เสน่หา...รักเอย {จบแล้วจ้า}{Mpreg}{P.๑๔}{๑๕/๐๕/๖๑}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เสน่หา...รักเอย {จบแล้วจ้า}{Mpreg}{P.๑๔}{๑๕/๐๕/๖๑}  (อ่าน 154340 ครั้ง)

ออฟไลน์ mareeyah

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มารอตอนต่อไปค่าาา :call: :call:

ออฟไลน์ pawara123

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หายไปนานนนนนนนนนนนมากกกกกกก

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
กลับมาต่อนิยายได้แล้วนะครับ

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
เสน่หา...รักเอย ๒๖

“ผกาหนึ่งพึงงามเมื่อยามสด    สุคนธรสแรกรักมักหอมหวาน
ครั้นแหนงหน่ายบ่ายหนีมิชื่นบาน   ทิวาวารผันผ่านมานผันแปร"


“กานต์ลูก ไปกันเถอะ”
เสียงรพินทร์เรียกขานบุตรชายหลังช่วยกันตระเตรียมข้าวของใส่ตะกร้าเพื่อไปถวายเพลที่วัดละแวกใกล้ ๆ รพีกานต์ผัดแป้งหน้านวลเดินออกมาจากห้อง มือเรียวลูบท้องนูนด้วยความเคยชิน ได้รับปฏิกิริยาตอบรับจากชีวิตเล็ก ๆ ในท้องก็อมยิ้ม

“ไปทาแป้งมานี่เอง หน้านวลผ่องเชียว นึกว่าหายไปไหน” รพินทร์บีบแก้มนิ่มด้วยความเอ็นดู ทั้งคู่กุลีกุจอถือของออกมาจากบ้านซึ่งพอคนขับรถเห็นก็รีบปราดเข้ามาช่วย รถแล่นออกจากบ้าน รพีกานต์วางมือไว้ที่ท้อง สายตามองเหม่อออกไปข้างนอก

“คิดอะไรอยู่ เงียบเชียว” รพินทร์ส่งเสียงทักคนท้องที่ดูเงียบกว่าปกติ

“สามแฝดทักทายกานต์อยู่บ่อย ๆ กานต์เลยอดคิดไม่ได้ว่าตอนกานต์อยู่ในท้อง แม่ของกานต์จะรู้สึกผูกพันกับกานต์บ้างไหม หรือคิดว่ากานต์เป็นตัวปัญหา จะฆ่าก็กลัวใจไม่แข็งพอเลยเลือกที่เอากานต์มาทิ้ง” รพีกานต์หลุดความคิดออกมาด้วยหัวใจวูบโหวง สายตายังคงทอดมองออกไปข้างนอก

“กานต์...” รพินทร์อ้ำอึ้งตกใจเมื่อได้ยินความคิดจากปากบุตรชาย

“กานต์แค่อยากรู้ ว่าเก้าเดือนที่มีเด็กอยู่ข้างในท้อง แม่ของกานต์ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือครับ สามแฝดดิ้นในท้องกานต์ กานต์ยังรู้สึกรัก รู้สึกผูกพันกับแกเลย”

“กานต์...ไม่ใช่ทุกเรื่องที่เราสงสัยแล้วเราจะได้คำตอบ บางเรื่องเราไม่จำเป็นต้องพยายามที่จะรู้ก็น่าจะสบายใจกว่า จะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่มันก็ทำให้เราได้พบกัน กานต์รู้แค่นี้สบายใจกว่านะลูกนะ” รพินทร์ประโลม ในตอนนั้นเขาเองคิดเพียงว่ามารดาของรพีกานต์คงตั้งครรภ์ทั้งที่ไม่พร้อม จึงได้นำเด็กมาทิ้งเพื่อตัดปัญหาให้พ้นตัว

“เพราะกานต์ได้เจอพ่อ กานต์ถึงรู้สึกขอบคุณที่แม่ทิ้งกานต์ กานต์จะเลี้ยงสามแฝดให้ดีครับ” รพีกานต์หันมาสวมกอดบิดาพลางซบบ่าหาไออุ่น รพินทร์ลูบศีรษะบุตรชายเอ่ยปากถาม

“แล้วถ้าวันหนึ่งลูกถามถึงพ่อล่ะ กานต์เตรียมคำตอบไว้ให้แกหรือยัง ยังไงวันนั้นก็ต้องมาถึงตอนที่ลูกของกานต์ออกไปเผชิญกับโลกภายนอก เขาก็คงจะอยากรู้อย่างที่กานต์เคยถามหาแม่กับพ่อนั่นแหละ” คำถามทำเอานิ่งไป คำถามเดียวกันกับที่รพีกานต์เคยถามบิดาในวัยเยาว์ ในตอนนั้นบิดาก็คงลำบากใจที่จะตอบเช่นเดียวกับรพีกานต์ตอนนี้

“เอาไว้ให้วันนั้นมาถึง กานต์คงคิดออกครับ” รพีกานต์พิงศีรษะซบไหล่บิดา มือลูบท้องกลมพลางอมยิ้ม บางเรื่องเราไม่จำเป็นต้องรู้...


วัดที่แวะมาถวายเพลเป็นวัดเล็ก ๆ ยังไม่เจริญเท่าวัดในเมืองใหญ่หากแต่สงบร่มรื่นตามอัตภาพ สองพ่อลูกถวายเพลเสร็จ อยู่สนทนากับพระท่านอีกครู่จึงลากลับ บ่ายนี้คนท้องยังไม่นึกง่วง รพีกานต์หยิบหนังสือเล่มหนึ่งไปนอนอ่านในเปลริมลำธาร กลีบดอกไม้คุ้นตาลอยละล่องมาตามสายน้ำไหล รพีกานต์มองกลีบดอกไม้ มือลูบท้องกลมอย่างช่างใจ ก่อนตัดสินใจวางหนังสือไว้ในเปลแล้วเดินทวนทางน้ำขึ้นไป กะว่าจะไปเยี่ยมมองดูเฉย ๆ เพียงเท่านั้น

“คิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะสนใจนายขึ้นหรือยังไงต้นน้ำ เลิกทำตัวงี่เง่าเสียที ! อย่าให้ฉันหมดความอดทนกับนายไปมากกว่านี้” เสียงหนึ่งดังเกรี้ยวกราดด้วยความหัวเสีย รพีกานต์ชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดิน

เอ๋ ? คนทะเลาะกันหรือ ?
บุคคลที่สามพึมพำขณะหยุดฟังเงียบ ๆ ลังเลว่าจะเป็นการเสียมารยาทไปไหมที่มายืนฟัง ขณะที่ละล้าละลังตัดสินใจอีกเสียงก็สวนขึ้นด้วยความเผ็ดร้อนไม่ต่าง

“แล้วผมเคยเรียกร้องให้คุณมาสนใจผมหรือครับคุณอัษศดิณย์ ผมจะทำอะไรมันก็เรื่องของผม คุณนั่นแหละที่ก้าวก่ายชีวิตคนอื่น” อีกฝ่ายเถียงสู้อย่างไม่ยอมแพ้ ดวงตาคมกริบฉายประกายเด็ดเดี่ยววาบวับพร้อมต่อกรเช่นกัน

“นี่นาย ! คิดว่าฉันอยากยุ่งด้วยนักหรือ ถ้าไม่เพราะฉันรับปากกับพ่อไว้ แม้แต่หน้าหรือใช้ลมหายใจร่วม ฉันก็ไม่อยากจะเจอ” ชายหนุ่มเค้นน้ำเสียง มือกระชากคอเสื้อ ตาลุกวาวเคียดขึ้งด้วยความเกลียดชัง

“งั้นก็ไปเสียสิ คุณจะมายืนเถียงกับผมอยู่ทำไม หรือไม่ คุณก็ปล่อยผมไปจากที่นี่ ผมโตแล้ว ดูแลตัวเองได้”

“หึ คิดว่าตัวเองปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ถึงร่ำร้องจะไปให้ได้ ปล่อยนายไปอย่างนั้นหรือ มันคงง่ายไปหน่อย สู้ขังเอาไว้ที่นี่ดูนายทุรนทุรายอยากตะเกียกตะกายออกไป สนุกกว่าเยอะ เหมือนที่มีคนเคยเผชิญกับมันมาแล้วยังไงละ ฉันจะให้นายได้ลิ้มรสชาติความทรมานนั้นที่นี่ ยอมลงทุนตกนรกอยู่กับสิ่งที่เกลียดชังเพื่อฉุดให้นายดิ้นรนไปไหนไม่ได้ยังไงละ” น้ำเสียงเยาะเย้ย สายตาถากถาง ยิ่งเห็นอีกฝ่ายหน้าแดงหน้าเขียว เปลวโทสะแห่งความเกลียดชังเต้นระริกในดวงตา เขาก็ยิ่งสาแก่ใจนัก

“โรคจิต !” ฝ่ายถูกกระชากคอเสื้อถลึงตา น้ำเสียงห้วนจัดดังขึ้น

ผลัวะ !

รพีกานต์สะดุ้งกับเสียงซัดกำปั้นหนักหน่วงลงบนใบหน้าของเรือนร่างสูงใหญ่จนหน้าสะบัด ร่างเล็กรีบก้าวเข้าไปหลบหลังต้นไม้ก่อนชะเง้อหน้าออกมามองดูเหตุการณ์ด้วยใจลุ้นระทึกไปด้วย มือเรียวรีบกุมปากตะคุบเสียงร้องอุทานของตัวเอง เมื่อเหตุการณ์ถัดมาคือชายร่างใหญ่โตจนบังอีกคนแทบมิด กระชากคอเสื้อคนปล่อยหมัดจนปลายเท้าลอยจากพื้นแล้วโยนละลิ่วลงไปในลำธารเสียงดังตูมอย่างไม่ปรานีปราศัย รพีกานต์ยืดคอชะเง้อมอง ใครคนที่โปรยกลีบดอกไม้เป็นฝ่ายถูกทุ่มลงไปในลำธาร กำลังอาละวาดฟาดงวงฟาดงาฮึดฮัดอยู่ในน้ำ สายตาพิฆาตฟาดฟันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อส่งขึ้นมาให้ใครอีกคนที่ยืนกอดอกมองดูอยู่บนฝั่งอย่างไม่สะทกสะท้าน เรือนร่างสูงใหญ่เป็นยักษ์ปักหลั่น มองเห็นเพียงไรหนวดเขียวจางตรงสันกรามที่โผล่พ้นหมวกคาวบอยออกมา เจ้าของผิวคร้ามแดดยืนมองอีกเพียงไม่นานก็หันหลังผละไป ทิ้งไว้เพียงอีกคนที่ยังคงแช่อยู่ในน้ำมองตามตาเขียว ก่อนฟาดกำปั้นหวดน้ำอีกหลายโครมระบายอารมณ์เดือดดาล

ชายหนุ่มพาร่างเปียกโชกขึ้นจากน้ำแล้วจัดการถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นออกผึ่งแดด รพีกานต์ตาโตกับคนเปลือยล้อนจ้อน ไม่เพียงเท่านั้น เหมือนถูกจับได้ว่าแอบมอง ชายหนุ่มยังจงใจหันด้านหน้าขวับมาให้ผงะแบบจัง ๆ ถึงจะมีเหมือนกัน แต่เจอแบบนี้ก็มีสะดุ้ง

“เล่นน้ำด้วยกันไหมถ้ำมอง” ถามพลางยักคิ้วยั่วล้อ น้ำเสียงเย้าหยอกไร้แววขุ่นเคืองอย่างเมื่อครู่เมื่อหันมาเจอคนหน้าตื่นแอบหลบผลุบ ๆ โผล่ ๆ เป็นกระรอกอยู่หลังต้นไม้ ‘ศิรวัฒน์’ อารมณ์สงบลง หายจากอาการขุ่นมัวเมื่อเหลือบสายตาเห็นคนตัวเล็กที่อยู่ฟากไร่ติดกันกำลังยืนแอบอยู่หลังต้นไม้ โผล่มาเพียงศีรษะทุยสีหน้าปั้นยาก แต่ก็อยากรู้อยากเห็นเสียเต็มประดา

“มะ ไม่ได้ถ้ำมองนะ แค่ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันเลยเดินมาดู แล้วก็ไม่คิดว่าจะได้เห็นชีเปลือย ไม่รู้จักอายเจ้าป่าเจ้าเขา” รพีกานต์โผล่ออกมาจากหลังต้นไม้พร้อมหันหลังให้ ใจไม่กล้าพอจะยืนประจันหน้าคุยกับชีเปลือยซึ่งยังคงโล่งโจ้งไม่สะทกสะท้าน

“อ้อ อย่างหรอกนั้นหรือ อุตส่าห์หลบมาปลีกวิเวกท้ายไร่ยังมีหมาบ้าตามมาหาเรื่อง แถมมีถ้ำมองมาแอบดูเราเองแท้ ๆ แล้วยังมีหน้ามากล่าวหาว่าเราหน้าไม่อาย” ศิรวัฒน์พยักหน้าขึ้นลงรับรู้ด้วยอาการล้อเลียนพลางสัพยอกคนกล่าวหาตนเอง

“ก็บอกว่าไม่ได้แอบดู เอ๊ะ นายนี่ ใส่เสื้อผ้าก่อนได้ไหม จะยืนเปลือยคุยหรือไง” รพีกานต์หันขวับตั้งท่าจะลับฝีปากด้วย แต่พอเจอคนล่อนจ้อนก็รีบหันหลังกลับทันควัน ศิรวัฒน์ยิ้มขำกับใบหูแดงของคนมองเองอายเอง ไม่วายกวนกลับ

“ชุดมันเปียก ตากแดดรอแห้งอยู่นี่ไง”

“ก็หาใบไม้หรืออะไรปิดไว้ก่อนซี หรือถ้ายังไงเราให้ยืมชุดเราก็ได้” รพีกานต์เสนอความช่วยเหลือ อย่างไรเสียก็ดีกว่าสนทนากันแบบยืนห่มลมห่มฟ้าเป็นไหน ๆ ในใจพลางคิดว่า ตาชีเปลือยนี่ก็ไม่รู้จักอายเสียบ้าง เป็นพวกชอบโชว์หรืออย่างไรกันนะ หรือรพีกานต์จะทำใจกล้าหน้าทนด้วยอีกคน หันไปประจันหน้าแล้วบอกว่า เฮอะ ! ก็แค่ ‘ไส้เดือนดิน’ แล้วทำมาโชว์ อึ๋ย ไม่เอาด้วยหรอก แค่คิดก็สะบัดหน้าหวือสลัดความคิดไม่เข้าท่าทิ้งอย่างรับไม่ได้

“หึ ตัวแค่นี้นี่นะ จะให้ยืมชุดใส่ ถึงนายจะลงพุง แต่เราก็ใส่เสื้อของนายไม่ได้อยู่ดี ยืนตากลมให้ตัวแห้งแบบนี้ดีแล้ว โล่งดีออก” ศิรวัฒน์สัพยอกหยอกเย้ายิ้ม ๆ เข้าใจไปว่าคนสูงน้อยกว่ากินจุแล้วลงแต่พุง ไม่ลงตัว เลยมีสภาพพุงนำหน้าอย่างที่เห็น

“งั้นก็เอาใบไม้ใหญ่ ๆ มาปิดกันอุจาดหน่อยเหอะ” รพีกานต์ฮึดฮัดเล็ก ๆ ต่อให้เป็นพี่ณัฐที่สนิทกัน เจออย่างนี้ก็คงไล่ไปสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยไม่ต่าง

“ไม่ละ ฉันร้อน ชอบเปลือย ๆ แบบนี้แหละ ใครไม่อยากมองก็หันกลับไปสิ ทำไมฉันต้องทำตามความต้องการของนายด้วย” ไม่ว่าเปล่า ชายหนุ่มยังลอยหน้าลอยตาเท้าสะเอวจังก้าท้าแดดท้าลมท้าทายเสียอีกต่างหาก

“งั้นเราก็จะทำตามความต้องการของเราเหมือนกัน” ใบหน้าเนียนใสเชิดขึ้น รพีกานต์กวาดสายตาแลหาบางอย่างก่อนดวงตาสวยจะฉายแววยินดีระยับเมื่อเจออาวุธกำราบคนโป๊ ศิรวัฒน์รู้สึกไม่ไว้ใจกับดวงตาซุกซนเท่าไร และไม่ต้องคิดนานเมื่อคนตัวเล็กก้มลงเก็บลูกตะขบที่ร่วงอยู่ตามพื้นดินได้ ชายหนุ่มก็ต้องกระโดดเหยงหลบกระสุนตะขบที่ปารัวมาทางเขาทันที

“นี่แน่ะ ! ชีเปลือยหน้าไม่อาย ต้องเจอกระสุนตะขบพิฆาต !” ออกกระบวนท่าวาดลวดลายปล่อยกระสุน คนประทุษร้ายหัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ ใบหน้าฉีกยิ้มแป้นเต็มแก้มจนขึ้นก้อนกลม แต่คนกระโดดหลบดูจะไม่สนุกด้วยเท่าไร ศิรวัฒน์กระโดดลงน้ำดำลงลึกหลบอยู่ตรงตลิ่ง รพีกานต์ยั้งมือ คิ้วขมวดชะเง้อมอง เท้าสืบเข้าไปมองดูใกล้ ๆ

แฮ่ ผีหลอก !

ศิรวัฒน์โผล่พรวดขึ้นจากน้ำแลบลิ้นปลิ้นตาทำผีหลอก รพีกานต์สะดุ้งโหยงตกใจ ถอยเท้าหนีอัตโนมัติ ก่อนได้สติเต้นเร่าร้องว่า

“ผีทะเล ! คนผีทะเล” รพีกานต์หน้าเหลอหลาเหลียวหาลูกตะขบ แต่ยังช้ากว่าคนที่ปราดเข้ามาประชิดตัวคว้าข้อมือเล็กรวบดึงเข้าปะทะตัว พลางจ้องตาดุ

“คิดว่าจะยอมให้แกล้งอีกหรือไง หือ ?” น้ำเสียงกดต่ำ ดวงตาคมสีมืดราวห้วงรัตติกาลจ้องมองร่างในอาณัติ ร่างกายเปียกชุ่มแนบชิดร่างอุ่นอีกร่าง รพีกานต์ตะลึงงันกับความใกล้ชิดเกินกว่าปกติ ปากอิ่มเผยอน้อย ๆ ยามประสานสายตากับใครอีกคนที่ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ต่างฝ่ายต่างจ้องตา เนิ่นนานผ่านไปเท่าไรไม่รู้ได้ จนเสียงลูกไม้ร่วงจากต้นลงสู่พื้น สองร่างจึงสะดุ้งผละจากกัน

“ขะ ขอโทษ ที่เราถือวิสาสะแกล้งนาย” น้ำเสียงอ่อย ดวงตาหลุบต่ำหลุกหลิก หลังจากเมื่อกี้เมามันในการกลั่นแกล้งอีกฝ่าย ถึงจะแกล้งปาแค่เฉียด ๆ แต่ก็ดูเกเรอยู่ดี ศิรวัฒน์มองกระต่ายหูลู่สำนึกผิด เขาไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย เห็นอย่างนี้จึงถือสาไม่ลง

“ไม่เป็นไร นาน ๆ ได้เล่นสนุกแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน สงสัยกว่าชุดจะแห้งคงต้องแปลงร่างเป็นคนป่าเสียหน่อย” เอ่ยพลางใช้มีดพกฟันฉวัะที่ใบกล้วย ก่อนเฉือนรูดเอาเฉพาะใบตองมาพันกายไปพลาง ๆ รพีกานต์เห็นอย่างนั้นสายตาซุกซนก็เริ่มนึกสนุกขึ้นมาอีก มือขาวดึงเอาเครือเถาวัลย์มาม้วนทำมงกุฎให้

“มงกุฎหัวหน้าเผ่า” บอกพลางเขย่งเท้ายืดตัววางมงกุฎแหมะลงบนศีรษะ แถมขนนกที่เก็บได้จากแถวนั้นเสียบให้อีกที ไม่เพียงเท่านั้น รพีกานต์ยังหักกิ่งไม้ยัดใส่มือหนาพลางมองแล้วฉีกยิ้ม

“หัวหน้าเผ่าชีเปลือย ฮ่า ๆ ๆ ขอถ่ายรูปลงไอจีได้ไหม นี่ถ้าเอาแป้งมาโปะหน้าด้วยนะ ใช่เลย” นิ้วเรียวดีดเปาะอย่างชอบอกชอบใจ เดินวนซ้ายขวาดูผลงานตัวเองด้วยรอยยิ้มแต้

“สนุกใหญ่ เรารู้จักกันหรือ ฮึ” ศิรวัฒน์หรี่ตาน้ำเสียงขึ้นจมูกมองคนแจกยิ้มเรี่ยราด

“เออ ลืมไปเลยว่าไม่รู้จักแฮะ อยากรู้จักเราไหม เราชื่อกานต์นะ” รพีกานต์ทำหน้านึกขึ้นได้พลางเอ่ยแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ

“แนะนำตัวมาขนาดนี้ ถึงไม่อยากรู้จัก ก็ต้องรู้แล้วแหละ เพี้ยนจริง ๆ” ศิรวัฒน์ส่ายหน้ายิ้มน้อย ๆ รอยยิ้มของคนตรงหน้าทำให้เขานึกเอ็นดู

 “เราเพี้ยน นายก็ชีเปลือย” บอกอย่างไม่ยอมลง คงเพราะท่าทางใจดีไม่ถือสาของเขาทำให้รพีกานต์กล้าเล่น เป็นความใจดีคนละแบบกับพี่ณัฐ แต่ก็ให้ความรู้สึกน่าคุยด้วยไม่น้อย

“นายยังไม่บอกชื่อเราเลย”

“เราชื่อต้นน้ำ ส่วนหมาบ้าที่เพิ่งไปเมื่อกี้เป็นพี่ชายของเรา ไม่รู้นายทันได้เห็นหน้าหรือเปล่า รายนั้นชื่อพี่ดิน เป็นเจ้าของไร่พิศาลอนันต์ยศที่นี่แหละ ระวังอย่าไปใกล้เชียว หมาบ้าชนิดนี้ไม่มีวัคซีนรักษา บ้าหาเรื่องคนได้ทุกฤดูทุกเวลา” ศิรวัฒน์ทำหน้าตาขึงขังขู่ คนตรงหน้าเหมือนกระต่ายขนฟูที่น่าขู่ให้ตื่นตูมเป็นที่สุด และก็ได้ผลเมื่อดวงตากว้างเรียวคู่สวยมีแววตระหนกตามน้ำเสียงที่เขาบิวต์ ซึ่งที่จริงแล้วเป็นเพราะรพีกานต์ยังจำภาพผู้ชายคนนั้นโยนน้องชายตัวเองลงน้ำโครมใหญ่ได้ติดตา

“พี่ชายของนายดุมากเลยหรือ นี่นายไม่ถูกกับพี่ชายใช่ไหม”

“ไม่เชิง แต่เขาทำให้เราอยากเป็นนักบินอวกาศ จะได้ไปอยู่ไกล ๆ นอกโลก ไม่ต้องเจอหน้ากันอีก” ศิรวัฒน์ตอบเหมือนไม่ยี่หระ มือกวัดแกว่งกิ่งไม้หวดใบไม้เล่นไปตามเรื่อง หากแววตามีบางอย่างที่รพีกานต์มองไม่เห็นซุกซ่อนอยู่

“โห ขนาดว่าไม่เชิงนะเนี่ย อย่างกับเกลียดกันเข้ากระดูกดำยังไงไม่รู้ เราเป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้อง คิดมาตลอดว่าถ้ามีพี่น้องเล่นด้วยกันคงจะดี”

“ถ้าเป็นพี่น้องท้องเดียวกันก็คงจะอย่างนั้น” น้ำเสียงแผ่วเบาลอดผ่านริมฝีปาก เขารู้ดีถึงสาเหตุความเกลียดชังที่พี่ชายในนามมีให้

“เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ เราได้ยินไม่ถนัด”

“ไม่มีอะไรหรอก ขี้สงสัยจริง เป็นเจ้าหนูช่างถามหรือยังไง แล้วนี่ทำไมเราเพิ่งเห็นหน้า” ศิรวัฒน์เปลี่ยนเรื่องทันควัน

“เพิ่งมาอยู่ใหม่น่ะ พอดีคุณพ่อของเราไม่สบาย เลยย้ายมาพักที่ที่อากาศดี ๆ จะได้สดชื่นปลอดโปร่ง หายป่วยเร็ว ๆ” รพีกานต์อ้อมแอ้มตอบไม่เต็มเสียงนัก บิดามาพักฟื้นก็ส่วนหนึ่ง แต่หลักเลยจริง ๆ เป็นเรื่องของรพีกานต์เองต่างหาก ตอนนี้ร่างเล็กเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคิดถูกหรือเปล่าที่มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น เพราะถ้าท้องโตขึ้น...

สัญญาณดิ้นเล็ก ๆ ในท้องแย้มพรายว่าความลับไม่มีในโลก

“เราจะกลับแล้วละ ไปนะต้นน้ำ” ร่างเล็กบอกพลางออกเดินลิ่ว ๆ จากมา ศิรวัฒน์มองตามแผ่นหลังของร่างเล็กกว่า ในดวงตาของคนทั้งคู่ต่างมีความลับเก็บงำซุกซ่อนเอาไว้ในซอกหลืบที่ไม่ปรารถนาให้ใครได้ล่วงรู้ รพีกานต์ไม่ได้หันกลับไป ส่วนอีกฝ่ายก็ถอนสายตาเบนไปยังทิศทางที่ร่างคร้ามแดดเดินจากเขาไป



“หืม ? แกว่าอะไรนะเจ้าวิน” อินทัชละสายตาจากแท็บเล็ตเงยหน้าเลิกคิ้วถามขึ้นด้วยความพิศวงเมื่อได้ยินถ้อยคำบางอย่างจากปากบุตรชายเพียงคนเดียว

“ผมบอกว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ผมจะไปช่วยงานพ่อที่บริษัท ทำไมครับ ? หรือพ่อคิดว่าผมมาประจบให้พ่อลดโทษให้” น้ำเสียงขุ่นฉุนกึกฉายแววไม่พอใจไปก่อน อัครวินท์ลนลานโพล่งปากคล้ายวัวสันหลังหวะทั้งที่ไม่ได้มีความผิดอะไรปิดบัง การเข้าหาบิดาเพื่อพูดคุยทั้งที่กินแหนงแคลงใจจนปั้นปึ่งกันมาตลอดสร้างความกระอักกระอ่วนแก่เขาไม่น้อย

“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรแกเลย ก็แค่ถามทวนดูเผื่อหูเฝื่อนฟังผิด แกจะตีโพยตีพายไปก่อนทำไมเจ้าวิน จากที่ไม่คิดก็จะเริ่มคิดเพราะคำพูดของแกนี่แหละ” อินทัชปรารภอย่างใจเย็นปนระอาเล็ก ๆ จากถามดี ๆ จะกลายเป็นชวนทะเลาะไปเสียได้ สายตาของคนผ่านโลกมาก่อนเหลือบมองร่างเก้กังของบุตรชายอย่างพินิจพิเคราะห์พลางคิดในใจ
โตแต่ตัวจริง ๆ เป็นพ่อคนแล้วแท้ ๆ...

คิดแล้วก็แอบถอนหายใจอยู่ในใจเงียบ ๆ ด้วยความปวดเศียรเวียนเกล้า

“ก็...ผมนึกว่าพ่อคิดอย่างนั้นนี่ เดี๋ยวก็ว่าผมเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่ออีก” อัครวินท์เสียงอ่อยด้วยรู้ตัวว่าทำเสียกิริยากับบิดาไป ร่างสูงใหญ่หย่อนกายลงนั่งโซฟาตัวข้าง ๆ พลางหันกายเข้าหาเพื่อพูดคุย

“ฉันไม่เคยคิดถึงลูกชายตัวเองในแง่ร้ายไปก่อนที่แกจะก่อเรื่อง แกมันโตแต่ตัว เวลาทำผิดก็มีแต่คนออกหน้าปกป้อง จะถูกตำหนิว่าเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อก็ไม่แปลก แต่ของแบบนี้มันปรับปรุงกันได้ ถ้าแกคิดจะทำ แกเป็นพ่อคนแล้ว อีกไม่กี่เดือนลูกของแกก็จะคลอด ความคิดความอ่านก็ควรจะโตเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ได้แล้วนะวิน ไม่ใช่เอาแต่ทำตัวเสเพล ทำตัวป๋าสายเปย์ไปวัน ๆ อย่างเมื่อก่อน ไม่อย่างนั้นถึงหาเมียกับลูกของแกเจอ กานต์เขาก็คงไม่ยอมมาด้วยหรอก ดูท่าจะเข็ดขยาดกับแกไม่น้อย” อินทัชพูดตรงประเด็นไม่อ้อมค้อม เพราะพฤติกรรมของบุตรชายไม่ใช่เรื่องน่าชื่นชมแม้แต่น้อย ที่ผ่านมาเพราะมีคนถือหาง เจ้าตัวถึงได้เหลิงระเริงจนก่อเรื่อง จนเขาเองก็นึกหวั่นใจอยู่เหมือนกันว่า สักวันหนึ่งจะมีข่าวไฮโซหนุ่มสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นจนถูกพาดหัวข่าว นำความเดือดร้อนมาถึงชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลบ้างหรือเปล่า

“พ่อก็...ผมอายุสิบเก้าเองนะ มันก็ต้องมีหลงผิดบ้าง เออแล้วเรื่องกานต์ล่ะพ่อ พอจะได้เรื่องอะไรคืบหน้าบ้างไหม” อัครวินท์หน้าจ๋อยลง จากนั้นจึงตาวาวทอประกายกระตือรือร้นร้องถามหาความคืบหน้าของข่าวคราวคนเงียบหาย

“ไม่มีวี่แวว พ่อไปคุยกับคุณเล็ก คุณอาของกานต์แล้ว แต่ก็ยังเงียบฉี่ ทางนั้นปิดปากเงียบไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งนั้น แถมยังบอกอีกว่าสามแฝดทางนั้นเลี้ยงเองได้สบาย ๆ มีหนุ่มวิศวะสุดหล่ออาสาเป็นพ่อให้ ที่เต้นผางเลยเป็นทางนี้ แล้วดูนี่” อินทัชยื่นแท็บเล็ตให้ดู อัครวินท์รีบคว้ามาดูทันที ข้างในเป็นภาพรพีกานต์กำลังเลิกชายเสื้อขึ้น ดวงตากวางจ้องเป๋งยังหน้าท้องนูนของตัวเองในกระจก ดวงหน้าผ่องใสเปื้อนรอยยิ้มกระจ่าง

“รูปนี้รพินทร์ถ่ายส่งมาให้น้องชายดู คุณเล็กบอกว่าท้องโตขึ้นเร็วมาก คุณหมอคลินิกฝากครรภ์ที่ใหม่ยังบอกว่าท้องโตกว่ารายอื่น ๆ ที่ท้องแฝดเหมือนกันเสียอีก คุณพ่อเขาทำของกินอร่อย ๆ ให้น้องกานต์กินทำน้ำหนักเจ้าตัวเล็กในท้องขนานใหญ่ ตอนนี้แก้มเริ่มยุ้ยหน้าชื่นมื่นทุกวัน” อินทัชบอกพลางลอบกลืนน้ำลาย รสมือรพินทร์ไม่บอกก็รู้ว่าจะอร่อยเด็ดขนาดไหน เขาเองกินแล้วยังอยากกินอีกเรื่อย ๆ

 “พ่อ ผมอยากเจอกานต์กับลูก” อัครวินท์สีหน้าสลดลงพลางเอื้อมมือไปเขย่าแขนบิดาอาการคล้ายเด็กน้อยร้องขอของเล่น

“ฉันก็พยายามเร่งหาให้อยู่ ปู่แกยิ่งกระวนกระวายหนัก จ้างคนช่วยตามหาอีกแรงแทบพลิกแผ่นดิน ยิ่งเห็นรูปนี้ก็ยิ่งทุรนทุราย เพราะท้องแฝดน่าจะคลอดก่อนกำหนด อีกสักสามเดือนกว่า ๆ ได้ละมั้ง เจ้าสามแฝดก็จะคลอดออกมาแล้ว” อินทัชมีสีหน้ายุ่งยากแกมกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด ลมหายใจหนักหน่วงระบายผ่านปลายจมูก ทั้งงานบริษัท งานตามหาคนมะรุมมะตุ้มรุมเร้าเข้ามาทำเอาเหนื่อยไม่น้อย

“เมียแกเข้าใจตั้งชื่อเล่นสามแฝดนะ ‘ฝนหลวง ใกล้รุ่ง ฟ้าห่ม’” อินทัชอมยิ้มเมื่อนึกถึงชื่อเล่นสามแฝดที่ทางนั้นลองตั้งกันดู

“กานต์บอกว่าคุณพ่อเขาช่วยกันคิดชื่อให้ รู้เพศเด็กแล้วเลยลองตั้งชื่อเล่นกันดูเล่น ๆ โอ๊ย พ่อ ผมอยากเจอกานต์” อัครวินท์เริ่มนั่งไม่ติดที่ กระวนกระวายไม่ต่างจากปู่ของตน อินทัชเองก็จนปัญญาจะสรรหามาให้ทันใจ

“เจ้าวิน พ่อถามแกตรง ๆ นะ อายุแกก็แค่นี้ คิดจริงจังกับใครแล้วหรือ วัยอย่างแกยังรักสนุกอยู่แท้ ๆ”

“ผมต้องการกานต์ ผมรู้แค่นี้ ส่วนลูก ผมดีใจที่กานต์ท้องลูกของเรา อันที่จริงผมก็ยังไม่พร้อมกับเรื่องนี้เท่าไร มันกะทันหันแล้วผมก็คาดไม่ถึงด้วย แต่เพราะพวกแกเป็นลูกของเรา ผมต้องการพวกแกกับกานต์ นะพ่อนะ หากานต์ให้เจอ ท้องแฝดอันตรายกว่าท้องปกติ ผมว่ากานต์ต้องคลอดในโรงพยาบาลใหญ่ ๆ ที่เครื่องมือครบครัน น่าจะโรงพยาบาลเอกชนนะ ไม่แน่ว่าหมออาจให้แอดมิตรอคลอดก่อนวันคลอดจริง ถ้าเป็นอย่างนั้นเราเช็กตามโรงพยาบาลใหญ่ ๆ ได้ไหมพ่อ” อัครวินท์เร่งเร้าคาดเดาถึงความเป็นไปได้ เขาเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์แฝดอยู่เรื่อย ๆ รวมถึงเข้าดูตามพันทิปซึ่งทำให้ทราบข้อมูลจากบรรดาคุณแม่ที่มีประสบการณ์

“รู้แล้ว ๆ แกนี่นะ” อินทัชส่ายหน้าอย่างไม่ถือสา ผดาชไมเลี้ยงดูบุตรชายของเขาได้นิสัยไม่ผิดเพี้ยนเจ้าหล่อนสักนิด หล่อนใช้ลูกเป็นเครื่องมือทิ่มแทงเขา แต่อินทัชเองก็ไม่เคยถือสาหาความอัครวินท์เลยสักครั้ง อัครวินท์มองบุพการีอย่างช่างใจ ริมฝีปากได้รูปเม้มเข้าหากัน ลังเลเล็กน้อยก่อนตัดสินใจเอ่ยความรู้สึกบางอย่างออกมา

“ผม...มีบางอย่างที่อยากพูดกับพ่อ ผม...ขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับพ่อทั้งคำพูดและการกระทำทุกอย่างที่ผ่านมา ผม...ตั้งแง่กับพ่อ ทั้งดื้อรั้นดันทุรังทุกอย่าง ผมขอโทษ” อัครวินท์รวบรวมความกล้าเอ่ยออกมาในที่สุด เขารู้ว่าตัวว่าร้ายกาจกับบิดาแค่ไหน ถึงจะเป็นการเรียกร้องความสนใจแบบเด็ก ๆ ที่อยากจะให้บิดามองเห็นเขาสำคัญที่สุดก็ตาม แต่ชายหนุ่มก็อิจฉาริษยาคนที่อินทัชรักจนถึงขั้นราวีทุกคนที่เข้าใกล้ผู้ให้กำเนิด ไม่เว้นแม้แต่อิษวัตคนนั้น แต่สุดท้ายพอก่อเรื่องก็ไม่พ้นบิดาต้องคอยตามล้างตามเช็ด

“พ่อกับรพินทร์รักกันมาก่อนจะเจอแม่ของแก แต่เพราะปู่กับย่าของแกไม่ยอมรับ เราถึงต้องแยกกัน ยี่สิบปีที่แล้วไม่เหมือนกับตอนนี้ ความรักระหว่างเพศเดียวกันเป็นเรื่องที่ต้องหลบซ่อน เสื่อมเสียในสายตาคนอื่น โดยเฉพาะกับปู่ของแกที่ห่วงชื่อเสียงกับหน้าตามากที่สุด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่อหมดรักในตัวรพินทร์ และทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อจะไม่รักแกนะเจ้าวิน แกเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อ เป็นอิศวัชร์เต็มภาคภูมิ พ่อดีใจที่มีแกเป็นลูก ถ้าแกจะสำนึกผิดและปรับปรุงตัว มันจะดีต่อตัวแกและคนอื่น ๆ” อินทัชบอกเล่าถึงความขื่นขมในอดีต ทั้งน้ำเสียงและแววตาบ่งบอกความเจ็บช้ำที่ตกตะกอนในก้นบึ้ง เขาถูกบิดาตัวเองแสดงท่าทีรังคัดรังแคและถูกลูกในไส้หยามเหยียดในสิ่งที่เป็น อัครวินท์จับกระแสเสียงนั้นได้ และเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมทำร้ายหัวใจของบิดา เพียงเพราะรู้ว่าพ่อ...เป็นเกย์

“ผม...ขอโทษ” ร่างใหญ่เลื่อนกายนั่งลงบนพื้น มือยกขึ้นกระพุ่มไหว้ก่อนกราบลงบนตักด้วยความสำนึกผิด อินทัชนิ่งอึ้งไป เมื่อได้สติจึงลูบศีรษะบุตรชายแผ่วเบา กระบอกตาร้อนผ่าวด้วยความเต็มตื้น เขาต้องขอบใจรพีกานต์ใช่ไหม ถ้าไม่ได้เด็กคนนั้น ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่อัครวินท์จะเลิกมองเขาด้วยสายตาดูแคลนดั่งเขาเป็นผู้ร้ายฆ่าคนตาย เพียงเพราะคนที่เขารักเป็นบุรุษด้วยกัน

“พ่อจะพยายามหาเมียกับลูกของแกให้เจอ อะไรที่มันไม่ดีก็พยายามปรับปรุง แกคงอยากให้ลูกได้เห็นตัวอย่างที่ดี ๆ ใช่ไหม”

“ครับพ่อ” อัครวินท์ถือโอกาสหนุนตักอุ่นต่ออีกครู่หนึ่ง หัวใจสัมผัสได้ว่าบิดายังคงรักเขาเฉกเช่นวันเก่า เหมือนหมอกทึบทึมสลายหายไปจากใจ มือใหญ่ของพ่อยังอบอุ่นดั่งเช่นวันวานและความอุ่นนี้ช่วยสมานรอยร้าวในใจของเขา อัครวินท์ได้เรียนรู้ว่าเพียงเปิดใจยอมรับและปล่อยวางทิฐิ เขาก็ได้บิดาที่เคยรักมากมายกลับคืนมาเช่นเก่า
...สามแฝด พ่อจะพยายามปรับปรุงตัวเอง ให้โอกาสพ่อนะลูกนะ ให้พ่อหาแม่ของหนูเจอเร็ว ๆ ด้วยเถอะ...

“พ่อ ผมนึกออกแล้วละ ว่าจะตามหากานต์เจอได้ยังไง” อัครวินท์ยกศีรษะขึ้นจากตัก มุมปากโค้งขึ้นด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เจ้ากล


-มีต่อด้านล่างค่ะ-

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
๒๖ (ต่อ)

♫♥ แดดรอนรอน เมื่อทินกรจะลับเหลี่ยมเมฆา ทอแสงเรืองอร่ามช่างงามตา ในนภาสลับจับอัมพร...♫♥

“อื้อหือคนท้อง เคี้ยวตุ้ย ๆ แก้มตุ่ยเลย” รพินทร์ฉีกยิ้มเอ็นดู ดวงตาทอประกายอ่อนโยนทอดมองคนท้องนั่งฟังเพลงสบายใจ ปากอิ่มเคี้ยวข้าวเหนียวขนุนมันแผล็บด้วยสีหน้าเอร็ดอร่อยเต็มที่ หลังจัดการสเต๊กปลาจบไปก็ต่อด้วยของหวาน ตรงหน้ารพีกานต์เป็นจานเปลทรงใบบัวบรรจุข้าวเหนียวขนุน ผลไม้และนมสด สารพัดสารเพของกินบำรุงครรภ์ เมนูขนมหวานทำง่ายและเป็นที่ชื่นชอบของรพีกานต์มาตั้งแต่เด็ก เพราะรพินทร์หัดลูกไม่ให้บริโภคขนมกรุบกรอบมากนัก ตัวเล็กของพ่อจึงชื่นชอบขนมหวานไทย ๆ มาตั้งแต่ตัวกระจ้อยร่อย วงหน้าเล็กเท่างบน้ำอ้อยพอเริ่มพูดได้ก็ร้องหาของกินอย่างน่ารักน่าชัง

“อื้อ อร่อย พ่อทำอร่อยนี่นา ทำอะไรมาอร่อยทุกอย่างเลย ทั้งของคาวของหวาน ยิ่งขนมไทยหอมกลิ่นกะทิแบบนี้กานต์ยิ่งชอบ อ๋อย สามแฝดพ่อท้องตึงจังเลย หนูตัวโตขึ้นแน่ ๆ เลย” คนท้องส่งใบหน้าเปื้อนยิ้มจนตาหยีมาให้พลางยืดกายแอ่นขึ้นเล็กน้อยมือลูบท้องนูนอารมณ์ดี รพินทร์ทรุดกายลงนั่งเคียง มือยกขึ้นลูบเรือนผมนุ่มเป็นม่านเงาแผ่วเบา เห็นคนกินชอบ คนทำก็อิ่มใจ

“ตึงสามแฝดหรือตึงที่กินเข้าไป เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะทำลูกเดือยเปียกทรงเครื่องให้กินตอนว่าง” คนจัดสรรเมนูแย้มแพลนให้คนฟังน้ำลายหก

“คุณปู่ของสามแฝดใจดีที่สุด” รพีกานต์ฉีกยิ้มแป้นว่าพลางสอดมือกอดเอวหมับ ซบใบหน้าลงคลอเคลียบนบ่าก่อนเหลือบสายตาขึ้นออดอ้อนประจ๋อประแจ๋เต็มที่ รพินทร์เอ็นดูแกมมันเขี้ยวเล็ก ๆ จึงสนองด้วยปลายจมูกจรดลงยีเล่นบนหน้าผากเนียนเบา ๆ กระเซ้าให้บุตรชายหัวเราะคิกคักด้วยความจั๊กจี้ คนท้องใบหน้าอิ่มไปด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจกอดกระชับเอวบิดามากกว่าเก่า

“หื้อ อ้อนใหญ่เลยน้า กินขนาดนี้ย่อยทันไหมเนี่ย มื้อเที่ยงวันนี้เป็นขนมจีนน้ำเงี้ยวนะ มาถึงแหล่งต้นตำรับอาหารเหนือแท้ ๆ แล้วต้องลองเสียหน่อย พ่อให้คนไปซื้อแล้วละ ถ้าเจอข้าวเกรียบปากหม้อก็ให้ซื้อติดมาด้วย ผักเครื่องเคียงได้กระถินริมรั้วที่ขึ้นเรี่ยอยู่แถวนี้พอดี เออแล้วนี่พี่ณัฐจะมาเมื่อไหร่หรือน้องกานต์” รพินทร์แจงเมนูเรียกสายตาวาวจากคนชอบกินแล้วถามเลยไปถึงเด็กหนุ่มรักดีอีกคน รายนั้นติดใจขนมจีนน้ำยารสมือเขาอยู่เหมือนกัน อาสาขูดมะพร้าวให้แข็งขันทุกที

 “ยังไม่รู้เลยครับ หลวงตาอาพาธ พี่ณัฐเลยอยู่ดูแลก่อน ว่าไปแล้วก็คิดถึงพี่ณัฐกับหนูตะวันเหมือนกันเนอะ เราน่าจะพาหนูตะวันมาด้วยกัน” รพีกานต์นึกถึงมือใหญ่ที่พยายามถักถุงเท้าน้อย กับเด็กชายที่สีหน้าดูอิ่มเอิบกว่าเมื่อก่อน

“พี่ณัฐก็คิดถึงน้องกานต์อยู่ตลอดมาตั้งนานแล้ว และตอนนี้ก็เผื่อแผ่ไปให้สามแฝดด้วย ขอให้หลวงตาหายอาพาธเร็ว ๆ พี่ณัฐจะได้พาถุงเท้าน้อยมาหาสามแฝด” รพินทร์แอบหยอดไปเสียทีหนึ่ง อย่างไรก็นึกชมชอบเด็กรักดีละนะ ถึงจะไม่ได้กีดกันอัครวินท์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยกับคนที่ทำให้แก้วตาดวงใจของเขาต้องเสียใจ ไม่กีดกันแต่ก็ไม่สนับสนุน เพียงแต่ลูกรักคนไหน เขาก็สุขเอาตามใจลูก รพีกานต์ได้ฟังก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ มือเรียวยังคงกอดบิดาด้วยความสบายใจ

“ยิ่งท้องโตยิ่งขี้อ้อนเป็นลูกแมวเหมียวเลย” รพินทร์ลูบท้องนูนทักทายหลาน ริมฝีปากจรดลงหน้าผากเนียนกดย้ำเบา ๆ อ้อนมาก็ตามใจกลับ ถูกใจคนท้องนักละ

“วันคลอดพ่อเข้าไปกับกานต์น้า”

“ครับผม พ่อจะได้เห็นสามแฝดก่อนใครด้วยเนอะ แต่เอ...ถ้าพี่ณัฐอยากเข้าไปให้กำลังใจด้วยละ รายนั้นหลงสามแฝดอยู่นา” รพินทร์เย้าน้อย ๆ ใจนึกไพล่ไปว่าหากได้ณัฐธีร์มาคอยดูแลคงหายห่วงเป็นปลิดทิ้งทั้งตัวรพีกานต์และหลานตัวน้อย รวมไปถึงกิจการของครอบครัว เขาเข้าใจความรู้สึกของบุพการีที่ปรารถนาอยากให้กุลบุตรได้เจอคู่ครองที่ดีก็คราวนี้ เข้าใจถ่องแท้ถึงหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่แล้วว่าทำไมครอบครัวของอินทัชถึงได้กีดกันเขา เพราะตอนนี้ในใจลึก ๆ รพินทร์เองก็ยังอยากเชียร์ณัฐธีร์เป็นลูกเขยอยู่เหมือนกัน ติดที่ความรู้สึกของรพีกานต์ต้องมาก่อนความปรารถนาของเขา จึงเชียร์ณัฐธีร์ออกนอกหน้ามากไม่ได้

“เออ นึกได้แล้ว ตอนนี้อาเล็กเรากำลังเจอศึกหนัก” รพินทร์เกริ่นขึ้นอย่างเพิ่งนึกออก

“หือ ? ศึกหนักอะไรหรือครับ” รพีกานต์เลิกคิ้วด้วยความฉงน เอี้ยวกายไปตักขนมเข้าปาก ท่าทีตั้งใจฟังไปด้วย

“พี่วินเราน่ะสิ ป่วนอาเล็กเขาจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร ตอนนั้นพ่อเองดันสั่งไว้ว่าถ้าเจ้าตัวอยากจะพักที่บ้านเราต่อก็ตามสบาย ใครจะคิดว่าตอนนี้เจ้าตัวจะกลับเข้าไปพัก แถมตามตื้ออาเล็กแจ ชอบทำตาหวานเชื่อมหมาน้อยจ้องอาเขาบ่อย ๆ คงกะใช้ลูกอ้อนง้างปากอาเรานั่นละ สายตาพี่วินเป็นยังไงกานต์ก็รู้นี่ อาเล็กประสาทเสียมากจริง ๆ ไล่ยังไงก็ไม่ยอมไป เหน็บประชดยังมีหน้ายิ้มรับ แถมยังเอาหนูตะวันกับคุณแม่บ้านเป็นพวกอีก ทั้งสอนหนูตะวันว่ายน้ำเอย สอนเล่นบาสออกกำลังเอย ซื้อของเล่นให้อีกพะเรอเกวียน หลอกล่อเก่งจริง ๆ ตาคนนี้ คุณรพีสวัสดิ์ฝากบอกมาว่า ไม่แปลกใจเล้ย ที่น้องกานต์จะตกหลุมพรางพ่อคุณเข้า” รพินทร์ปรารภอย่างติดขำนิด ๆ อินทัชเป็นหนุ่มเจ้าสำอาง ดูดีทุกกระเบียดนิ้ว แต่ไม่มีทีท่ากะลิ้มกะเหลี่ยรู้จักใช้ลูกล่อลูกชนเข้าหาคนอย่างลูกชาย

“คงกะหลอกถามความลับจากเด็กละซี ร้ายกาจจริง ๆ นะ พ่อของสามแฝดเนี่ย ปกติติดหยิ่งถือตัวออกจะตายไป แต่ถ้าคิดจะตกปลาละก็ปลิ้นปลอกกลอกกลิ้งไม่มีใครเกิน” เอ่ยพลางหลุบสายตาลงมองท้องกลม อธิบายความรู้สึกตอนนี้ไม่ถูกนักที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามตามหาตนเองอยู่ คนอย่างพี่วินเคยง้อ เคยพยายามทำอะไรแบบนี้กับใครบ้างไหมนะ รพีกานต์เผลอกัดริมฝีปากด้วยความสับสนยุ่งเหยิงในใจ บางส่วนของความรู้สึกอ่อนไหวคล้ายว่าหัวใจจะพองขึ้นเล็ก ๆ

“แต่เอ๊ะ พี่วินเล่นกับหนูตะวันได้ด้วยหรือครับ ก็หนูตะวัน...” ท้ายประโยคกลืนหายลงลำคอ อย่างที่รู้กันว่าเด็กชายฉายสิรินั้นไม่ยอมปริปากเจรจากับใคร ตอนแรกเข้าใจกันว่าเด็กชายนั้นเป็นใบ้ เอาเข้าจริงกลับมีสาเหตุอื่นที่เด็กไม่ยอมพูด

“ดูเหมือนจะชวนทำกิจกรรมกระตุ้นให้พูดมั้ง เด็กกำลังอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น กานต์ดูคลิปนี่สิ อาเล็กแอบถ่ายส่งมาให้ดู” รพินทร์ยื่นสมาร์ตโฟนให้ดู เป็นภาพเรือนร่างสูงใหญ่ราศีจับสง่ากำลังเล่นบาสกับเด็กชายตัวเล็ก มีสุนัขตัวโปรดของหนูฉายสิริวิ่งวนรอบ ๆ ใบหน้ายิ้มแย้มนั้นหัวเราะ มือลูบหัวเจ้าสี่ขาพันธุ์ไทยธรรมดาอย่างเอ็นดู เสียงชวนพูดคุยยังคงมีเสน่ห์ไม่สร่างซา

“ปกติพี่วินดูเข้าถึงยาก อารมณ์แปรปรวนเอาแน่เอานอนไม่ได้ ไม่ยักรู้ว่าจะเล่นกับเด็กหรือสัตว์ได้ กานต์กับพี่วินคงรู้จักกันน้อยเกินไปครับ”

“ก็แค่รู้จักกันไม่นานพอจะเห็นในหลาย ๆ มุมน่ะ ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวเขานั่นแหละว่าจะเปิดให้เรารู้จักเขาได้มากแค่ไหน แฟนกันยังไม่รู้เรื่องของกันทุกเรื่องเลย” รพินทร์มองบุตรชายที่หลุบสายตามองดูคลิป ในสายตารพีกานต์ อัครวินท์เปรียบเหมือนเจ้าชายที่ใครต่างหมายตา เมื่อเจ้าชายยื่นมือมาตรงหน้าเด็กน้อยที่แอบปลื้มตนเองอยู่ รพีกานต์ที่ไม่นึกไม่ฝันว่าอีกฝ่ายจะสนใจตนเองจึงได้ลุ่มหลงกับเจ้าชายในฝัน

“สร้างภาพ” เสียงห้วนขุ่นเคืองดังขึ้น ใบหน้างอง้ำเล็ก ๆ ไม่วายปรายตามองภาพเคลื่อนไหวในสมาร์ตโฟน รพินทร์ยิ้มบางในหน้ามองคนอยากเกลียดเขาแต่ก็เกลียดได้ไม่เท่าปากว่า

“ดูทำหน้าทำตาเข้า ฮึฮึ ไม่มองไม่ต้องสนใจก็สิ้นเรื่องแล้ว” คนพูดปรารภน้ำเสียงราบเรียบมองคนลุกลนหลุกหลิก ไม่ได้รู้ตัวเองเลยว่าที่อีกฝ่ายยังคงมีอิทธิพลในความคิดก็เพราะใจตัวเองยังตัดเขาไม่ขาด

“ไม่ดูแล้วครับ งั้นกานต์ขอแบ่งขนมไปให้เพื่อนใหม่นะ เพิ่งรู้จักกัน แต่กานต์อยากจะพรีเซนต์ของหวานฝีมือพ่อสุด ๆ ไปเลย” คนท้องเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง ดวงตาพราวระยับอีกครั้งเมื่อนึกถึงใบหน้าคมคายของต้นน้ำ

“ไปรู้จักมักจี่ใครที่ไหนมาอีกละ”

“ชื่อต้นน้ำครับ อยู่ไร่ติดกันนี่เอง กานต์เจอต้นน้ำที่ลำธารด้านโน้น” นิ้วเรียวชี้ไปทิศทางที่เจ้าตัวได้เจอมิตรใหม่

“กานต์มีตัวเล็กอยู่ในท้องนะลูก จะมีเพื่อนคบหากับใครก็ดูนิสัยใจคอให้ดี” รพินทร์เอ่ยเตือน เขาพาลูกมาหลบจากความวุ่นวายจึงไม่อยากให้รพีกานต์ชะล่าใจนัก

“จริงด้วย ตอนนี้ต้นน้ำคิดว่ากานต์ลงพุง แต่ต่อไปท้องโตขึ้น ต้นน้ำต้องคิดว่ากานต์แปลกประหลาดแน่ ๆ ถ้างั้นกานต์เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเราดีกว่า” ใบหน้าสดใสสลดวูบลง ความคิดอยากผูกมิตรแต่เดิมจึงพับไป รพินทร์เห็นแล้วใจอ่อนยวบด้วยความสงสารเต็มกำลัง น้องกานต์อยู่ที่นี่เงียบสงบก็จริง แต่นาน ๆ ไปก็คงต้องมีเบื่อหน่ายกันบ้าง

“เอาเถอะ พ่อทำขนมไว้เยอะเลย น้องกานต์แบ่งไปให้เพื่อนบ้างก็ดีนะ” กลายเป็นรพินทร์ที่ทัดทานต่อไม่ไหว เขาอยากเห็นลูกสดใสมีความสุขอย่างดวงตะวันที่เป็นชื่อของเจ้าตัวจึงอนุโลมให้ รพีกานต์ยิ้มร่า ไม่วายเอ่ยสำทับ

“กานต์จะระวังตัวครับ”

♫♥♫♥♫♥

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
กลับมาแล้ว ยังรออยู่นะ

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
กลับมาแล้ววววว

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
ฮูเร่ๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
 แบบนี้คงตัดใจยากล่ะกานต์
 รออ่านตอนต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :hao6: กลับมาแล้วววว ดีใจมากกกกก ไม่อยากให้หายไปนานๆอย่างนี้เลยค่ะ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ pamazier24

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2
รพีกานต์ตอแหลแบ๊วดีค่ะ ชอบ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
กานต์มีความสุขเราก็ดีใจ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ใจคน

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
มาให้หายคิดถึงแล้ว

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ขี้ตาไปประมาณสี่แสนรอบได้
ในที่สุด... มาต่อแล้วววววววววววว
ดีใจมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
ตอนต่อไปอย่าทิ้งช่วงนานอีกนะ

ออฟไลน์ pawara123

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอบการใช้ภาษาอ่ะสวยงามมาก

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มาแล้วคิดถึงเรื่องนี้  :mew2:

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
มาต่อแล้ว วินจะตามหากานต์เจอก่อนคลอดไหมเนี่ย สู้ๆนะวิน

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
เพิ่งได้มาตามอ่านค่ะ เรื่องนี้ภาษาสวยมากๆ ชอบบบ
ตอนแรกคือเกลียดอิพี่วินมากก สงสารทั้งกานต์และพี่ณัฐเลย  :hao5:
นี่หวังว่าพี่ณัฐจะได้คู่กะน้องตะวันนะเนี่ย โชตะไปเลย 55555
คู่คุณพ่อก็น่าลุ้น ดูมีอุปสรรคเยอะกว่าคู่ลูกอีก หวังจะมีรีเทิร์นได้มั้ยเนี่ย TT
เราแอบจิ้นคู่วิศรุตกะรพีสวัสดิ์เงียบๆ เพราะเห็นเข้ามาอยู่บ้านใกล้กันแล้ว จะลุ้นขึ้นไหมเนี่ย 5555
เห็นจากเกริ่นนำตอนแรก พี่ดินอะไรนี่จะเป็นคนที่มาจีบกานต์สินะ แล้วต้นน้ำล่ะ พี่น้องคนละพ่อแม่เลยรึเปล่า จิ้นให้คู่กะดินไปเลยได้ไหม 55555
ปล.เราชอบกลอนที่คุณแต่งมากๆ เลยค่ะ เพราะทุกบทเลยย ><
มาต่อไวๆ นะค้า  :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
เสน่หา...รักเอย ๒๗
มัสยาต้องมนตร์วารี

“รื่นรื่นระรงรอง   ไหวสะท้อนรวีฉาย
เคลื่อนเคลื่อนเมฆาคลาย   ฟ้าแจ่มใสใจรื่นรมย์”

คนท้องฮัมเพลงไปพลางลูบพุงทักทายสามแฝดไปพลาง ขณะสาละวนหยิบขนมจัดลงในกล่องทัพเพอร์แวร์แล้วปิดฉึบ นำไปหย่อนลงตะกร้าหวายปิกนิกพร้อมขวดน้ำกับเสื่อ หยิบหมอนใบเล็กหนีบติดรักแร้มาด้วย แล้วเดินลงบันไดอ้อมไปด้านหลังบ้าน รอยยิ้มอ่อนโยนแจ่มใสประดับบนดวงหน้าเยาว์ ยามบ่ายบิดาของเด็กหนุ่มกินยาแล้วนอนพักผ่อนใต้ถุนโปร่ง มีลมโกรกตลอด รพีกานต์ชอบเสียงน้ำไหลเอื่อย เสียงนกร้อง เขาจึงมักพาสามแฝดมานอนหลับใต้ต้นไม้ใกล้ลำธารเสียเป็นส่วนใหญ่

ถือตะกร้ามาถึงเปลนอนใต้ต้นไม้ริมลำธารที่ประจำ ชะเง้อคอยืดยาวมองข้ามรั้วเข้าไปยังเขตไร่ฟากติดกัน ไร้วี่แววคนที่เคยเจอ ใจหนึ่งนึกยินดีด้วยไพล่นึกถึงคำพ่อเตือน อีกใจก็แอบผิดหวังนิดหน่อยเพียงเสี้ยววูบ เพราะอย่างไรเสียเรื่องลูกต้องสำคัญมาอันดับแรกสุด เมื่อเห็นท่าว่าปลอดคน รพีกานต์จึงปูเสื่อวางของ ตัวเขาเองเอนกายนอนบนเปลญวน พลิกท่านอนเหมาะเจาะสบายตัวแล้วจึงเอื้อมมือไปเปิดตะกร้าหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาดู
ก่อนมื้อเที่ยงคุณอาเล็กส่งคลิปวิดีโอมาให้ ข้างในเป็นภาพเคลื่อนไหวของคุณชายอัครวินท์กำลังเล่นเปียโนเพลงของโมสาร์ท ใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าตัวดูตั้งอกตั้งใจอัดคลิปนี้เป็นพิเศษ สายตาคมคายมองมาที่กล้องเป็นระยะ เหมือนจงใจมองให้ทะลุมายังคนอีกฟาก

“พี่ตั้งใจเล่นเพลงของโมสาร์ทฝากให้สามแฝดกับคุณแม่ ถ้ากานต์อยู่ด้วยกันตอนนี้ พี่คงเล่นให้กานต์กับลูกฟังทุกวัน พี่คิดถึงกานต์กับลูกของเรามากนะ ให้โอกาสพี่เจอกานต์นะครับ” น้ำเสียงเศร้าสร้อยติดวิงวอน สายตาทระนงราวแสงตะวันเจิดจ้าคู่นั้นหม่นแสงลงแตกต่างจากทุกที ไม่รู้เจ้าตัวไปใช้คารมกับคุณอาเล็กยังไงเข้า ถึงได้มีคลิปเพลงไพเราะนี้ส่งมา

“ไม่ยักรู้ว่าพี่วินของกานต์จะมีพรสวรรค์ทางดนตรีแบบนี้” รพีสวัสดิ์ปรารภอย่างนึกทึ่งกับหลานชาย หลังจากได้เห็นปลายนิ้วเรียวพรมลงบนคีย์ราวร่ายมนตร์ชวนเคลิ้มตาม อัครวินท์ในยามนั้นงามสง่าราวเจ้าชายในฝันไม่ปาน ไม่แปลกใจสักนิดหากหลานชายของเขาจะหวั่นไหวเผลอใจให้

“พี่วินเล่นเปียโนเป็นตั้งแต่สี่ขวบแล้วครับ ทั้งทักษะด้านกีฬา แล้วก็พูดภาษาต่างประเทศได้อีกหลายภาษา คุณแม่จัดโปรแกรมชีวิตให้ตั้งแต่เด็ก ทั้งเรียนพิเศษ เรียนดนตรี  โตมาเลยเก่งหลายด้าน แต่ติดขี้เกียจมากสักหน่อย กานต์เคยได้ยินพี่วินบ่นขี้เกียจเรียน หาเรื่องโดดไปทำอะไรไร้สาระอยู่บ่อย ๆ” รพีกานต์นึกภาพงูเหลือมอัครวินท์ตัวเขื่องนอนอิดออดติดเตียงไม่ยอมลุก พอถูกปลุกให้อาบน้ำไปเรียน เจ้าตัวก็มักทำสีหน้าเบื่อหน่ายเสียเต็มประดา คนอื่นเป็นอย่างไร รพีกานต์สุดจะรู้ แต่งูเหลือมวินเท่าที่รพีกานต์เห็น รู้สึกจะไม่ถูกโรคกับคำว่า ‘เรียน’ อย่างกับเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานานนม ถ้าขย้อนออกมาได้ เจ้าตัวคงไม่รีรอที่จะทำ ยกเว้นพูดเรื่องเที่ยวเตร่ที่จะคึกคักเป็นพิเศษ ดีดตัวผึงลุกจากเตียงได้โดยไม่ต้องบอกซ้ำ
รพีสวัสดิ์ฟังคำบอกเล่าจากปากหลานชายก็พอจะนึกภาพความทุกข์ทรมานจากความกดดันในวัยเยาว์นั้นออกกลาย ๆ ลูกฉันต้องเด่นต้องเก่งเหนือนำใคร ๆ เพื่ออรรถรสของบรรดาผู้ปกครองยามโอ้อวดเกทับกัน เคราะห์กรรมเลยมาตกที่เด็ก ถ้าจะมีใครรังแกลูกได้เจ็บปวดที่สุดก็คงไม่พ้นพ่อแม่ของเด็กเองนั่นแหละ

“แล้วเรื่องอื่นล่ะครับ พี่วินทำให้คุณอาปวดเศียรเวียนเกล้ามากไหม” รพีกานต์ออกจะเกรงใจคุณอาคนเล็กอยู่ไม่น้อย แต่คำตอบที่ได้กลับมากลับผิดคาด

“ไม่นะ ตอนแรกอาคิดว่าจะก่อความวุ่นวายมากกว่านี้เสียอีก จะได้ถือโอกาสนี้ใช้เป็นข้ออ้างเตะออกจากบ้าน เอาเข้าจริง พี่วินเราช่วยงานอาได้หลายอย่างเลย นี่ก็ได้พี่เขาช่วยวางแพลนโปรโมตร้านอาหารให้อยู่ คุณชายแชร์ภาพลงไอจี คนตามมาชิมเพียบ ที่โรงงานก็ได้คอนเนกชันเพิ่ม มีออร์เดอร์เพิ่มเข้ามา ชวนอาวางแผนทำโฆษณา อายังแซ็วให้พี่เขามาเป็นพรีเซนเตอร์ให้อยู่เลย ลูกชายนายธนาคารกับเจ้าของห้างดังเชียวนา แล้วนี่นะ ตามอาไปเก็บค่าเช่าในตลาด แม่ค้าลูกค้าสาวแก่แม่ม่ายมองกันตาเยิ้ม พ่อคุณแจกยิ้มเรี่ยราด น้ำตาลแทบท่วมตลาด ได้ทั้งค่าเช่าได้ทั้งของฝากชิม หอบกันไม่หวาดไม่ไหว มิน่ากานต์ของอาถึงได้ทั้งหึงทั้งน้อยใจ มีแฟนแบบนี้มันก็น่าหนักใจจริง ๆ นั่นแหละ” รพีสวัสดิ์กระเซ้าหลานอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ มือจับถ้วยน้ำขิงยกขึ้นจิบ หางตาปรายมองคนที่ชะเง้อชะแง้อยู่ห่าง ๆ ท่าทางอยากจะร่วมวงด้วยเต็มแก่

“กานต์ไม่ได้หึงสักหน่อย อาเล็กหลงคารมพี่วินแล้วแน่ ๆ” เสียงนุ่มแย้งขึ้น

“ไม่ต้องมาพาลพาโลอาเลย เรานั่นแหละ หลงเจ้าชายผู้หล่อเหลาก่อนใครเพื่อน” รพีสวัสดิ์อดสัพยอกให้ไม่ได้ อุตส่าห์ตั้งแง่ทำใจแข็ง กะเฉ่งตัวการทำหลานเสียใจสักหน่อย ที่ไหนได้ดันผิดแผน รพีสวัสดิ์ลูบท้ายทอยพลางหัวเราะร่วน วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะมีหมอนวดหล่อ ๆ คอยนวดไหล่พินอบพิเทาเอาใจ สบายอุราไปแปดอย่าง รพีกานต์ฟังน้ำเสียงคุยจ้อ ประเมินสถานการณ์ดูแล้ว ท่าทางคุณอาคนดีจะโดนคุณไสยยี่ห้ออัครวินท์เข้าเต็มเปาแล้วเป็นแน่ เอ่ยปากชมเปาะฝ่ายนั้นได้เป็นคุ้งเป็นแคว ทัพหน้าที่ส่งไปยันเริ่มสั่นคลอน รพีกานต์ละนึกหวั่นใจการรุกคืบของพ่อเสือตัวร้ายพิกล

“อาเล็กต้องรู้จักพี่วินให้มากกว่านี้ครับ พี่วินทำได้ทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องดี ๆ” แต่อย่าหวังว่าคนอย่างรพีกานต์จะหลงกลซ้ำสอง

“แสดงว่ากานต์รู้จักพี่วินทั้งด้านดีและไม่ดี” รพีสวัสดิ์อมยิ้มหยั่งเชิงกระต่ายขาเดียวที่ยังเต้นเหยง ทั้งที่คนอาบน้ำร้อนมาก่อนจับน้ำเสียงตื่นเต้นจากเจ้าตัวได้ยามเอ่ยปากถึงอีกฝ่าย เขาไม่ได้เออออไปด้วยเพราะความช่วยเหลือแค่นี้หรอกน่า แต่อะไรที่เป็นผลประโยชน์จะปล่อยให้หลุดมือก็ยังไงอยู่ อีกอย่างเขาก็ไม่ได้รับปากเรื่องรพีกานต์เสียหน่อย ในเมื่ออีกฝ่ายอยากอำนวยผลประโยชน์ให้ เขาก็แค่รับไว้ เพราะปลายทางสุดท้ายเม็ดเงินก็ตกไปเป็นค่าเลี้ยงดูสามแฝดอยู่ดี นี่ละนะ ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดี หากป้องกัน ปัญหาก็คงไม่เกิด ใจจริงรพีสวัสดิ์อยากตำหนิหลานเต็มแก่ แต่เห็นหน้าตาเศร้าสร้อยแล้วก็ดุไม่ลง ยั้งคำพูดกลืนลงคอเสียอย่างนั้น

“รู้ แต่ยังไม่มากพอครับ กานต์เองก็ผิด ที่ถลำตัวหลงใหลได้ปลื้มกับเปลือกนอก กานต์ทำร้ายคนดี ๆ อย่างพี่ณัฐ บางทีนี่อาจเป็นบทลงโทษสำหรับกานต์ที่เลือกผิด” ถ้อยคำทิ้งท้ายเด็ดเดี่ยวแต่แฝงด้วยความหดหู่ลึก ๆ

“นี่ละน้าความรัก ถ้าทุกคนบนโลกใช้สมองในการเลือกรักกันหมด โลกนี้คนดีคงไม่ผิดหวัง แต่ก็เพราะมันไม่ง่ายไง หลายคนถึงพยายามไขว่คว้า” คุณอาคนดีปัจจุบันยังเกาะความโสดเอาไว้เหนียวแน่นเปรยขึ้นลอย ๆ รพีกานต์ได้แต่นิ่งฟังคนไม่เคยกังวลเรื่องไร้คู่ ด้วยเจ้าตัวขี้เหนียวเวลาส่วนตัวเป็นที่สุด มือเรียวลูบท้องกลมเริ่มหาวหวอด คุยกับคุณอาลูกหลงคนสุดท้องก็เหมือนคุยกับพี่ชาย แถมรายนั้นใส่ใจดูแลตัวเองดี หน้ายังใสกิ๊งเหมือนวัยรุ่น

รพีกานต์พยายามทำใจแข็งไม่สนใจคนในคลิป มือเรียววางแท็บเล็ตบนฝาตะกร้านอนฟังแค่เสียงดนตรีบรรเลงไปเรื่อย สายลมเย็นโชยผ่าน กิ่งไม้ระบัดใบไหวน้อย ๆ เสียงน้ำไหลเอื่อยรื่นรมย์คละเคล้ากับเสียงดนตรีใสกังวาน ดวงตางามวูบไหวด้วยความสับสนที่ถาถั่งเข้ามาในใจ ความรักกับความกลัวที่เกาะกุมเหนียวแน่นในใจกำลังคานอำนาจกันหนักหน่วง อ้อมกอดอุ่นแปรเปลี่ยนเป็นความหนาวเหน็บซุกซ่อนซึ่งความหวาดกลัวดำมืดในใจ มีพลานุภาพทรงพลังมากพอที่จะกัดกร่อนความรักอ่อนหวานที่ร่วมสานด้วยกันมาให้สะบั้นลง เปิดใจรักว่ายากแล้ว เปิดใจให้เชื่อใจคน ๆ เดิมซ้ำอีกหน ยากเสียยิ่งกว่ายาก

หากจะรัก ต้องรักให้ได้ทั้งหมด ทั้งความงดงามของกลีบดอกสะพรั่ง และรากหยั่งที่เปื้อนตม
หากจะรัก รพีกานต์ต้องรักให้ได้ทั้งหมดในตัวตนของคน ๆ นั้น ทั้งอัครวินท์ในคราบเทพบุตรและมารร้ายกักขฬะ
แต่มันช่างยากเหลือเกิน เมื่อเขาได้ทำสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนเพียงเพื่อหวังผลบางอย่าง สักวันหนึ่งเขาก็จะกลับไปเป็นอย่างที่เคยเป็น ยามรักแม้ดาวเดือนรับปากจะหาให้ ยามหมดใจ ทำอะไรก็ขวางหูขวางตา

รพีกานต์ยอมรับว่าตนเองกำลังหวาดกลัว
กลัวว่าจะทนรับกับความเสียใจซ้ำสองจากคน ๆ เดิมไม่ไหว
ตัวของเขาไม่มีอะไรยืนยันความแน่นอนให้วางใจปล่อยวางจากความกลัวได้เลย

ทั้งอัครวินท์ที่กำลังพยายามเอาชนะหัวใจบอบช้ำของรพีกานต์ และตัวคนท้องเองที่ต้องพยายามเอาชนะความกลัวในใจตนเอง ไม่ว่าทางไหนก็ไม่ง่ายเลยสักนิด เมื่อใครคนหนึ่งทำตัวเสมือนเด็กเลี้ยงแกะ คำพูดของเขาจะหมดความน่าเชื่อถือในครั้งต่อไป ทุกสิ่งที่ทำมาทั้งหมดล้วนหมดความหมายลงจากการโกหกเพียงครั้งเดียว

มธุพจน์รสอ่อนหวาน   แสนชื่นบานยามตรับฟัง
แรกเริ่มแสนสุขล้ำ      ครั้นนานวันคำจืดจาง
อยากรักต้องกล้าแลก   เผื่อรักแตกแหลกขื่นขม
ปวดแปลบแสบระทม   อกตรอมตรมถั่งถมใจ


เสียงเปียโนเพลงของโมสาร์ทยังคงดังกล่อม รพีกานต์เหลือบสายตาเหม่อมองท้องฟ้าปลอดโปร่ง ปุยเมฆขาวเหมือนขนมถ้วยฟูล่องลอย ความรู้สึกหลากหลายถะถั่งโถมเข้าหาราวคลื่นคลั่งซัดกระทบฝั่ง สายลมบางเบาพัดแผ่วผิวกายแต่หนาวเยือกสะท้านถึงข้างใน ความรักยังคงไม่เสื่อมคลาย แต่ความเสียใจยังคงเกาะแน่นฝังรอยร้าวลึก ทิ้งร่องรอยบาดแผลอุกฉกรรจ์เรื้อรังข้างในใจ เหมือนมีหนามเล็ก ๆ ยอกแปลบอยู่ภายในอก ทำอย่างไรก็สะกิดไม่ออก ความเชื่อใจพังทลายหมดสิ้น ไม่ง่ายที่จะสร้างขึ้นมาได้ใหม่ด้วยคำแก้ตัวเพียงไม่กี่คำ

...เคยรักกันจริง ๆ บ้างไหมนะ...
...สนุกมากไหม ? ที่เคยทำร้ายกันอย่างเลือดเย็น...

เสียงเพลงแว่วหวานขับกล่อม สิ่งมีชีวิตในครรภ์ดิ้นตอบรับราวรับรู้ได้ รพีกานต์ลูบท้องกลมแผ่วเบา ปล่อยหัวใจขมุกขมัวที่ซึมซับไปด้วยความหมองหม่นล่องลอยไปเหมือนกลุ่มเมฆหม่นครึ้มใกล้กลั่นตัวเป็นหยดน้ำ
เคว้งคว้าง เดียวดาย และเหน็บหนาว

คืนวันที่แสนปวดร้าว ใครอีกคนไปอยู่เสียที่ไหนนะ ยามที่มือสั่นระริกโอบกอดร่างสั่นสะท้านของตัวเอง เดินสะโหลสะเหลประคองตัวข้ามฝ่ากระแสธารแห่งความเสียใจ เย็นเยือกราวเข็มนับพันทิ่มแทง ยามนั้นมืออุ่นของเขาจับอยู่ที่ใครกันหนอ เขาไปอยู่เสียตรงไหนนะ ในยามที่เราเสียใจอย่างลึกซึ้ง นั่งกอดตัวเองร้องไห้ท่ามกลางความหมองหม่นเหน็บหนาว ในความสลัวพร่าเลือน ไอเย็นหนาวเหน็บแทรกผ่านผิวเนื้อที่เคยมีเขาถ่ายทอดไออุ่น แผ่นอกหนายามค่ำคืนที่เคยซุกซบหลับใหล แผ่นหลังอุ่นด้วยมีเขากอดอยู่ด้านหลัง ความเจ็บปวดรวดร้าวทุกข์ทรมานจากการหกล้มจมในบ่อน้ำตาอันมีที่มาจากเขาปล่อยมือกัน เขาไปอยู่ที่ไหนเสียนะ ตอนที่เราเจ็บปวดจนถึงขีดสุด ล้มลุกคลุกคลานร้องเรียกหาเขา มีทางเลือกสองทาง คือ นั่งจมกับหยาดน้ำตาจนถูกกลืนหายอย่างไร้ค่า หรือลุกขึ้นมาเพื่อเรียนรู้ว่าครั้งหนึ่งเคยเจ็บช้ำ กัดฟันหยัดยืนขึ้นด้วยขาไร้เรี่ยวแรงของตัวเอง กอดตัวเองแทนอ้อมกอดอุ่นที่กลายเป็นของคนอื่นเสียแล้ว ยิ้มบิดเบี้ยวทั้งที่น้ำตานองหน้า อาศัยเวลาเยียวยาจนมันเหือดหายไปเองด้วยความชาชิน

อ้อ...เขากลับมาแล้ว แล้วเราก็ยืนเองได้แล้วเช่นกัน

ดวงตาปิดลงปล่อยวางทุกอย่าง ยิ่งยึดยิ่งเจ็บ วันนี้น้ำตาไม่ไหล แต่ความอ้างว้างเหน็บหนาวยังลอยคว้างรอบกาย หัวใจดวงน้อยบอกตัวเองว่าต้องเข้มแข็ง ลมหายใจพรั่งพรูระบายความขมขื่นหนักหน่วง ซึมซับไปกับบทเพลงกล่อมเกลาคละเคล้าเสียงน้ำไหลริน

คนที่สามารถให้อภัยคนรักที่ทรยศหักหลัง ต้องมีกำลังใจแข็งแกร่งระดับไหนกันหนอ ถึงเชื่อใจได้อย่างยิ่งยวด จนสามารถกลบลบความหวาดกลัวทุกเสี้ยวนาทีที่เคยเจ็บเจียนตายลงได้


เหมือนกำลังถูกจ้องมอง...
ความรู้สึกแรกบอกแก่รพีกานต์อย่างนั้นเมื่อรู้สึกตัวตื่น ดวงตาสวยปรือลืมขึ้น แล้วก็ได้เจอกับต้นตอความสงสัยนั้น คิ้วเข้มยาวเป็นปื้นโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ นัยน์ตาคมกริบ โครงหน้าเรียวคมสัน เจ้าของร่างเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเสื่อไม่ห่างนัก กำลังยื่นใบหน้าเข้ามาจ้องเขม็งอยู่ใกล้ ๆ ในมือยังถือยอดหญ้าชะงักค้าง หญ้าที่หมายใจจะใช้แหย่จมูกแกล้งคนหลับ ทว่าคนขี้เซาดันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางครัน ศิรวัฒน์จึงถือยอดหญ้าที่กำลังจะยื่นเข้าไปใกล้จมูกค้างเก้อเสียอย่างนั้น

รพีกานต์กระพริบตาปริบประสานสายตาในระยะใกล้ สมองยังมึนงงสับสนเล็กน้อย ดวงตาเบลอลอยเพียงมองเขานิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น

“ตื่นแล้ว” เสียงทุ้มดังขึ้น มุมปากแย้มยิ้มเล็กน้อย ศิรวัฒน์ทอดสายตาอ่อนโยนมองคนเพิ่งตื่นในเปล ถือโอกาสอีกคนกำลังงงแอบโยนยอดหญ้าทิ้งทำลายหลักฐาน

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่” รพีกานต์เปิดปากหาวหวอดเอ่ยถาม แขนเสลายืดออกกางบิดขี้เกียจเต็มที่ ปลายเท้าหย่อนลงบนเสื่อหยัดกายลุกนั่งมองคู่สนทนา

“สักพักหนึ่งได้ เห็นคนนอนน้ำลายยืดด้วยละ” เจ้าของใบหน้าคมคายสัพยอกยิ้ม ๆ แน่นอนว่าคนฟังตาโตรีบปาดหลังมือเช็ดมุมปากทันทีทันใดด้วยความร้อนตัว ก่อนจะทันรู้ตัวว่าตกหลุมพรางคนนัยน์ตาคมเสียได้

“แกล้งกันนี่ น้ำลายเราไม่ได้ยืดเสียหน่อย แล้วเมื่อกี้เห็นนะ จะแอบเอายอดหญ้ามาแหย่จมูกเรา” ดวงตากลมโตหรี่มองอย่างรู้ทัน มุกนี้รพีกานต์ทำบ่อยตอนแกล้งพี่ณัฐ ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ มีหรือจะรู้ไม่ทัน

“ฮะ ๆ รู้ทันด้วยแฮะ” คนถูกจับได้ไล่ทันหลุดหัวเราะขำ สีหน้าระรื่นไม่มีสำนึกในความผิดจนคนมองนึกหมั่นไส้

“อุตส่าห์เอาขนมอร่อย ๆ ฝีมือพ่อเรามาให้กิน ขี้แกล้งแบบนี้ไม่ให้กินด้วยแล้ว เราจะกินคนเดียว กินต่อหน้าให้นายน้ำลายหก” คนตัวเล็กลงพุงในสายตาศิรวัฒน์ตั้งท่าขู่ ดูอย่างไรก็น่าแกล้งเสียเหลือเกิน แม้จะรู้จักกันผิวเผินเจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่กลับดึงดูดให้อยากเย้าแหย่นัก ศิรวัฒน์ยิ้มน้อย ๆ มองดูคนทำจริงอย่างปากว่า มือเรียวเปิดตะกร้าหยิบกล่องทัพเพอร์แวร์ออกมาเปิดฝาอวดโฉมขนมไทยหน้าตาน่าลิ้มลอง

“อยากกินละซี ไม่ให้กินด้วยหรอก” บอกพลางหยิบชิ้นขนมส่งเข้าปากเคี้ยวลอยหน้าลอยตา รพีกานต์เป็นผู้ชายที่หน้าตาค่อนไปทางน่ารัก ใบหน้าลอออ่อนใสไร้สิวฝ้า ริมฝีปากช่างจ้ออิ่มแดงดูเปล่งปลั่ง และจมูกโด่งน่าบีบแกล้งให้หายใจไม่ออก ศิรวัฒน์คิดในใจขณะมองคนกินล่อหน้าล่อตา ไม่วายเหล่หางตามองเป็นระยะ มันน่านัก !

“เอามาให้เขาแล้วขี้ตู่กินเองเฉย แบบนี้ต้อง...” หางเสียงลากยาวแล้วละไว้ให้สงสัย ดวงตาหรี่ลงมอง มุมปากยกโค้งด้วยความเจ้าเล่ห์

“ต้องอะไร” คนฟังชะงักมือหยุดมองด้วยสายตาหวาดระแวง เขยิบก้นกระเถิบหนี มือเบี่ยงกล่องทัพเพอร์แวร์หลบด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ

“ต้องแย่งกิน !” โพล่งขึ้นรวดเร็วแล้วพุ่งมือฉกพรวด รพีกานต์หน้าเหวอ รู้ตัวอีกทีในมือก็ว่างเปล่า ขนมทั้งกล่องหายวับ อันตรธานไปอยู่ในอุ้งมือหมีเป็นที่เรียบร้อย

“เฮ้ย ได้ไง” รพีกานต์ร้องโวยวายดังลั่นเมื่อพลาดท่า แต่ก็ช้ากว่ามือที่ฉกขนมส่งเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ล่อหน้าล่อตาให้เจ็บใจเล่น เกิดสงครามแย่งของกินอุตลุต รพีกานต์พยายามยื้อคืนสุดฤทธิ์แต่ไร้ผล คนท้องฮึดฮัดเล็ก ๆ หน้างอคอหักเป็นปลาทูแม่กลอง นายหมีมือฉกขนมเห็นดังนั้น จึงหยิบขนมโฉบมาใกล้ปาก ยึกยักมากท่าจะยื่นให้ไม่ให้ก่อนส่งเข้าปากตัวเองหน้าตาเฉย ไม่วายยักคิ้วเยาะเย้ย

“กินให้ไขมันจุกอกไปเลย เราบอกจะเอามาให้ถึงยอมอ่อนข้อให้หรอก” คนท้องเฉไฉวางมาดเขื่องทั้งที่ตัวเท่าเมี่ยงเมื่อเทียบกับหุ่นล่ำสูงใหญ่ของอีกคน

-มีต่อด้านล่างค่ะ-

ออฟไลน์ Moony_Darling

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 98
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-4
๒๗ (ต่อ)

“อร่อยมาก ขอบคุณนะ” ยิ้มหล่อกล่าวขอบคุณอวดเขี้ยวเล็ก ๆ ที่มุมปาก ฝ่ามือใหญ่วางโปะบนศีรษะทุยก่อนยีให้ผมยุ่ง ในใจคิดว่าเจ้าคนหน้าใสกิ๊งนี่น่าแหย่ให้เจ้าตัวหัวฟัดหัวเหวี่ยงทำหน้าบูดเป็นตูดลิงจริง ๆ เห็นแล้วครื้นเครงไม่น้อย รพีกานต์เบี่ยงศีรษะหนีอุ้งมือหมีพลางตวัดมองตาขุ่น อีกฝ่ายไม่เพียงไม่สลด ยังกล้าหาญชาญชัยยื่นมือมาดึงแก้มนวลยืดออกด้วยความเอ็นดู รพีกานต์แยกเขี้ยว มือเล็กปัดป้องอุตลุต ศิรวัฒน์หัวเราะชอบใจ ละมือจากแก้มใสนุ่มนิ่มพลางทิ้งตัวลงนอนบนเสื่อ ประสานท่อนแขนหนุนรองศีรษะต่างหมอน สายตามองกลุ่มเมฆปุยบนท้องฟ้า

“อยากขี่ม้าเที่ยวไหม ตอบแทนเรื่องขนม” อีกฝ่ายถามขึ้น สายตายังคงจับจ้องที่กลุ่มเมฆลอยละล่อง รพีกานต์มองม้ารูปร่างสูงใหญ่ ลักษณะปราดเปรียวสีน้ำตาลเข้มแล้วก็นึกสนใจขึ้นมา ติดที่ว่าเขาในตอนนี้ไม่ใคร่สะดวกนัก

“อยากขี่ แต่ตอนนี้เราไม่สะดวกน่ะ” ปฏิเสธอย่างนึกเสียดาย ใจนึกไพล่ถึงพี่ชายวัยเยาว์อย่างพี่วาเลนไทน์

 ...ไร่พี่ไทน์จะมีม้าไหมนะ จะได้ไปขอขี่เล่นหลังคลอดน้องแล้ว...

“อืม” อีกฝ่ายรับคำสั้น ๆ ไม่เซ้าซี้ต่อ รพีกานต์เหลือบมองคนหลุดเข้าโหมดนิ่งขรึม คิ้วดกเข้มเป็นเส้นยาวพาดเหนือดวงตาคมดุจนัยน์ตาเหยี่ยว แพขนตาหนาขับให้ดวงตากว้างยาวดูคมคายมีเสน่ห์ ยามยิ้มดวงตาทั้งคู่โค้งขึ้นทอประกายระยับชวนฝัน จมูกโด่งโค้งเป็นสันสวย ริมฝีปากบางสีอ่อน ท่าทียามนิ่งขรึมดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัว แต่ก็ชอบแกล้ง เจอกันไม่เท่าไรก็หาเรื่องเย้าแหย่ไล่ต้อนให้หงุดหงิดเล่น กระนั้นแล้วดู ๆ ไปก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร

“มองพินิจพิจารณาขนาดนั้น สแกนพอหรือยัง เก็บค่ามองซะดีไหม” อีกฝ่ายเหสายตาหันมาประสานกัน มุมปากกระตุกยิ้มเล็กน้อย ใบหน้าขี้เล่นยักคิ้วข้างเดียวให้คนตาแป๋ว รพีกานต์เจอรอยยิ้มกระชากใจเข้าไปชักจะอดใจแกว่งไม่ไหว เสหลบคนนัยน์ตาคม

“หล่อละซี” ศิรวัฒน์หัวเราะหึหึในลำคอด้วยความตั้งใจกวนประสาท ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายคือสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการอยากจะเห็น แล้วก็ไม่ผิดจากที่คิดไว้

“โหย หลงตัวเองชะมัด” รพีกานต์โพล่งขึ้นแบบไม่ลังเล ใบหน้าเรียวส่ายหวืออย่างรับไม่ได้เต็มประดา ยอมรับว่าอีกฝ่ายหล่อเหลาจริงดังว่า แต่พอเจอว่าหลงตัวเองเท่านั้นแหละ ดูเหมือนเลเวลความหล่อจะลดลงทันที

เอ...คุ้น ๆ นะ พวกหลงตัวเองนี่

เจ้าตัวเล็กในท้องสะกิดบอกยิก ๆ อ๋อ ตัวพ่อนี่ต้องยกให้คุณชายอัครวินท์ รพีกานต์เหยียดริมฝีปากส่ายหน้าระอาเมื่อใจดันไพล่ถึงใครอีกคน

“จริงสิ นายอายุเท่าไรเนี่ย”

“สิบเจ็ดย่างสิบแปด กำลังจะเข้ามหา’ลัยปีหนึ่ง” ศิรวัฒน์ตอบทีเดียวรวบรัดเสร็จสรรพเพราะรู้ว่าเดี๋ยวอีกฝ่ายก็มีคำถามต่อ

“งั้นเราเป็นพี่นายปีนึง เราสิบแปด” แผ่นอกเล็กยืดขึ้นวางมาดรุ่นพี่ทั้งที่ความสูงน้อยกว่าเป็นคืบ

“พี่เตี้ย” อีกฝ่ายเอ่ยขึ้น คนฟังคิ้วกระตุก ใบหน้าเรียวหันขวับส่งนัยน์ตาขุ่นไม่สบอารมณ์ไปให้

“โอเค ๆ เรียกชื่อก็ได้ ชื่ออะไรนะ กานต์ใช่ปะ กานต์ที่แปลว่าที่รัก งั้น...” ศิรวัฒน์ทำท่านึก แต่มุมปากที่ผุดรอยยิ้มยั่ว แย้มความไม่ชอบมาพากลนั้นพาให้นึกหวั่นใจ  “ไม่เรียกหรอกพี่กานต์น่ะ เรียก ‘ที่รัก’ ดีกว่า” ใบหน้าคมยื่นเข้ามาใกล้พร้อมคลี่รอยยิ้มสว่างไสว ดวงตาทั้งคู่หยีโค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยวทรงคว่ำพานให้ใจสั่นได้ง่าย ๆ

“บ้าแล้ว มีผู้ชายที่ไหนเรียกกันว่าที่รัก ขนลุกน่า” รพีกานต์โวยวาย มือลูบต้นแขนขึ้นลงทำท่าขนลุกขนพอง เรียกน้ำเสียงหัวเราะจากอีกคน

“ฮ่า ๆ คนอื่นก็คงไม่คิดอยากเรียกหรอก ยกเว้นคนน่าแกล้งคนนี้เท่านั้นแหละ” ดวงตาหยีโค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยวทรงคว่ำยังคงทอประกายสว่างไสว ยิ่งอยู่ภายใต้คันคิ้วเข้มหนายิ่งเสริมให้คน ๆ นี้มีเสน่ห์อย่างไม่อยากละสายตา ศิรวัฒน์บอกด้วยแววตาขบขันขณะมองคนหน้าคว่ำ มันจะมีคนประเภทที่เห็นแล้วอยากแหย่ อยากแกล้งกวนประสาทเวลาเจอหน้า และรพีกานต์ก็คือคนประเภทนั้นสำหรับเขา คนฟังหน้าบูดคิ้วขมวดมองเขม่น ดูแล้วตลกเหมือนตัวตุ่นขี้หงุดหงิด

“เก็บไว้ไปเรียกแฟนนายเหอะ ท่าทางแบบนี้สาวเยอะแน่ ๆ” เถียงสู้ไม่ได้ก็แดกดันแทน รพีกานต์ตีหน้ายุ่งตวัดสายตาค้อน คิ้วเข้ม ๆ ยิ้มทีตาหยีโลกสว่างแบบนี้ขวัญใจสาวแน่ ๆ เผลอ ๆ ถ้าเป็นนักกีฬาโรงเรียนด้วย ภาษีความฮอตยิ่งสูงกว่าคนอื่น

“คนมาชอบเราน่ะมีแน่นอนอยู่แล้ว แต่คนที่เราชอบ...โบ๋เบ๋” สองมือผายออก พลิกไปมาเบา ๆ ประกอบคำพูดตัวเอง

“เหอะ พวกหล่อเลือกได้” ความหมั่นไส้ส่งไปยังคนไกลมากกว่าคนใกล้ตรงหน้า พี่วินนั่นมีภาษีหนังหน้า ออปชันนามสกุลดัง พ่วงด้วยรถหรู บัตรเครดิตรูดได้ไม่อั้น ตัวเลือกเลยกรูเข้าหาไม่หวาดไม่ไหว นึกแล้วอยากกระโดดถีบขาคู่ให้หน้าไถลดิน เผื่อจะมีริ้วรอยสกัดความหล่อให้ลดลงบ้าง ทุกอย่างดีหมดยกเว้นนิสัย

“หล่อก็มีหัวใจนะคร้าบ ใช่ว่าจะต้องชอบตอบทุกคนที่มาชอบเรานี่ หัวใจดวงเดียวก็เก็บไว้ให้คนที่ใช่คนเดียวสิ” อีกฝ่ายพูดขณะเก๊กหน้าหล่อ ยักคิ้วกวนประสาทส่งให้ รพีกานต์เห็นแล้วหลุดขำคิกคัก ตาคนนี้หล่อ ขี้เล่น แต่ไม่ยักกะเจ้าชู้แฮะ

“ฮ่า ๆ อยากจะเห็นคนที่ใช่ของนายจริง ๆ” คนท้องเริ่มคุยออกรส ศิรวัฒน์ชอบแกล้งแต่ก็ตลกในเวลาเดียวกัน อย่างน้อยก็ไม่เล่นแรง ๆ แบบที่เด็กผู้ชายเล่นกันในบางที รพีกานต์จึงอุ่นใจว่าจะไม่กระเทือนสามแฝด

“ถึงเวลาก็มาเองแหละ ไม่รีบหรอก” คนคิ้วเข้มว่า

“อายุสิบเจ็ดตัวใหญ่ชะมัด ยังสูงได้อีกนะเนี่ย” รพีกานต์มองหุ่นสมส่วนดูดีของอีกฝ่าย

“ผมชอบว่ายน้ำกับเล่นบาสน่ะ ได้ออกกำลังแล้วเผาผลาญดี ยกเวต โหนบาร์อีก ตอนเช้า ๆ ก็ตื่นมาวิ่งรอบไร่สูดอากาศบริสุทธิ์ ที่รักเองก็น่าจะออกกำลังกายบ้างนะ เผื่อจะสูงขึ้นมาบ้าง” อีกฝ่ายลุกจากเสื่อเดินไปเขย่งปลายเท้าโหนกิ่งไม้ยกตัวลอยขึ้นลงแบบนักกีฬาโหนบาร์ ใบหน้าหล่อทะเล้นไม่วายยิ้มล้อเลียนคนหูผึ่งหลังได้ยินสรรพนามเรียกแทนชื่อตนเอง

“นี่ ! ยังจะเรียกที่รักอีก ชื่อนี้สงวนไว้ให้แฟนเรียกเหอะ” รพีกานต์ชักจะมันเขี้ยวนายคิ้วหนา ดวงตายิ้มจันทร์เสี้ยวนี่จริง ๆ ให้ดิ้นตาย คนตัวเล็กทำท่าฮึดฮัดเล็ก ๆ แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการว่าไม่พอใจอะไรมากมาย ศิรวัฒน์ปล่อยมือหย่อนตัวลงตุบ เดินอมยิ้มเข้ามาหา

“เล่นน้ำกัน ว่ายน้ำบ่อย ๆ ตัวจะได้สูง เป็นฮอบบิทแล้วเนี่ยพี่เตี้ย” อีกฝ่ายเย้าด้วยความเอ็นดู รพีกานต์ก้มมองตัวเองแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า

“ไม่เอา” เห็นอีกฝ่ายปฏิเสธ รอยยิ้มชั่วร้ายจุดขึ้นมุมปากได้รูป นายคิ้วหนาของรพีกานต์ตรงเข้ายื้อยุดฉุดแขนคนในเปลตรงไปที่ลำธาร หนักเข้าก็ทำท่าจะจับทุ่มลงน้ำดื้อ ๆ ประสาเด็กผู้ชายหยอกเล่นกัน

“อย่า !” รพีกานต์ร้องเสียงหลงใบหน้าซีดเผือด มือเล็กสั่นระริกขยุ้มเสื้ออีกฝ่ายแน่นขืนตัวเต็มที่ เนื้อตัวสั่นเทาราวลูกนกตัวน้อย ๆ ในใจหวาดกลัวจับจิตจับใจ

...กลัวแท้ง...

ศิรวัฒน์ชะงักมือหลุบสายตามองคนในอ้อมกอด

“พี่กานต์” เขาเขย่าตัวเบา ๆ เรียกสติคนหวาดกลัว

“อย่า อย่าแกล้ง อย่า ฮึก !” ความหวาดกลัวการสูญเสียลูกน้อยทำให้รพีกานต์สติหลุดชั่วคราว ร่างเล็กสั่นระริกเผลอสะอื้นน้ำตาปริ่ม กลัว กลัวจับใจ หากอีกฝ่ายพลั้งมือเล่นแรง ๆ ด้วยความไม่รู้ ลูกน้อยที่เฝ้าทะนุถนอมรอวันได้เห็นหน้า อาจต้องสูญเสียไปเพราะความสะเพร่าของตัวเอง ความเจ็บปวดผสมปนเปกับความหวาดกลัวที่ร้างเรื้อมานานพาใจทุกข์ทรมานจนเสียการควบคุม ความน้อยใจที่ไร้คนรักปกป้องพานให้น้ำตาเอ่อ

“พี่กานต์ ผมขอโทษ” ความสนุกหายวับเมื่อเห็นท่าทีคนถูกแกล้งในอ้อมกอด ร่างสั่นระริกช่างดูบอบบางราวแก้วใสที่พร้อมจะแตกสลายลงได้ทุกเมื่อ ความรู้สึกผิดประเดประดังเข้ามาแทนที่

“ผมขอโทษ ขอโทษจริง ๆ ผมไม่รู้ว่าพี่กานต์จะกลัวน้ำ ว่ายน้ำไม่เป็นหรือครับ ยกโทษให้ผมนะพี่ นะครับพี่กานต์” ศิรวัฒน์ค่อย ๆ ดันร่างเล็กออกเผชิญหน้า น้ำเสียงนุ่มนวลกล่าวขอโทษขอโพยด้วยความรู้สึกผิด ยิ่งเห็นดวงตากลมเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำตาก็ยิ่งใจเสีย รพีกานต์นิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนประสานสายตากับดวงตาคมที่มองมาอย่างวิงวอน ความรู้สึกย่ำแย่เริ่มลดลง รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจ

“พี่ไม่เป็นไรแล้ว เมื่อกี้พี่ตกใจน่ะ ร่างกายพี่ไม่ค่อยปกติเท่าไร พี่กลัวว่า...จะเป็นอันตราย” ปลายเสียงแผ่วหวิว ดวงตาหลุบมองหน้าท้อง

“ผมผิดเองที่เล่นอะไรพิเรนทร์” ศิรวัฒน์ยืดอกยอมรับผิด รพีกานต์เงยหน้ามองดวงตาจริงจังจริงใจแล้วพานโกรธไม่ลง

“ช่างเถอะ น้ำอย่าแกล้งพี่แบบนี้อีกนะ พี่ไม่อยากให้ร่างกายได้รับความกระทบกระเทือน”

“ครับ ผมขอโทษ ผมจะไม่ทำอีกแล้ว ผมคิดน้อยเอง คิดว่าเล่นกับพวกเพื่อนผู้ชายตัวควาย ๆ ที่โรงเรียนแรง ๆ ได้แล้วจะเล่นกับผู้ชายคนอื่นได้เหมือนกัน” ...ถ้าไม่ท้องก็เล่นได้น่ะแหละ... รพีกานต์คิดในใจเพียงแต่ไม่ได้เอ่ยออกไป มุมปากยกยิ้มบางไม่ถือสาแล้ว แค่เห็นท่าทีเอ่ยปากขอโทษขึงขัง ผิดแล้วยอมรับผิด เท่านี้ก็โกรธไม่ลงแล้ว

“น้ำไปเล่นน้ำเถอะ พี่ขี้เกียจกลับไปเปลี่ยนชุด เดี๋ยวนั่งโขดหินจุ่มเท้าเล่นใกล้ ๆ” ศิรวัฒน์ใจชื้นขึ้นมาเป็นกองเมื่อเห็นรอยยิ้มบาง เขายิ้มตอบอีกฝ่าย ถอดเสื้อกางเกงเหลือแต่บ็อกเซอร์พุ่งตัวลงน้ำ หันมามองก็เห็นคนตัวเล็กนั่งบนโขดหิน เท้าจุ่มน้ำเล่นอย่างที่บอก กำลังตั้งท่าสนอกสนใจเขนงนายพรานกินแมลง

...ไม่เรียกที่รัก เรียกพี่แสนดีแทนจะได้ไหมนะ...

“อยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย หายหัวเงียบไป ฉันตามนายได้จากที่นี่สินะ” น้ำเสียงเย็นแฝงความทระนงดังขึ้นจากบุคคลที่สาม ทั้งศิรวัฒน์และรพีกานต์ต่างหันไปทางต้นเสียง แต่ดวงตาคมที่จับประสานกับดวงตางามซึ่งประดับบนดวงหน้าอ่อนเยาว์ไร้เดียงสาทำให้เขาชะงัก ความรู้สึกบางอย่างแล่นกระทบใจอย่างจัง

      เพียงพิศพิศวาสพิลาสลักษณ์        ลออพักตร์ลักษณ์วิไลประไพแข
งามเฉิดฉันพรรณพิไลเจ้าดวงแด          มองแถงเห็นแต่นวลคอยกวนใจ
      แต่แรกพบสบพักตร์ประจักษ์จิต     โอ้ลิขิตขีดบุพเพเหมาให้
ได้พานพักตร์สบจักษ์ลักษณัย             พี่มาดหมายจอมใจได้คู่เคียง

ออฟไลน์ แม้วธวัลหทัย

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
พี่วินนนนน
ใช่ม้ายยยยยยยย?

ดีใจจมากกกก
ที่มาต่อ

จะขอให้ไม่หายไปนานก็ไม่ได้
คนเขียนเว้นช่วงนานตลอด
คนอ่านแอบเสียใจ

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
คิดถึงเด็กแฝด
อยากอ่านตอนต่อไปเร็ว ๆ
รัก ๆ คนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
พี่ดินจะมาเป็นพระรองหรือพระเอกแทนวินเนี่ย น่าคิดและติดตามมากเลย

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
รออ่านนานมาก ดีใจมาแล้ว
 รออ่าน

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มาอัพแล้ว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
คู่แข่งเพิ่มมาอีก1แล้วนะพี่วิน55555555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด