คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คู่กัดฉบับรักเกินร้อย ตอนที่ 58 - END (19/10/2559)  (อ่าน 114943 ครั้ง)

ออฟไลน์ greensnake

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +920/-14
นับวันพีทเราจะอารมณ์สาวน้อยขึ้นทุกวัน
ยุขึ้นง่ายซะด้วยสิ อย่าได้มีอะไรมาสะกิดเชียว
นี่พี่อาร์ตยังไม่รู้เรื่องรู้ราวสินะ สงสัยเดือนเดียวไม่พอ
เพิ่งจะรับปากน้องไปหยกๆ มาหยอกเขาอีกละ
คงเป็นโอกาสทองของคนที่คิดจะเข้ามาสร้างความร้าวฉาน
เห็นอย่างนี้ไม่รู้ว่าจะหนักแน่นได้นานแค่ไหนน่ะสิ :เฮ้อ:
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ :L2:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 32 -

Part ต้น



เกิดความเงียบขึ้นปกคลุมในทันที พีทยังคงยืนนิ่งมองภาพคนทั้งคู่อยู่ตรงนั้น โดยที่ไม่ได้คิดจะขยับหรือเดินไปหา คลายมือที่เริ่มกำแน่นของตัวเองออกอีกครั้ง สะบัดหัวไปมาแรง ๆ เพื่อไล่ความฟุ้งซ่านในใจ ก่อนจะหันหลังกลับไปหาชาติ แล้วสบสายตายียวนกลับตรง ๆ



“หึ” ชาติหัวเราะในคอ เห็นแววตาถือดีที่พีทมองมา ก็อดชอบใจอยู่ลึก ๆ ไม่ได้



“หัวเราะอะไร” พีทถามเสียงแข็ง ชักสีหน้าใส่อย่างไม่พอใจ เขาไม่ชอบเลยจริง ๆ เวลาที่เห็นใครทำเหมือนเขาเป็นตัวตลก



“เปล่า...แค่สนใจ” ชาติกระตุกยิ้มแล้วยื่นมือมาตรงหน้าพีท ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยลงไปที่แก้มเนียนเบา ๆ



เพี๊ยะ!!



พีทปัดมือชาติออกทันควัน และขยับตัวถอยห่างออกไปเล็กน้อย สายตามองไปที่ชาติด้วยความระแวง อะไรบางอย่างมันคอยเตือนว่สภายใต้รอยยิ้มของชาติ อีกฝ่ายมีอะไรแอบแฝง



หมับ!!!



“จะทำอะไร” อาร์ตถามเสียงแข็ง และคว้ามือที่ยื่นมาที่หน้าพีทเอาไว้แน่น พร้อมกับออกแรงบีบลงไป ก่อนจะเคลื่อนตัวมาบังพีทเอาไว้ ตาก็จ้องไปที่ใบหน้าของชาติเขม็ง



ระหว่างที่อาร์ตนั่งคุยเล่นกับเพื่อนรอพีทอยู่นั้น ด้วยความที่รู้สึกว่านานผิดปกติตั้งใจจะโทรตาม จังหวะนั้นเองอ้นที่นั่งอยู่อีกฝั่งก็หันไปเห็นพีทพอดี เลยสะกิดเรียกอาร์ตให้หันกลับไปดู



วินาทีนั้นหัวใจอาร์ตแทบหล่นลงไปที่ตาตุ่ม เมื่อเห็นชาติยืนอยู่กับพีท ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือใบหน้าด้านข้างของพีท ที่แสดงออกให้เห็นถึงความหวั่นวิตก



อาร์ตลุกขึ้นยืนทันทีเหมือนตัวติดสปริง ก่อนจะรีบสาวเท้าด้วยความไวที่สุดเข้าไปหา รู้สึกร้อนใจไปหมดเพราะไม่รู้ว่าชาติคุยอะไรกับพีท เจ้าตัวถึงได้แสดงอาการและท่าทางแบบนั้นออกมา



“อ้าวเฮียอาร์ต…มีอะไรกับผมไม่ทราบ” ชาติยกยิ้มและทักทายอาร์ตกลับอย่างยียวน สบตาอาร์ตเล็กน้อยก่อนจะมองผ่านไปสบตาพีททางด้านหลังแทน



“พี่ต่างหากมีธุระอะไร” อาร์ตถามกลับอย่างใจเย็น เหมือนที่เคยทำมาตลอดในทุก ๆ ครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากัน



“ทำไมผมต้องบอกเฮียละครับ ผมไม่ได้มีธุระกับเฮียสักหน่อย เฮียจะอยากรู้ไปทำไม” ชาติตอบกลับด้วยถ้อยคำสุภาพเกินจริง และพูดแดกดันอาร์ตด้วยสรรพนามที่รุ่นน้องในคณะใช้เรียก



“ผมจะไม่ยุ่ง ถ้าไม่ใช้ว่าคนที่พี่มีธุระด้วยเป็นแฟนผม” อาร์ตว่าเสียงเรียบและปล่อยมือที่จับชาติไว้ให้เป็นอิสระ



“อ้าว...แฟนเหรอ เพิ่งรู้” ชาติแสร้งทำตาโตตกใจเกินจริง ก่อนจะหัวเราะเยาะออกมาเบา ๆ



“งั้นพี่ไปแล้วนะครับน้อง ไว้อยากรู้อะไรดี ๆ มาหาพี่แล้วกัน” ชาติพูดทิ้งท้ายและมองอาร์ตด้วยสายตาชิงชัง ก่อนจะเดินผ่านทั้งคู่ไป



“เดี๋ยวพี่!!” อาร์ตส่งเสียงเรียกเอาไว้ก่อนที่ชาติจะเดินไปไกล ซึ่งชาติเองก็หยุดยืนรอฟังแต่ไม่ได้หันกลับมา



“อย่ายุ่งกับน้อง ผมขอได้ไหม” อาร์ตบอกด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน และมันทำให้ชาติหันกลับมาหา ก่อนที่อีกฝ่ายจะสบตากลับอาร์ตนิ่ง



           “มึงไม่ต้องห่วง กูไม่ทำอะไรคนนอกอยู่แล้ว เพราะกูไม่เหี้ยเหมือนมึง” ชาติพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน ก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว




อาร์ตได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย แต่อย่างน้อยคำตอบของชาติก็ทำให้เขาเบาใจ ชาติเป็นคนที่พูดคำไหนคือคำนั้นเขารู้ดี ถ้าไม่เกิดเรื่องของพิม ตอนนี้เขากับชาติก็คงจะยังเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ดีต่อกัน



“พี่ชาติเขาทำอะไรรึเปล่า” อาร์ตหันกลับมาถามพีทด้วยเสียงอ่อนโยน ก่อนจะใช้ฝ่ามือลูบที่แก้มนิ่มเบา ๆ



“เปล่า...แล้วใครใช้ให้จับ อยากโดนขยายเวลาเหรอ” พีทว่าเสียงเสียงแข็ง แล้วปลายตามองหน้ากับมือของอาร์ตสลับไปมา



“นี่ยังไม่ลืมอีกเหรอเนี่ย” อาร์ตหยุดมือตัวเองแทบไม่ทัน แล้วรีบชักมือกลับด้วยความรวดเร็ว



“เออ!! เดี๊ยะ ๆ” พีทถลึงตาใส่อาร์ตอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะเดินนำหน้าไปที่โต๊ะ ซึ่งมีกลุ่มเพื่อนของอาร์ตนั่งรออยู่



“ทำไมมันหูลู่หางตกกลับมาแบบนั้น” อ้นถามพีทแล้วมองอาร์ตที่เดินตามหลังมา ในสภาพเหมือนวิญญาณหลุดจากร่างด้วยความแปลกใจ



“สำออย” พีทว่ากัดด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งลงข้าง ๆ กับอ้น แทนการนั่งลงข้าง ๆ ปิงที่อยู่ใกล้กว่า เพราะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจในความรู้สึกอยู่ตอนนี้ และก็เหมือนฟ้าจงใจแกล้ง เพราะทั้งที่ตั้งใจจะหลบแต่ดันสบตาเข้าให้พอดี



ปิงเงยหน้าจากจอโทรศัพท์ขึ้นมาเจอพีทที่มองตัวเองอยู่ เป็นเพราะไม่เคยคุยอะไรกันมาก่อน ปิงเลยส่งยิ้มให้เพื่อทำความรู้จัก ก่อนจะต้องทำหน้างงเมื่อพีทหันหน้าหนีไปอีกทาง ทำให้ปิงต้องยกมือเกาทายทอยตัวเองแก้เก้อ



พีทยกมือขึ้นมาลูกอกตัวเองไปมา พยายามสูดหายใจเข้าปอดลึก ๆ ไอ้ความตะขิดตะขวงใจกับอีกฝ่ายมันยังคงมีอยู่ แต่พอได้จ้องกันชัด ๆ ยอมรับเลยว่าพี่ปิงโคตรหล่อ กำลังพิจารณาใบหน้าสมบูรณ์แบบนั่นด้วยความอิจฉา อยู่ดี ๆ เจ้าตัวก็หันมาหาและยิ้มให้ เล่นเอาหัวใจเกือบวาย ตกใจจนเผลอหลบหันหน้าหนี



แต่ไม่แปลกใจเลยสักนิด ที่อีกฝ่ายได้เป็นเดือนมหา’ลัย แทนที่จะเป็นไอ้พี่อาร์ตของเขา ความหล่อของพี่ปิงนี่ระดับทำลายล้าง หล่อกว่าไอ้พี่อาร์ตอีก พาลให้นึกถึงหน้ายักษ์อำมหิตของพี่ปอ นั่นก็หล่อแถมหล่อกว่าด้วยซ้ำ ถ้ายิ้มได้แบบคนพี่บ้าง ทั้งสาวทั้งหนุ่มคงตายเกลื่อนมหา’ลัย



ว่าแต่เขาเป็นบ้าอะไรมานั่งชื่นชมความหล่อของผู้ชายด้วยกัน แถมยังมานั่งเขินใจเต้นเข้าไปอีก ความเป็นสาวน้อยที่เกิดขึ้นนี่คืออะไรกัน อย่าบอกนะว่าเขาก้าวขาสู่การเป็นรับอย่างเต็มตัว



“เป็นอะไร ปวดท้องเหรอ” อ้นยื่นหน้าเข้าไปมองพีทใกล้ ๆ ด้วยความสงสัย เพราะเห็นอีกฝ่ายนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดไปหมด



“ไม่จริงอ่ะ” พีทพึมพำกับตัวเองไปมา พยายามไม่รับความจริง เพราะรู้สึกรับตัวเองไม่ได้



“อาร์ต...กูว่าพาเมียมึงไปหาหมอเหอะ” อ้นหันไปบอกอาร์ตอย่างจริงจัง



“กวนตีนละไอ้พี่อ้น” พีทแยกเขี้ยวใส่อ้นพร้อมทั้งตวัดสายตาไม่พอใจใส่ ก่อนจะหันกลับมาหาอาร์ตที่นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ฝั่งตรงข้าม



“ว่าแต่มึงเหอะจะพาไปไหน” พีทถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะโดนอาร์ตรบเร้าจะพาไหนไม่รู้ตั้งแต่เมื่อวาน แต่ไม่ว่าจะถามยังไงอีกฝ่ายก็ไม่ตอบ



“งั้นก็ไปได้แล้วเดี๋ยวค่ำ” แต่เป็นปิงที่พูดแทรกขึ้นมา ก่อนจะเดินนำหน้าออกไป



“พี่ปิงไปด้วยเหรอ” พีทมองตามหลังปิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาสบตากับอาร์ตเพื่อขอคำตอบ



“อือ” อาร์ตยิ้มบาง ๆ แล้วพยักหน้าส่งให้ก่อนจะลุกขึ้นยืน ทำให้พีทต้องยืนตามและเดินอ้อมโต๊ะไปหา



“กูไปก่อนนะอ้น” อาร์ตบอกเพื่อนก่อนจะยื่นมือไปกุมมือพีทไว้



“บอกว่าห้ามจับไง” พีทยู่หน้าใส่อาร์ตและพยายามชักมือกลับ



“เอาน่า…ขอจับหน่อยเหอะ พี่กำลังอ่อนแอนะ” อาร์ตยิ้มทะเล้นแล้วกระชับฝ่ามือแน่นกว่าเก่า



พีทที่กำลังจะอ้าปากต่อว่า เลือกที่จะเงียบและยอมให้อาร์ตกุมมือแต่โดยดี เพราะวินาทีที่สบตากันเมื่อครู่ อะไรบางอย่างบอกให้เขารู้ ว่าภายใต้รอยยิ้มทะเล้นของอีกฝ่าย มันกำลังมีความทุกข์หลบซ่อนอยู่ในนั้น



“อนุโลมแค่แป๊บเดียวนะ” พีทพึมพำบอกแล้วบีบมืออีกฝ่ายเบา ๆ ซึ่งเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากอาร์ตได้ไม่ยาก ก่อนที่ทั้งคู่จะจูงมือกันเดินไปสมทบกับปิง ที่เดินนำออกไปก่อนหน้า



>>> 50% <<<




ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
อีพี่อาร์ตมีเรื่องไรกะอีพี่ชาติหว่าาาาาา

ออฟไลน์ Baitaew

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 361
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
เป็นอีกเรื่องที่สนุก รอติดตามต่อนะคะ

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กัดครั้งที่
- 32 -


Part จบ


พีทมองสถานที่ตรงหน้าตัวเองที่เคยมีโอกาสได้มาเมื่อไม่นานมานี้ด้วยความแปลกใจ คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปมองอาร์ต ที่ยืนอยู่ทางด้านหลังเพื่อขอคำตอบ ซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้คลายความสงสัยอะไรให้นอกจากส่งยิ้ม และถือช่อดอกไม้ที่แวะซื้อระหว่างทางมาที่นี่เดินนำเข้าไปด้านในพร้อมกับปิง



พีทได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างของทั้งสองคนด้วยความสงสัยที่มากขึ้น และไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมอาร์ตถึงได้พาเขากลับมาที่นี่อีกครั้ง กลับมายังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างวัดแห่งนี้เพื่อจุดประสงค์อะไร แล้วทำไมถึงต้องมีปิงร่วมเดินทางมาด้วย



คำถามมากมากำลังวนเวียนไปมาอยู่ในหัวพีทไม่หยุด หลายครั้งในระหว่างที่เดินตามหลังของทั้งคู่เขาอยากจะเอ่ยปากถาม แต่บรรยากาศที่ทั้งสองแผ่ออกมาให้สัมผัสได้นั้น มันทำให้ตัวเขาไม่กล้าจะเอ่ยถามอะไรออกไป และเลือกที่จะเดินตามและลอบมองทั้งคู่อย่างเงียบๆ ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเหมือนกัน รู้แค่ว่ามันมีความอึดอัดเกิดขึ้นระหว่างเราสามคน




ความคุ้นเคยต่อสถานที่นี่ระหว่างปิงกับอาร์ต ความผูกพันธ์บางอย่างที่ทั้งคู่มีต่อกัน ยิ่งเขาได้สังเกตใกล้ๆ ยิ่งมองเห็นมันได้ชัดเจน มันมีเยื่อใยอะไรบางอย่างระหว่างคนทั้งคู่ เพียงแต่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร และเขาไม่อยากคาดเดาอะไรทั้งนั้น แต่ความรู้สึกมันฟ้องให้รับรู้ ว่าปิงสำคัญกับคนรักของเขา



พีทหยุดชะงักการก้าวเดินเล็กน้อยเมื่อเริ่มสังเกตเห็นว่าตัวเองถูกพามาตรงจุดไหน ตาเรียวเหลือบมองไปทั่วบริเวณอย่างเลิ่กลั่ก ก่อนจะรีบสาวเท้าด้วยความเร็วเพื่อเดินให้ทันคนด้านหน้า ที่เริ่มจะเดินทิ้งห่างออกไปทุกที



ปึ่ก!!!



“โอ๊ะ...แฮ่ๆ ขอโทษครับ” พีทส่งยิ้มแหยๆให้ปิงก่อนจะเขยิบถอยห่างออกมาเล็กน้อย เมื่อเพิ่งจะรู้ตัวว่าเดินชนคนข้างหน้าเพราะเอาแต่มองทางเดินด้านหลัง ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากส่งยิ้มจางๆมาให้และเดินต่อไปเงียบๆ



พีทเองก็ไม่รอช้าเมื่อเห็นอีกฝ่ายออกเดินก็รีบสาวเท้าตามแบบกระชั้นชิด ก่อนที่คนเดินนำหน้าสุดอย่างอาร์ตจะหยุดลงตรงหน้าโกฐอันหนึ่ง โกฐเดียวกันกับที่เขาเคยได้เห็นมาแล้วเมื่อก่อนหน้านี้ รูปผู้หญิงเจ้าของโกฐยังคงส่งยิ้มสวยงามเหมือนเดิม ถ้าจะมีอะไรที่แตกต่างไปกว่าเดิม คงจะเป็นที่รอบๆ บริเวณมีดอกไม้วางไว้ค่อนข้างมาก




ปิงแทรกตัวเข้าไปยืนทางด้านหน้าแทนอาร์ต ก่อนจะวางดอกไม้ในมือลงตรงที่ว่างหน้าโกศ และพนมมือขึ้นไหว้ก่อนจะพูดอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ขยับถอยห่างออกมาเพื่อหลีกทางให้อาร์ตเข้าไปแทนที่




อาร์ตยืนมองโกศตรงหน้าและสบตากับคนในรูปเนิ่นนาน ก่อนจะค่อยๆย่อตัวลงแล้ววางช่อดอกไม้ในมือ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและสบตากับคนในรูปอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ พร้อมกับภาพในอดีตที่ไหลย้อนกลับเข้ามา ภาพเหล่านั้นที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่เคยจางหายจากความทรงจำ เสียงหวานใสที่เคยพูดคุยเคียงข้างในวันวานยังคงดังก้องในหู  รวมทั้งความเจ็บปวดทั้งหมดที่ย้อนกลับมาทำร้ายซ้ำๆ



‘แล้วพี่จะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้กับพิม’




เสียงเกรี้ยวกราดตัดพ้อด้วยความเจ็บปวดในวันนั้น ดวงตาสวยที่มองกลับมาด้วยความเจ็บแค้น และการกระทำของตัวเองที่ทำลงไปในตอนนั้น นำพามาซึ่งความสูญเสียและเจ็บปวดของใครต่อหลายคน



‘ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ชอบขนาดนั้นเลย’



‘ก็มันชอบนี่ค่ะ...ว่าแต่พี่อาร์ตเถอะ ทำไมถึงรู้ว่าพิมชอบดอกคาเนชั่น’



‘พี่รู้แล้วกันน่า’



‘แต่ก็ขอบคุณนะคะ...แฟนใครก็ไม่รู้น่ารักที่สุดเลย’



‘แล้วรักหรือเปล่าล่ะ’



‘…..พิม.....’



สัมผัสแผ่วเบาที่แตะลงมาบนไหล่ทำให้อาร์ตลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะหันกลับไปมองทางด้านหลัง ก็เห็นว่าเป็นปิงที่มองมาด้วยส่ายตาแสดงความเป็นห่วง อาร์ตเลยส่งยิ้มไปให้พร้อมกับพยักหน้าเพื่อบอกให้รู้ว่าตัวเองไม่เป็นอะไร



“พิม...4 ปีแล้วนะ พี่ไม่รู้ว่าพิมยังโกรธพี่อยู่หรือเปล่า แต่ถ้าพิมยังอยู่ตรงนี้ พี่อยากให้พิมรู้ว่าพี่ขอโทษ ขอโทษกับทุกๆ อย่างที่พี่เคยทำ” อาร์ตเอื้อมมือไปแตะที่รูปถ่ายตรงหน้า ก่อนจะพูดกับอีกฝ่ายที่ล่วงลับไปแล้วแผ่วเบา เขาไม่รู้ว่าพิมจะได้ยินในสิ่งที่เฝ้าพร่ำบอกมาตลอดหลายปีนี้หรือเปล่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำแบบนี้แล้วมันดีขึ้นยังไง แต่เขาอยากบอกไม่ได้หวังการให้อภัย แต่แค่อยากให้รู้ว่าเขาเสียใจที่ทำทุกอย่างลงไป หากย้อนเวลาได้เขาจะไม่ทำมันเลยจริงๆ




พีทยืนมองแผ่นหลังกว้างและใบหน้าด้านข้างที่เศร้าสร้อยของอาร์ตอย่างอึดอัด เขารู้สึกจุกในอกแต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่ายืนมองเงียบๆ อยู่ตรงนี้ เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรหรือมีปัญหาอะไรกับผู้หญิงในรูป อยากเขาไปกอดปลอดเหมือนที่อีกฝ่ายทำเวลาที่เขาเสียใจ แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้ามันทำให้เขาไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้ ไม่กล้าเข้าไปแทรกกลางระหว่างคนอีกสองคนตรงหน้า



เขาได้แต่ยืนมองดูภาพความสนิทสนมของปิงกับอาร์ตด้วยหัวใจที่เจ็บแปลบขึ้นมา ภาพความเป็นห่วงเป็นใยที่ทั้งคู่แสดงออกมันทำให้อึดอัดทรมาน ทำได้แค่ยืนมองแต่เข้าไปแทรกอะไรไม่ได้ ความรู้สึกอิจฉาแล่นขึ้นมาจนจุกอก ทั้งๆ ที่คนที่ควรยืนข้างๆ และปลอบโยนในเวลาแบบนี้ มันควรจะเป็นเขาไม่ใช่เหรอ



“น้องพีท” เสียงเรียกจากอาร์ตที่ดังขึ้น ทำให้พีทที่กำลังโดนความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองเข้าโจมตี เงยหน้าไปมองด้วยความสงสัย



“มานี่เร็ว” อาร์ตส่งยิ้มอ่อนโยนให้พีท ก่อนจะกวักมือเรียกพีทให้เดินเข้าไปหา ซึ่งพีทเองก็เดินไปตามที่อีกฝ่ายเรียกอย่างว่าง่าย



“ไรอ่ะ” พีทเอ่ยถามและมองหน้าอาร์ตด้วยความงุนงง



“จำที่นี่ได้ใช่ไหม” อาร์ตเอื้อมมือมาคว้ามือของพีทไปกุมเอาไว้ แล้วออกแรงกระตุกเล็กน้อยให้ขยับเข้ามาใกล้มากกว่าเก่า



“อือ” พีทพยักหน้าส่งให้ ทำไมเขาจะจำไม่ได้ล่ะ ในเมื่อที่นี่เป็นสถานที่เดทแรกหลังจากที่ตกลงเป็นแฟนกับอีกฝ่าย แต่ถึงจะจำได้เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมต้องพาเขามาที่นี่อีก



“แล้วพามาทำไมอ่ะ” พีทถามออกไปพร้อมกับสายตาที่เหลือบไปมองผู้หญิงในรูป ไม่ได้อยากจะมองเลยสักนิดแต่ไม่รู้ทำไม เหมือนมันมีอะไรบางอย่างบอกให้เขามอง และพยายามบอกให้เขารู้ว่าสาเหตุที่เขามาอยู่ที่นี่ตอนนี้ มันต้องเกี่ยวข้องอะไรสักอย่างกับคนในรูปแน่ๆ



“พามาชวนคุย” อาร์ตว่าพร้อมอมยิ้มเล็กที่มุมปาก ซึ่งเรียกสายตาที่ตวัดมามองค้อนด้วยความขุ่นเคืองจากพีทได้ทันที



“ไม่กวนสักวันจะตายไหม” พีทว่าด้วยใบหน้าบึ้งตึง กำลังซีเรียสกันอยู่แท้ๆ ยังจะมีอารมณ์มากวนประสาทเขาอีก แล้วจะเล่นตรงไหนไม่เล่น มาเล่นในวัดท่ามกลางโกฐนับสิบ แถมเวลาพระอาทิตย์ใกล้ตกดินแบบนี้ มันใช่เรื่องไหมล่ะ




“ฮะๆ ก็เห็นทำหน้าเครียด” อาร์ตว่าพร้อมกับเอานิ้วโป้งมาคลึงตรงหว่างคิ้วของพีท



“ใครกันแน่ที่เครียด” พีทว่าพร้อมกับยื่นมือไปจับที่แก้มของอีกฝ่าย พร้อมทั้งส่งสายตาแสดงความห่วงใยไปให้



“คงจะพี่มั้ง” อาร์ตตอบเสียงเบา พร้อมกับยกมือขึ้นไปทาบลงบนหลังมือของพีทที่วางอยู่บนแก้มของตัวเอง ก่อนจะดึงลงมาและสอดนิ้วมือเข้าไปกุมประสานไว้กับอีกฝ่าย แล้วส่งแรงบีบลงไปที่มือเล็กเบาๆ และสบตากับพีทเล็กน้อย



“ผู้หญิงในรูป...คนในโกฐ” อาร์ตเอ่ยขึ้นมาแผ่วเบาพร้อมกับหันไปมองที่รูปเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาสบตากับพีทอีกครั้ง



“เขาชื่อพิม...เป็นน้องสาวพี่ชาติ” คำพูดต่อมาของอาร์ตทำเอาพีทเบิกตากว้าง แล้วมองที่รูปสลับกับหน้าของอาร์ตไปมา



“ห๊า!!!!” พีทส่งเสียงตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เรียกว่าช็อคไปไม่น้อยกับสิ่งที่ได้รับรู้ ในสมองเกิดคำถามมากมายเต็มไปหมด



“อือ” อาร์ตพยักหน้าและส่งยิ้มให้น้อยๆ



“เขาตายเพราะพี่” อาร์ตเอ่ยคำพูดต่อมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามเค้นออกมาจากลำคอ ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ พร้อมออกแรงบีบลงไปที่มือเล็กมากกว่าเดิม



สายลมยามเย็นที่พัดผ่านผิวกาย และเสียงเสียดสีของต้นไม้ เป็นแค่สองสิ่งที่ทำให้รอบข้างไม่เงียบสงบ ท่ามกลางคนสามคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น และไร้ซึ่งบทสนทนาใดๆ ระหว่างกัน




สิ่งที่ช่วยยืนยันให้พีทได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด หรือว่าเป็นการพูดเล่นแบบที่อีกฝ่ายชอบทำ คือแรงบีบหนักๆ ที่ฝ่ามือ รวมทั้งใบหน้าที่แสดงความเหนื่อยล้าและเจ็บปวด แบบที่ไม่เคยได้เห็นเลยสักครั้งจากอีกฝ่าย




‘ผู้หญิงในรูปเป็นน้องสาวพี่ชาติ และยิ่งกว่านั้นผู้หญิงคนนี้ตายเพราะคนรักของเขา’



2 Be Con...

++++++++++++++++

ตอนหน้าเราจะมาเฉลยปมเฮียกัน

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^

ปล.อยากได้อดีตเฮียแบบจัดเต็มหรือเอาพอประมาณดี เพราะพีทจะถูกเบลอจากเรื่องนี้ไปพักนึง

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
ตามแต่ประสงค์ ของผู้แต่งเบยจัดมา  เตรียมใจไว้แล้ว มาม่าชัวร์    :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ mass

  • "Smile! It increases your face value." -Steel Magnolias (1989)
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รออ่านด้วยต่ะ เพิ่งเขามาอ่านรวด้เดียวเลย รอติดตามต่อนะคะ อ่านแล้วน่ารักดี

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 33 -



                มีใครสักคนเคยบอกว่ามีอยู่ 3 สิ่งบนโลก ถ้าเสียไปแล้วเราจะเอาคืนไม่ได้ มันคือเวลา คำพูด โอกาส เขาไม่เคยเชื่อคำพูดของคนเหล่านั้น จนถึงวันที่เขาได้เรียนรู้มันด้วยตัวเอง คำพูดที่ใช้ทำร้ายจิตใจ เวลาที่ใช้ไปอย่างไร้ค่า และโอกาสที่ไม่มีทางหวนกลับมาให้แก้ตัว ในวันนี้ทุกๆ อย่างมันกำลังย้อนกลับมาเอาคืน เป็นรอยแผลที่ฝังในความทรงจำและหัวใจ ไม่มีทางที่จะหายไปจากชีวิต



                4 ปีก่อน...



                “โอ๊ย!! ไอ้เหี้ย!! มึงแม่งเบาๆ หน่อยได้ไหมวะ มือหรือส้นตีนหนักฉิบหาย” เสียงโวยวายดังออกมาเป็นระยะไม่ขาดสาย พร้อมกับมือของคนเจ็บที่พยายามปัดมือของคนที่ทำแผลให้ทิ้ง รวมทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำที่พยายามหันหนี ซึ่งก็ไม่ได้เป็นผลอะไรเพราะอีกฝ่ายก็พยายามทำแผลให้อย่างไม่ลดละ



                “มึงอยู่เฉยๆ ได้ไหมวะ” คนทำแผลส่งเสียงบอกดุๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับหน้าคนเจ็บให้หันมา พร้อมบังคับให้เจ้าตัวอยู่นิ่งๆ ก่อนจะลงมือทำแผลต่ออย่างชำนาญ



                “พี่อาร์ตก็อยู่นิ่งๆ ให้พี่ปิงทำแผลดีๆ สิคะ ยุกยิกไปมาเหมือนเด็กไปได้” เสียงหวานที่หวานไม่แพ้กับใบหน้าของหญิงสาวเอ่ยแทรกขึ้นมา พร้อมทั้งส่งสายตามองหน้าของ ‘อาร์ต’ หรือคนเจ็บอย่างตำหนิ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ ผู้ชายอีกคนที่ตั้งหน้าตั้งตาทำแผลให้อาร์ตอยู่



                “มัวแต่ทำแผลให้พี่อาร์ต แล้วพี่ปิงไม่เป็นอะไรเหรอคะ ที่มุมปากน่ะ” หญิงสาวมองหน้าอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะใช้นิ้วมือแตะลงมุมปากของตัวเอง ตรงจุดเดียวกันกับที่อีกฝ่ายมีรายฟกช้ำ พร้อมทั้งส่งสายตาเป็นห่วงไปให้อย่างไม่ปิดบัง



                “ให้พิมช่วยทำแผลให้ไหมคะ” หญิงสาวคนเดิมหรือ ‘พิม’ เอ่ยปากถามอีกครั้ง พร้อมกับแสดงท่าทางกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลืออีกฝ่าย



                “ไม่เป็นไร...ขอบคุณนะ” ปิงปฎิเสธหญิงสาวอย่างนิ่มนวลพร้อมทั้งส่งยิ้มให้ เพราะเกรงใจและไม่อยากรบกวนอีกฝ่าย



                “แต่ว่า...” พิมค้านออกมาเสียงเบา แต่ก็ต้องยอมเมื่อปิงยังยืนยันคำเดิมและไม่คิดจะอ่อนข้อ



                “ทำไมถามแต่ไอ้ปิงล่ะ พี่นั่งเจ็บอยู่นี่ พิมควรสนใจพี่มากกว่านะ แฟนใครวะโคตรลำเอียง” อาร์ตพูดแทรกขึ้นมาบ้างและส่งสายตาตัดพ้อไปให้พิม



                “อย่างพี่อาร์ตน่ะ เขาเรียกว่าสมควรค่ะ ชอบทะเลาะชกต่อยกับคนอื่นไปเรื่อย แล้วยังชอบลากพี่ปิงเข้าไปโดนลูกหลงด้วยตลอด นี่ถ้าพี่ปิงเป็นอะไรมากกว่านี้ พิมจะโกรธพี่อาร์ตจริงๆ ด้วย” พิมว่าอาร์ตด้วยน้ำเสียงออกห้วนและใส่อารมณ์ แววตาที่ใช้มองอาร์ตก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองแบบไม่ปิดบัง



                “น้องพิมไม่ต้องไปว่าไอ้อาร์ตมันหรอกครับ พี่ไปช่วยมันเอง” ปิงบอกหญิงสาวเสียงนุ่ม เพราะต้องการให้อีกอีกฝ่าใจเย็น เนื่องจากเห็นแล้สว่าสีหน้าของอาร์ตเริ่มเปลี่ยนไป



                “ห่วงเหี้ยอะไรมันนักหนาวะ เมียมันก็นั่งอยู่ตรงนี้ เขายังไม่ว่าอะไรสักคำ ตกลงว่าพิมเป็นแฟนใครกันแน่” อาร์ตถามเสียงแข็งกึ่งๆ จะกลายเป็นตะคอก ใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งไร้อารมณ์ มีเพียงแววตาเท่านั้นที่บ่งบอกให้รู้ว่ากำลังโกรธจัด



                “พี่อาร์ตหาเรื่องพิมเหรอคะ” พิมตวัดสายตามาจ้องหน้าอาร์ตตรงๆ และถามกลับด้วยน้ำเสียงแสดงความไม่พอใจเช่นกัน



                “พอๆ สองคนนี้นี่ยังไงวะ พักหลังๆ ทะเลาะกันตลอด มึงก็หาเรื่องน้องกูไอ้อาร์ต พิมก็เหมือนกันไปว่าอะไรมันขนาดนั้น” ชาติที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายแท้ๆ ของพิม เอ่ยปากห้ามน้องสาวของตัวเองกับรุ่นน้องคนสนิท



                “พิมไม่ได้อยากทะเลาะ พิมแค่เป็นห่วง ไม่อยากให้มีเรื่อง ไม่อยากให้พี่อาร์ตพาใครไปเดือดร้อนด้วย ถ้าเกิดอะไรขึ้นพี่อาร์ตรับผิดชอบไหวเหรอคะ” พิมอธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความหงุดหงิดแฝงอยู่ในนั้น



                “ห่วงพี่หรือห่วงใคร...มึงพอได้ละ” อาร์ตพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ยังแสดงความกรุ่นโกรธ ก่อนจะปัดมือปิงที่กำลังทำแผลให้ทิ้งอย่างไม่ใยดี



                “พิมกลับแล้วนะคะพี่ชาติ” พิมหันไปบอกพี่ชายของตัวเอง แล้วคว้าเอากระเป๋านักเรียนเดินผ่านอาร์ตออกจากห้องเรียนไป โดยไม่แม้แต่จะชายตามองหน้าอาร์ตที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเลยสักนิด



                “ปิงคะ” นุ่นหรือแฟนของปิงที่นั่งมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่นาน ตัดสินใจลุกเดินเข้ามาหาคนทั้งคู่



                “ครับ” ปิงเบือนสายตาจากการมองเพื่อนสนิทของตัวเองมาหานุ่น ก่อนที่เจ้าตัวจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นความกังวลในแววตาของอีกฝ่าย



                “ไม่มีอะไรหรอก” ปิงเอ่ยปลอบและขยี้มือลงไปบนกลุ่มผมนุ่ม



                “แต่ว่า...” นุ่นท้วงออกมาเสียงเบา ตาก็เหลือบมองใบหน้าถมึงทึงของอาร์ตไปด้วย ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความกังวลเพราะกลัวว่าปิงกับอาร์ตจะมีปัญหากัน



                “กูว่ามึงก็พูดกับน้องพิมแรงไปนะ” ปิงเดินไปหยุดตรงหน้าอาร์ตและมองอีกฝ่ายนิ่งๆ ไม่ได้แสดงอาการโกรธเคืองที่โดนพาลใส่แต่อย่างใด



                “กูขอโทษว่ะ...ผมขอโทษนะนุ่น...พี่ด้วยว่ะ” อาร์ตเงยหน้าขึ้นมองปิง แล้วเอ่ยปากขอโทษทุกคนที่พลั้งปากพูดไม่คิดออกไป



                “ไม่เป็นไร” ปิงว่าแล้วตบไหล่อาร์ตเบาๆ



                “ไม่คิดจะโกรธกูเลยหรือไง” อาร์ตว่าและมองใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนสนิท พยายามค้นหาอะไรบางอย่างในดวงตาของอีกฝ่าย



                “ถ้าคิด...กูคงมีเรื่องให้โกรธมึงเป็นล้าน” ปิงว่าอย่างไม่ถือสาและยิ้มให้อีกฝ่ายจางๆ



                “ไปตามน้องพิมเหอะ เดินหายไปไหนแล้วไม่รู้” ปิงพูดเตือนในสิ่งที่อาร์ตควรทำ



                “เออๆ เหี้ย!! แม่ง!!” อาร์ตลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะสบถออกมาอย่างหัวเสียและเดินนอกจาห้องไปด้วยความเร็ว



                “ดีพี่ชาติ...มันรีบไปไหนของมันวะ” อ้นที่เพิ่งจะเดินเข้ามาพร้อมกับกลอนและไมล์ เอ่ยทักทายและมองตามท่าทางรีบร้อนของอาร์ตอย่างไม่เข้าใจ



                “จะอะไร มันทะเลาะกับน้องกูอีกน่ะสิ” ชาติตอบคำถามและส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย



                “ทะเลาะกันอีกละ ขยันเนาะ” อ้นว่าขำๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะช่วงนี้เห็นอาร์ตกับพิมทะเลาะกันจนชินตา



                “เออ...ปล่อยมันไปง้อกัน เราไปเตะบอลเหอะ” ชาติเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เดินไปกอดคออ้นและชวนกันไปเตะบอลตามปกติเหมือนทุกวัน



                ...

                ...



                “พิม...พี่ให้” อาร์ตยื่นช่อดอกไม่ช่อใหญ่ที่ลงทุนเก็บเงินซื้อมันมาไปให้พิม พร้อมกับส่งรอยยิ้มที่ใครเห็นก็ลงความเห็นว่ามันอ่อนโยนให้ไปด้วย




                “ให้พิมเหรอคะ” พิมเองก็รับมาด้วยความงุนงง แต่ก็ยิ้มพอใจให้กับช่อดอกไม้ในมือ



                “ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชอบขนาดนั้นเลย” อาร์ตถามพร้อมกับอมยิ้มเอ็นดูอีกฝ่าย รู้สึกโล่งออกที่เห็นว่าพิมชอบมัน เพราะเขาตั้งใจจะซื้อมาเอาใจอีกฝ่ายโดยเฉพาะ เพราะไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันพักหลังๆมานี้ เขากับอีกฝ่ายถึงได้ขยันทะเลาะและมีปัญหากันเหลือเกิน เดี๋ยวเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่เคยหยุด เล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้มันเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นคบกันมาเป็นปีไม่เคยมีปัญหาเลยสักครั้ง เลยแอบบหวังอยู่ลึกๆ ว่าดอกไม้ช่อนี้จะช่วยให้มีจุดในการดึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพิมให้ดีขึ้น



                “ก็มันชอบนี่คะ ว่าแต่พี่อาร์ตเถอะ ทำไมถึงรู้ว่าพิมชอบดอกคาเนชั่น” พิมถามด้วยความสงสัยเพราะจำได้ว่าตัวเองไม่เคยบอกอีกฝ่าย ปลายจมูกก็ก้มลงสูดความหอมจากดอกไม้เป็นระยะ



                “พี่รู้แล้วกันน่า” อาร์ตพยายามตอบเลี่ยงๆ ไม่กล้าพูดความจริง เพราะข้อมูลพวกนี้เขาได้มาจากปิงเพื่อนสนิทของเขาเอง แม้จะอดแปลกใจไม่ได้ที่ทำไมพิมถึงเลือกบอกปิงแต่ไม่บอกตัวเองก็ตาม



                “แต่ก็ขอบคุณนะคะ...แฟนใครไม่รู้น่ารักที่สุดเลย” พิมเอ่ยเย้าออกมาอย่างลืมตัว ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าหลุดปากอะไรไป



                “แล้วรักหรือเปล่าล่ะ” อาร์ตลองถามออกไปในสิ่งที่อยากได้คำตอบมาตลอดระยะเวลาปีกว่าๆ ที่คบกันมา เพราะถึงแม้จะได้ขึ้นชื่อว่าแฟนกัน แต่อีกฝ่ายไม่เคยบอกรักเขาเลยสักครั้ง แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธคำบอกรักของเขาเหมือนกัน



                “พิม...พี่อาร์ตค่ะที่จริง...” พิมอึดอัดไม่น้อยกับคำถามของอาร์ต ก่อนจะตัดสินใจพูดในสิ่งที่คิดจะบอกอีกฝ่าย



                “ว่าแต่พิมชวนพี่มาที่นี่ทำไม” อาร์ตที่จับเค้าลางอะไรบางอย่างในท่าทางและน้ำเสียงนั้น รีบเอ่ยปากแทรกขึ้นเพราะกลัวว่าจะต้องได้ยินอะไร



                “แถวนี้บรรยากาศดีเนาะ” อาร์ตเฉไฉพยายามไม่รับรู้ท่าทางลำบากใจของพิม เสตามองไปรอบๆ ข้างพยายามไม่หันมาสบตาอีกฝ่าย



                “พี่อาร์ตคะ...ที่จริงพิมมีเรื่องจะคุยด้วย” พิมพยายามส่งเสียงแทรกคำพูดของอาร์ต ที่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจงใจจะทำเป็นไม่รับรู้อย่างเต็มที่



                “พี่เพิ่งรู้นะเนี่ย...ว่าหลังโรงเรียนเรามีที่สวยๆแบบนี้” อาร์ตยังคงพูดไปเรื่อยอย่างไม่สนใจความต้องการของพิม




                “พี่อาร์ตคะ!!” พิมตัดสินใจตะโกนเรียกเสียงดัง และเดินไปดักหน้าอีกฝ่ายเพื่อเผชิญหน้า



                “คุยกับพิมก่อนนะคะ” พิมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เมื่อเห็นว่าอาร์ตหันมาสนใจตัวเองแล้ว



                “พิมจะคุยอะไร” อาร์ตถามออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ภาวนาในใจให้ความรู้สึกกลัวตอนนี้เป็นการคิดมากไปเอง



                “พิมคิดว่าพี่อาร์ตก็คงรู้ดี ว่าพิมจะพูดอะไร” พิมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาไม่ต่างกัน



                “พี่ไม่รู้...ไม่รู้อะไรทั้งนั้น” อาร์ตสบตากับพิมด้วยอาการสั่นไหวอย่างปิดไม่มิด



                “พี่อาร์ตคะ...พิมคิดว่า...”



                “เรากลับกันเถอะ ป่านนี้พวกพี่ชาติรอแล้ว” อาร์ตพูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้ปกติที่สุด ก่อนจะคว้าเอามือของพิมมากุมเอาไว้ และออกแรงดึงเบาๆเพื่อพาเดินกลับไปในทางที่ทั้งคู่เดินมา



                “พี่อาร์ตคะ...อย่าทำแบบนี้ได้ไหม” พิมขืนตัวเองไว้และไม่ยอมเดินตาม ก่อนจะออกแรงดึงกลับเบาๆ เพื่อบังคับให้อาร์ตหันกลับมา



                “อย่าฝืนต่อเลยนะคะ...พี่ก็รู้ดีว่าเราไปกันไม่ได้แล้ว เรากลับไปเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมนะคะ” พิมตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตั้งใจจะพูดออกมาในรวดเดียว เพราะกลัวว่าอาร์ตจะบ่ายเบี่ยงไม่อยากรับฟังอีก ที่เธอนัดอีกฝ่ายมาวันนี้ก็เพื่อจะคุยเรื่องนี้ตั้งแต่แรก



                “ทำไม...ถ้าพี่ผิด...พี่ขอโทษได้ไหม...พี่สัญญา จะไม่ทำให้พิมเสียใจอีก” อาร์ตพยายามเค้นคำพูดอ้อนวอน และฝืนส่งยิ้มออกไปให้อีกฝ่าย คว้าเอามือคนตรงหน้ามากุมเอาไว้และส่งสายตาขอร้อง ขอโอกาสอย่างสุดความสามารถ



                เขาไม่รู้จริงๆ ว่าไปทำอะไรให้พิมโกรธถึงขั้นบอกเลิก แต่เขายอมไม่ได้จริงๆ ที่ต้องจบกันไปแบบนี้ เขายอมเปลี่ยนตัวเองมากกว่าที่เปลี่ยนในตอนนี้ก็ได้ ขอแค่อีกฝ่ายเอาคำพูดเมื่อกี้กลับไป




                “พิมขอโทษนะคะ...พี่ชาย” พิมบอกเสียงแผ่วเบาจนแทบจะกลืนหายไปกับสายลม ก่อนจะชักมือที่โดนกุมไว้กลับมาและเดินออกไปจากตรงนั้น ทิ้งให้อีกคนยืนอยู่กลับความเจ็บที่เหมือนตายทั้งเป็นตรงนั้นคนเดียว



                ...

                ...



                “พิม...เดี๋ยว...คุยกับพี่ก่อน” อาร์ตเดินตามมาและดึงแขนอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อรั้งให้หยุดมาคุยกัน



                “ปล่อย” พิมดึงแขนตัวเองออกจากมือของอีกฝ่าย มองหน้าอาร์ตอย่างรำคาญและหันหลังกลับเพื่อเดินต่อ



                “พิมเป็นอะไร โกรธอะไร แล้วทำไมถึงทำท่าทางแบบนั้นใส่นุ่น” อาร์ตดึงแขนของพิมเอาไว้อีกครั้ง และเอ่ยถามในสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ด้วยความไม่เข้าใจ การกระทำของพิมหลายๆ อย่างและหลายๆ ครั้ง ที่พยายามจะเข้าไปวุ่นวายกับปิงตลอดระยะเวลาหลายเดือนมานี้ มันทำให้หลายคนเกิดความอึดอัดและลำบากใจไม่น้อย จนเกือบจะทำให้นุ่นกับปิงทะเละกันด้วยซ้ำไป



                “พิมจะเป็นอะไรมันก็เรื่องของพิม เราเลิกกันแล้ว พี่อาร์ตไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับชีวิตของพิม” พิมหันกลับมาบอกอาร์ตเสียงแข็ง และคำพูดนั้นก็ทำให้อาร์ตรู้สึกเจ็บไม่น้อยเหมือนกัน




                “ปล่อยแขนพิมด้วยค่ะ” พิมกระตุกแขนตัวเองเบาๆเพื่อส่งสัญญาณให้อาร์ตรู้ตัว



                “พี่รู้ว่าเราเลิกกันแล้วไม่ต้องย้ำหรอก” อาร์ตยอมปล่อยมือจากแขนเล็กแต่โดยดี และย้ำคำพูดที่โดนตอกหน้าอย่างเจ็บปวด หมดแรงและเหนื่อยไม่น้อยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ออกจากปากอีกฝ่าย




                ตอนที่คนรอบข้างรู้ว่าเขาสองคนเลิกกัน ต่างมีคำถามเข้ามากมายมายว่าทำไมและเพราะอะไร แต่ไม่เคยมีใครได้คำตอบที่แท้จริงจากปากทั้งคู่ เพราะแม้แต่ตัวอาร์ตเองก็ยังไม่เคยรู้เหตุผลที่แท้จริงของการเลิกราในครั้งนี้เลยสักนิด แล้วจะนับประสาอะไรกับคนอื่น ถึงแบบนั้นอาร์ตก็ยังคงเทียวไล่เที่ยวขื่อตามง้องอนพิมตลอด เพราะคิดว่ายังไงซะอีกฝ่ายคงใจอ่อนเข้าสักวัน แต่เปล่าเลยพิมไม่เคยใจอ่อนและตีตัวห่างออกไปมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ



                “งั้นพิมขอร้องได้ไหมคะ เลิกวุ่นวายกับพิมสักที พิมไม่อยากให้พี่ปิงเข้าใจผิด” พิมเอ่ยปากขอร้องด้วยสีหน้าลำบากใจ ซึ่งนั้นมันทำให้คิ้วของอาร์ตขมวดชนกันทันที



                “หมายความว่าไง พี่ตามง้อพิมแล้วมันเกี่ยวอะไรกับไอ้ปิง” อาร์ตถามเสียงแข็งและจ้องหน้าพิมเขม็ง



                “มะ...ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ” พิมตอบด้วยน้ำเสียงอึกอักและพยายามหลบสายตาที่มองมาของอาร์ต



                “ตอบมาพิม!!! มันเกี่ยวอะไรกับไอ้ปิง” อาร์ตจับไหล่ของพิมแน่นและออกแรงบีบลงไปไม่น้อย พร้อมส่งสายตามองอย่างคาดคั้น



                “บอกว่าไม่มีอะไรไงคะ!!!” พิมปฏิเสธเสียแข็งและพยายามแกะมืออาร์ตที่บีบไหลตัวเองออก เพราะรู้สึกเจ็บไปหมดจากแรงบีบของอีกฝ่าย



                “ตอบมา!!!” อาร์ตตะคอกใส่ดังลั่นด้วยความโมโห ความรู้สึกที่สัมผัสได้ตลอดเวลาที่คบกันมา เริ่มย้อนกลับมาให้ได้คิดอีกครั้ง



                “ก็พิมบอกว่าไม่มีอะไรก็คือไม่มีไง!!!” พิมเองก็ตวาดกลับไปด้วยความโมโหไม่แพ้กัน มองหน้าอาร์ตด้วยความไม่พอใจที่โดนคาดคั้น



                “ตอบมาพิม!!! พี่บอกให้พูดไงวะ!! มันเกี่ยวอะไรกับไอ้ปิง!!” อาร์ตยังคงตะคอกใส่พิมด้วยอารมณ์ที่ควบคุมไม่อยู่ แววตาสีดำเข้มขึ้นกว่าเก่าเพราะความโมโห




                “เกี่ยวที่พิมรักพี่ปิงไง!!!” พิมตวาดตอบออกไปอย่างเหลืออด ในเมื่ออยากได้ยินนักเธอก็จะพูดไหนๆ เรื่องมันก็มาไกลขนาดนี้แล้ว



                แขนสองข้างที่จับไหล่ของพิมไว้ทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วงอย่างหมดแรง ขาสองข้างและร่างกายเหมือนจะยืนไม่อยู่ อาร์ตเงยหน้ามองคนที่ได้ชื่อว่าครั้งหนึ่งเป็นแฟนกันอย่างเจ็บปวด สับสน และไม่เข้าใจ มึนงงเหมือนมีใครชกลงมาที่หน้าซ้ำๆ โดยที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะตอบโต้อะไร




                “ตั้งแต่เมื่อไหร่...พิมคิดแบบนี้กับไอ้ปิงตั้งแต่เมื่อไหร่” อาร์ตตามด้วยเสียงขาดห้วงมองหน้าอีกฝ่ายตอนนี้เหมือนคนแปลกหน้าไม่มีผิด




                “ตอบสิวะ!!! ตั้งแต่เมื่อไหร่ คิดเหี้ยๆแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน!!” อาร์ตเปลี่ยนเป็นตะคอกใส่อีกฝ่ายอีกครั้งอย่างเหลืออด ความโมโห ความเจ็บปวดมากมายกำลังถาโถมเข้าใส่ไม่ยั้ง ถึงจะเคยคิดแต่พอได้รับรู้มันเจ็บจนหาอะไรมาเปรียบไม่ได้ด้วยซ้ำ



                “ตั้งแต่แรก...พิมรักพี่ปิงตั้งแต่แรก พิมไม่เคยรักพี่เลย” คำพูดแผ่วเบาที่ปนเสียงสะอื้นของพิม ทำให้อาร์ตซวนเซเกือบจะยืนไม่อยู่ เหมือนโลกกำลังกลับด้านไม่มีผิด นี่สินะเหตุผลที่อีกฝ่ายแสดงออกเวลาอยู่กับปิงมาตลอด เป็นเขาที่โง่เองหลับหูหลับตาทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งเหล่านั้น



                “แต่ปิงมันมีนุ่นแล้ว มันมีแฟนแล้ว” อาร์ตพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไม่ได้ยิน สมองยังคงสับสนและคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น



                “แล้วยังไง...พิมเจอพี่ปิงก่อน รักมาก่อนด้วยซ้ำ นุ่นนั้นแหละที่มาแย่งพี่ปิงไป!!!” พิมตวาดใส่อาร์ตดังลั่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม



                “ก็แล้วทำไมไม่คบกับมัน!! มาคบกับพี่ทำไม!! ทำแบบนี้ทำไมวะ!!” อาร์ตขึ้นเสียงใส่ด้วยความเดือดดาลอย่างถึงที่สุด แววตาที่มองพิมเต็มไปด้วยความดุดัน ก่อนจะเดินไปบีบไหล่เล็กๆ นั่นเต็มแรง และเขย่าร่างของอีกฝ่ายจนสั่นคลอนอย่างรุนแรง



                “โอ๊ย!! พิมเจ็บนะคะ ปล่อยพิมนะ” พิมร้องไห้ออกมาอย่างหนัก มองอาร์ตด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่เคยเห็นอีกฝ่ายในสภาพนี้เลยสักครั้ง



                “ไอ้สัดอาร์ต!! ปล่อยน้องกู!!” ชาติที่เดินตามออกมาด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับทุกคน ตะโกนออกมาดังลั่นด้วยความตกใจ เมื่อเห็นรุ่นน้องที่สนิทกันอย่างอาร์ต กำลังทำท่าเหมือนจะทำร้ายร่างกายน้องสาวตัวเอง



                ผัวะ!!!



                “กูบอกให้ปล่อยไงวะ” ชาติชกลงไปบนหน้าอาร์ตเต็มแรง จนอาร์ตเซลงไปนั่งกองกับพื้น ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปหาน้องสาวตัวเองด้วยความเป็นห่วง



                “ฮะๆ” อาร์ตหัวเราะเยาะตัวเองด้วยความสมเพชในความโง่ ยกมือขึ้นมาเช็ดเลือดที่ซึมออกมาตรงมุมปาก และเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่ตัวเองรักด้วยสายตาว่างเปล่า พร้อมกับหัวใจที่มันเจ็บจนชา



...

...     

       

ปึ่ก!!!

แก้วถูกวางกระแทกลงบนเคาท์เตอร์บาร์ตรงหน้าเสียงดัง มือหนาบีบแก้วในมือแน่นจนน่ากลัวว่ามันจะแตกไม่วินาทีใดก็วินาทีหนึ่ง เดือดร้อนจนคนที่นั่งอยู่ใกล้ทนไม่ไหวต้องมางัดแก้วในมือออก

“พี่เป็นอะไร” เสียงหวานของพิมเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ต้องมายุ่ง!!!” อาร์ตตะคอกกลับดังลั่นอย่างฉุนเฉียว ก่อนจะคว้าเอาแก้วใบเดิมมารินเหล้าใส่แล้วเทกรอกลงคอเหมือนกระหาย

“พี่...พอได้แล้ว...พี่เมาแล้วนะ” พิมพยายามเอ่ยห้ามปรามแต่ก็ต้องเซล้มไปกองที่พื้น เมื่อโดนอีกฝ่ายสะบัดทิ้งอย่างไม่ใยดี

“อึ่ก...ทำไมล่ะ...ทำไมถึงหักหลังพี่พิม...ทำแบบนี้ทำไม!!!” ใบหน้าหล่อเหลาหันไปตวาดใส่พิมดังลั่น แววตาที่มองเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“ฮึก...พิมขอโทษ...” เสียงหวานเอ่ยขอโทษสั่นเครือพร้อมกับน้ำตาที่ไหลนองไม่ขาดสาย เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆที่จะให้มันเกิดเรื่องขนาดนี้

“ฮะๆ กูแม่งโง่ฉิบหายเลย” อาร์ตลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากตรงนั้นทันที โดยไม่แม้แต่จะใส่ใจหรือเหลียวแลพิมที่นั่งกองอยู่ตรงนั้นเลยสักนิด ตรงดิ่งไปที่ถนนใหญ่หน้าร้านเหล้าเจ้าประจำ และโบกรถแท็กซี่เพื่อไปยังจุดหมายที่ตั้งใจเอาไว้

...
...

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

เสียงเคาะประตูห้องพักในยามวิกาล ทำให้ปิงที่กำลังนั่งทำการบ้านหยุดชะงัก และมองไปยังบานประตูด้วยความสงสัย ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นไปเปิดเมื่อได้ยินเสียงเคาะดงขึ้นอีกครั้ง

“ไอ้อาร์ต” ปิงมองสภาพเมามายของเพื่อนสนิทตัวเองด้วยความแปลกใจ ก่อนจะส่งสายตาเป็นคำถามไปให้รปภ.ประจำคอนโด

“ผมจำได้ว่าเขาเป็นเพื่อคุณปิงน่ะครับ ผมเลยพาเขามาส่งที่ห้อง” รปภ.ตอบข้อสงสัยให้ปิง ซึ่งนั่นทำให้ปิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ และเดินไปพยุงร่างของอาร์ตที่ตัวใหญ่กว่าตัวเองเล็กน้อยไว้แทน

“ขอบคุณมากนะครับ” ปิงเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายอย่างเกรงใจ ซึ่งทางนั้นก็ค้อมหัวให้เล็กน้อยและเดินกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง

ปิงถอนหายใจออกมาเบาๆ กับสภาพของคนในอ้อมกอดก่อนจะส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ และพยุงอีกฝ่ายเข้าไปในห้องพักอย่างทุลักทุเล เพราะขนาดของร่างกายที่ไม่ได้ต่างกันมากแถมตัวเองยังตัวเล็กกว่า เลยทำให้ลำบากกันพอสมควร

ปึ่ก!!

ในจังหวะที่ปิงหันหลับไปเพื่อปิดประตูห้อง ร่างทั้งร่างก็ถูกเหวี่ยงกระแทกกลับประตูห้องเต็มแรง ตามด้วยริมฝีปากที่ประกบจูบอย่างดุดัน รวมทั้งเรียวลิ้นที่แทรกเข้ามาและเกี่ยวกระหวัดดูดดึงอย่างรุนแรง

“อื้อ...อึ่ก” ปิงพยายามขัดขืนแรงกอดรัดจากอาร์ตอย่างสุดความสามารถ ก่อนจะสะบัดอย่างสุดแรงจนอีกฝ่ายถอยห่างออกไป แล้วเงื้อหมัดชกสุดแรงจนอีกฝ่ายลงไปกองกับพื้น

ผัวะ!!!

“แฮ่กๆ มึงทำเหี้ยอะไร!!” ปิงตวาดถามอาร์ตอย่างโมโห และมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ

อาร์ตไม่ได้ตอบอะไรนอกจากหันกลับมามองปิงนิ่งๆ ไร้วี่แววของคนเมาเมื่อครู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นยืนและเดินมาประจันหน้ากับปิง ยกมือขึ้นทาบทับลงบนใบหน้าของอีกฝ่ายและลูบมันแผ่วเบา

“มึงชอบกูใช่ไหมปิง ไม่ใช่ในแบบเพื่อนแต่แบบคนรัก” คำถามของอาร์ตทำเอาดวงตาของปิงเบิกโพลงอย่างตกใจ คิดไม่ถึงว่าความลับที่ปิดมาตลอดจะโดนอีกฝ่ายล่วงรู้

“กู...” ปิงพยายามปฏิเสธเสียงอึกอัก แต่ก็พูดอะไรต่อไม่ได้เมื่ออาร์ตยกมือขึ้นมาปิดปากไว้

“อย่าโกหกกู เพราะกูไม่ได้โง่” อาร์ตพูดขึ้นอย่างรู้ทัน อย่างที่บอกเขาไม่ได้โง่และรู้มาตลอดถึงความรู้สึกของปิง แต่เขาทำเป็นมองไม่เห็นมัน ทำเป็นไม่สนใจ แต่วันนี้เขาตัดสินใจจะมองมัน

“กูเลิกกับพิมแล้ว...มึงคิดว่าไง” อาร์ตถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ มือก็ลูบไล้ตามโครงหน้าสมบูรณ์แบบของปิงแผ่วเบา

“ไม่อยากได้กูเป็นของมึงบ้างเหรอ” ประโยคต่อมาของอาร์ตทำเอาปิงตกใจไม่น้อย ก่อนจะมองหน้าของเพื่อนสนิทที่แอบคิดไม่ซื่อมาตลอดอย่างสับสน

“มึงหมายความว่าไง” ปิงถามออกไปอย่างไม่เข้าใจเพราะตามความคิดของอาร์ตไม่ทัน

“คำตอบมึงจะได้จากร่างกาย” อาร์ตพูดเพียงแค่นั้นและประกบจูบปิดปากปิงในทันที พร้อมกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ที่จะเปลี่ยนไป

2 Be Con...
+++++++++++++
อ๊ากกกกกกกกก เป็นตอนที่เขียนแล้วบีบความรู้สึกตัวเองมากอีกตอนนึง
ยอมรับเลยว่าไม่อยากเขียน แต่ถ้าไม่เขียนเรื่องก็ไม่จบ
อย่าพึ่งเกลี่ยดเฮียมันนะ นึกถึงความดี 30 ตอนที่ผ่านมาของเฮียไว้ 555
ตอนหน้าจะเป็นอดีตอีกตอนของเฮียค่ะ (ว่าจะให้จบตอนเดียวมันไม่ได้ง่ะ)
สตรองไว้นะคะคนอ่าน
รักและขอบคุณคนอ่านค่ะ ^^
ปล.อดีตที่มาช้าเราก็ต้องจัดให้สมศักดิ์ศรี
กราบบบบบบบบบบบ

 
 
 

               

 

 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 34 -



                “มึงเลิกกับนุ่นเหรอวะ” อาร์ตถามปิงทันทีที่อยู่ด้วยกันตามลำพังอย่างร้อนใจ ผิดกับใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอาการอะไรออกมาของอีกฝ่าย และนั่นยิ่งทำให้อาร์ตร้อนรนยิ่งกว่าเก่าจนแสดงออกมาหมดทั้งสีหน้าและท่าทาง



                “มึงเลิกทำไม” อาร์ตถามต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด มือบีบที่ไหล่สองข้างของปิงแน่นเพื่อคาดคั้น เมื่ออีกฝ่ายยังไม่ทำอะไรมากไปกว่าเงียบ



                “ตอบกูดิวะปิง!!” จากน้ำเสียงปกติเปลี่ยนเป็นตะคอกทันที เมื่อไม่ว่าจะยังไงปิงก็ไม่แสดงอะไรออกมานอกจากความเงียบ



                “มันไม่เกี่ยวกับมึง” ปิงว่าด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย และจับมือทั้งสองข้างของอาร์ตออกจากไหล่ตัวเอง ก่อนจะขยับตัวถอยห่างออกมาเล็กน้อย



                “มึงกำลังทำอะไรอยู่รู้ตัวไหม” อาร์ตจ้องหน้าปิงเขม็งและเอ่ยถามเสียงเข้ม



                “กูน่ะรู้ตัวว่าทำอะไรอยู่...มึงต่างหากรู้ตัวไหมว่าทำอะไรอยู่” ปิงจ้องหน้าอาร์ตกลับไปตรงๆ แบบไม่หลบสายตา



                “มึงอยากจะพูดอะไร” อาร์ตจ้องเข้าไปในดวงตาของปิง สายตาของทั้งคู่มองกันและกันอย่างแน่วแน่ และต่างฝ่ายต่างรู้ทุกอย่างผ่านแววตาที่แสดงออก



                “ช่างเหอะ...กูกับนุ่นยังไงมันก็ต้องเป็นแบบนี้” ปิงเอ่ยตัดบทเพราะไม่อยากจะพูดอะไรไปมากกว่านี้ และหันหลังเพื่อจะได้เดินกลับห้องเรียน



                “มึงแน่ใจนะว่าไม่เกี่ยวกับกู” อาร์ตคว้าแขนของปิงและออกแรงดึงเบาๆ ให้กันกลับมาเผชิญหน้า



                “แล้วมึงคิดว่าไง” ปิงเลือกที่จะไม่ตอบแต่ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา จนอาร์ตสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน



                “ปิง!!! มึงอย่างี่เง่าได้ไหมวะ” อาร์ตตะคอกใส่ปิงอย่างดุดันและบีบลงบนแขนเต็มแรง



                “กูเหรอที่งี่เง่า ใครกันแน่วะอาร์ต มึงก็รู้ว่าที่กูพูดมันเป็นเรื่องจริง ถ้ามึงไม่อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ มึงก้าวขาข้ามเส้นมาทำไม!!” ในที่สุดปิงก็ระเบิดอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ภายในตลอดออกมาบ้าง หลังจากที่พยายามนิ่งเฉยมานาน แววตาเรียบนิ่งเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวไม่ต่างจากอาร์ต



                “มึงจะให้กูอยู่เงียบๆ เหมือนเด็กที่มึงกกไปทั่วน่ะเหรอ กูทำให้มึงไม่ได้หรอก” ปิงพยายามปรับน้ำเสียงตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ และกระชากแขนตัวเองออกมาจากมือของอาร์ต



“และที่กูเลิกกับนุ่นไม่ใช่เพราะว่าอยากแย่งมึงกับเด็กพวกนั้น แต่จะให้กูคบกับนุ่นต่อทั้งที่กูไม่ได้รักเขา ทั้งๆ ที่อ้าขาให้มึงเอา กูทำไม่ได้ว่ะ กูทำ...ทั้งๆ ที่ไม่รักเหมือนมึงไม่ได้” ปิงสบตาอาร์ตอย่างเจ็บปวด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่วันนั้น ปิงพยายามจะไม่คิดอะไรมาตลอด แต่สุดท้ายเขาก็คือคนๆ หนึ่ง ที่พอถึงที่สุดเขาก็ทนไม่ได้ ความรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียดมันผสมปนเปกันจนแยกไม่ออก จะด่าว่าตัวเองเป็นผู้เสียหายก็ไม่ได้เพราะเขาเองก็ผิดที่โดดลงไปเล่นกับไฟ ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันจะเผาตัวเอง จะถอยหลังกลับก็ไม่ได้เดินหน้าต่อก็ไม่ได้เหมือนกัน สิ่งที่เหลือให้ทำได้ตอนนี้ คือไม่ให้ใครมาโดนไฟเผาจนตายทั้งเป็นแบบเขาเพิ่ม



“ก็รู้ว่าเจ็บมึงทนทำไม” อาร์ตมองปิงด้วยแววตาที่ทรมานไม่แพ้กัน รู้ตัวว่ากำลังทำร้ายคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อน คนที่รักตัวเองอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่ทุกครั้งที่คิดจะหยุดความมืดในหัวใจมันชนะความคิดดีๆ ได้ตลอด และภาพใบหน้าบิดเบี้ยวของใครอีกคนที่เขาปรารถนาจะได้เห็น เมื่อวันที่เจ้าตัวได้รู้ความจริง มันคอยเป็นแรงผลักดันให้เขายังเดินหน้าเหยียบย่ำความรู้สึกของปิงต่อไป



“เพราะกูยังเชื่อใจมึงไง” ปิงพูดแค่นั้นก่อนจะหันหลังเดินจากไปทันที ทิ้งให้อาร์ตยืนมองตามแผ่นหลังที่ค่อยๆ ลับสายตาไป ด้วยความรู้สึกภายในที่ตีวนและส่งสัญญาณว่าใกล้จะพังลงในอีกไม่นาน



...

...



“พี่ปิงคะ คือ...พิมแอบชอบพี่มานานแล้ว ถ้าพี่ปิงยังไม่มีใคร ลองคบกับพิมได้ไหมคะ” พิมตัดสินใจรวบรวมความกล้าหลังจากที่ลังเลมานาน แล้วในที่สุดก็ลงมือทำในสิ่งที่หัวใจเธอเรียกร้องมาตลอด โดยการนัดปิงออกมาเพื่อบอกสิ่งที่อยู่ภายในใจ และก็ตั้งความหวังว่าปิงจะตอบรับคำขอของเธอในครั้งนี้



“น้องพิมว่าอะไรนะครับ” ปิงขมวดคิ้วเป็นปมและเอ่ยทวนคำพูดของอีกฝ่ายเพื่อความแน่ใจ




“พิมชอบพี่ค่ะ เป็นแฟนกับพิมนะคะ” พิมพูดออกไปรัวเร็วจนลิ้นแทบจะพันกัน ก่อนจะก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย




“น้องพิม...พี่เป็นเพื่อนสนิทไอ้อาร์ตนะครับ” ปิงมองใบหน้าหวานแดงก่ำที่มีรอยยิ้ม และสายตาความหวังที่มองอย่างหนักใจ



“พิมรู้ค่ะ แต่ว่า...พิมเลิกกับพี่อาร์ตไปแล้วนะคะ นานแล้วด้วย พี่อาร์ตไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ” พิมรีบเอ่ยปากอธิบาย ใบหน้าหวานแสดงความวิตกกังวลออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างในเวลาไม่นาน




“พี่รู้ครับว่าเลิกกันนานแล้ว แต่พี่ขอโทษนะครับ พี่คงตอบรับความรู้สึกน้องพิมไม่ได้” ปิงเรียบเรียงคำพูดที่คิดว่าจะทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายน้อยที่สุด และเอ่ยออกไปอย่างหนักใจ ซึ่งนั้นทำให้รอยยิ้มกว้างหุบลง ใบหน้าหวานซีดเซียวไปถนัดตา รวมทั้งแววตาคู่สวยที่อ่อนแสงลง แสดงความถึงความสับสนและผิดหวังอย่างเด่นชัด



“ทำไมล่ะคะ...ในเมื่อตอนนี้พี่เลิกกับแฟนไปแล้ว และพิมก็เลิกกับพี่อาร์ตไปแล้วเหมือนกัน หรือว่าพี่ปิงไม่พอใจพิมตรงไหน บอกพิมได้นะคะ พิมเปลี่ยนตัวเองเพื่อพี่ได้นะคะ” พิมปรี่เข้ามาจับแขนของปิงไว้แน่น ละล่ำละลักพูดออกมาเสียงสั่นเครือ ความผิดหวังที่ไม่คิดว่าจะได้รับเข้าโจมตีความรู้สึกอย่างรุนแรง




ทำไมกัน เพราะอะไร ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันควรเป็นไปตามที่เธอคิด พี่ปิงไม่มีใครข้างๆ แล้ว และเธอก็พยายามทำตัวเองให้เป็นแบบที่ปิงชอบมากที่สุด สาวน้อย อ่อนหวาน น่าทะนุถนอม เธอเป็นแบบนั้นแล้วแท้ๆ ทำไมสิ่งที่ได้กลับมาคือคำปฏิเสธ มันผิดพลาดอะไรตรงไหนกัน



“หรือว่าพี่กลัวมีปัญหากับพี่อาร์ตคะ ถ้าอย่างนั้นพี่ไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวพิมอธิบายเรื่องนี้กับพี่อาร์ตเอง” พิมพยายามส่งยิ้มไปให้ แต่ก้ต้องหุบยิ้มลงทันควัน เมื่อปิงมองมาด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนจะดึงมือของเธอออกจากแขนของเจ้าตัว และขยับถอยห่างออกไปเล็กน้อย



“พี่ไม่ได้กลัวมีปัญหา แต่พี่มีคนที่รักแล้วครับ” ปิงบอกออกไปตามตรงและไม่กล้าสบตาพิมเท่าไหร่นัก เพราะรู้ดีแก่ใจว่าคนที่ตัวเองรักคือใคร



“ไม่จริง!!” พิมยกมือขึ้นปิดปากตัวเองและพึมพำไปมากับตัวเอง แววตาสั่นไหวอย่างรุนแรง มันจะเป็นไปได้ยังไงกันที่ปิงจะมีคนในใจ ในเมื่อเธอตามสืบเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายมาตลอด เรื่องสำคัญขนาดนี้ไม่มีทางที่มันจะรอดหูรอดตาเธอไปได้เด็ดขาด



“ใคร!! อีนั่นมันเป็นใคร!!” พิมตวาดถามออกมาเสียงดังอย่างลืมตัว หลุดจากการควบคุมตัวเองโดยสิ้นเชิง ตาคู่สวยที่เคยฉายแววอ่อนหวานมาตลอด เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวดุดันอย่างน่ากลัว




ปิงถึงกับผงะถอยหลังออกห่างอีกฝ่ายด้วยความตกใจ กับท่าทางที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนของพิม มองอีกฝ่ายที่คล้ายคนสติหลุดอย่างหวาดระแวง ก่อนที่แขนสองข้างจะเจ็บไปหมดเมื่ออีกฝ่ายพุ่งเข้ามาหา และจิกเล็บลงไปบนแขนเต็มแรง



“ตอบพิมมาสิคะว่ามันเป็นใคร!!!” พิมตวาดถามอย่างเกรี้ยวกราด ในหัวคิดถึงผู้หญิงทุกคนรอบๆ ตัวปิงทั้งหมด ในอกมันร้อนรุมเหมือนมีใครเอาไฟมาสุม



“น้องพิม!!” ปิงตะโกนเสียงดังลั่นเพื่อเรียกสติของอีกฝาย และมันก็ได้ผลเมื่อพิมหยุดอาละวาดและมองปิงอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างหนักและทรุดตัวลงนั่งกับพื้นต่อหน้าต่อตาปิง จนปิงที่มองเห็นภาพแบบนั้นอดสงสารไม่ได้ และยื่นมือไปหาอีกฝ่ายเพื่อหมายจะพยุงขึ้นมา



“ไม่ต้อง” แต่แล้วก็มีเสียงที่ห้ามเอาไว้ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง พร้อมๆ กับการปรากฏตัวของอาร์ต



อาร์ตแค่ปรายตามองหน้าปิงเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปแทรกระหว่างคนทั้งคู่ และเป็นฝ่ายพยุงพิมขึ้นมาแทน จากนั้นก็ขยับถอยห่างออกมา มองไปที่พิมด้วยสายตาว่างเปล่า



“ทำไมพี่ถึงอยู่ที่นี่” พิมเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ มองอาร์ตที่มาอยู่ตรงนี้ด้วยความแปลกใจ




“แฟนพี่อยู่ไหนพี่ก็ต้องอยู่ตรงนั้นสิ” อาร์ตพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง แต่แววตาที่ใช้มองพิมเต้มไปด้วยความเย็นชา จนแม้แต่ปิงที่ยืนอยู่ด้านหลังยังสัมผัสได้



“แฟน? ใคร?” พิมถามด้วยความไม่เข้าใจมองหน้าอาร์ตเพื่อขอคำตอบ ก่อนจะตาเบิกโพลงอย่างตกตะลึง เมื่ออาร์ตเลื่อนมือไปกุมมือของปิง แล้วยกมันขึ้นจูบพร้อมทั้งส่งยิ้มเยาะเย้ยมาให้



“ไม่จริง!!” พิมตวาดดังลั่นและมองที่อาร์ตกับปิงด้วยแววตาแข็งกร้าว



“อย่าล้อเล่นแบบนี้ มันไม่ตลก และพิมไม่ชอบ!!” พิมส่งเสียงใส่ด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดแบบที่ไม่เคยทำให้ใครเห็น แววตาแดงช้ำที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนัก จ้องมองที่ใบหน้าของอาร์ตอย่างกรุ่นโกรธ



“ถ้าแบบนี้ยังคิดว่าพี่ล้อเล่นอยู่ไหม” อาร์ตว่าแล้วหันไปดึงหน้าปิงเข้ามาประกบจูบ ก่อนจะผละออกและหันมาสบตากับพิมที่มองอย่างตะลึงด้วยท่าทีปกติ เหมือนเรื่องที่เพิ่งจะทำลงไปเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ



“กรี๊ดดดดดดดดดดด ไม่จริง!!!” พิมที่ต้องมาเห็นภาพเหล่านั้นส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ยกมือสองข้างขึ้นปิดหูตัวเองและส่ายหน้าไปมาไม่หยุด ไม่อยากรับรู้อะไรที่อาร์ตพยายามจะบอกทั้งนั้น น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วเริ่มไหลลงมาเหมือนทำนบแตกอีกครั้ง



“จริงสิพิม คนที่ไอ้ปิงรักคือพี่ และพี่ก็ไม่ใช่แค่แฟนแต่เป็นผัว” อาร์ตบอกพิมเสียงเหี้ยม มองภาพทุรนทุรายของหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสะใจ




“ไม่จริงใช่ไหมคะพี่ปิง มันไม่จริงใช่ไหม” พิมหันไปสบตาปิงอย่างอ้อนวอน ภาวนาให้สิ่งที่อาร์ตพูดมันเป็นแค่วาจาเลื่อนลอย และเป็นมุกตลกที่ต้องการให้เธอเสียใจแค่นั้น แต่คำขอกลับไม่เป็นผลเพราะปิงไม่ตอบคำถามใดๆ นอกจากหลบสายตาและเบือนหน้าหนีไปอีกทาง



“กรี๊ดดดดดดดดดดดด...ไม่จริง...ไม่จริง” พิมกรีดร้องโหยหวนออกมาดังก้องไปทั่วบริเวณอย่างใจสลาย ทรุดตัวลงคุดคู้ร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ ปากพึมพำไปมาด้วยคำเดิมซ้ำๆ



ปิงมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความสะเทือนใจ แต่ไม่ได้คิดจะให้ความช่วยเหลือหรือพูดอะไรออกมา ส่วนอ่านมองทุกอย่างด้วยสายตาว่างเปล่าเหมือนคนไร้หัวใจ ไม่มีแม้กระทั่งความสงสาร เห็นใจ มีความความสะใจที่เห็นคนตรงหน้าเหมือนตายทั้งเป็น



“พี่ทำแบบนี้ทำไม” พิมเอ่ยปากถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หลังจากที่ร้องไห้อย่างหนักไปพักใหญ่



“พี่คิดว่าทำแบบนี้แล้วพิมจะกลับไปรักพี่เหรอ!!!” พิมหันกลับมาตวาดกร้าวใส่หน้าอาร์ต ก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆ และหันมาเผชิญหน้ากันตรงๆ



“มันไม่มีทาง เพราะว่าพิมไม่เคยรัก!! และไม่คิดจะรัก!! ไอ้เด็กกำพร้ากระจอกๆ แบบพี่!!”



“แล้วมายุ่งกับพี่ตั้งแต่แรกทำไม!!” อาร์ตตะคอกกลับอย่างดุดัน ทุกคำพูดที่อีกฝ่ายด่าทอออกมา มันเสียดแทงลึกเข้าไปในอกจนเหมือนจะหายใจไม่ออก



“เพราะพี่มันโง่ไง!!” พิมว่าพร้อมกับส่งรอยยิ้มเยาะเย้ย ใบหน้าสวยหวานบิดเบี้ยวแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน



“แต่คนโง่แบบพี่ก็ทำให้พิมเจ็บได้เหมือนกัน” อาร์ตเองก็เฉือดเฉือนคำพูดกลับไปอย่างเจ็บแสบ แต่พิมกลับไม่แสดงออกการโกรธเกรี้ยวออกมาอีกนอกจากยิ้มรับ



“คิกๆๆ” พิมหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน จนทำให้อาร์ตกับปิงต้องมองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ



“ไม่เป็นไรนะคะพี่ปิง ยังไงพิมก็รับในสิ่งที่พี่เป็นได้ และพิมจะทำให้พี่เป็นของพิมนะคะ” พิมพูดเสียงอ่อนหวานกับปิง พร้อมทั้งเดินมาจับหน้าของเจ้าตัวแผ่วเบา แสดงความรักใคร่ที่ทำให้ปิงถึงกับผงะและถอยหลังหนีในทันที เพราะเหมือนมีสัญญาณอันตรายอะไรบางอย่างที่อีกฝ่ายส่งออกมา



“ส่วนพี่” พิมตวัดกลับมาหาอาร์ต สายตาที่ใช้มองเต็มไปด้วยความแค้นเคือง



“แล้วพี่จะเสียใจที่ทำแบบนี้กับพิม!!!” พิมพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงอาฆาต และส่งสายตาจงเกลียดจงชังไปให้อาร์ต ก่อนเจ้าตัวจะยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าและเดินจากไป



อาร์ตมองตามหลังอดีตคนรักด้วยความไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก แววตาและน้ำเสียงที่อีกฝ่ายใช้เมื่อครู่ มันไม่ใช่แค่น้ำเสียงของคนที่โกรธเคืองกันธรรมดา แต่มันเป็นเสียงที่คนใช้เวลาเกลียดกันอย่างแท้จริง รวมทั้งคำพูดทิ้งท้ายที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา มันทำให้อาร์ตเริ่มคิดไม่ตก



“สะใจมึงหรือยัง” เสียงที่ดังขึ้นทางด้านหลังทำให้อาร์ตหลุดจากความคิดของตัวเอง และหันกลับไปมองเจ้าของเสียงนั้นทันที



“กูถามว่ามึงสะใจแล้วหรือยัง” ปิงเอ่ยปากถามย้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอาร์ตยังยืนเงียบ



“กู...กู...” อาร์ตออกอาการอึกอัก พยายามคิดหาคำพูดเพื่อที่จะตอบคำถาม แต่จนแล้วจนรอดก้หาไม่ได้ สุดท้ายเลยต่องยื่นนิ่งเงียบเหมือนเดิม



“ถ้าสะใจแล้วก็พอ...อย่าให้กูผิดหวังกับมึงไปมากกว่านี้เลย” ปิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่ชัดเจนในทุกคำพูด สายตาที่มองอาร์ตมันว่างเปล่าไร้ความรู้สึก




“กูขอ...”




“อย่าพูดคำนั้น เพราะกูไม่ได้อยากได้ยิน และกูไม่ได้โทษมึง” ปิงพูดสวนขึ้นมาทันที เมื่อรุ้ว่าอาร์ตจะพูดอะไรออกมา



“ถ้ารู้สึกผิดจริงก็พอได้แล้ว...กูไม่อยากเสียเพื่อนของกูไป” ปิงพูดทิ้งท้ายแค่นั้นก่อนจะเดินผ่านอาร์ตไป ทิ้งให้อาร์ตยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง พร้อมกับความรู้สึกผิดที่เริ่มพุ่งเข้าโจมตีอย่างบ้าคลั่ง




‘เขาควรจะยิ้ม ควรจะหัวเราะ ควรมีความสุขกับชัยชนะครั้งนี้ไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมกันนะมันถึงได้มีแต่ความรู้สึกเกลียดตัวเองอยู่เต็มไปหมดแบบนี้’



...

...



“มีอะไร” อาร์ตเอ่ยปากถามขึ้นในทันทีที่เห็นหน้าอีกฝ่าย




           “เข้ามาข้างในก่อนสิคะ” พิมส่งยิ้มหวานให้อาร์ต และเปิดประตูบ้านให้พร้อมกับเดินนำเข้าไป ซึ่งอาร์ตได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะตามเข้าไปข้างในอย่างไม่อิดออด



ตั้งแต่เกิดเรื่องราวในวันนั้นอะไรหลายๆอย่างก็เปลี่ยนไปมาก พิมคอยตามตื้อปิงตลอดเวลาและหาเรื่องอาร์ตได้ในทุกๆ ครั้งที่มีโอกาส แถมนิสัยใจคอยังเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ต่างกับที่ทุกคนเคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง




พิมกลายเป็นผู้หญิงปากร้าย ขี้โมโห และดูน่ากลัวในบางเวลา พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อฟาดฟันกับอาร์ตในการแย่งปิง ทั้งๆ ที่อาร์ตเองก็ไม่ได้คิดจะวุ่นวายอะไรด้วยแล้ว พอทุกอย่างไม่เป็นดั่งใจนึกพิมก็จะอาละวาด ล่าสุดคือการประกาสกร้าวไปทั่วว่าที่อาร์ตกับตัวเองเลิกกัน เพราะอาร์ตเป็นเกย์แอบชอบเพื่อนสนิทตัวเอง และมันทำให้ความสัมพันธ์ของอาร์ตกับคนรอบข้างแทบจะดิ่งลงเหว




ในขณะที่อาร์ตเริ่มจะปลงตกกับชีวิต อยู่ๆ เบอร์โทรศัพท์ที่เคยหายไปนานก็มีสายโทรเข้ามา และนัดเขาออกมาเจอที่บ้านเพื่อเคลียร์ปัญหาทุกอย่าง ซึ่งอาร์ตก็ยินยอมพร้อมใจมาโดยที่ไม่ได้คิดอะไร เพราะอยากจะจบเรื่องบ้าๆ ที่ตัวเองเป็นคนก่อนขึ้นนี่สักที



“เข้าไปคุยกันในห้องเถอะค่ะ” พิมเปิดประตูห้องนอนของตัวเองออกและเดินนำเข้าไป อาร์ตมีท่าทีลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยอมตามเข้าไป เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบพิมคงทำอะไรเขาไม่ได้



“นี่มันอะไร” อาร์ตถึงกับครางออกมาอย่างตกตะลึงในลำคอ เมื่อได้เห็นภายในห้องนอนของพิมเป็นครั้งแรก สายตากวาดมองไปรอบๆ ห้องอย่างเหลือเชื่อ ขนในกายทุกเส้นลุกชันอย่างห้ามไม่อยู่ นี่สินะเหตุผลที่ตลอดเวลาอีกฝ่ายปฏิเสธไม่ให้เขาเข้าห้องนอนของตัวเอง



“เห็นแล้วใช่ไหมคะ” พิมถามเสียงราบเรียบก่อนจะเดินลงไปทรุดตัวลงนั่งที่เตียงนอน และหยิบรูปภาพขนาดใหญ่ขึ้นมาตระกองกอดอย่างหวงแหน



“พี่เห็นความรักที่พิมมีให้พี่ปิงแล้วใช่ไหมคะ” พิมบอกอาร์ตด้วยสายตาที่เลื่อนลอยพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนๆให้




“นี่มันผิดปกติแล้ว” อาร์ตแย้งออกมาทันที มองสิ่งของในห้องนอนของพิมด้วยความขยะแขยง เพราะแทบจะทุกตารางนิ้วมันมีรูปของปิงในอิริยาบถต่างๆ แปะกระจายอยู่เต็มไปหมด



“ไม่!! พิมไม่ได้ผิดปกติ พี่นั่นแหละผิดปกติ!! ไอ้เกย์โรคจิต” พิมตวาดเสียงดุดันจ้องมองอาร์ตด้วยแววตาแข็งกร้าว



“ทำไม...ทั้งๆ ที่พิมเปลี่ยนตัวเองให้เป็นแบบที่พี่ปิงชอบ แต่ทำไมพี่ปิงยังไม่เป็นของปิง ทุกอย่างมันเป็นเพราะพี่...เพราะพี่นั่นแหละ!!” พิมพึมพำกับตัวเองไปมาซ้ำๆ อย่างเลื่อนลอย ก่อนจะหันมาตวาดใส่อาร์ตเสียงกร้าว ซึ่งทุกอย่างเปลี่ยนเร็วไปมาชนิดที่อาร์ตตามไม่ทัน เขาไม่รู้ว่าพิมเป็นอะไรแต่อาการแบบนี้มันเหมือนคนมีอาการทางจิต



“พี่อาร์ต...” อยู่ๆ พิมก็มีท่าทีที่อ่อนลง และเรียกอาร์ตเสียงหวาน ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้าหาอาร์ตและคว้าเอาแขนอีกฝ่ายขึ้นมาจับ



“พี่คืนพี่ปิงให้พิมนะคะ...อย่าแย่งพี่ปิงไป” พิมจับฝ่ามือใหญ่ของอาร์ตขึ้นแนบแก้ม ซึ่งอาร์ตที่มองการกระทำเหล่านั้นได้แต่ยืนนิ่ง ไม่แม้แต่จะตอบอะไรออกไป เพราะไมรู้จริงๆ ว่าจะพูดอะไร และนั้นมันทำให้พิมไม่พอใจ



“โอ๊ย!!” อาร์ตถึงกับส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บ เมื่ออยู่ๆ พิมก็จิกเล็บลงมาบนเนื้อและกอดแขนเอาไว้แน่นพยายามสะบัดออกก็ไม่หลุด ทั้งๆ ที่พิมตัวเล็กนิดเดียวแต่ตอนนี้กลับเอาแรงมากมายพวกนี้มาจากไหนไม่รู้




“ตอบมาสิคะ ว่าพี่จะเลิกยุ่งกับพี่ปิง...ตอบสิคะ” พิมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แต่แววตาที่ใช้มองกลับแข็งกร้าว ดุดัน ขู่บังคับ



“พี่ว่าพิมต้องไปหาหมอ...พี่จะบอกพี่ชาติให้” อาร์ตกระชากแขนของตัวเองออกจากการเกาะกุมของพิมได้สำเร็จ และหันหลังเตรียมเดินออกจากห้องทันที เพราะไม่อยากจะอยู่ในห้องที่ชวนสะอิดสะเอียนมากไปกว่านี้



“หยุด!! ถ้าพี่ไม่หยุด พิมยิงแน่” แต่แล้วอาร์ตก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อได้ยินเสียงเรียกแข็งกร้าวผสมขู่บังคับจากพิม และทันทีที่หันกลับไปหัวใจของเขาก็แทบจะหล่นลงไปอยู่ตาตุ่ม ตีรันฟันแทงมาก็เยอะแต่นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ได้เผชิญหน้ากับปืน




“พิมจะทำอะไร...วางลงเดี๋ยวนี้นะ” อาร์ตสั่งเสียงเข้ม แต่นอกจากพิมจะไม่ฟังยังจงใจเล็งเข้าที่หัวของอาร์ตด้วยซ้ำ



“ตอบมา!!! รับปากกับพิมมา ว่าพี่จะเลิกยุ่งกับพี่ปิง!!!” พิมตวาดลั่น น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มเต็มไปหมด พร้อมๆ กับที่ปืนในมือปัดป่ายไปมาอย่างน่ากลัว



“ใจเย็นๆ นะพิม พี่รับปาก พี่จะไม่ยุ่งกับไอ้ปิงอีก วางปืนนะครับ” อาร์ตพยายามเกลี่ยกล่อมพิมให้ใจเย็น ตอนนี้หัวใจเต้นรัวไปหมด ความรู้สึกกดดันกำลังถาโถมเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง เขาไม่ได้คิดเลยว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรต่อ



“จริงๆ นะคะ พี่รับปากพิมนะ” พิมส่งยิ้มหวานให้อาร์ตพร้อมกับลดปืนในมือลง ซึ่งนั้นมันทำให้อาร์ตหายใจออกมาอย่างโล่งอก




“ส่งปืนมาให้พี่นะ” อาร์ตบอกอย่างอ่อนโยนและเขยิบเข้าไปใกล้พร้อมทั้งยื่นมือไปขอปืนจากพิม ซึ่งพิมเองก็ยื่นให้แต่โดยดี



แต่ในวินาทีที่ปืนสัมผัสลงบนมืออาร์ตพิมก็กระชากตัวของอาร์ตเข้าหาเต็มแรง พร้อมๆ กับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และรอยยิ้มร้ายที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน



“จะทำอะไร” อาร์ตถามขึ้นด้วยความตกใจ มองฝ่ามือของตัวเองที่จับอยู่บนปืนพร้อมกับมือของพิมด้วยใจระทึก พยายามจะสะบัดออกหลุดแต่ก็ไม่สำเร็จ และไม่กล้าที่จะใช้แรงในการยื้อแย่ง เพราะท่วงท่าในตอนนี้มันเสี่ยงที่จะเกิดปืนลั่นได้ง่ายๆ



“พิมบอกแล้วว่าพี่มันโง่ ในเมื่อพี่ปิงไม่รักพิมและพิมไม่มีความสุข คนแบบพี่ก็ไม่ควรจะมีเหมือนกัน!!” พิมพูดเสียงเหี้ยมและแสยะยิ้มใส่อาร์ตอย่างน่ากลัว ใบหน้าสวยหวานบิดเบี้ยวราวกับปีศาจ



“พิมบอกแล้วใช่ไหมคะว่าพี่จะต้องเสียใจที่ทำแบบนั้นกับพิม” พิมพูดออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน




ปัง!!!!!



“พิม!!!”



เสียงปืนที่ดังก้องกัมปนาทในห้องนอนเล็ก กลิ่นเขม่าดินปืนและกลิ่นคาวเลือดที่ลอยคละคลุ้ง เสียงร้องตะโกนโวยวายจากคนรอบข้าง และร่างเล็กของหญิงสาวที่ค่อยๆ ทรุดตัวลงต่อหน้า รอยยิ้มแห่งชัยชนะที่ได้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย ทุกอย่างคือจุดเริ่มต้นของนรกในใจที่หนักอึ้งเหมือนปืนที่อยู่บนมือในวันนั้น







2 Be Con...



++++++++++++++++

ตอนหน้ากลับไปหาปัจจุบันกัน

กลับไปหามุมมองคนอื่นๆ ในเรื่องที่เกิดขึ้น

พร้อมกับเหตุการณ์เพิ่มเติมจากปากเฮีย

รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^

ปล. ความรักมัธยมใครบอกว่าใสๆวัยขบเผาะ


ปลล.รองจากแฮ็คพิมคือตัวละครที่คนเขียนรั

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
เอาความรู้สึกแรกเลยนะ โคตรสะใจ โหยซูฮกอาร์ตเลย เป็นการแก้แค้นที่แซ่บมากๆๆๆๆ
ความรู้สึกถัดมา เจ็บไปกับปิง เอ....เหมือนจะเจ็บกว่าไหม???555+
แลดูปิงชิลๆไม่โกรธไรอาร์ตมากมาย แต่ถ้าทำใจได้ก็เป็นผลดีกับตัวปิงเองอ่ะเนอะ^^
ความรู้สึกสุดท้าย โอ้!!! อินี่มันคนบ้านี่หว่า กำๆๆๆๆๆเฮียเราเจอะคนบ้าเบอร์นี้เข้าไป
เฮ้อ ทำได้แค่ถอนใจสงสารจริงๆค่ะ
แล้วอิตาพี่ชาตินี่จะมาโกรธมาแค้นอะไร????
ไม่รู้หรอไงว่าพิมมันบ้า หรือว่าป่วยพอๆกันกับยัยคนน้อง โกรธแทนเฮียค่ะ^^




ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai1: :katai1: :katai1:  เอ่มมม น้องจะว่าไงหว่า คงทำใจไม่ได้แน่ๆเลย เฮ้ออ เป็นใครกผ้คงขอเวลาแระ

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ตามอ่านทันแล้วตั้งแต่เรื่องพี่ปอ น้องเลิฟ จนถึงพี่อาร์ต น้องพีท สนุกมากเรื่องน่าติดตาม :pig4:

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่

- 35 -


Part ต้น


                เพราะหัวใจรักบริสุทธิ์ในวันวานถูกตอบแทนด้วยความผิดหวังและคำหลอกลวง อาร์ตจึงเลือกจะสะท้อนความเสียใจทั้งหมดของตัวเองด้วยการเอาคืน วันนั้นเขาตัดสินใจขว้างก้อนหินที่เรียกว่าความเสียใจออกจากตัวเองจนสุดแรง โดยที่ไม่ได้คิดว่าสุดท้ายแล้วก้อนหินก้อนนั้นก็ต้องตกลงมาตามแรงโน้มถ่วง ซ้ำร้ายยิ่งกว่าคือจุดที่หินหล่นลงมากระทบมันคือผืนน้ำ ยิ่งแรงตกกระทบมากเท่าไหร่ น้ำยิ่งกระจายออกเป็นวงคลื่นมากขึ้นเท่านั้น


                เพราะอารมณ์ชั่ววูบ เพราะความแค้นเคืองจากเรื่องเล็กๆ ที่เรียกได้ว่าเรื่องไม่เป็นเรื่อง นำพาความเจ็บปวดให้แตกกระจายเป็นวงกว้าง หลายคนต้องเจ็บปวดแต่ที่มากไปกว่านั้นคือการสูญเสีย พิมผิดที่ล้อเล่นกับความรู้สึกของเขา แต่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมดคนที่เลวที่สุดคือตัวของเขาเอง



                ภาพของวันวานยังคงสะท้อนอยู่ในความทรงจำไม่เลือนหาย ใบหน้าเจ็บปวดของปิง แววตาโกรธแค้นของชาติ เสียงร่ำไห้เหมือนใจจะขาดของครอบครัวพิม สายตาผิดหวังจากแม่ครูที่เป็นดั่งผู้ให้กำเนิด และรอยยิ้มสะใจสุดท้ายจากพิม มันยังคงวนเวียนตอกย้ำอยู่ซ้ำๆ




แม้หลายคนจะบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของเขากับการตายของพิม เขาเองก็อยากจะหลอกตัวเองแบบนั้นว่ามันไม่ใช่ แต่ในส่วนลึกของหัวใจเขารู้ดีว่าหลอกตัวเองไม่ได้ ถ้าเขาเลือกที่จะยอมรับความผิดหวังและเป็นผู้แพ้แต่โดยดีในวันนั้น  วันนี้ เวลานี้ ก็คงจะไม่มีใครสูญเสีย ไม่มีใครเสียใจ และคงไม่ได้เห็นสายตาผิดหวังจากคนที่เขารักอีกครั้ง



สายลมเย็นรอบข้างยังคงพัดผ่านผิวกายเอื่อยๆ แสงจากพระอาทิตย์ที่เลื่อนคล้อยต่ำใกล้ลาลับขอบฟ้า เสียงกิ่งไม้เสียดสีปลิวไสวหยอกล้อกับสายลมยังคงส่งเสียงให้ได้ยินเป็นระยะ ท่ามกลางความเงียบไร้คำเอื้อนเอ่ยใดๆ จากผู้รับฟังที่อยู่ตรงนั้น สิ่งเดียวที่บ่งบอกว่าคนตรงหน้าของอาร์ตรับรู้ในสิ่งที่เขาบอกเล่า คือสีหน้าเจ็บปวดและแววตาผิดหวังที่ส่งผ่านอย่างไม่มีปิดบัง




“พีท...” อาร์ตเค้นเสียงจากลำคอเพื่อเรียกอีกฝ่ายแล้วยื่นมือเข้าหา แต่ก็ต้องหยุดชะงักและไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่าเรียก เมื่ออีกฝ่ายขยับกายถอยห่างและมองกลับมาด้วยแววตาแบบที่เขากลัวไม่มีผิด แววตาผิดหวัง เจ็บปวด สับสน ไม่เชื่อใจ ทั้งๆ ที่เตรียมใจเอาไว้แล้วว่าสุดท้ายต้องเจอกับอะไรแบบนี้ แต่พออยู่ในสถานการณ์จริง สิ่งที่คิดกับสิ่งที่เจอมันต่างกันลิบลับ ความเจ็บปวดมันต่างกันราวฟ้ากับเหว



“อ่ะ...คือ...” พีทส่งเสียงอึกอักออกมาอย่างทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะขยับถอยหนี แต่ร่างกายมันเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ รู้ตัวอีกทีมือของอาร์ตก็ถูกเจ้าตัวชักกลับไปแล้ว พร้อมกับแววตาเจ็บปวดที่อีกฝ่ายมองกลับมา



“กูไปรอที่รถ” ปิงที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้นตัดสินใจเอ่ยแทรกขึ้นมา ยื่นฝ่ามือไปตบลงบนไหล่ของอาร์ตเบาๆ อย่างให้กำลังใจ และหันมาส่งยิ้มให้พีท ก่อนจะเดินออกไปจากบริเวณนั้นเพื่อให้ทั้งคู่ได้เคลียร์กัน



พีทได้แต่มองตามแผ่นหลังที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ของปิง ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับอาร์ต และก้มหลบสายตาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ได้รับรู้อย่างกะทันหันมันทำให้เขามองหน้าอาร์ตตรงๆ ไม่ได้ ความรู้สึกภายในตอนนี้มันหลากหลายและพันกันจนแยกไม่ออก แต่ที่มากไปกว่านั้นคืออาร์ตสำหรับเขาตอนนี้เหมือนคนแปลกหน้าไม่มีผิด



เรื่องราวในอดีตของอีกฝ่ายมีผลกระทบต่อความรู้สึกของเขาในตอนนี้พอสมควร สมองเขารับรู้ทุกอย่างว่าเรื่องที่เล่ามาคือเรื่องราวในอดีต แต่จะให้เขาทำใจยิ้มรับได้เหมือนไม่มีอะไรเขาคงทำให้ไม่ได้ ไหนจะเรื่องของปิงที่มันเกี่ยวโยงกับอาร์ตมากกว่าที่เขาคิด และที่สำคัญมากกว่านั้นเขาไม่แน่ใจในความรู้สึกระหว่างอาร์ตกับปิง เขายอมรับว่ามันสับสนจนคิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ



“กลับห้องเลยไหม? เย็นแล้ว” อาร์ตถามขึ้นพร้อมกับส่งรอยยิ้มบางๆ ที่ดูฝืนเต็มทนไปให้พีท




“วันนี้จะกลับไปนอนบ้าน” พีทส่ายหัวและพึมพำบอกแผ่วเบา แต่อาร์ตที่ได้ยินแบบนั้นเหมือนมีใครเอามือมาบีบคอไว้ไม่มีผิด จุกจนหายใจแทบไม่ออก



“แค่กลับไปนอนใช่ไหม” อาร์ตถามด้วยน้ำเสียงขาดห้วง ในลำคอแห้งผากแทบจะกลายเป็นผง สายตาที่ใช้มองหน้าอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความทรมานและขอร้อง ขออย่าให้คนตรงหน้าตัดสินใจอะไรแบบที่เขากลัวก็พอ



“ไม่รู้...” พีทพึมพำตอบแผ่วเบาด้วยเสียงที่ไม่ต่างจากกระซิบในครั้งแรก และก้มหน้างุดไม่ยอมเงยขึ้นมาสบตากับอาร์ต และการกระทำเหล่านั้นทั้งหมดมันทำให้อาร์ตปวดใจ



“งั้นพี่ไปส่งนะครับ” อาร์ตเอ่ยปากอาสาด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้ปกติที่สุด



“อือ” พีทเงยหน้าขึ้นสบตากับอาร์ตเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า และส่งเสียงตอบรับเบาๆ ในลำคอ ซึ่งนั้นมันทำให้อาร์ตยังพอยิ้มออกมาได้บ้าง เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้รู้ว่าพีทไม่ได้ตัดรอน แค่อาจจะขอเวลาคิด



“เดี๋ยวไปรอที่รถนะ” พีทบอกและตั้งท่าจะเดินหนีทันที เพราะไม่รู้จะทำตัวยังไงให้กับบรรยากาสแบบนี้



“ครับ” อาร์ตตอบรับแผ่วเบาพร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้ แม้ว่ามันจะดูฝืนเต็มทนแล่วก็ตามที



พีทมองรอยยิ้มอ่อนโยนของอีกฝ่ายที่ได้รับมาตลอดด้วยความรู้สึกผิด เพราะไม่บอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องพยายามมากแค่ไหนที่จะส่งยิ้มออกมา ในอกมันไหววูบและสั่นอย่างรุนแรงจนรู้สึกเจ็บแปลบ ทำไมต้องยิ้มออกมาทั้งๆ ที่รุ้สึกแย่ เขาไม่เข้าใจอีกฝ่ายเลยจริงๆ และรอยยิ้มในตอนนี้มันคือรอยยิ้มที่จะสื่ออะไรกันแน่




พีทมองอาร์ตที่ไม่ว่าอะไรก็ยิ้มด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีไปในทันที เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความโมโหที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันเป็นเพราะอะไร เพราะเรื่องราวในอดีตของอีกฝ่าย เพราะความรู้สึกระหว่างปิงกับอาร์ตที่ยังคลุมเครือ หรือเป็นเพราะรอยยิ้มแสนทรมานของอีกฝ่ายเมื่อกี้กันแน่ เขาไม่รู้เลย...ไม่รู้จริงๆ



แปะ แปะ แปะ



เสียงปรบมือที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันพร้อมกับการปรากฏตัวของชาติ ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้กับอาร์ตเท่าไหร่ นอกจากการหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้าอีกฝ่ายตรงๆ



“แมนจริงๆ เล่าซะหมดเปลือก ถามจริงมึงไม่อายกับความระยำของตัวเองเหรอวะ” ชาติพูดใส่หน้าอาร์ตด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยอย่างเต็มที่ สายตาที่ใช้มองอดีตรุ่นน้องคนสนิทเต็มไปด้วยความเกลียดชัง



“แต่ดูท่าความแมนของมึงจะไม่ค่อยดีว่ะ อย่างว่าแหละใครมันจะรับคนเหี้ยๆ ได้” ชาติยังคงพูดจาเยาะเย้ยไม่หยุด และมองอาร์ตอย่างสมเพช




อันที่จริงเขายืนอยู่ตรงนี้นานแล้ว ไม่ได้สะกดรอยตามอะไรแบบนั้นหรอก แค่วันนี้คือวันครบรอบวันตายของน้องสาวเขา และเขาก็จะมาอยู่กับน้องจนฟ้ามืดแบบนี้ประจำ แถมยังได้กระทืบอาร์ตในทุกๆ ปีเพราะอีกฝ่ายต้องมาไหว้ศพ แต่ปีนี้เขาเลือกที่จะไม่อาละวาดและรอดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่เงียบๆ ซึ่งมันสร้างความสะใจกับเขาที่สุด




เขารอมานานแล้ว รอวันที่อาร์ตจะรักใครสักคน และโดนปฎิเสธเหมือนที่น้องเขาโดน หน้าตาบิดเบี้ยวทรมานของอาร์ตคือสิ่งที่เขารอคอย ในเมื่อน้องเขาตามแบบไม่มีความสุข อาร์ตเองก็จะอยู่แบบมีความสุขไม่ได้เหมือนกัน



“พี่ไม่เหนื่อยเหรอวะ” อาร์ตที่ยืนนิ่งเงียบฟังคำถากถางมานานเอ่ยแทรกขึ้นอย่างเหนื่อยใจ หลายคนบอกให้เขาทำร้ายชาติเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้เลิกวุ่นวาย แต่เขาไม่เคยทำและไม่คิดจะทำ เพราะการที่ชาติเป็นแบบนี้มันคือหนึ่งในความผิดของเขา เป็นความรับผิดชอบที่เขาต้องทนและก้มหน้ารับ



“ผมไม่ได้อะไรหรอกนะที่พี่จะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แต่ผมแค่อยากรู้ พี่ไม่เหนื่อยเหรอวะ ทำไมผมเหนื่อยวะ” อาร์ตบอกแค่นั้นแล้วหันหลังเดินหนีไปจากตรงนั้นทันที ที่พุดไปเมื่อกี้เขาพูดจากใจจริง ไม่ใช่จะหนีจากความผิดที่ก่อไว้ แต่ว่าเขาเหนื่อย เหนื่อยกับทุกอย่างที่มันดูเหมือนวนเวียนไม่จบไม่สิ้น และเขาอยากให้ชาติเลิกวนเวียนกับมัน ไม่ใช่เพื่อเขาจะได้รู้สึกดีขึ้นแต่มันเพื่อตัวของชาติเองทั้งนั้น ไม่ว่าชาติจะหยุดหรือไม่หยุดยังไงเขาก็ต้องอยู่กับนรกที่ตวเองสร้างไปทั้งชีวิตอยู่ดี



คิดๆ ไปแล้วก็อยากจะหัวเราะออกมาดังๆ ทำตัวเป็นพระเอกแต่ตอนนี้เหมือนจะตายซะให้ได้ เจ็บจนตื้อไปหมด แค่สายตาผิดหวังที่พีทมองมา ก็เหมือนน้องเอาดาบตัดคอโดยที่ไม่ต้องพุดแล้ว นึกถึงคำพูดของอ้นที่เคยเหน็บแหนมให้ได้ยินบ่อยๆขึ้นมาทันที เขานี่มันทำตัวเป็น ‘พระเอกโง่ๆ’ ส่วนพี่ชาติก็ ‘ตัวร้ายปัญญาอ่อน’ จริงๆ แต่ไหนๆ เขาก็โง่แล้ว พีทจะเห็นใจและให้โอกาสคนโง่ๆ แบบเขาไหม



>>> 50% <<<

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ฝากถึงพี่ชาติได้ไหมเนี่ยคือพี่ลำไยมากคะน้องพี่ก็ Iran สมควรละคะคือคันหูรีไม่ลืมหูลืมตาตายๆทิ้งไปเถอะคะคือมะม่วง มะม่วง11.รดอีกนะคะแหม ส่วนเฮียกับน้องพีทก็ปล่อยๆตมสถานการณ์คะ เพราะน้องพิมทำตัวแบบนี้สมควรตายทิ้งๆไปเถอะคะสมควนแล้ว

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
ตั้งแต่อ่านเรื่องนี้มา ใช้แต่ตัวนี้แหละ  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: บี๋ย

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
 พี่ชาติมึงก็เนอะไม่เหนื่อยบ้างงัย o12 o12 o12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
ฝากถึงพี่ชาติได้ไหมเนี่ยคือพี่ลำไยมากคะน้องพี่ก็ Iran สมควรละคะคือคันหูรีไม่ลืมหูลืมตาตายๆทิ้งไปเถอะคะคือมะม่วง มะม่วง11.รดอีกนะคะแหม ส่วนเฮียกับน้องพีทก็ปล่อยๆตมสถานการณ์คะ เพราะน้องพิมทำตัวแบบนี้สมควรตายทิ้งๆไปเถอะคะสมควนแล้ว
เราขอสารรูปเราอ่านคำด่าแล้วแปลไม่ออก 55

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
กัดครั้งที่
- 35 -

Part จบ


รถยนต์คันหรูของปิงเคลื่อนตัวเข้ามาช้าๆ ตามถนนในหมู่บ้าน ก่อนจะจอดนิ่งและดับเครื่องยนต์ลงที่หน้าบ้านขนาดใหญ่หลังหนึ่ง โดยที่ตลอดระยะเวลาการเดินทางไม่มีการพูดคุยใดๆ ระหว่างผู้ร่วมโดยสารทั้งสิ้น ต่างฝ่ายต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง



“ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” พีทพูดขอบคุณเสียงเบา ซึ่งนับว่าเป็นประโยคพูดคุยประโยคแรกหลังจากเงียบมานาน เจ้าตัวยกมือไหว้คนอายุมากกว่าทั้งคู่ และจัดการเปิดประตูรถลงไปโดยไม่คิดจะลีลาหรือพูดอะไรมากกว่านั้น



อาร์ตถอนหายใจออกมาด้วยความหนักอึ้ง ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูรถและเดินตามลงไป มือหนาคว้าเอาแขนเล็กไว้ได้ทันก่อนที่มันจะหายเข้าไปในประตูรั้วบานใหญ่ จากนั้นกระตุกมันเบาๆ เพื่อให้เจ้าตัวหันกลับมาเผชิญหน้า



ปี้นๆ



แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้พูดคุยกัน เสียงบีบแตรรถที่ดังจากทางหน้าบ้านก็เรียกความสนใจออกไปแทน พร้อมกับกระจกรถหรูที่เลื่อนลงและใบหน้าของเจ้าสัวพิชิตที่ยื่นออกมาส่งยิ้มให้



“สวัสดีครับ” อาร์ตยกมือขึ้นไหว้คนตรงหน้าอย่างนอบน้อม ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับเบาๆ



“มายืนทำอะไรกันตรงนี้ เข้าไปคุยในบ้านสิ” เจ้าสัวพิชิตเอ่ยปากชวนและเลื่อนกระจกรถปิด พร้อมกับรถที่เคลื่อนตัวเข้าบ้านไป



“เดี๋ยวตามเข้าไป พี่ไปบอกไอ้ปิงก่อน” อาร์ตยกมือขึ้นลูบหัวพีทเบาๆ ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับหงอยๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน



อาร์ตมองตามและยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินเลี่ยงไปหาปิงที่รถ เพื่อบอกอีกฝ่ายว่าเขาจะเข้าไปข้านบ้านสักพัก แต่พอเดินมาถึงรถก็เห็นปิงคุยโทรศัพท์อยู่ด้วยท่าทางเคร่งเครียด  เขาเลยแค่เคาะกระจกรถและส่งสัญญาณมือบอกอีกฝ่ายว่าจะเข้าไปด้านใน ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้ารับรู้และจดจ่ออยู่กับการคุยโทรศัพท์ ที่ดูท่าแล้วน่าจะมีปัญหาอะไรสักอย่างกับคนในสายแน่ๆ



อาร์ตทิ้งให้ปิงที่ดูจะอิจฉาเขาด้วยการมีปัญหาเป็นของตัวเองไว้เบื้องหลัง แล้วรีบเดินเข้าไปในตัวบ้านเพราะไม่อยากให้ผู้ใหญ่รอนาน ก่อนจะยกมือไหว้อีกครั้งเมื่อเห็นว่าเจ้าสัวพิชิตนั่งรออยู่แล้ว



“ไหว้พระเถอะ นั่งลงคุยกันก่อนสิ” เจ้าสัวพิชิตยกมือรับไหว้และเชื้อเชิญให้อาร์ตนั่งลงเพื่อคุยกัน ซึ่งอาร์ตเองก็เลือกนั่งลงโซฟาตัวใกล้ๆ กับที่พีทนั่งอยู่



“เป็นไงมาไงล่ะถึงได้มากันซะดึก” เจ้าสัวพิชิตเอ่ยปากถามเรียบเรื่อยพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้ ตาของท่านก็มองใบหน้าลูกชายเพียงคนเดียวกับเพื่อนรุ่นพี่ด้วยความแปลกใจ ยิ่งเห็นใบหน้างอง้ำเหมือนโดนใครขัดใจของพีท ท่านยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ว่าคงต้องมีอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้หอบกันมาบ้านท่านดึกดื่นแบบนี้



“พอดีน้องพีทเขาคิดถึงบ้านนะครับ” อาร์ตตอบพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย พยายามพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี เพื่อไม่ให้ผู้ใหญ่รู้สึกเป็นกังวลไปด้วย




“ฮ่าๆ เจ้าพีทมันคิดถึงบ้าน หรือว่าเราไปขัดใจอะไรเข้า เลยงอแงกลับมาบ้านกันแน่” เจ้าสัวพิชิตพูดออกมาอย่างรู้ทัน พร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ เอื้อมมือไปขยี้หัวของพีทที่นั่งใกล้ๆ จนฟูฟ่อง



“อะไรเล่าป๊า!!! อยากกลับมานอนเองเหอะ คิดถึงไม่ได้หรือไง” พีทโวยวายออกมาเสียงดัง ใบหน้างอง้ำอย่างขัดใจ ก่อนจะกอดคนเป็นพ่อแน่นแล้วเอาหน้าซุกอกอยู่แบบนั้น




“ถ้าไม่มีปัญหา หน้าอย่างเราจะกลับมาบ้านเหรอ” เจ้าสัวพิชิตยกมือกอดลูกชายเบาๆ แล้วมองด้วยสายตาเอ็นดู




“ชิ...แล้วทำไมป๊าไม่คิดว่าไอ้พี่อาร์ตมันสร้างปัญหาให้ จนผมต้องหนีกับมานอนบ้านบ้างล่ะ” พีทว่าเสียงอู้อี้แต่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาใคร




“จริงเหรอเจ้าอาร์ต แกล้งลูกชายลุงจนมันหนีกลับบ้านเหรอ” เจ้าสัวพิชิตแกล้งหันมาถามอาร์ต แต่คำพูดแฝงด้วยความติดตลก ไม่ได้เชื่อในสิ่งที่พีทพูดเลยสักนิด เพราะท่านรู้ดีว่าลูกชายท่านนิสัยเป็นยังไง




“ก็ทำให้น้องโกรธจริงๆ ล่ะครับ” อาร์ตยิ้มจืดๆ และพูดออกไปในสิ่งที่รู้กันแค่สองคนกับพีท แต่กลับเรียกเสียงหัวเราะชอบใจได้จากเจ้าสัวพิชิตไม่หยุด



“อุตส่าห์ฝากฝังให้ช่วยดัดนิสัยไม่โตสักทีของเจ้าพีท ทำไมกลายเป็นยอมตามใจและให้ท้ายลูกลุงอีกคนซะล่ะ” เจ้าสัวพิชิตว่าพร้อมหัวเราะออกมาไม่หยุด เรียกรอยยิ้มจางๆ จากอาร์ต และอาการค้อนตาคว่ำจากพีทได้เป็นอย่างดี



“พี่มันไม่เคยตามใจเลยเหอะ ป๊าอย่าเข้าข้างได้ป่ะ” พีทว่าเสียงสะบัดและซุกหน้าลงกับอกของพ่ออีกครั้ง




“ทำใจหน่อยนะที่ต้องมาเป็นพี่ชายคนไม่รู้จักโตแบบเจ้าพีทมัน” เจ้าสัวพิชิตพูดต่อเรื่อยๆ พร้อมรอยยิ้ม แต่เหมือนยื่นมือมาบีบคอทั้งอาร์ตและพีทพร้อมๆ กันไม่มีผิด




“ครับ” อาร์ตตอบรับออกไปด้วยน้ำเสียงฝืดเฝื่อน แต่ยังคงพยายามรักษาความนิ่ง และส่งยิ้มออกไปเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตุ



“ไม่ได้อยากให้มาเป็นพี่ชายซะหน่อย ให้พี่ไมล์มันเป็นไปคนเดียวก็พอแล้ว” พีทพึมพำประท้วงออกมาเสียงแผ่วเบา รู้สึกจุกอกไม่น้อยเหมือนกันกับคำพูดของพ่อ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรับฟังเฉยๆ



“ไปรบกวนพี่เขาขนาดนั้น ไม่ให้เป็นพี่ชาย แล้วจะใหเขาเป็นอะไร… อย่าถือสาลูกลุงเลยนะ” ประโยคแรกเจ้าสัวพิชิตพูดกับลูกชายด้วยความระอา ก่อนจะหันมาบอกอาร์ตอย่างเกรงใจ เพราะรู้ว่าลูกชายไปรบกวนอีกฝ่ายเอาไว้มาก โดยที่ไม่ได้สักเกตุอาการกระอักกระอ่วนที่เกิดขึ้นเลยสักนิด



“เอาเถอะ ว่าแต่ตกลงจะนอนนี่ใช่ไหม” เจ้าสัวพิชิตเปลี่ยนมาถามไถ่แทน และเลิกสนใจเหตุผลที่พีทกลับมานอนบ้าน ซึ่งพีทก็พยักหน้ารับหงึกงักในกับแผ่นอก



“แล้วเราล่ะ จะนอนนี่ด้วยกันไหมหรือกลับหอ” เจ้าสัวพิชิตหันมาถามอาร์ตอีกคนด้วยความเป็นห่วง



“ไม่ล่ะครับ ผมคงกลับไปนอนหอ” อาร์ตตอบพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งเจ้าสัวพิชิตก็พยักหน้ารับรู้ ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของท่าน



“งั้นลุงขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ งานที่บริษัทยุ่งจริงๆ เมื่อไหร่เจ้าพีทจะเรียนจบก็ไม่รู้ จะได้มาช่วยงานสักที ลูกชายคนเดียวหวังว่าฝากผีฝากไข้ได้บ้างล่ะนะ” เจ้าสัวพิชิตบ่นออกมาพร้อมหัวเราะในลำคอ มือก็เอื้อมไปขยี้หัวลูกชายจนยุ่งไปหมด



“บ่นอีกละป๊า รีบไปพักเลย” พีทว่าหน้าบึ้ง มือก็ดันพ่อให้เดินไปเร็วๆ



“เออๆ ไอ้ลูกคนนี้ คุยกันดีๆ ล่ะ” เจ้าสัวพิชิตเขกหัวพีทหนึ่งทีเป็นการสั่งลาด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะเดินไปและทิ้งให้อาร์ตกับพีทอยู่ด้วยกันสองคน ท่ามกลางความอึดอัดที่เกิดขึ้นมาในทันที



“เอ่อ...คือ…” พีทอึกอักในลำคอ พยายามหาคำพูดเพื่อคลายความตึงเครียด แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่ออาร์ตพูดสวนขึ้นมาซะก่อน



“พรุ่งนี้ให้พี่มารับไหม” อาร์ตถามเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายคิดมาก



“อือ” พีทตอบรับเสียงเบาและสบตาอาร์ตเล็กน้อย ก่อนจะเบนสายตาหลบไปมองอย่างอื่น



“ให้พี่มารับไหม” อาร์ตยังคงถามต่อด้วยท่าทางปกติ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการส่ายหัวปฏิเสธจนผมกระจายจากพีท ทำให้อาร์ตต้องถอนหายใจออกมาหนักๆ



“งั้นพี่กลับก่อนนะ” อาร์ตบอกและลุกขึ้นยืนทันที เพราะไม่อยากนั่งตรงนี้นานๆ กลัวว่าจะยิ่งทำให้เกิดความอึดอัดระหว่าตัวเองกับพีทมากขึ้น



“กลับดีๆ นะ” พีทพึมพำบอกแผ่วเบาและช้อนตามองอาร์ตด้วยความเป็นห่วง เขาเองก็ไม่ได้จะอยากทำแบบนี้แต่ว่าเขายังไม่พร้อมจริงๆ



“ถึงห้องเดี๋ยวพี่ข้อความมาบอก” อาร์ตว่าและยื่นมือมาลูบแก้มเนียนของพีท ก่อนจะถอนหายใจออกมาและเดินออกจากตรงนั้น ใจจริงเขาอยากโทรมากว่าส่งข้อความ แต่อีกฝ่ายคงยังไม่พร้อมจะคุยกับเขาตอนนี้ ได้แค่นี้ในเวลาแบบนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว



พีทมองตามแผ่นหลังกว้างของอาร์ตด้วยความเหงาหงอย ก่อนจะพรู่ลมหายใจออกมาอย่างอึดอัด ในหัวมีความคิดวิ่งชนกันให้วุ่นวายไปหมด จนสุดท้ายเจ้าตัวต้องสะบัดหัวแรงๆ เพื่อไล่ความฟุ้งซ่านออกไป แล้วก้าวขาเดินกลับห้องนอนที่นานๆ จะกลับมานอนสักครั้ง ด้วยสภาพของหัวใจที่หนักอึ้ง และความอ้างว้างที่เกิดขึ้นมาแบบที่ไม่เคยเป็น นานขนาดไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้นอนคนเดียวแบบนี้










อาร์ตเดินลากขากลับอแกมาจากบ้านหลังใหญ่ด้วยสภาพซังกะตาย ก่อนจะเดินไปยังรถที่จอดสนิทอยู่ไม่ไกล จัดการเปิดประตูแล้วเข้าไปทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง




“ไงมึง โดนอะไรมา” ปิงหันมาถามด้วยความเป็นห่วง พร้อมกับความขำที่ได้เห็นสภาพใกล้ตายของอาร์ต นานทีปีหนจะได้เห็นสักครั้ง จนอยากยกโทรศัพท์มาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก



“ยังไหว มึงเหอะยังไงวะ ทะเลาะกันหนักดิ” อาร์ตถามกลับด้วยน้ำเสียงเนือยๆ เพราะจำได้ว่าก่อนเข้าไปในบ้าน เห็นปิงกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทางเคร่งเครียด ถึงตอนนี้นจะไม่ได้ถามแต่เขาก็พอจะเดาออกว่าคนในสายเป็นใคร



“กูไม่ได้ทะเลาะ มันทะเลาะของมันคนเดียว” ปิงว่าด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงด้วยความไม่สบอารมณ์



“มึงก็ใจเย็นๆ หน่อย น้องมันก็คงคิดมากเหมือนของกูนี่ล่ะมั้ง” อาร์ตบอกด้วยความปลง



“คิดเหี้ยอะไรเยอะแยะ ต้องให้ชัดเจนขนาดไหนวะ” ปิงว่าด้วยใบหน้าที่แสดงความหงุดหงิดออกมาอีกครั้ง



“นั่นสิ ต้องชัดเจนขนาดไหน” อาร์ตพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของปิง



"ชีวิตนี้ กูไม่เคยคิดเลยนะว่าจะต้องมีปัญหากับคนอื่น เพราะเรื่องของมึงอีก กูขอให้จบแค่สองครั้งในชีวิตพอนะ" ปิงถอนหายใจออกมาและมองเสี้ยวหน้าของอาร์ตด้วยความเซ็ง แค่ความสิ้นคิดในวัยเด็ก ใครจะไปนึกว่ามันจะลากมาให้ปวดหัวจนถึงทุกวันนี้



"มึงอย่าตอกย้ำกูได้ไหมน้องปิง" อาร์ตกรอกตาไปมาด้วยความเซ็ง กับคำพูดทิ่มแทงของปิง



"ยังกวนตีนได้ แสดงว่าไม่ตาย" ปิงว่าอย่างไม่ใส่ใจกับอาการเหล่านั้นของอาร์ต



"กูเคยตายมาแล้ว จะตายอีกรอบ ศพกูก็คงไม่เละไปกว่านี้มั้ง ว่าแต่มึงเหอะเอาไงต่อ" อาร์ตถอนหายใจอีกครั้งและพูดติดตลก ฝืนยิ้มออกมาแต่ก็จืดเจื่อนเต็มที



"แดกเด็กมีแต่เรื่องปวดหัว" ปิงส่ายหัวอย่างหน่ายๆ หน้านิ่วคิ้วขมวดแสดงความหนักใจออกมาอย่างที่พูด



"ฮ่าๆ อย่างน้อยของกูก็น่ารักกว่าของมึง" อาร์ตที่เห็นความหนักใจของปิงก็พอได้หัวเราะออกมาบ้าง




"เออ!!!" ปิงหันมากระแทกเสียงตอบอาร์ตอย่างหงุดหงิด ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไปจากบริเวณนั้น




วันยุ่งๆ และหนักหน่วงของชีวิตผ่านไปอีกหนึ่งวัน หวังว่าพรุ่งนี้ตื่นนอนมาชีวิตจะได้รับข่าวดี พอให้ได้ยิ้มออกมาบ้างล่ะกัน





2 Be Con...

++++++++++++++++++++++++++

ยังคงมึนๆอึนๆ หน่วงกันเบาๆ

แต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไปนะ

ความรักบางครั้งมันก็ต้องมีความขมบ้าง


รักและขอบคุณคนอ่านจ้า ^^

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ ashbyipcet

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ฝากถึงพี่ชาติได้ไหมเนี่ยคือพี่ลำไยมากคะน้องพี่ก็ Iran สมควรละคะคือคันหูรีไม่ลืมหูลืมตาตายๆทิ้งไปเถอะคะคือมะม่วง มะม่วง11.รดอีกนะคะแหม ส่วนเฮียกับน้องพีทก็ปล่อยๆตมสถานการณ์คะ เพราะน้องพิมทำตัวแบบนี้สมควรตายทิ้งๆไปเถอะคะสมควนแล้ว
เราขอสารรูปเราอ่านคำด่าแล้วแปลไม่ออก 55
5555555 ลำไย แปลว่า น่ารำคาญหรือทำตัวเพ้อเจ้อนะคะใช้กับความเยอะก็ได้ 
มะม่วง แปลว่า โง่นะคะ
Iran แปลตรงตัวด็ประทศอิหร่านแหละคะแต่ออกเสียงสำเนียงแบบฝรั่งนะคะคุณ
คือรีบพิมพ์ไปหน่อยนะคะเลยอาจจเงาะไป (เงาะแปลว่างงนะคะคุณ)  :impress3:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
ถ้าเป็นพีทคงต้องขอเงียบๆคนเดียวเหมือนกัน ไม่รู้ว่าต้องรู้สึกอย่างไงดี

ออฟไลน์ matchty

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 149
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
    • MATCHTY-แมตตี้
คู่กัดฉบับรักเกินร้อย

By matchty



กัดครั้งที่


- 36 -

Part ต้น


“โกรธกันแล้วในใจของเธอมีความสุขไหม...โกรธกับฉันจะทำให้เธอดีใจใช่ไหม” เสียงทุ้มนุ่มไพเราะที่ดังคลอกับเสียงกีตาร์ ทำให้พีทเหลือบตาไปมองเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาเหมือนเดิมอย่างไม่ใส่ใจ




                “นี่มึงทะเลาะอะไรกับพี่เขาวะ” และเป็นนาวเองที่ทนไม่ไหวต้องเอ่ยปากถามออกมา ตาก็มองรุ่นพี่ตัวโตของตัวเองที่กำลังนั่งร้องเพลงดีดกีตาร์ไปด้วยอย่างสงสัย



                “ไม่มีอะไรหรอก มึงอย่าสนใจเลย” พีทตอบปัดไปอย่างไม่ใส่ใจ นาวเลยได้แต่ถอนหายใจและพยักหน้าหงึกงักเข้าใจตามที่พีทบอก ส่วนตาก็ยังมองไปที่โต๊ะของอาร์ตเป็นระยะ



                “เธอไม่ยอมเปิดใจเข้าหากัน...ก็บอกให้ฉันรู้ทีโกรธกันแล้วมันดีอย่างไร” เสียงร้องเพลงของอาร์ตยังดังแว่วให้ได้ยินเรื่อยๆ แต่พีททำเป็นหูทวนลมทำเป็นไม่ใส่ใจ จนทำให้คนร้องอย่างอาร์หน้าหมองลงไปไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตาร้องต่อไป



                นับจากวันที่เกิดเรื่องก็ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้ว ที่ไม่ว่าจะทำยังไงพีทก็ยังคงเงียบ ไม่มีปฎิกิริยาหรือคำตอบอะไรให้กับอาร์ต อีกฝ่ายยังคงกลับไปนอนที่บ้านตัวเอง ไม่ยอมอยู่กับเขาหรือไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเดิม โทรสัพท์โทรหาก็ไม่ยอมรับสาย สิ่งที่ทำได้คือส่งข้อความไปหา ซึ่งยังดีหน่อยที่พีทยังตอบข้อความกลับมาบ้าง



                ยอมรับกันตรงๆ ในชีวิตลูกผู้ชายอย่างไอ้อาร์ต ไม่เคยจะต้องมาปวดหัวกับการง้อใครขนาดนี้เลย ง้อเมียกับง้อแฟนความยากมันต่างกัน แต่ความสำคัญมันก็ต่างกันด้วยล่ะนะ




                “เฮ้ยสัดอาร์ต!! มานั่งดีดกีตาร์ง้อสาวไหนวะ / น้อออ ง้อสาวที่ไหนพี่!!”  เสียงเอ่ยปากแซวจากเพื่อนและรุ่นน้องมีเป็นระยะ เรียกได้ว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะใครๆ ก็อยากรู้กันทั้งนั้นว่าผู้หญิงคนไหนที่ทำให้อาร์ตลงทุน หอบกีตาร์มาร้องเพลงง้ออยู่หน้าคณะแบบนี้ได้



                “อย่าแซวเยอะไอ้สัด!! เดี๋ยวงอนกูกว่าเดิม” อาร์ตโวยวายใส่คนแซวเล็กน้อย




                “ไหนใครวะทำให้ระดับเฮียอาร์ตเสียฟอร์ม” เสียงแซวยังคงดังขึ้นมาไม่หยุดท่ามกลางเสียงหัวเราะสนุกสนาน ที่เห็นคนอย่างอาร์ตต้องมานั่งทำอะไรแบบนี้



                “ในคณะเนี่ยแหละ” อาร์ตว่าแล้วปรายตามองไปทางพีทเล็กน้อย ซึ่งอีกฝ่ายก็นั่งลุกลี้ลุกลนใบหูแดงก่ำ บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวไปไม่นิ่งเฉยอย่างที่แสดงออก



                “เฮ้ย!! จริง!! ใครวะ!!” เสียงร้องโวยวายแสดงความตกใจดังขึ้นทันทีเมื่ออาร์ตพูดแบบนั้น ก่อนที่ทุกคนจะกรูกันเข้ามาหาอาร์ตเพื่อคาดคั้น




                “เรื่องเสือกนี่ขอให้บอกจริงๆ” อ้นบ่นออกมาและส่ายหัวอย่างระอา ก่อนจะขยับถอยห่างออกไป



                “พูดแบบนี้แสดงว่าพวกมึงรู้ว่าใครใช่ไหม” แล้วทุกคนก็เบนเข็มไปทางอ้นกับกลอนที่นั่งอยู่ด้วยแทน เมื่อถามอะไรไปอาร์ตก็เอาแต่ยิ้มไม่ตอบคำถาม



                “มึงเห็นมันอยู่กับใครบ่อยๆ ช่วงนี้ก็คนนั้นแหละ” กลอนว่าแล้วกระตุกยิ้ม ทำเอาบรรดาคนอยากรู้ขมวดคิ้วพันกันยุ่ง คิดหาคนๆ นั้นกันจ้าละหวั่น



“นาว!! กับบ้านเหอะ” พีทพูดขึ้นเสียงดังด้วยใบหน้าแดงก่ำหัวใจเต้นระทึก พร้อมกับเก็บของบนโต๊ะลงกระเป๋าด้วยอาการมือไม้สั่น และรีบลุกขึ้นเดินจูงมือนาวออกไปที่ลานจอดรถ  พยายามไม่สนใจกลุ่มของอาร์ตที่นั่งอยู่บริเวณนั้น



“ดื้อ...พี่คิดถึง” แต่ในจังหวะที่พีทกำลังจะเดินผ่านไปนั้น เสียงของอาร์ตก็ดังฝ่าความวุ่นวายขึ้นมา พอหันกลับไปก็เจอสายตาของอีกฝ่ายที่มองมาอย่างออดอ้อน ทำเอาใบหน้าของพีทร้อนผ่าวขึ้นสีแดงในทันที ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบสะบัดหน้าแล้วเดินหนีด้วยความเร็ว



“เฮ้อ!!” อาร์ตได้แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆ และนั่งมองตามแผ่นหลังเล็กด้วยสายตาละห้อย




“เอาน่ามึง ให้เวลาน้องมันหน่อย” กลอนว่าและตบไหล่อาร์ตเบาๆ อย่างให้กำลังใจ



“กูรู้...แต่รับโทรศัพท์กูบ้างก็ยังดี” อาร์ตว่าเสียงแผ่วและนั่งคอตกหมดสภาพ จนกลอนอย่างจะขำออกมาดังๆ ด้วยความสะใจ เพราะเป็นโอกาสหายากจริงๆ ที่จะเห็นคนแบบอาร์ตนั่งสลดหดหู่แบบนี้ คงต้องขอบคุณคนที่เพิ่งเดินจากไปเมื่อครู่ล่ะนะ ที่ทำให้พวกเขาและอีกหลายๆ คนได้รับโอกาสงามๆ แบบนี้



“อย่างน้อยน้องมันก็ตอบข้อความมึงไม่ใช่เหรอวะ” กลอนว่ายิ้มๆ ซึ่งอาร์ตก็พยักหน้ารับเนือยๆ ยังดีที่ตอบข้อความ เพราะถ้าแม้แต่ข้อความก็ยังไม่ตอบเขาอาจจะเป็นหนักกว่านี้



“เฮ้ย!! พวกมึงสองตัวน่ะ มาช่วยกูตอบคำภามเดี่ยวนี้เลย โดยเฉพาะมึงเหี้ยอาร์ต แม่งสร้างเรื่องและโยนขี้ให้กู” เสียงของอ้นที่ดังโวยวายขึ้นมาขัด ทำให้อาร์ตและกลอนต้องหันไปมองก่อนทั้งคู่จะยิ้มขำออกมา เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวกำลังโดนรุมสาดคำถามเรื่องบุคคลปริศนาที่อาร์ตลงทุนมานั่งร้องเพลงง้ออยู่ ในระหว่างที่อาร์ตปลีกตัวออกมาส่งเสียงอ้อนวอนพีท



“มึงไปช่วยดิ๊” กลอนว่าพร้อมกับผลักไหล่อาร์ตให้เดินไป



“ขี้เกียจ” อาร์ตว่าแค่นั้นแล้วหยิบกีตาร์ของตัวเอง และเดินออกไปจากบริเวณนั้นทันที ซึ่งกลอนพอเห็นแบบนั้นก็เดินตามออกไปบ้าง ทิ้งให้อ้อนยืนรับชะตากรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อคนเดียวอยู่แบบนั้น



...

...



“เดี๋ยวไอ้พีท!! มึงจะรีบไปไล่ควายที่ไหนเนี่ย” นาวส่งเสียงประท้วงออกมาแล้วสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมของพีท ก่อนจะเปลี่ยนเป็นฝ่ายออกแรงดึงพีทให้หยุดยืนอยู่กับที่



“อะไรเล่า มึงจะหยุดเดินทำไมเนี่ย” พีทว่าออกมาหน้ามุ่ยก่อนจะพยายามดึงนาวให้เดินต่อ พร้อมทั้งหันซ้ายหันขวาตลอดเวลาเหมือนกลัวจะมีใครตามมา



“มึงนั่นแหละจะรีบเดินไปไหน” นาวสะบัดมือของพีททิ้งแล้ว แล้วยืนเท้าเอวหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างจับผิด ซึ่งเจ้าตัวก็แสดงอาการลุกลี้ลุกลนออกมาไม่หยุด



“ก็เปล่า...รีบกลับบ้านไง” พีทหันมาฉีกยิ้มกว้างให้นาว



“มึงแน่ใจ” นาวถามย้ำพร้อมกับส่งสายตาว่าไม่เชื่อไปให้



“เออ” พีทว่าด้วยท่าทางขึงขังพร้อมพยักหน้าหงึกงัก ยิ่งทำให้นาวผิดสังเกตไปกันใหญ่



“บอกกูมาตรงๆ มึงหนีอะไร หรือทะเลาะอะไรกับพี่เขา”




“ไม่ได้หนี ไม่มีอะไรจริงๆ” พีทอ้อมแอ้มปฏิเสธเสียงเบา แต่ไม่ยอมสบตากับนาวที่มองมา



“ตามใจมึง ไม่เล่าก็ไม่ต้องเล่า ให้มันอกแตกตายอยู่แบบนั้นแหละ” นาวถอนหายใจออกมาและส่ายหัวด้วยความเซ็ง ก่อนจะเป็นฝ่ายออกเดินไปหารถที่จอดไว้เอง แต่ก็มีอันต้องหยุดชะงักเมื่อถูกดึงเอาไว้



“อะไร” นาวหันมามองหน้าพีทพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น




“คือ...จริงๆ มันก็มีเรื่องนิดหน่อย” พีทว่าเสียงเบาพร้อมส่งยิ้มแหยให้นาว



“จะพูดอะไรก็พูดมาอย่าลีลา” นาวยกมือขึ้นกอดอกแล้วมองพีทดุๆ คนตรงหน้าเธอตอนนี้เหมือนเด็กอายุ 3-4 ขวบไม่มีผิด



“จะเล่าไงดีวะ...เรื่องแม่งยาวอ่ะ” พีททำหน้าหนักใจและยกมือเกาหัวตัวเองจนยุ่งเหมือนคนจนปัญญา



“แล้วมึงจะเล่าไม่เล่าล่ะ”



“เล่าดิ แต่กูยังไม่รู้จะเริ่มยังไง” พีทว่าด้วยท่าทางหงอยๆ จนนาวต้องส่ายหัวออกมาด้วยความอ่อนใจ




“งั้นไปคุยกันที่บ้านกู ระหว่างนี้มึงก็นั่งเรียบเรียงคำพูดให้ดีละกัน ตกลงไหม” นาวว่าและมองหน้าพีทอย่างขอคำตอบ ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าตอบตกลงอย่างว่าง่าย



“ก็ตามนี้ กลับบ้านกัน” นาวสรุปทุกอย่างและเดินนำพีทไปที่รถโดยที่เธอเป็นคนขับเอง เพื่อปล่อยให้พีทคิดทบทวนในสิ่งที่จะพูด พร้อมกับที่ถอนหายใจออกมาอีกครั้งอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะสตาร์ทรถและขับออกไปโดยมีจุดมุ่งหมายคือบ้านพักของตัวเอง



>>> 50% <<<

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6
อย่าเยอะพีชอย่าเยอะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เล่าให้นาวฟังเลยพีช แล้วให้นาวเคาะหัวซักทีนึง ไม่ให้พี่อาร์ตแก้ตัวไรเลย :เฮ้อ:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด