SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42  (อ่าน 322104 ครั้ง)

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2
Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
«ตอบ #1050 เมื่อ25-01-2017 22:56:58 »

ทำให้ยิ้มทั้งที่ร้องไห้

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
«ตอบ #1051 เมื่อ26-01-2017 11:23:20 »

โอ๊ยยยย น้ำตารื้นด้วยความตื้นตัน

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
«ตอบ #1052 เมื่อ27-01-2017 22:18:19 »

 :monkeysad:  น้ำตาไหลพราก. พ่อลูกเจอกัน
"ชอบตอนพชรดุม่อนแจ่มอะ น่ารัก"

ออฟไลน์ -I....IIว่u-

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
«ตอบ #1053 เมื่อ28-01-2017 06:11:54 »

ไม่เคยคาดคิดเลยว่าตัวเองจะะน้ำตาไหล...
แต่รู้สึกตัวอีกทีมันก็มีน้ำใส ๆ หยดลงที่ขอบตาซะแล้ว
ฮือออ

ออฟไลน์ wijii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
«ตอบ #1054 เมื่อ29-01-2017 10:43:34 »

น้องม่อนเป็นคนที่่เข้้มแข็งมาก  :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ automaton

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: SWEET SURRENDER 23/1/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part III) P.34
«ตอบ #1055 เมื่อ29-01-2017 18:00:47 »

อ่าน 2 ตอนสุดท้ายซ้ำอีกในวันนี้ก็ยังรู้สึกซาบซึ้งกินใจ อิ่มเอมเหมือนเดิม
แถมอ่านเรื่องนี้แล้วทำให้ใจเย็นขึ้นด้วย
ดีต่อจิตใจหลายอย่างจริง ๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1056 เมื่อ05-02-2017 21:54:16 »

CHAPTER 34: Ein Schönes Wochenende (Part IV)

           “บางคนกิ๋นขนมปัง  บางคนยังกิ๋นข้าวสาลี
ข้าวโพด ข้าวโอ๊ตอย่างดี  ข้าวเจ้าก็มีมากมาย
เฮานั้นเป๋นคนไทย  บ่ใจ๊คนลาวฝ่ายซ้าย
ข้าวนึ่งกิ๋นแล้วสบาย  ลูกป้อจายข้าวนึ่ง”*


..
เรื่องอู้คำเมือง ม่อนแจ่มอาจไม่สู้ แต่เรื่องร้องเพลงคำเมืองนั้น.. บอกเลยว่าสู้ขาดใจ
ก็ป้าเพ็ญนั่นเองไม่ใช่ใคร เปิดโฟล์คซองคำเมืองลั่นครัวมาตั้งแต่เขาจำความได้ ม่อนแจ่มร้องเป็นหมดทั้งชุดนี่ล่ะ ซึ่งก็นับว่าเป็นคุโณปการ เพราะนั่นทำให้ในค่ำคืนวันนี้ เขาสามารถแหกปากประสานเสียงกับบิดาได้อย่างสบายๆ

          “ลูกข้าวนึ่งน่าเจื๊อ  คนเหนือผิวขาวๆ
บ่หาเรื่องเป๋าข่าว  บ่าวสาวละอ่อนเฒ่าแก่
เกียดก่อู้หนักหนัก  ฮักก่ฮักแต๊แต๊
บ่นสุ้น บ่สน บ่แส่  แต่แน่แน่ กิ๋น ข้าว เหนียว นึ่ง!”


ฮ่ะๆ..
เสียงหัวเราะน้อยๆคล้อยมาหลังจบเพลง
แสงรวีแทบจะเรียกได้ว่าเอานิ้วฟาดสายกีต้าร์อย่างเมามัน ม่อนแจ่มเองก็ยิ้มแฉ่ง
สองพ่อลูกถอนหายใจอย่างสบายอารมณ์ เงยหน้ามองดาวนับล้านดวงเบื้องบน
หลังจากหลากหลายบทเพลง.. หลังจากน้ำเสียงและท่วงทำนองเหล่านั้น.. ความอึดอัด คับข้องใจดูจะถูกชำระหมดสิ้นไปอย่างน่ามหัศจรรย์

“ตัวเล็ก ใส่แว่น เล่นกีต้าร์เก่ง ร้องเพลงเพราะ”

หืม?
แสงรวีหันหน้ามามองเด็กหนุ่ม
“อะไรน่ะ?”
“ก็นิยามของพ่อไงครับ” ม่อนแจ่มบอกง่ายๆ เรียกเสียงหัวเราะจากคนถูกกล่าวขวัญ
“แล้วนิยามของม่อนล่ะ?”
ม่อนแจ่มหน้ายู่อย่างใช้ความคิด “เตี้ยๆ ขาวๆ มุ้งมิ้ง ขี้ขลาด”

เฮ้ย! อะไร?
แสงรวีออกจะตกใจ “พูดอะไรอย่างนั้นม่อน”
ม่อนแจ่มหัวเราะแหะๆ ยิ้มเจื่อนๆ ให้ผู้เป็นบิดาเข้าใจว่าเขาไม่ได้ซีเรียสแม้จะรู้อยู่ว่าตนเองดูเป็นยังไง
“ก็นั่นล่ะครับม่อน”
แสงรวีส่ายหน้าไม่ยอมรับ “ไม่ใช่แน่นอน โดยเฉพาะคำสุดท้าย”
“ม่อนขี่ขลาดจริงๆนะพ่อ” ม่อนแจ่มออกตัว “ถ้าพ่อรู้ว่าม่อนกลัวอะไรบ้าง พ่อต้องตัดพ่อตัดลูกกับม่อนแน่นอนอ่ะ”
ม่อนแจ่มว่าพลางนึกไปถึงเพื่อนที่ไม่สนิทที่สุดทั้งแบบมีหนวดและไม่มีหนวดของตัวเอง
แสงรวีวางกีต้าร์ไว้ข้างตัว หันมามองบุตรชายอย่างจริงจัง “ถ้าม่อนเป็นคนขี้ขลาด ม่อนจะมาถึงที่นี่ได้หรือลูก”
..
“ถ้าม่อนเป็นคนขี้ขลาด ม่อนจะเข้มแข็งจนผ่านทุกอย่างมานั่งยิ้มอยู่ตรงนี้ได้หรือไง หืม?”

ม่อนแจ่มยิ้มเหยๆ
“พ่อพูดซะม่อนดูดีเลย”
แสงรวีหัวเราะหึหึ “ที่จริง.. พ่อไม่ใช่คนพูดหรอก พ่อไม่ได้รู้จักหรือเห็นม่อนมานานพอที่จะบอกได้”
“อ้าว..” ม่อนแจ่มขมวดคิ้ว “แล้วใครพูดล่ะครับ”
แสงรวียกยิ้ม เอี้ยวศีรษะหันไปทางฝั่งบ้านยกพื้นเบื้องหลัง ซึ่งเห็นบุรุษหนุ่มร่างสูงยืนกอดอกอยู่ที่นอกชาน
..
ม่อนแจ่มกัดริมฝีปากกลั้นยิ้ม ถ้าเขามีหางก็คงกระดิกดิ๊กๆขึ้นมา “คุณพชรว่างั้นหรือครับพ่อ?”
แสงรวีหัวเราะลั่นอย่างรู้ทัน แต่ก็ยืนยันคำตอบให้ “อืม ..ว่างั้นล่ะ”

ม่อนแจ่มยิ้มกว้างอย่างสุขใจ นอกจากพชรใจดีกับเขา แล้วก็ยังพูดถึงเขาแต่ในทางที่ดีมาตลอด..
อย่างไรก็ตาม ที่พชรพูดว่าเขาเข้มแข็งนั้นมันก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียวหรอก ..หากไม่ใช่เพราะคนอื่นๆรายรอบตัวที่มีความรัก  มีเมตตาและมีน้ำใจ ม่อนแจ่มไม่มีทางมานั่งยิ้มอยู่ตรงนี้ได้ ..โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้ำใจจากพชรเองนั่นแหละ

เป็นเพราะ.. ความรู้สึกที่พชรมอบไว้ให้เขา ตลอดเวลาที่ทั้งสองคนมีร่วมกัน
ความรู้สึกนั้น.. ปกป้องม่อนแจ่มเอาไว้จากบาดแผลและความผิดหวังทั้งปวง
ความรู้สึกนั้น.. ทำให้เขายังหยัดยืนอยู่ได้ โดยที่หัวใจไม่ถูกทำลาย


            “วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน พ่อว่าม่อนต้องไปนอนแล้วล่ะ”
แสงรวีตบหลังตบไหล่ ฉุดม่อนแจ่มจากห้วงความคิด
แว่นเล็กพยักหน้ารับแว่นใหญ่ “ครับพ่อ!”

‘พ่อ’
..
แสงรวีตระหนักว่าคำช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์นัก
เพียงคำแสนสั้น แต่กอปรด้วยความหมายที่ส่งผ่านมา
หมายถึง.. การให้เกียรติ
หมายถึง.. การยอมรับนับถือที่เขาไม่คาดคิดว่าจะมีวันได้รับ
มือกร้านแตะลงบนศีรษะเล็ก ประทับน้ำหนักมือให้เจ้าของคำพูดรู้สึกถึงความปิติในใจเขา

            สองแว่นสองวัยเดินมาหยุด ณ ริมบันไดในที่สุด..
แสงรวีโบกมือน้อยๆให้สองคนคุ้นเคย ซึ่งหนึ่งในนั้นเดินลงมารอที่ชานพักแล้ว

“ขอโทษที่เสียงดังหน่อยครับ คุณพชร”

พชรพยักหน้ารับไม่ถือสา สีหน้าไม่แสดงความรู้สึก ทว่า นัยน์ตาคมเปล่งประกายความยินดีที่สองพ่อลูกอ่านออกเหมือนๆกัน
แสงรวีโบกมือลา ขณะเด็กหนุ่มทั้งสองยกมือไหว้และมองตามแผ่นหลังเล็กไป รอจนเห็นถึงบ้านและเปิดประตูเข้าไปเรียบร้อยจึงค่อยๆเดินขึ้นบันได

คุณน้าลดายังคงยืนรออยู่ที่นอกชาน และในดวงตากลมโตคู่นั้น ม่อนแจ่มมองเห็นสิ่งเดียวกับที่เห็นจากพชร
ความยินดีในความสุข ความรัก ความเข้าใจของผู้อื่น.. เขารู้สึกตื้นตันในหัวใจมากเหลือเกินและไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนความรู้สึกเช่นนี้ได้อย่างไร

“ม่อนขอโทษนะครับที่มาช้า แล้วก็ที่เสียงดังด้วย” เด็กหนุ่มยกมือไหว้ แต่เพชรลดาส่ายหน้า
“น้าก็ชอบฟังเพลงจ้ะ ยิ่งเล่นสดร้องสดยิ่งชอบ ไม่ฟังจากม่อน จากลุงแสง จะให้ฟังจากไหนล่ะ?”
เพชรลดาถามทีเล่นทีจริง ก้มลงกระซิบใส่หูม่อนแจ่ม “จากพชรหรือไง..”

ฮ่ะๆ!
ม่อนแจ่มหลุดหัวเราะ จินตนาการภาพพชรร้องเพลงไม่ออก
เพชรลดาเองก็หัวเราะด้วย ขณะคนถูกกล่าวขวัญถึงเพียงตีหน้าขรึมเดินนำเข้าบ้าน รอท่าปิดประตูให้

“ที่ระเบียงห้องพชรก็มองเห็นดาวนะ ถ้าม่อนอยากดูต่อ ก็เปิดประตูออกไปได้เลยจ้ะ”
เพชรลดาเอ่ยบอก ขณะลูกชายดึงประตูและหน้าต่างปิดล็อค
“ขอบคุณครับ” ม่อนแจ่มยิ้มรับ
“ว่าแต่.. ม่อนอยากนอนคนเดียวหรือเปล่า มีอีกห้องนะ” เพชรลดาถามเพื่อความมั่นใจ
“อย่าลำบากเลยครับ!” ม่อนแจ่มรีบปฏิเสธ “ม่อนนอนกับพชรได้”
..
ก่อนจะรู้สึกว่ามันฟังดูแปลกๆ..
“เอ้อ.. ม่อน ม่อนหมายถึงว่า.. ม่อนนอนห้องเดียวกับพชรได้ครับ แบบ.. คือ.. เป็นรูมเมทกันที่หออยู่แล้วน่ะครับ”

เพชรลดาลอบหัวเราะกับหน้าตาเหรอหราและพวงแก้มที่เป็นสีจัดนั้น ละมองลูกชายตัวเองก็เห็นว่าแม้ทำทีเป็นมองไปทางอื่นแต่ก็แอบยิ้มอยู่เหมือนกัน
“งั้นก็.. ฝันดีกันล่ะ ทั้งคู่”
“ค..ครับ คุณน้าลดาด้วยครับ”

ม่อนแจ่มถอนหายใจโล่งๆ หลังจากหายใจหายคอไม่ค่อยสะดวกเพราะคำพูดที่ฟังดูแหม่งๆของตัวเอง
แล้วคนข้างๆนี่ก็ไม่มีหรอกที่จะช่วยแก้คำให้อะ.. ม่อนแจ่มขมวดคิ้ว มองสีหน้าเรียบเฉยนั้น แต่เขารู้จักพชรดีพอจะรู้ว่า ก่อนสีหน้าเรียบเฉยตามปกตินี้ พชรต้องแอบยิ้มขำเขาแหงๆ มือขาวจึงตีท่อนแขนสีแทนเบาๆอย่างไม่จริงจังนักเป็นการเอาคืน

“เอ้า..” พชรหลุดอุทานกับสัมผัสที่ไม่คาดคิดก่อนจะหัวเราะในลำคอ ยิ้มมองตามหลังคนที่เดินนำไปทางประตูห้องนอน แล้วหันไปสำรวจอีกทีว่าประตูหน้าต่างบ้านปิดล็อคเรียบร้อยทุกบานแล้ว

“ม่อน จะปิดไฟนะ” เสียงเข้มส่งเตือน เป็นผลให้ม่อนแจ่มหยุดกึก พยักหน้าให้สัญญาณว่าพร้อม
..
ไฟดับมืดลงในอีกไม่กี่วินาทีถัดมา ใจม่อนแจ่มเต้นแรงเล็กน้อย เพราะมันมืดไปหมดเมื่อยังปรับสายตาไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่กลัว เสียงฝีเท้าที่ได้ยินด้านหลังเป็นสัญญาณว่าอีกไม่กี่อึดใจ มือของเขาจะถูกกุมไว้และจูงพาเดินไปเอง

           ประตูห้องนอนพชรถูกเปิดออกและไฟส่องสว่างก็ตามมาแทบจะในทันที..
ม่อนแจ่มเดินเข้ามาภายในก่อน กวาดสายตามองไปรอบๆ ..ซึ่งแน่นอน ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากที่เห็นหลังอาบน้ำเมื่อช่วงหัวค่ำ
อย่างไรก็ตาม มีบางสิ่งที่สะดุดตา ม่อนแจ่มคิดว่าเพิ่งจะเห็นสิ่งที่เขาไม่เห็นในทีแรก
มันคือ.. สมุดบันทึก ทว่า ไม่ใช่สมุดบันทึกหรอกที่เตะตา
กระดาษต่างหาก ..กระดาษที่แล่บออกมาแล้วเห็นลายเส้นดินสอที่ค่อนข้างคุ้นเคย
ร่างเล็กขยับเดินเข้าไปจนหยุดริมโต๊ะไม้สักเล็กที่ตั้งอยู่หัวเตียง
“ขอดูได้ไหม..” ม่อนแจ่มหรี่ตา ออกอาการตื่นเต้นนิดหนึ่ง
เขาคิดว่ามันคือ..

พชรอ้าปากค้างนิดๆ
เขาหยิบขึ้นมาดูจริงนั่นแหละ แต่ก็คิดว่าเก็บแล้วนะ
ตาคมมองมือขาวซึ่งแตะสมุดรอสัญญาณการอนุญาต ก่อนตัดสินใจพยักหน้าให้ ..ก็ได้แต่หวังว่าม่อนแจ่มจะไม่ล้อเขามากนักนะ

เมื่ออีกฝ่ายยินยอม ม่อนแจ่มจึงพลิกสมุดเปิดหน้าที่เห็นขอบกระดาษคั่นอยู่
แล้วก็ใช่จริงๆ.. ภาพการ์ตูนใบเก่าที่เขามอบให้พชรในวันสอบวันสุดท้ายของภาคการศึกษาแรกนั่นเอง

‘ลำพูน 35
Ride Carefully’

            “มึงจะได้ไม่ลืมกู..”

ม่อนแจ่มยิ้มกว้าง ..เหตุการณ์หลากหลายที่เกิดขึ้นทำให้เกือบจะลืมสิ่งนี้ไปแล้ว
“มึงเก็บไว้อะ! มึง..” ม่อนแจ่มเงยมองพชร “..ยังเก็บไว้”

จะให้ตอบอย่างไรล่ะ..
พชรไม่มีอะไรจะตอบ จะปฏิเสธก็เห็นกันอยู่คาตา แล้วก็ไม่รู้จะปฏิเสธไปทำไมด้วย
“ก็.. อืม”
เลยต้องยอมรับกันไป..

ม่อนแจ่มหยิบกระดาษแผ่นนั้นออกมาสำรวจอย่างดีใจ ..และเมื่อหยิบกระดาษแผ่นแรกขึ้นมา ก็เป็นผลให้มีกระดาษแผ่นเล็กกว่าค่อยๆหล่นลงสู่พื้นเบื้องล่างด้วย
ม่อนแจ่มขมวดคิ้วมองตาม ..ซึ่งพอเห็นว่าเป็นอะไรก็แทบจะกระโดดลงไปตะครุบ

“ขโมย!”
“อะไร?” พชรงง
“ก็นี่ไง” ม่อนแจ่มหมดแล้วซึ่งความสนใจภาพที่ตัวเองเคยวาด มือขาวกลับหยิบกระดาษแผ่นเล็กที่มีตัวเลขขึ้นมาชูหรา

‘011153  011269’

“กูเก็บได้”
ก็มันจริง.. พชรเก็บจากบนพื้น

อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มถลึงตาใส่ดุดุ
“เก็บได้แล้วไม่คืนทั้งที่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ ไม่เรียกขโมยอีกหรือ?”
“ลายมือกูนะที่อยู่ในนั้น” พชรเตือนความจำ
“แต่มึงให้กูแล้วไง” ม่อนแจ่มเตือนความจำเหมือนกัน “มึงให้กูแล้ว ยื่นให้กับมือ ก็เป็นของกู ไม่ถูกหรือ?”

โอเค..
ตกลง..
ยอมรับ..

“ขอโทษที่ไม่ได้คืนให้” พชรก้มศีรษะน้อยๆโดยดุษฎี
“กูแทบจะพลิกห้องหาเชียวนะ” ม่อนแจ่มสำรวจกระดาษอย่างยินดี มิวายเอานิ้วรีดรอยยับให้เรียบขึ้นทั้งที่มันก็เรียบอยู่แล้วเพราะถูกสอดไว้ในสมุด
กิริยานั้นทำให้พชรอดจะถามไม่ได้.. “มันมีความหมายนักหรือ?”
“อื้อ!” ลำคอเล็กพยักรัวๆ “กูเดินไปคณะมนุษยฯแล้วได้กลับมาเลยนะ”
“เป็นสิ่งแรกที่กูก็ให้?” แบบนั้นหรือไง..
“จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ ..ก็ไม่ใช่อ่ะ”

หืม ยังไง?
“กูไม่เข้าใจ”
“ก็.. จริงๆมึงเคยให้อย่างอื่นมาก่อนแล้วด้วย”

มีด้วยหรือ?
“ให้อะไร” พชรสงสัย
“น้ำ” ม่อนแจ่มเฉลย
“น้ำ..” พชรทวนคำ
“ใช่ น้ำ” ม่อนแจ่มยืนยัน พลางอธิบายเสริม
“วันแรกๆที่หอเลยอะ ตอนกูอาบน้ำอยู่แล้วน้ำไม่ไหล จำได้ไหม กูไม่มีน้ำล้างหน้าแล้วก็แสบตาจะแย่ มึงให้น้ำมาขวดนึง ..แต่ฝากไอ้ดิ้ลมา”

พชรนิ่งไป..
มันไม่น่าเป็นไปได้ แต่เขารู้สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนขึ้น

“ขอบคุณนะ” ม่อนแจ่มกัดปาก ไม่ใช่ว่าจะซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ แค่ไม่อยากให้มันกว้างมากนักจนทำพชรเขิน
พชรแสร้งถอนใจน้อยๆ มองไปทางอื่น “ตอนนั้นก็ขอบใจไปแล้วนี่”
..
“สำหรับทุกอย่าง”

ถึงกับต้องหันสายตากลับมา..
พชรมองคนพูด จึงรู้ชัดว่าดวงตาภายใต้กรอบแว่นแดงหมายความเช่นนั้นหมดใจจริงๆ

..ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง..

“แล้ว.. นี่พชรจะให้คืนหรือเปล่า?” ม่อนแจ่มชูกระดาษใบน้อยเขียนรหัสวิชาปรัชญาขึ้นมา
“ถ้าจะเอา ..ก็ให้” พชรพยายามไม่ยิ้ม ในขณะที่ม่อนแจ่มปล่อยให้ตัวเองยิ้มกว้าง
“แต่อันนี้ให้พชรนะ” มือขาวสอดแผ่นกระดาษรูปเด็กหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์ไว้ที่เดิม “ไม่เอาคืน”
..
“ไม่ให้คืนเหมือนกัน” พชรตอบรับ

ม่อนแจ่มอ้าปากค้างไว้ ความรู้สึกคล้ายๆตอนได้ยินคำ ‘รัก’
เขาขยับจะให้คนพูดน้อยย้ำคำ แต่ไม่ทัน.. เพราะร่างสูงใหญ่นั้นเดินละจากเขาไปหาประตูระเบียงเสียแล้ว

โด่ว..
ม่อนแจ่มยิ้มกับแผ่นหลังกว้าง เขาชอบจะตายให้พชรพูดอะไรแบบนี้
แต่พชรก็พูดเร็วเงียบเร็วเสียจริง เห็นทีเขาต้องเตรียมหูไว้ให้พร้อมทุกเมื่อเพื่อไม่ให้พลาดคำพูดพชรแม้แต่คำเดียว

“จะนอนที่ไหน”

อะ..
ยังไง?
จู่ๆ พชรก็ถามขึ้นมา ไม่งงก็ต้องงง ทั้งที่ม่อนแจ่มก็ว่าตัวเองผึ่งหูไว้อย่างดีแล้วนะ หรือว่า..
“ก..ก็นอนนี่ไง มึงจะให้กูไปนอนไหนอะ” ม่อนแจ่มชักขวัญเสีย กลัวพชรเขินจนไล่เขาไปนอนนอกชาน
“ก็เห็นชอบดูดาว เลยว่าจะกางเต้นท์ให้นอน”
“กางเต้นท์?” ม่อนแจ่มทวนคำ “เราจะไปนอนนอกบ้านกันเหรอ”
“เปล่า” พชรปฏิเสธ “แค่นอกห้อง”

ห๊ะ..
ม่อนแจ่มยังคงไม่ไม่เข้าใจ ทว่า พชรก็เปิดประตู เดินนำออกสู่ระเบียงแทนคำอธิบาย
ร่างเล็กเดินตามหลังมา ..ไม่พักต้องเงยหน้าก็เห็นดวงดาวพราวพราเพราะเวิ้งฟ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ไม่มีตึกรามบ้านช่องบดบังทัศนวิสัยโดยรอบเลย
 
สวย.. งดงามเกินคำบรรยาย..
ม่อนแจ่มมองจ้องราวกับตกอยู่ในภวังค์ ตอนเขาแหวกม่านออกดูคราอาบน้ำเสร็จช่วงหัวค่ำเหมือนยังไม่เห็นดาวมากมายขนาดนี้เลย

พชรเปิดลิ้นชักไม้และหยิบเอาเต้นท์ที่พับอยู่ออกมา ม่อนแจ่มเข้ามายืนใกล้ๆ พิจมองอย่างสนเท่ห์
“นอนเต้นท์ประจำหรือ พชร?”
“ก็.. วันที่อากาศดี”
“อินดี้โคตรๆ!” เสียงเล็กหลุดอุทาน มือสองข้างเข้ามาช่วยคลี่ผ้าเต้นท์อย่างกระตือรือร้น
“โอ่ยย.. นี่มัน.. เต้นท์เขียวของแว่นแดง มาเลยๆ ช่วยกาง!”

..ซึ่งก็เป็นการกางเต้นท์ที่ช้าที่สุดในชีวิตพชร
ม่อนแจ่มต่อเสาเต้นท์ไป ก็มิวายจะพึมพำไป “โท่ษๆ กูเคยกางหนเดียว นี่ผิด เอาใหม่ๆ โอย ง่าวว่ะม่อน”
พชรไม่ตำหนิอะไรเลยในความผิดพลาดเหล่านั้น เขาแค่ทำให้ดู แล้วม่อนแจ่มก็ทำตาม
มือสองข้างของคนสองคนช่วยกันดันเสาขึ้นเสียบกับตัวเสียบทีละมุมพร้อมๆกันคนละฝั่ง กระทั่งเต้นท์ขึงขึ้นเป็นโดม

พชรไม่เคยพบความลำบากอะไรในการกางเต้นท์คนเดียว แต่แน่นอน การกางสองคนมันดีกว่า..
ถึงจะช้ากว่า แต่มันก็ดีกว่า แล้วพชรก็เชื่อว่ามันจะเร็วขึ้นกว่านี้ในครั้งถัดๆไป
มือใหญ่จัดการกับตะขอเกี่ยวเพื่อยึดเต้นท์ให้แข็งแรงขึ้น ก่อนนำเสาฟรายชีทคลุมเต้นท์มาต่อและผูกยึดเข้ากับหลังคาเต้นท์ เป็นอันเสร็จพิธี

“โฮ..” ม่อนแจ่มแทบจะร้องไห้
เต้นท์ใหญ่มาก.. น่านอนมาก.. ร่างเล็กเตรียมพร้อมพุ่งตัวเข้าไป
“เอ้าๆ ที่นอนยังไม่มีเลยนะ” พชรพูดกลั้วหัวเราะ
“ที่นอนอยู่ไหน ท่านพชรวานบอก ไอ้ม่อนจะเอามาปูโดยพลัน!”

พชรขำจนต้องเอาหลังมือปิดปากและซัดศีรษะไปทางลิ้นชักใหญ่ที่เก็บเครื่องนอน
ม่อนแจ่มก้าวยาวๆไปดึงเปิดออกและหอบที่นอนปิคนิกออกมาทันที
พชรรูดซิบเปิดเต้นให้และม่อนแจ่มก็ทำหน้าที่ปูที่นอน พร้อมวางหมอนเล็กที่มีอยู่หนึ่งใบ โผล่หน้าออกมาก็เจอหมอนใบใหญ่ไซส์ปกติที่พชรไปเอาจากบนเตียงในห้องยื่นส่งมาให้

“มึงนอนหมอนใหญ่นะ เดี๋ยวกูนอนหมอนเล็กเอง” ม่อนแจ่มยิ้มแฉ่ง
พชรเองก็ยิ้ม.. แม้ไม่ตอบอะไร..

          ไฟในห้องนอนดับมืดลงแล้ว
อาณาบริเวณโดยรอบก็มืดสนิท ..มีเพียงไฟกริ่งแสงหรี่ที่เหนือประตูระเบียงและแสงดาวจากบนฟ้าเท่านั้น
“มันโรแมนติกอะพชร ฮืออ.. โรแมนติกมากเบย”

คือ.. มันจะไม่โรแมนติกก็ตอนม่อนแจ่มพูดออกมานี่แหละ
พชรไม่มีอารมณ์ซึ้งอะไรเลย มีแต่อารมณ์ขำล้วนๆ อดไม่ได้ที่จะเอามือไปยีหัวเล็กปรกเรือนผมนุ่มให้หายมันเขี้ยว

“เอ้า ผ้าห่ม..” พชรวางผ้านวมไว้ให้ “ดึกกว่านี้จะหนาวหน่อย”
“ขอบคุณคร้าบ” ม่อนแจ่มฉีกยิ้มในแสงสลัว
“จะนอนฝั่งไหน?” เสียงเข้มเอ่ยถาม แต่แล้วก็นึกได้ “ต้องนอนฝั่งนอกนะถึงจะเห็นดาว ..กลัวหรือเปล่า?”
ม่อนแจ่มส่ายหน้า ..พชรนอนอยู่ข้างๆ จะกลัวอะไร
“แล้วพชรจะดูดาวไหม?”
คนถูกถามส่ายหน้า ถ้าตอบว่าดูจนจะจำได้ทุกดวงอยู่แล้วคงเวอร์ไปและก็ไม่จริงเสียทีเดียวหรอก
พชรชอบนอนเต้นท์ก็จริง แต่ชอบความรู้สึกและบรรยากาศมากกว่าที่จะนอนเพื่อดูดาวจริงๆ
“มาดูด้วยกันสิ” ม่อนแจ่มชี้ชวน นั่งชันเข่าริมประตูเต้นท์ชั้นในที่เป็นผ้าตาข่ายบางโปร่งมองเห็นภายนอกชัดเจน
“โน่น.. กูเห็นดาวลูกไก่ด้วยนะ ..คล้ายๆจะเป็นไก่ซีพี”

พชรตบหน้าผากตัวเองเบาๆ แทบไม่ได้ดูดาวเลย มัวแต่ก้มมองเข่าเพราะกลั้นหัวเราะ
เขาไม่ได้ตั้งใจจะโรแมนติก แค่อยากให้ม่อนแจ่มได้ดูดาวเท่านั้น ซึ่งก็นับว่าดีแล้วล่ะ เพราะตั้งแต่เริ่มกางเต้นท์กระทั่งนั่งดูดาวในเต้นท์ยังไม่ใกล้ความโรแมนติกอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าความขำล่ะใช่แน่

ม่อนแจ่มนั่งเอาสองแขนกอดเข่าไว้ ประสานฝ่ามือที่ข้อเท้า เงยมองดาวสุกใสเบื้องบนสลับกับหันมองพชรอย่างสบายอารมณ์ กระทั่งเสียงเข้มดังมาเบาๆ
“นอนดูไหม ง่วงจะได้หลับไปเลย ..วันนี้น่าจะเหนื่อยมากแล้วนะ”

ม่อนแจ่มไม่คัดค้าน เขาปล่อยให้ร่างเล็กของตัวเองถูกพชรดันนอนลงบนฟูกบาง
ดวงตาสองคู่สบกันเพียงชั่วขณะ แต่ก็นานพอที่จะสื่อความหมาย..
ใบหน้าคมโน้มลง แต่แล้วก็เบือนหลบไป เช่นเดียวกับที่ทำเมื่อตอนเย็นในสวน ..และก็เช่นเดียวกับที่ทำเมื่อวานในห้องสามสามแปดด้วย ..จนม่อนแจ่มต้องรั้งไหล่กว้างไว้ อยากให้พชรได้ทำตามใจตัวเองบ้าง
“พชร..”

ใบหน้าคมหันกลับมา สบกับดวงตาในกรอบแว่นอีกครั้ง
เขารู้ว่าม่อนแจ่มไม่เคยคัดค้าน โอนอ่อนยอมตามเสมอ ..และเขาก็อยากสัมผัสความรู้ลึกซึ้งเช่นที่เคยเกิดขึ้นกับคนคนนี้อีกครั้งเหลือเกิน
แต่ว่า.. มันไม่ควรจะเป็นเวลานี้ เวลาหลังจากวันอันยาวนานที่ม่อนแจ่มผ่านการเดินทาง ผ่านการทำงาน ผ่านความหลากหลายทางอารมณ์ ..ถ้าเพิ่มเรื่องนี้เข้าไปอีก พชรเกรงว่ามันจะเกินกำลังร่างเล็กที่เขาหวงแหน
มือแกร่งเกลี่ยไรผมริมหน้าผากออก ก่อนถอดแว่นแดงออกจากดวงตาใสคู่นั้นเสีย พลางย้ำคำ
“นอนเถอะ”

ม่อนแจ่มยอมให้พชรผละไป มองร่างหนาค่อยๆนอนหงาย มือขวาทาบบนหน้าท้อง แขนซ้ายที่อยู่ฝั่งม่อนแจ่มแนบลำตัว
แล้วร่างเล็กจึงขยับนอนตะแคงซ้าย หน้าผากซบลงกับลาดไหล่กว้าง ..ความรู้สึก ‘รัก’ เต็มล้นอยู่ในใจจนไม่อาจอธิบายได้

“นอนแบบนี้จะเห็นดาวหรือ..” พชรพึมพำถาม
“เห็นสิ” ม่อนแจ่มพึมพำตอบ
“จะเห็นได้ยังไง..” พชรฉงน
“เห็น” ม่อนแจ่มยืนยัน “..จริงๆนะ”

ดวงตาหลับลงแล้ว แต่ม่อนแจ่มก็ยังแน่ใจว่าเห็นทุกอย่างที่ใจอยากจะเห็น ปากอิ่มเผยอขับขานเนื้อเพลงท่อนที่เคยถูกร้องมาก่อนอย่างซึ้งในความหมาย

“ไม่มีแสงแห่งใด ..สวยดังใจเธอ”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

*ลูกข้าวนึ่ง - จรัล มโนเพ็ชร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-02-2017 01:24:16 โดย INDY-POET »

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1057 เมื่อ05-02-2017 22:15:18 »

             เหมือนยังไม่สว่าง แสงดาวเพิ่งจะจางจากฟ้า เมื่อตอนที่ม่อนแจ่มรู้สึกตัวจากการขยับกายของคนข้างๆ
“นอนไปก่อนนะ” เสียงเข้มพึมพำบอกริมหูของเขาที่ลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย
“พชร..”  ม่อนแจ่มขยับจะลุกขึ้น แต่แขนแข็งแรงกว่ากดยั้งไหล่เล็กไว้เบาๆ
“นอนต่อเถอะ”
“แล้วมึงล่ะ..”

พชรตื่นแล้ว ตื่นเวลานี้ประจำและไม่เคยนอนต่อ ซึ่งวันนี้.. ว่ากันตามจริง เขาก็นอนกอดม่อนแจ่มนิ่งๆมาพักใหญ่แล้วนับตั้งแต่ลืมตา
“นอนไปก่อน” เขาย้ำอีกครั้ง
“ไม่เอาๆ..” ร่างเล็กยันตัวขึ้นมา พยายามสลัดความงัวเงียทิ้ง “ถ้ามึงลุกขึ้นแล้ว กูก็ลุกด้วย”
“ไม่ต้องรีบหรอก ที่กูตื่นเพราะมีอะไรต้องทำ”
“ก็มึงจะทำอะไร กูทำด้วย”
“ม่อน ..บอกว่าไม่ต้องไง” พชรเริ่มเสียงดุ
ม่อนแจ่มเกรงน้ำเสียงนั้น แต่ก็ยังอยากขอร้อง
“ให้กูตื่นด้วยเถอะ อย่าให้กูนอนอยู่ตอนที่มึงไปทำงานเลย ..นะ พชร”

พชรขมวดคิ้วมุ่น สมองประมวลนับชั่วโมงการนอนของร่างเล็กในใจ ประมาณห้าทุ่มถึงราวตีห้า แว่นแดงเอ๊ย
หน้าคมส่ายไปมาน้อยๆ แต่ม่อนแจ่มยิ้มสู้ พชรจึงถอนหายใจ
“งั้นก็ไปล้างหน้าล้างตาซะ” พชรวางแผนเก็บเต้นท์คนเดียวเงียบๆ
“อื้อ เดี๋ยวรีบไป มาๆ ..เก็บเต้นท์กัน”
..
ให้ตายเถอะ!

           แล้วม่อนแจ่มก็เรียนรู้ว่าพชรตื่นมาทำอะไรแต่เช้า..
ร่างสูงเดินดุ่มๆ พาลงบันได อ้อมไปทางหลังบ้าน ที่ซึ่งเมื่อวานม่อนแจ่มยังไม่มีโอกาสมา
และที่นี่เอง.. เขาพบขุมทรัพย์
มันคือสวนผัก คล้ายๆที่เห็นหลังบ้านพ่อ ทว่า ใหญ่กว่า มีผักกินดอก กินใบ กินผล กินหัว นานาชนิด
“แม่ทำกับข้าวทุกเช้า อยากกินอะไรก็เอาขึ้นไปไว้ที่ครัว”

โอ้..
ม่อนแจ่มตาโต หันมองซ้ายขวา

“ม่อนอยากกินอะไรก็เก็บไป”

อยากกินอะไรหรือ?
ม่อนแจ่มต้องสารภาพว่าไม่อยากกินเลย เพราะมันสวย สวยเกินไป..
ไม่ว่าจะมะเขือเทศเชอร์รี่ลูกเล็กๆนั่น หรือถั่วฝักยาวที่ห้อยลงมาจากค้างนั่น
ผักหวานเหมือนที่พ่อจะทำยำเมื่อวาน ..หรือผักกาด ผักกวางตุ้ง ผักบุ้งที่ม่อนแจ่มคุ้นตา

“ที่เห็นแต่ใบนั่นมีแครอท มันเทศ แล้วก็หัวไชเท้า” พชรชี้ให้เห็น “ถ้าอยากกิน กูจะถอนให้”
ม่อนแจ่มมีความรู้ที่ไหนล่ะเรื่องอาหาร แต่ป้าเพ็ญต้มหัวไชเท้าใส่กระดูกหมูอร่อยมาก อันนี้ม่อนแจ่มรู้
“หัวไชเท้าก็ได้พชร เอาไปต้ม อร่อยนะ กูจะถอนด้วย มึงทำให้ดูก่อนสักหัวหนึ่งได้ไหม”

ก็ไม่มีอะไรมาก.. พชรแค่รวบใบเขียวๆยาวๆเหนือพื้นดินไว้ในมือแล้วถอนขึ้นมาเป็นตัวอย่างหนึ่งหัว
เหมือนง่าย.. แต่อย่างไรม่อนแจ่มก็ต้องใช้มือทั้งสองข้าง ในขณะที่พชรใช้มือขวาข้างถนัดเพียงข้างเดียว

“มะเขือยาวน่าสนใจไหมพชร?”
ม่อนแจ่มถามหลังจากถอนหัวไชเท้าขาวอวบมาได้สี่ห้าหัว
“อืม..” ได้ยินเสียงพชรตอบรับ เขาจึงขยับไปที่ค้างมะเขือยาว
“แล้วจะรู้ได้ไงว่าลูกไหนเก็บได้แล้วอ่ะ พชร” ม่อนแจ่มส่งคำถาม
“ก็.. ประมาณลูกนี้” พชรเด็ดมาลูกหนึ่ง ส่งให้ดู
ม่อนแจ่มพิจมองมะเขือยาวสีเขียวสดที่ยาวน่าจะราวห้าสิบเซ็นฯ
โอเช!

            คุณน้าลดาอยู่ที่ครัวแล้วเมื่อม่อนแจ่มหอบผักใส่ตะกร้าขึ้นไปถึง
ท่านกำลังหั่นเนื้อและเตรียมเครื่องปรุงทั่วๆไปที่คงใช้ได้กับทุกประเภทอาหารไว้

“ไหนดูซิ ม่อนจะกินอะไร”
เพชรลดายิ้ม ชะโงกมองตะกร้า ม่อนแจ่มจึงตอบเสียงใส ขณะหยิบสองสหายเขียวขาวขึ้นมาเตรียมล้าง
“ต้มหัวไชเท้า แล้วก็มะเขือยาวชุบไข่ทอดกับน้ำพริกกะปิได้ไหมครับ?”
“จัดไป!”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           วันใหม่มาเยือนอย่างเป็นทางการเมื่อแสงตะวันสาดส่องสว่างทั่วบริเวณ
ชีวิตดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับงานในสวนที่ต้องจัดการให้แล้วเสร็จ
ม่อนแจ่มสวมบทผู้ใต้บังคับบัญชาเช่นเดิม มือเรียวสอดกระดาษห่อผลเข้าไปในช่อลิ้นจี่ แล้วมัดตอกไว้เป็นสเต็ปเช่นที่เรียนรู้จากเมื่อวาน ทว่า ระมัดระวังไม่เฉียดกรายเข้าใกล้บันไดไม้ไผ่ให้เจ้าของสวนต้องขุ่นข้องหมองใจ เขาห่อเพียงช่อที่พอเขย่งถึงเท่านั้น

“นี่เราต้องห่อไว้นานเท่าไรอ่ะครับพ่อ?” ม่อนแจ่มถามขณะยืนยืดตัว มือชูสุดแขนหาลิ้นจี่ช่อที่เกือบจะไกลเกินเอื้อม
“ก็.. สักเดือนหนึ่งน่ะม่อน” แสงรวีขยับแว่น เอ่ยตอบลูกชาย
“หลังจากนั้นก็คือตัดไปขายเลยหรือครับ”
“ช่าย..”

แบบนี้ก็แปลว่า.. เดือนหน้าตัดลิ้นจี่..

         “คุณพชรครับ”
ม่อนแจ่มหาพิกัดและเข้าไปกระซิบริมไหล่เพราะความสูงเขาไม่ถึงหูเจ้าของชื่อ
“เดือนหน้าตัดลิ้นจี่นี่ ไอ้ม่อนขอมาด้วยนะครับ รับรองว่า.. ไอ้ม่อนจะไม่ดื้อ ไม่ซน”

เรื่องนั้นมีปัญหาที่ไหน พชรไม่คัดค้านอยู่แล้ว ร่างสูงรู้สึกยินดีเสียด้วยซ้ำ แต่ก็เพียงสั่งเสียงดุ
“เลิกเรียกคุณอะไรนั่นสักทีเถอะ”
“โอ๊ย ไม่ได้ครับ!” ม่อนแจ่มรีบปฏิเสธ สองมือกระตุกสาบเสื้อเชิ้ตที่ใส่คลุมอยู่ “นี่สถานะเจ้านายกับลูกน้องนะครับ เรียกคุณพชรน่ะถูกแล้ว”

พชรถอนหายใจ ก้มลงมา ..จงใจมองไล่จากศีรษะเล็กซึ่งสวมหมวกปีกกว้างไปจรดปลายรองเท้า Adidas สีขาวที่เริ่มจะมอมแมม
อดทนไม่ไหว ไม่ควรพูดก็จะพูดแล้ว..
“อยากทำให้เป็นสถานะอื่นซะตรงนี้นัก”
..
..
พชรพูดเบาๆเท่านั้น ทว่า ม่อนแจ่มรู้สึกราวกับถูกตะโกนใส่
ไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมก็เข้าใจความหมาย.. ปากอิ่มเผยอค้าง ใบหน้าร้อนขึ้น
พชรไม่ค่อยพูดก็จริง แต่ม่อนแจ่มไม่ควรลืมเลยว่า.. ลองพชรพูดออกมาแล้ว เขาถึงกับจะตอบโต้ไม่ทันเอาทีเดียว ร่างเล็กจึงล่าถอยกลับไปห่อลิ้นจี่ต่อ แม้จะจำทางกลับต้นเดิมแทบไม่ได้

“ร้อนหรือม่อน หน้าแดงเชียะ?”
..
พ่อสาบานมาก่อนว่าไม่ได้แซวม่อน ..ม่อนแจ่มอยากจะถามอย่างนั้น เมื่อเห็นดวงตาเป็นประกายล้อเลียนของบิดา

           ยิ่งล่วงเวลาสาย แสงตะวันยิ่งแผดร้อน ทว่า ร่มลิ้นจี่ก็ช่วยได้มาก มันไม่หนักหนาเกินไปเมื่อมีต้นไม้ทุกทิศทุกทางเช่นนี้
ม่อนแจ่มมีสมาธิกับช่อลิ้นจี่เป็นส่วนใหญ่ แต่ทุกครั้งที่ละสายตาก็จะมองหาพิกัดของบิดา พชรหรือไม่ก็คุณน้าลดา เห็นบ้าง ไม่เห็นบ้าง เวลาผ่านไปกี่นาที กี่ชั่วโมง ม่อนแจ่มก็ไม่ได้นับ กระทั่งได้ยินเสียงนั่นแหละ..

“พักแล้วก่มากิ๋นน้ำลำไยกั๋นตรงนี้กันเน้อ คุณลดาเอามาหื้อ!”

หืม?
น้ำลำไย! ม่อนแจ่มหูผึ่ง ก้มมองนาฬิกาที่เข็มยาวและเข็มสั้นใกล้จะชี้เลขสิบสองตรงพร้อมๆกัน
เขาห่อช่อนี้ต่อจนแล้วเสร็จ จึงเดินลากเท้าไปทางที่มีรถกระบะเปิดท้าย น้ำสีน้ำตาลหม่นถูกตักแจกจ่าย ม่อนแจ่มสังเกตว่าคนงานแต่ละคนเอาแก้วกันมาเอง แต่.. ฮือ.. เขาไม่มีแก้ว..

“ม่อน อยู่นี่เอง”
เสียงอ่อนโยนดังมาข้างๆ ม่อนแจ่มไม่ทันสังเกตเพราะมัวแต่โฟกัสน้ำลำไยในแก้วคนอื่น 
“นี่จ้ะ ของม่อน”
..
บอกเลยว่าเป็นแก้วพลาสติกทรงสูงไซซ์บิ๊กบึ้ม with ลูกลำไยออนท็อป!
คุณน้าลดา.. ม่อนแจ่มรีบยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณ รับน้ำมาซดอึกๆ ก่อนจะนึกได้รีบถาม
“แล้วคุณน้าลดาทานหรือยังครับ พ่อกับพชรล่ะ แค่กๆ”
“เอ้า กินดีๆ” เพชรลดาหัวเราะ
“น้าก็เชื่อมลำไยเก็บไว้ทำน้ำตลอดนั่นแหละ สองคนนั้นกินกันจนเบื่อแล้ว อย่าไปห่วงเลย”

ใครกินจนเบื่อ ม่อนแจ่มไม่รู้หรอก รู้แต่ม่อนแจ่มไม่มีทางเบื่อแน่
น้ำลำไยท่ามกลางไอแดด.. นี่มันสวรรค์แท้ๆ!
เขาซดแล้วซดอีก พลางถือแก้วเดินไปรวมตัวกับคนงานอื่นๆที่บ้างปูเสื่อ บ้างตั้งท่าแกะข้าวห่อ

“เมื่อวานเห็นว่าถือถ้วยแกงมาฝากไว้ที่แสงเองหรือ ขอบใจนะ”
..
หืม?
ม่อนแจ่มหันมองต้นเสียงก็รู้ว่ามาจากคุณลุงเอิบที่แบ่งน้ำพริกอ่องให้เขากินเมื่อวานนั่นเอง
“อ้อ เอ่อ.. ครับ” ม่อนแจ่มยิ้ม ที่จริงก็ไม่ได้ได้ทำอะไรนอกจากถือมาจากครัวเท่านั้นเอง
“คุณน้าดาทำครับ ม่อนก็แค่เอาไปให้”
“ทำเผื่อเสมอล่ะ” ลุงเอิบยิ้มตอบ “ทั้งกับลุง ทั้งกับแสง”
ม่อนแจ่มมองตามทางที่ผู้อาวุโสพยักพเยิดไป แลเห็นบิดายืนคุยอะไรที่เขาอยู่ไกลเกินจะได้ยินกับคุณน้าลดา มือไม้ชี้ไปมา คุณน้าลดาพยักหน้า อีกเดี๋ยวก็เป็นฝ่ายพูดแล้วบิดาก็พยักรับบ้าง

“ทีแรก ..ก็คิดว่าจะเป็นคู่รักนะ แต่เปล่า เป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนตายกันแท้ๆ”
..
มันเป็นเพียงคำพูดเปรยๆของคนสูงวัยที่ไม่มีเจตนาสื่อนัยยะอะไรมากมาย ทว่า ม่อนแจ่มก็คิดตามคำพูดลุงเอิบ
สายตาที่คุณน้าลดากับคุณพ่อมองกันอยู่ในตอนนี้ ..ไม่ใช่แบบที่เขากับพชรมองกันและกัน
นี่เป็นความสัมพันธ์อีกแบบ ..เป็นของคนที่เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง ที่ทำงานด้วยกัน ช่วยเหลือกันมาเนิ่นนาน และม่อนแจ่มก็เคยเห็นสายตาเช่นนี้มาก่อนแล้ว

           ไม่มีเวลาสำหรับรับประทานอาหารเที่ยงมากมายนัก คนงานทุกคนรีบร้อนไม่ต่างจากเมื่อวาน
ม่อนแจ่มเองก็ด้วย เขาพยายามทำสถิติเขมือบเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วันนี้เขามีปิ่นโตเป็นของตัวเอง ซึ่งคุณน้าลดาเป็นสปอนเซอร์ให้ ม่อนแจ่มไม่ลืมที่จะแจกจ่ายมะเขือยาวชุบไข่ทอดไปทั่วๆวง

ตะวันยามบ่ายทำงานอย่างซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ แผ่นหลังม่อนแจ่มมีเหงื่อซึม แต่ถ้าเขาเดาไม่ผิด ซึ่งไม่หรอก ในวันนี้ การห่อผลลิ้นจี่จะแล้วเสร็จ เขาได้ยินคนงานพูดกันว่านี่เป็นโซนสุดท้าย
โย่วๆ.. ลิ้นจี่ที่รัก เดือนหน้ามาเจอกับพี่ม่อนใหม่นะจ้ะ
มือบางที่เป็นสีแดงจัดเพราะการใช้งานซ้ำๆสัมผัสผลเล็กๆสีเขียวเหลือบแดงอย่างทะนุถนอม ..จากต้นเป็นใบ จากใบเป็นดอก จากดอกเป็นผล ให้คนได้กิน

ม่อนแจ่มเรียนวิศวกรรมจึงถูกหล่อหลอมเสมอว่าวิศวกรคือ ‘ผู้สร้าง’
อย่างไรก็ตาม วันนี้เขาเรียนรู้ว่าไม่ใช่แค่วิศวกรเท่านั้นที่เป็นผู้สร้าง หลายคน หลายอาชีพก็เป็นผู้สร้าง ขึ้นอยู่กับว่าสร้างอะไร ..เช่นเดียวกับเกษตรกรที่เป็นผู้สร้าง ‘อาหาร’
ดวงตาในกรอบแว่นกวาดมองไปรอบๆ กระทั่งหยุดอยู่กับร่างสูงที่คุ้นเคย..

“ม่อน!”

หืม?
เสียงพ่อนี่..

“ครับพ่อ!” ม่อนแจ่มหันไปมอง ตอบรับฉะฉาน ..พ่อมีอะไรให้ช่วย สั่งม่อนมาโลด
“พอแล้วล่ะนะ” แสงรวียกมือห้าม
“ที่เหลือคนงานเขาทำกันเอง ม่อนกลับไปอาบน้ำเตรียมตัวกลับมอได้แล้ว ไปหาคุณพชรเถอะไป”

อะ..
ม่อนแจ่มอ้าปากจะค้าน แต่ผู้เป็นบิดาเดินมาปลดตะกร้าใส่กระดาษห่อผลกับตอกออกจากบ่าเล็กของเขา
“พ่อเอาไปทำต่อเอง”
“พ่อครับ”
“คุณลดาจะเป็นห่วงนะถ้าออกเย็นเกิน แล้วไปถึงค่ำ ..พ่อก็ด้วย” แสงรวีบอกเร็วๆ
“ไปหาคุณพชรนะม่อน พ่อจะไปต่อตรงนู้น รีบห่อให้เสร็จวันนี้”
“อะ.. ครับ ครับพ่อ” ม่อนแจ่มรับคำไม่ใคร่จะเต็มเสียงเท่าใดนัก มองตามแผ่นหลังปราดเปรียวที่เคลื่อนไหวรวดเร็วไม่สมขนาดตัวไปยังลิ้นจี่ต้นอื่น

บ่ายสามแล้ว.. ม่อนแจ่มก้มลงมองนาฬิกา ก่อนเงยมองไปทางที่เห็นพชรยืนอยู่ก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม พชรไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว ร่างสูงก้าวยาวๆมาทางม่อนแจ่มนี่เอง
เห็นดังนั้น ขาสั้นจึงเดินเข้าไปหาด้วย ย่นระยะทางกว่าจะได้พบกันให้สั้นลง

“เหนื่อยหรือเปล่า?”
..คำถามฮิตที่ยังคงไม่หลุดจากชาร์จของพชร
ม่อนแจ่มยิ้ม ส่ายหน้าเช่นเดิม ดวงตาเปล่งประกายมองผู้ชายตรงหน้าอย่างชื่นชมโดยไม่ปิดบัง
“อะไร?” พชรไม่เข้าใจสายตา
“เก่ง..” ม่อนแจ่มถอนหายใจ แต่ปากยิ้ม “เก่งอ่ะ เก่ง.. แบบเก่งมากจนไม่รู้จะบรรยายยังไง”
“ใครเก่ง?”
“มึงไง..”
“ยังไง”
“ก็..” ม่อนแจ่มอธิบายไม่ถูก ได้แต่มองไปรอบๆ เห็นงานที่กำลังจะแล้วเสร็จ
มันเป็นไปได้ยังไงที่เด็กหนุ่มวัยนี้ วัยเดียวกันกับเขา แทนที่จะแค่เรียน พอเวลาว่างก็เที่ยวเล่นหาความสำราญเบิกบานใจ กลับทำงาน ทำมานาน แล้วงานมากมายขนาดนี้ ดูแลสวนที่ใหญ่ขนาดนี้ จน..

“กูไม่ได้เก่งกาจอะไร” พชรตระหนักในความคิดคนตรงหน้าจนได้
“มึงก็เห็นอยู่” หน้าคมพยักพเยิดไปทางคนงานกลุ่มใหญ่ที่ยังคงเร่งมือห่อผลลิ้นจี่ “..มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของพวกเขาทั้งนั้น”

ม่อนแจ่มมองตามสายตาพชร ..แล้วก็หันมามองพชรอีกที
พชรพูดอะไรคล้ายๆที่เคยได้ยินจากคุณพ่อพจน์ ..เวลาไปตรวจโรงงาน ท่านมักจะพูดเสมอไม่ให้ม่อนแจ่มลำพองว่าตัวเป็นหัวหน้า เป็นลูกเจ้าของบริษัท แต่ให้ระลึกว่ากิจการดำเนินไปได้ก็เพราะคนที่กำลังทำงานอยู่ตรงนั้น
ไม่มีพวกเขา เราอยู่ไม่ได้ ..ต้องเคารพ ต้องให้เกียรติ ตระหนักในสถานะตนเองและวางตัวให้เหมาะสม

พชรเองก็เหมือนกัน..
แม้เจ้าตัวจะไม่ได้พูดคุยเล่นหัวกับคนงานด้วยไม่ใช่นิสัย ทว่า ในแววตา ม่อนแจ่มเห็นความเคารพ ..และในการกระทำ ม่อนแจ่มเห็นการให้คุณค่า

          “พชร ม่อน!”
เพชรลดาสาวเท้ามาหาคนทั้งสอง ส่งกุญแจรถให้ลูกชาย “กลับบ้านกันก่อนเถอะ จะได้อาบน้ำอาบท่าเสีย อย่าออกเย็นนัก เดี๋ยวจะค่ำ แม่เป็นห่วง”
พชรพยักเข้าใจ ม่อนแจ่มเองก็เข้าใจเช่นกัน เพราะบิดาบอกไว้ก่อนแล้ว

วันนี้วันอาทิตย์ พรุ่งนี้ก็วันจันทน์ ต้องไปเรียนตามปกติ
ม่อนแจ่มมาเช้าเมื่อวานและจะกลับเย็นวันนี้ แต่กลับรู้สึกยาวนานกว่าสองวันมากมายนัก คงเพราะความผูกพันที่ก่อตัวขึ้นในบรรยากาศอบอุ่นเช่นนี้นั่นเอง

กลับก็กลับ.. แต่ม่อนแจ่มจะหอบความรู้สึกนี้กลับไปด้วยให้มากเท่าที่จะมากได้
เอากลับไปฝากคุณแม่และคุณพ่อพจน์..
ความรู้สึกที่ได้จากที่นี่ ..ที่ที่มีพชร คุณน้าลดาและคุณพ่อแสงรวีของเขา

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

(ต่อรีฯถัดไป)

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1058 เมื่อ05-02-2017 23:09:22 »

           เป็นม่อนแจ่มที่พชรให้อาบน้ำก่อนอีกแล้ว
เขาเอาชุดลำลองออกจากกระเป๋าไปผลัดเปลี่ยนในห้องน้ำ รีบดูแลตัวเองให้เสร็จเรียบร้อย ผลัดให้พชรได้อาบบ้าง

แสงแดดจัดยังสาดสะท้อนยอดไม้แม้เวลาใกล้บ่ายสี่โมง ม่านระเบียงและหน้าต่างถูกดึงเปิดหมดให้ห้องไม่เหม็นอับ
ม่อนแจ่มเก็บเสื้อผ้าชุดเดิมแยกใส่ถุงเอากลับไปซักที่หอ ไม่ลืมเอากระดาษแผ่นน้อยเขียนรหัสวิชาซึ่งกรรโชกคืนมาจากพชรเมื่อคืนสอดเก็บไว้เรียบร้อยในกระเป๋าสตางค์
มือเรียวรูดซิบกระเป๋า พลางถอนหายใจน้อยๆ บังเกิดความรู้สึกหลากหลายขึ้นมา เหนือสิ่งอื่นใด เขาคิดถึงบิดาที่ยังอยู่ในสวน คิดถึงรอยยิ้มของท่าน คิดถึงถ้อยคำปลอบโยนใจที่ได้รับแม้ตอนยังไม่ได้เรียกว่าพ่อ ..คิดถึงย่ำค่ำเมื่อวานในบ้านหลังเล็กของท่านขึ้นมา

“พ่อ..” ม่อนแจ่มพึมพำ ว่าแล้วก็คุ้ยกระเป๋า เพื่อจะหาสิ่งที่เขาไม่ได้นำติดมาด้วย
อย่างไรก็ตาม..  บนโต๊ะเขียนหนังสือของพชร ม่อนแจ่มเห็นกระดาษ A4 วางอยู่และดินสอไม้เหลาแหลมเปี๊ยบเคียงกัน

         “แล้วม่อนจะเอากระดาษกับดินสอไหม..”

ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย นึกถึงคำถามที่เขาไม่ได้ตอบเพราะเอาแต่ร้องไห้
เรียวปากอิ่มเผยอยิ้ม ขาก้าวเข้าไปเลื่อนเก้าอี้ไม้ออกและหย่อนตัวนั่งลง
ดินสอไม้ด้ามยาวจับถนัดมือ ลองลงเส้นแล้วก็คมดังที่เห็นจากสายตาว่ามันน่าจะเป็น
ม่อนแจ่มหลับตา ให้ใจเห็นภาพที่จดจำได้ ..ท่ามกลางต้นลิ้นจี่เรียงราย บุรุษร่างเล็กใส่แว่นตายืนยิ้มร่า

   อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่พชรไม่ได้รีบร้อน เขาเพียงยืนพิงกรอบประตูระเบียง มองม่อนแจ่มมีสมาธิกับการจรดปลายดินสอ
คนบางคนก็มองเพลินจนเขาไม่สนว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร กระทั่งมือเรียวนั้นวางดินสอ แล้วค่อยๆม้วนกระดาษเก็บป้องกันการยับนั่นแหละ พชรจึงนึกได้ว่าต้องหาอะไรมาให้ใช้รัด

ร่างสูงก้าวออกไปที่ระเบียง เปิดตู้และดึงลิ้นชักเก็บของงานซ่อมจิปาถะออกมา พบเชือกป่านเส้นเล็กในนั้น มือใหญ่ใช้คัตเตอร์ตัดออกมาให้ยาวพอประมาณ ก่อนเอาเข้าไปส่งให้ม่อนแจ่ม

“ขอบคุณ พชร”
ม่อนแจ่มยิ้ม รับเส้นเชือกมาผูกปมแรกและผูกซ้ำเป็นรูปโบว์ พลางคิดว่าพชรเหมือนโดเรม่อนในบางที แม้ลักษณะจะไม่ใกล้เคียงเลยก็ตาม
 
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

         “แม่ครับ” เสียงเข้มส่งเรียก เดินเคียงมาด้วยร่างเล็ก
“คุณน้าลดาครับ”
ม่อนแจ่มมองหา ..ท่านนั่งรถกลับมาด้วยกันนี่นา อยู่ที่ครัวหรือเปล่า

“จ้ะ”
แล้วก็เป็นจากครัวจริงๆที่เพชรลดาเดินออกมา
ร่างเพรียวก้าวกระฉับกระเฉง ยื่นกระปุกพลาสติกส่งให้ม่อนแจ่ม
“หน้านี้ไม่มีผลไม้เลย กว่าลิ้นจี่จะเก็บได้ก็เดือนหน้า นี่ไปเก็บมะเขือเทศมา กลัวไม่มีของฝากม่อน”
..
มะเขือเทศนั้นเป็นผักที่หน้าตาสะสวย แต่ม่อนแจ่มไม่ชอบกิน ยังเคยโดนป้าเพ็ญดุคราเขี่ยออกจากผัดเปรี้ยวหวาน
ทว่า ตอนนี้ เขาตัดสินใจว่าจะกินและรู้ว่าต้องเริ่มชอบมะเขือเทศแน่นอน
“ม่อนกินครับ ม่อนชอบ ..ขอบคุณครับ”
“แบ่งกันกินกับเพื่อนเราอีกคนนะ ที่ชื่อไอดิลน่ะ น้าจำไม่ผิดใช่ไหม”
“ไม่ผิดครับ” ม่อนแจ่มส่ายหน้า แล้วก็นึกได้

          “อย่าลืมหนมฝากกูด้วย”

ม่อนแจ่มยิ้ม ..เพื่อนดิ้ลครับ เห็นทีเราต้องทิ้งเลย์ คอนเน่และกูลิโกะไว้ก่อน แล้วปาร์ตี้มะเขือเทศกันแทนนะครับ

มือเรียวรับกระปุกบรรจุมะเขือเทศเชอร์รี่สีแดงอมส้มมา ซึ่งภายในยังมีกระปุกเล็กใส่พริกเกลืออยู่อีกชั้นหนึ่งด้วย
เขากล่าวขอบคุณ ..และรู้สึกว่าจะไม่มีทางจะขอบคุณได้พอ

“กลับกันเสียเถอะ แดดไม่ค่อยจัดแล้ว”
เพชรลดาตบหลังตบไหล่เด็กหนุ่มทั้งสอง เดินนำออกผ่านประตูบ้านและลงบันไดมาส่งถึงรถมอเตอร์ไซค์ดำเขียวที่จอดรอปฏิบัติหน้าที่อยู่

          “แม่ครับ” พชรเรียกสั้นๆและยกมือไหว้เป็นสัญญาณอำลา
แต่ม่อนแจ่มไม่ได้ทำ เขายังลาไม่ได้ ..มันมีบางสิ่งที่ไม่ได้บอก ..และติดค้าง

“พชร” ม่อนแจ่มกระซิบริมไหล่ “ขอพูดกับคุณน้าลดาแป๊ปได้ไหม..”
พชรเลิกคิ้วน้อยๆ แต่ก็เพียงพยักหน้า ช่วยปลดเป้ลงจากบ่าเล็ก รับกระปุกมะเขือเทศจากมือข้างหนึ่งและม้วนกระดาษจากมืออีกข้างมาถือไว้เอง ..ซึ่งม่อนแจ่มก็ไม่เคยหยุดที่จะแปลกใจกับความเอื้อเฟื้อในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆแบบนี้
เขาก้มหน้าซ่อนยิ้ม ก่อนสูดลมหายใจ ขยับเข้าไปยืนตรงหน้าผู้อาวุโสกว่า เรียบเรียงถ้อยคำในหัว
“คุณน้าลดาครับ..”

เพชรลดาเลิกคิ้ว พิจมองเด็กหนุ่มและเห็นความลังเล มือกร้านจึงแตะไหล่บางอย่างปลุกปลอบใจ
“มีอะไร ม่อนก็พูดมาได้เลย”
“คือ.. มีคนฝากบางอย่างจากเชียงใหม่มาให้คุณน้าลดาด้วยครับ”

คน..
จากเชียงใหม่..


“อะไรหรือ..” เพชรลดาถามค่อยๆพลางนึกถึง ‘คน’ และ ‘บางอย่าง’ ที่ว่า
ม่อนแจ่มรวบรวมความกล้า เอื้อมมือไปหา จับมือทั้งสองของคุณน้าลดาไว้ในมือตนเอง

         “ถ้าม่อนไปลำพูน ไปบ้านพชร ..คุณพ่ออยากฝากอะไรไปไหมครับ”
         “ความระลึกถึง..”


“ความระลึกถึงครับ”
เสียงเล็กเอ่ยบอกหนักๆ  ..พยายามส่งผ่านความรู้สึกของคุณพ่อพจน์ออกไปให้ครบถ้วน
ความระลึกถึง.. ความรู้สึกที่มาจากความรักและความทรงจำอันดี

เพชรลดานิ่งไป
บุคคลในความทรงจำก็ยังคงอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน สายสัมพันธ์ระหว่างกันไม่เคยจางจากใจ ทำให้ไม่ได้ยากเกินไปที่จะรับเอาความระลึกถึงที่ว่านั้นมาไว้กับตัว
ทว่า ก็เพียงความรู้สึกเท่านั้นหรอกที่ได้รับอนุญาตให้มีอยู่ ทั้งพจน์และเพชรลดาเข้าใจข้อนั้นดี

“ขอบใจจ้ะ ..ม่อน” ที่สุด เธอก็พยักหน้าช้าๆ
ม่อนแจ่มยิ้ม ดีใจที่ตนเองทำสิ่งนี้เพื่อคุณพ่อพจน์ได้สำเร็จ มือเล็กละออก ประนมขึ้น ก้มศีรษะให้มารดาพชร ขณะที่ใจนึกถึงมารดาตนเอง
“ม่อนขอโทษคุณน้าลดาสำหรับทุกอย่างเลยนะครับ ..ม่อนขอโทษและขอบคุณมากจริงๆ”

เพชรลดากลืนน้ำลาย.. มือกร้านยกขึ้นลูบศีรษะเล็กที่เปียกหมาดนั้นเบาๆ
“ม่อนจะขอบคุณอีกกี่ครั้ง น้าก็ไม่ว่า ยินดีด้วยซ้ำถ้าเราจะมีโอกาสเจอกัน มีอะไรให้ได้ขอบคุณกันอีก”
..
“แต่น้าอยากขอ.. ให้นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ม่อนจะขอโทษ”

ม่อนแจ่มเงยหน้าขึ้นและเพชรลดาก็ดึงตัวร่างเล็กคนรักของบุตรชายมาโอบกอดเอาไว้ ซึ่งเรียวแขนขาวก็กอดตอบอย่างรู้สึกสนิทสนมและผูกพัน
“ตกลงครับ ม่อนจะไม่ขอโทษอีกแล้ว แต่จะขอบคุณ ..อีกหลายๆครั้งเลย”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           ควรจะขึ้นรถแล้ว แต่ดวงตาของม่อนแจ่มก็ยังเพ่งมองปากทางสวนลิ้นจี่ รอรถกระบะคันเก่าที่จะแล่นมา
ซึ่งจนแล้วจนรอด ..ก็ยังไม่มา
พชรและเพชรลดามองหน้ากันอย่างเข้าใจความรู้สึก ..แต่ก็เข้าใจการทำงานด้วย
แสงรวีเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงที่สวนนี้ เป็นคนขยันขันแข็งเหลือเกิน เขาจะไม่เข้าสวนทีหลังหรือออกจากสวนก่อนคนงาน
อย่างไรก็ตาม เวลาเดินไปเรื่อยๆ แสงอาทิตย์ค่อยๆอ่อนลงและเพชรลดาก็เป็นกังวลว่าจะถึงเชียงใหม่ค่ำ พชรจึงตัดสินใจพาดขาขึ้นเบาะ ขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาจากใต้ถุนบ้าน
ม่อนแจ่มกัดริมฝีปาก มือชื้นเหงื่อกำม้วนกระดาษไว้แน่นขึ้น

“ขึ้นมา” พชรสั่ง
“ก..กูขอเอาไปฝากไว้กับคุณน้าลดา-”
“ไม่ต้องฝาก” พชรส่ายหน้า สั่งซ้ำ “ขึ้นมา”

มือแกร่งบิดแฮนด์ เร่งเครื่องให้รถคู่ใจวิ่งไป แต่ไม่ได้ไปตามทางต้นสักเพื่อออกสู่ถนนใหญ่ ทว่า ผ่านต้นไม้เรียงรายเข้าไปยังสวนลิ้นจี่
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลายลงคอ ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะรู้สึกอย่างไร เขาเพียงเกาะเอวพชรไว้ด้วยมือข้างหนึ่งและกำม้วนกระดาษไว้ในมืออีกข้าง

กระทั่งเห็นรถกระบะคันเก่า พาหนะของแสงรวี พชรจึงชะลอจอดมอเตอร์ไซค์
..
“ไปหาพ่อซะม่อน ..บอกพ่อนะ ว่าจะกลับมอแล้ว”
“อื้อ..” ม่อนแจ่มพยักหน้ารับ ก้มเก็บซ่อนน้ำตา เกือบจะยกมือไหว้ขอบคุณพชรขณะกระโดดลงจากรถ

“พ่อ!” ม่อนแจ่มตะโกนลั่นสวนลิ้นจี่ “พ่อครับ!”

ลิ้นจี่ถูกห่อเสร็จหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม แสงรวียังคุมคนงานให้เก็บกระดาษห่อผลและมัดตอกขึ้นรถเพื่อนำไปเก็บไว้ใช้ต่อ
คำเรียกนั้นแหวกผ่านเสียงพูดคุยเข้ามาภายหลังเสียงท่อรอมอเตอร์ไซค์ที่เขาจำได้ว่าเป็นของเจ้านายหนุ่ม บุรุษร่างเล็กก้าวออกมาตามเสียงเรียก

“ม่อน..” แสงรวีหลุดอุทาน คิดอยู่เหมือนกันว่าม่อนแจ่มจะรอลาเขาหรือเปล่า ทว่า งานก็ติดพันจนปลีกไปไม่ได้
ร่างขาวๆเล็กๆวิ่งมาตามทางระหว่างต้นลิ้นจี่เมื่อมองเห็นเขา

“ม่อนมาบอกพ่อว่าจะกลับมอแล้วครับ”
..
..
แสงรวีกัดริมฝีปาก ไม่มีคำจะเอ่ย ขณะมือขาวยื่นบางอย่างมาให้ตรงหน้า
“ของพ่อครับ”

ของแสงรวีหรือ? ม้วนกระดาษนี่
หนุ่มใหญ่ขมวดคิ้ว แต่ดวงตาที่มองมายังเขาสลับกับม้วนกระดาษในมือก็บอกให้แกะเชือกที่รัดนั้นออกเสีย
มือหยาบจึงทำเช่นนั้นและคลี่กระดาษออก

สิ่งที่มองเห็นคือเส้นดินสอ ..ลากเป็นรูปต้นไม้หลายต้นเรียงกัน บนต้นมีอะไรแปลกๆ คล้ายจะเป็นกระดาษผูกอยู่ทั่ว
แสงรวีเงยหน้าขึ้น ดวงตามองผ่านเลนส์แว่นเห็นสิ่งเดียวกันในความเป็นจริงตรงหน้า ..ต้นลิ้นจี่ที่ถูกห่อผล
เขาก้มลงอีกครั้ง ..กึ่งกลางภาพนั้น มีบุรุษสวมแว่นคนหนึ่งยืนอยู่ บนใบหน้ามีรอยยิ้มกว้าง
ไม่มีคำอธิบายใดในภาพ แต่มันก็ยิ่งกว่าง่ายดายที่จะคาดเดาว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใคร..

ลายเส้นแบบนี้ ลักษณะการวาดทำนองเดียวกันนี้ เขาเคยเห็นจากกระดาษที่คุณลดามอบให้
มุมล่างขวากำกับลายเซ็น ลายมือเดียวกันกับในกระดาษของคุณลดาเช่นกัน.. ทว่า เขียนไม่เหมือนกันเสียทีเดียว
ของคุณลดานั้นเป็น ‘Mon Cham of Mechanical Engineering’  แสงรวีจำได้ ทว่า ที่เขาถืออยู่ในมือนี้ ไม่ใช่..
แสงรวีพิจมอง.. แปลความหมาย..

‘Mon Cham, Son of Sunshine’

Sunshine.. แสงแดด..
แสงแดด.. แสงจากพระอาทิตย์..
รวี.. แปลว่าพระอาทิตย์
แสงรวี คือ แสงอาทิตย์
แสงรวี คือ แสงแดด
แสงรวี คือ.. Sunshine

Son of Sunshine คือ.. ลูกชายของแสงรวี

แสงรวีก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะแปลกลับไปกลับมาทำไม ..ที่รู้คือ มือหยาบของเขาม้วนกระดาษกลับคืนด้วยความเร็วเหลือเชื่อและคว้าเอาตัว ‘ลูกชาย’ มาโอบกอดไว้หนักๆ สายตามองเห็นเจ้านายหนุ่มยืนอยู่ข้างรถมอเตอร์ไซค์โมตาร์ด พาหนะคู่ใจ ..พาหนะที่นำม่อนแจ่มที่นี่
ริมฝีปากหนานั้นยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเพียงบางๆ ทว่า มันมหาศาลนัก

ขอบคุณครับ คุณพชร

แสงรวีขยับริมฝีปากโดยไม่มีเสียง รู้ว่าคนคนเดียวกันนี้จะพาลูกเขามาที่นี่อีกครั้งและคงจะหลายๆครั้ง

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           ม่อนแจ่มกลับเป็น ‘ม่อนน้อยหมวกแดง’ อีกครั้ง เมื่อพชรพากลับมาที่บ้านเพื่อเอาหมวก อำลามารดาอีกทีและพาเขาซ้อนท้ายไปตามทางซึ่งสองข้างเป็นต้นสักและออกสู่ถนนใหญ่มุ่งหน้าสู่เชียงใหม่

พชรขี่ผ่านเส้นทางเดิมที่ม่อนแจ่มจำได้ อย่างไรก็ตาม เขาต้องแปลกใจเมื่อมอเตอร์ไซค์ค่อยๆชะลอจอด เมื่อป้ายข้างทางบอกสัญลักษณ์ ..เมืองเชียงใหม่เลี้ยวขวา ..เมืองลำพูนเลี้ยวซ้าย

“ม่อน เหนื่อยหรือเปล่า”
ม่อนแจ่มงงๆ แต่ก็ปากก็ตอบฉะฉาน “ไม่เหนื่อย”
“เสียเวลาสักครึ่งชั่วโมงได้ไหม”
ห๊ะ..
ม่อนแจ่มยังคงงง แต่เขาก็จะไม่ตอบเป็นอื่น “กี่ชั่วโมงก็ได้”

พชรหลุดหัวเราะนิดหนึ่ง ส่ายหน้าน้อยๆกับความน่ารักของคนข้างหลัง รู้สึกถึงความไว้เนื้อเชื่อใจที่ไม่คลอนแคลน
เขาดึงหน้ากากหมวกกันน็อคลง เลี้ยวซ้ายเข้าเมืองลำพูน..

‘วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร’

ใจกลางเมืองลำพูนคือที่ที่พชรนำมา..
ม่อนแจ่มปลดหมวกกันน็อค กระโดดลงจากรถ ขณะพชรปลดหมวกออกเช่นกันแล้วอธิบาย
“วัดคู่บ้านคู่เมือง กูยังไม่ได้พามาไหว้”

ม่อนแจ่มยิ้ม ดวงตาในกรอบแว่นกวาดมองรอบๆ เดินตามหลังพชรไป
พระบรมธาตุหริภุญชัยทำให้นึกถึงพระบรมธาตุดอยสุเทพ ด้วยลักษณะและสีทองอร่ามของเจดีย์ที่ใกล้เคียงกัน รวมถึงฉัตรที่เคียงอยู่ด้วย

“พระธาตุประจำปีระกา” เสียงเข้มเอ่ยบอก ทำให้นึกได้
“เฮ้ย กูเกิดปีระกา!” ม่อนแจ่มอุทาน พชรพยักหน้า ..ก็ปีเดียวกัน
ม่อนแจ่มมองศิลปกรรมที่วิจิตรงดงามตรงหน้า มิวายจะสงสัย
ไม่ได้ตั้งใจจะลบหลู่นะ ม่อนแจ่มแค่สงสัย มือขาวยกขึ้น ประมาณเด็กวิศวฯเครื่องกลมีคำถาม
“กูไม่รู้ว่าทำไมถึงมีพระธาตุประจำปีเกิดอะพชร”
“เป็นความเชื่อของคนล้านนา” เด็กปรัชญาและศาสนาอธิบาย
“ประมาณว่า.. สัตว์ประจำปีนักษัตร ซึ่งของเราก็คือไก่ จะนำดวงวิญญาณมาพำนักที่เจดีย์ก่อน แล้วถึงจะไปปฏิสนธิในครรภ์ ก็เลยเป็นสิริมงคลน่ะ ถ้าจะได้มากราบไหว้พระธาตุประจำปีเกิด”

ม่อนแจ่มไม่สนว่าพชรจะเชื่อตามความเชื่อนั้นหรือไม่ ..หรือพชรคิดว่ามีอะไรอยู่ภายใต้ความเชื่อนั้น
เขาสนว่าพชรอุตส่าห์พามา.. บอกให้ฟัง.. ตอบคำถาม..
 
“พชรมาบ่อยไหม?” ม่อนแจ่มชวนคุยยิ้มๆ
ไม่บ่อยหรอก ..พชรส่ายหน้า
“แล้วพชรเคยขอพรอะไรบ้างไหม?”

เคยขอพรไหมหรือ?
พชรนิ่งไป ..คำขอเดียวที่เคยมีในชีวิตปรากฎชัดในความทรงจำ

        พรใดๆที่เป็นของผม ผมขอมอบมันให้ ..เขา
        ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้น ขอให้ดวงใจของเขาได้รับการปลอบประโลมด้วยพรอันดีทั้งหลายนี้
        ขอให้ขาของเขายังยืนได้อย่างมั่นคง ขอให้รอยยิ้มสดใสอยู่คู่กับใบหน้า
        ขอให้ประกายระยิบระยับยังอยู่ในดวงตา  ขอ.. อย่าให้มันทำลายความร่าเริงของเขาเลย


“เคย”
พชรไม่โกหก

ม่อนแจ่มหันมามองอย่างสนเท่ห์ คนสายขรึมแบบพชรนี่หรือเคยขอพร
บางที.. มันอาจเป็นอะไรที่สำคัญมากจริงๆ
ม่อนแจ่มห้ามตัวเองไม่ให้ถามว่าพชรขออะไร กระนั้น.. เขาก็ยังอยากรู้ว่าพชรได้รับพรนั้นหรือไม่ ซึ่งนั่นสำคัญกว่า
“แล้ว.. อะไรๆเป็นไปอย่างที่พชรหวังหรือเปล่า”

พชรหันมามองคนพูด เห็นดวงตาภายใต้กรอบแว่นแดงที่เปล่งประกาย รอยยิ้มซึ่งคุ้นตาประดับอยู่บนริมฝีปากอิ่ม ..ใบหน้าคมพยักรับ

ม่อนแจ่มยิ้มกว้างกว่าเดิม ..เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
มือเรียวประนมมือไหว้พระบรมธาตุหริภุญไชย ..ความอิ่มเอมเต็มล้นอยู่ในใจ
ม่อนแจ่มไม่มีสิ่งใดจะขอเลย ถ้าจะมี.. ก็มีเพียงสิ่งที่จะขอบคุณ

ขอบคุณ ..สำหรับพรใดก็ตามของพชรที่เป็นจริง
ขอบคุณ ..ที่คนลำพูนได้อยู่ดีมีสุข ซึ่งในจำนวนนั้นก็คือ พชร คุณน้าลดาและคุณแสงรวี ศรีแม่ทา บิดาของม่อนแจ่มเอง

          ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปางนำม่อนแจ่มผ่านเข้าเขตจังหวัดเชียงใหม่ในที่สุด
แสงสีส้มสุดท้ายทอดเป็นลำยาวพาดผ่านถนน จังหวัดลำพูนถูกทิ้งห่างอยู่เบื้องหลัง หน้าขาวเอี้ยวหันกลับไปมองอย่างอยากจดจำ
นี่เป็นสุดสัปดาห์ที่งดงามมาก ..มากจริงๆ

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

จะให้เสร็จตั้งแต่วันอาทิตย์ที่แล้ว ยามเย็นๆ แดดร่มลมตก ตามบรรยากาศเรื่อง ..ก็มิได้นำพา  :mew5:
ขอบคุณคนอ่านเช่นเดิมครับ

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1059 เมื่อ05-02-2017 23:20:29 »

 :กอด1: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
« ตอบ #1059 เมื่อ: 05-02-2017 23:20:29 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1060 เมื่อ05-02-2017 23:22:44 »

 :L2:

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1061 เมื่อ05-02-2017 23:26:42 »

ม่อนแจ่มน่ารักกก พชรก็น่ารักก รักทุกคนในเรื่องเลยย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1062 เมื่อ05-02-2017 23:41:15 »

อบอุ่น ประทับใจ
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ continued

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1063 เมื่อ05-02-2017 23:42:31 »

อบอุ่นเหลือเกิน อ่านแล้วอิ่มเอมมากๆ

ถึงจะแอบให้พชรหลอกแต๊ะอั๋งม่อนบ้างก็ไม่มีเล้ยยยย

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1064 เมื่อ05-02-2017 23:48:12 »

ซาบซึ้ง ตราตรึงใจ   :mew2:

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1065 เมื่อ05-02-2017 23:52:42 »

ร้องไห้อีกแล้ว ซึ้งตอนเขาล่ำลากันพ่อลูก ลูกชายของพ่อ ทำไมหนูน่ารักแบบนี้นะม่อน อยอุ่นใจมากค่ะเรื่องนี้
น้าลดารักและเอ็นดูม่อนมาก น่ารักที่สุดอ่ะ แล้วตอนที่ พชร ขอพรให้ม่อนก็น่ารักมาก ม่อนเองก็เช่นกัน
ซึ้งใจในความปรารถนาดีที่เขามีให้กัน

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1066 เมื่อ06-02-2017 01:07:40 »

ซึ้งมาก หวานมาก มันอุ่นซ่านไปทั่วหัวใจ ไ่รู้บอกยังไง โอย.....

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1067 เมื่อ06-02-2017 01:26:09 »

คำขอบคุณกี่คำถึงจะพอนะ รักเรื่องนี้จริงๆ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1068 เมื่อ06-02-2017 05:53:36 »

 :กอด1: :L2:we

ออฟไลน์ INK@PANTIP

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1069 เมื่อ06-02-2017 07:05:20 »

 :L1:เป็นคนเขียนที่ดีมากๆๆงานหนึ่งหวายซาบชึ้งจนน้ำตาตกเป็นตอนๆเลยคะ. ว่าแต่งานเขียนอื่นๆมีไหมคะอยากอ่าน
 :sad4: :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
« ตอบ #1069 เมื่อ: 06-02-2017 07:05:20 »





ออฟไลน์ rujaya

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1070 เมื่อ06-02-2017 07:17:32 »

อบอุ่นและประทับใจจริงๆ น้ำตาไหลอีกแล้ว  :กอด1:

ออฟไลน์ uniko

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1071 เมื่อ06-02-2017 09:44:33 »

ไม่รู้จะบรรยายยังไง มันอบอุ่นหัวใจมากมาย :กอด1:

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1072 เมื่อ06-02-2017 10:55:12 »

โอ้ยยยย ขอมอบประโยคของเพลงนี้ให้คู่นี้  :กอด1:  :กอด1:
ขอให้ความรักที่เกิดขึ้นมานั้นอยู่ ตลอดกาล
ขอให้ความรักที่เกิดขึ้นมานั้นเป็น รัก นิรันดร์
ขอให้ความรักที่เกิดขึ้นมานั้นอยู่ ตลอดกาล
ขอให้ความรักที่เกิดขึ้นมานั้นเป็น รัก นิรันดร์

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1073 เมื่อ06-02-2017 11:04:43 »

มันอบอุ่นมันดีไปหมด :heaven

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1074 เมื่อ06-02-2017 11:22:03 »

 o13   ละมุนสุดๆท่ามกลางสวนลิ้นจี่และหมู่ดาว
ชอบตอนที่ม่อนกับพ่อร้องเพลงกันค่ะ บรรยากาศแบบนี้มันช่างมีค่าเหลือเกิน  :mew1: 
ขอบคุณค่ะ มาต่ออย่างยาวสะใจ

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1075 เมื่อ06-02-2017 11:38:13 »

อ่านตอนนี้แล้วน้ำไหลตลอด 5555555
ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
ม่อนน่ารักมากๆ บรรยากาศอบอุ่นเหลือเกิน

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1076 เมื่อ06-02-2017 12:54:09 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ automaton

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1077 เมื่อ06-02-2017 13:37:23 »

ม่อนแจ่มน่ารักมากกกกกกกกกกกก
ได้เห็นบรรยากาศของคนที่จิตใจดีมาอยู่รวมกันมันช่างร่มเย็นเป็นสูข
เราแค่ได้อ่านก็พลอยเป็นสุขไปด้วย  :music:
 :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1078 เมื่อ06-02-2017 13:57:44 »

 :3123: :3123: :3123:  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :3123: :3123: :3123:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: SWEET SURRENDER 5/2/60 CH.34 Ein Schönes Wochenende (Part IV) P.36
«ตอบ #1079 เมื่อ06-02-2017 14:16:58 »

พระธาตุหริภุนไชย งามมาก
พชร ขอพรให้ม่อนด้วย
เพราะม่อน เป็นคนสำคัญของพชร
ม่อนเจอพ่อแสงรวีแล้ว Mon Cham, Son of Sunshine  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
พชร ม่อน  น่ารัก มุ้งมิ้ง มากเลย  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด