สัญญาธนาการ (Eternity bondage) ภพ: สัญญา ตอนจบ[19/06/61 - แจ้งข่าวรวมเล่มหน้า 5]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สัญญาธนาการ (Eternity bondage) ภพ: สัญญา ตอนจบ[19/06/61 - แจ้งข่าวรวมเล่มหน้า 5]  (อ่าน 60312 ครั้ง)

ออฟไลน์ autopilot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สองแบบกลายเปนสาวไปแล้ววววท :hao7:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
คนในเหรียญคือใครกันนะ

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
ภพ: นายทาส ตอน 7

   ท่านเจ้าคุณพิชัยได้สร้างสุสานให้กับเสือเขมที่วัดในหมู่บ้าน เพื่อให้ขุนได้ไปเยี่ยมเยือนกราบไหว้ ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น ท่านเจ้าคุณได้เข้าไปดูแลร้านอัญมณีของตนอย่างใกล้ชิดขึ้น สาเหตุที่กลุ่มโจรตามมาได้ เพราะมีคนแพร่งพรายเรื่องที่ตนนำหยกไปสอบถามที่ร้านและให้บรรดาลูกจ้างสอบถามข้อมูลจากแหล่งอื่น เสือเขมจึงได้ข้อมูลและตามสืบมาถึงเรือน เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ท่านเจ้าคุณทุ่มเวลากับกิจการร้านแทบทั้งหมด มิได้มีเวลาดูแลบุตรชายและบุตรสาวเท่าใดนัก จึงไหว้วานฝากฝังขุนเป็นคนดูแลเจ้าใหญ่ ลูกชายคนโต ที่บัดนี้อายุย่างเข้า 12 ปีแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาแทบจะถอดแบบท่านเจ้าคุณมาทั้งกะบิ

   เจ้าคุณพิชัยในวัย 45 ปี ได้ลาออกจากงานราชการเพราะสุขภาพไม่ค่อยอำนวย เขารู้สึกเจ็บรอยแผลเป็นที่แผงอกที่ได้จากโจรขึ้นบ้านครั้งก่อนจนแทบบ้า ทั้งที่เวลาล่วงเลยมาห้าปีเห็นจะได้ กิจการของเขารุ่งเรืองดี และต้องไปหัวเมืองอื่นบ่อยครั้งเพื่อไปหาอัญมณีด้วยตัวเอง บางครั้งก็ต้องรอนแรมสามสี่เดือนกว่าจะได้กลับเรือน ทุกครั้งก็จะฝากฝังให้ขุนเป็นผู้ดูแลเรือนทั้งหมด บ่าวไพร่ไม่มีผู้ใดกล้าขัดคำสั่ง เพราะขุนทั้งร่ำเรียนมีความรู้เกินหน้าทาสทุกคนในเรือน อีกทั้งยังเป็นที่รักแก่คนอื่น จึงสามารถเป็นหูเป็นตาแทนเขาได้

   คุณใหญ่ บุตรชายคนเดียวของเรือนท่านเจ้าคุณเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูของบ่าวไพร่เสียมากกว่า จึงค่อนข้างมีนิสัยดื้อดึงและเอาแต่ใจ ใครว่าอะไรก็ไม่ฟัง หลายต่อหลายคราขุนต้องข่มจิตใจตนเองมิให้โกรธขึ้ง เพราะเห็นแก่ท่านเจ้าคุณและความเป็นเด็ก บางครั้งคุณใหญ่จะทึ้งหัวขุนเป็นการหยอกล้อ แต่ก็ไม่ได้ออมแรงเพราะยังขาดวัยวุฒิคุณวุฒิที่เหมาะสม หลายคราจะพ่นน้ำลายใส่เวลาที่โดนขัดใจมิให้ออกเรือนไปเล่นยามค่ำมืด ครั้งนี้ก็เช่นกัน

“คุณใหญ่ อย่าดื้อสิครับ เพลานี้ดึกแล้ว จะออกไปเล่นนอกเรือนได้อย่างไร” ขุนพยายามปรามบุตรชายคนโตของขุนพิชัย ซึ่งมีสถานะเป็นนายและเป็นลูกเลี้ยง(ทางอ้อม)

“ไปไกลๆเลย  ข้าจะไปเล่น เจ้าอย่ามาห้ามข้า”

“อย่าดื้อสิขอรับ เล่นบนเรือนกับกระผมก็ได้”

“ไม่เอา ข้าไม่เล่นกับเจ้า ข้ารู้นะว่าเจ้าแอบเล่นสวาทกับพ่อข้า พ่อข้าชอบเจ้า แต่ข้าเกลียดเจ้า” ขุนหน้าชา ด้วยวาจาที่ก้าวร้าวของคุณใหญ่นั้นเสียดแทงเสียยิ่ง คุณชายใหญ่ บุตรชายคนโตของเจ้าคุณพิชัย น้อยเนื้อต่ำใจที่บิดาสนใจแต่ขุนมากกว่าเขามาแต่ไหนแต่ไร เขามิเคยได้ความรักและความเมตตาเท่ากับทาสคนนี้เลยแม้แต่นิด ความน้อยเนื้อต่ำใจแปรเปลี่ยนเป็นความริษยาและกลายเป็นความเคียดแค้นชิงชังถึงที่สุด ผิดแผกกับขุน ที่ทั้งรักและเอาใจใส่คุณใหญ่สารพัด ด้วยความที่เติบโตมาด้วยกัน ขุนพยายามดูแลอย่างใกล้ชิด คอยกลบเกลื่อนเรื่องไม่ดีต่างๆที่เด็กชายคอยก่อมิเคยขาด เพราะไม่อยากให้ใหญ่ต้องถูกเจ้าคุณพิชัยลงโทษเฆี่ยนตี คุณใหญ่จึงได้ใจที่มีคนคอยกลบเกลื่อนความผิดให้ นิสัยจึงเกเรก้าวร้าว ขุนยังมองเด็กน้อยในแง่ดี และชื่นชมในตัวใหญ่อย่างถอนตัวไม่ขึ้น จากความรู้สึกฉันท์พี่น้อง มันแปรเปลี่ยนเป็นความรักโดยที่เขาไม่รู้ตัว

“คุณใหญ่พูดอะไรน่ะขอรับ” ขุนมองไปรอบๆ เรือนหลังใหม่ที่ท่านเจ้าคุณสร้างให้เขาถัดจากเรือนหลังเดิมที่พ่อของเขาพาโจรมาครั้งที่แล้ว เรือนหลังนั้นถูกรื้อทิ้งและสร้างหลังนี้มาแทน แบ่งห้องหับเป็นสัดส่วน เขาและท่านเจ้าคุณอยู่คนละห้อง แต่กระนั้น เขาก็แทบมิได้อยู่ห้องตัวเองเลย ในวันที่เจ้าคุณไม่อยู่เช่นนี้ งานส่วนใหญ่ของเขาก็คือดูแลเรือน และคอยดูแลคุณหนูทั้งสอง


   การที่คุณใหญ่มีนิสัยก้าวร้าว รุนแรง เนื่องจากเป็นเด็กที่ขาดการดูแลทั้งจากแม่และพ่อ การเสียคุณแม่ตั้งแต่ยังเล็ก และคุณพ่อมีภริยาใหม่ อีกทั้งยังต้องดูแลกิจการ พอภริยาใหม่เสีย ก็ดูแลแต่บุตรสาว คุณใหญ่จึงถูกเลี้ยงดูจากบ่าวไพร่เสียมาก นิสัยจึงถูกหล่อหลอมให้เป็นคนแข็งกระด้าง ถึงแม้ขุนจะเล่นด้วยตั้งแต่เด็กก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าจะทุกเวลา เขาถูกท่านเจ้าคุณเรียกไปใช้งานเสียจนหมดเรี่ยวแรงร่ำไป

“ข้าว่าเจ้านั่นแหละ ไอ้ลูกโจร ไอ้คนเล่นสวาท ข้าเกลียดเจ้า” คำพูดก้าวร้าวสะกิดใจขุนยิ่งนัก ด้วยวัยเพียง 17 ปี สำนึกผิดชอบชั่วดีย่อมมีไม่มาก การถูกยั่วยุด้วยคำหมิ่นย่อมทำให้โกรธาโดยง่าย เขาอดทนต่อคำพูดดูหมิ่นและการกระทำที่เหยียดหยามมาหลายครั้งหลายครา แต่วันนี้สำนึกชั่วดีของเขาขาดผึง

   ขุนกระชากแขนคุณใหญ่ที่ไม่ยอมจะออกไปเล่นนอกเรือนกับลูกบ่าว  ฤดูฝนปีนี้ฝนหนาแน่น เสียงลมฟ้าครืนครางชวนให้ขนลุก เพลาโพล้เพล้กลับมืดมิดด้วยเมฆครึ้มดำ ห้องหับปิดสนิท คุณเล็กนอนที่ห้องฝั่งตรงข้ามกับพี่เลี้ยง คุณเล็กวัยสิบขวบ หน้าตาสละสวยเหมือนคุณแม่ มองแวบเดียวก็รู้ได้ว่ามีเชื้อสายจีน ผิดกับคุณใหญ่ ที่ใบหน้าคมคาย คิ้วหนาเข้มเป็นแพ ริมฝีปากหนา จมูกโด่งเป็นสัน ผิวพรรณสีน้ำผึ้งสุขภาพดี บ่งบอกว่าเป็นลูกคนมีฐานะ

“โอ๊ย เจ็บนะ ไอ้ลูกโจร!” ใหญ่ทรุดลงไปนั่งที่เตียง เหตุการณ์โจรป่าขึ้นบ้านวันนั้นฝังใจเขาเสียมาก เพราะถูกทิ้งให้อยู่ในห้องลำพังด้วยความหวาดกลัว พี่เลี้ยงและบ่าวไพร่ถูกเกณฑ์ไปจับคนร้าย เสียงมีดดาบกระทบกันทำให้เขาตระหนก กว่าจะมีคนมาดูแล เขาก็นอนร้องไห้คลุมโปงปัสสาวะราดรดเต็มกางเกงแล้ว

“คุณใหญ่ หยุดก้าวร้าวเดี๋ยวนี้นะ”

“ไม่หยุด ไอ้ลูกโจร ไอ้คนเล่นสวาท ข้าจะไปบอกทุกคนว่าเจ้าเล่นสวาทกับพ่อข้า” ขุนโกรธหน้าแดงจัด

“คุณใหญ่บอกเรื่องนี้กับใครแล้วบ้าง”

“ยัง แต่รอให้ฝนหยุดตกก่อน ข้าจะไปป่าวประกาศเสียให้ทั่ว ว่าเจ้าแอบเล่นสวาทกับพ่อข้า ทำเสียงอู้อี้น่ารังเกียจ” ขุนหน้าชา เสียจนแทบคลั่ง แต่เขาก็พยายามข่มใจ “ใครบอกเรื่องนี้กับคุณใหญ่ขอรับ”

“ไม่ต้องมีคนบอก ข้าตื่นมากลางดึกได้ยินเสียงมาจากห้องเจ้าคุณพ่อ ข้าแอบมองลอดรูผนังก็เห็นว่าเจ้ากำลังทำบัดสีกับพ่อข้าอยู่” ใหญ่แค่จะขู่ตามประสาเด็กที่ถูกขัดใจ คำพูดของเด็กไม่เคยคำนึงถึงผลเสียหายพ่นออกมาเพื่อความสะใจเท่านั้น

   ขุนตื่นตระหนก ชื่อเสียงของเขามิใช่เรื่องที่น่ากังวล แต่ของท่านเจ้าคุณต่างหาก ที่ผ่านมา มิได้มีผู้ใดระแคะระคายเรื่องของเขาทั้งคู่ เพราะเรือนที่ใหญ่ที่ปลูกได้อยู่ห่างจากเรือนทาสอยู่พอสมควร เสียงใดที่เล็ดลอดคงไม่มี หรือยากที่จะบอกได้ว่าเป็นของผู้ใด การที่คุณใหญ่จะป่าวประกาศเรื่องบัดสีในเรือนนี้ออกไปจะทำให้อับอายกันถ้วนหน้า หนำซ้ำพวกทาสในเรือน บ่าวไพร่จักหมางเมินและเดียดฉันท์ทั้งตัวเขาเองที่สร้างบาปมลทินให้แก่เจ้าคุณพิชัย

“คุณใหญ่จะปูดเรื่องนี้แก่ใครมิได้”

“ทำไม เจ้ามีอำนาจอะไรมาสั่งข้า”

“ข้ามิได้มีอำนาจอันใดหรอกขอรับ แต่ข้ามีกำลังที่เหนือกว่า” ขุนกระชากเสื้อผ้าคุณใหญ่หลุดรุ่ย การปิดปากที่แน่นสนิท ก็ต้องให้คนผู้นั้นเผชิญชะตากรรมเดียวกัน “โทษของผู้ก้าวร้าว จักต้องโดนแบบนี้” คุณใหญ่ร้องตะโกน แต่ถูกผ้าอุดไว้ เรี่ยวแรงของเด็กวัย 12 มิได้มีมากเท่าหนุ่มที่อายุมากกว่าถึงห้าปี “คุณใหญ่จะปูดเรื่องนี้แก่ใครไม่ได้” เสียงของขุนพร่ำบอก คุณชายใหญ่ บุตรชายของท่านเจ้าคุณพิชัยร้องระงมอย่างหมดทางช่วยเหลือ ฟ้าคะนองพิโรธราวกับเป็นใจให้เรื่องทุกอย่างถูกกลบหาย

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

   คุณใหญ่นอนไม่ไหวติงกับเตียงฟูก มิได้สนใจน้ำคาวไหลผ่านช่องแคบของเขาเลยแม้แต่นิด น้ำตาเหือดแห้งไปหมดแล้ว สมองเปล่าว่าง มีแต่ความอดสูและหวาดกลัวราวกับลูกแกะน้อยในเงื้อมมือราชสีห์ผู้หิวกระหาย

“ทำไม เจ้าทำกับข้าแบบนี้ทำไม” น้ำเสียงน้อยใจนความเจ็บปวด ขุนได้แต่สำนึกผิดอย่างล้นพ้น เขารู้สึกปวดร้าวและต่ำต้อยทุกครั้งที่ถูกท่านเจ้าคุณล่วงเกิน แต่หากตอนนี้ เขากลับกระทำการเช่นนั้นเองกับเด็กชายผู้นี้

“กระผมขอโทษขอรับคุณใหญ่ กระผม...” เด็กชายร้องไห้ มิอาจบอกได้ว่าเพราะความเจ็บปวดหรืออับอายอดสู ขุนปลอบโยนด้วยความกลัวผิดอย่างล้นพ้น “คุณใหญ่ให้อภัยบ่าวนะครับ บ่าวสาบานว่าจะมิแพร่งพรายเรื่องนี้กับใครให้คุณหนูได้อับอายหรือเสื่อมเสีย”

“ไอ้ขี้ข้า ไอ้เนรคุณ ข้าจะฟ้อง...” อารมณ์ผิดบาปของขุนมลายเสียสิ้น ความโมโหพรั่งพรูในบัดดล เด็กชายผู้น้ใจหยาบเสียนัก หากถูกกระทำเพียงครั้งเดียวคงจะไม่เพียงพอเสียแล้ว

“หากคุณใหญ่พูดเรื่องนี้แก่ท่านเจ้าคุณ กระผมก็ยินดีขอรับ แต่อย่าลืมแจ้งแก่ท่านด้วยว่า คุณใหญ่เป็นเมียผมนับครั้งไม่ถ้วนด้วยนะขอรับ” สิ้นคำพูด ขุนได้ยัดเยียดแก่นชายเข้าภายในเด็กชายอีกครา

“คุณชายจดจำใบหน้านี้ไว้นะขอรับ ใบหน้าบิดเบี้ยวแต่ร้องคราอู้อี้น่าเกลียดแบบเดียวกับกระผม” ขุนจับใบหน้าเด็กน้อยให้มองที่กระจกฝ้า “หากคุณชายนำเรื่องบนเรือนไปบอกกล่าวแก่ผู้อื่น กระผมจะแจ้งเรื่องคุณชายเป็นเมียกระผมออกไปเช่นกัน “ ขุนกระแทกแรงขึ้นด้วยความโกรธา เด็กชายร้องไห้ครวญครางด้วยความอดสู “คุณใหญ่คิดดูนะขอรับ ตกเป็นเมียทาสในเรือนเบี้ย รู้ถึงไหน อับอายถึงนั่น คุณใหญ่จะถูกตราหน้าว่าเป็นเมียทาสตลอดชีพ” ขุนเร่งเครื่อง ความคับแน่นเสียวซ่านแผ่ทั่วสันหลัง บัดนี้เขาได้รู้แล้วว่าเจ้าคุณพิชัยรู้สึกอย่างไรเมื่อกระทำการบนเรือนร่างของเขา “ว่าอย่างไรครับคุณใหญ่ จะสาบานกับข้าได้หรือยังว่าจะมิแพร่งพรายเรื่องนี้ให้แก่ใคร” ขุนมองใบหน้าตัวเองในกระจก มันช่างเหี้ยมโหดและน่ากลัว คุณใหญ่ร้องไห้ด้วยความหวาดผวา ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความเจ็บปวดทุกครั้งที่ถูกอัดกระแทก ขุนเร่งจังหวะและถามย้ำ “คุณใหญ่จักสาบานหรือไม่ ว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้แก่ผู้ใด”

“ขะ ข้าสาบาน” ใหญ่ร้องไห้หนัก ความอดสูทิ่มแทงจิตใจเด็กชายจนไม่มีชิ้นดี ความเจ็บปวดที่เขาได้เป็นบทเรียนที่เขามิเคยคาดคิดเลยสักนิดว่าจะได้พานพบ


---------------------------------------------------------------------------------------------------------

มาตอนนี้ ขุนโหด จากที่อัดอั้นเพราะถูกกระทำมานาน
พอมีโอกาสเอาคืน ก็จัดให้จนสาแก่ใจ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
เรื่องราวเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ  รอติดตามจ้า 
จากอดีต  ส่งผลมาสู่ปัจจุบันอย่างไม่จบสิ้น

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
ภพ: นายทาส ตอน 8

“ว่าตามข้านะขุน” ท่านเจ้าคุณออกคำสั่ง ขุนถูกพามางานรื่นเริงเดือนสิบสองที่วัด เจ้าคุณพิชัยพาลัดเลาะมาในกุฎิที่เลื่องลือในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ “ข้าพเจ้า เจ้าคุณพิชัย ขอสาบานแก่องค์พระว่า จักขอรักและเทอดทูนขุน เมียข้าแต่เพียงผู้เดียว จักขอตามติดและพบพานอยู่ด้วยกันทุกชาติทุกภพไป”

   ขุนกล่าวตามด้วยความสั่นเทา แต่ภายในใจกลับต่อต้านเสียหนัก “ท่านคุณพระคุณเจ้าขอรับ ข้าพเจ้ามิได้มีเจตนาจักกล่าวคำสาบานนี้ หัวใจของข้าพเจ้ามิได้เสน่หาและอยากพบพานกับท่านเจ้าคุณเลยแม้สักนิด ข้าพเจ้าขอตั้งดวงจิตอธิษฐาน หากชาติภพหน้ามีจริง ขอให้คำสาบานที่ข้าพเจ้าได้เอื้อยเอ่ยไปไม่เป็นจริงด้วยเทอญ” เขาไม่เข้าใจว่าทำไมท่านเจ้าคุณจักต้องบังคับให้เขาทำแบบนี้ หากจะถามก็ดูกระไรอยู่ ถึงแม้ไม่อยากจะกล่าวตาม แต่ก็ต้องทำมันอย่างเลี่ยงไม่ได้

“พักหลังเจ้าใหญ่มันเป็นกระไปรึขุน ตัวผ่านผอมผิดแผกจากแต่ก่อนเสียนัก” ขุนอึกอัก เขารู้ดีว่า คุณใหญ่ติดโรงฝิ่นโรงยาที่มาเปิดในตลาด โรงยาที่แหล่งอบายมุขที่ขายยาเสพย์ติดและสิ่งมัวเมาหลากหลายชนิด เนื่องจากเจ้าคุณพิชัยออกจากราชการมานานแล้ว จึงมิได้มีอำนาจใดสั่งการห้าม ผู้ใช้บริการเป็นผู้รากมากดีหรือลูกหลานผู้มีเงินเสียมาก หลังจากตกเป็นเมียของขุน คุณใหญ่ก็เงียบงันไป กระนั้นก็ยังยอมตกเป็นของขุนเรื่อยมาจวบจนอายุได้สิบแปดปีดีดัก พักหลังๆท่านเจ้าคุณว่างเว้นจากกิจการเนื่องจากสังขารไม่เอื้ออำนวยเท่าใดนัก น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาพร้อมกับไขมันหน้าท้องที่หย่ออนคล้อย ผมหงอกแซมผมดำ ท่านเจ้าคุณวัยห้าสิบสามมิได้หล่อเหลาเหมือนแต่ก่อน  อีกทั้งไอร้อนกระจายเพิ่มทั่วตัวจนมิอาจใส่เสื้อไปไหนมาไหน ต้องเปลือยท่อนบนเวลาออกไปนั่นมานี่ มิได้ถือยศถืออย่างว่าต้องเกรงความเป็นผู้ดีเหมือนแต่เดิม นิสัยแปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายกว่าเดิมมากมายนัก ด้วยโรคที่รุมเร้า อารมณ์จึงฉุนเฉียวง่าย มีแต่ขุนที่อยู่ใกล้ชิดที่ท่านยังรับฟังเหตุผลอยู่บ้าง หน้าท้องท่านเจ้าคุณกระเพื่อมตามแรงเดิน แผงอกหย่อนยานที่มีรอยแผลเป็นยาวเป็นทางเฉียงจากโจรขึ้นเรือนครั้งก่อน ท่านเจ้าคุณผิดแผกจากขุนยิ่งนัก วัยยี่สิบสามปี ทำให้เขาเป็นหนุ่มแน่นดูงดงาม ท่านเจ้าคุณหวงแหนออกหน้าออกตาจนเป็นที่ผิดสังเกต เนื่องด้วยถามหามากกว่าคุณชายใหญ่และคุณหญิงเล็กผู้เป็นลูกแท้ๆเสียอีก

   เวลาเนิ่นนานไป ความอยากในกาเมของท่านเจ้าคุณก็ยิ่งพูนเพิ่ม ขุนพยายามบ่ายเบี่ยงด้วยมิได้มีอารมณ์พิศวาสร่วมด้วยโดยอ้างอาการเจ็บออดๆแอดๆของท่านเจ้าคุณเองที่มีอาการหัวใจอ่อนแอ มีหลวงแพทย์จากในวังมารักษาให้อย่างสม่ำเสมอและห้ามใช้แรงหนัก มิเช่นนั้นชีพจรจะเต้นเร็วแลถึงแก่ชีวิตได้ เจ้าคุณพิชัยจึงยิ่งหงุดหงิดงุ่นง่าน เพราะมีสตรีมากมายหลายหน้าจากวังโน้น เรือนนั้นแวะเวียนมาหาขุนอยู่บ่อยไป เนื่องด้วยขุนมิได้เป็นทาส แต่เป็นพ่อค้าอัญมณีผู้หล่อเหลาของเมืองนี้ไปเสียแล้ว เมื่อขุนอายุได้ยี่สิบท่านเจ้าคุณโอนมอบหุ้นให้ครึ่งหนึ่งของที่มีทั้งหมด ที่เหลือจะให้ใหญ่ที่เป็นบุตรชายที่วันๆมิได้ทำตัวดีเด่กระไร นอกจากลอยไปลอยมา ทำตัวเกเรทุกวัน ส่วนหญิงเล็ก เขามีเจตนาจะมอบทรัพย์สินอย่างอื่นให้ และให้ออกเรือนไปตามธรรมเนียมจีนฝั่งคุณแม่ของเธอ

   เจ้าคุณพิชัยหึงหวงขุนมากเท่าใด ขุนก็ยิ่งสงบเสงี่ยมมากขึ้นเท่านั้น เขามิได้ให้ความสนใจหญิงใดที่มาเกี่ยวพัน เพื่อให้เจ้าคุณสบายใจ คราใดที่เรื่องเบาะแว้งเพราะหึงหวง เขาจะนิ่ง และถามกลับว่า

“ท่านเคยเห็นกระผมออกไปไหนมาไหนคนเดียว หรือมิได้อยู่ในสายตาท่านเลยหรือขอรับ” ท่านเจ้าคุณจะสงบ เพราะทุกย่างก้าวที่แสนอึดอัดของขุน จะมีท่านเจ้าคุณไปด้วยเสมอ จะห่างกันก็แค่ยามหลับ เพลาที่ขุนต้องสะสางเรื่องกิจการดึกดื่นเท่านั้น ท่านเจ้าคุณจึงเบาใจและมิได้คุ้ยเขี่ยอะไร แต่หารู้ไม่ว่า เพลาเหล่านั้นแล ที่ขุนใช้เริงสวาทกับใหญ่ ลูกชายของเขานั่นเอง

   งานรื่นเริงมิได้สนุกเลยสำหรับขุน เขาจึงขอให้ท่านเจ้าคุณพากลับเรือน ด้วยอ้างว่ามีงานต้องสะสางต่อ ท่านเจ้าคุณเห็นดีด้วย เมื่อถึงเรือน ขุนก็จัดแจงสำรับและหาหยูกยาให้ท่านเจ้าคุณ เขาหยิบยาฝรั่งเม็ดเล็กมา ยาตัวนี้ทำให้หลับสนิท เนื่องจากต้องบำรุงหัวใจเป็นหลัก

“เข้ามา” เสียงไม่สบอารมณ์งัวเงียตอบ ขุนเปิดประตูดูชายที่นอนเปลือยเปล่าร่างกายผ่ายผอม คุณใหญ่เปลี่ยนแปลงไปมากจากการติดโรงยา เขาจะเตรียมพร้อมตกเป็นของขุนอย่างเสียไม่ได้ทุกครั้งเพื่อให้ทุกอย่างมันจบๆไป

“เจ้าลงโทษข้ามาหลายปีแล้ว เมื่อไหร่เจ้าจะปล่อยข้าไปเสียที” คุณใหญ่พ่นควันหลังเสร็จกามกิจ ถึงแม้จะรังเกียจชายผู้หล่อเหลามากเท่าใดก็ตาม แต่ลึกๆแล้ว การมีผู้ได้ร่วมรักหลับนอนด้วยกลับตอบสนองความต้องการเขาได้อย่างดีเยี่ยม เพราะเขาขาดความรักจากผู้เป็นแม่ตั้งแต่เด็ก เติบโตมากับบ่าวไพร่ บิดามีธุระมากมาย และยังตกเป็นเมียของผู้ชายด้วยกันเสียอีก ชายใหญ่จึงได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรม ความหรรษาเดียวในชีวิตเขาคือการไปโรงยาปลดปล่อยความทุกข์โศก บางครั้งอัฐหมดเขาก็มิได้รังเกียจที่จะใช้ร่างกายแลกกับเศษยาที่ได้รับหยิบยื่น เขาจึงเป็นโสเภณีจากสกุลสูงศักดิ์ที่เป็นที่หมายปองของเหล่าผู้เสเพลทั้งหญิงและชาย บทพิศดารที่ถูกปรนเปรอจากขุน สามารถปรับใช้ได้กับทุกผู้คนที่หมายปองเขา ชื่อเสียงเขาเลื่องลือในวงการนี้ แต่มิได้เล็ดลอดออกมาถึงเรือนแต่อย่างใด

“ข้ารักท่านนะขอรับคุณใหญ่ เหตุใดท่านจึงไม่เคยมองเห็นมันเลยสักนิด”

“รักข้าเหรอ เจ้ารู้ไหม เพราะเจ้า ข้าถึงตกต่ำเพียงนี้ เพราะเจ้า ข้าถึงต้องขายร่างกายเพื่อหากิน” ขุนตตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน ชายใหญ่ร้องไห้ด้วยพร่ำเพ้อ มิรู้ว่าจากก้นบึ้งของหัวใจหรือจากการเมามาย เรือนร่างที่เคยสวยงามที่ขุนครอบครองถูกผู้อื่นมากหน้าแบ่งปันไปใช้ ยิ่งคิดเขายิ่งเคียดแค้นและแสนเศร้า

“หยุดร้องเถิดคุณใหญ่ บ่าวผิดไปแล้ว ที่กระผมทำไปเพราะกระผมรักคุณใหญ่มากเหลือเกิน”

“เลิกพูดสักทีได้มั้ย ถ้ามิเชื่อคำเจ้าดอก พวกลักฉวยโอกาส ทำลายศักดิ์ศรีของข้าจนป่นปี้ กล้าดีอย่างไรมาพร่ำบอกว่ารักข้า เจ้ามันก็แค่บ่าวชั้นต่ำ ที่กลัวจะโดนปูดเรื่องตัวเอง จนต้องย่ำยีชีวิตข้าจนเหลวแหลก” ขุนใจสลาย เขาสวมเสื้อผ้าและเดินออกมาจากห้อง

“คุณเล็ก มาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือขอรับ” ด้วยความเหม่อลอยเขาจึงไม่เห็นร่างบางของคุณเล็ก บุตรีอีกคนหนึ่งของท่านเจ้าคุณที่บัดนี้เติบโตเป็นสาวสะพรั่ง ผิวพรรณงดงาม แต่หากมีแววตาเศร้าสร้อยหม่นหมอง ขุนถามบุตรสาวของท่านเจ้าคุณด้วยความตระหนก คนตรงหน้าใบหน้าสละสวยแต่พูดน้อย เธอเห็นแน่นอนว่าเขาเพิ่งออกมาจากห้องคุณใหญ่ และบางทีอาจจะทราบเรื่องอื่นด้วย

“เรามาได้สักพักแล้ว พี่ขุน” หญิงเล็กตอบน้ำเสียงราบเรียบ แต่ปิดความสั่นเทาไว้ไม่มิด

“คุณเล็กมีกระไรหรือขอรับ”

“พี่ขุน ช่วยเราด้วย ระดูเราไม่มาสองเดือนแล้ว” ขุนตกใจตาแทบถลนออกจากเบ้า หญิงเล็กวัย 15 ปีผู้แสนเรียบร้อย สมเป็นกุลสตรีตั้งท้อง มิมีผู้ใดล่วงรู้เลยว่ากับชายเมืองไหน

“ค่ะคุณเล็ก...แน่ใจหรือขอรับว่ามันไม่ได้มาช้า” ขุนพยายามสงบสติ

“เราแน่ใจ”

“แล้วคุณเล็กแน่ใจได้อย่างไรขอรับ ในเมื่อคุณเล็กมิได้ผ่าน...”

“ใครบอกพี่ ว่าข้าเป็นหญิงบริสุทธิ์” ขุนขนลุกเมื่อได้ฟังคำตอบ เขาตัวเย็นราวกับกำลังงจะหยุดหายใจ

“กับผู้ใดหรือขอรับ”

หญิงเล็กเพยิดหน้าไปที่ห้อง “กับเมียของท่าน พี่ใหญ่”

   ขุนรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งร่าง เรื่องบัดสีมันเกิดขึ้นบนเรือนนี้ได้อย่างไรกันนี่  เขาทรุดตัวลงนั่งที่ชานเรือนอย่างหมดอาลัยตายอยาก ชายที่ตนเองรักหมดหัวใจขายเรือนร่างให้กับคนอื่น อีกทั้งยังย่ำยีน้องสาวแท้ๆของตัวเองจนตั้งท้อง

“มันเกิดขึ้นได้อย่างไรขอรับคุณเล็ก”

“มันเกิดขึ้นหลังจากที่พี่ขุนย่ำยีพี่ใหญ่ครั้งกระโน้น พี่ใหญ่ก็เปลี่ยนไป” หญิงเล็กเล่าทั้งน้ำตา “พี่เขามักจะมารังแกเล็กบ่อยผิดปรกติ มีวันหนึ่งเล็กทนไม่ไหวเลยก้าวร้าวใส่พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ตบตีหญิงอย่างกับคนบ้าและย่ำยีขืนใจข้า พี่ใหญ่พูดซ้ำๆราวกับเพ้อว่า โทษของผู้ก้าวร้าว จักต้องโดนแบบนี้”

   ขุนน้ำตาร่วง ต้นตอของเรื่องทั้งหมดมาจากเขาได้เยี่ยงไรกันนี่ เขาพยายามจะปกป้องชื่อเสียงท่านเจ้าคุณ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาทำเรื่องต่างๆให้ยุ่งยากขึ้น

“ว้าย ท่านเจ้าคุณ ทำไมมานอนเสียตรงนี้เจ้าคะ” เสียงบ่าวในเรือนหวีดร้อง ขุนและหญิงเล็กผุดลุกไปมองผู้เป็นสามีและพ่อนอนคว่ำอยู่หน้าห้อง


---------------------------------------------------------------------------------------------------------
โอย ถึงตอนนี้แล้วบอกได้เลยว่า คนเขียนเขียนไปหดหู่ไปนะครับ
อีกไม่นานปมก็จะเฉลยแล้ว รอหน่อยน้าาาาาาา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2016 22:29:31 โดย จากต้นจนอวสาน »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เอาล่ะสิ เรื่องราวชักจะซับซ้อนกว่าที่คิดไว้แฮะ จะเป็นยังไงต่อล่ะทีนี้
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ

ออฟไลน์ autopilot

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตายๆๆๆๆ พี่ขุนเจ้าขาาาา ทำไมกลายเป็นเยี่ยงนี้เจ้าคะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
หดหู่มากจริงๆ จากเด็กดีกลายเป็นแบบนี้
เห้ออออออ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ชื่นชมกับงานเขียนนะคะ  ที่ทำให้เราอ่านแล้วหดหู่และสังเวชใจกับเวรกรรมที่เกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน

ออฟไลน์ smmikie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-1
เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แหละ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
พีคคคคคคคคสุดดดดดดดด!

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


เข้ามาอ่านคอมเม้นต์ทุกคนครับ ขอบคุณมากๆที่มาอ่านและอยู่เป็นเพื่อนกัน ^_^
อยากบอกว่าเรื่องนี้แต่งภาคนายทาสจบแล้ว 10 ตอนพอดี
และกำลังจะปิดเล่มภาคสัญญาโดยไว แต่อาจจะมากกว่า 10 ตอน
คิดว่าจะจบอย่างไม่มีอะไรตกค้าง และเคลียร์ตัวละครให้หมด

ตอนนี้เนื้อหากำลังพีคครับ แต่ยังไม่สุด
การกระทำจากอดีตมันยังส่งผลมาถึงปัจจุบันอีกหน่อย
ไหนจะคนในเหรียญโบราณนั้นอีก เขาเป็นใครกันหนอ???

ภาคสัญญาเขียนมาจนจะจบแล้ว แต่ตัวละครยังออกมาไม่หมดเลย 555
แต่อีกไม่นานนะครับ คนเขียนจะ update เรื่อยๆ
เข้ามาอ่านและคอมเม้นต์เป็นกำลังใจได้นะครับ

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน


หยุดยาวไปเที่ยวมาเด้อออออ...

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

  ภพ: สัญญา ตอน 8

   นาวาก็สังเกตมาโดยตลอดว่าสองเมืองเป็นคนขยัน  จะตื่นมาตั้งแต่ตีห้าครึ่งเพื่อไปตลาด และกลับมาก็มาจัดการกับข้าวที่นึ่งไว้ สองชอบข้าวเหนียวที่ไม่เหนียวมาก ออกแข็งนิดๆ นาวาฝึกกินข้าวเหนียวจนคล่องแล้ว เขารู้สึกว่ามันอร่อยกว่าข้าวสวยเสียอีก รสชาติอาหารของสองอร่อยค่อนไปทางหวาน นาวาต้องปปรับลิ้นหลายเดือนกว่าจะชิน เพราะเขาชอบกินเค็มจนเป็นนิสัย สองชอบทำน้ำพริก เมนูประจำคือน้ำพริกปลาจี่ สองจะย่างปลาดุกและพริกหนุ่มจนหอม แงะไส้พริกออก เอามาตำกับกระเทียมย่าง ใส่ปลาและปรุงรสสูตรพิเศษ มีหมูย่างเกลือเป็นของเคียงพร้อมหน่อไม้ต้มและผักอีกสารพัด ช่วงแรกนาวาแทบจะคลั่ง เพราะเขาชอบอาหารไทยๆมากว่าอาหารเหนือ สองต้องฝึกทำข้าวผัด หรือเมนูอื่นๆพร้อมๆกับทำกับข้าวที่ตนถนัดไปด้วย หลังๆมานี้นาวาติดใจอาหารเหนือเป็นพิเศษด้วยเพราะสองทำให้กินทุกวัน โดยเฉพาะน้ำพริกอ่อง ถ้าวันไหนอยากกินถึงขั้นไปตลาดเพื่อซื้อหมูและมะเขือเทศมาเองเลยทีเดียว

   หลังจากมื้อเช้า สองจะล้างจาน แต่ถ้าวันไหนนาวาหยุด เขาจะทำเสียเอง แต่สองก็ไม่ยอมหยุดพัก ไปรดน้ำต้นไม้ที่สวน ตามด้วยล้างรถอีแก่ของเขา แล้วก็ไปซักผ้า สองจะไม่ซักด้วยเครื่องซักผ้า ถึงแม้นาวาจะสอนวิธีใช้งานแล้วก็ตาม ด้วยเหตุผลที่ว่ามันไม่สะอาดเท่าขยี้เองด้วยมือ หลังจากตากผ้าเสร็จแล้ว สองจะกวาดบ้าน เก็บข้าวของที่ไม่เป็นที่เป็นทางพร้อมกับบ่น

“ทำไมพี่ไม่เก็บหนังสือเข้าที่บ้าง แค่เอื้อมนิดเดียวเอง” หรือไม่ก็

“ทำไมพี่ไม่ถอดกางเกงในไว้ที่ตะกร้า ผมเพิ่งซักผ้าเสร็จเนี่ย” หรือไม่ก็

“ทำไมพี่พาดผ้าเช็ดตัวไว้ที่ขอบตู้เสื้อผ้า” และคำบ่นอื่นๆอีกสารพัด

   นาวารู้สึกสนุกมากกว่ารำคาญ เขาปล่อยสองบ่นงุดๆ แต่สองก็ทำทุกอย่างเสียจนเขารู้สึกเป็นง่อย ไม่ต่างจากตอนอยู่บ้านที่กรุงเทพ บ้านที่มีคนใช้ทำให้หมดทุกอย่าง แต่ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนใช้ นาวาจึงพยายามช่วยทำงานบ้านเท่าที่จะทำได้ มีครั้งหนึ่งที่ขอบหน้าต่างพัง เขาอาสาตอกตะปูจนได้เรื่องโดนฆ้อนตอกเสียเอง นอกจากงานจะไม่เสร็จ ยังต้องลำบากสองให้คอยทำแผลและลงแรงซ่อมแทน

“เลิกบ่นได้แล้วน่า” นาวาเข้ามากอดข้างหลังสองที่กำลังแขวนผ้าขนหนูของเขาไว้ที่ราวตากผ้า สองสะดุ้งที่โดนขโมยหอมแก้ม นาวาตัวใหญ่ขึ้นจากเดิม ระยะเวลาเกือบปีที่ผ่านมา นาวาน้ำหนักขึ้นเจ็ดกิโลกรัม ถึงแม้เขาจะไปวิ่งออกกำลังกายและยกน้ำหนักบ้าง น้ำหนักกลับทรงตัวแถมตัวยังขยาย ผิดกับสองที่ยังดูสมส่วน ตัวเล็กแต่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเหมือนเดิม

“อย่าครับ ผมทำความสะอาดบ้านอยู่”

“ไม่เอา พอแล้ว” นาวาแย่งไม้กวาดมาจากสอง วันนี้วันเสาร์ งานที่อำเภอไม่มีอะไรให้ต้องพกมาทำถึงบ้าน “วันนี้พี่หยุด ให้พี่ได้อยู่กับเมียบ้างสิ มาๆมานั่งตรงนี้” นาวาเพิ่งถอยทีวีเครื่องใหม่มา เขาวางมันไว้ที่กลางห้อง โซฟาของบ้านยังใช้งานได้ดี อากาศหนาวกำลังได้ที่ บ้านช่องปิดมิดชิด เพราะเลี่ยงไอหนาว เขาดึงแขนสองมานั่งที่โซฟา ดูรายการทีวีเรื่อยเปื่อย

“นั่งเฉยๆน่าเบื่อจะตายครับ ให้ผมไปทำงานบ้านต่อเถอะ” สองดิ้นขลุกขลิกบนตักนาวา ผู้ชายที่กอดเขาอยู่มีอ้อมกอดที่อบอุ่น มือเท้าของสองเย็นเยียบเพราะทำงานโน่นนี่ จมูกของเขาอยู่ระดับลำคอชายตัวใหญ่ กลิ่นกายอ่อนๆแตะจมูกจนเขารู้สึกแปลกๆ มันครั่นคร้ามจนไม่อาจนั่งเฉยๆได้ นาวาขยับตัวถอดเสื้อกันหนาวออก มีแต่เสื้อกล้ามตัวบาง หน้าท้องที่ขยายใหญ่กระเพื่อมตามแรงหายใจ มันไม่ใช่ไขมัน แต่ก็เกือบๆ สองอมยิ้มที่เห็นร่างกายของอีกฝ่ายเปลี่ยนแปลงไป

“แน่ะ อยู่นิ่งๆไม่เป็นรึไง” สองสะดุ้ง เมื่อนาวาจับมือเขาไว้ เขาเผลอไผลลูบไล้ที่แผงอกล่ำ  “เดี๋ยวก็ถูกปล้ำหรอก” นาวากระเซ้า สองดึงมือออก แต่ถูกนาวาดึงกลับเอาไปดมดังฟอด “ชื่นใจจัง เมียพี่” แล้วนาวาก็จับคางสองให้หันมาสบตาเขา สองนัยน์ตาหวานเยิ้ม ริ้วรอยจากแดดที่เคยแผดเผาเริ่มจาง อวดใบหน้าที่หล่อเหลา ริมฝีปากยั่วยวน เขาห้ามใจไม่ได้ต้องรุกรานเสี่ยร่ำไป
“ฮื้อ พอแล้วครับพี่” สองพยายามหักห้าม เมื่อบั้นท้ายกำลังเสียดสีอยู่กับของแข็งบางอย่างที่ทำร้ายเขาอยู่แทบทุกครา
“พอได้ยังไง เมียพี่หอมหวานน่ากินขนาดนี้” นาวาไซร้คอ ลามเลียถึงหน้าอก เขาจับสองให้นั่งควบตัวเขา หันหน้าชนกันแล้วระดมจูบ สองมือบีบเค้นบั้นท้ายกลมแน่น ถึงแม้จะผ่านมาหลายเดือน แต่ความต้องการในร่างกายนี้ไม่เคยจะลดน้อยลง ยิ่งนานวันยิ่งทวีความปรารถนา กางเกงของสองถูกทึ้งออก พร้อมๆกับกางเกงของนาวา ท่อนเอ็นตระหง่านผงาดพร้อมรบ สองกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เพราะไม่เคยชินกับท่อนเนื้อนี้ เมื่อถูกสอดแทรกเข้าไป มันเจ็บแปลบปลาบราวกับร่างกายถูกแยก มันทั้งรั้งและเจ็บ ความจุกหน่วงทะลวงครูดผนัง เขากัดริมฝีปากกรอด เมื่อบั้นท้ายถูกยกและกดแช่หัวบานใหญ่ รูแคบเต้นตอดตุบเมื่อมังกรลอดถ้ำเข้าไป ความเย็นวูบแรกถูกแทนที่ด้วยความอุ่น

“ซี๊ด ทำไมมันแน่นขนาดนี้เมียจ๋า” นาวาครางกระเส่า ประกบริมฝีปากกับชายเบื้องหน้า สองกระสันต์ปล่อยตัวปล่อยใจตามแรงนั้น สองขาแยกห่าง นายอำเภอกระทุ้งใส่จนมิด

“โอ๊ย พี่ผมเจ็บ” สองน้ำตาเล็ด รู้สึกแสบเสียดทั่วรู เขาใช้มือหนึ่งยันหน้าขานาวาไว้เพื่อพยุงตัวหนี

“อย่าเพิ่งขยับสิครับ พี่เสียว” นาวาจับเอวสองไว้ แรงตอดภายในทำให้เขาแทบเสร็จสม นาวาถอดเสื้อตัวเองออกโชว์แผงหน้าอกหนาใหญ่ สองตะบบหน้าอกนั้นอย่างบ้าคลั่งหวังจะให้คลายความเจ็บ สองไล้นิ้วที่รอยแผลเป็นใต้ราวนมด้านซ้ายของชายร่างใหญ่อย่างแผ่วมือ นาวาคิดว่าสองพร้อมแล้วจึงกระชับบั้นเอวกระทุ้งใส่ผับๆ

“โอย พี่ครับ ย่ะ อย่าเพิ่ง อ๊า” เสียงเนื้อกระทบดังปึกปัก พร้อเสียงครางครวญราวกับขาดใจของสอง

“อูย เสียวชะมัด แน่นชิบหาย ทำไมเมียพี่ฟิตขนาดนี้” นาวาสบถด้วยความสุขสันต์ สองเบ้ปากบิดเบี้ยวเมื่อหัวบานกระทุ้งถูกจุด ท่อนลำที่อ่อนยวบยาบของเขาเริ่มขยายตัว เอ็นดุ้นใหญ่สาวเข้าออกในตัวกระตุ้นความอยากที่ซ่อนลึก

“ผัวจ๋า เมียเสียว ตรงนั้นแหละ อย่าแกล้งเมียนักเลย เมียจะขาดใจตายแล้ว” สองพรั่งพรูออกมาอย่างหื่นกระหาย ความใหญ่ยาวกระแทกดึงดันจนเสียวท้องน้อย นายอำเภอหนุ่มบดเบียดปากรูบิดวนไปมาจนสองกรีดร้อง ความปิติฉุดสองให้ลอยละล่องและถูกกระชากตกทันทีด้วยการเสยเข้าอย่างจัง

“อ๊ะ โอ๊ย อ๊า ...” เสียงครางไม่ได้ศัพท์ของสองกระตุ้นอารมณ์ของสามีหนุ่ม สองมือกระชับบั้นเอวชักเข้าออกอย่างบ้าคลั่ง นาวาหยุด ดึงท่อนเนื้อออกดังป๊อก จัดท่าให้สองหันหลังดันโซฟา บั้นท้ายกลมเนียนลอยเด่น รูน้อยยังไม่คลายตัว โชว์เนื้อแดงภายในที่เปลือยปลิ้นเพราะดาบทู่ด้ามใหญ่ของเขา มันตอดตุบๆน่ากลัว แต่กลับกระตุ้นแรงปรารถนาเขาอย่างแรงกล้า นาวาจับท่อนเนื้อใหญ่ดำของตนจ่อปากถ้ำ หัวบานค่อยๆมุดเข้าไปในรูนั้นทีละนิด สองสูดปากด้วยความเจ็บระคนเสียว นาวาแทบไม่เชื่อสายตาว่ารูน้อยแค่นั้นจะกลืนกินมังกรทองแท่งโตของเขาได้จนหมดสิ้น

“อา...” สองครางยาวด้วยความโล่งเมื่อดุ้นยักษ์เข้าไปจนมิด ความเสียวปลิดความเจ็บปลิดหายไปแล้ว เหลือแต่ความเกษมที่ท่อนเอ็นอุ่นคาช่องแคบมิดชิด เขารู้สึกว่าเป็นเจ้าของผู้ชายคนนี้อย่างสมบูรณ์แบบ

   สองนอนฟุบคาแผงอกล่ำของนายอำเภอหนุ่ม กามกิจเสร็จสิ้นไปแล้วพร้อมกับความสุขสม เขาไล้รอยแผลเป็นนั้นเบามือ “พี่ได้แผลนี่มาจากไหนครับ” สองถามด้วยความสงสัย

“อ๋อ แผลเป็นติดตัวตั้งแต่เกิดน่ะ ทีแรกคุณแม่คิดว่าเป็นปาน แต่พอโตขึ้นมันเหมือนพังผืดคล้ายๆแผลเป็นเลย”

“เหมือนหูผมเลย มันกุดมาตั้งแต่เกิด” สองลูบใบหู ที่ส่วนบนราบเหมือนโดนตัด หูของเขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่จำความได้เช่นกัน
“พี่หนักไหม” สองถามชายหนุ่ม เพราะตัวเขานอนทับอยู่มานานพอสมควรแล้ว ความเหนียวเหนอะที่เล็ดลอดหว่างขาทำให้เขาอึดอัด

“ไม่ครับ แต่เราไปอาบน้ำกันเถอะ” นาวาเหมือนรู้ใจ เขาอุ้มสองไปที่ห้องน้ำโดยไม่ฟังเสียงร้องห้ามของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
แล้วจะมีใครเข้ามาเป็นตัวแปรรึป่าวหว่าาา

ออฟไลน์ Sweettemp

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
นาวา... ท่านเจ้าคุณ?
สอง..... ขุน? ขุนเสน่ห์?
ตัวแปร..คุณใหญ่?
เหรียญ..????


กงเกวียนกำเกวียน ลองเดาแบบมั่วๆ แฮะๆ อาจไม่ถูก แต่อยากจะบอกคนแต่งว่า  :m25: :m25: :m25:

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน

ภพ: นายทาส ตอน 9


   ท่านเจ้าคุณถูกหามส่งโรงแพทย์อย่างเร่งด่วน ด้วยชีพจรเต้นแรงเสียใจเหนื่อยหอบและต้องให้พักในโรงแพทย์ร่วมเดือน ขุนดูแลไม่ห่าง จากที่คุยไม่ได้ก็ฟื้นตัวดีขึ้นจนได้กลับมาพักรักษาตัวที่บ้าน ท่านเจ้าคุณจึงได้เปิดปากว่าที่หมดสติเพราะตกใจที่ได้ยินว่าบุตรสาวตัวเองเหมือนจะท้อง แต่ก็ไม่ได้ยินประโยคหลังจากนั้นเพราะเป็นลมไปเสียก่อน พอกลับเรือนก็คาดคั้น แต่ก็มิได้ความ จนบัดนี้ยังไม่รู้ว่าผู้ใดคือพ่อของเด็ก ขุนเองก็ปิดปากเงียบ หากเรื่องแดงขึ้นมาจะบานปลายยิ่งกว่านี้ คุณใหญ่เองรู้เรื่องก็ได้แต่หวาดผวาเพราะกลัวความผิด มากราบกรานขอให้ขุนช่วยปกปิดเรื่องนี้โดยยินยอมเอาเรือนร่างเข้าแลกและให้สัญญาว่าจะเลิกขายเรือนร่างเพื่อแลกกับสิ่งของที่โรงยา  ท่านเจ้าคุณได้แต่ตรอมใจ เพราะบุตรชายก็พึ่งพาไม่ได้ บุตรสาวก็ท้องไม่มีพ่อจนชื่อเสียงอาจจะเสื่อมเสีย ขุนต้องคอยปลอบอยู่ไม่ห่างพยายามคิดหาทางออกมาหลายวันจนกระทั่งวันนี้

“ท้องไส้ก็ใหญ่โตขึ้นทุกวัน ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนขุนเอ๋ย” ท่านเจ้าคุณร้องไห้เป็นเด็ก เพราะโรคที่รุมเร้าและเรื่องราวที่เกิดขึ้น ความเข้มแข็งแบบแต่ก่อนไม่มีหลงเหลืออยู่อีกแล้ว ขุนนั่งเฝ้าอยู่ไม่ข้างอยู่ข้างๆ สองมือเกาะกุมมือหนาใหญ่ของผู้ที่นอนน้ำตาร่วงอยู่

“ท่านเจ้าคุณขอรับ ถ้ากระผมจะเสนออะไรสักอย่าง จะได้ไหมขอรับ”

“ว่ามาสิ ข้าเคยขัดเจ้าหรือ” เสียงนั้นตอบด้วยอาการฟึดฟัดด้วยน้ำมูก

“กระผมขอเสนอตัว แต่งงานกับคุณเล็กเพื่อจบเรื่องนี้ขอรับ”

“ขุน!”

“ท่านเจ้าคุณฟังเมียนะขอรับ” ขุนออดอ้อน เมื่อใดก็ตามที่แทนตัวเองว่าเมีย ท่านเจ้าคุณจะโปรดมาก และจะตามใจเสียทุกอย่างไป “ถ้ายิ่งปล่อยไว้ ไม่มีผู้ใดมาตบแต่ง ท้องคุณเล็กจะยิ่งโตขึ้น เพลานี้แล้ว เราจักจับเธอใส่ตะกร้าล้างน้ำคงไม่ทันการณ์ นี่ก็ล่วงมาหลายเดือนแล้ว เมียคิดว่านี่คงสี่เดือนแล้วกระมังที่เธอมีลูก ถ้าเราจักให้เสื่อมเสียน้อยที่สุด ก็ขอให้กระผมรับผิดชอบ เป็นคนผิดที่ย่ำยีเธอจนท้องด้วยเถิด”

“ขุน... เจ้า” ท่านเจ้าคุณสะเทือนใจ แต่ก็ซาบซึ้งกับสิ่งทีได้ฟัง ท่านหลงคิดว่านี่คือความปรารถนาดีอย่างยิ่งยวดของเมียตน ยอมสละแม้กระทั่งชื่อเสียงตัวเองเพื่อปกป้องเกียรติของเรือนนี้ หาได้ล่วงรู้เลยว่าที่ขุนทำไปก็เพื่อปกป้องชายที่ตนรักเท่านั้น
“อีกอย่าง ตบแต่งกันแล้ว ข้าก็มิได้ไปไหน ข้าไม่จำเป็นต้องนอนร่วมหอลงโลงกับคุณเล็กเลยแต่น้อย ข้ายังดูแลท่านได้”

   ท่านเจ้าคุณขอเวลาไคร่ครวญอยู่สองสามวัน คุณใหญ่กังวลจนอยู่ไม่สุข แต่ก็มิออกไปไหนเพราะโดนขุนปรามไว้จึงอยู่แต่ในเรือน คุณชายจึงต้องเชื่อฟังขุนราวกับเป็นเด็กอายุห้าขวบ เอาใจขุนราวกับเมียตบเมียแต่ง มิได้กร่นวาจาด่าทอสาปแช่งเหมือนที่ผ่านๆมาเท่าใดนัก

        สุดท้ายเจ้าคุณพิชันขบคิดหาทางออกอื่นไม่ได้ จึงตกลงให้ขุนแต่งงานกับบุตรสาว งานแต่งของหญิงเล็กถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อกลบข่าวลือ เมื่อทุกคนได้รู้ว่าผู้ที่มาเป็นเขยเจ้าคุณพิชัยคือขุนผู้แสนดีและรูปโฉมงดงาม ก็พากันยกย่องว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันแล้ว หลังจากแต่งงาน คุณเล็กก็ยินดีที่จะแยกห้องหับกับขุน และจะเก็บเรื่องทั้งหมดไว้เป็นความลับ แต่ขอร้องให้ขุนกันพี่ใหญ่ให้ห่างตัวเธอ ซึ่งเขาก็ตกลงด้วยความเต็มใจ เพราะทุกวันนี้ คุณใหญ่ก็เหมือนไก่ในกำมือ กลัวเสียแต่ว่าฤทธิ์ยาร้ายจะทำให้เธอคุ้มดีคุ้มร้ายในบางเวลาเท่านั้นเอง

          คุณเล็กคลอดบุตรชายในเวลาต่อมา เจ้าคุณพิชัยเห่อหลานยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด คุณใหญ่ยังถูกกันให้ห่างจากคุณเล็ก ไม่มีโอกาสเห็นหน้าลูก แต่เขาก็มิได้อาทรร้อนใจ ด้วยไม่มีความผูกพันตั้งแต่ต้น เด็กที่เกิดมาก็เพราะบันดาลโทสะ ทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับหลายเดือนด้วยเกรงในความผิดที่ผู้เป็นพ่อจักลงโทษได้ เมื่อขุนแยกไปอยู่อีกเรือนหนึ่งเพื่อให้บริวารเห็นว่ารักใคร่กันดีกับคุณเล็ก คุณใหญ่จึงมีเวลาลักลอบไปที่โรงยาจนร่างกายซูบผอมไร้ราศี ยามกลางวันไปขลุกที่โรงยา กลางคืนก็เป็นเมียขุน ถึงแม้จะพร่ำพรรณาว่ารักสักเท่าใด คุณใหญ่ก็ไม่เห็นคุณค่า ขุนได้แต่เก็บความน้อยใจไว้ เขารักคุณใหญ่มากกว่าอะไรทั้งหมด แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยความชอกช้ำยิ่งกว่าที่เขาเคยพานพบ ชีวิตช่วงเด็กถูกผู้เป็นพ่อย่ำยีและหยิบยื่นความเมตตาจนมาถึงจุดนี้ ในยามหนุ่มเขากลับตอบแทนท่านด้วยการย่ำยีบุตรชายคนเดียวในบ้าน ขุนสะเทือนใจอย่างที่สุด แต่ความรักบดบังตาเขาจนมืดบอด ไม่อาจเห็นแสงสว่างในเรื่องนี้เลยเสียจริง

“หุบปากของเจ้าเสีย คนชั้นต่ำ อยากจะทำอะไรข้าก็เชิญ” คุณใหญ่ถอดเสื้อผ้า ร่างกายผ่ายผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก กระนั้นขุนยังมองว่าสวยงาม ในยามที่ฤทธิ์ยาแผ่ตามกระแสเลือด คุณใหญ่จะพูดน้อย แต่หากขาดยาเสียแล้ว จะหงุดหงิดงุ่นง่าน ปากคอเราะร้ายราวกับคนไร้ซึ่งการศึกษา

“ถึงแม้ท่านจะรังเกียจข้า แต่ข้าก็รักท่านสุดหัวใจ” ขุนประกบริมฝีปาก ควานลึกอย่างเร่าร้อน ใหญ่ตอบสนองอย่างคุ้นเคย ถึงแม้เขาจะเดียดฉันท์เพียงใด แต่ร่างกายนี้ก็มิเคยต้านทานขุนได้ ชายใหญ่เอนตัวลงพร้อมยกหัวขึ้นเผยแผงคอเรียวยาว ขุนจูบทึ้งอย่างหื่นกระหาย สองมือควานไขว่ถ้วนทั่ว เขี่ยหัวนมชูชันอย่างบ้าคลั่ง

“อา” คุณใหญ่ครางอย่างลืมตัว ขาข้างหนึ่งยกขึ้นมาอย่างคุ้นเคยเมื่อมีมือสอดรัดใต้ตัว ริมฝีปากขุนดูดทึ้งอกราบอย่างดูดดื่ม ราวกับเสาะหาน้ำนมมาดับกระหาย ใบหน้าที่ไหลเรื่อยลงมาจนถึงแก่นกาย ความองอาจถูกครอบมิดด้วยปากนั้น ใหญ่เสียวซ่านจนน้ำเหนียวข้นพวยพุ่ง ขุนดูดกินเสียจนเกลี้ยงราวกับเป็นน้ำทิพย์

   คุณใหญ่นอนพลิกตัวอย่างว่าง่าย เขามิอยากเห็นใบหน้าของขุนยามกระแทกกระทั้นในร่างกายเขา ถึงแม้จะมีความต้องการร่วม แต่ความชิงชังยังมีมากกว่า ขุนมิได้เบิกทางใดๆด้วยนิ้ว เขาชะโลมน้ำมันจนทั่วแท่งทวนและสอดแทรกเข้าไปในถ้ำแคบนั้นทันที

“อ๊าก ข้าเจ็บ” คุณใหญ่ร้องลั่น “เอามันออกไปก่อน ข้าเจ็บ” ถึงแม้จะถูกย่ำยีมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็ยังรู้สึกราวกับว่ามันเป็นครั้งแรกเสียร่ำไป ชายใหญ่ยังจำมันได้ตรึงใจครั้งแรกที่ขุนแทรกผ่านรูน้อย เขาหวีดร้องลั่น รู้สึกเหมือนเนื้อขอบรูกำลังฉีกขาด ร่างกายถูกทึ้งให้แยกออกจากกัน ครั้งนี้ก็ไม่ต่างเอาเสียเลย แต่กับชายอื่นที่โรงยาเขามิได้รู้สึกแบบนี้ มีแต่กับชายคนนี้เท่านั้นที่เข้าทุกข์อย่างแสนสาหัสทุกครั้งที่สอดใส่

   ขุนเมินเฉยต่อคำส่ง เขารู้ดีว่าคุณใหญ่มิได้เจ็บจริงแบบที่ร้องลั่น มันเป็นเรื่องน่าอดสู แต่เขาก็รู้ได้ เพราะถูกท่านเจ้าคุณกระทำมาหลายปีดีดัก ท่านเจ้าคุณใหญ่กว่าของเขาเป็นเท่าตัว เขาเจ็บ แต่ก็มิได้เจ็บทุรนทุรายแบบนี้ ขุนจับสะโพกคุณใหญ่ไว้ สองเข่าดันขาให้แยกกว้างและดันเข้าไปจนสุดลำโคน

ปัง!

   เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับร่างหนึ่งที่เข้ามา

“คุณพ่อ!” “ท่านเจ้าคุณ!” ทั้งสองตกใจจนหน้าซีด รีบผละออกจากกันสวมใส่เสื้อผ้าอย่างเร่งรีบ

“ทำไมท่านเจ้าคุณมาอยู่ที่นี่ได้ขอรับ” ขุนถามด้วยอาการตระหนก

“ยังมีหน้ามาถามข้ารึ ไอ้เมียเนรคุณ ว่าข้ามาได้อย่างไร ก็เพราะข้ารู้เท่าทันมึงยังไงล่ะ” เจ้าคุณพิชัยตวาดตัวหอบโยน “ข้ารู้ว่ายาที่ให้ข้ากินทุกวัน มันทำให้ข้าหลับลึก ข้าแอบสงสัยมานานแล้วว่าทำไมข้าจักต้องกินมันด้วย ในเมื่ออาการข้าไม่ได้หนักหนากระไรแล้ว” เจ้าคุณพิชัยหันไปทางบุตรชาย

“แกก็อีกคน ไอ้ลูกทรพี ไอ้ลูกชั่ว วันๆไม่ทำอะไรนอกจากผลาญทรัพย์สมบัติ ยังไม่พอ เจ้ายังมาสมสู่กับเมียข้าอีก”

“พ่อ พ่อจ๋าฟังลูกก่อน” ชายใหญ่ร่ำไห้เกาะขาผู้เป็นพ่อ เจ้าคุณพิชัยเหวี่ยงจนร่างผ่ายผอมกระเด็น

“อย่ามาใกล้ข้า ข้าไม่เคยมีลูกชั่วๆอย่างเอ็ง” เจ้าคุณพิชัยเงื้อมือจะตบหน้าคุณใหญ่ ขุนถลาตัวมาดึงไว้

“อย่าขอรับท่านเจ้าคุณ ทั้งหมดมันผิดที่กระผมเอง”

“อย่ามายุ่ง! ข้าไม่เชื่อหรอก คนดีๆอย่างเจ้าจะกระทำเรื่องแบบนี้ หากไม่โดนไอ้ลูกทรพีคนนี้มันบีบบังคับ มันสมควรตายแล้ว ไอ้ลูกชั่ว” ถึงแม้จะโกรธขึ้งปานใด แต่เจ้าคุณพิชัยยังเลือกจะไว้เนื้อเชื่อใจขุนเสียมากกว่า หัวใจของคุณใหญ่แตกสลาย จากเด็กชายผู้กำพร้าแม่ อยู่ในเรือนที่เหมือนขาดพ่อ ถูกเมียพ่อย่ำยีศักดิ์ศรีจนป่นปี้ บัดนี้ บิดาของตนยังเชื่อในตัวทาสผู้นั้นมากกว่าลูกในไส้

“ฆ่าข้าเลยสิ ถ้าข้ามันเลวขนาดนั้น!” คุณใหญ่ตะเบ็งเสียง ร่างเล็กสั่นเทิ้มด้วยความผิดหวังสาหัส

“คุณใหญ่ พูดอะไรน่ะขอรับ” ขุนเข้าไปกอด กลับถูกสะบัดตัวออกอย่างแรง

“กูทำแน่ ไอ้ลูกชั่ว” เสียงท่านเจ้าคุณดังลั่น บ่าวไพร่ต่างมามุงมากมายหน้าเรือน หญิงเล็กก็ไม่เว้น เข้ามาด้วยท่าทางตื่นตระหนก
“พวกเจ้ามุงอะไรกัน ออกไปก่อน” หญิงเล็กสั่งบ่าวไพร่ให้ลงเรือนไป เธออุ้มลูกน้อยดูเหตุการณ์ด้วยสีหน้านิ่งเฉย

“ท่านพ่อ เชื่อข้านะ ข้าไม่ได้ทำ ไอ้ขุนมันทำข้า” ใหญ่ร่ำร้องขอความยุติธรรมเหมือนเด็ก สองมือก่ายกอดขากำยำของผู้เป็นพ่อที่กำลังหน้าแดงก่ำเพราะโกรธจัด พ่นลมหายใจกระเพื่อมแรง อกสั่นไหวเป็นจังหวะ

“ไอ้ลูกเลว ตัวเองชั่วแล้วป้ายความผิดให้คนอื่น กูผิดหวังในตัวมึงจริงๆ คนแบบนี้อยู่ไปก็เสียข้าวสุก” เจ้าคุณพิชันเดินกระแทกพื้นเข้าไปในห้อง เขาคว้าดาบที่แขวนไว้ คมดาบจ่อปลายคอหอยผู้เป็นลูกชาย ความหึงหวงจนเลือดบังตา เขาเลือกที่จะรักเมียมากกว่าลูก ขุนเข้ามาปัดป้องอย่างไม่เกรงและบังคุณใหญ่ไว้ น้ำตารินเป็นสาย

“ผัวจ๋า เมียขอร้อง อย่าทำคุณใหญ่เลยนะ เมียผิดเองที่ไม่ได้ชั่งใจ ทุกอย่างท่ำไป เพราะเมียไม่ดีเอง”

“เอ็งไม่ต้องมายุ่งขุน ไอ้ใหญ่มันลูกข้า ข้าสั่งสอนมันไม่ดีเอง เชื้อร้ายจะต้องถูกตัดทิ้ง มิเช่นนั้นมันจะลุกลามบานปลาย” คุณใหญ่ก้มหน้านิ่ง ไม่มีสติรับรู้ใดๆแล้ว วาจาค่อนแคะของผู้เป็นพ่อเข่นฆ่าเขาจนตายเสียแล้วทั้งเป็น มิได้เกรงกลัวคมดาบที่หมายจะเอาชีวิตเขาเลยแม้แต่น้อย ท่านเจ้าคุณเงื้อดาบ ขุนรีบพุ่งตัวคว้าแขนใหญ่ไว้ หญิงเล็กกรี๊ดดังลั่น ลูกน้อยร้องไห้จ้า

“อย่านะขอครับท่านเจ้าคุณ อย่าขอรับ” ในช่วงชุลมุนกันนั้น ดาบในมือเจ้าคุณพิชัยร่วงลงพื้นเสียเอง ผู้ถือดาบกุมหน้าอกทำหน้าราวกับปวดเสียดแสนสาหัส ใบหน้าขาวซีด ลมหายใจหอบเฮือกใหญ่ ค่อยๆทรุดตัวลงกับพื้น

“ท่านพ่อ” ทั้งคุณใหญ่และคุณเล็กต่างกระวีกระวาดเข้าหาร่างที่ทรุดลง ขุนกอดกุมอยู่ไม่ห่าง ถึงแม้จะสิ้นเรี่ยวแรง เจ้าคุณยังปัดป้องมือคุณใหญ่ออกราวกับรังเกียจ เสียงลมหายใจอ่อนแรง

“แม่น้อย แม่นิ่ม ไปตามหลวงแพทย์มาที ใครก็ได้ ไปตามหลวงแพทย์มาที” หญิงเล็กร่ำเรียกบ่าวไพร่เสียงแหบพร่า ลูกน้อยในอ้อมอกร้องไห้ระงมปนเปกันไปหมด

“ท่านเจ้าคุณทำใจดีๆไว้นะขอรับ” ขุนน้ำตาร่วง สบตาที่อ่อนล้าของท่านเจ้าคุณอยู่กระนั้น คำพูดที่อ่อนแรงไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของท่านเจ้าคุณเปล่งออกมา ก่อนที่ลมหายใจจะปลิดปลิวว่า

“ข้ารักเจ้า”

   อยู่ๆฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงมาที่ลานหน้าบ้านอย่างน่าประหลาด กรอบเหรียญโบราณที่ท่านเจ้าคุณได้มาจากขุนเสน่ห์ที่แขวนผนังก็หลุดตกพื้น เหรียญนั้นกลิ้งมาตกข้างลำตัวท่านเจ้าคุณราวกับถูกบังคับ มือที่อ่อนแรงของเจ้าคุณตกที่เหรียญนั้นพอดี ดวงตาที่เบิกโพลงของท่านเจ้าคุณไร้แววแห่งชีวิต หญิงเล็กกรีดร้องร่ำไห้แข่งกับลูกชายที่อยู่ในอก ทุกคนต่างตกอยู่ในภวังค์แห่งความสูญเสียนานสองนาน คุณใหญ่นอนร้องไห้ปริ่มใจจะขาด พูดพร่ำเพ้อออกมาไม่ได้ศัพท์ ขุนกอดกุมร่างเจ้าคุณพิชัยไว้ไม่ห่าง ข้างกายมีคุณเล็กที่อุ้มลูกน้อยไว้


 บ่าวไพร่กรูกันมาแต่หนไหนไม่ทราบ ต่างพากันร่ำไห้ เข้ามาจัดแจงยกร่างเจ้าคุณเพื่อจะนำไปวางไว้รอชำระร่างกายก่อนทำพิธี ขุนหันไปอีกฝั่งเพื่อดูชายที่ตนรัก

“คุณใหญ่จักทำอะไรน่ะขอรับ”

“เจ้าย่ำยีข้า พ่อก็ไม่รักข้า ข้าจักอยู่เพื่อการใดเล่า” คุณใหญ่ถือดาบไว้ในมือ ขุนทำท่าจะเข้าห้าม “อย่าได้คิดจะเข้ามาเชียวนะ” บ่าไพร่ทั้งหลายต่างตกตะลึง หญิงเล็กมองดูภาพเบื้องหน้าด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก “ชาตินี้ เจ้าทำร้ายข้า แต่ข้าไม่มีแรงใดมาต่อกรเจ้า หากมีชาติหน้าฉันท์ใด ขอให้เจ้าถูกข้าย่ำยีทั้งร่างกายและศักดิ์ศรีของเจ้าด้วยเทอญ” ใหญ่แหงนหน้าขึ้นมา ก่อนกระซวกดาบเข้าที่ราวนมด้านซ้ายสุดกำลังที่เหลือ ร่างกายผอมซูบติดกระดูกกระตุกเกร็ง นัยน์ตาเหลือก ลิ่มเลือดพุ่งออกปากเป็นสาย
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!” ขุนหวีดร้องลั่น “มาช่วยกันหน่อย มาช่วยคุณใหญ่ด้วย” บ่าวไพร่วิ่งกรูตามเสียงเรียก ขุนพร่ำร่ำไห้อย่างขาดสติ ขุนยืนแข้งขาสั่นเทิ้ม ภายในหัวว่างเปล่า ร่างบางล้มครืนท่ามกลางหมู่บ่าวไพร่ ใบหน้าขาวซีดไร้ร่องรอยที่บ่งบอกว่ายังมีชีวิต เลือดไหลนองราวกับน้ำหลากหน้าฝน ขุนทุดตัวลงอย่างคนหมดอาลัย น้ำตาไม่ไหล แต่ความเสียใจกรีดแทงจนเขาแทบสิ้นสติ เปล่งเสียงงึมงำที่มีแต่เขาคนเดียวเข้าใจ

“ชาตินี้ข้ารักแต่ท่าน ติดตามแต่ท่าน แต่ท่านกลับชิงชังและสาปแช่งข้า หากฟ้าดินเห็นความจริงใจข้าแล้วไซร้ ถึงแม้ชาติหน้าข้าถูกเขาย่ำยีป่นปี้ ก็อให้เขารักข้าอย่างหมดหัวใจ รักข้าอย่างไร้เงื่อนไขด้วยเถิด” ขุนชักมีดสั้นที่พกติดตัวออกมาหมายจะปาดคอตัวเอง แต่ถูกมือหนึ่งจับไว้แน่น

“คุณหญิงเล็ก ปล่อยกระผมเถอะ”

“พี่ขุน ท่านจักทำอย่างนี้ไม่ได้ หากท่านตาย ข้าจะอยู่อย่างไร อย่างน้อยท่านก็ได้ชื่อว่าเป็นสามีข้า คืนนี้ข้าสูญเสียทั้งพ่อและพี่ชาย ท่านจักใจดำให้ข้าต้องสูญเสียสามีด้วยเชียวหรือ” ขุนลดมือลงช้าๆ น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย คำพูดของคุณเล็กมีเหตุผล เขาควบคุมสติ มองร่างที่ไร้วิญญาณสองร่างที่นอนเคียงกันอยู่กลางเรือนด้วยสังเวช สองพ่อลูกแห่งบ้านสิ้นวันเดียวกัน เวลาไล่เลี่ยกัน หากเขาตายอีกคน ก็เหมือนจะเห็นแก่ตัวเกินไปเสียหน่อยที่ต้องปล่อยให้กุลสตรีแบบคุณเล็กครองเรือนนี้ตามลำพัง

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2016 10:29:51 โดย จากต้นจนอวสาน »

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
---------------------------------------------------------------------------------------------------------


จากคนเขียน...
ตอนนี้เขียนๆแก้ๆหลายรอบมาก แต่ก็คิดว่าแบบนี้คงจะดีกว่าแบบที่คิดไว้ตอนแรก
เรื่องราวในภพนี้ใกล้จะจบแล้วครับ ตอนหน้าก็จบสำหรับภพนายทาสแล้ว

แต่สำหรับภพสัญญา คนเขียนก็นั่งเขียนไป ลบไปอยู่เรื่อยๆ
เพราะใส่ปมเยอะไปนิด เลยต้องยืดตอนไปอีกหน่อย
แต่จะพยายามทำให้เนื้อเรื่องไม่ยืดยาวจนเกินไปนะครับ

หวังว่านักอ่านคงจะชอบกันนะครับ ฝากพูดคุย ติชมกันได้น้าาาาาาาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2016 12:38:01 โดย จากต้นจนอวสาน »

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
กำลังคิดว่า ภพนี้สลับกัน ..

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Sweettemp

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
โอ๊ะ โอ๋ หรือว่า
นาวา... คุณใหญ่?
สอง..... ขุน?
เหรียญ..ท่านเจ้าคุณพิชัย? (แล้วขุนเสน่ห์ที่รักพิชัยล่ะ อยู่ไหน?)
อุปสรรค...ครอบครัวนาวา?


ปล.เรื่องน่าติดตามมากค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2016 16:01:40 โดย Sweettemp »

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
ภพ: สัญญา ตอน 9

   ลมหนาวพัดกรูปะทะผู้คนที่ยืนต้านลมหนาวบนยอดเขาสูงของเชียงใหม่ สองใช้ผ้าห่มคลุมกายมองแสงแรกยามเช้าบนยอดดอยสูง นายอำเภอหนุ่มจัดแจงหารถราและเช่าเต็นท์นอนพร้อมอุปกรณ์หุงหาอาหารเสร็จสรรพเพื่อพาสองมาเปลี่ยนบรรยากาศบนนี้ ลมหายใจพ่นควันออกมาสีขาวขุ่น ทะเลหมอกยามเช้าไกลสุดลูกตา สถานที่กางเต็นท์เล็กและแคบ  ผู้คนทะยอยเก็บข้าวของเพื่อลงจากยอดเขาวันนี้ เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันจันทร์ แต่พวกเขาไม่ต้อง นายอำเภอลลาหยุดงานอีกหนึ่งวัน เพื่อจะอยู่บนนี้ให้นานขึ้น กลางวันอากาศดี ถึงแม้จะร้อนแต่ยังสามารถเดินเล่นทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ นาวาชอบถ่ายรูป สองเดินตามนายอำเภอไม่ห่าง

   พอตกกลางคืนบนยอดดอยอากาศหนาว มีเพียงกองไฟเล็กๆพอให้ไออุ่น คืนนี้เป็นคืนเดือนมืดแต่ผืนฟ้าทอระยิบระยับไปด้วยแสงดาว สองปูเสื่อนอนชมดาวด้านนอก ห่มผ้ากันไอหนาวและน้ำค้าง สวมหมวกกันหนาวผืนหนา จมูกเปียกชื้นเพราะน้ำค้าง นาวานอนแนบชิดอยู่ข้างๆ ผ้าห่มผืนใหญ่ดูเล็กลงถนัดตา สองมือเย็นเกาะกุมกันจนอุ่น อ้อมกอดแกร่งที่สองนอนทับถ่ายเทความห่วงใย ลมหนาวอ้อยอิ่งในอากาศ คืนนี้มืดมิดและเงียบสงัด จิ้งหรีดหวีดระงมในความมืดแข่งกับลมหนาว เต็นท์อื่นก็อยู่ห่างไกล
“หนาวมั้ยครับ เข้าไปในเต็นท์ไหม” สองถาม เขาพลิกตัวละสายตาจากผืนฟ้ามาซบที่หน้าอกแกร่ง นาวาลมหายใจแผ่วๆเหมือนคนงัวเงียง่วงนอน เขาเผลอหลับไปตอนดูดาว

“สองง่วงรึยัง” นาวางัวเงียหันหน้ามองไปรอบๆที่มีแต่ความมืดมิด กองไฟมอดลงแล้ว กาต้มน้ำร้อนหยุดส่งไออุ่น เขาว่าจะดื่มกาแฟแต่ก็คงไม่เข้าทีถ้าต้องไปนั่งจุดไฟอีกครั้ง

“ง่วงนิดนึงแล้วครับ ไปนอนกันเถอะ” นาวาผุดตัวนั่งอย่างขี้เกียจ ความหนาวแผ่เข้าแผ่นหลังทันทีจนตัวสั่น สองเห็นแล้วกลั้นขำแทบไม่อยู่ นายอำเภอตัวใหญ่แต่ขี้หนาว ยิ่งสวมเสื้อกันหนาวผืนหนา ยิ่งเหมือนหมีมากกว่า

“หนาวมากเลย เข้าไปในเต็นท์กันเถอะ” สองตั้งท่าลุก นาวาฉุดแขนไว้ให้ลงมานั่งแทบตัก มือแกร่งถูกมือใหญ่หนาเกาะกุมถูไถให้ไออุ่น “มือเย็นจังเลย” นาวาพ่นลมหายใจเพื่อคลายหนาว สองหน้าแดงก่ำในความมืดไออุ่นจากชายหนุ่มสะท้อนทั่วแผ่นหลัง มือเขาถูกมือใหญ่ของนาวาจับช้อนไว้ มือซ้ายของเขาหยาบกร้านตะปุ่มตะปั่มจากการทำงานหนัก นิ้วเหี่ยวย่นผิดแผกจากหนุ่มเมืองหลวง เขาดูมือของเขาที่ลอยเด่นในอากาศ

“นิ้วโล่งจัง”

“โล่งยังไงอะครับ”

“ก็ไม่มีอะไรเลยน่ะสิ” สองทำหน้างง แล้วเขาก็เข้าใจในทันทีที่แหวนวงหนึ่งค่อยๆบรรจงสวมที่นิ้วนางข้างซ้าย

“ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ พี่ขอบคุณมากที่ดูแลกันมาอย่างดี มันคงไม่เร็วไปนะถ้าพี่จะให้แหวนนี้ แทนทุกคำพูดว่าพี่จะรักสองตลอดไป” สองไม่อาจบรรยายความรู้สึกตอนนี้ออกมาได้ สายตาจับจ้องไปที่แหวนทองวงใหญ่แต่พอดีกับนิ้วเขาเป๊ะถูกสวมลงไป เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าชั่วชีวิตนี้จะมีของมีค่าติดตัว และไม่คิดอีกว่าจะเป็นแหวนที่ได้จากผู้ชายด้วยกันเอง ถึงแม้บรรยากาศโดยรอบจะมืด แต่เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังเปล่งประกาย

“พูดอะไรบ้างสิ เงียบไปเลยพี่ใจคอไม่ดีนะ” สองพิงศีรษะที่ไหล่ของชายหนุ่ม ไม่ได้เอ่ยอะไร นอกจากโน้มคอใหญ่หนาให้ประทับรอยจูบลงมา

ลมหนาวปีนี้ ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเหน็บหนาวได้เลยแม้แต่นิด

   สองสะดุ้งตื่นกลางดึก เขาฝันถึงอดีตอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้ฝันมาหลายวัน ครั้งนี้มีแต่ภาพลางๆ เขาเห็นท่านเจ้าคุณพิชัยนั่งงขัดเหรียญโบราณอยู่กลางเรือนด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย

“ฝันร้ายเหรอครับ” นาวางัวเงียถามเมื่อสองเปลี่ยนท่านอนในอ้อมกอด

“ไม่เชิงครับ แต่ผมฝันถึงท่านเจ้าคุณคนเดิมอีกแล้ว”

“แปลกนะที่สองยังฝันถึงเค้า ตั้งแต่สองมาอยู่ด้วย พี่ก็เลิกฝันเรื่องนี้ไปเลย”

นั่นสิ น่าแปลกเสียจริง สองขบคิดในใจ ทำไมมีแต่เขาที่ฝันถึงเรื่องราวต่างๆในอดีตเสียมากมาย สองใช้มือลูบใบหูด้านบนที่เป็นรอยขาดมาตั้งแต่เกิด มันช่างเหมือนใบหูของทาสที่ชื่อขุนเสียเหลือเกิน ถึงแม้ใบหน้าในฝันจะดูเลือนลาง แต่เขากลับคลับคล้ายคลับคลา

“เป็นอะไรไปครับ ทำไมเหม่อๆ คิดอะไรอยู่รึเปล่า” นาวาถาม

“ปะ เปล่าครับ ผมคิดถึงลูก” สองปด แต่สุดท้ายก็ฉุกคิดได้ว่าตัวเองไม่ได้เจอลูกชายเลยตั้งแต่ที่เมียหอบผ้าหอบผ่อนหนีเขาไป ป่านนี้เจ้าลูกชายจะเป็นยังไงบ้าง จะอยู่สุขสบายดีหรือไม่

“ตอนนี้เขาอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ”

“ตอนนี้เกือบเจ็ดขวบแล้วครับ” สองถอนหายใจ เขาคิดถึงลูกมากเหลือเกิน นาวาจับสังเกตได้ในความมืด ถึงแม้สองจะไม่พูด แต่เขาก็รับรู้ว่าคนรักกำลังอยู่ในอารมณ์หม่นหมอง

“พี่จะช่วยตามหาลูกชายสองให้นะครับ พี่สัญญา” นาวากอดกุมตัวสอง ให้ไออุ่นถ่ายทอดความจริงใจแทนคำพูด อีกฝ่ายหนึ่งขดตัวในอ้อมอกอุ่นนี้ ไม่มีคำพูดใดๆขับขาน สายลมหนาวกรูพัดอยู่ด้านนอกราวกับเสียงกรีดร้องจากขุนเขา เหรียญกษาปณ์เก่าแก่ส่องประกายสีแดงฉานราวกับเลือดอยู่ในห้องนอน เสียงคำรามกึกก้องบาดลึกราวกับรอวันที่จะถูกปลดปล่อยออกมา

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

    สองตื่นมาแต่เช้าด้วยความเคยชิน ความมืดยังรายล้อมขุนเขาอยู่ ความหนาวทำให้เขารู้สึกขี้เกียจ นาวางัวเงียตื่นตามจังหวะพลิกตัวของสอง เขารั้งตัวสองให้กลับมานอนตามเดิม

“อย่าเพิ่งลุกเลย นอนต่ออีกนิดนะ” นาวาพรมจูบใบหน้าและลำคอของสอง ความหิวกระหายประเดประดังมาเป็นธรรมดาของผู้ชาย

“อย่าครับ ปล่อยก่อน ผมต้องไปทำกับข้าว” สองพยายามสลัดตัวเอง แต่กลับถูกชายร่างใหญ่กอดรัดแน่นขึ้นกว่าเดิม

“จะปิดปากทำไมเนี่ย พี่จะจูบ” นาวาส่งเสียขัดใจเหมือนเด็ก

“ไม่เอา ปากเหม็น”

“ไม่สน” นาวาแกะมือสองออก เขาคร่อมตัวบนร่างของสอง มือเกาะกุมกันไว้ข้างหูของฝ่ายที่นอนด้านล่าง สายตาส่องประสาน นาวาหลงเสน่ห์แววตาซื่อๆนั้น ดวงตากลมโต คิ้วหนาเข้มขวมดเป็นปมเข้าหากัน ริมฝีปากรูปกระจับนั้นช่างยั่วยวนใจเสียจนไม่อาจจะหักห้ามได้ นาวาสบตาอยู่เนิ่นนานก่อนลดระดับใบหน้าของตัวเองลงเรื่อยๆ ลมหายใจติดขัดของสองกระตุ้นอารมณ์เขาให้กระเจิง นาวาเอื้อมมือไปจับคางสองให้หันมาสบตาตน ระดับริมฝีปากประชิดจนแทบประกบกัน นาวาบรรจงจูบเบาๆ กดแช่ริมฝีปากไว้เนิ่นนาน ไม่มีการบดเบียด เสียงหัวใจของทั้งคู่เต้นตึกตักราวกับจะมอดม้วย สายตาของสองบ่งบอกความต้องการอย่างแรงกล้า แก่นกายของทั้งคู่ผงาดด้วยความเสน่หา นาวาถอนริมฝีปากออก บดเบียดท่อนล่างไปมาแนบเนื้อให้ความแข็งเสียดสีกันไปมาใต้ร่มผ้า เขาประกบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง คราวนี้มันแฝงไปด้วยความรุนแรงและโหยหา สองมือเร่งร้อนถอดอาภรณ์เบื้องล่างจนหมด ริมฝีปากไล้เลื้อยมาตามใบหู ชิวหาชอนไชเข้าร่องรู สองครางกระเส่าด้วยความกระสันต์ เนื้อตัวสั่นระริกหมดเรี่ยวแรงจะต้านทาง สองขาถูกจับประดับที่ไหล่แกร่ง บั้นท้ายถูกยกขึ้นให้ได้ระดับ สองรู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่บดเบียดอยู่ปากถ้ำ เขาสบตานายอำเภอหนุ่มที่มีเปิดเผยความต้องการอย่างโจ่งแจ้ง

“พร้อมมั้ยครับ” สองอยากจะตอบว่าไม่พร้อม แต่สองขาเขากลับกระหวัดลำคอหนาเสียแน่น สองมือจับบั้นท้ายตัวเองให้แยกกว้าง นาวาใช้มือหนึ่งจ่อท่อนเนื้อทะมึนที่ถูกเคลือบด้วยของเมือกใส ไม่มีการเล้าโลมใดๆเพิ่มเติม มีเพียงลมหายใจหอบโยนของทั้งคู่ ดวงตาเล็กของนาวาจับจ้องที่ดวงตากลมโตที่นอนราบ สองพยักหน้าเบาๆเป็นสัญญาณ นายอำเภอจ่อปลายใหญ่กับรูน้อย ปล่อยให้ของเหลวที่ชะโลมไว้เป็นตัวนำให้ท่อนไหลเข้าช่องลึก สองสะดุ้งเฮือกเมื่อหัวบานแหวกประตูบ้าน

“อ๊ะ” สองกัดฟันแน่น ความคับข้องแล่นพล่านอยู่เบื้องล่าง เขารู้สึกว่าตัวเองได้ยินเสียงกล้ามเนื้อถูกเปิดดังกึกกึก เขาปวดแสบราวกับร่างกายถูกหั่นแยกชิ้นส่วน ความร้อนระอุแผ่คับ ภายในตัวเขากำลังบีบรัดสิ่งแปลกปลอมนั้นโรมรันรุงแรง ราวกับพยายามขย้อนมันให้หลุดไหลออก แต่หาได้เป็นดังนั้นไม่ เมื่อนาวาเคลื่อนตัวดุนดันเขาไปทีละนิดอย่างใจเย็น สองหายใจขัด สายตาพร่ามัว เหงื่อกาฬผุดผาดราวกับถูกแผดเผา

   นาวาบังคับตัวเองให้ใจเย็นกับคนเบื้องล่าง ความคับแน่นที่ติดรัดไม่ต่างจากวันแรกที่เขาพรากพรหมจรรย์ของชายผู้นี้ ถึงแม้บทรักระหว่างเขาทั้งคู่จะมากครั้งเสียนับไม่ถ้วน แต่กระนั้นช่องรักนี้ก็ทำให้เขาตื่นเต้นอยู่ไม่เสื่อมคลาย

“อ๊ะ สอง หยุดขมิบก่อน พี่จะทนไม่ไหวเอา” นาวาขอร้องเสียงพร่า ความแน่นบีดรัดจนเขาแทบจะหลั่งออกมา โคนขาบดเบียดกับบั้นท้ายแกร่งแน่น ท่อนเนื้อถูกบีบเค้นจนปวดราวกับจะแหลกละเอียด ณ ตรงนี้ เขาพยายามเคลื่อนตัว แต่ความคับฉุดให้เขาต้องอยู่นิ่งๆ “สอง ผ่อนคลายหน่อยครับ แบบนี้พี่ขยับตัวไม่ได้”

   สองขยับมือตัวเองมาจับจิกที่แขนของนายอำเภอ เมื่อแรงโถมกำลังถูกถ่ายทอดเข้าในกายอย่างหนักหน่วง เขาเลื่อนไปกระชับที่หัวไหลหนานั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ บั้นท้ายถูกบดเบียดกระแทกกระทุ้งหนักหน่วงเสียงดังปึกปัก สองเม้มปากแน่นเพื่อป้องกันเสียงเล็ดลอดไม่ได้สนใจแผ่นหลังที่กระทบกระแทกผืนดินแน่นข้างใต้ ความเจ็บจุกแต่สุขสันต์ปรนเปรอจนเขาลืมความรู้สึกอย่างอื่นจนหมด ท่อนเอ็นแกร่งร้อนเสียดสีไปมาจนเขาน้ำตาเล็ด เหงื่อไหลหยาดท่วม นาวาดึงตัวออกจนเกือบสุด ก่อนถลาตัวกลับ สองปริ่มจะขาดใจด้วยรสรัก สองมือจิกแน่นที่ไหล่กว้าง นาวาเร่งกระแทกบั้นท้ายที่ถูกวางที่หน้าขาถี่ยิบ แก่นกายของเขาร้อนระอุจนแทบระเบิดมันดุนดันและกำลังหลงระเริงกับความอบอุ่นที่ตอดตัวแน่น ความสากโอบเค้นดุ้นยาวเสียจนเสียวพล่าน น้ำในเขื่อนเคลื่อนตัวจากภายในมันเอ่อล้นจนเกินกักเก็บ นาวาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพ่นออกมา สองรับรู้ถึงพลังงานที่กำลังไหลวนภายในร่างเขา นาวาหยุดการเคลื่อนไหวแต่ภายในยังเต้นไปมาหงึกหงึก น้ำรักพุ่งเป็นสายทะลักซึมออกมาจากรูแคบ สองหอบโยนละมือจากไหล่นั้นนอนแผ่หรา ดุ้นเขื่องยังร้อนระอุอยู่ภายในมิได้ถูกถอดถอน มันแทรกลึกเสียจนเขาปวดท้องหน่วงๆ นาวาก้มจูบสองอย่างแผ่วเบา เขาใช้มือหนึ่งสาวดาบทู่ของสองไว้ มันยังยงแข็งแกร่งและยังไม่ถึงจุดหมาย แรงจูบเริ่มหนักหน่วงด้วยหายใจที่หอบดัง ท่อนเอ็นของเขาเริ่มกลับมาแข็งขันอีกครั้งในรูเล็ก นาวาโถมตัวกอดสองพลิกตัวให้อยู่ในท่านั่ง
“พี่จะไม่ยอมเสร็จสมคนเดียวหรอก” นาวากระซิบข้างหู สองตัวสั่นเทิ้มด้วยหมดกำลังต่อกร

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
“ช่วงนี้ผมรู้สึกวาตัวเองแปลกๆ” สองทำลายความเงียบขณะนั่งรถกลับ

“อืม แปลกยังไงครับ” นาวาจับมือสองไว้แทบตลอดทาง ยกเว้นช่วงทางโค้งลงเขาและตอนเปลี่ยนเกียร์เท่านั้นถึงจะมีสมาธิขับรถได้อย่างเต็มที่

“ผมรู้สึกว่าตัวเองทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงกำลังมีความรัก”

“แล้วไม่ใช่รึไงล่ะ”

“ไอ้รักน่ะใช่ แต่ผู้หญิงน่ะไม่ใช่” นาวาเสียอีกที่กลายเป็นคนหน้าแดงยิ้มแป้นดีใจจากคำตอบ

“แล้วทำไมถึงทำตัวแบบนั้นล่ะ” นาวาแกล้งถามกระเซ้า

“ผมคิดว่า ถ้าผมทำตัวน่ารัก พี่จะได้รักผมไง” นาวาหัวเราะลั่นที่ได้ยินคำตอบ

“โอย ไม่ต้องหรอก สองเถื่อนๆห่ามๆพี่ก็รัก”

“พี่นี่พูดว่ารักได้ไม่อายเลยเนอะ”

“เมื่อกี้สองยังบอกว่ารักพี่อยู่เลย”

“ตอนไหน ผมเปล่า”

“ทำเป็นลืมเหรอ” นาวายื่นหน้าจะมาหอมแก้มคนที่นังข้างๆ

“หยุดครับ ขับรถไปเลย”

“น่านะ อย่าให้พี่เก้อสิ” นาวาออดอ้อน

“ไม่เอา ตั้งใจขับรถไปครับ”

“นะนะ ขอชื่นใจก่อน” นาวาอ้อนไม่หยุด สองมองด้วยสายตาอ่อนใจแต่ก็แฝงไปด้วยความขวยเขิน

“นะ” นาวาย้ำ พลางยื่นกระพุ้งแก้มป่องๆให้ สองยื่นริมฝีปากไปจูบอย่างเสียไม่ได้

“ชื่นใจจัง”

“ขับรถไปครับ”  สองออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงราวกับเป็นผู้ปกครอง

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

“นายอำเภอครับ นายอำเภอ” เสียงเรียกไล่หลังมาแต่ไกลไม่นานหลังจากนาวาจอดรถและช่วยกันลำเลียงข้าวของเข้าไปเก็บในบ้าน

“อ้าว ชัย วิ่งหน้าตั้งมาเชียว มีอะไรเหรอ” นาวาถามลูกน้องของตัวเองที่กระหืดกระหอบวิ่งมาหา ต้องปล่อยให้คนเบื้องหน้าพักให้หายเหนื่อยสักครู่ก่อนจะพูดต่อ

“วันนี้มีโทรศัพท์มาหานายอำเภอครับ” นาวาขวมดคิ้ว

“ใครกัน” เขาถาม ร้อยวันพันปีไม่เคยมีใครโทรหา โทรศัพท์ที่ทำงานเอาไว้ติดต่อราชการเท่านั้น และหากเร่งด่วนก็ยังพอจะรอให้เขาเข้าไปที่สำนักงานในวันพรุ่งนี้ได้

“เขาบอกว่าชื่อพิรุณครับ” นาวาจำได้ทันที พิรุณมือขวาของคุณแม่

“เขาโทรมาทำไม” นาวาถาม

“เขาบอกว่า คุณแม่ของนายอำเภอประสบอุบัติเหตุรถคว่ำครับ..”

“แล้วคุณแม่เป็นยังไงบ้าง” นาวาถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“เขาแจ้งว่าอาการหนัก แต่ปลอดภัยแล้ว ยกเว้น...” ชัยยังเว้นช่วงด้วยความเหนื่อยหอบ

“ชัย..” นายอำเภอเร่งเร้า

“เขาแจ้งว่าน้องชายนายอำเภอเสียชีวิตคาที่ครับ”

   นาวาเข่าทรุด นเรนทร์ น้องชายคนเดียวที่เขาสนิทมาตั้งแต่เด็ก เป็นคนเดียวที่สนับสนุนและคอยช่วยเหลือเขามาตลอด นเรนทร์จะเข้าข้างเขาตลอดเวลาที่ทะเลาะกับคุณแม่เรื่องการแต่งงาน หรือแม้กระทั่งการงาน ด้วยวัยที่ต่างกันแค่ปีเดียว พวกเขาจึงยิ่งสนิทกันมากเกินกว่าจะอธิบายได้ ถึงแม้เขาจะมีน้องสาวอีกคนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้สนิทกันมากนัก

   สองนั่งเหม่อในรถไฟที่ส่งเสียงหวูดหวีดยาว เขากำลังมึนงงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น นายอำเภอขอร้องให้เขาไปร่วมงานศพและจะพาเข้าบ้านเสียด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่สองจะเข้าเมืองหลวง นาวานอนนิ่ง สภาพจิตใจคงจะบอบช้ำ ถึงแม้ใบหน้าจะราบเรียบ แต่ก็ปิดความหม่นหมองไม่มิด สองไม่พูดอะไร เบียดกายเข้าไปในอ้อมอกอุ่นนั้น ความมืดมิดช่วยบดบังการกระทำนี้จากสายตาคนอื่นได้ เขาจึงกล้าที่จะฝังตัวลงอ้อมกอดนี้ นาวายิ้มบางให้พลางลูบผมสองแผ่วเบา ความหม่นหมองจางหายไปบ้าง แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด...

---------------------------------------------------------------------------------------------------------


จบตอน 9 จ้า ^_^

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
เนื้องเรื่องเข้มข้นแล้ว ..

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
ภพ: นายทาส ตอน 10

   งานศพผ่านพ้นไปอย่างสมเกียรติ หญิงเล็กน้ำอัฐิของผู้เป็นพ่อมาวางไว้ที่ห้องพระเคียงคู่กับคุณแม่ ส่วนของพี่ชายตนเองนั้นให้เป็นหน้าที่ของขุน เธอขยะแขยงในตัวพี่ชายมิได้ขาด แม้กระทั่งตายตกไปแล้วก็ตาม

“ท่านพ่อ ลูกขอโทษ ลูกไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้เลย” หญิงเล็กร้องไห้ บ่นพึมพำเสียงเบาด้วยเกรงว่าจะมีใครมาได้ยิน

“ลูกแค่อยากบอกให้คุณพ่อทราบเฉยๆว่าเมียท่านพ่อมีสัมพันธ์กับพี่ใหญ่ ลูกอยากให้ท่านปลิดชีพคนโฉดนั้นเสีย ลูกมิได้เจตนาจะให้ท่านพ่อสิ้นเลยแม้แต่น้อย ท่านพ่ออภัยให้ลูกนะคะ” หญิงเล็กคร่ำครวญ เธอสังเกตมาหลายเพลาแล้วที่ขุนจะให้เม็ดยาที่ทำให้พ่อเธอนอนหลับ จึงได้เอาเรื่องนี้ไปยุแยงบิดาว่ามิควรทานยานี้ต่อ โดยอ้างถึงตัวขุนว่าชอบไปขลุกอยู่ที่อื่นดึกดื่น ด้วยความหึงหวงบดบังตา อีกทั้งอาการเจ็บป่วยก็ทำให้เจ้าคุณพิชัยเบาปัญญาไปบ้าง จึงหลอกล่อไม่ทานยาตัวเดิม และเห็นขุนเดินเข้าไปในห้องบุตรชาย

“ท่านพ่ออย่าใจร้อนนะเจ้าคะ รอให้จับได้คาหนังคาเขาเสียก่อน” หญิงเล็กคอยปรามผู้เป็นพ่อที่โกรธจัด เมื่อทุกอย่างเหมาะเจาะ ท่านเจ้าคุณก็พังประตูเข้าไปเห็นภาพบาดตาบาดใจนั้น...

   ขุนมิได้รู้เลยว่า เรื่องราวทั้งหมด เกิดขึ้นเพราะความโกรธแค้นชิงชังของคุณเล็ก ภายนอกที่แสนซื่อบอบบางนั้นปกปิดความอาฆาตอย่างหาที่เปรียบมิได้ เธอริษยาที่เจ้าคุณพิชัยโปรดขุนมากกว่าลูกสาวตัวเอง ชิงชังขุนที่ดูแลแต่พี่ใหญ่ เกลียดพี่ชายแท้ๆของตัวเองที่กระทำย่ำยีชีวิตเธอจนมีลูกด้วยกัน หญิงเล็กยังคงงดงาม ทั้งกายวาจาและใจเมื่อแสดงออกกับทุกคน แต่ภายในจิตใจกลับร้อนรุ่มรุนแรง จนต้องวางแผนให้พ่อฆ่าพี่ชายตัวเองเฉกเช่นนี้ ภายใต้วาจาที่อ่อนหวานนั้น แฝงด้วยจิตใจที่แสนหยาบช้า เธอห้ามขุนมิให้ปลิดชีพตัวเองด้วยคำลวง ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เธออยากให้ขุนอยู่ต่อด้วยความอดสู เหมือนตกนรกทั้งที่ยังมีลมหายใจอยู่ เธออยากให้เขาลิ้มลองรสชาติที่อยู่โดยขาดคนรักเสียบ้าง โดยมิได้คำนึงถึงสิ่งอื่นใดเลยแม้แต่น้อย หญิงเล็กผู้แสนดี มีแต่เปลือกที่สวยงามห่อหุ้มกายาไว้ แต่หากใจนั้นสุมทรวงด้วยไฟแค้นเหลือหลาย

“คุณเล็กคิดอะไรอยู่หรือขอรับ”

“อ๊ะ พี่ขุน” หญิงเล็กเช็ดน้ำตา เธอมองอัฐิในมือขุนอย่างชิงชัง “ข้าคิดถึงท่านพ่อกับคุณแม่ค่ะ” ขุนวางอัฐิของชายที่ตนรักลงพลางปลอบใจหญิงเล็ก เขาสาบานต่อหน้าชายทั้งสองคนว่านับจากนี้ต่อไป จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครอีก จะเป็นสามีที่ดีและพ่อที่ดีในภพภูมินี้ และจะสร้างแต่บุญกุศลเพื่อให้ทั้งสองคนไปสู่ภพภูมิที่ดี

“นี่เหรียญอะไรครับคุณเล็ก” ขุนหยิบเหรียญเก่าที่วางอยู่ข้างอัฐิของคุณหลวงขึ้นมา เหรียญนั้นเประเปื้อคราบเลือดแห้งกรัง สภาพเก่าเกินกว่าจะหาที่มาได้ มิมีผู้ใดสังเกตเลยว่าบนเรือนนี้มีสิ่งนี้อยู่ มีเพียงแต่เจ้าคุณคนเดียวเท่านั้นที่รักและหวงแหนมันมาก แต่เมื่อสิ้นท่านไปแล้ว เหรียญเก่าคร่ำครึก็มิได้อยู่ในสายตาของคนบนเรือนนี้อีกเลย

“เล็กไม่ทราบค่ะ ไม่รู้ว่ามันมาอยู่นี่ได้อย่างไร”

“ถ้าอย่างนั้น ทิ้งมันไปเถอะนะ” หญิงเล็กลั่นวาจาและพยักหน้าให้ขุนปาเหรียญนั้นลงแม่น้ำ โดยไม่รู้เลยว่าเหรียญนั้นส่องแสงแวววาวอยู่ภายใต้ผืนน้ำเชียวกราด มันลอยไปกับกระแสน้ำ ไหลเรื่อยมา เรื่อยมา จนเกยขึ้นฝั่งที่ เมืองปากน้ำโพธิ์...

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

“แล้วขุนกับคุณเล็กเป็นยังไงต่อล่ะครับ ท่านเจ้าคุณ”

“เรื่องราวหลังจากนั้นข้าไม่อาจล่วงรู้ได้ ดวงจิตข้าติดอยู่กับเหรียญนี้”

“แล้วที่ท่านเล่ามา เป็นเรื่องจริงหรือครับ ท่านให้อภัยทุกคนได้เหรอครับ”

“ทุกเรื่องล้วนเป็นจริง ข้าเองก็มิได้รู้ไปเสียหมด บางอย่างก็รู้ไปพร้อมๆเจ้านี่แหละ สองเอ๊ย”

“ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะครับ”

“ชาติกระโน้น ข้าก็เป็นปุถุชน มิใช่เทวดาล่วงรู้ฟ้าดิน ถ้าไม่จิตของเจ้า ข้าก็มิอาจรับรู้ได้หรอก”

“อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง...แล้วท่านเจ้าคุณจะไปเกิดใหม่เมื่อไหร่เหรอครับ”

“บ๊ะ เจ้านี่ พอรู้เรื่องราวก็ไล่ข้าไปเกิดใหม่เชียวรึ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ถ้าหมายถึง ท่านรู้เรื่องราวหมดแล้ว ท่านก็ควรจะหมดห่วงใช่ไหมครับ”

“ข้ารู้ว่าเจ้าหมายถึงกระไร เด็กน้อย อีกไม่นานดอก เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไป”

---------------------------------------------------------------------------------------------------------
   
ขุนเหม่อมองไปบนฟ้า วัยชราทำให้กำลังโรยรา สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง คุณเล็กสิ้นบุญไปก่อนหน้าด้วยการคลอดบุตร เขาจึงมิได้มีทายาทใด นอกจากลูกชายคนเดียวที่เกิดจากคุณใหญ่ ที่นับวันยิ่งหล่อเหลาเหมือนพ่อ ขุนมิได้เกี่ยวยุ่งในเรื่องชู้สาวกับผู้ใดอีก ได้แต่เลี้ยงดูบุตรชายให้เติบใหญ่อย่างสง่างาม จนออกเรือนและดูแลกิจการของเจ้าคุณพิชัยได้

   เขาไม่เคยฝันถึงท่านเจ้าคุณหรือคุณใหญ่อีกเลยจวบจนทุกวันนี้ วันที่แสงแดดจ้า แต่พละกำลังของเขาเหือดแห้งไปสิ้น ขุนสิ้นใจอย่างสงบเมื่พ.ศ.2061 ด้วยอายุขัย 70 ปี

จบ ภพนายทาส

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ภพเก่า คลี่คลาย ..

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน

ตอนใหม่มาแล้วจ้า...ขอเสียงคนอ่านหน่อยนาจา...
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:

///////////////////////////////////////////////////////////////



ภพ: สัญญา ตอน 10

   
   นาวาพาสองไปพักโรงแรมใกล้ๆกับโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมผู้เป็นแม่ เขาจ้างพยาบาลคอยดูแลให้ในช่วงกลางคืนและใช้เวลาส่วนใหญ่เทียวไปเทียวมาจัดการเรื่องงานศพ สองช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ แต่ก็เหมือนไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไรเพราะเขาไม่รู้จักถนนหนทางในเมืองหลวง ทำได้ดีที่สุดเพียงอยู่ข้างๆยามที่นายอำเภอมีท่าทางอ่อนล้า เขาได้แต่เกาะกุมมือใหญ่นั้นยามอยู่ลำพัง ถ่ายทอดความห่วงใยให้กับชายผู้มีนัยน์ตาเศร้าหมอง

 นายอำเภอไม่ยอมให้สองอยู่แต่ในโรงแรมด้วยกลัวว่าจะเบื่อ จึงกระเตงไปไหนมาไหนไม่ห่าง คุณหญิงรัมภาพรผู้เป็นมารดาของนายอำเภอเพิ่งฟื้น ท่าทีเศร้าศร้อยจากความสูญเสียมิได้ส่งผลให้ความสง่าลดน้อยลงแต่อย่างใด แววตาเชิดหยิ่งทรนงยังฉาบปิดใบหน้าที่หมองนั้นได้ สองเพิ่งได้เจอเธอตอนตื่นทั้งๆที่มาเยี่ยมที่โรงพยาบาลหลายครั้งแล้ว

“นี่รึ นายสอง คนใช้ที่บ้านพักเราน่ะ” คุณหญิงรัมภาพรทักด้วยน้ำเสียงดูแคลน สองตัวลีบเพราะไม่คิดว่าจะถูกทักทายด้วยวาจาแบบนี้ เธอคงสั่งการให้นายพิรุณคนสนิทติดตามข่าวคราวของบุตรชายคนโตมิได้ขาด แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอสืบสาวราวเรื่องได้มากน้อยเพียงไหน

“แม่...สองไม่ใช่คนใช้นะครับ เขาอยู่กับผมที่เชียงใหม่” นาวาพยายามอธิบาย แต่ด้วยข้อจำกัดหลายๆอย่าง เขาจึงไม่สามารถบอกความจริงทั้งหมด ถึงแม้เรื่องคาวโลกีย์ของเขาจะเป็นที่ระแคะระคายอยู่บ้าง แต่มันก็นานมาแล้วตั้งแต่สมัยเรียนที่ต่างประเทศ เมื่อกลับมาที่เมืองไทยเขาก็ไม่ได้แสดงอาการเกี้ยวพาราสีหรือเที่ยวเตร่ให้ทางบ้านต้องไม่สบายใจแต่อย่างใด สองเห็นใจนายอำเภอที่มีท่าทีอึดอัดอย่างเห็นได้ชัดจึงเลี่ยงการตอบโต้ใดๆเพื่อมิให้บรรยากาศตึงเครียดมากไปกว่านี้
“อยู่กะแก?” คุณหญิงเลิกคิ้วสูง “เค้าทำมาหากินอะไรล่ะ ชาวนาไม่ใช่เหรอ” สองพยักหน้าด้วยความเคยชิน “เป็นชาวนามาอยู่บ้านนายอำเภอ ก็เป็นคนใช้นั่นแหละ จะเป็นอะไรไปได้” ถึงแม้ร่างกายคุณหญิงจะเต็มไปด้วยผ้าพันแผล แต่ฝีปากยังเชือดเฉือนผิดแผกจากบุคลิกที่ดูมีสง่าราศีเสียสิ้นเชิง

“แม่...” นาวาอ่อนใจที่จะอธิบาย สองยืนนิ่งไม่ได้โต้ตอบอะไร เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาโดนใครต่อใครดูถูกเพราะความจนแบบนี้ การก้มหน้านิ่งถึงแม้จะเป็นการยอมรับชะตากรรมก็จริง แต่มันก็ยังทำให้ตัวเองไม่ต้องเอาตัวไปเสี่ยงกับการถูกเหน็บแนมเพิ่มเป็นอย่างดี พ่อของเขาเคยบอกไว้ว่า ถ้าเราทำตัวเป็นหิน ต่อให้มีอะไรมาตกกระทบ หินมันไม่แตกง่ายๆหรอก แต่สิ่งที่มากระแทกหินนั้นเอง จะแตกดับไปโดยที่เรายังคงแข็งแกร่ง

“ช่างเถอะ บอกนายพิรุณเตรียมรถ แม่พร้อมแล้ว” คุณหญิงลุกจากเตียงคนไข้ ชุดสีดำพร้อมสรรพสำหรับงานศพของลูกชายคนรอง เธอเซเล็กน้อยจากการลุกกระทันหัน สองเอื้อมมือเพื่อประคอง “ไม่ต้อง ชั้นดูแลตัวเองได้”

   คุณหญิงรัมภาพรบอกตัวเองว่าจะต้องเข้มแข็ง เธอมีลูกสามคน ลูกสาวคนเล็กแต่งงานออกเรือนไปแล้ว ลูกชายคนรองก็มาด่วนตายจาก ลูกชายคนโตก็ไปอยู่เสียไกล ถึงแม้จะเศร้าโศกปริ่มจะขาดใจปาดใด เธอจะไม่ยอมเสียน้ำตาเด็ดขาด แต่การสูญเสียครั้งนี้ มันก็มากเกินกว่าหญิงชราอย่างเธอจะทานทนได้ แต่สมควรแล้วหรือที่หญิงแก่ไม้ใกล้ฝั่งแบบเธอจะต้องมาพบเจออะไรแบบนี้ ต้องโทษฟ้าดินที่ลงโทษเธออย่างโหดร้าย ไม่มีแม่คนไหนหรอกที่ทำใจได้ถ้าลูกต้องมาตายก่อน เธอก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ไม่อยากจัดงานศพให้ลูกชายตัวเอง

“ตาใหญ่ กลับบ้านมาอยู่กับแม่นะลูกนะ” คุณหญิงจับแขนล่ำใหญ่ของลูกชาย น้ำเสียงอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้หญิงคนนี้กำลังเศร้าโศก สองมองภาพเบื้องหน้าด้วยความสะท้อนใจเหลือจะนับ
“แม่...” นาวาไม่รู้ว่าจะต้องตอบอย่างไร ถ้าหากกลับมาที่บ้าน แล้วสองล่ะ? แต่หากเขาไม่กลับมา คุณแม่ก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว น้องสาวของเขาก็อยู่บ้านสามี จะให้ไปมาหาสู่บ่อยๆก็เกรงใจทางโน้น แต่จะปล่อยให้คุณแม่อยู่ลำพัง เขาก็เหมือนคนใจดำเสียนัก

“ไว้ค่อยคุยกัน ไปเถอะ พิรุณพร้อมแล้ว” คุณหญิงรัมภาละจากแขนบุตรชายไปจับผู้ชายคนหนึ่งแทน สองเดาว่าน่าจะเป็นคนชื่อพิรุณ อายุประมาณ 40 ปีปลายๆ ตัวไม่ใหญ่มากแต่ดูมีอำนาจน่าเกรงขาม คุณหญิงปาดน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้าเงียบๆหลีกเลี่ยงการแสดงความอ่อนแอให้ลูกชายเห็น แต่สองเห็นแววตาที่ไม่เป็นมิตรของเธอแล้ว ยิ่งทำให้เขาอึดอัด

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

สองเตร็ดเตร่ที่หน้าศาลาตั้งบำเพ็ญกุศล เขาอ่านชื่อได้เป็น นเรนทร์ พิทักษ์นาวา อายุ 28 ปี รูปถ่ายที่วางไว้ช่างเหมือนนายอำเภอราวกับแกะ ยกเว้นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นและเยาว์วัยกว่า สองเสนอตัวช่วยเสิร์ฟอาหารกับแขก แต่ถูก “คุณใหญ่” ลูกชายคุณหญิงหน้าดุห้ามเสียงแข็ง อยู่ในศาลาเขาก็ไม่มีอะไรทำ เพราะไม่รู้จักกับใครในงานเลย นาวาก็วุ่นวายกับการรับแขกผู้ใหญ่ เขาเหมือนเห็นรัฐมนตรีหลายคนในงานนี้ด้วย ตัวจริงช่างแตกต่างจากในทีวีลิบลับ แถมยังมีผู้ชายใส่สูทสีดำเดินประกบตลอดเวลาน่าหวั่นเกรง สองยิ่งต้องทำตัวลีบ ไม่รู้จะทำอะไร

“อ้าว นายสอง มางานนี้ด้วยรึ” เสียงหนึ่งทักมาทางด้านหลัง เขาหันตัวไปตามเสียงนั้นแทบจะทันที

“สวัสดีครับพ่อเลี้ยง” สองยกมือไหว้ พ่อเลี้ยงสิงห์คำที่เดินมาหน้าศาลา “ผมตามนายอำเภอมาครับ” เขาตอบ

“อ่อ ดีแล้ว” พ่อเลี้ยงดูไม่แปลกใจที่เจอสองที่นี่ “ตอบแทนคนที่มีพระคุณชีวิตเราจะเจริญ” แม้สองจะไม่เข้าใจ ก็ต้องตอบรับแค่คำว่าครับออกไป

“พ่อเลี้ยงรู้จักคุณนเรนทร์ด้วยเหรอครับ”

“โอ้ย! รู้จักสิ ข้ามีอยู่มีกินได้ทุกวันนี้ก็เพราะครอบครัวนี้แหละ”

“พ่อเลี้ยงหมายความว่าอะไรครับ”

“อ้าว นายอำเภอไม่ได้บอกรึ เห็นนายอยู่บ้านเดียวกัน ข้าน่ะเคยทำงานให้เจ้าสัว พ่อของนายอำเภอมาก่อน แต่มันก็นานมาละ...แปลกนะ นายอำเภอไม่เล่าให้ฟังบ้างรึ” สองส่ายหน้า

“งั้นแสดงว่าก็ไม่รู้เรื่องที่ดินน่ะสิ” พ่อเลี้ยงพูดต่อ

“ที่ดินอะไรน่ะครับ” สองถามพาซื่อด้วยความอยากรู้

“ก็โฉนดที่ดินของนายไง คุณนาวาน่ะ มาขอที่ดินของนายจากฉัน เห็นว่าทำเลดี แต่ปีกลายนายยังทำนาเดิมอยู่แสดงว่านายอำเภอคงจะเอามาให้นายสินะ ไม่รู้ว่าถูกชะตาอะไร” พ่อเลี้ยงพูดและหัวเราะแบบคนพูดไม่คิด

“พ่อเลี้ยงบอกว่า นายอำเภอไปขอที่ดินของผมจากพ่อเลี้ยงเหรอครับ ไม่ใช่ไปซื้อมาเหรอครับ”

“โอ๊ย จะซื้อทำไมล่ะ ครอบครัวนี้มีบุญคุณกับข้าจะตายไป แค่ที่ดินไม่กี่ไร่ ข้าไม่คิดกะตังหรอก” สองกำมือกรอด นึกย้อนไปถึงสัญญาที่เขาลงชื่อไปในตอนนั้น ทำไมนายอำเภอจะต้องโกหกเขาด้วย

“ข้าขอตัวก่อนละ”

“ครับพ่อเลี้ยง” สองรู้สึกจุกที่ลำคอ ไม่อาจจะเปล่งเสียงอะไรออกมาได้

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน

 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

สองคืนก่อนหน้า...

   ร่างสูงใหญ่ชัดเจนขึ้นในความมืดจับจ้องไปที่เตียงคนไข้ หญิงชรานอนขดตัวดูเปราะบางน่าสงสาร ความสูญเสียครั้งนี้ใหญ่หลวงเสียนัก เหรียญกษาปณ์อันเก่าเปล่งประกายสีแดงฉานบนพื้นในห้องพักผู้ป่วย

“เล็ก” ร่างใหญ่ส่งเสียงเรียก “ตื่นเถอะลูก” หญิงชราค่อยๆลืมตาขึ้น มองร่างใหญ่ช้าๆก่อนจะยิ้มออกมาราวกับรู้จักกันมานานแสนนาน 

“ฟังพ่อนะ...”

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมเงียบจังเลย” นาวาจับมือคนนั่งข้างๆมาจับ แต่ถูกชักหนีแทบจะทันใด “ตื่นเต้นเหรอครับที่จะได้เข้าบ้านพี่เป็นครั้งแรก”  เงียบ ไม่มีการตอบรับใดๆจากคนที่ถูกถาม
“สอง เป็นอะไรไปครับ” นาวาเริ่มใจเสีย สองเมืองนิ่งเงียบมาตั้งแต่อยู่ในงานศพ ถามอะไรก็ไม่ตอบ นิ่งเงียบมาตลอดทาง คืนนี้นาวาย้ายข้าวของมาพักที่บ้านตามคำขอร้องของผู้เป็นมารดาแทน

“พี่มีอะไรจะบอกผมหรือเปล่าครับ อะไรก็ได้ที่พี่ยังไม่ได้บอกผม” สองถามเสียงเย็นเยียบ นาวาทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะตอบว่า ไม่มี
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ไม่เป็นอะไรเหมือนกันครับ ขับรถไปเถอะ” สองแสร้งปิดตา คำพูดของพ่อเลี้ยงสิงห์คำยังก้องในหัว นาวาจอดรถข้างทางที่มีแต่ความมืดและป่ารกชัฏ

“พี่รู้ว่าเรายังไม่นอนนะ เป็นอะไรหรือเปล่า บอกพี่มาเถอะ อย่าเงียบแบบนี้เลย” นาวาคาดคั้น สองถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี เรื่องราวมันตีกันพัลวันในหัวของเขา

“วันนี้ผมเจอพ่อเลี้ยงสิงห์คำ” นาวาขนลุกซู่ สิ่งที่เขากลัวมาตลอดมาถึงแล้วใช่ไหม วันที่สองรู้ความจริงคือวันนี้อย่างนั้นหรือ เขาขบคิดหาคำแก้ตัวตั้งแต่วันแรกที่ทำสัญญาบ้าๆนั่นจนกระทั่งวันนี้ ยังไม่มีคำพูดไหนฟังขึ้นสักประโยค

“ก่อนที่สองจะพูดหรือจะว่าอะไร สองฟังพี่ก่อนนะครับ” นาวาจับมือของอีกคนหนึ่งไว้ พยายามยืดยุดกันอยู่นานจนสองยอมแพ้ แสงจันทร์ภายนอกสุกประกายเปล่งปลั่ง “สัญญาที่เราทำกันนั้น ในทางกฎหมายมันใช้ไม่ได้..” นาวาสารภาพ เขากลัวเหลือเกินว่าการเก็บงำเรื่องนี้ต่อไป มันจะยิ่งบานปลาย

สองอ้าปากจะพูด แต่ถูกนายอำเภอห้ามเสียก่อน “ฟังพี่ให้จบนะครับ...”

สองนิ่งและสูดลมหายใจช้าๆเพื่อให้ตัวเองอารมณ์เย็นลง “มันอาจจะฟังดูไม่เข้าท่า แต่พี่รักสองตั้งแต่วันแรกที่พบกัน รู้สึกผูกพันอย่างน่าประหลาด อยากได้สองมาครอบครองเสียเดี๋ยวนั้น”

“แต่มันยากเหลือเกิน เพราะเราทั้งคู่ต่างก็เป็นผู้ชาย” สองบีบมือนาวาแน่น เข้าใจประโยคนี้อย่างล้นเหลือ การมีคนรักเพศเดียวกันเป็นเรื่องน่าอาย ให้ผู้ใดรู้ไม่ได้ ญาติโกโหติกาของเขาก็ไม่มีใครรับรู้ ทุกคนเข้าใจแค่ว่านายอำเภอจ้างเขาไปช่วยดูแลบ้านในฐานะ “คนใช้” แบบที่คุณหญิงรัมภาพรปรามาสไว้ แต่ความเป็นจริงแล้ว ระหว่างที่นายอำเภอไปธุระข้างนอกวันหนึ่ง คุณหญิงรัมภาพรได้ตื่นมาเจอกับเขาด้วยสีหน้าไม่ประหลาดใจสักเท่าใดนัก

“นายสองใช่ไหม” น้ำเสียงเย็นชานั้นแสดงอำนาจเพื่อควบคุมบทสนทนา

“ใช่ครับ”

“ชั้นรู้นะ ว่านายกับตาใหญ่เป็นอะไรกัน ชั้นไม่ได้โง่นะ อยู่ไกลแค่ไหนชั้นก็รู้เรื่องราวของลูกชายชั้นได้” สองหน้าซีด เขารับรู้ถึงความไม่เป็นมิตรของสตรีเบื้องหน้าได้เป็นอย่างดี

“เรา...เอ่อ..”

“ที่ชั้นไม่ทำอะไรเป็นปีๆไม่ใช่เพราะชั้นยอมรับนายหรอกนะ ชั้นรู้นิสัยลูกชายชั้นดี” คุณหญิงขยับตัวจะลุก สองเข้าไปประครอง “ไม่ต้อง” น้ำเสียงปฏิเสธเด็ดขาด สองจึงนั่งที่เดิม

“แต่นายคิดเหรอ ว่าเป็นแบบนี้มันจะจีรังยั่งยืน คิดเหรอว่าลูกของนายเขาจะภูมิใจที่มีพ่อเป็นพวกลักเพศ” สองหน้าชา วาจาเชือดเฉือนนั้นไม่ต้องแปลความใดๆ คุณหญิงพูดตรงประเด็นเพราะเธอรู้ว่าสองคงไม่เข้าใจศัพท์แสงแบบผู้รากมากดี

“ออกไปจากชีวิตลูกชายชั้นเถอะนายสอง ชั้นสัญญาว่านายอยากได้อะไร ชั้นจะยอมนายทุกอย่าง...ถือว่าทำเพื่อนาวานะ” คุณหญิงน้ำเสียงอ่อนลงในช่วงท้าย สองกำมือแน่น ความเครียดแตะตึงไปทั่วร่าง

“พี่ไม่ขอให้สองเชื่อ...แต่ตอนเห็นเราครั้งแรก พี่รู้สึกถูกชะตา ผูกพันอย่างบอกไม่ถูก เสียงในหัวพี่บอกว่าอย่าปล่อยสองไปเด็ดขาด” นาวาจ้องตาสอง มันแวววับฉายประกายความจริงใจแม้อยู่ในความมืดมิด สองดึงสติของตัวเองกลับมา ทั้งคำพูดของคุณหญิง ทั้งคำพูดของพ่อเลี้ยง และคำพรั่งพรูจากปากของคนข้างหน้าทำให้เขาสับสน

“จนพี่รู้เรื่องที่ดิน..พี่รู้ว่าพี่คิดบ้าๆ...พี่รู้ว่าพี่หลอกเรา แต่พี่ทำไปเพราะพี่ไม่อยากปล่อยให้เราไป” นาวาเน้นคำพูดสุดท้าย

“สองอาจจะคิดว่ามันบ้า แต่สองก็น่าจะรู้ว่าพี่เข้าไปจีบเราอย่างคู่ชายหญิงไม่ได้ สองเป็นผู้ชาย พี่ก็ผู้ชาย คงไม่มีใครบ้ารับรักพี่หรอก แม้แต่สองเองก็ตาม”

“พี่เลยสร้างสัญญานี้ขึ้นมา” สองพูดในที่สุด

“ใช่ครับ” นาวารับคำแทบจะทันที “พี่ขอโทษที่ทำแบบนี้” นาวานั่งนิ่ง ประเมินคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ความมืดมิดและความเงียบของสอง ทำให้เขาไหวหวั่น

“ผม...” สองไม่รู้ว่าจะต้องตอบแบบไหน เขารู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ที่ถูกหลอก แต่กลับรู้สึกดีที่นายอำเภอหนุ่มทำแบบนี้

“สำหรับพี่ ถึงแม้จะมีสัญญานั้นหรือไม่ก็ตาม พี่ก็รักเรานะครับ พี่อาจจะบ้าเองที่ทำแบบนั้น แต่...”

“พอเถอะครับ” สองห้ามนายอำเภอ ทุกอย่างมันเยอะจนเขาคิดตามไม่ทัน “พี่รักผมจริงหรือเปล่า?”
นาวามองหน้าสอง เขารู้สึกตกใจที่อยู่ๆผู้ชายแบบสองถามคำถามนี้ ใบหน้าของสองดูนิ่งเฉย แต่แววตากลับฉายแววของความสับสนราวกับมีเรื่องมากมายในหัว สองมือนั้นกุมแน่นราวกับมีเรื่องกังวลมหาศาล เขาแกะมือนั้นออกและจับมันไว้ ก่อนจะโน้มตัวอีกฝ่ายเข้ามากอด “รักสิ พี่รักเรามากนะครับ”

“ถ้างั้น พี่ไม่ต้องอธิบายหรอกครับ ผมเข้าใจแล้ว” สองหลับตา กลิ่นกายอุ่นอวลของนาวาปะทะจมูก เขารู้สึกปลอดภัยและมั่นคงในอ้อมกอดนี้ ถึงแม้คำพูดของคนอื่นจะถาโถมจนเขาแทบจะทรุดไปกองที่พื้น แต่เมื่อเลือกที่จะเป็นหิน ถึงแม้มันจะไร้ค่า แต่เขาจะต้องแข็งแกร่ง

“หือ! เข้าใจแล้ว หมายความว่าไง สองไม่โกรธใช่มั้ย ไม่เกลียดพี่ใช่มั้ย” นาวาดีใจเสียงเต้น ก่อนพรมจูบหอมจนสองหลบไม่พ้น

“พี่ พอแล้ว ผมช้ำหมดแล้วเนี่ย”

นายอำเภอหนุ่มไม่หยุด พรมจูบทั่วใบหน้า สูดกลิ่นผู้ชายเบื้องหน้าที่ซอกคออย่างหื่นกระหาย “ช้ำๆสิดี จะได้หวาน”

“ผมไม่ใช่กระท้อนนะพี่ จะได้ตีก่อนแล้วค่อยกิน”

“พี่รู้ แต่พี่ทนไม่ไหวแล้ว...” สองทำหน้าเหวอ เขารู้ตัวว่าพลาดไปเสียแล้ว เพราะเบาะนั่งถูกเอนไปข้างหลังจนสุด นายอำเภอร่างยักษ์คร่อมเขาไว้เสียแทบมิด

“พี่ นี่มันในรถนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก พี่สามารถ” สองไม่อาจตอบโต้อะไรได้อีก ด้วยถูกนาวาจู่โจมปิดปาดบดเบียดควานควักหาความหวาน ในยามดึกดื่นยามนี้ หากมีใครผ่านมาพบ จะเห็นว่ามีรถยนต์คันหนึ่งจอดข้างสุมทุมพุ่มไม้ใต้แสงจันทร์อร่าม และรถคันนั้นเคลื่อนไหวได้ ราวกับมีคนกำลังเขย่ามันด้วยแรงที่หนักหน่วง...

---------------------------------------------------------------------------------------------------------


นาวาคือนาวา โคตรจะหื่น  :hao7: :hao7: :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด