SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42  (อ่าน 322098 ครั้ง)

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #840 เมื่อ01-12-2016 20:23:59 »

อิ่มเอมน้ำตาซึมกันเลย  น่ารักมากกกกก ม่อนกลับมาร่าเริงละ ดีใจจัง
พชรเขาก็ตีขรึมตามประสา ที่ตริงเอ็นดู ห่วงใย แถมอยากฟัดใจจะขาด
ม่อนน่ารักมากตอนพูดถึงพ่อ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #841 เมื่อ01-12-2016 21:23:14 »

งือออออ น่ารักทั้งคู่เลยยยยย ชอบตอนพชรเขิน ยิ่งเขินม่อนมันยิ่งแกล้งงงงง  ชอบความพอดีในคู่นี้ คนนึงพูดเยอะ คนนึงพูดน้อย แต่เค้าก็เข้าใจกันดี  :-[

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #842 เมื่อ01-12-2016 23:01:44 »

 :hao3:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #843 เมื่อ02-12-2016 11:13:22 »

 :-[
ดีใจที่ทั้งสองคนกลับมาคุยกันเหมือนเดิม
เฮ้ออออ อึมครึมกันมาตลอด เจอแบบนี้ค่อยหายใจกันโล่งๆหน่อย

ขอบคุณคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #844 เมื่อ02-12-2016 15:37:27 »

น่ารักมว้ากกกกก รอมานานเลยกว่าจะถึงจุดนี้  :mew1:

ออฟไลน์ nijikii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #845 เมื่อ02-12-2016 21:50:07 »

บทจะหวานก็หวานจนแม่น้ำปิงเป็นสีชมพู

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #846 เมื่อ03-12-2016 11:31:34 »

ตอนนี้ช่างดีต่อใจเหลือเกินนน  :-[

ออฟไลน์ Netimefii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #847 เมื่อ03-12-2016 14:09:43 »

สนุกมากกก o13 o13

ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #848 เมื่อ03-12-2016 20:36:31 »

ดีจายยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #849 เมื่อ03-12-2016 23:19:11 »

ม่อนแจ่มที่ร่าเริงกลับมาแล้วววว
น่ารักดีนะทั้งคู่  พชรก็ยังเงียบขรึมๆเหมือนเดิมแต่ความห่วงใยมาเต็มเปี่ยม 5555+

ปล. ขอบคุณคนเขียนนะครับ แต่ละตอนยาวจุใจเหมือนเดิม ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
« ตอบ #849 เมื่อ: 03-12-2016 23:19:11 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #850 เมื่อ03-12-2016 23:29:44 »

 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ sb_ng

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #851 เมื่อ04-12-2016 20:03:29 »

ไม่ได้อ่านมาสองตอน พลาดอ่านตั้งแต่ฉากเค้าบอกรักกันผ่านพ่อแม่ งืออออ
ตอนนั้นยังมีความหน่วงๆ พอมาเจอตอนล่าสุดนี่ ยอมมมม ฮือออออ น่ารักกกกก
รู้สึกว่าตอนล่าสุดนี่ม่อนแจ่มน่ารักมาก พูดไม่ถูก แต่แบบมีความน่าหมันเขี้ยว
เข้าใจเลยว่าพชรคงอยากฟัดอ่ะ 5555555
พชรก็ยังคงความขรึมๆ แต่พูดยาวได้ถ้าเรื่องของม่อนอ่ะเนอะ พูดแต่ละทีก็ดีงามไปอีก
"และกูก็อยู่ตรงนี้” ของพชรคือแบบโอยยย กรี๊สอยู่ในใจ
ละเค้าเขินกันไปมา แอบยิ้มกันไปมา นี่ก็ทำเอาเป็นไปกับเค้าด้วย อมยิ้มบ้าบออยู่คนเดียว 5555555
รู้สึกสดชื่นมากๆหลังจากหน่วงมานานค่ะ 55555555

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #852 เมื่อ07-12-2016 06:56:17 »

มารอ :call:

ออฟไลน์ automaton

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #853 เมื่อ07-12-2016 20:13:00 »

เธออยู่ไหน ๆ ๆ ๆ
 :m22:

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #854 เมื่อ10-12-2016 14:33:17 »

รออ่านอยู่นะ คิดถึงพชรกับม่อนมากเลยย

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #855 เมื่อ10-12-2016 17:38:55 »

มารอครับ
อาทิตย์นี้หายไปเลย คิดถึงม่อนกับพชร

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #856 เมื่อ10-12-2016 20:53:52 »

มารอด้วยคนค่าาาา

ออฟไลน์ meiing

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #857 เมื่อ11-12-2016 12:10:29 »

มารอค่าา :call:

ออฟไลน์ automaton

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: SWEET SURRENDER 30/11/59 CH.31 When You Say Nothing at All P.27
«ตอบ #858 เมื่อ13-12-2016 19:55:43 »

รอ ร๊อ รอ
 :m5:

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
«ตอบ #859 เมื่อ14-12-2016 23:09:26 »

CHAPTER 32: Hello

          “ขอบคุณ พชร”
ม่อนแจ่มเอ่ย เสียงก้องเล็กน้อยในหมวกกันน็อค ก่อนกระโดดตุ๊บลงจากรถและพยายามถอดสายรัดออก
คนถูกขอบคุณไม่ได้ตอบรับ แต่มือบิดกุญแจดับเครื่อง เท้าเตะขาตั้งจอดรถ ช่วยปลดสายรัดหมวกกันน็อคให้คนบนพื้น ก่อนปลดของตัวเองออกบ้าง และนั่นทำให้ม่อนแจ่มเลิกคิ้ว
“เฮ้ย เดี๋ยว ม..มึงจะขึ้นไปด้วยเหรอ?”
“ใช่” พชรตอบเรียบๆ
“แต่นี่มันห้าทุ่มกว่าเข้าไปแล้วนะ” ม่อนแจ่มค้าน “เดี๋ยวหอปิด”
“ก็เพราะมันห้าทุ่มกว่าแล้วนั่นแหละ..”
พชรตอบแค่นั้น ส่งสัญญาณให้ร่างเล็กนำทางไป
ทว่า ม่อนแจ่มไม่ขยับ พชรจึงต้องพ่นลมหายใจ อธิบายความจำเป็นอย่างเสียมิได้
“กูพาลูกเขามาป่านนี้ ก็ต้องไปส่งให้ถึงสิ”
ม่อนแจ่มพ่นลมหายใจบ้างและย้ำอีกครั้ง “พชร กู-เป็น-ผู้ชาย นะ”

มันไม่เกี่ยวกับม่อนแจ่มเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง..
ในความรู้สึกพชร ..มันเกี่ยวกับสถานะความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองที่ ณ บัดนี้ ผู้ใหญ่รับรู้แล้ว

“นำไป”
เสียงเข้มกลับไปใช้วิธีการ ‘สั่ง’ ตามถนัด ใบหน้าคมเริ่มเข้มขึ้นอย่างดุดุ ม่อนแจ่มจึงต้องเดินนำเข้าประตูใหญ่ และแตะคีย์การ์ดเปิดประตูสู่ลิฟต์ แม้จะไม่เต็มใจเท่าไรนัก

          ..ก็อก ก็อก..

ภายหลังเสียงเคาะ ไม่กี่อึดใจต่อมา ประตูห้องก็เปิดออก ม่อนแจ่มรอให้มารดามาเปิดแม้ตัวเองจะมีคีย์การ์ดอีกหนึ่งใบก็ตาม
“ม่อน” ระมิงค์ชะงักนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยคำหลัง “..พชร”
คนถูกเรียกชื่อทั้งสองยกมือไหว้ทำความเคารพและระมิงค์เองก็ยกมือตอบกลับ

“ผมมาส่งม่อนครับ” พชรเอ่ยถ้อยคำเดียวกับเย็นวันนั้นที่ระมิงค์ยังคงจำได้
เธอยิ้มนิดหนึ่ง พยักหน้ารับรู้ หลีกทางให้ทั้งสองคนเดินเข้ามา
“ผมขอโทษครับ” เสียงเข้มปฏิเสธอย่างสุภาพ “พอดีต้องรีบกลับให้ทันหอปิด”
ระมิงค์หันหลังมองนาฬิกา เกือบห้าทุ่มครึ่งแล้วนี่นะ..
“ขอบใจมากที่มาส่งม่อน” เธอหันกลับมามองเด็กหนุ่ม
พชรพยักหน้าตอบกลับ หันมองตาม่อนแจ่มเป็นเชิงอำลา ยกมือไหว้ระมิงค์อีกครั้ง แล้วหันหลังย่างเท้ากลับไปทางลิฟต์
“..พชร” เสียงเนิบเรียกไว้ เจ้าของชื่อจึงหันมาเลิกคิ้วนิดหนึ่ง “ครับ?”
“แม่เราดีขึ้นหรือยัง ..ข้อเท้ายังเจ็บหรือเปล่า”
..
ดวงตาคนพูดสบกับคนฟัง และพชรก็รู้ว่าระมิงค์ถามด้วยความห่วงใย น่าบังเอิญที่มันเป็นคำถามเดียวกับของม่อนแจ่มเมื่อตอนหัวค่ำนี่เอง
“ดีขึ้นแล้วครับ ..ขอบคุณ”
ร่างสูงพยักหน้าเป็นเชิงอำลาอีกครั้ง ก่อนจะหันหลัง มิวายได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งดุ๊กดิ๊กตามมา

หืม?
ม่อนแจ่ม..

ร่างเล็กวิ่งนำตรงไปที่ลิฟต์ แล้วแขนสั้นก็เอื้อมกดเปิดรอไว้ ยิ้มหวานให้เมื่อพชรเดินมาถึงซึ่งก็ไม่กี่ก้าวเท่านั้นเทียบกับที่ม่อนแจ่มวิ่งมา
“ขี่รถดีๆนะ” ม่อนแจ่มสั่งความ 
พชรเกือบจะยิ้ม แต่ก็เพียงพยักหน้า มือใหญ่ยกขึ้นแตะบนศีรษะเล็กสองครั้งแสดงอาการรับคำ

          “แม่นึกว่าม่อนจะค้างที่หอเสียอีก”
ระมิงค์เอ่ย เมื่อก้าวนำลูกชายเข้ามาภายในห้อง
“อืม.. อะ..” ม่อนแจ่มอึกอักขึ้นมา ใบหน้าแดงน้อยๆ
“ม่อนขอโทษที่กลับช้าครับ”
“เปล่า แม่ไม่ได้ว่า” ระมิงค์ส่ายหน้า ส่งรอยยิ้ม “จริงสิ ม่อนไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนนี่ใช่ไหม”
ก็.. นั่นก็ใช่ แต่ม่อนแจ่มไม่ได้คิดจะค้างตั้งแต่แรกอยู่แล้ว..

“หรือว่าเป็นห่วงแม่?” ระมิงค์เลิกคิ้ว
ม่อนแจ่มก้มหน้า ตอบคำถามยากขึ้นมา
“คุณแม่ทานข้าวแล้วหรือครับ”
เขาถามเรื่องอื่น รู้สึกผิดที่ไม่ได้โทรมาถามไถ่มารดาเลย
“แม่ทานที่ร้านข้างล่างแล้วจ้ะ”
ร่างระหงเดินเข้ามาแตะไหล่ ดึงลูกชายที่ยังแต่งชุดนักศึกษาเรียบร้อยให้นั่งลงบนโซฟาด้วยกัน
“แม่โตป่านนี้แล้วนะ แล้วก็ไม่ได้แก่หง่อมดูแลตัวเองไม่ได้เสียหน่อย” มือเรียวลูบศีรษะเล็ก ส่งผ่านความรู้สึก
“อย่าให้แม่รู้สึกผิดกับม่อนมากไปกว่านี้เลย”
..
ม่อนแจ่มเงยหน้ามอง ผู้เป็นมารดาเองก็มองตอบ เอ่ยอย่างจริงจัง
“ถ้าอยากกลับไปอยู่หอ ก็ไปเถอะนะ”
“แล้ว.. คุณแม่อยากกลับบ้านหรือเปล่าครับ” ม่อนแจ่มถามอย่างลังเล พลางรีบเสริม
“แต่ถ้าไม่ ก็ไม่เป็นไร ถ้าคุณแม่อยู่ที่นี่ ม่อนจะอยู่กับคุณแม่ด้วย ม่อนเต็มใจครับ”
“แม่อยู่ที่ไหนก็ได้” ระมิงค์พูดจริงๆ “..ขอให้ม่อนได้อยู่ที่ที่ม่อนมีความสุขก็แล้วกัน”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          หอพักชาย อาคาร ๓
ป้ายอักษรม่วงตั้งอยู่เยื้องๆด้านซ้ายมือนี้แล้ว ร่างกำยำบนเบาะหลังจึงสั่งความกับคนขับรถคนสนิท
“สมเข้าบริษัทก่อนเลย รีบเอาเอกสารให้รวิดานะ เสร็จเมื่อไหร่ฉันค่อยโทรไป”
“ครับ คุณท่าน” สมรับคำ ลงมาเปิดประตูรถให้เจ้านาย

นาน.. นานมากๆสักครั้งหนึ่ง นายพจน์จึงจะไม่เข้าบริษัทตอนเช้า
วันนี้เขาทำงานที่บ้าน แล้วเสร็จจึงให้สมมาส่งที่นี่ก่อน
ไม่แน่ใจนักว่าจะได้พบคนที่อยากพบหรือไม่ แต่ใจนายพจน์ก็อยากจะมาเยี่ยมให้ได้สักครั้ง
ค่อยเข้าบริษัททีหลังก็ได้ แม้จะต้องติดตามงานจนเย็นย่ำติดค่ำก็ไม่เป็นปัญหา นายพจน์ชินเสียแล้ว

ร่างหนาในชุดสูทค่อยๆก้าวเข้ามาในอาณาบริเวณหอพัก
เกือบสามสิบปีผ่านมาแล้ว สมัยที่เขาเป็นนักศึกษาปริญญาตรี  นายพจน์ก็เรียนมหาวิทยาลัยแห่งนี้เช่นเดียวกัน ในคณะอุตสาหกรรมเกษตร
ชั้นปีที่หนึ่ง จำได้ว่ามีคนรถขับรับ-ส่งระหว่างบ้านและมหาวิทยาลัย กระทั่งชั้นปีถัดๆไป เขาก็ขับรถไป-กลับด้วยตนเอง พักอาศัยอยู่ที่บ้านประดิษฐาพงศ์มาตลอด จนไปศึกษาต่อต่างประเทศนั่นแหละ ถึงได้อยู่หอพักเหมือนคนอื่นๆ
เขาไม่เคยพำนักในหอพักมหาวิทยาลัยนี้ ไม่มีประสบการณ์เลยว่ามันเป็นเช่นไร จึงให้แปลกใจนัก เมื่อม่อนแจ่มเอ่ยก่อนเข้ามหาวิทยาลัยว่าตนเองจะไปเป็น 'เด็กหอ'
ไม่ใช่หอพักด้านนอกที่พรั่งพร้อมความสะดวกเสียด้วย แต่เป็นหอพักภายในมหาวิทยาลัยเอง

           นายพจน์เงยขึ้นมองอาคารเก่าๆนั้น..
ที่นี่คงเป็นที่ซึ่งเด็กหนุ่มจากต่างสถานที่ ต่างครอบครัวได้มาพบปะ รู้จัก อยู่ร่วมกันในช่วงเวลาหนึ่ง และนั่นก็ทำให้เกิดโอกาสที่จะได้ดูแลช่วยเหลือกัน ..นำไปสู่ความผูกพันและมิตรภาพ เช่นที่ลูกชายได้พบ..
..ลูกชายทั้งคู่..

เพ็ญมาศบอกว่าม่อนแจ่มอยู่ห้องสามสามแปด
แล้วในบรรดาห้องทั้งหมดในหอนี้ ..ม่อนแจ่มอยู่ห้องเดียวกับพชร ..ทั้งสองเป็นรูมเมทกัน
ลูกของเขาอยู่ห้องเดียวกัน..

            “คุณพ่อ นี่พชรครับ ..พชร มนุษยฯ ปรัชญา”

นายพจน์จำถ้อยคำแนะนำนี้ได้..
มีคนกล่าวว่าความบังเอิญกับพรหมลิขิตนั้นมีเพียงเส้นบางๆกั้นอยู่.. ซึ่งนายพจน์ก็เห็นด้วยว่ามันน่าจะบางมากจริงๆ

นาฬิกาข้อมือบอกเวลาเลยเที่ยงวันไปไม่กี่นาที..
ร่างกำยำเดินผ่านประตูใหญ่เข้าไป เขาเคยมาที่หอสามชาย แต่ก็อยู่ข้างหน้า ไม่เคยเดินเข้ามาข้างในเช่นนี้
สายตาคมมองซ้ายขวาสำรวจ ..มีโรงอาหาร ห้องอ่านหนังสือ บันไดนำสู่ชั้นบน
หน้าบันไดมีเก้าอี้ แต่ไม่ใช่สำหรับเขา เป็นของพนักงานรักษาความปลอดภัยซึ่งนั่งประจำโต๊ะที่มีรางไม้เสียบบัตรอยู่เบื้องหน้า

             “มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”
ป้ายามเลิกคิ้วนิดหนึ่ง วันๆพบเจอแต่นักศึกษา มีผู้ปกครองมาบ้างก็จริง แต่เธอไม่เคยเห็นผู้ปกครองคนไหนใส่ชุดสูทมาอย่างนี้
“ผม.. มารอลูกน่ะครับ” นายพจน์ชี้แจง
“โทรหาไม่ติดหรือคะ? แล้วลูกคุณอยู่ห้องไหนคะ”
“สามสามแปดครับ..”
..
..
“ยังไม่มีใครอยู่ในห้องตอนนี้ค่ะ” ป้ายามส่งสายตาไล่สำรวจและเสริม “ถ้าเขาไม่ลืมเสียบบัตรนะคะ”
นายพจน์พยักหน้าเข้าใจ เอ่ยขอบคุณ ก่อนหันมองซ้ายขวาอีกครั้ง และตัดสินใจไปนั่งลงที่ม้านั่งยาวหน้าโรงอาหาร
ดวงตาคมมองไปยังประตูหอ.. เขาไม่รู้ว่าคนที่รอคอยจะเดินผ่านเข้ามาเมื่อไหร่ แต่ก็ดีที่เขามาในตอนนี้ เขาสามารถรอและมีหวังจะเจอ แต่ถ้ามาตอนเย็น อาจจะไม่ทันเจอก็ได้

         เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ..
นายพจน์มองบันไดสลับไป แม้จะเป็นวันธรรมดาและเป็นช่วงเวลาเรียน ก็มีนักศึกษาเข้าออกกันประปรายตลอดบ่าย
เขามองเข้าไปในโรงอาหารบ้าง ซึ่งเงียบลงหน่อยเมื่อคล้อยบ่าย ..นี่คงเป็นที่ที่ลูกๆมาทานข้าว
ริมฝีปากหนาเผลอยิ้ม ..ช่วงวัยนี้ เขารู้สึกว่าเป็นช่วงวัยที่มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก เยาว์วัย.. แต่ความเป็นผู้ใหญ่ก็อยู่ใกล้นิดเดียว..
เขานึกดีใจที่ม่อนแจ่มไม่เอาอย่างเขา คือให้รถที่บ้านมาส่งเรียนและรับกลับ แต่เลือกที่จะอยู่หอพัก ดูแลตัวเอง พบเจอเพื่อนใหม่ เรียนรู้ชีวิตในแบบที่ไม่คุ้นเคย
ม่อนแจ่มผ่านมา ..และคงจะผ่านไปได้อย่างงดงาม
นายพจน์คิด ..คิดไปเรื่อยๆ คิดแล้วหยิบโทรศัพท์มากดส่งข้อความบอกม่อนแจ่มเสียหน่อยว่าเขาอยู่ที่นี่
เมื่อวานเขายังไม่ได้พบม่อนแจ่มเลย เพราะระมิงค์บอกว่าเจ้าตัวขอไปหอพักก่อนและจะกลับคอนโดเอง
นายพจน์ไม่ยิ้ม แต่ก็ไม่ได้หน้าบึ้ง ..เขาคิดถึงเหตุผลที่ม่อนแจ่มมาหอ
และถ้าเขาเข้าใจไม่ผิด ซึ่งออกจะมั่นใจว่าไม่ ..มันก็คือเหตุผลเดียวกันกับที่นายพจน์มาในวันนี้นั่นแหละ

          มันไม่ใช่ในสถานการณ์ที่น่าตื่นเต้นอะไรเลย..
ก็แค่นายพจน์นั่งมองประตูหอ เหมือนที่มองมาแล้วสี่ชั่วโมงเต็ม
แล้ว.. เด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมสันถอดแบบออกมาจากเขา ในมือข้างหนึ่งถือกุญแจรถ ก็เดินผ่านประตูเข้ามาในเวลาเลยสี่โมงมาราวสักห้านาที

พชรชะงักอยู่หน้าประตู.. มองเห็นหนุ่มใหญ่ในชุดสูทซึ่งนั่งอยู่ในทันที
ก่อนที่จะค่อยๆก้าวต่อ.. จนขาแข็งแรงมาหยุดยืน
ใบหน้าคมประหลาดใจ และ.. ไม่รู้สิ เขาไม่คิดว่าจะเจอนายพจน์ที่นี่.. ตรงนี้..
มันไม่เหมือนกับครั้งแรกที่พชรเห็นนายพจน์ที่หอสามชาย ครั้งนั้น บุรุษวัยห้าสิบยืนอยู่นอกอาคาร ข้างรถเบนซ์สีดำเป็นมันวาวและมีคนขับรถยืนอยู่เคียงกาย
แต่วันนี้.. ตอนนี้.. ชายผู้นี้อยู่ภายใน อยู่เพียงผู้เดียว กำลังนั่ง ..เหมือนนั่งมานานแล้ว ..เหมือนรอใครสักคน
ใจพชรประหวัดไปถึงช่วงเวลาสั้นๆและบทสนทนาไม่ยาวนักที่ PP Group วันนั้น ..ไม่รู้ทำไมจึงรู้สึกว่ามันมีความหมายขึ้นมา

มือแกร่งยกขึ้นประนม ก้มศีรษะลงน้อยๆ
แม้ไม่ได้เอ่ยคำว่า ‘สวัสดีครับ’ แต่อวัจนภาษาก็หมายความว่าอย่างนั้น

นายพจน์ลุกขึ้นยืน.. รู้สึกว่าน้ำหนักตัวของเขามากกว่าทุกวัน
การที่เด็กหนุ่มตรงหน้ายกมือไหว้เป็นครั้งที่สอง ..อากัปกิริยาที่แม้เด็กธรรมดาที่ไหนก็ทำกัน ทว่า มันมีความหมายมากมายเหลือเกิน
มีความหมายเพราะนี่คือพชร นี่คือลูกชายที่มีสิทธิ์โกรธขึ้งและไม่มีความจำเป็นอะไรต้องแสดงความเคารพคนอย่างเขา

พชรเป็นคนดี.. มีน้ำใจ.. สุภาพ.. มีมารยาท.. เรียบร้อย..
ม่อนแจ่มพูดแบบนี้ทุกครั้งที่เอ่ยถึงคนตรงหน้า สรรพคุณเยอะแยะจนแทบจำได้ไม่หมด
ดูเหมือนม่อนแจ่มคิดว่าพชรเป็นทุกอย่างที่บุรุษที่ดีพึงจะเป็น

          “ม่อนรักพชร ..ม่อนรักลูกชายคุณพ่อ”

นายพจน์อดไม่ได้ที่จะยิ้ม..
การที่พชรเป็นคนดีก็คงเป็นเหตุผลที่ม่อนแจ่มรัก หรืออาจจะเพราะม่อนแจ่มรัก ..พชรจึงดีทุกอย่างในสายตาม่อนแจ่มก็เป็นได้
นายพจน์ไม่แน่ใจว่าข้อไหนเกิดก่อนหลัง หรืออาจค่อยๆเกิดไปพร้อมๆกัน
ดวงตาหนุ่มใหญ่พิจมองลูกชาย ยกมือไหว้ตอบพร้อมกับเอ่ยทักทาย
“สวัสดี พชร”
..
ลมหายใจเจ้าของชื่อสะดุดนิดหนึ่ง
‘สวัสดี พชร’
เป็นวลีที่อีกผู้หนึ่งซึ่งนามสกุลประดิษฐาพงศ์เช่นเดียวกับคนตรงหน้า เอ่ยอยู่ได้ซ้ำๆตลอดระยะเวลาพักอาศัยในหอสามชายแห่งนี้

“เลิกเรียนแล้วหรือ..”
“..ครับ”
“อืม" นายพจน์ครางรับในลำคอ รู้สึกว่าพชรตอบแบบฉลาดๆ ในขณะที่เขาถามแบบโง่ๆ

“มีธุระอะไรหรือครับ”
..
นายพจน์ชะงักไปนิดหนึ่ง
ธุระอะไรหรือ?
ก็.. คงแค่.. ธุระของคนแก่นิดๆหน่อยๆเท่านั้น

“พชรสบายดีนะ”
นายพจน์คิดว่ามันก็คงเป็นคำถามโง่ๆอีกนั่นแหละ แต่มันก็เป็นคำถามที่เขาอยากรู้จริงๆ ไม่ใช่ว่าจะถามส่งๆไปอย่างนั้น
..
“ครับ”
นั่นคือคำตอบสั้นๆที่คาดได้

“คุณพจน์.. ขอถามข่าวแม่หน่อยได้ไหม”
นายพจน์ไม่ลืมที่จะใช้สรรพนามที่ถูกต้องสำหรับแทนตนเอง “แม่อาการดีขึ้นหรือยังครับ..”
“ดีขึ้นแล้วครับ” พชรตอบเรียบๆพร้อมกับพยักหน้า
“ยังไงก็.. ต้องไม่ประมาทนะ ให้แม่พักก่อน อย่าเพิ่งลงน้ำหนักเท้าเยอะ แม่มีคนดูแลหรือเปล่าครับ ..ที่บ้าน”
“มีครับ”
..
นายพจน์หลุดยิ้มอ่อนๆกับคำตอบสั้นๆเหล่านั้น ก่อนจะเอ่ยต่อตามที่ตั้งใจ..
“พรุ่งนี้วันศุกร์ คุณพจน์จะไปรับม่อนกลับบ้านนะ คุยกับคุณระมิงค์แล้ววันนี้”
พชรเบิ่งตาขึ้นนิดหนึ่ง “ม่อนตกลงหรือครับ?”
เมื่อนายพจน์พยักหน้าแทนคำตอบ ริมฝีปากหนาจึงยกขึ้นอย่างยินดี
ใช่.. เขาบอกม่อนแจ่มเมื่อคืนว่าให้กลับบ้านเมื่อเจ้าตัวสบายใจ แต่ก็ต้องยอมรับ ว่าตราบที่ม่อนแจ่มยังอยู่คอนโดราวกับไม่มีบ้านช่องนั้น ..เขาไม่สบายใจเลย

“แต่วันแรกๆ ม่อนน่าจะอยู่เป็นเพื่อนแม่เขาที่บ้านก่อนน่ะนะ เท่าที่ฟัง” นายพจน์เสริม “ถ้าม่อนพร้อมกลับมาอยู่หอวันไหน คุณพจน์จะมาส่งเอง”
..
“คุณพจน์บอกพชรนะ พชรจะได้สบายใจ”

พชรมองตาคนพูด..
ใจปิติ แต่ก็รับคำเพียงเบาๆ “ขอบคุณครับ”

นายพจน์เงียบไป ..ดูเหมือนหมดคำจะพูดแล้ว
เป็นเรื่องออกจะตลกที่เขามารอสี่ชั่วโมงเพื่อพูดไม่ถึงสิบนาที แต่ทั้งหมดนี้มีคุณค่า ..ไม่ใช่คุ้มค่า แต่มีคุณค่า..
เขารอนานกว่านี้ก็ได้ พูดน้อยกว่านี้ก็ได้ ..แค่พชรพูดด้วย แค่พชรยกมือไหว้ มันก็มีคุณค่ามากมายเหลือเกินแล้ว

“คุณพจน์กลับก่อนนะครับ พชรดูแลตัวเองด้วย” เสียงเข้มเอ่ย ริมฝีปากหนายิ้มออกมา
ร่างกำยำค่อยๆเดินช้าๆออกไปตามทางเดิน แม้ที่จริง.. จะมีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาอยากพูดกับเด็กหนุ่ม

“ไว้.. ถ้ายังไง คุณพจน์ขออนุญาตไปเยี่ยมพชรกับแม่ที่บ้านบ้างจะได้หรือเปล่า”

ทว่า นายพจน์ก็เก็บคำขอนั้นเอาไว้ในใจ ..เขาไม่อยากรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว ทำให้อึดอัดหรือลำบากใจเร็วเกินไปนัก
สู้ให้พชรได้พบเห็นเขา จนคุ้นเคยพอที่จะเข้าใกล้ได้มากกว่านี้น่าจะดีกับความรู้สึกลูกชายมากกว่า
จู่ๆ ดวงตาคมก็ปริ่มหยาดน้ำ เขารีบกระพริบไล่มันไปเสีย พจน์ ประดิษฐาพงศ์ไม่ต้องการร้องไห้
เขาดีใจที่ได้เจอลูกชาย เป็นบุญที่เด็กหนุ่มอุตส่าห์ยกมือไหว้ ยอมพูดคุย และเขายังได้มีโอกาสทำให้เด็กหนุ่มรับรู้ว่า.. เขาอยู่ตรงนี้ ส่วนพชรจะต้องการมันแค่ไหน เรื่องนั้นไม่สมควรคาดหวัง พชรมีความสุขกับชีวิตตนเองอยู่แล้วและอาจไม่ต้องการสิ่งที่ไม่เคยมี ข้อนั้น เขาเข้าใจดี

          นายพจน์ก้มมองตัวเอง อะไรดลใจให้เขาไม่ถอดสูทนะ ความเคยชินละกระมัง
หน้าคมส่ายไปมาน้อยๆทั้งดวงตายังโศก มือทำท่าจะหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาสม แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ
ราวกับการที่คนรถกลับมารับ ..การที่เขาย่างเท้าขึ้นไปนั่งในรถเบนซ์คันเดิมจะพาเขากลับไปเป็นนายพจน์คนเดิมซึ่งทำลายความรู้สึกล้ำค่าที่เพิ่งจะเกิดขึ้น ..นายพจน์จะกลับเองแล้วกัน

นั่นอย่างไร..
รถสี่ล้อแดง นายพจน์เคยนั่งสมัยเป็นนักศึกษา

มือแกร่งค่อยๆยกขึ้นโบกรถ รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย เพราะไม่เคยทำมานานแล้ว ทว่า วันนี้เขาอยากเข้าบริษัทในแบบที่เปลี่ยนไป
ร่างใหญ่ค้อมตัวลง บอกผ่านหน้าต่างที่ลงกระจกเมื่อคนขับชะลอรถจอดเทียบ
“ไป PP Group ครับ”
..
เมื่อโชเฟอร์ทำหน้างง เสียงเข้มจึงเสริม “อยู่ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปางน่ะครับ เลยไทวัสดุไป”
คนขับรถส่ายหน้า พึมพำว่าไกล ไม่ไป พยักพเยิดไปด้านหลังที่มีนักศึกษารอให้ไปส่งจำนวนหนึ่ง
ชะรอยคนขับอยากจะวนส่งเพียงรอบๆมหาวิทยาลัยแถวนี้กระมัง ..นายพจน์ทำความเข้าใจ

          ดวงตาคมมองภาพที่เห็นจากหน้าประตูหอพัก..
เขาเดินตามกลับมาเพราะลืมยกมือไหว้ลาผู้อาวุโสกว่า และต้องเลิกคิ้วงงๆเมื่อบุรุษผู้มาเยี่ยมเยือนกำลังยืนโบกรถโดยสารและดูเหมือนจะถูกปฏิเสธ ขายาวก้าวตามทางทอดไปสู่ฟุตบาท เอ่ยถามเมื่อหยุดด้านหลัง
“คนรถของคุณพจน์ไม่มาด้วยหรือครับ”
คนถูกถามสะดุ้งน้อยๆ หันกลับมา “พชร”
..
“เอ้อ.. ให้เขาเข้าบริษัทไปแล้ว ก็เลยไม่อยากจะให้มารับอีก ..ว่าจะไปเองน่ะ”

พชรขมวดคิ้ว พิจมองชุดสูทของคนตรงหน้าที่ดูขัดกับวิธีการจะกลับเข้าบริษัทอย่างไม่ตั้งใจ
“ช่วงรถติด รถแดงคงไม่อยากจะออกไปสายนู้น” นายพจน์พึมพำ หันกลับไปมองถนน เล็งรถแดงคันอื่น

เด็กหนุ่มมองผู้ใหญ่ตรงหน้า อดนึกถึงม่อนแจ่มขึ้นมาไม่ได้ เมื่อคืน ขานั้นก็จะกลับรถแดงเหมือนกัน
..
เกือบจะเป็นเรื่องตลก
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพชรจึงถามออกไป
เพราะบุรุษผู้นี้เป็นบิดาม่อนแจ่ม ..เพราะบุรุษผู้นี้เป็นบิดาเขา ..หรืออาจทั้งสองประการ

“คุณพจน์นั่งมอเตอร์ไซค์เป็นไหมครับ?”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          มือเรียวกำโทรศัพท์แน่น..
อดจะรู้สึกตื่นเต้นแทนปลายสายไม่ได้ ใจเขาเต้นแรงมาก ไม่เกินจริงเลยถ้าจะบอกว่าเพิ่งจะได้ยินได้ฟังเรื่องมหัศจรรย์

“ป่านนี้คงใกล้กลับถึงหอแล้วล่ะ..”

ม่อนแจ่มพยักหน้ารัวๆ ..ดีใจ ดีใจมาก
ถึงแม้เขาจะเลิกเรียนช้า จนมาไม่ทันเห็นคุณพ่อเจอกับพชร พูดคุยกับพชร..
แต่พชรไปส่งคุณพ่อ พชรไปส่งคุณพ่อ!
มันคงจะเป็นภาพประหลาดยิ่งนัก ม่อนแจ่มนึกจิตนาการได้เลย คุณพ่อคงจะใส่ชุดสูทอย่างปกติ แต่ที่ผิดปกติคือท่านซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์โมตาร์ด ซึ่งคนขี่คือพชร
โธ่ ทำไมม่อนแจ่มไม่ได้เห็นนะ!

“ดูแลตัวเองด้วยม่อน พรุ่งนี้พ่อไปรับกลับบ้าน”
“ขอบคุณครับ คุณพ่อ” ม่อนแจ่มรับคำกับปลายสาย สไลด์วางโทรศัพท์ แล้วจ้องมองประตูอย่างรอคอย
พชรไปส่งคุณพ่อ.. โอ๊ย พชรไปส่งคุณพ่อ! ม่อนแจ่มรอจะเจอพชรไม่ไหวแล้ว
ไม่รู้สิ.. มันมีความหมาย มีความหมายมากจริงๆ
เพราะม่อนแจ่มเคยเรียนรู้มาก่อนว่าการกระทำ ‘แบบนั้น’ มันจะทำให้รู้สึกอย่างไร เขาจึงคาดได้ว่าสำหรับคุณพ่อแล้วมันจะยิ่งมีคุณค่ามหาศาลเพียงใด

..ก็อก ก็อก..

สิ้นเสียงเคาะ.. ประตูก็เปิดออก ผู้มาใหม่ชะงักนิดหนึ่งเมื่อมองเห็นร่างเล็กที่คุ้นเคยอยู่ภายในห้อง
ทว่า คนอยู่ก่อนไม่ชะงัก ม่อนแจ่มลุกขึ้นยืน พุ่งเข้าใส่ร่างสูงในชุดนักศึกษา สองแขนเรียวโอบกอดเอวหนาเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนเอาไว้แน่น

พชรยืนนิ่งสนิท.. ทั้งงุนงง.. ทั้งใจเต้นแรง..
ใช่.. ที่กอดกันมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่ทุกครั้ง พชรเป็นคนรวบร่างอีกฝ่ายเข้าหาลำตัว
แต่นี่.. เป็นม่อนแจ่ม
แล้วยัง.. พุ่งเข้ามาใส่ไม่ทันได้ตั้งเนื้อตั้งตัวแบบนี้ มันก็ต้องมีใจสั่นกันบ้าง

“เป็นอะไร..”
ปกติไม่ชอบถาม แต่เห็นทีครานี้คงต้องถาม โดนกอดแบบงงๆ ทั้งที่ประตูห้องก็ยังเปิดค้างอยู่เลย

ม่อนแจ่มไม่มีคำจะตอบ แขนยังโอบกระชับ แก้มเนียนซบกับอก
นาน.. กว่าจะรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรประเจิดประเจ้ออยู่..

อะ..
ม่อนแจ่มผละลำตัวออก มองเห็นเพื่อนร่วมหอสองสามคนเดินผ่านไปพลางหันกลับมามอง ใบหน้าขาวจึงร้อนขึ้นมาทันที
“ข..ขอโทษ” เสียงเล็กตะกุกตะกัก กลืนน้ำลาย มือยกขึ้นเกาหัวอย่างไม่รู้จะเอาไว้ตรงไหน
พชรเองก็เขินเหมือนกัน แต่พอเห็นคนเขินกว่าจึงค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย ร่างกำยำก้าวผ่านกรอบประตูเข้ามาในห้อง ดึงประตูปิด กดล็อคเสีย

“ตกลงเป็นอะไร?” พชรย้ำคำถาม ตาคมมองพิจใบหน้าขาวที่ขึ้นสีระเรื่อ
“ก็..” ฟันเล็กกัดริมฝีปาก “ไม่รู้ คือ.. มันพูดไม่ถูก เมื่อกี้โทรหาคุณพ่อ แล้ว..”

อ้อ.. เรื่องนั้น
พชรเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรเช่นเดียวกัน ไม่แน่ใจนักว่าเข้าใจความรู้สึกม่อนแจ่มแค่ไหน
ทว่า ในแววตาภายใต้กรอบแว่นแดงคู่นั้นมันบ่งบอกความรู้สึกที่ยิ่งกว่าดีใจ ..ความรู้สึกที่เต็มล้นออกมาจนพชรรู้สึกร่วมกับมันได้ด้วย
เขาไปส่งนายพจน์.. เหตุการณ์นี้เห็นจะมีก็แต่เขากับนายพจน์ที่เกี่ยวข้อง แต่ม่อนแจ่มทำท่าราวกับเพิ่งจะเกิดสิ่งดีสิ่งพิเศษขึ้นกับตัวเองโดยตรง น่ารักจริง..

“ม่อน..” เสียงเข้มค่อยๆเอ่ยเรียก
“อื้อ.. พชร” ม่อนแจ่มตอบรับ
“พรุ่งนี้ ไม่ต้องเข้ามาหอนะ”

ห๊ะ..
ม่อนแจ่มขมวดคิ้วมอง ปากอ้าน้อยๆอย่างตื่นตระหนกและไม่คาดคิด เสียงเข้มจึงอธิบายเหตุผลให้คลายใจ
“กูจะกลับลำพูน”

อ้อ..
ม่อนแจ่มตกใจหมด
พรุ่งนี้วันศุกร์นี่นะ พชรคงมีงานสวนที่ต้องกลับไปจัดการอย่างที่เป็นมาเสมอ ..ม่อนแจ่มพยักหน้าเข้าใจ
“มึงกลับบ้าน แล้ว.. เอ่อ.. จะเจอคุณพ่อกูด้วยหรือเปล่า”
“เจอ” พชรตอบสั้นๆ ..ยังไม่อยากเสริมว่า ..ก็เจออยู่ทุกครั้งนั่นแหละ เพราะอยู่ในรั้วบ้านเดียวกัน

ม่อนแจ่มอ้าปากค้างไว้อีกที ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรต่อดี
..
“แล้วกูจะบอกท่านให้นะ ..ว่าลูกอยากมาเยี่ยม”

ม่อนแจ่มยิ้ม..
พชรเองก็ยิ้มตอบ..

“พรุ่งนี้ เลิกเรียนแล้วก็กลับคอนโดไปเก็บของเถอะ” เสียงเข้มเอ่ยต่อ
“คุณพจน์บอกว่า.. จะกลับบ้านแล้วใช่ไหม”

รอยยิ้มบนใบหน้าขาวจางลงไป ม่อนแจ่มพยักหน้ารับ ทว่า ลำคอค้างก้มไว้เช่นนั้น ไม่ยอมเงย ตาใสหลุบมองพื้นเบื้องล่าง
พชรปลดเป้ลงจากบ่า สองมือแกร่งจับไหล่คนตรงหน้าไว้ เอ่ยย้ำคำที่เคยพูดมาก่อน
“นั่นคือบ้านที่มึงเกิดและเติบโตมา ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงความจริงข้อนั้นได้”

ม่อนแจ่มพยักหน้า..

“มึงไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ..ไม่เลย”

ม่อนแจ่มยังคงพยักหน้า..

“แต่ถ้ามันยังจะเกิดความรู้สึกไม่ดีอะไรขึ้นมา..”
มือขวาของพชรละจากไหล่บางขึ้นมาเชยปลายคางมนของคนก้มให้เงยขึ้นสบสายตา ..แล้วตนเองก็โน้มใบหน้าคมลงไปหา
“ขอให้จำความรู้สึกนี้เอาไว้..”

..รู้สึกอย่างไรไม่รู้ แต่ม่อนแจ่มมั่นใจว่าไม่มีทางลืมแน่นอน..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

(ต่อรีฯด้านล่าง)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
« ตอบ #859 เมื่อ: 14-12-2016 23:09:26 »





ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
«ตอบ #860 เมื่อ14-12-2016 23:37:20 »

โอ้ยน้ำตาไหลเลย ซึ้งในทุกสถานะของทุกคน

ปล.ไม่เห็นมีต่อรีล่างเลยค่ะ  :ling1:

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
«ตอบ #861 เมื่อ14-12-2016 23:55:14 »

           “อย่าเพิ่งยืนนานนักนะครับ”
..
เพชรลดาหันมายิ้มกับต้นเสียง มือกร้านบิดปิดเตาแก๊ส กับข้าวที่ทำเสร็จพอดีส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วบ้าน
ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ของบุตรชายที่เข้ามาจอดใต้ถุนตั้งแต่แรกแล้ว จึงไม่แปลกใจที่เสียงเข้มจะตามมาไม่กี่นาทีให้หลัง
“ยืนไม่นานหรอก ป้าอิ่มเตรียมของให้ แม่แค่ลงหม้อลงกระทะเอง” คนเป็นแม่ส่ายหน้า
“ให้ทำอะไรบ้างเถอะ แม่นั่งปักผ้าได้เป็นตระกร้าแล้วนะ”
พชรยิ้มนิดหนึ่ง ไม่ตอบอะไร เพชรลดาจึงถามต่อ
“แม่แกงแคปลาแห้ง พชรหิวหรือยัง จะกินเลยไหม”
“ยังครับ” ใบหน้าคมส่ายปฏิเสธ “แม่ไปนั่งก่อนเถอะ เดี๋ยวผมเช็ดเตา ทำความสะอาดต่อเอง”
ร่างผอมบางของเพชรลดาหย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้ไม้นอกห้องครัว พชรเดินตามมา ย่อเข่าลง ก้มสำรวจข้อเท้าผู้เป็นมารดา
“หายแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว” เพชรลดาย้ำ พชรจึงพยักหน้า “ดีแล้วครับ”

         “คุณพจน์.. ขอถามข่าวแม่หน่อยได้ไหม”
..
         “แม่อาการดีขึ้นหรือยังครับ..”
..
         “ยังไงก็.. ต้องไม่ประมาทนะ ให้แม่พักก่อน อย่าเพิ่งลงน้ำหนักเท้าเยอะ แม่มีคนดูแลหรือเปล่าครับ ..ที่บ้าน”


“เป็นอะไรไป?” เพชรลดาเลิกคิ้ว เมื่อลูกชายนิ่งงันเหมือนคิดอะไรอยู่
พชรสะดุ้งขึ้นนิดหนึ่ง ไม่ทันฟัง “ครับ?”
คนเป็นแม่ขมวดคิ้วมอง “แม่ถามว่าเป็นอะไร เห็นนิ่งไปเลย”

อืม..
พชรหยุดคิด ไม่แน่ใจว่าควรจะบอกดีหรือไม่ แต่ก็ตัดสินใจว่าควร
“เมื่อวานคุณพจน์มาหาผมน่ะครับ”
..
..
เป็นเพชรลดาที่นิ่งบ้าง
..คุณพจน์..
เธอกลืนน้ำลายกับสรรพนาม ทว่า ก็นั่นแหละนะ ต่อให้ด้วยสายเลือดจะเป็นอะไรกันก็ตาม แต่พชรไม่คุ้นเคยกับ ‘คำนั้น’ จะให้เรียกเลยคงเป็นไปไม่ได้หรอก
“มาหาที่หอหรือ?” เพชรลดาถามต่อ
“ครับ” หน้าคมพยักรับ
“มีอะไรหรือเปล่า?”
เพชรลดาไม่อยากถามว่า ‘มีธุระอะไรหรือเปล่า’ เพราะเธอเข้าใจ กรณีแบบนี้ ถ้าเป็นเธอเองไปหาลูก ก็คงจะไม่มี ‘ธุระ’ อะไรมากหรอก
“เขามาเยี่ยมครับ” เสียงเข้มตอบอย่างที่มารดาเข้าใจได้
“ถามถึงแม่ว่าดีขึ้นหรือยัง อย่าเพิ่งลงน้ำหนักเท้า ให้ดูแลตัวเอง ..อะไรทำนองนั้น”
พชรไม่รู้จะพูดต่อยังไง เขาเพียง..
“ผมแค่บอกน่ะครับ”
เพชรลดาพยักหน้าเข้าใจ เอื้อมมือบีบไหล่เด็กหนุ่มที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น
“พ่อมาหา พชรอึดอัดหรือเปล่า”
..
คนถูกถามนิ่งไปอึดใจหนึ่ง แล้วหน้าคมจึงส่ายปฏิเสธ
ถ้าตามที่รู้สึกจริงๆ พชรไม่ได้อึดอัด ..หรืออาจเป็นเพราะนายพจน์ตั้งใจไม่ทำให้เขาอึดอัด พชรคิดว่าอย่างนั้น

เพชรลดายิ้ม ..เพียงแค่นั้นก็ดีมากแล้ว
ลูกชายเป็นคนจิตใจดี น้อยมากที่จะโกรธใครหรือหงุดหงิดอะไรขึ้นมาสักครั้ง
มากที่สุดก็คือโกรธระมิงค์กับนายพจน์ในตอนที่เพิ่งรู้ความจริง ทว่า ณ ตอนนี้ เพชรลดาแน่ใจว่าจิตใจที่ดีของพชรเองประกอบกับความรู้สึกที่พชรมีต่อม่อนแจ่มไม่ทำให้เด็กหนุ่มโกรธคนสองนั้นแล้ว

เอาล่ะ ว่าแต่..
“ตกลง คุยกับม่อนเข้าใจกันแล้วใช่ไหม?”
..
..
ม่อน..
พชรนึกถึงเจ้าของชื่อที่วันนี้ยังไม่ได้เจอกัน

          “แต่ถ้ามันยังเกิดความรู้สึกไม่ดีอะไรขึ้นมา ..ขอให้จำความรู้สึกนี้เอาไว้”

เขาจำคำพูดตัวเองได้.. จำการกระทำของตัวเองได้..
ม่อนแจ่มไม่ได้พูดอะไรตอบพชรเลยเมื่อวานนี้ ..หรืออีกที อาจจะเพราะพูดไม่ได้
ริมฝีปากนิ่มนั้นสนองรับสัมผัสจากริมฝีปากของเขาไม่ต่างจากทุกที มือเล็กที่แนบลำตัวอยู่ก่อนหน้าก็ยกขึ้นมาเกาะเอวเขาเอาไว้อย่างที่มักจะทำ

เรียกว่าคุยกันแล้วได้ไหม? พชรก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน  รู้แต่ว่า.. เขากับม่อนแจ่มเข้าใจกันดี

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           “ไม่ลืมอะไรแล้วนะม่อน คุณระมิงค์?”
เสียงเข้มถามซ้ำ ก่อนที่จะพยักหน้าให้นายสมปิดล็อคประตูห้อง
คนถูกถามทั้งคู่ส่ายหน้า พวกเขาอยู่เพียงไม่นานและไม่ได้มีข้าวของอะไรมากมายเลย
ม่อนแจ่มเดินตามหลังบิดา มารดา รวมทั้งลุงสม ตามทางเดินนำไปสู่ลิฟต์และลงลิฟต์ออกผ่านประตูใหญ่
ร่างเล็กถือสมบัติของตัวเองสามชิ้น คือกระเป๋าสะพาย กระเป๋าหิ้วและฉากตั้งวาดรูป

Mercedes Benz คันดำที่ลุงสมเป็นโชเฟอร์ประจำจอดรออยู่ด้านหน้าคอนโด
ม่อนแจ่มมองรถราคาแพง ถูกดูแลรักษาอย่างดีจนขึ้นเงาเป็นมันวาวคันนั้น ..รู้สึกอยากจะกระเตงสมบัติขึ้นรถแดงกลับบ้านเสียแทนจริงๆ

           “แต่ถ้ามันยังเกิดความรู้สึกไม่ดีอะไรขึ้นมา ..ขอให้จำความรู้สึกนี้เอาไว้”

“ม่อน เป็นอะไรไป?”
คนถูกเรียกสะดุ้งขึ้นนิดหนึ่ง เงยมองใบหน้าคมของคนถาม
“เปล่า.. เปล่าครับคุณพ่อ”
“ไม่สบายหรือเปล่า ม่อนหน้าแดงนะ”
“ป..เปล่าครับ” ม่อนแจ่มรีบตอบ วางของในกระโปรงหลังและก้าวขึ้นรถไปนั่งเบาะด้านหน้าข้างคนขับ

รถราแล่นกันขวักไขว่ ลุงสมต้องมองกระจกซ้ายขวาสลับกับมองหลังให้ดีในช่วงเวลารถติดแบบนี้ เพราะมอเตอร์ไซค์ที่ลัดเลาะฉวัดเฉวียนในถนนเมืองเชียงใหม่นั้นเปี่ยมด้วยทักษะอันน่าทึ่ง

           ไม่นาน.. แต่ก็เหมือนนาน
ก่อนที่จะเห็นบ้านประดิษฐาพงศ์อยู่ซ้ายมือและลุงสมเลี้ยวรถเข้าผ่านประใหญ่ไป
ไม่นาน.. แต่ก็เหมือนนาน ที่ม่อนแจ่มไม่ได้กลับมาบ้าน
ป้าเพ็ญยืนประสานมืออยู่ที่ริมบันได หน้าเงยมองอย่างรอคอย

รถจอดสนิทและม่อนแจ่มก็ดึงประตูเปิด ก้าวขาลงไป
ป้าเพ็ญส่งรอยยิ้มกว้างมาให้อย่างที่คาดได้และเขาเองก็ยิ้มตอบกลับ
อย่างไรก็ตาม.. ร่างเล็กเพียงหยุดยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับขาเดิน สายตากวาดมองบ้านหลังใหญ่ที่ตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
‘บ้าน’ ซึ่งพชรนิยามว่าคือสถานที่ที่ม่อนแจ่มได้เติบโตมา ..ที่ซึ่งมีคนที่มีความหมายต่อม่อนแจ่มอาศัยอยู่
ม่อนแจ่มมาถูกที่แล้วใช่ไหม..

“ไป”
..
เสียงเข้มเอ่ยสั้นๆเพียงแค่นั้น สัมผัสจากฝ่ามือหนาแตะลงเบาๆที่ไหล่ ม่อนแจ่มหันไปเงยขึ้นมอง
คุณพ่อกับพชรมีลักษณะที่ซ้อนทับกันจริงๆ ทั้งน้ำเสียง.. หน้าตา.. ท่าที..
“ขอบคุณครับ..” ม่อนแจ่มเอ่ยเบาๆ

           โถงใหญ่ปูพื้นหินอ่อน.. โคมไฟระย้า.. ตู้โชว์เก็บรักษาของสะสมโบราณของคุณตา
ทุกอย่างที่มีราคาและตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามเหล่านี้ไม่มีอะไรมีความหมายมากเท่าความรู้สึกผูกพันตลอดระยะเวลาสิบเก้าปีของม่อนแจ่ม ..ไม่มีอะไรมีความหมายเท่าคุณพ่อ คุณแม่และป้าเพ็ญ รวมไปถึงทั้งลุงสมและพี่แช่มด้วย

“คิดถึงคุณม่อนนะคะ” เพ็ญมาศเข้ามากระซิบใกล้ๆ
“ม่อนก็คิดถึงป้าเพ็ญครับ”
“ป้าทำบัวลอยนะคะ”
ฮ่ะๆ!
“เดี๋ยวม่อนจัดถ้วยใหญ่ๆเลยครับ”

           “แช่มไปเตรียมอาหารต่อในครัวเถอะ เดี๋ยวฉันเอากระเป๋าไปเอง”
นายพจน์สั่งความ ลากกระเป๋าเดินทางล่วงหน้าขึ้นบันได ผลักประตูเปิดค้างให้สองสตรีเข้าไปก่อน เพ็ญมาศก้มศีรษะอย่างเคารพเมื่อเดินผ่าน
“ขอบคุณมากค่ะ” ระมิงค์พยักหน้า หมายความตามนั้นอย่างจริงใจ ดวงตาเป็นประกายมองนายพจน์
แน่นอน.. ไม่ใช่สายตาแห่งความรักลึกซึ้งฉันชู้สาว ทว่า มันก็เป็นสายตาของคนที่รู้จัก รู้ใจ อยู่ร่วมกันและมีมิตรจิตมิตรใจต่อกัน มีเรื่องที่เป็นบุญคุณและเป็นหนี้ต่อกันมา
ม่อนแจ่มมองคนทั้งสองอย่างเข้าใจ ตระหนักดีว่า.. มันไม่ใช่สายตาแบบที่เขาและพชรมองกันและกัน..

           “เดี๋ยวป้าช่วยจัดของเองค่ะ ของคุณผู้หญิง คุณม่อนเป็นผู้ชายไม่ต้องมาดูเลย”
เพ็ญมาศเอ่ยเป็นทำนองเย้าเล่น ขณะมือเปิดล็อคกระเป๋าลาก
ม่อนแจ่มยิ้มเก้อๆ ยืนเก้ๆกังๆอยู่ในห้อง สองคนแม่ลูกสบตากัน
ที่สุด.. ร่างเล็กจึงเดินเข้าไปจับมือมารดาไว้ บีบกระชับ รับรู้ความรู้สึกของกันและกัน ปลอบโยนกันและกันในความรู้สึกผิดทั้งหลายที่ได้ผ่านมา

ม่อนแจ่มปล่อยมารดาไว้กับป้าเพ็ญ เดินออกมาจากห้องช้าๆ หน้าเรียวมองซ้าย ขวา ไม่แน่ใจว่าบิดาอยู่ในห้องของท่านหรือที่ใดในบ้าน ขาเรียวย่างลงบันได มองสถานที่ที่คุ้นเคยด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากเดิม

นายพจน์ยืนอยู่ในตัวบ้าน แต่สายตามองออกไปภายนอก ตรงบริเวณสวนที่มีต้นสักและต้นลำไยปลูกคู่กัน
ม่อนแจ่มก็มองภาพเดียวกันที่ชินตานั้นด้วย.. ถ้าต้นสักแทนตัวคุณพ่อ ต้นลำไยก็คงแทนคุณน้าลดานั่นแหละนะ

“ไปนั่งเล่นตรงที่คุณพ่อนั่งเป็นประจำกันไหมครับ..”
ร่างเล็กเดินไปหยุดยืนข้างๆและร่างกำยำก็สะดุ้งขึ้นเมื่อจู่ๆ มีเสียงเอ่ยดังอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
นายพจน์ก้ม พิจใบหน้าเรียวของบุตรชาย ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่ก็ดูเหมือนทั้งสองคนจะเดินผ่านประตูออกไปพร้อมๆกัน..

            ม้านั่งยาวตั้งอยู่ระหว่างต้นไม้สองต้น และมือขาวก็เก็บใบสักใหญ่ซึ่งหล่นลงมาบนนั้นขึ้นมาถือไว้
“ใบใหญ่จังเลยครับ”
นายพจน์พยักหน้า “เป็นสักพันธุ์ดี เก็บเมล็ดจากป่าธรรมชาติมาเพาะ”
ม่อนแจ่มหันมองหน้าคนพูด ..พอเดาได้เลาๆว่าต้นพันธุ์นี้จะมาจากไหน ..หรือจากใคร
“ทำแบบนี้ ..คุณพ่อแน่ใจแล้วหรือครับ”
“ทำแบบไหน?” นายพจน์ไม่เข้าใจ
“ก็.. รับม่อนกับคุณแม่กลับมาอยู่บ้าน เรา.. อยู่กันเป็นครอบครัวแบบนี้เหมือนเดิม”
“แล้วม่อนคิดว่าควรจะทำอะไรหรือ”
ใบหน้าเรียวส่ายไปมา “ม่อนไม่ทราบเหมือนกันครับ ม่อนแค่คิดว่า ถ้าเอาแบบตรงไปตรงมา..”
“บางครั้งชีวิตไม่ได้ตรงไปตรงมา..”
“แล้วคุณพ่อจะมีความสุขใช่ไหมครับ?”
นายพจน์ยิ้ม “พ่อแน่ใจว่าจะไม่ทุกข์เหมือนที่เคยเป็น”
ม่อนแจ่มคลี่ยิ้มบ้าง ตัดสินใจเอ่ยบอก “คุณพ่อครับ.. ม่อนจะไปลำพูน”
มือเล็กค่อยๆวางทาบบนมือใหญ่อย่างอาทร “ถ้าม่อนไปลำพูน ไปบ้านพชร ..คุณพ่ออยากฝากอะไรไปไหมครับ”
..
..
นายพจน์นิ่ง
นึกถึงป้ายไม้สักระบุชื่อ 'สวนเพชรหละปูน' และถนนคอนกรีตที่ทอดเข้าไปภายหมู่ไม้
“ความระลึกถึง” เสียงเข้มเอ่ยในที่สุด
“ความระลึกถึงหรือครับ..” ม่อนแจ่มทวนซ้ำ และนายพจน์ก็พยักหน้ารับยืนยัน

ความระลึกถึง
ม่อนแจ่มคิดตาม..
ไม่ใช่สิ่งของ ไม่ใช่คำพรรณนาด้วยถ้อยคำสละสลวยที่เยิ่นเย้อยืดยาว แต่คือ.. ความระลึกถึง
ความระลึกถึงเป็นความรู้สึกที่ล้ำค่าและน่าหวงแหน และนั่นคือสิ่งที่คุณพ่อจะฝากไปลำพูน ฝากไปกับม่อนแจ่ม

“ม่อนจะส่งความระลึกถึงจากคุณพ่อให้คุณน้าลดาครับ” ม่อนแจ่มรับปาก
นายพจน์ยิ้ม.. อยากเอ่ยว่าขอบคุณ แต่ดวงตาคมของเขาคงสื่อความหมายเช่นนั้นอยู่แล้ว จึงอยากจะถามเรื่องที่สำคัญกว่าแทน
“ตกลง คุยกับพชรเข้าใจกันดีแล้วใช่ไหม?”
..
..

           “..ขอให้จำความรู้สึกนี้เอาไว้”

ม่อนแจ่มกัดปากนิดหนึ่ง.. หน้าขาวพยักรับ..
เอาจริงๆนะ.. เรื่อง ‘คุย’ นั้น พวกเขาไม่ค่อยถนัดกันหรอก แต่เรื่อง ‘เข้าใจ’ น่ะ บอกได้เลยว่า ..ม่อนแจ่มกับพชรเข้าใจกันดี..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “พชร เอาแกงแคไปให้ลุงแสงกับลุงเอิบก่อนนะลูก”
พชรพยักหน้า รับถ้วยสองขนาดมาถือไว้ข้างละใบ เป็นปกติอยู่แล้วที่จะแบ่งกับข้าวไปให้คนสนิททั้งสองบ้าน
ของลุงแสงถ้วยขนาดย่อมเพราะทานแค่คนเดียว แต่ของลุงเอิบถ้วยขนาดใหญ่กว่าเพราะอาจจะอยู่สองหรือสามคน ขึ้นอยู่กับว่าสุดสัปดาห์นี้พี่มิ่งเมืองกลับบ้านหรือเปล่า

แสงอาทิตย์สุดท้ายทอประกายสีทองจางๆทั่วบริเวณ ทิวเขาฝั่งตะวันออกที่ตั้งตระหง่านเห็นเป็นสีเขียวครึ้ม
ร่างกำยำเดินลงบันไดบ้านซึ่งทอดสู่ลานหญ้าขจี อากาศไม่หนาวนักแม้เป็นยามเย็นย่ำเพราะเริ่มเข้าสู่หน้าร้อนแล้ว
เดินเพียงไม่นานนักก็ถึงบริเวณบ้านชั้นเดียวหลังเล็กของลุงแสง ระยะห่างจากตัวบ้านไม้ยกพื้นสูงของพชรเพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น

           “อ้าว คุณพชร กลับมาแล้วหรือครับ?”
คำทักทายด้วยน้ำเสียงอันเป็นมิตรดังมาจากด้านข้าง หน้าคมเอี้ยวหันไปมอง
“ลุงแสง สวัสดีครับ” พชรพยักหน้า เลิกคิ้วนิดหนึ่ง ทำนองสงสัยว่าหนุ่มใหญ่มาจากทิศทางใด
“อ้อ ผมแวะไปดูน่ะครับ ว่าพอมีที่ปลูกแตงกวาหรือเปล่า” แสงรวียิ้มแย้ม พยักพเยิดไปด้านหลัง
“แตงกวาต้องการน้ำน้อยเหมาะกับหน้าแล้ง ผมว่าเป็นรายได้เสริมได้ดีเลย คุณพชรว่าไงครับ”
หน้าคมพยักอีกครั้ง อดจะนึกยิ้มไม่ได้ ลุงแสงขยันขันแข็งไม่สมขนาดรูปร่างที่ตัวเล็กและผอมบางเพียงเท่านี้เลย
“แม่แกงแคครับ ผมเอามาให้”
“โอ้ ขอบคุณครับ ส่งมาเลย นั่นของลุงเอิบใช่ไหม เดี๋ยวผมเอาไปให้เอง”
มือเล็กทว่าหยาบกร้านรับถ้วยกับข้าวทั้งสองมาถือไว้ เดินคล่องแคล่ว นำไปวางไว้บนโต๊ะไม้หน้าบ้าน หย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้
“คุณพชรนั่งก่อนครับ”

ดอกแก้วที่ลุงแสงปลูกไว้หน้าบ้านโชยกลิ่นหอมอ่อนๆมาให้รู้สึกสบาย
ร่างสูงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้กันตามคำเชิญ เอ่ยถามไถ่ “งานเรียบร้อยดีหรือครับ มีปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่า”
“เรียบร้อยดีครับ” แสงรวีพยักหน้า “นิดหนึ่ง คืออาทิตย์หน้ามีประชุมเกษตรกรเตรียมรับมือภัยแล้ง คุณพชรจะไปเองหรือให้ผมไปครับ”
อืม.. พชรพยักหน้า จะมีประชุมรับมือภัยแล้งกับส่วนราชการอยู่แล้วทุกปี
"ผมไปเองครับ จะพาแม่ไปด้วย ที่สวนคงต้องฝากลุงแสง"
แสงรวีพยักหน้ารับ พลางมองบรรยากาศรอบๆตัว พชรเองก็มองด้วย
“ไม่รู้ปีนี้จะขนาดไหนนะครับ ..ของเรายังดีที่มีบ่อน้ำรอบสวน ดูอย่างปีก่อนของตาหรุ่งสิ ได้ผลผลิตแค่ครึ่งเดียวเองกระมัง”

ปีที่แล้วแล้งจัด พชรเองก็จำได้..
เกษตรกรรักน้ำ รัก ‘ความสมดุล’ ของน้ำ แต่กลัวที่สุดคือน้ำแล้งและน้ำท่วม
อย่างไรก็ตาม เกษตรกรต้องแปลงความกลัวนั้นเป็นความพยายามแก้ไขปัญหา หากแม้แก้ไขไม่ได้ก็ต้องรับมือให้ไหว เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนที่มาจากปัญหานั้นให้เบาบางลงได้มากที่สุด

ในพื้นที่ทุกห้าไร่ของสวนเพชรหละปูน มีบ่อบาดาลลึกสี่เมตร กว้างยี่สิบเมตร
บ่อน้ำเป็นสิ่งสำคัญมาก จะหวังพึ่งพาน้ำจากระบบอย่างเดียวเห็นจะไม่ได้ การมีบ่อ ทำให้แม้ให้น้ำพืชสวนแล้ว ความชุ่มชื้นที่เหลือก็สามารถกลับคืนสู่บ่อได้
ระหว่างแนวพืชสวน พชรกับลุงแสงยังปลูกพืชผักสวนครัวและผักกินใบกินดอกแซมด้วย ไหนๆต้องให้น้ำพืชสวนแล้ว ดินชุ่มชื้นแล้ว พืชผักเหล่านี้ก็ได้น้ำไปพร้อมกัน เป็นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ ซ้ำยังมีผลิตผลเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งผลิตผลเหล่านั้น พชรก็อนุญาตให้คนงานเก็บไปประกอบอาหารทานกันได้ตามสมควร

ใบหน้าคมละจากความคิดมาพิจมองคนนั่งข้างๆ
แสงรวียังคงยิ้มอย่างอารมณ์ดี ขยับแว่นที่เลื่อนไถลเพราะชื้นเหงื่อให้ตั้งตรงบนสันจมูก กิริยานี้ทำให้พชรคิดถึงม่อนแจ่ม..
“คุณพชรมองผมแบบนั้นอีกแล้ว” แสงรวีตั้งข้อสังเกต “มีอะไรในใจหรือครับ”

เอาล่ะ..
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับตรงๆ ก่อนค่อยๆเอ่ยเรื่องที่อยากจะกึ่งถามกึ่งขออนุญาตผู้มีอาวุโสกว่า
“ไม่รู้ว่าลุงแสงรู้หรือยัง พอดีวันก่อน..”
“ถ้าเป็นเรื่องที่ PP Group คุณลดาบอกผมแล้วครับ” แสงรวีรับคำ
ความจริงเปิดเผยแล้ว ตามที่คุณลดาบอก ทว่า แสงรวีก็ให้สบายใจเพราะได้ยินว่านายพจน์ ประดิษฐาพงศ์ยังคงรักและเมตตาม่อนแจ่มอยู่เช่นเดิม
“คุณพชรเองก็.. ให้โอกาสคุณพจน์บ้างนะครับ”
แสงรวีให้ความเห็นอย่างเกรงใจน้อยๆ เท่าที่ฟังจากคุณลดาวันก่อน เจ้านายหนุ่มไม่ใคร่จะยอมรับบิดาตัวเองนัก ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่อย่างไรก็ตาม..
“คุณพจน์คงอยากมีโอกาสพบเจอ พูดคุยกับคุณพชรบ้าง ยังไงก็พ่อ-ลูกกันนะครับ”
..
พชรมองตาคนพูด “แล้วตัวลุงแสง ..อยากพบลูกด้วยหรือเปล่าล่ะครับ”
แสงรวีนิ่งไปหลายอึดใจ แต่แล้วก็แค่นหัวเราะน้อยๆ
“จากลูกเจ้าของบริษัท กลายมาเป็นลูกคนงานสวนผลไม้แบบนี้..ลูกจะอยากพบผมอย่างนั้นหรือครับ คุณพชร”
“อย่าดูถูกลูกของลุงเอง” พชรรู้สึกไม่พอใจ
“คำถามแรกที่เขาถามผมเกี่ยวกับพ่อของเขา ไม่ใช่รูปร่างหน้าตาอย่างไร เป็นใครหรือทำงานอะไร”
..
“เขาถาม.. ว่าพ่อเขาเป็นยังไงบ้าง สุขสบายดีหรือเปล่า”

พ่อเป็นยังไงบ้าง..
สุขสบายดีหรือเปล่า..

นี่คือคำถามจากม่อนแจ่มอย่างนั้นหรือ? แสงรวีมองสบตาคนพูดอย่างอึ้งๆ

“ม่อนแจ่มเป็นคนเข้มแข็ง เจอเรื่องขนาดนี้ เขายังหยัดยืนอยู่ได้” พชรเอ่ยขรึมๆ
“แต่ที่เหนือกว่าความเข้มแข็งคือจิตใจที่ดีของเขา รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของพ่อที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด แต่เขาไม่ฟูมฟาย ไม่โวยวายอะไรเลย สิ่งที่เขารู้สึกคือสงสาร ..สงสารแม่ผม สงสารผม ที่ตัวเองไปอยู่แทนที่ เขาสงสารคนอื่นจนลืมที่จะสงสารตัวเอง และเพราะความดีอันนี้.. ถึงทำให้สภาพจิตใจเขายังสมบูรณ์พร้อม ทั้งที่เป็นคนอื่นคงช็อคได้ง่ายๆ”

แสงรวีขมวดคิ้ว จ้องมองเจ้านายหนุ่มให้เต็มตา ขณะเสียงเข้มยังเอ่ย
“ม่อนแจ่มเป็นคนน่ารัก”
ความคิดคนพูดประหวัดไปถึงสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและน้ำเสียงช่างเจรจานั้น
“น่ารักมาก..”

“ผมเห็นคุณพชรมาตั้งแต่เด็ก..” แสงรวีคลายคิ้วที่ขมวด ยิ้มมุมปากน้อยๆ
“ไม่ค่อยได้ยินคุณพชรพูดอะไรยาวๆนัก ..ยิ่งพูดบรรยายถึงคนอื่นนานๆแบบนี้ ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะครับ”
พชรชะงักไป ใบหน้าคมสันก้มลงน้อยๆ ยิ้มตอบรอยยิ้มของผู้มีอาวุโสกว่าที่ส่งมา ..เป็นเชิงยอมรับ

ใช่.. ม่อนแจ่มเป็นคนน่ารัก
แล้วพชรเองก็.. รักมากเหลือเกิน..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
«ตอบ #862 เมื่อ15-12-2016 00:10:07 »

          เดินทางจากบ้านประดิษฐาพงศ์สู่หอสามชายก็หลายครั้งมาแล้ว..
ทว่า นี่เป็นครั้งที่น่าจดจำที่สุดสำหรับม่อนแจ่ม
น่าจดจำเพราะคนขับรถไม่ใช่ลุงสมอย่างที่เคยเป็น แต่คือคุณพ่อ ..คุณพจน์ ประดิษฐาพงศ์
ม่อนแจ่มนั่งข้างคนขับและมีมารดาอยู่เบาะหลัง

ที่จริงไม่จำเป็นเลย.. แต่คุณพ่อก็ยังยืนยันว่าจะเป็นคนมาส่ง
คุณพ่อขอโทษที่วันแรกเข้าหอไม่ได้มาส่งม่อนแจ่มด้วยตัวเอง ซึ่งม่อนแจ่มก็รู้สึกว่า.. ไม่จำเป็นต้องขอโทษสักนิดเลยเหมือนกัน

รถชะลอจอดริมฟุตบาทหน้าหอ มือแข็งแรงของนายพจน์เป็นคนหยิบกระเป๋าหิ้วส่งให้ลูกชาย มือเรียวของระมิงค์แตะเบาๆลงที่บ่าเล็ก
ม่อนแจ่มยกมือไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่ทั้งสอง ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่มีทางขอบคุณได้พอ
การที่คุณพ่อคุณแม่มาส่งเขาที่หอในวันนี้มันหมายถึงอะไรหลายๆอย่าง.. มันมีความหมายมากกว่าแค่การมาส่ง
ระมิงค์ยิ้ม นายพจน์เองก็ยิ้มเช่นกัน สายตาคมมองบริเวณที่ตนเองยืนโบกรถแดงอยู่เมื่อวันก่อน
วันที่เขานั่งมอเตอร์ไซค์ ..แม้ไม่ใช่ครั้งแรกในชีวิต แต่ก็เป็นครั้งแรกในรอบสามสิบปี
มือใหญ่วางทาบบนศีรษะเด็กหนุ่มตรงหน้า ขณะที่ใจนึกถึงเด็กหนุ่มอีกคนไปพร้อมกัน
“..ดูแลกันให้ดีๆล่ะ”
ระมิงค์หลุดหัวเราะน้อยๆ ขณะที่ม่อนแจ่มหน้าแดง

            ขาเรียวก้าวไปตามทางเดินที่คุ้นเคย
เพื่อนร่วมหอดูจะเข้ามาสลับออกไปจำนวนมากเป็นพิเศษด้วยเป็นวันอาทิตย์เย็น

..ห้อง ๓๓๘..
ม่อนแจ่ม ประดิษฐาพงศ์
กวีกานต์ ทัศนศุภกฤษณ์
พชร เพชรหละปูน

หอพักมีเอกสารติดประกาศไม่มากนัก นั่นอาจจะเป็นเหตุที่รายชื่อนักศึกษาไม่ได้ถูกดึงออกจากบอร์ด และม่อนแจ่มก็หยุดยืนมองอยู่ ณ ตอนนี้
ปากอิ่มอมยิ้ม.. ให้ความเห็นอย่างไม่ลำเอียงว่าชื่อลำดับที่สามไพเราะที่สุด
ม่อนแจ่มไม่รู้ว่าเจ้าของชื่อนั้นอยู่ที่ไหนในตอนนี้ ..อยู่ลำพูน ..หรืออยู่ข้างบน

บันไดนำม่อนแจ่มขึ้นมาสู่ชั้นสาม ห้องเลขคู่ เลขคี่ตั้งอยู่ตรงข้ามกันสองฝั่ง
เหมือนกับเพิ่งเมื่อวานนี้เองที่เขาก็สะพายกระเป๋าเป้ใบนี้ ถือกระเป๋าหิ้วใบนี้และเดินมาตามทางนี้เป็นครั้งแรก
วันที่พบเด็กหนุ่มร่างสูง ณ หน้าห้องสามสามแปด ..น้ำเสียงเรียบเฉย ..แววตาที่มองมาเหมือนจะไม่ชอบใจ

          “กวีกานต์ หรือ พะ-ชร?”

แล้ววันนี้.. ตอนนี้..
เด็กหนุ่มร่างสูงคนที่ว่าก็ยืนอยู่หน้าประตูบานเดิมนั้น ..ที่ซึ่งเหนือกรอบบนระบุเลขห้อง 338
กระเป๋าสะพายอยู่บนไหล่ซ้าย มือข้างหนึ่งยังถือกุญแจรถอย่างเพิ่งมาถึง ส่วนมืออีกข้างจับอยู่ที่ลูกบิด กำลังจะเปิดประตู
ท่าทีนี้เองที่ทำให้ม่อนแจ่มมั่นใจในวันแรกเจอว่าคนคนนี้คือ ‘รูมเมท’

และแม้ครานั้น เขาจะเรียกชื่อผิดว่า ‘พะ-ชร’ แต่ตอนนี้ ม่อนแจ่มไม่มีทางจะเรียกผิด
เสียงเล็กเอ่ยทักทาย ..ออกเสียงเรียกชื่ออีกฝ่ายชัดเจน ถูกต้อง เต็มเสียง อย่างที่เรียกมาตลอด ..อย่างที่เรียกบ่อยยิ่งกว่าชื่อใดที่เคยเรียกในชีวิต

“สวัสดี พชร”

..

..

เจ้าของชื่อชะงักมือ.. เอี้ยวขวา หันหน้ามองไปทางต้นเสียง
เจ้าของถ้อยคำยืนอยู่ห่างไปนิดหนึ่ง มือข้างนึงจับสายเป้ใบเดียวกับที่เขาเห็นวันแรกและมืออีกข้างก็หิ้วกระเป๋าใบเก่าใบเดียวกับที่เขาเห็นวันแรกเช่นเดียวกัน
เด็กหนุ่มคนนี้ใส่แว่นกรอบแดง ผู้ที่พชรรู้ว่าเรียนวิศวฯเครื่องกล และนอนเตียงล่างในห้องที่เขากำลังเปิดประตูอยู่นี้

          “เราเป็นรูมเมทกันกัน กูชื่อม่อน ม่อนแจ่ม..”

คำแนะนำตัวนี้ พชรไม่เคยลืม ..แม้ว่าจะทำเป็นจำไม่ได้ กระทั่งทำเป็นไม่ได้ยินด้วยซ้ำ
ชื่ออีกฝ่ายนั้น เขาปฏิเสธอย่างไร้เงื่อนไขที่จะเรียก
เครื่องกล.. แว่นแดง.. เตียงล่าง.. คำที่เป็นบริบทแวดล้อม กลายเป็นสรรพนามที่เอามาใช้แทนตามแต่จะนึกคำใดออกก่อน

วันนั้น.. เขาไม่ยอมเรียก 'ชื่อ' เพราะนั่นเท่ากับเป็นการ 'ทำความรู้จัก' ซึ่งเป็นสิ่งที่พชรหลีกเลี่ยงเต็มกำลังไม่ให้เกิดขึ้น
ทว่า วันนี้.. พชรเรียนรู้แล้วว่า คนคนนี้คือคนพิเศษ ..คือคนที่เขายินดีอย่างยิ่งที่ได้พบเจอในชีวิต

แม้ริมฝีปากหนาจะไม่ได้ยกยิ้ม และแม้สีหน้าจะเรียบเฉยเกือบเหมือนไม่ใส่ใจ ทว่า ดวงตาคมสีดำสนิทมีประกายแห่งความปิติฉายอยู่ชัดเจน
เสียงเข้มค่อยๆเอ่ยบ้าง ส่งคำทักทายไปในทำนองเดียวกัน ..นามนี้ไพเราะมากนักในความรู้สึก

“สวัสดีครับ ..ม่อนแจ่ม”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ขออภัยที่รอบนี้มาช้า และขอบคุณสำหรับการติดตามน่อ   :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-12-2016 21:11:32 โดย INDY-POET »

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
«ตอบ #863 เมื่อ15-12-2016 00:12:19 »

สุขและเศร้าใจพร้อมๆกัน

ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
«ตอบ #864 เมื่อ15-12-2016 00:17:52 »

ความรู้สึกเรามันเต็มตื้นอย่างบอกไม่ถูกเลย โคตรชำระจิตใจของเราเลยค่ะ
อื้ม พออ่านเรื่องนี้ถึงนึกคำที่ว่าด้วยคู่รักที่ให้ความรู้สึกเกื้อกูลจิตใจของกันและกันในทิศทางที่จะพากันไปสู่สิ่งที่ดีว่าเป็นความสัมพันธ์healthy ม่อนและพชรมีลักษณะเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันดีซะจนแผ่มาให้คนอ่านอย่างเรารู้สึกไปด้วย เป็นนิยายประโลมจิตใจชั้นหนึ่งเลยแหละ ไม่รู้เหมือนกันว่าเราจะรู้สึกไปกับตัวหนังสือได้มากขนาดไหนขณะที่เราอ่านแต่เรารู้สึกมีความสุขมากๆทุกครั้งที่ได้อ่านเรื่องนี้นะ  :กอด1:

/ชอบบรรยากาศการพูดคุยระหว่างคุณพจน์และพชรมากๆเลยค่ะ 5555

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
«ตอบ #865 เมื่อ15-12-2016 00:26:18 »

 :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
«ตอบ #866 เมื่อ15-12-2016 00:34:09 »

มีความสุข

ออฟไลน์ ceylon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
«ตอบ #867 เมื่อ15-12-2016 00:37:24 »

ฮื่อ ชอบทุกอย่างเลย

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
«ตอบ #868 เมื่อ15-12-2016 00:44:21 »

ชอบฉากที่ม่อนกลับเข้าหอปัจจุบัน แฟลชแบคสลับกับเข้าหอครั้งแรกในอดีต
ที่เดิม คนเดิม  เวลาเปลี่ยน ความรู้สึกที่เปลี่ยน
มันอุ่น มันละมุน และมันฟินนน มาก

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: SWEET SURRENDER 14/12/59 -CH.32 Hello- P.29
«ตอบ #869 เมื่อ15-12-2016 01:04:35 »

งืมๆๆๆๆ น่ารักสมกับที่เฝ้ารีเฟรชหลายๆรอบ 5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด