SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42  (อ่าน 322093 ครั้ง)

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #780 เมื่อ23-11-2016 11:06:17 »

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ลุ้นแทบตาย อ่านแล้วน้ำตาไหลแบบมันอบอุ่นใจบอกไม่ถูก

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #781 เมื่อ23-11-2016 11:08:48 »

เป็นการรอคอยที่ยาวนานมากกับคำว่า "รัก" ของทั้งคู่ แต่ทางที่ดีอยากให้ต่างคนต่างก็บอกรักกันมากกว่า
มาบอกกับพ่อแม่แบบนี้นะ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้บอกล่ะนะ 5555

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #782 เมื่อ23-11-2016 11:59:07 »

ในที่สุด...

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #783 เมื่อ23-11-2016 12:14:34 »

อ่านไปน้ำตาไหลไป
อยากเห้นคู่นี้เค้ามุ้งมิ้งใส่กันบ้าง 55555
อารมณ์อึมครึมมาทั้งเรื่องเลย

ขอบคุณคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #784 เมื่อ23-11-2016 12:15:36 »

 :serius2:

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #785 เมื่อ23-11-2016 12:36:20 »

เหนือความคาดหมายจริงๆเลยน้องม่อน

ออฟไลน์ nijikii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #786 เมื่อ23-11-2016 18:31:53 »

เป็นการบอกรักที่ไม่ได้พูดคำว่ารักต่อกันเลย
มิติใหม่แห่งการบอกรักที่แท้จริง
เป็นการบอกรักที่หนักแน่นกว่า มั่นคงกว่าใครเป็นไหนๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #787 เมื่อ23-11-2016 19:50:01 »

 o13

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #788 เมื่อ23-11-2016 21:01:24 »

ในที่สุด...

ออฟไลน์ tulakom5644

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #789 เมื่อ23-11-2016 21:06:49 »

โหหหหหหห น้องม่อนนี่ไม่ทิ้งลาย ‘Mon Cham of Mechanical Engineering’ จริงๆ
แมนๆ ทั้งคู่เลย เข้าทางผู้ใหญ่ไปเลยยยยยยย ได้แต่งแน่ คึคึคึ :hao6: :hao6: หวังว่าตอนหน้าจะมีมุมหวานๆ ให้ได้อ่านมั่งนะค้าาาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
« ตอบ #789 เมื่อ: 23-11-2016 21:06:49 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #790 เมื่อ23-11-2016 21:46:36 »

คำบอกรัก แม้จะไม่ได้พูดให้คนที่สมควรจะได้ฟังจริงๆ ได้ยิน แต่ก็คุ้มค่า การรอคอย ละมุนนนน

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #791 เมื่อ23-11-2016 22:00:24 »

 :mew1:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #792 เมื่อ23-11-2016 22:11:50 »

อีกนิดเดียว ลุ้นๆๆ ทำไมม่อนน่ารักแบบนี้ อนากจะกอดแน่นๆๆๆๆ ให้เจ็บไปเลย ฟีลลิ่งอยากรังแก #โดนพชรต่อยแน่
ม่อนคิดมาก เพราะเป็นคนดีมาก ปล่อยวางเนอะ ฟังเสียงรอบข้าง ตอนนี้ม่อนตกผลึกละ คุยกับคุณพ่อละ ดีๆๆ
ตอนสองวิ กับตอนพชรแมนๆ ไปคุยกับคุณแม่น่ารักมาก
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #793 เมื่อ24-11-2016 01:08:25 »

บอกรักกันแบบนี้ก็ได้หรอ5555 โอ๊ย สับสนตัวเองยิ้มไปร้องไห้ไป

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #794 เมื่อ24-11-2016 10:41:20 »

ยอดเยี่ยมมากกก ม่อนแจ่มลูกเอ้ยยยย  :hao5:  กล้ารับกล้าบอกความรู้สึกของตัวเองกับผู้ใหญ่ให้เค้ายอมรับก่อน
ค่อยมาจัดการความรู้สึกตัวเองหลังจากนี้ เห็นได้ชัดว่าม่อนก็พยายามในส่วนของตัวเองเต็มที่แล้วนะจ๊ะพชร เพราะงั้น รออีกนี๊ดดด


ขอบคุณคนแต่งค่ะ แถมตอนนี้ก็มาแบบยาวจุใจมากๆๆๆ  :pig4:


ออฟไลน์ ZINFOONG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #795 เมื่อ25-11-2016 16:12:01 »

 :z3:วิธีบอกรักแบบใหม่....บอกพ่อบอกแม่ เหอะๆ

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #796 เมื่อ25-11-2016 20:16:11 »

บอกความรูู้้สึกกันได้แล้ว ดีใจ :katai4:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #797 เมื่อ26-11-2016 09:33:19 »

เย้ๆๆๆ อ่านทันแล้ว
คราวนี้ม่อนแจ่มคงรับฟังจากพชรสักทีนะ

ออฟไลน์ RinNam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #798 เมื่อ26-11-2016 21:49:13 »

น้ำตาไหล เป็นเรื่องที่หน่วงๆ อึนๆ แต่ดีต่อใจมากกกกก

พชรกับม่อนแจ่มแบบโอ้ยยยยย

ชอบ ชอบมากจริงๆ

เอาใจช่วยทั้งคู่นะ สู้ๆ เราคอยเชียร์

 :กอด1:

ออฟไลน์ automaton

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #799 เมื่อ27-11-2016 19:02:19 »

แว็ปเข้ามาดูสองรอบเช้า-ค่ำ ทุก ๆ วัน
รอต่อไป  :mew2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
« ตอบ #799 เมื่อ: 27-11-2016 19:02:19 »





ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #800 เมื่อ27-11-2016 21:17:13 »

ขอชมก่อนเลยครับ เขียนได้ดีมากๆ ในตอนนี้
อ่านแล้วให้อารมณ์หน่วงๆ และก็รู้สึกซาบซึ้งในความรู้สึกของทั้งสองคนด้วย
บวกกับลุ้นไปกับการกระทำของตัวละครมากๆ

พชรบอกรักผ่านแม่
ม่อนบอกรักผ่านพ่อ น่ารักมากๆ


ออฟไลน์ monkey_saru

  • ทำไมหัวใจถึงเอียงซ้าย...*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #801 เมื่อ28-11-2016 22:14:39 »

กว่าจะผ่านช่วงนั้นมาได้

รู้สึกดีไปอีกแบบที่คนเขียนเขียนออกมาให้เป็นแบบนี้

ปล. เขาขอกันแล้วค่าาาา  น่ารักมากกกกกกกก :hao5:

ออฟไลน์ gintama66

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: SWEET SURRENDER 22/11/59 CH.30 Words are Wonderful P.26
«ตอบ #802 เมื่อ30-11-2016 13:15:24 »

คิดถึง ม่อนแจ่ม กับ พชร จังเลยค่ะ

เค้าบอกรักกันแล้วนะคะ. แต่บอกผ่าน พ่อดับแม่ ซะงั้น!!

คนรักกัน แล้วดูๆแล้ว. ทางผู้ปกครองของทั้งคู่ก็ดูจะเข้าใจ แต่ในใจม่อนยังคงมีแต่คำขอโทษ.

ม่อนอย่าคิดเยอะลูกก ดูพชรสิ. เค้า รุกเอาๆแล้วนะ

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #803 เมื่อ30-11-2016 21:31:17 »

เปลี่ยนกัวข้อแล้วนี่นาาาา รอออออ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #804 เมื่อ30-11-2016 21:43:26 »

มารอก่อนเน็ตจะหมด

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #805 เมื่อ30-11-2016 21:51:26 »

รอลลลล

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #806 เมื่อ30-11-2016 21:59:25 »

รอออออออออออออออ   :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ automaton

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #807 เมื่อ30-11-2016 22:12:17 »

เปลี่ยนหัวข้อแล้ว
รอจ้า  :katai2-1:

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #808 เมื่อ30-11-2016 22:45:57 »

CHAPTER 31: When You Say Nothing at All

           นาฬิกาบอกเวลาสี่โมงอีกครั้งและอีกวัน..
ขาเรียวย่างช้าๆเข้ามาสู่บริเวณหน้าหอสามชายที่เคยเป็นถิ่นพำนัก
Kawasaki D-Tracker 250 ป้ายทะเบียนลำพูนจอดอยู่เช่นเดียวกับเมื่อวาน แต่นั่นก็ไม่ใช่เครื่องการันตีว่าผู้เป็นเจ้าของจะอยู่ข้างบน
ม่อนแจ่มเงยมองอาคารเก่าราวระเบียงม่วงอย่างเต็มไปด้วยความรู้สึก
เมื่อวาน เขาลังเลไม่แน่ใจ ทว่า วันนี้ เขาไม่มีความสงสัยใดๆในการที่จะไปห้องสามสามแปดเลย

            “หายไปหลายวันเลยนะ กลับบ้านหรือ?”
ป้ายามทัก ยกมือรับไหว้ ม่อนแจ่มพยักหน้า ส่งยิ้มให้ ก่อนเสียบบัตรไว้ในช่องของห้องสามสามแปด ซึ่งมีบัตรอีกใบหนึ่งเสียบอยู่ก่อนแล้ว และไม่ได้ระบุชื่อ ‘กวีกานต์ ทัศนศุภกฤษณ์’ ซึ่งขณะนี้ ม่อนแจ่มรู้ดีว่ายังอยู่ที่คณะ
บัตรอีกใบเป็นของพชร เพชรหละปูน ซึ่งเมื่อวานตอนกลับมากับไอดิล เขาก็ลืมสังเกตไปเลยว่าไม่มีบัตรของใครเสียบไว้ก่อนหน้า
และนั่นก็หมายความว่า ..ตอนนี้พชรอยู่ข้างบน..

จริงอยู่ ที่บางทีบัตรก็ไม่ใช่เครื่องการันตีเหมือนกัน เพราะบ่อยครั้งที่ชาวนักศึกษารีบไปรีบมา เสียบบ้างไม่เสียบบ้าง ไม่ได้ใส่ใจนักที่จะระบุตัวตน ทว่า พชรไม่ใช่แบบนั้น เจ้าตัวเป็นคนเคารพกฎระเบียบ แล้ว.. ป้ายามเองก็พูดตรงกันเมื่อม่อนแจ่มหยิบบัตรของพชรขึ้นมาพิจมองอยู่หลายอึดใจ

“เขาขึ้นไปเป็นชั่วโมงแล้วจ้ะ”
..
ม่อนแจ่มยิ้มให้ป้ายาม ผู้ซึ่งมีความสามารถในการจำนักศึกษาผู้พำนักได้ทุกคน อย่าหวังว่าถ้าไม่ได้อยู่หอนี้แล้วจะทำเนียนขึ้นไปได้ง่ายๆ ขอโทษเถอะครับ จำได้หมด และจากที่ถามเพื่อนๆหลายหอ ก็ปรากฎว่ามีความสามารถแบบเดียวกันนี้ทุกคน

         ม่อนแจ่มเสียบบัตรสีน้ำเงินของพชรไว้ที่เดิม มองบันไดก่อนค่อยๆก้าวขึ้นไป
มือขาวยกขึ้นกำน้อยๆ เมื่อหยุดหน้าประตูที่คุ้นเคย ..ชั่งใจนิดหนึ่งว่าควรเคาะหรือไม่
ไอดิลบอกว่พชรมักจะหลับ ยกเว้นเมื่อวานที่เจ้าตัวยังไม่กลับ
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงความมีมารยาทดีของคนในห้อง ม่อนแจ่มคิดว่าต้องทำให้เหมือนกัน

..ก็อก ก็อก..

ไม่มีเสียงใดจากภายใน ม่อนแจ่มจึงล้วงหยิบกุญแจมาไขลูกบิด ค่อยๆผลักประตูเข้าไปช้าๆ
แล้วก็เป็นอย่างที่ป้ายามว่า ..พชรอยู่ในห้องและคงขึ้นมาเป็นชั่วโมงแล้ว
แล้วก็เป็นอย่างที่ไอดิลว่าด้วย ..เพราะพชรหลับอยู่จริงๆ
เพียงแต่.. ไอดิลไม่เคยบอกว่าพชรหลับตรงไหน

ริมฝีปากอิ่มอ้าค้างน้อยๆ เมื่อองศาหน้าประตู มองเห็นเตียงล่างของตัวเองเป็นสิ่งแรก ..และนั่นก็คือที่ที่พชรนอนอยู่ ..พชรนอนบนเตียงเขา
ม่อนแจ่มยืนนิ่งไปหลายอึดใจ เพ่งมองแล้วเพ่งมองอีก ก่อนจะค่อยๆก้าวเข้ามาภายใน ปิดประตูอย่างแผ่วเบา
ร่างเล็กวางกระเป๋าลงบนพื้น วางแฟ้มน้ำตาลไว้บนนั้นอีกที เดินไปหน้าเตียง ทรุดนั่งลงช้าๆ พิจมองคนบนเตียง

ใบหน้าคมเรียบเฉยดูผ่อนคลายในยามหลับ.. เปลือกตาปิดสนิท.. ลมหายใจสม่ำเสมอ.. ม่อนแจ่มมองจ้องราวกับจมอยู่ในภวังค์
เอาจริงๆนะ.. เขาคิดถึงพชรมาก ..และไม่มีทางบอกได้ว่ามากแค่ไหน
เขาเคยมองพชรหลับมาก่อนแล้ว.. เช้าวันหลังจากเป็นของกันและกัน ..พชรก็หลับสนิทแบบนี้ และเขาก็มองพชรด้วยสายตาแบบเดียวกันนี้

ม่อนแจ่มละสายตานิดหนึ่ง เหลียวมองรอบๆห้อง..
กระเป๋าพชรวางอยู่บนเก้าอี้เขา เอกสารประกอบการเรียนของพชรก็วางอยู่บนโต๊ะเขา
ในห้วงความคิดแทบจะจินตนาการร่างกำยำที่เดินเข้ามาในห้องแบบง่วงๆ มือวางเอกสาร วางประเป๋า ปลดเนคไทม่วงพาดไว้กับเก้าอี้ เอาชายเสื้อออกนอกกางเกง และ.. ล้มตัวลงนอนบนเตียงนี้ เตียงที่ม่อนแจ่มนอน.. เตียงที่เคยนอนกับม่อนแจ่ม..

พชรเหนื่อยมากไหม.. ม่อนแจ่มอยากจะถาม
ดวงหน้าคมคล้ำแดดดูอิดโรยและอ่อนล้า ทำให้มือเรียวเล็กค่อยๆวางทาบบนหน้าผาก ..หวังใจว่าอุณหภูมิร่างกายจะปกติดี

ใช้ได้.. พชรไม่ป่วย

ร่างกำยำนอนหงาย แขนแข็งแรงข้างซ้ายแนบลำตัว ข้างขวาคว่ำฝ่ามือทาบอยู่บนหน้าท้อง
พชรเป็นคนเรียบร้อย ..ม่อนแจ่มอดคิดไม่ได้
แม้แต่ท่านอนยังเรียบร้อย ไม่เหมือนเขาที่ตื่นมาไม่เคยจะเป็นท่าเดียวกับตอนล้มตัวลงนอนเลย
มือขาวเลื่อนไปวางทาบมือใหญ่บนหน้าท้องที่กระเพื่อมขึ้นลงน้อยๆตามจังหวะการหายใจนั้น
ม่อนแจ่มไม่เคยลืมสัมผัสมือข้างถนัดของพชร ..ข้างเดียวกับที่พ่ายแพ้เขาในการงัดข้อ ข้างเดียวกับที่จูงกลับห้องตอนไฟดับ ข้างที่ประทับลงบนฝ่ามือเขาเพื่อปลอบโยนตอนที่ร่างกายเจ็บปวด ..ข้างที่บีบไหล่ บอกให้มั่นใจว่าไม่มีอะไรเป็นความผิดของเขาทั้งนั้น
และ.. ม่อนแจ่มรู้สึกขอบคุณทุกอย่างที่มาจากคนคนนี้

          “เมื่อไหร่ขอพชรแต่งงานครับม่อน?”
เฮ้ย..
ม่อนแจ่มสะดุ้ง มัวแต่จมอยู่ในความคิดความรู้สึกของตัวเองจนไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู
“ชู่ว์!” นิ้วชี้ยกขึ้นทาบริมฝีปากส่งสัญญาณให้ไอดิล ซึ่งยักไหล่ให้เขาอีกที
“นี่ ไอ้พีฝากมาให้มึง”

พีระศิลป์? ฝากอะไรมา
ม่อนแจ่มขมวดคิ้ว รับเศษกระดาษมาจากไอดิล

ม่อนแจ่ม วิศวฯเครื่องกล วันศุกร์ 14.30-16.00

อ้อ..
แล้วเขาก็นึกได้ เวรเฝ้านิทรรศการชมรมนั่นเอง

“กูบอกไอ้พีว่ามึงกำลังมีปัญหาหัวใจให้เลือกเวรไกลๆให้ เลยได้มาวันสุดท้าย ช่วงสุดท้ายพอดี ไอ้พีฝากบอกว่าเก็บกวาดด้วย”
“อื้อๆ” ม่อนแจ่มพยักหน้าเข้าใจ ไอ้พีนะไอ้พี
“มานานแล้วหรือ?” ไอดิลถาม เหล่มองฝ่ามือม่อนแจ่มที่ทาบไว้บนมือพชร
“ก็ ..อื้อ” ม่อนแจ่มพยักหน้า พลางเงยมองคู่ซี๊ “ไอ้ดิ้ล พชรหลับ เอ่อ..”
เขาไม่แน่ใจนักว่าจะถามอย่างไรดี ดันเรียบเรียงคำไม่ค่อยจะถูกขึ้นมา
“มันนอนเนี่ยแหละ ตั้งแต่มึงไม่อยู่ ..ถ้าจะถามแบบนั้นละก็” ไอดิลรู้ใจ แล้วเสริมพลางพยักพเยิดไปที่เก้าที ที่เตียงที
“กลางคืนนั่งนี่ บ่ายนอนนั่น ทุกวัน”

อะ..
ม่อนแจ่มพยักหน้าเข้าใจ

“ถ้าอะไรๆมันไม่หนักหนาสาหัสจนเกินไป ก็อย่าทรมานตัวเองกันนักเลยวะ” มือบางของไอดิลบีบไหล่เล็กของม่อนแจ่มเบาๆ
“มันคิดถึงมึง ..มึงก็รู้”

ใช่..
ม่อนแจ่มรู้

“กูไปข้างนอก ไม่ก็อยู่ห้องหมอกนะ” ไอดิลสั่งความ
“ขอบใจ ไอ้ดิ้ล”

            ม่อนแจ่มหันมองไอดิลที่คล้อยหลังผ่านประตูไป รู้สึกเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ว่าตัวเองโชคดีที่ได้เจอเพื่อนคนนี้
รอยยิ้มน้อยๆประดับบนริมฝีปากอิ่ม ก่อนที่จะหันกลับมามองคนบนเตียง
นานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่นั่งอยู่แบบนั้น.. มองพชรอยู่แบบนั้น..
จนแสงสีส้มจางๆสาดสะท้อนผ่านหน้าต่างเข้ามาแล้ว ..จะว่าไป ม่อนแจ่มก็ง่วงเหมือนกันนะนี่
ขอหน่อยเถอะ.. จากที่นั่งบนพื้น ร่างเล็กเลื้อยๆขึ้นไปบนเตียง มีพื้นที่เหลือเพียงน้อยนิดแต่ก็ยังกว้างพอ เขานอนตะแคงซ้ายอยู่ใกล้ๆพชร
แว่นแดงยังทำหน้าที่ของมันบนดวงตาและม่อนแจ่มก็ไม่อยากถอดออก ..ไม่ต้องการให้ภาพใบหน้าคมสันพร่าเลือนไป..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          เมื่อร่างกายพักผ่อนพอใช้ได้ สติจึงกลับมาเมื่อยามค่ำจัด เปลือกตาค่อยๆลืมขึ้น
ก็เหมือนทุกวันตลอดอาทิตย์นี้ พชรมองเห็นเพดานเตียงในความสลัวเป็นสิ่งแรก ..อย่างไรก็ตาม จากรัศมีหางตาบ่งบอกให้รู้ว่า เขาไม่ได้นอนอยู่คนเดียว

พชรเกือบจะตกใจ..
ปกติไม่ใช่คนขวัญอ่อน แต่ในความมืด ยามงัวเงียเพิ่งลืมตา การเห็นร่างอีกร่างนอนอยู่ข้างๆ มันน่าประหลาดพิลึก
ทว่า ที่ไม่ตกใจก็เพราะลมหายใจสม่ำเสมอที่เป่ารดท่อนแขนอยู่นี้ รวมทั้งไออุ่นที่คุ้นเคยในความรู้สึกด้วย
หน้าคมเอี้ยวขวาหันมองให้ชัดเจน

พชรถึงกับต้องเพ่ง..
ถ้าไม่เพราะเสียงลมหายใจที่ได้ยินชัดเจน เขาคงคิดว่าความสลัวภายในห้องเล่นตลก
แต่นี่มันไม่ใช่..
เปลือกตาปิดสนิทภายใต้กรอบแว่นที่แม้มืดก็บอกได้ว่าเป็นสีแดง

..ม่อนแจ่ม..

พชรแทบจะไม่กล้าขยับตัว..
นี่มัน.. อะไร.. เขางุนงง
ทำไมจู่ๆม่อนแจ่มมานอนอยู่ตรงนี้?
แว่นตาที่ยังอยู่บนใบหน้าผิดวิสัยคนนอนหลับบอกได้ว่าก่อนดวงตาคู่งามจะปิดลง ได้จับจ้องบางสิ่งอยู่ และสิ่งนั้นก็คือเขา ..ตัวพชรเอง..

ม่อนแจ่มนอนตะแคงซ้ายหันหน้าเข้าหาเขา แขนข้างหนึ่งถูกศีรษะทับอยู่ หนุนต่างหมอน อีกข้างแตะไว้ที่ข้อศอกเขา และแม้เจ้าตัวจะตัวเล็กนิดเดียวแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพื้นที่เตียงซึ่งเหลือจากการที่คนตัวใหญ่อย่างเขานอนหงายในท่วงท่าสบายๆนั้นเหลือไม่พอ ม่อนแจ่มจึงต้องนอนตัวลีบหมิ่นเหม่จะตกเตียง
ร่างกำยำค่อยๆขยับไปใกล้ผนัง พลิกตัวตะแคงขวา ตามองคนที่หลับใหล
นี่ถ้าม่อนแจ่มพลิกนอนหงายขึ้นมา เจ้าตัวตกเตียงแน่นอน ท่อนแขนใหญ่จึงยกขึ้นพาดเอวคอดกันไว้ ไม่ได้ทิ้งน้ำหนัก แต่สัมผัสไว้เบาๆ พอให้คว้าทันถ้าอีกฝ่ายทำท่าจะขยับ

ภายในห้องมืดสลัว แต่แสงไฟทางเดินที่ส่องเข้ามาทางช่องแสงติดฝ้าเพดานก็ทำให้มองเห็นอะไรๆได้ชัดเจน 
ม่อนแจ่มยังคงแต่งชุดนักศึกษาเรียบร้อย ผูกเนคไท เข็มขัดคาดเอว และแม้แต่ชายเสื้อก็ไม่ได้เอาออกนอกกางเกง ต่างจากเขาซึ่งปลดทั้งเนคไท ทั้งเข็มขัด และชายเสื้อก็ออกมาอยู่นอกกางเกงให้นอนหลับอย่างสบายๆ

พชรมองใบหน้าขาวที่จมอยู่ในภวังค์ ..เอาจริงๆ เขาคิดถึงสีหน้าแบบนี้เหลือเกิน
เขาคุ้นเคยกับการมองม่อนแจ่มนอนหลับมาตลอดหลายเดือน
ในค่ำคืน เจ้าตัวก็หลับใหลไปพร้อมแว่น พชรยังเป็นคนเดินมาถอดและถือโอกาสพิจมองใบหน้าเรียวใกล้ๆ
ตื่นเช้า.. ในแสงแดดจางๆที่ส่องลอดเข้ามา เขาก็เห็นม่อนแจ่มยังหลับอยู่ ก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวออกไปเรียน
ทว่า นี่มันนานกี่วันแล้วที่ไม่ได้เห็น
พชรรู้มาตลอดว่าคิดถึงม่อนแจ่ม แต่ไม่เคยบอกได้เลยว่ามากแค่ไหน

ม่อนแจ่มก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน..
ไม่เช่นนั้น เจ้าตัวคงไม่มานอนอยู่ตรงนี้

ว่าแต่.. นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว?
ม่อนแจ่มมาอยู่ที่นี่ บอกมารดาเจ้าตัวหรือยัง คุณระมิงค์จะเป็นห่วงหรือเปล่า
พชรก้มมองข้อมือเล็ก มีนาฬิกาที่คุณพจน์เคยมอบให้และเขาเป็นคนใส่กลับคืนคล้องอยู่บนนั้น ทว่า พชรมองหน้าปัดไม่เห็นจึงบอกเวลาไม่ได้ แต่ก็น่าจะราวๆทุ่มหนึ่ง เพราะจากหลายวันที่ผ่านมา เขารู้สึกตัวตื่นในเวลาประมาณนี้

พชรไม่ได้ทำอะไร นอกจากนอนมองใบหน้าหลับใหลของคนนอนข้างๆที่ดูเหมือนจะไม่มีทางมองได้เต็มอิ่ม
ฝ่ามือแกร่งทาบไว้กับเอวคอด ..คิดถึงความทรงจำที่มีร่วมกัน ความผูกพันที่เกิดขึ้น ไม่ว่าทางร่างกายหรืออารมณ์
จนกระทั่ง.. ได้ยินเสียงครางในลำคอเบาๆ และเปลือกตาภายใต้เลนส์แว่นก็ค่อยๆลืมขึ้น

ม่อนแจ่มสะดุ้งน้อยๆเมื่อตื่นมาสบกับดวงตาสีเข้มที่เหมือนจะโดดออกมาจากความสลัวที่รายรอบตัวเป็นสิ่งแรก
“พชร” เสียงเล็กเรียกชื่อ ..บอกได้ยากว่าตั้งใจเรียกหรือมันเป็นเพียงคำประจำตัวที่เปล่งออกมาอย่างเคยชิน
“อืม..” พชรครางรับ ต่างฝ่ายต่างยังไม่มีใครขยับตัว
“ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้” เสียงเข้มถามเบาๆและม่อนแจ่มก็ตอบไปซื่อๆ
“ก็.. คือ.. นี่เตียงกู”

เออว่ะ.. พชรชะงักไป
จริงๆด้วย นี่คือเตียงม่อนแจ่ม เจ้าตัวนอนบนเตียงของตัวเอง เขาสิ.. นอนอยู่ตรงนี้แทนที่ตั้งกี่วันมาแล้ว

“กูขอโทษ” พชรขยับตัวลุก พยักหน้าอย่างขออภัย
มันก็น่าเสียมารยาทมากจริงๆที่พชรมานอนเตียงม่อนแจ่มโดยไม่ได้ขออนุญาตเลย
“เฮ้ย ไม่เป็นไร!” ร่างเล็กตกใจกับปฏิกิริยา ขยับลุกตาม แล้วก็เกือบจะลงไปนอนวัดพื้น หากแขนแข็งแรงไม่ได้รวบร่างเอาไว้ให้เข้ามาแนบชิดกันได้ทัน
ม่อนแจ่มใจเต้น ลมหายใจกระชั้นขึ้น อธิบายตะกุกตะกัก
“กูไม่ได้หมายความว่าไม่ให้มึงนอน ..นอนได้” เสียงเล็กเสริม “นอนทุกวันเลยก็ได้”

พชรเกือบจะยิ้ม แต่ก็ต้องใช้ฟันขบริมฝีปากไว้
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็.. เมื่อตอนเย็น”
“แล้วนี่ แม่ยังไม่มารับอีกหรือ”
“บอกคุณแม่แล้วว่าวันนี้กลับช้า ..จะมาหอก่อน”

พชรนิ่งไปนิดหนึ่ง ..คุณระมิงค์คงเข้าใจในสิ่งที่ม่อนแจ่มหมายถึง
มาหอก่อน หมายถึง.. มาหาพชรก่อน
และในเมื่อมาตั้งแต่เย็น ม่อนแจ่มก็คงนอนอยู่ท่านี้อย่างน้อยๆก็ร่วมสองสามชั่วโมง
“ปวดแขนหรือเปล่า?”
“ก็.. นิดนึง”
พชรคลายมือที่โอบเอว ละมาสัมผัสเรียวแขนเล็กข้างซ้ายที่ม่อนแจ่มหนุนแทนหมอน นวดให้คลายเมื่อยเบาๆ
“มาทำไมไม่ปลุก”
“ก็.. ไม่อยากปลุก”
ม่อนแจ่มส่ายหน้า ..พชรเห็นตัวเองหลับหรือเปล่าเถอะ ดูต้องการการพักผ่อนเสียขนาดนั้น จะปลุกลงได้ยังไง

“แล้วนี่.. หิวหรือยัง” ค่ำจัดป่านนี้แล้ว..
“ก็..” ม่อนแจ่มเผลอเอามือลูบท้อง ศีรษะพยัก “หิว”
“กินอะไร กูไปซื้อมาให้” พชรอาสา แต่ม่อนแจ่มส่ายหน้าดิก
“ไม่เอา ..ไปกินด้วยกันได้ไหม”

อ่า..
นั่นสินะ ..ไปกินด้วยกันคงดีกว่า
“งั้นก็.. ไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ”

ม่อนแจ่มค่อยๆขยับลงจากเตียง ก่อนที่พชรจะตามลงมา ค้อมศีรษะไว้ด้วย
มือใหญ่กดเปิดสวิชต์ไฟให้ห้องสว่าง ..คนสองคนเห็นกันชัดเจนขึ้น ..หยุดมองกันชั่วขณะ
มันราวกับว่าพวกเขาพบกันอยู่ทุกวัน ..มองกันแบบนี้ ในห้องนี้ทุกวัน
แต่อีกทีหนึ่ง.. ก็เหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้พบกันมานานแล้ว และผ่านความรู้สึกที่เหมือนว่าจะไม่ได้พบกันในห้องนี้อีกเลย ..เฉียดที่จะไม่ได้ยืนมองกันแบบนี้อีกแล้ว

“พชร..”
ม่อนแจ่มเรียกอีกครั้ง ทั้งที่ยังไม่มีอะไรจะพูด
ความรู้สึกมันมากเกินไปจนเขาไม่รู้จะเริ่มตรงไหน แต่พชรเข้าใจและแววตาที่มองมาก็บอกชัดว่าไม่ได้รู้สึกต่างกันเลย
ร่างกำยำขยับเข้ามาใกล้ โอบไหล่เล็กแนบลำตัว กอดกระชับแน่นจนอีกฝ่ายแทบจะจมหายไปในแผ่นอก ฝ่ามือใหญ่อีกข้างทาบเรือนผมประทับน้ำหนักลง
ม่อนแจ่มซบหน้ากับกลิ่นกายที่คุ้นเคย มือข้างหนึ่งทาบอกพชร อีกข้างยกขึ้นกอดเอวหนาตอบรับสัมผัส

คิดถึง..
คิดถึงมากเหลือเกิน..
อ้อมกอดพชรอบอุ่นเหมือนที่เคยรู้สึก จริงจังอย่างที่ยังจำได้
อ้อมกอดนี้บอกว่าพชรคิดถึง.. บอกว่าไม่เป็นไร.. ปลอบโยน.. ปลอบใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทั้งสองคนได้ผ่านกันมา

“คุณน้าลดาดีขึ้นหรือยัง พชร”
ม่อนแจ่มถามอู้อี้ ..ภาพสุดท้ายของมารดาเจ้าของหัวใจที่เขาเห็นคือท่านมีผ้าพันข้อเท้าและม่อนแจ่มก็อยากจะถามถึงมาหลายคราแล้ว
“ดีขึ้นมาก” เสียมเข้มตอบ “มึงไม่ต้องกังวล”

..ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น..

พชรละออกมานิดหนึ่งพอให้มองหน้าอีกฝ่ายได้
แววตาม่อนแจ่มยังคงมีความรู้สึกผิดเร้นอยู่ ทว่า ก็ไม่ได้ชัดแจ้งเหมือนที่เห็นเมื่อวาน
วันนี้.. มันมีความผ่อนคลาย มีความมั่นใจ มีประกายเกือบจะเป็นแบบเดิมที่เคยมองเห็นเสมอ
พชรโน้มหน้าลงไป อยากจะมองให้ชัดขึ้น ..หรืออาจจะอยากสัมผัสริมฝีปากอิ่มที่อยู่ใต้จมูกรั้น และคราวนี้ ม่อนแจ่มก็ไม่ได้หลบเลี่ยง.. ไม่ได้คัดค้านอะไรเลย.. กลับแหงนหน้าขึ้น เต็มใจกับอะไรก็ตามที่พชรจะทำ

         “โอ๊ะ!”
ประตูเปิดออก ..แล้วก็เป็นไอดิลที่อุทานตกใจ พลางละล่ำละลั่กเมื่อตระหนักว่าอะไรเป็นอะไร
“เหี้ย ท..โทษ กูขอโทษ!”

คืออย่างนี้.. ไอดิลรออยู่ที่ห้องหมอกนานแล้ว เขาอยากเข้ามาหยิบขลุ่ยไปเป่าพร้อมหมอกเล่นกีต้าร์ แต่ตราบเท่าที่ไฟยังไม่เปิด เขาก็กลัวว่าจะขัดจังหวะส่วนตัวของรูมเมททั้งสอง ซึ่งเมื่อไฟเปิดแล้วเช่นที่เป็นอยู่ขณะนี้ เขาเลยนึกว่าตัวเองน่าจะเข้ามาได้..

“กูขอเวลาแป๊ปเดียว”
ไอดิลวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามา ปีนขึ้นบันไดเตียงสองชั้น เอื้อมหยิบขลุ่ยใต้หมอนรวดเร็ว และออกจากห้องปิดประตูอย่างเร็วกว่า มิวายจะเปิดมาบอกอีกครั้ง
“คิดซะว่ากูเป็นแมงหวี่ บินเข้ามาและบินออกไปแล้ว” รูมเมทสิ่งแวดล้อมว่าหอบๆ สีหน้าสำนึกราวกับเพิ่งทำความผิดมหันต์ลงไป
“มึงสองคนต่อเลยนะ กูขอร้อง ..ต่อจากเมื่อกี๊เลย”

ม่อนแจ่มกับพชรผละออกจากกัน มองไอดิล ก่อนจะหันมามองกันเองและหลุดหัวเราะอย่างเก้อเขิน
ไอดิลจะบ้าหรือ ..มันจะต่อได้ยังไงกัน!

ความขำไอดิลที่ดูบ้าๆบอๆ ทำให้ม่อนแจ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย หลังจากที่ตอนแรกรู้สึกว่าเป็นขี้ผึ้งเมื่ออยู่ในอ้อมกอดพชร
“ไปกินข้าวกันเถอะ” เสียงเล็กเอ่ยชวน ซึ่งคนฟังก็พยักหน้า
แล้วก็เหมือนเคย พชรเป็นคนเปิดประตูค้างไว้ ปล่อยให้ม่อนแจ่มออกจากห้องก่อน แล้วถึงค่อยเดินออกบ้างและปิดประตูตามหลัง

ร่างเล็กหยุดหน้าห้องสามสามหก หันมองพชรเป็นทำนองขอให้รอ แล้วมือขาวจึงยกขึ้นเคาะ
“ไอ้ดิ้ล ไอ้ดิ้ล”

ไม่กี่อึดใจ.. เพื่อนรักก็โผล่ออกมา ม่อนแจ่มพยักหน้าทักทายหมอกที่นั่งกอดกีต้าร์อยู่ ณ กรอบประตูระเบียง
“กูจะไปกินข้าว มึงกินหรือยัง เอาอะไรไหม?”
ไอดิลส่ายหน้า มองม่อนแจ่มแบบไม่สบายใจ กระซิบใส่เบาๆ “ตกลงพวกมึงไม่ต่อเหรอ ..กูขอโทษว่ะ กูสัญญาว่าต่อไปจะเคาะประตู”
“ไม่เป็นไร มึงนี่” ม่อนแจ่มขำ ส่ายหน้าบางๆ บีบไหล่ไอดิลให้เจ้าตัวสบายใจ
ไม่เป็นไรหรอก.. ม่อนแจ่มพูดจริงๆ เขากับพชรยังมีเวลา ตราบที่ความรู้สึกยังมีให้กันแบบนี้

           สองร่างเดินเคียงกันมาตามทางเดิน ลงบันได ไร้คำพูด
ม่อนแจ่มอมยิ้มอย่างไม่ตั้งใจ พชรไม่ได้ยิ้ม อย่างไรก็ตาม สีหน้าเรียบเฉยนั้นเป็นเรียบเฉยแบบผ่อนคลาย ไม่ใช่เรียบเฉยแบบแบกโลกดังหลายเดือนที่ผ่านมา

“พชร อยากกินอะไร” ม่อนแจ่มเอี้ยวหน้าหันมอง
“อะไรก็ได้”
..คำตอบยอดฮิต และสำหรับคนแบบพชรแล้ว ยิ่งไม่น่าแปลกใจที่จะตอบแบบนี้
“แล้ว.. จะกินที่ไหน” ม่อนแจ่มถามอีก
“ที่ไหนก็ได้”

เอ่อม..

“โรงอาหารไหม หรืออยากไปแถวหลังมอ?” ม่อนแจ่มพยายามตีกรอบให้แคบลงมา
“แล้วแต่เลย”
..
ม่อนแจ่มกลอกตาไปมา เลือกตัดสินใจเอง
“งั้นไปหลังมอละกันนะ”
ไม่ใช่อะไรหรอก กินที่โรงอาหารมันแป๊ปเดียวไง ม่อนแจ่มอยากกินนานๆ แหะๆ..
พชรพยักหน้ารับ เดินลิ่วๆนำไปที่ลานจอดรถ ล้วงกุญแจออกจากกระเป๋ากางเกง ทำท่าจะไปเอารถออกมารอ ทว่า ม่อนแจ่มวิ่งมารั้งแขนไว้
“พชร เดินไปได้ไหม”
หน้าคมหันมาเลิกคิ้ว “เดินหรือ?”
“ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากนั่งมอร์’ไซค์นะ” ม่อนแจ่มรีบปฏิเสธ กลัวพชรเข้าใจผิด
“คือ.. ถ้านั่งมอร์’ไซค์ เดี๋ยว.. เดี๋ยวมันถึงเร็วอะ กูอยาก แบบว่า..”
ม่อนแจ่มพูดตรงไปไหม? หรือมันไม่ตรงวะ?
“พชรเข้าใจใช่ไหม”
..
คนถูกถามพยักหน้ารับว่าเข้าใจ ..เข้าใจดี
ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันน้อยๆ สะกดกลั้นรอยยิ้ม เสมองระยะทางกว่าจะถึงประตูใหญ่หลังมอ
“เดินไหวแน่นะ”

ให้ตายเถอะ ..ม่อนแจ่มโดนสบประมาทอีกแล้ว
“ให้กูเดินไปตีลังกาไปยังได้เลย ลองดูไหม?”
“อย่าลำบากเลย” พชรออกปากปฏิเสธคนช่างพูดเกินจริง

ร่างกำยำเดินทอดขาช้ากว่าปกวิสัย เพื่อไม่ให้อีกคนต้องเร่งฝีเท้าตามมากนัก แม้กระนั้น พชรก็สังเกตเห็น ม่อนแจ่มพยายามเดินเร็วเต็มฝีเท้าเพื่อเคียงข้างเขาให้ได้
“กูมีเพื่อนอยู่หอสี่ด้วยนะ” เสียงเล็กคุยขณะเดินผ่านหอสี่ชาย
“ชื่อไอ้พี อยู่ชมรมเดียวกัน มันวาดรูปเก่ง เรียนเอกเดียวกับไอ้ดิ้ล”

พชรพยักหน้า..
แล้วม่อนแจ่มก็พูดอีกเมื่อข้ามถนนมาถึงหน้าคณะตนเอง ป้ายใหญ่วิศวฯ ม.ช. เด่นอยู่ตรงหน้า
“ที่ภาคกูมีเพื่อนสนิทอยู่สองคน ชื่อไอ้เมษหนึ่งกับไอ้เมถสอง ชื่อออกเสียงเหมือนกัน แต่สะกดคนละตัวน่ะ เลยต้องเอาเลขเข้าช่วย จะได้รู้ว่าเรียกคนไหน ..ก็สองคนที่มึงเห็นวันนั้นน่ะแหละ”

อ้อ..
พชรพยักหน้า ..สองคนที่ผลักม่อนแจ่ม
นึกถึงข้อนี้ พชรพ่นลมหายใจหงุดหงิดนิดๆ ซึ่งม่อนแจ่มก็จับสังเกตความรู้สึกได้
“มึงอย่าโกรธเลย พวกมันนิสัยดีนะ แค่ขี้แกล้งไปหน่อย เพื่อนๆเรียกว่าแฝดนรก แต่ไม่ใช่แฝดจริงๆหรอก มันเป็นเพื่อนสนิท บ้านอยู่ติดกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด แล้วชื่อเล่นก็ดันเหมือนกันอีก เราเลยเรียกแฝด แล้วจากระดับความกวนตีน โดยเฉพาะไอ้เมษหนึ่ง พวกมันเลยได้บรรดาศักดิ์คำว่านรกเพิ่มไปอีกคำน่ะ”

อ่าฮะ..
พชรพยักหน้า ไม่ได้ให้ความเห็น ไม่ได้ถามเพิ่มเติม แต่ส่งสัญญาณให้รู้ว่ากำลังฟัง
ม่อนแจ่มหันมองสีหน้าเรียบๆของคนเดินข้างๆ “มึงไม่คุยอะไรบ้างเหรอ..”

ยังไงล่ะ..
ก็..
“ไม่รู้จะคุยอะไร”

ม่อนแจ่มทำหน้ายุ่งยากใจ
“กูพูดมากแบบนี้ มึงรำคาญหรือเปล่า”

ไม่..
พชรส่ายหน้า พร้อมกับหันมามองเพื่อให้อีกฝ่ายมั่นใจในคำพูดของเขา
“พูดมาเถอะ ..กูถนัดฟัง”

อะ..
ริมฝีปากอิ่มเผยอยิ้ม ..ทำไมคนไม่ค่อยพูด พูดแล้ว มันเขินจัง
ม่อนแจ่มรู้ว่าพชรไม่ได้ตั้งใจให้เขาเขิน พชรแค่บอกตรงๆอย่างที่เจ้าตัวเป็น

“ปกติ พชรชอบอ่านหนังสือใช่ไหม”
“ก็.. อ่านเวลาว่าง”
ม่อนแจ่มนึกถึงโต๊ะเขียนหนังสือใกล้เตียงเดี่ยวในห้องสามสามแปดที่มีหนังสือวางซ้อนกันอยู่หลายเล่ม
พชรก็คือพชร ไม่ทำงาน ก็ไปเรียน ไม่ไปเรียนก็อ่านหนังสือ ไม่เคยเห็นจะปล่อยเวลาว่างให้หมดไปเปล่าๆ
“หนังสือบนโต๊ะ ..ขอยืมอ่านบ้างได้ไหม”

พชรถึงกับต้องนึกตามสิ่งที่คนพูดหมายถึง
หนังสือบนโต๊ะ อ่า.. ใช่สินะ มีทั้งที่ประกอบการเรียนและที่หามาไว้อ่านเองด้วยชอบเนื้อหา
ม่อนแจ่มจะยืมอ่านหรือ? ก็.. ไม่มีปัญหานี่
“อยากอ่านเล่มไหนก็เอาไป”

ร่างเล็กรู้สึกว่าหัวใจมันพองฟูขึ้น
คือ.. มันก็เป็นคำอนุญาตธรรมดา มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้หนักหนาอะไรกับการที่เขาขอยืมหนังสืออ่าน แล้วพชรก็อนุญาต แต่ไม่รู้สิ มัน..

“อยากอ่านเล่มไหนก็เอาไป”

ยังไงก็พิเศษ
หรือเพราะเป็นคำพูดของคนพิเศษ ..มันเลยพิเศษ

           เป็นการเดินช้าๆที่รู้สึกว่าเร็วมาก..
แป๊ปเดียว ขาสองคู่ก็ก้าวมาถึงประตูใหญ่ที่มีรถเข้าออกเกือบตลอดเวลานี้แล้ว
ก่อนที่จะข้ามถนนไปยังฝั่งที่มีอาหารขายเรียงรายริมรั้ว กลับเป็นพชรที่จู่ๆพูดออกมา
“อย่าเดินมาคนเดียวนะ”

ยังไง..
ม่อนแจ่มหันมองคนพูดอย่างแปลกใจ พชรจึงย้ำ
“อย่าเดินมาแบบนี้คนเดียว”
“กูเป็นผู้ชายนะพชร” ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว แต่ดูเหมือนคนฟังจะไม่คิดว่านั่นเป็นข้อจำกัดต่อคำขอของเขา
“รับปากกู”

ห๊ะ..
ม่อนแจ่มลังเลนิดหนึ่ง ขณะพชรหันมามองอย่างรอคำยืนยัน
คนตรงหน้าอาจไม่เคยตั้งใจบังคับเรื่องใดๆก็จริง แต่พูดก็พูดเถอะ.. ม่อนแจ่มว่าพชรถนัดมากเลยล่ะในเรื่องการ ‘สั่ง’
ใบหน้าเรียวยู่ยี่เล็กน้อย รู้สึกว่าการยอมจำนนรับปากว่าจะไม่เดินมาหลังมอคนเดียวราวกับตัวเขาเป็นสาวน้อยนั้นมัน..

พชรมักจะไม่พูดอะไรเสริม ม่อนแจ่มจึงต้องพยายามทำความเข้าใจคำพูดอีกฝ่ายเอาเอง
ร่างเล็กหันหลังกลับไปมองถนนมืดๆที่เดินผ่านมา จริงอยู่ที่มีไฟรายทาง ทว่า ก็ไม่ได้สว่างไสวเท่ากันทุกจุด ซ้ำหากดึกกว่านี้ก็คงเปลี่ยว ซึ่งอันที่จริงเพื่อนนักศึกษาหญิงก็ได้รับการเตือนไม่ให้เดินไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่แล้วในตอนกลางคืน แต่.. ม่อนแจ่มเป็นผู้ชายนะ แม้จะตัวเท่าเปี๊ยกแต่ก็เป็นผู้ชาย

มือเรียวขยับแว่นนิดหนึ่ง หันกลับมามองพชรซึ่งสีหน้ายังคงเหมือนเดิม เรียบเฉย แต่รอคอย และในดวงตาคู่นั้น ม่อนแจ่มเห็นความเป็นห่วงเป็นใย..
ตอนที่สองเพื่อนเครื่องกลผลักเขา แววตาพชรไม่เหมือนเดิมเลย มันแข็งกร้าวและพร้อมที่จะพุ่งเข้าใส่ เหมือนว่าจะทนไม่ได้ ถ้าคิดว่าเขา ..ม่อนแจ่ม ต้องเจ็บตัว

แล้วตอนนี้.. พชรพูด เพราะพชรห่วง แล้วความห่วงใยก็คงไม่ได้จำกัดเพศ

“อื้อ” หน้าเรียวพยักหนักๆในที่สุด
“กูรับปาก”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2016 23:24:04 โดย INDY-POET »

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #809 เมื่อ30-11-2016 23:23:15 »

         “พชรกินอะไร?”
ม่อนแจ่มถามเสียงแจ๋วทันทีที่มาหยุดหน้าประตูมอ ซึ่งนับจากร้านสุกี้ร้านแรกฝั่งประตูวิศวกรรมศาสตร์ ก็จะมีแผงขายอาหารไปตลอดแนวรั้วจนถึงประตูคณะวิจิตรศิลป์
“อะไรก็ได้” พชรตอบเหมือนเดิม
“ข้าวหรือเส้น?” ม่อนแจ่มใช้กลยุทธ์ ตีกรอบให้แคบลงมา และคราวนี้ พชรตอบมั่นใจ
“ข้าว”
“งั้นมันก็ไม่ใช่อะไรก็ได้แล้วสิ” ม่อนแจ่มย้อน และพชรก็เกือบหลุดหัวเราะ หน้าคมพยักอย่างยอมรับ
“ก็จริง”
พชรถนัดกินข้าว ไม่ค่อยกินอาหารเส้น ประเภทก๋วยเตี๋ยว ผัดไทหรืออะไรเทือกนั้น เพราะชินว่าวันหนึ่งกินข้าวสามมื้อ แล้วก็จบ ขนมจุกจิกอะไรก็ไม่ทานนัก นอกจากว่ามารดาจะทำไว้ให้

“งั้นกินร้านนี้เลยไหม หิวมากเลย”
ม่อนแจ่มเอามือลูบท้องประกอบ ซึ่งพชรก็พยักหน้าอีกครั้งอย่างตามใจ อดไม่ได้ที่จะลอบส่ายหน้าน้อยๆ
หิวจัดแล้วยังจะอยากเดินมาไกลให้ได้กินช้าไปอีก..

           สองร่างขยับเก้าอี้พลาสติก นั่งลงตรงข้ามกัน
“พชร เอาอะไร” ม่อนแจ่มโบกเมนู
ดวงตาคมมองไล่เรียง แล้วก็สั่งง่ายๆ “ผัดเครื่องแกง”
ม่อนแจ่มพยักหน้ารับ มองเมนูอย่างตัดสินใจบ้าง ก่อนทำท่าจะลุกขึ้นไปสั่ง ทว่า มือขาวถูกรั้งไว้
“กูไปสั่งเอง กินอะไร”

อะ..
ม่อนแจ่มชะงัก หันหน้ากลับมามองพชรก่อนก้มลงมองข้อมือตัวเองที่ถูกยึดไว้
“เอ่อ.. ไข่เจียวหมูสับ”
ร่างเล็กนั่งลงที่เดิม มองร่างกำยำเดินไปสั่งอาหารก่อนถือน้ำกลับมาสองแก้ว วางให้เขาแก้วหนึ่ง
ทำไมม่อนแจ่มรู้สึกเขินวะ แต่สีหน้าพชรปกติมาก..

        ข้าวไข่เจียวหมูสับถูกยกมาวางตรงหน้าก่อน คงด้วยทำง่ายกว่า
“กินเลย ไม่ต้องรอ” พชรว่า เมื่อเห็นม่อนแจ่มไม่หยิบช้อนตักกิน ศีรษะเล็กส่ายน้อยๆเป็นทำนองว่าจะรอ
พชรมองอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู ..หิวก็หิว แต่ไม่ยอมกิน แล้วดูที่กิน ข้าวไข่เจียวหมูสับ ที่โรงอาหารใต้หอก็มีไม่ใช่หรือถ้าจะกินแบบนี้ ถ่อเดินมาถึงหลังมอทำไมกัน
แค่คิดไปอย่างนั้น ทั้งที่พชรก็รู้ดีนั่นแหละ ..ว่ามันเป็นเพราะอะไร

เมื่อข้าวผัดเครื่องแกงถูกยกมาวางบ้าง ม่อนแจ่มจึงเริ่มต้นจัดการข้าวไข่เจียวของตัวเอง
ใช่จะอร่อยเหมือนกับข้าวที่บ้านซึ่งป้าเพ็ญทำ แต่เอาแค่ว่าถ้าไม่เผ็ดเกินไป ม่อนแจ่มกินได้ทั้งนั้น มีให้กินก็ขอบคุณแล้ว
ที่จริง.. เขาก็อยากสั่งผัดเครื่องแกงเหมือนกันนะ จะได้ดูดีกว่าไข่เจียวหน่อย ทว่า หากสั่งมาแล้ว กินไม่ได้ จะอายพชรเสียเปล่าๆ

ม่อนแจ่มกินพลาง มองคนนั่งตรงข้ามพลาง ..นี่เป็นครั้งแรกที่กินข้าวด้วยกันสองคน
พชรกินข้าวเงียบๆ สีหน้าเฉยๆ กินแบบไม่หยุด ไม่พูด ไม่ดูอะไร ระยะห่างระหว่างแต่ละคำก็เท่าๆกัน
ไม่เหมือนเวลาเขามากินกับกลุ่มเพื่อน โดยเฉพาะไอดิล เพราะรายนั้นกินไป พูดไป ชมนกชมไม้ไปด้วย
ม่อนแจ่มก้มหน้าก้มตากินบ้าง ..พชรถนัดฟังก็จริง แต่ในบางเวลา ม่อนแจ่มไม่ควรจะพูด โดยเฉพาะเวลากินข้าว ซึ่งพชรจะกินอย่างเดียว ..ม่อนแจ่มพยายามเรียนรู้..

         “กินอะไรอีกไหม?”
ม่อนแจ่มถามเมื่อเดินออกมาจากร้านตามสั่ง สอดส่ายสายตามองร้านนู้นทีร้านนี้ทีซึ่งคุ้นเคยดีหมดแล้ว เพราะไอดิล-ท่านผู้นำ พามาประจำ
พชรส่ายหน้าแทนคำตอบตามปกติที่กินข้าวแล้วคือจบ
หน้าขาวยู่ลงน้อยๆอย่างยุ่งยากใจ พชรเลิกคิ้วมอง ก่อนเอ่ยเรียบๆ
“ถ้าอยากกินอะไรอีก ก็ไปกิน”
..
ม่อนแจ่มยังไม่ตอบ..
ราวกับตัดสินใจอยู่ว่าจะพูดดี ไม่พูดดี พชรจึงถามซ้ำ ทั้งที่ปกติไม่ค่อยถามหรือพูดอะไรซ้ำสองทั้งสิ้น
“ตกลงอยากกินอะไร ม่อน”
“น้ำปั่น” เสียงเล็กอ้อมแอ้มตอบ ยิ้มเหยๆ “ร้านถัดจากประตูศึกษาฯอะ”

พชรลอบยิ้ม หันหลังเดินนำไปก่อน เพราะทางเดินแคบ นักศึกษาเดินสวนมามากมาย ไม่อาจจะเดินคู่สองคนได้
อย่างไรก็ตาม หน้าคมเอี้ยวเหลียวมองหลังแทบทุกสองสามอึดใจ ม่อนแจ่มจึงขยับไปจนเกือบจะชิด มือบางแตะไว้ที่เอวคนข้างหน้า
พชรชะงักนิดหนึ่ง ไม่ได้เดินพลางหันกลับมามองพลางอีก เมื่อสัมผัสด้านหลังเป็นสัญญาณบอกแล้วว่าม่อนแจ่มอยู่ตรงนั้น

          ร่างสูงหันมาเลิกคิ้วเมื่อเดินเลยประตูเล็กหน้าคณะศึกษาศาสตร์ พยักพเยิดไปที่ร้านขายน้ำผลไม้ปั่นเยื้องๆกัน ทำนองว่า ถูกร้านหรือไม่ ซึ่งม่อนแจ่มก็พยักหน้ารัวๆ
“น้ำอะไรปั่น?” เสียงเข้มถาม แต่ม่อนแจ่มตอบอีกอย่าง “ต้องถามว่าเขากำลังจะปั่นอะไร”

ห๊ะ..
พชรงุนงงเล็กน้อย แต่ก็ถามแม่ค้าสาวไปตามนั้น
“กำลังจะปั่นอะไรครับ?”
“กีวี!” แม่ค้าบอกห้วนๆ และพชรก็หันไปส่งสายตาถาม ม่อนแจ่มพยักหน้าหงึกหงัก ซึ่งเป็นอันเข้าใจกัน
“เพิ่มอีกแก้วหนึ่งนะครับ”
“พชร โยเกิร์ตด้วย” ม่อนแจ่มเสริม
“โยเกิร์ตด้วยครับ” พชรว่าตาม
นั่นแหละ.. ม่อนแจ่มจึงได้กีวีโยเกิร์ตมาเดินดูดสบายใจไป

          “พชร กินไหม?” ม่อนแจ่มยื่นแก้วกีวีปั่นไปเบื้องหน้า
หน้าคมส่ายนิดหนึ่งแทนคำตอบ ม่อนแจ่มจึงนำเสนออีก “กูหยิบหลอดมาเผื่อแล้วด้วยนะ”
คนถูกชวนส่ายหน้าซ้ำ แต่แอบขำ ..ทำอะไรกันไปตั้งแค่ไหนแล้ว ถ้าจะกิน เขากินหลอดเดียวกับเจ้าตัวก็ได้
แต่นี่เพราะไม่ชอบกิน ก็เลยไม่กิน เท่านั้นเอง

        “จะเดินกลับทางเดิมหรือไปรอรถม่วงดีอ่ะ”
ม่อนแจ่มหันมาขอความเห็น ซึ่งพชรก็ไม่อยากตอบว่า ‘แล้วแต่’ หรือ ‘ยังไงก็ได้’ อีก กลับเป็นฝ่ายยอมตัดสินใจให้บ้าง
“นั่งรถม่วงก็ได้ เดินมาไกลแล้ว”
ม่อนแจ่มยิ้มกว้าง ..เขายังไม่เคยนั่งรถม่วงกับพชรมาก่อนเลย
ส่วนพชรน่ะหรือ ..ยังไม่เคยนั่งรถม่วงกับใครทั้งนั้น ไม่เคยเลย เพราะใช้แต่มอเตอร์ไซค์ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามหาวิทยาลัยมา จะเคยนั่งบ้าง ก็เป็นรถโดยสารสี่ล้อแดงตอนออกไปทำกิจกรรมร่วมกับสาขาวิชาเท่านั้น

         ประมาณสามทุ่มเป็นช่วงเวลาฮิต รถม่วงเต็ม เต็มและเต็ม แต่ม่อนแจ่มไม่ขี้เกียจรอ เพราะหนึ่ง มีพชร และสอง มีน้ำปั่น
พชรเองก็ดูไม่เดือดร้อนอะไรนัก เขามองนักศึกษากลุ่มแล้วกลุ่มเล่าขึ้นรถไป สลับกับมองคนข้างๆดูดกีวีปั่น ถ้าจังหวะตรงกัน ดวงตาก็ประสานกันไป
วินาทีนี้ก็เหมือนกัน.. กีวีปั่นโยเกิร์ตเหลือครึ่งแก้ว ..ปากม่อนแจ่มแตะหลอดสีส้ม แต่ดวงตาสบกันกับของเขาและไม่หลบสายตาเลยด้วย ซึ่งพชรก็รู้สึกอยากรวบร่างคนดูดน้ำปั่นมาไว้ในอ้อมแขนเสียเดี๋ยวนี้ ทว่า ไม่สามารถทำได้เพราะไม่ใช่สถานที่ที่ควร จึงได้แต่เสมองไปทางอื่น นัยน์ตาคมเป็นประกาย และริมฝีปากก็ยกขึ้นน้อยๆ ..น้อยมาก
กระนั้น ม่อนแจ่มก็รู้ว่าพชรกำลังยิ้ม ..และม่อนแจ่มเองก็ยิ้มเช่นเดียวกัน
   
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “เดทแรกเป็นยังไงบ้างครับ เพื่อนม่อน?”
ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา ก็พบรูมเมทเตียงบนนั่งทำหน้าแป้นแล้นล้อเลียนอยู่ภายใน ไอหมอกเองก็อยู่ด้วย
ม่อนแจ่มกัดปากเขินๆ ชี้นิ้วคาดโทษเพื่อนซี๊ไม่จริงจังนัก
ก่อนออกไป ไอดิลยังขอโทษขอโพยเขาอยู่เลยนะ นี่กลับเข้ามา แซวอีกแล้ว เพื่อนเกรียนไม่เคยจะรู้สึกผิดอะไรนานหรอก

“จริงๆ.. เขาต้องค่อยมาจีบกันทีหลังแบบนี้ใช่ไหมวะ” ไอดิลรำพึง หันไปกระซิบบ่นกับคนรัก
“กูกับมึงข้ามไปขั้นตอนนึงนะหมอก”
ไอหมอกโบกศีรษะเล็กเบาๆอย่างที่ทำประจำ ก่อนหันไปพยักหน้าให้พชรเป็นเชิงทั้งทักทายทั้งขอโทษแทนเจ้าของหัวใจ
พชรไม่ได้ขัดเขินและไม่ได้ถือสา หน้าคมพยักตอบไอหมอก ก่อนที่ดวงตาจะกลับไปจับอยู่ที่ม่อนแจ่มอีกครั้ง

          เวลาช่างผ่านไปเร็วนัก แม้ไม่ได้ตั้งใจ แต่ม่อนแจ่มก็ก้มมองนาฬิกา
สี่ทุ่มแล้ว.. ป่านนี้ คุณแม่จะเป็นห่วงเขาหรือยังหนอ?
“บอกแม่ว่าจะกลับกี่โมง” พชรไต่ถาม รู้สิ่งที่คนมองนาฬิกากำลังครุ่นคิด
“เอ่อ.. ไม่ได้บอกว่ากี่โมง แต่บอกว่าจะกลับเอง” ม่อนแจ่มเอามือเกาหัว “..กูต้องกลับแล้วนะ”
ดวงตาภายใต้กรอบแว่นมองพชร ..เขายังไม่อยากไป แต่ก็ดึกกว่านี้ไม่ได้
อยู่หอก็เรื่องหนึ่ง แต่นี่เขาอยู่คอนโดกับมารดามาตลอดอาทิตย์ ซ้ำไม่ได้บอกว่าจะค้างหอ อย่างไรก็ต้องกลับไปก่อน ม่อนแจ่มไม่อาจปล่อยให้ท่าน อยู่คนเดียวในห้องแบบนั้น
มือเรียวคว้ากระเป๋าขึ้นมาจากหน้าเตียงและหนีบแฟ้มไว้ในท่วงท่าประจำอย่างหักใจ

“แล้วนั่นจะกลับยังไง?” เป็นไอดิลที่ถาม และทำให้ม่อนแจ่มนึกขึ้นได้ในเวลาเดียวกัน
เออว่ะ..

“รถแดงไง” เขาหยุดคิดนิดหนึ่ง แล้วตอบมั่นใจ
ใช่.. รถโดยสารสี่ล้อแดง ใครๆก็ไปกัน ม่อนแจ่มเห็นทุกวัน
ทว่า ไอดิลพ่นหัวเราะออกมากับคำตอบ “ต่อรองราคาให้ดีนะครับม่อน”
“ต่อรองราคายังไง” ม่อนแจ่มถามงงๆ “เขาไม่มีเรทเหรอวะ แล้วคอนโดกูอยู่สันผีเสื้อ ต้องจ่ายเท่าไหร่ล่ะ”

ฮ่ะๆ!
ไอดิลหัวเราะหนักมาก ..ม่อนน้อยในโลกกว้าง มันจะรอดถึงคอนโดไหมเนี่ย
แต่จะห่วงไปทำไม ในเมื่อ..

“เดี๋ยวไปส่งเอง”
พชรเอ่ยสั้นๆอย่างที่ทั้งไอหมอกและไอดิลคาดได้ มือแกร่งหยิบหมวกกันน็อคจากบนตู้มาส่งให้คนเตี้ยกว่า
“มึงใส่เองเถอะนะ” ม่อนแจ่มพูดเหมือนคราวที่พชรมาจอดมอเตอร์ไซค์เทียบริมฟุตบาท ..ครั้งแรกที่ซ้อนท้ายร่างสูงคนนี้
และแน่นอนว่าในเมื่อครั้งนั้นไม่เป็นผล ครั้งนี้เองก็เช่นเดียวกัน
ม่อนแจ่มหน้างอ ..พชรจะรู้ไหมว่ามันรู้สึกยังไงที่เอาหมวกกันน็อคพชรมาใส่ แล้วปล่อยให้คนขี่ไม่มีเครื่องป้องกัน
ครานั้น ไปส่งแค่หน้ามอยังพอว่า แต่คราวนี้ ต้องออกไปตั้งไกล

สีหน้าเฉยเลิกคิ้วน้อยๆกับดวงหน้าขาวยู่ยี่ที่ก้มลง  ..ม่อนแจ่มไม่ดื้อกับเขา ไม่เคยเลย ขออะไร บอกอะไร ก็เชื่อ ก็ทำตามแทบทั้งหมด ..ซึ่งเขาก็ไม่น่าจะตอบแทนความโอนอ่อนผ่อนตามของเจ้าตัวแบบนี้
จริงสิ..

“หมอก” พชรเรียกและคิดว่าเจอทางออก
ไอหมอกลุกขึ้นยืนอย่างเตรียมตัวอยู่แล้ว “รอแป๊ปนะ”
คนรักของรูมเมทบอกสั้นๆ แล้วเปิดประตูออกจากห้องไป
ไม่กี่อึดใจให้หลัง ก็กลับมาพร้อมหมวกกันน็อค ยื่นให้พชร “พชรก็ใส่ ม่อนก็ใส่ จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน”
“ขอบใจมาก หมอก” หน้าคมพยักให้ ขอบคุณอย่างจริงใจ ไอหมอก วิทยาฯ เคมี ผู้นี้เป็นเพื่อนที่มีน้ำใจต่อเขาหลายครั้งหลายคราวมาแล้ว

          “มันไม่เป็นไรจริงๆนะ” ม่อนแจ่มบอกอีกครั้ง ขณะเดินเคียงมาด้วยกันกับพชร
“กูเห็นเขาขึ้นรถแดงกันเยอะแยะ ไม่ได้น่ากลัว กูไปเองได้ จริงๆ”
มันดึกแล้ว.. กว่าจะไปถึง.. กว่าจะกลับเข้ามอมา.. ม่อนแจ่มไม่อยากให้พชรเหนื่อยเลย
“แค่ช่วยบอกหน่อยว่าต้องจ่ายประมาณเท่าไหร่ กูจะได้ทำถูก”

พชรไม่ได้หันมองคนข้างๆ..
“ในรัศมีใกล้ๆ สักสี่ห้ากิโลฯ โบกแล้วบอกเลยว่าจะไปไหน ไม่ต้องถามอะไรมาก ลงมาจ่ายเขายี่สิบก็พอ
ถ้าใกล้กว่านั้น เช่นโบกจากในมอไปในมอ หรือหน้ามอ-หลังมอ บางคันคิดสิบบาท ถามเขาก่อนก็ได้ 
แต่สันผีเสื้อไกลออกไป มันแล้วแต่ตกลง เขาอาจจะเรียกสามสิบ สี่สิบหรือห้าสิบ มึงไปคนเดียว เขาก็จะยิ่งเรียกแพง มันแล้วแต่คนขับ ถ้ารู้สึกว่าราคาไม่สมเหตุสมผล โบกคันใหม่”
..
“ถ้าไปไหนหลายๆคนก็เหมาได้ ตกลงราคาได้ เวลามีกิจกรรมที่ไกลๆ ส่วนใหญ่นักศึกษาก็เหมารถแดงพากันไป เดี๋ยวมึงก็ได้นั่งเองนั่นแหละ”
..
“กลางวัน ถ้าอยากออกไปไหนเอง จะนั่งรถแดงไป ก็ไป ชวนไอดิลไปด้วยก็ดี”
..
“แต่นี่มันดึกแล้ว ..และกูก็อยู่ตรงนี้”

ทั้งหมดนั้นถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ โทนเดียวเสมอกันเป๊ะทุกคำ ..บทต้องอธิบาย พชรก็พูดยาวได้
ม่อนแจ่มอ้าปากค้างน้อยๆ และรู้สึกว่าใบหน้าขึ้นสีจัดในประโยคสุดท้าย

         แล้วก็เป็นอีกครั้งที่คนตัวเตี้ยต้องปีนขึ้นมอเตอร์ไซค์สูง
ม่อนแจ่มเอาหมวกกันน็อคสวมหัวและสอดสายรัดเข้าที่ได้เรียบร้อย อย่างไรก็ตาม มันหลวมไปสำหรับเขา ร่างใหญ่จึงขยับมาใกล้ ช่วยปรับสายให้พอดี
“เอาแฟ้มใส่กระเป๋าซะ เดี๋ยวหล่น” พชรเตือน ม่อนแจ่มจึงเก็บแฟ้ม Entaneer ใส่กระเป๋าตามบัญชา

ลมพัดปะทะร่าง..
เป็นครั้งที่สองที่นั่งมอเตอร์ไซค์คันนี้ แล้วก็เป็นครั้งที่ม่อนแจ่มรู้ว่าจะเอามือไว้ตรงไหน
ฝ่ามือเล็กสองข้างวางทาบบนไหล่กว้าง ซ่อนรอยยิ้มไว้ในหมวกกันน็อค ตระหนักชัดในความรู้สึก

..พชรอยู่ตรงนี้..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

         สายลมยามค่ำพัดผ่านสองหนุ่ม..
พชรไม่แน่ใจนักว่าขี่ๆมอเตอร์ไซค์มาอยู่ดีๆ แล้วจู่ๆจะจอดทำไม
อาจเป็นได้ว่า.. เขาไม่อยากให้ถึงคอนโดม่อนแจ่มเร็วนัก
สองร่างจึงยืนพิง D-Tracker ซึ่งจอดชิดขอบทาง หันหน้ามองไปในทิศทางเดียวกัน ..สายน้ำปิงที่ไหลเอื่อยๆในความสว่างจากไฟถนน

ยืนเงียบๆ.. ฟังเสียงรถราที่แล่นผ่านไป ..ฟังแต่ก็อาจไม่ได้ยิน
ในบางครั้ง ความเงียบก็สรรค์สร้างเสียงที่ไพเราะที่สุด ..เสียงไพเราะที่คนสองคนไม่นึกอยากทำลาย

พชรยืนกอดอก.. ส่วนม่อนแจ่มเท้าสองแขนกับเบาะรถ..
ยืนเงียบๆ ..เงียบกันไปนาน จมอยู่กับความคิด ความรู้สึกต่างๆ จนในที่สุด.. กลับเป็นคนพูดน้อยที่เอ่ยค่อยๆ
“กลับไปอยู่บ้านเถอะ”

หือ..
ม่อนแจ่มสะดุ้งขึ้น เอี้ยวหันมองหน้า พชรจึงย้ำ
“ชวนแม่กลับไปอยู่บ้านเถอะ”

บ้านใคร.. ใครก็รัก..
พชรรู้ว่าม่อนแจ่มรู้สึกกับบ้านประดิษฐาพงศ์ไม่ต่างจากที่เขารู้สึกกับสวนเพชรหละปูน
ไม่ใช่เพราะมันหรูหรา โอ่อ่าหรือสวยงาม แต่เพราะมันเป็น ‘บ้าน’ ในความหมายที่ม่อนแจ่มรู้จัก

“เมื่อไรที่รู้สึกสบายใจดีแล้ว ก็..” เสียงเข้มค่อยๆเอ่ยอย่างจริงจัง
“บอกแม่ซะนะ ..ว่ามึงจะกลับบ้าน”

ม่อนแจ่มนิ่งไปหลายอึดใจ มองดวงตาคู่นั้น ..คู่ที่แทบตลอดเวลาดูเฉยชา
ทว่า เมื่อมองทะลุผ่านความเฉยชาที่ฉาบไว้เพียงผิวเผินเข้าไปได้แล้ว ..พบความปรารถนาดีอยู่เต็มเปี่ยม
พชรจะสั่งให้ม่อนแจ่มกลับบ้านตอนนี้เลยก็ได้ พชรจะได้สบายใจ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ทำอย่างนั้น กลับบอกว่าให้กลับเมื่อเขา ..ม่อนแจ่มเอง สบายใจ

“แล้ว..” เสียงเล็กถามเบาๆ “ถ้ากูกลับไปอยู่หอล่ะได้ไหม..”
“แล้วใครไปห้าม..”
“ก็ไม่ได้มีใครห้าม” ม่อนแจ่มย้อน ถามเน้นๆ “แค่อยากรู้.. ว่าพชรอยากให้กลับไปอยู่หรือเปล่า”

ทำเสียงไร้เดียงสาเหมือนว่าไม่รู้ แต่แววตาภายใต้กรอบแว่นเปล่งประกายล้อเลียน
พชรส่ายหน้าน้อยๆอย่างรู้ทัน ได้แต่เฉยเสีย ไม่ยอมตอบ

“ว่าไง พชร?” เสียงเล็กกระตุ้นอีก “อยากให้กูกลับหรือเปล่า?”

เฮ่อ..
“อืม” พชรครางรับในที่สุดเมื่อไม่มีทางเลี่ยง
“ไอ้ อืม น่ะ หมายความว่ายังไง?”  ม่อนแจ่มยังไม่ยอม น้ำเสียงกลับมามีความมั่นใจเต็มที่ รอยยิ้มกว้างระบายบนริมฝีปาก

“พชร..” ม่อนแจ่มกระตุ้น ให้สัญญาณว่ายังรอฟัง
คนถูกกดดันพ่นลมหายใจ หันมาเลิ้กคิ้วใส่ “รู้อยู่แล้ว จะถามทำไม”
“เอ้า! ก็มันอยากได้ยินนี่นา” ม่อนแจ่มยักไหล่ ทำหน้ากวนโอ๊ย
“เมื่อกี๊ยังพูดเรื่องรถแดงตั้งยาว แค่ตอบว่าอยากหรือไม่อยากแค่นี้ พูดมาเหอะน่า ง่ายๆ แป๊ปเดียว”

เหมือนจะให้กำลังใจ.. หรือเปล่า..
พชรข่มความรู้สึก ตอบห้วนๆอย่างขี้เกียจยื้อ
“อยาก”

ม่อนแจ่มหัวเราะคิกคัก หน้าเรียวพยักหงึกหงัก ถอนหายใจอย่างสบายอารมณ์
พชรหันมองสีหน้าแช่มชื่นของคนข้างๆ ..เหมือนดินที่แห้งผากมาหลายวันได้เจอฝนชุ่มชื้นเสียที
เขาบอกไม่ถูกว่าดีใจแค่ไหนที่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้บนใบหน้าของคนๆนี้อีกครั้ง ..และหวังว่าจะได้เห็นทุกๆวันนับแต่นี้

         “พชร..” 
ม่อนแจ่มมองสายน้ำที่ไหลไป คิดใคร่ครวญบางอย่างก่อนจะตัดสินใจเรียก
“กู.. ขอถามอะไรสักอย่างได้ไหม?”

พชรเกือบคิดว่าม่อนแจ่มคงพยายามแกล้งอะไรเขาอีก แต่เมื่อมองดวงตา ก็เห็นความลังเลไม่แน่ใจ ทำให้รู้ว่าอะไรสักอย่างที่ว่านี้ น่าจะไม่เกี่ยวกับเขา
“ถามมาสิ” พชรอนุญาต ม่อนแจ่มจึงค่อยๆเอ่ย
“มึงรู้จักคุณพ่อกูใช่ไหม”
..
“หมายถึง.. คุณพ่อ..”

พชรพยักหน้าเข้าใจในความหมาย ไม่จำเป็นต้องรออีกฝ่ายขยายความมากให้ลำบากใจ
“รู้จัก” เสียงเข้มยอมรับ ประหวัดถึงชายร่างเล็ก ใส่แว่นกรอบดำ ผู้ขยันขันแข็งและมีรอยยิ้มเป็นนิจ
“แล้ว..” ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย “คุณพ่อกูเป็นยังไงบ้าง ท่าน.. อยู่สุขสบายดีหรือเปล่า พชร”
คนถูกถามนิ่งไปอึดใจหนึ่ง มองคนข้างๆให้เต็มๆตาอีกครั้ง ทบทวนความหมายของถ้อยคำนั้น
“สุขสบายดี” พชรตอบ อดจะรู้สึกเต็มตื้นในใจแทนลุงแสงไม่ได้ ..นี่คือคำถามแรกจากลูกชายที่ไม่เคยพบเจอกัน..

ม่อนแจ่มขมวดคิ้วอย่างใคร่ครวญและพชรมองพิจ ..ไม่รู้ทำไมจึงคิดว่าพอคาดความรู้สึกได้
“อยากเจอหรือ”
ม่อนแจ่มตอบไม่ถูก..
“กูไม่รู้สถานการณ์ของคุณพ่อกับคุณแม่เลย ไม่รู้คุณพ่อจะอยากพบกูมากน้อยแค่ไหน ในเมื่อมันก็ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว” ฟันเล็กหยุดกัดริมฝีปากอย่างชั่งใจ
“แต่ว่า.. ถ้าหากได้เจอ ได้ยกมือไหว้คุณพ่อสักครั้ง ..ก็คงดีนะ”

มือแกร่งยกขึ้นบีบไหล่เล็กเบาๆอย่างให้กำลังใจ “กูจะบอกเขาให้”
“อื้อ..” ม่อนแจ่มพยักหน้า “ขอบคุณ พชร”

ริมฝีปากหนาห้ามรอยยิ้มไม่ได้ ชอบเสียจริงๆเวลาม่อนแจ่มเรียกชื่อเขา ทั้งที่เจ้าตัวก็เรียกแทบจะตลอดเวลาอยู่แล้ว เขายังชอบที่จะได้ยินเรื่อยๆ ได้ยินซ้ำๆ ไม่รู้ว่าทำไม..
หรืออาจเป็นเพราะ..ไม่มีใครจะเรียกชื่อเขาได้น่ารักน่าใคร่เท่าม่อนแจ่มอีกแล้ว

“ยิ้มทำไม?” ม่อนแจ่มถามอย่างแปลกใจ
เขาเห็นพชรอมยิ้มน้อยๆหลายทีแล้วตลอดค่ำนี้ แต่นี่ไม่เหมือนกัน เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้กลั้น เป็นยิ้มจริงๆจังๆ ทั้งๆที่ไม่เห็นมีเหตุผลอะไรให้ยิ้มเลย
พชรส่ายหน้า เสมองไปทางอื่นเสีย ไม่อยากตอบคำถาม
“นี่ยังทำท่าทางแบบนี้อยู่อีกเหรอ” เสียงเล็กกระเง้ากระงอดเล็กน้อย
“ท่าทางแบบไหน” พชรไม่เข้าใจ
“ก็ไอ้ส่ายหน้ารำคาญๆ แล้วหันมองไปทางอื่นนี่ไง”
ไม่ได้รำคาญสักหน่อย ว่าไปเรื่อย.. พชรเผลอยิ้มอีก
“หันมายิ้มทางนี้” ม่อนแจ่มดึงแขนเสื้อ

ให้ตายเถอะ..
พชรพยายามหุบยิ้มซึ่งกว้างกว่าเดิม

“หันมาเร็วพชร กูชอบดูมึงยิ้ม”
ดึงแขนเสื้อไม่พอ ร่างเล็กยังขยับมายืนมองตรงหน้า จ้องเขาจะๆเสียอย่างนั้น
และขยับมาใกล้ไม่พอ.. ใบหน้าขาวเนียนยังเงยขึ้น ยื่นเข้ามาใกล้อย่างน่าตกใจ จนพชรต้องทาบฝ่ามือใหญ่บนศีรษะเล็กดันออกห่างเบาๆ
“ฮ่ะๆ!” เป็นม่อนแจ่มที่หัวเราะออกมา และนั่นทำให้อีกฝ่ายขมวดคิ้ว “หัวเราะอะไร”
“หัวเราะคนเขิน”
ว่าแล้วม่อนแจ่มก็หัวเราะอีก
“ฮ่ะ ฮ่ะ!”
..
“หัวเราะคนเขินมาก”
..
“กูไม่ได้ถาม”
“แต่กูอยากตอบ”
พชรพ่นลมหายใจ ส่ายหน้าน้อยๆอีกครั้งในความกวนของอีกฝ่าย

“พชร..”
ม่อนแจ่มยิ้มนิดๆ มองมาด้วยดวงตาเจ้าเล่ห์อย่างที่พชรรู้ว่าคำพูดต่อไปของเจ้าตัวคงทำให้เขาเดือดร้อนอีกแน่ๆ
“ถามจริง ตอนที่กูไปภาคปรัชญาวันนั้น มึงจำกูได้หรือเปล่า”

นั่นไง
พชรเงียบ..
ไม่ตอบรับ ไม่ปฏิเสธ..

“พด ชา ร้า..” ม่อนแจ่มลากเสียง “จำได้ใช่ไหม?”

เฮ่อ..
พ่นลมหายใจ แล้วคนถูกถามจึงครางรับในลำคอแทนคำตอบอย่างที่ทำประจำ “อืม..”
“อ๊ากกก โย่ว!” ม่อนแจ่มร้องดีใจ ไม่วายถามต่อ “แล้ว.. แล้วมึงรู้สึกยังไงบ้างอ่ะ? ตื่นเต้นเปล่า? แปลกใจไหม?”
พชรขมวดคิ้ว ไม่ยอมตอบ ขืนตอบไป ก็คงมีคำถามตามมาเรื่อยๆไม่รู้จบ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้พชรจะไม่ตอบ..
“แล้ว.. ทำไมทุกคืน มึงต้องลุกขึ้นมาถอดแว่นให้กูด้วยล่ะ? มึงลุกมาตอนกี่โมง? ดึกหรือเปล่า?”
..
“พชร แล้วตอนที่เจอเพื่อนที่ไม่สนิทที่สุดของกูในห้องน่ะ มึงอุ้มกูทำไม สัญชาตญาณเหรอ หรือว่าเสียงเรียกร้องของหัวใจ แบบว่า..”
..
“เอ้อๆ พชร! แล้ว.. ไอ้ ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ กับ ‘ยั้งตัวเองไม่ทัน’ นี่มันความหมายเดียวกันไหม เพราะถ้าไม่ใช่..”
“ม่อน..” 
เสียงเข้มดังขัดคำถามของอีกฝ่าย ผู้ซึ่งถามรัวๆ ไม่ได้สนใจเลยว่าเขาจะตอบทันหรือเปล่า หรือยิ่งไปกว่านั้น อยากจะตอบหรือไม่
“พอแล้ว” พชรทำเสียงดุ
“ได้ ..กูไม่พูดแล้วก็ได้” ม่อนแจ่มขยับแว่น จ้องคนดุตาไม่กะพริบ
“ว่าแต่.. เมื่อไหร่มึงจะพูดล่ะ”
“พูดอะไร” ถามมากมายเสียขนาดนี้ พชรจะรู้หรือว่าควรตอบอะไรก่อน
“ก็..” ม่อนแจ่มกัดปาก เริ่มรู้สึกสับสนในตัวเอง ที่เป็นทั้งคนเขินและทำให้อีกฝ่ายเขินมาตลอดค่ำ
“..พูดอะไรที่จะพูดเมื่อวานน่ะ”

อะไรที่จะพูดเมื่อวาน..

“พูดแบบที่มึงบอกคุณแม่”

พูดสิ่งที่บอกกับคุณระมิงค์..

พชรกลืนน้ำลาย หลีกเลี่ยงคำตอบ ตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่หันมองคนถาม
“ก็บอกว่ารับความรู้สึกกูไม่ได้ไม่ใช่หรือ”
“รับได้” ม่อนแจ่มสวนทันควัน ขยับมาอยู่ฝั่งเดียวกับที่พชรหันหน้าหนี “ตอนนี้กูรับได้ อยากรับมากเลยด้วย”

แทบสะอึก..
พชรต้องห้ามตัวเองไม่ให้แปล ‘อยากรับ’ ที่ว่านั้นในความหมายอื่น เขารู้สึกว่าใบหน้าร้อนขึ้น
การพูดเมื่อจังหวะมาถึงมันก็เรื่องนึง พูดให้คนที่รู้สึกผิด ดวงตาหงอยเศร้า ยืนก้มหน้าสงบเสงี่ยมฟังมันก็เรื่องนึง
แต่ไอ้การต้องพูดแบบโดนเสียงเล็กกระเซ้าถาม ลอยหน้าลอยตาวิบวับรอฟังนี่ ..มันเป็นอีกเรื่อง

“พชร..” ม่อนแจ่มลากเสียง ริมฝีปากอิ่มยิ้มร่า ประกายระยิบระยับในดวงตาที่รอฟังคำสำคัญนั้นทำให้พชรอ่อนใจ เสียงเข้มสั่งเบาๆอย่างยอมจำนน
“มานี่มา”

ไม่ต้องรอให้สั่งซ้ำ ม่อนแจ่มขยับเข้าใกล้อีกจนเกือบแนบชิด ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมาลูบศีรษะปรกเรือนผมนุ่มเบาๆ ดวงตาคมสบสายตาคนตัวเตี้ยกว่า
“อย่าให้พูดมากนัก มันเขิน”
พชรกลั้นรอยยิ้มบางๆ แล้วมืออีกข้างจึงโอบไหล่ม่อนแจ่มเข้าหาลำตัว กดศีรษะเล็กแนบอก ..หวังให้ได้ยินเสียงที่อยู่ภายใน
“รู้แค่นี้ก็พอ”

แล้วก็แค่นั้น..
พชรไม่พูดอะไรอีก.. ไม่ได้พูดอะไรเลย..
แต่ก็น่าแปลกดี.. ที่คนในอ้อมแขนได้ยินทุกถ้อยคำ..

“เหมือนกันนะ”
ม่อนแจ่มพึมพำกับอก ..ไม่มีคำกริยาบอกอาการชัดเจน แต่ดูเหมือนว่าคนสองคนเข้าใจตรงกัน เมื่อพชรเองก็ตอบรับเต็มเสียงเพียงสั้นๆ
“ครับ”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

 :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-12-2016 09:56:24 โดย INDY-POET »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด