The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย  (อ่าน 77334 ครั้ง)

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
งานหึงต้องมาเชื่อเถอะ  :hao3:

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
แม่ของพี่โอเป็นเงือกใช่ป่าววววว แล้วไอ้เสียงเรียกฟรานส์ตอนสุดท้ายคือใคร????

ออฟไลน์ มาม่าหมูสับ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หวังว่าเสียงนั่นคงไม่ใช่เจ้หมึกยักษ์หรอกนะ 55555

ออฟไลน์ mymine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • FaceBook
ตอนที่18

   
ภาพเงือกสาวผมแดงกำลังกอดและหอมแก้มฟรานส์ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
   

นั่นมันของๆผมนะโว้ย
   

แถมฟรานส์ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับการปฏิบัติตัวของอีกฝ่ายหรือยังไง นอกจากจะไม่ว่าแล้ว ยังยิ้มหวานทักทายอย่างเป็นกันเองต่อหน้าผม
   

แบบนี้มันประกาศสงครามกันชัดๆ
   

แล้วดูเหมือนเราสองคนจะคิดแบบเดียวกัน เพราะทันทีที่ฟรานส์หันมาแนะนำผม ดวงตาสีแดงสดของแม่เจ้าหญิงเงือกตรงหน้าก็ตวัดมามอง ท่าทางของอีกฝ่ายดูจะไม่ชอบใจผมอย่างเห็นได้ชัด
   

“นี่หรือฟรานส์... บุตรของท่านไลอาร์ ฮึ จะเอาหมอนี่มาเป็นรัชทายาทแทนฟรานส์นี่นะ ท่าทางเหลาะแหละไม่เห็นจะได้เรื่องเลย”
   

“ฟิโอล่า!” เสียงปรามของฟรานส์ดังขัด นั่นทำให้ผมชะงัก การที่อีกฝ่ายแม้จะเป็นเจ้าหญิงแต่กลับเรียกชื่อกันง่ายๆแสดงว่าคงสนิทสนมเป็นการส่วนตัวไม่ใช่น้อย ไหนยังจะความในใจของเจ้าหล่อนที่พูดใส่ผมเต็มสองรูหูอีก
   

“โอเชี่ยน นี่เจ้าหญิงฟิโอล่า”
   

“...”


“โอเชี่ยน”


“ช่างเถอะ ข้าก็ไม่อยากรู้จักเจ้าชายที่ไร้มารยาทเท่าไหร่หรอก”


“โอเชี่ยน!!” เสียงฟรานส์เข้มขึ้น ดวงตาสีฟ้าใสเขม้นมองเป็นเชิงบอกให้ผมแนะนำตัว อย่าทำให้แฟริเซียขายหน้า


“ช่างเถอะฟรานส์ ข้าอยากพักแล้ว อยากเจอฟิลันด้วยพาข้าไปหน่อยนะนะ” เงือกสาวตรงหน้าออดอ้อนก่อนจะลากเงือกตรงหน้าผมไป แม้ดูท่าเจ้าตัวคงอยากซัดผมซักหมัดสองหมัดก่อนแต่ก็ยังเลือกตามเจ้าหญิงนั่นไป ทิ้งผมยืนอยู่หน้าทางเข้าเพียงลำพัง



หลังจากนั้นงานเลี้ยงรับรองก็กลายเป็นเหมือนสงครามเย็น ผมเลือกที่จะนั่งแยกตัวให้ห่างจากทั้งคู่ เพราะผมไม่มั่นใจว่าจะอดทนการพูดจากระทบกระเทียบของอีกฝ่ายได้หรือเปล่า แล้วยิ่งอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง จะให้ผมไปเถียงมันก็ดูจะน่าเกลียดเกินไป ว่าแต่เจ้าตัวไปเอามาจากไหนว่าผมจะแย่งตำแหน่งรัชทายาท น้ำหน้าอย่างผมนี่นะจะเอาอะไรไปบริหารเมือง ขืนทำสิมีหวังล่มจม


ทว่าในระหว่างที่กำลังคิดเพลินๆนิ้วขาวก็ดีดหน้าผากผมดังป๊อก!


“ปล่อยให้คนแก่พูดแล้วไม่ฟังหรือ” คุณปู่แอ๊บเด็กทำปากพองน่ารักอยู่ข้างๆ ผมเลี่ยงมานั่งเนียนอยู่กับท่านสวอร์นนี่ล่ะ จะได้ถือโอกาสฟังเรื่องแม่ไปด้วย แต่ดันเผลอไปคิดถึงเรื่องอื่นจนได้


ไม่ได้การล่ะ ผมต้องตั้งสติให้ดี นานๆจะได้ฟังเรื่องแม่แบบนี้สักที ปล่อยสองคนนั้นทำตามใจไปละกัน


ผมกลับมาสนใจสิ่งที่คุณปู่เล่า ทว่ายิ่งฟังสีหน้าผมก็ยิ่งกระอักกระอ่วน คือตกลงที่กำลังเล่านี่แม่ผมแน่หรือ ทำไมห่ามซะ แถมโคตรเจ้าชู้ พ่อผมเอาความสามารถจากไหนกดแม่ผมได้ล่ะนี่


“เพราะแบบนั้น ท่านปู่ของเจ้าเลยประกาศไปทั่วว่าถ้าใครเอาชนะมันได้จะได้เป็นคู่หมั้น เท่านั้นล่ะแม่เจ้าก็เหวี่ยงเงือกรอบตัวทิ้งไปหมดเลย กระทั่งองค์รักษ์และปู่มันเอง” เอ่อ มันไม่ขำเลยนะปู่ เล่นหัวเราะเอิ้กอ๊ากซะหมดมาด หน้างามๆเสียหายหมด


“ใครจะรู้ว่าพอประกาศให้หมั้นกับทางเรมเดล เจ้าซิลวาร์ก็โวยวายบอกไม่ยอมเป็นภรรยาและก็หนีไปไม่กลับมาอีก... และเพราะแม่เจ้าคือทายาทสายตรงเพียงหนึ่งเดียว สุดท้ายการดองระหว่างเมืองทั้งสองก็เลยถูกยกเลิกไป ใครจะนึกว่าสุดท้าย เจ้านั่นก็ยังไม่พ้นที่จะกลายเป็นแม่และให้กำเนิดเจ้าขึ้นมา” เรื่องที่หลุดปากทำเอาผมเบิกตาโต นี่แม่เคยจะถูกจับคลุมถุงชนก็เลยหนีขึ้นบกไปเจอพ่องั้นหรือนี่ กระทั่งฟิลันที่นั่งคลอเคลียใกล้ๆก็ตาโตกับวีรกรรมของท่านแม่ของผม ทำเอาแอบรู้สึกผิดกับทางเมืองเรมเดลเล็กๆที่แม่ตัวเองไปทำเรื่องไว้แสบสันต์มาก


ในขณะที่กำลังคุยๆความรู้สึกเหมือนมีสายตาอาฆาตจ้องมาจนขนลุกเกรียว ผมรีบหมุนตัวหันไปมองหาที่มา จนเมื่อสบตากับอีกฝ่ายนั้นล่ะ


จะใครเสียอีกก็แม่เจ้าหญิงฟิโอล่าที่ผมพยายามไม่สนใจอยู่นั่นไง เจ้าหล่อนนั่งอยู่ระหว่างฟรานส์และเจ้าชายลูคัส ผมเลิกคิ้วเอียงคอด้วยความสงสัย แต่ก็เลือกละสายตาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว เพราะสายตาไม่ชอบใจของเจ้าชายข้างตัวพุ่งมาที่ผมแบบไม่คิดปิดบัง


ผมทำอะไรผิดอีกล่ะ


“ท่าทางท่านหญิงฟีโอล่าจะไม่ชอบพี่โอเท่าไหร่นะ” ฟิลันที่นั่งอยู่อีกข้างของผมพูดขึ้น ก่อนจะยักไหล่ “แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ ท่านหญิงทำอะไรตามใจตัวเองมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ไม่สนใคร ไม่เห็นหัวใคร มีดีแค่ที่หน้าตา แต่มารยาทติดลบ”


แน่นอนว่าผมอ้าปากค้างไปแล้วหลังจากที่ได้ฟังคำนินทา เพราะหนึ่งอีกฝ่ายเป็นเจ้าหญิงเป็นแขก นี่เอาความกล้ามาจากไหน แถมที่สำคัญ เสียงเจ้าตัวก็ไม่ได้พูดเบาๆเลยสักนิด


“ฟิลัน!!”


“ทำไมล่ะท่านพี่ มันน่าแปลกตรงไหน พอมีเวลาว่างท่านหญิงก็จะรีบแล่นมาที่นี่อยู่แล้ว เจ้าหญิงดีๆที่ไหนเค้าว่างงานแล่นมาหาบุรุษได้ทุกเดือน”


“ที่ข้ามาเพราะเจ้าด้วยนะ ทำไมถึงได้พูดแบบนั้น...” ฟีโอล่าหันไปพยายามพูดเสียงหวานกับเงือกน้อยข้างตัวผม แต่เจ้าตัวไม่มีอารมณ์ร่วมไง ทำไมผมรู้สึกว่าฟิลันกำลังหงุดหงิดแบบแปลกๆ


“มาหาข้าหรือ.. น่าขำ!!ใครใช้ให้มาล่ะ ทำตัวตามติดเป็นเหาฉลาม รู้ไหมว่ามันน่ารำคา....!!!!” ตายครับตายปล่อยให้พูดหมดวันนี้ต้องมีคนตายแน่ๆ อารามด้วยความกลัวเลือด ผมเลยพุ่งตรงเข้าปิดปากฟิลันจนเหลือแต่เสียงบ่นก่นด่าดังอู้อี้ๆ  ก่อนจะส่งยิ้มแหยให้แขกรอบๆ “เชิญตามสบายนะ ยังไงขอตัวก่อนเลยละกัน” ก่อนจะลากเงือกในอ้อมแขนออกจากห้องซึ่งต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเพราะอีกฝ่ายตัวไล่เลี่ยกับผมแล้ว


จนเมื่อมาถึงสวนด้านหลังผมถึงได้ปล่อยมือ “พี่โอปิดปากข้าทำไมล่ะ!”


“ฟิลัน..” ผมกุมขมับอย่างอ่อนใจ “ต่อหน้าแขกเยอะแยะ รักษาหน้าบ้างเถอะ แถมอีกฝ่ายก็เป็นผู้หญิงด้วยนะ”


“ทำไมข้าต้องอายในเมื่ออีกฝ่ายไม่เห็นสนใจ” เจ้าตัวกระฟัดกระเฟียดทิ้งตัวลงนั่งบนก้อนหินใกล้ๆ “เพราะเป็นสตรีถึงสามารถจิกกัดบุรุษได้โดยห้ามตอบโต้? เพราะเป็นสตรีถึงจะสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นก็ห้ามสนใจ? สำหรับข้าไม่ว่าจะบุรุษหรือสตรีแต่ถ้าทำตัวไม่ดี มันก็สมควรด่าทั้งนั้นล่ะ!!!”


ค้างครับ อ้าปากค้าง ไม่นึกว่าฟิลันจะมีมุมแบบนี้ด้วย คือปกติผมจะเคยเห็นแต่เงือกน้อยขี้อ้อน จะมีเกรียนๆบ้างก็ตอนอยู่กับเจ้าเด็กคาไลท์ แต่ไม่เคยเห็นมาก่อนว่าจะเจ้าสำบัดสำนวนคารมคมคายแบบนี้ แนวคิดของฟิลันนี่คือความเท่าเทียมโดยแท้


“ที่สำคัญ เพราะยัยนั่นทำให้ท่านพี่ไม่มีเวลาว่างให้ข้าเลย แถมยังชอบไล่ข้าให้ไปห่างๆด้วย จะให้ข้าดีด้วยยังไงไหวเล่า!!”


...สรุปแล้วคือ ไอ้เด็กตรงหน้าผมมันแค่หวงพี่ชายมันใช่ไหมนี่


ผมปล่อยให้ฟิลันบ่นไปเรื่อยจนเจ้าตัวเหนื่อย ซึ่งกว่าจะหยุดก็เล่นใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง ทำเอาผมอึ้งกับมุมมืดของเจ้าชายเงือกน้อยตรงหน้า


เงยหน้ามองท้องฟ้า ในตอนนี้แสงสว่างที่ส่องลงบนผิวน้ำหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงแสงจากหินที่ประดับตามจุดต่างๆของสวน ผมเลยตัดสินใจชวนฟิลันกลับห้อง ผมคิดว่าแต่ละคนคงแยกย้ายกันไปพักผ่อนแล้ว


แต่ดูเหมือนผมจะคิดผิด


เราสองคนชะงักเมื่อมีใครบางคนยืนอยู่หน้าห้องของผม ไม่สิต้องเรียกว่าห้องฟรานส์ที่ผมพักอยู่ด้วย และจากตอนแรกที่ผมคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องอาหารเลวร้ายแล้ว นั่นยังเทียบไม่ได้กับเหตุการณ์ตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ


ฟรานส์กำลังกอดกับเงือกสาวตัวนั้น


“ท่านพี่!!!” เสียงตวาดของฟิลันเรียกเอาความสนใจจนทั้งสองตวัดมองมาทางที่พวกผมยืนอยู่ บางอย่างในตัวผมเหมือนถูกฉีกกระชาก และก่อนที่เงือกข้างผมจะกระโจนเข้าไปทำอะไร มือของผมก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของฟิลันก่อน


“พี่โออย่าห้ามข้า!!!…” คำพูดของฟิลันกลืนหายไปหลังจากสบตากับผม ผมเองก็ไม่รู้ว่าในขณะนี้ตัวเองทำหน้าตายังไง แต่ผมเลือกที่จะเงยหน้าสบตาคนทั้งคู่ที่ถอยออกจากกันแล้ว “อ่า ขอโทษทีที่ขัดจังหวะ แต่อย่างน้อยพวกนายก็ควรเข้าห้องให้เรียบร้อยก่อนจะทำอะไรมากกว่านี้นะ”


“โอเชี่ยนเดี๋ยว..” เสียงของฟรานส์ดังขึ้นแต่ผมไม่นึกอยากจะฟังสักนิด ผมหันหลังจูงกึ่งลากฟิลันออกจากตรงนั้นจนไปหยุดที่หน้าห้องนอนของเจ้าตัว ดังอีกฝ่ายเข้าห้องก่อนจะกำชับให้พักผ่อนซะแล้วอย่าออกไปเถลไถลที่ไหน จากนั้นผมก็ว่ายโซซัดโซเซออกมา


ภาพของทั้งคู่ติดตาจนผมรู้สึกอยากจะหาอะไรควักออกซะ ภาพที่ผมไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็น และที่แย่กว่านั้น


ผมรู้สึกว่าภาพตรงหน้ามันดูสวยงาม


เอาเข้าจริงๆถ้าไม่นับเรื่องปาก อีกฝ่ายก็เป็นเงือกที่สวยแบบเซ็กซี่ปราดเปรียวมาก เส้นผมสีแดงหยักศกทิ้งตัวยาวจนถึงบั้นท้าย ผิวสีน้ำผึ้งอย่างคนที่อาศัยอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร(จากการเทียบตำแหน่ง ผมเดาว่าอีกฝ่ายอาศัยอยู่แถวฮาวาย) ตาโตหวานนัยน์ตาสีแดงใสแจ๋ว รีมฝีปากอวบอิ่ม ไหนยังจะหุ่นเซ็กซี่ไดนาไมท์นั่นอีก เมื่อมาอยู่ข้างฟรานส์ที่หล่อสง่างาม


ทั้งคู่ดูเหมาะสมกันมาก มากจนทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินที่อยู่ดีๆก็โผล่ขึ้นมา


ผมมาทำอะไรที่นี่กัน?...


ผมว่ายย้อนกลับไปยังห้องพักและเกือบจะถึงอยู่แล้วถ้าผมไม่ได้เกิดนึกอะไรขึ้นมาได้เสียก่อน


ถ้าทั้งคู่ยังอยู่ด้านในล่ะ?


ไม่ดีแน่ถ้าผมจะโผล่เข้าไปกลางวง แต่คืนนี้ผมจะไปอยู่ที่ไหนดีล่ะ ถึงในปราสาทนี้จะมีห้องไม่น้อยแต่เพราะ2-3วันนี้ต้องรับแขกต่างเมืองรวมถึงผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่แน่ว่าจะเหลือห้องให้ผมพักหรือเปล่า เปิดสุ่มๆไปเจอใครจะเป็นอะไรไหม


ที่สำคัญผมไม่อยากอยู่คนเดียวในเวลานี้


จะกลับไปหาฟิลันหรือ ผมไม่อยากทำแบบนั้นเพราะอีกฝ่ายต้องถามแน่นอนว่าทำไมผมถึงย้อนกลับมา แต่จะให้ไปนอนห้องอื่น...


ไม่สิมีอีกห้องที่ผมน่าจะนอนได้


ผมว่ายกลับไปทางห้องฟิลันเช่นเดิม แต่แทนที่จะตรงไปที่ห้องอีกฝ่าย ผมกลับหยุดลงตรงหน้าประตูห้องข้างๆ


“เจ้ามาทำอะไรที่นี่!” คาไลท์หน้ายู่ทันทีที่เห็นผม เจ้าตัวเบะปากอย่างไม่ชอบใจ “ข้าจะพักผ่อนเพราะอย่างนั้นเจ้าก็กลับไปนอนห้องตัวเองได้แล้ว”


“ก็ถ้านอนที่เดิมได้ฉันจะมาที่นี่หรือ” พูดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ “เอาน่าไหนๆก็คนกันเอง ขอฉันนอนด้วยซักพักรับรองว่านอนไม่ดิ้น”


แน่นอนว่าพวกเราญาติดีกันมาก เจ้าเด็กตรงหน้ายังไงก็ยืนกรานไม่ยอมให้ผมนอนด้วย จนสุดท้ายผมเลยต้องงัดไม้ตายที่เก็บเอาไว้ออกมา “ก็ได้... ถ้าอย่างนั้นฉันไปขอนอนห้องฟิลันก็ได้”


ปฏิกิริยาอีกฝ่ายชะงักอย่างที่คิดไว้ และหลังจากที่เจ้าตัวโวยวายอีกสองสามครั้ง ผมก็ได้นอนห้องนี้แต่โดยดี


.


.


“นี่”


“...”


“หลับหรือยัง”


“...”


ผมได้แต่ถอนหายใจเสียงดัง นึกอิจฉาเงือกที่นอนอยู่ข้างๆที่หลับได้อย่างสบาย


“หนวกหู...นอนได้แล้ว” ผมเลิกคิ้วหลังจากรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้หลับจริง


“เราคิดว่าฉันจะได้เป็นรัชทายาทแทนฟรานส์หรือ” ผมพูดไปเรื่อยๆ ไม่สนใจว่าเจ้าหนูข้างๆจะฟังอยู่ไหม แต่ถ้าเจ้าตัวยังไม่หลับก็คงได้ยินแหละน่า “ทำไมเจ้าหญิงฟีโอล่าถึงได้คิดแบบนั้น ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสามารถพอจะบริหารเมืองนี้นะ ....หรือว่ามี?”


“...ฝันไปเถอะ ใครจะไปยอม”


“ใช่ไหมล่ะ! แล้วทำไมเจ้าหญิงนั่นถึงได้คิดว่าฉันจะไปแย่งตำแหน่งฟรานส์นะ” ผมตบมือฉาด


“เฮ่อ..” ไอ้เด็กตรงหน้าลุกขึ้นมานั่ง เจ้าตัวขยี้หัวจนฟูยุ่ง “เจ้าคิดว่าคนจากเมืองอื่นจะรู้เรื่องภายในเมืองเราแค่ไหนกัน นี่ไม่นับว่าเป็นเรื่องภายในวังด้วย”


เอ่อ ก็จริงแฮะ


“ถ้ามองด้วยสายตาภายนอก การที่เจ้าที่เป็นทายาทเพียงคนเดียวของราชินีองค์ก่อนก็ย่อมมีสิทธินี้มากกว่าใคร..” ฟังคำวิเคราะห์ของเงือกตรงหน้าแล้วทำให้ผมต้องมองอีกฝ่ายใหม่ เจ้าเด็กนี่ไม่เล่นๆเลยนะ “แต่ถ้าจะให้พูดความจริง เงือกเมืองนี้เค้ารู้เช่นเห็นชาติเจ้าหมดแล้ว ขืนให้เป็นเจ้าเมืองก็พากันล่มจมสิ!!”


อู้ย...เจ็บปวด ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ก็ทำให้ผมหลุดยิ้มบางออกมา แม้คาไลท์จะเคยคิดร้ายกับผมมาก่อนก็ตาม แต่เจ้าหนูนี่คิดถึงสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเมืองจริงๆ


และบางทีสิ่งที่ดีกว่านั้น ก็คือการที่ผมไม่ได้ปรากฏตัวที่นี่ตั้งแต่แรก


ความรู้สึกหนักอึ้งทำให้มือของผมไขว่คว้าความอบอุ่น และตอนนี้มือของผมก็ปะอยู่กับร่างของเงือกที่นอนอยู่ข้างๆ


รู้ว่าไม่ชอบแต่ขอหน่อยละกัน


คิดแบบนั้นผมก็ลากเงือกข้างตัวมากอด เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องโวยวายดิ้นหนี แต่ผมตัวใหญ่กว่าเยอะไง เพราะอย่างนั้นสุดท้ายพวกเราทั้งคู่ก็เลยหลับไปทั้งที่ยื้อกันแบบนั้นล่ะ


.


.


เช้าวันถัดมา สำหรับผมไม่ค่อยจะสดใสเท่าไหร่ เพราะเมื่อเนื้อเมื่อยตัวจากสงครามเมื่อคืนและยังเมื่อเช้าอีกรอบ


“อู้ย... ไอ้เด็กบ้าถีบมาได้” ขณะที่กำลังว่ายโซซัดโซเซไปทางห้องอาหาร ทว่าข้อมือของผมก็ถูกคว้าโดยใครบางคนเสียก่อน…

ออฟไลน์ มาม่าหมูสับ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฟรานนนนนน  :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ป๊าดดดด

คาไลท์ไม่มีขา ไม่น่าจะถีบได้นะคะ

ปอลิง อยากเจอป๊ะป๋าโอเชี่ยนแล้วววววววว แอบย่องไปหาป๊าเถอะๆๆ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
เรื่องจะยุ่งยากเพิ่มขึ้นอีกไหมเนี่ย

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
ตายละ ต่างฝ่ายต่างหึงใช่ไหมเนี่ยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
ค้างค่า ฮือ อยากอ่านต่อแล้ว

ออฟไลน์ yaoisamasang

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-3
    • https://www.facebook.com/pages/Yaoi-Sama/463499467036395?ref=hl
งานงอนต้องมา หาคำง้อดีๆนะฟราน

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตัวป่วนตัวแม่โผล่มาแล้วสิ โหยๆ เรื่องยุ่งๆต้องตามมาอีกเป็นขบวนแน่เลย

ออฟไลน์ mymine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • FaceBook
ตอนที่19


เจ็บ...


ข้อมือของผมกำลังถูกเงือกตรงหน้าบีบแน่น... ฟรานส์ทำหน้าเคร่งเครียด ตาคมดูดุท่าทางเหมือนจะกินหัวผม
   

“มีอะไรหรือ”
   

“เมื่อคืนเจ้าไปนอนที่ไหนมา ทำไมถึงไม่กลับมานอนที่ห้อง ปล่อยให้ข้าตามหาไปทั่ว!!” ผมมองสบตากับอีกฝ่ายด้วยท่าทางไม่เข้าใจ บรรยากาศแบบนั้นให้ผมเดินเข้าห้องอีกฝ่ายเพื่ออะไร? ที่เห็นเมื่อคืนยังไม่ชัดเจนพอหรือ
   

“ฉันคิดว่ามันคงจะเป็นการรบกวน ถ้าฉันเปิดไปแล้วเจอพวกนายกำลังทำอะไรอยู่” ผมพูดพร้อมกับบิดมือออกจากอีกฝ่าย “ส่วนเรื่องที่นอนไม่ต้องกลัวหรอก อย่างน้อยฉันก็ยังมีความคิดบ้าง แค่กลับไปนอนห้องเก่าตัวเองเท่านั้น” ผมพยายามอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ว่าไม่ต้องห่วง ยังไงผมก็ยังรักษาหน้าตาให้เมืองนี้ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นผมอาจจะไปขอนอนห้องคุณปู่สวอร์นก็ได้
   

ทว่าผลที่ได้ดูเหมือนจะตรงกันข้าม ฟรานส์ทำหน้าทะมึนปล่อยรังสีอมหิตแบบไม่ปิดบังเลยสักนิด “เจ้าไปนอนห้องเก่าตัวเอง? ห้องที่เจ้าเด็กคาไลท์มันนอนอยู่นี่นะ!!!” ผมพยักหน้าให้อีกฝ่ายหงึกหงัก “เจ้า!!!”
   

“ฟรานส์~” เสียงหวานที่สามโผล่ขึ้นมา ทำเอาพวกผมทั้งคู่ชะงัก เจ้าหญิงฟีโอล่าว่ายตรงเข้ามาหาก่อนจะส่งยิ้มหวานให้เงือกข้างผม เจ้าตัวจงใจว่ายมาหยุดขวางระหว่างเราทั้งคู่
   

ผมเห็นแบบนั้นจึงยอมถอยออกมาให้ ไม่มีประโยชน์ที่จะคุยอะไรกันตอนนี้ ถ้าเรายังใช้แต่อารมณ์ทั้งคู่คงท้ายคงได้แต่ทะเลาะกัน เพราะอย่างนั้นถอยก่อนดีกว่า
   .
.

.

“ท่านโอเชี่ยนมาทำอะไรแถวนี้” เสียงนุ่มของใครบางคนเรียกความสนใจในขณะที่ผมกำลังว่ายไปเรื่อยเปื่อย หันไปก็เจอกับเจ้าชายลูคัสที่ส่งยิ้มมาให้


“คือ.. ว่าจะไปเดินเล่นนิดหน่อย” ผมส่งยิ้มแห้งๆ ให้อีกฝ่าย เพราะผมยังไม่เคยชินกับเงือกตรงหน้านัก แถมยังรู้สึกผิดเรื่องแม่ตัวเองอีก


“ที่ไหนหรือให้ข้าไปด้วยได้ไหม?” ไม่รู้นึกอะไรเงือกตรงหน้าถึงขอตามมา ไอ้ผมก็ไม่ใช่ไกด์ที่ดีเสียด้วยสิ ลงท้ายก็เลยต้องตอบอ้อมแอ้มว่าจะไปดูพวกพาหนะของเมืองอื่นนี่ล่ะ ผมจำได้ว่ามีตัวแปลกๆ หลายตัว ทว่าอีกฝ่ายก็ยังยืนยันว่าจะไปด้วยอีก สุดท้ายปฏิเสธไม่ได้ผมก็เลยว่ายตามเจ้าชายตรงหน้าไป

.

.


มองใกล้ๆ แล้วน่าตื่นตาตื่นใจดีจริง ผมมองดูบรรดาสัตว์ที่แต่ละเมืองใช้เป็นพาหนะบางตัวน่ารักน่ากอดอย่างเจ้าออก้าที่ภายนอกมีสองสีเหมือนหลินปิง หรือตัวที่ผมเองก็บอกไม่ถูกว่าจะน่ารักหรือน่ากลัวดีอย่างปลาปากดาบ ปลากระเบนและเต่าทะเล แต่ที่แน่ๆ ปลาแองเกอร์น่ากลัวมากกก มันทำท่าจะมุดออกจากกรงมาแทะหางผมตลอดเลย


นี่ยังไม่รวมเจ้าฉลามคู่รักคู่แค้นของผม


เจ้าชายลูคัสทำหน้าที่ไกด์ที่ดีคอยบอกรายละเอียดสัตว์แต่ละตัวใหญ่ จนผมสงสัยว่าตกลงใครเชิญใครมาเป็นแขกกันแน่


“ท่านโอเชี่ยน ข้าขอถามอะไรหน่อยได้ไหม” เสียงของเงือกข้างตัวเรียกความสนใจจากผมที่กำลังเอามือแหย่ออก้า “เรื่องที่ท่านคุยกับท่านสวอร์นเป็นเรื่องจริงหรือ... คือข้าขอโทษ เพียงแต่มันได้ยินเองข้าไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนะ”


ผมส่ายหัว “ฉันสิต้องเป็นฝ่ายขอโทษ ทางเราต่างหากที่ทำผิดกับเมืองของนาย”


“ไม่หรอก ว่าแต่...ท่านซิลวาร์ตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว ข้าได้ยินว่าเมื่อก่อนท่านเป็นหนุ่มรูปงามที่เนื้อหอมมากๆ เลย” นึกถึงเรื่องแม่แล้วสีหน้าของผมก็สลดลง


“แม่ของฉันเสียไปเกือบ20ปีแล้ว”


“...ข้าขอโทษ” หน้าตาของฝ่ายตรงข้ามเจื่อนลง “แบบนี้ก็เท่ากับว่าท่านโอเชี่ยนคือทายาทที่ถูกต้องเพียงหนึ่งของท่านซิลวาร์และท่านไลอาร์ใช่ไหม เช่นนั้นในอนาคตตำแหน่งรัชทายาทก็อาจจะกลายเป็นท่านสินะ”


“ไม่หรอก” ผมได้แต่ยิ้มเจื่อน ทำไมเมืองอื่นๆถึงคิดกันไปเองว่าผมจะต้องได้ตำแหน่งรัชทายาทแทนฟรานส์นะ “ฉันไม่มีความสามารถพอหรอก ให้ฟรานส์เขาเป็นต่อไปดีแล้ว”


อีกฝ่ายทำหน้าไม่เชื่อและบอกว่าผมมีความสามารถมากกว่านั้น ซึ่งผมยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไรออกไปอีก ไม่มีประโยชน์ที่จะอธิบายเรื่องนี้ ใครจะมารู้ดีไปกว่าตัวผมเอง


ผมไม่มีความสามารถและไม่มีความรักต่อที่นี่ลึกซึ้งเท่าฟรานส์ เพราะอย่างนั้นจึงควรปล่อยทุกสิ่งให้มันอยู่ในที่ๆควรอยู่เถอะ อย่างที่ในอนาคตผมจะต้องกลับไปเป็นมนุษย์ตามเดิม

.

.

ผ่านไปอีกสองวันรู้สึกว่าสถานการณ์ระหว่างผมกับฟรานส์ดูจะไม่ได้ดีขึ้นเลย ฟีโอล่าเกาะติดอีกฝ่ายแน่นเหมือนอย่างที่ฟิลันว่า นั่นทำให้ผมเลือกที่จะเลี่ยงเงือกทั้งสองทุกครั้งที่มีโอกาส เพียงแต่วันนี้ไม่อาจเลี่ยงได้อีก เพราะเป็นวันที่ผมต้องขึ้นทำพิธีรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ


ชุดที่ใช้ในพิธีแบบเต็มยศทำให้ผมอึ้งแบบพูดไม่ออก นอกจากบรรดาเครื่องประดับสารพัดที่ต้องประโคมลงบนตัวของผม ยังมีปลอกแขน และเกราะที่อยู่รอบเอวคล้ายเข็มขัดมีลวดลายสวยงาม ทั้งหมดเป็นสีขาวสว่าง ดีนะที่ไม่มีหลายสีนัก เพราะไม่อย่างนั้นผมต้องนึกว่าตัวเองเป็นพระเอกลิเกแน่ๆ


ฟรานส์นั่งอยู่ในห้องเดียวกับผมเพื่อให้เงือกตัวอื่นช่วยแต่งตัวเช่นกัน อีกฝ่ายแทบไม่มองหน้าผมเลยเพราะคืนที่ผ่านมาผมก็ยังคงหนีไปนอนห้องคาไลท์ จะแตกต่างจากเดิมก็ตรงที่ฟิลันดันรู้เรื่องที่ผมตระเวนไปนอนห้องอื่น เจ้าตัวพยายามลากผมไปนอนกับตัวเอง แต่เมื่อผมเห็นสายตาเจ้าของห้องที่ผมมานอนด้วย ผมเลยตัดสินใจว่านอนห้องเดิมดีแล้ว ลงท้ายฟิลันเลยมานอนรวมกับพวกผมด้วยจนกลายเป็นปลากระป๋องอัดสาม โชคดีที่เตียงหอยมันค่อนข้างใหญ่ นอนสามคนเลยไม่อึดอัดมากเท่าไหร่   



พิธีการเริ่มขึ้นท่ามกลางความตื่นเต้นของผม ยามเมื่อเห็นสายตาเงือกนับร้อยบริเวณห้องโถงของวัง ตรงหน้าบัลลังค์มีท่านไลอาร์คุณย่าของผมนั่งอยู่ วันนี้ท่านแต่งตัวเต็มยศสวยสง่ามากจนผมเผลอมองตาค้าง ทำให้ฟรานส์ที่ว่ายคู่มาคว้าเอามือผมไปจับ มืออุ่นและสายตาที่คล้ายจะบอกว่าไม่มีอะไรต้องกังวลทำให้ผมรู้สึกตัวและเคลื่อนตัวเข้าหาราชินีของแฟรีเซียร์


แน่นอนว่าด้วยความจำระดับปลาทองอย่างผม เมื่อรวมกับความตื่นเต้นแล้วทำให้ผมจำอะไรไม่ได้เลยสักนิด มารู้ตัวอีกที ก็ในตอนที่ฟรานส์หมุนตัวเข้าหาฝูงชน ก่อนจะกล่าวว่าในตอนนี้ผมคือเจ้าชายของแฟรีเซียร์อย่างเป็นทาง ด้านนอกเต็มไปด้วยเสียงประชาชนโห่ร้อง งานฉลองเริ่มขึ้นทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยงานรื่นเริง ส่วนในวังเองก็มีจากจัดเลี้ยงเช่นกัน เงือกที่มาร่วมงานถูกเชิญไปที่ห้องอาหาร ซึ่งตอนนี้มีโต๊ะนั่งนับสิบ วางเรียงรายอยู่โดยรอบ เงือกสาวหลายตัวคอยทำหน้าที่เสริฟอาหารและบริการ
ผมต้องนั่งลงโต๊ะเดียวกับท่านไลอาร์ในฐานะเจ้าภาพของงาน ซึ่งเป็นโต๊ะที่รวมบรรดาเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายด้วย


ในขณะที่กำลังทานอาหารพร้อมกับนั่งคุยอยู่นั้นเอง จู่ๆเจ้าหญิงฟีโอล่าก็พูดโพล่งขึ้นมากลางโต๊ะอาหาร “ท่านไลอาร์เพคะ หม่อมฉันอยากทราบว่า ทางแฟรีเซียร์จะมีการเปลี่ยนแปลงตัวรัชทายาทไหมคะ”


เสียงคุยที่ดังเซ็งแซ่อยู่นั้นหายไปในพริบตา ทุกอย่างกลายเป็นความเงียบ มีเพียงเสียงฟรานส์ที่ปรามอีกฝ่ายเสียงเบา
ท่านไลอาร์ที่กำลังนั่งหัวเราะกับท่านสวอร์นชะงักก่อนส่งยิ้มหวานมาให้เจ้าหญิงอายุคราวหลาน “อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่ไม่นอน เรื่องนั้นเรายังไม่ได้ตัดสินใจ”


“แต่ท่านคะ ถึงจะบอกว่าท่านโอเชี่ยนเป็นหลานแท้ๆของท่าน แล้วความเป็นธรรมกับฟรานส์ที่ดูแลเมืองนี้มาตลอดล่ะคะ”
ฟีโอล่ายังรุกอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่องนั่นทำให้ผมมองอีกฝ่ายด้วยความตื่นตระหนกปนปวดใจ


อีกฝ่ายใจกล้ามากที่ถามเรื่องแบบนี้ออกมา มันไม่ใช่สิ่งที่ควรถามต่อหน้าคนหมู่มากแบบนี้สักนิด แสดงให้เห็นเลยว่าฟรานส์สำคัญสำหรับอีกฝ่ายมากจริงๆ


ผมพยายามจะอ้าปากบอกอีกฝ่ายว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็ไม่มีทางได้เป็นราชาของเมืองนี้แน่นอน แต่ข้อมือของผมถูกจับเอาไว้เสียก่อน ท่านสวอร์นส่ายหน้าราวกับเดาได้ว่าสิ่งที่ผมคิดอยู่คืออะไร


“แน่นอนว่าเราย่อมให้ความเป็นธรรมแน่ ทั้งคู่ต่างก็เป็นลูกหลานของเรา เราย่อมรู้ว่าควรทำอะไร” ผู้สูงอายุส่งยิ้มเอ็นดูให้ “และเราก็หวังว่าท่านจะรู้หน้าที่ของตัวเองเช่นกัน”


“อึก..ข้า ข้าต้องรู้ดีอยู่แล้ว แต่ท่านโอเชี่ยนล่ะรู้ดีแค่ไหน?” ...แล้วทำไมผมถึงได้กลายเป็นหัวข้อสนทนาของอีกฝ่ายด้วยละนี่ “ในเมื่อทายาทที่ถูกต้องของท่านกลับมาแล้ว แบบนี้สัญญาระหว่างแฟรีเซียร์กับเรมเดลก็น่าจะมีผลใช่ไหม?” ได้ยินแบบนั้นผมก็หันขวับไปทางเจ้าชายลูคัสที่ถูกลากลงหลุมไปพร้อมกัน เจ้าตัวทำหน้าเจื่อนแบบนี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก


ทว่าผมเองก็ใช่จะมีสีหน้าดีไปกว่ากัน ถ้าคุณย่าของผมตกลงก็หมายความว่าผมต้องไปเป็นเขยเมืองเรมเดลนี่นะ...


“ท่านต้องการทวงสิทธินี้ด้วยหรือท่านลูคัส?” ท่านไลอาร์หันไปถามอีกฝ่าย


“ข้า... คือข้า”


“แต่ถึงท่านจะต้องการเช่นนั้นข้าก็ต้องขออภัยว่าเราคงต้องขอปฏิเสธ...” ราชินีแห่งแฟรีเซียร์ค้อมหัวลงเล็กน้อยเป็นเชิงขอโทษ “สัญญาของเราทั้งสองตกลงกับไว้ที่ซิลวาร์และบิดาของท่าน สัญญานั้นไม่ได้รวมมาถึงหลานของเรา ตอนที่ซิลวาร์หายไปข้าเจ็บปวดมาก และข้าไม่อยากพบเหตุการณ์นั้นอีก... ถ้าในอนาคตจะมีการแต่งงานเกิดขึ้นก็ขอให้เป็นความสมัครใจของทั้งสองเมืองเถิด”


“แต่ว่ามันไม่ยุติธรรมนี่!!!”


“ท่านหญิงฟีโอล่า!!” เสียงเฉียบขาดของท่านไลอาร์ทำให้อีกฝ่ายหยุดชะงัก “ข้าขอบคุณสำหรับความหวังดีที่ท่านมีให้เมืองของเรา แต่ขอยืนยันอีกครั้ง นี่คือเรื่องของแฟรีเซียร์กับเรมเดล คงไม่จำเป็นที่จะต้องให้ท่านทวงสิทธิให้แทนหรอกใช่ไหม!”


หน้าเจ้าหญิงแห่งอันเมดีสซีดแล้วซีดอีก ดูเหมือนฟิโอล่าจะล้ำเส้นเกินไป “อย่าคิดว่าข้าเป็นแค่หญิงชราวันๆอาศัยอยู่แต่ในวังด้านในไม่รับรู้เรื่องราวภายนอก การที่ข้าไม่พูดไม่ได้หมายความว่าข้าไม่รู้ พฤติกรรมของท่านสร้างความหนักใจให้บิดาของท่านมานานแล้ว อย่าลืมเสียว่าที่นี่ไม่ใช่อันเมดีส...ข้าพูดแค่นี้ท่านคงเข้าใจนะ...”


ผมกลืนน้ำลายอย่างฝืดเคืองหลังจากเห็นการปะทะระหว่างผู้หญิงสองคนที่ต้องบอกว่า น่ากลัวสุดๆ ปกติแล้วผมไม่ค่อยจะได้คุยกับท่านย่าของผมเท่าไหร่ พอมาเจอวันนี้เข้า ผมสัญญากับตัวเองว่าจะไม่หาเรื่องให้อีกฝ่ายหนักใจเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นศพผมอาจจะไม่สวยก็เป็นได้


ผิดกับฟิลัน รายนั้นยิ้มชอบอกชอบใจออกนอกหน้า หลังจากเสียงปะทะคารมเงียบลง เจ้าตัวเป็นรายแรกที่ทำท่าร่าเริงกุลีกุจอส่งอาหารไปให้ท่านไลอาร์ ท่ามกลางสายตาหวาดหวั่นของเงือกโดยรอบ


แต่พอเห็นอีกฝ่ายยิ้มอ่อนโยนรับอาหารที่ส่งให้แต่โดยดีบรรยากาศจึงค่อยผ่อนคลายลง และเริ่มมีเสียงคุยกันตามเดิม
“ท่านกาไลค์คงต้องหนักใจกับบุตรสาวไม่น้อย...” เสียงคุณปู่ข้างๆรำพันออกมา “ในอันเมดีสคงไม่มีใครสามารถกำราบนางได้แล้วนางถึงได้เอาแต่ใจตนเองเยี่ยงนี้... เจ้าก็จำไว้นะว่าการจะพูดอะไรกับใครต้องดูโอกาสด้วย” ลงท้ายหันมาสั่งสอนผม เอ...หรือจริงๆ แล้วท่านสวอร์นกำลังบอกผมอ้อมๆ หรือเปล่าว่าผมปากไม่ดีเนี่ย...


หลังจบงานแต่ละคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ผมที่ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะไปขออาศัยนอนห้องคาไลท์ดี หรือจะกลับไปนอนห้องฟรานส์เหมือนเดิมดี...

.

.

กลับดีกว่า ผมว่าเราปล่อยเวลาล่วงเลยนานแล้ว ตอนนี้แต่ละคนก็คงจะใจเย็นลงพอที่จะคุยให้ชัดเจน ถ้าฟรานส์คิดจะคบกับฟีโอล่าจริงๆผมจะได้แยกห้องออกไปให้ถูกต้องเสียที...


ในขณะที่กำลังว่ายกลับ สายตาผมเหลือบมองไปเจอใครเสียก่อน เจ้าชายลูคัสว่ายตรงเข้ามาหาผม ผมหยุดรออีกฝ่าย “เจอท่านโอเชี่ยนพอดีเลย ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับท่านเป็นการส่วนตัวสักครู่”


คงจะเป็นเรื่องที่เป็นประเด็นกลางโต๊ะอาหารสินะ ผมพยักหน้าก่อนจะให้อีกฝ่ายว่ายนำไป


คืนนี้เป็นคืนเดือนมืดมีแสงไฟจากหินสีสะท้อนมาเพียงรำไร ลูคัสหยุดลงตรงบริเวณสวนด้านหลังใกล้กับที่พักของกลุ่มคณะเดินทางของเมืองอื่น คิดว่าคงเริ่มทยอยกลับกันตั้งแต่วันพรุ่งนี้


“ข้าอยากทราบว่าท่านมีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับสิ่งที่ฟีโอล่าพูด” ท่าทางอีกฝ่ายดูจะคิดมากในเรื่อง นี้สีหน้าของลูคัสดูจะซีเรียสขึ้น “ข้าไม่นึกว่านางจะใช้เรื่องราวในอดีตมาเป็นประเด็น...”


ผมยิ้มเข้าใจอีกฝ่ายดี แค่นั่งเฉยๆก็โดนลากเข้าไปพัวพันแล้ว “ไม่ต้องคิดมากหรอก เรื่องนี้ฉันไม่ได้คิดอะไร แถมยังต้องขอโทษนายต่างหากที่ทำให้โดนพาดพิงไปด้วย...”


“ไม่เลยข้าเต็มใจ...” หา ผมหันหน้าขวับไปมองอีกฝ่ายตาค้าง เจ้าตัวทำก้มหน้าลงไม่สบตากับผม “ใจนึงข้าเองก็หนักใจ แต่อีกใจข้าก็หวังว่าท่านจะยอมตกลง...”


คดีพลิกเว้ย! ไหงเงือกตรงหน้าผมทำท่าเหมือนอยากจะแต่งกับผมแบบนี้ ผมแอบยืดนิดๆ แสดงว่าเรานี่มีเสน่ห์ใช้ได้เหมือนกันนะ เพียงแต่...


“ขอโทษนะ แต่ฉันมีคนที่แอบชอบอยู่แล้ว”


“....ท่าน....จะบอกได้ไหมว่าเงือกผู้โชคดีนั้นคือใคร”


“ขอไม่บอกละกันนะ เพราะบางทีฉันก็อาจจะอกหักก็ได้” ผมหัวเราะแห้งๆ


“ไม่เป็นไรหรอกเพราะข้าพอจะเดาได้” อีกฝ่ายพูดยิ้มๆ แต่นั่นทำให้ผมรู้สึกขนลุกขึ้นมา รอยยิ้มอีกฝ่ายมันมีอะไรแปลกๆ คิดแบบนั้นผมก็เลยตัดสินใจว่าถึงเวลาที่ควรกลับห้องแล้ว จึงลาอีกฝ่ายและว่ายออกมา


มือของอีกฝ่ายโบกลาไหวๆในความมืด ผมว่ายลัดเลาะผ่านบริเวณกำแพงหิน ซึ่งเป็นทางลัด พ้นตรงช่วงนี้ไปก็จะเจอกับทหารเฝ้าวังแล้ว


แต่พริบตาหลังคอก็เกิดครามรู้สึกเจ็บจิ๊ดๆ ก่อนภาพตรงหน้าจะมัวลง


เงามืดที่ทอดยาวลงบนตัวผม... เงือกรูปร่างสูงใหญ่... นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมได้เห็น ก่อนภาพตรงหน้าจะมืดไป....

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :z3:  ช่วยโอเชี่ยนด้วย

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
อ้าวไหงงั้นอะ เกิดไรขึ้นคะ  :z3:
 :katai1:

ออฟไลน์ mymine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • FaceBook
ตอนที่20


ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง

นี่ที่ไหนกัน... กวาดตามองโดยรอบ แต่สิ่งที่พบมีเพียงความมืด ผมไม่ได้ถูกมัดตาจึงมองเห็นเงาดำเลือนลาง เดาว่าอาจจะถูกจับใส่อะไรซักอย่าง ความรู้สึกกระเทือนเล็กน้อยตรงพื้นที่ผมนอนอยู่ คิดว่าน่าจะกำลังเคลื่อนที่


ลองสำรวจร่างกาย มือถูกมัดไว้... ไม่ได้รับบาดเจ็บนอกจากหลังคอ


มันเกิดอะไรขึ้นล่ะนี่...


จำได้ว่าผมคุยกับเจ้าชายลูคัสจนมืดแล้วพอลาอีกฝ่ายกลับมาที่ตัวปราสาท หลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย
   

ทว่าถ้าเดาจากสภาพในตอนนี้ คงจะต้องบอกว่าผมถูกลักพาตัวมาสินะ...


ลองใช้ปลายนิ้วที่ถูกมัดคลำไปรอบตัว ดูเหมือนผมจะอยู่ในกล่องไม้ขนาดไม่ใหญ่นักพอให้ผู้ชายตัวโตลงไปนอนขดได้ ไม่มีรูระบายอากาศแต่ยังหายใจได้แม้จะอึดอัดพอสมควร ลองดันแผ่นไม้เหนือหัวแล้วเปิดไม่ออก ผมไม่แน่ใจว่าด้านบนคือฝาหรือเปล่า แต่ผมไม่กล้าเสี่ยงให้เกิดเสียงดังนักด้วยความกลัวว่าอะไรบางอย่างที่จับผมมาจะรู้ว่าผมตื่นแล้ว


พยายามฟังเสียงที่เกิดขึ้นด้านนอก ซึ่งต้องบอกว่ามันไม่ค่อยจะได้ผลเท่าไหร่ ผมแทบไม่มีทางรับรู้สภาพด้านนอกเลยนอกเสียจากว่าอีกฝ่ายจะเปิดกล่องเอาตัวผมออกไป ซึ่งอาจจะเป็นช่วงเวลาที่อีกฝ่ายหยุดพัก ถ้าอีกฝ่ายต้องพักนะ...
   

ระหว่างที่ทำอะไรไม่ได้ผมมาลองนึกๆ ดู ถึงผมจะเป็นคนใหม่ที่นี่ แต่โดยศักดิ์แล้วถือว่าผมเป็นเจ้าชายของเมืองแฟรีเซียร์คนหนึ่งเหมือนกัน ใครกันที่กล้าทำถึงขนาดนี้ อย่างน้อยก็น่าจะมีความเกรงกลัวบ้าง...
   

อีกฝ่ายไม่รู้ว่าผมเป็นเจ้าชาย? เป็นไปไม่ได้ งานรับตำแหน่งพึ่งถูกจัดขึ้นยังไม่พ้นวันดีเลย แถมจุดที่ถูกจับตัวก็ยังอยู่ในบริเวณพื้นที่ของปราสาทแท้ๆ
   

คนใน? ไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าคิดจะจับตัวผมคงไม่รอจนได้ตำแหน่งแบบนี้ คงพาไปไกลตั้งแต่ที่ผมมาถึงเมืองนี้วันแรกแล้ว
   

คนนอก? ยิ่งเป็นไปได้ยาก ถึงวังจะไม่ใช่ที่หวงห้าม แต่การป้องกันก็มีมากพอสมควร การจะพาผมออกมาไม่น่าจะใช่เรื่องง่ายๆ นอกเสียจาก...
   

คนนอกที่มีตำแหน่งมากพอที่ทหารจะเกรงใจ...ก็ไม่พ้นพวกที่มาร่วมงานฉลองของผม
   

แต่ใครกันล่ะ...
   

ที่น่าสงสัยผมคงนึกออกแค่คนเดียว คนที่ไม่ยินดีสักนิดกับการคงอยู่ของผม แต่อีกฝ่ายเป็นผู้หญิง ไม่น่าจะทำอะไรรุนแรงมากขนาดนี้... ไม่สิอีกฝ่ายเป็นถึงเจ้าหญิง คนที่อยู่ในตำแหน่งพวกนี้ส่วนมากจะเด็ดขาดอยู่แล้ว
   

นอกเหนือจากนั้นคงจะเป็นลูคัส แต่ท่าทางจะเป็นไปได้ยาก เพราะผมพึ่งแยกจากอีกฝ่ายมา ถ้าคิดจะจับตัวผมเจ้าตัวน่าจะลงมือเลยตอนที่พาผมไปใกล้กับขบวนของตัวเอง
   

ใครกันที่ทำแบบนี้ ไม่คิดถึงผลที่จะตามมาบ้างหรือไง ถ้ามันกลายเป็นสงครามระหว่างทั้งสองเมืองล่ะ


ผมมีอะไรที่อีกฝ่ายต้องการ ถึงขนาดที่ว่าอีกฝ่ายยอมเสี่ยงจับตัวผมมา?...... แน่นอนว่าไม่ ถ้ามีของสำคัญขนาดนั้นควรจะอยู่ที่ฟรานส์มากกว่าผม หรือจะจับผมเป็นตัวประกัน อันนี้น่าคิด แต่ถ้าอย่างนั้นอีกฝ่ายไม่เลือกจับฟิลันที่เด็กกว่าน่าจะจับง่ายกว่า... หรือเพราะผมมาใหม่ ยังไม่ทันรู้เล่ห์เหลี่ยมของแต่ละเมือง ก็อาจจะเป็นได้ ดูจะเป็นตัวเลือกดีที่สุดในตอนนี้
   

ไม่สิ สิ่งสำคัญตอนนี้ก็คือ ผมถูกจับมานานแค่ไหนแล้ว... มีใครรู้บ้างหรือยังว่าผมหายไป... และทำยังไงผมถึงจะหนีออกไปได้ อย่างน้อยก็ออกจากล่องบ้านี่จะได้เห็นสภาพรอบตัวบ้าง
   
.
   
.
   
ผมหลับตื่นๆอยู่ในกล่องนานแค่ไหนไม่ทราบ มารู้ตัวอีกครั้งก็เมื่อมีเสียงกุกกักเหนือหัวของผม ฝาด้านบนถูกเปิดออกพร้อมกับเงือกหลายตัวจ้องมองผมด้วยแววตาไม่ไว้วางใจ เช่นเดียวกับผมที่สำรวจอีกฝ่าย ผมไม่สามารถระบุได้ว่ามาจากเมืองไหนเพราะมีเงือกหลายพันธุ์รวมกันอยู่ สังเกตได้จากสีครีบและหาง แต่ละเมืองจะค่อนข้างมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
   

หนึ่งในนั้นพาผมออกจากกล่องมานั่งอยู่ใกล้กับก้อนหินในบริเวณนั้น ที่พักของพวกนี้อยู่ในที่ค่อนข้างรกทึบ สาหร่ายและดอกไม้ทะเลขึ้นสูงท่วมหัว “อย่าคิดหาเรื่องใส่ตัว พวกข้าไม่อยากทำร้ายท่าน”
   

พวกนี้รู้ฐานะผมแน่นอน ดูจากความเกรงใจในคำพูดและน้ำเสียง
   

“นายของพวกแกคือใคร!! จับฉันมาทำไม ถ้าทางแฟรีเซียร์รู้พวกแกซวยแน่”
   

พวกนั้นไม่สนใจสิ่งที่จะคุยกับผม แต่ก็มีหลายตัวที่หัวเราะขบขันสิ่งที่ผมพูด แสดงถึงความมั่นใจว่าสามารถพาผมหนีไปได้แน่นอน
   

ในกลุ่มเงือกที่จับผมมาไม่มีใครที่ผมคุ้นตา หมายความว่าเจ้าตัวไม่ได้มาด้วย? จะให้พวกนี้พาไปถึงปลายทาง?หรือจะตามมาทีหลัง? ยังไงก็ช่าง แต่โอกาสแบบนี้หาได้ไม่มากนัก ผมจึงเลือกที่จะทำทีเชื่อฟังอีกฝ่ายโดยดี ให้นั่งตรงไหนก็นั่ง นอนตรงไหนก็นอน ทำตัวว่าง่ายๆ ให้พวกนั้นเบาใจและหย่อนการคุมเข้มลง
   

การเดินทางในวันต่อมาผมคอยมองสังเกตรอบตัว ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะหาจุดเด่นเป็นเครื่องหมายบอกทางเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็พยายามเอาก้อนสาหร่ายพันรวมกันดอกไม้ทะเลที่ผมแอบดึงมาสะสมไว้ตอนกลางคืน คอยหย่อนตามทางที่พวกเราผ่าน ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังมากเพราะถ้าอีกฝ่ายพลาดเห็นเพียงนิดเดียวก็จะเดาได้ทันที และนอกเหนือจากนั้น ผมยังต้องภาวนาให้ปลาแถวนี้ไม่กินหินบอกทางจำเป็นของผมก่อน
   

ผมถูกจับนั่งอยู่บนหลังปลากระเบน นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสงสัย ปลากระเบนที่เป็นพาหนะผมเห็นเมืองเดียวที่นำมาก็คืออันเมดีส เมืองของฟีโอล่า


แต่นั่นก็ไม่อาจฟันธงได้ทันทีว่าเมืองที่จับผมมาจะใช่อีกฝ่ายหรือเปล่า เพราะในท้องน้ำแห่งนี้ไม่ได้มีปลากระเบนอยู่เมืองเดียว อาจจะเป็นเมืองอื่นก็ได้เช่นกัน แต่อย่างน้อยผมก็ขอสงสัยไว้ก่อน 
   

เราเดินทางต่อเนื่องจนถึงเวลาใกล้ค่ำ แสงสว่างที่ส่องลงกระทบผิวน้ำเริ่มลดลง ตอนนี้บรรยากาศรอบตัวผมเต็มไปด้วยความลึกลับ ดูเหมือนเงือกพวกนี้จะนิยมพักบริเวณที่มีสาหร่ายทะเลหนาทึบ คงใช้ประโยชน์จากมันในการซ่อนตัว
   

เพราะทำตัวเป็นเด็กดี พวกที่จับผมมาเลยทำตัวสบายๆ ไม่เคร่งเครียดนัก ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ผมหวังไว้อยู่แล้ว เพื่อสร้างโอกาสหลบหนี เพียงแต่สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกก็คือ ตัดเชือกที่มัดระหว่างข้อมือทั้งสองของผมกับกล่องสมบัติข้างๆ ก่อน ผมลากไอ้กล่องนี่หนีไปด้วยไม่ไหวหรอกนะ
   

ทว่าเป็นเรื่องยากพอสมควร พวกนี้เก็บอาวุธไว้ใกล้ตัวตลอด ไม่มีโอกาสที่ผมจะขโมยมาซักนิด
   

จนกระทั่งถึงเวลาที่ต้องพักผ่อน หลังจากได้ทำเลเหมาะๆ ผมก็ทำท่าจะทิ้งตัวลงนอน ทว่ากลับถูกไล่ที่จากเงือกหนึ่งในนั้น เพราะผมพยายามจะนอนใกล้กับปลากระเบนที่ผมนั่งบนหลังมันทั้งวัน
   

ชิ เจ้าพวกนั้นเดาได้หรือว่าผมหวังอาศัยเจ้าตัวนี้พาหนี
   

สุดท้ายแล้วผมก็โดนลากตัวไปพร้อมกล่องทิ้งอยู่ข้างโขดหินใหญ่มีดอกไม้ทะเลอยู่ประปราย เมื่อทำอะไรไม่ได้ผมเลยทิ้งตัวลงนอน กะว่าดึกกว่านี้สักหน่อยจะลองกระดึบไปหาน้องเบนอีกรอบ แต่ทว่า...
   

เจ็บ!! อะไรบางอย่างทิ่มก้นผม!!
   

ผมลูบบั้นท้ายตัวเองด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะก้มลงมองบนพื้น หาสาเหตุของการประทุษร้ายร่างกายผม จนได้ผมกับก้อนหินก้อนไม่ใหญ่ประมาณเหรียญสิบ นอนหงายหน้าเอาปลายแหลมชี้ขึ้นฟ้า ตำแหน่งเดียวกับที่วางก้นผมเมื่อครู่
   

เห็นแบบนั้นผมก็แทบแยกเขี้ยวใส่ คิดดูว่าดวงผมตกขนาดก้อนหินยังไม่ละเว้น ผมใช้มือข้างหนึ่งคว้าหินก้อนนั้นขึ้นมาก่อนจะทำท่าเขวี้ยงไปให้ไกลสุดแรงเกิด ทว่าอะไรบางอย่างที่แวปเข้ามาทำให้ผมชะงัก ก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างสงบเสงี่ยม...
   
.
   
.
   
เมื่อย.. คือสิ่งเดียวที่ผมนึกออกในตอนนี้ ทำไมในละครผมเห็นเค้าเอาหินมาถูๆ สองทีก็ขาดแล้ว ผมนี่ถูจนเลขจะขึ้นมาครึ่งคืนแล้วก็ยังไม่เห็นจะขาดเสียที แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะตอนนี้ที่นอนสุดแจ่มที่ผมเล็งไว้ตั้งแต่ทีแรกก็ถูกเงือกตัวอื่นจับจองไปแล้ว.. เพราะอย่างนั้นคงต้องใช้แผนสำรองกันต่อไป....
   
.
   
.
   
ขอบคุณสวรรค์!! ที่เห็นใจลูกข้างและทำให้ไอ้เชือกบ้านี่หลุดเสียที...
   

ผมแทบจะถอนสายบัวในยามที่เชือกหนาหลุดออกจากมือผม หลังใช้ความพยายามตัดมันทั้งคืน...
   

ใช่ทั้งคืน เพราะตอนนี้ผมคิดว่ารอบตัวเริ่มสว่างมากขึ้นแล้ว... แต่โชคดีหน่อยที่เงือกพวกนี้ไม่เดินทางเช้านัก จากเมื่อวานต้องรอสว่างเต็มที่พวกนี้ถึงจะตื่นกัน เพราะอย่างนั้นนี่คือโอกาสทองของผม!!
   

ผมค่อยๆ ลุกขึ้นและเคลื่อนตัวออกจากเงือกกลุ่มนั้นช้าๆ พยายามให้ไม่มีการสั่นไหวของน้ำมากผิดปกติ นัยน์ตาคอยจับจ้องท่าทางการนอนของพวกนั้นว่ามีการขยับเขยื้อนไหม
   

ผมชะงักเมื่อเงือกตัวหนึ่งพลิกตัว ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะอีกฝ่ายหลับต่อ ผมเริ่มกระดึบออกอีกครั้ง
   

ผมชะงักเป็นรอบที่สอง แต่รอบนี้เกือบจะหยิบหินเขวี้ยงแทนเนื่องจากอีกฝ่ายแค่กรนจนมีฟองอากาศผุดออกมา
   

ฮ่วย!! ทำเอาตกใจหมด
   

จนเมื่อผมคิดว่าได้ระยะผมก็พุ่งตัวออกด้วยความเร็ว!! ได้เวลาโกยเถิดโยมแล้ว!!
   

โชคดีที่ผมฉลาดโปรยสัญลักษณ์ไว้ตลอดทาง ทำให้เดินทางย้อนไม่ยากนัก แม้สาหร่ายของผมจะหายไปเป็นจุดๆ ช่วงๆ ต้องคอยเพ่งหา แต่อย่างน้อยก็พอให้ผมเดาทิศทางได้ล่ะ
   

เสียงเอะอะโวยวายดังลั่นขึ้น ซึ่งนั่นไวกว่าที่ผมคิดไว้มาก เงือกพวกนั้นตื่นแล้ว และรับรู้ว่าผมหนีแล้วด้วย
   

ไม่ได้การต้องรีบว่ายให้ไวที่สุด
   

ผมว่ายๆๆ อย่างเอาเป็นเอาตาย คิดว่าอย่างไรก็ต้องหาทางกลับบ้านให้ได้ การเดินทางของผมถือว่าไวกว่าเงือกกลุ่มนั้นไม่น้อย เพราะตัวคนเดียวสามารถตัดสินใจง่ายกว่า ทว่าความเหนื่อยนี่ไม่แพ้กันเลยอาจจะมากกว่าเสียด้วย ผมแทบจะคลานแทนการว่ายน้ำอยู่แล้ว
   

เวลาตอนนี้เป็นช่วงเย็น ยังพอมีแสงสีทองสะท้อนลงมารำไร ผมทิ้งตัวลงบนก้อนหินที่พวกเราพักค้างคืนในวันแรกที่ผมออกมาจากกล่อง เพราะป้ายบอกทางของผมสิ้นสุดที่ตรงนี้...จากนี้ไปจะเป็นของจริงแล้วว่า ผมจะสามารถกลับบ้านได้ไหม หรือจะต้องหลงทางและอดตายอยู่ในมหาสมุทรที่ไม่มีป้ายบอกทิศทางแบบนี้


แต่หลังจากพักได้เพียงครู่เดียว ผมก็ต้องรีบกระเด้งตัวขึ้นมา แม้อีกฝ่ายจะถูกทิ้งห่างตอนผมหนี แต่ไม่นานก็คงไล่ทัน ถ้าไม่หนีต่อเลยก็ควรจะหาที่ซ่อนก่อน ซึ่งผมเลือกอย่างหลัง ตอนนี้ผมล้าเต็มทนแล้ว
   

ผมว่ายไปต่อเล็กน้อย บริเวณนั้นมีหินก้อนใหญ่น้อยตั้งเรียงรายไม่ห่างกันมาก ผมมองแล้วน่าจะพอซ่อนตัวได้จึงว่ายอ้อมไปอีกด้าน ขนพวกสาหร่ายและดอกไม้ทะเลเอามาวางจัดคลุมเอาไว้เหมือนเป็นซุ้ม ส่วนตัวเองก็มุดเข้าไปอยู่ด้านในเหมือนทหารพราน ถ้ำชั่วคราวของผมไม่ได้กว้างนัก ทำให้ต้องนอนขดมากหน่อยแต่อย่างน้อยก็ถือเป็นที่ซ่อนตัวชั้นดี กะว่าหลบพักแถวนี้ไปก่อน
   

จ๊อกก
   

... คงต้องหาอะไรกินก่อนจะอดตาย โชคดีเหลือหลายที่ตอนนี้ผมมีความรู้เรื่องอาหารของเงือกบ้างแล้ว ทำให้ผมเลือกสาหร่ายที่กินได้จริงๆ ถูกต้น แม้รสชาติจะอร่อยสู้ในวังไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้ท้องอิ่มมีแรงละกัน


หลังจากทานอิ่มผมก็เริ่มเลื้อยกลับไปนอนหลุมหลบภัยต่อ แสงสว่างบนพื้นน้ำค่อยๆหมดไปพร้อมกับอารมณ์ที่เริ่มดิ่งลง ผมขดตัวเป็นก้อนกลมพยายามปิดตานอน ทว่าในหัวเต็มไปด้วยความคิดหลายอย่างตีกันจนพันยุ่งไปหมด


พรุ่งนี้ผมจะเดินทางไปทางไหน?


ผมจะหนีรอดไหม?
   

ฟรานส์จะรู้สึกอะไรหรือเปล่ากับการหายตัวไปของผม?
   

ผมจะได้กลับบ้าน จะได้เจอกับอีกฝ่ายหรือเปล่า?
   

“เลิกคิดแล้วนอนได้แล้วโอเชี่ยน พรุ่งนี้แกยังต้องใช้สมองอีกเยอะนะ” ผมบอกตัวเองแบบนั้นพร้อมกับพยายามสะกดจิตตัวเองให้หลับ ซึ่งหลังจากการใช้ความพยายามเป็นเวลานาน ในที่สุดตัวผมก็เริ่มเคลิ้ม..
   

แต่แทนที่จะได้หลับดีๆ กลับมีเสียงคุยของสิ่งมีชีวิตจำนวนไม่น้อยดังขึ้นก่อน นั่นทำให้ผมสะดุ้งรู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว ดวงตามองฝ่าเข้าไปท่ามกลางความมืด ใจนึกภาวนาอย่าเป็นกลุ่มเงือกที่จับผมมาเลย
   

ไม่ใช่!!
   

เท่าที่ผมดูแล้ว น่าจะเป็นคนละกลุ่มกัน... ปัญหาก็คือ อีกฝ่ายเป็นมิตรหรือศัตรู...
   

ผมเดาไปเรื่อยจนกระทั่งเจอใครบางคนที่คุ้นตา ฟีโอล่ารวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ท่าทางเจ้าหล่อนหัวเสียไม่ใช่น้อย   ผมเฝ้าสังเกตอีกฝ่ายจนกระทั่งพบอะไรบางอย่างที่น่าตกใจ เงือกกลุ่มแรกที่จับผมมาตามผมมาทันแล้ว และตอนนี้ทั้งสองกลุ่มก็กำลังประจันหน้ากัน จุดที่ผมอยู่ห่างจากเจ้าหล่อนเกินไป แม้อีกฝ่ายก็ไม่เห็นผมแต่ผมก็ไม่สามารถรับรู้ข้อมูลอะไรได้เลย ทว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจว่าควรฉวยโอกาสหนีก็คือกระเบนของทั้งสองกลุ่มที่เหมือนกันมาก และการคุยเหมือนรู้จักกัน
   

ทั้งสองกลุ่มต้องเป็นพวกเดียวกันแน่นอน
   

ผมมุดออกจากถ้ำอาศัยช่วงเวลาที่ทั้งหมดไม่สนใจสิ่งรอบตัว ค่อยๆว่ายออกจากบริเวณให้เงียบที่สุด จนมั่นใจว่าห่างจากอีกฝ่ายมากพอแล้ว จึงพุ่งไปยังเส้นทางที่กลุ่มฟีโอล่าใช้ทันที ซึ่งเป็นโชคดีในความโชคร้ายของผม เพราะถ้าอีกฝ่ายไม่ผ่านมา ผมย่อมลังเลแน่นอนว่าต้องเดินทางไปทางไหน
   

ผมหนีๆๆ จนกระทั่งผมคิดว่าทั้งหมดคงจะตามมาไม่ทันแล้ว ถึงเริ่มรับรู้ว่า ตอนนี้ผมมาไกลแค่ไหนและอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเพียงใด
   

ตอนนี้ผมอยู่จุดไหนไม่แน่ชัด แม้จะหนีเงือกพวกนั้นมาได้ แต่บรรยากาศรอบตัวเต็มในตอนนี้ไปด้วยความวังเวงจนน่าหวาดหวั่น แม้ผมยังคงต่อว่ายน้ำไป แต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกโลเลที่ว่า อยากได้ยินเสียงอะไรบ้างหรือควรปล่อยให้ทุกอย่างเงียบสงบแบบนี้ดี คือถ้าเงียบก็แสดงว่ารอบตัวปกติไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม แต่ไอ้การอยู่ในที่มืดๆ เงียบๆ แบบนี้ก็ทำให้ผมสติแตกได้เหมือนกัน...
   

เปรี๊ยะ
   

เสียงอะไรบางอย่างเรียกความสนใจของผม มันเป็นเสียงที่คุ้นเคยมากจนผมสงสัย ผมเพ่งมองท่ามกลางความมืด มีอะไรบางอย่างกำลังสู้กันอยู่ไม่ไกลนัก ลางสังหรณ์บอกให้ผมอย่าสนใจและรีบว่ายไปให้ไวที่สุด แต่ความอยากรู้อยากเห็นกลับสั่งให้ผมเข้าไปไกล ผมมั่นใจว่าที่อยู่ข้างหน้านั้นไม่ใช่เงือก เงาของมันมีขนาดเล็กเกินไป แต่จะเป็นอะไรนี่สิ...
   

เปรี๊ยะ
   

เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ผมขยับเข้าไปใกล้อีกหน่อย จนเมื่อเห็นภาพตรงหน้าชัดแล้วตาของผมเบิกกว้างก่อนจะรีบหันหลังและพุ่งหนีทันที
   

งูทะเลกำลังสู้กับปลาไหลอยู่ คือ...ถ้ามันเป็นปลาไหลธรรมดาผมคงจะไม่ตกใจแบบนี้ แต่ที่ผมต้องรีบเผ่นให้ไวเป็นเพราะว่า
   

ไอ้ที่ตีกันอยู่นั่นคือปลาไหลไฟฟ้า!! ผมก็ว่าเสียงมันคุ้นๆหู เสียงของกระแสไฟฟ้าเวลาช๊อตนี่เอง!!
   

อั๊ก!!


บ้าเอ้ย!! ผมยังไวไม่พอ กระแสไฟที่ปล่อยมาเมื่อกี้โดนผมบางส่วนด้วย เล่นเอาซะตัวชาแทบจะจมลงไปก้นทะเล เพราะความอยากรู้อยากเห็นแท้ๆ
   

แต่ไม่มีเวลาให้หยุดนาน ยังไงผมก็ต้องว่ายต่อ ถ้ามันปล่อยกระแสไฟฟ้าอีก ครั้งหน้าผมอาจจะกลายเป็นอาหารให้ปลาแถวนี้ก็ได้ ผมทนว่ายต่อไปด้วยความเร็วต่ำระดับเต่าคลาน อาการชาที่ปลายหางของผมยังไม่หายดีนัก ตอนนี้ได้แต่ภาวนาอย่าให้มีตัวประหลาดอะไรโผล่ขึ้นมาก็แล้วกัน
   
.
   
.
   
อืม..ไม่ประหลาดจริงๆด้วย แต่แบบนี้ไม่เอาโว้ย!!!


ผมได้แต่บ่นในใจแต่จะเสียเวลาพูดไม่ได้! หยุดว่ายก็ไม่ได้! ผมสลัดความรู้สึกชาทิ้งไปจนหมด ตั้งหน้าตาตั้งตาตีน้ำเพราะไอ้ตัวที่ตามหลังผมมาอย่างไม่ลดละ จะอะไรเสียอีกก็พ่อฉลามคู่รักคู่แค้นของผมไง!! นี่ขนาดเป็นตัวเล็กนะ ยังตามติดแบบกัดไม่ปล่อย ถ้าเป็นตัวพ่อมาจะขนาดไหน!!
   

จะหันไปสู้มันก็ไม่ได้เพราะผมไม่มีอาวุธติดตัวเลยได้แต่หนีไปเรื่อยๆโดยไม่รู้ทิศทาง และตอนนี้ผมก็เหนื่อยมากจนเริ่มจะหมดแรงตีน้ำแล้ว ที่ยังไหวอยู่ตอนนี้เพราะพลังใจล้วนๆ


ผมกัดฟันว่ายจนกระทั่งเห็นอะไรบางอย่างตรงหน้า ด้วยความหวังว่าจะมีอะไรที่ช่วยชีวิตผมได้ตอนนี้จึงพุ่งเข้าไปหามันแบบไม่ลังเล


เงือก!! ตรงหน้าผมเป็นกลุ่มเงือกกำลังเดินทางอยู่ ผมหน้าเสียทันที นี่ผมย้อนกลับมาเจอพวกนั้นหรือ


ในขณะที่กำลังคิดว่าจะปล่อยให้ฉลามข้างหลังมันกินผมเสียแต่โดยดี หรือจะให้เงือกข้างหน้าจับตัวผมกลับไป ผมได้ยินเสียงที่ทำให้ผมใจชื้นขึ้น


“ท่านโอเชี่ยน!!”


เงือกตรงนั้นมัน ลูคัส!! รอดตายแล้วโว้ย


ทันทีที่อีกฝ่ายเห็นผมพาน้องฉลามมาด้วย เจ้าชายตรงหน้าก็รีบสั่งคนของตัวเองทันที “ฉลาม!! พวกเจ้า!ช่วยท่านโอเชี่ยนเร็ว”
   

ผมแทบจะกระโดดหอมแก้มอีกฝ่ายที่โผล่มาได้จังหวะพอดี ทันทีที่ฉลามตรงหน้าตายลง ผมก็ทิ้งตัวลงไปกองกับพื้นทะเล
   

“ท่านโอเชี่ยนเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมท่านมาอยู่ที่นี่ แล้วใครจับตัวท่านมา รู้ไหมว่าท่านฟรานส์ห่วงท่านแค่ไหน”
   

“ใจเย็นๆ ทีละคำถาม” กลายเป็นว่าผมต้องบอกให้เงือกตรงหน้าใจเย็นแทน ลูคัสทำหน้าอึ้งๆตอนที่ผมเล่าให้ฟัง
   

“สรุปแล้วท่านถูกกลุ่มเงือกไม่ทราบพวกจับตัวมา” ผมพยักหน้า “แล้วท่านก็หนีออกมาได้” ผมพยักหน้าอีก “แล้วท่านก็เจอกับเงือกอีกกลุ่มหนึ่ง แต่ท่านไม่ไว้ใจก็เลยหนีต่อ” ผมพยักหน้าอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไร ถึงได้เลือกละส่วนสำคัญที่สุดไว้ว่าพวกนั้นเป็นกลุ่มเดียวกัน และมีใครบางคนอยู่ในกลุ่มนั้น แต่เห็นว่าไหนๆก็ผ่านแล้วก็เลยทำเนียนไปเลย “สุดท้ายท่านหนีมาจนเจอฉลามแล้วก็มาเจอพวกข้า” จะให้ผมพยักหน้าอีกกี่ทีนี่ “ขอบอกว่าท่านโชคดีมาก ที่ไม่หลงไปทางอื่นและไม่ถูกตัวอะไรจับกินเสียก่อน”
   

“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้นแหละ”
   

“ไม่ต้องกลัวนะ ข้าจะพาท่านกลับเอง ระหว่างนี้ท่านก็พักผ่อนก่อนเถิด” ผมแทบจะน้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้ม ทีนี้ผมจะได้กลับบ้านเสียที
   

ผมก็เลยตามอีกฝ่ายไปแต่โดยดี

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :hao7:  ไอ้นี่ก็ยังไม่น่าไว้ใจอยู่ดี
ผจญภัยต่อไปค่ะโอเชี่ยน

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
พวกไหนเป็นพวกไหนกันแน่เนี้ย
โอ๊ย...พี่โอแย่แล้ว
กว่าจะได้หวานแหวนนิอีกนานมั้ยคะ  :mew6:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
กลายเป็นเกมวิ่งไล่จับกันอยู่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ลูคัสพาโอเชี่ยนกลับไปหาฟรานส์นะไม่ใช่พากลัมเมืองตัวเอง

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
โอเชี่ยน ในที่สุดก็รอดแล้ว  :katai2-1:

กลับไปหาทรานส์ดีๆเถอะนะ อย่างอนกันอีกเลย

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เราว่าลูคัสนางไม่ได้มาดี ต้องมีอะไรในกอไผ่แน่นอน :katai1:

ออฟไลน์ มาม่าหมูสับ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หื้มมมมมมม มีพิรุธธธธธธธธธธ  :z10:

ออฟไลน์ mymine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • FaceBook
ตอนที่21


ผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดใสและโล่งใจ พวกเราพากันออกเดินทางเพื่อกลับไปยังแฟรีเซียร์ แน่นอนว่าด้วยจำนวนเงือก ทำให้เดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น ผิดกับเมื่อวานคนละเรื่องเลยทีเดียว
   

คิดแล้วนึกถึงฟีโอล่า ไม่รู้ว่าเจ้าตัววางแผนจะทำอะไรหรือไม่ จะไล่ผมมาทันไหม เวลาว่างที่มีมากจนเกินไปของผมทำให้ในหัวมันคิดเรื่อยเปื่อยไม่หยุด
   

พวกเราเดินทางไปเรื่อยๆ ผมนั่งอยู่ข้างเจ้าชายลูคัสบนราชรถ ซึ่งด้วยความที่ผมไม่ต้องว่ายน้ำเองจึงว่างมาก สายตาก็เลยมองนั่นมองนี่ไปเรื่อยๆอย่างไร้ทิศทาง...


จะว่าไปแล้วในน้ำนี่ไม่เหมือนบนบกเสียเลย คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล ถ้าไม่ใช้พวกที่เดินทางบ่อยจนคุ้นเคย จะดูยังไงว่าที่นี่ที่ไหน นอกจากจะทำป้ายบอกทางเหมือนผม
   

คิดแล้วผมก็ก้มลงมองพื้นทะเลที่มีปะการังขึ้นประปราย ปลาหลายตัวว่ายลัดเลาะไปตามดอกไม้ทะเล และหลายตัวกะลังรุมกินสาหร่ายทะเลที่ปั้นเป็นก้อนกลมๆ
   

แหม มีคนคิดวิธีทำป้ายบอกทางที่ชาญฉลาดเหมือนกับผมด้วย
   

...
   

...
   

!!!
   

ผมเพ่งมองก้อนสาหร่ายทะเลอีกครั้ง นั่นมันของที่ผมทำขึ้นนี่ หมายความว่ายังไง พวกเรากำลังเดินทางกลับไปทางเดิมหรือ
   

ผมมองหน้าลูคัสด้วยแววตาเปลี่ยนไป บางสิ่งทำให้ผมนึกทบทวนความน่าจะเป็นอีกอย่างที่ผมลืมนึกไป
   

หรือทั้งคู่จะเป็นพวกเดียวกัน
   

ผมในตอนแรกผมสนใจแค่ว่าใครเป็นตัวบงการ ฟีโอล่า ลูคัส หรือคนอื่น แต่ผมลืมนึกไปว่า ไม่จำเป็นที่คนที่คิดร้ายกับผมจะมีเพียงแต่หนึ่ง อาจจะเป็นการร่วมมือระหว่างสอง สาม หรือมากกว่านั้นก็ได้ทั้งนั้น กลายเป็นว่าตอนนี้ผมต้องหนักใจมากกว่าเดิม ว่ามีใครอีกบ้างที่อาจจะร่วมมือกับอีกฝ่ายได้บ้าง ปู่สวอร์นนั่นตัดไปได้เลย จะเหลือก็แต่ โยมิ ซาร์ค ราซัน พวกนี้เดาใจยากเพราะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรกับผมนัก เรียกว่าหลังจากวันแรกที่แนะนำตัวเราไม่ได้คุยกันเลยมากกว่า
   

ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ผมเปลี่ยนใจมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนดีกว่า
   

“เจ้าชายลูคัส นายมีพี่น้องบ้างไหม” อีกฝ่ายยิ้มก่อนจะบอกว่ามีพี่ชายต่างมารดาอีกหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันเจ้าตัวอยู่ในตำแหน่งรัชทายาท
   

“ท่านพี่ไม่ได้ตั้งใจจะไม่มาร่วมงานของท่านหรอกนะ เพียงแต่ท่านมีภารกิจเข้ามาพอดีจึงส่งข้ามาเป็นตัวแทน”
   

ผมพยักหน้าเหมือนรับรู้ แต่ในหัวกำลังวางแผนหาทางหนีจากอีกฝ่ายอย่างด่วน ถ้ากลุ่มนี้เป็นพวกเดียวกับสองกลุ่มก่อนหน้าจริง ถ้าเมื่อไหร่ทั้งหมดรวมตัวกันได้ ผมคงหมดสิทธิกลับแฟรีเซียร์แน่
   

“นายว่าเรากำลังหลงทางหรือเปล่า” ลูคัสหันหน้ามามองเหมือนจะขอคำอธิบาย “ฉันว่าแถวนี้มันคุ้นๆเหมือนกับที่ผ่านมาเมื่อคืนเลย”
   

“ข้าว่าท่านคงจะจับสลับกันแล้วล่ะ เมื่อคืนอาจจะมืดมาก และทางมันก็คล้ายๆกันหมด แต่นี่พวกเรากำลังเดินทางไปแฟรีเซียร์นะ” อีกฝ่ายยังคงทำหน้าไม่รู้ คงจะคิดว่าผมดูทางไม่ออกสินะ
   

“งั้นหรือ ฉันคงจำผิดไปเองล่ะ” ผมทำทีเออออไปกับอีกฝ่ายก่อน ถ้าเจ้าตัวรู้ว่าผมจับได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาช่วยด้วยความบังเอิญแล้ว ผมคงต้องกลับไปถูกล่ามเหมือนเดิมแน่ ในเมื่อถ้าเจ้าตัวคิดแบบนั้นแล้วผมเป็นอิสระ ผมก็ขอฉวยโอกาสนั้นไว้ก่อนแล้วกัน
   

เราเดินทางกันจนค่ำจึงได้หาที่พักผ่อน ผมมองอีกฝ่ายที่จัดที่นอนให้ผมอย่างดี เสียแค่มันอยู่ติดเจ้าตัวเลยนี่สิ…
   

ผมทำทีเป็นล้มตัวลงและหลับแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวในขณะที่หูฟังทุกการเคลื่อนไหว ผมนอนรออย่างใจเย็น รอเวลาให้เงือกทุกตัวหลับ แล้วผมจะได้เผ่นเสียที
   
.

.

กลางดึกผมลืมตาตื่นขึ้นมามองรอบๆ บรรยากาศรอบตัวตอนนี้เงียบสงัด เงือกทั้งหลายพากันหลับไปแล้ว


โชคดีที่ไม่หลับเพลิน


...


โอเค แค่จะบอกว่าระหว่างรอให้พวกนั้นหลับผมก็เผลอเคลิ้มๆ หลับไปบ้างแค่นั้นเอง โชคดีนะที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคงตื่นอีกทีเช้าตรู่โน่น


ผมค่อยๆ พลิกตัวหันมามองไอ้เงือกข้างๆ ผม เจ้าตัวยังหลับสนิทดี ผมเลยค่อยๆ เคลื่อนตัวช้าๆ ค่อยๆ ลากตัวออกห่าง


กระดึบ.


กระดึบ..


กระดึบ…
   

“จะไปไหนหรือท่านโอเชี่ยน....”
   

ซวยแล้ว!!
   

ผมหันหัวกลับไปมองอีกฝ่ายอย่างเร็ว แล้วพบว่า ไม่ใช่เฉพาะลูคัสเท่านั้นที่ตื่นแต่เงือกที่มาพร้อมกันยังไม่มีใครหลับเลยสักตัว
   

ผมถูกหลอก!!
   

“ข้านึกอยู่แล้วว่าท่านจะรู้ตัวสักวัน แต่ไม่คิดว่าจะไวขนาดนี้” ลูคัสยังคงส่งยิ้มอ่อนโยนให้ผม แต่พฤติกรรมมันไม่ใช่ไง
   

“ตกลงว่านายพาตัวฉันมาเพื่ออะไร เป็นตัวประกันหรือ? ต้องการอะไรจากแฟรีเซียร์!!”
   

เจ้าชายตรงหน้าส่ายหัว “ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ข้าก็แค่อยากจะเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างเราทั้งสองเมืองเท่านั้นเอง”
   

“ด้วยการจับตัวฉันมานี่นะ!!!” ใครเชื่อก็บ้าแล้วเฟร้ย บอกว่าจะชวนกินข้าวหลังจากเอามีดจ่อคอคนอื่นนี่นะ
   

“ท่านไม่เข้าใจข้าเลย ข้าแค่ทวงสิทธิที่เราเรมเดลควรจะได้รับ การเชื่อมสัมพันธไมตรีด้วยการแต่งงาน มันควรจะถูกจัดตามกำหนดการเดิมมิใช่หรือ ในเมื่อทายาทที่ถูกต้องของแฟรีเซียร์กลับมา”
   

ผมขมวดคิ้วฉับ คือนี่อีกฝ่ายยังหวังว่าจะมีการแต่งงานเกิดขึ้นอีกหรือ ในเมื่อท่านย่าปฏิเสธตรงๆ ขนาดนั้นแล้ว
   

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเดาออกว่าผมคิดอะไร เจ้าตัวส่งยิ้มมาให้อีกครั้ง “ถึงทางท่านไลอาร์อาจจะไม่เห็นด้วย แต่ถ้าเจ้าชายแห่งแฟรีเซียร์รวมหอกับเจ้าชายแห่งเรมเดลแล้ว จะยังปฏิเสธได้หรือ” ไอ้หมอนี่!! กะจะทำให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกแล้วมัดมือชกเลยหรือ ใครจะยอมฟระ ยังไงตำแหน่งภรรยาเพศชายของผมก็มีฟรานส์นั่งจับจองแล้วเฟร้ย “ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำอะไรท่านหรอก รับรองว่าข้าจะเป็นสามีที่ดี รักและให้เกียรติภรรยาอย่างท่านด้วย” อ อะ ไอ้เงือกตรงหน้าว่าอะไรนะ!!! ใครจะเป็นภรรยาใครจะเป็นสามี ไม่เอาเฟร้ย!!! ให้ตายผมก็ไม่ยอมแน่ “แต่ตอนนี้ข้าว่าท่านทำตัวดีๆ ไม่หาทางหนีเถิด ข้าไม่อยากมัดท่านใส่กล่องแบบขามานะ”
   

ผมชะงักเพราะเงือกรอบตัวค่อยๆ ล้อมเข้ามาหาแล้ว จะเอายังไง จะให้ยอมไปเป็นเมียมันหรือไม่มีทาง แต่ไอ้ครั้นจะหาทางหนี ผมเองก็ยังไม่เห็นว่าจะรอดได้ยังไง “ถามหน่อยสินายมีผู้สมรู้ร่วมคิดหรือเปล่า” ผมโพล่งถามออกไปนั่นทำให้เงือกทั้งหมดชะงัก ลูคัสมองผมด้วยความแปลกใจนิดๆ “ครั้งแรกที่ฉันออกจากกล่อง ฉันอยู่บนกระเบนซึ่งเป็นพาหนะของเจ้าหญิงฟีโอล่า กลุ่มเงือกที่ฉันเจอก่อนที่จะหนีมาเจอพวกนายก็คือกลุ่มของเจ้าหญิงฟีโอล่า”    
   

อีกฝ่ายชะงักหลังจากได้ยินชื่อเจ้าหญิงเงือก แต่แค่พริบตาก็หันมายิ้มอ่อนโยนซึ่งผมมองว่าเสแสร้งมาให้ “นั่นสินะ ต้องบอกว่าเราทั้งสองมีผลประโยชน์ร่วมกันมากกว่า ข้าได้ท่านมาในขณะที่ท่านฟีโอล่าก็จะได้ท่านฟรานส์ไป เห็นไหมทุกอย่างดูลงตัวเหมาะสมที่สุดแล้ว” อีกฝ่ายยกมือขึ้นเป็นเชิงให้เงือกรอบๆเคลื่อนที่เข้าหาผมอีกครั้ง “เพราะอย่างนั้นท่านก็เลิกขัดขืนแล้วยอมตามข้ากลับไปเรมเดลเสียแต่โดยดีเถอะ”
   

จะทำยังไงดี ผมถอยพลางคิดหาทางออก ที่ดูจะริบหรี่เหลือเกิน “ฟรานส์ต้องรู้แน่ว่านายเป็นตัวการ อีกไม่นานเค้าจะตามมาแน่ ฉันว่าพวกนายต่างหากควรรีบหนีไปซะ”
   

ลูคัสหลุดขำออกมาเหมือนสิ่งที่ผมพูดมันไร้สาระมาก “เป็นไปไม่ได้หรอกท่านโอเชี่ยน อย่าถ่วงเวลาเลย ท่านคิดว่าข้าเดินทางออกจากแฟรีเซียร์โดยไม่วางแผนล่วงหน้าหรือ ...จะบอกอะไรให้นะ ป่านนี่ท่านฟรานส์คงจะตามกลุ่มของท่านฟีโอล่าไปถึงไหนแล้ว”
   

ผมฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดกลับยิ่งงุนงง “หมายความว่ายังไงกัน” ก็ในเมื่อผมเจอกลุ่มฟีโอล่าเมื่อวานนี้ ไม่เห็นมีฟรานส์อยู่ในนั้น แปลว่ายังมาไม่ถึง? แล้วทำไมฟรานส์ถึงต้องไล่ตามกลุ่มนั้นด้วย
   

ดูเหมือนเจ้าชายตรงหน้าจะเดาออก “เพราะเงือกทั้งแฟรีเซียร์คิดว่านางเป็นตัวการที่จับเจ้ามาไง...”
   

เรื่องมันยังไงกันแน่ แสดงว่าเงือกที่จับตัวผมกับฟีโอล่าเป็นคนละกลุ่มกันงั้นหรือ แล้วทำไมตอนที่ผมเจอพวกนั้นถึงได้.. “ตกลงพวกนายไม่ใช่พวกเดียวกัน?” ถ้าไม่ใช่ ตอนนั้นผมจะหลบอีกฝ่ายมาเพื่ออะไร...
   

“ข้าบอกแล้วว่าเรามีผลประโยชน์ร่วมกัน” ลูคัสส่ายหัว “ต่อให้ตอนนี้ท่านฟรานส์จับตัวท่านฟีโอล่าและได้ทราบความจริงแล้ว แต่ยังไงก็ตามมาช่วยท่านไม่ทันแล้วแน่นอน เลิกถามแล้วยอมแพ้แต่โดยดีเถิด”

.

.
   
“ฟรานส์อาจจะตามมาไม่ทัน แต่ข้านี่ล่ะที่ตามเจ้าทัน!!” เสียงตวาดที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินโผล่มาอีกครั้ง พร้อมกับใบหน้าถมึงทึงของเงือกสาวตรงหน้า ทำเอาทั้งผมและลูคัสตกใจอ้าปากค้าง เจ้าหญิงฟีโอล่าพร้อมเงือกอีกเกือบสิบชีวิตกำลังล้อมพวกเราอีกรอบ เจ้าหล่อนหันหน้ามามองผมด้วยแววตากินเลือดกินเนื้อ “เจ้า!! เพราะเจ้าตัวเดียว ทำข้าเดือดร้อน!!! ต้องออกมาตระเวนไล่ตามหาแบบนี้!!” เอาแล้วไง ตกลงว่าเจ้าหล่อนไม่ได้ตามมาจัดการผมใช่ไหม ทำไมท่าทางอีกฝ่ายยังแยกเขี้ยวพร้อมจะฉีกเนื้อผมแบบนี้


“เธอมาตามหาฉัน?”


“ไม่!!!ข้ามาตามหากระเบนของข้าต่างหาก” อ้าว...แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมวะครับ
   

ดูเหมือนลูคัสจะตั้งสติได้ไวกว่า “เจ้าหญิงฟีโอล่านี่เอง เห็นท่านรีบเดินทางออกจากแฟรีเซียร์ข้ายังนึกเป็นห่วงอยู่ว่าเกิดเหตุร้ายอะไรหรือไม่ แล้วทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”
   

“ก็ถ้ากระเบนของข้าไม่ถูกขโมย ข้าจะโดนใส่ร้ายว่าเป็นตัวการลักพาตัวเจ้าเงือกหน้าปลิงทะเลมาหรือยะ!!” เสียงหวีดสูงของหญิงสาวทำเอาบรรดาเงือกรวมทั้งผมทั่งอยู่ขนลุก ว่าแต่ผมนี่หน้าตาแย่เหมือนไอ้หนอนทะเลตัวดำๆหรือ ฮือ “พอข้าตามจับตัวการมาได้ ทรมานจนมันสารภาพว่าใครเป็นตัวการ แล้วรู้ไหมท่านลูคัสว่าเจ้าพวกนั้นบอกข้าว่าใคร?...” ฟีโอล่าชี้หอกสามง่ามใส่หน้าอีกฝ่าย เส้นผมสีแดงสดสยายของเจ้าตัวดูพองเหมือนปลาปักเป้า “เจ้าโยนความผิดให้ข้า!!!”
   

“ข้านะหรือ?” ลูคัสทำหน้างงซึ่งผมต้องบอกว่า ถ้าไม่ได้ยินเรื่องราวว่าอีกฝ่ายวางแผนโยนความผิดให้มาก่อน ผมคงจะหลงเชื่อคำพูดอีกฝ่ายเต็มเปาแล้ว “ท่านแน่ใจได้ยังไงว่าเงือกพวกนั้นพูดความจริง พวกมันอาจจะถูกสั่งให้ป้ายความผิดมาให้ข้าก็ได้”
   

“หึ แบบที่เจ้าทำสินะ อย่านึกว่าข้าไม่รู้นะว่า ตอนอยู่ในแฟริเซียร์เจ้าบอกอะไรกับฟรานส์ไปบ้าง...” สีหน้าของเงือกสาวตรงหน้าบิดเบี้ยวเหมือนอยากจะฉีกลูคัสเป็นชิ้นๆ “เจ้าคอยย้ำเตือนที่ข้าเกลียดไอ้เจ้าเงือกนี่ เรื่องที่ข้าพูดถึงเรื่องการแต่งงานระหว่างเรมเดลนั่นเป็นความต้องการของข้าเท่านั้น ทั้งที่ผู้ที่เสนอให้ยกข้ออ้างนี้ขึ้นมาคือเจ้าชัดๆ !! แล้วยังจะเรื่องกระเบนของข้าอีก เจ้าให้ลูกน้องของตัวเองไปอ้างกับลูกน้องของข้าว่าข้าสั่ง? บอกยามเฝ้าประตูว่าข้าต้องการส่งของกลับอันเมดีสโดยด่วน ไอ้แผนง่ายๆ ตื้นๆ นั่นทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าข้ารีบพาเจ้าเงือกนั่นหนี ทำให้ข้าต้องรีบติดตามหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ เจ้าใช้ข้าล่อคนของฟรานส์ให้ติดตามไปอีกทางถ้าข้าไม่ใช้ลูกน้องหลอกหมอนั่นไปทางอื่นก่อน ข้าคงถูกจับในฐานะกบฏไปแล้ว!!”


ทั้งสองตะโกนคุยกันข้ามหัวผม ลืมพระเอกของเรื่องไปเสียสนิท จนผมคิดว่าจะอาศัยช่วงเวลานี้หนีฝ่าออกไปดีไหม แต่สุดท้ายแล้วก็เลือกยืนฟังอีกฝ่ายต่อไปเพราะอยากรู้เรื่องราวทั้งหมด
   

“หือ ท่านรู้เรื่องราวเยอะมากเลย มากกว่าที่ข้าจะคาดคิดเสียอีก” ลูคัสยังคงทำหน้าประหลาดใจเช่นเดิม “แต่ถ้าท่านฉลาดท่านก็ควรจะหลบไปเงียบๆปล่อยให้เหตุการณ์มันดำเนินไปในทางนี้เรื่อยๆ ไม่ใช่หรือ เพราะพอข้าร่วมหอกับท่านโอเชี่ยนเมื่อไหร่ ทางแฟริเซียร์ก็น่าจะเข้าใจเองว่าตัวท่านไม่น่ามีส่วนรู้เห็น หลังจากนั้นท่านก็จะได้อยู่กับท่านฟรานส์ตามเดิม แถมยังได้กำจัดท่านโอเชี่ยนที่ท่านแสนเกลียดอีก ทุกอย่างเหมาะสมไม่ใช่หรือ”


“หึ” แทนที่ฟีโอล่าจะยอมรามือเจ้าตัวกลับยกอาวุธในมือขึ้นมาอยู่ในท่าเตรียมพร้อม “น่าขำ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้แผนชั่วของเจ้า ถ้าข้าไม่ตามมาเจอ ผลจะเป็นอย่างไร ถ้าเจ้านี่โง่มันก็จะคิดว่าข้าเป็นผู้บงการ แต่ถ้ามันฉลาดหน่อยเจ้าก็จะปิดปากมัน ผลสุดท้ายไม่ว่ายังไงข้าก็จะกลายเป็นผู้ผิด ส่วนเจ้า! ก็จะกลายเป็นผู้มีพระคุณ เวลานั้นต่อให้ไม่ต้องการ ก็ไม่มีใครสามารถปฏิเสธเจ้าได้แล้ว ทั้งในฐานะผู้มีพระคุณและฐานะคู่ครองของเจ้าชายแห่งแฟริเซียร์”


ทั้งสองสบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ฟีโอล่าจ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาวาววับ


“เฮ่อ ทั้งที่รอเฉยๆ ปล่อยให้ข้าจัดการก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ” ลูคัสถอนหายใจก่อนจะรับอาวุธจากเงือกที่ลอยตัวอยู่ด้านข้าง “น่าดีใจที่ท่านฉลาดหลอกท่านฟรานส์ไปทางอื่นก่อน ตัวข้าที่เดินทางออกมาได้พบตัวผู้บงการที่กำลังเดินทางหลบหนี ข้าจึงช่วยเหลือท่านโอเชี่ยนและจัดการสำเร็จโทษแทนแฟริเซียร์ซะ!” สิ้นคำพูดลูคัสก็พุ่งตรงเข้าหาเงือกสาว บรรดาเงือกทั้งสองฝ่ายต่างตะลุมบอนกันเละเทะ


เฮ้ยๆ แล้วตรูล่ะ


ผมอ้าปากค้างด้วยความตกใจเพราะตอนนี้เงือกทั้งหมดกำลังสู้กับแบบชุลมุนวุ่นวาย เงือกที่มีเกล็ดและครีบสีเขียวกับแดงผสมกันมั่วจนมองแทบไม่ออกว่าตัวไหนฝั่งไหน แล้วแบบนี้ผมควรจะหนีหรือช่วยฟีโอล่าก่อนดี แม้ผมจะไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะช่วยผมไปด้วยไหม แต่ที่แน่ๆ ในตอนนี้ผมคิดว่าฟีโอล่าเชื่อถือได้มากกว่าอีกฝ่าย เจ้าหล่อนคิดอะไรก็แสดงออกมาตรงๆ ข้อนี้ผมมั่นใจได้


และความต้องการของเจ้าหล่อนในตอนนี้ก็คือเชือดเจ้าลูคัสนั่นไง


แต่ไม่ทันให้คิดก็มีเงือกตัวหนึ่งพุ่งเข้ามาแทงผม โชคดีที่ผมเคยรับมือเงือกที่โคตรเก่งทำให้สามารถหลบได้ไม่ยากนัก


ผัวะ!!


ผมใช้มือหนึ่งจับหอกที่อีกฝ่ายแทงเข้ามาก่อนจะกระชากอาวุธเข้าหาตัวทำให้อีกฝ่ายเสียหลักถูกลากเข้าหาผมเลยฉวยโอกาสซัดหมัดเน้นๆ ไปเต็มหน้าทำเอาเจ้าตัวปลิวไปตามกระแสน้ำ เหลือหอกให้ผมดูต่างหน้า


มีอาวุธแล้วแบบนี้ก็สวยสิ


เงือกหลายตัวเห็นผมได้อาวุธก็รีบรุมเข้ามากะจะหยุดผม แต่ถ้าเทียบกับเจ้าชายบวกองค์รักษ์ซาดิสต์ของแฟรีเซียร์แล้ว พวกนี้ก็แค่เด็กน้อยเท่านั้นล่ะ!!


ทางซ้ายเปิดโล่ง!


ผัวะ!


ทางขวามีช่อง!


ผัวะ!


ก้นยื่นนะตัวเอง


ผัวะ!


ด้วยความชุลมุนจนไม่สามารถแยกแยะเป้าหมาย ตอนนี้ผมจึงไล่ตีเงือกทั้งสองอย่างเมามันฝั่งจนเหลือจำนวนไม่เท่าไหร่ มองไปเห็นลูคัสกับฟีโอล่ากำลังสู้กันอย่างสูสี ทำเอานึกทึ่งว่าเงือกสาวตรงหน้าก็เก่งกาจไม่แพ้ผู้ชายเลย


แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายก็ยังเป็นผู้หญิง


ช่วงจังหวะหนึ่งที่เงือกสาวเสียหลัก ลูคัสถือโอกาสแทงอาวุธเข้าบริเวณช่วงอกของอีกฝ่าย “บ้าเอ้ย!!” ผมที่อยู่ใกล้ๆไม่มีทางเลือกต้องพุ่งเข้าขวางระหว่างอีกฝ่ายทันที ท่ามกลางความตกใจของทั้งสองฝ่าย


“เจ้า!! มาช่วยข้าทำไม!!”


นั่นสิ ผมจะช่วยอีกฝ่ายทำไม ในเมื่อตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอเจ้าหล่อน ผมก็เดือดร้อนตลอดจนบัดนี้ “ผู้ชายดีๆ ที่ไหน เห็นผู้หญิงตรงหน้ามีอันตรายแล้วไม่ช่วยกันเล่า!”


“เจ้า... เจ้ามันทั้งโง่ทั้งบ้าเลย!!” เอ้า ผมช่วยละยังจะมาด่าผมอีก


ฝีมือลูคัสดีกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ แม้จะเทียบฟรานส์ไม่ได้ แต่นี่ไม่ใช่การซ้อมรบเพราะอย่างนั้นจึงไม่มีการออมมือกัน ทำให้ผมโดยอาวุธของอีกฝ่ายเฉียดตามท่อนแขน สีข้างไปไม่น้อย "ยอมแพ้เถิดท่านโอเชี่ยน ข้าไม่อยากลงมือกับท่านเท่าไหร่หรอกนะ” นี่ขนาดไม่อยากนะ แทงเอาๆ จนตัวผมมีแต่รอยแผลแล้วเนี่ย


เสียงแตรดังขึ้นทำให้ผมกับฟีโอล่าชะงักด้วยความตกใจ “กำลังเสริมมาแล้วสินะ” ยิ่งฟังสิ่งที่ลูคัสพูดกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าแล้วทำให้ผมรู้เลยว่าคงจะหนีไม่รอดแล้ว


บรรดาเงือกจำนวนมากเริ่มล้อมกรอบพวกเรา ลูกน้องของฟีโอล่าถูกจับต้อนไปอยู่อีกฝั่งจนหมด จนเหลือเพียงแต่กับเงือกสาว ซึ่งผมต้องหาทางให้เจ้าหล่อนหนีไปก่อนให้ได้ สถานภาพของผมกับฟีโอล่าต่างกัน ของผมอย่างมากก็แค่ถูกจับไปก่อนแต่อีกฝ่ายคงถูกสังหารทันทีข้อหารู้มากไปแน่ “เธอ หนีไปซะ!!”


“จะให้หนีไปไหนเล่า! เจ้าปลิงทะเล” เงือกสาวที่ตอนนี้หลบอยู่หลังผมสวนเข้าให้ ให้ตายเถอะเวลาน่าสิ่วน่าขวานแบบนี้ยังจะมีแก่ใจตะโกนด่าผมอีก


“จะหนีไปทางไหนก็ช่างเถอะน่า!! เดี๋ยวฉันขวางเอาไว้ให้!!” ผมเร่งอีกฝ่ายที่ยังคงเกาะอยู่ด้านหลัง แต่เจ้าตัวยังคงนิ่งไม่ขยับ


“บอกให้ไปก็รีบไปสิ!!!!”

.

.

“ไม่ต้องหรอก” เสียงเงือกสาวด้านหลังพูดขึ้นมาสงบลง ไม่มีวี่แววของความตื่นตระหนกหรือร้อนรนเมื่อครู่หลงเหลืออยู่ “เพราะกำลังเสริมของข้าก็มาแล้วเช่นกัน”


พริบตาก็มีเงือกจำนวนหนึ่งปรากฏตัวด้านหลังกลุ่มของพวกเรา จากรูปทรงและสีของครีบของผู้มาใหม่ ทำให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร


“เอาล่ะคราวนี้ก็พูดใหม่ได้แล้ว ใครแพ้ใครกันแน่” ฟีโอล่าแสยะยิ้มทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่า


พวกเจ้าหญิงเจ้าชายนี่ไว้ใจไม่ได้ซักคน....

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ขอเชื่อและรอฟรานซ์มาช่วยนะ
ขอบคุณค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ว่าละ เฮ้อ...เห็นด้วยกะพี่โออย่างแรงเลย ไม่น่าไว้ใจสักคน  :mew5:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เห็นด้วยกับโอเชี่ยนเลย พวกเจ้าชายเจ้าหญิงนี่ร้ายจริงๆ  :mew5:

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 744
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
โอเชี่ยนรีบอาศัยจังหวะชุลมุนหลบออกไปเถอะ

หายไปนานฟรานส์เป็นห่วงนะ :katai1:

ออฟไลน์ gayraygirl

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-3
ขอให้เป็นฟรานส์ อย่ามาทำนองพระเอกมาสายเสมอนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด