13 เม.ย.ปีปี๊ด ปีปี๊ด ปี...ซ่า...
ครับ
วันนี้...เป็นวันสงกรานต์
หนุ่มสาวชาวบ้าน เบิกบานจริงเอยยย
เบิกบานโพ่ง
อ้ายเหรี้ยยยยยย
กูเปียกไปหมดดดดด
สาดดดดดด
เฮ้ยๆๆๆ ไม่ต้องสาดจริง
ไอ้คิมๆๆ
มึงจะยิงกูทำไม
นั่นๆ ไอ้ตัวโตกับน้องๆ มัน
ยืนดักพร้อมโอ่งใบเขื่อง
ในมือมีดินสอพองคนละถุง
อาวุธพวกมึงครบมือไปเปล่า
ไม่เห็นใจกู ก็เห็นใจไอติมที่พวกมึงเคยกินมั่ง
สำนึกบุญคุณความหวานเย็นของมันมั่ง
โธ่เว้ยยยย
“อย่าสาดๆๆ เดี๋ยวพี่เปียก”
เชี่ย พูดไปก็เหมือนเห่า น้ำเข้าปากเปล่าๆ
ไอ้เด็กเวร
กูจะทรมานพวกมึงด้วยการไม่มาขายไอติมเดือนนึง
ให้แม่งอดตายไปเลย
หมายถึงกูเนี่ย
อดตายไปเลย ฮือออออ
“พี่ๆ มาเล่นด้วยกัน”
ไอ้ปุก นั่นไอ้กระปุกนี่หว่า
ใครจับมันแต่งตัววะ
ใส่เสื้อคอกระเช้ากับนุ่งโจงกระเบน
ด้านหลังสะพายถังใส่น้ำอันน้อยๆ รูปหมีพูห์
ในมือถือปืนฉีดน้ำอันจิ๋ว
เออ น่ารักว่ะ
“พูห์ๆ มาเล่นกันๆ”
ดวงตาเล็กมองมายังหมวกฟางที่ผมใส่อยู่
อ้อ มันคงหมายถึงสติกเกอร์หมีพูห์สินะ
“ไม่เล่นๆ”
วันนี้คงขายไม่ได้แล้วล่ะ
พวกท่านเล่นปิดถนนตั้งด่านกันซะขนาดนี้
ผมค่อยๆ ขี่รถอย่างระมัดระวังเพื่อกลับออกถนนนอก
แต่เมื่อมองออกไป
เห็นบรรดากระบะที่บรรทุกสมาชิกมือสังหารแล้วเข่าก็แทบทรุด
ก็ไม่รอดแน่ ไอติมกู โฮฮฮฮฮฮ
“ไอติมมมมมมม”
เจ๊ยุพาในเสื้อลายดอกหน้าขาววอกตะโกนเรียก
ผมนี่หูตั้งรีบบึ่งไปหาเลย
ลูกๆ หลานๆ เจ๊มะรุมมะตุ้มแทบจะเหมาหมดถัง
ผมยิ้มกริ่มอย่างโล่งใจ
โครมมมมมม ซ่า........
โล่งใจมาก....
อ้ายสาดดดดดด
หน้ากูเหมือนเพื่อนเล่นพวกมึงเหรอ
ผมหันไปทำตาขวางใส่แก๊งเด็กเวรที่ลอบเข้าข้างหลัง
“เฮ้ยยยยย”
ไม่ใช่แค่เด็กเวร แต่ยังมีผู้ใหญ่เวรด้วย
เวรคุณสองเพราะมันคือไอ้หน้าขาวไอติมโรงงาน!
ผมทำตาขวางใส่ไอ้หัวโจก
ไม่ทันได้พูดอะไร มันก็รีบพูดขึ้นมาก่อน
“ขะ ขอโทษที ห้ามเด็กๆ ไม่ทัน”
มึง มึง มึง
โว้ยยยยย
“เออๆ ไม่เป็นไร”
ผมบอกอย่างพยายามทำตัวให้สุขุมที่สุด
ไอ้หน้าอ่อนยิ้มแหยๆ
“มาเล่นด้วยกันสิ”
นั่น ยังมีหน้ามาชวนกูอีก
“เล่นกันๆๆ พี่ๆ เล่นกัน”
“เล่นๆๆ มาเล่นกันๆๆ”
โครมมมมม
ซ่า.....
“เล่นกันๆๆๆ เล่นกันๆๆ”
ซ่า.....
โอ้ยยยยย
“ไอ้เตี้ย! เอ็งสาดพี่เหรอ!!”
ไอ้ตัวเตี้ยหัวเราะคิกแล้ววิ่งหนี
ผมสาวเท้าวิ่งตาม แล้วคว้าขันใครก็ไม่รู้สาดมันไปเต็มๆ
ไอ้เตี้ยเปียกมะล่อกมะแล่กแต่ยังหัวเราะเสียงใส
แถมผมยังโดนโจมตีกลับจากแก๊งที่ไปแย่งขันอีกด้วย
จากนั้นสัญชาตญาณนักสู้ในตัวก็เริ่มทำงาน
ขันในมือสาดโครมๆ อย่างไม่รู้ใครเป็นใคร
สงครามกลางเมืองที่มีอาวุธเป็นน้ำและแป้งกำลังสาดซัดกันอย่างเมามัน
ผมหันไปมองรถไอติมตัวเองก็พบว่ามันถูกเอาไปจอดแอบในร้านเจ๊ยุพาแล้ว
และยังเห็นว่าไอ้หน้าอ่อนไอติมโรงงานกำลังโดนสาวๆ รุมประแป้งด้วย
โครมมมมมม
ผมสาดน้ำขันใหญ่ใส่หน้าไอ้อ่อน
กูเมตตานะเนี่ย ถือว่าให้มึงล้างหน้า
สาวๆ แตกฮือเหมือนผึ้งแตกรัง
แต่ไอ้หน้าขาวที่ตอนนี้เต็มไปด้วยดินสอพองกลับไม่สำนึกบุญคุณ
มันควักเอาแป้งละลายน้ำเต็มมือแล้วพุ่งมาหาผม
รอให้พ่อมึงมาประเหรอ
ผมนี่วิ่งหางจุกตูดเลย
ฉิบหายยยย เจอแก๊งอริที่แย่งขันมาดักไว้อีก
ไอ้หน้าอ่อนตามมาทัน จับผมล็อกคอแล้วลูบมือไปทั่วหน้า
สัสสสสส หน้ากู โฮวววววว
“ขอประแป้งหน่อยนะคร้าบบบ”
มึงมาขอตอนนี้มันไม่ช้าไปหน่อยเหรอวะ
“ใครอนุญาตมึงงงง”
ผมโวยวาย
มันยืนหัวเราะตัวโยน ก่อนจะตักน้ำให้ผมล้างหน้า
มือขาวๆ ค่อยๆ เทน้ำให้
ผมไม่ขัดศรัทธาแล้วรีบล้างหน้าให้สะอาด
พอเรียบร้อยแล้วก็สะบัดขน เอ๊ย สะบัดหัวให้น้ำออกไปบ้าง
ก่อนจะเห็นว่าไอ้อ่อนยังยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
พอมองชัดๆ แบบนี้เลยรู้ว่ามันสูงกว่าผมอีก
แค่ระยะไหล่ก็สูงเลยไหล่ผมไปสักสองนิ้วได้
ตัวยังกะยักษ์วัดแจ้ง
ซ่า....
ไม่ทันได้พินิจพิจารณาอะไรต่อ ผมกะมันก็ถูกโจมตีจากน้ำเย็บเจี๊ยบ
เด็กปอสอง 4-5 คนรุมสาดน้ำเย็นใส่พวกผมจนต้องวิ่งหนีไปตั้งหลัก
“เอาไง?”
ไอ้หน้าขาวถาม
“สู้ดิ”
ผมไม่กลัวแม่งหรอก ชายชาติทหารเว้ย
ถึงไม่มีน้ำเย็น แต่เรามีดินสอพอง
ผมให้ไอ้อ่อนรับหน้าที่ประแป้ง
ส่วนตัวเองถือขันเตรียมโจมตี
นับหนึ่งไม่ถึงห้า ไอ้แก๊งเด็กปอสองก็กรูกันมาพร้อมน้ำเย็นในมือ
ผมตักน้ำจากถังหน้าร้านเจ๊ยุพาสาดโครมใหญ่รัวๆ ห้าขัน
ไอ้เด็กปอสองถึงกับมึน ยืนหลับตาปี๋
ไอ้หน้าขาวเลยได้จังหวะเข้าไปละเลงหน้าพวกมันแบบเรียงตัว
ผลคือแก๊งเด็กนรกเริ่มเบะปาก ก่อนจะร้องไห้กระจองอแงวิ่งกลับบ้านกันไป
“ฮ่าๆๆๆๆๆ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
ผมกับไอ้อ่อนยืนหัวเราะอย่างสะใจ
เรื่องเก่งกับหมากล้ากับเด็กนี่ขอให้บอก
ไม่รู้ว่าผมไปเป็นพันธมิตรกับไอ้หน้าขาวตั้งแต่ตอนไหน
แต่ผมก็แพ็กคู่เล่นสงกรานต์กับมันที่หมู่บ้านนี้จนถึงเย็น
มือผมเหี่ยวจนน่าเกลียด
ส่วนไอ้อ่อนนั่นตัวขาวซีดจนน่ากลัว
เจ๊ยุพาใจดีโยนผ้าขนหนูผืนเล็กมาให้คนละผืน
ไม่งั้นคงหนาวตายกันแล้ว
“สนุกดีว่ะ”
ผมพูดขณะใช้ผ้าเช็ดผมที่เพิ่งล้างแป้งหมด
“เออ มึงชื่อไรอะ”
ไอ้อ่อนถาม ถึงนึกได้ว่าผมกับมันยังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย
หยุดมือที่เช็ดผมก่อนจะตอบคำถามมัน “นันต์”
“กูชื่อชิตนะ”
“เออ รู้เรื่องๆ” ผมรับคำ
มันเช็ดตัวไปเงียบๆ ในขณะที่ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี
“พรุ่งนี้มาปะ”
“พรุ่งนี้มาอีกมั้ย”
เราสองคนหัวเราะให้กัน
“ดูก่อน อาจจะ” เป็นผมที่ตอบก่อน
“เหรอ งั้นไว้เจอกันนะ” มันพูดเสียงเบา
ผมเงยหน้าขึ้น เลยได้สบตามัน
ตาหวานๆ ที่ผมเคยหมั่นไส้
เออ ตอนนี้ก็ยังหมั่นไส้
ปากมันไม่พูด แต่ดวงตามันพูด
พูดว่าอยากให้มา...
---------------------------------
สองหนุ่มเค้าสานสัมพันธ์กันแล้วค่ะทั่นผู้โชมมมมมม
ศึกครั้งนี้จะจบยังไง
รออ่านสามตอนสุดท้ายในวันพรุ่งนี้นะคะ

คอมเมนต์กันวันละนิด
เดี๋ยวให้หนุ่มๆ เอาไอ้ติมไปฝาก ฮี่ๆ