The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Little Merman ยอดชายกับนายเงือก : วันที่ 26-5-59 : ตอนที่24 บทส่งท้าย  (อ่าน 77464 ครั้ง)

ออฟไลน์ mymine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • FaceBook
ตอนที่4


“พี่โอ! พี่โอ!”เสียงคุ้นเคยที่ผมไม่ต้องเดาแล้วว่าเป็นใครดังขึ้นพร้อมกับแรงเขย่าตัวของผมอย่างเมามัน


“ใจเย็นฟิลัน พี่มึนหัว” ผมลืมตางัวเงียมองไปยังเงือกน้อยที่เขย่าผมหัวโยกหัวคลอน นี่คิดว่าตรูเป็นเหล้ารึ เขย่าได้เขย่าดี


เจ้าชายน้อยหลังจากเรียนจนก็รีบพุ่งมาหาผมที่ห้องทันที ตอนแรกเจ้าตัวบอกว่าเห็นผมหลับสบายไม่อยากรบกวน แต่ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วผมก็ยังไม่ตื่น
   

เลยมาโยกซะมันมือแบบนี้ไง
   

“มีอะไรหรือเปล่า?”
   

เด็กน้อยน่ารักยิ้มกว้าง “ออกไปทานอาหารกันเถอะ” ได้กินมันก็ดีอยู่หรอกแต่จะออกไปได้ยังไง


“อ่าพี่ชายของเราห้ามพี่ออกไปเพ่นพ่านนี่ เห็นทหารจ้องพี่ซะสยิวเลย”


ฟิลันได้ยืนแบบนั้นก็หัวเราะคิกคัก “เค้าชอบมองเพราะหน้าตาพี่ต่างหาก”


จะบอกว่าพี่หน้าตาดีใช่ไหม? เรื่องนี้มันแน่อยู่แล้ว


.


.


.


เดี๋ยวก่อน!! ทหารเงือกที่ยืนๆอยู่นั่นมันตัวผู้ทั้งนั้นเลยนี่หว่า


อีกฝ่ายจูงผมออกจากห้องพักโดยไม่มีเงือกตัวไหนเข้ามาขวาง แต่ว่ายไปก็เสียวตู...ไป แม้ตอนนี้จะไม่มีช่องใช้งานตามปกติก็เถอะ แต่พอมีใครมองตามไล่หลังมาก็แอบระแวงเหมือนกันนะ


“ท่านพี่ ข้าพาพี่โอมาแล้ว” ฟิลันว่ายนำผมเข้าไปในห้องขนาดใหญ่ ซึ่งมีเจ้าชายเงือกผู้งดงามกำลังนอนเลื้อยอยู่ในอ่างจากุชชี่ทรงกลม? มันมีขอบขึ้นมาเหมือนอ่างเอาไว้ใช้พิง หมอนสาหร่ายวางกองอยู่เต็มไปหมด และกลางอ่างมีแผ่นหินรูปวงกลมยกขึ้นมาเหมือนโต๊ะ


คือมันเป็นโต๊ะอาหารที่ดีไซน์แปลกๆเล็กน้อยสำหรับผมละกัน


เจ้าตัวเหล่มองผมเล็กน้อยก่อนจะกลับไปทำท่าไม่สนใจตามเดิม ฟิลันฉุดผมลงไปในอ่างเดียวกัน ดูแล้วเหมือนหม้อไฟรวมมิตรปลาทูชอบกลแฮะ ก่อนที่คุณเจ้าชายจะพยักหน้าให้เงือกใกล้ๆเสิร์ฟอาหาร


...


นี่มัน...ปลาดิบกับยา?


คืออาหารตรงหน้าของผมนอกจากปลาดิบไม่ทราบสัญชาติที่หั่นเป็นชิ้นสวยงามแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือไอ้เม็ดยาใส่แผลที่ผมหยิบขึ้นมาแล้วถูกใครบางคนแถวนี้ตีมือ ด้านนอกยังคงเป็นฟองใสเหมือนเปลือกคลุมของภายในเอาไว้ ทว่าสิ่งที่อยู่ด้านในมันไม่ได้มีสีเขียวคล้ำแบบเดิม แต่ละเม็ดกลับมีหลายสีแตกต่างกัน เช่น สีเหลืองสด สีเหลืองอมน้ำตาล สีน้ำตาลเข้ม สีแดงคล้ำ สีขาว รวมถึงสีเขียวปกติของสาหร่ายด้วย


ในน้ำมีของประหลาดแบบนี้ด้วยหรือวะ


ฟิลันยิ้มกว้างก่อนจะชี้ชวนให้ผมลองไอ้เม็ดหน้าตรงหน้า เจ้าตัวบอกว่านี่คือสาหร่ายสังเคราะห์ที่เจ้าตัวพูดถึง


ผมมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างชั่งใจ เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นคุณเจ้าชายกินแบบไม่รู้สึกผิดแปลก ผมจึงเลือกที่จะหยิบเม็ดที่มีสีเขียวธรรมชาติเม็ดหนึ่งขึ้นมาไว้ในมือ


กินแล้วจะไม่เป็นอะไรใช่ไหมนี่ อยากจะลองเล็มๆดูเสียก่อน แต่ปรากฏว่าหันไปทางซ้ายฟิลันก็นั่งลุ้นตัวโก่ง หันไปทางขวา ไอ้คุณพี่ชายก็จ้องแบบจับผิดปนสงสัย  เลยตัดสินใจหลับตาโยนเข้าปากไปเลย ก่อนจะค่อยๆเคี้ยวอย่างไม่มั่นใจนัก


.


.


.


“อุ๊ป!! นี่มันรสพริกไทยนี่หว่า...” แถมดูท่าจะผสมลงไปแบบไม่ยั้งเลยด้วย


อ่อ..ผมไม่ได้บอกพวกคุณใช่ไหมว่า แม้ผมจะมีสายเลือดครึ่งหนึ่งเป็นคนไทย มีพ่อเป็นคนไทยแท้ แต่...ผมนี่กินเผ็ดไม่ได้เลย ขนาดส้มตำยังต้องล้างครก แม้จะเป็นแค่รสเผ็ดร้อนแบบพริกไทยนี่ก็ยังไม่ไหว จนไอ้บรรดาพวกเพื่อนตัวแสบหัวเราะเยาะเอาเรื่องนี้มาล้อบ่อยๆ


ผมต้องนั่งอ้าปากลิ้นห้อยให้น้ำรอบตัวไหลผ่านปากอยู่นาน จนเริ่มดีขึ้นจึงเริ่มสนใจสิ่งรอบตัว ปรากฏว่าผู้ร่วมโต๊ะทั้งสองคนมองตาผมด้วยแววตาคนละแบบ


“พี่โอ ไม่อร่อยหรอ?”ผมได้แต่หัวเราะแหะๆตอบแบบอ้ำอึ้งไป แสดงว่าในจานพวกนี้มันคือสาหร่ายผสมเครื่องเทศทั้งหมดใช่ไหม แล้วผมจะสุ่มโดนอันไหนที่มีรสเผ็ดอีกไหมนี่


นึกถึงเยลลี่เบอร์ตี้บอต ของแฮรรี่ตงิดๆแฮะ


“เจ้ารู้ได้ยังไงว่ามันเรียกว่าพริกไทย” เสียงคนที่ไม่คิดว่าจะสนใจกลับพูดขึ้นมา “เจ้าเคยเห็น เคยกินมันมาก่อน?”


“…ก็มันชื่อนี้ไม่ใช่หรอ?”ผมตอบไปแบบนั้นแต่นั่นกลับทำให้อีกฝ่ายมองผมด้วยแววตาไม่ไว้วางใจยิ่งกว่าเดิม “หรือว่าที่นี่เรียกมันว่าอย่างอื่น...นี่ คุณเจ้าชาย”


“เลิกเรียกข้าแบบนั้นเสียที”


...แล้วจะให้กระผมเรียกว่าอะไรวะครับ?


“คุณเจ้าชายจะให้ผมเรียกว่าอะไรล่ะครับ ในเมื่อคุณเจ้าชายไม่เคยแนะนำตัวเองเลย” ผมทำหน้าแบบหนูไม่รู้หนูไม่ผิด “หรือจะให้เรียกว่าคุณน้องสาวดีล่ะครับ? ไหนๆหน้าตาคุณเจ้าชายก็สวยงามพอจะได้อยู่นะ”


“เจ้า!!” อีกฝ่ายตวาดเสียงดังลั่น นั่นยังไม่น่าตกใจเท่า


พรึบ


เงือกหน้าตาฆาตกรกำลังล้อมผมไว้พร้อมกับหอกสามง่าม ส่วนปลายชี้ตรงมาที่คอเกือบ10อัน


ผมส่งยิ้มให้อีกฝ่ายแม้ในใจจะร้องตายแน่ๆ


“พวกเจ้าหยุดนะ!! ถอยออกไปให้หมด!!” คนที่ตวาดหยุดกลับเป็นเงือกน้อยที่นั่งข้างๆ “ท่านพี่จะโมโหอะไรเล่าในเมื่อท่านก็ไม่เคยแนะนำตัวจริงๆ” นี่โดนเด็กดุเลยสมน้ำหน้า “ส่วนพี่โอก็เหมือนกัน มาเรียกท่านพี่แบบนี้ได้ยังไง เห็นแบบนี้ท่านพี่ก็อายุมากกว่าพี่โอเยอะนะ”


ง่ะ เค้าก็โดนด้วยหรอ เพราะโดนฟิลันดุคราวนี้ทั้งผมทั้งไอ้คุณเจ้าชายเลยนั่งจ๋อยหงอยสงบเสงี่ยมเจียมตัวทั้งคู่เลย เราทั้ง3นั่งก้มหน้ากินไอ้ของตรงหน้าเงียบๆ


“....ฟรานส์”


“ชื่อของข้าคือ ฟรานส์ อโรวาเนีย รัชทายาทแห่งอาณาจักรแฟรีเซียร์” เจ้าชายที่นั่งเงียบอยู่ดีๆก็เอ่ยขึ้นอย่างเต็มยศ “แล้วเจ้าล่ะคนต่างถิ่น ชื่ออะไร มาจากไหน?”


ผมอ้าปากตกใจเพราะการแนะนำตัวของอีกฝ่าย และนอกเหนือจากนั้น


ผมจะแนะนำตัวยังไงดีละวะ ในเมื่ออีกฝ่ายระบุมาซะแบบนี้


ดูท่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าผมลำบากใจ เพราะรอยยิ้มของเจ้านั่นดูจะเป็นต่อขึ้นทันที เจ้าตัวกอดอกมองตรงมาที่ผมทำท่าสนใจเต็มที่ “ว่ายังไงล่ะ”


“ผมชื่อ โอเชี่ยน....ส่วนมาจากไหน.....ไม่รู้เหมือนกัน”


“หา ตัวเองมาจากไหนก็ไม่รู้นี่นะ เจ้าเกิดจากปลิงทะเลหรือไง”


ปลิงทะเล ไอ้ตัวหน้าตาเหมือนหนอนดำๆอวบๆน่ากลัวนี่นะ จะบ้าหรอฟระ!!


“ก็มันจำไม่ได้ จะให้ตอบได้ยังไงเล่า!” ผมขุดวิธีเอาตัวรอดแบบหนังในทีวีทันที ซึ่งก็ได้ผลเพราะไอ้คุณฟรานส์เลิกคิ้วอย่างเห็นได้ชัด


“จำไม่ได้?”


“ใช่ บอกตรงๆ ขนาดเมืองของนายฉันยังไม่คุ้นเลย”


เจ้าตัวพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะกวักมือเรียกเงือกที่ยืนอยู่ด้านหลังเข้ามาใกล้ซึ่งผมก็พึ่งสั่งเกตว่าอีกฝ่ายดูโดดเด่นกว่าทหารเงือกตัวอื่นอย่างเห็นได้ชัด ผิวสีเงิน กับหน้าตาคมเข้ม คิ้วหนา ผมสีเทาเข้มถูกมัดรวบไว้ด้านหลัง


ฟรานส์กระซิบกับเงือกตัวนั้นก่อนที่ อีกฝ่ายจะสั่งให้เงือกที่เฝ้าอยู่ในห้องทั้งหมดออกไปรอด้านนอกรวมถึงฟิลันด้วย


“ข้ามีอะไรจะถามพี่โอของเจ้าสักหน่อย รับรองว่าเขาจะไม่เป็นอันตราย” ได้ยินแบบนั้นฟิลันจึงยอมออกไปจากห้องอาหารแต่โดยดี


พอเมื่อทั้งห้องเหลือเพียงพวกเรา3ตัว “เอาล่ะ! ซินบอกเจ้านั่นไปซิ”


“ส่วนผสมของสาหร่ายสังเคราะห์ มาจากเครื่องเทศหลากสี ซึ่งที่ท่านโอเชี่ยนพูดถึงนั้นมันถูกเรียกว่าพริกไทยอย่างที่ว่า แต่...................มันเป็นเครื่องเทศของมนุษย์” ผมพยักหน้าหงึกหงัก ก็ตรงตามที่ผมรู้นี่


“ในหมู่ชาวเงือกทั่วไปเราเรียกมันว่าเครื่องเทศสีเทา จะมีก็แต่คนที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์เท่านั้นที่รู้ชื่อเต็มๆของมัน”ได้ยินแบบนั้นผมก็แทบสำลักน้ำลายตัวเอง


“แสดงว่าเจ้าต้องเกี่ยวข้องไม่ว่าทางใดทางหนึ่งกับราชวงศ์” ผมฟังแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายดังเอือก “เอาล่ะมีอะไรจะพูดต่อไหม?”


จะให้พูดต่อยังไงละฟระ ตรูรู้จักราชวงศ์ใต้น้ำนี่ซะที่ไหน “ไม่รู้ เรื่องนั้นฉันไม่รู้จริงๆ”


“อ่อ แล้วข้าลืมบอกไปอีกอย่าง...” ฟรานส์ตอนนี้หันมายิ้มให้ผม ซึ่งดูแล้วมันเหมือนรอยยิ้มประหารมาก “สาหร่ายสังเคราะห์ถูกพัฒนาขึ้นมาเฉพาะในแฟริเซียร์จะมีเฉพาะในวังแห่งนี้ มันเป็นของที่หาได้จากที่นี่เท่านั้น”


ในหัวผมกำลังร่ำร้องอยู่คำเดียว ซวย ซวยชัดๆ ใครจะไปรู้ว่าไอ้เม็ดแมงลักยักษ์นั่นเป็นสินค้าโอทอปของเมืองนี้


“เอาล่ะ ตกลงบอกมาได้หรือยังว่าเจ้าเป็นสายให้เมืองไหน และใครเป็นสายลับในวังแห่งนี้!”


.


.


“ฉันไม่ได้เป็นสายลับให้เมืองไหนทั้งนั้น”


“โกหก!! อย่าคิดนะว่าฟิลันถูกใจเจ้าแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไร”


“ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น” ริมฝีปากเม้มแน่นด้วยความลำบากใจ ผมต้องเดิมพันกับประโยคที่กำลังจะพูดต่อไปนี้ว่ามันจะทำให้เรื่องดีขึ้นหรือยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิม “นายด้านหลังนั่นพูดเองว่า มันเป็นเครื่องเทศของมนุษย์”


“แล้วยังไง?”


“เพราะอย่างนั้น นอกจากเมืองของนายที่รู้ชื่อพวกนี้ สิ่งมีชีวิตอีกประเภทที่รู้จักพวกมันก็คือ มนุษย์ ไง”


...


สิ้นคำพูดความเงียบก็เข้าปกคลุม เงือกทั้งสองมองผมด้วยแววตาเบิกกว้าง


“หมายความว่า...” เสียงทุ้มของอีกฝ่ายค่อยๆเอ่ย “เจ้าซึ่งเป็นเงือกทรยศเผ่าพันธุ์เป็นสายให้กับมนุษย์!!”


โว้ยยยย ตีความออกอ่าวเปอร์เซียไปเลย


“จะบ้าหรอฟระ!!” ต่อให้ตรูเป็นคนจริงก็ไม่ได้บอกว่าจะขายเงือกให้ใครโว้ย “ตรูไม่เคยทรยศใคร!! แค่เคยกินเคยเห็น เลยรู้จักเข้าใจกันไหมโว้ยยย”


ผมยกสองมือขึ้นมาขยี้หัวจนยุ่ง ไม่รู้จะอธิบายให้ไอ้เงือกขี้ระแวงตรงหน้าทั้งสองตัวเข้าใจยังไงว่าผมไม่ได้คิดมาล้างเผ่าพันธุ์อะไรทั้งนั้นล่ะ ผมแค่หลงมา หลงแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย


“ถ้าพวกนายไม่เชื่อ จะจับตาดูก็ทำไป หรือจะจับโยนเข้าคุกอีกทีก็ทำไป ชั้นขี้เกียจอธิบายแล้ว!!”
ทั้งคู่ดูอึ้งกับอาการฟิวส์ขาดของผม


“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้น” ฟิลันชะโงกหน้าเข้ามาในห้อง อย่างไม่มั่นใจนัก และมองมายังผมที่นั่งกอดอกอยู่ แต่ ณ.เวลานั้นผมเลือกที่จะหลบตาอีกฝ่ายเพราะถ้าฟรานส์เลือกที่จะจับผมโยนเข้าไปในคุกอีกครั้งฟิลันต้องร้องไห้โวยวายแหง


ซึ่งบอกตรงๆว่าผมไม่อยากเห็น


“....ไม่มีอะไร มาพาเพื่อนเจ้ากลับห้องพักไปเถอะ” ผมมองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็พอจะนึกได้ว่าเจ้าตัวคงใช้วิธีประนีประนอมด้วยการจับตาดูแทนที่จะสั่งขังแต่ช่างเถอะ จะทำอะไรก็ทำ


ฟิลันจูงมือผมว่ายกลับมาทางเดิม “พี่โอ มันเกิดอะไรขึ้น”


ผมได้แต่ส่ายหัว “ไม่มีอะไรหรอก พี่ของฟิลันแค่ถามอะไรพี่โอนิดหน่อย”


เงือกน้อยมองผมด้วยความสงสัย แต่ผมเลือกที่จะไม่ตอบอะไรทั้งนั้น ผมเหนื่อยใจเต็มทีตอนนี้ผมไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว


.


.


ปัจจุบันผมก็ยังนอนขดตัวกลมอยู่บนเตียงเปลือกหอยตามเคย ปล่อยให้เวลาไหลไปเรื่อยๆ


หลังจากวันนั้นผมก็เอาแต่ขลุกอยู่ในห้อง นอกจากเวลาอาหารแล้วผมแทบจะไม่ได้ออกไปไหน แม้แต่ฟิลันผมก็แทบไม่ได้พบ เจ้าตัวต้องเรียนมากขึ้นเพื่อประโยชน์สำหรับอนาคตในฐานะเจ้าชาย


ส่วนฟรานส์ก็ไม่ได้พูดอะไรเจ้าตัวจะเข้ามาทำแผลให้ผมวันละครั้ง ซึ่งก็พึ่งถูกแกะออกไปเมื่อวาน ผมคิดว่าคงจะไม่ต้องเจอหน้าอีกฝ่ายอีก เพราะถึงแม้เจ้าตัวก็ไม่ได้แสดงความเป็นปรปักษ์มากกว่าที่เคย แต่เจ้าตัวจะไม่ได้แสดงท่าทีเป็นมิตรกับผมนัก


เรียกว่าเสมอต้นเสมอปลายได้สุดๆเลยล่ะ


จะว่าไป มันก็ควรถึงเวลาที่ผมจะกลับไปยังที่ๆผมเคยอยู่เสียที ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาอาศัยคนอื่นอยู่แบบนี้ แผลก็หายแล้ว ฟิลันก็กลับถึงบ้านพร้อมกับดูสงบลงได้เยอะดูจากวันแรกๆที่ติดผมเป็นตังเมแล้วและอีกไม่นานเจ้าตัวก็คงต้องทำหน้าที่ให้สมกับเป็นเจ้าชายที่ดี ไอ้เงือกลูกผีลูกคนอย่างผมก็ควรจะต้องไปเสียที


บางทีผมควรจะต้องขอแผนที่ ถามทิศทาง หรืออะไรที่ระบุทางที่ผมจะกลับขึ้นบกได้แล้ว แม้จะยังตอบตัวเองเรื่องหางไม่ได้ก็เถอะ


นึกแล้วมือก็ค่อยๆไล้ปลายหางสีไข่มุกที่เหมือนผ้าโปร่งเบาๆ


อะไรที่ทำให้ผมกลายสภาพมาเป็นแบบนี้


คิดจนปวดหัว แต่ในเมื่อยังทำอะไรไม่ได้ ผมก็กลับไปทำตัวประหนึ่งหอยขม ขดตัวเป็นก้อนกลมเหมือนเดิม ตาค่อยๆปรือลงช้าๆ ทว่าก่อนที่กำลังจะหลับผมสัมผัสได้ถึงฝ่ามืออุ่นลูบที่หัวของผมแผ่วเบา


มันคงจะเป็นความฝัน เพราะคนที่อ่อนโยนกับผมในเมืองแห่งนี้มีแค่ฟิลันเท่านั้น แต่ผมก็มั่นใจว่าฟิลันจะไม่โผล่มาในเวลานี้แน่
ช่างเถอะตอนนี้ผมขออาศัยไออุ่นนั่นสักพักแล้วกัน ก่อนที่ผมอาจจะต้องรบกับฟรานส์อีกครั้ง เพราะจะหาทางกลับบ้านตัวเองนี่ล่ะ
   

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
โถ พี่โอช่างอาภัพนัก แสดงว่ามนุษย์กลายร่างเป็นเงือกนี่ คงเป็นตำนานในหมู่เงือกสินะ

แม่มดในท้องทะเลอยู่ไหนเนี่ย

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
แม่ของโอเชี่ยนเป็นเงือกป้ะ? แล้วเจ้าตัวก็เป็นลูกครึ่ง พอครบรอบวันเกิดก็กลายเป็นเงือกอะไรแบบนี้  :z2:

ออฟไลน์ mymine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • FaceBook
ตอนที่5


ทำไมวันนี้ผมรู้สึกตามันกระตุกแปลกๆวะ…
   

เริ่มจากผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าและทานอาหารเช้าร่วมกับเจ้าชายทั้งสองตามปกติ แต่สิ่งที่มันไม่ปกติเลยคืออยู่ดีๆฟิลันก็พูดขึ้นว่า “พี่โอวันนี้ออกไปเที่ยวในเมืองกันนะ”


ผมซึ่งกำลังเคี้ยวสาหร่ายสังเคราะห์หงับๆอยู่ต้องหันไปมองคนน้องด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเหลือบตาไปมองคนหน้าบูดข้างๆ “พี่ออกไปได้หรือ?”


ฟิลันยิ้มกว้างน่ารักพยักหน้าหงึกหงัก “ฮะ วันนี้ข้าไม่มีเรียนแล้วก็ขอท่านพี่แล้ว ไม่มีใครกล้าขวางหรอก”


ได้ยินแบบนั้นผมก็หันขวับไปยังคนพี่ที่ตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาจ้องเขม็งผม เฮ้ยๆอย่ามาโทษกันนะ เอ็งบังคับน้องตัวเองไม่ได้ไม่ใช่ความผิดตรูนะโว้ย


“แน่ใจหรือ..” ไอ้ผมก็นอนเบื่อมานานอยากไปเที่ยวเล่นอยู่แล้ว แต่ไอ้ครั้นจะเอาตัวเองฝ่าเงือกทหารออกไปก็ใช่ที่ แต่ละตัวล่ำๆทั้งนั้น
เงือกน้อยตรงหน้าไม่ตอบแต่ตรงเข้ามาดึงมือผมลากออกไปเลย “ท่านพี่ไว้ข้ากลับมาตอนเย็นๆนะ!” 


.


.


.


สงสัยผมจะคิดมากเกินไป


เพราะตอนนี้ผมพูดได้คำเดียว น่าตื่นตาตื่นใจโคตร!!!


คือไอ้ตอนผมมาถึงที่นี่ครั้งแรกดันมาแบบโดนหิ้วมาทั้งยังสลบอยู่อะนะ เลยไม่ได้เห็นอะไรเกี่ยวกับเมืองนี้นัก นอกจากในปราสาทกับคุก พอได้มาเดินในตัวเมืองแบบนี้


สุดยอด!!!........แม่สาวเงือกเต็มไปหมด!!!


หันไปทางซ้ายก็แตงโมเนื้องาม หัวไปทางขวาก็บั้นท้ายสวยสด โอ้ยฟินมาก


หรือจริงๆแล้วไอ้ฟรานส์ไม่ยอมให้ผมเข้ามาในเมืองเพราะห่วงสวัสดิภาพของประชากรเงือกสาววะ?


นี่โชคดีนะว่าอยู่ในน้ำอยู่แล้ว ไม่งั้นคงได้เห็นคนยืนน้ำลายยืดกันบ้างละน่า


“พี่โอเป็นอะไรทำไมทำหน้าแปลกๆ”


...


โอเค ผมรู้แล้วว่าถึงไม่มีน้ำลายหยดแต่หน้าผมมันก็คงจะหื่นน่าดู ผมเลยแก้เก้อด้วยการเปลี่ยนประเด็นอย่างไว “เมืองสวยนะนี่”


“แน่นอนฮะเมืองแฟรีเซียร์เป็นเมืองที่สวยที่สุดในเมืองทั้ง7เลย” ฟิลันยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจยามพูดถึงเมืองตัวเองซึ่งแม้ผมจะไม่เคยเห็นเมืองอื่นๆแต่ก็พูดได้เต็มปากเลยว่าที่นี่สวยมากจริงๆดีไม่ดีจะสวยกว่าหลายๆที่บนบกด้วยซ้ำ


ที่พักอาศัยของชาวเงือกทำมาจากแผ่นหินวางเรียงต่อกันเป็นทรงคล้ายตึก บางหลังสูงมากกว่าหนึ่งชั้น บางแห่งถูกวางเล่นระดับจนมีลักษณะคล้ายหอคอย ภายนอกถูกตกแต่งด้วยหินสีและหินประหลาดขนาดเล็กที่มีแสงเรืองรอง ปะการังและต้นไม้ทะเลถูกวางแซมรอบๆ เมื่อรวมกับน้ำใสสีฟ้าและเหล่าปลาน้อยแหวกว่ายแล้วทำให้ภาพออกมาเหมือนฝัน


เงือกน้อยตัวข้างๆลากผมไปดูแผงตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้าง ดูเหมือนชาวเมืองที่นี่จะนิยมชมชอบเครื่องประดับจำพวกกำไลข้อมือและสร้อยคอมากพอดู หินหลากหลายสีรวมถึงไข่มุกถูกเรียงร้อยต่อกันจนเป็นสร้อยสวย แต่น่าแปลกที่ๆนี่ไม่ยักกะมีแหวน


“ฟิลันเงือกที่นี่เขาไม่ใส่แหวนกันหรือ”


“แหวน? เราไม่นิยมเท่าไหร่ฮะ เพราะมันทำจากพวกสาหร่ายดูเรียบๆ ที่นี่เราชอบอะไรที่ออกจะแวววาวมากกว่า”


เห เงือกนี่รู้จักแหวนที่ทำจากสาหร่ายแค่นั้นหรอ?


ได้ยินแบบนั้นผมจึงหันไปขอซื้อหินสีจากคนขายเม็ดนึงและสายสร้อยที่มีลักษณะเหมือนลวดแบบเดียวกับที่ใช้ร้อยทำสร้อยคอ


ผมค่อยๆเอาลวดรัดตัวหินเอาไว้ให้แน่นหนากันหลุด หลังจากลองพลิกไปพลิกมาเห็นว่าแน่นดีแล้ว ผมก็หันไปดึงนิ้วของเงือกข้างตัวมาใกล้ๆ


นิ้วกลางละกัน ขืนไปพันนิ้วนางจะกลายเป็นว่าผมขออีกฝ่ายแต่งงานเปล่าๆ ฮา


คิดแบบนั้นผมก็เลยเอาลวดที่มีหินติดพันเข้าไปที่นิ้วของฟิลันกะเอาว่าไม่ให้รัดแน่นมากนักพอให้เจ้าตัวดึงถอดได้ “อ่ะ เรียบร้อย นี่ก็แหวนเหมือนกัน” อีกฝ่ายดูจะชอบใจและสนใจสิ่งที่ผมทำอย่างเห็นได้ชัดเห็นได้จากรอยยิ้มกว้างและแก้มที่อมชมพูมากกว่าเดิม


“สวยดีจังพี่โอ ข้าไม่นึกนะว่ามันจะเอามาทำแบบนี้ก็ได้”


เห็นฟิลันชอบใจแบบนั้นผมเลยยิ่งนึกสนุก กลายเป็นมหกรรมผลิตเครื่องประดับโอทอปแห่งชาติไป


จากแค่แหวนก็ลามออกมาเป็นที่ติดผม สร้อยข้อมือ สร้อยคอ สร้อยข้อเท้าหางตามแต่หัวผมจะครีเอตออกมาได้ เงือกสองตัวเล่นสนุกกันโดยไม่ได้มองเลยว่า เงือกที่อยู่รายล้อมเริ่มสนใจสิ่งที่เรากำลังทำ และเริ่มเข้ามาสุมหัวดูจนกลายเป็นเงือกมุงไปเสียฉิบ กว่าผมจะรู้ตัวก็มีเงือกสาวๆหุ่นเชฟบะมายื่นหินสีขอให้ช่วยพันให้บ้าง


ขอค่าทำเป็นหอมแก้มคนละจุ๊บได้ไหมเนี่ย


เงือกบางตัวตรงเข้ามาขอเรียนวิธีทำเองบ้าง พออีกหลายตัวเห็นก็ตรงเข้ามารุมมะตุ้มผมกันใหญ่ ไอ้เราก็นึกสนุกเลยอธิบายความหมายของเครื่องประดับแต่ละอันไปไม่น้อย ใส่สีตีไข่ซะก็เยอะ อย่างแหวนนี่ไว้สำหรับมอบให้คู่แทนใจ สร้อยข้อหาง(?)นี่เหมือนกับบอกว่าคุณเป็นของผม เงือกสาวแต่ละตัวเลยมีแววตาเป็นประกาย ดูท่าทางจะหมายมั่นปั้นมือว่าจะหาไปมอบให้หนุ่มที่หมายตา หรือไม่รู้ว่าจะบังคับให้หนุ่มสรรหามาให้ตัวกันแน่


ว่าแต่ไม่มีใครสนใจหมั้นคนสอนทำซักคนเลยหรือฟระ


ขณะที่กำลังสนุกอยู่กับชมรมแม่บ้านทหารบก นัยน์ตาของผมก็เหลือบไปเจอหินสีก้อนหนึ่งเป็นสีฟ้าใส พาลให้นึกถึงหน้าใครบางคนขึ้นมาตงิด เลยขอซื้อมาจากแม่ค้าเงือกอีกก้อน แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธและบอกว่าให้เลือกที่ชอบไปได้เลย ถือเป็นค่าสอนและค่าที่ทำให้เธอขายหินสีได้กำไรดีขนาดนี้


ผมก็เลยไม่ขัดศรัทธาด้วยการเลือกหินก้อนที่ว่ากับหินเล็กๆอีก2-3ก้อนกับลวดพันอีก2-3เส้น กะว่าจะพันให้มีลูกเล่นมากกว่าเดิมหน่อย


“พี่โอ! แอบทำอะไรอยู่”เสียงฟิลันดังขึ้นแบบกะทันหันทำเอาผมที่กำลังร้อยแหวนอยู่ดีๆสะดุ้งเฮือก


“โถ่...ฟิลันเสียงดังซะพี่ตกใจหมด”


“อั่นแน่ พี่แอบทำแหวนให้ใครหรือ”ฟิลันทำหน้ามีเลศนัยแปลกๆ “โอ๊ะ!แบบนี้สวยดีจัง สวยกว่าที่พี่โอทำให้ข้าอีก สีหินก็เหมือนดวงตาของท่านพี่ด้วย”


รู้อีกแหนะ เห็นตัวเล็กๆแบบนี้แต่ประมาทไม่ได้เลยนะนี่ ทั้งที่สองพี่น้องตาก็เป็นสีฟ้าเหมือนกัน ถึงจะต่างกันตรงที่สีตาของฟรานส์ดูจะใสและจางกว่า แต่ไอ้เด็กนี่เดาได้ไงว่าผมตั้งใจจะทำออกมาเพราะนึกถึงสีตาของฟรานส์


เฮ้ย!!ไม่สิ ผมไม่ได้กะจะให้อีกฝ่ายนะ ผมแค่ตั้งใจจะทำใส่เองต่างหาก


ผมเลยแก้เก้อด้วยการชวนเงือกตัวจิ๋วไปเดินเล่นตรงอื่นนอกจากตลาด ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมแต่โดยดี ฟิลันว่ายนำเข้าไปตรงนั้นตรงนี้พร้อมกับบรรยายจุดเด่นไปเรื่อย ดูแล้วก็สงบสุขดีไม่มีเหตุการณ์ระทึกอะไรใช่ไหมครับ


แต่ผมคิดผิด


ในขณะที่ฟิลันนำผมไปทุ่งปะการังแดงที่เจ้าตัวเคยผ่านเข้าไปก่อนที่จะหลงทางไปเจอผม เราทั้งคู่กลับต้องชะงักนิ่ง


รอบตัวพวกเราถูกรายล้อมไปด้วยเงือกหลายๆขนาด แต่ขนาดตัวเล็กกว่าผมทั้งหมด นั่นทำให้ผมเลิกคิ้วด้วยความสงสัย และเมื่อเหลือบมองสีหน้าของคนข้างตัวแล้ว...


ไอ้พวกนี้สินะที่หลอกพาฟิลันไปปล่อยกลางมหาสมุทร


“ไงละเจ้าชายไม่นึกว่าจะกลับมาได้อีกนะ” เงือกตัวที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มและดูเหมือนจะเป็นหัวโจกกล่าวยียวนขึ้น ทำเอาผมจ้องด้วยความสนใจ


ทั้งที่ฟิลันมีศักดิ์เป็นถึงองค์ชายแต่ทำไมพวกนี้กลับไม่ให้ความเคารพอย่างที่ควรจะเป็น


ฟิลันจ้องเขม็งอีกฝ่ายด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว ไม่เหลือเค้าเงือกน้อยน่ารักที่ผมเห็นมาตลอดเลย “แล้วยังไงคาไลท์ ตอนนี้ข้าก็กลับมาได้แล้วไง แล้วพวกเจ้ายังมีอะไรข้องใจอีก”


ได้ยินแบบนั้นอีกฝ่ายก็ประสานเสียงหัวเราะ “กลับมาได้ เพราะมีคนไปรับนี่นะ ถ้าเจ้าชายฟรานส์ไม่ไปรับเจ้ากลับมา มีหรือเจ้าจะมายืนลอยหน้าลอยตาแบบนี้”


ฟิลันก้มหน้านิ่ง นั่นทำให้ผมไม่ชอบใจนัก ดูเหมือนไม่ว่าจะมนุษย์หรือเงือกก็ไม่ต่างกันสักนิด ถึงจะมีคำพูดว่าปลาใหญ่กินปลาเล็ก คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะอยู่รอดก็ตามทีเถอะ


แต่นี่มันยังเร็วเกินไปสำหรับเงือกที่ยังอายุไม่ถึง15ขวบแบบนี้


“เจ้าน่าจะสำนึกตัวเองได้ซักทีว่าตัวเองอ่อนแอแค่ไหน นี่ถ้าไม่มีท่านฟรานส์ที่เป็นพี่ชายคอยปกป้อง ป่านนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง”


เงือกน้อยข้างตัวกำมือแน่นจนเล็บแทบจะจิกลงไปในฝ่ามือ ผมเห็นสีหน้าเจ็บปวดจากคำพูดของอีกฝ่าย


และนั่นทำให้อะไรบางอย่างในหัวผมขาดผึ่ง


“นี่ไอ้พวกเด็กไม่มีหัวคิด...” ผมคว้ามือฟิลันมากุมไว้ “รู้หรือเปล่าว่าการพูดพล่อยๆของพวกแกทำให้เด็กคนนี้ต้องเจอกับอะไร...”


ไอ้กลุ่มเด็กตรงหน้าที่สนใจแต่จะรังแกฟิลันหันมาสนใจผมในที่สุด ดูเหมือนหัวโจกจะเห็นตำแหน่งมือของผม และเจ้าเด็กเงือกที่ชื่อคาไลท์มีสีหน้าท่าทางไม่พอใจมาก


“แกบอกว่าฟิลันอ่อนแอ แต่พวกแกรู้หรือว่าเปล่าว่าฟิลันช่วยคนที่บาดเจ็บไว้ พวกแกรู้หรือเปล่าว่าฟิลันไม่ยอมทอดทิ้งคนที่บาดเจ็บแม้จะถูกฝูงฉลามไล่เกือบตาย” ได้ยินแบบนั้นเงือกแต่ละตัวก็หน้าซีดพร้อมกับฟิลันที่บีบมือผมแน่นขึ้น แน่ล่ะ เงือกเด็กขนาดนี้ไม่น่าจะมีภูมิคุ้มกันในการเจอฉลามมากนักหรอก ขนาดมนุษย์ผู้ใหญ่ที่แสนทระนงกับเผ่าพันธุ์ของตัวเอง คนที่เอาตัวรอดจากสถานการณ์แบบนั้นได้ยังมีไม่มากเลย สำหรับผมฟิลันก็ถือว่ากล้าและคงสติได้ดีพอสมควรแล้ว


“ห หนวกหูน่า แล้วเจ้าเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วย”


“เกี่ยวอะไรนะหรอ?” ผมเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางที่คิดว่ายียวนกวนบาทามากที่สุด “เพราะฉันคือที่ถูกฟิลันช่วยไง”


พูดเสร็จผมก็ช้อนตัวฟิลันขึ้นมาอุ้มไว้เหมือนอุ้มเด็กตัวเล็กๆ เจ้าตัวกอดคอผมแน่นซบหน้าลงกับไหล่น้ำตาไหลพราก แน่นอนว่าสิ่งที่ฟิลันเจอในวันนั้นสร้างความหวาดกลัวให้เจ้าตัวมาก และเจ้าตัวก็อุตส่าห์ทนจนผ่านพ้นมันไปได้แล้ว


แต่ไอ้เด็กพวกนี้กลับมารื้อฟื้น


ผมจ้องหน้าคาไลท์ที่ตอนนี้ยืนหน้าซีดกระสับกระส่าย เหลือบมองมาที่เงือกในอ้อมกอดด้วยแววตาเป็นห่วง สลับกับหันมาจ้องผมด้วยแววตาไม่เป็นมิตร


พฤติกรรมแปลกประหลาดนั่นทำให้ผมฉุกคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมา


ผมยกมือขึ้นลูบหัวฟิลันเบาๆก่อนจะหอมเข้าที่ข้างขมับ ‘ไม่เป็นไรนะพี่โออยู่นี่แล้ว’ ผมกระซิบบอกเงือกในอ้อมแขนเบาๆ และนั่นทำให้อีกฝ่ายทนไม่ได้


“ปล่อยเจ้านั่นเดี๋ยวนี้นะ!!”


ผมเลิกคิ้วก่อนจะยอมทำตามคำขออีกฝ่ายแต่โดยดี “ฟิลันลงก่อนนะ” ทว่าตัวเงือกในอ้อมแขนผมนี่ล่ะที่ไม่ยอม เจ้าตัวส่ายหน้าอู้อี้ทั้งที่ยังเกาะคอผมแน่น เดาว่าคงไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นน้ำตาและความอ่อนแอของตัวเอง


และนั่นยิ่งกระตุ้นอารมณ์หงุดหงิดของเจ้าคาไลท์เข้าไปใหญ่


“เจ้าเป็นใครกันแน่! อยู่ดีๆมาอยู่กับฟิลันได้ไง!!”


“ฉันนะหรือ... พอดีว่าเพราะใครบางคนที่นี่เป็นเด็กไม่ดี...เพราะใครบางคนที่นี่ปากกับใจไม่ตรงกัน... เพราะใครบางคนส่งคนที่ตัวเองชอบออกไปเผชิญอันตราย ฟิลันเลยเรียกฉันมาจากโลกภายนอกไง!”


“หมายความว่ายังไง” ไอ้เด็กตรงหน้ายืนหน้าซีดมองผมด้วยแววตาหวาดหวั่นซึ่งนั่นตรงกับความต้องการผมพอดี


“ฉันไม่ได้อยู่ที่เมืองแห่งนี้ ฉันมาจากที่แห่งหนึ่งซึ่งไกลแสนไกลและอันตราย รู้ไหมที่นั่นเขาจะลงโทษเด็กไม่ดี ด้วยวิธีเอาผ้าประหลาดสารพัดสีมามัดตามตัวตั้งแต่หัวจรดหางจนหายใจไม่ออก เอาน้ำข้นเหนียวสีแดงมาราดตามตัวจนมีแมลงเล็กๆมากัดไปทั่ว เอาไฟรมควันทำพิธีสาปแข่ง ขูดเนื้อเถือหนัง”...ใครจะเชื่อว่าทั้งหมดผมโม้ มันมีจริงซะที่ไหน!! ผมก็แค่เอาความเชื่อของประเทศสารขัณฑ์มาดัดแปลงให้มันดูน่าสยองขวัญแค่นั้นล่ะ อย่างการเอาผ้าสามสีพัน เซ่นไหว้ขูดขอเลขเด็ด


แน่นอนว่าไอ้พวกเด็กตรงหน้าย่อมไม่รู้หรอกว่ามันมีจริงหรือไม่ แต่ดูจากสีหน้าหวาดหวั่นแล้วดูเหมือนแต่ละคนจะเชื่อสิ่งที่ผมพูดอย่างไม่มีข้อแม้


“และตอนนี้ฉันก็เจอเด็กไม่ดีพวกนั้นแล้ว และฉันก็จะมาพาเจ้าตัวไป!!” ได้ยินแบบนั้นเด็กแต่ละก็ก็หนีกันกระเจิงร้องไห้เรียกหาแม่กันใหญ่ ผมหัวเราะกับท่าทางหวาดกลัวของอีกฝ่าย แต่เมื่อผมมองลงไปตรงอกของผม ผมกลับหัวเราะไม่ออก


ฟิลันที่เกาะอยู่กับอกผมกลับร้องไห้ตัวสั่นหนักกว่าเก่า เจ้าตัวดูจะหลงเชื่อคำพูดของผมเหมือนไอ้เด็กพวกนั้น


นี่เราก็เชื่อที่พี่โม้หรือเนี่ย!


แต่ยังไม่ทันที่จะดึงเจ้าตัวขึ้นมาอธิบาย ฟิลันก็สะบัดตัวหนีมือของผมเสียก่อน แรงกระแทกจากปลายหางที่สะบัดโดนข้างแก้มทำให้มือของผมชะงักอย่างช่วยไม่ได้


“ฟิลัน...”


“พี่โอ คือ...ข้า” อีกฝ่ายเริ่มรู้สึกตัวว่าตัวเองทำอะไร พยายามจะว่ายกลับเข้ามาหาผม ทว่ายังไม่ทันถึงตัวก็โดนฝ่ามือใครบางคนกระชากเสียก่อน


“ฟรานส์...”


“เจ้าทำบ้าอะไร!!” พูดเสร็จเจ้าตัวก็ฉุดกระชากผมให้ว่ายตามเจ้าตัวกลับปราสาท ผมที่กำลังอึ้งจึงถูกลากไปมาแต่โดยดี จน
กระทั่งกลับมาถึงห้องที่ผมพัก


ฟรานส์เหวี่ยงผมลงไปบนโซฟา ก่อนจะจ้องด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว “เจ้าไปเล่าอะไรบ้าๆให้น้องข้า ให้เด็กพวกนั้นฟัง!!”


ผมที่กำลังช็อกกับปฏิกิริยาตอบรับของฟิลัน คนๆเดียวที่ผมรู้สึกไว้ใจได้ในที่แห่งนี้ คนๆเดียวที่ยังคงปฏิบัติกับผมอย่างดี “ฉัน...แค่อยากจะขู่พวกนั้น อยากให้พวกนั้นเลิกรังแกฟิลัน”


ฟรานส์คว้าไหล่ของผมบีบจนแน่นจนเจ็บไปหมด “แล้วทำไมเจ้าต้องขู่ด้วยวิธีแบบนั้น!! รู้ไหมว่าสิ่งที่เจ้าพูดมันน่ากลัวแค่ไหน ....เจ้ากำลังทำตัวเหมือนมนุษย์ ปฏิบัติตัวน่ารังเกียจเหมือนพวกมันได้หน้าตาเฉยเจ้ารู้บ้างไหมว่าคนที่นี่เกลียดและกลัวมนุษย์แค่ไหนกัน!!”

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ง่ะ เป็นเรื่องจนได้

อย่าบอกนะว่าเด็กไปฟ้องพ่อแม่อ่าาาาาาาา

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
โอน่าจะเป็นลูกครึ่งระหว่างมนุษย์กับเงือกละมั้ง ถึงได้กลายเป็นเงือกได้ด้วยเหตุบางอย่าง

ชั้นงง ทำไมเงือกเกลียดมนุษย์  :really2:

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ขำคำว่าประเทศสารขัณฑ์ คึคึ  :m20:
คาไลท์ชอบฟิลันแน่ๆๆ ยิ่งชอบก็ยิ่งแกล้งใช่มั้ยยย
เดาว่าที่เงือกเกลียดและกลัวมนุษย์ต้องเป็นเรื่องร้ายแรงแน่นอน  :a5:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เอาล่ะสิ. ถ้าเกิดความลับแตกแย่แน่ๆเลย
กลัวหางหายกลายเป็นคนจังเลย

รอคลายปริศนากันต่อไป.  :mew1: 

ออฟไลน์ Oo๐FosfoggY๐oO

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 442
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-0
สนุกมากเลยค่า เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะจ้ะ :mew1:

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
โอคงไม่กลับร่างใต้น้ำนะ ^^
ตัดสินใจไม่ถูกจะสงสารโอเพราะคุณพี่หรือคุณน้อง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มาม่าหมูสับ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เรื่องใหญ่แล้วววว  :ling3:

ออฟไลน์ mymine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • FaceBook
ตอนที่6


“รู้ไหมว่าคนที่นี่เกลียดและกลัวมนุษย์แค่ไหนกัน!!”

คำพูดที่ได้ยินทำให้ผมหน้าชา ความเป็นจริงที่ผมหลงลืมไปถูกตบลงบนหน้าผม ว่าภายนอกจะเป็นยังไงแต่ภายในผมก็ยังคงเป็นมนุษย์ ตัวตนที่น่ารังเกียจสำหรับที่นี่


ผมหัวเราะในลำคออย่างช่วยไม่ได้ นั่นสินะ มนุษย์จะไปอยู่ร่วมกับเงือกได้ยังไง คงเพราะผมอยู่ในสภาพนี้มาพักใหญ่เลยลืมสิ่งที่ตัวเองเป็น


“เจ้า..”


“ท่านฟรานส์... ท่านไลอาร์เชิญท่านไปพบนางโดยด่วนเลยครับ” เสียงทหารคนสนิทแทรกเข้ามาในจังหวะที่เจ้าตัวกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง นั่นทำให้คนตรงหน้าชะงัก เหลือบมองผมก่อนที่หันหลังว่ายออกจากห้องไป แต่ก่อนที่เจ้าตัวจะพ้นประตูห้อง


“จะบอกอะไรให้ฟังนะฟรานส์ ไอ้ที่บอกว่าฉันปฏิบัติตัวเหมือนมนุษย์น่ะ เรื่องนั้นไม่จำเป็นเลยสักนิด........”



“เพราะตั้งแต่แรก.... ฉันก็เป็นมนุษย์อยู่แล้ว”


ฟรานส์หันขวับกลับมามองผมด้วยแววตาไม่เชื่อ แต่ผมเพียงยักไหล่ก่อนจะหัวเราะ เจ้าตัวคงคิดว่าผมล้อเล่นจึงกระฟัดกระเฟียดสะบัดตัวออกจากห้องไป ทิ้งผมที่ยังคงหัวเราะสมเพชตัวเองนานพักใหญ่กว่าจะหยุด นัยน์ตากวาดมองไปรอบตัว สถานที่ๆผมอยู่มาเกือบ2อาทิตย์


มันเป็นแค่ความฝันเท่านั้นโอเชี่ยน และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่แกจะลืมตาตื่นได้แล้ว


ผมกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าที่ฝ่ามือ แต่น่าแปลกที่กลับไม่รู้สึกอะไร บางทีอาจจะเพราะมีส่วนอื่นที่เจ็บกว่าก็ได้


กระทั่งผมสังเกตแหวนที่อยู่บนนิ้ว แหวนที่ผมตั้งใจทำขึ้นมาเพราะนึกถึงใครบางคน


ในเมื่อจะไปก็ไม่ควรเหลืออะไรที่ทำให้นึกถึงที่นี่ไว้


ผมบรรจงถอดแหวนวงนั้นวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ก่อนจะว่ายออกจากห้อง ในตอนแรกทหารทำท่าจะเข้ามาขวาง แต่เพราะวันนี้ฟิลันบอกว่าผมได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนได้และยังไม่มีคำสั่งใหม่ ทหารเงือกจึงปล่อยให้ผมว่ายออกไปแต่โดยดี


หลังออกจากตัวปราสาท ผมยังคงสับสนว่าควรจะไปทางไหน จนมาตัดสินใจได้ยามนึกถึงสิ่งที่ฟิลันเล่าให้ฟัง


“ข้าจำได้ว่าออกจากประตูเมืองด้านใต้ ผ่านทุ่งปะการังแดง”


ผมเลยเลือกที่จะว่ายไปตามทางที่ฟิลันบอกไว้ จนกระทั่งถึงพื้นที่โล่งกว้าง ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆทั้งสิ้นนอกจากผืนทรายและหิน
แล้วจะไปทางไหนต่อดีล่ะ


ในขณะที่ผมกำลังหมุนหาทาง กลับมีเงือกหน้าตาไม่คุ้นจำนวนมากมาล้อมผมไว้ด้วยแววตาไม่เป็นมิตร


“ท่านพี่ เงือกตัวนั้นล่ะที่ว่ามันจะทำร้ายพวกข้า” เสียงเจ้าเงือกเด็กที่รังแกฟิลันดังขึ้น ดูเหมือนว่าบรรดาเงือกที่โดนผมขู่ไปจะกลับไปฟ้องครอบครัวของตัวเอง เลยยกโขยงมากันแบบนี้


“แหม พอโดนขู่นิดหน่อยก็แล่นไปฟ้องพี่ ตอนรังแกคนอื่นละไม่คิด”ผมหัวเราะเย้ยหยันในลำคอ “นายเป็นพี่ชายของไอ้เด็กนี่สินะ ทีน้องตัวเองไปหลอกฟิลันให้หลงจนเกือบตายทำไมไม่ลงโทษมัน“


แน่นอนว่าสิ่งที่ผมพูดไปทำให้เงือกแต่ละตัวหันไปค้อนพี่น้องลูกหลานตัวเอง เพราะยังไงฟิลันก็เป็นเจ้าชาย ผมเห็นแต่ละคนโดนคาดโทษต่างๆนานา ก่อนที่ทั้งหมดจะหันกลับมาหาผม


“เรื่องนั้นเราจะลงโทษเอง แต่มันคนละเรื่องกับการที่เงือกนอกรีตอย่างเจ้ามาอยู่ที่นี่”


หืมตั้งชื่อได้ดีแฮะ พวกเงือกก็มีหัวสร้างสรรค์เหมือนกันนะนี่


ผมหัวเราะในลำคอกับชื่อที่อีกฝ่ายเรียก “งั้นพวกนายก็สบายใจได้ เพราะฉันตั้งใจจะออกจากเมืองนี้อยู่แล้ว” ผมพูดพลางจะว่ายแหวกออกไป แต่ทว่าเงือกที่ล้อมผมอยู่กลับไม่เปิดทาง“มีอะไรอีกล่ะ?”


“ท่านพี่ห้ามปล่อยเจ้านั่นไป!! มันจะนำความโชคร้ายเข้ามาในเมืองของเราแน่ถ้าปล่อยให้มันยังมีชีวิต!!” เด็กที่ชื่อคาไลท์ยังคงไม่ยอมง่ายๆ ดูเหมือนว่าผมจะสร้างความเจ็บแค้นให้เจ้านั่นพอดูถึงได้กล่าวหากันส่งเดชแบบนี้


“หึ เป็นเสียแบบนี้ฟิลันถึงได้ไม่เคยสนใจแก เพราะไอ้นิสัยเสียน่าทุเรศแบบนี้ไง”


“จับมันเอาไว้เร็วซี่!!!” ไอ้เด็กนั่นหน้าแดงไปหมด ส่วนผมไม่โง่รอให้พวกนี้มาจับหรอก ผมตัดสินใจกระโจนว่ายหนีออกไปให้ไกลอย่างรวดเร็ว โดยมีเงือกฝูงใหญ่ไล่ตามมา


ผมว่ายออกไปไกลเมืองขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เงือกตัวอื่นก็ติดตามผมอย่างไม่ลดละ จนกระทั่งหนึ่งในนั้นปาหอกสามง่ามเฉียดบริเวณสีข้าง ส่งผลให้เลือดสีแดงไหลออกมาปะปนกับกระแสน้ำ นั่นทำให้ความเร็วของผมตกลง จนพวกนั้นจับผมได้


ผมโดนล็อคแขนทั้งสองข้างลากกลับมากลางวง ในขณะที่เงือกแต่ละตัวมองหน้ากัน ดูเหมือนพวกนี้จะตัดสินใจไม่ได้ว่าจะจัดการผมด้วยวิธีไหน


‘จับโยนลงไปตรงหุบเหวราชันย์ไหม’ เงือกตัวหนึ่งในนั้นเสนอขึ้นและได้รับการตอบรับจากเงือกตัวอื่นๆ ผมถูกลากไปจนพบกับพื้นที่ชะง่อนผาขนาดใหญ่ ที่มีแรงกดกระแทกของน้ำรุนแรง


“กระแสน้ำนี่จะฆ่าแก เงือกทั่วไปไม่มีทางรอดแน่นอน” หนึ่งในนั้นพูดขึ้นก่อนจะลากตัวผมขึ้นไปตรงชะง่อนผาโดยที่มีเงือกตัวอื่นๆมองจากด้านล่าง


ในขณะที่ผมถูกผลักขึ้นปลายหน้าผา เสียงใครบางคนที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินอีกกลับดังขึ้น


“พี่โอ!! พวกเจ้าทำอะไรหยุดนะ!!!!” เสียงฟิลันตวาดพร้อมรีบว่ายน้ำพุ่งตรงมาหาผมทำให้ผมชะงักหันขวับไปหา แต่เจ้าคาไลท์เห็นแบบนั้นก็รีบว่ายขึ้นมาข้างๆก่อนจะผลักผมลงไปในวงกระแสน้ำ


ภาพทั้งหมดตรงหน้าเชื่องช้าลง ภาพฟิลันพยายามพุ่งเข้ามาหา แต่ติดที่มีเงือกตัวอื่นคว้าตัวเด็กคนนั้นไว้เสียก่อน ‘อย่าเข้าไปใกล้นะ ไม่งั้นจะโดนกระแสน้ำสูบไปด้วย!!’ แม้ฟิลันจะพยายามดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ


“พี่โอ!!!!” เสียงกรีดร้องของฟิลันดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ภาพเงือกตรงหน้าทั้งหมดจะหายไป…




หลังจากนั้นผมก็ได้รู้ว่านรกเป็นยังไง แม้จะอยู่ในสภาพเงือก ทว่าผมกลับหายใจแทบไม่ออก แรงดันน้ำที่อยู่รอบตัวทำให้ผมปวดหัวแทบจะระเบิด แรงเหวี่ยงของน้ำที่พาลให้เวียนหัวคอยย้ำซ้ำเติม แขนเหมือนถูกฉุดกระชาก ไม่แม้แต่จะขยับปลายนิ้ว เลือดที่หางไหลออกมาไม่หยุด ผมไม่มีทางจะหลุดออกจากกระแสน้ำนี่ได้เลย ได้แต่ปล่อยให้ตัวเองถูกพัดพาไปเรื่อยๆ พร้อมกับอาการปวดหัวแบบเดิมที่วนเวียนเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า


ผมภาวนาให้ตัวเองขาดใจตายเสียรู้แล้วรู้รอด กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจนแทบไม่มีเสียง นานแค่ไหนไม่ทราบได้ แต่ในที่สุดภาพวุ่นวายที่วิ่งรอบตัวผมก็หยุดลง มีแต่ความมืดมิด


บางทีที่นี่อาจจะเป็นนรกก็ได้...


.


.


.


ปวด


ปวดหัว


ที่นี่ที่ไหนกัน


ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก อาการปวดหัวของผมยังมีอยู่มาก ผมค่อยๆเหลือบมองไปรอบตัว


บรรยากาศมืดอึมครึม ซากอะไรบางอย่างถูกทิ้งทับถมจำนวนมากและถูกปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำสีเขียวแก่ เมื่อรวมกับน้ำทะเลสีเขียวขุ่น ทำให้ภาพตรงหน้าเหมือนมีอะไรบังตาอยู่ตลอด ผมค่อยๆขยับตัวก่อนจะเจ็บแปลบไปทั้งตัว ตรงแผลของผมก็ยังคงมีเลือดไหลไม่หยุด


ผมยังไม่ตาย


ทว่าในสถานการณ์นี้ตายหรือไม่ก็คงไม่แตกต่างกัน


ผมอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้และบรรยากาศก็แย่มาก ผมค่อยๆแหวกว่ายโซซัดโซเซไปตามพื้นหาพวกสาหร่ายทะเลหรืออะไรที่พอใช้ได้มาห้ามเลือดแบบที่ฟิลันทำ


แต่โชคไม่ดีที่บริเวณนี้กลับไม่มีสาหร่ายทะเลเลยสักนิด ไม่สิ จะต้องบอกว่านอกจากตะไคร่น้ำแล้วมันไม่มีพืชน้ำชนิดอื่นเลยมากกว่า จะมีก็แต่เศษซากขยะและกะโหลกคล้ายของมนุษย์


อาจจะเป็นศพคนหรือเงือกที่หลงเข้ามาแถบนี้ก็ได้


ผมในตอนนี้กำลังเจ็บแผลตรงสีข้างมาก มันทำให้อ่อนแรงและว่ายน้ำได้ช้าลงยิ่งกว่าเดิม จนตอนนี้ผมแทบจะลากตัวไปตามพื้นทะเลแทนที่จะว่ายแล้ว


จนสุดท้ายเหลือบไปเห็นพื้นที่ที่มีลักษณะคล้ายถ้ำ ผมจึงพยายามจะตะเกียกตะกายไปหา กระทั่งไปถึงด้านหน้าที่มีโครงกระดูกวางกองเรียงเยอะแยะและที่นั่นแรงของผมที่มีก็หมดลง ผมนอนกองกับพื้น พร้อมกับความรู้สึกสิ้นหวัง


อีกไม่นานผมก็คงจะมีสภาพเหมือนศพพวกนั้น


มาได้แค่นี้สินะ…


ไม่รู้ฟิลันที่ว่ายตามหลังมาจะเป็นอะไรหรือเปล่า...


แล้วยังใครอีกคนที่ไม่รู้ว่าจะดีใจแค่ไหนที่กำจัดผมออกมาได้


ในขณะที่ตาของผมเริ่มปรือลง นึกยอมแพ้ กลับมีอะไรบางอย่างพุ่งออกมาจากถ้ำ พันเข้าที่ปลายหางของผม และลากตัวผมเข้าไปในถ้ำอันมืดมิด โดยที่ผมไม่มีโอกาสแม้แต่จะอ้าปากหรือขยับตัวขัดขืน


.


จนเมื่อโดนลากเข้าไปถึงภายใน ผมจึงได้เห็นนัยน์ตาสีแดงสดสว่างคู่หนึ่งท่ามกลางความมืด มันกำลังจ้องตรงมาที่ผม ทว่าแทนที่จะตกใจกรีดร้อง ผมกลับเลือกที่จะหลับตาลง ยอมรับความตายตรงหน้าแต่โดยดี เพียงภาวนาว่าขออย่าทรมาณนานเกินไปก็พอ


.


.


.


แต่ผ่านไปซักพักแล้วก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากไอ้ความรู้สึกแปลกๆตรงเอวผม นี่มันคืออะไร มันเหมือนมีตัวอะไรดูดหนุบหนับอยู่ทำเอาผมจั๊กกะจี้


“นี่ จะนอนอีกนานไหม” เสียงทุ้มไม่คุ้นหูทำเอาผมที่ยังหลับตาเลิกคิ้วด้วยความงง ไอ้ตัวตรงหน้านี่มีการมาชวนคุยก่อนที่จะฆ่าอีกหรือ เป็นกุสโลบายของสัตว์น้ำแถบหรือเปล่า


มีอะไรบางอย่างนิ่มๆลื่นๆมาดึงหนังตาผม เหมือนพยายามที่จะให้ผมลืมตาขึ้น หรือว่าสิ่งมีชีวิตตรงหน้านิยมกินลูกตาเป็นอาหารละนี่ คิดแบบนั้นผมก็ยิ่งหลับตาแน่น


“วุ้ย ไม่ตื่นซักที แบบนี้ลักหลับซะดีไหม” ได้ยินแบบนั้นตาที่ปิดแน่นของผมก็ลืมโพลงขึ้นมาทันที ผมยอมตายแต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมโดนอะซาดะเฮ่นะเว่ย ยิ่งเสียงอีกฝ่ายนี่ตัวผู้ชัดๆ


และทันทีที่ผมลืมตา ผมก็ต้องอ้าปากค้างจะกรีดร้องรอมร่อ ถ้าไม่มีบางสิ่งยัดเข้าปากผมก่อน มันคือ...


หนวด!!


ปลายหนวดของปลาหมึก!!


ไอ้สิ่งที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่ตรงหน้าผมคือสิ่งมีชีวิตประหลาด ท่อนล่างเป็นปลาหมึกแปดหนวดสีดำม่วง ท่อนบนมีรูปร่างเหมือนคนปกติ เป็นชายหนุ่มร่างกำยำอุดมไปด้วยซิกแพ็ค ดวงตาสีฟ้าเทา ผมสีขาวยาวเคลียไหล่ผิวขาวซีด นั่นทำให้ผมที่ถูกปลายหนวด(ยัด)ปิดปากอยู่พูดไม่ออกเลย


ผมจึงพยายามขยับปากเพื่อบอกให้อีกฝ่ายเอาหนวดออกไปเสียที แต่ไม่สำเร็จผมเลยกัดหนวดของหมอนั่นซะ


“อ๊ะ...” เสียงปลาหมึกยักษ์ตรงหน้ามันฟังดูแปลกๆ มันดูเหมือนออกพร่ายังไงชอบกล


“อ อย่าทำแบบนั้น ข้าจะทนไม่ไหวแล้วนะ อร๊าง~”


ครางหาพ่องหรือวะ!!!


จากที่ผมกำลังหมดแรง ยอมพ่ายแพ้แต่โดยดี มาเจอปลาหมึกโรคจิตแบบนี้ แรงที่เหือดหายกลับล้นปรี่ประมาณคนเจอไฟไหม้ อารมณ์ถึงตายก็ไม่ยอมโว้ย!!!


คิดแบบนั้นไอ้ผมก็ดิ้นพล่านพยายามหาทางหนีจากมือปลาหมึกของอีกฝ่าย ดูท่าอีกฝ่ายจะชอบใจมากด้วยพี่แกเล่นทำหน้าเคลิ้ม


จนสุดท้ายพี่แกยอมดึงหนวดออกจากปากผมแต่ตอนที่ดึงออก กลับมีน้ำสีใสยาวยืดออกมาซะ


ใครก็ได้ช่วยผมที ผมขนลุกขนพองไปหมดแล้ว


“แฮ่กๆ ให้ตายเถอะ ใครจะนึกว่าแค่ชิวหาจะพาเพลินแบบนี้ เทคนิคเจ้าร้ายกาจจริงๆ”


“ใช่ที่ไหนเล่าโว้ย!!”


“เอาเถอะๆ เห็นแบบนี้ข้ารักนวลสงวนตัวนะ อย่ามาทำให้ข้าไขว้เขวจากสุดที่รัก ถึงแม้ข้าจะแอบติดใจฝีไม้ลายมือเจ้าก็เถอะ” แมร่งไอ้ปลาหมึกบ้านี่มันไม่ฟังที่ผมพูดเลยสักนิด เจ้าตัวยอมคลายหนวดที่พันอยู่รอบตัวก่อนจะวางผมลงบนโซฟาสีดำของอีกฝ่าย นั่นทำให้ผมมีเวลาสังเกตรอบตัวว่าตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ในถ้ำแล้ว แต่เป็นที่พักอาศัยรูปทรงประหลาดเหมือนเอาขยะมากองสุมๆ...“ว่าแต่เจ้าเป็นใคร แล้วโผล่มาที่รังรักของข้าได้ยังไง”


ผมที่กำลังตกตื่นใจอยู่ก็ได้แต่ชะงัก ความรู้สึกเจ็บปวดก่อนหน้านี้ย้อนกลับมา “ฉ ฉันหลงมา ที่นี่”


“หือ หลงมาที่นี่อะนะ เจ้าอย่ามาเล่นมุขหน่อยเลย ที่นี่ไม่ใช่ตลาดกลางเมืองที่นึกจะเข้าก็เข้ามาได้ง่ายๆนะ มีเงือกกี่ร้อยกี่พันตัวแล้วต้องสังเวยชีวิตเพราะกระแสน้ำนี้”


ได้ยินแบบนั้นผมก็ได้แต่นิ่งเงียบ เพราะผมเองไม่ได้อยากเข้ามาที่นี่เลยสักนิด และก็ผมตอบไม่ได้เช่นกันว่าตัวเองรอดชีวิตมาได้ยังไง


อีกฝ่ายคงเห็นสีหน้าผมจึงไม่ได้เซ้าซี้อะไรเพิ่ม นอกเสียจาก...“เจ้ามีแผลนี่“ พูดแบบนั้นก่อนจะเอาหนวดตรงเข้ารัดเอวผมอีกรอบ แต่ต่างจากเดิมตรงที่ปลายหนวดของเจ้าตัวกดแผลไว้ อีกฝ่ายค่อยๆเคลื่อนกายลากผมลึกเข้าไปด้านในซึ่งเป็นส่วนที่พักของเจ้าตัว



แผลของผมถูกรักษาเรียบร้อยด้วยฝีมือของอีกฝ่าย ก่อนเจ้าตัวจะหยิบอะไรบางอย่างที่อุ่นร้อนยื่นส่งให้ผม


“ดื่มซะ มันจะช่วยให้เจ้าหายไวขึ้น”


“ขอบคุณ...” ผมก้มหน้าลงดื่มของเหลวในแก้วจนหมด นั่นทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นมากขึ้น


แต่เอ๊ะ? ผมอยู่ในน้ำ... แล้วในน้ำผมจะดื่มอะไรที่มีลักษณะเป็นแก้วแบบนี้ได้ยังไง


เท่านั้นล่ะผมก็หันขวับไปยังอีกฝ่ายที่นั่งเอาหนวดเท้าคางมองหน้าผมอยู่ “ดูดีๆแล้วเจ้าก็น่ารักเหมือนกันนะ ถึงจะดูกะโปโล ท่าทางอ่อนแอ ติงต๊อง บ๊อง เซ่อซ่า บ้าบอ ปัญญาอ่อน ต่างจากที่รักของข้าที่ดูฉลาดหลักแหลม สูงส่ง สง่างาม และร้อนแรงก็ตามทีเถอะ”


เอ่อ พูดขนาดนี้เอามีดมาแทงกันเลยเถอะวะครับ


ไม่ใช่สิ สิ่งที่ผมสงสัยมันไม่ใช่เรื่องนั้น


“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง” มนุษย์ปลาหมึกทำหน้าสงสัย ผมเลยชี้ลงไปที่แก้ว “ทำให้เครื่องดื่มมันอยู่ในแก้วแบบนี้ไม่ลอยปะปนไปกับน้ำ มันเหมือนกับ....” ที่คนทั่วไปกินกันบนบก โดยที่ไม่ต้องสนใจน้ำที่ลอยอยู่รอบตัว


แต่ปลาหมึกนั่นเพียงยกนิ้วชี้ขึ้นปิดริมฝีปาก “ความลับ นั่นเป็นเวทมนตร์ของข้า”


เวทมนตร์!! ได้ยินแบบนั้นผมก็ผุดลุกจากที่นั่งในทันที ถ้าเป็นแบบนี้ ปลาหมึกตรงหน้าอาจจะรักษาผมให้กลับมามีขาแบบเดิมก็ได้ใช่ไหม


ในขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากขอร้องฝ่ายตรงข้าม เสียงตวาดดังลั่นก็ดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้ง ทว่าปลาหมึกตรงหน้าผมกลับมีท่าทีตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง นัยน์ตาพราว และพุ่งตรงออกไปยังหน้าถ้ำอย่างรวดเร็วในขณะที่เสียงเดิมยังคงตะโกนซ้ำ


“ไซรัส!!!!”

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
คุณปลาหมึกกับภรรเมีย!!!!!!!!!!

อยากเห็นแล้ววววววววว ท่าทางจะโหดเอาเรื่องนะเนี่ย  :hao3:

ออฟไลน์ EARTHYSS :)

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
เริ่มงงละว่าโอเป็นรุกหรือรับ แล้วจะคู่กับใคร ไม่ใช่เปลี่ยนที่เปลี่ยนคนไปเรื่อยนะ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เริ่มงงละว่าโอเป็นรุกหรือรับ แล้วจะคู่กับใคร ไม่ใช่เปลี่ยนที่เปลี่ยนคนไปเรื่อยนะ

เดาว่าเป็นเมะ และพระเอกยังไม่ออกโรงจ้าาาาาาา

555555 :hao6:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แปลก สนุก ฟรานส์ ใช่พระเอกหรือเปล่า :katai2-1:
มีตัวละครอื่น เพิ่มมาอีก  :hao3:
โอ จะได้เวทมนต์จากปลาหมึกหื่นไหมนะ
รอ  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
คุณปลาหมึกนี่เคะหรือเมะง่ะ
เรามองโอเชี่ยนเคะไปแล้ววว ไม่ว่าอยู่กับใครก็เคะ โอ๊ยย 55555555555

ออฟไลน์ igaga

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
พี่หมึกมาเร็วเร็ว

ออฟไลน์ mymine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • FaceBook
ตอนที่7


“ไซรัส!!!!” เสียงตวาดเรียกยังดังขึ้นต่อเนื่อง ผมจึงค่อยๆว่ายตามอีกฝ่ายที่กระโจนออกไปหน้าถ้ำอย่างรวดเร็ว ที่นั่นผมเห็นใครบางคนที่ไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่...


หมอนั่นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!!


“ในที่สุดเจ้าก็โผล่มาจนได้!!!” เสียงตะโกนดังขึ้นก่อนที่เจ้าปลาหมึกโรคจิตจะทำให้ผมอ้าปากค้าง


เจ้าตัวพุ่งเข้าหาฟรานส์ด้วยความรวดเร็ว หนวดทั้ง8กางออกเสมือนกำลังจะจับเหยื่อ ทว่าฟรานส์เพียงแค่ม้วนตัวหลบจนอีกฝ่ายพุ่งเลยหน้าทิ่มไปกับพื้น


“ชิ ไวจริงนะ” หนวดปลาหมึกพุ่งขยับไปมาอย่างรวดเร็วตรงเข้ารัดลำตัวของอีกฝ่าย แต่แทนที่จะพลาดท่า ฟรานส์กลับสะบัดช่วงหางท่อนล่างขึ้นมาตบแก้มอีกฝ่ายซ้ายขวาดังเพี้ยะๆๆๆ


อู๊ย เจ็บแทนเลยแฮะ


“พอๆหยุดดดดหยุดเสียที!!” เสียงกรีดร้องของอีกฝ่ายดังลั่น แต่ฟรานส์ก็ยังคงไม่สนใจ เขายังคงตบซ้ายๆขวาๆไปเรื่อยๆ


“พอเสียที.. ถ้ามากกว่านี้.. มากกว่านี้ข้าจะไม่ไหวแล้วนะ...........อ อร๊าง~”


....


#@%^%&$%^$%^


.


.


.


“เจ้าชายใจร้าย ทั้งที่ข้าแสนจะคิดถึงท่านกลับไม่มาหาข้าเลย พอโผล่มาก็ตบเอาๆ” ปลาหมึกที่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าชื่อไซรัสกำลังกุมแก้มตัวเองร้องไห้กระซิกๆ ทำเอาผมแอบสงสาร…


“อย่ามาเล่นลิ้นน่าไซรัส พูดความจริงมาดีกว่า”


“ข้าฟินมากเลย ไม่มีใครลงไม้ลงมือหนักหน่วง แม่นยำ ไร้ความปราณีเท่ากับเจ้าอีกแล้ว”


ถ้าไม่มีไอ้ประโยคหลังอะนะ ไอ้ปลาหมึกมาโซคิสต์เอ้ย


“ไซรัส!นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ข้ามาตามหาเงือกตัวหนึ่งที่ถูกโยนลงมาตรงผาราชันย์ ข้ามั่นใจว่าเจ้านั่นยังมีชีวิตอยู่ มันอยู่ที่นี่ใช่ไหม!!” ฟรานส์จับไหล่อีกฝ่ายเขย่าๆซะจนผมมึนแทน แต่สิ่งที่เจ้าตัวพูดทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจ


ไม่สิลึกๆแล้วผมดีใจว่าอีกฝ่ายมีท่าทีเป็นห่วงผม


ทว่าอีกใจนึงกลับสั่งว่าอย่าเชื่อ ยังไงเงือกก็รังเกียจมนุษย์อยู่วันยังค่ำ จริงๆแล้วฟรานส์อาจจะอยากมาเชือดผมให้จบๆไปเลยเสียมากกว่า


“ฮึ ไม่ยอมมาหาข้าหลายปี พอมาทีก็มาถามหาเงือกตัวอื่นนี่นะ”ไซรัสสะบัดหน้าพร้อมกับหนวดทั้งแปด “ข้าไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งนั้น”


“ไซรัส!!...ได้! งั้นข้าหาเองก็ได้” ฟรานส์ลุกขึ้นทันที นั่นทำให้ปลาหมึกที่กำลังงอนอยู่กระโจนไปเกาะพันตัวอีกฝ่ายแน่น


“ไม่นะ! ข้าไม่ยอมให้เจ้าทิ้งข้าไปไหนหรอกนะ” ให้ตายเถอะไอ้ปลาหมึกนี่... นี่ถ้าไม่เห็นว่าอยู่ใต้ทะเลผมคงคิดว่ามันดูละครหลังข่าวมากเกินไปจนทำตัวเป็นนางร้ายวอนขอความรักพระเอกละนะ


ผมล่ะกลุ้มกับท่าทางของไอ้ปลาหมึกติงต๊องและทนดูไม่ได้เลยว่ายหนีฉากติดเรท18+ (โดนกระทืบเลือดสาด) ออกมาด้านหลัง เลือกที่จะไม่ประจันหน้ากับอีกฝ่าย กะว่าถ้าหาผมไม่เจอแล้วฟรานส์คงจะกลับไปแต่โดยดี ผมสำรวจหาทางออกไปเรื่อยๆ ว่ายอย่างช้าๆเพราะอาการปวดที่สีข้างทำให้ผมว่ายไม่ได้เร็วดังใจนัก


...รกชิบ


เหมือนภูเขาขยะขนาดย่อมเลย ขนาดผมที่ว่าซกมกแล้วก็ดูเหมือนเทียบกับอีกฝ่ายไม่ได้ซักนิด


ผมว่ายลดเลี้ยวไปตามเศษซากที่กองอยู่เกลื่อนกลาด บางอย่างที่ผมดูคุ้นตาถูกวางกองสุมๆเป็นระยะจนเมื่อหยิบขึ้นมาดู


นี่มัน...กระทะ?


ไอ้เจ้าปลาหมึกนั่นมันจะเก็บเอาไว้ทำพระแสงเลเซอร์อะไรวะ เอาไว้ทอดตัวเองหรือไง!!


ผมก็ได้แต่ส่ายหัว โยนของในมือทิ้งก่อนจะว่ายลัดเลาะกองขยะไปเรื่อยๆ เจอของบางอย่างที่ไม่น่าจะเจอด้วยอย่างรองเท้าส้นสูง


ว่าแต่ของพวกนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง


ในขณะที่ผมหลบหลีกหางตาผมก็เหลือบไปเห็นแสงสว่างสีขาวนวลที่ไม่เข้าเลยสักนิดกับบรรยากาศในตอนนี้ ด้วยความสนใจผมเลยว่ายเข้าไปใกล้ๆแต่ยังไม่ทันที่จะถึงเป้าหมาย


หมับ! ฝ่ามือของใครบางคนจับหมับลงบนข้อมือพร้อมกับลากผมถอยออกห่างจากแสงนั่น “เจ้าเข้าไปตรงนั้นไม่ได้”


ที่นี่เป็นเขตสัมปทานของเมืองแฟริเซียร์ด้วยหรอวะ


ผมเหลียวไปมองคนที่กำลังกำข้อมือผมอยู่ ฟรานส์จ้องหน้าผมด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก มันคล้ายกับไม่แน่ใจ โกรธ โล่งใจ และสับสน


บางทีมันอาจจะเป็นความลับระดับโลกที่ไม่อยากให้คนนอกอย่างผมรู้ก็ได้


เพราะอย่างนั้นผมก็เลยยักไหล่ไม่แคร์ก่อนจะหมุนตัวว่ายไปยังอีกด้านที่ไม่มีแสง แต่แรงฉุดข้อมือกลับดึงผมไว้ “จะไปไหน”


“ไปจากที่นี่ไง...”


“...ข้ามารับเจ้ากลับไป ฟิลันเป็นห่วงเจ้ามาก ร้องไห้โวยวายไม่หยุด”


“หึ กลับไป? เพื่ออะไร? เจ้าชายเอาเงือกนอกรีตกลับเข้าเมืองตัวเองนี่นะคิดอะไรอยู่กันแน่” ผมได้แต่ยิ้มมุมปาก “หรือเพราะเห็นว่ายังไม่ตายคราวนี้เลยจะพากลับฆ่าให้เห็นกันแบบจะๆ”


“เจ้า!!”


ผมสะบัดมืออีกฝ่ายออก “ฉันไม่คิดจะกลับไปหรอกนะ ยังไงฉันก็ไม่ได้คิดจะอยู่ที่นั่นตลอดไปอยู่แล้ว...ส่วนเรื่องฟิลัน อีกไม่นานเจ้าหนูนั่นก็จะทำใจและลืมไปได้เอง”
   

ผมพยายามจะว่ายหนีอีกฝ่ายเหมือนเดิม แต่คราวนี้ต่างจากเดิมตรงที่อีกฝ่ายกระโจนเข้ามาล็อคคอกอดคอผมไว้จากด้านหลัง


“เฮ้ย!”


“เจ้าห้ามไปไหน!!”


แน่นอนว่าการที่อยู่ดีๆอีกฝ่ายมากอดแบบนี้ทำให้ผมตกใจมาก เพราะนอกจากการทำแผลแล้ว ไม่เคยมีสักครั้งที่ฟรานส์จะแตะต้องตัวผม และเพราะถึงพวกเราทั้งคู่ขนาดตัวพอๆกัน แต่ผมกำลังเจ็บอยู่ทำให้ดิ้นหนีอีกฝ่ายไม่ได้


“เป็นบ้าอะไรของแกเนี่ย!!”


“เจ้าต้องกลับไปกับข้า!!”


“อะไรวะเนี่ย!! ไอ้ตอนอยู่ก็อยากจะไล่ พอจะไปแล้วจะมาบังคับให้อยู่นี่นะ!! เอาแต่ใจเกินไปแล้วนะโว้ย!!”


ทว่าคำตอบของอีกฝ่ายกลับทำให้ตัวผมชะงัก


“ใครกล้าไล่เจ้า!!” ฟรานส์ปล่อยมือก่อนจะจับไหล่ผมหมุนมาประจันหน้าอย่างรวดเร็ว “ถ้าข้าไม่อนุญาตไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิไล่เจ้าทั้งนั้น!!!”


ก็แกเองนั่นล่ะโว้ย!!


อยากตะโกนแบบนั้นใส่หรอกนะ แต่ก็จริงที่ว่าเจ้าตัวไม่เคยเอ่ยปากไล่เลยสักครั้ง


มีแต่ไม่ไว้ใจกับด่าเรื่องพฤติกรรมแปลกๆจนผมคิดว่าเจ้าตัวคงรังเกียจกันแบบสุดๆ


ไม่ทันที่ผมจะอ้าปากเถียงเสียงกรี๊ดดังลั่นเหมือนนางร้ายในละครก็ดังลั่น พร้อมกับนิ้วและปลายหนวดทั้งแปดที่กรีดชี้ตรงมาที่ผม “มาแอบกกกอดกันอะไรตรงนี้!! นี่ใช่ไหมเจ้าชาย!!ที่ท่านมาตามหาเพราะไอ้เจ้านี่มันเป็นคู่รักของท่าน ที่ไม่สนใจปลาหมึกสุดเซ็กซี่อย่างข้าเพราะว่าท่านมีคู่ขาอยู่แล้วใช่ไม๊!!”


“จะบ้าหรอวะ!!/ใช่ที่ไหนเล่าโว้ย!!” เป็นครั้งแรกที่เราทั้งคู่ความคิดเห็นตรงกัน ฟรานส์ที่หน้าแดงก่ำเลยจัดการเอาหนวดแปดเส้นของไซรัสผูกมือมัดโยงไปมารัดกันมั่วไปหมดจนอีกฝ่ายกลายเป็นทาโกยากิไส้ปลาหมึกยักษ์แล้ว


เจ้าชายเงือกนี่ก็แอบซาดิสต์เหมือนกันนะ


‘อุ๊ย..ซื้ด.... แน่นดีจังเลย’ แล้วพออีกฝ่ายครางออกมาแบบนี้ ฟรานส์เลยใช้หางของตัวเองสะบัดตบบอลปลาหมึกกระเด็นไปซะไกลลิบ ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของอีกฝ่ายดังลั่น ‘ฟรานนนนนส์’


ขอให้แงะตัวเองกลับมาได้นะไอ้เงือกโรคจิตเอ้ย


ผมโบกมือลาอีกฝ่ายในใจพร้อมกับภาวนาให้เจ้าตัวไปสู่สุขติซักที หันกลับมาก็เจอเงือกอีกตัวยืนจ้องทำหน้าไม่ยอมแพ้


ให้ตายเถอะมาวันนี้ผมพึ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นพี่ชายของฟิลันแน่ๆ


ก็เล่นหัวดื้อไม่ต่างกับน้องชายเลย


“เอาจริงๆนะฟรานส์... ฉันกลับไปไม่ได้... ไม่ใช่เพราะงอนหรือเพราะโกรธอะไรใครทั้งนั้น”



“แต่เพราะจริงๆแล้วฉันเป็นมนุษย์..”


ความจริงที่ผมสารภาพออกไปทำให้คนฟังตกใจอ้าปากค้าง ดวงตาสีฟ้าใสเบิกกว้างเหมือนใส่บิ๊กอายซะจนผมแทบจะอยากเอานิ้วจิ้ม “โกหก...”


“ฉันพูดความจริง นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันรู้จักเครื่องเทศ แม้จะกินแทบไม่ได้ก็เถอะ รวมถึงการที่ฉันรู้วิธีปฏิบัติตัวน่ารังเกียจแบบมนุษย์...” ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ แม้จะรู้สึกว่ามันฝืดเคืองเต็มที “เพราะฉันอยู่กับมันมาตั้งแต่เกิด”


‘ไม่จริง...เป็นไปไม่ได้ ก็ตามที่ท่านไลอาร์พูด...’ เจ้าตัวดูจะช็อกกว่าที่คิด ฟรานส์เอามือกุมหัวพึมพำอะไรบางอย่างกับตัวเองเบาๆ ผมไม่แปลกใจหรอกนะกับท่าทีอีกฝ่ายที่เป็นแบบนี้ ถ้าอยู่ดีๆมีศัตรูมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้า แค่เจ้าตัวไม่หาหอกมาจิ้มผมก็เป็นพระคุณแล้ว


ผมเลยฉวยโอกาสที่ฟรานส์กำลังช็อกหันหลังว่ายกลับเข้าไปด้านใน ด้วยความหวังว่าจะเจอยาอะไรที่ทำให้ผมมีขาแบบมนุษย์ ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงต้องรอให้ไซรัสกลับมาก่อน


แต่ดูแล้วข้อหลังนี่ท่าจะยากแฮะ


ผมว่ายตรงไปยังตู้เก็บของที่วางเรียงรายอยู่ริมกำแพง ขวดหน้าตาประหลาดถูกวางเต็มไปหมด และแน่นอนผมดูไม่ออกว่าขวดไหนใช้ทำอะไร มีประสิทธิภาพยังไง


สุดท้ายก็เลยต้องทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาปล่อยให้เวลาไหลไปเรื่อยๆ ภาวนาให้ไซรัสจะแกะตัวเองแล้วกลับมาที่บ้านได้ซักที...


จนกระทั่งมีใครบางคนกลับเข้ามาด้านในบ้าน


หรือไอ้หมึกนั่นจะกลับมาแล้ว!ผมมองไปยังทางเข้าบ้านอย่างมีความหวัง แต่ทว่าคนที่เข้ามากลับเป็นคนที่ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะโผล่มาอีกหลังผมพูดความจริงออกไป


ฟรานส์ว่ายตรงเข้ามาลอยอยู่หน้า เราสบตากัน และยังไม่ทันได้อ้าปากถามอะไร เจ้าตัวก็ทำหน้าเครียดคว้าหมับเข้าที่ข้อมือก่อนจะลากผมตัวปลิวกลับออกไปตรงจุดเดิมที่เรายืนคุยกัน เพียงแต่ไม่หยุดแค่นั้น เจ้าตัวกลับลากผมตรงเข้าไปในส่วนที่ตอนแรกห้ามเข้า


“จะทำอะไรของ...นาย” ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคดีผมก็ต้องแปลกใจกับสภาพรอบตัว


ก้อนหินเล็กใหญ่นับร้อยถูกวางจนเต็มลาน กลายเป็นเหมือนดงหินขนาดใหญ่ ซึ่งมันคงจะไม่มีอะไรแปลกถ้าหินแต่ละก้อนไม่เปล่งแสง


คุณอ่านไม่ผิดแน่ๆ มันส่องแสงขาวนวลเรืองรอง บางมุมสว่างจ้าเสียจนผมต้องหรี่ตามองด้วยซ้ำ ผมลองหยิบหินหนึ่งในนั้นขึ้นมาหมุนดู “ก็หินธรรมดา แล้วทำไมถึงส่องแสงได้”


“...มันเป็นของคู่บ้านคู่เมืองของเรา” คำอธิบายจากเงือกที่ผมไม่คิดว่าจะยอมพูดอะไรทำให้ผมหันขวับไปมองด้วยความตกใจ “หินนี่มีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่าง แต่ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือสามารถส่องสว่างได้นี่ล่ะ” ฟรานส์หยิบหินในมือผมโยนกลับลงไปในกอง “เมืองทั้งหลายต่างต้องการหินชนิดนี้ มันมีค่ามาก มากเสียจนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันไป”


“แล้วมาบอกความลับกันแบบนี้จะดีหรือ กับ..” มนุษย์ที่ตัวเองเกลียดนี่นะ ผมกลืนคำที่คิดจะพูดออกไปหลังจากอีกฝ่ายหันมาสบตา “ถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่เจ้าพูดความลับของตัวเองให้ฟัง คราวนี้เราต่างก็รู้ความลับกันแล้ว เพราะอย่างนั้นถือว่าเสมอกันใช่ไหม”


รอยแย้มยิ้มของอีกฝ่ายทำให้หัวใจที่เคยสงบเต้นผิดจังหวะไป ผมเคยบอกพวกคุณแล้วใช่ไหมว่าฟรานส์จริงๆแล้วเป็นเงือกที่หน้าตาสวยคมมาก ยิ่งพอเจ้าตัวยิ้มแบบนี้แล้ว


ให้ตายเถอะเอ็งเป็นอะไรวะโอเชี่ยน


ดูเหมือนอีกฝ่ายยังจะปล่อยหมัดฮุกไม่พอ เจ้าตัวดึงมือของผมไปและทำอะไรบางอย่าง จนเมื่ออีกฝ่ายคลายมือออก ผมถึงได้เห็น
   

แหวน แหวนที่มีหินเรืองแสงร้อยอยู่ด้านบนถูกสวมอยู่บนมือของผม
   

“นี่มัน...”
   

“แลกกัน” เจ้าตัวพูดสั้นๆก่อนจะยกมือซ้ายของเจ้าตัวขึ้น แหวนที่ผมทิ้งเอาไว้ในห้องพักถูกสวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของเจ้าตัว
   

เห็นแบบนั้นหน้าผมก็เห่อร้อนขึ้นอย่างน่าประหลาด เพราะนอกจากฟรานส์ดันเลือกใส่แหวนบนนิ้วที่เห็นแล้วชวนให้คิดลึกแค่นั้นยังไม่พอเจ้าตัวดันสวมแหวนให้ผมที่นิ้วเดียวกันอีก


‘การให้แหวนอีกฝ่ายหมายถึงการบอกว่าคุณเป็นของฉันแล้ว’
   

นี่มันเหมือนกำลังขอแต่งงานเลยนะโว้ย
   

แถมหันไปมองอีกฝ่ายแล้วก็ต้องชะงัก ปฏิกิริยาของฟรานส์ทำให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายต้องรู้ความหมายของแหวนที่ผมไปพูดให้เงือกตัวอื่นฟังแล้วแน่ๆ เห็นได้ชัดจากไอ้รอยริ้วสีแดงที่ข้างแก้มนั่น
   

ให้ตายเถอะ ตอนนี้หัวใจของผมเต้นแรงจนอยากจะคว้าเงือกตรงหน้ามากอดมากๆเลย
   

“พวกเจ้า!!อย่ากีดกันข้าออกจากวง แล้วมาสวีทสร้างโลกส่วนตัวกันเอาเองนะ!!” เสียงกรีดร้องคุ้นเคยที่หายไปซักพักนึงกลับมาอีกครั้ง ทำเอาฟรานส์ที่กำลังยิ้มอายๆอยู่หุบยิ้มฉับแทบไม่ทัน เจ้าตัวพุ่งตรงเข้าไปดึงทึ้งปลาหมึกตรงหน้าอย่างแรงจนเจ้าตัวร้องโอดโอยใหญ่
   

แต่ด้วยความเสียวซ่านนะ
   

“โอ๊ย อย่าๆดึงตรงนั้น  แตะตรงนี้ก็ไม่ได้ ไม่นะ ข้าจะทนไม่ไหวแล้วววอร๊างงงง~”
   

ไอ้ปลาหมึกโรคจิตเอ้ย!!

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
โอ ฟรานส์ แลกแหวนใส่กันด้วย :katai2-1:
รอตอนใหม่  :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ว้าววเขาแอบแลกแหวนกันแหละ
พยานก็คือพี่หมึกสุดเสียว5555

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :ling2:

รู้สึกเหมือนคู่เคะ*เคะ


ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6

ออฟไลน์ neverland

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 653
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
มันน่ารักฟรุ้งฟริ้งอะไรแบบนี้  :m3: :m3: :m3:
ชอบอิปลาหมึกมาโซฯจริงๆ แกจะเสียวอะไรขนาดนั้นนน 55555555555

ออฟไลน์ mymine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • FaceBook
ตอนที่8


“พวกเจ้าจะทิ้งข้าไว้ตัวเดียวอีกแล้ว อู้ย” ไซรัสนั่งตัดพ้อฟรานส์ที่กำลังนั่งกอดอกอยู่ข้างๆผม สีหน้าเจ้าตัวดูเบื่ออย่างเห็นได้ชัด


“ข้านะก็แสนจะเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย นานๆถึงจะมีใครลงมาหาซักที”


“น่าเบื่อน่ะไซรัส เจ้าก็รู้ว่าข้าอยู่ที่นี่กับเจ้าไม่ได้ข้าต้องดูแลเมือง”


“เจ้าก็พูดแบบนี้ทั้งปี”
   

“พอก่อนๆ ว่าแต่ที่นี่มันคือที่ไหนล่ะ” ผมถามขึ้นหลังจากที่พยายามหาช่องสอดแทรกมานาน ก็ไอ้สัตว์ทะเลตรงหน้าสองตัวไม่ปล่อยให้ผมพูดเลยซักนิด เจ้าตัวมัวแต่เถียงกันเรื่องทิ้งไม่ทิ้งอยู่นั่นล่ะ “มันอยู่ใกล้กับแฟริเซียร์มากเลยหรอ ฉันว่าฉันโดนพัดมานานมากเลยนะ จนนึกว่าจะตายกลางกระแสน้ำนั่นแล้ว”
   

ทั้งสองที่กำลังเถียงๆอยู่ชะงักหันขวับมาหาผม และก็เป็นไซรัสที่กรีดร้องใส่ผม “นี่เจ้าหลงเข้ามาโดยไม่รู้!! แล้วยังเอาชีวิตรอดมาได้อีก!!” ส่วนฟรานส์นั้นกุมขมับถอยกลับลงมานั่งเอนหลังบนโซฟาเหมือนเดิม
   

“ไม่หรอก เจ้านั่นไม่รู้ก็ไม่แปลก เล่นถูกโยนลงกระแสน้ำแบบไม่ทันตั้งตัว นี่รอดมาได้ก็ถือว่าเหลือเชื่อละ“ เจ้าตัวส่ายหัว “เป็นเพราะข้าควบคุมเงือกพวกนั้นให้เชื่อฟังไม่ได้ พวกเขาก็เลยทำตามใจตัวเอง ทั้งที่จริงแล้วควรจะแจ้งข้าก่อน”
   

อะไรกัน ทั้งที่ฟรานส์เป็นเจ้าชายนี่นะ จะว่าไปอีกฝ่ายก็ดูจะไม่เคารพฟิลันเท่าที่ควรดูออกจะทำอะไรตามใจตัวเองมากกว่า
   

“เจ้าคงสังเกตเห็นละสิว่าทำไมกระทั่งน้องข้าก็ถูกรังแก นั่นเพราะเราไม่ใช่เงือกที่มีสายเลือดที่เขาเคารพอย่างแท้จริง เป็นแค่เจ้าชายที่ถูกคัดเลือกขึ้นมาแทน...”
   

หมายความว่ายังไง หรือว่าฟรานส์เป็นกบฏยึดอำนาจ?
   

“ไม่ต้องมาทำหน้าอย่างนั้น อย่าเอาความคิดมนุษย์มาใช้กับพวกเรา สายเลือกของข้าถูกคัดเลือกขึ้นมาแทนรัชทายาทองค์สุดท้ายที่หายไปต่างหาก”
   

ความเงียบปกคลุมหลังจากที่ฟรานส์พูดออกมา แม้เจ้าตัวจะพูดธรรมดาดูสบายๆแต่ทำไมเขาฟังแล้วถึงรู้สึกเหมือนกับว่าเจ้าตัวเจ็บปวดไม่น้อย
   

“แม้เงือกส่วนใหญ่จะยอมรับแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีบางตัวไม่ยอมเชื่อฟังอยู่ดี พวกนั้นคิดว่าสายเลือดแห่งราชายังคงมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งภายใต้ผืนน้ำแห่งนี้”
   

“แล้วยังไง ตราบเท่าที่เอาชีวิตรอดจากหุบเหวราชันย์ได้ ไม่ว่าใครก็ถูกยอมรับได้เหมือนกันไม่ใช่หรือ” น่าทึ่งที่อยู่ดีๆไซรัสก็พูดเป็นการเป็นงานไม่ล้อเล่นเช่นเดิม “มันเป็นกฎของแฟริเซียร์ด้วยซ้ำที่ไม่ว่าต่อให้สายเลือดตรงหรือไม่ก็ตามยังไงก็ต้องเอาชีวิตรอดให้ได้ หุบเหวนี่ไม่ได้มีดีแค่ชื่อหรอกนะ มันคร่าชีวิตเงือกและสัตว์ทะเลไปไม่น้อย ไม่สิ...แม้กระทั่งมนุษย์มันก็คร่าไปไม่น้อยแล้วเช่นกัน”
   

คำอธิบายนั้นทำเอาผมหันกลับไปมองปลาหมึกตรงหน้าด้วยความตกใจ ในเวลานั้นผมมองเห็นอีกฝ่ายดูเหมือนผ่านโลกมามาก “เจ้าเองก็ผ่านมาแล้วนี่? ไอ้พวกซากที่อยู่ด้านนอก กับกองขยะรอบๆบ้านข้า เจ้าคิดว่ามันคืออะไรล่ะ? คิดว่าข้าไปลากมันมาสะสมเรอะ”
   

จะบอกว่าใช่ ตรูคิดแบบนั้นจริงๆ
   

เห็นผมทำหน้าแบบนั้นเจ้าตัวก็เลยยืดหนวดมาดีดหน้าผากผม มันเจ็บนะเฟร้ย! “จะบ้าหรือ พวกนี้มันจมลงด้วยตัวเองทั้งนั้น เจ้าไม่รู้หรือว่ารอบนอกของพื้นที่นี้คือน้ำวนขนาดใหญ่ส่งผลให้ความแปรปรวนสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ลึกลงสู่ใต้ทะเล เพราะอย่างนั้นมันถึงได้มีอะไรหลายๆอย่างจมลงก้นทะเลแบบนี้ไง”
   

หือ ถึงท้องฟ้าเลยหรอถ้ามีสถานที่แบบนั้นบนบกอย่างพวกผมก็ต้องเคยได้ยินบ้างสิ
   

“เฮ่อ ทำหน้าไม่เชื่ออีกละสิ เอาอย่างนี้ เจ้ารู้จักไอ้นี่ไหม” พูดเสร็จเจ้าตัวก็ยืดหนวดไปด้านหลังคว้าอะไรบางอย่างมาวางตรงหน้าผม
   

นี่มัน...หมวกนักบินสำหรับเครื่องบินรบ...
   

ถามว่าผมรู้ได้ยังไงว่ามันใช่น่ะหรอ คุณลองดูหนังเก่าเรื่องTopgun ที่ทอมครูซเล่นสิรับรองว่าจะคุ้นเหมือนผม แต่ว่าเรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็น
   

สิ่งสำคัญอยู่ที่ ทำไมของที่สมควรจะอยู่บนเครื่องบินถึงมาอยู่ใต้น้ำ หมายความว่าตรงที่ผมอยู่นี่มีเครื่องบินจมลงด้วยหรือ?
   

“หน้าตาแบบนี้ไม่เชื่ออีกสินะ” ไซรัสทำหน้าเหม็นเบื่อมาก “ตามมา!” พูดจบเจ้าตัวก็ว่ายนำออกไปยังปากถ้ำที่ผมสลบอยู่ ปลาหมึกยักษ์ลอยตัวท่ามกลางน้ำทะเลสีเขียวขุ่น โครงกระดูก จนไปหยุดที่บรรดาซากปรักหักพังที่เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำทั้งหลาย ของที่ก่อนหน้านี้ผมไม่มีเวลาใส่ใจว่ามันคืออะไรเพราะต้องเอาชีวิตรอด
   

ผมว่ายเข้าไปดูใกล้ๆและก็ต้องตกใจ
   

ที่ผมเห็นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของเศษซากที่กองอยู่เท่านั้น เมื่อขยับออกไปมากขึ้นจำนวนชิ้นส่วนและขนาดก็ยิ่งใหญ่โตขึ้นด้วย จนกระทั่งผมพบอะไรที่น่าตกตื่นใจยิ่งกว่านั้น


...ซากเครื่องบินรบ เครื่องบินขนส่ง เรือสำราญ และอีกหลายๆอย่างอยู่ตรงหน้าผมเต็มไปหมด แม้จะมองได้ไม่ชัดเจนนักแต่ผมมั่นใจว่าตัวเองเดาไม่ผิดแน่ๆ


ตกลงว่าที่นี่คือที่ไหนกันแน่


จะมีพื้นที่ของทะเลตรงไหนที่สามารถจมยานพาหนะของมนุษย์จำนวนมากขนาดนี้ไว้ที่จุดๆเดียวกัน


ไม่สิ...มีอยู่ที่หนึ่ง...


ที่ๆเป็นพื้นที่ลึกลับที่ไม่อาจพิสูจน์…


ที่ๆไม่มีมนุษย์คนไหนกล้าลองของ…



มันคือสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า



นี่ผมมาไกลขนาดนี้เลยหรอ


ผมหันไปหาเงือกที่ยังคงลอยอยู่ใกล้ๆ นัยน์ตาสีฟ้าใสของอีกฝ่ายกวาดตามองผ่านด้วยความเฉยเมย “ฟรานส์แฟริเซียร์อยู่ใกล้กับที่นี่มากเลยหรอ”


“ไม่ มันไกลจากกันมาก กระแสน้ำที่พัดเจ้ามาจะพาเจ้าเข้ามาด้วยความเร็วสูงสู่จุดนี้ ทว่ามันไม่ใช่แค่เส้นเดียว กระแสน้ำเส้นนี้เกิดจากกระแสน้ำหลายสายผสมกัน มันมีทั้งความร้อนและเย็น ทำให้เงือกส่วนมากทนไม่ไหวตายก่อนที่จะมาถึงจุดนี้”


บ้าไปแล้วทำไมไซรัสต้องมาอาศัยที่นี่ แล้วไหนยังจะไอ้การทดสอบของเงือก...


“...นายบอกว่าเงือกเจ้าชายทุกตัวต้องโดดลงมาในกระแสน้ำนี้...”


“...ใช่ ตัวข้าถูกส่งลงมาตั้งแต่อายุสิบสี่”


“บ้าน่า อะไรทำให้พวกนายต้องเสี่ยงขนาดนี้ ไม่รู้หรือว่าตรงจุดนี้สำหรับมนุษย์มันน่ากลัวแค่ไหน!!”


ฟรานส์ยิ้มให้หลังผมพูดจบ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นสีหน้าจนปัญญาของอีกฝ่าย “เพราะน่ากลัวน่ะสิถึงเป็นสถานที่ชั้นดี เป็นที่ๆปลอดภัยที่สุดสำหรับการซ่อนอะไรบางอย่าง ทั้งจากสายตามนุษย์และจากสายตาเงือกตัวอื่น”


ซ่อน! ของบ้าอะไรที่ทำให้เงือกต้องยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อซ่อนของพวกนี้


“เจ้าก็ได้เห็นแล้วนี่ หินพวกนั้นล่ะ” ฟรานส์ว่ายตรงเข้ามาดึงมือผมกลับไปทางเดิม “เจ้าชายทุกคนต้องผ่านจุดๆนี้ทั้งนั้น แต่ไม่ต้องกลัวหรอก ขาออกน่ะง่ายกว่าขาเข้าเยอะ”


หา? เป็นไปได้ยังไงตามหลักแล้วเข้ามันต้องง่ายกว่าออกสิ


ฟรานส์คงเห็นว่าหน้าตาของผมดูเห็นด้วยกับอีกฝ่ายม๊ากมาก “เอาไว้ตอนเจ้ากลับก็จะรู้เอง”


ผมพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ ต่างกับปลาหมึกข้างๆที่พอได้ยินคำว่ากลับปุ๊บเจ้าตัวก็กระโจนเข้าหาพวกผมทันที “ไม่เอาน้า อย่าทิ้งข้าไว้ตัวเดียว!!” คราวนี้เอ็งอัพเกรดขึ้นมามัดคู่หรอฟระ!!


มือปลาหมึกเลื้อยพันสะโพกของผมทันที ทั้งที่พยายามปัดก็แล้วยังจะมาตอดๆลูบๆคลำๆ เด๋วบัดตัดกินเสียหรอก “จะว่าไป ถ้าอย่างที่ฟรานส์บอกว่ารอดไปได้ก็ถือว่าเป็นเจ้าชาย แบบนี้ฉันมิเป็นไปด้วยหรอ?”


“อืมน่าคิด ข้าไม่เคยเจอเงือกที่ผ่านมาที่นี่ได้นอกจากพวกราชวงศ์เลยนะ พวกนั้นน่ะมีความแข็งแกร่งผิดชาวเงือกตัวอื่นๆอยู่แล้ว... นอกจากสายเลือดราชวงศ์ก่อนกับฟรานส์แล้ว ข้าก็ไม่เคยเห็นเงือกตัวไหนรอดชีวิตอีกเลย” ไซรัสทำท่านึก


“จะว่าไป นายอยู่ที่นี่มานานขนาดไหนแล้วล่ะเนี่ย”


“ความลับ~”


“หึหึ บอกไปก็สิ้นเรื่องว่าเจ้าอยู่มาหลายพันปีแล้ว” คำบอกของฟรานส์ทำให้ผมอ้าปากค้าง นี่ปลาหมึกมันอายุยืนขนาดนี้เลยหรือเนี่ยแบบนี้เงือกล่ะจะอยู่ได้ซักกี่ปี “ไม่ต้องมามองข้าแบบนั้น เงือกที่อายุยืนก็อยู่ได้แค่ไม่กี่ร้อยปีเท่ากัน”


นั่นก็เยอะแล้วโว้ย สำหรับมนุษย์เดินดินอย่างผม เออ จะว่าไปแล้ว... ”ไซรัส นายสามารถทำยาที่กินแล้วมีขาเหมือนมนุษย์ได้ไหม”


ปลาหมึกยักษ์ที่ตอนนี้เลื้อยกลับมานั่งบนโซฟาเหมือนเดิม “แหมถามมาได้ เรื่องนี้มันแน่นอนอยู่แล้วว่าข้าต้องทำด.. ทำไม่ได้!” ไหงแรกๆตอบซะดูมั่นใจแต่ลงท้ายทำไมเสียงมันแปร่งๆ หลบตาวูปแบบนั้นวะ หันไปมองเงือกข้างๆเห็นเจ้าตัวทำนิ่งปกติ
แต่แบบนี้ก็แสดงว่าผมยังกลับบ้านไม่ได้ละสิ


เฮ่อ หรือผมจะลองหาทางว่ายไปหาพ่อที่แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติเลยดีหว่า แต่เจ้าพ่อบ้านั่นจะจับลูกตัวเองออกงานวัดไหมนี่
อ่อ ผมลืมอธิบายพวกคุณไป พ่อของผมทำงานอยู่แท่นขุดเจาะกลางทะเล นานๆถึงจะกลับบ้านซักที นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมดูไม่ยี่หระเลยกับการอยู่ในน้ำนานๆแบบนี้ เพราะกลับไปที่บ้านก็ไม่มีคนอยู่


“แล้วพอจะมีวิธีไหม ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากกลับไปเป็นแบบเดิมนะ ถ้านานเกินไปคนที่บ้านจะเป็นห่วง”


“อ่า เอ่อ คือว่าคือ.... เอาเป็นว่าข้าจะลองหาวิธีให้ละกัน ระหว่างนี้เจ้าก็อยู่กับข้าไปก่อน ไม่สิๆ เจ้าก็กลับไปแฟริเซียร์ก่อน ถ้าข้าหาวิธีได้แล้วจะติดต่อไปหาเจ้าทีหลัง” ปลาหมึกตรงหน้าเหล่มองก่อนจะพูดแบบลุกลี้ลุกลนจนน่าแปลก แล้วทำไมถึงหลบตาเหมือนกลัวอะไรบางอย่างแบบนั้น


หรือเจ้าตัวกลัวเพราะว่าผมเป็นมนุษย์กัน


“งั้นเรากลับกันเถอะ” ฟรานส์ลุกขึ้นก่อนจะลากตัวผมออกจากบ้านน่าแปลกที่เจ้าตัวดูอารมณ์ดีผิดปกติอมยิ้มเสียจนผมแปลกใจ
   

“จะทิ้งข้าไปอีกแล้วหรือ...” เสียงตัดพ้ออย่างน่าสงสารจากปลาหมึกตัวยักษ์ “นี่ข้าต้องถูกทิ้งให้เหลืออยู่ตัวเดียวอีกแล้ว”


“เอาเป็นว่าไว้ข้าจะหาเพื่อนมาให้เจ้าแล้วกัน” ฟรานส์พูดแบบนั้นก่อนที่ไซรัสจะลอยเข้าไปอยู่ตรงหน้า นัยน์ตาสีฟ้าเทาสบมองอีกฝ่ายด้วยแววตารักใคร่ ก่อนจะ...


เอาหนวดพันตัวแล้วลากอีกฝ่ายเข้าไปจูบดัง จ๊วบ! ทำเอาฟรานส์ตาโต
   

ผมเองก็ได้แต่ตาโตอ้าปากค้าง ก่อนจะรู้สึกตัวพุ่งเข้าไปช่วยดึงฟรานส์ออกจากไอ้ปลาหมึกลามก แต่ที่ไหนได้
   

“เจ้าอยากได้ด้วยก็ไม่บอก” ไซรัสหันมาสนใจผมแทน หนวด4-5เส้นพุ่งตรงเข้ารัดแขนกับหางผมจนไม่สามารถหนีได้
   

ไม่เอานะโว้ย ตรูยังไม่อยากถูกปลาหมึกยักษ์จูบนะโว้ย
   

ไซรัสทำปากจู๋และกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ทำเอาผมส่ายหน้าแทบจะร้องไห้
   

“มามะ จู๊บ~ ”
   

“แย๊กกก!!!”
   

“ไซรัส!!” เสียงเหี้ยมหยุดการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายทัน ก่อนไอ้หมึกลามกจะถูกเจ้าชายเงือกกระชากเหวี่ยงกระเด็นไปไกล
   

“กล้าทำแบบนี้แสดงว่าไม่กลัวตายใช่ไหม” กร๊อบ เสียงหักข้อมือของเจ้าชาย ทำเอาไซรัสหน้าซีดก็แน่อยู่แล้วเล่นอยู่ดีๆลากเจ้าตัวเข้าไปจูบแบบนั้น
   

“ฟรานส์ ข้าล้อเล่น ข้ารักเจ้าตัวเดียวนะ...”
   

หลังจากนั้นผมขอไม่อธิบายนะ ไม่งั้นจะผิดกฎNC18+(ประเภทโหดเลือดสาด)ไปเสียก่อน เอาเป็นว่า เสียงโหยหวนของอีกฝ่ายดังขึ้นไม่หยุดเลยล่ะแต่มันไม่ได้มีเฉพาะเสียงโหยหวนนี่สิ
   

‘อว๊ากกก ยอมข้ายอมแล้วอย่าทำแบบนั้น อย่าดึงแบบน้านนน ข้าจะไม่ไหวแล้วว........... อ อร๊าง~’
   

ให้ตายเถอะยังไงปลาหมึกโรคจิตก็ยังคงเป็นปลาหมึกโรคจิตวันยังค่ำ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
แหม่ อยากให้ไซรัสฟรานซ์จริงๆนะ คู่นี้นี่กิ่งทองใบหยก

ปอลอ ไซรัสทำยาได้ อืมมมมมมมมม


ออฟไลน์ มาม่าหมูสับ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบไซรัส  :hao7: นางฮามากกกก หื่นมากด้วย

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ปลาหมึกเป็นรุก และน้องเงือกรับเหอะ 3p ไปเลย

ออฟไลน์ rayaiji

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
    • ray's deviantart
พี่หมึกแกจะมีคู่มั้ยเนี่ย น่าจะคู่แบบกับอวครักษ์เจ้าชายซาดิสม์ๆ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :laugh:  เบื้องบนช่วยส่งใครมารักกับพี่หมึกที เอ็นดูนาง
เอาความมาโซของนางออกมา อิอิ
เราแอบหวังให้เรื่องนี้จบแฮปปี้นะ สงสารเงือก สงสารโอเชี่ยน
ถ้าต้องกลับโลกไปเดินสองขาจริงๆแล้วจะรักกันกับเจ้าชายยังไงล่ะพี่โอ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด