู่ช่องระบายอากาศด้านบน จมูกได้กลิ่นของเสียโชยมาอ่อนๆ ผสมกับกลิ่นลูกเหม็น ขาของผมสั่นยิก รองเท้าผ้าใบย่ำลงบนพื้นชื้นแฉะที่ดูเหมือนไม่ค่อยได้รับการทำความสะอาดบ่อยเท่าไหร่นัก เพราะมันเต็มไปด้วยรอยดินรูปรองเท้าและเขม่าบุหรี่ ผมย่ำจนสะเก็ดโคลนกระเด็นขึ้นมาเปรอะกางเกงราคาแพง นี่ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงให้ความสำคัญกับเสื้อผ้าและตีโพยตีพายเรื่องความสกปรกของมันมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ใจผมว้าวุ่นจนลืมสนใจเรื่องพรรค์นั้นไปเลย

ผมเปิดแอพพลิเคชั่นสีส้มในโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง เรานัดกันล่าสุดเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว เขาอยู่ห่างที่นี่ไม่ไกลมาก ตอนนี้น่าจะถึงได้แล้ว

ผมพิมพ์เร่งลงไปอย่างร้อนใจ

   'อยู่ไหนแล้วอ่ะ'

แอพฯ ขึ้นว่าเขาอ่านข้อความแล้วแต่ไม่ตอบ

ผมกำลังจะพิมพ์ไปอีกรอบ แต่เสียงเคาะประตูดังขึ้นซะก่อน

ผมลุกขึ้นแล้วเปิดประตูออก ผู้ชายร่างสูงผิวเข้มคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู

"แทนใช่ปะ" ผมถาม

"อื้ม" เขาตอบด้วยเสียงทุ้มหนา "เชนป่ะ"

"ใช่"

เรามองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร เสียงจิ้งหรีดดังขึ้นรอบตัว แถวนี้เงียบมากจนได้ยินเสียงสัตว์กลางคืนพวกนี้ชัดเจน แน่ล่ะที่มันเงียบ เพราะปั๊มปิดตั้งแต่เวลาสามทุ่มเช่นเดียวกับประตูทางออกหมายเลขสี่ของมหา’ลัยที่อยู่ติดกัน คนที่มาปั๊มน้ำมันของมหา'ลัยเวลานี้ถ้าไม่บังเอิญขับหลงเข้ามาเจอประตูที่กลายเป็นทางตัน และดันปวดขี้กะทันหันจนต้องเข้าห้องน้ำในปั๊ม ก็คงเป็นพวกที่นัดกันมาทำอย่างอื่น

อย่างผมกับเขา

ผมค่อยๆ สำรวจเขา แทนอยู่ในชุดเสื้อยืดนักบอลตัวโพรกสีเหลือง กับกางเกงขาสั้นเหนือเข่าสีขาว...ชุดเดียวกับในรูปที่เคยส่งมาให้ผมดู กลิ่นเหงื่อจากตัวเขาบ่งบอกว่าเขาเพิ่งเสร็จจากการออกกำลังกายมาหมาดๆ แทนมีหุ่นก้านยาวแบบนักกีฬา ภายใต้เสื้อยืดนั้นคงเป็นกล้ามหน้าอกที่แน่นจนเสื้อคับไปหมด เขามัดผมยาวระดับต้นคอเป็นจุกหลวมๆ ไว้ที่ท้ายทอย หน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร เขาดูดีอย่างเหนือความคาดหมายของผมด้วยซ้ำ ใบหน้าแบบไทยแท้ จมูกโด่งเข้ากับคิ้วเข้ม ตาคมโตและผิวสีคล้ำของเขา เอาจริงๆ เขาสามารถเป็นนายแบบได้สบายๆ เลยถ้าตัดผมออกสักหน่อย

"นายดูดีกว่าในรูปนะ" ผมชมอย่างจริงใจ

"ขอบใจ" เขาตอบ และไล่สายตามองผมบ้าง ผมยักคิ้วอย่างมั่นใจแล้วปล่อยให้สายตาของเขาสำรวจ แน่นอนว่าผมต้องมั่นใจ ผมตัดผมรองทรงสูง ผิวขาวจัดเพราะมีเชื้อสายจีน จมูกโด่ง ตาเล็ก คิ้วหนาเข้ม และมีลักยิ้มที่ข้างแก้ม ผมเข้ายิมทุกอาทิตย์เพื่อรักษาหุ่นให้ดูดีเสมอ แม้กล้ามจะไม่ใหญ่เท่านักกีฬาแบบแทนแต่มันก็ดูดีถึงขนาดที่มีคนติดต่อให้ผมรับงานถ่ายแบบและเดินแบบอยู่บ่อยๆ ซึ่งผมก็รับงานพวกนั้นเป็นอาชีพเสริมระหว่างเรียนด้วย

“เชนก็ดูดีกว่าที่เราคิด” แทนบอก ผมยิ้มมุมปาก

"แล้วนี่นายมานานยัง" เขาถาม

"สิบนาทีได้"

"หน้านายคุ้นๆ จัง เหมือนเราเคยเห็นนายที่ไหนมาก่อน"

"อาจเคยเห็นเราผ่านๆ" ผมตอบ คิดว่าเขาคงเห็นผมตามนิตยสาร ไม่ก็โฆษณาบนโซเชียลฯ แทนขมวดคิ้วอย่างพยายามนึก ผมก้าวเข้าไปหาเขาช้าๆ

“เราว่า...ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมายืนคิดว่านายรู้จักเราไหมหรอกนะ" ผมไล้จมูกไปตามซอกคอเขา

"จริงด้วย"

เขายิ้ม แล้วกัดกกหูผมเบาๆ ขนผมลุกไปทั้งตัว ผมสบตาเขา จมูกเราเบียดกัน จากนั้นริมฝีปากเราก็ประกบเข้าหากันอย่างเร่าร้อน...และรุนแรง นาทีนั้นเราต่างรู้ว่าเราโหยหากันและกันมากแค่ไหน

ผมดึงแทนเข้ามาในห้องส้วม มือของเราทั้งคู่ต่างขวักไขว่ ผมลูบไปตามแผงอกล่ำ สัมผัสกับกล้ามหน้าท้องแข็งเกร็งแล้วถอดเสื้อยืดของเขาออกจากตัวโดยใช้แรงแทบจะเรียกได้ว่าถลก แทนเริ่มปลดกระดุมของผมบ้าง เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เคยเรียบและดูดีตอนนี้ยับยู่ยี่และถูกเขวี้ยงทิ้งไปอย่างลวกๆ บนฝาชักโครก เราไม่ถอนริมฝีปากออกจากกันขณะที่กำลังถอดเสื้อผ้าเลย ผมบดขยี้ริมฝีปากล่างของเขา เสียงหายใจของเราประสานกันถี่

“โอ๊ย!”

แทนร้องเสียงดังเมื่อผมเผลอกัดริมฝีปากเขาโดยไม่รู้ตัว เขาก้าวถอยหลังออกไปทันทีด้วยความตกใจ ยกนิ้วขึ้นมาแตะปากเพื่อเช็คว่ามีเลือดออกหรือเปล่า

ทันใดนั้นเขาก็มองผม...ด้วยสายตาที่ผมตีความไม่ออกว่ารู้สึกยังไง

ผมกำลังจะอ้าปากขอโทษ แต่แทนก็พุ่งตัวใส่ผมเสียก่อน เราประกบปากกันแรงกว่าเดิม มือของเขาขยี้หัวผมจนเส้นผมยุ่งเหยิง และในจังหวะนั้นที่ผมไม่ได้คาดคิด แทนกัดริมฝีปากของผมกลับจนผมได้กลิ่นคาวเลือดจางๆ คละคลุ้งในช่องปากของเรา

วินาทีนั้นผมรู้ว่าผมเจอคนที่เข้ากับผมได้แล้ว

“อื้อ...” ผมร้องออกมาอย่างเจ็บปวด...และพึงพอใจ สัมผัสได้ถึงรสชาติปะแล่มๆ ที่ปลายลิ้น แทนลงมือกับท่อนล่างของผมต่อ มือทั้งสองของเขาสั่นรนอย่างร้อนใจ เราถอดเสื้อผ้าของกันและกัน สลับกับผลักฝ่ายตรงข้ามชิดผนังอีกด้านโดยไม่สนว่ามันจะสกปรกแค่ไหน

ผมออกจะชอบความสกปรกด้วยซ้ำในเวลาแบบนี้

“เชน...สักเหรอ?”

แทนถอนจูบออก และเริ่มไล่ริมฝีปากไปที่แผงอกของผม จังหวะนั้นเองที่เขาสังเกตเห็นรอยสักบนอกด้านซ้ายผม

“อื้อ...” ผมครางตอบรับเบาๆ

“เหมือนรูป...น้ำวนป่ะ?” เขาถามขณะจับจ้องไปที่รายละเอียดของรอยสักสีดำที่ตัดกับผิวขาวอย่างเด่นชัด

“...อย่าสนใจเลย” ผมดึงหน้าของเขามาจูบอย่างพยายามเบนความสนใจ แทนยอมทำตามอย่างว่าง่าย เขาจุมพิตประทับและไล่ต่ำลงไปเรื่อยๆ จนถึงจุดสำคัญ ผมกดหัวเขาขึ้นลงอย่างพยายามควบคุมจังหวะ เราผลัดเปลี่ยนกันทำให้อีกฝ่ายพอใจ จังหวะที่ผมเป็นฝ่ายลงต่ำบ้าง แทนใช้มือข้างหนึ่งจับหัวผม กับอีกมือเหมือนควานหาบางอย่างในกระเป๋ากางเกงที่ถอดทิ้งไว้ตรงฝาชักโครก

“ถ่ายคลิปได้ป่ะ” แทนถามผมด้วยเสียงกระเส่า เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง

“อ่า... (อย่า)” ผมกระซิบบอกอย่างไม่ถนัดปากเพราะกำลังปฏิบัติการอยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

“นะ...นิดเดียวเอง” แทนพยายามกล่อม ผมเหลือบมองด้วยหางตาเห็นเขากำลังยกกล้องขึ้นมาถ่ายอย่างช้าๆ ผมหยุดการกระทำตรงหน้าแล้วลุกขึ้นยืนทันที

“บอกว่าอย่าไง” ผมบอกเสียงแข็งอย่างชัดเจน แทนดูนิ่งไปด้วยความตกใจ ผมรู้ตัวว่ากำลังจะทำเสียบรรยากาศเลยเปลี่ยนมาใช้น้ำเสียงออดอ้อนกับเขาแทน

“เราว่า...ภาพแบบนี้มันไม่จำเป็นต้องใช้กล้องเก็บไว้หรอก” ผมกระซิบแล้วจ้องเข้าไปในตาเขา มือก็จับมือถือเขาให้ลดลงได้อย่างแนบเนียน “แทนจะจำได้ว่าเราสัมผัสแทนแบบนี้”

ผมไล่จุมพิตไปตามไหปลาร้าของเขา เลื่อนขึ้นไปที่ลำคอ และสิ้นสุดที่ริมฝีปาก ผมแลบลิ้นแตะที่ริมฝีปากล่างเบาๆ แทนเงยหน้าเข้าหาผมด้วยความเสียวซ่าน

“หรือที่เราจูบแทนแบบนี้” ริมฝีปากของเราแนบเข้าหากันอย่างแนบชิด...เนิ่นนาน...พอแน่ใจว่าแทนรู้สึกคล้อยตามไปกับการกระทำของผม ผมก็ค่อยๆ ถอนจูบออก แล้วยึดมือถือของเขามาไว้ในกำมือตัวเองได้สำเร็จ

“นายคงไม่ลืมมันง่ายๆ หรอกใช่ไหม”

 “อื้อ...” เขามองผมกลับด้วยสายตาพริ้ม อารมณ์ของเรากลับมาเข้าที่เหมือนเดิมแล้ว

"มีถุงป่ะ" แทนถาม ผมยิ้มมุมปาก วางมือถือของเขาลง แล้วควักถุงยางออกจากกระเป๋ากางเกงที่พาดกับโถส้วม ใช้ฟันกัดห่อจนขาด แทนหันหลังให้ผมขณะที่ผมจัดแจงองศาที่ทำให้เราเข้ากันได้ ไฟสีขาวส่องกระทบกับผิวขาวและมัดกล้ามของผมตัดกับผิวสีเข้มของเขาชัดเจน นาทีนั้นเองที่ผมสังเกตเห็นว่าร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขามีรอยแผลเป็นอยู่แทบทุกแห่ง มันเหมือนรอยบากของมีด...หรือแส้...ที่ตกสะเก็ดและกลายเป็นรอยแผลเป็นสีขาว

แต่ตอนนั้นความกำหนัดของผมมันพุ่งพล่านจนไม่มีอารมณ์มาสนใจรอยแผลพวกนี้ พอได้มุมที่เหมาะสม ผมก็ค่อยๆ ดันมันเข้าไปจนได้ที่

“เจ็บป่ะ”

“ไม่...เราชอบ...” แทนบอก “ขอแรงอีก...เร็วอีก...”

ผมเริ่มเดินเครื่องเต็มกำลัง เขาส่งเสียงครางออกมาท่ามกลางเสียงเนื้อของเรากระทบกันอย่างเป็นจังหวะจะโคน ผมจับสะโพกของแทนไว้แน่น มือของเขาข้างหนึ่งดันกำแพงไว้ ในขณะอีกข้างบีบข้อมือของผมอย่างแรง

“อ้ะ...อ้า!...เชน...เชน!...ด่า...ด่าเรา...” แทนกระซิบบอกผม ผมย่นคิ้วด้วยความประหลาดใจ “พูดคำหยาบ...อะไรก็ได้...”

“ไอ้เหี้ย...” ผมสบถออกมาตามคำขอของเขา ปกติผมจะพูดอะไรแบบนี้อยู่แล้วเพื่อความตื่นเต้นของการร่วมรัก แต่ผมไม่เคยเจอคู่นอนที่เอ่ยปากขอแบบแทนมาก่อน ซึ่งผมค่อนข้างชอบนะ พวกเขาเหมือนมาโซคิสม์*  ในขณะที่ผมคือซาดิสม์**  พูดง่ายๆ ก็คือเวลาที่มีอะไรกันเราจะสบถคำรุนแรงใส่กัน ซึ่งจริงๆ เราอาจไม่ได้หมายความอย่างที่พูดเลยด้วยซ้ำ

มันเป็นแค่การแสดงบทบาททาสกับบ่าว คล้ายการปลุกอารมณ์ดิบข้างในตัวเรา

“แบบนี้ใช่ไหมที่มึงอยากได้ สัตว์...แบบ! นี้! ใช่! ไหม!” ผมตะคอกเสียงตามจังหวะการกระแทกราวกับคนบ้าอำนาจ

“เชน...!” แทนร้อง ชั่วขณะนั้นภาพหนึ่งสว่างวาบขึ้นมาในหัวผม


...ผมอยู่ในห้องนอนส่วนตัว พ่อแม่ออกไปทำธุระด้านนอก และมีแขกมาหาพวกเขา

ชายแก่หัวล้านเลี่ยนขึ้นมาบนห้องของผม เขาเป็นเพื่อนทางธุรกิจของพ่อ ผมจำหน้าเขาได้ ผมไม่มีวันลืมใบหน้าเขา และเสียงเรียกของเขา...

‘เชน...ช่วยอะไรอาหน่อยสิ’

เสียงเรียกชื่อผมเหมือนตอนนี้...คำเชิญชวนเหมือนตอนนี้...การกระทำเหมือนตอนนี้... เพียงแค่ตอนนั้นผมเล่นอีกบทบาท

‘นิดเดียว...ไม่เจ็บหรอก’ ชายคนนั้นพูด

‘ไม่เอา...พอแล้ว..’ เสียงของผมอ้อนวอน...



“ไม่เอาแล้ว...พอแล้ว...ไม่เอาแล้ว...” แทนร้องกระเส่าออกมาดังขึ้นเรื่อยๆ ด้วยน้ำเสียงขอร้องตามบทบาทที่ได้รับ เรารู้ดีว่าการทำแบบนี้หมายความว่าอยากกระตุ้นอีกฝ่ายให้รุนแรงยิ่งขึ้น เสียงของเขาดึงผมกลับมาที่ปัจจุบัน

“ไอ้เหี้ย! ไอ้สัตว์! ไอ้เหี้ย!!!!” ผมยิ่งอัดเขาแรงขึ้น หลับตาแน่นและสบถเสียงดังด้วยความที่อยากไล่ภาพนั้นออกไปจากหัวด้วยส่วนหนึ่ง ผมใช้มือจิกผมยาวระต้นคอของแทนดึงตัวของเขาขึ้นมา แผ่นหลังของเขาแนบชิดกับมัดกล้ามหน้าอกมันปลาบของผม เหงื่อที่โชกตัวเราทั้งคู่ส่งกลิ่นรัญจวน เรากอดกันเหมือนหยินกับหยาง

แทนเอี้ยวคอมาสบตาผม นัยน์ตาของเขามีน้ำตาคลอเพราะความเจ็บปวด...ผสมกับความสุข ผมยื่นหน้าไปจูบเขา ริมฝีปากบางของเขาสั่นระริกพ่นลมหายใจออกมาไม่เป็นจังหวะ

“เชน...เชนรักผมไหม” แทนพูดออกมาเสียงแผ่วตอนที่ถอนจูบออกไป น้ำในตาไหลออกมาเปื้อนแผงขนตาสีดำหนาสู่ผิวหน้าสีเข้มของเขา “บอกผมทีว่านายรักผม...”

“รัก...รักสิ...” ผมตอบออกไปโดยไม่ได้คิดอะไร สังเกตเห็นมุมปากของแทนยกขึ้นเบาๆ อย่างพอใจ

“ขอบคุณนะ” เขากระซิบ

เราแลกเปลี่ยนพลังงานของกันหลังจากนั้นผ่านหลากหลายอิริยาบถ ผมแทบกระอักความสุข เสียงครางของเราดังลั่นจนอาจกลบเสียงจิ้งหรีดเรไรแถวนี้ไปหมด เราคำรามออกมาราวกับเป็นเจ้าของพื้นที่แห่งนี้ ราวกับปลดปล่อยสัตว์ป่าในตัวให้ออกมาโลดแล่นจากถ้ำมืดสู่ทุ่งหญ้าโล่งกว้าง

จนกระทั่งผมเสร็จ แต่แทนยัง เราเลยต้องช่วยกันต่อ

"ขอข้างหลังได้ไหม" แทนขอด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ผมไม่ได้พูดปฏิเสธออกไปตรงๆ แต่ดันอกเขาไว้

"เดี๋ยวเราจัดการให้ดีกว่า" แทนดูอึ้งไปนิดหนึ่งที่โดนผมมัดมือชก แต่ทำอะไรไม่ได้

ผมคุกเข่าลงต่ำ เขาคราง ไม่นานนักทุกอย่างก็จบตรงนั้น

...ความสัมพันธ์ของเราน่าจะจบลงแบบนั้น




To be continued...


--------------------------------------------------------------
*มาโซคิสม์ (อังกฤษ: masochism) หมายถึงความสุขหรือความพึงพอใจทางเพศเมื่อได้รับความเจ็บปวดกับตัวเอง โดยมักจะเกี่ยวข้องกับจินตนาการทางเพศหรือการถูกตบตี การถูกเหยียดหยาม การถูกผูกมัด หรือถูกทรมาน เพื่อเป็นการเพิ่มหรือทดแทนความสุขทางเพศ ชื่อนี้มาจากชื่อของนักเขียนสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 ลีโอโพลด์ วอน ซาเชอร์มาโซค (Leopold von Sacher-Masoch) ที่เป็นที่รู้จักจากนิยายชื่อ "Vinus in Furs" ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในทางมาโซคิสม์
**ซาดิสม์ (อังกฤษ: sadism) คือความสุขหรือความพึงพอใจในความเจ็บปวดและความทุกข์ของผู้อื่น คำนี้มีที่มาจากชื่อของมาร์กีส์ เดอ ซาด (Marquis de Sade) นักเขียนและนักปรัชญาชาวฝรั่งเศสที่ขึ้นชื่อในการเขียนนิยายแนวนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2016 22:08:56 โดย ตัวแม่ »

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่
Re: [เรื่องสั้น] Escape Hours ในด้านมืด
«ตอบ #2 เมื่อ20-03-2016 17:49:41 »


   ความน่าอับอายของเซ็กซ์แบบชั่วคราวเกิดขึ้นหลังจากมีเซ็กซ์แล้วเสมอ ผมกับแทนก็เช่นกัน เราใส่เสื้อผ้าโดยไม่มองหน้ากันเลย ทั้งๆ ที่ตอนถอดช่วยกันถอดแท้ๆ ผมเคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้หลายครั้งจนรู้สึกชินชาไปแล้ว เข้าใจดีว่าเซ็กซ์ของเราคือเซ็กซ์ที่ไม่ใช่การแสดงความรัก มันคือเซ็กซ์ที่วัดผลสำเร็จด้วยความสุดยอดของเซ็กซ์เอง และหากมันจบก็คือจบ เราไม่ใช่เหมือนคู่รักที่มีเซ็กซ์เสร็จแล้วต้องหอมแก้มหรือแสดงความรักต่อกัน สิ่งที่เราทำได้มากที่สุดคือหยิบนู่นหยิบนี่ให้กัน และรีบไสก้นออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

   ครืน…

   จู่ๆ เสียงท้องร้องก็ดังขึ้นจากตัวแทน ผมหันหน้ามองเขาอย่างขำๆ

   "โทษที" เขากลั้วหัวเราะอย่างน่ารัก แก้มของเขาระเรื่อเหมือนคนเพิ่งออกกำลังกายเสร็จใหม่ๆ ตัดกับผิวสีแทนทำให้มันดูกลายเป็นสีส้มเข้มๆ "ไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่ตอนเย็นน่ะ"

   "อ้อ" ผมไม่รู้จะพูดอะไร

   "นายมี..." เขายื่นมือเข้ามาปัดบางอย่างบนไหล่ซ้ายผมสองสามที ใช้ปากเป่าลมไปด้วยให้แน่ใจว่าเสื้อของผมสะอาด ผมผงะไปนิดหนึ่งเพราะปกติคนที่ทำแบบนี้ให้ผมคือตัวผมเอง

   "หล่อแล้ว" เขาพูด แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม ผมจ้องเขากลับแล้วยิ้มมุมปาก เราเหมือนแลกสารบางอย่างกันผ่านการสายตาอยู่สักพัก หน้าเราใกล้กันมากจนผมเริ่มรู้ตัวว่าสถานการณ์แบบนี้มันกระอักกระอ่วนชอบกล เลยเบี่ยงความสนใจไปมองประตู

   "เอ่อ...ไปกันไหม"

   ผมไม่อยากให้อะไรๆ มันเลยเถิดไปมากกว่านี้

   ห้ามมีเยื่อใยกับฝ่ายตรงข้าม กฎของความสัมพันธ์แบบชั่วคราวว่าไว้แบบนั้น

   "อือ" เขาตอบ "แล้วเดี๋ยวนายไปไหนต่อ"

   "คงกลับไปนอน" ผมบอกตามจริง "แทนล่ะ"

   "ไปกินข้าวมั้ง" เขาบอกด้วยเสียงเรียบๆ "ไปป่ะ"

   "หือ?"

   "ไปกินข้าวกันป่ะ"

   ผมเห็นแววตาซื่อๆ ของเขาตอนที่พูดประโยคนั้นแล้วรู้สึกหวิวๆ ในช่องอกอย่างแปลกประหลาด ชวนไปกินข้าว...เหรอ?
   
   "เอ่อ..." ปกติผมไม่เคยไปกินข้าวกับใครหลังจากได้กันก็เลยไม่รู้จะตอบยังไง

   "เฮ้ย ไม่ไปก็ไม่เป็นไรนะ" เขารีบบอก "ชวนเล่นๆ เฉยๆ นายกลับไปนอนเหอะ"

   "เอ้อ...ฮะๆๆ" ผมหัวเราะแก้เก้อ "งั้น...เราไปนะ"

   "อื้อ" เขาพยักหน้า "เจอกัน...ถ้ามีโอกาส"

   "อื้อ ขอบใจนะ" ผมพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณสำหรับวันนี้ให้เขาแล้วหันหลังกลับ เราเดินออกจากกันคนละทาง จนกระทั่งเสียงบางอย่างหยุดเราไว้

   ครืน…

   คราวนี้ไม่ใช่เสียงท้องร้อง แต่เป็นเสียงฟ้าร้อง พื้นห้องน้ำที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำขังและดินโคลนสะท้อนแสงวาบจากปรากฏการณ์ฟ้าแลบด้านบนที่ตามหลังเสียงนั้นมาติดๆ และยังไม่ทันที่ผมจะก้าวออกจากพื้นที่ห้องน้ำ เสียงเปาะแปะของเม็ดฝนที่ตกกระทบหลังคาก็ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

   ผมหันกลับไปมองแทนด้วยเหตุผลที่ตัวผมเองก็ไม่เข้าใจนัก เขาเองก็หันมามองผมเช่นกัน

   "นายมายังไงเหรอ" ผมถามเขา แทนยกคิ้วทั้งสองขึ้นเหมือนแปลกใจ

   "มอเตอร์ไซค์"

   "แล้ว...เอาเสื้อกันฝน...หรือร่ม...อะไรงี้มาป่ะ"

   "ไม่อ่ะ คงต้องรออยู่ที่นี่จนฝนหยุด"

   จริงๆ ผมสามารถบอกลาเขา แล้วรีบวิ่งไปที่รถที่จอดอยู่ด้านหลังห้องน้ำและขับกลับหอพักได้เลย เพราะผมมาด้วยรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งไม่มีปัญหากับฟ้าฝนอยู่แล้ว

   แต่ไม่รู้อะไรดลใจทำให้ผมพูดประโยคที่ตัวเองฟังแล้วยังแปลกใจออกไป

   "เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อน"

. . . . .

   เพราะคิดว่าเราคงทนดมกลิ่นของเสียในนั้นเป็นเวลานานไม่ไหว และฝนมีทีท่าว่าจะไม่หยุดในชั่วโมงสองชั่วโมงนี้แน่ เราจึงออกมาหามุมที่อากาศถ่ายเทสะดวก นั่นคือทางเท้าหน้าห้องน้ำ

   กลิ่นชื้นของดินและกลิ่นต้นไม้ฟุ้งไปทั่วบริเวณ หยาดฝนบนหลังคาไหลมาจากปลายแผ่นกระเบื้องแล้วตกลงกระทบพื้นคอนกรีตอีกที สะเก็ดฝนกระเด็นมาโดนปลายเท้าเราเล็กน้อยเพราะจุดที่มันตกห่างออกไปไม่มาก

   ความเงียบโอบล้อมเรา ปกติผมคิดว่าตัวเองเป็นคนอัธยาศัยดีกว่านี้กับคนรู้จักนะ แต่นี่เหมือนไม่ใช่เวลา ‘ปกติ’ และผมก็ไม่แน่ใจว่าตอนนี้เราเป็น ‘คนรู้จัก’ กันหรือเปล่าน่ะสิ ผมเม้มปากแล้วเอามือเด็ดพงหญ้าบนทางเท้าเล่น ภาวนาให้เขาหรือตัวเองมีความกล้าเริ่มบทสนทนาสักที นั่งฟังเสียงฝนแบบนี้มันอึดอัดเกินไป

   ผมหันมองแทน ตอนนี้เขาดูเหมือนลูกไก่เปียกน้ำที่น่าสงสาร ตัวสั่นงันงกกอดตัวเองแน่นเพราะความหนาวจากลมที่พัดแรงและละอองฝนที่สาดเข้ามา แน่ล่ะ เขามีแค่เสื้อยืดผ้าบางกับกางเกงขาสั้นเหนือเข่า ส่วนผมยังโชคดีที่มีเชิ้ตและสเวตเตอร์สีน้ำตาลตัวโคร่งห่อหุ้มร่างกายอีกที

   "เชนเรียนคณะอะไรนะ" แทนเริ่มบทสนทนาในที่สุด เขาไม่ได้มองหน้าผมขณะที่ถาม แต่มองทอดไปยังสายฝนโปรยข้างหน้า แล้วค่อยๆ เบนสายตามาที่ผม

   "แอคบา***อ่ะ" ผมตอบ

   "อ้อ...ปีสามใช่ป่ะ"

   "อื้อ"

   "บริหารนี่เรียนยากป่ะ"

   "พอสมควรนะ แต่คนอื่นบอกว่าง่ายกัน"

   "เด็กมหา’ลัยก็ชอบคิดว่าคณะอื่นเรียนง่ายกว่าคณะตัวเองทั้งนั้น" แทนเหน็บอย่างมีอารมณ์ขัน

   "ฮะๆ...ก็จริง"

   “...”

   “...”

   “...”

   "แทนเรียน...เกษตรฯ ใช่ป่ะ"

   ผมจะไม่ทนอึดอัดกับความเงียบอีกแล้วจึงถามออกไป

   “วิศวะฯ” เขาแก้

   “เอ้อ...โทษทีจำผิด แล้วแทนอยู่ปีไรนะ”

   "ปีสองอ่ะ"

   "ชอบงานด้านนี้เหรอ"

   "คิดว่านะ บ้านผมทำร้านซ่อมเครื่องยนต์น่ะเลยคลุกคลีเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็ก จริงๆ ชอบไม่ชอบมันสำคัญด้วยเหรอ เรียนจบก็ต้องไปรับช่วงต่อที่บ้านอยู่ดี"

   ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เพราะตัวเองก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต่างกับเขา

   "เฮ้ย เชนอยู่ปีสามนี่" แทนเหมือนจะนึกอะไรออก

   "ใช่ ‘ไมเหรอ?"

   "ผมควรเรียกเชนว่าพี่ป่ะ"

   "เฮ้ยไม่เป็นไร เราไม่ถือ" ผมรีบปฏิเสธเพราะแทนทำท่าจะยกมือไหว้ผมอยู่กลายๆ...ไอ้บ้าเอ๊ย

   "ผมนึกว่าเชนเป็นพวกรุ่นพี่หัวรุนแรงไรงี้ซะอีก" แทนให้เหตุผล

   "ทำไมคิดงั้น"

   "ไม่รู้สิ ดูจากตอนเอากันตะกี้มั้ง"

   "ฮ่าๆๆ...ไอ้เหี้ยนี่"

   "อ้าว ด่าผมซะงั้น" เขายิ้มแหยอย่างล้อเลียน

   "ถามแบบนี้แสดงว่าเกลียดระบบรับน้องเหรอ?" ผมถามแหย่

   "ไม่เชิง แค่รู้สึกว่าบางทีมันก็ล้ำเส้นเราไป อย่างรุ่นพี่คณะผมบางคน บังคับให้เรียกพี่ ให้ไหว้ตลอดเวลา แต่พอเจอกันทำหน้ามึนตึงเหมือนอมขี้ ด่าใส่ พูดตะคอกใส่ ใครมันจะไปอยากไหว้อยากเคารพวะ"

   “เอ้อ...เคยเจอเหมือนกัน”

   “เนอะ” เขาดูตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าผมสนับสนุน “แล้วมีการมาบอกว่าที่ทำทำไปเพราะรัก...รักพ่องงงงงงงง คนรักกันที่ไหนเขาจะด่ากันฮาร์ดคอร์แบบนั้นวะ ไอ้เชี่ยพวกนี้แม่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แค่ทำตามที่เขาทำๆ กันมาเป็นประเพณี ตัวเองอยากทำหรือเปล่ายังไม่รู้เลย แย่ที่สุดคือแม่งไม่เคยถามน้องว่ารู้สึกยังไงกับสิ่งที่โดน”

   "แทนนี่ท่าทางจะเก็บกดมากนะเนี่ย" ผมแซว

   “คงงั้น” เขาหัวเราะยอมรับ เป็นเสียงหัวเราะแบบปลงๆ ในตัวเอง...ไม่ก็สังคม “แต่ก็จริงป่ะล่ะ คือผมคิดว่าถ้าจะมีใครสักคนมาด่าเรา มันควรเป็นคนที่เราเลือกให้เขาด่าป่ะวะ แล้วพวกรุ่นพี่พวกนั้นแม่งไม่สมควรเป็นตัวเลือกแน่ๆ อ่ะ”

   ผมฟังเขาพูดแล้วนึกไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องน้ำ ตอนที่แทนบอกให้ผมด่าเขา คิดสงสัยว่านั่นคือสิ่งที่แทนเลือกหรือเปล่า ผมคือคนที่เขาเลือกหรือเปล่า

   เขาเกลียดการโดนด่าจริงๆ หรือเปล่า

   ผมไม่ได้พูดข้อสงสัยในใจออกไป และเลือกที่จะถามคำถามอื่นแทน

   “ไม่ชอบแบบนี้แทนก็ไม่เข้ารับน้องคณะอ่ะดิ”

   “ฮื่อ ไม่ได้เข้าหรอก” เขาบอก

   “แล้วแทนอยู่คณะยังไงเนี่ย เราเห็นวิศวะฯ ระบบแข็งแรงมากเลยนะ ไม่โดนรุ่นพี่หรือเพื่อนแบนไรงี้เหรอ”

   “โดนดิ” เขาตอบ รอยยิ้มบางๆ ปรากฏที่มุมปาก “แต่ผมไม่แคร์หรอก ผมก็ใช้ชีวิตของผมไป เลือกคบเพื่อนเท่าที่อยากจะคบและเขาเต็มใจจะคบผม ไหว้รุ่นพี่แค่คนที่อยากไหว้ ทุกวันนี้ชีวิตก็โอเคนะ ไปเรียน เล่นกีฬา ทำสิ่งที่อยากทำ”

   “ ’ติสต์สัดอ่ะ” ผมเหน็บ “แต่ฟังแล้วเหมือนใช้ชีวิตมหา’ลัยได้ไม่ค่อยคุ้มเลยนะ”

   “ขึ้นอยู่กับว่าเชนวัดความคุ้มที่อะไร” เขาสวนกลับด้วยหน้ายิ้มๆ “มีแต่คนบอกว่ามามหา’ลัยต้องเข้ารับน้อง ต้องตั้งใจเรียน ทำกิจกรรมโน่นนี่ แต่สำหรับผม ผมว่ามหา’ลัยมันเป็นช่วงทดลองใช้ชีวิตเหมือนการทดลองงานอะไรแบบนั้น หลังจากจบไปเราอยากมีชีวิตแบบไหนก็ลองแบบนั้น”

   “พูดดี” ผมยอมศิโรราบ เริ่มสนใจในตัวเขาขึ้นทีละนิด “แทนดูเป็นคนที่ความคิดโตกว่าอายุนะ”   

   “จริงๆ ผมไม่ค่อยได้พูดแบบนี้กับใครมากนักหรอก อย่างที่บอก...เพื่อนน้อย" เขายักคิ้วประกอบ

   "เสียดายนะ แทนเป็นคนคุยสนุก"

   ผมชม แทนส่ายหัวอย่างอย่างขอไปที แต่ผมชมเขาจากใจจริง รู้สึกถูกชะตากับเขาหลังจากฟังเขาจ้อมาหลายนาที หลายครั้งในชีวิตที่ผมเจอคนที่ชอบพูดโผงผางและตรงไปตรงมาแบบเขา ซึ่งผมมักจะเกลียดคนพวกนั้นเพราะส่วนใหญ่จะเป็นคนหัวรั้น ขวางโลก และเอาความคิดตัวเองเป็นที่ตั้งด้วย

   แต่ผมไม่ยักกะเกลียดเขาแฮะ

   “อ้อ ที่แทนถามว่าเราเป็นรุ่นพี่บ้าอำนาจหรือเปล่าน่ะ...” ผมกระแอม    “จริงๆ แล้ว...เราเป็นปอปก****ของคณะ”

   “นี่เล่นมุขใช่ป่ะ” แทนแค่นหัวเราะออกมา ยกกำปั้นมาชกไหล่ผมเบาๆ เป็นเชิงหยอกล้อ

   ผมหันหน้าไปมองเขานิ่งๆ แล้วกัดปากอมยิ้ม เขาหรี่ตามองเพราะจับความกระอักกระอ่วนในแววตาผมได้ เหมือนแทนรอจังหวะให้ผมบอกว่า ‘ใช่ เราเล่นมุข’ ออกไปเขาจะได้ตอบกลับว่า ‘หลอกผมไม่ได้ร๊อก’

   แต่สิ่งที่ผมทำคือการมองเขา และส่ายหัวช้าๆ

   “ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยยย” แทนหน้าเหวอขึ้นมาทันที ผมหัวเราะพรวดออกมาตอนได้ยินเขาสบถพร้อมกับสีหน้าแบบนั้น “ไอ้เชี่ยๆๆๆๆๆๆ”

   “ฮ่าๆๆๆๆๆ!”

   “กูว่าละ! โอ๊ยแล้วตะกี้ที่ด่าไปแม่งเข้าเชนหมดอะดิ ทำไมไม่บอกแต่แรกวะ โอ๊ย...กูจะบ้า” เขายกมือขึ้นทึ้งผมยาวระต้นคอเหมือนทำความผิดใหญ่หลวงลงไปยิ่งทำผมหัวเราะหนักเข้าไปอีก 

   ผมตบบ่าเขา แทนขยี้ผมตัวเองจนรกรุงรังสักพัก ก็เริ่มกลั้วหัวเราะไปด้วยกันเพราะความอับอาย

   “แต่แบบนี้ก็ดีนะ” ผมบอก “คือเราไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ทำจะส่งผลต่อคนอื่นยังไงจริงๆ แหละว่ะ มาฟังแทนเล่าแล้วเปิดมุมมองดี”

   “ฮึ~” เขาเบะปากงอนอย่างดัดจริต ท่าทางแบบนั้นมาอยู่บนใบหน้าแบบชายไทยแท้คมเข้มของเขาแล้วดูประหลาดชอบกล

   แต่มองๆ ไปก็น่ารักดี

   หือ...ตั้งแต่เจอกันผมคิดชมเขาในใจว่าน่ารักกี่ครั้งแล้วเนี่ย

   ครืน...

   “อุ่ย” แทนอุทานแล้วหันมายิ้มแหยๆ ให้ผมเพราะเสียงร้องที่ดังมาจากท้องของเขาอีกครั้ง ทันใดนั้นผมก็นึกอะไรบางอย่างออก

   "มีขนมปังอยู่ที่รถ" ผมบอกเขา แล้วลุกยืนขึ้น ถอดสเวตเตอร์ของตัวเองออกแล้วยกคลุมหัว "รอแป๊บนะ"

   "เฮ้ย ไม่เป็น..." แทนอ้าปากห้ามด้วยความเกรงใจ แต่ผมวิ่งฝ่าฝนออกมาแล้ว สายฝนเทกระหน่ำลงบนตัวผมอย่างไม่บันยะบันยัง ผมวิ่งด้วยความเร็วที่สุดที่วิ่งได้จนถึงตัวรถ ยัดตัวเองลงไปด้านใน น้ำฝนซึมผ่านสเวตเตอร์บางๆ จนเสื้อเชิ้ตสีขาวผมชื้นและแนบไปกับตัว

   ผมเปิดลิ้นชักรถ คว้าเอาขนมปังที่ซื้อจากเซเว่นฯ มาติดรถไว้เผื่อหิวออกมา ในนั้นผมเห็นเบียร์เหลืออยู่สามสี่กระป๋อง ผมหยิบมาสอง มองหาร่มที่ติดรถไว้ และพบว่ามันอยู่ที่เบาะหลัง

   ตรงนั้นมีสเวตเตอร์สีดำกับเสื้อกันฝนอยู่ด้วย

   ผมคว้าร่มมาไว้ในมือ และนั่งชั่งใจอยู่สักพักว่าจะหยิบสเวตเตอร์หรือว่าเสื้อกันฝนกลับไปดี

   สุดท้ายผมกลับไปหาแทน พร้อมขนมปังหนึ่งห่อ เบียร์สองกระป๋อง และสเวตเตอร์สีดำหนึ่งตัว

. . . . .

   “โทษทีนะ ขนมปังกากๆ”

   “อ้าอึ๊อ่าว ลี่มันหละหวันลัดๆ! (บ้าหรือเปล่า นี่มันสวรรค์ชัดๆ!) ”

   เขาพูดขณะกำลังเคี้ยวขนมปังไส้หมูหยองตุ้ยๆ อย่างหิวโหย แก้มของเขาพองออกมาเพราะยัดเข้าไปเต็มปาก เสื้อยืดสีเหลืองถูกสวมทับด้วยสเวตเตอร์สีดำของผม

   "เอาป่ะ"

   ผมยื่นกระป๋องเบียร์สีเขียวให้เขา แทนที่เพิ่งกลืนขนมปังก้อนใหญ่ลงคอหันมามองกระป๋องเบียร์อย่างชั่งใจ

   "ปกติผมไม่กินเบียร์นะ มันทำให้พุงยื่น" เขาบอก "แต่วันนี้ยอมวันนึงก็ได้"

   เขารับเบียร์ไปจากมือผมแล้วเปิดฝา "ขอบใจนะ"

   "ชน" ผมยื่นกระป๋องเบียร์เข้าหาเขา แทนยกกระป๋องขึ้นกระทบเบาๆ เราซดเบียร์กันเงียบๆ ขณะฟังเสียงฝนโปรย

   "ตกแบบนี้ไม่มีทางหยุดง่ายๆ แน่" ผมบ่น "โทษทีนะ"

   “เยื่องไง (เรื่องไร)” เด็กหนุ่มผมยาวถามแต่กระป๋องเบียร์ยังคาปากอยู่เลย

   "ที่พามาเจออะไรแบบนี้" ผมต่อประโยค แทนใช้นิ้วโป้งปาดคราบเบียร์บนริมฝีปากหลังจากจิบเสร็จ แล้วหันมาแย้ง

   "นายไม่ได้พาผมมาเจออะไรแบบนี้...ความเสี้ยนพาผมมาต่างหาก"

   เขายิ้ม ผมเบ้ปากเป็นนัยว่าสิ่งที่เขาพูดก็ไม่ผิด

   "ผมเคยเจอฝนตกหนักกว่านี้ตอนไปเดินป่าที่ภูอิงดาว" แทนบอก ยกมือตัวเองขึ้นถูแขนเหมือนไล่ความหนาวออกไปขณะที่พูด "เชนเคยไปเที่ยวภูอิงดาวป่ะ"

   "ไม่เคยว่ะ มีอะไรดีเหรอ เราก็เห็นภูเขาเมืองไทยที่ไหนๆ ก็คล้ายกัน"

   "เอ้า ดีดิ เดินขึ้นเขาไม่กี่กิโล สุดภูจะเป็นเนินให้กางเต็นท์ ระดับความสูงพอๆ กับชั้นเมฆ ก้อนเมฆนี่เหมือนอยู่ปลายนิ้วเราเลย ยิ่งตอนหน้าหนาวนะตอนเช้าๆ จะมีหมอกหนามาก วิวบนก็สวยอย่างกับอยู่สวรรค์ มองลงจากหน้าผาจะเห็นแม่น้ำกกเลื้อยโอบลูกภูเขาอย่างกับงู มีเวลาเชนน่าจะลองไปบ้าง"

   "ขนาดนั้นเลย"

   "ช่าย เมื่อปีก่อนเราไปเดินภูอิงดาวกับเพื่อนตอนหน้าหนาว เดินไปได้ครึ่งวันฝนตกมาเฉย จนไกด์ต้องหาถ้ำแถวนั้นให้เราหลบ ผมกับเพื่อนติดอยู่ในนั้นวันหนึ่งเต็มๆ แล้วในถ้ำนะ...แม่งก็เต็มไปด้วยภาษาต่างดาวประหลาดๆ โคตรน่ากลัวเลยเว้ย ตอนนั้นนึกว่าจะติดอยู่ในนั้นอีกหลายวันซะแล้ว แต่พอเช้ามาฝนก็หยุดตกซะเฉยๆ ก็เดินขึ้นไปถึงเนินต่อได้ เราตั้งแคมป์กัน กลางคืนวันนั้นก็มีดาวตกด้วย โคตตตตตรสวย" เขาเล่าเรื่องอย่างออกรสจนผมจินตนาการภาพตาม เผลอหัวเราะในลำคอไปกับท่าทางโอเวอร์แอคติ้งของเขา

   "พูดจนอยากไปเดินเลย ไว้ถ้ามีโอกาสละกัน"

   "ไปด้วยกันป่ะ" แทนถามแล้วกระหยิ่มยิ้ม ทำเอาผมเหวอแดก "ฮ่าๆ ล้อเล่น ทำไมทำหน้าเหมือนชวนไปตายแบบนั้นวะ"

   จะหัวใจวายตายเพราะท่าทีทีเล่นทีจริงของมึงนั่นแหละ ผมโวยวายในใจ

   "เปล่า แค่สงสัยว่าปกติเป็นคนขี้อ่อยแบบนี้ตลอดเลยเหรอ" ได้ทีผมก็หยอดเขากลับ

   "เค้าเรียกว่าอัธยาศัยดีต่างหาก"

   ผมเบ้ปากแรง

   "พูดแบบนี้แสดงว่าได้ผลเหรอ" เขาทำหน้าทะเล้น

   "พูดแบบนี้คือยอมรับว่าอ่อยเหรอ"

   แทนหัวเราะแทนการตอบคำถามของผม

   "เชนมีแฟนป่ะ"

   "ยังไม่เลิกอีก" ผมดุ

   "ไม่ๆ อันนี้ถามจริงๆ ผมอยากรู้เฉยๆ" เขาอธิบายด้วยใบหน้าใสซื่อ

   "มี"

   "เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย"

   “ผู้หญิง" ผมตอบตามจริง คำตอบของผมทำเอาแทนเป็นฝ่ายตะลึงไปบ้าง

   "อ้าว เชนเป็นไบเหรอ"

   "เปล่า เป็นผู้ชายแท้" เขาทำท่าแลบลิ้นอย่างหมั่นไส้ในคำตอบกวนตีนนั้น “คิดว่าเราเป็นเกย์แบบ....เกย์จริงๆ เหรอ”

   “ก็...นิดนึง” เด็กหนุ่มตรงหน้าทำปากขมุบขมิบเหมือนโทษว่าสัญชาตญาณตัวเองผิดที่คิดว่าผมเป็นเกย์ ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว...สัญชาตญาณของเขาไม่ได้ผิดหรอก ผมเป็นเกย์...ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย แต่ผมไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องอธิบายความจริงกับเขาหรือใครหรอก...อย่างน้อยก็ในเวลานี้น่ะนะ

   ปล่อยให้เขาเข้าใจแบบนั้นแหละดีแล้ว

   "แล้วนายมีแฟนไหม" ผมถามเขากลับบ้าง

   "ไม่มีอ่ะ เคยมีตอนปีหนึ่งอยู่คนนึง แต่ก็ต้องเลิกกันเพราะเข้ากันไม่ได้" เขาตอบแกมบ่น

   “เข้ากันนี่หมายถึง...ของเขาใหญ่ไป...หรืออะไร”

   “ไอ้บ้า ทะลึ่ง” แทนแง้วใส่ผม “ไม่หรอก เขายังไม่ลืมแฟนเก่าน่ะ”

   "เขาเป็นผู้หญิง?"

   "ผู้ชาย...จริงๆ ผมก็อยากลองคบผู้หญิงดูบ้างนะ ยังไม่เคยลองเลย"

   "ไม่มีใครเอาเหรอ"

   "คงงั้น”

   “ทำไมไม่มีใครเอาวะ ลีลาออกจะเด็ด"

   "ผมคงไม่ใช่สเปคของผู้หญิงไทยหรอก เขาชอบขาวๆ สูงๆ ล่ำๆ แบบเชนกัน แปลกๆ แบบผมเขาไม่เอาหรอก” แทนวิเคราะห์เป็นตุเป็นตะ

   “อ้าว นี่ว่าเราชอบอะไรแปลกๆ เหรอ” ผมหาเรื่อง

   "ฮ่าๆ...เปล่านะ แล้วแฟนเชนสวยป่ะ" แต่เขาเปลี่ยนเรื่องเฉย

   “ก็สวยนะ” ผมตอบตามจริง แฟนของผมสวยจริงๆ มีดีกรีเป็นถึงดาวมหา’ลัยของปีที่แล้วเลยด้วย

   “สวยขนาดไหนอ่ะ สวยแบบผู้หญิงแอ๊บแบ๊วทั่วไปหรือสวยแบบดารา” เขาซักไซ้

   "อยากรู้อะไรขนาดนั้นวะ" ผมใช้มือข้างที่ไม่ได้จับกระป๋องเบียร์ไว้หยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาแล้วเปิดรูป ‘หยก’ แฟนสาวของผมให้แทนดูเพื่อตัดรำคาญ

   "เฮ้ย นี่มันดาวมหา‘ลัยปีผมป่ะ?" แทนดูตกใจมาก เขาวางกระป๋องเบียร์ไว้ข้างตัวแล้วรับโทรศัพท์ผมไป ถึงกับซูมเข้าซูมออกรูปหยกดูหลายครั้ง

   "เออ"

   "เฮ้ยยยย!"

   “เฮ้ยไรนักหนา"

   "ตกใจ นี่กูเพิ่งนอนกับผัวดาวมหา’ลัยเหรอ" เขาพูดเหมือนบอกตัวเองมากกว่าพูดกับผม ตาเบิกโพลงแสดงความตะลึงงัน ผมระเบิดหัวเราะออกมาเพราะท่าทางโก๊ะๆ ของแทน

   "เชี่ยยยย แทนนี่จี้ว่ะ"

   "ไม่ๆ จริงๆ ตอนแรกผมแค่คิดว่าเชนจะมีแฟนเป็นผู้หญิงแอ๊บแบ๊วน่าเบื่อไรแบบนี้ซะอีก แต่ตอนนี้สงสัยจริงๆ แล้วว่านายคิดไงถึงมาทำแบบนี้วะ" เขาถามด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

   "แบบไหน นัดเอากับคนอื่นอ่ะนะ?"

   "ฮื่อ"

   "ก็ไม่อะไร เราก็รักแฟนเรานะ" ผมโกหก "แต่บางทีก็แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง"

   "ด้วยการเอากับผู้ชาย?"

   "ด้วยการเอากับผู้ชาย"

   ผมตอบคำถามด้วยคำถามของเขา

   "แฟนรู้ป่ะถามจริง"

   "จะรู้ได้ไงล่ะ ถ้ารู้ก็คงเลิกกันไปแล้ว"

   "เพราะงี้ถึงตั้งชื่อแอคเค้านท์ว่า My dark side ป่ะ"

   "ก็ใช่นะ" ผมรับคำ แทนมีท่าทีทึ่งน้อยลง เขาพยักหน้ารัวๆ เหมือนพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผมเพิ่งบอกไป สายตาไม่ได้จับจ้องที่หน้าผมอีกแล้ว แต่มองทอดไปยังสายฝนที่โปรยลงมาราวกับใช้ความคิด 

   "เชนนี่เด็ดกว่าที่เราคิด" เขาพึมพำ

   “ทำไมอ่ะ มันแปลกมากเลยเหรอ แฟนสวยแล้วจะมานัดเอากับคนอื่นไม่ได้เหรอวะ ผิดตรงไหนคนเสี้ยนเจอคนเสี้ยน เอาเสร็จน้ำแตก หายเสี้ยน จบ”

   “ไม่ๆๆ อย่าเข้าใจผิดดิ ผมไม่ได้กำลังตัดสินเชนนะ” เขารีบยกมือขึ้นห้ามเพราะเห็นอารมณ์ผมเริ่มขุ่นๆ “ผมเข้าใจดีว่าการทำแบบนี้กับชีวิตส่วนตัวมันคนละเรื่องกัน ผมแค่...รู้สึกแปลกใจเฉยๆ แต่เรื่องนั้นช่างเหอะ เอาเป็นว่า....ผมขอโทษที่เอาสองเรื่องนี้มาปนกัน” เขาอธิบายอย่างจริงจังทำให้ใจผมเย็นลง

   "แล้วนายอ่ะ ทำไมถึงมาทำแบบนี้" ผมถามกลับบ้าง

   "อยากทำ" เขาตอบอย่างตรงไปตรงมา

   "เราสงสัยอย่าง คือเราเข้าใจนะว่าปกติเราจะโพสต์หรือโชว์ข้อมูลอะไรก็ได้บนเน็ต มันเป็นพื้นที่อิสระที่จะปลดปล่อยอีกด้านของเราอ่ะ แต่เราเห็นเวลาเล่นแอพฯ นายก็เอารูปตัวเองขึ้น เวลาได้กับใครนายก็ชอบถ่ายรูป ถ่ายคลิป ถ่ายเห็นหน้า ถามจริงไม่กลัวบ้างเหรอ"

   "กลัวไมอะ" เขาหัวเราะ “เชนหมายถึงแบบกลัวคนรู้จักมาเห็น หรือกลัวรูปคลิปเราหลุดไปทั่วอินเตอร์เน็ตไรแบบนี้เหรอ”

   “ประมาณนั้น”

   “ไม่อ้ะ” เขายักไหล่ “ผมอาจจะคิดคนละแบบกับเชนนะ แต่สำหรับผมเรื่องพวกนี้มันไม่ใช่ปัญหา ผมไม่ได้กลัวใครมาเห็น หรือตัดสินผมว่าเป็นคนทุเรศจากภาพที่เห็นหรอก ผมไม่แคร์ความคิดของคนพวกนั้นด้วยซ้ำ ผมทำแล้วมันตื่นเต้นดีผมก็ทำอ่ะ”

   “ทั้งๆ ที่เขาจะพูดถึงนายในแง่ร้ายเนี่ยนะ”

   “เอาจริงมันก็แค่เปลือกป่ะ ทุกวันนี้คนเราก็ตัดสินค่าของคนอื่นจากภาพดีๆ ที่สร้างขึ้นมาทั้งนั้น ทั้งๆ ที่รู้ว่าภาพนั้นมันเชื่อไม่ได้ แต่ก็เชื่อ เขาไม่คิดต่อหรอกว่ามันจะมีด้านเน่าเฟะซ่อนอยู่ข้างในตัวเราหรือเปล่า หรือการที่เราเป็นคนแบบนี้เราผ่านอะไรมาบ้าง”

   “...”

   “ทุกคนมีด้านมืดและด้านสว่างในตัวกันทั้งนั้น ผมก็แค่แสดงด้านมืดให้คนอื่นเห็น ก็แค่นั้น ใครจะคิดไงก็ช่างแม่ง”
   
   "นายพูดเหมือนคนไม่มีอะไรจะเสียแล้วเลย" ผมแหย่ออกไปอย่างติดตลก

   "..."

   "..."

   "...ผมอาจจะไม่มีอะไรจะเสียแล้วจริงๆ ก็ได้"

   แทนยิ้ม แต่แววตาของเขาไม่ได้ยิ้มไปด้วย มันแสดงออกถึงความล้า ในขณะเดียวกันก็ดูแกร่งและกร้านโลก ชั่วขณะนั้นผมรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ ที่ปากหมาไม่ดูกาลเทศะ

   “อ้าวเงียบ” แทนแหวหลังจากเห็นผมไม่พูดอะไรสักพัก “คิดอะไรอยู่”

   “เปล่าหรอก...ชนป่ะ” ผมหันเหความสนใจเขาด้วยเบียร์ สำรวจเขาเงียบๆ ขณะที่ยกเบียร์ขึ้นจิบ ในใจเริ่มคิดว่าการที่เขาเป็นคนตรงไปตรงมาและมองโลกได้สุดตีนแบบนี้ ชีวิตเขาจะผ่านอะไรมาบ้างนะ

   สิ่งที่เขาเจอจะคล้ายสิ่งที่ผมเจอหรือเปล่า





To be continued...

--------------------------------------------------------------------------
***คณะบริหารธุรกิจ
****ประธานปกครอง ผู้ทำหน้าที่เป็นแกนนำสำคัญในการรับน้อง และดูแลเรื่องระเบียบวินัยของรุ่นน้องปีหนึ่ง

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่
Re: [เรื่องสั้น] Escape Hours ในด้านมืด
«ตอบ #3 เมื่อ20-03-2016 17:56:51 »




   เราจิบเบียร์คุยกันหลังจากนั้นไปเรื่อยๆ ยิ่งแอลกอฮอล์ถูกเพิ่มระดับเข้าไปในกระแสเลือดเท่าไรบทสนทนาของเราก็ยิ่งออกรสมากขึ้นเท่านั้น แทนเป็นคนคุยสนุก สิ่งที่เขาพูดออกมาเหมือนไม่ได้ผ่านตัวกรองทางคำพูดใดๆ เขาวิพากษ์เรื่องต่างๆ ตามที่ใจคิด ที่สำคัญคือมันน่าฟัง ผมชอบเพราะมันเปิดมุมมองใหม่ๆ ที่ผมไม่เคยคิดถึงมาก่อน ก่อนหน้านี้ผมไม่กล้ามองในมุมของแทนด้วยซ้ำ เราแลกเปลี่ยนทัศนคติกันหลายเรื่อง ตั้งแต่เรื่องความแปลกประหลาดของเซ็กซ์ที่แต่ละคนเคยเจอ (ไม่น่าเชื่อว่าแทนจะเคยมีเซ็กซ์ที่เป็น S&M  เต็มรูปแบบเหมือนในหนังเรื่อง Fifty Shades of Grey ด้วย...ซึ่งเขาบอกว่าเป็นเซ็กซ์ที่เยี่ยมที่สุดที่เคยมี) ไปจนถึงเรื่องภูมิหลังของกันและกัน

   และในบทสนทนานั้นเอง ผมพบว่าเราเหมือนกันมากกว่าที่คิด

   “แทนเป็นคนเชียงใหม่แท้ๆ ป่ะ” ผมถาม สองมือบี้กระป๋องเบียร์ที่กินเสร็จแล้วของตัวเองเล่น ลมหายใจของผมและเขามีกลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ ออกมา แต่เราไม่ได้เมาหรอกนะ แค่กรึ่มๆ

   “ไม่อ่ะ ผมเป็นคนเลย”

   “มาเรียนไกลๆ ตัวคนเดียวแบบนี้ไม่คิดถึงพ่อแม่บ้างเหรอ”

   “พ่อแม่ผมตายหมดแล้ว” คำตอบของเขาทำเอาผมชะงักไปเล็กน้อย “ผมอยู่กับป้าแล้วก็ผัวป้าน่ะ”

   “เอ้อ...ไม่คิดถึงพวกเขาเหรอ”

   “ไม่หรอก ผมเกลียดพวกเขาจะตาย” แทนพูดประโยคนั้นด้วยโทนเสียงราบเรียบเหมือนกับกำลังพูดว่า ‘น่ารักจะตาย’ หรือ ‘ผมอยากกลับบ้านจะตาย’ อะไรทำนองนั้น “จริงๆ พวกเขาไม่อยากให้ผมมาเรียนไกลถึงเชียงใหม่ด้วยซ้ำ ขัดขวางทุกวิถีทางเลยนะ ตีผมบ้าง กักบริเวณผมไม่ให้ออกไปติวหนังสือบ้าง เผาหนังสือเรียนบ้าง บอกว่าเรียนไปก็เปลืองเปล่าๆ เอาไปใช้ประโยชน์ไรก็ไม่ได้ สู้อยู่บ้านช่วยงานที่ร้านดีกว่า แต่ผมก็ดื้อมาจนได้น่ะนะ”

   “แล้วที่บ้านแทนว่าไงอ่ะ”

    “ไม่ยังไงหรอก พอรู้ว่าห้ามไม่ได้ก็เลยไม่ส่งเสียผมซะเลย ทุกวันนี้ผมก็เลยต้องหางานพิเศษส่งตัวเองเรียน ตลกดีเหมือนกันเมื่อไม่กี่วันก่อนป้าโทรหาผมหลังจากไม่ได้โทรมานาน บอกว่าให้ตั้งใจเรียนให้จบจะได้มาทำกิจการต่อ กลับกันกับก่อนหน้านั้นชิบเป๋ง คุยไปคุยมาปรากฏว่าผัวป้าทิ้งไปแล้วและไม่มีใครทำร้านต่อ ป้าแกก็ไม่มีความรู้ด้านนี้ เวรกรรมจริงๆ”

   “แล้วแทนจะกลับไปป่ะ”

   “คงไปล่ะ ยังไงเขาก็เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้ขอผมใช้ชีวิตตัวเองให้เต็มที่ก่อน ถึงจะแค่ชั่วคราวก็เหอะ”

   ผมไม่กล้าซักไซ้เขาต่อเพราะกลัวจะล้ำเส้นเกินไป เลยได้แค่พูดแสดงความเสียใจกับเขา

   "ฟังเรื่องผมมามาก แล้วชีวิตเชนล่ะเป็นไง"

   "อืม...” ผมเพ่งคิด “เล่าอะไรดีล่ะ เราเล่าเรื่องไม่ค่อยเก่งด้วยดิ”

   “เรื่องอะไรก็ได้นอกจากเรื่องมีแฟนเป็นดาวมหา’ลัย กับเรื่องมานัดเอากับผู้ชายเวลาแฟนไม่อยู่”

   “ฮ่าๆๆ ไอ้เชี่ยนี่” ผมทำท่าจะเบิ้ดกะโหลกแทนสักหน แต่เขาหลบทัน หันมายิ้มเยาะอีกต่างหาก

   “อ่ะ เอาจริงๆ ละ เรื่องทั่วๆ ไปก็ได้ นายเป็นคนที่ไหน ที่บ้านเป็นไง เล่าเหมือนที่ผมเล่าให้เชนฟังอ่ะ” แทนพยายามชักจูง

   “เราเป็นคนกรุงเทพฯ ตั้งแต่เกิด” ผมเริ่ม “อยู่กับพ่อกับแม่เลี้ยง เป็นลูกชายคนเดียว จริงๆ เคยมีพี่ชายอยู่คนนึง แต่เขาหนีออกจากบ้านไปตั้งแต่อายุสิบแปด คงเพราะทนที่บ้านไม่ไหวน่ะ”

   “ที่บ้านเชนแย่ขนาดนั้นเลย?”

   “อืม...หาคำจำกัดความที่ใกล้ที่สุดคง...ค่อนข้างน่าเบื่อล่ะมั้ง"

   "ทำไมล่ะ"

   "ไม่รู้ดิ จริงๆ ชีวิตเรากับนายจะว่าเหมือนก็เหมือน จะว่าต่างกันก็ต่าง"

   “ยังไง"  แทนขมวดคิ้ว

   "มีคนคอยขีดกรอบให้ชีวิตตลอด แต่ของเราจะต่างออกไปหน่อย พูดตรงๆ...ครอบครัวเรารวยมาก แต่ก็แย่มากเหมือนกัน มีคนคอยป้อนโน่นป้อนนี่ให้เราเสมอ ทำสิ่งที่คนอื่นบอกว่าดี เรียนในสิ่งที่ที่บ้านอยากให้เรียน ต้องใส่เสื้อผ้าดีๆ กินอาหารที่มีประโยชน์ มีมารยาทสังคม อะไรแบบนี้น่ะ"

   "ฟังดูน่าอิจฉาดีออก" เขาแหว

   "ไม่หรอก" ผมพูดจริง ระบายยิ้มเยาะบนมุมปากบางๆ "ไม่น่าอิจฉาหรอก"

   "ชีวิตที่มีแต่คนประเคนสิ่งต่างๆ ให้แบบนายมันไม่ดีตรงไหน"

   "แล้วชีวิตที่มีแต่คนประเคนสิ่งต่างๆ ให้มันดีตรงไหน"

   "เอ้า ดีดิ มีแต่อะไรดีๆ ชีวิตก็ต้องดี"

   "ขึ้นอยู่กับว่าเราเห็นมันเป็นสิ่งดีหรือเปล่าเหอะ เคยมีใครถามเราไหมว่าเราอยากได้หรือเปล่า อยากทำหรือเปล่า พวกเขาแค่โบ้ยมาให้เรา เพื่อทำให้เรากลายเป็นคนประเภทเดียวกับเขา"

   "..."

   "ชีวิตเราเหมือนไม่ใช่ของเราว่ะ เวลาเราจะทำอะไรแม่งมีคนบงการตลอด จนบางทีเราก็อยากแหกกฎบ้าง อย่างตอนเด็กๆ เราเคยแอบไปเล่นน้ำฝน ครอบครัวจับได้ก็ตีเราแทบตาย แล้วก็ไม่บอกว่าเราผิดอะไรด้วยนะ แค่บอกว่าผิด” ผมมองทอดไปยังสายฝนที่โปรยปรายลงมาแล้วนึกถึงความทรงจำวัยเด็ก “หลังจากนั้นเราก็ไม่มีโอกาสได้เล่นน้ำฝนอีกเลย”

   “...”

   “หรือรอยสักตรงอกซ้ายนี่ก็ไปแอบทำมาตอนเข้ามหา’ลัย” ผมถลกเสื้อให้แทนเห็นอีกครั้ง “แทนอาจจะคิดว่ารอยสักเล็กๆ แม่งใครๆ ก็ทำกัน แต่ไม่ใช่กับบ้านเรา ถ้าครอบครัวเรารู้นะเรื่องใหญ่แน่”

   “ขนาดนั้นเลยเรอะ กับอีแค่รอยสักรูปน้ำวนเนี่ยนะ”

   “หลุมดำ” ผมแก้

   “...?”

   “รอยสักรูปหลุมดำ”

     “ทำไมถึงหลุมดำ” เขากระซิบถาม

   “แทนเคยรู้สึกป่ะว่าความรักมากมายที่เราได้รับมันปลอม แล้วเราจะรู้สึกโหวงๆ อยู่ในอกตลอดเวลา"

   "ไม่อ่ะ...ชีวิตเราไม่ค่อยได้รับความรักอะไรมากหรอก" เขาพูดติดตลก

   "เราเป็นตลอดเวลา"

   ผมบอกเขา แทนค่อยๆ คลายยิ้มแล้วมองหน้าผมนิ่งๆ เหมือนกำลังคิดอะไรในใจอยู่

   "ผมอาจจะไม่รู้สึกเหมือนเชนนะ..."

   "..."

   "แต่ผมเข้าใจ"

   “...อื้อ”

   "บางทีผมก็สงสัยนะว่าชีวิตที่ขาดทุกอย่างแบบผมกับชีวิตที่ได้ทุกอย่างแบบแทน แบบไหนมันดีกว่ากัน"

    "เออ..."

    "..."

    "คงไม่ดีทั้งคู่มั้ง" ผมเปรยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แล้วเราก็หัวเราะให้กัน มันเป็นเสียงหัวเราะที่ดันออกมาจากจมูก กึ่งประชดประชัน กึ่งสมเพชในโชคชะตา เราพยักหน้าให้กันอย่างเข้าใจ

   “เล่นน้ำฝนป่ะ” จู่ๆ แทนก็ออกไอเดียประหลาด

   “หะ...หา?”

   “เชนบอกว่าไม่ได้เล่นน้ำฝนมาตั้งแต่เด็กนี่ เล่นน้ำฝนกันป่ะ”

   “อันนี้พูดจริงหรือพูดเล่น”

   แทนไม่ตอบผม แต่เริ่มถอดเสื้อสเวตเตอร์ที่ผมให้ออกจากตัว ตามด้วยเสื้อกีฬาสีเหลืองหลวมโพรกของเขา ล้วงมือถือและของมีค่าทั้งหมดออกมาวางบนฟุตบาท ในที่สุดแทนก็เหลือแค่กางเกงสีขาวบางตัวเดียว ยื่นมือมาเพื่อขอมือผม ยักคิ้วข้างหนึ่ง

   ผมชะโงกหน้าดูสายฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย แค่ละอองฝนที่สาดเข้ามายังทำให้รู้สึกหนาว ไม่อยากจะคิดถึงความรู้สึกที่เม็ดฝนเม็ดโตๆ กระทบลงบนผิวเปลือยเปล่าเลย

   “หนาวแน่เลยว่ะ” ผมบอกแทนแล้วยิ้มเจื่อนให้ “แต่ช่างแม่งละ ป้ะ ลุย!”

   ผมถอดเสื้อชั้นนอก เสื้อเชิ้ตสีขาวบาง และถลกขากางเกงขึ้น วางของมีค่าทั้งหมดไว้ในพงหญ้าและจับมือเขา เรากระโดดโลดเต้นกันท่ามกลางสายฝนพรำ เราจินตนาการว่ามีดนตรีดังขึ้นในหัว และเต้นรำอย่างบ้าๆ บอๆ ไปกับดนตรีนั้น สัมผัสของน้ำฝนเย็นกว่าที่คิดไว้ แต่ผมรู้สึกอบอุ่นข้างในอย่างน่าประหลาด   

   “นี่มันแหกกฎสุดๆ เลย!!!” ผมตะโกนบอกเขาแข่งกับเสียงฟ้าร้องทั้งๆ ที่เราอยู่ใกล้กันแค่เอื้อม แทนจับมือผมไว้แล้วเหวี่ยงตัวเป็นวงกลม เราแหกปากระบายความสะใจอย่างสนุกสนาน และหัวเราะกับการกระทำอันบ้าคลั่งอย่างสังเวชตัวเอง

   เหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

   พิเศษกว่านั้นคือมันเป็นวัยเด็กที่ผมไม่มีโอกาสได้ทำอะไรแบบนี้เลย

   ไม่รู้ว่าเราใช้เวลากับฝนอยู่นานเท่าไหร่ ผมลืมเวลา ลืมว่าตัวเองกับแทนอาจเป็นหวัดในวันรุ่งขึ้น ลืมไปหมดว่าที่จริงเราเป็นแค่คนแปลกหน้าสองคนที่มานัดเจอกัน

   ลืมไปแม้กระทั่งว่ามีโลกอีกด้านหนึ่งของตัวเองอยู่

. . . . .

   เม็ดฝนเริ่มบางตาลง และหยุดในที่สุด

   เราใส่เสื้อผ้าทั้งๆ ที่ตัวเปียก ผมยกสเวตเตอร์สีดำของตัวเองให้แทน แม้ว่าเขายืนยันจะคืนให้แค่ไหนก็ตาม แต่ผมทนเห็นเขาขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับที่พักด้วยตัวเปียกในอากาศแบบนี้ไม่ได้หรอก

   และแล้วเราก็มาถึงช่วงที่ต้องโบกมือลากัน

   “เอ่อ...” ผมมองหน้าเขาที่ยืนประจันหน้าอยู่ ทั้งๆ ที่เคยผ่านสถานการณ์แบบนี้มาแล้ว แต่ทำไมครั้งนี้มันพูดยากกว่าทุกครั้งก็ไม่รู้

   “บะ...บายนะ” ผมพูดออกไปในที่สุดอย่างรู้สึกโหวงๆ ที่ใจ

   “บาย” แทนพยักหน้าให้ผม ยื่นมือมาตบไหล่ผมอย่างปลอบประโลม "...ทุกอย่างแม่งจะดีขึ้นเว้ย"

   "ที่พูดนี่เชื่อในคำพูดนี้จริงๆ หรือเปล่า" ผมหยอก

   "ไม่ว่ะ"

   "ฮ่าๆ"

   ทันใดนั้นเอง แทนก็โผเข้ามากอดผมโดยที่ไม่ได้ตั้งตัว ครู่หนึ่งที่ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ยกมือขึ้นกอดเขาในท้ายที่สุด

   "จริงๆ เราไม่ควรมาคุยกันเลยว่าป่ะ" เขาบอก

   "ใช่"

   "แล้วทำไมถึงมากอดกันแบบนี้ล่ะ"

   "นั่นน่ะสิ งงตัวเองเหมือนกัน"

   "แต่ผมดีใจที่ได้เจอเชนนะ"

   "เราก็เหมือนกัน"

    เรากอดกันแน่นขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะอากาศเย็นๆ หลังฝนตก กลิ่นดิน หรือบทสนทนาตลอดทั้งคืนของเราทำให้ผมไม่อยากปล่อยมือจากอ้อมกอดนี้ไปไหนเลย ผมกับแทนผลัดกันตบไหล่กันไปมาอยู่หลายนาทีกว่าจะปล่อยมือออกจากกันได้ เรายิ้มบางๆ ให้กันแยกย้ายกันไปคนละทาง

   ภาพสุดท้ายในวันนั้นที่ผมเห็นเขา คือแทนควบรถมอเตอร์ไซค์และขี่ออกไปเงียบๆ ไฟสีแดงท้ายรถของเขาส่องสว่าง และหายเข้าในความมืดในท้ายที่สุด

   เขาทิ้งความรู้สึกบางอย่างไว้ในใจผม ในขณะเดียวกันก็ปลดปล่อยความรู้สึกบางอย่างออกไป

   ผมอาจจะเป็นคนโกหกเก่งในด้านชีวิตประจำวันทั่วไป

   แต่ตอนนั้นที่ผมพูดว่ารู้สึกดีน่ะ...ผมพูดจริงนะ




To be continued...

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่
Re: [เรื่องสั้น] Escape Hours ในด้านมืด
«ตอบ #4 เมื่อ20-03-2016 18:06:43 »



   ไอหนาวพวยพุ่งออกจากปากผม แสงอาทิตย์สีอ่อนของยามเช้าส่องลอดชั้นเมฆลงมาบางเบา ผมกระชับเสื้อสเวตเตอร์สีน้ำตาลตัวเก่งหุ้มร่างกายให้มิดชิด สองมือถูกันเพื่อกำจัดความซีดจากอุณหภูมิที่เย็นจัด หูแว่วเสียงเจี๊ยวจ๊าวของนักท่องเที่ยวรอบกาย

   พฤศจิกายน สามเดือนหลังจากที่ผมเจอแทน ในที่สุดผมก็มีโอกาสได้มาเที่ยวภูอิงดาว ในช่วงหน้าหนาวที่หมอกลงจัด และไอสีขาวละลอยเหนือแม่น้ำยามพระอาทิตย์ขึ้น

   ‘เดินขึ้นเขาไม่กี่กิโล สุดภูจะเป็นเนินให้กางเต็นท์ ระดับความสูงพอๆ กับชั้นเมฆ ก้อนเมฆนี่เหมือนอยู่ปลายนิ้วเราเลย ยิ่งตอนหน้าหนาวนะตอนเช้าๆ จะมีหมอกหนามาก วิวบนก็สวยอย่างกับอยู่สวรรค์ มองลงจากหน้าผาจะเห็นแม่น้ำกกเลื้อยโอบลูกภูเขาอย่างกับงู มีเวลาเชนน่าจะลองไปบ้าง’

   มันสวยไม่ผิดไปจากที่เขาบอกเลย   

   ผมนั่งอยู่บนเนิน มองไปยังหยกแฟนสาวที่ถ่ายรูปเซลฟี่ตัวเองอยู่ไกลๆ แล้วรู้สึกคิดถึงแทนขึ้นมา ผมตัดสินใจเก็บภาพพระอาทิตย์ฉายแสงทอดผ่านเมฆหมอกเพื่อส่งให้เขา

   ทว่าตอนผมกดเข้าสู่แอพพลิเคชั่น บัญชีผู้ใช้ของเขาก็หายไปแล้ว

   แทนหายไปแล้ว โดยไม่มีวันรับรู้ว่าผมอยากส่งรูปนั้นให้เขาดูเหลือเกิน

.  .  .  .  .

   แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

   หกเดือนหลังจากที่เรานัดเจอกัน ผมเจอแทนอีกครั้งใต้อาคารเรียนรวม

   ผมกำลังเดินลงบันไดหลังจากเลิกคลาส มีหยกและเพื่อนผู้หญิงสองคนเดินขนาบข้างมาด้วย พวกเขากำลังถกเถียงถึงร้านอาหารสำหรับข้าวเที่ยงที่ผมไม่ค่อยได้ใส่ใจมากนัก พอผมลงมาถึงตีนบันใด ตอนนั้นเองที่ผมสังเกตเห็นเขาเดินมากับเพื่อนสองคน

   แทนใส่เสื้อสเวตเตอร์สีดำตัวที่ผมเคยให้ และเขาเหมือนจะสังเกตเห็นผมเหมือนกัน เขามองหน้าผมนิ่งๆ ในขณะที่เพื่อนของเขาที่ดูเหมือนจะเป็นนักกีฬาทีมเดียวกันกำลังคุยกันเรื่องอื่น เราไม่ละสายตาจากกันเลยแม้ว่าจะห่างกันราวร้อยเมตร ผมมองเขาอย่างพยายามไม่ให้มีพิรุธเพราะใจกลัวคนรอบข้างจับได้ว่าผมกับเขารู้จักกัน

   ในนาทีที่กลุ่มของพวกเราเดินสวนกัน ผมเห็นแทนยิ้มมุมปากและพยักหน้าเบาๆ ให้ผม ในขณะที่ผมไม่รู้ว่าจะแสดงออกแบบไหน

   สุดท้าย เราก็ได้แต่เดินผ่านกันไป

   จากโอกาสหนึ่งในร้อยที่จะได้เจอเขาอีกครั้ง ผมทำได้แค่เดินผ่านเขาไปเฉยๆ

   ผมกัดริมฝีปากแล้วมองข้ามไหล่ตัวเองโดยไม่ให้คนข้างๆ รู้ตัว เห็นแผ่นหลังกว้างของแทนเลี้ยวเข้ามุมตึกที่ไกลออกไปอย่างเงียบๆ ผมจิปากความเสียดาย แต่คิดไปคิดมาแล้วก็นั่นล่ะ ผมก็ไม่ได้คาดหวังให้ตัวเองหรือเขาทำอะไรมากกว่านี้อยู่แล้ว ผมเข้าใจจุดที่ผมยืนอยู่ แม้ไม่ได้พอใจกับมันก็ตาม

   อันที่จริง แค่ผมได้เจอเขา ก็นับเป็นสิ่งที่วิเศษสุดๆ แล้ว

   ทำไมน่ะเหรอ

   “เชน ตกลงคิดได้หรือยังว่าอยากกินไร” หยกถามแกมบ่นหลังจากที่เถียงกับเพื่อนเรื่องร้านอาหารกันไม่จบไม่สิ้นสักที

   “อืม...” ผมพยายามนึก แต่มีของกินแค่อย่างเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวตอนนี้

   “เราไม่ค่อยหิวน่ะ ว่าจะซื้อขนมปังเซเว่นฯ กิน”

   “ขนมปังเซเว่นเนี่ยนะ” หยกกลอกตาอย่างขอไปที “รู้ตัวไหมเนี่ยว่ากำลังพูดอะไรอยู่ เอางี้ เดี๋ยวเรากับเพื่อนคิดร้านกันแล้วเราก็ไปกันตามนั้น...”

   หยกพ่นคำตำหนิผมออกมาหลังจากนั้นก่อนจะหันไปเถียงกับเพื่อนต่อ ผมไม่ได้ตั้งใจฟังเสียงก่นของแฟนสาวมากนักเพราะในหัวกำลังมีภาพเด็กหนุ่มผมยาวในชุดกีฬาเคี้ยวขนมปังไส้หมูยองตุ้ยๆ เต็มปากซ้อนทับขึ้นมาอยู่

   แล้วผมก็อมยิ้มด้วยความรู้สึกโชคดีท่วมท้นในใจ

   เพราะการที่หาคนที่เข้าใจและยอมรับในตัวผมได้แบบเขา มันช่างยากเหลือเกิน

.   .   .   .   .

   ‘หนังยางจะหลุดแล้ว’

   ผมบอก หลังจากที่เราเล่นน้ำฝนและหัวเราะกันจนเหนื่อย แทนจับๆ หนังยางที่รวบผมยาวประบ่าของเขาที่ท้ายทอยและดึงมันออกมา เขาสะบัดหัว เส้นผมจับตัวกันเป็นกลีบเกาะบนใบหน้าเขา ผมยกสองมือขึ้นลูบเส้นผมที่บังหน้าบังตาเขาออก แทนยิ้มกว้างและจ้องตาผมกลับ

   ‘อะ...อะไร’ ผมถามเขาแบบเขินๆ แปลกจริง อยู่ๆ ก็รู้สึกเขินขึ้นมา

   ‘มันเหมือนในหนังเรื่อง The Notebook เลย’

   ‘อะไรเหมือนใน The Notebook’

   ‘ตัวเอกเปียกฝนแล้วจับหน้ากันแบบนี้’ เขาบอกแล้วยกมือขึ้นประกบมือผมอีกที

   ‘รู้ไหมในหนังน่ะ...เขาจูบกันด้วยนะ’

   ‘เหรอ’ ผมจ้องแทนกลับหลังจากเสยผมเขาไปไว้ด้านหลังหมดแล้ว แทนยักคิ้วอย่างทีเล่นทีจริง ผมกลืนน้ำลายหนึ่งอึก รู้สึกว่าหน้าเขาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

   จนกระทั่งสัมผัสของลมหายใจอุ่นมาจ่อที่ปลายจมูกผม

   เรายิ้ม และจุมพิตกัน เราปิดส่วนโค้งของรูปปากกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ แทบไม่ปล่อยให้แต่ละฝ่ายหายใจ ยิ่งเราจุมพิตกันแบบนั้นยิ่งทำให้รู้สึกต้องการอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก ราวกับเขามาเติมเต็มส่วนที่ขาดของผม ราวกับเรามาเติมเต็มส่วนที่ขาดของกัน

   ท่ามกลางสายฝนที่เย็นจัด ภายในตัวผมกลับรู้สึกอุ่นอย่างน่าประหลาด

   แทนจูงมือผมเข้าสู่ด้านในห้องน้ำห้องเดิม เราถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกช้าๆ ทุกอย่างตอนนี้เป็นไปอย่างช้าๆ มันไม่มีอารมณ์พลุ่งพล่านหรือความกำหนัดมาเร่งเร้าเราอีกต่อไป มีแค่ความอ่อนโยนต่อการปฏิบัติ เรารู้สึกมีความสุขที่ค่อยๆ ละเลียดกัน สังเกตรายละเอียดบนร่างกายของกัน แทนยกมือขึ้นมาสัมผัสรอยสักบนอกซ้ายผม ผมไล้สายตามองรอยแผลเป็นบนร่างกายเขา
 
   เซ็กซ์ครั้งนี้มันต่างออกไป เราสลับบทบาทกันทำให้อีกฝ่ายพอใจอย่างที่ผมไม่เคยทำกับใครมาก่อน และมันพิเศษกว่าครั้งไหนเพราะในความพอใจนั้น มันมีความเข้าใจของกันอยู่

   ‘เรารักแทน’

   ผมเอี้ยวคอไปกระซิบบอกเขาอย่างหมายความแบบนั้น แทนกอดผมจากด้านหลัง แม้ผมไม่เห็นหน้าเขาชัดเจนแต่ผมรู้สึกดีว่าเขากำลังยิ้ม ผมหลับตาลงอย่างรู้สึกกระอักความสุข วินาทีนั้นเองที่รับรู้ความรู้สึกของการร่วมรักที่เป็นการ ‘ร่วมรัก’ ที่แท้จริง ในวินาทีที่เขากระซิบข้างหูผมตอบ

   ‘ผมก็รักเชน’

   เขาทำให้ผมรู้สึกว่ารอยสักรูปหลุมดำบนอกซ้ายไม่มีอยู่อีกต่อไป


- ในด้านมืด จบ -


Talks:
- เราเป็นน้องใหม่มากสำหรับที่นี่ ยังไงช่วยแสดงความคิดเห็นเพื่อเอาไปปรับปรุงงานจะเป็นพระคุณมากเลยค่าาาา <3
- เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์จริงของคนใกล้ตัวหลายๆ คน
- ซึ่งพยายามคลุมโทนเรื่องให้จริงมากที่สุด จุดประสงค์ของตรงนี้คือพยายามให้คน rethink เกี่ยวกับความสัมพันธ์แบบชั่วคราว โดยไม่มีจุดประสงค์จะตีตราหรือกล่าวหาใดๆ กับผู้มีรสนิยมชื่นชอบความสัมพันธ์แบบชั่วคราวแบบนี้ว่าต้องเป็นแบบเชนหรือแทนใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ
- ส่วนตัวแล้วคิดว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติ แต่หากมีก็ควรป้องกันหน่อยก็ดีน้า เพราะว่าการทำแบบนี้มีโอกาสเสี่ยงที่จะได้ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์พอสมควร อย่างที่เชนแทนกัดปากกันในตอนแรกแล้วเลือดออกนั่นก็มีโอกาสนะคะ อย่าทำตาม (Fun Sex ก็ต้อง Save Sex ด้วยเนอะ)
- จริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องนึงของโปรเจ็กต์ #ใจจะวาย ที่คิดไว้ว่าจะรวมเรื่องสั้นวายในมุมที่ไม่ค่อยมีใครเขียนถึงเท่าไหร่ (มั้ง 55555) ของเราเอง เดี๋ยวเรื่องอื่นๆ จะทยอยอัพตามมานะคะ ใครอยากเม้ามอยในทวิตเตอร์ไปคุยกันในแท็ก #ใจจะวาย หรือ #ในด้านมืด ได้เลยนะ  หรืออยากเม้ามอยใน Facebook ก็ในเพจตัวแม่ เลยค่ะ
- สุดท้ายรบกวนฝากผลงานเก่าที่ตีพิมพ์แล้วตอนนี้กับสนพ. everY ด้วยนะคะ เอฟแต่งเรื่อง One Life Stand ใน Y Do You Love Me? ค่ะ

ขอบคุณค่าาา
เอฟ (ตัวแม่*)
20.03.2016
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-03-2016 13:43:23 โดย ตัวแม่ »

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
อารมณ์สีเทาสุดๆ
อยากให้ทั้งเชนกับแทนอยู่ด้วยกันจัง อ่านไปแล้วรู้สึกได้เลยว่าทั้งสองคนมีอะไรหลายๆอย่างที่คล้ายกัน

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
T T

ตอนจบมันแบบ ฮือๆๆๆๆๆ

อยู่ด้วยกันเถอะนะ พลีส

ออฟไลน์ magarons

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +68/-6
เป็นนิยายที่จะสุขก็ไม่เชิง ทุกข์ไม่เชิง ประมาณว่าทุกอย่างไม่ถาวร สุขแบบประเดี๋ยวประด๋าว ชั่วคราวแล้วก็ต้องกลับมาสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง
เราชอบตอนท้ายจัง ที่คุมโทนไม่ให้มืดจากความคิดของเชนตอนการเอาคำบอกรักที่อาจทำให้เรื่องละมุนขึ้น แต่ก็ยังไม่สว่างจ๋า มันไม่เชิงแบดเอนนะ แต่เป็นนอมอลเอน จบแบบธรรมดา ดูโลกจริงๆ

ออฟไลน์ PingPong_Hunlay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ชอบความคิดของทั้งคู่จริงๆ น่าสงสารเชนที่มีปมที่ไม่ดี :o12:
สรุปก็รักกนสินะ :-[

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
ชอบโทนของเรื่องมาก เป็นอะไรที่ดูจริงจนน่าใจหาย เปิดด้วยความกำหนัดที่เหมือนจะขาย NC แต่พออ่านเรื่อยมาจนจบจะพบว่าใส่ประเด็นเอาไว้เยอะมาก เห็นภาพชายสองคนในปั๊มร้างอย่างแท้จริง แม้ว่าหลายๆ ความคิดเห็นที่ตัวละครตอบโต้กันจะมีหลายอย่างที่เราไม่เห็นด้วย แต่ยอมรับว่าความลื่นไหลของบทสนทนาทำให้อ่านเพลินมาก จนเรารู้สึกว่ามันเป็นการเล่าที่ปูทางให้คนอ่าาเคารพความคิดของตัวละครไปด้วยในตัว เพราะไม่อึดอัดและยัดเยียดจนเกินไป ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่งมากมาย แต่โคตร Touch ความรู้สึก แล้วจังหวะการเล่าก็ดี ทำให้ตอนจบมันชัดเจนในตัวของมัน แต่ก็ยังแอบเชียร์ไปด้วยว่าอยากให้หันหน้ากลับมาคุยกันอีกครั้ง คบกัน และครองรักกันไปในที่สุด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ นางสาวกานาเลส

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
งือออ ชอบมากๆเลยค่ะ  o13

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ฟินมากๆเลยค่ะ
ไม่จำเป็นต้องคบกันเป็นปีหรือมีสถานะคนรักแต่ก็เยียวยาและเติมเต็มบางส่วนให้กันได้
งุ้ย อยากอ่านต่อจังค่ะ.  :pig4:   

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ชอบอ่ะ
แบบว่ามันอยู่ในใจ
อยากให้เชนกับแทนได้ลงเอ่ยกันจัง

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
โอ้ อ่านแล้วได้ใจอย่างแรงงง        :impress2:

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
เจอคนที่รักและเข้าใจแต่ก็ได้แค่มองเดินผ่านไป มันเจ็บออก

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
โฮ้ยยย สนุกมาก ประทับใจสุดๆ เป็นเรื่องที่ดูเหมือนไม่มีอะไร
แต่รู้สึกว่าแทนมีอิมแพคต่อชีวิตเชนสุดๆ อยากให้สองคนนี้มาเจอกันอีก
จบแบบปลายเปิดเป็นคมสุดๆไปเลย

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
สนุกมากเลยค่ะ ชอบทุกฉากทุกตอน เหมือนนั่งอยู่ในเหตุการณ์คืนฝนตก ตัวละครมีหลายด้าน เหมือนคนจริงๆ ดูเรียลไปหมด โอ้ยรัก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ เดี๋ยวจะไปแนะนำคนอื่นมาอ่านต่อ ประทับใจมากไม่รู้จะบอกยังไง แอบอยากให้มีตอนพิเศษแบบหลายปีผ่านไปมาเจอกันอีกด้วย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้นะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ PPink

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 220
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ชอบการเล่าเรื่องผ่านตัวละครสองคนนี้
 ทั้งคู่ได้ให้มุมมองความคิดที่แตกต่างกันอย่างน่าสนใจ

แต่งออกมาอีกเรื่อบๆ คือีด

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
สีเทาแต่สวยงาม เสียดายที่ตอนจบทั้งสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ QXanth139

  • ♡동해 #Always13
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อยากได้ตอนพิเศษเลยแฮะ

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
น่าเสียดายที่ไม่ได้คู่กันอ่ะ :mew2:

ออฟไลน์ liza sarin

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-14

ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12
เป็นความสัมพันธ์ระยะสั้นที่สวยงามอย่างเหลือเชื่อ

ทำให้นึกไปถึงยุคปัจจุบันที่มีความสัมพันธ์กันชั่วขณะแต่กลับไม่มีความสวยงามไม่มีความรู้สึกอะไรเลย(ในบางกรณี)

T_T เหมือนตลกร้ายของสาว(?)วายอย่างเราๆ

หลังจากนี้เชนคงเปิดตัวและก็ทิ้งหยกใช่มั้ยคะ #ยื่นไมค์ให้คนเขียน

จุดอ่อนของเรื่องสั้นก็คือมันสามารถทำให้คนอ่านคิดได้ไปต่างๆ นานาว่าเรื่องราวต่อไปจะเป็นอย่างไร

แต่น่าเสียดายตรงที่มันจะต้องจบลงแค่นี้ T______T

ชอบ NC ชอบภาษา ชอบทุกอย่าง ยกเว้นชอบคนเขียนค่ะ #ไม่ใช่

รองานตัวแม่ต่อไปนะคะ  :hao5:

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่
ขอบคุณมากค่าาา ขอบคุณนักอ่านทุกคนด้วยนะคะ : ) อิอิ เราสัญญาว่าจะปั่นเรื่องมาลงที่นี่บ่อยๆ

เป็นความสัมพันธ์ระยะสั้นที่สวยงามอย่างเหลือเชื่อ

ทำให้นึกไปถึงยุคปัจจุบันที่มีความสัมพันธ์กันชั่วขณะแต่กลับไม่มีความสวยงามไม่มีความรู้สึกอะไรเลย(ในบางกรณี)

T_T เหมือนตลกร้ายของสาว(?)วายอย่างเราๆ

หลังจากนี้เชนคงเปิดตัวและก็ทิ้งหยกใช่มั้ยคะ #ยื่นไมค์ให้คนเขียน

จุดอ่อนของเรื่องสั้นก็คือมันสามารถทำให้คนอ่านคิดได้ไปต่างๆ นานาว่าเรื่องราวต่อไปจะเป็นอย่างไร

แต่น่าเสียดายตรงที่มันจะต้องจบลงแค่นี้ T______T

ชอบ NC ชอบภาษา ชอบทุกอย่าง ยกเว้นชอบคนเขียนค่ะ #ไม่ใช่

รองานตัวแม่ต่อไปนะคะ  :hao5:

ออฟไลน์ thunchanok1

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
อ่านแล้วจะทุกข์ก็ไม่ทุกข์ จะสุขก็ไม่สุข
คือมันเรียล สัมผัสได้ ชอบซีนที่คุยกันในปั๊ม
เอาจริงๆคือชอบเกือบจะทุกฉากของเรื่องนี้เลย
 ทุกอย่างดูลงตัว อ่านแล้วสัมผัสได้ว่ามัน จริง อ่ะ

ออฟไลน์ JaaJaaJaaJaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
 :o12: สะเทือนใจ สะเทือนอารมณ์ ให้รสขมสุดๆ ............ กรี๊ด!!!!!!!!!!!!!!! ชั้นชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกก :katai1:

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
เฮ้ย!!!!!!ดีอ่ะ  ชอบมาก ชอบแทน^^

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
ยอดเยี่ยมครับ

ออฟไลน์ omuya

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2024
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +121/-9
น่าจะได้อยู่ด้วยกันเนอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด