SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42  (อ่าน 322158 ครั้ง)

ออฟไลน์ automaton

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
«ตอบ #660 เมื่อ11-10-2016 18:55:21 »

พยายามไม่ให้น้ำตาไหล อินสุด ๆ แต่งได้ถึงอารมณ์มาก
อยากกอดให้กำลังใจน้องม่อนจัง
แต่กอดขอบใจคนแต่งไปก่อนแล้วกัน  :กอด1:

ออฟไลน์ sb_ng

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
«ตอบ #661 เมื่อ11-10-2016 22:49:53 »

อึมครึมมมม สงสารทุกคน แต่สงสารม่อนแจ่มกับพชรมากสุด
รักพชรมากเลยค่ะ คือแบบดีงามอ่ะ ชอบมาก ฮือออออ ชอบมานานนน 5555555
ขอบคุณพชร ที่พยายามปกป้องม่อนมาถึงขนาดนี้
ขอบคุณม่อนที่มีความเข้มเเข็ง แม้ภายจะอ่อนแอหรือไม่ แต่ม่อนก็ยังสู้
ยังดีนะที่ม่อนรู้ว่าพชรพยายามปกป้องและปลอบอยู่
พวกพ่อแม่ รู้ตัวว่าผิดก็รีบทำให้อะไรๆมันดีขึ้น แก้ไขอะไรที่แก้ได้
คุณพจน์จะเอาไงต่อ ยังไม่มีความประทับใจคุณพจน์ ถึงจะรู้ว่าคุณพจน์ไม่ค่อยสนิทกับม่อน
แต่อยู่ด้วยกันมาจนถึงป่านนี้ ก็ควรแสดงความใส่ใจกับม่อนมากกว่านี้อ่ะ เฮ้อออ
หลังจากนี้ก็ขอให้ม่อนเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆนะ

ออฟไลน์ tulakom5644

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: SWEET SURRENDER 8/10/59 CH.25 Young and Beautiful P.21
«ตอบ #662 เมื่อ11-10-2016 22:57:08 »

 :a5:    :m15:   :katai1: (อารมณ์ตามสติ๊กเกอร์เลย ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้......) ขอคลานเอาใจช้ำๆ ไปให้กำลังใจพชรกับน้องม่อนก่อนนะ  :katai5:

ออฟไลน์ comai0618

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 47
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฮือออ น้ำตาไหลพรากกกก
กลับมาหากันเถอะนะเด็กๆ
ฮืออออออ
 :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
เปนกำลังใจให้คนแต่งจ้า

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ tulakom5644

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
มาตามนัด เพราะคิดถึงพชร กับน้องม่อนผู้น่ารักแล้วค่าาาาาาาาา  :man1: :z13:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
คิดถึงนะคะนะ น้องม่อนของพี่~~~

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #668 เมื่อ02-11-2016 23:27:32 »

มารอให้กำลังใจคนแต่ง

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #669 เมื่อ02-11-2016 23:40:18 »

 :katai5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
« ตอบ #669 เมื่อ: 02-11-2016 23:40:18 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #670 เมื่อ02-11-2016 23:49:20 »

CHAPTER 26: How Adults Really Are

           “ตอนที่.. วาดอยู่ในหอสามชาย..”
เสียงเข้มเปล่งแต่ละคำออกมาช้าๆ
หวัง.. สื่อสารให้บุคคลตรงหน้าเข้าใจ

“เขาบอกว่า.. เขาไม่สนิทกับคุณพ่อของเขา เขาไม่รู้หรอกว่าท่านชอบอะไร..”
คนพูดกลืนน้ำลาย นึกถึงบุคคลในความทรงจำ ..นึกและพูดออกมาให้ครบถ้วนทุกคำ
“แล้วอีกอย่าง.. หากคุณพ่อเขาอยากได้อะไร ก็คงหามาได้ง่ายๆอยู่แล้ว”

..น้ำเสียงจริงใจที่พูด
..น้ำเสียงที่ปรารถนาให้ผู้รับมีความสุข พชรจำได้ดี

“เขาจึงอยากวาดภาพ.. อยากให้ของที่เงินซื้อไม่ได้.. ของขวัญวันเกิดของคุณพ่อเขา..”
พชรจบคำพูดยืดยาวนั้นพร้อมกับที่ก้มหน้าลง
รู้สึกเหนื่อยพอดี..
รู้สึก.. ว่าวันนี้เป็นวันที่ยาวนานจนใช้เรี่ยวแรงหมดไปเมื่อสิ้นสุดประโยคนี้พอดี

           ภาพวาดการ์ตูนในกรอบไม้สั่นน้อยๆอยู่ในมือใหญ่..
นี่คือของขวัญทำมือชิ้นแรกในชีวิตเขา ..ของขวัญวันเกิดของนายพจน์ ประดิษฐาพงศ์
ซึ่งมาจาก ..ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์..
เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย..

ใช่..
ในวันเกิดม่อนแจ่ม เขาก็เคยพาเจ้าตัวไปทานอาหารร้านดีๆ
เคยให้ของขวัญ
เคย.. อวยพร
ทว่า มันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งนี้  สิ่งที่ให้ด้วยใจแบบนี้  ..สิ่งที่ลูกให้กับพ่อ

‘HAPPY 50th BIRTHDAY TO MY RESPECTED FATHER’

..พ่อ..

..ลูก..


นายพจน์คิดทบทวนตนเอง..
เขาไม่เคยรักระมิงค์ ม่อนแจ่มจึงไม่ใช่ ‘พยานรัก’
บิดาต้องการทายาท นายพจน์ก็เพียงมองม่อนแจ่มเป็น ‘ทายาท’ มาตลอด
ซึ่ง.. เขาตระหนัก ณ บัดนี้ว่า.. ‘ทายาท’ กับ ‘ลูก’ นั้น ..แม้ความหมายทับซ้อน ทว่า ไม่ได้ตรงกันเสียทีเดียว
จิตใจของเขาปิดตายไปตั้งแต่วันที่ตัดสินใจแต่งงาน ..วันที่ปล่อยเพชรลดาไป
ในเมื่อเลือกงาน เขาก็ทำแต่งาน คิดแต่งาน ไม่เปิดใจรับอะไรเข้ามาอีก ขณะที่เด็กอย่างม่อนแจ่มนั้นจิตใจเปิดกว้าง
เปิดเพื่อรักและเคารพเขามาตลอด.. พยายามมาตลอดเพื่อสิ่งที่เขามุ่งหวังให้เจ้าตัวเป็น..
เขาเพิ่งรู้สึกว่าม่อนแจ่มเป็น ‘ลูก’ ก็เมื่อวันที่รู้ว่าเจ้าตัวไม่ใช่ลูก
เมื่อตอนที่ลูกแท้ๆมายืนตรงหน้า นำของขวัญวันเกิดชิ้นนี้มามอบให้สมเจตนา

นายพจน์เพิ่งเข้าใจว่าที่ผ่านมา เขาเป็นคนที่แย่เกินกว่าที่เคยนึกว่าตัวเองแย่ ละเลยยิ่งกว่าที่เคยคิดว่าละเลย
เขาไม่เคยเป็นพ่อพชร แล้วนอกจากนั้น.. เขาก็ยังไม่เคยเป็นพ่อม่อนแจ่ม
..เขาไม่สมเป็นพ่อของใครเลยสักคน..

ดวงตาคมหลับลง ถอนหายใจในเรื่องราวเหล่านี้..
ก่อนจะลืมขึ้น มองเด็กหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นลูกชาย
เขาสามารถมองผ่านดวงตาสีดำสนิทคู่นี้ไปถึงใจเด็กหนุ่มได้จริงๆใช่ไหม..
ความเจ็บปวด.. ความกังวลใจ.. ความห่วงใย.. การพยายามปกป้อง..

นายพจน์ออกจะแน่ใจว่ารู้จักสิ่งที่พชรกำลังรู้สึก
พอๆกับที่นึกสนเท่ห์ในวงล้อของโชคชะตา
เด็กสองคนที่เกี่ยวข้องอย่างไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน ..ได้มารู้จักกัน ..อยู่ห้องเดียวกัน
และที่ยิ่งไปกว่านั้น..

“ม่อนจะไม่เป็นไร”
นั่นเสมือนคำมั่น..
นายพจน์ยืนยัน ม่อนแจ่มจะไม่เป็นไร

พชรเงยหน้าขึ้นมา
ดวงตาสองคู่ประสานกัน
แล้วเด็กหนุ่มก็เอ่ยได้เพียง..
“ครับ ..คุณพจน์”

..คุณพจน์..

คำเรียกนั้นเสียดแทงเข้าไปในหัวใจ
ทว่า นายพจน์ก็รู้ตัวดี ..มันสมควรอยู่แล้วทุกอย่าง..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
   
          ดูเหมือนวันนี้เป็นวันที่ยาวนาน.. กว่าที่เธอจะบอกให้ลูกชายไปอาบน้ำเตรียมตัวพักผ่อน
ประตูหนึ่งในสองห้องนอนค้างเปิดไว้ ห้องที่ระมิงค์เตรียมไว้สำหรับม่อนแจ่ม สำหรับเวลานี้ที่จะมาถึง แล้วก็มาจนได้
ร่างระหงเดินไป มองผ่านประตูที่แง้มเปิดไว้..
ม่อนแจ่มบอกว่าจะไม่ปิดประตู หากเธอมีอะไร ก็ให้เรียกเขาได้ทันที
ลูกเอ๋ย.. ระมิงค์ขอบใจเท่าไรก็ไม่พอ..

           ม่อนแจ่มอยู่ในอิริยาบถที่เธอชินตา ..นั่งวาดภาพ..
เวลาแบบนี้ ม่อนแจ่มยังวาดภาพได้ ทว่า ก็นั่นแหละนะ ..เขาอารมณ์ศิลปินมาตั้งแต่เด็กแล้ว
ตอนที่โดนเพื่อนแกล้งจนกลับบ้านทั้งร้องไห้ เจ้าตัวก็มานั่งวาดภาพเพื่อให้หายเสียใจ เธอยังจำได้เลย
คล้ายใครบางคน.. เล่นกีต้าร์ร้องเพลงได้แทบตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม.. ดวงตาที่จับอยู่ ณ ปลายดินสอนั้นมีความโศกเศร้าแฝงอยู่ไม่น้อย
ระมิงค์ก้มหน้า.. ยืนเงียบๆ จนเมื่อลูกชายลุกขึ้น รื้อกระเป๋า เอาผ้าขนหนูเตรียมไปอาบน้ำ.. เธอจึงเดินเข้าไป
อยากจะจัดข้าวจัดของให้ แม้จะเป็นเพียงกระเป๋าสองใบไม่ใหญ่นัก เธอก็อยากจะดูแลให้สมกับที่ม่อนแจ่มดูแลจิตใจเธอ

กระเป๋าวางอยู่ข้างเตียง ใกล้ๆกันนั้น ฉากตั้งก็ยังกางอยู่ ไม่ได้ถูกเก็บ
ม่อนเอ๋ย.. เดี๋ยวจะเดินชนไหมละนี่
ใช่ระมิงค์จะไม่รู้ว่าลูกชายนั้นติดจะซุ่มซ่ามมากทีเดียว
มือเรียวเลื่อนฉากตั้งไปชิดผนัง ผ้าขาวคลุมภาพเลื่อนหลุดลงมาเล็กน้อย เธอจึงเลิกมันออก ตั้งใจจะคลุมไว้ใหม่ให้เรียบร้อย

ในความสว่างจากแสงไฟ.. ลายเส้นดินสอเตะตานัก
จากที่ไม่สนใจ เพียงจะคลุมผ้า ระมิงค์กลับชะงักค้าง ผ้าขาวกำอยู่ในมือนิ่ง
มันคือภาพ Portrait ภาพหนึ่ง ซึ่งลายเส้นดินสอชัดเจนจนเธอไม่มีทางจะไม่รู้ว่าเป็นภาพเหมือนของใคร
ภาพนี้เป็นภาพของเด็กหนุ่ม.. เห็นเพียงครึ่งตัว..
แววตาเฉยชาและสีหน้าค่อนข้างเรียบเฉย..
มือใหญ่ถือหนังสือเล่มหนาเปิดค้างไว้..
ก้มน้อยๆอย่างกำลังอ่าน..
หนังสือซึ่งบนหน้าปกบ่งว่า ‘ปรัชญา’

          “พชรเป็นรูมเมทม่อน..”

ระมิงค์กลืนน้ำลายลงคอ
‘รูมเมท’ หมายความว่าอย่างไร เธอเข้าใจดี
ทว่า น้ำเสียงและแววตาของลูกชายตอนที่พูด ไม่ได้สื่อว่าเขาหมายความเพียงแค่นั้นเลย
นี่ไม่ใช่ข้อพิสูจน์เดียว แต่มันคือหลักฐานที่จับต้องได้..
 
รวมเข้ากับทุกอย่างที่ระมิงค์ได้สัมผัสและรับรู้เพียงชั่วไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ..เธอคงพูดไม่ได้เต็มปากว่าแปลกใจ
เธอเองก็รู้จักความรู้สึกแบบนี้.. แต่นี่มันเป็นไปได้อย่างไรหนอ ..เด็กหนุ่มสองคนนี้..

           “เธอก็ไปบอกคุณพจน์เองเลยสิ!”
           “คุณบอกลูกชายคุณก่อน!”


           “ไม่เป็นไร ผมจะไป แค่..”
..
         “ดูแลครอบครัวของคุณให้ดี ..ดีที่สุด”

“พชรเป็นรูมเมทม่อน..”


แล้ว.. เธอจะทำอะไรได้บ้างไหม?
จะทำไม่รู้ไม่ชี้ เพิกเฉยกับสิ่งนี้อีกหรือ..
หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างที่เด็กทั้งสองคนหยัดยืนมา
จะทำลงได้ยังไงกัน..

         ระมิงค์ขยับฉากตั้งกลับที่เดิม เดินออกมาเสียจากห้อง มือเรียวกดโทรศัพท์..
หมายเลขของคนที่อยู่ด้วยกันมาสิบเก้าปี  แต่โทรหากันน้อยครั้งนัก

..สายไม่ว่าง..

เธอใจสั่นระรัว มีความยำเกรงแฝงอยู่ในใจ อย่างไรระมิงค์ก็ทำผิดต่อเขา ต่อภรรยาเขา ต่อลูกเขา
เธอคิด.. ว่าจะเริ่มพูดอย่างไรดี คิดว่าเขาจะตอบกลับมาอย่างไร
แต่ก็นั่นแหละ เธอต้องกล้าหาญไม่ใช่หรือ?
ม่อนแจ่มบอกว่าความเข้มแข็งและกล้าหาญเป็นคุณสมบัติที่คนเราควรต้องมี

ลูกเธอยังกล้า.. พชรก็กล้า..
แม้แต่เพชรลดา ยังกล้าที่จะปกป้องความรู้สึกลูกตัวเอง โดยเว้นจากการหักหาญจิตใจลูกของคนที่ทำร้ายเธอเลย
แล้วระมิงค์.. จะกล้าบ้างไม่ได้เชียวหรือ?

นอกเหนือจากนั้น มันไม่ใช่แค่เรื่องว่ากล้าหาญหรือไม่..
มันคือ.. การเลือกปกป้องความรู้สึกของม่อนแจ่ม ..ไม่ใช่ของตัวเธอ
สิ่งที่คนเป็นแม่ที่ไหนเขาก็ทำกัน..

ระมิงค์กดโทรออกอีกครั้ง
ทว่า สายก็ยังไม่ว่าง แล้วทันทีที่กดวาง เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น

“คุณพจน์..”
ระมิงค์หลุดอุทาน เหตุใดทั้งสองจึงโทรหากันในเวลาเดียวกันเช่นนี้ได้?

นิ้วโป้งปาดสัญลักษณ์สีเขียวเพื่อรับสาย ..คลายความสงสัยทั้งมวลเสีย
อะไรที่คุณพจน์จะพูดกับเธอ
ตำหนิ.. ให้เธอไปเก็บข้าวของ.. ปลดเธอออกจากรองประธาน?

           “ม่อนอยู่ที่ไหนหรือ ระมิงค์”
นั่นคือคำถามที่ส่งมาตามสาย
“ท..ทำไมคะ” ระมิงค์เสียงสั่น
“คุณจะตำหนิ จะว่าอะไร ..ก็ว่ากับฉันเถอะ ม่อนไม่เกี่ยว เขาเกิดมาไม่รู้เรื่องอะไร”
เหมือนว่าปลายสายจะถอนหายใจยืดยาว หลังจากเงียบไปหลายวินาที
“เวลาหาคนผิด.. มันได้ผ่านมา ..และผ่านไปแล้ว ระมิงค์” เสียงเข้มทอดถอนใจ
“ผมอยากพบม่อน อยากบอกลูกว่าไม่เป็นไร อยากบอก.. ให้ลูกไม่ต้องกังวล ผมยังเป็นพ่อและประดิษฐาพงศ์ก็จะยังเป็นบ้านม่อนด้วยเหมือนกัน”
“คุณพจน์..” เสียงเนิบทวนชื่อปลายสาย

ระมิงค์ไม่คาดคิดว่าเธอจะได้ยินสิ่งนี้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอรู้.. เธอเห็น..
นายพจน์ยังคงรักเพชรลดา.. เขากับเธอเป็นเพียงเพื่อนร่วมชีวิต..
นายพจน์ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างไปกับการทำงานหนัก และเธอก็ทำเช่นเดียวกัน
แม้ว่าม่อนแจ่มจะถูกดึงเข้ามามีส่วนร่วมในงาน แม้ว่านายพจน์จะให้ความสำคัญกับม่อนแจ่ม แต่ก็ในแง่ของทายาท
ส่วนสายสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกนั้นเปราะบางเหลือเกิน และระมิงค์เองนี่แหละ ที่ไม่ได้พยายามทำให้มันเข้มแข็งขึ้นแต่อย่างใด
เธอเองก็มีส่วนในเรื่องนี้..

ถ้าเธอกับคุณพจน์พยายามมากกว่านี้.. ม่อนแจ่มก็คงอบอุ่นมากกว่านี้..
อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มเป็นเด็กคิดดีได้อย่างเหลือเชื่อจริงๆ
ระมิงค์ตระหนัก.. เห็นทีเธอคงต้องขออนุญาตกลับไปบ้านประดิษฐาพงศ์
มีบุคคลหนึ่งที่ต้องไม่ลืม ..เธออยากจะก้มลงกราบเพ็ญมาศสักครั้งหนึ่งให้สมกับที่ผู้อาวุโสสุดในบ้านดูแลอบรมม่อนแจ่มเรื่อยมา
ระมิงค์รู้สึกว่าตัวเองติดหนี้ใครหลายคนเหลือเกิน และที่สำคัญ..
“ฉันมีเรื่องอยากจะถามคุณด้วยค่ะ..”
“ว่ามาสิ”
“ตอนนี้ เพชรลดาอยู่ที่ไหนคะ..”
   
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
   
          “ขอบใจมาก บุญส่ง”
คืนนี้คงเป็นคืนแห่งการเดินทางสำหรับนายพจน์ ทว่า เขาก็ไม่อาจปล่อยเวลาให้นานกว่านี้ได้
ม่อนแจ่มอาจกำลังเสียใจ และที่จริง เขาก็ช้าเกินไปด้วยซ้ำ

ร่างกำยำกดลิฟต์ขึ้นไปตามชั้น และหยุดหน้าห้องที่ระมิงค์บอก
ประตูเปิดออกและเขาก็มองเห็นหญิงผู้มีศักดิ์เป็นภรรยาอย่างที่คาด ก่อนที่จะตามด้วยดวงตาที่เบิ่งค้างอย่างไม่เข้าใจ
ศีรษะเล็กปรกด้วยผมลู่เปียกน้ำ วิ่งออกมาจากห้องอย่างงุนงงสงสัยว่าใครมาเยือน

         “คุณพ่อ!” เสียงเล็กหลุดอุทาน ก่อนที่จะตระหนักได้และเปลี่ยนคำ
“ม่อนหมายถึง.. คุณพจน์”
ดวงตาสองคู่ประสานกัน และหัวใจนายพจน์ก็ดิ่งวูบอีกครั้งกับคำคำเดิม แม้จะต่างน้ำเสียง

..คุณพจน์..

          ใบหน้าคมที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งละม้ายคล้ายทำให้ม่อนแจ่มต้องหลบสายตา
ร่างใหญ่ขยับมายืนตรงหน้า ภาพวาดในกรอบไม้อยู่ในมือ
“พ่อ..” ยิ่งแทนตัวด้วยคำนี้ก็ยิ่งเจ็บปวดในใจ ในเมื่อคนพูดรู้สึกว่าไม่คู่ควรกับมันสักนิด
“พ่อมาขอบใจม่อน ..สำหรับของขวัญ”

ของขวัญ?
ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว มองของในมือนายพจน์

ต้องยอมรับว่า.. เขาลืมนึกถึงสิ่งนี้ไปเลย
ลืมไปแล้วว่าไปที่บริษัททำไม ..ลืมไปแล้วว่าวันนี้เป็นวันเกิดคุณพ่อและเขาจะเอาของขวัญไปให้
แต่เดี๋ยว.. เขาทำมันตกนี่นา ..ใช่ไหม?
แล้วมันมาอยู่เรียบร้อยไม่มีส่วนใดแตกหักในมือท่านตอนนี้ได้อย่างไรกันล่ะ

เหมือนจะเดาได้จากสีหน้า..
นายพจน์จึงยิ้มอย่างเมตตา ตอบให้คลายสงสัย
“พชรเอาไปเข้ากรอบใหม่ และนำมามอบให้พ่อ”

พชร..
พชรอีกแล้วหรือ..

“ขอบใจนะลูก”
มือใหญ่อีกข้างค่อยๆยกขึ้นลูบหัวเล็กเบาๆ นึกเอ็นดูเด็กหนุ่มขึ้นมาจับใจ

           กิริยาที่ไม่คุ้นชินทำให้ดวงตาใสในกรอบแว่นเบิ่งกว้างขึ้น
คุณพ่อลูบหัวเขา
แต่ว่า.. เดี๋ยวนะ..
“ม่อน.. ม่อนไม่ใช่ลูกนะครับ”
“ม่อนเป็น” นายพจน์ยืนยันหนักแน่น “และพ่ออยากขอโทษม่อนด้วย..”
“ขอโทษอะไรครับ” ม่อนแจ่มฉงน ท่านไม่มีอะไรจะต้องขอโทษเขาเลยนี่นา..
“พ่อไม่ได้พูดอะไรกับม่อนเลย” เสียงเข้มค่อยๆเอ่ย
“พ่อ.. มัวแต่นึกถึงความรู้สึกตัวเอง จนลืมนึกถึงความรู้สึกของม่อนที่อยู่กับพ่อมาตั้งแต่เกิด ม่อนจะตกใจ เสียใจแค่ไหน พ่อก็ไม่ได้รีบถามไถ่เลย”
“โธ่.. คุณพ่อครับ!” ม่อนแจ่มยื่นมือไปสัมผัสท่อนแขนนายพจน์อย่างเกรงๆ ลืมตัวเรียกขานบุคคลตรงหน้าด้วยคำเดิม
“คุณพ่อรู้เรื่องทั้งหมดนี้ปุปปับ คงตกใจเป็นธรรมดา ความรู้สึกของคุณพ่อก็คือความรู้สึกที่นึกถึงพชรกับคุณน้าเพชรลดา คุณพ่อเสียใจ  คุณพ่อรู้สึกผิด ขนาดม่อน ม่อนยังรู้สึก แล้วคุณพ่อจะไม่รู้สึกได้ยังไงล่ะครับ คุณพ่อก็เลยลืมอย่างอื่นไป”
“แต่ม่อนไม่เคยลืมพ่อ..” นายพจน์หัวเราะตัวเอง มองภาพวาดในมืออีกครั้ง ม่อนแจ่มก็มองด้วย
“ม่อนรักและเคารพคุณพ่อเสมอนะครับ คุณพ่อไม่รังเกียจม่อน ไม่ว่ากล่าวคุณแม่ ม่อนก็ดีใจจะแย่อยู่แล้ว ไหนจะที่คุณพ่อเมตตาม่อนมาตลอดอีก”

หึ..
นายพจน์ถอนหายใจ
“พ่อไม่เคยสร้างความผูกพันอะไรกับม่อนเลย”

ไม่ถึงขนาดนั้นเสียหน่อย..
“คุณพ่อพาม่อนไปเลี้ยงวันเกิดทุกปี จำได้ไหมครับ”

ใช่.. นายพจน์รู้ ..ปีละครั้ง

“คุณพ่อพาม่อนไปเที่ยวบริษัทเสมอ”

ใช่.. นายพจน์พยักหน้า ..พาไปเรียนรู้งาน

“คุณพ่อถามไถ่สารทุกข์สุขดิบม่อนหลายครั้ง”

ใช่.. นายพจน์เห็นด้วย ..แต่ละครั้งแทบจะนับประโยคได้เลยทีเดียว

“แล้วตอนม่อนสอบได้วิศวฯเครื่องกล คุณพ่อก็ให้นาฬิกาม่อน ม่อนชอบมากนะครับ ม่อนใส่..”
กึก..
ม่อนแจ่มชะงักคำพูดเมื่อตระหนักว่านาฬิกาไม่ได้อยู่บนข้อมือ
“คือปกติ ม่อนใส่ทุกวันนะครับ แต่วันก่อนม่อนถอดวางไว้บนโต๊ะ เพื่อ..”

เพื่อให้คนไม่มีนาฬิกาตื่นมาแล้วรู้เวลา..

“แล้วคือ.. ม่อนยุ่ง มีเรื่องอะไรเข้ามา ม่อนไม่ได้ใส่คืน แต่จริงๆม่อนใส่ตลอด ม่อนชอบครับ ขอบคุณครับ”

นายพจน์ถอนหายใจอีกครั้ง ยอมรับอย่างขำๆระคนเศร้าใจ
“พ่อให้รวิดาเลือกให้ ไม่ได้เลือกเองหรอกลูก”

ม่อนแจ่มเกือบจะขำ
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคุณพ่อไม่มีเวลามานั่งเลือกนาฬิกาให้เขาหรอก แต่ก็นั่นแหละ แค่ท่านมีกะใจจะมอบให้เขานี่ก็ดีมากแล้ว จะให้ใครเลือกให้ มันก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับการที่นึกจะให้นี่นา
“แค่นั้นก็ดีมากแล้ว ม่อนพูดจริงๆนะครับ ม่อนรู้ว่าคุณพ่อยุ่งแค่ไหน เหนื่อยแค่ไหนทุกๆวัน”

ให้ตายเถอะ..
นายพจน์มองเด็กหนุ่มตรงหน้า มือที่วางบนศีรษะประทับลงน้ำหนักมากขึ้นอีก
“เรานี่นะ.. เป็นคนแบบนี้เลยเหรอ..” เสียงเข้มรำพึงอย่างแปลกใจระคนซาบซึ้ง
“แต่ก็มิน่าล่ะนะ.. ใครๆถึงได้รักม่อนกันทั้งนั้น”

เป็นคนแบบไหน.. ม่อนแจ่มไม่ค่อยแน่ใจในความหมาย
แล้วใครๆที่ว่า ม่อนแจ่มก็ไม่กล้าถามหรอก ว่ากินความรวมถึงใครบ้าง
เขาไม่กล้าคิด..
ไม่กล้ารับความรู้สึกนั้นเอาไว้..

“ขอบคุณครับคุณพ่อ ขอบคุณที่มา..” ม่อนแจ่มเอ่ยอีกครั้ง “แล้วม่อน ม่อนจะรีบไปเก็บของครับ”
“เก็บของอะไร?” นายพจน์เลิกคิ้ว
“ก็.. ของที่บ้าน”
บ้านประดิษฐาพงศ์..

นายพจน์กลืนน้ำลาย
“ม่อนไม่อยากอยู่บ้านประดิษฐาพงศ์แล้วหรือลูก”

บ้านประดิษฐาพงศ์เป็นบ้านที่รู้จักมาตั้งแต่เด็ก เป็นร่มไม้ชายคาของม่อนแจ่ม
ถ้าบอกว่าไม่อยากอยู่.. ไม่รัก.. ไม่ผูกพัน.. นั่นก็คือคำโกหก..
ห้องที่เคยนอนพักผ่อน โต๊ะกินข้าวที่เคยนั่ง สวนที่เคยวาดภาพ ป้าเพ็ญผู้กรุณา ..ทุกอย่างมีความหมายในแง่ความรู้สึก
แต่.. ทั้งหมดนั้นตัดได้ ..ถ้าเพื่อให้บุคคลที่มีสิทธิ์แท้จริงได้ไปอยู่อาศัยสมฐานะ

“ม่อนขอบคุณที่คุณพ่อเมตตาม่อน แต่ว่า.. พชรต่างหากนะครับที่ควรไปอยู่ ไม่ใช่ม่อน”

ใช่.. นายพจน์ยินดีหากพชรจะมาอยู่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไล่ม่อนแจ่มไปไหน
ตอนที่เอ่ยชวนเพชรลดาไปที่บ้าน เขาเพียงอยากให้เธอมีที่พักพิง อยากให้เธอรู้ว่าเขายินดียิ่งที่จะต้อนรับเธอ
มือใหญ่ยกขึ้นกุมขมับ เหมือนไม่รู้จะจัดการอะไรให้ลงตัวได้อย่างไร
นั่นก็ลูกที่แท้จริง นี่แม้ไม่ใช่ลูก แต่ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย

“คุณพ่อปวดหัวหรือครับ” ม่อนแจ่มขยับเข้าใกล้
นายพจน์ยิ้มบางๆ “ไม่เป็นไร” น้อยไปด้วยซ้ำ..
เสียงเข้มที่คล้ายคลึงของตัวเองยังดังชัดอยู่ในใจ

          “คุณพจน์..”

“คุณพ่อพบพชรแล้วนะครับ”
ม่อนแจ่มค่อยๆเอ่ยย้ำ แน่ละ.. ท่านเคยพบพชรมาก่อนแล้ว แต่นั่นมันในฐานะของรูมเมทลูก
แต่ที่ม่อนแจ่มหมายถึงคือ.. พบในฐานะลูกชายของตัวเอง

นายพจน์พยักหน้า ดวงตานั้นแฝงความทุกข์อย่างที่ม่อนแจ่มพอรู้ว่าท่านจะต้องเจอสถานการณ์ใด
เพราะขนาดตอนม่อนแจ่มจะพาไปพบคุณพ่อ พชรยังแข็งขืน ยิ่งจะให้ศึกษาธุรกิจของคุณพ่อ พชรก็ไม่ต้องการเลย
พชรไม่ได้ยอมรับนับถือคุณพ่อเหมือนกับเขา ..ซึ่งตรงนี้ ม่อนแจ่มว่าเข้าใจได้และต้องใช้เวลา

“พชรเขาท่าทีอย่างนั้นเองแหละครับ” ม่อนแจ่มยืนยัน
“ดูเหมือนเฉยๆ ดูเหมือนใจแข็ง ดูเหมือนไม่สนใจ เขาไม่ค่อยพูด แต่ที่จริง.. พชรใจดีครับ มีน้ำใจ แล้วก็มีเมตตามาก ม่อนเชื่อว่าพชรต้องยอมรับคุณพ่อได้ในสักวัน คุณพ่อต้องสู้นะครับ ขนาดม่อน ม่อนยังสู้เลย ตอนแรกพชรก็ไม่ชอบม่อน ตอนนี้..”

กึก..
ม่อนแจ่มชะงักคำพูดอีกครั้ง ปากอ้าค้างไว้..

“ตอนนี้..” นายพจน์ทวน มองหนุ่มน้อยซึ่งหลบสายตา “ตอนนี้เป็นยังไงหรือม่อน?”
“ต..ตอนนี้..” ม่อนแจ่มตะกุกตะกัก
“ตอนนี้ คือ.. พชรก็ไม่ได้ ..ไม่ได้ไม่ชอบม่อนแล้วน่ะครับ”

‘ไม่ได้ไม่ชอบ’
นายพจน์คิดว่านั่นมันห่างไกลความจริงอยู่อักโข
เขาเผลอหันไปสบตากับระมิงค์อย่างไม่ตั้งใจ
เป็นผู้ใหญ่.. ความรู้สึกเช่นนี้ ไม่มีทางที่จะไม่รู้

เด็กทั้งสองเป็นผู้ชาย..
ทว่า ทำไมนะ นายพจน์ถึงไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจในคนทั้งคู่
นายพจน์ไม่อยากจะคิดเลย ว่าถ้าเด็กสองคนนี้ไม่ได้รู้สึกต่อกันอย่างที่พวกเขากำลังเป็นอยู่ เรื่องมันจะวินาศสันตะโรแค่ไหน
ถ้าไม่มีใครยอม.. ถ้าไม่มีใครเสียสละ.. เรื่องมันจะเป็นยังไง
ที่เขายังมานั่งพูดคุยอยู่กับม่อนแจ่มตรงนี้ได้ ก็เพราะพชรพยายามให้มันเป็น พยายามให้นายพจน์เห็นว่าต้องให้ความสำคัญกับม่อนแจ่มมากมายเพียงใด แม้ว่าเจ้าตัวจะเป็นลูกแท้ๆของเขาก็ตาม
แม้ว่าจะอยุติธรรมสำหรับชีวิตเขาแค่ไหนตลอดเวลาที่ผ่านมา ..พชรไม่ต้องการมาแทนที่ ไม่ต้องการผลักไสม่อนแจ่มออกไป

“คุณพ่อพาพชรไปอยู่บ้านนะครับ ดูแลพชรให้ดี อย่าให้ม่อนไปเลย ม่อนไปไม่ได้หรอกครับ พชรจะคิดยังไง”
“ไม่ใช่ว่าม่อนรู้ดีกว่าพ่อหรอกหรือ ..ว่าพชรคิดยังไง”
นายพจน์ถามเพียงแค่นั้น..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #671 เมื่อ02-11-2016 23:50:10 »

         “ดอกลิลลี่สีขาวค่ะ”
ระมิงค์ยืนอยู่ในร้านดอกไม้ใหญ่ ระบุช่อดอกไม้ที่เธอต้องการให้ทางร้านจัด
ไม่รู้สินะ.. ทำไมเธอถึงคิดว่าควรจะมาซื้อดอกไม้..
มันอาจไม่ช่วยอะไร ไม่อาจทดแทนสิ่งใด แต่ถ้าดอกลิลลี่สีขาวเป็นดอกไม้แสดงความขอโทษ เธอก็อยากจะนำมันไป
อีกประการหนึ่ง.. ดอกลิลลี่สีขาวก็เหมาะกับผู้หญิงหน้าตางดงาม จิตใจดีบริสุทธิ์ผู้ซึ่งเธอจะนำไปมอบให้ทุกประการ

          เธอเข้ามาภายในล็อบบี้โรงแรมและเห็นนายพจน์อยู่ที่นั่นแล้ว
หรือที่จริง.. ดูเหมือนเขาไม่ได้ไปไหนเลยหลังออกจากคอนโด ..ชุดเดิมที่เห็นเมื่อคืนและชุดเดียวกับเมื่อวาน
เธอมองดวงตาอิดโรยของร่างกำยำที่พบเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอย่างนึกเห็นใจ

           “คุณพจน์..” ระมิงค์เดินเข้าไปใกล้
ร้อนหนาวที่ผ่านพ้น ความขอบคุณและความขอโทษที่แสดงต่อกันฉายชัดในดวงตา ..สองคนคุ้นเคยพยักหน้าให้กัน
“นั่งสิ” เสียงเข้มเชิญชวน และระมิงค์ก็นั่งลงข้างๆ
“ฉันกล่าวขอโทษกี่คำก็คงไม่พอ..”

นายพจน์นิ่งเงียบไปหลายอึดใจ..
“ถ้าจะขอโทษใครสักคน ..ก็ขอโทษลดาเถอะ”
นายพจน์เองก็เช่นเดียวกัน.. กล่าวขอโทษกี่คำก็ไม่อาจพอ

“เพชรลดากับพชรควรไปอยู่ที่บ้านประดิษฐาพงศ์..” ระมิงค์เอ่ยค่อยๆ นึกเอ็นดูลูกชายขึ้นมา แต่ก็ข่มไว้
“ทำไมคุณพจน์ไม่ให้เธอกับลูกไปที่บ้านคะ ทำไมถึงให้มาพักโรงแรมแบบนี้”
นายพจน์หลับตาลงอีกครั้งอย่างปวดใจ
“ผมบอกแล้ว..”
“แล้วเพชรลดาว่ายังไงคะ..”

ดวงตาสองคู่ประสานกัน แล้วทั้งคนถามและคนถูกถามก็รู้คำตอบ
เพชรลดาเป็นคนเข้มแข็ง
เพชรลดาแกร่งพอจะเดินจากไปทั้งที่ตั้งครรภ์
เพชรลดาสามารถเลี้ยงดูลูกชายมาได้เพียงลำพัง ซ้ำยังเลี้ยงได้ดีเสียด้วย
ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เพชรลดาอยากจะไปบ้านประดิษฐาพงศ์

“เพชรลดาควรได้อยู่ที่นั่นมาแต่ต้น..” ระมิงค์เอ่ยค่อยๆ
“ไม่ใช่ความผิดคุณคนเดียว” นายพจน์ส่ายหน้า
บิดามารดาไม่เห็นชอบกับการคบหาของทั้งสองและนายพจน์ก็ไม่แกร่งพอเอง ..เพชรลดาไม่ได้รับการต้อนรับเมื่อเขาพาเธอเข้าบ้านในครานั้น ..และครานี้ เขาเองก็เพียงอยากให้เธอรู้ว่าเธอและลูกจะได้รับการต้อนรับ มันจะเป็นที่พักพิงของเธอกับลูก
แต่แน่นอนล่ะ นายพจน์รู้ตั้งแต่แรกว่าเธอจะไม่ไป อย่างไรเสีย.. ได้บอก ได้ชวน เขาก็ยังดีใจ..
“ลดาเป็นห่วงคุณกับม่อนมากนะ”

            ใบหน้าเรียวก้มลง นึกสะท้อนใจ ..เพชรลดาเป็นคนดี เธอสิ ..ทำได้ลงคอ
“ฉัน..” ระมิงค์ไม่รู้จะพูดอะไร
“ขอบคุณในความกรุณาค่ะ และฉัน.. ฉันขอโทษอีกครั้งจริงๆ”
“อย่าขอโทษผมเลย” นายพจน์มองเธอ “ขอโทษลดานะ ระมิงค์”

ระมิงค์ไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้เธอจะมีวันขอโทษเพชรลดา ทว่า นี่มันก็ไม่ใช่อะไรที่เธอคาดเช่นกัน
เธอไม่ได้คาด.. ว่าลูกชายของเพชรลดาจะรู้จักกับลูกชายของเธอ
ไม่ได้คาด.. ว่าลูกชายของเพชรลดานั่นแหละที่พยายามปกป้องลูกชายเธอมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้
ไม่ได้คาด.. ว่าเพชรลดาเองก็เคยพบลูกชายของเธอ แต่กลับไม่พูดอะไร ไม่หักหาญจิตใจเลย
และที่สำคัญที่สุด.. การทำเช่นนี้ของเธอจะช่วยเหลือจิตใจลูกชายเธอเองด้วย

          “ทนนั่งรถนิดนะครับ กลับบ้าน อย่างน้อยก็อากาศดี  ป้าอิ่มดูแลแม่ได้”
เสียงเข้มแว่วมา.. ระมิงค์หันไปมองต้นเสียง
แล้วก็เป็นพชรนั่นเองที่เข็นรถมารดาออกมาจากลิฟต์
ร่างระหงลุกขึ้นยืน กลืนน้ำลายอย่างสรรหาคำพูด ..เธอลืมไปแล้วว่าจะพูดอะไร
ก็เหมือนที่เห็น ณ ห้องพยาบาลเมื่อเย็นวาน.. ผู้หญิงตรงหน้าแทบไม่ต่างจากเด็กสาววัยยี่สิบสองที่เธอเคยพูดจาทำร้ายจิตใจเมื่อสิบเก้าปีที่แล้วเลย

          เพชรลดาอ้าปากค้างน้อยๆ..
นายพจน์อยู่ที่ล็อบบี้.. นั่นไม่ได้ทำให้แปลกใจ
เพราะก็นายพจน์เองนั่นแหละที่เป็นคนให้พนักงานนำเสื้อผ้า เครื่องใช้ส่วนตัวไปมอบให้เธอ
แม้พนักงานไม่ได้ระบุว่ามาจากใคร แต่เธอก็รู้ดีว่าเป็นเขา
ทว่า เธอไม่ได้คาดว่าจะพบ ..ระมิงค์
ใช่.. เมื่อวานเธอก็ได้พบแล้ว แต่วันนี้ล่ะ..  ระมิงค์มาที่นี่ทำไมกัน?

          ร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นลูกชายละจากมือจับรถเข็นมายืนขวางไว้เมื่อระมิงค์เยื้องกรายเข้ามาใกล้มารดา แสดงอวัจนภาษาว่าจะปกป้องคนเบื้องหลัง
แต่.. ระมิงค์ยกช่อดอกไม้ขึ้น
ดอกลิลลี่สีขาวในช่อที่จัดอย่างดีถูกยื่นมาเบื้องหน้าพชร
ดวงตาคมประสานกับดวงตาเป็นประกาย ..ดวงตาที่คล้ายคลึงของบุตรชาย
พชรมองดวงตาคู่นั้น ..ความคิดคำนึง ความโหยหาบางประการบิดขมวดอยู่ในช่องท้อง
เขาคุ้นเคยกับดวงตาคล้ายๆกับแบบนี้ มันมองเห็นประกายในนั้นได้ชัดเจนแม้อยู่ภายใต้กรอบแว่นสีแดง..

         “ฉัน.. ฉันมา..”
..
“ขอโทษ”

พชรชะงักนิ่ง..
‘ขอโทษ’ สิ่งที่ระมิงค์ติดค้างมารดาของเขา
คำขอโทษนี่อย่างไรที่ต้องการ..
แล้วตอนนี้.. คนทั้งคู่ก็ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว
ร่างสูงหันมองมารดา และเมื่อเธอพยักหน้า เด็กหนุ่มจึงละจากหน้ารถเข็น หลบมายืนเคียง หน้าเข้มก้มน้อยๆ

        เพชรลดาพิจมองช่อดอกลิลลี่ ก่อนจะเงยขึ้นสบตาระมิงค์
แววตานี้.. ของคนที่..

       “ฉันท้องกับคุณพจน์”
       “ไม่จริง..”
       “ฉันบอกแล้วไงว่างานแต่งงานถูกตระเตรียมไว้หมดแล้ว เธอคิดว่าคุณพจน์จะยอมแต่งหรือ ถ้าฉันไม่ได้ท้องกับเขาจริง..”
..
       “เธอลองคิดดู..
ใครที่จะเป็นภรรยาอย่างเต็มภาคภูมิของคุณพจน์ได้ดีกว่ากัน คนที่จะช่วยเกื้อหนุนธุรกิจของเขา เป็นหน้าเป็นตาให้เขา เธอ ..หรือฉัน”

   
“ฉันขอโทษ..”
..
เพชรลดารับฟังถ้อยคำนั้น
ต้องยอมรับ.. ว่าเธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะมีวันได้ยิน
ดวงตาคู่งามเบื้องหน้ามีน้ำตาคลอหน่วย ..แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเธอ
มันคงจะง่ายกว่าถ้าเพชรลดาจะเพียงนิ่งเฉยอยู่ตรงนี้ ..ไม่ตอบรับ ..ไม่ปฏิเสธ ปล่อยให้สตรีเบื้องหน้าจมอยู่ในความรู้สึกผิดไปจนวันสุดท้าย สมกับความลำบากที่เธอประสบมาในช่วงเวลายากเย็นของชีวิต

อย่างไรก็ตาม.. ทั้งหมดนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว..
มือกร้านยื่นไปข้างหน้า ..รับช่อดอกลิลลี่มา
รับ.. คำขอโทษ

และนั่นทำให้น้ำตาที่คลอหน่วยของระมิงค์ไหลรินสองข้างแก้ม
เธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี..
อยากขอบคุณที่เพชรดารับดอกไม้ไว้ ขอบคุณที่ให้อภัย และ..
“ขอบคุณมาก ..ที่เอ็นดูม่อนแจ่ม”

เพชรลดายิ้มบางๆ
“เขาสมควรได้รับความเอ็นดูอยู่แล้ว”

สตรีสองคนเพียงมองหน้ากันอยู่หลายอึดใจ
พชรยังคงยืนนิ่ง ไม่ได้มองตาระมิงค์ เขาเพียงมองพื้น
“ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะไม่เกลียดฉัน” ระมิงค์เอ่ย มองพชร
“เธอให้โอกาสฉันมาแต่ต้น ฉันก็ยัง.. ใจร้ายกับเธอเหมือนที่เคยใจร้ายกับแม่เธอ” ระมิงค์กัดริมฝีปาก
“เธอจะโกรธจะเกลียดฉันยังไงก็ได้ แต่ฉันขอร้องได้ไหม อย่าโกรธ อย่าเกลียดม่อนแจ่มเลย..”
เพราะ..เธอมีความหมายมากเกินไปสำหรับเขา

หัวใจแกร่งกระตุกวูบ ริมฝีปากแย้มเอ่ยตอบกลับเป็นคำแรก
“ผมไม่เคยเกลียดเขา”
ไม่เคยแม้แต่ไม่ชอบ..
แม้จะเคยบอกว่าไม่ชอบ แต่ก็ไม่เคยไม่ชอบจริงๆเลยสักที
มันเป็นเพียงข้ออ้างที่ยกขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงการข้องเกี่ยวกับอีกฝ่ายเท่านั้นเอง
ที่จริง.. นั่นต่างหากคือการโกหกครั้งแรกของพชร ..เขาโกหกตัวเอง..

ระมิงค์ยิ้มทั้งน้ำตา..
“ขอบคุณ..” เธอเอ่ยอีกครั้ง
นอกจากขอโทษกี่คำก็ไม่พอแล้ว
ขอบคุณกี่คำก็ยังไม่พออีกต่างหาก
ที่จริง สิ่งที่เธอกระทำนั้นมันใหญ่หลวงนัก มันนำไปสู่การตัดสินใจที่ทำให้ภรรยาคนหนึ่งไร้สามี ทำให้ลูกชายคนหนึ่งไร้บิดา
แต่สตรีและเด็กหนุ่มตรงหน้ากลับเลือกที่จะอภัย..

“มันผ่านเวลาที่เราจะหาคนผิดแล้ว..” เพชรลดาเอ่ยคล้ายๆกับนายพจน์เมื่อคืนนี้
“เวลามันผ่านมานานจน ..ไม่มีใครสามารถย้อนกลับไปนับหนึ่งใหม่”
..

“เวลามันผ่านมานานจน ..ไม่มีใครสามารถย้อนกลับไปนับหนึ่งใหม่”

นายพจน์รับฟัง
ทั้งเขาและเพชรลดามองกัน ..ความรู้สึก ‘รัก’ ยังคงฉายชัดในดวงตาคนทั้งคู่
แม้ว่าจะปวดใจ แต่เขาก็ไม่เข้าใจคลาดเคลื่อนในความหมาย พวกเขามาไกลเกินกว่าที่จะกลับไปเริ่มต้น
ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดถึงสิ่งที่ไม่เคยมี
ที่ต้องทำ.. ก็คือรักษาสิ่งที่มี และชดเชยในสิ่งที่บกพร่องต่างหาก
ที่สุดแล้ว.. ที่ฝันหาคือการครอบครองนั้นคงไม่มีค่ามากเกินกว่าความจริงที่ว่า ..พวกเขายังคงรักกันตั้งแต่วันนั้นจนบัดนี้..

“ที่ผู้ใหญ่อย่างเราทำได้ ก็คือดำรงสถานะของเราต่อไป ทำหน้าที่ที่เราได้ทำมาตลอดให้ดี”
เพชรลดามองนายพจน์สลับกับระมิงค์อย่างอาทร “สำหรับฉัน.. แค่นี้ก็พอแล้ว”

แค่.. นายพจน์รับรู้ว่าพชรเป็นลูก
แค่.. รับรู้ว่านายพจน์ยังคงรักเธอ

 
“คุณพจน์กับคุณระมิงค์อยู่ด้วยกัน ช่วยเหลือดูแลกันมาจนถึงวันนี้ ฉันว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ดีงาม”
เพชรลดาพูดจริงๆ..  “ถ้าเป็นฉัน ฉันคงทำไม่ได้อย่างที่คุณระมิงค์ทำหรอก”

ระมิงค์ส่ายหน้า..
“ไม่ว่าฉันจะทำอะไรแค่ไหน มันก็กลับผิดเป็นถูกไม่ได้หรอกลดา ฉันออกไปอยู่คอนโดแล้ว ฉันคิดว่าเธอควร-”
“คุณสองคนรู้ดีกว่าฉัน ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร..” เพชรลดายิ้ม
“คุณไม่ได้รับผิดชอบแค่ตัวคุณสองคน มันเป็นสิ่งที่คุณได้เลือกไปแล้ว จะทอดทิ้งกลางคันไม่ได้หรอกค่ะ ฉันไม่อาจเข้าไปที่ใดก็ตามแทนคุณ พชรก็ไม่อาจเข้าไปแทนม่อนแจ่มได้เหมือนกัน”

พชรขยับเข้ามาข้างหน้าเล็กน้อย
มือแกร่งหยิบเอาสมุดบันทึกออกมาจากกระเป๋าที่สะพายอยู่ ..ยื่นให้ระมิงค์

‘ประวัติ-วิสัยทัศน์-การดำเนินงาน PP GROUP’

ระมิงค์พิจมอง
แน่นอน.. เธอจดจำลายมือนี้ได้ ..ลายมือของม่อนแจ่ม
เธอพลิกอ่านคร่าวๆ ..ข้อเขียนที่เต็มไปด้วยความรู้ ความเข้าใจและความรักในกิจการที่ผูกพันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย

“เขาเขียนให้ผม.. วันที่รู้ว่า..”
พชรอธิบาย ..นึกถึงคนที่นั่งอ่านรายงานเกี่ยวกับบริษัทของตนเองอยู่ในห้องสามสามแปดในยามว่าง
“เขาเป็นคนมีความตั้งใจดี และที่ยิ่งกว่านั้น.. ไม่เห็นแก่ตัว”
..
“ถ้านักธุรกิจทุกคนเป็นอย่างเขา เกษตรกรอย่างเราคงไม่ต้องมาห่วงเรื่องความยุติธรรมจากโรงงาน..”
ม่อนแจ่มสมศักดิ์ศรีทายาทประดิษฐาพงศ์อยู่แล้วทุกประการในความรู้สึกของพชร

นายพจน์รับสมุดบันทึกนั้นมาจากระมิงค์..
อดไม่ได้ที่จะยิ้มบางๆ ให้ตายสิ.. เด็กสองคนนี้

เพชรลดากำช่อดอกลิลลี่ไว้หลวมๆในมือ
“เราควรจะทำตัวให้สมเป็นผู้ใหญ่กันเสียที เด็กๆเขาต้องเจ็บปวดกันมานานพอแล้วอย่างไม่สมควรเลย..”
ผู้ใหญ่อยู่ในจุดที่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป ส่วนเด็กๆ.. เดี๋ยวเขาคงเคลียร์กันเองได้

หรือเปล่านะ?
เพชรลดาไม่ใคร่แน่ใจ

พชรเป็นคนพูดน้อย พูดแต่ในสิ่งที่ต้องพูด สิ่งที่เป็นสาระหรือคำสั่งงาน ทว่า ในแง่ของความรู้สึกนั้น แทบไม่พูดเลย
อันที่จริง.. เพชรลดาสงสัยว่าพชรจะรู้วิธีพูดหรือเปล่าด้วยซ้ำ
เธอก็ได้แต่หวังว่าม่อนแจ่มจะฉลาดพอที่จะรับรู้ หรือไม่ปล่อยให้ความรู้สึกผิดมาปิดกั้นหัวใจตัวเองจากการรับรู้นั้น

ถ้าว่ากันตามลักษณะทางกายภาพแล้ว เพชรลดารู้ว่าเด็กทั้งคู่เป็นผู้ชาย
ทว่า พชรกับม่อนแจ่มไม่ใช่แค่เด็กที่เป็นลูก แต่ยังเป็นลูกกตัญญู และคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ไม่อาจตอบแทนด้วยการเพิกเฉยกับความรู้สึกของพวกเขาได้ เกินกว่าจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับสายสัมพันธ์นี้แล้วปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรมตามบรรทัดฐานของสังคม

เธอหวังให้นายพจน์และระมิงค์คิดเช่นเดียวกัน..
หวัง.. ว่าคนทั้งสองจะเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของตนเองและให้โอกาสกับลูก ..แม้ว่าลูกจะเป็นผู้ชายทั้งคู่ก็ตาม..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #672 เมื่อ02-11-2016 23:51:19 »

CHAPTER 27: Father and Son

             ‘เขาขับตามมา..’
เพชรลดานึก ดวงตาเหลือบกระจกมองหลัง
รถเก๋ง Volvo สีขาวแล่นตามมาทิ้งระยะห่างไม่มากนัก
หรือที่จริง.. ก็ไม่เชิงว่าขับตามมา จากวิถีของรถ เพชรลดาแน่ใจ นายพจน์รู้ทางอยู่แล้ว
รถคันหลังไม่ต้องรอดูว่าเลี้ยวทางไหน ไม่ต้องตีไฟตาม แน่นอน.. นายพจน์เคยมาทางนี้..

เพชรลดาถอนหายใจน้อยๆ “แม่ขอโทษนะที่ให้พชรมาส่ง เหนื่อยมากหรือปล่า”
นายพจน์นั้นอาสาจะมาส่งหรือหากเธอไม่สะดวกใจ เขาก็จะให้คนรถของเขามาส่ง  ทว่า เพชรลดาก็ปฏิเสธ
ในเมื่อตัดสินใจว่าอย่างไรจะไม่นับหนึ่ง ไม่รื้อฟื้นความสัมพันธ์ เธอก็ไม่อยากใกล้ชิดนายพจน์มากเกินไป ไม่อยากให้มีเยื่อใยต่อกันมากเกินงาม ในความรู้สึกจะเป็นอย่างไร มากมายแค่ไหนก็ไม่ควร ในเมื่ออีกฝ่ายนั้นอยู่ในฐานะของบุรุษที่แต่งงานกับคนอื่นแล้ว มีครอบครัวแล้ว ซ้ำยังเป็นที่รู้จัก ใครเห็นเข้าจะมีแต่คำครหาเสียเปล่าๆ

เพชรลดาพิจมองลูกชาย
ที่จริงเธอควรให้พชรพัก ควร..ให้พชรไปทำอะไรที่เจ้าตัวคงอยากจะไป
นายพจน์ให้เหตุผลว่าพชรเหมือนคนไม่ได้นอน ไม่ควรขับรถ ซึ่งเธอเห็นด้วย แต่ตัวนายพจน์เองก็นอนเสียที่ไหนเล่า
ดวงตาดำขลับมองกระจกมองหลังอีกครั้ง.. นายพจน์เป็นห่วงถึงได้ขับตามมา ..เพชรลดารู้

          สวนเพชรหละปูนเป็นเช่นที่เคยเป็น บ้านไม้ยกพื้นสูงหลังใหญ่โดดเด่นอยู่เบื้องหน้า
และ.. ยังมีชายร่างเล็กใส่แว่นกรอบดำยืนคอยอยู่อีกคนหนึ่ง

“คุณลดาเป็นอะไรไปครับ?” แสงระวีถามไถ่อย่างห่วงใยเมื่อเห็นข้อเท้านายหญิง
“ผมรบกวนลุงแสงตามป้าอิ่มมาทีเถอะครับ แม่ขาแพลง คงต้องให้ป้าอิ่มมาดูแลใกล้ชิดก่อนในช่วงนี้”
แสงระวีพยักหน้ารับคำแข็งขัน แผ่นหลังเล็กเคลื่อนจากไปเร็วๆ ทำตามคำสั่ง
สองสายตาของเพชรลดาและพชรมองตามไปทางเดียวกัน ก่อนจะหันมามองกันเอง และเป็นเพชรลดาที่เอ่ยค่อยๆ
“ที่โรงแรม.. ก่อนขึ้นรถ คุณระมิงค์ถามถึงลุงแสง”
..
พชรพยักหน้า เธอเคยถามเขาแล้วเช่นกัน

เพชรลดาถอนหายใจ “แต่แม่ยังไม่ได้บอกอะไร ต้องคุยกับลุงแสงก่อน”
“ตั้งแต่แรก ลุงแสงไม่ให้ผมพูดถึงตัวลุง ..ลุงแสงกลัวว่าม่อนจะรับไม่ได้ แต่..”
“หากม่อนจะถามหาพ่อที่แท้จริงของเขา แม่ก็ไม่อยากให้เขาหาด้วยความรู้สึกขาด” เพชรลดาน้ำเสียงจริงจัง
“แม่ไม่อยากให้สถานการณ์ไปบังคับให้ม่อนต้องหันไปตามหาลุงแสง
แม่ไม่อยากให้.. เพราะคุณพจน์ไม่ใช่พ่อเขา เพราะเขาต้องออกจากบ้านเขา เขาถึงต้องไปหาพ่อแท้จริง
แต่.. อยากให้ครอบครัวเขายังสมบูรณ์พร้อมนี่แหละ อยากให้คุณพจน์ก็ยังรับรองเขาเป็นลูกนี่แหละ และอยากให้เขาก็ยังได้อยู่บ้านของเขานี่แหละ แบบนี้.. ถ้าม่อนยังคงต้องการรู้เรื่องพ่อแท้ๆ ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง เขาก็จะไม่เสียใจ”

พชรไตร่ตรอง พยักหน้ารับ..
เพชรลดาค่อยๆแตะแขนลูกชาย
“ยังไงก็อย่าห่วงเรื่องผู้ใหญ่นักเลย มันไม่ใช่ความรับผิดชอบของเด็ก..”
..
“ทำตามหัวใจตัวเองบ้างก็ได้ พชร”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          บ้านประดิษฐาพงศ์ที่ปกติก็เงียบอยู่แล้วยิ่งเงียบลงไปถนัดใจ
นายพจน์เดินช้าๆเข้ามาภายใน เพ็ญมาศคนคุ้นเคยยกมือไหว้สวัสดี  ในแววตาแฝงความแปลกใจที่นายผู้ชายกลับมาเพียงคนเดียว
“คุณท่านคะ ฉันขออภัย แต่ว่า..” เสียงเนิบลังเลกับสิ่งที่จะถาม
เมื่อวานนายพจน์ไม่ได้กลับบ้าน วันนี้กลับ แต่คุณระมิงค์ไม่ได้กลับมาด้วย ซึ่งไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อนหลังจากผ่านพ้นช่วงเดือนแรกที่แต่งงานกัน เจ้านายทั้งสองกลับมาพร้อมกันเสมอ ตอนนี้ เกิดปัญหาสิ่งใดหรืออย่างไร?

นายพจน์มองอย่างเข้าใจในความห่วงใยของคนเก่าคนแก่ เสียงอธิบายค่อยๆ
“ฉันยังไม่รู้จะบอกเพ็ญอย่างไร ฉัน.. อาจอยู่บ้านนี้คนเดียวพักใหญ่" เมื่อเพ็ญมาศมีสีหน้าตกใจ เขาจึงรีบเสริม
"แต่ระมิงค์กับม่อนสบายดี หากเขาสบายใจขึ้น เขาอาจจะกลับมานะ”
“คุณท่าน..” ..หมายความว่าอย่างไร
นายพจน์ถอนหายใจ “ฉันมีเรื่องสำคัญอยากบอกเพ็ญ”
“ค่ะ..”
“ฉันมีลูกชายอีกคนหนึ่ง”
คราวนี้ เพ็ญมาศอ้าปากค้าง ..คุณท่านมีลูกอีกคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย
นายพจน์พยักหน้ากับอาการประหลาดใจนั้น เขาเองก็เหนื่อยเมื่อยล้าเต็มที แต่ต้องบอกเพ็ญมาศเอาไว้
เธอเป็นคนที่อาวุโสสุดในบ้าน เป็นแม่นมม่อนแจ่ม เธอเองสมควรรู้ว่าเขามีลูกชายอีกคน วันหนึ่งวันใด หากได้ต้อนรับขับสู้ เธอจะได้ทำด้วยความเต็มใจ
“ลูกอีกคนของฉันชื่อพชรนะ เป็นลูกฉันกับลดา จำลดาได้หรือเปล่า เพ็ญ..”
เพชรลดา.. จำได้สิ.. เพ็ญมาศพยักหน้ารับช้าๆ
“อันที่จริง.. คุณม่อนเพิ่งจะมาถามถึง..”
เธอหลุดรำพึง แต่แล้วก็เหลือบมองนายผู้ชายอย่างไม่ค่อยสบายใจ
นายพจน์ชะงักไปนิดหนึ่ง ..นั่นสินะ ม่อนแจ่มรู้ก่อนเสียอีกว่าพชรเป็นลูกชายเขา

เอาล่ะ..

“วันหนึ่ง ถ้าหากพชรมา ฉันก็อยากให้เพ็ญรับรู้ไว้ว่าเขาเป็นลูกฉัน ช่วยเมตตากับลูกฉันด้วย ถ้ามีโอกาสนะ..”
นายพจน์ยิ้มบางๆ ..โอกาสไม่มากนักที่พชรจะมาที่นี่ แต่เขาก็อยากบอก อยากรับรองฐานะของเด็กหนุ่ม
แม้จะไม่สานสัมพันธ์ฉันคนรักกับเพชรลดา แต่พชรเป็นลูก หน้าที่พ่อ เขาก็ต้องทำ
นายพจน์จะขอความเห็นชอบของเพชรลดาเพื่อรับรองพชรเป็นบุตร ต่อไปในภายภาคหน้าเมื่อเขาจากไป ทุกอย่างที่เป็นของเขาก็จะได้เป็นของพชรกับม่อนแจ่มคนละครึ่ง

เรื่องงาน..
นายพจน์ก็มีแต่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนเช่นที่เคย แต่เขาจะไม่เรียกร้อง ไม่เคี่ยวเข็ญให้ใครมาสานต่อ
เขาจะชดเชยให้ลูกทั้งสองในหน้าที่พ่อ แต่เพื่อตัวลูกเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อให้มาสนองความต้องการของคนเป็นพ่อเองในภายหลังเด็ดขาด..

ใบหน้าคมเงยมองภาพใหญ่ของบิดาที่ติดไว้ ณ ชานพักบันได
เขาไม่ได้คิดโทษ คิดชี้ผิด คิดตำหนิใคร การตัดสินใจเป็นของเขาในตอนนั้น และไม่ว่าความรู้สึกใดก็ตามที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เขาก็มีหน้าที่รับผิดชอบมันแต่เพียงผู้เดียว

ถ้าเขาต้องจบลงในบ้านหลังนี้เพียงลำพัง..
ถ้างานที่ตั้งใจทำจะไม่มีทายาทสืบต่อ..
ก็ขอให้มันเป็นไป..

เขาจะไม่หันหลังให้ใคร
และจะไม่.. บังคับจิตใจใคร
แค่ให้ผู้เป็นที่รักมีความสุข แค่นั้น..

          “ดิฉันยังคิดว่าคุณม่อนจะกลับมาสุดสัปดาห์นี้เสียอีก ว่าจะเตรียมทำบัวลอยไว้ เธอชอบทานน่ะค่ะ”
เพ็ญมาศชวนคุย เธอไม่ทราบปัญหา แต่หากคุณท่านมีลูกชายอีกคนหนึ่ง คุณระมิงค์กับคุณม่อนอาจจะรับไม่ได้จึงไปพักที่อื่นก็ได้ละกระมัง..
"หากคุณพจน์มีอะไรให้ช่วย บอกดิฉันได้เลยนะคะ"

นายพจน์มองเพ็ญมาศ คนที่คุ้นเคยมาตั้งแต่ยังเด็ก
เขาไม่เคยมองเพ็ญมาศเป็นหญิงรับใช้เลย กลับนับถือสาวใหญ่เสมือนพี่สาว พี่สาวที่อยู่และเติบโตใต้ชายคาบ้านหลังนี้มาก่อนเขา ริมฝีปากหนาแย้มออกน้อยๆเหมือนจะยิ้ม
“เพ็ญอยากทำบัวลอยวันไหนก็ทำเถอะ ใส่กระปุกให้เรียบร้อย ฉันจะเอาไปฝากม่อนให้ หรือไม่เช่นนั้น เพ็ญก็ไปกับฉันเสียเลยก็ได้ ม่อนคงคิดถึงเพ็ญเหมือนกันนั่นแหละ”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           การแตะคีย์การ์ด และจับคันโยกเปิดประตูแล้วมองเข้าไปเจอโซฟาสีขาวกลางห้องนั้นคงยังไม่คุ้นเคยภายในสามวันหรอก ม่อนแจ่มเตือนตัวเอง
เขาจะไม่เห็นเตียงเดี่ยว.. ไม่เห็นเตียงสองชั้น.. ไม่เห็นหนังสือปรัชญาวางอยู่บนโต๊ะตัวซ้ายสุด..

          “ม่อน เป็นอะไรไป?” ผู้เป็นมารดาแตะไหล่ เขาจึงสะดุ้งน้อยๆ
“ปละ..เปล่าครับคุณแม่”
กระเป๋า Jack Spade ใบเก่าวางไว้บนโซฟา ม่อนแจ่มนั่งลงเซิร์ซหางาน Part Time ในอินเตอร์เน็ต
เขาไม่แน่ใจว่ามารดายังจะได้รับอนุญาตให้ไปทำงานที่ PP Group อีกหรือไม่ ดังนั้น นี่เป็นช่วงเวลาที่ต้องพยายามดูแลตัวเองให้มากที่สุด ทำตัวเป็นภาระให้น้อยที่สุด หากว่าเธอไม่สามารถไปทำงานเดิมได้ ม่อนแจ่มก็จะต้องช่วยแก้ปัญหาว่าชีวิตของพวกเขานั้นจะอย่างไรต่อไป

         “ม่อนจ้ะ” ระมิงค์ทรุดนั่งลงข้างๆ
“แม่จะ.. กลับไปบ้านประดิษฐาพงศ์หน่อยนะ”
ม่อนแจ่มเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ ระมิงค์จึงคลายความสงสัยให้
“แม่ยังไปทำงานที่บริษัทเหมือนเดิม แม่จะไปเอาชุดน่ะลูก”
ม่อนแจ่มวางโทรศัพท์ลง “คุณแม่ได้ทำงานเหมือนเดิมหรือครับ?”
“ก็.. จ้ะ..” ระมิงค์พยักหน้า
“เอ่อ..” ม่อนแจ่มเม้มปากเล็กน้อย “ตกลง คุณแม่ทราบไหมครับว่า.. ว่าคุณน้าเพชรลดายอมไปอยู่ที่บ้านหรือเปล่า”
ระมิงค์พยักหน้า “เปล่าจ้ะ ..ไม่”
..
ม่อนแจ่มถอนหายใจ “ม่อนไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย..”
เขาอยากให้พชรมีครอบครัวที่สมบูรณ์ อยากให้สามคนพ่อแม่ลูกได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน
ยังไงเขาก็อดรู้สึกไม่ได้ ว่าสิ่งที่ขัดขวางพชรจากสิ่งนั้นก็คือความรู้สึกที่พชรมีให้ม่อนแจ่มเองนั่นแหละ
ม่อนแจ่มไม่อยากรับไว้..
ม่อนแจ่มอยากจะหลีกไปให้พ้น..
พชรไม่น่าต้องมาอยู่ร่วมห้องกับเขาเลย
ถ้าเขาทั้งสองไม่ได้เจอกัน พชรคงตัดสินใจง่ายกว่านี้ บอกความจริงไปตั้งนานแล้ว

          ค่อนคืนสงัด.. กว่าที่ม่อนแจ่มจะเสร็จจากงานที่ต้องทำส่งอาจารย์
มือเรียวขยับแว่นให้ตั้งตรงบนสันจมูก ตามองฉากตั้งที่กางคลุมผ้าขาวไว้
ร่างเล็กค่อยๆขยับลุกขึ้นไปใกล้ ..เดี๋ยวก็ต้องส่งภาพให้รุ่นพี่ชมรมอาร์ทติสแล้ว ..เขามีรายละเอียดอีกเล็กน้อยที่อยากจะเก็บ

           “วาดรูปอีกเหรอม่อน?” ระมิงค์ถามขึ้นเบาๆ ที่จริง.. เธอตั้งใจมากล่าวราตรีสวัสดิ์
“เอ่อ.. ครับ ม่อน ..พอดีเป็นงานชมรม พี่เขาให้วาดPortrait ม่อนก็.. ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะครับ”
ผู้เป็นมารดายิ้ม “ม่อนต้องวาดได้ดีแน่”
“ไม่หรอกครับ” ม่อนแจ่มส่ายหัวน้อยๆ ยิ้มแห้งแล้ง
“ม่อนวาดเป็นแต่รูปการ์ตูน เห็นทีคราวนี้ จะไม่ได้รับเลือกอะไรกับเขาหรอกครับ แต่ม่อนก็แค่..อยากวาดให้เสร็จ”
ความรู้สึกโหยหาอาทรบางอย่างที่บิดขมวดอยู่ในช่องท้องทำให้ต้องรีบกลืนน้ำลายและหันหน้าหนีไปทางอื่น ก่อนที่จะแสดงออกมาให้ผู้เป็นมารดาจับสังเกตได้

ทว่า.. ไม่ทันหรอก ระมิงค์เห็นชัดๆอยู่แล้ว
เธอผลักประตูให้กว้างขึ้นนิดหนึ่งพอให้เดินผ่านเข้าไปได้
มือเรียวบีบไหล่เล็กเบาๆ ตัดสินใจทำความเข้าใจกับลูกชาย
“ม่อน.. วันนี้แม่ไปขอโทษเพชรลดามาแล้วนะ”
ม่อนแจ่มเงยหน้าขึ้น พิจมองมารดาอย่างแปลกใจ
แน่นอน.. เขารู้ว่าท่านรู้สึกผิด
แต่.. คุณระมิงค์ ประดิษฐาพงศ์เอ่ยคำขอโทษหรือ?
“เอ่อ.. ครับ.. ม่อนดีใจจัง”

ใช่.. ที่เขาเองก็ฝากคำขอโทษในนามของตนเองและมารดาให้กับพชรแล้ว แต่นั่นมันเป็นเพียงเศษเสี้ยวคำขอโทษ มันแทบไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร มันเทียบไม่ได้กับการที่มารดาเขาขอโทษมารดาพชรด้วยตัวเอง

“แล้ว.. แล้วคุณน้าเพชรลดายกโทษให้เราไหมครับ คุณแม่”

เราหรือ?

“ไม่ใช่เรา” ระมิงค์ย้ำเตือน “แม่คนเดียว แค่แม่ ..ลูกอย่าเอาความผิดของแม่ไปแบกไว้”
เธอเอ่ยอย่างจริงจัง มือเรียวยกขึ้นลูบหัวบุตรชายอย่างเมตตา
“ความผิดพลาดของผู้ใหญ่ไม่ใช่ความรับผิดชอบของเด็กนะม่อน”
..
“ม่อนก็มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรตามหัวใจของม่อนเหมือนกัน”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

            ..๓๓๘..

ย่ำค่ำแล้ว ความมืดสาดสะท้อนทั่วบริเวณเมื่อเขากลับมาถึงหอพักหลังกลับจากส่งมารดาที่ลำพูน
ป้ายบอกเลขห้องอยู่เหนือบานประตู และมือแกร่งก็ยกขึ้นเคาะให้สัญญาณแก่คนที่อยู่ภายใน ..ซึ่งเขาหวังใจว่าจะมีสองคน

ก๊อก ก็อก..

ก่อนที่.. จะหมุนลูกบิด เปิดเข้าไป ..ช้าๆ

          เตียงล่างที่ว่างเปล่าเป็นสิ่งแรกที่มองเห็น..
ขายาวชะงักอยู่เพียงหน้าประตู กวาดสายตามองไปรอบๆห้องเล็กนั้น ซึ่งไม่ต้องใช้เวลานานเลยกว่าที่จะมั่นใจได้ว่าในห้องมีรูมเมทอยู่เพียงหนึ่งในสอง แล้วรูมเมทเตียงบนก็ส่งเสียงทักทาย เป็นการรับรองโดยสมบูรณ์ว่าคนที่อยู่เพียงคนเดียวคือไอดิล
“สวัสดี พชร”
..

            “สวัสดี พชร”

เคยมีเสียงอื่นทักทายเขาแบบนี้เหมือนกัน
ทักทายทุกวัน แม้จะไม่เคยได้รับการตอบกลับ..

            “สวัสดีม่อนแจ่ม พูดเป็นไหม กูเป็นรูมเมทมึงนะ ทักทายกันบ้างนี่โลกมันจะแตกหรือยังไง พชร!”

หน้าคมไม่มีกะใจแม้แต่จะตอบรับคำทักทายของรูมเมทสิ่งแวดล้อม
เขาวางกระเป๋าสะพายไว้หน้าเตียง หย่อนตัวนั่งลง มองเตียงเดี่ยวเบื้องหน้า
รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเพียงคนโง่เง่าที่ไม่มีอะไรจะทำ ..ไม่มีคำจะพูด
ได้แต่นั่งมองเตียงว่างเปล่าอยู่แบบนี้..

ป่านนี้.. นายพจน์จะไปพบม่อนแจ่มหรือยัง?
จะปลอบโยน ปลอบใจ ให้กำลังใจไหม จะพากลับบ้านประดิษฐาพงศ์ไหม
แล้วม่อนแจ่มจะลืมเขาไปเสียได้ไหม จะเลิกนึกถึงเขาได้ไหม เลิกคิดว่าเป็นความผิดตัวเองได้หรือยัง
พชรช่วยไม่ได้ที่รู้สึกว่า.. เขาฝากความรู้สึกทั้งหมดนี้ไว้กับนายพจน์
เขาฝากมันไว้ในนาทีที่มอบภาพวาดของขวัญนั้นให้ไป ..ในคำบรรยายที่บอกความตั้งใจของม่อนแจ่ม ..ความรู้สึกในฐานะลูกชายที่ม่อนแจ่มมีต่อนายพจน์

นายพจน์เป็นบุคคลสำคัญ..
เป็นคนที่ม่อนแจ่มเคารพนับถือมาตลอดสิบเก้าปี ถ้าจะมีใครเยียวยาจิตใจม่อนแจ่มในภาวะนี้ได้ คนนั้นก็ต้องเป็นนายพจน์
พชรอยากให้นายพจน์พาม่อนแจ่มกลับบ้าน..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
   
           “ม่อนโอเคดีหรือ ระมิงค์?” นายพจน์ถามไถ่เมื่อพบผู้มีศักดิ์เป็นภรรยาที่บริษัท
ระมิงค์แสร้งพยักหน้ารับในทีแรก แต่แล้วก็ถอนใจ ตอบตรงไปตรงมา “..ไม่เชิงค่ะ”
นายพจน์ขมวดคิ้ว “แล้วไม่ได้บอกม่อนหรือว่าคุณไปขอโทษเพชรลดาแล้ว”
“บอกค่ะ” ระมิงค์รับคำ “แต่ม่อนก็คงไม่สบายใจอยู่ดีที่เธอกับลูกไม่ไปอยู่บ้านประดิษฐาพงศ์”
..
“แล้ว..” เสียงเข้มหยุดไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเอ่ย
“ม่อนไม่ได้พูดถึง ผมหมายถึงว่า.. ดูเหมือนยังไม่ได้คุยกันอีกหรือ สองคนนั้น?”
“คิดว่าไม่ค่ะ..” ระมิงค์ส่ายหน้า
“เลิกเรียนเขาโทรบอก ฉันก็ไปรับกลับคอนโด ดูเหมือนว่า.. ม่อนไม่ได้กลับหอหรอกค่ะ เลย.. คงไม่เจอกัน”

นายพจน์ขมวดคิ้วหนักขึ้น..
ทำไมล่ะ? ทำไมดูเหมือนยังไม่ได้เจอ
ถึงจะไม่ได้พบกันที่หอพัก แต่อย่างไร อย่างน้อย.. รูมเมทกันก็น่าจะมีเบอร์โทรศัพท์ไว้ติดต่อกันไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงไม่ได้คุย ทั้งที่..
“..เขาเป็นห่วงม่อนมากนะ”

ระมิงค์เข้าใจดีว่า ‘เขา’ ที่ว่าหมายถึงใคร
“ฉันรู้ค่ะ ..แต่ดูเหมือนยังไม่ได้คุยกันจริงๆ เพราะท่าทีของม่อนไม่ได้เปลี่ยนไปเลย”
นายพจน์ถอนหายใจ ถ้อยคำที่ม่อนแจ่มกล่าวถึงลูกชายกระทบห้วงคำนึงอีกครั้ง

          “พชรเขาท่าทีอย่างนั้นเองแหละครับ
ดูเหมือนเฉยๆ ดูเหมือนใจแข็ง ดูเหมือนไม่สนใจ เขาไม่ค่อยพูด..”


“วันนี้ผมจะเข้าไปเยี่ยมม่อนหน่อยนะ เพ็ญบอกว่าทำบัวลอย อยากให้ม่อนได้กิน ลูกจะได้สดชื่นขึ้น”
“ขอบคุณค่ะ คุณพจน์” ระมิงค์ยิ้มรับในน้ำใจ นายพจน์เองก็ยิ้มตอบ แต่แล้วสีหน้าก็เคร่งขึ้น
“แต่ขอเป็นตอนค่ำนะ เห็นทีเลิกงาน ผมต้องไปหอสามชายเสียก่อน” เสียงเข้มบอกความตั้งใจ

          “รวิดา ส่งแฟ้มสุดท้ายเข้ามาเลย วันนี้ผมรีบ”
นายพจน์สั่งการทางโทรศัพท์ในเวลาใกล้สี่โมง เลขานุการสาวเข้ามาพร้อมแฟ้ม แต่ก็มีสิ่งอื่นมาเรียนด้วย
“ท่านประธานคะ คือ.. มีเด็กหนุ่มชื่อพชรมาขอพบค่ะ”
มือใหญ่ที่จับปากกาชะงัก ดวงตาที่กวาดตรวจสอบความถูกต้องของรายละเอียดในเอกสารเงยขึ้นมองหน้าเลขาฯ
“พชร..” นายพจน์ทวนอย่างอึ้งๆ
“ค่ะ” รวิดาพยักหน้า “ไม่ทราบว่าใคร ไม่ได้นัดไว้ ท่านประธานจะให้-”
“นั่นลูกชายผม” มือใหญ่ปิดแฟ้ม “ผมจะลงไปรับเขาเอง”

           พชรมองโต๊ะประชาสัมพันธ์.. หวนนึกวาดภาพมารดาสมัยยังเยาว์วัยกว่าขณะนี้ในหัว เธอเคยบอกว่าทำงานตำแหน่งพนักงานประชาสัมพันธ์
จริงสิ.. ม่อนแจ่มบอกว่าเห็นบัตรพนักงานของเธอเก็บอยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของนายพจน์นี่นะ
บางที.. ตอนที่เธอลาออก เขาอาจเก็บบัตรเธอไว้ ..เขาอาจไม่อยากให้มันถูกทำลายทิ้ง
ความรู้สึกของมารดากับนายพจน์ในตอนนั้นจะเป็นอย่างไรหนอ
ความรู้สึกอะไรที่พวกเขามีต่อกัน.. แล้วมันเจ็บปวดแค่ไหนที่หันหลังให้กันแบบนั้นได้..

พชรสะบัดหัวน้อยๆ เขากำลังจินตนาการอะไรไปกันใหญ่
ร่างกำยำนั่งรอคำตอบรับหรือปฏิเสธการขอเข้าพบจากประธานบริษัท
แม้มาเยือน PP Group แล้วถึงสามครั้ง ..แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พชร เพชรหละปูนขอพบคุณพจน์ ประดิษฐาพงศ์
อย่างไรก็ตาม.. ไม่มีคำตอบรับหรือคำปฏิเสธ ..ที่มีก็เพียง

          “พชร..”
คนถูกเรียกสะดุ้งขึ้นน้อยๆ ไม่คาดว่าคนคนนี้จะลงมาพบเขาเอง
ร่างสูงลุกขึ้นยืน.. มือไม้แข็งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้..
เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองควร..

          ธรรม ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ
          ย่อมเจริญแก่บุคคลผู้มีปกติกราบไหว้อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่เป็นนิจ


พชรขบริมฝีปากเล็กน้อย..
คาบสุดท้ายไม่น่าเป็นพุทธศาสนากับเมตตาจิตเลยจริงๆ

มือแกร่งสองข้างยกขึ้นประนม.. ศีรษะก้มลง.. ไหว้วัยวุฒิของบุคคลตรงหน้า
นายพจน์ยกมือขึ้นไหว้ตอบ ..ก้มศีรษะให้เช่นกัน

           “พชรมีอะไรหรือ แม่เป็นอะไรหรือเปล่า บอกพ่อซิ” นายพจน์รีบถาม ผายมือให้นั่งลง
พชรลมหายใจสะดุดเล็กน้อยกับคำแทนตัวนั้น ‘พ่อ’
หน้าคมอ่อนวัยกว่าส่ายไปมาเล็กน้อย “แม่สบายดีครับ ผมเพียง.. มีเรื่องจะถามคุณพจน์”

..คุณพจน์..

จริงสินะ..
นายพจน์ดันลืมไปได้
เขาคือ 'คุณพจน์' สำหรับเด็กหนุ่ม ไม่ใช่พ่อเสียหน่อย
แล้วเขาก็จะไม่บังคับให้พชรต้องเรียกเขาว่าพ่อด้วย ..ไม่มีทาง
หน้าคมสูงวัยพยักหน้าอนุญาต “ครับ.. ถามมาสิ”

“ผมจะถามว่า..” เสียงเข้มเรียบเรียงคำ
“คุณพจน์ได้พบ ..พบม่อนแจ่มหรือยังครับ หลังจากตอนนั้น..”

ไม่ได้ผิดคาดนัก นายพจน์พยักหน้ารับ ตอบตรงคำถาม
“พบแล้ว”

พชรพ่นลมหายใจเล็กน้อยอย่างโล่งใจ ก่อนจะถามต่อไป “แล้ว.. ม่อนแจ่มโอเคดีหรือครับ?”
“โอเคดีที่ว่านี่.. หมายถึงเรื่องอะไรล่ะ” นายพจน์ถามย้อนกลับ
“ถ้าระหว่างม่อนแจ่มกับคุณพจน์ ม่อนก็โอเคดี เราคุยกันแล้ว”
นายพจน์บอกให้เด็กหนุ่มสบายใจ แทนตัวเองด้วยคำที่ลูกชายเรียกขาน ..คุณพจน์..

“ถ้าอย่างนั้น คุณพจน์จะพาม่อนกลับบ้านใช่ไหมครับ..”
นายพจน์ถอนหายใจเล็กน้อย “ถ้าม่อนไม่ต้องการไป คุณพจน์บังคับม่อนไม่ได้นะพชร”
“นั่นเป็นบ้านเขา เขาอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่เกิด ผมไม่เคยอยาก-”
“คุณพจน์รู้ คุณพจน์ก็ยืนยันให้ม่อนมั่นใจอย่างนั้น แต่พชร..” นายพจน์หยุดนิดหนึ่ง เรียบเรียงคำ
..
“มันไม่ได้แก้ปัญหา เพราะมันไม่ใช่เรื่องเดียวที่อยู่ในใจม่อน ม่อนไม่ได้แค่เสียใจที่เขาไม่ใช่ลูกคุณพจน์ พชรว่าจริงไหม?”
คนเป็นพ่อกระตุ้นให้คิด
“คุณพจน์ไปหาม่อนแล้ว ยืนยันแล้วว่าคุณพจน์รักม่อนเหมือนลูก ซึ่งคุณพจน์ก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ไม่ใช่แค่พูดให้ม่อนดีใจ คุณพจน์เชื่อว่าม่อนรู้สึกได้ แต่ก็นั่นแหละ.. มันก็ยังไม่ได้ทำให้ม่อนเลิกเป็นทุกข์ ในเมื่อม่อนไม่ได้เป็นทุกข์เพราะคุณพจน์ ม่อนเป็นทุกข์เพราะรู้สึกผิด แล้วคนที่ม่อนรู้สึกผิดด้วยนั้นก็สำคัญกับม่อนมาก พชรไม่รู้หรือ”

พชรกลืนน้ำลาย “ผมรู้ แต่..”
เขาไม่ได้จะหมายถึง..
เขาแค่.. อยากแน่ใจว่านายพจน์ไปพบม่อนแจ่มแล้ว
นายพจน์คือคนที่..

“อย่าประเมินตัวเองต่ำไป”
นายพจน์พยายามสื่อสาร มองดวงตาดำขลับที่ถอดแบบมาจากมารดาของเด็กหนุ่มคู่นั้น
เสียงเข้มที่เกือบจะแหบโหยเอ่ยช้าๆ “ปล่อยไปเฉยๆไม่ได้นะพชร..”

เขาไม่อยากให้พชรทำสิ่งที่เขาเคยทำ.. หรือไม่ทำสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ..
เขาไม่อาจบังคับจิตใจเด็กหนุ่มได้ ..ก็จริง
เขาแทบไม่มีสิทธิ์ ..ก็ใช่ แต่ก็ยังมีเสียง
เขาไม่มีอะไรเทียบกับลูกชายคนนี้ได้เลย ทว่า สองสิ่งที่นายพจน์มีมากกว่าคืออายุและประสบการณ์ ..แล้วเขาก็คิดว่าจำเป็นต้องถ่ายทอดมัน

“พชรครับ.. เวลาคุณพจน์ออกเอกสารอะไรสักอย่าง ต่อให้มีรายละเอียดอยู่ในนั้นทั้งหมด มีคำสั่งชัดเจนระบุไว้ทุกๆบรรทัด มันจะเอาไปบังคับใช้ไม่ได้เลยถ้าหากไม่มี.. ลายเซ็น”
..
“ถ้าคุณพจน์ไม่ได้รับรองเนื้อความในเอกสารด้วยการลงลายเซ็น มันจะเป็นแค่กระดาษที่ไม่มีความหมาย พชรเข้าใจไหม..”

พชรมองผู้อาวุโสกว่าตรงหน้า
ใบหน้าคล้ายคลึงกับเขาดูเหมือนพยายามอย่างมากที่จะพูด ..ซ้ำพูดไพเราะมากเสียด้วย
เขารู้สึกแปลกๆกับคำว่า ‘คุณพจน์’ ที่ท่านใช้เป็นสรรพนามแทนตัว ..สรรพนามเดียวกับที่เขาใช้เรียก
แต่ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกว่าฟังแล้วไม่ถูกบังคับให้ต้องยอมรับท่านเป็นบิดา ..เหมือนพวกเขาเป็นเพียงคนสองคนที่คุยกัน
คุณพจน์กำลังพูดและพชรก็กำลังฟัง..

ใช่..
พชรเข้าใจ..
เอกสารที่ไม่ได้ลงลายเซ็นมันบังคับใช้ไม่ได้..

“เช่นเดียวกัน.. ไม่ว่าในใจพชรจะรู้สึกแค่ไหน ได้ทำอะไรต่างๆลงไปมากมายยังไง สุดท้ายแล้ว.. การยืนยันความรู้สึกให้ชัดเจนด้วยคำพูดยังเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ”
 
นายพจน์หยุดพักหลังประโยคนี้ ..ในชีวิตประจำวัน เขาแทบไม่ได้พูดอะไรยืดยาว
เขาจะพูดเมื่ออยู่ในที่ประชุม เมื่อเจรจาทางธุรกิจหรือเมื่อต้องบรรยายในฐานะวิทยากรตามวาระโอกาสเท่านั้น
นี่จึงเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายสำหรับตัวเขา ..ที่นั่งอยู่ตรงนี้ ..พูดอยู่นี้ ..พูดกับลูกชาย
..
“พชรหวังดีและพยายามอดทนที่สุดมาตลอด ทุกคนรู้ ทุกคนเห็นอยู่แล้ว ไม่ผิดอะไรหรอกถ้าตอนนี้พชรเลือกจะเงียบ เลือกจะอยู่ห่างๆ พชรก็คงมีเหตุผลของพชรเสมอ..” นายพจน์มองบุตรชายด้วยความอาทร ปรารถนาดีอย่างจริงใจ

“แต่เรื่องของหัวใจ.. ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม พชรต้องยอมรับให้ได้นะ ว่าถ้าไม่พูด ไม่ยืนยัน ..ทุกอย่างจบ”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #673 เมื่อ02-11-2016 23:52:39 »

CHAPTER 28: Suffering Missing You

          ตึกเรียน..ต้นไม้.. สายลม..
ป้ายใหญ่ระบุ.. ‘วิศวฯ ม.ช.’
รุ่นพี่ช็อปสีน้ำเงิน ผองเพื่อนแฟ้มน้ำตาลเดินสวนกันไปมา
ทุกอย่างยังดูเหมือนเดิม.. ในขณะที่ชีวิตม่อนแจ่มแทบไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว
ร่างเล็กนั่งริมบันได..

         “ไอ้ม่อน..”
ไม่ได้แปลกใจกับเสียงเรียก ม่อนแจ่มเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและพยักรับเบาๆ
“เออ เลิกเรียนแล้วสิ..”ไอดิลทรุดนั่งลงข้างๆ
“ฮื่อ..” คนถูกถามครางรับ
ตามปกติก็คงชักชวนเดินกลับหอสามชายด้วยกัน ทว่า วันนี้..
“แล้ว.. เดี๋ยวมึงกลับยังไง?”
“แม่กูมารับ”
อืม.. ไอดิลพยักหน้า ไตร่ตรองหลายอึดใจก่อนจะเอ่ยชวน
“ไปนั่งเล่นรอใต้หอพลางๆไหม..”
ไม่..
อาการส่ายหน้าของคู่ซี๊ทำให้ไอดิลแปลได้ว่าอย่างนั้น..

          จนเพื่อนรักคล้อยหลังเลิกโน้มน้าวไปแล้ว ม่อนจึงสาวเท้าช้าๆ ข้ามถนนไป
ทว่า ก็หยุดอยู่เพียงหน้าหอสี่.. แม้เพียงมองจากตรงนี้ ก็ยังพอเห็นลานจอดรถมอเตอร์ไซค์หน้าหอสามชายซึ่งมักมี Kawasaki D-Tracker สีดำ-เขียว ป้ายทะเบียนลำพูนจอดอยู่เป็นประจำ
พอมองเห็น.. ลานหญ้าที่ใครบางคนมักจะช่วยลุงคนสวนดูแลต้นไม้
เห็น.. ม้าหินอ่อนที่เคยเล่นงัดข้อและได้รับชัยชนะเป็นครั้งแรกในชีวิต

         ม่อนแจ่มเกือบจะนึกว่าตัวเองเป็นคนกล้าหาญอยู่แล้วเชียว แต่ที่จริง.. เขาก็ยังขี้ขลาดเหมือนเดิมนั่นแหละ
เขาไม่มีความกล้าพอจะเดินไปหอสามชาย ..จะไปห้องสามสามแปด ..จะบอกคนที่อยู่ภายในห้องนั้นว่าเขาขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเจ้าตัว ..ว่าเขาเสียใจมากมายเพียงใด ..ทำได้มากที่สุดก็เพียงฝากถ้อยคำเหล่านั้นไว้กับไอดิล

อย่าว่าแต่เรื่องพูด..
แค่สู้หน้า.. ม่อนแจ่มก็ยังไม่คิดเลยว่าตัวเองจะทำได้
ความรู้สึกผิดกัดกินหัวใจ.. ความคิดถึงทรมานร่างกายจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว..
 
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          ไอดิลเปิดประตูห้อง 338 ถิ่นพำนักประจำตลอดระยะเวลาหลายเดือน
ก้าวขาเข้ามาภายใน..นึกหวังให้ตัวเองแปลกใจกับภาพที่เห็น 
แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะ.. เห็นภาพนี้มาแล้วสองวัน

คนบางคนนอนไม่หลับตอนกลางคืน โต๋เต่ไปเรียนตอนเช้า แล้ว.. กลับมาสลบเหมือดในตอนเย็นถึงหัวค่ำ
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ไอดิลควรจะหงุดหงิดเลย ไม่เลย..
คนเรามันก็มีเรื่องเครียด เรื่องต้องขบคิดจนนอนไม่หลับบ้าง
การมาหลับเอาเมื่อร่างกายอ่อนเพลียจนเกินขีดจำกัดในอีกวันนั้นเป็นไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
และไอดิลคงไม่สนใจ..ถ้าเพียงแต่..
ร่างสูงกำยำนั้นจะนอนหลับบนเตียงเดี่ยว..กรรมสิทธิ์ของตัวเอง ไม่ใช่หลับบนเตียงล่างของคู่ซี๊เขาเช่นนี้
ไอดิลถอนหายใจ เขาเห็นม่อนแจ่มบนเตียงนั้นมาเทอมกว่า และมันแตกต่างอย่างมากเมื่อเป็นพชรที่อยู่บนหมอนและผ้าปูที่นอนลายหมีพูห์..

          “ซื้อข้าวมาเผื่อนะพชร อยู่บนโต๊ะนั่นน่ะ”
ดวงตาสีเข้มลืมขึ้น งัวเงียเล็กน้อยด้วยเพิ่งตื่น พึมพำเบาๆ “ขอบใจมากไอดิล”
รูมเมทสิ่งแวดล้อมถอนหายใจ พยักหน้ารับคำขอบคุณ แล้วขยับเดินไปใกล้ บีบไหล่หนาเบาๆ
“กลางคืนก็นอนซะบ้างนะพชร ..ไอ้ม่อนรู้ มันคงเป็นห่วงแย่”
..
ลมหายใจแทบจะหยุดไป ..ม่อนรู้ ม่อนคงเป็นห่วงแย่
แต่จะให้ทำยังไงล่ะ ..จะให้หลับลงไปได้ยังไง มันคุ้นกับการรอให้คนที่ใส่แว่นนอนมองหน้าเขาหลับเสียก่อน
ชินกับการลุกขึ้นไปถอดแว่นแดงออกให้เสียก่อน.. แล้วถึงจะนอนได้..

ดวงตาคมมองภาพการ์ตูนบนฝาผนัง ..เช่นที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในสองวันนี้ไปกับการทำอย่างนั้น
มอง.. พินิจ.. พิจารณาลายเส้น.. ราวกับนั่นจะทำให้เห็นหน้าคนวาด

“ม่อนเป็นยังไงบ้าง ไอดิล..”
ในที่สุดพชรก็ถาม..

“เอาจริงๆนะพชร”
ไอดิลถอนหายใจอีกครั้ง “สภาพไม่ต่างจากมึงเท่าไหร่หรอก”
 
          ร่างสูงเลื่อนเก้าอี้ออก ทรุดนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือติดเตียงล่าง
มือแกร่งหยิบเอานาฬิกาที่วางหันองศาหน้าปัดมาทางหัวเตียงตั้งแต่วันนั้นขึ้นมาถือไว้ในมือ
มันเป็นนาฬิกายี่ห้อดัง.. สายหนังสีน้ำตาล..
เขาเห็นข้อมือเล็กใส่นาฬิกาเรือนนี้นับแต่วันแรกที่ได้พบกัน และก็ใส่ทุกวันไม่เคยถอดเลย
รวมทั้งวันที่..

        “ปางห้ามญาติ”
..
        “ว่ากันว่า.. ในสมัยพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปทรงห้ามปรามการก่อสงครามแก่งแย่งน้ำจากแม่น้ำโรหิณีของศากยวงศ์ พระญาติฝ่ายพระบิดาและโกลิยวงศ์ พระญาติฝ่ายพระมารดา”
..
       “เป็นที่มาของพระพุทธรูปปางห้ามญาติ”
..
       “พระประจำวันของคนเกิดวันจันทร์”


พชรมองสายสิญจน์บนข้อมือตัวเอง ..สัมผัสแผ่วเบาจากมือเล็กในวันนั้นยังหนักแน่นอยู่ในใจ
ความรู้สึกบางอย่างหนักอึ้งจนเขารู้สึกเหมือนแบกอะไรไว้บนบ่าตลอดเวลา
ความรู้สึกนี้มันเรียกว่าอะไร ..แล้วที่มาของมันมาจากไหน
การนอนบนเตียงไม่ทำให้หาย การมองภาพที่วาดไว้ไม่ได้ช่วยบรรเทา การหยิบนาฬิกามาถืออยู่นี้ก็งี่เง่าสิ้นดี

         “ไม่ว่าในใจพชรจะรู้สึกแค่ไหน ได้ทำอะไรต่างๆลงไปมากมายยังไง
สุดท้ายแล้ว.. การยืนยันความรู้สึกให้ชัดเจนด้วยคำพูดยังคงเป็นสิ่งจำเป็น..”


พชรกำนาฬิกาเอาไว้แน่นในมือ..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

         มือเรียวลากเส้นดินสอ..
เก็บรายละเอียดเป็นรอบสุดท้าย ก่อนจะลงลายเซ็น ‘Mon Cham of Mechanical Engineering’
แล้วดึงออกจากฉากตั้ง เก็บใส่ม้วนกระดาษ ส่งภาพนั้นให้พีระศิลป์ เพื่อนร่วมชมรม

         “หวังว่ามันจะออกมาเป็นภาพคนเหมือน ไม่ใช่ภาพการ์ตูนนะไอ้ม่อน” เพื่อนสิ่งแวดล้อมเอ่ยเย้าๆ
ม่อนแจ่มยิ้มแห้งๆตอบกลับไป “กูก็หวังว่างั้นล่ะ..”
เขาถอนหายใจ ก้มมองมือตัวเอง แล้วมองม้วนกระดาษในมือพีระศิลป์
ภาพคนเหมือนที่ไม่มีต้นแบบอยู่ตรงหน้า ..ภาพที่กว่าจะวาดเสร็จใช้เวลานานเหลือเกินนับแต่เริ่มต้นจนบัดนี้
ภาพที่ตั้งใจวาดที่สุดเพื่อให้ออกมาสมบูรณ์และมีชีวิตชีวาที่สุด
ภาพเขียนที่มีชีวิต ..มันต้องเป็นแบบนั้น ..ในเมื่อบุคคลที่เขาวาดเป็นคนที่มีชีวิต และชีวิตนั้นก็มีความหมายมากมายด้วย

         “ไอ้ม่อน อยู่นี่เอง..”
เมษา-เมถุน คู่ซี๊แห่งภาคเครื่องกลที่เป็นเพื่อนสนิทของม่อนแจ่มเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
“เออ.. ไง” เสียงเล็กทักทายอย่างไม่กระตือรือร้นนัก เพราะคาบที่แล้วเรียนคนละ section กันกับสองเพื่อน เขาจึงมานั่งหลบฉากวาดภาพอยู่กับพีระศิลป์ตรงนี้แทน
“ตะกี้เลิกเรียนแล้วกูแวะไปที่ภาคฯ มีคนมาหามึงด้วยว่ะ”

ห๊ะ..
ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว
ใครมาหาเขา ไอดิลหรือ? ..แล้วทำไมคู่ซี๊ไม่โทรมา

“แต่อาจารย์ไม่รู้ว่ามึงเป็นใคร ไปเรียนวิชาอะไร เจอกูก็เลยฝากบอกว่ามีคนมาหาม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์ ชั้นปีที่หนึ่ง”
“เหรอ.. ใครล่ะ..” ม่อนแจ่มถามช้าๆ ความคิดยังอยู่กับเรื่องอื่น น้ำเสียงอ่อนระโหยไม่ใคร่ใส่ใจนัก
“เขาบอกว่าชื่อพชร” เมษยักไหล่นึก ทวนสิ่งที่อาจารย์บอก “พชร มนุษยฯ ปรัชญา”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          เป็นอีกครั้งที่นั่งทำงานต่อเรื่อยๆจนรุ่งเช้า สลับกับเงยมองภาพการ์ตูน ‘กูคือม่อนแจ่มแห่งวิศวฯเครื่องกล’ บนฝาผนัง
พชรมองนาฬิกาบนโต๊ะซึ่งบอกเวลาหกโมง.. การทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆไม่ใช่เรื่องดี ..การนอนหลับพักผ่อนให้ถูกเวลาเป็นสิ่งจำเป็น พชรเข้าใจ

          ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ อาบน้ำ แต่งตัว เลือกหยิบเสื้อโปโลคอปกสีน้ำเงินที่เพิ่งได้รับมา ใส่ไปเรียน
แสงแดดสาดสะท้อนเข้ามาภายในห้อง ภาพวาดเด็กหนุ่มหัวโตในชุดนักศึกษาหนีบแฟ้ม Entaneer ดูเหมือนจะสว่างสดใสขึ้นเมื่อแสงสีทองส่องไปต้อง..

          “ผมม่อนแจ่มครับ ม่อนแจ่ม วิศวฯ เครื่องกล”
..
         “ผม.. ผมอยากจะ คือ.. ผมอยากจะลงตัวฟรีของภาควิชาปรัชญาน่ะครับ เอ่อม.. สำหรับภาคเรียนถัดไป
ผมอยากขอคำปรึกษาจากเด็กปีหนึ่งปรัชญา ว่า..ว่าผมควรจะลงตัวไหน”
..
         “แบบว่า.. ผมไม่อยากรบกวนเพื่อนนักศึกษาที่น่ารักเท่าไหร่ ขอเป็นคนนั้นมาแนะนำได้ไหมครับ ดูเขาจะว่างอยู่..”


จะลงเรียนวิชาปรัชญา.. ข้ออ้างบ้าบอ..
พชรหวนนึก และก่อนออกจากห้องใใ เขาก็ทำอะไรบ้าบอบางอย่าง ..มือแกร่งคว้านาฬิกาข้อมือขึ้นมาจากบนโต๊ะด้วย

          ปรัชญาการเมือง.. การอ่านเชิงวิเคราะห์และการเขียนอย่างมีประสิทธิผล.. จิตวิทยาสังคม..
แทบจะใช้เวลาสามคาบเต็มไปกับการรอให้มันหมดไป
พักเที่ยง.. พชรทิ้งมอเตอร์ไซค์คู่ใจไว้ที่อ่างแก้ว
ระหว่างคณะมนุษยศาสตร์กับคณะวิศวกรรมศาสตร์มันเดินไกลแค่ไหน ..แล้วเดินตอนเที่ยงมันร้อนยังไง
..พชรอยากจะรู้..

          ขาแข็งแรงก้าวออกมาจากตัวตึก ข้ามถนนมาหน้าอาคารเฉลิมพระเกียรติฯ
ก่อนจะเดินเลียบผ่านหน้าสหกรณ์ ลงเนินผ่านทางเข้าวิทยาลัยสื่อฯ และเดินขึ้นเนินอีกครั้ง
ข้ามถนนมาสู่บริเวณลานสักที่ตรงข้ามกันเป็นหอสามหญิง และแน่นอน ขวามือของเขา หอสามชายที่คุ้นเคย..
และเมื่อเลยหอสี่ชายไป ป้ายสีม่วงก็ตั้งอยู่เยื้องกัน

‘วิศวฯ ม.ช.’

พชรเดินผ่านเข้าไปโดยไม่ได้รู้สึกประหม่าอะไร
รอบข้างไม่ได้มีใครใส่เสื้อโปโลคอปกเหมือนเขา ไม่ช้อปน้ำเงิน ก็ชุดนักศึกษาหนีบแฟ้มสีน้ำตาล มีหันมามองหนุ่มมนุษยฯซึ่งฉายเดี่ยวเข้ามาบ้างอย่างแปลกใจ ทว่า พชรไม่สนอย่างอื่น เขาเพียงอยากจะถาม..
“ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกลไปทางไหนครับ?”
..

           ไม่มีนักศึกษาปีหนึ่งอยู่ในห้องนั้นเลย..
ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาปีสูงกว่าที่ใส่ช็อปแล้ว และมีอาจารย์นั่งทำงานอยู่ ห้องปฏิบัติการหลายห้องมองเห็นอยู่ไม่ไกลออกไป พชรมองป้ายอีกครั้ง ให้แน่ใจว่าถูกที่
‘ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล’

ขาแข็งแรงก้าวเข้าไปภายใน พยายามมองหาคนที่เขารู้จัก
แต่แน่ละ.. ไม่ใช่เขาจะไม่รู้ว่ามันมีโอกาสน้อยนิดแค่ไหนที่จะได้พบ นักศึกษาไม่ได้เรียนกันที่สาขาวิชาเสียหน่อย
บางคาบก็ไปตึกอื่นหรืออาจจะคณะอื่น แต่ยังไงเขาก็ต้องมาที่นี่ ต้องมาให้ได้ เพราะมัน ‘จำเป็น’

          “โทษๆ นักศึกษา!” อาจารย์คนหนึ่งชนไหล่เขา
แล้วพชรก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองนั้นสูงกว่าอาจารย์เสียอีก “ขอโทษครับ ผมยืนขวางเอง”
พชรก้มศีรษะ อาจารย์หนุ่มเลิกคิ้ว
“มาจากไหนเรา สาขาอะไร ไม่เคยเห็นหน้า”
“ผมไม่ได้เรียนวิศวฯครับ” พชรชี้แจง “ผมมาหาคน..”
“หาคน?” อาจารย์ขมวดคิ้ว “ใคร? ชื่ออะไร?”
“ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์ ชั้นปีที่หนึ่งครับ” เสียงเข้มตอบกลับชัดเจน
“นักศึกษาปีหนึ่ง?”
อาจารย์ขมวดคิ้ว มองกลับมาอย่างอยากจะโบกให้พชรเข้าใจว่าคณะนี้มีจำนวนประชากรเท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม พชรไม่มีสีหน้าหวั่นไหว ร่างสูงยืนมั่นคงจนอาจารย์เปลี่ยนจากอยากเขกกะโหลกเป็นหันไปรอบๆ
“เดี๋ยวๆ อาจารย์หาปีหนึ่งแถวนี้ให้”
..
“เฮ้! พวกนาย มีใครรู้จักคนนี้บ้าง เอ้อ  ไม่ใช่สิ มีใครรู้จักคนที่คนนี้มาหาบ้าง” อาจารย์เครื่องกลหันมามองพชรอีกครั้ง
“เธอมาหาใคร ชื่ออะไรนะ?”
พชรจึงย้ำ.. “ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์ ชั้นปีที่หนึ่งครับ”
“แล้วใครมาหาม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์ ชั้นปีที่หนึ่ง?”
“ผมพชรครับ ..พชร มนุษยฯปรัชญา”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “ตกลง พชร มนุษยฯปรัชญา นี่ใคร ไอ้ม่อน?”
“กะ..กูบอกแล้วไง ว่า.. ม..ไม่รู้จัก” ม่อนแจ่มลิ้นพันกันไปหมด
ถ้านี่เป็นความฝัน ..ก็นับว่าเป็นความฝันที่ประหลาดพิสดารที่สุดในชีวิต และม่อนแจ่มก็ไม่อยากจะยอมรับว่า..
ตัวเขาไม่อยากให้เป็นแค่ความฝันเลย
มันเป็นไปได้ยังไง ..ไอดิลหรือเปล่า ไอดิลร่วมมือกับเมษแกล้งหลอกเขาใช่ไหม สองคนนี้ยิ่งกวนๆอยู่

         ร่างเล็กหลบฉากออกมาจากกลุ่มเพื่อน..
ห้ามขาสั้นป้อมของตัวเองไม่ได้ที่จะวิ่งตรงแน่วไปยังสาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล
ม่อนแจ่มหอบแฮ่กๆ แต่ก็ยังพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับฝาผนัง ค่อยๆเกาะไปราวกับตุ๊กแกเมื่อใกล้ถึง
ไม่มีทางหรอก มันคงไม่จริง..
ถึงจะจริง.. แต่ก็อาจจะกลับไปแล้ว
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่มา ..กว่าอาจารย์จะพบเพื่อนเขา ..แล้วกว่าเพื่อนจะมาบอกเขา
ม่อนแจ่มคงจะไม่เห็น..

         ร่างสูงกำยำในเสื้อโปโลสีน้ำเงินคอปก ปักคำว่า Humanities ยืนพิงกรอบประตูภาควิศวกรรมเครื่องกล
กระเป๋าสีดำสะพายอยู่บนไหล่ซ้าย สองมือกอดอก ดวงตาสีเข้ม สีหน้าเรียบเฉย

..ไม่มีทางจะเป็นคนอื่น..

ม่อนแจ่มแทบหยุดหายใจ กระพริบตาปริบๆสองสามครั้งให้แน่ใจว่าที่เห็นเป็นความจริง
พชร..
ที่นี่หรือ..
มาหาม่อนแจ่มเนี่ยนะ..

          “มาแอบมองแบบนี้ก็แสดงว่ารู้จักใช่ไหมวะ?”
เฮ้ย!
ม่อนแจ่มสะดุ้งเฮือก
แล้วก็หันมาเจอไอ้ปาท่องโก๋คู่เดิม เมษา-เมถุน
ขอโทษนะ พวกมึงให้อารมณ์เหมือนวิญญาณแฝดตามหลอนกูมาก

“มาทำไม!” ม่อนแจ่มกระซิบดุดุ
“มาดูคนที่มึงว่าไม่รู้จัก” เมถุนยักไหล่
“ไม่รู้จัก แล้วมึงมาแอบมองเขาทำไม ไอ้ม่อน?” เมษาแทรกถาม
บ้าเอ๊ย.. ม่อนแจ่มเอามือยีหัวตัวเอง

“ไม่หล่อเท่ากูนะ” เมษาให้ความเห็น “แต่หน้าตานี่ทำเอากูไม่กล้าไปมีเรื่องด้วยเลยว่ะ”
“เออ” เมถุนพยักพเยิดเห็นด้วย “น่าเกรงขามอะไรปานนั้น”
“รูปร่างสูงใหญ่..”
“บ๊องหูทีนี่กูตายเลย..”
“ไม่ขอชกกับแม่งเด็ดขาด”
“ช่าย.. ต่อให้สองรุมหนึ่งก็ไม่เอา”
“เฮ้ย! พอ!” ม่อนแจ่มทนไม่ไหว ใจเต้นแรงจนกลัวเพื่อนได้ยิน
“ไอ้ม่อนมีความหน้าแดง” เมษาตั้งข้อสังเกต
“มาก” เมถุนขยายความ

สัด!
เดี๋ยวเหอะ รับมุขกันนะพวกมึงนี่ ม่อนแจ่มว้ากแม่ง
“หุบปาก!”

จึก..
นั่นแหละ ม่อนแจ่มจึงเพิ่งรู้ตัวว่าเสียงดังไป
ร่างเล็กรีบหลบฉาก ไม่ยอมโผล่หัวให้มองเห็นได้จากหน้าสาขาวิชา
อย่างไรก็ตาม ร่างสูงที่ยืนอยู่ท่าเดิมร่วมสองชั่วโมงจับสังเกตอะไรบางอย่างที่คุ้นตา จึงค่อยๆเดินมา
เมษามองตาเมถุนอย่างมีเลศนัยและก่อนที่ม่อนแจ่มจะได้ทันวิ่ง ร่างเล็กก็ถูกผลักออกมาจากที่หลบ

         “โอ๊ะ!”
ม่อนแจ่มกระเด็นตามแรงโน้มถ่วงของโลกอย่างง่ายดาย กรอบแว่นเลื่อนไถลลงจากสันจมูกเล็กน้อย
เขาไม่ล้ม แต่ก็เกือบหัวทิ่มหัวตำ ดวงตาเป็นประกายมองพื้นเบื้องล่าง ..ก่อนจะเห็นเท้าที่สวมผ้าใบสีขาวคู่ใหญ่ หน้าเรียวค่อยๆเงยขึ้น..

          หลังจากหลายวัน.. ดวงตาสองคู่ก็สบกันพอดี..
ดวงตาที่เมื่อครู่ยังดูเฉยชากลับมีความเป็นห่วงเป็นใยชัดเจน มองสำรวจดูจนแน่ใจว่าม่อนแจ่มไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน แล้วตาคมนั้นก็ตวัดขึ้น มองไปยังทางที่ม่อนแจ่มถูกผลักมา
มองคนที่ผลัก.. สองเพื่อนเครื่องกลยืนอยู่ที่นั่น
ริมฝีปากหนาเม้มใกล้เป็นเส้นบางเฉียบ ดวงตาดุดันเอาเรื่องจนเมษาและเมถุนถอยกรูด

“ค..คือกูไม่ได้ตั้งใจ”
“เป็นอุบัติเหตุ ..จริงๆว่ะ”
“ไม่เคยแกล้งไอ้ม่อนมาก่อนเลยนะ”
“ลาก่อย!”

ร่างกำยำตั้งท่าจะตามไปลากคอสองคนนั้นกลับมา ทว่า เรียวแขนเล็กคว้าไว้ กลัวท่าทีแบบนี้จริงๆ
“พชร เพื่อนกู” ม่อนแจ่มละล่ำละลัก “เพื่อนกูเอง!”
“มันผลักมึง ใช่ไหม!” พชรถามสิ่งที่คิดว่าเห็น
“ใช่”
เฮ้ย!
“ไม่ใช่!” ม่อนแจ่มเปลี่ยนคำกะทันหัน เมื่อไหล่หนานั้นหลุดมือ ขายาวก้าวตามสองเพื่อนไป
“พชร อย่า!” ม่อนแจ่มต้องวิ่งถึงจะทันพชรเดิน เสียงเล็กรีบอธิบาย
“พวกมันแรงควายแบบนั้นเอง แต่สนิทกัน ไม่เป็นไร นะ ไม่เป็นไรหรอก”

ไม่เป็นไรอย่างนั้นหรือ.. พชรคุกกรุ่น
เขาไม่เคยทำอะไรรุนแรงกับคนคนนี้
จะบีบ จะจับ จะทำอะไรก็ระวังตลอด ไม่อยากให้เจ้าตัวต้องเจ็บต้องปวดตรงไหนเลยแม้แต่นิดเดียว
แล้วไอ้บ้าสองตัวนั่น มันผลักม่อนแจ่ม มันคิดว่ามันเป็นใคร!

“พชร..” ม่อนแจ่มเรียกเสียงอ่อย ลืมเรื่องอื่นไปหมดใจชั่วคราว
“นะพชร.. ไม่เป็นไรหรอก”
มือเรียวเล็กสองข้างเกาะท่อนแขนใหญ่ ยั้งไว้อย่างเกรงๆ ..ไม่อยากให้โกรธ
และไม่อยากจะบอกพชรว่า ปกติพวกเพื่อนเครื่องกลมันเล่นกันแรงๆกว่านี้มากนัก

คนถูกเรียกพ่นลมหายใจ หันมามองสำรวจความเสียหายอีกครั้ง
“ม่อนเจ็บหรือเปล่า..”
“อะ.. ม..ไม่ ไม่เจ็บ”
..
..
แล้วก็มีแต่ความเงียบ.. สองคนได้แต่อ้าปากค้างไว้น้อยๆ..
ม่อนแจ่มไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ส่วนพชรเหมือนไม่ได้เตรียมอะไรจะพูดมาตั้งแต่ต้น
เรื่องราวมากมายพันกันอยู่ในหัวจนไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อนดี

ม่อนแจ่มอยากขอโทษ..
และพชรก็อยากจะบอกว่าไม่เป็นไร..

แต่เอาเข้าจริง.. ทำไมมันพูดยากเย็น
หรือเพราะมีความรู้สึกอื่นที่มากกว่าขอโทษ ..ความรู้สึกอื่นที่มากกว่าไม่เป็นไร
คำที่ควรจะง่าย มันจึงพูดยากขึ้นมา..

พชรกลืนน้ำลาย ม่อนแจ่มเองก็ด้วย
ต่างคนต่างสรรหาคำกันให้วุ่น
แต่บ้าจริง.. มันคิดไม่ออกเลย..

“มึง.. มา..”
“เรื่อง..”
“ขอ..”
“เอ่อ.. ไม่..”

..
..
พยายามจะพูดพร้อมกัน.. แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ.. มองหน้ากัน..
พชรมองมา ม่อนแจ่มก็มองกลับไป
อึดอัดพอๆกับที่หวั่นไหว ดีใจพอๆกับที่ประหม่า
มันอยากจะพูด แต่ไม่มีคำจะพูด
มันอยากจะมอง แต่จ้องนานไม่ได้
มัน.. คิดถึงมากเกินไป จน.. ทำอะไรไม่ถูก

          “ไปๆ ถึงคาบแล้ว”
กลุ่มเพื่อนแฟ้มน้ำตาลเดินชนหลังชนไหล่มุ่งหน้าสู่ห้องปฏิบัติการกลศาสตร์ ม่อนแจ่มเองก็หันไปมองตามเสียงพลางพลิกข้อมือขึ้นมาดูอย่างเคยชิน ถึงคาบเรียนแล้วหรือ..
ทว่านั่นแหละ เขาไม่ได้ใส่นาฬิกานี่หว่า
ลืมไป..

ม่อนแจ่มหันกลับมามองหน้าพชร แต่ตอนนี้ พชรไม่ได้มองเขาแล้ว
มือแกร่งรูดซิบกระเป๋าเป้ออก แล้วหยิบบางอย่างออกมา ..นาฬิกา
ห๊ะ..
นาฬิกา?

มือสากด้านอีกข้างค่อยๆคว้าข้อมือขวาที่ม่อนแจ่มลืมตัวพลิกดูเมื่อตะกี้ขึ้นมา
ร่างเล็กเกร็งไปทั้งตัวอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งที่พชรสัมผัสเพียงเบาๆเท่านั้นเอง

“มึงวางไว้บนโต๊ะ..” เสียงเข้มเอ่ยเบาๆ
ไม่อยากใช้คำว่าลืมไว้บนโต๊ะ เพราะพชรรู้ว่าม่อนแจ่มไม่ได้ลืม
อะ.. ม่อนแจ่มอึกอัก “นาฬิกาของคุณพ่อ..”
แต่แล้วฟันเล็กก็กัดริมฝีปากตัวเองแน่น
บ้าจริง.. เขาเพิ่งจะพูดคำว่า ‘คุณพ่อ’  ทั้งๆที่..

“คุณพจน์ซื้อให้หรือ” พชรถามซ้ำ
อะ..
“อื้อ” ม่อนแจ่มพยักหน้า แต่อีกเดี๋ยวก็ส่ายหน้า “คือ มันไม่ใช่ว่า..”
พชรยิ้มให้บางๆอย่างเข้าใจ  สองมือกลับไปประคองข้อมือเล็กขึ้น สอดสายรัดหนังสีน้ำตาลไว้ให้พอดี
ตั้งแต่วันแรกที่พบกัน ม่อนแจ่มใส่นาฬิกาเรือนนี้ตลอดทุกวัน แล้ววันนี้พชรก็ได้รู้ว่า.. มันเป็นนาฬิกาที่นายพจน์มอบให้
“ใส่ไว้ ..จะได้ดูเวลาง่ายๆนะ”

สองมือใหญ่กอบกุมข้อมือเล็กไว้หลวมๆแม้จะสวมนาฬิกาเสร็จแล้ว
บนข้อมือขวาพชรยังคล้องสายสิญจน์จากบาตรหน้าพระพุทธรูปปางห้ามญาติที่ม่อนแจ่มเคยผูกให้เหมือนเดิม

“มึงมาเพื่อ.. เอานาฬิกามาให้กู ..น่ะเหรอ”
“ก็.. อืม..”

ม่อนแจ่มก้มลงมองข้อมือ ..แล้วเงยขึ้นมองหน้า
คนพูดมากพูดไม่ออก.. คนพูดน้อยก็ไม่พูดอะไรต่อ..

เอานาฬิกามาให้.. นี่มันข้ออ้างชนิดไหนกัน..
แต่ถึงแม้พชรจะทำแค่ใส่นาฬิกาให้ ในความรู้สึกม่อนแจ่มมันก็มากมายกว่านั้นอยู่ดี

“ขอบคุณ..”
“ไม่เป็นไร..”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .   

สวัสดีครับ ขออัพทีเดียวสามตอน เพราะเว้นการอัพไปตั้งสามอาทิตย์
ต้องขอโทษที่ช้า แต่ใจคนเขียนอยากให้ผ่านพ้นเดือนตุลาคมเสียก่อน คิดว่าคนอ่านคงเข้าใจดี
ยังไงก็ ขอบคุณที่ติดตามเหมือนทุกครั้ง และขอให้มีความสุขกับการอ่านเสมอครับ


ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #674 เมื่อ03-11-2016 00:22:30 »

เน้!!!!!!!! ดีกันเร็วน้าาาา

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #675 เมื่อ03-11-2016 00:57:49 »

เรื่องของผู้ใหญ่ท่าจะจบด้วยดี วันเวลาก็ผ่านมานานแล้ว ความรัก ความเกลียดโรยราไปตามอายุ
เหลือที่ต้องลุ้นก็เรื่องของหนุ่ม ๆ นี่แหละ
ต้องขอบคุณเมษา เมถุนสินะ ช่วยได้เยอะเลย

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #676 เมื่อ03-11-2016 01:09:44 »

ร้องไห้อีกแล้วค่ะ ร้องไห้กับความจิตใจดีของม่อนเรื่องพ่อ ไม่เคยคิดไม่ดีแม้สักนิด
เรื่องของผู้ใหญ่จบด้วยดีแล้ว เหลือเรื่องเด็กๆ นี่ล่ะ พชรพูดเยอะๆ หน่อย รักเขาแล้ว
ตอนพชรจะไปเอาเรื่องแฝดน่ารักดี ม่อนต้องรีบบอกไม่เป็นไร เขารักของเขาเนอะ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #677 เมื่อ03-11-2016 02:27:18 »

ความรู้สึกหลากหลายกินไป ไม่รู้ว่าจะจับจุดตรงไหนเลยนาทีนี้  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Money11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #678 เมื่อ03-11-2016 03:10:07 »

สามตอนรวด! จุใจมากๆ
อ่านไปกลั้นหายใจไปเลยนะ บอกเลยยย
ผู้ใหญ่เรื่องนี้เข้าใจลูกดีจัง เอาใจช่วยพชรกับน้องม่อนนะลูก
ปอลิง คิดถึงเกรียน

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #679 เมื่อ03-11-2016 03:50:31 »

ชอบที่ออกมาแนวนี้นะคะ คือ พ่อแม่รับผิดในส่วนที่เป็นของตนพร้อมเปิดตามองรอบตัว

พจน์ - ลดานี่คือไม่ได้หวังอะไรมาก เพราะว่าเกิดอะไรต่อมิอะไรมากจริงๆ  พจน์เองก็ได้เลือก ณ ตอนนั้นไปแล้ว  แต่จากนี้ไปคงต้องรอจนวันที่ระมิงค์พบกับแสง  ไม่ได้สานต่อหรือเริ่มต้นใหม่จากวันก่อนๆ แต่มาเริ่มใหม่จากวันพรุ่งนี้

ทั้งพชรกับม่อนนี่เอาคนอื่นมาก่อนตัวเองเสมอ 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
« ตอบ #679 เมื่อ: 03-11-2016 03:50:31 »





ออฟไลน์ Snimsoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #680 เมื่อ03-11-2016 04:36:34 »

คลี่คลายได้ดีค่ะ
นี่ค่อย ๆ อ่านไปลุ้นไปละเมียดไป

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #681 เมื่อ03-11-2016 07:24:02 »

พายุกำลังสลาย

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #682 เมื่อ03-11-2016 07:55:52 »

เป็นเรื่องที่เข้าถึงความรู้สึกได้ดีมาก นั่งอ่านนำ้ตาซึมตลอดเลย

อ่านตอนแรกๆไม่ค่อยชอบนิสัยม่อนแจ่มเท่าไหร่แต่ก็อ่านต่อนั่นแหละ
เพราะว่าจากเรื่องอื่นๆของผู้แต่งที่ติดตามมาตลอดทุกคนจะมีพัฒนาที่โตขึ้นมาเสมอ จนอ่านมาถึงตอนนี้ไม่ผิดหวังเลยค่ะ ดีกว่าที่เราคิดไว้อีก

 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #683 เมื่อ03-11-2016 09:11:25 »

อ่านแบบจุใจ น้ำตาไหล ดีใจที่เรื่องมันคลี่คลายไปในทางที่ดี

รอแค่เวลาที่พชรกับม่อนแจ่มจะปรับความเข้าใจกัน  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #684 เมื่อ03-11-2016 09:28:56 »

ลุ้นๆ รอตอนต่อไปค่า :katai2-1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #685 เมื่อ03-11-2016 14:05:33 »

เมฆหมอก อึมครึม คลี่คลาย
ทุกอย่างเริ่มจะเข้าที่ เข้าทาง
แต่ที่ทางนั้น ด้านผู้ใหญ่คงไม่นาน
คุณพจน์ หมั่นไปหาเพชรลดา บ่อยๆ ก็ดีนะ
ก็ต่างฝ่ายต่างรักกันนี่นะ
เหลือแต่คนรักของระมิงค์ จะพบแสงรวี
พชร ไปหาม่อนแจ่ม แล้ว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เพื่อนม่อน เกือบแย่แล้ว เพราะผลักม่อนแรงไปหน่อย
ก็พชร ไม่เคยทำอะไรรุนแรงกับม่อนเลย
แล้วสองคนนี่มีสิทธิ์อะไร  :z3: :z6:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #686 เมื่อ03-11-2016 14:16:48 »

เฮ้ออ ที่นี้ก็เหลือแต่เรื่องของเด็กๆที่ปากแข็งกันทั้งคู่
เอาใจช่วยม่อนแจ่มกับกับพชรนะ

ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #687 เมื่อ03-11-2016 14:53:33 »

ถึงกับสะอื้นด้วยความอิ่มเอมใจ
ที่รู้สึกได้อย่างชัดเจนคือเรื่องความสุขของม่อนที่มีต่อคุณพ่อนั้นมีบนรากฐานของ"ความพอเพียง"
ราวกับแต่งมาเพื่อเทิดพระเกียรติพระคุณของ"พ่อ"ของพวกเราทุกคน(ตามความรู้สึกขณะที่อ่านอยู่ค่ะ)
ไม่ว่าอะไรที่คุณพ่อคิดว่าทำได้ไม่ดีพอต่อม่อน ม่อนกลับสำนึกรู้อย่างเข้าใจและพอใจแล้ว
อ่านแล้วอดที่จะนึกถึงอย่างซาบซึ้งพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านไม่ได้จริงๆค่ะ จนเป็นความปลื้มปิติถึงกับต้องหลั่งน้ำตา
เพราะพื้นฐานความพอเพียงนั้น สามารถใช้แก้ไขได้กับทุกปัญหาของความต้องการของมนุษย์เหมือนกับความสมถะหรือการเดินสายกลางของพุทธศาสนา
ตัวม่อนเองนั้นด้วยความพอเพียงกับความรักที่ได้รับจากครอบครัว ม่อนจึงโตมาอย่างไม่เป็นเด็กมีปัญหาขาดความอบอุ่น
และพร้อมจะเข้าใจเมื่อชีวิตประสบปัญหาเพราะเป็นคนรู้จักคิดและมีเหตุผล
รักความเป็นเหตุเป็นผลของเรื่องนี้มากๆค่ะ รักการรู้จักให้อภัย การอยากเห็นคนที่เรารักมีความสุข การรู้จักหน้าที่และแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำ
รักและชื่นชมกับวิธีการถ่ายทอดออกมาให้คนอ่านได้รู้สึกร่วมไปด้วยอย่างเพลิดเพลิน ขอบคุณมากๆค่ะ :กอด1:


ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #688 เมื่อ03-11-2016 15:48:10 »

เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กๆควรทำอะไรไปตามความรู้สึกของตัวเองดีกว่านะ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: SWEET SURRENDER 2/11/59 CH.26-28 P.23
«ตอบ #689 เมื่อ03-11-2016 18:20:16 »

จุใจสุดๆ  เนื้อหากินใจสุดๆ ขอบคุณค่าาา  :L2:  บอกเลยว่า งานนี้ #ทีมคุณพจน์ ค่ะ 55555 สงสารนาง เพชลดาและพชรมีกันและกัน ระมิงค์และม่อนมีกันและกัน แล้วคุณพจน์มีใคร?งืออออออ #ปาดน้ำตา ยืดอก เดี๊ยนขออาสา ซับน้ำตาให้คุณพจน์เองค่ะ  :impress2:  ไม่ได้คิดเป็นอื่นจริงจริ๊งงงง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด