+++จันทร์กระจ่างฟ้า+++(แนวจีนโบราณ)+++(บทที่ 21 (100%) : 12/07/60)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: +++จันทร์กระจ่างฟ้า+++(แนวจีนโบราณ)+++(บทที่ 21 (100%) : 12/07/60)  (อ่าน 84859 ครั้ง)

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :-[  น้องมู่อิงละลายลงพื้นไปแล้วรึยัง รอนะคะ   :L2: 

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2940
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
บอกไปเลย มู่อิงใหญ่กว่าฮ่องเต้อีก 55+

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกก :hao7:

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
สนุกมากกค่ะ พึ่งได้อ่านวางไม่ลงเลยยย รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ PoppyPrince

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
เข้ามารอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
มู่อิงนี่ยิ่งกว่าราชสำนักอีกนะประมุขหลิว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tueylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สนุกมากกกก...รออ่านตอนต่อไป

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ชอบเรื่องนี้มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
มู่อิงนี่คือความไร้ขอบเขตที่แท้จริง
แหกกฎของทุกสิ่งสุด
ชอบค่ะชอบ

ออฟไลน์ Y_type

  • miKapleXD
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
    • Night dating, no obligations, one night only
บทที่ 19

                หลังประโยคบอกความในใจของหลิวเฉินซาง  มู่อิงได้แต่จ้องหน้าเขาราวตัวโง่งม มิใช่ว่าไม่เคยมีบุรุษที่ชื่นชอบตนเองมาบอกรัก  หากแต่คนที่กล่าวออกมาแล้วทำให้เขาใจเต้นแรงถึงเพียงนี้ ทำตัวไม่ถูกถึงเพียงนี้ ทั้งชีวิตที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้มีเพียงหลิวเฉินซาง  หลังจากจ้องหน้าหลิวเฉินซางอยู่นาน จ้องจนเคลิบเคลิ้ม จากประสบการณ์ในการอ่านบรรดาหนังสือที่กู่อิ๋งอิ๋งให้มา เขาสมควรบอกความในใจของตนเองเช่นกัน

                “ข้าก็ชอบ...เส้นผมของเจ้า” ความจริงเขาคิดจะพูดว่าข้าเองก็ชอบเจ้ามากออกไปอย่างสง่าผ่าเผย หากแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ เส้นผมของหลิวเฉินซางก็เป็นของหลิวเฉินซาง เช่นนั้นไม่ว่าบอกชอบเส้นผมหรือตัวของหลิวเฉินซางเองคงไม่ต่างกันมากนัก

                หลิวเฉินซางจ้องใบหน้าแดงระเรื่อของมู่อิง ใบหน้าเอียงอายที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน คนผู้นี้ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยมอำมหิต เป็นจอมมารที่ชาวยุทธ์ต่างหวั่นเกรง แต่ไม่ว่าเขาจะมองเช่นไร มู่อิงก็ไม่คล้ายเช่นนั้นเลยสักครั้ง  หากไม่นับท่าทีเจ้าชู้ยักษ์ที่ระยะนี้กระทำออกมาบ่อยๆ มิรู้ว่าไปเรียนรู้มาจากที่ใด คนผู้นี้ก็นับว่าน่ารักใคร่เป็นอย่างยิ่ง  โดยเฉพาะยามนี้ท่าทางมู่อิงที่เอียงอายดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสา น่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่ง

                หลิวเฉินซางรวบตัวมู่อิงมากอดอย่างอดใจไม่อยู่ ในเมื่อใจตรงกันจะมัวมามากมารยาท คิดเรื่องควรไม่ควรให้ปวดหัวไปทำไม  มู่อิงไม่ได้ขัดขืนหลิวเฉินซาง หากเป็นผู้อื่นแค่จับชายแขนเสื้อเขาก็ถึงขั้นสะบัดจนกระอักเลือดไปแล้ว หากแต่เมื่อโดนหลิวเฉินซางรวบเข้าสู่อ้อมอก ท่านจอมมารกลับทำเพียงซุกเข้าอกผู้อื่นอย่างยินยอมพร้อมใจ ไม่มีอาการขัดขืนแม้แต่น้อย

                “คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่ข้าชอบจะเป็นบุรุษ” หลิวเฉินซางพึมพำอย่างทอดถอนใจ เขาพบเห็นสตรีมามากมาย ที่งดงามล่มเมืองก็เห็นมามาก สุดท้ายกลับมาหวั่นไหวเพราะบุรุษผู้หนึ่ง

                “ข้างามมาก” มู่อิงอดท้วงไม่ได้ แต่ก่อนเขาเคยตั้งปณิธานไว้ว่าจะหาสตรีที่งดงามที่สุดในแผ่นดินมาแต่งภรรยา  แต่สตรีที่เคยพบเห็นมากลับไม่อาจทำให้เขาพึงพอใจในความงามได้เลย  หากมีคนมาบอกเขาว่าสักวันเขาจะพึ่งใจบุรุษ ไม่แน่ว่าอาจถูกเขาสังหารตั้งแต่เอ่ยออกมาเพียงครึ่งประโยค

                บรรยากาศยามนี้แตกต่างจากก่อนหน้าราวกับนรกและสวรรค์  ก่อนหน้าเยือกเย็นจนแทบทำให้คนกลายเป็นมนุษย์น้ำแข็งยามนี้บรรยากาศกลับอ่อนหวานพาให้คนใจสั่น

                ชูปี้ฮวาที่รีบเร่งมารายงานข่าวกับมู่อิงยามนี้ก็ใจสั่นไม่แพ้กัน  ท่านประมุขกลับมาถึงตำหนักอ๋องยังไม่ทันครบสองชั่วยาม เวลานี้กลับมีคนมาขอพบเสียแล้ว ผู้มานั้นหน้าตาราวกับมารับตัวนักโทษคดีอาญาร้ายแรง หากให้นางยับยั้งไม่ให้พวกเขาเข้ามา ถึงอย่างไรก็ไม่อาจทำได้  ใครใช้ให้คนเหล่านี้เป็นบิดาและพี่ชายของท่านประมุขกันเล่า

                ชูปี้ฮวาพรวดพราดเข้ามาในห้องโถงโดยไม่ขออนุญาต  ยามนี้นางไม่สนว่าคิ้วของท่านประมุขจะขมวดมุ่นเพียงใด  รีบกล่าวอย่างร้อนใจว่า

                                “ท่านอ๋องท่านอ๋องมู่และท่านพี่ทั้งหลายมาเยี่ยมเยียนเจ้าค่ะ!!!” ยามนี้เฉียนหลีรับหน้าอยู่ หากท่านประมุขไม่รีบไป ไม่แน่ว่าเขาอาจโดนสับเป็นหมื่นชิ้น

 

                ยามนี้ในห้องโถงใหญ่ภายในตำหนักของมู่อิง  มีบุรุษต่างวัยหน้าตาขึงขังรวมตัวกันอยู่ถึงสามท่าน  แต่ละท่านล้วนดูสูงศักดิ์ น่าเคารพยำเกรง บุรุษสูงวัยรูปร่างสูงใหญ่ท่าทางองอาจ หากแต่ลงพุงเล็กน้อยนั่งอยู่ตรงตำแหน่งประมุขในจวน บรรดาบ่าวไพร่ต่างคอยปรนนิบัติรับใช้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง  ที่นั่งทางขวามือเป็นบุรุษอายุต้นสี่สิบท่าทางสง่าทรงภูมิความรู้  ส่วนบุรุษอีกท่านนั่งทางซ้ายมืออายุดูไล่เลี่ยกับบัณฑิตหากแต่แต่งกายด้วยแพรพรรณหรูหรา ทั้งสิบนิ้วแทบเต็มไปด้วยแหวนทองคำ  ห้อยลูกคิดอันหนึ่งไว้ที่เอวแทนหยกพก  ราวกับพ่อค้าหน้าเลือดที่ไม่ยอมขาดทุนแม้แต่อีแปะเดียว

                ทั้งสามท่านต่างมีลักษณะเด่นแตกต่างกัน หากแต่หน้าตากลับดูละม้ายคล้ายคลึงกัน เพียงแค่ต่างวัยกันเท่านั้น บุคคลทั้งสามที่ทำหน้าตาราวกับทวารบาลเฝ้าประตูสวรรค์เหล่านี้ ท่านที่นั่งตรงกลางคือท่านอ๋องมู่หยงป๋อ ทางขวาคือท่านราชครูมู่ชิง และทางซ้ายคหบดีที่ร่ำรวยที่สุดในแผ่นดินมู่ตง

                ทั้งสามคนต่างมองสบตากันและกัน  ปกติยากนักที่จะสามารถอยู่พร้อมหน้ากันเช่นนี้ได้ หากมู่หรงไม่อยู่ไกลถึงชายแดนคงมีฉากพ่อลูกตระกูลมู่หน้าตาขึงขังอยู่กันครบถ้วน  เรื่องที่มู่อิงพาบุรุษกลับมาด้วยนั้นถึงอย่างไรก็ต้องมาดูให้เห็นกับตา ดูสิว่ามีเดียรัจฉานตัวไหนกล้าย่างกายเข้ามาเฉียดใกล้แก้วตาดวงใจของพวกตน!

               ท่ามกลางบรรยากาศขมุกขมัวในห้องโถงใหญ่ มู่อิงที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มเล็กน้อยราวกับดวงตะวันที่สาดไล่ลำแสงชั่วร้าย  ท่านอ๋องมู่หยงป๋อลุกขึ้นมาจากที่นั่งมองบุตรชายคนเล็กที่จากบ้านไปนานถึงห้าปี

                “อิงเอ๋อคาราวะท่านพ่อ พี่รอง พี่สาม”

                “อิงเอ๋อ...”ท่านอ๋องมู่หยงป๋อเดินตรงเข้าไปหาบุตรชายคนเล็กที่โค้งคำนับอย่างมีมารยาท

                บุตรชายคนนี้เป็นดังแก้วตาดวงใจของท่าน หากไม่นับบุตรสาวที่ออกเรือนไปแล้ว  ที่จะพบหน้าสักครั้งยังต้องมีพิธีรีตองมากมาย บุตรชายคนนี้ยังนับว่าอยากจะพบหน้าให้ชื่นใจยามใดก็ง่ายกว่าบุตรสาว ท่านอ๋องมู่หยงป๋อมองดูบุตรชายที่จากไปถึงห้าปี ยามนั้นมู่ตานบุตรสาวคนเดียวแต่งเข้าตำหนักรัชทายาทดำรงตำแหน่งชายาเอก ทุกคนต่างทำใจว่าสักวันมู่ตานก็ต้องแต่งออกไป แต่บุตรชายคนเล็กที่ขึ้นเขาไปฝึกวิชาตั้งแต่ยังเล็กไม่อาจทำใจได้เหมือนผู้อื่น ตอนที่พี่สาวแต่งงานยามนั้นเขาจากไปด้วยความขุ่นข้องหมองใจ  บัดนี้พอบุตรชายคนเล็กกลับมา มิรู้ว่ายามใดที่บุตรชายที่เป็นดังแก้วตาดวงใจคนนี้บัดนี้กลับแฝงประกายบางอย่างดูทั้งเฉียบคมทั้งเด็ดเดี่ยวทำให้บิดาเช่นตนมองไม่ทะลุปรุโปร่งเช่นเดิม  แต่บุตรชายดูเข้มแข็งถึงเพียงนี้บิดาเช่นตนอดรู้สึกภูมิใจไม่ได้

                “จากไปห้าปี อิงเอ๋อของพ่อโตถึงเพียงนี้แล้ว” ท่านอ๋องผู้รักลูกชายคนเล็กดุจดวงใจอดไม่ได้ที่เข้าไปโอบกอดบุตรชายให้หายคิดถึง

                “ท่านพ่อ! ข้าก็คิดถึงอิงเอ๋อเช่นกัน เหตุใดจึงเอาเปรียบผู้อื่น ข้าก็อยากกอดเขาเช่นกัน”มู่ชิงผู้เห็นบิดาชิงตัดหน้ากอดน้องเล็กก่อนอดรนทนไม่ไหวเอ่ยออกมา ถึงอย่างไรพวกเขาก็แข่งขันกันเลี้ยงมู่อิงตั้งแต่เขาเกิดมา จะยอมให้บิดาเอาเปรียบไม่ได้

                “ดูเหมือนเงินและของกำนัลที่พี่สามส่งให้เจ้าจะไม่เสียเปล่าเลย ดูสิว่ามู่อิงของพวกเราไม่มีสิ่งไหนดูด้อยลงแม้แต่ส่วนเดียว” มู่ตงก็ร่วมวงเข้าไปโอบกอดมู่อิงพรางชื่นชมไม่หยุดปาก  ทุกวันนี้เขาคอยส่งทั้งข้าวของเครื่องใช้และเงินทองไปให้น้องเล็กตลอด จะให้ทนเห็นน้องเล็กใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกอย่างยากลำบากได้อย่างไร  ยามน้องเล็กอยู่กับพวกเขาได้รับการปรนนิบัติเป็นอย่างดีแม้แต่ฮ่องเต้ยังไม่แน่ว่าจะสุขสบายเท่าเขา หากให้คิดภาพน้องเล็กต้องทนลำบากอยู่ข้างนอกพี่สามผู้นี้มิต้องปวดใจตายหรืออย่างไร

                เหล่าบุรุษตระกูลมู่ต่างไม่มีความคิดที่ว่า มู่อิงของพวกเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น

 

 

                หลังจากมู่อิงยอมให้บรรดาพี่ชายและบิดาโอบกอดคนละทีสองทีจนทุกท่านพออกพอใจแล้ว แต่ละคนจึงยอมนั่งลงเพื่อพูดจากัน

                ท่านอ๋องมู่หยงป๋อ พี่รอง และพี่สามของมู่อิงนั้นยามมาฮึกเหิมเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมาคาดคั้นมู่อิงให้ขับไล่เจ้าเดียรัจฉานนั่นออกไป แต่ยามนี้แต่ละท่านกลับมองหน้ากันไปมา หากเอ่ยปากออกมาแล้วอิงเอ๋อโกรธพวกเขาจะทำอย่างไร พึ่งพบหน้ากันเท่านั้นพากมู่อิงโมโหจนจากไปอีกพวกเขาจะทำอย่างไร

                ท่านอ๋องมู่หยงป๋อมองหน้าบุตรชายทั้งสองคน ส่งสัญญาณให้พวกเขาพูดออกมา

                “ท่านพ่อ พี่รอง พี่สาม สมควรเป็นอิงเอ๋อที่ไปเยี่ยมคาราวะพวกท่าน เหตุใดจึงรีบร้อนมาก่อนเช่นนี้ทำให้ข้ารู้สึกอกตัญญูนัก” ดูเหมือนว่าไม่ว่าเขาจะจากไปนานเท่าไหร่ท่านพ่อและบรรดาพี่ชายกลับใส่ใจเขาเช่นเดิม อันที่จริงพรุ่งนี้มู่อิงจะไปคาราวะท่านอ๋องมู่หยงป๋อ และพี่ชาย ถัดจากนั้นจึงค่อยเข้าวัง แต่บิดาและพี่ชายของเขากลับรีบมาหาตั้งแต่เขากลับมาถึง เช่นนี้มิรู้ว่าควรดีใจดีหรือไม่

                “ลูกรักไม่ต้องคิดมาก พ่อไม่เห็นเจ้าหลายปีย่อมคิดถึงมากเป็นธรรมดา พอทราบว่าเจ้ากลับมาจึงรีบมาหา” ท่านอ๋องมู่หยงป๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอย่างยิ่ง  น้ำเสียงเช่นนี้ตัวท่านอ๋องเองไม่ค่อยใช้บ่อยนัก ปกติจะใช้พูดกับพระชายา บุตรสาวและบุตรชายคนเล็กเท่านั้น ส่วนบุตรชายคนอื่นๆ หากไม่ถูกบิดาพูดคุยด้วยเสียงตะคอกราวฟ้าผ่าพวกเขาก็ไม่ใคร่จะสบายใจนัก กลัวว่าหากพูดกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงที่ใช้กับน้องเล็ก บิดาจะทนฝืนใจไม่ไหวจนเจ็บป่วยไปเสียก่อน

                “พี่รองก็คิดถึงเจ้ามากเหมือนกัน” มู่ชิงยิ้มจนตาแทบปิด จะให้บิดาเอาหน้าคนเดียวไม่ได้ พวกเขามาด้วยกันความดีความชอบควรกระจายอย่างทั่วถึง

                “เห็นคนแจ้งข่าวบอกว่าน้องเล็กพาสหายมาด้วย เหตุใดไม่พามาให้พวกเรารู้จักเล่า” มู่ตงรีบเข้าประเด็นสำคัญก่อนที่บิดาและพี่ชายจะทำสงครามแย่งชิง ‘ความโปรดปราน’ จนเสียเรื่อง

                หากไม่เพราะ ‘สหาย’ ของมู่อิงคนนี้เขาคงจะอดทนรอดีดลูกคิดนับเงินให้น้องเล็กมาเยี่ยมเยียนในวันพรุ่งนี้ได้ แต่เพราะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจะให้เขาดีดลูกคิดนับเงินรอต่อไปก็ทำไม่ได้ หากน้องเล็กที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาของพวกตนถูกผู้อื่นล่อลวงจะทำเช่นไร  หากคนผู้นั้นทำให้น้องเล็กที่พวกเขาสู้อุตส่าห์เลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอมเสียใจจะทำอย่างไร ไม่ว่าคนที่น้องเล็กพามาด้วยจะเป็นสหายในรูปแบบใด  พี่สามผู้นี้ก็ขอมาดูให้เห็นกับตา

                มิรู้ว่าท่านชายสามมู่ตงนั้นเอาบรรทัดฐานเช่นใดมาวัดแต่หากคนในยุทธภพได้ยินมาว่าท่านจอมมารบริสุทธิ์ไร้เดียงสาคงจะทนฟังไม่ได้จนเอาศีรษะโขกเสาตายเป็นแน่

                ความคิดเห็นของคนในและคนนอกนั้นช่างแตกต่างกันจนไม่สามารถเอามาเทียบได้อย่างแท้จริง

                “สหายของข้ามีนามว่าหลิวเฉินซางเขาได้บาดเจ็บเพราะช่วยข้าไว้  ยามนี้กำลังพักผ่อนอยู่ไม่อาจพาคาราวะท่านพ่อ กับพี่ๆ ได้ อิงเอ๋อต้องขออภัยแทนเขาด้วย” หากเขาพาหลิวเฉินซางที่ยังไม่แข็งแรงดังเดิมมาพบบิดาและพี่ชาย ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นจะต้องเจอกับสิ่งใด เพราะบุคคลทั้งสามที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานี้ต่างเข้มงวดกับการคบมิตรสหายของเขายิ่งนัก

                บิดาและพี่ชายของเขาเป็นเช่นนี้มานานแล้ว แต่ก่อนเขาไม่เคยใส่ใจว่าผู้ใดจะถูกไล่ตะเพิด ถูกทำร้าย หรือถูกกลั่นแกล้งเช่นไร แต่ยามนี้เขาไม่ใส่ใจมิได้ แววตาเอาเรื่องของแต่ละท่านยามพูดถึงสหายของเขานั้นใช่ว่ามู่อิงจะดูไม่ออก แต่ก็รู้อีกเช่นกันว่าบิดาและพี่ชายรักและหวังดีกับตน

                ยามนี้มู่อิงมิรู้ว่าควรซาบซึ้งในความใส่ใจนี้ดี หรือร้องไห้ในความใส่ใจนี้กันแน่

                “ถ้าเขาหายดีแล้วอย่าลืมพามาพบพ่อเสียละ เขาเคยช่วยอิงเอ๋อของพวกเราเอาไว้ถึงอย่างไรก็ถือว่าเป็นผู้มีบุญคุณ” แววตายามมองบุตรชายนั้นอบอุ่นอ่อนโยนอย่างยิ่ง หากแต่ชื่อเสียงเรื่องความหวงบุตรชายคนเล็กและบุตรสาวของท่านอ๋องมู่หยงป๋อนั้นเลื่องลือไปทั่วเมืองหลวง ตอนที่บุตรสาวแต่งออกไปนั้นหากไม่ใช่สมรสพระราชทานยังมิรู้ว่ายามนี้นางจะได้แต่งหรือไม่ บุตรสาวโดนผู้อื่นพรากไปแล้ว เหลือเพียงบุตรชายคนสุดท้ายให้ชื่นอกชื่นใจ  ดังนั้นไม่ว่าบุรุษหรือสตรีหากท่านอ๋องไม่พอใจก็อย่าหวังจะมาเข้าใกล้บุตรชายสุดที่รัก

                “หากเขาหายดีแล้วอิงเอ๋อต้องพาเขาไปพบท่านพ่อแน่” มู่อิงรับปาก แน่นอนว่ายามที่เขาพาหลิวเฉินซางไปพบบิดาต้องมีมารดาอยู่ด้วย

                มารดาของเขาคือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในจวน ไม่ว่าบิดาหรือพี่ชายต่างก็เกรงกลัวกันทั้งนั้น หากมารดาเขาไม่ขัดข้องมีหรือที่บิดาและพี่ชายของเขาจะกล้าแย้ง  อย่างไรเสียมารดาของเขาก็อ่อนโยนกว่าบิดามาก

 

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
มาแล้ว มาแล้ววว
ขอบคุณมากเลยนะคะ
มาอัพต่อบ่อยๆนะคะ
เป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอค่ะ
สู้ๆค่ะ
 :pig4: :pig4:
 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
สนุกกกกกกก รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ sahatsawat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านทันแล้ววววว. ชอบมากกกกก
 :-[ :-[ :-[

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
คิดถึงมู่อิงมากเลยค่ะ ในที่สุดก็ใจตรงกันแล้ว
ท่านจอมยุทธคงต้องผ่านด่านบิดาและพี่ชายทั้ง 3 ให้ได้ซินะ

ขอบคุณที่มาต่อค่ะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
น้องมู่อิงกับพี่หลิวมาแล้ว  แหม่  กอดแปปเดียวเองนะ  มีคนมาขัดได้เรื่อยๆเลย
ว่าแต่งานนี้รอแค่ท่านแมาล่ะนะว่าจะเห็นชอบกับลูกเขยคนนี้รึเปล่า  น่าลุ้นมากค่ะ  รอต่อนะคะ   :L1:

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
คืดถึงคนเขียนที่สุดในสามโลกกกก

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
รออิงเอ๋อร์ไปป่วนในวังแทบไม่ไหวแล้ววววววววววว

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ Y_type

  • miKapleXD
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
    • Night dating, no obligations, one night only
-20-

     ภายในท้องพระโรงที่เหล่าขุนนางต่างต้องมาประชุมเช้าโอรสสวรรค์นั่งอยู่บนบัลลังมังกรทอดสายตามองเหล่าขุนนางด้วยความเห็นใจ  เวลานี้แม้แต่พระองค์เองยังรู้สึกอึดอัดอยู่บ้างเล็กน้อย แล้วจะโทษเหล่าขุนนางที่เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นพระตำหนักได้อย่างไร

   ฮ่องเต้จ้าวเทียนหลงมองไปยังบุรุษชุดม่วงขลิบชายเสื้อสีทอง ทั้งดูสูงส่งทั้งดูไร้กฎเกณฑ์ มู่ชินอ๋องที่หายหน้าไปจากเมืองหลวงถึงห้าปีเต็มบัดนี้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว  ก่อนเขาจากไปเหล่าขุนนางหวาดเกรงเขาจนหดหัวหดหางเช่นไร ยามนี้ก็ยังไม่มีความกล้าเพิ่มขึ้นแม้สักส่วนเดียว เกรงกลัวมู่อิงเสียยิ่งกว่าเขาที่เป็นฮ่องเต้เสียอีก เขาผู้เป็นพี่เขยไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี ที่น่าหัวเราะคือเมื่อมีมู่อิงเหล่าขุนนางล้วนเจียมเนื้อเจียมตัว ขยันขันแข็งเกรงว่าจะเป็นที่จับตามองของมู่ชินอ๋อง เพราะเมื่อท่านอ๋องแลสายตามองผู้ใด คนผู้นั้นมิเคยได้ดี!!! มิสู้ไม่อยู่ในสายตาท่านอ๋องตลอดไปเสียเลย

   “ฝ่าบาทวันนี้บ้านเมืองช่างสงบสุข เป็นเพราะบุญบารมีของพระองค์โดยแท้”มู่อิงมองจ้าวเทียนหลงด้วยสายตานิ่งสนิทไม่เข้ากับวาจายกยอปอปั้นของตนเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะกวาดสายตาไปทั่วท้องพระโรง จนเหล่าขุนนางต่างขนลุกซู่ไปตามๆกัน

   มีใครฟังวาจาไม่ออกบ้างว่าท่านอ๋องกำลังหาว่าพวกเขาเอาแต่ก้มหัวหดหางวาจาสักคำยังไม่เอ่ยออกมา ต่อหน้าฮ่องเต้และมู่ชินอ๋อง แม้แต่จะจามสักครั้งพวกเขายังต้องอดกลั้นเอาไว้

   “มู่ชินอ๋องชมเราเกินไปแล้ว เหล่าขุนนางทั้งหลายเริ่มประชุมได้  มิต้องกลัวท่านอ๋องแตกตื่นตกใจ”จ้าวเทียนหลงมองไปทั่วท้องพระโรงอีกครั้ง สายตาอบอุ่นอ่อนโยนสองส่วน ทรงอำนาจห้าส่วน อีกสามส่วนดูลึกล้ำราวก้นสมุทรจนคนคาดเดาไม่ได้

   “พวกเจ้ามีอะไรยังไม่รีบพูด ทำให้ข้าท่านอ๋องต้องขายหน้าฝ่าบาทแล้ว”

   สิ้นเสียงมู่อิง เหล่าขุนนางต่างทูลรายงานราชกิจน้อยใหญ่  แทบจะท่องอยู่ในใจว่าอย่าทำให้ท่านอ๋องพิโรธ

   หากจะกล่าวถึงความกลัวที่เหล่าขุนนางมีต่อมู่อิง  ล้วนถูกปลูกฝังมาจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนทั้งสิ้น ฮ่องเต้พระองค์ก่อนไม่ว่าสิ่งใดล้วนตามอกตามใจมู่ชินอ๋องจนเขาแทบจะขึ้นไปขี่อยู่บนหัวรัชทายาท  ถึงขนาดพระราชทานตำแหน่งชินอ๋องให้พระนัดดาคนโปรด เพียงเพราะเขาบุกเดี่ยวสังหารโจรภูเขาไปสามลูก  ยามนั้นใครไม่รู้บ้างว่าที่มู่ชินอ๋องทำไปนั้นเพียงเพราะระบายโทสะที่เหล่าโจรบังอาจคิดการใหญ่อย่างเช่นลักพาตัวฮองเฮา  แต่ฝ่าบาทกลับหลับตาข้างลืมตาข้างโมเมไปว่าเขาทำเพื่อแผ่นดิน อวยยศชินอ๋องให้ด้วยเหตุเช่นนี้เอง

   หากแต่ท่านอ๋องเพียงผู้เดียวสังหารโจรภูเขาไปถึงสามลูก นี่มันมิใช่คนแล้ว พวกเขาจะให้กล้าหาญอย่างไรก็ไม่อาจเอ่ยปากโต้แย้ง

   เมื่อต่างรายงานราชกิจกันไปจนหมดสิ้นแล้วท้องพระโรงกลับมาเงียบกริบอีกครั้ง  ขุนนางใหม่เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงมู่ชินอ๋องแต่ยังไม่เคยพบเจอท่านอ๋องผู้นี้เลยสักครั้ง จึงตัดสินใจมองดูเขาสักแว๊บเพื่อจะได้ไม่ทำผิดพลาดไปล่วงเกินท่านอ๋องเข้า แต่หากเมื่อเห็นใบหน้างดงามดวงนั้น  ที่ใจเต้นก็ใจเต้น ที่หน้าแดงก็หน้าแดง ที่แข่งขาอ่อนก็พิงสหายขุนนางที่ยืนอยู่ข้างๆ ไว้ แต่ละคนราวกับโคลนเหลวก้อนหนึ่งที่ท่านอ๋องจะทุบ บี้แบนเช่นไรก็ได้ ใครใช้ให้ท่านอ๋องงดงามถึงปานนี้เล่า แทบจะขโมยหัวใจผู้อื่นไปทั้งดวง  มิน่าเวลามีคนเอ่ยถึงมู่ชินอ๋องแววตาถึงแฝงแววลุ่มหลงถึงสามส่วน




   หลังเลิกว่าราชกิจในท้องพระโรงมู่ชินอ๋องถูกฝ่าบาทเรียกตัวไว้ที่ห้องทรงพระอักษร  มิรู้ว่าจะทรงตำหนิท่านอ๋องที่หายตัวไปถึงห้าปีหรือไม่  ไม่ว่าด้วยเหตุใดขุนนางทั้งหลายต่างไม่กล้าคาดเดา  ต่างเร่งรีบกลับไปทำงานตามหน้าที่ของตน  ยามนี้ท่านอ๋องกลับมาแล้วพวกเขาต้องกลับไปทำให้ทุกสิ่งอย่างเข้าที่เข้าทางไม่อาจให้สิ่งใดระคายเคืองสายตาท่านอ๋อง

   ส่วนท่านอ๋องที่เหล่าขุนนางต่างหวาดกลัวจนตัวสั่นผู้นี้  กำลังนั่งเก้าอี้จิบชาอยู่ในห้องทรงพระอักษรดวงตาหรี่ลงน้อยๆ ดูผ่อนคลายสบายใจเป็นอย่างยิ่ง  ด้านหลังยังมีหยวนกงกงขันทีรับใช้ใกล้ชิดฮ่องเต้ที่ทำหน้าใกล้ร้องไห้เต็มทีคอยปรนนิบัติ ส่วนข้ารับใช้คนอื่นๆ โดนฝ่าบาทไล่ออกไปหมดแล้ว

   “ข้าต้องการโสมทั้งหมดที่ส่งเข้าวังคืน” มู่อิงปิดฝาถ้วยชาเบาๆ แล้ววางลงบนโต๊ะ

   เมื่อเห็นมู่อิงแทนตัวเองว่า ‘ข้า’ หยวนกงกงใกล้ร้องไห้ออกมาเต็มที วาจาไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดินไร้ความเคารพยำเกรงฝ่าบาทถึงเพียงนี้มีแต่ท่านอ๋องเท่านั้นที่กล้าเอ่ยออกมา  เขาเป็นเพียงข้ารับใช้ตัวเล็กๆ วาจาเช่นนี้ไหนเลยจะกล้าฟัง

   “เจ้าก็รู้ว่านั่นถือเป็นของบรรณาการ หากต้องการให้เรามอบให้ก็ต้องมีความดีความชอบถึงจะประทานเป็นรางวัลให้ได้”

   ปัง!!!

   มู่อิงตบโต๊ะที่วางถ้วยชาเสียงดัง  หยวนกงกงที่ยืนอยู่ด้านหลังถึงกับหลังเหงื่อเย็นออกมาทั้งร่าง มิรู้ว่าศีรษะน้อยๆ จะหายไปวันใด

   “เจ้าจะเอาอย่างไรก็ว่ามา  อย่าให้ข้าต้องลงไม้ลงมือ” ว่าพรางม้วนชายแขนเสื้อขึ้นราวกับอันธพาลก็มิปาน  แค่เห็นหน้าจ้าวเทียนหลงมู่อิงก็คันไม้คันมือ มิใช่ฮ่องเต้เดียรัจฉานองค์นี้หรือไรที่มาขโมยน้องสาวที่เขารักยิ่งไป  หากมิเห็นแก่ชุดมังกรที่เขาสวมอยู่ป่านนี้คงโดนตนซ้อมจนตกจากเก้าอี้นานแล้ว

   อย่างไรเสียหากมีฮ่องเต้พิการภาพลักษณ์ของแว่นแคว้นมิเสียหายย่ำแย่หรอกหรือ ยามนี้ต่อให้เขาอยากลงมือแค่ไหนก็ต้องอดกลั้นเอาไว้

   “ ช่วงที่เจ้าจากไป นางกำนัลทั้งป่วยตายและหายตัวไปมากมายนัก ทุกวันนี้ยังหาสาเหตุไม่ได้ หากมู่ชินอ๋องสามารถไขคดีนี้ได้...”

   “มิใช่ว่าเจ้ารู้ตัวคนทำอยู่แล้ว”

   “ชินอ๋องมากความสามารถ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ทำเพื่อราชสำนักมิได้หรือ”

   “ตกลง! แต่ก่อนหน้านั้นเจ้าเอาโสมกึ่งหนึ่งมาให้ข้า”

   “หยวนกงกงรับราชโองการ มู่ชินอ๋องกลับมาร่างกายดูซูบผอม เราเห็นแล้วปวดใจนัก จึงพระราชทานโสมให้เพื่อบำรุงร่างกาย จบราชโองการ”

   “อย่าลืมส่วนที่เหลือก็แล้วกัน!!!”หลังจากได้ในสิ่งที่ต้องการ มู่อิงก็สะบัดชายแขนเสื้อจากไป

   ยามนั้นหยวนกงกงถึงได้หายใจได้ทั่วท้อง มิรู้ตัวมาก่อนว่าตนเองกลั้นหายใจได้เนิ่นนานปานนี้

   “ฝ่าบาททำเช่นนี้จะดีหรือพะย่ะค่ะ”หยวนกงกงหันไปมองหน้าฮ่องเต้ที่ยามนี้หน้าซีดลงเล็กน้อย ฝ่าบาทช่างเก็บสีหน้าได้ดีกว่าแต่ก่อนยิ่งนัก ปกติคงหน้าซีดขาวไปหลายส่วนแล้ว

   “เรานึกว่าวันนี้คงโดนทำร้ายจนเขียวช้ำไปทั้งตัวแล้ว ดูท่าน้องมู่อิงคงอดกลั้นได้ดีกว่าแต่ก่อนมาก” จ้าวเทียนหลงลูบอกตัวเองเบาๆ  ถึงแม้จะเป็นโอรสสวรรค์หากแต่มู่อิงลงมือขึ้นมาจริงๆ เขาก็ไม่รู้ควรทำเช่นไร  อย่างไรเสียเขาก็ยอมมู่อิงมาตั้งแต่เล็ก มิเคยเอาคืนเลยสักครั้ง หากทำให้มู่ชินอ๋องมีรอยขีดข่วนเพียงเล็กน้อย คิดปีนขึ้นเตียงฮองเฮาคงยากแล้ว 

   “ท่านอ๋องก็มิถึงขั้นใจร้อนเช่นแต่ก่อน นับเป็นเรื่องน่ายินดีนะพะย่ะค่ะ” มิเช่นนั้นโต๊ะทรงพระอักษรของฝ่าบาทจะยังอยู่ดีมีสุขเช่นนี้หรือ  ยังโต๊ะน้ำชาตัวนี้อีก อย่างน้อยก็ต้องถูกตบจนพัง

   “เสี่ยวหยวนจื่ออย่าลืมให้คนนำหลักฐานทั้งหมดที่เราสืบได้ไปให้น้องมู่อิง  ครานี้เกี่ยวพันธ์ถึงตำหนักเทพ นอกจากน้องมู่อิงแล้วเราก็ไม่เห็นว่าใครจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้” คนที่กล้าล่วงเกินแม้แต่พระองค์เช่นนี้ จะเห็นตำหนักเทพอยู่ในสายตาได้เช่นไร

   “ฝ่าบาทแล้วเรื่องคนผู้นั้น...”

   “หากเขาอยู่ในเมืองหลวงเงียบๆ ก็ดีไป ส่งคนไปจับตาดูไว้ก็พอ”

   “รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ”

   น้องภรรยาผู้นี้ มิรู้ว่าเพราะเหตุใดจึงนำเรื่องปวดหัวเช่นนี้กลับมาด้วย



   เมื่อออกจากห้องทรงพระอักษรมามู่อิงก็มุ่งตรงไปยังตำหนักหงส์อันเป็นที่ประทับของฮองเฮา  กลับเมืองหลวงมาครั้งนี้ที่เขาอยากเจอมากที่สุดมีเพียงมารดากับน้องสาว ดังนั้นเมื่อเข้าวังหลวงมาแล้วก็ต้องมาพบน้องสาวสักครั้ง


+++ เพิ่ม +++

       ตำหนักหงส์ของฮองเฮาตั้งอยู่ใกล้กับตำหนักมังกรทะยานของฮ่องเต้มากที่สุดเดินผ่านสะพานเก้าโค้งอันประณีตงดงามไปเพียงเล็กน้อยก็ถึง  ข้างตำหนักยังมีสระบัวขนาดใหญ่ กลางสระบัวมีศาลากลางน้ำไว้คอยรับลมยามที่อากาศร้อน ดูประณีตงดงามหากแต่ไม่ฟุ้งเฟ้อ  มู่อิงกวาดตาดูทั่วตำหนักหงส์อย่างพึงพอใจ  ดูท่าชีวิตความเป็นอยู่ของมู่ตานภายในวังหลวงจะไม่เลวทีเดียว

   มู่อิงเดินผ่านประตูตำหนักเข้าไปโดยไม่ได้แจ้งใคร ถือคติที่ว่าบ้านของน้องสาวก็เปรียบเสมือนบ้านของตนเอง อีกทั้งวังหลวงแห่งนี้มีที่ใดบ้างที่เขาไม่เคยเหยียบย่างเข้าไป  หากแต่เสียงที่ได้ยินเข้าหูกลับทำให้คิ้วเรียวดังกิ่งหลิวขมวดมุ่น ฝีเท้ากลับยังคงก้าวต่อไปโดยไม่ชะงัก

   “หม่อมฉันขอร้องฮองเฮา ยามนี้ตำหนักในว่างเปล่า  เพื่อความรุ่งเรืองของราชวงศ์ขอทรงทูลเกลี่ยกล่อมฝ่าบาทให้รับสนมชายาเพิ่มด้วยเถิดพะย่ะค่ะ”

   “อย่างไรเสียอย่างน้อยก็ควรเติมตำแหน่งพระสนมที่ว่างอยู่ให้เต็มนะพ่ะยะค่ะ”

   จากนั้นจึงตามมาด้วยวาจามากมายที่ต้องการให้ฮ่องเต้รับพระสนมเพิ่ม

   มู่อิงก้าวเข้ามาในห้องรับรองตำหนักหงส์โดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น  เมื่อนางกำนัลและขันทีที่เห็นเขาต่างย่อกายทำความเคารพคิดจะอ้าปากแจ้งการมาถึงของมู่ชินอ๋องต่างก็ต้องหุบปากลงเมื่อท่านอ๋องทำท่าทางให้เหล่าข้ารับใช้หุบปาก

   ส่วนฮองเฮาที่กำลังรับฟังเรื่องทุกข์ร้อนของเหล่าขุนนางกลับเพียงนั่งฟังเงียบๆ ไม่เอ่ยวาจาออกมาแม้สักประโยคเดียว  ความเงียบเช่นนี้ทำให้เหล่าขุนนางที่ไม่รู้ว่าฮองเฮาทรงคิดเช่นไรอยู่  หากทรงไม่เห็นด้วยเหตุใดยังทรงนิ่งเฉยอยู่พระอาการโกรธกริ้วสักเล็กน้อยก็ไม่แสดงออกมา  หากทรงเห็นด้วยเหตุใดจึงไม่รับปากพวกเขาสักประโยคสองประโยค  ทำเช่นนี้ช่างทำให้คนอึดอัดนัก

   “เรื่องตำหนักในของฝ่าบาทมีที่ให้ขุนนางเช่นพวกเจ้ามาสอดปากตั้งแต่เมื่อไหร่”

   เหล่าขุนนางที่เมื่อสักครู่ยังรบเร้าฮองเฮายามนี้กลับหุบปากลงกันหมดเมื่อมองเห็นผู้เอ่ยปากพูด  แต่ละท่านในใจร้องหาบิดามารดาแทบไม่ทัน  มู่ชินอ๋องถูกฝ่าบาทเรียกตัวไว้ที่ห้องทรงพระอักษรไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้เล่า

   “คาราวะมู่ชินอ๋อง” เหล่าขุนนางต่างรีบลุกขึ้น ใบหน้าแต่ละท่านดูย่ำแย่จนมองแทบไม่ได้ 

   “มิสู้ข้ามอบสาวงามให้พวกท่านสักสองสามคน  บุตรเขยใต้เท้าเหลียวมิใช่แต่งเพียงบุตรสาวท่านผู้เดียวเช่นกันพวกเขาอยู่ร่วมกันเพียงเท่านี้ชีวิตคงจะเงียบเหงามากเกินไป ข้าท่านอ๋องใจกว้างโอบอ้อมอารีปานนี้จะมอบสาวงามให้เขาสักสองสามคน...” มู่อิงจ้องมองใบหน้าที่ซีดเผือดลงทันทีของเหลียวซือจิงเจ้ากรมอากร

   คนผู้นี้ดูเหมือนจะเหลือบุตรสาวคนเล็กยังไม่ได้ออกเรือน คงหวังอยากให้บุตรสาวปีนขึ้นเตียงฮ่องเต้กระมัง  ขุนนางพวกนี้คงจะอยู่กันอย่างสงบสุขกันมากเกินไป  ในเมื่อเขามู่อิงกลับมาแล้ว จะช่วยให้ชีวิตของเหล่าขุนนางครึกครื้นขึ้นสักเล็กน้อยก็แล้วกัน!

   เหลียวซือจิงเวลานี้ใบหน้าซีดเผือด  บุตรสาวของเขาอยู่ร่วมกับบุตรเขยดียิ่ง  หากเพิ่มสตรีเข้าไปในครอบครัวพวกเขามิเท่ากับทำลายความสุขชั่วชีวิตของลูกสาวคนโตหรอกหรือ แต่มู่ชินอ๋องเอ่ยปากพูดออกมาแล้วเขาจะปฏิเสธได้อย่างไร  ทำไมเขาต้องเชื่อคำพูดของสหายขุนนางคนอื่นๆ  มาขอร้องฮองเฮา  ตั้งแต่เห็นท่านอ๋องที่ท้องพระโรงควรจะรู้ว่าวาจาใดควรเอ่ยไม่ควรเอ่ย  นี่เขาแก่จนเลอะเลือนไปแล้วใช่หรือไม่

   “ใต้เท้าเหลียวยังไม่รีบขอบคุณท่านอ๋องอีกหรือ”ฮองเฮาที่ไม่ยอมเอ่ยวาจาแม้แต่คำเดียวพูดขึ้น  ใบหน้างดงามน่าหลงใหลดวงนั้นดูคล้ายมู่ชินอ๋องถึงแปดส่วนหากแต่กลับสูงส่งจนคนไม่กล้ามองเต็มๆ ตา น้ำเสียงนุ่มนวลรื่นหูจนอยากฟังอีกสักครั้ง  ฮองเฮายามไม่เอ่ยวาจานั้นงดงามราวกับรูปปั้นเทพธิดา  ยามเอ่ยวาจากลับชวนหลงใหลเพิ่มขึ้นหลายส่วนนัก

   “ขอบพระคุณท่านอ๋อง” ใต้เท้าเหลียวขอบคุณพร้อมกับแอบร้องไห้อยู่ในใจ

   ส่วนขุนนางท่านอื่นอีกสี่ท่านต่างยืนก้มหน้าไม่เอ่ยวาจาออกมาสักคำ  บรรดาเหล่าขุนนางต่างรู้กันดีไม่ใช่หรือ  หากอยู่ในสายตาท่านอ๋องเมื่อไหร่  ก็พินาศกันเมื่อนั้น  ยามนี้ท่านอ๋องมิใช่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาแล้วหรอกหรือ  จะหลบหนีเคราะห์ร้ายครั้งนี้ยังจะมีหนทางใดอีก ได้แต่ต้องเงยหน้ารับเคราะห์กันอย่างถ้วนหน้า




   หลังจากมอบสาวงามให้บรรดาขุนนางและบุตรเขยขุนนางที่มารบกวนฮองเฮาจนครบทุกท่าน  มู่อิงจึงไล่พวกเขาออกไปจนหมด  คิดจะมาทำลายความสุขน้องสาวตน ก็ต้องถามว่าเขามู่อิงเห็นด้วยหรือไม่!

   “ข้าบอกเจ้าแต่แรกแล้วว่าแต่งให้จ้าวเทียนหลงไม่มีเรื่องดี” ท่าทางมู่อิงเปลี่ยนจากท่านอ๋องผู้สูงส่งจนผู้คนหวาดกลัวเมื่อสักครู่ มาเป็นบุรุษรูปงามเอาแต่ใจ ท่าทางแง่งอนเล็กน้อยเช่นนี้ทำให้ใบหน้างดงามล่มเมืองของมู่ตานปรากฏรอยยิ้มที่ยากจะพบเห็น

   น้องชายผู้นี้ไม่เห็นมาห้าปีแต่กลับไม่เปลี่ยนไปเลย  กลับดูเติบใหญ่จนน่าวางใจขึ้นมากนัก

   “พี่เทียนหลงดียิ่ง”แววตาของมู่ตานเปล่งประกายความสุขจางๆ มู่อิงที่สังเกตทุกอิริยาบถของนางจึงอดรู้สึกโล่งใจไม่ได้ มู่ตานมีความสุขก็ดีแล้ว อย่างไรเสียนางก็เป็น...อะแฮ่ม...พี่สาว..เป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวในบรรดาพี่น้องทั้งหมด อีกทั้งพวกเขาเป็นฝาแฝดที่คลานตามกันออกมาความรักและผูกพันระหว่างทั้งสองคนจึงแน่นแฟ้นอย่างยิ่ง

   “หากเจ้ารอข้าหาสามีดีๆ ให้  คงไม่ต้องมีเรื่องรำคาญใจเช่นนี้” แน่นอนว่าสามีดีๆ ที่เขาจะหาให้นางย่อมไม่มีอยู่บนโลกนี้ 

   “ดีเช่นคนที่เจ้าพามาหรือไม่เล่า”

   สิ้นคำมู่ตานใบหน้าของมู่อิงเริ่มแดงขึ้นน้อยๆ  ก่อนเจ้าตัวจะอุบอิบเสียงเบาว่า

   “นั่นย่อมไม่เหมือนกัน”

   “คนผู้นั้นงดงามมากหรือ งดงามกว่าเจ้าหรือ” นางจำได้ว่ามู่อิงบอกว่าจะแต่งคนที่งดงามที่สุดในใต้หล้า ที่สำคัญเวลาเขามองแล้วต้องไม่ระคายเคืองสายตา  บุรุษที่น้องชายพามาด้วยผู้นั้น นางเองก็อยากจะเห็นสักครั้ง หากไม่ติดว่านางเป็นถึงฮองเฮาคงแอบหนีออกจากวังไปดูตัวว่าที่น้องเขยตั้งแต่วันแรกแล้ว

   พอคิดถึงความงามของหลิวเฉินซางมู่อิงก็ต้องขมวดคิ้วน้อยๆ  หากจะเอ่ยถึงหลิวเฉินซางคนผู้นี้มองอย่างไรก็ไม่ใช่ผู้ที่งดงามที่สุดในแผ่นดิน  จากคำบอกเล่าของสตรีในยุทธภพหลิวเฉินซางนั้นหล่อเหลางามสง่าบุคลิกสูงส่งประดุจเทพเซียน เมื่อเทียบกับจ้าวเทียนหลงแล้วแน่นอนว่าในสายตามู่อิงท่านประมุขหลิวย่อมดีกว่ามากมายนัก แต่อย่างน้อยส่วนที่งดงามที่สุดของเขามิใช่เส้นผมสีเงินยวงเหล่านั้นหรอกหรือ  แค่คิดถึงเส้นผมสีเงินยามต้องแสงจันทร์ของหลิวเฉินซางมู่อิงก็ยิ้มออกมาอย่างเคลิบเคลิ้มราวกับเฒ่าวิปลิต  อย่างไรเสียคืนนี้แสงจันทร์คงไม่เลวนัก มิสู้เชิญหลิวเฉินซางมาจิบชาชมจันทร์ให้สำราญใจ ท่าทางป่วยไข้ของเขายามนี้ก็ช่างเข้ากับแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา แค่คิดภาพตามก็งดงามเหนือหล้าจนคนใจเต้นแล้ว

   “...” ในสมองของมู่อิงยามนี้คิดแต่ว่าคืนนี้จะเชื้อเชิญหลิวเฉินซางมาดื่มชาชมจันทร์  ไหนเลยจะตอบคำถามของมู่ตานได้

   “อิง  อิง!  อิงเอ๋อ!!!”เมื่อเห็นมู่อิงเอาแต่ทำหน้าเคลิบเคลิ้มมู่ตานไหนเลยจะมัวรักษาภาพลักษณ์ของฮองเฮา  นางตะโกนเรียกน้องชายเสียงดังลั่น  จนเหล่าขันทีและนางกำนัลต่างต้องก้มหน้าลงต่ำ ไม่รับรู้การทำกิริยาไม่งามของฮองเฮา

   “ตานเอ๋อ...เจ้าว่าอย่างไรนะ” มู่อิงหันไปมองมู่ตานอย่างงงงวย 

   “คนผู้นั้นงามมากหรือ งามกว่าเจ้าหรือเปล่า” น้องชายนางคือบุรุษที่งดงามงามที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นมา หากมู่อิงเกิดเป็นสตรีด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ไม่รู้ว่ามีบุรุษมากมายเท่าที่จะยอมตายถวายชีวิต  ตัวนางเองหากไม่เพราะพอถึงวัยปักปิ่นก็หมั้นหมายกับพี่เทียนหลง ชีวิตคงวุ่นวายหาความสงบสุขไม่ได้เป็นแน่

   “เขาไม่เลวเลย...”

   มู่อิงกับมู่ตานสองพี่น้องผู้ไม่ได้พบหน้ากันมาเนิ่นนานยามนี้ได้พบกันย่อมมีเรื่องราวมากมายให้พูดคุยแลกเปลี่ยน  ลืมเรื่องกวนใจของเหล่าขุนนางไปจนหมดสิ้น 

   มู่อิงอยู่กินข้าวกลางวันกับมู่ตานแล้วจึงกลับจวน  ระหว่างทางพบหยวนกงกงที่ได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ให้นำหลักฐานคดีหายตัวไปของนางกำนัลทั้งหมดมาให้ท่านอ๋อง  มู่อิงนิ่งมองหยวนกงกงอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะบอกให้ ‘เสี่ยวหยวนจื่อ’ ส่งของทั้งหมดไปให้เขาที่จวน  เสี่ยวหยวนจื่อยามนี้เป็นกงกงแล้วก็ยังคงน่ารังแกเช่นเดิม ช่างทำให้เขาสำราญใจนัก

 

 

 

 

                หลังจากมอบสาวงามให้บรรดาขุนนางและบุตรเขยขุนนางที่มารบกวนฮองเฮาจนครบทุกท่าน  มู่อิงจึงไล่พวกเขาออกไปจนหมด  คิดจะมาทำลายความสุขน้องสาวตน ก็ต้องถามว่าเขามู่อิงเห็นด้วยหรือไม่!

                “ข้าบอกเจ้าแต่แรกแล้วว่าแต่งให้จ้าวเทียนหลงไม่มีเรื่องดี” ท่าทางมู่อิงเปลี่ยนจากท่านอ๋องผู้สูงส่งจนผู้คนหวาดกลัวเมื่อสักครู่ มาเป็นบุรุษรูปงามเอาแต่ใจ ท่าทางแง่งอนเล็กน้อยเช่นนี้ทำให้ใบหน้างดงามล่มเมืองของมู่ตานปรากฏรอยยิ้มที่ยากจะพบเห็น

                น้องชายผู้นี้ไม่เห็นมาห้าปีแต่กลับไม่เปลี่ยนไปเลย  กลับดูเติบใหญ่จนน่าวางใจขึ้นมากนัก

                “พี่เทียนหลงดียิ่ง”แววตาของมู่ตานเปล่งประกายความสุขจางๆ มู่อิงที่สังเกตทุกอิริยาบถของนางจึงอดรู้สึกโล่งใจไม่ได้ มู่ตานมีความสุขก็ดีแล้ว อย่างไรเสียนางก็เป็น...อะแฮ่ม...พี่สาว..เป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวในบรรดาพี่น้องทั้งหมด อีกทั้งพวกเขาเป็นฝาแฝดที่คลานตามกันออกมาความรักและผูกพันระหว่างทั้งสองคนจึงแน่นแฟ้นอย่างยิ่ง

                “หากเจ้ารอข้าหาสามีดีๆ ให้  คงไม่ต้องมีเรื่องรำคาญใจเช่นนี้” แน่นอนว่าสามีดีๆ ที่เขาจะหาให้นางย่อมไม่มีอยู่บนโลกนี้

                “ดีเช่นคนที่เจ้าพามาหรือไม่เล่า”

                สิ้นคำมู่ตานใบหน้าของมู่อิงเริ่มแดงขึ้นน้อยๆ  ก่อนเจ้าตัวจะอุบอิบเสียงเบาว่า

                “นั่นย่อมไม่เหมือนกัน”

                “คนผู้นั้นงดงามมากหรือ งดงามกว่าเจ้าหรือ” นางจำได้ว่ามู่อิงบอกว่าจะแต่งคนที่งดงามที่สุดในใต้หล้า ที่สำคัญเวลาเขามองแล้วต้องไม่ระคายเคืองสายตา  บุรุษที่น้องชายพามาด้วยผู้นั้น นางเองก็อยากจะเห็นสักครั้ง หากไม่ติดว่านางเป็นถึงฮองเฮาคงแอบหนีออกจากวังไปดูตัวว่าที่น้องเขยตั้งแต่วันแรกแล้ว

                พอคิดถึงความงามของหลิวเฉินซางมู่อิงก็ต้องขมวดคิ้วน้อยๆ  หากจะเอ่ยถึงหลิวเฉินซางคนผู้นี้มองอย่างไรก็ไม่ใช่ผู้ที่งดงามที่สุดในแผ่นดิน  จากคำบอกเล่าของสตรีในยุทธภพหลิวเฉินซางนั้นหล่อเหลางามสง่าบุคลิกสูงส่งประดุจเทพเซียน เมื่อเทียบกับจ้าวเทียนหลงแล้วแน่นอนว่าในสายตามู่อิงท่านประมุขหลิวย่อมดีกว่ามากมายนัก แต่อย่างน้อยส่วนที่งดงามที่สุดของเขามิใช่เส้นผมสีเงินยวงเหล่านั้นหรอกหรือ  แค่คิดถึงเส้นผมสีเงินยามต้องแสงจันทร์ของหลิวเฉินซางมู่อิงก็ยิ้มออกมาอย่างเคลิบเคลิ้มราวกับเฒ่าวิปลิต  อย่างไรเสียคืนนี้แสงจันทร์คงไม่เลวนัก มิสู้เชิญหลิวเฉินซางมาจิบชาชมจันทร์ให้สำราญใจ ท่าทางป่วยไข้ของเขายามนี้ก็ช่างเข้ากับแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา แค่คิดภาพตามก็งดงามเหนือหล้าจนคนใจเต้นแล้ว

                “...” ในสมองของมู่อิงยามนี้คิดแต่ว่าคืนนี้จะเชื้อเชิญหลิวเฉินซางมาดื่มชาชมจันทร์  ไหนเลยจะตอบคำถามของมู่ตานได้

                “อิง  อิง!  อิงเอ๋อ!!!”เมื่อเห็นมู่อิงเอาแต่ทำหน้าเคลิบเคลิ้มมู่ตานไหนเลยจะมัวรักษาภาพลักษณ์ของฮองเฮา  นางตะโกนเรียกน้องชายเสียงดังลั่น  จนเหล่าขันทีและนางกำนัลต่างต้องก้มหน้าลงต่ำ ไม่รับรู้การทำกิริยาไม่งามของฮองเฮา

                “ตานเอ๋อ...เจ้าว่าอย่างไรนะ” มู่อิงหันไปมองมู่ตานอย่างงงงวย

                “คนผู้นั้นงามมากหรือ งามกว่าเจ้าหรือเปล่า” น้องชายนางคือบุรุษที่งดงามงามที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นมา หากมู่อิงเกิดเป็นสตรีด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ไม่รู้ว่ามีบุรุษมากมายเท่าที่จะยอมตายถวายชีวิต  ตัวนางเองหากไม่เพราะพอถึงวัยปักปิ่นก็หมั้นหมายกับพี่เทียนหลง ชีวิตคงวุ่นวายหาความสงบสุขไม่ได้เป็นแน่

                “เขาไม่เลวเลย...”

                มู่อิงกับมู่ตานสองพี่น้องผู้ไม่ได้พบหน้ากันมาเนิ่นนานยามนี้ได้พบกันย่อมมีเรื่องราวมากมายให้พูดคุยแลกเปลี่ยน  ลืมเรื่องกวนใจของเหล่าขุนนางไปจนหมดสิ้น


                มู่อิงอยู่กินข้าวกลางวันกับมู่ตานแล้วจึงกลับจวน  ระหว่างทางพบหยวนกงกงที่ได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ให้นำหลักฐานคดีหายตัวไปของนางกำนัลทั้งหมดมาให้ท่านอ๋อง  มู่อิงนิ่งมองหยวนกงกงอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะบอกให้ ‘เสี่ยวหยวนจื่อ’ ส่งของทั้งหมดไปให้เขาที่จวน  เสี่ยวหยวนจื่อยามนี้เป็นกงกงแล้วก็ยังคงน่ารังแกเช่นเดิม ช่างทำให้เขาสำราญใจนัก



+++++++++++++++
สั้นเน๊อะ ^^
+++++++++++++++
เพิ่มอีกนิดให้ยาวอีกหน่อย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-05-2017 21:35:56 โดย Y_type »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
มู่ตานเป็นพี่มู่อิงไม่ใช่เหรอ เอ๊ะ หรือว่ามู่อิงเรียกมู่ตานเป็นน้องอยู่แล้ว
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ครอบครัวนี้ฮาจริงๆ อยากสืบแล้วว่าพี่หลิวจะแต่งเข้าบ้านน้องมู่หรือไม่อย่างไร
ขอบคุณค่ะ รอตอนต่อไปเช่นเคย
ลืมแก้หัวเรื่องค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด