เสน่หา...รักเอย {จบแล้วจ้า}{Mpreg}{P.๑๔}{๑๕/๐๕/๖๑}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เสน่หา...รักเอย {จบแล้วจ้า}{Mpreg}{P.๑๔}{๑๕/๐๕/๖๑}  (อ่าน 154562 ครั้ง)

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ดีใจมาก x ล้านเลยยย มาอัพแล้ว
สงสารคุณพ่อ ;_(

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
เพิ่งมีโอกาสได้อ่านเรื่องนี้ค่ะ
รพินทร์ เป็นคนดีและมีสติที่สุดในเรื่องค่ะ คุณคนเขียนอย่าให้รพินทร์เป็นอะไรง่ายๆนะคะ
พี่ชายของน้องน้อย เทพบุตรมาจุติชัดๆ รักแบบไม่มีข้อแม้จริงๆ ตอนนี้ไม่สมหวัง แต่ในอนาคตหวังว่าพี่ชายจะสมหวังในความรักนะคะ
กานต์ ไข่ในหินของรพินทร์ หวังว่าที่ผ่านมาจะเป็นบทเรียนนะคะ เพราะหลงตัวเดียวแท้ๆเชียว
พี่วินทร์ พี่เป็นคนเลวโดยเนื้อแท้ค่ะ เราหวังแต่ว่าพี่จะไม่เป็นพระเอกเรื่องนี้ เพราะเราเชื่อว่าพี่ไม่มีทางกลับใจได้ค่ะ
 :hao3:

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
เสน่หา...รักเอย ๑๙

 
'ใช่ว่ารัก แล้วจัก ได้รักตอบ
ใช่ว่าชอบ แล้วได้ชอบ ตอบไฉน
ใช่ว่าหวง แล้วเขา จะห่วงใย
ใช่ทุ่มรัก มากมาย ได้รักคืน !'
by มญุชุ์สิตางศุ์


อัครวินท์พลิกตัวกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงด้วยความหงุดหงิด ดึกสงัดล่วงเลยเวลาค่อนคืนมานานแล้วแต่เขากลับยังไม่รู้สึกง่วงสักนิด ภาพบางอย่างยังคอยสะกิดอารมณ์ขุ่นมัวของเขาไม่หยุดหย่อน ภาพรอยยิ้มสดใสของรพีกานต์กับคนอื่น... รอยยิ้มกระจ่างใสที่เคยสะกดหัวใจของเขาไขว้เขวมาแล้ว และตอนนี้รอยยิ้มน่ารักแสนน่าชังนั่นก็กำลังจะร่ายมนตร์สะกดคนอื่นต่อ

‘ฉายฉาน’

บุตรชายนักการทูตอนาคตไกล โปรไฟล์ดีทัดเทียมกับเขาทุกอย่าง แถมอีกฝ่ายดีทั้งหน้าตาและนิสัย แค่นึกภาพคนทั้งคู่ส่งยิ้มละไมให้กัน อัครวินท์ก็ร้อนรุ่มในอกเหมือนถูกแผดเผา แล้วพี่ณัฐคนดีล่ะ เอาไปไว้ไหนเสีย ? เคยพะเน้าพะนอเอาใจกันอยู่ไม่ใช่หรือ ?

อดีตเดือนคณะเผลอขบฟันกรอดข่มอารมณ์ปะทุที่ไต่ระดับขึ้นสูง มือกำหมัดแน่นจนเครียดเกร็ง นึกแล้วก็ให้หงุดหงิดพาลเอากับทุกสิ่ง ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายสลัดรักทิ้ง

“แม่งเอ้ย !” คนใจไม่อยู่กับร่องกับรอยฮึดฮัดระเบิดอารมณ์ฟาดกำปั้นโครมลงบนเตียง กายหนาผุดลุกพรวด มือลูบหน้าตนเอง ระบายลมหายใจแรงอย่างฉุนเฉียว ภาพรพีกานต์กับฉายฉานยังฉายวนซ้ำ ๆ ในหัวอย่างสลัดไม่หลุด อย่างไรก็ไม่หายหงุดหงิดเสียที ร่างสูงใหญ่ลุกลงจากเตียง สลัดเสื้อกางเกงนอนไปคนละทาง เปลี่ยนเป็นกางเกงว่ายน้ำสวมทับด้วยเสื้อคลุมเดินอาด ๆ ลงมาชั้นล่าง เลี้ยวไปห้องเก็บเครื่องดื่มหยิบบรั่นดีมาขวดหนึ่ง แล้วเลยตรงไปที่สระว่ายน้ำ หมายใจให้อารมณ์เย็นลง

พระจันทร์บนท้องฟ้าสาดแสงกระจ่างทว่าลอยเวิ้งว้างเดียวดายในม่านมืด บรั่นดีราคาแพงไหลลงผ่านลำคอเรื่อย ๆ จนหมดแก้ว อัครวินท์วางแก้วเปล่าลงบนโต๊ะ กายหนาหนั่นลุกจากเก้าอี้ริมสระ มือกระตุกปมเสื้อคลุมแยกสาบเสื้อออกจากร่างพาดไว้ที่เก้าอี้ แล้วพาตัวเองพุ่งทะยานลงน้ำ

ตูม !

ฉลามรัตติกาลดำผุดดำว่ายคล้ายคลุ้มคลั่งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนโผล่ศีรษะสลัดน้ำแรง ๆ หวังให้ความเย็นฉ่ำช่วยคลายความฟุ้งซ่านร้อนรุ่มในใจ ร่างพราวด้วยหยาดน้ำโผล่ขึ้นจากสระ รินบรั่นดีใส่แก้วสาดลงคอรวดเดียว ก่อนลงไปลอยคอในสระอีกหน เขากำลังไม่เป็นตัวของตัวเอง เพราะคนเพียงคนเดียวที่เขาสลัดทิ้ง และกลับกลายเป็นเขาที่ทุรนทุรายเสียเอง !

อัครวินท์ลอยตัวเงยหน้ามองพระจันทร์นวล ภาพใบหน้าใสสะอาดของรพีกานต์ทาบอยู่บนนั้น คนตัวเล็กยิ้มง่าย ไม่มากเรื่อง ตอนคุยกันอัครวินท์ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายเป็นชายหรือหญิง แค่สบายใจที่อยู่ด้วยจนคิดจะลองคบจริงจังอยู่เหมือนกัน หากไม่จุดไต้ตำตอมารู้ทีหลังเสียก่อนว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร สุดท้ายเขาก็เลือกลงมือทำลายแก้วดวงงามเสียย่อยยับด้วยน้ำมือตน ไม่มีน้ำเสียงตำหนิตัดพ้อต่อว่าจากรพีกานต์ แต่ความรู้สึกเจ็บช้ำรวดร้าวที่ส่งผ่านออกมาจากดวงตาสั่นระริกด้วยความผิดหวังรุนแรง เป็นภาพที่บีบหัวใจเขาไม่น้อย  น่าแปลกที่เขากลับไม่รู้สึกยินดีต่อชัยชนะในกำมือ แต่กลับรู้สึกติดค้างในใจที่รู้ว่าอีกฝ่ายรถคว่ำ จากการถูกเขาหยิบยื่นความร้ายกาจฉีกหัวใจขาดเป็นริ้ว ชายหนุ่มแวะไปเยี่ยมหา แต่ก็แค่ยืนอยู่หน้าห้องและฝากของเยี่ยมกับพยาบาลไปให้ หากรพีกานต์เลวร้ายได้อย่างพ่อ เขาคงไม่รู้สึกอย่างเช่นตอนนี้

นับแต่ห่างกัน เขาพยายามสลัดภาพความทรงจำทุกอย่างเกี่ยวกับรพีกานต์ทิ้ง ควงผู้หญิงเป็นว่าเล่น ทำตัวเสเพลอย่างคนไม่คิดจะรักใครจริงจังอย่างที่แล้วมา กลบเกลื่อนร่องรอยบางอย่างที่ไม่ได้ลบเลือนไปจากใจง่าย ๆ หากแต่ฝังลึกลงข้างในใจอย่างไม่มีเหตุผล เขาเคยรังเกียจความรักของพ่อ ยึดเอาความแค้นเตือนใจตนให้กร้าวแกร่งทระนงต่อความอาวรณ์ แต่กลับกลายเป็นตัวเองที่ตกลงไปในหลุมที่ตนเองเป็นคนขุดขึ้นมาไม่รู้เนื้อรู้ตัว เห็นชัดจากภาพวันนี้ที่ทลายทุกอย่างลงครืนไม่เป็นท่า  แววตาคมคุกรุ่นระยับราวเปลวไฟ เขาหวงรพีกานต์

 หวง...ไม่อยากให้รอยยิ้มกระจ่างใสนั่นตกเป็นของใคร ทั้งที่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะอ้อนวอนขอกลับมา แต่ก็เปล่า เขาคาดเดาอะไรผิดไป ? หรือที่ผ่านมาไม่เคยรู้สึกอะไรมากไปกว่าแค่ลุ่มหลงชั่วคราวเท่านั้นหรือ ? และตอนนี้พอได้เจอเป้าหมายใหม่จึงไม่แยแสเขาอีก ทำไมกลายเป็นเขาที่เป็นฝ่ายถูกปั่นหัว ทำไมกลายเป็นอัครวินท์คนนี้ที่ถูกรพีกานต์ไม่สนใจใยดี คนเคยมั่นใจในตัวเองขบกรามแน่น มุมปากได้รูปยกยิ้มแสยะกับความรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าจัง ๆ

ถึงเขาจะเป็นฝ่ายทิ้ง แต่หากเขาไม่ยอม ใครก็ไม่มีสิทธิ์ได้ไป

ร่างใหญ่ออกตัวแหวกว่ายในน้ำอีกครั้งด้วยความคิดบางอย่างที่ผุดพรายขึ้นในใจ สิ่งที่เป็นของเขา ต่อให้ทิ้งขว้างยังไง อย่างไรเสียก็เป็นของเขาวันยังค่ำ ใครก็ไม่มีสิทธิ์ได้ไปหากเขาไม่อนุญาต แต่อัครวินท์ลืมนึกไปว่า รพีกานต์ไม่ใช่สิ่งของ !



“แฝดสามนะครับ หมอยินดีด้วย”
บรรยากาศภายในห้องอัลตราซาวด์อวลไปด้วยกระแสความตื่นเต้น เมื่อปรากฏภาพสิ่งมีชีวิตเล็ก  ๆ จากในท้องรพีกานต์กำลังเคลื่อนไหวขยับตัวดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในจอมอนิเตอร์ ทั้งรพีกานต์และณัฐธีร์ที่เข้ามาด้วยกันต่างฉีกยิ้มกว้างดีใจกันถ้วนหน้า ณัฐธีร์ใช้โทรศัพท์ถ่ายวีดิโอเก็บภาพบรรยากาศประทับใจภายในห้องทั้งยิ้มหน้าบานเต็มแก้ม

 “กานต์ แฝดสาม ลูกของเราเป็นฝาแฝดแน่ะ ดูสิ ดิ้นใหญ่เลย” ณัฐธีร์ดีใจจนแทบกระโดดโลดเต้นร้องตะโกนออกมาดัง ๆ ป่าวประกาศด้วยความยินดี มือไม้สั่นจนทำอะไรไม่ถูก อารามลืมตัวชายหนุ่มเผลอยกมือเล็กขึ้นจูบขณะสายตายังจ้องมองที่จอมอนิเตอร์ไม่วางตา รพีกานต์แก้มร้อนผ่าวตอนหันไปสบตากับคุณหมอที่มองมายิ้ม ๆ ด้วยความเข้าใจอารมณ์ว่าที่คุณพ่อมือใหม่เป็นอย่างดี

“ตรงนี้ศีรษะน้องนะครับ มีแขนขาเล็ก ๆ แล้ว นั่นขยับดุ๊กดิ๊กด้วย คุณแม่เห็นไหมครับ” คุณหมอหันมาถาม รพีกานต์พยักหน้าด้วยหัวใจพองโต เรื่องจริงราวกับปาฏิหาริย์ ในท้องของเขามีทารกน้อย ๆ เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ถึงสามชีวิต
...แฝดสาม พ่อรู้ต้องดีใจมากแน่ ๆ...

“ลองฟังเสียงหัวใจของน้องนะครับ” คุณหมอกดปุ่มบางอย่างให้ได้ยินเสียงหัวใจเด็กปรากฏบนจอ สัญญาณชีวิตส่งเสียง ตึก..ตึก... รพีกานต์และณัฐธีร์ฟังแล้วอดน้ำตาปริ่มขึ้นมาไม่ได้ สายตาจ้องมองภาพในจอด้วยความดีใจที่ล้านคำพูดก็อธิบายความรู้สึกในตอนนี้ได้ไม่หมด เสียงหัวใจเต้นตึก ๆ ของเด็กแฝดทั้งสามที่กำลังเติบโตในครรภ์ ความรักความผูกพันก่อเกิดขึ้นตั้งแต่ยังไม่ทันได้เห็นหน้า

 “ละ แล้วผู้ชายหรือหญิงครับหมอ” ณัฐธีร์ตื่นเต้นจนลิ้นแทบพันกัน เขาลืมเสียสนิทว่าตนเองไม่ใช่พ่อที่แท้จริง

“ยังเห็นไม่ชัดนะครับ รออายุครรภ์มากกว่านี้ ค่อยลองซาวด์ดูใหม่ น้องเป็นฝาแฝดอาจจะต้องซาวด์บ่อยกว่าปกติหน่อยเพื่อดูพัฒนาการของทั้งสามคนนะครับ” คุณหมอแจงด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม รพีกานต์หัวใจเต้นรัวด้วยความยินดี ร่างเล็กจิ๋วในจอคือหัวใจของเขา นี่สินะ นิยามที่ว่า รักตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า ซึ่งณัฐธีร์เองก็รู้สึกไม่ต่าง เขากุมมือบางเอ่ยขอบคุณด้วยความยินดี

“ขอบคุณกานต์ที่ทำให้พี่ได้สัมผัสความสุขที่สุดในวันนี้”



“อีกไม่กี่เดือนพี่ก็จะได้เจอหน้าลูกแล้ว ตื่นเต้นจัง จะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงน้า” ณัฐธีร์ยังเก็บอาการดีใจเอาไว้ไม่อยู่ รถติดไฟแดงที เขาก็จะหยิบฟิล์มขึ้นมาดูที แล้วก็จะยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมจนรพีกานต์อดส่ายหน้าน้อย ๆ ไม่ได้ มือเรียวลูบหน้าท้องทะนุถนอม รู้สึกถึงแรงตอดเล็ก ๆ จากเจ้าตัวเล็ก หัวใจไพล่กระหวัดถึงใครบางคน...พ่อแท้ ๆ ของลูกน้อย...พี่วิน

ถ้าพี่วินรู้ จะดีใจอย่างพี่ณัฐไหม หรือจะปฏิเสธเพราะหมดเยื่อใยรัก แล้วถ้าบอกให้เอาออกล่ะ ? แค่คิดก็ปวดแปลบในอก ไม่อยากได้ยิน อย่าเลย อย่าให้รู้ดีที่สุด จบสิ้นแล้วนี่นา

ใบหน้าใสสลดวูบ คิดแล้วก็อดน้อยใจลึก ๆ ไม่ได้ ตั้งแต่รู้ตัวว่าท้อง รพีกานต์ก็เผลอคิดถึงอีกฝ่ายบ่อยครั้งยามที่อยู่คนเดียว พระจันทร์ดวงแจ่มที่เห็นทางหน้าต่าง มีใบหน้าพี่วินอยู่บนนั้นเสมอ งดงามเฉิดฉายแต่เกินอาจเอื้อม รพีกานต์ไม่รู้สึกว่าอัครวินท์เหมือนดวงตะวันสักเท่าไหร่ เขาผู้นั้นเหมือนดวงจันทร์แสนสวยเกินเอื้อมเสียมากกว่า ความเย็นตาที่บางครั้งก็แฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งเย็นชาในบางหน จนคนมองปวดหนึบหัวใจ ความรู้สึกผูกพันมันร้อยรัดหัวใจรพีกานต์แน่นหนาเหลือเกิน ทำไมถึงสลัดความรู้สึกอาวรณ์นี้ไม่ได้เสียทีหนอ ทั้งที่ถูกเขาทิ้งมาแท้ ๆ ทั้งที่ก็มีคนดีแสนดีอยู่ข้างกาย แต่หัวใจก็ยังเฝ้าซื่อตรงต่อคนใจร้ายเรื่อยมา

ณัฐธีร์อ่านสายตาอาดูรนั้นออก ชายหนุ่มนิ่งงันไป ดวงตาเรื่อรองด้วยประกายยินดีสลดวูบลง รู้ดีแก่ใจว่าที่ผ่านมาเขาเองก็รวบรัดน้องจนเกินไป คิดเอาเองฝ่ายเดียวว่าความดีจะชนะใจคนได้ สักวันรพีกานต์จะรักเขาบ้าง ยิ่งน้องไม่พูดเขาก็ยิ่งได้ใจ เผลอคิดไปไกลว่าอีกฝ่ายคงมีใจเอนเอียงมาที่เขาบ้าง แต่ความเป็นจริง ในความเงียบงันนั้น หัวใจดวงน้อยเผลอลอยละล่องไปหาใครอีกคนอยู่ต่างหาก เพราะรพีกานต์ไม่ได้รักคนที่ความดี เหมือนที่เขาเองก็ยังรักน้องได้แม้จะเคยเสียใจแค่ไหน แต่ในเมื่อใครคนนั้นไม่มีทีท่าว่าจะกลับมา เขาก็อยากจะเป็นฝ่ายขอดูแลแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จะได้ไหม ให้เขาตัดใจตอนนี้เขาเองก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ใจมันคงขาดสะบั้น ไม่เหลือแรงใจให้อยู่ต่อ

 “พี่ณัฐจอดรถทำไมหรือครับ” รพีกานต์หันมาถามเมื่อพี่ชายเปิดไฟเลี้ยวจอดข้างทางโดยไม่บอกไม่กล่าว

“กานต์ พี่คิดว่าถึงเวลาที่เราจะต้องคุยกันจริงจังเสียที” สายตาของณัฐธีร์ขึงขังจนรพีกานต์หวั่นใจจากที่เฉไฉมาตลอด

“พี่อยากขอโอกาสเป็นพ่อของลูกกานต์ พี่วินที่กานต์รอเขาคงไม่กลับมาแล้ว แต่พี่ณัฐคนนี้ ไม่เคยทิ้งกานต์หนีหายไปไหน พี่ขอร้อง ให้โอกาสพี่ได้ไหม กานต์ไม่ต้องรักพี่ตอนนี้ ขอแค่กานต์ยอมเปิดใจบ้างได้ไหม” ณัฐธีร์กุมมือบางอ้อนวอน ยังคงวอนขอเฉกเช่นทุกครั้ง ร้องขอเหมือนคนสิ้นไร้เรี่ยวแรงปานจะขาดใจ เพื่อขอแม้เพียงหนึ่งหยาดหยดความเมตตา

 “กานต์...” รพีกานต์อึกอัก จะตอบยังไงให้ถนอมน้ำใจคนฟัง หัวใจข้างในกำลังร้องไห้ ร่ำร้องโหยหาใครอีกคนที่ฝากรอยแผลลึกในใจ ยังรักและลึก ๆ ยังคงรอคอยเช่นเก่า เหมือนอย่างที่ณัฐธีร์รอคอยรพีกานต์เสมอมา

“หรือกานต์กลัวว่าอนาคตพี่จะหมดรักกานต์แล้วยกเอาอดีตมาทำร้ายกานต์”

“กานต์อยากรักพี่ณัฐให้ได้เท่ากับความดีที่พี่ให้กานต์มา แต่กานต์ไม่อยากให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับพี่ณัฐด้วยการขอให้รอ การรอคอยมันทรมาน เท่าที่หัวใจกานต์มันยังซื่อสัตย์กับคนใจร้ายมันก็ทรมานพี่ณัฐมากแล้ว ถ้าเป็นไปได้ กานต์อยากให้พี่ณัฐลองเปิดใจพี่เองบ้าง บางที...พี่ณัฐอาจเจอคนที่ดีกว่ากานต์” แหวนวงน้อยถูกวางลงบนมือหนา ณัฐธีร์กระบอกตาร้อนผ่าว มองน้องน้อยด้วยสายตาปวดร้าวตัดพ้อ ซึ่งรพีกานต์เองก็ไม่ได้มีสีหน้าที่ดีไปกว่ากันเลย หยาดน้ำตากลิ้งลงอาบแก้มใส เพราะรัก...ที่ให้ไม่ได้ หัวใจคนถูกรักก็ปวดร้าวทรมานไม่ต่างกัน

“ไม่นึกรัก...กันบ้างเลยหรือ ?” ณัฐธีร์เสียงสั่นเครือ คำพูดมากมายที่กลั่นกรองจากข้างในใจถูกกลืนหายลงลำคออย่างคนหมดแรง หัวใจมั่นคงแหลกสลาย เหมือนจุดที่ยืนอยู่ จู่ ๆ ก็ทลายลงฝังเขาทั้งเป็น ตัวนั่งอยู่ข้างกันแค่นี้ แต่หัวใจลอยหายไปอยู่ในมือใคร ลอยไปแล้วไปถูกเขาเหยียบขยี้ พี่ชายคนนี้ก็ยิ่งเสียใจ

“นอกจากกานต์แล้ว พี่ก็ไม่เคยนึกอยากรักใคร” เขาเค้นคำพูดยากเย็น หายใจแต่ละครั้งยากลำบากเหมือนมันสะเทือนไปยังแผลที่เพิ่งปริฉีก น้ำตาที่ไหล ทั้งเจ็บช้ำที่ไม่ได้รับรักตอบและเสียใจที่คนที่รัก ถูกเขาทำร้ายสาหัสกลับมา

“กานต์ไม่อยากให้พี่รอ ไม่ได้อยากตัดรอนน้ำใจ แต่กานต์ไม่อยากเห็นแก่ตัว” รพีกานต์บอกด้วยหัวใจซื่อตรง น้ำตาคลอหน่วยไหลลงบนแก้มไม่ขาด ทั้งเสียใจที่รักพี่ชายเกินกว่าพี่ไม่ได้ และช้ำใจที่คนที่มอบรักให้ ทำลายหัวใจไม่มีชิ้นดี !


บรรยากาศในห้องโดยสารซึมเซาจนกลายเป็นอึดอัด ณัฐธีร์สูดลมหายใจลึก หันมาบอกคนข้างกายก่อนเปิดประตูออกไปสงบสติอารมณ์ตนเอง

“พี่ขอออกไปสงบอารมณ์หน่อยนะครับ เดี๋ยวพี่กลับมา” บอกทั้งไม่สบตา ความร้าวรานเหลือประมาณทำให้ไม่อาจมองคนที่มีใจได้เต็มตา ณัฐธีร์เปิดประตูเดินสะโหลสะเหลหมดสิ้นเรี่ยวแรงออกไป สองเท้าพาหัวใจบอบช้ำก้าวห่างทิ้งระยะออกมาเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมายพร้อมน้ำตาที่หลั่งไหลไม่ขาด เขาเจ็บ...เหมือนใจจะขาด ความหนักหน่วงบีบหัวใจจนเหมือนจะหายใจไม่ออก หนทางข้างหน้าทุกย่างก้าวพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำตากบ

ที่บางคนหาทางออกด้วยการฆ่าตัวตาย ก็เพราะมันเจ็บอย่างนี้นี่เอง !

ณัฐธีร์ไอโขลกสำลักน้ำตา ร่างสูงเดินโผเผไหล่ลู่ดั่งไม้ใหญ่ใกล้ล้ม น้ำตารินนองหน้าไม่ต่างจากเด็กหลงทางกำลังขวัญเสีย หากแต่เขาเสียขวัญเพราะหลงรัก เคว้งคว้างเดียวดายลอยลำอยู่ในทะเลน้ำตา

‘รักแท้ แพ้คำว่าไม่รัก’ แค่คิด แข้งขาก็พานหมดแรงแทบทรุดลงไปกอง ต่อให้คุกเข่าอ้อนวอน ไม่รักก็คือไม่รัก...
เจ็บกว่าการร้างลา คือการอยู่ใกล้กับคนที่เรารักแต่เขาไม่เคยรักเรา มองเห็นตะวันเรืองรอง บางครั้งอบอุ่นแต่บางครั้งตะวันก็แผดเผาให้เรามอดไหม้ทุรนทุราย  มันปวดร้าวและทรมาน ทนเลี้ยงหัวใจด้วยความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ไปวัน ๆ ด้วยหวังว่าความดีจะมีอนุภาพมากพอให้อีกคนโอนอ่อน แต่คนไม่ใช่ ยังไงก็ไม่ใช่ ต่อให้รักมากเท่าไร ก็ยังไม่ใช่อยู่ดี

เวลารอบกายหมุนผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ได้ เสียงรถราวิ่งสวนไปมาขวักไขว่ผ่านหูไปเลื่อนลอย ณัฐธีร์กำลังคว้าง สติตั้งมั่นที่มีติดตัวอยู่ตลอดสะบั้นลงโดยง่าย สมองขาวโพลนกับหัวใจที่ปวดหนึบคือสิ่งที่รู้สึกได้ในตอนนี้ ร่างสูงโงนเงนเดินลากขาช้า ๆ เหม่อลอย

“พี่ณัฐ กลับบ้านกันนะครับ” เสียงน้องน้อยดังขึ้นปลุกเขาจากความฟุ้งซ่าน ณัฐธีร์ชะงักเหลียวหาดวงตาแดงช้ำ ก่อนรู้สึกตัวว่ารพีกานต์เดินตามเขามาตลอด

“กานต์...กานต์เดินตามพี่มาตลอดเลยหรือ” ใบหน้าหมองหม่นพยักหน้ารับ สีหน้ารพีกานต์ไม่ได้ดีไปกว่าเขา ณัฐธีร์เพิ่งตระหนักในตอนนี้เองว่า เขาสติแตกจนเผลอทิ้งน้องเอาไว้ในรถคนเดียว ใจหายวาบทันทีที่นึกขึ้นได้ ข่าวอมนุษย์ฆ่าคนได้ง่าย ๆ เพราะโทรศัพท์แค่เครื่องเดียวก็มีมาแล้ว นี่ถ้ารพีกานต์ไม่เดินตามเขามา ปะเหมาะเคราะห์ร้ายเกิดเรื่องไม่ดีเข้า แล้วเขาจะทำยังไง

“พี่ขอโทษที่ทิ้งกานต์ไว้คนเดียว” เขาบอกอย่างรู้สึกผิด

“กานต์ไม่อยากปล่อยพี่ณัฐให้อยู่คนเดียว เสียใจคนเดียว เวลาที่กานต์ร้องไห้ หรือเจออะไรแย่ ๆ พี่ณัฐไม่เคยทิ้งกานต์เลย” เสียงน้องสั่นเครือแผ่วหวิวในตอนท้าย ดวงตาคลอหน่วยที่ไม่ได้มองเขาเป็นอื่นยังคงซื่อตรง หากแต่ประกายความศรัทธาและผูกพันกลับสว่างจ้าอยู่ข้างใน มือที่ยื่นมาให้ตรงหน้า ณัฐธีร์ไม่ได้ยื่นตอบกลับไป หากวงแขนสั่นระริกโอบรั้งร่างเปรียวเข้าหา  สองขาง่อนแง่นทรุดฮวบลงพื้น ใบหน้าซุกสะอื้นกับหน้าท้องนุ่ม หัวใจรักแหลกสลายแต่ความผูกพันวันวานไม่เคยจางไป

เขารู้สึกถึงแรงตอดเล็ก ๆ ในท้อง เจ้าตัวเล็กคงรับรู้ถึงคนรักมากจนสายรักนั้นผูกมัดตัวเองให้ไปไหนไม่ได้ แขนสั่นเทากระชับเอวกลมกลึงซุกใบหน้าเข้าหามากขึ้น ในจินตนาการเหมือนมีมือเล็ก ๆ กำลังประคองใบหน้าคนขวัญเสียปลอบประโลม...ลุงจ๋า อย่าร้อง

“พี่ขอเวลากานต์หน่อย เราอยู่ใกล้กันแค่นี้ เจอหน้ากันทุกวันแบบนี้ พี่ตัดใจตอนนี้...ไม่ได้จริง ๆ” ณัฐธีร์บอกเสียงอู้อี้ ใบหน้าส่ายไปมาอย่างทรมาน ความหวังภิณท์พังคำรบสองบาดแผลในใจบาดลึกกว่าเก่า ขนาดตั้งท้อง รพีกานต์ก็ยังไม่ยินยอมให้เขารับเป็นพ่อ

“แต่พี่จะพยายาม พี่สัญญาว่าพี่...จะพยายาม” เขาเงยหน้าสบตาให้คำมั่น ลั่นวาจาบอกทั้งคนตรงหน้าและตัวเอง จากนี้จะพยายามตัดใจ หากทำไม่ได้ จะเก็บเอาไว้ให้ลึกที่สุด ลึกเท่าที่เขาจะเป็นเพียงคนเดียวที่รู้

“งั้นถ้ากานต์จะลองพยายามรักพี่ณัฐ เรา...ลองคบกันดูไหม กานต์ไม่อยากให้พี่ณัฐเป็นแบบนี้ ไม่อยากเห็นเลยจริง ๆ” ใบหน้าเศร้าสร้อยโน้มคอลงถาม ดวงตางามคลอหน่วยราวกับมีเกล็ดเพชรจับอยู่ในนั้น งดงามแวววาวทว่าเศร้าสร้อยเหลือเกิน

หยดน้ำตาหยดน้อยร่วงผล็อยตกลงในดวงตาของเขา ณัฐธีร์กระพริบตา หยดน้ำตาของรพีกานต์กลิ้งอยู่ในดวงตาของเขา น้ำตาของรักที่ถูกทอดทิ้งไม่ไยดีจากคนที่รัก และยังเป็นน้ำตาแห่งความเสียใจที่ไม่สามารถรักตอบเขาได้ มันมีความทุกข์ระทมอย่างแสนสาหัสปนอยู่ในนั้น แม้ไม่แสดงออกมากมายให้เห็น ณัฐธีร์สบตากับน้องน้อย ในแววตาเกลื่อนด้วยคำพูดมากมาย นึกทบทวนคำถามจากปากอีกคน คำถามนี้ทิ่มตำหัวใจเขาเสียยิ่งกว่าถูกตัดรอนตรง ๆ เสียอีก ไม่รักแต่เวทนา ร่างสูงหยัดยืนด้วยสองขาสั่นระริก สองมือกระชับต้นแขนน้อง ดวงตาแลจ้องดวงตาอีกคู่ที่เหลือบขึ้นมอง เปิดปากหนักอึ้งปฏิเสธ

“อย่าเลย ให้พี่เป็นคนตัดใจคงง่ายกว่ากานต์พยายามที่จะเริ่ม ถ้ากานต์จะรักพี่ คงรักนานแล้ว แล้วถ้ากานต์รักพี่ต่อให้สิบให้ร้อยอัครวินท์ กานต์ก็จะไม่เปลี่ยนไป” เขาแค่นยิ้มขื่นขม ดวงตาแดงก่ำ ในใจสับสนรวนเรไปหมด มือปาดน้ำตาลวก ๆ เอ่ยบอก

“กลับบ้านเถอะ ป่านนี้พ่อของกานต์คงชะเง้อคอยแล้ว” แขนแข็งแรงโอบเอวพาน้องกลับ เพิ่งรู้ว่าเดินมาไกลพอควร ณัฐธีร์ปาดน้ำตาตัวเองอีกหน มือเปิดประตูรถให้น้องน้อยเข้าไปนั่ง ก่อนตัวเขาอ้อมไปประจำเบาะคนขับ

“เมื่อกี้กานต์ลองคิดดูแล้ว ลูกของกานต์มีสามคน กานต์จะยกให้เป็นลูกของพี่ณัฐคนนึง ให้ใช้นามสกุลสิริธรรมรัตน์ของพี่ณัฐ เดี๋ยวไปขอให้หลวงตาตั้งชื่อมงคลให้ เด็กที่มีพี่ณัฐเป็นพ่อ นับว่าชีวิตประเสริฐที่สุดแล้ว” รพีกานต์เปิดปากหลังจากรถแล่นมาครู่ใหญ่

“ให้ใช้นามสกุลของกานต์ดีแล้ว แค่กานต์ยกให้พี่เป็นพ่อของแกก็นับว่าให้เกียรติมากแล้ว ส่วนแหวนวงนี้ กานต์อย่าคืนพี่เลย เก็บไว้มอบให้เจ้าตัวน้อยคนที่กานต์จะยกให้พี่ก็แล้วกัน พี่ให้แล้วไม่อยากได้คืน” เขาวางแหวนลงในมือบาง หายใจติดขัดด้วยความทรมานยามมองใบหน้าคนที่ไม่อาจเอื้อมถึงหัวใจ ประโลมหัวใจตนให้คิดเสียว่าแหวนนี้สำหรับรับขวัญลูกบุญธรรมด้วยความยากเย็น

ส่งน้องกลับถึงบ้านเขาก็ขอตัวกลับก่อน ประนมมือลาคุณรพินทร์ด้วยรอยยิ้มไม่สู้ดีนัก ยังไม่พร้อมสำหรับรอยยิ้มยินดี คนดีใจรอท่าเพราะได้เห็นคลิปในห้องอัลตราซาวด์ก่อนหน้าทำหน้าฉงนแต่ไม่ได้ซักไซ้อะไร ณัฐธีร์ขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่งแล่นออกมาจากบ้านสไตล์ขนมปังขิงหลังงาม สายตาเหลือบมองกระจกดูรั้วบ้านที่เขาห่างออกมาเรื่อย ๆ

ทุกอย่างต้องใช้เวลาเยียวยา

เมื่อเลือกรักแล้ว หากตัดใจไม่ได้ คงต้องพยายามรักโดยไม่หมายรักตอบ แม้ต้องทุกข์ทนกล้ำกลืนฝืนความเจ็บปวดเอาไว้ก็ตาม ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์คือเรื่องจริง


-ต่อด้านล่างค่ะ-
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-01-2017 16:29:34 โดย Moony_Darling »

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
๑๙ (ต่อ)

“ไง ไอ้เสือ นั่งหงอยเหมือนคนอกหัก ทะเลาะกับกานต์หรือวะ” เสียงรุ่นพี่ที่นับถือกันเหมือนพี่น้องแท้ ๆ เอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นคนเป็นน้องดูเงียบขรึมกว่าปกติ จากที่เป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว หากแต่ใบหน้าหมองหม่น ดวงตาอมเศร้านั่นทำให้อัศม์เดชสงสัยหนัก

“เปล่าหรอกพี่เดช ผมแค่ผิดหวังก็เลยเสียใจน่ะ” ณัฐธีร์บอกเสียงเนือย สีหน้าไม่สดชื่นนัก

“ผิดหวัง ? เรื่องอะไรวะ” ยิ่งได้คำตอบยิ่งสงสัยหนัก คราวนี้อัศม์เดชขยับมานั่งฝั่งตรงกันข้าม ดวงตาคมกริบจ้องมองรอคำขยายความต่อจากปากรุ่นน้อง

“กานต์มีคนที่รัก แต่...ไม่ใช่ผม” ณัฐธีร์ตอบห้วน ยกเข่าขึ้นกอดเบือนหน้าไปอีกทาง กลืนความขมขื่นทั้งหมดลงคอ ทั้งสับสน เสียใจ ทุกอย่างยุ่งเหยิงไปหมด เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง

“ผมพยายามใช้ความดีเอาชนะใจกานต์ แต่ก็เปล่าประโยชน์ ส่วนคนที่กานต์รัก เขาไม่ต้องทำอะไรเลย แถมทำให้กานต์เสียใจ แต่กานต์ก็ยังรักเขา ผมที่ทุ่มเททุกอย่าง ทำไมมันไม่มีค่าอะไรเลย” ณัฐธีร์ระเบิดความในใจ นัยน์ตาแดงก่ำ เขาเจ็บปวด น้อยใจจนฟุ้งซ่าน

“ไหนหลายคนบอกว่ารักคนดีไง ที่ผมทำ มันยังดีไม่พออีกหรือพี่เดช” เขาเงยหน้าขึ้นถามรุ่นพี่ ดวงตาเศร้าสร้อยเหมือนเด็กน้อยหลงทาง ยอมรับว่าเวลานี้อ่อนแอเหลือเกิน

“มันก็ใช่ ที่ส่วนใหญ่ปากก็บอกรักคนดี แต่เอาเข้าจริง ๆ มันเลือกไม่ได้หรอกว่าจะรักคนดีหรือไม่ดี จริง ๆ ส่วนมากก็หวังอยากให้คนที่ตัวเองรักเป็นคนดีต่างหากละ ไอ้ลูกหมา กานต์ไม่ได้รักคนดี เพียงแต่หวังว่าคนที่ตัวเองรัก มันจะเป็นคนดีก็เท่านั้นเอง ว่าแต่เจ้าคนนั้น มันดีหรือเปล่าล่ะ”

“ดีทุกอย่าง ยกเว้นนิสัย” ณัฐธีร์ตอบเสียงเรียบติดจะหมั่นไส้ไฮโซลูกชายนายธนาคาร แม้จะรู้ว่ากานต์ไม่ได้รักหมอนั่นที่ตรงนั้น หากแต่เป็นเสน่ห์เหลือร้ายของอัครวินท์ต่างหาก ที่ล่อลวงกระต่ายตัวน้อยติดบ่วงเข้าเต็ม ๆ

“เฮ่อ! เจ้าณัฐเอ้ย แกเองก็เคยมีสาวมาตกหลุมรัก น่าจะเข้าใจความรู้สึกลำบากใจของคนถูกรัก แต่เรารักเขาตอบไม่ได้นะเว้ย” อัศม์เดชตบบ่ารุ่นน้องพลางยกตัวอย่างให้คิด ณัฐธีร์นิ่ง เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น เพราะเขารักรพีกานต์ ถึงมีสาวน้อยน่ารักพยายามเข้ามาสานสัมพันธ์ยังไงก็คว้าน้ำเหลวกลับไปทุกราย ความรู้สึกถูกรัก แต่รักตอบไม่ได้

“ทุกอย่างต้องใช้เวลา ความรักไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิตนะเว้ย แกเองอายุเพิ่งจะยี่สิบ ยังต้องโต ต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ ไม่มีใครสมหวังทุกอย่างหรอกว่ะ แต่ก็ใช่ว่าจะมีใครผิดหวังทุกเรื่องนี่หว่า ไอ้ลูกหมา นี่แหละรสชาติชีวิต รู้ไว้ไอ้น้อง” อัศม์เดชกอดคอโยกศีรษะปลอบใจ เขาไม่ใช่คนอ่อนโยนอะไร ติดจะห่ามเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่เห็นเจ้าหมาน้อยที่โตมาด้วยกันแต่เล็กแต่น้อยเสียใจเลยอยากปลอบใจเสียหน่อย นี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เขาได้เห็นณัฐธีร์ในมุมอ่อนแอ ปกติเก็บงำความรู้สึกเก่งยิ่งกว่าอะไร ทนถึกยิ่งกว่ากระสอบทราย

“ผมจะพยายามครับพี่เดช” เขาบอกอย่างไม่แน่ใจ ถ้ายังเจอหน้ากันอยู่เรื่อย ๆ แบบนี้มันก็ทำใจยากเอาการ

“เออ ถ้ายังไม่สบายใจก็อย่าเพิ่งไปเจอหน้าเขา ห่าง ๆ ออกมาก่อน พักเลียแผลใจเป็นคู่ซ้อมให้กูหน่อย” หนุ่มรุ่นพี่ยักคิ้วยั่ว

“โหย ให้ผมเป็นกระสอบทรายให้พี่น่ะสิ มือเท้าหนักยิ่งกว่าแรด พี่เตะมาที ไส้ผมแตกแน่ ๆ”

“เอาน่า เดี๋ยวกูแนะนำสาวแจ่ม ๆ มาดามอกให้ สาวฝรั่งสวย ๆ เพียบ สนเปล่า ๆ” ณัฐธีร์ส่ายหน้าเบา ๆ แทนคำตอบ ไม่มีกะจิตกะใจคิดถึงใคร ในห้วงคำนึงยังมีเพียงรพีกานต์ทุกลมหายใจเข้าออก เขาจะก้าวผ่านความรู้สึกนี้ไปได้อย่างไร จะมองหน้าคนที่รักหมดหัวใจได้อย่างไรในฐานะแค่พี่น้อง คำตอบของคำถามนี้ ณัฐธีร์ยังไม่รู้เลย

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว จัดซักเพลงไหม” อัศม์เดชเดินไปหยิบกีตาร์โปร่งมายื่นให้ ก่อนกลับไปหยิบแก้วและขวดบรรจุน้ำอำพันยี่ห้อแพงติดมือมา

“ซักหน่อยไหม ย้อมใจ” หนุ่มรุ่นพี่ชวน ก็ว่าแปลกที่จู่ ๆ เจ้านี่ขอมาค้างที่คอนโดด้วย

“ทำไมอกหักแล้วต้องดื่มเหล้าด้วยพี่” ณัฐธีร์นั่งจ้องแก้วเหล้านิ่ง เขาดื่มได้แต่ไม่ชอบเท่าไหร่

“อ้าว ก็ถ้ามึงจะเอาน้ำเปล่าแล้วเมาดิบกูก็ไม่ว่า มันเป็นธรรมเนียมเว้ย ล้างน้ำตาด้วยน้ำเมาเนี่ย”

“เมาเหมือนหมาแล้วก็ตื่นมาบนเตียงกับใครก็ไม่รู้ พี่คิดว่าแบบนั้นมันคือการใช้ชีวิตคุ้มจริง ๆ น่ะหรือ” ชายหนุ่มส่ายหน้าระอา ไปกับเพื่อนทีไร จึงมักได้ตำแหน่งสารถีคอยขับรถพาเพื่อน ๆ กลับหอ สำหรับรายที่ไม่ไปต่อกับใครที่อื่น

“ทำไมเหมือนกูถูกหลอกด่าวะ โอ้ย ไอ้มหา มึงไปบวชเหอะ เผื่อชีวิตจะพบทางสว่าง ทำไมมึงไม่บวชเรียนสอบนักธรรมเอาดีทางนั้นไปตั้งแต่แรกวะ จะได้ไม่ต้องยุ่งกับทางโลก”

“ผมรักกานต์ บวชไปผ้าเหลืองคงร้อน ทำศาสนาเสื่อมเปล่า ๆ”

“เด็กวิศวะกินเหล้ากันดุชิบ มึงเป็นแกะหลงฝูงหรือวะ ห่าณัฐ เอาเหอะ แดกน้ำเปล่าละกันมึง กูแถมน้ำแข็งให้ อารมณ์มึงตอนนี้ไม่ต้องพึ่งเหล้าก็บิวต์เศร้าได้ไม่ยาก” อัศม์เดชรินน้ำเปล่าให้คนอกหัก ส่วนคนหักอกชาวบ้านอย่างเขาซัดเหล้าเพียว ๆ ไม่สะทกสะท้าน ณัฐธีร์ก็บ้าจี้พอที่จะยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นกระดกเหมือนดื่มเหล้า กีตาร์ในมือเริ่มอินโทรเบา ๆ คืนนี้พระจันทร์ตรงระเบียงคอนโดแจ่มกระจ่าง แต่เขาก็ทำได้แค่มอง

"ฉันทุ่มเทหมดเลยทุกอย่าง ยิ่งนานยิ่งหมดหวังจะเป็นคนของเธอ แต่เค้าเพิ่งเข้ามาไม่นานที่เธอเจอ
ก็ดูเธอพร่ำเพ้ออยากเจอเค้าทุกวัน ส่วนฉันที่เอาน้ำตาตั้งมากมาย มาแลกน้ำใจของเธอแค่นิดเดียว
เธอก็ยังทำให้ดูว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย เธอไม่เคยจะให้ เราเสียทีถึงเราทุ่มเทกว่านี้ก็ไม่มีทาง
อดทนเฝ้ารอให้เธอเห็นใจแค่ไหน ก็ยิ่งเลือนราง จดจำไว้อย่างเรามันยังไม่ใช่อยู่แล้ว
รักและหวังดีจากคนที่ไม่ใช่ จะมากมายแค่ไหนไม่มีค่าซักหน่อย ก็เทียบไม่ได้เลยกับเค้าที่เธอคอย
เค้าทำให้เล็กน้อยแต่เธอก็รักได้"

“ทำไมพี่เดช ฮึก ! ทำไมผมถึงไม่ใช่” น้ำตาร่วงผล็อย ๆ หยดแหมะลงบนสายกีตาร์ ก่อนจะไหลอาบเป็นสาย อัศม์เดชกอดคอปลอบใจ ณัฐธีร์จึงโผหาที่พึ่งจากไหล่หนามั่นคง

“คำตอบมันก็อยู่ในคำถามอยู่แล้วที่หว่าเจ้าณัฐ มึงก็รู้อยู่เต็มอกอยู่แล้วนี่ จะถามย้ำให้ตัวเองต้องเจ็บทำไม” ไหล่เพื่อนรุ่นน้องไหวสะเทือนด้วยความปวดร้าว บ่าหนาของอัศม์เดชชุ่มไปด้วยน้ำตา หนุ่มรุ่นพี่กระดกเหล้าลงคอ ปล่อยให้รุ่นน้องใช้ไหล่ของเขาซับน้ำตาต่อไปเงียบ  ๆ เขารู้...เวลาจะเยียวยาทุกอย่างเอง เพียงแต่ต้องใช้เวลา มากน้อยอยู่ที่ความเข้มแข็งของแต่ละคน แต่เขารู้ว่าน้องรักจะผ่านมันไปได้ เจ้าณัฐมันอดทนมาได้ทุกอย่างจนทุกวันนี้ น้องของเขาจะต้องผ่านบททดสอบครั้งนี้ไปได้



“พี่ณัฐยังไม่มาหรือกานต์” รพินทร์ถามขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าไม่สบายใจของบุตรชายกำลังชะเง้อคอมองหาใครบางคน วันนี้ครบกำหนดนัดของหมอแต่ยังไร้วี่แววสารถีอาสาประจำตัว  ณัฐธีร์ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นร่วมเดือนแล้ว เห็นบอกว่าไปแคมปิ้งพักผ่อนกับพี่เดช ทั้งนั้นสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง

“พี่ณัฐ...คงไม่อยากเห็นหน้ากานต์แล้วครับพ่อ” น้ำเสียงหม่น สีหน้าหงอยลง รพินทร์ทิ้งกายลงนั่งข้างกาย มือลูบศีรษะกลมแผ่วเบา รพีกานต์โผเข้ากอดผู้เป็นบิดา ซุกหน้ากับแผ่นอกอุ่น ไม่สบายใจนักที่การซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตนจะทำให้สูญเสียคนแสนดีไป

“พูดอย่างนี้แสดงว่ากานต์ยังรู้จักพี่ณัฐไม่ดีพอ แถมกานต์กำลังดูถูกน้ำใจของพี่ณัฐนะรู้ไหม” รพินทร์เตือนสติ รายนี้งอแงกับพี่ณัฐจนเคยตัว

“กานต์...”

“พี่ณัฐรักกานต์มากกว่าที่กานต์รับรู้ได้อีกนะลูก รักมานานแล้ว และพ่อเชื่อว่าพี่ณัฐจะไม่มีวันทิ้งกานต์ไปไหน ถ้ากานต์ยังไม่มีคนดูแลที่ดีพอ”

“พ่อ...แต่”

“พ่อเห็นกานต์ เห็นพี่ณัฐมาตั้งแต่ตัวกะเปี๊ยกนะลูก มีสักครั้งไหม ? ที่พี่ณัฐจะปล่อยมือน้องกานต์น่ะหือ จำวันที่ฝนตกได้ไหม พี่ณัฐยังเอาน้องขี่หลัง มีใบบัวโปะหัวเดินกลับบ้านด้วยกัน กานต์ของพ่อยังเอาใบบัวมาเล่นทำร่ม ขี่หลังพี่เขาร้องเพลงเสียงใส แล้วกบน้อยก็เป็นหวัดเสียงแหบวันต่อมา” ยิ่งฟังพ่อพูดก็ยิ่งรู้สึกผิด
 
“แต่ความรักมันเลือกที่เกิดไม่ได้นี่ลูก เลือกไม่ได้ว่าต้องรักใคร เพราะอย่างนั้น กานต์ต้องให้เวลาพี่ณัฐได้ทำใจ เชื่อเถอะ พี่ณัฐไม่มีวันปล่อยมือกานต์ของพ่อเด็ดขาด ถ้ายังไม่เจอคนดี ๆ พอมาดูแลกานต์อย่างที่พี่เขาเคยทำ” รพินทร์บอกอย่างเชื่อมั่น เขารู้มานาน ความรู้สึกของณัฐธีร์อยู่ในสายตาของเขามาตลอด เด็กรักดีคนนี้ เสียดายที่รพีกานต์ไม่ได้รับรัก เสียดายจริง ๆ


กริ๊ง ๆ
เสียงกริ่งจักรยานดังขึ้นไม่ไกลนักเมื่อร่างสูงเดินผ่านรั้วเข้ามาในอาณาเขตร่มรื่นของบ้านสไตล์ขนมปังขิง ณัฐธีร์เหลือบนัยน์ตาแลเลยไปยังต้นเสียง จักรยานคันเล็กแบบมีล้อพ่วงเคลื่อนล้อไปในสนามหญ้าหน้าบ้าน โดยเด็กชายฉายสิริ หรือหนูตะวันตัวน้อย มีสุนัขพันธุ์ไทยสีทองแดงตัวหนึ่งวิ่งกระดิกหางตามให้กำลังใจอยู่ใกล้ ๆ เจ้าตัวนี้ติดหนูตะวันมาก เป็นเพื่อนคู่บุญกันมาแต่บ้านหลังเก่า คุณรพินทร์เลยรับมาดูแลด้วยกันทั้งคนทั้งหมา ริมฝีปากที่เรียบสนิทมาหลายวันโค้งขึ้นโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นภาพบริสุทธิ์ตรงหน้า ร่างเล็กจ้อยคงเพิ่งหัดขี่จักรยานล่ะมั้ง ด้านข้างตัวรถถึงมีล้อพ่วงติดอยู่ ชีวิตเล็ก ๆ ที่ถูกกักขังทารุณมาตลอดเป็นไปในทางที่ดีขึ้น เขาเองก็พลอยอิ่มเอมใจไปด้วย

“หนูตะวัน คุณรพินทร์ซื้อจักรยานให้ใหม่หรือครับ” เขาส่งเสียงทักพลางก้าวฉับ ๆ เข้าไปหา ใบหน้าใสหันขวับ แม้จะคุ้นกันบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีแววของความไม่ไว้ใจซุกซ่อนอยู่ในดวงตาคู่ใส หนูตะวันหวาดกลัวผู้ชายตัวใหญ่ นั่นคือสิ่งที่เขารู้มา แต่ณัฐธีร์ไม่ท้อ พยายามชวนคุยอยู่บ่อย ๆ ได้รับการตอบรับบ้าง ไม่ได้รับบ้าง เป็นสิ่งที่เข้าใจได้

“อยากลองขี่ได้แบบไม่ต้องใช้ล้อพ่วงไหม วิ่งฉิวเลยนา เดี๋ยวพี่ณัฐช่วยหัดให้ เอาไหมครับ” เขาตะล่อมด้วยนึกเอ็นดู ไร้เสียงตอบรับแต่แววตาใสมีแววสนใจกับข้อเสนอไม่น้อย

“แต่วันนี้ยังไม่ได้นะครับ พี่ณัฐจะมาพาพี่กานต์ไปธุระก่อน กลับมาเดี๋ยวพี่ณัฐมาหัดจักรยานให้หนูตะวันเลย” เขาบอกด้วยรอยยิ้มอบอุ่น แก้มขาวเริ่มมีสีมะเขือเทศหน่อย ๆ ยามถูกคนหล่ออย่างพี่ณัฐจ้องกันตรง ๆ แบบนี้ ใบหน้ากลมเฉไฉ สายตาหลุกหลิกเอียงอาย ก่อนหาทางออกด้วยการขี่จักรยานหนีไปทางอื่นดื้อ ๆ ณัฐธีร์มองเด็กชายขี้อายไม่คุ้นคนยิ้ม ๆ ก่อนนึกขึ้นได้

“หนูตะวัน พี่ไปเที่ยวมา มีของฝากให้หนูด้วยน้า  กลับมาหาพี่ก่อนเร้ว” ณัฐธีร์ร้องเรียก มือล้วงลงในลงถุงของฝากที่หิ้วติดมือมา หยิบเค้กฝอยทองกับมะขามกวนที่มัดเป็นข้าวต้มมัดอันจิ๋วใส่ในกระจาดกับชะลอมชูให้ดูด้วยรอยยิ้ม รถจักรยานเบรกกึก คนขี่เอี้ยวตัวหันมามอง ท่าทีลังเลสนใจใคร่รู้ เพราะเคยถูกขังไม่ให้ออกไปไหนมาตลอดจนไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นหรือรู้จักอะไรมากนัก

“ส่วนตั๊กแตนนี่ พี่ตั้งใจสานมาให้ตะวันโดยเฉพาะ” ณัฐธีร์ชูตั๊กแตนสานจากใบมะพร้าวให้ดู เจ้าของดวงตาใสเหลือบมองอย่างสนใจ มือหนาใหญ่ยื่นทั้งขนมและตั๊กแตนดุ๊กดิ๊กส่งให้ หนูฉายสิริมองคนยื่นให้สลับกับมองของในมืออย่างช่างใจก่อนยื่นมือเล็ก ๆ มารับช้า ๆ ริมฝีปากน้อยขยับขมุบขมิบแต่ไร้เสียงพูดเช่นเคย

“กินขนมแล้วอย่าลืมแปรงฟันนะครับเด็กดี พี่ไปก่อนละ” มือหนาลูบศีรษะเล็กแผ่วเบา ร่างสูงเบือนหน้าเตรียมเดินเข้าไปข้างในบ้าน หากแต่มีบางอย่างรั้งชายเสื้อเอาไว้ เอี้ยวหน้ามาดูจึงเห็นเป็นหนูน้อยคนเก่า

“ว่าไงครับ” ณัฐธีร์ยอบกายลงนั่งบนส้นเท้า กุมบทสนทนาไว้เพียงฝ่ายเดียวเช่นเดิม ตัวเล็กปลิวลมจ้องเขาด้วยดวงตากลมไร้เดียงสาก่อนหลุบตาลงไม่กล้าสบตานาน ๆ เช่นเคย มือเล็กล้วงลงในกระเป๋าเอี๊ยมติดหน้าท้อง หยิบซองขนมส่งให้ ณัฐธีร์เลิกคิ้ว รับมาพลิกดูเห็นเป็นขนมอาลัวชิ้นจิ๋วในซองซิปล็อกเปิดกินง่ายแล้วหลุดหัวเราะ เดาไม่ยากว่าฝีมือคุณรพินทร์แน่ ๆ ทำเองแบบนี้ควบคุมปริมาณน้ำตาลได้ดีกว่าซื้อในท้องตลาด

“ให้พี่หรือครับ ให้พี่แล้วเวลาหนูตะวันหิวขนม หนูจะกินที่ไหนล่ะฮึ” ณัฐธีร์แกล้งแหย่เล่น รอยยิ้มกว้างผุดได้ง่ายดายด้วยความเอ็นดูเต็มกำลัง ดวงตาคมทอประกายอ่อนโยนยามทอดมองตัวเล็กปลิวลม สายลมเย็นเอื่อยพัดกลิ่นแป้งเด็กหอม ๆ ติดผิวอุ่นกรุ่นเข้าจมูก หนูน้อยยังคงไม่ปริปากตอบคำถาม นอกจากชี้มือเข้าไปในบ้าน ณัฐธีร์นึกถึงขวดโหลบรรจุขนมหลายขวดวางเรียงกันที่เคยเห็นแล้วอมยิ้ม ยังมีผลไม้ตามฤดูกาลที่คุณรพินทร์เตรียมไว้ให้กินไม่ขาด เตชะบุญแล้วหนูตะวัน ที่มาเจอกับคนที่นี่ เรื่องบาดแผลในใจต้องใช้เวลาเยียวยากันต่อไป เขาเองก็เช่นกัน

“ขอบคุณครับคนเก่ง งั้นพี่ขอตัวไปหาพี่กานต์ก่อนนะ หนูตะวันหัดขี่ให้คล่องก่อน เดี๋ยวพี่มาถอดล้อพ่วงออกให้นะครับ” เขาลูบศีรษะทุยแผ่วเบา สัมผัสเส้นผมอ่อนนุ่มราวเส้นไหม ริมฝีปากอุ่นแตะจรดหน้าผากมนเหมือนให้สัญญา ก่อนผละจากไป โดยมีดวงตากลมมองตามไม่ละ


รถยนต์แล่นไปเรื่อย ๆ โชเฟอร์หนุ่มเปิดเพลงคลอเบา ๆ ไม่ให้บรรยากาศเงียบจนเกินไป รพีกานต์เหลือบนัยน์ตาแลพี่ชายอยู่บ่อยครั้ง รู้สึกถึงความเฉยของอีกฝ่ายแล้วใจแป้วอย่างบอกไม่ถูก ณัฐธีร์รู้ตัวว่าถูกมอง เขาหันมายิ้มให้ รอยยิ้มบางอ่อนโยนฉาบบนริมฝีปากได้รูป มือหนายีศีรษะทุยเย้าหยอก เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากไปแอดเวนเจอร์ขึ้นเหนือล่องใต้กับอัศม์เดช กลับมาเห็นเจ้าของใบหน้าใสสะอ้านแม้จะยังเจ็บปวด แต่ก็ไม่ฟูมฟายอย่างทุกที

“อื้อ พี่ณัฐ ไม่โกรธกานต์แล้วหรือครับ หายไปเป็นเดือนเลย” รพีกานต์เบี่ยงศีรษะหนีพัลวัล มือเรียวสางผมยุ่งเหยิงเข้าที่

“พี่ไม่เคยโกรธกานต์เสียหน่อย แค่หลบไปทำใจ” ณัฐธีร์ตอบเสียงเรียบ สายตามองตรงไปข้างหน้า รพีกานต์มองเสี้ยวหน้าคมแล้วอดรู้สึกสลดใจขึ้นมาไม่ได้

“พี่ณัฐ...”

“กานต์เป็นอย่างที่เคยเป็นนั่นแหละ พี่จะเป็นฝ่ายหยุดเอง พี่จะรักกานต์ ในแบบที่กานต์อยากให้พี่รัก” เขากลืนความรู้สึกบางอย่างลงคอ พยายามบอกตัวเองว่ามัน...เป็นไปไม่ได้

“ข้างหน้าเป็นปั๊ม คุณแม่อยากเข้าห้องน้ำไหม” หันมาถามอย่างใส่ใจเช่นเดิม ที่เปลี่ยนไปคือไม่ละลาบละล้วงเช่นเก่า

“ครับ” รพีกานต์พยักหน้า แม้จะรู้สึกหน่วงกับท่าทีเหมือนเฉยเมยในบางครั้ง แต่ณัฐธีร์ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเข้มแข็งขึ้น

“งั้นเดี๋ยวพี่แวะมินิมาร์ทไปซื้ออะไรรองท้องให้เนอะ หรือกานต์จะให้พี่ไปส่งก่อน”

“ไม่ต้องหรอกครับ แค่เข้าห้องน้ำเอง พี่ณัฐไปซื้อของเถอะ เสร็จแล้วเดี๋ยวกานต์มารอที่รถ” ตกลงกันเสร็จสรรพเรียบร้อย เมื่อรถเลี้ยวเข้าช่องจอด ต่างฝ่ายต่างก็ไปจัดแจงธุระของตน ห้องน้ำของปั๊มอยู่ห่างออกไปหน่อย ตอนรพีกานต์เข้าไปใช้บริการนั้น ใครคนหนึ่งก็เปิดประตูออกมาล้างมือพอดี สายตาสองคู่สบประสานกัน หัวใจของรพีกานต์เร่งจังหวะรัวขึ้นเมื่อได้เจอใครอีกคนแบบไม่คาดฝัน หากแต่ร่างเปรียวเลี่ยงที่จะทักทายสนทนากับเขา ทว่าเสียงที่ดังขึ้นแทรกความเงียบนั้นทำให้ชะงักเล็กน้อย

“ไม่คิดจะทักกันหน่อยหรือไง หรือว่าควงลูกชายนักการทูตจนพี่ตกกระป๋องไปแล้ว” รพีกานต์ขมวดคิ้วงง ปรายตามองคนหาเรื่องเหน็บแนมนิดหน่อยพลางส่ายหน้าไม่สนใจ มือผลักบานประตูหมายจะรีบเข้าไปทำธุระให้เสร็จ ๆ

ปัง ! แกร็ก !

ร่างเล็กหน้าแทบคำคะมำเมื่อร่างสูงใหญ่เบียดกายแทรกตามเข้ามาด้วย มือหนาปิดประตูลงล็อกเสร็จสรรพ หันมาหน้าถมึงทึง

“พี่วินตามกานต์เข้ามาทำไมเนี่ย” รพีกานต์โวยด้วยความไม่เข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่าย กลบเกลื่อนอาการเต้นรัวในอก สัมผัสชิดใกล้ ลมหายใจอุ่นจัด กลิ่นกายหอมกรุ่นคุ้นเคยของอัครวินท์ ทุกอย่างยังคงจารรอยเดิมเอาไว้อย่างแน่นหนา เพียงเท่านี้หัวใจที่เคยโหยหาเขามาตลอดก็เต้นเร่าในอก

“เดี๋ยวนี้ทำเมินใส่พี่หรือกานต์” น้ำเสียงฉุนเฉียวแสดงอาการไม่พอใจเต็มที่ ทั้งหงุดหงิดจากภาพวันนั้นเป็นทุนเดิมจึงอยากหาเรื่องเต็มที่ รพีกานต์ทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าที่ควร แถมท่าทีสะบัดหน้าหนีทำให้เขาผลุนผลันรีบตามเข้ามาไม่รู้ตัว

“พี่วินพูดบ้าอะไรเนี่ย พี่เองไม่ใช่หรือ ? ที่มีคนใหม่” รพีกานต์ย้อนเข้าให้บ้าง ยังผลให้คนตัวใหญ่นิ่งไป

“พี่วินออกไปเถอะครับ กานต์จะทำธุระ เราต่างมีชีวิตของใครของมันแล้วนะครับ” ทั้งที่ไม่มีคำบอกเลิกซักคำ รพีกานต์ประนีประนอมด้วยถ้อยคำอ่อนลง พูดเองเจ็บเอง เจอกันแถวนี้ พี่วินก็คงจะพาใครสักคนมาเที่ยวอีกตามเคย นึกถึงตรงนี้ความเจ็บปวดก็แล่นริ้ว คนลืมช้าคือคนแบกรับความเจ็บปวด ทั้งที่ฝ่ายหนึ่งต้องการจบการสนทนาแต่คนฟังกลับตีความไปอีกอย่าง

“ไล่พี่แบบนี้แสดงว่ามีคนรออยู่ข้างนอกสินะ กานต์ต้องการประชดพี่ใช่ไหม ต้องการเรียกร้องความสนใจให้พี่กลับมาหา ถึงได้ควงกับฉายฉานให้พี่เห็น เมียพี่เข้าใจเลือกนี่ เดือนรัฐศาสตร์เสียด้วย เสียใจด้วยนะ มุกนี้ไม่ใหม่ เคยมีคนใช้แล้ว และมันไม่ได้ผลกับพี่” อัครวินท์เยาะ หากในใจกำลังคุกรุ่นจริง ๆ ใช่ เคยมีคนใช้มุกนี้มาแล้วและคว้าน้ำเหลว แต่กับคนตัวเล็ก เขากลับรู้สึกโมโหขึ้นมาจริง ๆ

“พี่ฉายเกี่ยวอะไรด้วย พี่เขาเป็นเพื่อนพี่ณัฐ เคยเจอกันไม่กี่ครั้ง แล้วพี่วินมาซักไซ้กานต์แบบนี้ พี่เองก็ควงคนอื่นไปทั่วไม่ใช่หรือครับ กานต์เป็นแค่ของเล่นของพี่ เบื่อแล้วก็เขี่ยทิ้ง แล้วนึกยังไงมาวอแวกับของเล่นเก่า ๆ ที่พี่วินกระทืบมันพังไปแล้ว” ยิ่งพูดยิ่งเสียใจ ความน้อยใจแสดงออกผ่านดวงตาที่จ้องประสานไม่มีหลบ อัครวินท์สะอึก รู้อยู่แก่ใจว่าตนเองนั้นผิดเต็มประตู กระนั้นยังดึงดันจะเอาชนะ

“กานต์เป็นของพี่” เขาประกาศชัดถ้อยชัดคำ เลือกที่จะปัดทุกเหตุผลทิ้งไป ไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น เขาต้องการคนของเขาคืน และเขาต้องได้

“พี่วินเห็นแก่ตัว ไม่มีเหตุผล ถอย ! ถ้าพี่ไม่ออกไป กานต์จะออกไปเอง” รพีกานต์ผลักอกหนา ทว่าข้อมือเล็กกลับถูกรวบยึด กายหนาดันร่างเล็กกว่าชิดผนัง บดเบียดร่างกายคลุกเคล้าเข้าหา ริมฝีปากร้อนผ่าวบดเบียดจาบจ้วงความหวานฉ่ำภายใน กลิ่นกายหอมคุ้นเคยยั่วเย้าอารมณ์ของอัครวินท์ลุกฮือ ริมฝีปากนุ่มนิ่มฉ่ำหวานทำเขาหัวหมุนเหมือนเคย ร่างกายร้อนพล่านด้วยความปรารถนา ฝ่ามือร้อนลูบไล้ผิวเนื้อเนียนนุ่ม ลมหายใจร้อนระอุกว่าเก่า

“อื้อ อย่า อุ๊บ!” รพีกานต์ขัดขืน ริมฝีปากเล็กถูกปิด เสียงกระซิบกระซาบลอดผ่านริมฝีปากได้รูปขณะลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดใบหู

“มีคนเข้ามา อยากให้เขาได้ยินก็ร้องดัง ๆ ร้องไปเลย แต่พี่ไม่หยุด” คนถูกขู่หุบปากฉับ เปิดโอกาสให้คนรุกรานยิ้มพราวในแววตาร้ายกาจ แขนหนาตวัดโอบเอวบางรั้งเข้าแนบชิด ริมฝีปากช่ำชองปรนเปรอรสจูบซาบซ่าน รพีกานต์หัวหมุนคว้าง ขาสั่นระริก ข้างนอกยังได้ยินเสียงคนคุยกัน  มือเล็กกำอกเสื้ออีกฝ่ายแน่น หัวใจเต้นรัวทั้งยืนสั่นไปทั้งกาย รสจูบหวานล้ำสลับกับร้อนเร่าในบางที อัครวินท์รู้สึกตื่นเต้นและท้าทาย ยิ่งเหลือบมองใบหน้าส่ายไปมาแสดงการไม่ยินยอม แต่ไม่กล้าเปล่งเสียงให้เล็ดลอดออกไปยิ่งกระตุ้นเร้าอารมณ์ของเขา ชายเสื้อเลิกขึ้น ยอดอกสีอ่อนถูกครอบครองด้วยเรียวลิ้นชุ่ม รพีกานต์เงยหน้าเริดปิดปากกลั้นเสียงเต็มกำลัง แก้มขาวร้อนผ่าว ความร้อนวูบวาบแล่นพล่านทั้งกายด้วยไฟปรารถนาที่ถูกอีกฝ่ายจุด มือเล็กอ่อนแรงลงเรื่อย ๆพยายามผลักพยายามดันอีกฝ่ายแต่ดูเหมือนเรี่ยวแรงจะลดน้อยถอยลงทุกที

“อือ...” เสียงครางแผ่วเบาเปล่งผ่านลำคอ นัยน์ตาหวานฉ่ำกับสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้ ไม่ว่าจะอย่างไรรพีกานต์ก็ไม่อาจต้านทานแรงดึงดูดจากผู้ชายที่ชื่ออัครวินท์ได้เลย ทั้งที่เขาเคยทำให้เจ็บช้ำน้ำใจมาไม่น้อย แต่พอถูกฝ่ามือร้อนลูบไล้สัมผัส ลมหายใจอุ่นผ่าวที่เป่ารดกันและกัน ร่างกายก็โอนอ่อนโดยง่าย รู้ตัวอีกที กางเกงก็หลุดจากสะโพกลงไปกองที่ข้อเท้า พร้อมริมฝีปากร้อนชุ่มที่เข้าครอบครองส่วนรัก

“พี่วิน !” เสียงนุ่มกระซิบกระซาบด้วยความตกใจ ที่เคยร่วมรักกันมาอัครวินท์ไม่เคยทำแบบนี้ให้มาก่อน มือเรียวพยายามผลักเขาออกห่าง หากชั้นเชิงปลายลิ้นกลับให้ทำรพีกานต์กระตุกเกร็ง แขม่วหน้าท้องด้วยความสยิวซ่าน มือที่ผลักเปลี่ยนเป็นแทรกไปตามเส้นนุ่มระบายความรู้สึกซ่านที่ได้รับ อือ...พี่วิน

อัครวินท์ปรนเปรอให้อย่างไม่นึกรังเกียจแม้แต่น้อย ทุกอณูร่างกายของรพีกานต์คือสิ่งวิเศษสำหรับเขา ปลายนิ้วยาวกดชำแรกเบิกทางยังส่วนคุ้นเคย หากรพีกานต์สะดุ้งโหยง นึกขึ้นได้ในทันทีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น หากแต่ตอนนี้เขากำลังตั้งครรภ์ อารามตกใจระคนห่วงลูกร่างเล็กออกแรงผลักเขาออกเต็มกำลังพลางขยับหนี

“ไม่ได้พี่วิน !” รพีกานต์สั่นหน้าหวือพัลวัน คุณหมอบอกว่าสามารถร่วมรักได้ แต่คนที่ไม่รู้เรื่องเช่นอัครวินท์ รพีกานต์ไม่แน่ใจว่าเขาจะโหมกำลังรุนแรงเพียงใด นึกแล้วแก้มขาวก็ให้แดงซ่านร้อนวูบวาบไปทั้งเนื้อทั้งตัวราวจับไข้ คนตัวใหญ่กำลังช้างสาร กินหวานกันได้ตลอดคืนจนรพีกานต์หลับพับคาอกมาแล้ว

“ทำไม” เสียงเข้มติดห้วน คิ้วเข้มขมวดอย่างไม่พอใจทันที

Trrrrr

- มีต่อด้านล่างค่ะ -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-01-2017 16:45:32 โดย Moony_Darling »

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
๑๙ (ต่อ ๒)

Trrrrrr

เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของรพีกานต์ดังขึ้นขัดจังหวะ ร่างเล็กรีบดึงกางเกงขึ้นสวมลวก ๆ มือล้วงลงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ออกมาดูสายเรียกเข้า หากมือหนาของใครคนหนึ่งฉวยแย่งโทรศัพท์ไปจากมือเพื่อดูเสียเอง

‘พี่ณัฐ’

“อ้อ มิน่า พี่ไม่น่าลืมพี่ณัฐคนดีของกานต์ไปเลย” อัครวินท์ประชดมือกดตัดสายทิ้ง ดวงตาคมวาวด้วยอารมณ์กรุ่นขณะก้าวเท้าประชิดตัวบาง ห้องน้ำก็แคบแค่นี้ ให้มันรู้ไปว่าจะหนีไปไหนพ้น เขาโกรธขึ้นมาจริง ๆ หึงหวงทุกคนที่เข้าใกล้ไม่ว่าหญิงหรือชาย

“ที่ไม่ยอม จะเก็บไว้ให้มันใช่ไหม” เขาเค้นถามเสียงเย็นเฉียบ ประกายตาวาวราวกับมีเปลวไฟลุกท่วมอยู่ข้างใน รพีกานต์ส่ายหน้า ต้นแขนถูกกระชากโดยแรง จมูกโด่งซุกไซ้อย่างไม่ปรานีปราศรัย อัครวินท์กำลังเลือดขึ้นหน้าด้วยความโมโห

“อยากร้องก็ร้องไป แต่พี่ไม่หยุด กานต์เป็นของพี่ จำใส่ใจเอาไว้” เสียงโทรศัพท์ดังซ้ำอีกครั้งกลับไม่ได้รับความสนใจ ร่างกายและหัวใจถูกกระทำอย่างข่มเหง ฉีกกระชากจิตวิญญาณ เหยียบย่ำทารุณอย่างโหดร้าย น้ำตาหยดใสไหลพราก หัวใจรพีกานต์เย็นเยือกสั่นสะท้าน รพีกานต์คิดถึงพ่อ คิดถึงพี่ณัฐ พี่ชายคนดีของน้องน้อย ไม่มีสักครั้งที่จะทำให้ระคายแม้เพียงปลายเล็บ ภาพพี่ชายพาน้องขี่หลังพามาส่งบ้านตัวเปียกปอน รพีกานต์ถือร่มใบบัวบังฝนให้พี่ ครั้งนั้นณัฐธีร์ถูกหลวงตาทำโทษอย่างหนัก โดยที่รพีกานต์ไม่โดนสักแปะ แล้วทำไมหัวใจต้องรักคนใจร้ายคนนี้

“พี่ณัฐ...” เสียงแหบแห้งเครือครางแผ่ว น้ำตารินไหล น้องน้อยคิดถึงพี่ชาย อยากให้พี่พาน้องกลับบ้าน หนีไปจากคนใจยักษ์ใจมาร

“อยู่กับผัวยังกล้าเรียกชื่อคนอื่น” ดวงตาคมกล้ากร้าวโชน เสียงเรียกชื่อณัฐธีร์ไม่ต่างจากสาดน้ำมันเข้ามาในกองไฟ รพีกานต์มองคนใจดำผ่านม่านน้ำตาที่ไหลอาบ ริมฝีปากถูกกัดจนเจ็บ เจ็บปวดเหลือประมาณไม่ต่างจากถูกบากขั้วหัวใจแล้วเอาเกลือทา

“พี่วินอย่าทำกานต์” สองมือยกพนมไหว้อ้อนวอน ด้วยกลัวความเร่าร้อนของเขาจะทำร้ายลูกน้อยในท้อง

“ทำไม! ไม่ให้พี่ แล้วจะเก็บเอาไว้ให้ใคร!”

“ฮึก! ไม่ใช่! กานต์ไม่ได้เก็บไว้ให้ใคร กานต์มีแค่พี่ พี่วินคนเดียว”

“โกหก! เห็นอยู่ว่ากานต์อยู่กับใครบ้าง แล้วยังกล้าโกหกพี่ ! กานต์จะเก็บเอาไว้ให้บรรดาผู้ชายของกานต์ใช่ไหม ฮึ” ร่างเล็กถูกจับเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอนตามแรงอารมณ์เกรี้ยวกราดที่ฮ้อตะบึงราวพายุฉีกกระชาก

“ไม่ใช่! กานต์ท้อง!” รพีกานต์โพล่งขึ้น เพราะดูท่าทีอัครวินท์แล้วหากอมพะนำไว้ คงถูกอาละวาดจนกระเทือนกับท้องอ่อน

“ว่าอะไรนะ!” อัครวินท์หยุดการกระทำลง เค้นเสียงทวนคำถาม

“กานต์ท้อง อึก ในท้องนี่ มีลูกของพี่ ลูกของเรา” นัยน์ตาทั้งคู่ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตา รพีกานต์ประสานสายตากับดวงตาดุดัน เอ่ยทวนสิ่งที่เพิ่งพูดออกไปเมื่อครู่อีกหน ทว่าอีกคนกลับแค่นเสียงเยาะ

“หมดเรื่องจะกุขึ้นมาหลอกพี่แล้วใช่ไหม ถึงคิดว่าพี่โง่จนลืมไปว่ากานต์เป็นผู้ชายเหมือนพี้ ไอ้นั่นกานต์ก็มีเหมือนพี่ แล้วจะท้องได้ยังไง สะดีดสะดิ้งไม่ให้ผัวเอา หรือว่ามีผัวใหม่แล้ว ไอ้หนุ่มวิศวะนั่นใช่ไหม หรือหนุ่มไฮโซเดือนรัฐศาสตร์ หรือยังมีใครอีก” อัครวินท์ขึงตาหยามหยัน รพีกานต์รู้ซึ้งถึงสันดานหยาบช้าฉาบด้วยเปลือกสวยภายนอกก็วันนี้

“พี่อย่าคิดว่าทุกคนจะเป็นเหมือนพี่สิครับ”

“กานต์!” รพีกานต์แสร้งทำเป็นเข้มแข็งทั้งที่น้ำตาตกใน ดวงตากล้าแข็งประสานสายตาแข็งกร้าวของอัครวินท์ มันปวดแปลบลึก ๆ ข้างในก็ตรงนี้ ตรงที่เราไม่เคยลืมเลือนความรักที่มีให้แก่เขายามที่เราได้มาอยู่ตรงหน้าคนที่ไม่เคยมีรักให้เรา ยิ่งคิด หัวใจก็ยิ่งปวดร้าวกับภาพเก่า ๆ ที่ไหลย้อนกลับมาอย่างซื่อสัตย์ต่อความรู้สึก น้ำตาที่ไหลอยู่ข้างในใจคงมีมากมายเกินบรรยายถึงได้เอ่อนองผ่านออกมาจากดวงตา รพีกานต์ขอบตาร้อนผ่าวมองคนใจดำผ่านม่านน้ำตาที่ไหลอาบ ภาพที่เห็นนั้นพร่าเลือนทว่ายังมองเห็นคนใจดำ ไม่มีเสียงสะอื้น รพีกานต์เพียงแต่จ้องตากับเขาแล้วปล่อยน้ำตาให้ไหลเงียบ ๆ ไม่คิดเรียกร้องให้สงสารหรือร้องขอให้กลับคืนมา ไม่หวังว่าเขาจะรู้สึกรู้สา

“กานต์” เหมือนมีก้อนแข็งแล่นมาจุกที่ลำคอ อัครวินท์พูดไม่ออก น้ำตาคนตัวเล็กมีอานุภาพต่อความรู้สึกของเขา น่าแปลกที่เขากลับไม่รู้สึกยินดีซักนิดที่ทำร้ายหัวใจน้อย ๆ ดวงหนึ่งลงได้ เขาควรจะยิ้มอย่างผู้กำชัยชนะเอาไว้ในกำมือไม่ใช่หรือ แต่ทำไม อัครวินท์กลับรู้สึกว่าตนเองแพ้อย่างราบคาบเช่นนี้ เขาแพ้...ให้แก่น้ำตาของรพีกานต์ แพ้ให้แก่หัวใจบริสุทธิ์ ตั้งแต่คราวนั้นที่รู้ข่าวรพีกานต์เกิดอุบัติเหตุ หัวใจของเขาอ่อนลงและคงจะอ่อนกว่านี้หากไม่มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา

“กานต์ ! อยู่ในนี้ไหม” เสียงของณัฐธีร์ดังขึ้นขณะเยี่ยมหน้าเข้ามาเมียงมองดูข้างใน ไม่มีใครทำธุระอยู่ มีเพียงห้องหนึ่งปิดประตูเงียบจึงลองร้องถาม

“กานต์” ณัฐธีร์ยืนอยู่หน้าห้องที่ปิดเงียบ ภายในกำลังเกิดสงครามสายตาขนาดย่อม รพีกานต์เป็นฝ่ายถอนสายตาหันมารับคำ

“พี่ณัฐ กานต์อยู่นี่ กำลังจะออกไปครับ” ณัฐธีร์โล่งใจ กำลังจะกลับออกไปรอด้านนอก หากเสียงตึงที่ได้ยินทำให้ชะงัก หันขวับกลับมาทันที

“กานต์เป็นอะไร กานต์ !” ณัฐธีร์เคาะประตู ในใจนึกหวั่นกลัวน้องจะลื่นล้ม เขาห่วงทั้งกานต์ทั้งเจ้าตัวเล็กในท้อง

“พี่ณัฐ ! อื้อ!”

“กานต์เป็นอะไร !” ณัฐธีร์ทุบประตูร้อนใจ เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้นแต่เขาไม่มีกระจิตกระใจจะสนใจจนเสียงหนึ่งตะโกนออกมา

“รับสิโว้ย !” ณัฐธีร์นิ่งงัน เสียงนั่น หรือว่า ? มือสั่นเทาล้วงโทรศัพท์ออกมา สายรพีกานต์กำลังเฟซไทม์หาเขา เมื่อกดรับ ภาพที่เห็นทำให้เขาแทบล้มทั้งยืน น้องน้อยกำลังจูบกับใครอีกคน ใครคนหนึ่งถอนใบหน้าหันมามองเขาท้าทายแสดงความเป็นเจ้าของเต็มที่ ซอกคอระหงถูกซุกไซ้จาบจ้วง รพีกานต์ขัดขืน ภาพทุกอย่างถูกตัดฉับ

“พี่ณัฐช่วยกานต์ด้วย” เสียงน้องน้อยร้องขอความช่วยเหลือ ณัฐธีร์ขอบตาร้อนผ่าวทุบประตูปึงปังด้วยความทรมานใจ

“กานต์...” เขาตั้งท่าจะพังประตูเต็มที่ หากประตูถูกเปิดออกผลัวะพร้อมใครอีกคนที่ยืนจังก้าก้าวเท้าออกมา มือหนากำข้อมือเล็กแน่นกระชากออกมาจากห้องน้ำด้วยกัน หมัดแหวกอากาศปะทะใบหน้าณัฐธีร์ไม่มีปี่มีขลุ่ย คนไม่ทันตั้งตัวเซถลา รพีกานต์หวีดเสียงด้วยความตกใจ

“พี่ณัฐ !” ณัฐธีร์เลือดขึ้นหน้าเดินหน้าเข้าหา เขาทนกับไอ้คนเหยียบย่ำหัวใจของเขามานาน วันนี้จะได้เห็นดีกัน ! หมัดลุ่น ๆ สวนเข้ากระแทกใบหน้าลูกชายนายธนาคารเข้าให้บ้าง ทั้งรวดเร็ว แม่นยำ และหนักหน่วงในเวลาเดียวกัน เล่นเอามึนทีเดียว รสเลือดเค็มปร่ากบปากอย่างรวดเร็วยืนยันได้เป็นอย่างดี อัครวินท์ไม่เคยรู้ว่าณัฐธีร์นี่แหละคู่ใจคอยซ้อมกับเจ้าของค่ายมวยบ่อย ๆ

“พี่วิน” รพีกานต์ทำอะไรไม่ถูกเมื่อคนทั้งคู่เริ่มตะลุมบอนกันจริงจัง

“หยุดนะ !” ร่างเล็กปรี่เข้าไปขวาง มือเล็กคล้องเอวณัฐธีร์ดึงออกเมื่อพี่ชายกำลังจะกระทืบเท้าซ้ำคนที่ลงไปกองเค้เก้ ณัฐธีร์ยอมยั้งมือ อย่างน้อย ๆ ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของอดีตเดือนบริหารฯ แตกยับเยินก็สาแก่ใจดี อัครวินท์ยันกายลุก หลังมือปาดเช็ดเลือดที่ไหลจากมุมปากลวก ๆ ไม่ยักรู้มาก่อนว่าณัฐธีร์จะเป็นมวยจัดเจนถึงปานนี้

“พี่ณัฐไปกันเถอะครับ เดี๋ยวคนได้แห่กันมา” ร่างเล็กเขย่าแขนพี่ชาย สายตาเหลือบเห็นคนชะเง้อเมียงมองเหตุการณ์อยู่ด้านนอก ดวงตาสวยเหลือบแลอีกคน แววห่วงใยอีกคนไม่น้อยปรากฏในดวงตางาม ใบหน้าหล่อใสโดนไปไม่กี่หมัดก็แตกเยิน เห็นพี่ณัฐหงิม ๆ ยอมให้กานต์ แต่จริง ๆ แล้วมือเท้าหนักน้อง ๆ พี่เดชเลยก็ว่าได้ เพียงแต่จะใช้เมื่อจำเป็นจวนตัวก็เท่านั้น คนใจอ่อนออกเดินแต่ไม่วายเหลียวมองคนด้านหลัง นึกสงสารพี่วินอยู่ครามครัน

“พี่ไม่ให้ไป !” โดนตะบันหน้ายับเยินไปยังไม่วายสิ้นฤทธิ์ อัครวินท์ตามออกมาดึงข้อมือร่างเล็ก ๆ ที่กำลังจะลับไป หากณัฐธีร์หันมายื้อกลับอีกเช่นกัน เกิดศึกชิงนายกันหน้าห้องน้ำนั้น ผู้เห็นเหตุการณ์ควักโทรศัพท์ออกมาเตรียมถ่ายคลิป แต่สองเสียงห้าวเข้มที่เกิดสามัคคีดังเกือบพร้อมกันทำให้รีบหดกลับ

“ใครถ่ายกูกระทืบ!” ดวงตาวาวฉานถมึงทึงสองคู่ที่จดจ้องเหมือนจะเขมือบหัวทำให้เจ้าของโทรศัพท์กลืนน้ำลายกลัวจนหัวหด

“เมื่อกี้ข้างในมึงได้ถ่ายไว้ไหม” อัครวินท์ถามน้ำเสียงคุกคามเต็มที่ หากมีภาพเขาหลุดไป เกิดเรื่องใหญ่แน่ ๆ

“เปล่าครับพี่ ผมถ่ายไม่ทัน”

“แล้วมึงจะอยู่รอกูกระทืบอีกนานไหม” เป็นณัฐธีร์ที่เสียงเข้มถาม เท่านั้นก็ทำให้คนที่ปวดอุจจาระแทบราดนึกกลัวจนหดกลับทันที ไม่รอให้ถามย้ำ

“กานต์จะเลือกไปกับใคร” น้ำเสียงติดเข้มเร่งเร้าในทีอย่างคนเอาแต่ใจตัว เมื่อไล่คนไม่เกี่ยวข้องไปได้ อัครวินท์มองร่างเล็กกว่าสายตากดดัน ใบหน้าสง่างามยโสอย่างทระนงเหมือนไม่แยแส แต่สายตานั้นออกคำสั่งเต็มที่ ประหนึ่งว่าไม่เลือกเขา รพีกานต์ก็จะไม่ได้รับการแยแสจากคนอย่างเขาอีก ณัฐธีร์มองท่าทีอึกอักด้วยใจปวดร้าว ใจอยากดึงแขนเสลามาไว้กับตัวนัก

“กานต์มากับพี่”

“กานต์!” อัครวินท์เต้นเร่าในอก คนอย่างมันบังอาจเทียบชั้นกับเขา แต่เมื่อทำอะไรณัฐธีร์ไม่ได้ คนกลางอย่างรพีกานต์จึงต้องรับกระแสกดดันไปเต็ม ๆ

“กานต์/กานต์ !” สองเสียงดังขึ้นเกือบพร้อมเพรียง ข้อมือซ้ายขวาถูกครอบครองโดยผู้ชายสองคน อัครวินท์ยื้อเข้าหาตัว แต่ท่อนแขนแข็งแรงของณัฐธีร์ก็ต้านไว้อย่างเหนียวแน่น

“ปล่อยสิโว้ย !” คนไม่เคยถูกขัดใจฉุนเฉียวเมื่อถูกงัดข้อด้วย

“กานต์มากับพี่” ดวงตาที่ปรกตินิ่งเฉยเป็นนิจลุกวาวถลึงมองหนุ่มสำอาง อัครวินท์รับรู้ถึงแววตาของเสือซ่อนเล็บตัวจริงก็คราวนี้ ณัฐธีร์ไม่ได้หงอให้ใครเคี้ยวได้ง่าย ๆ อย่างที่เข้าใจ เพียงแต่ชายหนุ่มยอมลงให้รพีกานต์ก็เท่านั้น แต่ยามที่เคียดขึ้ง คนเงียบ ๆ แบบนี้ไม่ต้องพูดพร่ำคุยโวก็เชือดคู่ต่อสู้ได้อย่างคาดไม่ถึง อัครวินท์หนาววาบกับแววตาถมึงทึงในยามนี้ของณัฐธีร์ แต่มีหรือคนอย่างเขาจะยอม แววตาวาวโรจน์ของลูกชายนายธนาคารจ้องกลับ ทั้งแผ่อำนาจฟาดฟันศัตรูและยื้อแย่งคนกลางไปในเวลาเดียวกัน ภาพเสือสองตัวกำลังขู่คำรามเพื่อแย่งกระต่ายตัวน้อยเต็มไปด้วยบรรยากศคุกรุ่น คนกลางอย่างรพีกานต์แทบสติแตกกับความกดดันจากสองด้าน

“พี่วิน ! กานต์จะไปกับพี่วิน !” รพีกานต์หลับหูหลับตาโพล่งขึ้นด้วยความลืมตัวเมื่อถูกกดดันหนักเข้า เหมือนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงกลางกบาลพี่ชาย ณัฐธีร์นิ่งงันเหมือนคนถูกกระชากหัวใจแบบไม่ทันตั้งตัว สายตาที่มองน้องน้อยเต็มไปด้วยความตกตะลึง

“หึ เขาเลือกกูว่ะ ได้ยินชัดแล้วนะ ไอ้หมาขี้เรื้อน” เจ้าของใบหน้าแหกเยินยักคิ้วยั่ว  มุมปากเหยียดยิ้มด้านหนึ่งอย่างดูแคลนเต็มประดาจนณัฐธีร์อยากจะสมมนาคุณให้อีกสักหมัด มือหนากระชากมือณัฐธีร์สะบั้นหลุดจากแขนเสลาพร้อมผลักอกเซแทบหงายหลัง ก่อนแทรกกายเข้าขวางนัยน์ตาขุ่น  ใบหน้าเย้ยหยันอย่างคนถือไพ่เหนือกว่าของอัครวินท์ยังไม่บาดหัวใจเท่าคำตอบของรพีกานต์ ที่เฉลยออกมาว่าเลือกใคร

“กานต์...ทำไม” เสียงเปล่งผะแผ่วกลืนหายลงลำคอด้วยความช็อกหนัก มือที่ถูกกระชากออกสิ้นแรงจะรั้งเจ้ากายบางเข้ามาหา ณัฐธีร์หน้าชาแทบล้มทั้งยืน ดวงตาพี่ชายวูบไหวตัดพ้อน้องน้อยมากมาย เขาทนได้กับทุกสิ่ง อดทนมาได้ทุกอย่างตั้งแต่จำความได้จนเดี๋ยวนี้ แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าน้องรักใคร แต่พอได้ยินชัด ๆ กับหูว่าน้องเลือกเขา ที่เคยทนได้เรื่อยมาก็เหมือนจะตายเอาง่าย ๆ ตอนนี้เอง

ฝ่ายคนจองหองถือว่าตนชนะทำท่าผยองได้ไม่นานก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อร่างเล็ก ๆ นั่นแล่นเข้าจับมือคู่อาฆาตปลอบประโลมต่อหน้าต่อตา ท่าทีห่วงหาอาทรนั่น ไหนว่ารักเขา หรือแค่ลุ่มหลงแต่จริง ๆ แล้วรพีกานต์รักมัน

“พี่ณัฐเป็นคนสำคัญสำหรับกานต์ เป็นคนที่กานต์เห็นเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่กานต์มีเรื่องต้องคุยกับพี่วิน พี่ณัฐกลับไปก่อนนะครับ กานต์ไม่เป็นไรหรอก ให้มันรู้ไปว่าคนอย่างอัครวินท์ อิศวัชร์ จะทำร้ายกานต์ได้ลงคออย่างไร้เหตุผลอีก” ดวงตางามเหลือบมองค้อน อัครวินท์สะอึกกับคำประชดประชัน คนเย่อหยิ่งมีน้ำโหหน่อย ๆ แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไปตามเรื่อง
“แล้วที่นัดหมอไว้ล่ะกานต์” ณัฐธีร์ไม่ได้สนใจหมาหวงก้าง เขามองใบหน้าใสสะอ้านก่อนหลุบมองหน้าท้อง อัครวินท์ขมวดคิ้วเริ่มคิดตาม ท้อง ?...เมื่อกี้รพีกานต์บอกเขาแบบนั้น ร่างเล็กไม่ใช่คนโกหก แต่นี่มันร่างกายของผู้ชายชัด ๆ ถึงจะไม่ได้หนาล่ำหมีควายอย่างศัตรูคู่อาฆาตของเขาก็เถอะ

“คุยตรงนี้ให้จบ ๆ ไปได้ไหม หรือกานต์ไม่ไว้ใจพี่แล้ว” สายตาวิงวอนของเขามีเพียงน้องน้อยในแววตา

“กานต์ !” อัครวินท์ไม่พอใจบรรยากาศที่เหมือนเขาเป็นคนนอก มือหนาดึงร่างเปรียวเข้าหา หากคนไม่ทันระวังสะดุดขาตัวเองหน้าเกือบทิ่ม

“อย่ารุนแรงกับกานต์” ณัฐธีร์รีบเข้าพยุง นัยน์ตาขุ่นตำหนิอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ

“กานต์เป็นอะไร” อัครวินท์คาดคั้นด้วยความสงสัย

“เปล่า พี่ณัฐไปกันเถอะ” รพีกานต์บอกปัด ไม่นึกอยากเสวนาด้วยขึ้นมาดื้อ ๆ ร่างเล็กต้องการตัดบทและไปจากตรงนี้

“กานต์ท้อง ? เมื่อกี้กานต์บอกพี่ว่ากานต์ท้อง” ชายหนุ่มลองหยั่งเชิง ใบหน้าซีดเผือดของรพีกานต์ยืนยันในสิ่งที่เขาพูดได้เป็นอย่างดี แม้จะไม่เชื่อสิ่งที่อีกฝ่ายบอก แต่เขาไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ แน่

“ถ้าอย่างนั้นกานต์ก็ต้องไปกับพี่ เราได้คุยกันยาวแน่ คนนอกไม่เกี่ยว” อัครวินท์สีหน้าเอาเรื่อง ท้องได้จริงหรือไม่ มันพิสูจน์ได้ไม่ยาก แต่เขาจะไม่ปล่อยรพีกานต์ไป

“กานต์จะเอายังไง” ณัฐธีร์ให้รพีกานต์เป็นฝ่ายเลือกอีกหน สู้กันตัวต่อตัวเขาอาจชนะ แต่สู้ด้วยเรื่องของหัวใจ แววตาห่วงใยตอนรพีกานต์เหลือบมองอีกฝ่ายสะบักสะบอมเมื่อครู่ มันยอกในอกแปลบ ๆ

“กานต์...” รพีกานต์เลือกไม่ถูก แววตาพี่ชายทำให้น้องน้อยพลอยปวดร้าวไปด้วย แต่แววตาของใครอีกคนก็กุมหัวใจรักของรพีกานต์เอาไว้เต็มเปี่ยม จากรสจูบและสัมผัสก่อนหน้าทำให้ร่างเล็กรู้ตัวแล้วว่ายังรักเขาอยู่เต็มหัวใจ แม้อีกฝ่ายจะร้ายกาจด้วยแค่ไหน และอัครวินท์ก็เป็นเพียงคนเดียวที่รพีกานต์ยอมให้ทั้งร่างกายและหัวใจ แต่เลือกยังไง ไม่ให้ใครต้องเจ็บ ณัฐธีร์มองความลังเลในดวงตาคู่สวยด้วยความร้าวระทม แววตาที่มองเขาด้วยความเกรงใจ กับแววตาที่มองอีกคนด้วยความโหยหา เท่านี้คำตอบก็ชัดเจนสำหรับคนไม่ใช่อย่างเขาแล้ว มือหนาควักโทรศัพท์ออกมา เปิดคลิปวีดิโอที่เคยถ่ายไว้ในห้องอัลตราซาวด์ส่งให้อัครวินท์ดู หวังว่าเลวชาติยังไง มันก็คงไม่เลวร้ายขนาดทำร้ายลูกเมีย เขาได้แต่หวังว่าคนอย่างอัครวินท์ อิศวัชร์จะมีความเป็นคนอยู่บ้าง ตัดสินใจเดิมพันครั้งสุดท้ายส่งคลิปให้ดู ถ้ามันปฏิเสธ กานต์ก็จะได้เห็นและตัดใจง่ายขึ้น
 
ร่างสูงของอัครวินท์ตะลึงงันเมื่อดูคลิปเสร็จ เขามองใบหน้าร่างเล็ก ๆ ก่อนเลื่อนสายตาลงมองหน้าท้อง มือหนายื่นไปลองสัมผัส แรงตอดผ่านผิวหนังทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออก ไปไม่เป็น

“จะปฏิเสธ หรือยังไงก็เลือกเอา แต่กานต์ไม่เอาออกแน่ๆ  แล้วถ้านายปฏิเสธก็อย่าได้มายุ่มย่ามกับพวกเราอีก” ณัฐธีร์ขึงขังยื่นคำขาดออกหน้าแทน ความคิดฝ่ายมารยุยงภาวนาให้อัครวินท์ปฏิเสธเถิด หรือหลุดคำพูดอะไรออกมาให้กานต์ได้เห็น จะได้หยุดรักมันเสียที แต่ความคิดฝ่ายดีกลับผุดขึ้นย้อนแย้ง เขา...อยากเห็นกานต์มีความสุข อย่างน้อย ๆ ให้หมอนี่มีน้ำใจความเป็นคนอยู่บ้าง อย่าทำร้ายน้องน้อยของเขาอีกเลย

“กานต์ไปกับพี่” อัครวินท์ส่งโทรศัพท์คืนพลางฉุดข้อมือเล็กให้เดินตามไปด้วยกัน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วกะทันหันเกินไป เขายังงุนงงสับสนไม่หาย แต่ยังไงก็จะไม่ยอมปล่อยรพีกานต์เด็ดขาด เขาหวงคนตัวเล็กหนักกว่าเก่า แม้จะยังคิดเรื่องอื่นไม่ออกก็ตาม ให้ตายเถอะ อัครวินท์ อิศวัชร์ ในวัย ๑๙ ปีกำลังจะมีลูกแฝดสามกับอีกคนที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่ดันท้องได้ เขาคึกคะนองไม่ป้องกันแค่ครั้งเดียว ครั้งเดียวเท่านั้น ! แต่ได้รางวัลความเลินเล่อมาถึงสามคน

“กานต์อย่าลืมโทรบอกพ่อด้วยนะ คุณรพินทร์จะได้ไม่เป็นห่วง” ณัฐธีร์ร้องบอกด้วยรอยยิ้มขมขื่นยามมองความรักค่อย ๆ จากไป ภาพที่เห็นตรงหน้าคือคนสองคนที่เหมาะสมเคียงคู่ไปด้วยกัน เขาแพ้แล้ว แพ้อย่างราบคาบ แพ้เพราะหัวใจรพีกานต์วางไว้ในมืออีกคน เขามันก็แค่คนหยิบหัวใจที่ร่วงจากมืออัครวินท์ลงคลุกดินขึ้นมาเช็ดฝุ่นทายา ทะนุถนอมรอคืนให้เจ้าของ ร่างสูงผินหน้ากลับไปตามทางของตน เดินโผเผช้า ๆ เหมือนคนวิญญาณหลุดจากร่าง หัวใจเจ็บช้ำไม่รู้กี่หนแต่ไม่เคยหลาบจำ !
เอาเถอะ ถ้าความเจ็บปวดของเขามันจะทำให้น้องน้อยได้มีความสุข ถ้าการแสดงออกของเขาเมื่อครู่ มันจะไปกระตุ้นให้ใครคนนั้นหันมาสนใจน้องของพี่ ทุกความเจ็บปวดพี่ณัฐคนนี้ขอรับมันไว้เองทั้งใจ!

น้ำตาที่กลั่นออกจากหัวใจหลั่งไหลช้า ๆ จรดกับริมฝีปากที่โค้งขึ้น รสขมปร่าของหยาดน้ำตาคือความทรมานที่ได้รับ เขายิ้ม...ทั้งที่กำลังร้องไห้ ทุกย่างก้าวเจือไปด้วยความเจ็บปวดอย่างสาหัส แต่ถ้าคนที่เขารักกำลังจะได้รับรักตอบคืนมาบ้าง

“เพื่อกานต์...พี่ยอมทุกอย่าง”

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
โอยยยย สงสารพระรองอย่างณัฐ แต่ไม่เป็นไรเราไปเลี้ยงต้อยน้องตะวันเอาก็ได้

ส่วนพระเอกน่ะ ปล่อยให้โง่เป็นควายไปนั้นแหละ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ question09

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-10
สงสารพี่ณัฐจังเลย  แต่คนไม่รักยังไงก้อไม่รัก....เจ็บบบบบบ


อิพี่วินคนใจร้ายยยยย ขอให้เจ็บยิ่งกว่าที่พี่ณัฐเจ็บ

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
รำคาญกานต์อย่างยอกไม่ถูก จะทำใหณัฐนท์เสียใจไปถึงไหน  :ling2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pawara123

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากให้มาต่อไวๆๆ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
 ตอนนี้สะใจอะ สะใจกับตัวละคร กานต์ถูกกดดัน อัครวินทร์จะทำยังไงต่อไป ทางบ้านคงไม่ยอมรับกานต์แน่ๆถ้ารู้ว่ากานต์มาจากบ้านใคร รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อิพี่วินน่าเกลียดมาก พอรู้ความจริงแล้วทำไปไม่เป็น รีบหาทางไปเดี๋ยวนี้เลยทไม่งั้นจะเชียร์ให้กานต์เป็นซิงเกิ้ลมัมแลวนะ ลุงๆมาคอยดูแลดีขนาดนี้

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
เข้มข้นสุดๆค่ะ เราพลาดเรื่องนี้ได้ยังไงง :katai1:

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
น่าอ่านๆ... :mew1:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
โอยยยยย พี่ณัฐผู้แสนดี พี่คือพระเอกในใจเราพี่หล่อทั้งหน้าตาและจิตใจ สนใจดูแลเด็กน้อยที่ขี้กลัวมั๊ยคะ o18

ออฟไลน์ natsikijang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 540
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-4
สงสารพี่ณัฐอย่างรุนแรง  โธ่ ชีวิตมันเศร้า คนเลวอย่างวินดันได้ลูกแฝดสาม  เฮ้อ สงสารกานต์

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ กบกระชายไทยนิยม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ตั้งแต่อ่านนิยายมาไม่เคยเห็นใจพระรองคนไหนเท่าน้องณัฐเลย หวังว่าน้องจะมีความสุุขเสียที

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
สงสารน้องกานต์ที่สุด

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
เสน่หา...รักเอย ๒๐

"ความดีไม่อาจแทนที่ความรัก"
หวนพิศบ่คิดพรายแย้มถวิล
ขวัญชีวินผี้ว์หวนครวญคิดหา
บ่แย้มพรายความนัยให้เวทนา
บ่ร้องขอเมตตาถ้าจำใจ
- มญชุ์สิตางศุ์-

ความสับสนงุนงงตีรวนในหัวไปหมด ทุกอย่างตาลปัตรจนไหวตามไม่ทัน นับแต่สมองปั่นป่วนจากการถูดกดดันให้ต้องเลือกจนพลั้งปาก ‘เลือก’ คนที่ซุกซ่อนกุมพื้นที่ในใจอย่างแน่นหนา ลั่นดาลกันด้วยสลักสัญญาแล้วก็ลืม รพีกานต์เหลือบสายตาแลยังคนข้างกาย ก่อนหน้ายังเป็นพี่ณัฐ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นใครอีกคนที่คาดไม่ถึง เหมือนฝนนอกฤดู นึกจะไปก็ไปนึกจะมาก็มา มาพรมหัวใจจนชุ่มฉ่ำแล้วทิ้งไปให้แห้งผากอาวรณ์หา รพีกานต์กระอักกระอ่วนไม่รู้จะเลือกประโยคไหนเป็นหัวข้อเริ่มสนทนา สุดท้ายก็ได้แต่เฉยเสียพลางเบือนหน้ามองวิวข้างนอกแทน

ไม่ง่ายเลยกับการลืมใครสักคน แม้จะมีคนดีแสนดีข้างกายแต่หัวใจก็ยังพร่ำเพรียกหาคนที่เอื้อมไม่ถึง เหมือนคนมีโคมไฟส่องสว่างตรงหน้า แต่สายตาก็ยังละห้อยหาพระจันทร์บนโพยมฟ้าไม่หยุดหย่อน รอยรักเก่ายังตราตรึงฝังในใจอย่างซื่อสัตย์
อัครวินท์เหลือบหางตามองคนข้างกาย นึกแปลกใจอยู่ครามครันที่รพีกานต์เลือกเขา แล้วยังเรื่องที่อีกฝ่ายตั้งครรภ์ที่ทำเอาเขาทำอะไรไม่ถูก ตกลงนี่เรื่องจริงหรือ ผู้ชายท้องได้ เจอตลกร้ายเข้าให้แล้วไอ้วินเอ๋ย

“กี่เดือนแล้ว” เปิดปากถามในที่สุด เรื่องลูกไม่เคยมีอยู่ในหัวแม้แต่น้อย เขาแค่รักสนุก ที่ผ่านมามั่นใจว่าเซฟตัวเองดีตลอด

“สี่เดือนครับ” รพีกานต์ตอบกลับมาเสียงเรียบ อัครวินท์ยังรู้สึกแปลก ๆ อยู่ดีที่ผู้ชายสองคนจะมานั่งคุยกันเรื่องลูกเหมือนเป็นเรื่องปกติ มันไม่ปกติ ไม่ปกติแน่ ๆ ผู้ชายท้องได้ที่ไหนปกติกัน แต่คลิปนั่น ถ้าจะบอกว่าตัดต่อ รพีกานต์ก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้นแน่ และเขาเองก็กำลังจะไปพิสูจน์ด้วยตัวเองอยู่นี่

ให้ตายเถอะ ไอ้วินเอ๋ย อายุสิบเก้าทำผู้ชายท้องได้ แถมเชื้อแรง จัดให้เขาเสียแฝดสาม ถ้าปู่รู้...
พ่อเสือกลืนน้ำลายทำหน้าแหย เหลือบมองอีกคนแล้วก็ได้แต่จ๋อยสนิท รพีกานต์เองดูท่าจะลำบากกว่าเขาหลายขุม

“แล้วเรื่องเรียน”

“กานต์จะหยุดก่อนครับ คุยกับพ่อแล้ว อะไรเข้าที่เข้าทางก็ค่อยกลับไปเรียน” รพีกานต์ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากนัก ไม่คาดหวังอะไรกับเขา คิดว่าจะรับความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้นเองเพียงผู้เดียว

“พ่อกานต์ว่ายังไงบ้าง”

“พ่อไม่ว่าอะไรครับ คลอดมาก็ช่วยกันเลี้ยง กิจการที่บ้านก็พอมีกินมีใช้ไม่เดือดร้อนอะไร อยู่ได้ครับ” ตอบแบบไม่เรียกร้องอะไรแม้แต่น้อย อัครวินท์ได้ฟังแล้วนิ่งไป ผู้ปกครองทางนั้นไม่ว่า แต่ทางเขาล่ะ ? โลโก้อิศวัชร์ที่แบกไว้บนบ่ากดเขาจนรู้สึกหนักก็คราวนี้ บอกครอบครัวดีไหม บอกแล้วจะเป็นยังไงต่อ แล้วยังบิดาของรพีกานต์ที่เป็นคู่กรณีเก่า

“อันนี้ที่พี่วินไม่ต้องคิดมากเรื่องนี้หรอกครับ กานต์รับผิดชอบเอง ยังไงก็ลูกกานต์”

“กานต์พูดเหมือนพี่ไม่มีความรับผิดชอบ”

“กานต์รู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่มีใครคิดว่าผลลัพธ์มันจะออกมาแบบนี้ แม้แต่กานต์เองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะท้อง” ร่างเล็กพรั่งพรูความในใจออกมา ไม่โทษเขาแม้แต่นิด แต่นั่นยิ่งทำให้คนฟังรู้สึกผิด เพราะชีวิตของรพีกานต์เองก็พลิกไปจากเดิมจนกู่ไม่กลับ

“ขอโทษ”

“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ เราต่างสนุกด้วยกันทั้งคู่ พี่วินก็แค่กลับไปใช้ชีวิตของพี่เหมือนเก่า ลืมเรื่องของเราไปเสีย”

“ลืม ? กานต์บอกพี่ทั้งที่กานต์เองก็ยังทำไม่ได้นี่นะ แล้วที่พูดออกมานี่ กานต์จะบอกว่าพี่ไม่มีความรับผิดชอบ ก่อเรื่องแล้วทิ้งปัญหาให้กานต์แบกรับคนเดียวอย่างนั้นเหรอ”

“แล้วพี่วินจะรับผิดชอบยังไงหรือครับ พี่จะแต่งงานกับกานต์เหมือนละครน้ำเน่า แล้วสุดท้ายก็อยู่กันไม่ได้ อย่างนั้นหรือครับ” รพีกานต์ย้อนถาม ในใจเจ็บเป็นริ้ว ๆ ไม่เคยต้องการอยากใช้ลูกผูกมัดตัวเขาสักนิด

“พี่...” อัครวินท์พูดไม่ออก เรื่องแต่งงานสำหรับเขาดูจะเป็นเรื่องใหญ่และไกลตัว

“งั้นก็ทำแบบที่กานต์บอกนี่แหละครับ” รพีกานต์ตัดบท ยังไงทีแรกก็คิดจะเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวอยู่แล้ว

“พี่ขอเวลาคิดหน่อย มันกะทันหัน พี่ทำอะไรไม่ถูก” อัครวินท์บอกออกมาในที่สุด เกิดความเงียบงันขึ้นภายในห้องโดยสาร สายตาคมเหลือบมองคนตัวเล็ก ก่อนเปิดปากถามสิ่งที่สงสัย

“ทำไมถึงเลือกพี่” ตอนนั้นคิดว่ายังไงรพีกานต์ก็เลือกณัฐธีร์แน่ ๆ แต่ความดึงดันทำให้เข้าไปขัดลำอย่างไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ

“พลั้งปากครับ” รพีกานต์ตอบทั้งสายตายังมองวิวข้างนอก เห็นแล้วก็ให้อัครวินท์หงุดหงิด หมาขี้เรื้อนมันน่าอภิรมย์กว่าหน้าหล่อ ๆ ของเขาตรงไหน

“พลั้งปาก ? งั้นก็แสดงว่าจิตใต้สำนึกของกานต์มีพี่อยู่ตลอด สภาวะกดดันแบบนั้นถึงได้เรียกชื่อพี่สินะ หึ” เขาเอ่ยอย่างเข้าข้างตัวเองสุด ๆ ในใจลิงโลด มุมปากสีสวยยกยิ้มพึงใจเล็ก ๆ รพีกานต์ได้ยินถึงกับหูผึ่งหันขวับ ก่อนจะสะดุดกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เจ้ากลแถมพกด้วยคิ้วเข้มหนาเป็นปื้นยักยั่วให้อย่างท้าทาย ทำเอาชะงักไปไม่เป็นอยู่ครู่หนึ่ง

“กานต์ไม่รู้ครับ กานต์บอกว่าพลั้งปากก็คือพลั้งปาก แล้วพี่วินมาทำอะไรแถวนี้” รพีกานต์เฉไฉไปเรื่อย พยายามฉุดรั้งตัวเองไม่ให้ตกหลุมพรางรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ ถามเองก็ให้ยอกเองในอก จะมีเหตุผลอะไรอีกละ นอกจากคนเจ้าชู้จะแวะมาหาใครสักคนแถวนี้

“คิดถึงคนแถวนี้ เลยว่าจะแวะไปแอบดูแถวหน้าบ้าน ไม่ก็เช่าโฮมสเตย์ใกล้ ๆ ยืมเรือพายไปแอบดูหลังบ้าน ได้โอกาสเหมาะ ๆ ก็ค่อยปีนเข้าไปหา ที่ไหนได้ดันเจอเซอร์ไพรส์เสียเอง” อัครวินท์ตอบแบบไม่คิดอะไรมาก แต่คนฟังกัดริมฝีปากตัวเองจนชา ‘คิดถึง’ คำนี้คำเดียวที่ร้อยรัดหัวใจผูกพันไม่ให้ไปไหน ตอนเขาทิ้งกันไป เขาไม่เอามันไปทั้งหมด

“เงินพนันหนึ่งพันบาทหมดแล้วหรือครับ นึกได้อยากหาเกมเล่นต่อ” น้ำเสียงประชดแกมตัดพ้อแทรกผ่านความเงียบชวนอึดอัด สายตาขุ่นเคืองตวัดมอง อัครวินท์หันมาสบตาด้วยแว่บหนึ่งก่อนเบือนไปมองถนนตรงหน้าต่อ

“รู้ด้วยหรือ” ชายหนุ่มพึมพำ ท่าทีเหมือนไม่ทุกข์ไม่ร้อนทำเอาอีกคนคิ้วกระตุก ความโกรธแล่นริ้วไต่ระดับปุด ๆ

“พี่วินรู้ไหมว่าพี่เป็นคนใจร้าย แล้วก็ใจดำที่สุดในชีวิตที่กานต์เคยเจอมา” ธนบัตรฉบับละหนึ่งพันบาทถูกควักออกจากกระเป๋าสตางค์ด้วยมือสั่นเทาก่อนปาใส่หน้าคนใจทมิฬ แผ่นกระดาษบางเบาใหม่กริบบาดโหนกแก้มคนไม่รู้สึกรู้สา แต่นั่นยังไม่เท่าความเจ็บความเสียใจของฝ่ายที่เผลอรักมาเสียนาน รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่เคยรักใครจริงจังแต่ก็ยังหลวมตัว

“กานต์มันโง่เอง ชีวิตนี้สิ่งเดียวที่ทำผิดพลาดก็คือถลำตัวไปกับพี่” ยิ่งนึกก็ยิ่งปวดร้าว ตั้งแต่ตอนได้ตำแหน่งเดือนคณะใหม่ ๆ คู่กับไอยวริญท์ที่ได้ตำแหน่งดาว เสียงเจื้อยแจ้วของสาว ๆ เป็นจุดเริ่มต้นให้ได้ยินและซึมซาบเรื่องใครคนหนึ่งเกือบทุกวัน ทั้งที่ยังไม่เคยเห็นหน้า

“โหย บ้านรินหน้าตาดีกันทั้งบ้านเลยอ่ะ รินได้เป็นดาวคณะ พี่ชายรินก็เป็นเดือนของปีที่แล้ว”

“ใช่ ๆ พูดถึงพี่วินแล้วอยากกรี๊ดให้โลกแตก คนอะไรหล่อไม่บันยะบันยัง เดินผ่านที วิญญาณฉันแทบออกจากร่างตามไปสิงอยู่ด้วย”

“อยากเป็นพี่สะใภ้รินชะมัด จะมีโอกาสไหมน้อ พี่วินควงแต่ละคน เห็นแล้วใจฝ่อเลยเรา”

“มัวแต่ชมเดือนคณะอื่น สนใจเดือนคณะเราบ้าง กานต์หล่อแบบน่ารัก ดูดีกว่าพี่วินตั้งเยอะ พี่วินเจ้าชู้ ไม่อยากเสียใจก็อย่าเผลอใจเชียว” ไอยวริญท์สัพยอก

พี่วิน...ชื่อนั้นถูกสาว ๆ พูดถึงเข้าหูอยู่บ่อยหน แม้จะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน

“เฮ้ย นั่นพี่วินนี่ โอ้ยแก ออร่าความหล่อแบดดาเมจรุนแรงมาก เปลี่ยนรถใหม่อีกแล้วเหรอ โอ๊ย หล่อไม่พอแถมโคตรรวย ฉันอยากเป็นสะใภ้บ้านนี้” เสียงร้องร่ำ ๆ ถึงเจ้าของชื่อที่ได้ยินมานานทำให้รพีกานต์เผลอเหลียวตาม หากเพียงแว่บเดียวที่สบตาตอนอีกฝ่ายหันมาพร้อมแจกยิ้มพร่ำเพรื่อให้สาว ๆ ที่กรี๊ดตัวเอง โลกทั้งใบก็เหมือนหยุดนิ่ง รพีกานต์ตัวแข็งทื่อ รู้สึกหูร้อน ๆ หัวใจเต้นผิดจังหวะ พี่วินที่ใคร ๆ พูดถึงหน้าตาเป็นแบบนี้นี่เอง สมแล้วที่ได้ตำแหน่งเดือนบริหารฯ แต่ทำไมหัวใจต้องเต้นเร็วแบบนี้ด้วยนะ ทั้งที่เขาแจกยิ้มให้สาว ๆ แท้ ๆ รพีกานต์ผ่อนลมหายใจช้า ๆ เรียกสติตัวเอง พยายามไม่สนใจ แต่ข้อมูลใหม่ ๆ เกี่ยวกับพี่วินคนนั้นก็ยังคงพรั่งพรูมาเรื่อย ๆ จากเสียงพูดคุยของเพื่อน ๆ ที่ปลื้มชายหนุ่มเสียเต็มประดา รพีกานต์พยายามไม่นึกถึงรอยยิ้มกระชากใจคราวนั้น หากไม่มีวันนั้น...

โอ๊ะ !

ขอโทษครับ/ ขอโทษครับ” สองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน รพีกานต์ก้มลงเก็บหนังสือที่ร่วงหลุดมือจากแรงกระแทกตอนชน ทว่าช้ากว่ามือใหญ่ที่หยิบหนังสือนั้นยื่นคืนให้

พี่วิน !

“โทษที พี่มัวแต่คุยโทรศัพท์เลยไม่ทันมอง น้องเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“เปล่าครับ” รพีกานต์ส่ายหน้าหวือ ใจเต้นโครมคราม กลิ่นน้ำหอมราคาแพงรวมกับกลิ่นกายอีกฝ่ายโชยเข้าจมูกให้รู้สึกใจสั่นแปลก ๆ ร่างสูงใหญ่ แผงอกล่ำสัน เสน่ห์เหลือร้ายของเขาอันตรายอย่างที่ไอยวริญท์เคยเตือนไว้ไม่มีผิด

“แต่ยังไงก็ขอโทษอีกที พี่ชนเรา หนังสือของเราร่วงคลุกฝุ่น งั้นพี่ชดเชยให้ด้วยนี่ได้ไหม” ที่คั่นหนังสืออันเล็กถูกยื่นมาให้ อันที่จริงชายหนุ่มกำลังจะเอามันไปทิ้งขยะอยู่พอดี หลังจากถูกยัดเยียดมาให้ เลยได้ข้ออ้างเปลี่ยนมือ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ” รพีกานต์เกรงใจ อยากหนีจากบรรยากาศแสนอึดอัดนี่เหลือเกิน

“เอาไปเถอะ พี่จะได้สบายใจ ยังไงก็ตั้งใจเรียนนะเด็กดี” เขาบอกพลางยัดของชดเชยใส่มือ ตบไหล่ปุ ๆ ก่อนจากไป รพีกานต์มองตามตาลอย ผู้ชายคนนี้มีแรงดึงดูดที่อันตราย พี่ชายของรินใจดีพร่ำเพรื่อกับทุกคนเป็นนิสัยอยู่แล้วใช่ไหม ? ไม่รู้เมื่อไหร่ที่คอยมองหา เงี่ยหูฟังเก็บข้อมูลทุกครั้งที่สาว ๆ พูดถึงเขา เพจคิวท์บอยของมหาวิทยาลัยรพีกานต์ก็ตามไปส่องดูรูป ดูความเป็นไปของเขาบ่อย ๆ โลกใบน้อยมีความสุขแบบคนไม่คาดหวัง จนวันที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาหาพร้อมด้วยแผนการร้ายกาจ ฉีกหัวใจกันไม่เหลือชิ้นดี พี่วินจะรู้บ้างไหม ว่ากานต์เจ็บแค่ไหนที่ลืมพี่ไม่ได้ และเจ็บ...ที่ตอบแทบความดีให้พี่ณัฐด้วยความรักไม่ได้ คนไม่เคยรักจะรู้สึกรู้สาอะไร


“ถ้าอยากฉลาด ทำไมไม่รักหมอโน่น จะรักใครสักคน ยังต้องคิดหาเหตุผล คิดว่าคุ้มไม่คุ้มด้วยหรือ แล้วถ้าพี่ไม่ติดโลโก้อิศวัชร์ หน้าตาโหลยโท่ยเป็นคางคกถูกรถบี้ กานต์จะรักพี่ไหมล่ะ ก็รู้อยู่ว่าพี่เป็นยังไง หรือกานต์คิดจะเปลี่ยนพี่เหมือนที่คนอื่น ๆ ทำกัน” เขาถามเสียงหยัน ทุกคนที่เข้ามาล้วนเพราะชอบความท้าทายในตัวผู้ชายแบดบอย คิดว่าจะหยุดคนอย่างเขาได้ชะงัด สุดท้ายก็อีหรอบเดียวกัน พยายามหาทางเปลี่ยนเขาให้เป็นอย่างที่ตัวเองต้องการ พอไม่ได้ก็มาต่อว่าต่อขาน ทั้งที่คิดว่าคนตัวเล็กไม่ได้รักเขาเพราะสิ่งเหล่านั้น คนที่รักเขาเพราะยอมรับข้อเสียได้ ไม่ใช่มองหาข้อดี หรือเขาจะมองผิดไป

“กานต์ไม่เคยคิดเปลี่ยนพี่วิน ถ้าพี่ไม่คิดทำมันด้วยตัวเอง ใครก็เปลี่ยนพี่ไม่ได้หรอกครับ กานต์พยายามเปลี่ยนใจตัวเองให้ลืมพี่ยังง่ายเสียกว่า” บอกเขาก็เหมือนบอกตัวเองนั่นแหละ รพีกานต์สะบัดหน้าเบือนไปทางอื่น สกัดกั้นอารมณ์อ่อนไหวไม่ให้แสดงออก มือลูบหน้าท้องเรียกกำลังใจ...ต้องเข้มแข็งเพื่อลูก

“งั้นเราก็ลากันเถอะครับ ครั้งที่แล้วไม่มีโอกาสได้พูด เราลากันตรงนี้ อย่าเจอกันอีกเลย พี่วินจอดรถเถอะครับ เดี๋ยวกานต์ไปต่อเอง” เปลือกตาอ่อนล้าพับลงปิดซ่อนความขื่นขมอ่อนไหว ไม่มีเสียงตอบจากเขา รพีกานต์ถือเอาว่าอัครวินท์ยอมรับโดยดุษณีแล้ว ไม่มีคำรั้งกันสักนิด ใจเอ๋ย หวังอะไรอยู่นะ เขาไม่ปฏิเสธคนที่เข้ามาและไม่เหนี่ยวรั้งคนที่จะไปเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่จนแล้วจนรอดอีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะจอดรถให้

“พี่วิน” รพีกานต์เหลียวมองด้วยความไม่เข้าใจ

“พี่จะไปด้วย จะปล่อยคนท้องไปเองได้ยังไง ในท้องนั่นก็ลูกของพี่เหมือนกันนะ พี่รับฝากกานต์กับพี่ณัฐแล้วด้วย ยังไงพี่ก็ต้องพาไปส่งให้ถึงบ้าน หยุดทำเหมือนไม่เห็นพี่สำคัญเสียที ในท้องนั่นผลงานของเราสองคนไม่ใช่หรือไง”

“งั้นก็ตามใจครับ ขอบคุณที่ไม่คิดว่าเป็นลูกของพี่ณัฐ แต่ถ้าพี่จะคิดอย่างนั้น กานต์ก็ไม่มีอะไรจะพูด” อดที่จะเหน็บแนมด้วยความน้อยใจไม่ได้ รพีกานต์น้อยใจพ่อของลูกมากมายเหลือเกิน อ่อนไหวทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเขา ดูเอาเถอะ จนขนาดนี้ยังไม่ปริปากพูดอะไรที่เกี่ยวกับลูกสักคำ เขาคงไม่อยากมีพันธะถ่วงชีวิตที่ยังไปได้อีกไกลของเขา

ทำใจเถอะ หนูต้องเข้มแข็งนะสามแฝด เราต้องอยู่ได้ โดยไม่มีเขา

รพีกานต์บอกลูกในใจ มือเรียวลูบท้องทั้งกระบอกตาร้อนผ่าว สายตามองเบือนออกไปข้างนอก ทั้งหดหู่ว้าเหว่เหมือนตัวคนเดียว ทั้งที่ก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ อัครวินท์สะอึกกับคำประชด เขามองเสี้ยวหน้าเนียนลังเลก่อนตัดสินใจยื่นมือไปสัมผัสท้องคนแสนงอน รู้สึกถึงแรงทักทายเล็ก ๆ จากคนข้างในก็ให้พองในอกอย่างประหลาด

เจ้าลูกเสือ ที่แม่เขางอนขนาดนี้เพราะน้อยใจพ่อใช่ไหม


-มีต่อด้านล่างค่ะ-

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
๒๐ (ต่อ)


รถแล่นมาจนถึงคลินิก อัครวินท์ขยับกายลำบากนิดหน่อย เหลียวมองซ้ายขวาก่อนหยิบแว่นกันแดดขึ้นสวมอำพรางใบหน้า หวังว่าจะไม่มีคนรู้จักแถวนี้หรอกนะ โชคดีไม่ได้เป็นดาราดัง ช่วงมัธยมเขารับงานถ่ายแบบเดินแบบสนุก ๆ เข้ามหาวิทยาลัยก็เลิกไป กระนั้นก็ยังมีข่าวซุบซิบพาดพิงตอนไปเที่ยวผับแล้วเจอดาราดัง ๆ ดารากับไฮโซจับคู่เป็นข่าวน่าสนน้อยเสียที่ไหน

“ถ้าพี่วินลำบากใจกลัวคนรู้ขนาดนั้น ก็รอในรถนี่เถอะครับ หรือกลับไปเลยก็ได้ เดี๋ยวกานต์เข้าไปเอง ตอนกลับเดี๋ยวโทรฯ ให้พี่ณัฐมารับ” คนหน้าตูมบอกขึ้นเสียงเรียบ นึกหงุดหงิดขัดหูขัดตาอย่างบอกไม่ถูก

“เข้าใจพี่บ้างสิกานต์”

“แล้วกานต์ล่ะ พี่คิดถึงใจกานต์บ้างไหม หรือกานต์นามสกุลไม่ดังเลยหน้าไม่บางอย่างพี่” ตัดพ้อด้วยความน้อยใจก่อนสะบัดหน้าหนี มือเปิดประตูเดินดุ่ม ๆ เข้าคลินิกไปก่อน อัครวินท์ถอนหายใจมองคนออกฤทธิ์ออกเดชด้วยความเหนื่อยใจ พลางเปิดประตูสาวเท้ายาว ๆ ตามเข้าไป


ภายในห้องคุณหมอต้อนรับทักทายเป็นอันดี แปลกใจนิดหน่อยที่คนพามาวันนี้กลายเป็นอีกคน อดเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้

“วันนี้คุณพ่อไม่ว่างพามาหรือครับ”

“เอ่อ...” รพีกานต์อึกอัก เหลือบสายตาแลเลยไปยังร่างสูงใหญ่ข้างกายนิดหน่อย

“ผมนี่แหละพ่อเด็ก คนนั้นพี่ชายเขา” อัครวินท์ออกปากแม้จะยังเชื่อได้ไม่เต็มร้อย รู้สึกคันยิบ ๆ ในอกที่ณัฐธีร์ดูจะทำหน้าที่แทนเขาทุกอย่าง

“อ้อครับ” คุณหมอทำหน้ารับรู้ จำได้แม่นยำว่าคนนั้นก็บอกว่าเป็นพ่อเด็ก มาคนนี้อีกคนบอกแบบเดียวกัน รอยยิ้มบางถูกส่งให้ร่างเล็กตรงหน้า จะอิจฉาดีไหม คนนั้นหล่อคมคายและดีแสนดี คนนี้ยิ่งหล่อ สง่างามมาดคุณชายแถมออกอาการหวงคนของตัวเองเอาเรื่อง รพีกานต์แก้มร้อนเรื่อกับรอยยิ้มของคุณหมอที่ส่งผ่านสายตาล้อเล็ก ๆ

คนท้องขึ้นไปนอนบนเตียงเพื่ออัลตราซาวด์ ความเปลี่ยนแปลงเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่อายุครรภ์เข้าสามเดือนแล้ว ทีแรกอัครวินท์คิดว่ารพีกานต์อ้วนขึ้นจนออกพุง พอรู้อย่างนี้ร่างสูงรีบปราดเข้าไปใกล้ ๆ ภาพทารกในครรภ์ขยับตัวในมอนิเตอร์ เสียงคลื่นหัวใจตุบ ๆ พาให้หัวใจชายหนุ่มเต้นรัว ใบหน้าหล่อเหลาตะลึงนิ่ง มือเย็นเฉียบ เสียงหมออธิบายพูดคุยแว่วผ่านหูไป

รพีกานต์ท้องจริง ๆ ! สิ่งมีชีวิตที่ดิ้นขยับอยู่ในท้องตรงหน้าคือลูกของเขา ! เหมือนนึกขึ้นได้ อัครวินท์รีบควักโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกวีดีโอมือสั่น สายตาเหลือบสบกับรพีกานต์ เสียงคุณหมออธิบายให้ดูโครงสร้างส่วนต่าง ๆ ของลูกไปเรื่อย ๆ เขามองตามด้วยความสนใจ

“คนนี้ผู้ชายนะครับ นี่...โชว์คุณพ่อหราเลย” เสียงคุณหมอบอกพลางชี้มือในจอ อัลตราซาวด์แบบสี่มิติมองเห็นรูปร่างขยับชัดเจน

“ไหน ๆ ดูคนนี้หน่อย โอ้ คนนี้ก็ผู้ชาย ตรงนี้นะครับ คุณพ่อคุณแม่เห็นไหมครับ แต่เอ...อีกคนขี้อายแฮะ หนีบไว้ไม่ให้เห็น เดี๋ยวลองเปลี่ยนมุม” ความตื่นเต้นปรากฏขึ้นอก สายตาคมมองตามคุณหมออธิบายอย่างตั้งอกตั้งใจ เหมือนหนาเผลอกุมมือเล็ก ขณะสายตาก็มองจอไม่วางตา รพีกานต์รู้สึกอุ่นซ่านไปทั้งใจกับมือใหญ่ ถึงเขาจะเคยทำให้เสียใจมามากมาย แต่น้ำตาก็ไม่สามารถชะล้างความรักออกไปจากหัวใจได้

"หัวอกหนอหัวอกของพ่อแม่ รักลูกแท้แม้ยังไม่ยลหน้า
สุขลึกล้ำฉ่ำซ่านสำราญอุรา เติบใหญ่มาลูกหนาจงทำดี"



“แฝดสามชายล้วน” อัครวินท์พึมพำพลางหยิบฟิล์มขึ้นมาดูหลังขึ้นมานั่งบนรถแล้วเรียบร้อย แล้วยังมีรูปถ่ายในห้องอัลตราซาวด์ในโทรศัพท์ที่รบกวนคุณหมอช่วยถ่ายให้ เป็นรูปเขายืนเคียงกับรพีกานต์บนเตียง ข้างกันเป็นหน้าจอมอนิเตอร์ฉายภาพสามแฝด เมื่อครู่เขาตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก กว่าจะได้สติควักโทรศัพท์ขึ้นมากดถ่ายวีดิโอก็ผ่านไปแล้วครู่ใหญ่

“ครับ ลูกผู้ชายล้วนแฝดสาม กานต์ไม่ได้โกหกพี่ เชื่อกันแล้วใช่ไหม” ใช่ รพีกานต์ไม่เคยโกหก แม้แต่เรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ว่าผู้ชายจะท้องได้

“กานต์ไม่ได้บอกให้พี่รับผิดชอบ ไม่ต้องทำหน้าแบกโลกเอาไว้ขนาดนั้น ก็พี่ไม่เชื่อกานต์ กานต์ถึงต้องพาพี่มาพิสูจน์ด้วยตัวเอง ทั้งที่จริงไม่อยากให้รู้ด้วยซ้ำ”

“พี่...” เขาอึกอึก ใบหน้าของปู่ผุดขึ้นมาให้ขวัญฝ่อ เขาเกรงใจปู่มาแต่ไหนแต่ไร

“กานต์เลี้ยงได้ครับ นามสกุลไม่ได้ยิ่งใหญ่ หรือเป็นคนเด่นคนดังอะไร เพื่อลูก ต่อให้ต้องหน้าหนากี่นิ้วกานต์ก็ทนได้” ถ้อยคำนั้นปวดแสบปวดร้อนบาดลึกในอกคนพูดและกรีดลงหัวใจคนฟังพร้อม ๆ กัน เปิดท้องดูในกระจกทุกวันแล้วก็คิดอยู่ตลอดว่าคงจะอยู่บ้านให้พ่ออับอายอีกไม่ได้ ท้องโตขึ้นทุกวัน ยิ่งท้องแฝดยิ่งขยายเร็วพรวดพราดจนเสื้อตัวใหญ่เริ่มพรางเอาไว้ไม่อยู่ ต้องหาที่ไปหลบรอคลอด ห่วงพ่อก็ห่วง ทนกล้ำกลืนความเสียใจขื่นขมลงไปในใจทุกวัน ๆ สิ่งที่พอกพูนทับถมนานวันทำให้หงุดหงิดเต็มกำลังเมื่อเห็นหน้าคนใจดำ
วันนี้ไม่น่ามาเจอกันเลย แต่เดี๋ยวกานต์จะหนีพี่วินแล้ว ตอนนั้นแหละพี่วินจะได้ไม่ต้องรับรู้อะไรอีก ที่จริงไม่ได้อยากให้รู้เรื่องท้องเลย แต่อารามห่วงลูกจึงต้องเบรกอารมณ์กระหายของเสือหิว และให้เขาได้เห็นจัง ๆ ตา จะได้ไม่ทำอย่างนี้กับใครอีก อย่าทำเหมือนหัวจิตหัวใจใครเป็นของเล่น ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นในอก รักมากเท่าไหร่ แค้นมากเท่าตัว ! คนเห็นแก่ตัว !

ผลัวะ

“โอ๊ย ทุบพี่ทำไมเนี่ย” อัครวินท์ร้องลั่น กำปั้นเล็ก ๆ บรรจุไปด้วยความคับแค้นใจนั้นหนักหนาเอาเรื่อง แต่รพีกานต์ฟังที่ไหน ยิ่งเขาโวยลั่นก็ยิ่งทุบยิ่งข่วนเหมือนแมวอาละวาดไม่มีผิด อัครวินท์ยกแขนป้องตัวเองพัลวัน เมื่อกี้ตัดพ้อน้ำตาคลออยู่หยก ๆ ไหงฮึดฮัดมาลงมืออาละวาดได้

“กานต์พอ พี่เจ็บ” เขารีบรวบสองข้อมือเอาไว้ สายตาคมฉานจ้องปรามคนตรงหน้า ถ้าปรกติเป็นคนอื่นคงหัวหดแต่คนท้องอย่างรพีกานต์กลัวที่ไหน ดวงตาหวานคลอคลองไปด้วยหยาดน้ำตาฉ่ำ สะอื้นอึก ๆ อกกระเพื่อมจ้องตาเขาตอบเสียอีก พอมือที่รวบเริ่มคลาย เจ้าตัวก็บิดข้อมือออกเริ่มรัวกำปั้นใส่อกเขาอีกระลอก เท่านั้นไม่พอ ปากเล็ก ๆ ยังกัดหมับฝังรอยฟันลงที่บ่า ร้องไห้สะอึกสะอื้นทั้งกัดไม่ปล่อย...ฮึก คนใจร้าย ทำลายชีวิตคนอื่น

“โอ๊ย กานต์เป็นอะไรไปอีกเนี่ย พี่งงไปหมดแล้ว หงุดหงิดประชดแดกดัน เดี๋ยวโมโหโวยวายทุบพี่เสียน่วม อีกเดี๋ยวก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น แล้วนึกไงมากัดพี่เนี่ย เป็นหมาหรือไง กานต์น้อยใจอะไรพี่นัก พี่ก็กลับมาหาแล้วนี่ไงครับ”

“ฮึก !”

“โอเค ๆ อยากกัดกัดไป” เขายกมือยอมแพ้ เชิ้ตราคาแพงระยับชุ่มไปด้วยน้ำตาเป็นวงกว้าง แล้วยังรอยฟันที่กัดจนปวดหนึบ เขาถอนหายใจ ไม่เคยเจอใครกล้างี่เง่าใส่ เพราะไม่งั้นเขาไล่ลงรถเอาง่าย ๆ แต่เพราะเป็นรพีกานต์ บางอย่างที่ทำให้เขา...ต้องยอมลงให้ในสภาวะแบบนี้ ชายหนุ่มนิ่งไปอึดใจ ก่อนเลื่อนมือลูบแผ่นหลังไหวสะท้านแผ่วเบาเหมือนปลอบเด็ก ทุกอย่างเป็นไปโดยอัตโนมัติเพียงแค่คน ๆ นี้คือรพีกานต์ คนตัวเล็กยิ้มสวยที่ตอนนี้ร้องไห้เพราะแค้นเขาสุดฤทธิ์

“พี่วินเห็นกานต์เป็นของเล่น ฮึก ของตาย”

“โอเค พี่ผิด ผิดทุกอย่าง เฮ่อ !  จะง้อยังไงถึงจะหายล่ะทีนี้ พี่เคยง้อใครที่ไหน”

“งั้นก็ไม่ต้องง้อสิ ไปไหนก็ไปเลย” พูดผิดหูเข้าหน่อยก็ฉุนเฉียวขึ้นมาอีก มือผลักเขาออกห่าง ปาดน้ำตาลวก ๆ จ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย รพีกานต์โหมดงี่เง่าแบบนี้เขาไม่เคยเจอ แต่ในความขุ่นมัวประชดประชันนี้เขารู้สึกได้ถึงการต้องการความรักความเอาใจใส่ เขาคงสร้างบาดแผลกับคนตัวเล็กลึกเหลือเกิน ถึงได้น้อยใจงอแงขนาดนี้ มันเป็นความคิดบ้า ๆ ที่ชิงชังคนหนึ่ง แต่ทำลายอีกคนประชด

“พี่แต่พี่ณัฐเท่านั้นแหละ ที่ทนความงี่เง่าของกานต์ได้ พี่วินทนไม่ได้หรอก เดี๋ยวพี่วินก็ทิ้งกานต์ไปอีก” สะบัดหน้าหันหนียังไม่วายแขวะ คราวนี้อัครวินท์ชักจะกรุ่นขึ้นมาหน่อย ๆ มือใหญ่จับต้นแขนพลิกอีกคนหันกลับมากะตอกอารมณ์ปะทะกับคนงี่เง่าที่เอาเขาไปเปรียบเทียบกับคนอื่น แต่พอเห็นน้ำตา ใจก็พลันอ่อนยวบยาบ

“พี่ขอโทษ” มือใหญ่รวบมือน้อยจูบเบา ๆ ปลอบประโลม ไม่รู้จะเอาใจยังไงถูก จากที่คิดจะกลับมาปั่นหัวอีกฝ่ายเล่น คราวนี้กลับสนุกไม่ออก รพีกานต์ในเวลานี้ดูบอบบางพร้อมจะแตกออกเป็นเสี่ยงได้ทุกเมื่อ สาเหตุก็มาจากเขา

“กานต์ต้องลาออกจากมหา’ลัย ฮึก เรียนก็ไม่ได้เรียน แถมยังต้องอุ้มท้องให้พ่ออายเขา พี่วินยังจะกลับมาทำร้ายกานต์อีก กานต์ไปทำอะไรให้พี่” กานต์ไม่ได้ทำ แต่พี่เกลียดพ่อของกานต์ เกลียดแบบฝังเข้ากระดูกดำ อะไรทำให้รพินทร์พินาศย่อยยับ ตายทั้งที่ยังหายใจได้ พี่ก็จะทำ ! แต่แล้วริมฝีปากก็ได้แต่เรียบสนิทไม่มีหลุดอะไรออกมา

“กานต์พี่ขอโทษ พี่ยอมกานต์แล้ว หยุดร้องเถอะครับคนดี” กลายเป็นเขาเองที่พินาศ ! ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นบั่นเข้าตัว ! อัครวินท์ทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นน้ำตา หยาดน้ำใสรินลงอาบพวงแก้มไม่ขาดสาย คล้ายน้ำตาของมารดาในวันที่ขื่นขมอย่างแสนสาหัส เขาผู้เป็นลูกไม่อาจช่วยบรรเทาอะไรได้เลย ได้แต่มองแล้วชกอกตัวเองด้วยความเคียดแค้นชิงชังเต็มกำลัง คนอย่างรพินทร์มันจะต้องตกนรกในใจมันจนวันตาย ! มีทางไหนที่ทำลายให้พินาศย่อยยับได้ คนอย่างเขาจะไม่ลังเล !

แต่คิดไม่ถึงว่าคนสารเลวพรรค์นั้นจะเลี้ยงลูกออกมาได้งดงามเหลือเกิน เขาไม่เคยสบายใจที่ลงมือทำร้ายรพีกานต์ แต่เพื่อความสะใจที่จะได้ทำให้รพินทร์เจ็บปวดจึงยอมเฉือนหัวใจแลก สุดท้ายกลายเป็นเขาที่แพ้ภัยตัวเอง วงแขนสั่นเทาที่เจือไปด้วยความรักให้คนหนึ่งและแค้นอีกคนที่เป็นดั่งเงาอยู่เบื้องหลังโอบรั้งตัวเล็กแนบอก

“พี่วินไม่รักกานต์” เสียงแผ่วเครือเบาหวิวคงเป็นใจความหลักของเนื้อสาส์นที่แสดงผ่านการกระทำทั้งหมด แรงทุบจากกำปั้นเบาลง ก่อนเปลี่ยนเป็นนิ่ง อัครวินท์ลองขยับดูจึงเห็นว่าอีกฝ่ายร้องไห้จนหลับคาอกไป

“เด็กน้อย” เขายิ้มละไมประทับจูบลงหน้าผากคนฝากรอยข่วน ก็เด็กจริง ๆ นั่นแหละ เพิ่งอายุแค่สิบแปดปีก็ต้องมาอุ้มท้อง กลายเป็นเครื่องมือของเขาไม่รู้ตัว

“สามแฝด อย่าให้แม่เขาอาละวาดนักซี พ่อน่วมเป็นกระท้อนพร้อมกินแล้วเนี่ย อูย บอกอยู่นั่นว่าพ่อไม่รัก ๆ ไม่รักจะกลับมาหรือ โอย มือเล็ก ๆ ทุบหนักเป็นบ้า ถ้ากานต์อาละวาดทุกวันแบบนี้คงได้เป็นกระท้อนจริง ๆ ตามอารมณ์กันไม่ทันเลย” เขาบอกกับลูกในท้อง มีปฏิกิริยาตอบโต้เล็ก ๆ กลับมาให้นึกวาดมโนภาพเป็นเรื่องเป็นราว

“แน่ะ ว่าเข้าหน่อยช่วยแม่เขาเตะพ่อเลยเหรอเจ้าลูกเสือ หัวเดียวกระเทียมลีบเลยงานนี้ ใครอยู่ทีมพ่อเดี๋ยวแจกเบนซ์เลยเอ้า” เล่นกับลูกพ่อเป็นพิธี ชายหนุ่มดึงตัวกลับมานั่งตัวตรงประจำที่หลังพวงมาลัย สายตามองตรงแน่วข้างหน้า ภาพคฤหาสน์โอ่อ่าอัครฐานของอิศวัชร์ที่มีประมุขของบ้านคืออินทร์ฉาย อิศวัชร์ ปู่ของเขาพำนักอยู่และกุมอำนาจทั้งหมด ปัญหาใหญ่ตรงหน้านี้เขาจะจัดการมันได้ยังไง แล้วยังคนที่เกลียดแสนเกลียดที่ดันตลกร้ายมาเป็นพ่อของรพีกานต์ที่ตั้งครรภ์ลูกของเขา หนทางข้างหน้าดูจะเป็นบททดสอบที่สาหัสเสียแล้ว

'หยาดน้ำตาพร่าหล่นบนกลีบรัก สะอื้นฮักหัวใจใกล้แหลกสลาย
คนที่รักเฉือนมีดกรีดหัวใจ หลั่งน้ำตาปานจะตายไม่คลายคืน'


หากไม่รักก็จักไม่รู้เจ็บ
เมื่อเลือกที่จะรักดอกไม้ จงรักทั้งหมด ไม่ว่ากลีบดอกงามไสว หรือรากที่ไชในปลักตม
ความรักก็เช่นกัน

 :mew3:

เถียงตัวเองไปนะวิน ฉันกำลังคิดหาทางพาเมียแกหนีอยู่ ตอนนี้ยังคิดไม่ออก
คนบางคนเรารักเขามาก แต่ก็ไม่ได้อยากได้นะ

กลอนเพราะมั่ง ไม่เพราะมั่งเน้อ คิดสด ๆ อะไรผุดในหัวก็อันนั้นแหละ เราเขียนช่วงที่วินกานต์คบกันก่อนกานต์จะโดนทิ้งน้อยไปหน่อย ฉากชวนกันหนีเรียนไปเที่ยวทะเลแบบไปเช้าเย็นกลับก็ลืม เดี๋ยวจัดตอนพิเศษช่วงนั้นละกันเนอะ อ่านแล้วอาจงง ตอนแรกวินมันกะแกล้งเล่น ๆ นี่แหละ แบบหมั่นไส้คู่รักชายชายเลยอยากแกล้งแยกเขาจากกัน (จัญ..จริง ๆ ) แล้วเผลอรู้สึกดีกับกานต์จริง ๆ จนเกือบยอมแพ้จ่ายเงินเลี้ยงเพื่อนแหละ เพราะมันจะลองคบกานต์ แต่พอรู้ว่าเป็นลูกรพินทร์เลยสลัดความรู้สึกที่มีให้กานต์แล้วเดินหน้าทำลายแบบเต็มลูกสูบจนกานต์เกือบตาย เช่นนี้แล
เรื่องนี้ไม่มีตัวร้าย(มั้ง) พระเอกของเรื่องร้ายคนเดียว

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :hao5: :hao5: :hao5:      แฝดสามเลย. ผู้ชายด้วย.  อิอิ

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ร้ายคนเดียวก็พอแล้ว รอวันเอาคืนอยู่

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ถ้าพ่อของอัครวินรู้ว่ากานต์เป็นลูกใครแถมท้องหลานตัวเองอีกคงจะดีใจมากๆอะ เห็นใจกานต์สุดๆ
 ผู้หญิงตัดใจไม่เอาเขายังทำได้ แต่กานต์เป็นผู้ชายนะต้องตัดใจให้ได้ รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ sakurako12

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ให้กานต์กะพ่อย้ายไปอยู่ต่างประเทศทั้งคู่นั้นแหละ
ด้วยสินทรัพย์ที่รพินทร์มีก็ไม่น่าลำบากอยู่แล้ว
หาที่เงียบสงบบรรยากาศดีๆ ให้คนพ่อรักษาตัว คนลูกรักษาใจ
ดูแลกันไปสองคนพ่อลูก รอจนพ่อหายดี แฝดสามโตก่อนค่อยกลับ

ออฟไลน์ question09

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-10
แฝดสามมมมมมมมมมมมมมมมมมม ดีใจด้วย อยากมีแฝดสามบ้างจุง

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
แฝดแข็งแรงมากๆนะลูก รีบออกมาหาแม่นะลูก :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด