SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42  (อ่าน 322094 ครั้ง)

ออฟไลน์ automaton

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #960 เมื่อ06-01-2017 23:33:21 »

ว่าจะพิมพ์ต่อท้ายแต่ลืมกดส่งไปแล้วจึงนึกออก
เรื่องน้ำท่วมทางใต้ ดีใจด้วยที่บ้านคนเขียนไม่ได้ผลกระทบ แต่ก็เป็นกำลังใจคนที่ประสพ
เดี๋ยวมันจะดีขึ้นแล้วผ่านไป  ถ้าช่วงนี้กังวลเรื่องที่บ้านก็เอาให้เรียบร้อยก่อน
รอได้เข้าใจกัน  :กอด1:

ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #961 เมื่อ06-01-2017 23:37:57 »

รู้สึกได้ถึงความหวานและความเอาใจใส่ของพชรมากๆอะ

ตอนหน้าดูจะตื่นเต้นจริงๆ  :katai2-1:

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #962 เมื่อ07-01-2017 00:40:03 »

ม่อนจะได้เจอพ่อแล้ว

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #963 เมื่อ07-01-2017 01:40:53 »

 :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #964 เมื่อ07-01-2017 02:26:02 »

ความจริงเปิดเผยน้ำตาลก้เริ่มมาา

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #965 เมื่อ07-01-2017 04:25:32 »

ฟินล่วงหน้าเกือบจะถึงลำพูนแล้ว
พชรน่ารักใส่ใจม่อนแจ่มทุกรายละเอียด
ม่อนแจ่มก็ใส่ใจะชรทุกรายละเอียดเหมือนกัน

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #966 เมื่อ07-01-2017 06:10:54 »

น่ารักทั้งคู่เลยชอบบบบบบ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #967 เมื่อ07-01-2017 08:10:03 »

เขาหวานกันแบบ...ดีต่อใจคนอ่านจัง  แบบว่าพูดกันน้อยๆ Body & Eyes language เป็นหลัก มัน... ละมุนเนอะ  :-[

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #968 เมื่อ07-01-2017 08:39:16 »

ได้อ่านก็ดีใจแล้วคะ :pig4:

ตอนหน้าเอาใจช่วยน้อง

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #969 เมื่อ07-01-2017 08:56:45 »

 :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
« ตอบ #969 เมื่อ: 07-01-2017 08:56:45 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #970 เมื่อ07-01-2017 11:33:06 »

น่ารักกันจริงคู่นี้ รอลุ้นว่าจะได้เจอพ่อหรือเปล่าแล้วพ่อของม่อนจะยอมออกมาคุยกับม่อนมั้ย

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #971 เมื่อ07-01-2017 12:14:54 »

 :กอด1:

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #972 เมื่อ07-01-2017 12:19:18 »

 o13

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #973 เมื่อ07-01-2017 12:31:03 »

ถึงพชรจะนิ่งแต่ก็หวานไม่น้อยเลยน้า

สวัสดีปีใหม่คนเขียน ขอเอาใจช่วยเรื่องน้ำท่วมด้วยจ้า

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #974 เมื่อ07-01-2017 13:16:56 »

ตอนนี้น่ารัก ตอนหน้าออกเดินทางแล้ว
รออ่านนะครับ


ปล. ชื่อตอนมันแปลว่าไรหรอครับ
ปล. 2 เอาใจช่วยเรื่องน้ำท่วมนะครับคนแต่ง นี่น้องผมก็ไปฝึกงานอยู่พัทลุง มันก็ส่งภาพมารายงานสถานการณ์อยู่เหมือนกัน ท่วมเยอะเหมือนกัน ขอให้น้ำลดไวๆนะ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #975 เมื่อ07-01-2017 14:56:54 »

ฮ่า ฮ่า ฮ่า อดนะจ๊ะพชร โอ๊ยยยยยย มาอีกแล้วตอนหวานๆในอกแบบนี้ ไม่รู้ยังไงอิป้าเขิน

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #976 เมื่อ07-01-2017 17:42:15 »

น่ารักทั้งคู่เลย

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #977 เมื่อ07-01-2017 18:28:58 »

แค่มาต่อก็ดีใจแล้วคะ คิดถึงม่อนกับพชร :กอด1:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #978 เมื่อ07-01-2017 18:53:15 »

พชรน่ารักจริงๆ
เป็นห่วงหนูม่อนทุกอย่างเลย

ขอบคุณคนเขียนที่อุตส่าห์มาต่อให้นะคะ


ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #979 เมื่อ07-01-2017 21:07:09 »

อยากยีแก้มม่อนแรงๆ น่ารักหนักมาก ชอบแรงบันดาลใจของม่อน ซึ้งอ่ะ พชรแบบรักไม่ไหวละ
มันเขี้ยวด้วยไรด้วย พระเอกชั้นก็ช่างดีง่ม ห่วงม่อนกลัวนั่งมอไซไม่ไหว เราก็ว่าหยุดทไไม
โอ้ย อยากกรี๊ดค่ะ มีความฟินเฟร่อ

ขอบคุณค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
« ตอบ #979 เมื่อ: 07-01-2017 21:07:09 »





ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: SWEET SURRENDER 6/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part I) P.32
«ตอบ #980 เมื่อ08-01-2017 08:43:22 »

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #981 เมื่อ15-01-2017 00:13:55 »

CHAPTER 34: Ein Schönes Wochenende (Part II)

          มองออกไปผ่านหน้าประตูใหญ่หอสามชาย ม่อนแจ่มเห็นต้นสักเขียวครึ้มร่มรื่นตาเหมือนทุกวัน
เขาเดินตามหลังพชรมาหยุด ณ ลานจอดรถ พลางมองคนคุ้นเคยและมอเตอร์ไซค์ดำเขียวที่ชินตายิ้มๆ
พชรทำเป็นไม่สังเกตสายตาที่มองมา ด้วยไม่ต้องการจะเขินรอบสองตั้งแต่เช้า เสียงเข้มสั่งเรียบๆ
“ใส่ซะ”
..
ที่ส่งมาให้คือหมวกกันน็อคสีแดงใหม่เอี่ยม
ม่อนแจ่มเบิกตามอง จำได้ว่าหมวกกันน็อคของพชรเป็นสีเขียวเข้ม เพราะเขาเองเคยสวมเมื่อรอบก่อน
แต่นี่.. หมวกกันน็อคสีแดง..

“ให้กูเหรอ..” ม่อนแจ่มถามอึ้งๆ แล้วก็มีเพียงเสียงตอบรับในลำคอเบาๆ
“อืม..”

โอ้!
ม่อนแจ่มยิ้มกว้าง รับหมวกมาสวมอย่างเป็นปลื้มสุดๆ
“ขอบคุณ พชร โอ่ย.. มันต้องสีแดงแรงฤทธิ์พิชิตสีแสดแบบนี้ดิ โอ๊ย โคตรชอบ!”
..
“กูใส่พอดีเด๊ะ” ม่อนแจ่มลั้ลลา “ไม่ต้องปรับสายรัดอะไรเลยด้วย เป๊ะมาก!”
“อืม..” พชรพยักหน้าเชิงรับรู้และกล่าวเสริมเรียบๆ “พอดี ซื้อไซซ์เด็กมา”

ซื้อ.. ไซซ์.. เด็ก.. มา..

“พชร!” ม่อนแจ่มร้องลั่น พชรล้อเขานี่หว่า!
พชรหันมองไปทางอื่น แต่ม่อนแจ่มก็เห็นเต็มสองตาว่าคนหน้านิ่งนั้นลอบหัวเราะ พัฒนานะพชร เดี๋ยวนี้พัฒนา!
แม้จะทำหน้ายู่ยี่ ทว่า ม่อนแจ่มก็อดจะกัดปากน้อยๆซ่อนรอยยิ้มไม่ได้
พชรล้อเล่นกับเขา คือ..  มันดีอะ..

           แสงแดดอ่อนจางเช้าตรู่วันเสาร์เป็นอะไรที่สดใส มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ยามอรุณแสนจะมีชีวิตชีวา
แม้อยู่ภายใต้หมวกกันน็อคและมีเสียงลมปะทะ ทว่า หูม่อนแจ่มก็ยังได้ยินเสียงนกขับขานค่อนข้างชัดเจน
ตามองเห็นกระรอก กระแต ตัวเล็กตัวน้อยวิ่งไล่ไต่กันไปมาบนกิ่งไม้ใหญ่ กระโดดจากต้นนั้นไปต้นนี้ ว่องไวจนมองไม่ทัน อีกแป๊ปผลุบตรงนี้ อีกเดี๋ยวโผล่ตรงนั้น
ตัวเดียวกันไหม? หรือผองเพื่อนของมัน? ยากจะพิสูจน์
ริมฝีปากอิ่มยกยิ้ม.. มองเข้าไปในกระจกมองหลังเบื้องหน้า ก็เห็นคนขี่มีสีหน้าผ่อนคลายกับบรรยากาศเหมือนๆกันกับเขา

มันดีนะ.. ความเป็นธรรมชาติแบบนี้
ยิ่งสำหรับพชรที่รักต้นไม้ คงจะยิ่งรู้สึกดี
ม่อนแจ่มหวังว่ามหาวิทยาลัยซึ่งจะเป็นที่พักพิงตลอดสี่ปีจะเป็นเช่นนี้เสมอไป
นี่ไม่ใช่แค่ที่สำหรับนักศึกษา แต่เป็นที่ที่เราอยู่ร่วมกัน
เรา.. คน.. สัตว์.. ต้นไม้.. สายน้ำ..

            Kawasaki D Tracker 250 พาม่อนแจ่มผ่านคณะมนุษยศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ ผ่านอ่างแก้ว ผ่านศาลาธรรม
เขามองซ้าย ขวา สลับกับมองคนขี่ผ่านกระจกมองหลังตลอด ..เมื่อมาทางนี้ หมายความว่าพชรจะพาออกไปทางประตูหน้ามอ แม้ว่าหอสามชายจะใกล้ประตูหลังมอมากกว่าก็ตาม ซึ่งม่อนแจ่มก็คิดว่าเป็นการเริ่มออกเดินทางที่ดีเหมือนกัน

ร่างเล็กนั่งสบายๆ สูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าในบรรยากาศที่คุ้นเคย กระทั่งเห็นประตูใหญ่อยู่เบื้องหน้า แล้วพชรก็ขี่ผ่านออกไป วินาทีที่ผ่านประตูมหาวิทยาลัยสู่ถนนห้วยแก้ว ม่อนแจ่มกลับรู้สึกแปลกๆราวกับว่าอะไรที่เป็นจริงเป็นจังกว่าได้เริ่มต้นขึ้น เขาเพ่งมองถนน ขยับตัวนิดหนึ่งอย่างระแวดระวัง..

พชรเหลือบกระจกมองหลัง ชะลอรถให้ช้าลงจากที่ขี่ช้าอยู่แล้ว มือซ้ายละมาแตะขาคนข้างหลังให้ผ่อนคลายลงเบาๆ
ม่อนแจ่มค่อยๆคลี่ยิ้ม ..รู้สึกว่าตัวเองกำลังงี่เง่า มือบางเลื่อนไปทาบไว้บนมือพชร
“ไม่ต้องห่วง” ม่อนแจ่มพึมพำกับแผ่นหลัง ยิ้มร่าให้เห็นผ่านกระจก ..ไม่มีอะไรต้องห่วงเลย

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          ไม่ใช่ว่าไม่เคยผ่านทางนี้มาก่อน แต่การมาแบบนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ย่อมไม่เหมือนกับนั่งอยู่ในเมอร์เซเดส เบนซ์
พชรขี่มอเตอร์ไซค์บนไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง ทางเดียวกับที่ม่อนแจ่มไปบริษัทเสมอๆ แล้วก็เป็นทางเดียวกับที่ไปคอนโดเมื่ออาทิตย์ก่อนด้วย เพียงแต่ว่าตอนนี้พวกเขาเลยทั้งสองสถานที่มาแล้ว
แน่นอน เมื่อขึ้นถนนใหญ่ พชรจำเป็นต้องใช้ความเร็วมากขึ้น แต่ม่อนแจ่มก็ไม่ได้เกร็งมากนัก เพราะพชรขี่รถชำนาญและระมัดระวัง อีกประการหนึ่ง ม่อนแจ่มตระหนักว่าเบาะนั่งมันนุ่มขึ้นอย่างรู้สึกได้ชัดเลย ซ้ำไม่ลาดลงมากจนร่างเล็กของเขาไถลไปติดหลังพชรอย่างคราวก่อนๆ

Kawasaki D-Tracker ปะปนอยู่กับยวดยานพาหนะอื่นๆบนไฮเวย์เชียงใหม่ลำปาง กระทั่ง เข้าเขตจังหวัดลำพูนหลังผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม พชรบอกว่าใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งนี่นะ และเนื่องจากบ้านพชรเป็นสวน ม่อนแจ่มจึงคิดว่าคงไม่ได้อยู่ในอำเภอเมือง
เขานั่งเงียบๆ มือข้างหนึ่งวางบนหน้าขาตนเอง อีกข้างทาบแผ่นหลังพชรเอาไว้ ตามองป้ายต่างๆ บนทางหลวงอย่างนึกสงสัยว่ากำลังมุ่งหน้าไปอำเภอใด จนพชรออกจากไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง เข้าทางหลวงหมายเลข 114 และ 116 ตามลำดับ ม่อนแจ่มจึงเห็นป้ายระบุ ‘เขตอำเภอแม่ทา’

พชรเลี้ยวซ้ายเข้าถนนอีกเส้นหนึ่ง ผ่านสถานีตำรวจภูธรทากาศ ผ่านสถานีเพาะชำกล้าไม้จังหวัดลำพูน ผ่านอะไรๆ..
แล้วก่อนที่ม่อนแจ่มจะทันรู้ตัว เขาเห็นถนนซอยแยกเข้าไป ป้ายไม้ระบุเขต ‘สวนเพชรหละปูน’
หนุ่มลำพูนตีไฟเลี้ยวขวา ..และหนุ่มเชียงใหม่ก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้น

ถนนนี้ไม่ใช่ทางสาธารณะ.. ม่อนแจ่มรู้ได้ทันที
นับตั้งแต่เลี้ยวขวาเข้ามา ..คือเขตสวน
ต้นสักปลูกอยู่สองข้างทาง กิ่งใหญ่ทั้งซ้ายขวาแผ่เข้าหาจนใบประสานกันทำให้ถนนร่มรื่น
และพ้นแนวสัก.. ดวงตาเป็นประกายมองเห็นบ้านไม้ยกพื้นสูงตั้งอยู่เยื้องไปด้านขวามือ ไกลออกไปเล็กน้อย มีบ้านไม้ชั้นเดียวอีกสองหลังอยู่ถัดกัน ตลอดจนแนวไม้เรียงรายไปสุดลูกหูลูกตาทุกทิศทาง
เรียวปากอิ่มอดจะอ้าค้างไม่ได้ ..นี่ไม่ใช่สวนเล็กๆเลย

            รถมอเตอร์ไซค์ดำเขียวชะลอจอดใต้ถุน เจ้าของบ้านเตะขาตั้งรับน้ำหนักรถ แล้วผู้มาเยือนก็ค่อยๆกระโดดตุ๊บลงมา ยืนนิ่งจังงังไปพักหนึ่ง ..หันมองรอบๆ
ม่อนแจ่มห้ามไม่ได้ ..หัวใจเต้นเร็วมากจริงๆ มันประหม่า.. ตื่นเต้น.. และรอคอย

พชรปลดสายรัดหมวกกันน็อคของตัวเองออก ครอบไว้กับกระจกข้างหนึ่ง
ม่อนแจ่มมอง.. มือเรียวปลดหมวกของตัวเองบ้าง ก่อนจะครอบไว้กับกระจกอีกข้าง
ดูเหมือนจะไร้คำพูดไปพร้อมๆกัน..

ในไม่กี่อึดใจ.. ม่อนแจ่มก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินลงมาตามขั้นบันไดเบื้องหน้า
ไม่มีทางจะผิดคน สาวใหญ่วัยสี่สิบต้นๆ ใบหน้าเรียวรูปไข่ช่างงดงามแม้จะคล้ำแดดจนมีฝ้าเล็กน้อยขึ้นสองข้างแก้ม
เธอผูกผมป็นหางม้าหลวมๆไว้ข้างหลัง ใส่เสื้อผ้าฝ้ายสีน้ำเงินและกางเกงพอดีตัวดูทะมัดทะแมง
..คุณน้าเพชรลดา..

ดวงตากลมโตที่มองมาทางม่อนแจ่มเหมือนแรกเจอ ..มันเป็นแววตาแห่งความปราณี
ที่สำคัญ.. ริมฝีปากสีธรรมชาตินั้นแต้มแต่งด้วยรอยยิ้มยินดีกับการมาของเขา

“สวัสดีจ๊ะม่อน” ผู้อาวุโสกว่าชิงทักทายเสียก่อน เพราะเด็กหนุ่มดูท่าทางจะประหม่ามาก
เพชรลดายังคงยิ้มอย่างอยากให้ม่อนแจ่มรู้ว่าเธอกำลังรออยู่ “ยินดีต้อนรับนะ”
“ส..สวัสดีครับ คุณน้าลดา” ม่อนแจ่มยกสองมือขึ้นประนม ก้มศีรษะลงทำความเคารพ ดวงตาสบกับมารดาเจ้าของหัวใจ
และ.. สายตาที่มองกลับมามีเพียงความปรารถนาดี ราวกับว่าเขาเป็นแค่ม่อนแจ่ม ..แค่ม่อนแจ่มที่มากับพชร
เหมือนมันไม่เกี่ยวว่าตัวเขามาจากไหน เป็นบุตรใคร มีความหลังความเป็นมายังไงกับสตรีเบื้องหน้า
ราวกับนี่เพิ่งเป็นครั้งแรกหลังจากพบกันที่หอสามชาย.. ราวกับที่บริษัทวันนั้นมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย..

เพชรลดาก้าวเข้าไปหาอย่างกระฉับกระเฉงตามปกติที่เป็นคนคล่องแคล่วว่องไว  แม้จะต้องจำกัดการเคลื่อนไหวอย่างมากก่อนหน้านี้แค่ไม่กี่วัน
ม่อนแจ่มก้าวยาวๆเข้าไปหยุดใกล้ๆ ยกมือไหว้อีกครั้งอย่างไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องทำซ้ำๆ คนถูกไหว้จึงหัวเราะใส่เสียเลย
“คิดถึงเด็กคนที่ยิ้มแต้ลงมาจากบันไดหอสามชายแล้วทักทายน้าซะลั่นว่า คุณแม่พชรหรือครับ! จัง”
ม่อนแจ่มอ้าปากค้างนิดหนึ่ง แต่แล้วก็กัดปาก ค่อยๆคลี่ยิ้มตอบอย่างยากจะห้าม
“ม่อนก็คิดถึงคุณน้าลดาครับ ..คิดถึงลำไยด้วย”

ฮ่ะๆ..
เพชรลดาหัวเราะเต็มเสียง สองมือกร้านยกขึ้นแตะไหล่บาง
“ตอนนี้ลำไยเพิ่งจะแทงช่อดอก ไม่มีให้กิน เพราะงั้น.. เดือนสิงหาม่อนต้องมาให้ได้นะ จะพาไปกินใต้ต้นเลย”
..
..
ม่อนแจ่มไม่รู้จะบรรยายสิ่งที่รู้สึกยังไง เขาได้แต่ยิ้มค้าง ขณะเสียงเนิบเอ่ยให้ฟัง
“ดีใจจริงๆที่เจอม่อน ..ที่สำคัญกว่านั้น ดีใจที่เห็นม่อนยิ้ม”
ครั้งสุดท้ายที่พบกัน แม้ไม่เห็นน้ำตา แต่เพชรลดาก็ไม่ลืมใบหน้าเผือดซีด ริมฝีปากสั่นระริกที่พยายามเข้มแข็งและสะกดกลั้นความรู้สึกของหนุ่มน้อยผู้นี้ ซึ่งแตกต่างจากรอยยิ้มเมื่อแรกเจอโดยสิ้นเชิง วันนี้ เธอจึงชุ่มชื่นใจนักที่เห็นรอยยิ้มสดใสแบบนี้อีก

“ขายังเจ็บไหมครับ?” ม่อนแจ่มก้มหน้าสำรวจ
“ไม่แล้วจ้ะ” เพชรลดาส่ายหน้า “สบายดีทุกอย่าง”
“ดีจังครับ” ม่อนแจ่มพยักหน้ายินดี ใจชื้นขึ้นจนแทบจะรู้สึกร่าเริงตามวิสัยปกติ อย่างไรก็ตาม แม้โดยไม่ได้ตั้งใจ ม่อนแจ่มก็กวาดสายตาไปรอบๆ ..ราวกับมองหาใครอื่นในรัศมีใกล้เคียงนี้
ดวงตาพชรแอบสบกับมารดาอย่างอ่านม่อนแจ่มออก..

“ขึ้นไปกินอะไรกันก่อนเถอะไป เพิ่งมาถึงเหนื่อยๆ”

อันที่จริง.. ม่อนแจ่มไม่เหนื่อย แต่ก็ถอดรองเท้าผ้าใบออก เดินตามหลังสตรีเจ้าของบ้านขึ้นบันไดไป พลางหันหลังมองพชรเป็นระยะๆ
ชานบ้านเบื้องหน้ากว้างขวาง มีโต๊ะเก้าอี้ไม้วางเข้าชุดกันทางขวาซึ่งอยู่ริมหน้าต่างซึ่งแขวนม่านครึ่งปักลายดอกไม้พลิ้วไปมาตามแรงลม

          “เข้ามาสิจ้ะ”
แม้เสียงเรียกเบาๆนั้นก็ทำให้ม่อนแจ่มสะดุ้งนิดหนึ่ง เขาพยักหน้าเขินๆ ก่อนก้าวเท้าผ่านธรณีประตูเข้าไปภายใน
ลมพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาทั้งสองฝั่งให้ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ
เฟอร์นิเจอร์ในบ้านเป็นไม้ทั้งหมด ทั้งตู้ โต๊ะ เก้าอี้ ..มีน้อยชิ้นและดูเก่า ทว่า งดงามสะอาดตา
ช่างเป็นบ้านที่กะทัดรัด อบอุ่นและไม่อึดอัดเลย ที่สำคัญ ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ..ไม่น่าสงสัยแล้วล่ะ ว่าทำไมพชรจึงเป็นผู้ชายที่เรียบร้อยขนาดนี้

บนผนัง ติดหิ้งเล็กๆไว้ มีดอกมะลิสีขาววางหน้าภาพผู้อาวุโสสองท่านที่ม่อนแจ่มเดาว่าเป็นคุณตาและคุณยายของพชร มือเรียวรีบยกขึ้นไหว้
“เพิ่งเสียไม่กี่ปีหรอกจ้ะ โรคประจำตัวน่ะ” เสียงเนิบบอกให้ฟัง ไม่ได้มีท่าทีเสียใจให้เห็น แต่ม่อนแจ่มก็อดจะเอ่ยไม่ได้
“ม่อนเสียใจด้วยครับ”
เพชรลดาพยักหน้ารับ ยิ้มให้ “ท่านมีชีวิตที่มีความสุขจ้ะ”
ม่อนแจ่มยิ้มตอบ หันมองผนังอีกครั้ง เหนือขึ้นไปเป็นพระบรมฉายาลักษณ์สีขาวดำซึ่งน่าจะเก่ามากๆแล้ว
“ติดอยู่ตรงนั้นตั้งแต่น้าเป็นเด็กๆแล้วล่ะ” เพชรลดามองตามสายตาและเสริมให้ฟัง “ครั้งเสด็จอำเภอแม่ทา ปีสองพันห้าร้อยยี่สิบสอง”
ปีสองพันห้าร้อยยี่สิบสอง ..ช่างเนิ่นนานมาแล้ว
ท่านคงเป็นที่เคารพที่นี่ ..เหมือนๆกับทุกพื้นที่ในประเทศไทย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับครอบครัวเพชรหละปูนที่เป็นเชื้อสายเกษตรกร
ม่อนแจ่มยกมือขึ้นอีกครั้ง ก้มศีรษะลง..

“มาแต่เช้า ยังไม่กินข้าวกันเลยใช่ไหม แม่ทำข้าวต้มไว้นะ พชร”
เพชรลดาพยักพเยิดไปทางครัวที่เปิดโล่งทางด้านหลัง
พชรพยักหน้ารับคำมารดา ก้าวเข้าไปล้างไม้ล้างมือและตักข้าวต้ม

“แม่เรียบร้อยแล้วนะ สองคนกินกันเลย” เพชรลดาเสริม

ม่อนแจ่มไม่อยู่เฉย รีบเข้าครัวไปช่วย หน้าเรียวก้มส่องหม้อสแตนเลสอย่างอยากรู้อยากเห็น
“กินได้นะ?” พชรพยักพเยิดไปทางหม้อข้าวต้มปลา กึ่งถามกึ่งชักชวน และม่อนแจ่มก็ฉีกยิ้มตอบ
“ตักมาเหอะ รับรองเขมือบจนหมด!”
เพชรลดาได้ยินถึงกับหัวเราะขำกับความขี้เล่นนั้น แอบเห็นว่าพชรก็เป็นเช่นเดียวกัน แม้จะไม่ยอมแสดงออกนักก็ตาม

            ใช้เวลากินเพียงไม่นาน และม่อนแจ่มก็เขมือบข้าวต้มจนหมดดังปากว่า รู้สึกทั้งอุ่นและอิ่มท้อง
พชรทำท่าจะเก็บถ้วยให้ แต่เขาต้องยกมือห้าม “กูเก็บเอง”
ว่าแล้วม่อนแจ่มก็เก็บถ้วยของตัวเอง แล้วเอาของพชรมาซ้อนกันด้วย
“พิเศษ แถมบริการล้าง มึงอยู่เฉยๆเลย”

พชรยิ้มมองตามหลัง กระทั่งหันมาเห็นมารดามองอยู่จึงเม้มริมฝีปากไว้
“วันนี้ คนงานเข้าสวนแล้วสิครับ?”
เพชรลดาพยักหน้า “ลิ้นจี่ติดผล ป่านนี้คงเริ่มห่อแล้วล่ะ”
“เดี๋ยวผมเข้าไปดูครับ”

พชรจะเข้าสวนหรือ? เพชรลดางุนงงเล็กน้อย เพราะตามที่แสงรวีบอกเธอนั้น..
แต่ก็ช่างเถอะ เธอไปคนเดียวก็ไม่เห็นเป็นปัญหานี่นา

“แล้ว..” เพชรลดามองแผ่นหลังบางที่ซิงค์ล้างจาน
พชรมองไปที่เดียวกัน ถอนหายใจนิดหนึ่ง ..ม่อนแจ่มอยากมา เขาก็พามา แต่พามาแล้วนี่.. จะอย่างไรต่อก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
“ถ้าม่อนอยากไป ..ผมก็จะพาไปด้วย” พชรพูดไปก็นึกถึงคนที่ม่อนแจ่มคงจะได้เจอในสวนไปด้วย
คิดไม่ทันถึงไหน.. เสียงเครื่องยนต์รถกระบะคันเก่าก็ดังมาตามทางจากในสวนทางจนหยุดหน้าบ้าน
พชรขมวดคิ้วเล็กน้อย ลุกขึ้นยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง
เขากลืนน้ำลายลงคอนิดหนึ่ง ..รู้ว่าคนขับเป็นใคร

แทบจะนาทีเดียวกับที่คนขับลงมาจากรถ ม่อนแจ่มก็เดินออกมาจากครัว
“มีอะไรให้ม่อนช่วยทำ บอกด้วยนะครับ”
เรียวปากอิ่มยกยิ้ม ..ม่อนแจ่มทำความเข้าใจอยู่แล้วว่ามาถึงพชรคงจะต้องทำงานด้วยเป็นลูกชาวสวน
เขาไม่ได้ตั้งใจมาให้เลี้ยงดูปูเสื่ออะไร ซ้ำยังอยากรู้ว่าตัวเองพอจะช่วยแบ่งเบางานอะไรได้บ้างไหม

“เดี๋ยวพชรเข้าสวน ถ้าม่อนจะไปด้วยก็ไป”
เพชรลดาบอก และม่อนแจ่มก็ยิ้มแฉ่งตอบกลับอย่างที่คาดได้ “ม่อนไปด้วยสิครับ รออะไร!”

          “คุณพชรครับ!”
เสียงเรียกดังมาจากชานบ้านภายหลังเสียงฝีเท้าย่ำผ่านขั้นบันได
คนถูกเรียกหันมองม่อนแจ่มนิดหนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะเอี้ยวตัวเดินออกไปและเห็นคนงานคนสนิทยืนรออยู่ตรงนั้นอย่างที่พชรรู้ว่าต้องเป็น..

“เห็นรถจอด เลยรู้ว่าคุณพชรมาแล้ว” แสงรวีเอ่ย ดูรีบร้อน
“ผมกำลังจะเข้าไปพอดีครับ” หน้าคมพยักรับ “คนงานห่อลิ้นจี่แล้วใช่ไหม”
“ครับ แต่..” แสงรวีรับคำทั้งแปลกใจ “คุณพชรจะเข้าสวนเลยหรือ?”
“ทำไมครับ” พชรแปลกใจเช่นกัน
“พอดีนี่จะเก้าโมงแล้ว ผมเลยมาดูว่าคุณพชรออกไปหรือยัง”
“ไปไหนครับ?”
“วันนี้มีประชุมรับมือภัยแล้ง คุณพชรบอกจะไปกับคุณลดาไงครับ ลืมหรือ?”
พชรอ้าปากค้าง ..จริงด้วย ลุงแสงบอกเขาแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน ทว่า พชรมัวแต่คิดถึงเรื่องอื่นจนลืมไปเสียสนิท

         ภายในบ้าน เพชรลดาได้ยินบทสนทนานั้น และตรงหน้าเธอ ..เด็กหนุ่มจากเชียงใหม่มองผ่านประตูออกไป
“มีคนมาอ่ะครับ คุณน้าลดา”
เพชรลดาพยักหน้า ..เธอรู้ว่าใคร
เธอเองก็ไม่ได้คิดว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้ แต่อย่างไร.. ม่อนแจ่มก็อยู่ตรงนี้และแสงรวีก็อยู่ตรงนั้น
ไม่มีทางที่จะห้ามคนทั้งสองไม่ให้พบกับ ..และไม่เห็นเหตุผลที่จะทำอย่างนั้นด้วย
เพชรลดาเดินนำไปสู่ประตู ..ปล่อยให้ม่อนแจ่มเดินตามหลัง

           แสงแดดยามสายส่องสว่าง ไอร้อนคลายลงด้วยสายลมที่โบกพัดมา
แล้ว.. โดยไม่ทันได้เตรียมตัว หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบเก้าใส่แว่นกรอบดำก็เผชิญหน้ากับหนุ่มน้อยแว่นแดงวัยสิบเก้า..

แสงรวีชะงัก.. ริมฝีปากเผยอค้าง.. ดวงตารีเล็กเต็มไปด้วยความรู้สึกขณะเพ่งมองร่างเบื้องหน้าอย่างไม่แน่ใจ
ก็ใช่.. ที่คุณพชรบอกแล้วว่าจะมา แต่ก็ไม่ได้บอกว่ามาเมื่อไหร่ แล้วแสงรวีก็ไม่คิดว่าจะเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ให้หลังเช่นนี้

เด็กหนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาจากในบ้านใส่แว่นตากรอบสีแดง
สวมเสื้อลายหมีตัวเหลืองเสื้อแดงกำลังกินน้ำผึ้ง ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์สีดำ
ผิวขาวจนเกือบจะซีด ตัวเล็กนิดเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับคุณพชร ทว่า ใบหน้าเรียวนั้นสดใสและมีรอยยิ้ม
แสงรวีไม่คิดว่าจะมีวันได้พบคนคนนี้ในระยะใกล้ขนาดนี้.. ไม่เคยคิดมาก่อนเลย..

ม่อนแจ่มมองสบตาผู้มาใหม่ เขาแน่ใจว่าไม่เคยพบกันที่ใดมาก่อน กระนั้น..
บุรุษร่างเล็กสวมเสื้อคลุมแขนยาวสีมอและหมวกปีกกว้างที่ยืนตรงหน้าดูคุ้นตา
ถ้าเดินสวนกันที่อื่น ม่อนแจ่มคงไม่มีผิดสังเกตอะไรเลย
แต่ในสถานที่นี้.. ในความคล้ายคลึงนี้..
และที่สำคัญ.. ในแววตาภายใต้กรอบแว่นสีดำที่กำลังมองเขาอยู่นี้..

จะ.. ใช่คนนี้หรือเปล่า..

มือม่อนแจ่มสั่นเล็กน้อยขณะยกขึ้นมาประนมและศีรษะเล็กก็ก้มลงแทนคำสวัสดี
ริมฝีปากอิ่มเผยอ อยากจะเอ่ยอะไรๆ ..แต่ก็ดูเหมือนไม่แน่ใจสิ่งที่จะพูด
ม่อนแจ่มไม่แน่ใจ ..ไม่ใช่เพราะอะไรเลยนอกไปเสียจากว่ามันง่ายดายเกินไปจนไม่น่าเชื่อ
เขาจินตนาการวินาทีนี้มาตลอดทางจากเชียงใหม่ ที่จริง.. ตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าจะมาลำพูนด้วยซ้ำ
แต่เขาไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้.. ไม่คิดว่ามันจะแค่นี้..
แค่ม่อนแจ่มยืนอยู่ตรงนี้ ..และ ..ก็อยู่ตรงนั้น

         “ลุงแสงครับ ..นี่ม่อน” พชรแนะนำอย่างแทบไม่จำเป็นเลย “..มากับผม”
..
“ม่อน ..นี่ลุงแสง”
พชรหยุดแค่นั้น ไม่รู้จะแนะนำว่าลุงแสงเป็นใคร
สำหรับเขา ลุงแสงเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ สำหรับมารดา ลุงแสงเป็นพี่ชายที่ซื่อสัตย์ สำหรับสวนเพชรหละปูน ลุงแสงเป็นหัวหน้างานที่ขยันขันแข็ง
แต่พชรไม่อาจบอกได้ ..ว่าลุงแสงเป็นใครสำหรับม่อนแจ่ม

แสงรวีกลืนน้ำลาย ขณะมือยกขึ้นรับไหว้ ตาไม่ได้มองเจ้านายหนุ่ม มองเพียงเจ้าของศีรษะเล็กที่กำลังเงยขึ้นมา ทว่า พอสบสายตาอีกครั้งก็ได้แต่ละไปเสีย ไม่ใคร่กล้าจะประสานนานนัก

“ถ้าอย่างนั้น ผมไปแทนให้ดีไหมครับ หรือว่ายังไง?” แสงรวีหันไปเอ่ยกับเจ้านาย
พชรหยุดคิด อดไม่ได้ที่จะมองม่อนแจ่ม
เขาพูดไว้กับลุงแสงว่าจะไปประชุมกับมารดา แต่เขาเองพาม่อนแจ่มมาและไม่ได้มีแผนจะทิ้งไว้คนเดียว

“เอ้อ..”
ม่อนแจ่มมองคนทั้งสองสลับไปมา ปะติดปะต่อบทสนทนานี้กับบทสนทนาก่อนหน้าเข้าด้วยกัน
เสียงเล็กเอ่ยค่อยๆอย่างเกรงใจและกลัวเสียมารยาท
“ถ..ถ้าพชรมีอะไรที่จะต้องทำ ก็ไปทำเถอะนะ กูอยู่ได้..”
ม่อนแจ่มไม่ต้องการเป็นภาระหรือตัวถ่วง ไม่อยากขัดขวางภารกิจปกติใดๆของพชรเลย
“แค่.. บอกหน่อยว่ากูพอจะช่วยทำอะไรได้บ้างไหม”

แหงละ.. ม่อนแจ่มอยากอยู่กับพชร
ในฐานะที่เพิ่งมาถึง เขาไม่ได้คาดว่าคนที่เชื่อมั่นและไว้วางใจจะต้องออกไปไหนโดยที่เขาไม่ได้ไปด้วยแบบนี้
แต่ม่อนแจ่มจะแสดงความปอดแหกออกมาได้อย่างไรกันเล่า แค่นี้.. พชรก็ห่วงเขามากอยู่แล้ว

พชรเองไม่อยากทิ้งม่อนแจ่มไว้ ไม่เลย..
แต่ดวงตาภายใต้กรอบแว่นที่ประสานกลับมามีความเด็ดเดี่ยวอย่างที่เขามักจะเห็นเสมอเวลาม่อนแจ่มรู้สึกกลัวและพยายามต่อสู้
มันเป็นความกล้าหาญในอีกรูปแบบที่พชรเรียนรู้จากคนตรงหน้าตลอดหลายเดือนที่พำนักอยู่ในหอสามชาย
อีกประการหนึ่ง ถ้านี่จะเป็นโอกาส..

“ถ้าอย่างนั้น..” พชรตัดสินใจ หันมองแสงรวี
หนุ่มใหญ่นิ่งไป แต่ก็เพียงเพื่อแปลความหมายจากสายตาเจ้านายหนุ่ม ก่อนให้คำมั่นอย่างเข้าใจความรู้สึกที่ส่งผ่านมา
“ผมจะดูแลให้ครับ”

ดวงตาสองคู่หยุดจ้องกันอยู่หลายอึดใจ ..ม่อนแจ่มมองคนทั้งสองสลับไปมา
หนึ่ง.. คือคนคุ้นเคย อีกหนึ่ง.. คือคนที่เพิ่งพบเจอ
ม่อนแจ่มอ่านแววตาพชรออก ..มันแสดงความห่วงใยและไม่ต้องการทอดทิ้ง
แล้วแววตาของผู้ใหญ่ท่านนี้ล่ะ?

“ผมจะดูแลให้ครับ”

ท่านบอกว่าจะดูแลม่อนแจ่ม ..และพชรก็พยักหน้ารับ
เท่าที่ม่อนแจ่มบอกได้ ..คือคุณลุงแสงคนนี้เป็นที่ไว้วางใจของพชรจริงๆ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

(ต่อรีฯถัดไป)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-01-2017 20:41:54 โดย INDY-POET »

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #982 เมื่อ15-01-2017 00:27:16 »

            “มีเสื้อคลุมอยู่ในตู้ และ..”
เสียงเข้มเอ่ยบอก ..คนฟังพยักหน้ารับ
“แดดร้อนนะ ..มีหมวกแขวนอยู่ตรงนั้น”
เสียงเดิมเอ่ยอีก คนฟังก็พยักหน้าอีก
“ทางขรุขระหน่อย..”
“พชร” ม่อนแจ่มเรียกชื่อเสียงหนัก มือบางยกขึ้นแตะท่อนแขนสีแทนไว้ ย้ำให้มั่นใจ “ไม่ต้องห่วง”

           แม้จะเป็นคนเอ่ยว่า ‘ไม่ต้องห่วง’ ทว่า เมื่อแผ่นหลังกำยำคล้อยลงบันไดไปพร้อมมารดา หัวใจคนอยู่ข้างหลังก็เต้นแรงขึ้นอย่างประหม่าในความไม่คุ้นเคยกับบรรยากาศและสถานที่
แสงรวียืนเงียบๆอยู่ข้างกัน อย่างน้อยก็ก่อนที่ม่อนแจ่มจะหันมาและคลี่ยิ้มส่งให้
“ค..คุณลุงแสงรอแป๊ปนึงนะครับ” ม่อนแจ่มว่า แล้วก้าวเท้าไปยังตู้ไม้ที่พชรชี้ให้เห็นก่อนหน้านี้
มือเรียวดึงมือจับเปิดออก ..มันเป็นที่สำหรับเก็บเสื้อคลุมนั่นเอง
เสื้อคลุมแขวนอยู่สองฝั่ง จากขนาดทำให้ม่อนแจ่มรู้ได้ว่าฝั่งหนึ่งเป็นของพชร อีกฝั่งเป็นของคุณน้าลดา
ม่อนแจ่มค่อยๆหยิบเสื้อแขนยาวลายสก็อตตัวบางออกมาหนึ่งตัว ..แล้วสวมทับเสื้อยืดลายหมีพูห์แขนสั้นของเขา

นี่เป็นเสื้อของพชร..

หน้าขาวเงยขึ้น เห็นหมวกปีกกว้างแขวนไว้กันผนังเหนือตู้ เขาจึงเขย่งเท้าขึ้นนิดหนึ่ง  หยิบหมวกมาสวมลงบนศีรษะ ผูกด้ายสีขาวให้พอดีที่ใต้คาง

นี่ก็หมวกของพชร..

ม่อนแจ่มไม่เคยใส่เสื้อคลุมแบบนี้ ..และไม่เคยใส่หมวกแบบนี้
ในความรู้สึกของเขา มันแทบจะเหมือน ‘เครื่องแบบ’
จากที่ม่อนแจ่มคิดว่าเครื่องแบบแรกหลังจากชุดนักศึกษา จะเป็นเสื้อช็อปสีน้ำเงินในฐานะนักศึกษาวิศวกรรมเครื่องกล ทว่า นี่ไม่ใช่.. ที่เขาใส่อยู่นี้เป็นชุดของพชร ซึ่งเจ้าตัวสวมใส่ในฐานะเกษตรกร
ม่อนแจ่มก้มมองเท้าตัวเอง ดีใจที่เขาเลือกสวมผ้าใบมา ไม่ใช่รองเท้าแตะ.. เพราะมิเช่นนั้นล่ะเดือนร้อนหนัก จะยืมพชรก็ไซซ์ห่างกันไกล ท่าว่าใกล้เคียงสุดคงต้องเป็นรองเท้าลุงแสงกระมัง ..ม่อนแจ่มแอบเหลือบมอง

           “ที่จริง คุณม่อนพักอยู่ที่บ้านก็ได้นะครับ” แสงรวีเอ่ยอย่างจริงใจ
“ไม่ได้หรอกครับ” ม่อนแจ่มพยายามยิ้ม แม้จะยังคงประหม่า “จะอยู่เฉยๆได้ยังไง ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง เดี๋ยวพชรจะว่าเอาได้ว่าพามาหนักรถเปล่าๆ”
แสงรวีหลุดหัวเราะนิดหนึ่ง “คุณพชรไม่ว่าใครหรอกครับ จะมีก็พูดบ้างก็เรื่องงาน แต่ผิดถูกก็พูดไปตามจริง ไม่เคยจะว่าหรือตำหนิใคร คุณม่อนไม่ต้องกังวล”
“ผมล้อเล่นน่ะครับ” ม่อนแจ่มหัวเราะแหะๆ แล้วก็กัดปากเมื่อนึกถึงคนที่ถูกกล่าวขวัญถึง
“ผมรู้ว่าพชรใจดีที่สุดในโลก..”

แสงรวีสะดุดกับประโยคหลังสุดที่เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบานั้นจนต้องเพ่งมองคนพูด ทว่า ดวงหน้าขาวมองไปตามถนนที่รถของเจ้านายเพิ่งจะแล่นผ่านไปอย่างคำนึงถึง..

“ม่อนแจ่มเป็นคนน่ารัก”
..
“น่ารักมาก..”


คนเป็นผู้ใหญ่หวนระลึกถึงคำพูดเมื่ออาทิตย์ก่อนของเจ้านายหนุ่ม แล้วตัดกลับมาที่คำพูดนี้ที่เพิ่งจะได้ยิน

“ผมรู้ว่าพชรใจดีที่สุดในโลก..”

ริมฝีปากแสงรวียกขึ้นน้อยๆเป็นรอยยิ้ม
ความรู้สึกเช่นนี้เป็นอะไรที่งดงาม ..การที่คนคนหนึ่งมองคนอีกคนในแง่ดี ..การที่คนสองคนชื่นชมกันและกันอย่างจริงใจ

             ม่อนแจ่มประจำการบนเบาะหน้าคู่คนขับในกระบะคันเก่าที่ลำตัวเขาโยกคลอนไปตลอดเส้นทางขรุขระดังที่พชรคงคาดการณ์ได้ตั้งแต่ยืนกันอยู่ ณ ชานบ้าน
ดวงตาในกรอบแว่นแดงหันมองทั้งซ้ายขวา ไม้ผลหลายต้นปลูกเรียงกันไปและเนื่องจากยังไม่เห็นผลใดๆเลย เอาตรงๆว่าเด็กเมืองบอกไม่ถูกว่าต้นอะไรเป็นต้นอะไร เขาจึงเริ่มทำการชวนคุย..

“ผมเป็นรูมเมทพชรที่มหา’ลัยครับคุณลุงแสง..”
แสงรวีพยักหน้า ขับรถพลางเหลือบมองคนข้างๆ “ผมทราบครับ”
“เอ้อ.. ตอนที่คุยกัน พชรบอกว่าที่สวนปลูกผลไม้หลายอย่างครับ”
ที่จริง ไอหมอกเป็นคนคุย แต่ก็ช่างเถอะ ม่อนแจ่มถือว่าตัวเองอยู่ในวงสนทนาเหมือนกัน
“ผมจำได้ว่ามีลำไย ลิ้นจี่ แอปเปิ้ล สาลี่ แล้วก็ลูกพลับ”
“ใช่ครับ” แสงรวีพยักหน้าอีกครั้ง “พลับนี่ลงหลังสุด สักหกเจ็ดเดือนก่อน”
“แล้วตอนนี้ คุณลุงแสงกำลังไปที่สวนอะไรหรือครับ”
“ลิ้นจี่ครับ” แสงรวีตอบ “ที่จริง.. ทุกๆวัน ผมก็จะพยายามวนไปดูทุกสวน ตอนนี้พลับยังไม่ต้องทำอะไรมาก ลำไยเพิ่งแทงช่อดอก แอปเปิ้ลกับสาลี่ก็ให้น้ำไปแล้ว ช่วงนี้ที่ยุ่งคือลิ้นจี่”
“กำลังทำอะไรหรือครับ” ม่อนแจ่มถามอย่างสนใจ
“ห่อครับ” คนขับตอบรับ เล่าเรื่อยๆ ดีใจที่มีเรื่องคุยให้คลายประหม่า “พอออกผล ใกล้ๆเปลี่ยนสีต้องรีบห่อละ”
“ป้องกันพวกหนอนพวกแมลงสินะครับ” ม่อนแจ่มว่าตามความรู้พื้นๆที่มี
“ใช่ครับ นอกจากนั้น สีของผลจะสวยด้วย ตำหนิที่ผิวจะน้อยครับ ไม่โดนลม”

อ้อ.. นั่นสินะ..
ม่อนแจ่มอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโง่
PP Group ทำผลไม้แปรรูป แต่เท่าที่ผ่านมา ตัวเขาเองมองแต่ว่าผลสดจะทำยังไงให้เป็นผลแห้งหรือผลเชื่อม โดยลืมนึกไปเสียสนิท ว่าก่อนจะมาเป็น ‘ผลสด’ ซึ่งก็คือ ‘วัตถุดิบ’ ที่มาเข้าสู่กระบวนการแปรให้เป็นผลิตภัณฑ์ในเครือของบริษัทนั้นมันมาจากที่ใด
มันมาจากที่นี่ ..มาจากน้ำพักน้ำแรงของเกษตรกรอย่างพชร ..อย่างคุณน้าเพชรลดา ..อย่างคุณลุงแสง

รถกระบะห้อปุเลงๆไปตามทาง กระทั่งชะลอจอดบริเวณที่คนงานชายหญิงกำลังปฏิบัติหน้าที่
ลิ้นจี่ยืนต้นเรียงรายสองข้างทั้งซ้ายขวา ซึ่งหลายต้นที่ม่อนแจ่มนั่งรถผ่านมาก็ถูกห่อช่อขาวโพลนไปหมด
ร่างเล็กเปิดประตู กระโดดลงจากรถ ตามลงมาด้วยแสงรวีที่ดับเครื่องเรียบร้อย

ม่อนแจ่มชะโงกมองไปรอบๆ เห็นรถกระบะเล็กอีกคันที่บรรทุกกระดาษขาวหลายปึก
“ใช้กระดาษนั้นห่อหรือครับ คุณลุงแสง?”
“ครับ” แสงรวีตอบรับ พลางอธิบาย
“เมื่อก่อนก็ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ แต่มันฉีกขาดง่าย ยุ่ยลงมาเป็นขยะ หมึกปนเปื้อนในดิน เราก็เลยเปลี่ยนมาใช้กระดาษห่อผลแบบนี้ น้ำซึมผ่านได้ แต่แห้งเร็ว”

ม่อนแจ่มยิ้มเจื่อนๆ เมื่อคนงานหลายคนเงยหน้าจากงานขึ้นมองผู้มาใหม่อย่างเขา มือเรียวยกขึ้นไหว้ทุกคน ทุกทิศ ทุกทาง
“ม่อนช่วยทำได้ไหมครับ?”
แสงรวียิ้มอ่อนโยน “เอาสิครับ”

ม่อนแจ่มนั่งลงใต้ร่มลิ้นจี่เหมือนคนงานคนอื่นๆ มือบางหยิบกระดาษขึ้นมา ขนาดมันประมาณสี่สิบคูณหกสิบเซนติเมตร พลางเมียงมองว่าคนอื่นๆทำอย่างไร แสงรวีจึงนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงใกล้ๆ
“คุณม่อนพับริมด้านหนึ่งเข้ามา ใช้แป้งเปียกทา แล้วติดกันเป็นถุงทะลุบนล่างแบบนี้ครับ แล้วเดี๋ยวคนงานเขาจะเอาไปห่อลิ้นจี่เอง มัดด้วยตอกแบบนั้น”
ม่อนแจ่มมอง ‘ตอก’ ที่วางอยู่หลายมัด มันคือไม้ไผ่เหลาบางมากเป็นเส้นแบน ความยาวคงสักยี่สิบถึงสามสิบเซนติเมตรได้
ครั้นแล้ว ม่อนแจ่มก็มองตามที่คุณลุงแสงชี้ไป ลิ้นจี่ต้นใกล้ที่สุดกำลังถูกห่อช่อ
คนงานกำลังห่อช่อลิ้นจี่ต้นที่อยู่ถัดไปไม่ไกลนัก บ้างก็ยืนห่อง่ายๆบนพื้นดิน บ้างก็ต้องปีนบันไดขึ้นไปห่อช่อที่อยู่สูง

ทีแรก.. ม่อนแจ่มช่วยพับกระดาษ
จากนั้น.. เขาขยับไปส่องวิธีการห่อของคนงาน กระทั่งหันมองตาคุณลุงแสงอย่างวอนขอ มือขาวสั่นดิ๊กๆอยากจะห่อกับเขาบ้าง
แสงรวีหัวเราะนิดหนึ่ง พยักหน้าอนุญาต และให้คำแนะนำอยู่ใกล้ๆ
“สอดเข้าไปอย่างนั้นล่ะครับ ระวังนิดหนึ่งเนาะ.. ครับ แล้วรวบไว้ เอาตอกมัดให้แน่นเน้อ ไม่ใช่ว่าไปห่อช่ออื่นแล้วช่อนี้หลุดลงมา”

ฮ่ะๆ!

“ก็กลัวอยู่ครับ” ม่อนแจ่มหลุดหัวเราะ แต่ก็จริงจังด้วย
สำหรับเขา มันคือการทดลองทำสิ่งใหม่ๆก็จริง แต่สำหรับคนอื่นๆทุกคน รวมถึงคุณลุงแสง นี่คืองาน คืออาชีพที่เลี้ยงปากท้อง
สำหรับพชรและคุณน้าเพชรลดาที่แม้ตัวไม่ได้อยู่ตรงนี้ ก็คงไม่ได้รู้สึกต่างไป ในเมื่อนี่คือ ‘ผลิตผล’ ของสวนพวกเขา

แสงรวีมองช่อลิ้นจี่ที่ม่อนแจ่มห่อ เมื่อพยักหน้าให้ เป็นสัญญาณว่า 'ผ่าน' ร่างเล็กจากเชียงใหม่จึงลั้ลลานัก รีบไปคว้ากระดาษ นำใส่ถุงปุ๋ยเหมือนคนงานคนอื่นๆ แล้วหิ้วมาเป็นสมบัติของตนเองเสียเลย ก่อนผูกช่อต่อไปที่อยู่บนกิ่งต่ำๆเท่าที่เขาสามารถทำได้

          ม่อนแจ่มยิ้มกับช่อลิ้นจี่ผลเล็กสีเขียว..
นี่เอง ..คือก่อนที่จะมาเป็นลิ้นจี่เปลือกสีแดงอมชมพูอวบอิ่ม ..ก่อนจะเป็นเนื้อลิ้นจี่สีขาวขุ่นในน้ำเชื่อม ..ก่อนจะอยู่ในกระป๋องในนามผลิตภัณฑ์ของบริษัท มันล้ำค่ามาก และเขาจะปฏิบัติกับลิ้นจี่ด้วยความเคารพนบนอบเลยทีเดียว!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          จะว่าการห่อลิ้นจี่เป็นไปอย่างรวดเร็วก็ได้ จะว่าช้าก็ได้ 
ที่ว่าเร็วเพราะคนงานห่อแต่ละต้นเสร็จในเวลารวดเร็วเหลือเชื่อสำหรับม่อนแจ่ม ที่ว่าช้าก็เพราะมีลิ้นจี่อีกนับร้อยต้นที่ยังรอการห่อให้แล้วเสร็จ
“ในสวน ปลูกลิ้นจี่มากที่สุดแล้วหรือเปล่าครับ คุณลุงแสง”
ม่อนแจ่มอดจะเอ่ยปากถามไม่ได้ มือเรียวยกขึ้นปาดเหงื่อที่ซึมออกมาจากไรผมเกาะพราวบนหน้าผากติดขอบหมวกสาน
ตายังแลเห็นต้นลิ้นจี่อีกนับไม่ถ้วนเบื้องหน้า
แสงรวีหัวเราะ อยู่ถัดไปหลายกิ่ง แต่ก็โผล่หน้าผ่านใบเขียวมาให้ม่อนแจ่มเห็น
“ลำไยมากกว่าครับ รองลงมาเป็นลิ้นจี่ สาลี่ แอปเปิ้ล แล้วก็พลับที่เพิ่งปลูกตามลำดับครับ”
“โอ้..” ม่อนแจ่มอ้าปากค้างไว้
คุณน้าเพชรลดากับพชรต้องเก่งขนาดไหนกันละนี่ ไหนจะคุณลุงแสงอีก

แสงรวีเหมือนจะรู้ความคิดนั้นจึงชิงเอ่ยอย่างถ่อมตัว
“เดิมทีก็มีแต่ลำไยห้าสิบไร่เท่านั้นครับ ต่อมา คุณลดาก็ขยายสวนมาเรื่อยๆ ชาวบ้านในละแวกนี้มาช่วยเป็นคนงานกันทั้งนั้นครับ”
“คุณลุงแสงทำงานมานานแล้วสิครับ”
“ก็..” แสงรวีกลืนน้ำลาย หยุดชะงักอย่างไม่ตั้งใจ
นับตั้งแต่ลาออกหรืออีกนัยหนึ่งก็คือ.. ถูกไล่ออกจากงานบัญชีที่บริษัทในเมืองเชียงใหม่ แล้วกลับลำพูนบ้านเกิด ทำงานบัญชีก๊อกๆแก๊กๆให้ร้านค้าในเมือง กระทั่ง เจอคุณลดาที่ครอบครัวนับถือเป็นพี่น้องกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ แล้วชักชวนมาช่วยทำสวนลำไย จนถึงบัดนี้ก็..
“สิบเก้าปีแล้วครับ”

มือบางชะงักบ้าง.. ดวงตาในกรอบแว่นแดงสบกับของคนพูดในแว่นดำ อดจะเอ่ยไม่ได้
“เท่าอายุผมเลยครับ..”

ม่อนแจ่มแตะกิ่งลิ้นจี่ค้าง ตาหรุบมองพื้น ใจสั่นขึ้นมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“สิบเก้าปีที่ผ่านมา กว่าจะถึงตอนนี้ คุณน้าลดากับคุณลุงแสงคงเหน็ดเหนื่อยมากมาย”
แล้วแรกเริ่มที่คุณลุงแสงบอกว่ามีลำไยเพียงห้าสิบไร่นั้น ..คุณน้าลดากำลังท้องพชร
จู่ๆ น้ำใสก็เอ่อขึ้นมาคลอหน่วยตา ความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นครั้งเพิ่งรู้ความจริงผุดขึ้นมาซ้ำเติมหัวใจอีกครา

“ไม่ใช่ความผิดคุณม่อน” แสงรวีละจากลิ้นจี่ช่อที่กำลังรั้งมาห่อ ขยับเข้าใกล้ร่างเล็ก เอ่ยน้ำเสียงเฉียดขาด
คำพูดของเจ้านายหนุ่มเมื่ออาทิตย์ก่อนกระทบห้วงคำนึง จนลืมที่จะระวังคำพูด

“รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของพ่อที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิด แต่เขาไม่ฟูมฟาย ไม่โวยวายอะไรเลย
สิ่งที่เขารู้สึกคือสงสาร ..สงสารแม่ผม สงสารผม ที่ตัวเองไปอยู่แทนที่ เขาสงสารคนอื่นจนลืมที่จะสงสารตัวเอง”


ม่อนแจ่มเงยหน้าขึ้น กลืนอะไรขมๆลงคอ ถามออกมาสั่นๆ
“อะไรไม่ใช่ความผิดผมครับ..”
“อะไรที่เกิดก่อนคุณจะลืมตาดูโลกมันก็ไม่ใช่ความผิดคุณทั้งนั้น..”

ม่อนแจ่มลืมวิธีการมัดตอกไปแล้ว เขาได้แต่นิ่งค้างจ้องมองคุณลุงแสง
แววตาที่ส่งผ่านแว่นกรอบดำออกมานั้นเต็มไปด้วยความอาทร ..มากมายเสียจนม่อนแจ่มรู้สึกได้ชัดเจน
คุณลุงแสงไม่ได้อธิบายความหมายของถ้อยคำนั้นเพิ่มเติม แล้วม่อนแจ่มก็ไม่มีอะไรจะถาม
ไม่ถามว่าคุณลุงแสงรู้เรื่องราวต่างๆได้ยังไง คุณลุงแสงเป็นใคร ทำไมต้องห่วงใยความรู้สึกของเขา
มันราวกับ.. ม่อนแจ่มรู้เหตุผลอยู่แล้ว และการที่คุณลุงแสงพูดสิ่งนี้ออกมา ก็เป็นการยืนยันว่าเหตุผลของม่อนแจ่มนั้นถูกต้อง

          ในแสงแดดจัดยามใกล้ตะวันตรงศีรษะ
ม่อนแจ่มยังคงตั้งหน้า ตั้งตาและตั้งใจห่อช่อลิ้นจี่ กระทั่งประมาณครึ่งชั่วโมงให้หลัง จึงได้ยินเสียงคุณลุงแสงอีกครั้ง
“คุณม่อน พักกินข้าวก่อนเถอะ”
คนถูกเรียกโต๋เต๋ออกมาจากกิ่งลิ้นจี่ที่โน้มลง น้ำเสียงแหบโหยเพราะกระหายน้ำ “ม่อนไม่ได้เอาข้าวมาครับ”
แสงระวีชะงักไปนิดหนึ่งกับคำแทนตัวนั้น..
ไม่ใช่ ‘ผม’ แต่เป็น ‘ม่อน’

ม่อนแจ่มขมวดคิ้วกับการหยุดมองเขาค้างของผู้ใหญ่ตรงหน้าเช่นกัน อึดใจเดียวจึงตระหนักได้..
ปกติ ม่อนแจ่มติดแทนตัวเองว่า ‘ม่อน’ กับคนที่สนิทกัน ซึ่งการห่อลิ้นจี่ตลอดกว่าสามชั่วโมงที่ผ่านมา
ความช่วยเหลือ การแนะนำ คำพูดคุยทั้งหมดนั้นทำให้เขาแทนตัวเองด้วยชื่อกับคุณลุงแสงเสียแล้ว

“เอ้อ..” แสงรวีเรียกสติกลับมา เอ่ยชวนต่อด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรครับ ทานกับผมก็ได้ มาดูก่อนแล้วกันว่าคุณม่อนพอทานได้หรือเปล่า”
ม่อนแจ่มหน้ายู่ “อย่าว่างู้น งั้น งี้เลยนะครับ คุณลุงแสงเรียกว่าม่อนเฉยๆได้ไหมครับ แบบ..ไม่ต้องมีคุณ”
แสงรวีขมวดคิ้ว “ผมเรียก คุณพชร คุณม่อนมากับคุณพชร สถานะเดียวกัน ..ผมเรียกคุณม่อนก็ถูกแล้วครับ”
“งืม..” ม่อนแจ่มกัดปากจึ๊กจั๊ก มือกอดอกใช้ความคิด
“ถ้างั้น.. ผมจะเรียกคุณพชรด้วย”
..
“ตอนนี้ ผมไม่ได้มากับคุณพชร แต่อยู่กับคุณลุงแสง ทำงานเหมือนคุณลุงแสง แถมเรียกเจ้านายว่าคุณพชรเหมือนคุณลุงแสงอีก เพราะงั้น.. เรียกผมว่าม่อนเฉยๆนะครับ”
..
แสงรวียิ้ม ขณะเดินนำกลับไปเอาปิ่นโตที่รถ
“คุณม่อนก็กำลังเรียกผมว่าคุณลุงแสงนะครับ”

อะ..
เออว่ะ..
งั้น..

“ลุงแสงห่อข้าวมากินในสวนแบบนี้ทุกวันหรือครับ”
..
คนเดินนำกลืนน้ำลายนิดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบคนเดินตามหลัง “ก็ทุกวันนั่นล่ะ ..ม่อน”

นั่นแหละ.. ม่อนแจ่มจึงฉีกยิ้มให้แผ่นหลังชุ่มเหงื่อในเสื้อคลุม..

             ในปิ่นโตของคุณลุงแสงนั้นเป็นกับข้าวง่ายๆ มีผัดผัก น้ำพริกหนุ่มและแคบหมู
“กินได้ไหม ม่อน?”
“ได้หมดครับ” ม่อนแจ่มพยักหน้าหงึกหงัก “แต่ว่า.. ถ้าม่อนแย่งกิน ลุงแสงจะอิ่มหรือเนี่ย”
แย่งกิน.. พูดอะไรอย่างนั้น แสงรวีหัวเราะ พลางป้องปากตะโกนไปวงข้างๆ
“อ้ายเอิบ มีกับข้าวแบ่งก่อ?”
“ปะเลอะปะเต๋อ” คนซึ่งถูกเรียกว่า ‘เอิบ’ กวักมือเรียก
“มากิ๋นโตยกั๋นนี่ มาๆ ทั้งสองแว่นฮั่นล่ะ!”

'สองแว่น'
แสงรวีกับม่อนแจ่มมองหน้า มองแว่นอีกฝ่าย แล้วหลุดหัวเราะลั่น
พวกเขากลายเป็น ‘สองแว่น’ แห่งสวนเพชรหละปูนไปแล้ว!

          “เอ้านี่!”
ลุงเอิบตักน้ำพริกอ่องแบ่งมาให้ม่อนแจ่ม อีกเดี๋ยวป้าอิ่มก็ตักหมูผัดพริกขิงมาให้ แล้วใครสักคนที่เขายังไม่รู้จักชื่อก็แบ่งไส้อั่วมาอีก ม่อนแจ่มรีบไหว้ขอบคุณยกใหญ่
กับข้าวก็เผ็ดนั่นแหละ แต่น้ำใจของเพื่อนร่วมวง ความหิว ความเหนื่อยและความจริงที่ว่าข้าวต้มปลาหมดไปตั้งแต่ห่อลิ้นจี่ต้นที่ยี่สิบ ม่อนแจ่มจึงกินได้ทุกอย่าง
หลายๆคนรีบกินเพื่อรีบทำงานต่อ ม่อนแจ่มตระหนักว่าลุงแสง ลุงเอิบ และป้าอิ่มนั้นน่าจะรับประทานช้ากว่าปกติเพียงเพื่อรอเขาที่กินข้าวพลางกินน้ำพลางเพื่อกลบรสเผ็ด
อย่างไรก็ตาม เวลาเป็นงานเป็นการ ม่อนแจ่มจะกินเอ้อระเหยอยู่คนเดียวไม่ได้ เขาจึงเขมือบอาหารที่เหลือลงท้องจนเกลี้ยง

“ปกติก็ไม่ต้องรีบนักหรอกครับ” แสงรวีรินน้ำ ส่งให้เด็กหนุ่มอีกแก้ว
“กินให้มีความสุข รู้รสชาติอาหาร แต่พอดีวันนี้เป็นวันที่ยุ่ง ..ทุกคนก็เลยรีบกัน”
ม่อนแจ่มพยักหน้าเข้าใจ ซดน้ำอึกๆจนหมดแก้ว ช่วยเก็บเศษอาหาร เช็ดปิ่นโต
เอาละ เรียบร้อย ม่อนแจ่มพร้อมทำงานต่อ!

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #983 เมื่อ15-01-2017 00:34:23 »

            มือแกร่งหมุนพวงมาลัยเลี้ยวไปตามทางที่คุ้นเคย
การประชุมแล้วเสร็จไม่ทันเที่ยง เกษตรจังหวัดยังเลี้ยงอาหารกลางวัน แล้วพูดคุยต่อในตอนบ่าย กว่าพชรจะกลับสวนก็คล้อยบ่ายสอง
ใจเด็กหนุ่มรู้สึกกังวล ทว่าก็พยายามบอกตัวเอง
ลุงแสง.. นอกจากเหตุผลที่ท่านเป็นคนที่เขาไว้วางใจที่สุด นอกไปเสียจากตัวเองและมารดา ลุงแสงคือบิดาแท้ๆของม่อนแจ่ม คนที่เขาห่วงใยไม่มีทางเป็นอะไรเมื่ออยู่กับลุงแสง

แต่.. สองคนไม่เคยพบกันมาก่อนเลย
พวกเขาจะพูดคุยกันไหม.. เข้ากันได้หรือเปล่า..
ม่อนแจ่มเข้าไปในสวน ไม่รู้จักใคร ไม่มีเขาไปด้วย ..พชรเม้มริมฝีปาก
“เดี๋ยวผมส่งแม่ที่บ้านแล้วเข้าไปในสวนเลยนะครับ” เสียงเข้มเอ่ยกับมารดา แต่เพชรลดาส่ายหน้า
“ไม่เอาน่า ขาแม่ปกติดีแล้ว แม่จะเข้าไปด้วย”

            พชรชะลอรถจอดใกล้กลุ่มคนงาน ถามหาลุงแสงผู้ไม่มีใครไม่รู้จัก
แล้วนั่นอย่างไร.. ใส่แว่นยืนอยู่ข้างบันไดไม้ไผ่ใต้ลิ้นจี่ต้นใหญ่นั้น
ขายาวก้าวไปตามร่องระยะห่างระหว่างแนวไม้ ลุงแสงอยู่นั่น แล้วม่อนแจ่ม?
พชรมองหาข้างกายลุงแสง ถัดไปอีกต้นและสองต้นก็ยังไม่เห็นร่างเล็กที่คุ้นเคย
ม่อนแจ่มอยู่ไหน? พชรร้อนใจ
จากเดิน ขายาววิ่งเร็วๆ พลางเรียก “ลุงแสง ลุงแสงครับ!”
คนถูกเรียกหันมองตามต้นเสียง  พลางโบกไม้โบกมือให้
“คุณพชร!”
“ม่อนล่ะครับ?” เสียงเข้มถามอย่างร้อนรนเมื่อมาถึงตัว
แสงรวีมีสีหน้าที่บอกไม่ถูก ..และแล้วก็ค่อยๆเงยขึ้นไปเบื้องบน
“เอ่อ.. อยู่นู่นแน่ะครับ”
พชรมองตามสายตาในกรอบแว่นดำขึ้นไปตามขั้นบันไดไม้ไผ่ กระทั่งเห็นรองเท้าผ้าใบ adidas สีขาวแถบดำ ร่างเล็กในกางเกงยีนส์ สวมเสื้อคลุมลายสก็อตที่พชรจำได้ว่าเป็นของตัวเอง บนศีรษะมีหมวกปีกกว้างใบที่เขาใช้ประจำ บนไหล่สะพายตะกร้าสานบรรจุกระดาษห่อผลและตอก..
..
..
“เฮ้!”
ที่มองลงมาคือดวงตาเป็นประกายภายใต้กรอบแว่นแดงที่พชรไม่มีทางจำผิด เสียงร่าเริงร้องลั่นลงมาอย่างดีใจ
“พชรกลับมาแล้วเหรอ กินข้าวยัง!?”

พชรอ้าปากค้าง.. ก่อนจะว้ากลั่น
“ขึ้นไปทำอะไรบนนั้น!”

ร่างกำยำขยับเข้าไปชิดบันได สองมือจับราวเอาไว้มั่น สายตาละไปสำรวจว่าไม้ง่ามที่ค้ำยันบันไดแข็งแรงมั่นคงดี ก่อนสั่งความเสียงดังชัดเจนกับคนข้างบน
“ลงมาเดี๋ยวนี้ ม่อน”

ม่อนแจ่มหน้าหงอ ทั้งกลัว ทั้งเกรง ขาเรียวค่อยๆไต่บันไดลงมา มีมือแกร่งของพชรประคองท่อนเอวไว้เมื่ออยู่ในระยะเอื้อมถึง
..
“แหะๆ..”
มือขาวที่เริ่มแดงเพราะทำงานซ้ำๆมาหลายชั่วโมงยกขึ้นเกาหัว เงยหน้าเจื่อนๆมองอย่างขอความเห็นใจ แต่คราวนี้ พชรไม่อ่อนให้ เสียงเข้มคุกกรุ่น
“เคยขึ้นไปหรือแบบนี้?”
..
ม่อนแจ่มส่ายหน้า หรุบตาลงพื้น ไม่กล้าประสาน พชรจึงถามต่อ
“พลัดตกลงมาจะทำยังไง?”
..
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย ไม่มีคำอธิบาย ..เขาเห็นคนงานขึ้นไปห่อจึงขอลุงแสงขึ้นไปบ้าง
ตามปกติ เขาไม่ได้ชอบทำอะไรในที่สูงหรอก ต..แต่วันนี้บรรยากาศ อากาศ โอกาสมันเป็นใจไปหมด ม่อนแจ่มก็..

“คุณพชรอย่าดุม่อนเลยครับ” แสงรวีรีบออกรับ “ม่อนขอแล้ว ผมอนุญาตเอง ถ้าจะตำหนิก็ตำหนิผมดีกว่า”

ได้ยังไงกัน..
ม่อนแจ่มเงยหน้าขึ้น
“ไม่! คุณพชรอย่าว่าลุงแสงนะครับ คุณพชรเป็นห่วง ผมควรจะรู้ แต่ผมก็ยังขอขึ้นไป ไม่ใช่ความผิดลุงแสง”
“ถ้าผมไม่อนุญาต ม่อนก็ไม่ขึ้นไปหรอกครับ” แสงรวีขัด “ผมผิดเอง คุณพชรอย่าว่าม่อนนะครับ”
“ไม่เอา ว่าม่อนเถอะครับ คุณพชรอย่าว่าลุงแสงเลย”

..
ห๊ะ..
พชรอ้าปากค้าง
นี่มันเรื่องอะไร? สองแว่น สองวัย ยืนก้มหน้ารับผิด สองมือประสานกันเรียบร้อยเบื้องหน้าเขา
แล้วว่าแต่.. เขากลายเป็น ‘คุณพชร’ ของม่อนแจ่มได้ยังไง? หน้าคมหันมองมารดาอย่างทำอะไรไม่ถูก
“เอ่อ.. เอาเถอะ” เพชรลดาเข้ากู้สถานการณ์
“ม่อนคงอยากช่วย พี่แสงก็คงดูแล้วว่าอยู่ในระยะปลอดภัยถึงปล่อยให้ขึ้นไป ก็.. พอเท่านี้แล้วกัน นะ..”

“ผมขอโทษครับคุณพชร” แสงรวีว่าอีกครั้ง
“ขอโทษด้วยเหมือนกันครับ คุณพชร” ม่อนแจ่มว่าตาม

            พชรยังคงมีสีหน้าไม่ใคร่ผ่อนคลายนัก ดวงตาคมมองดุๆ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ยกเว้นเสียจาก..
“คุณพชร” แขนเล็กแตะเบาๆ “ขอโทษอีกทีได้ไหมอะ”
คิ้วหนาเลิกขึ้น พชรหรี่ตารอฟัง
..
“ผมระวังอยู่นะ ลุงแสงก็บอกแล้วว่าอย่าขึ้นไปสูง ผมไม่ได้คิดจะขึ้นไปมากกว่านั้น แล้วผมก็.. ห..ห่อได้ตั้งห้าช่อเลยนะ บนนั้นน่ะ”

หน้าคมส่ายไปมาน้อยๆ เอ่ยตัดบท ไม่อยากเห็นม่อนแจ่มทำหน้าจ๋อยหนักกว่านี้
“เอาเถอะ ระวังตัวอยู่ก็ดีแล้ว”
ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มเมื่อได้ฟัง แต่คิ้วพชรยังขมวดอยู่
“ว่าแต่.. ทำไมเรียกกูแบบนั้น”

แบบนั้น..
“อ๋อ!” ม่อนแจ่มยิ้มกว้าง “คุณพชรอ่ะเหรอ?”
..
“เท่ดีนะ ชอบๆ คุณพชร!”
น่ะ.. ไม่ตอบ แถมยังเรียกซ้ำพลางหัวเราะชอบใจอีก
ตาคมเริ่มคุกกรุ่นอีกรอบ ม่อนแจ่มจึงต้องเตือนตัวเองว่าเขายังรอลงอาญา ไม่ใช่ว่าพ้นข้อหา
“คืองี้..” เสียงเล็กรีบอธิบาย “ผมขอลุงแสงไม่ให้เรียกผมว่าคุณม่อนน่ะครับ แต่ลุงแสงบอกว่าไม่ได้ เพราะลุงแสงเรียกคุณพชรว่าคุณพชรไง ผมเลยบอกว่า.. งั้นผมเรียกคุณพชรด้วย ทีนี้ ลุงแสงก็เรียกผมว่าม่อนเฉยๆได้ไงครับ”

หือ..
ตรรกะอะไรกัน แล้วลุงแสงก็เห็นดีเห็นงามด้วยนี่นะ.. พชรอยากจะบ้า
เขาน่ะเคยบอกหลายทีแล้วว่าไม่ต้องเรียกคุณ เรียกแค่ชื่อพชรเฉยๆก็พอ แต่ลุงแสงก็ยืนยันจะเรียกเช่นนั้นจนเขาไม่อยากพูดซ้ำไปเอง เลยกลายเป็นใครๆก็เรียก ‘คุณพชร’ ติดปากกันทั้งสวนอย่างทุกวันนี้ ..แล้วนี่ก็เป็นไปกับเขาอีกคน

พชรถอนหายใจเหยียดยาว ขมวดคิ้วมองร่างเล็กที่อยู่ในเสื้อคลุมและหมวกปีกกว้างของเขาอย่างแทบจะทนไม่ไหว อยากคว้ามากอด โอบรัดแนบลำตัวแน่นๆให้หายทะเล้น
..
“แหะๆ.. ใจร่มๆนะครับ คุณพชร”
ม่อนแจ่มพออ่านแววตานั้นออกเหมือนกัน จึงรีบเอากระดาษห่อผลซึ่งเป็นเครื่องมือทำมาหากินในวันนี้มาโบกพัดพั่บๆให้ร่างสูงเย็นๆใจ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           พชรไม่ได้ใส่หมวกและสวมเสื้อคลุมอย่างทุกคราที่เข้าสวน ทว่า ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับประสิทธิภาพการจัดการงาน เจ้าของสวนไม่ใช่แค่สั่ง แต่ลงมือทำด้วยอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว
ม่อนแจ่มเสียสมาธิจากการห่อช่อลิ้นจี่ เพราะต้องหยุดมองเจ้านายหนุ่มแห่งสวนเพชรหละปูนเป็นพักๆ

“ลุงแสงครับ” ม่อนแจ่มจ้องพิกัดบุรุษร่างเล็ก แล้วจึงขยับเข้าไปใกล้
“ม่อนฝากลุงแสงเอาหมวกให้คุณพชรได้ไหมอะครับ” มือเรียวตั้งท่าแกะสายเชือกที่ผูกรัด แสงรวีจึงถามกลับ ซ่อนรอยยิ้ม
“ทำไมไม่เอาไปให้เองล่ะ”
“แหม..” ม่อนแจ่มหน้ายู่ “ความผิดยังติดกบาลอยู่เลยครับเนี่ย”
แสงรวีหัวเราะลั่นก่อนจะถามกลับ “แล้วผมนี่ไม่ผิดเลยนะ”
“โห ลุงแสงเป็นผู้ใหญ่กว่า แถมคุณพชรก็เคารพลุงแสงมาก รับรอง ปลอดภัย! แต่ม่อน ม่อนเนี่ย โดนโบกแน่นอน”
ฮ่ะๆ..
แสงรวีขำ ยกมือห้ามยิ้มๆ “ม่อนใส่เถอะ เชื่อสิ คุณพชรไม่เอาหรอก”
“แต่ม่อนเอามา ..คุณพชรเลยไม่มีใส่”
แสงรวีเอื้อมมือบีบไหล่ “ถ้าม่อนรู้ว่าคุณพชรห่วง ก็อย่าทำให้เขาห่วงมากขึ้นนะ”
อะ..
“ตกลงครับ”  ม่อนแจ่มค่อยๆพยักหน้ารับ “งั้นม่อนไปทำงานต่อแล้วนะ”

            เวลาผ่านไปรวดเร็วยิ่งกว่าที่ม่อนแจ่มเคยรู้สึก..
ดวงตะวันคล้อยลงเหลี่ยมเขา แสงแดดที่แผดร้อนเมื่อตอนสาย เที่ยงและบ่ายจางลงแล้ว สายลมยามเย็นโบกพัดมาให้ชื่นใจ กลิ่นใบลิ้นจี่หอมอ่อนๆ พุ่มต้นขาวโพลนไปหมดเพราะถูกห่อไปแล้วกว่าครึ่ง

“เอาล่ะ วันนี้พอก่อน!” แสงรวีป้องปากเมื่อแล้วเสร็จไปอีกโซน
คนงานชายหญิงทยอยเก็บข้าวของใส่ท้ายกระบะ เตรียมไว้ทำต่อในวันพรุ่งนี้
ม่อนแจ่มมัดตอกช่อสุดท้ายที่กำลังทำให้แล้วเสร็จ จึงเดินออกมาพร้อมคนอื่นๆ ก่อนจะรู้ตัวเขาก็เคียงมากับป้าอิ่มผู้แบ่งหมูผัดพริกขิงให้ตอนมื้อเที่ยง

“เห็นตัวน้อยเดียว ขยันดีเน้อ”
“ขอบคุณครับ” ม่อนแจ่มฉีกยิ้ม เดินพลางชวนคุยพลาง “ป้าอิ่มทำงานที่นี่มานานแล้วเหมือนกันสิครับ”
“โอ๊ย เมินแล้ว!” ป้าอิ่มพยักหน้ารับว่าทำมานาน
“คนงานเยอะมากเลยนะครับ” ม่อนแจ่มมองรอบๆตัว ที่มีทั้งหนุ่มฉกรรจ์ สูงวัยกว่าลุงแสงหรือแม้แต่เด็กหนุ่มเท่าๆม่อนแจ่ม
“หลายคนตกงาน ก็ได้งานทำที่นี่ เด็กที่ไม่เรียนหนังสือ ไปเกกมะเหรกเกเร ก็แสงนั่นแหละพามาทำงานหมด คุณลดายังส่งให้เรียนหนังสือตั้งหลายคนแล้วนะ คุณพชรก็เหมือนกัน เห็นใครเดินเตะฝุ่นไม่ได้หรอก ให้แสงไปชวนมาทำงาน”
..
“แสงกับคุณพชรสอนพวกเด็กหนุ่มๆตลอดนั่นล่ะ ว่าทำงานให้รู้คุณค่าของงาน จะได้รู้คุณค่าของตัวเอง พอรู้คุณค่าของตัวเองแล้ว จะได้ไม่ทำลายมันโดยการไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่มอมเมา..”

           ป้าอิ่มเดินตามลุงเอิบที่เห็นหลังไวๆไปแล้ว แต่ฝีเท้าม่อนแจ่มค่อยๆช้าลงจนหยุดสนิท คิดถึงชีวิตที่จริงจังภายนอกบ้าน ภายนอกรั้วมหาวิทยาลัย รู้สึกเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้ว่าตัวเองช่างเป็นคนโชคดี
หลังจากกลางวันอันยาวนาน.. เช้าตรู่ที่เชียงใหม่และเย็นย่ำ ณ ลำพูนวันนี้มีความหมายมากมายเหลือเกิน
แม้ว่ามันจะเหนื่อยและไม่คุ้นเคย แม้จะเดินจากลิ้นจี่ต้นนั้นไปต้นนี้จนแทบไม่รู้ตำแหน่งของตัวเอง กระนั้น.. ม่อนแจ่มก็เชื่อแน่ๆ ว่ามีอย่างน้อยสองคนที่รู้เสมอว่าเขาอยู่ตรงไหน นั่นคือ.. ลุงแสงกับพชร

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

โอ่ย.. แล้วมันก็ยังไม่จบ Part III ขอมาต่ออีกทีครับ
ขอบคุณสำหรับการติดตาม และก็สวัสดีปีใหม่ด้วยครับ ลืมเลย

 :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-01-2017 00:49:00 โดย INDY-POET »

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #984 เมื่อ15-01-2017 01:19:47 »

ขอบคุณมากค่ะ ได้อ่านก่อนนอนเลย
กำลังคิดถึงพชรกับม่อนแจ่มพอดี
ตอนนี้ยาวมาก อ่านจุใจไปเลย  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-01-2017 22:18:44 โดย Rumraisin »

ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #985 เมื่อ15-01-2017 02:22:46 »

ดีใจจังมาต่อแล้ว รอทุกวันเลย :กอด1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #986 เมื่อ15-01-2017 02:26:13 »

โอ้ย ม่อนน่ารักมาก ใครอยู่ไกล้ก็มีความสุข
พชร คนอ่านขอยืมม่อนแจ่มไว้ไกล้ตัวบ้างซิ
แล้วก็ยืมพชรจากม่อนแจ่มบ้างก็ดี 5555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #987 เมื่อ15-01-2017 02:46:04 »

ประทับใจมากๆ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #988 เมื่อ15-01-2017 05:56:08 »

โอ้ย แค่ห่อลิ้นจี่ก็ยังอ่านแล้วประทับใจ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: SWEET SURRENDER 15/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part II) P.33
«ตอบ #989 เมื่อ15-01-2017 07:22:54 »

ม่อนเจอพ่อแล้วแต่จะรู้หรือเปล่าว่านั่นคือพ่อ อยากให้รู้เร็วๆ จัง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด