SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SWEET SURRENDER 1/11/60 พิเศษ SWEET DREAM P.42  (อ่าน 322099 ครั้ง)

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1110 เมื่อ13-02-2017 20:44:07 »

 :กอด1:

ออฟไลน์ automaton

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1111 เมื่อ13-02-2017 20:46:59 »

อย่างฮาวิธีการส่งงานของพชร ถามใครไม่ถาม ไปถามเกรียนตัวพ่อ
แล้วบทนี้รู้สึกได้ว่าพชรคงจะซึมซับเชื้อเกรียนจากไอดิลและม่อนเข้าไปบ้างแล้ว
จากการตอบคำถามอาจารย์และตอนคุยกับม่อน เอ๊ะ หรือว่าจริง  ๆ แล้วพชรเป็นคนเกรียนแบบเงียบ ๆ
แต่ยังไงความน่ารักของน้องม่อนก็ชนะเลิศ มีการขอไปอยู่กับเขาด้วย กลัวถูกทิ้ง  :m20:
ยังยีนยันคำเดิมว่าสนับสนุนให้ทำเรื่องนี้เป็นหนังสือด้วย อยากซื้อไว้
 :pig4:

ออฟไลน์ graciej

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 148
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1112 เมื่อ13-02-2017 21:54:16 »

จะจบแล้ว ไม่ได้เตรียมใจเลย o22

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1113 เมื่อ13-02-2017 22:48:24 »

ชอบวิธีที่หนุ่ม ๆ ปรัชญาส่งการบ้านจริง ๆ น่าเอ็นดู
ชอบ...เพราะพชรเป็นอย่างนั้น ม่อนแจ่มเลยเป็นอย่างนี้

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1114 เมื่อ14-02-2017 09:19:21 »

เขาแค่มองตาก็รู้ใจกันพชร&ม่อนแจ่ม

ขอบคุณคนเขียนที่สร้างพชรกับม่อนแจ่มมาให้รู้จัก

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1115 เมื่อ14-02-2017 12:03:33 »

อ่านมาถึงบรรทัดสุดท้าย อ้าวนี่จบแล้วเหรอ แงงงงง
ทำไมยังอยากอ่านอีกกกกก
 

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ รักพชร กับม่อนแจ่มจังเลย

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1116 เมื่อ14-02-2017 12:26:23 »

 :pig4: :L2:

ออฟไลน์ Babelilong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 304
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • Facebook  เข้ามาขอเป็นเพือนได้เลย
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1117 เมื่อ14-02-2017 19:32:18 »

 :katai5: :katai5: :katai5:

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ KilGharRah

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +169/-0
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1118 เมื่อ15-02-2017 21:12:14 »

ชอบบบบบ เธอที่เป็นแบบนั้น ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ งืออออออ  :hao5:

จะจบแล้วอ่า รู้สึกยังอยากอ่านต่ออยู่เลย รู้สึกเหมือนเป็นส่วนนึงของเรื่องไปแล้ว  :กอด1:

ออฟไลน์ FeaRes

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1119 เมื่อ15-02-2017 22:17:03 »

จะจบแล้ววว ใจหายเลย ชอบเรื่องนี้มาก ไม่อยากให้จบเลยยย

ชอบม่อนแจ่มกับพชรมากๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ รอนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
« ตอบ #1119 เมื่อ: 15-02-2017 22:17:03 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sb_ng

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1120 เมื่อ17-02-2017 20:39:44 »

พชรกับม่อนนี่แบบเข้ากับคำที่ว่า มองตาแล้วรู้ใจ มากกกกๆ
เรื่องพ่อม่อนก็ผ่านพ้นไปในระดับนึง แอบอยากเห็นฝั่งผู้ใหญ่เค้ามีโมเมนต์อยู่กันเป็นคู่บ้าง
แต่มันก็อาจจะยากไป(หรือเปล่า) แค่นึกถึงกัน เป็นความทรงจำที่ดีก็โอเคละเนอะ
ชื่นชมม่อนในเรื่องพ่อเลยอ่ะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับได้อย่างรวดเร็ว เก่งมากม่อนแจ่มมม
การที่ม่อนสามารถผ่านเรื่องต่างๆไปได้นี่เพราะตัวเอง คนรอบข้าง และที่สำคัญคือพชรเลยจริงๆ
ความห่วงใยของพชรนี่โคตรสัมผัสได้เลย ใส่ใจมากๆด้วย ฮือออ พ่อคนดีงามมม
มีคนคอยเป็นห่วงเป็นใย ใส่ใจขนาดนี้นี่มันดีจริงๆเลยเนอะม่อนนน อิจฉาจังค่ะ 555555555
ส่วนปรัชญาของพชรนี่ทำเอามึนๆไปพร้อมอาจารย์เลย
เห็นเงียบๆก็มีความเกรียนซ่อนอยู่เหมือนกันเนอะ ขำที่อาจารย์ยังคงฝังใจกับพ่อน่ารัก 5555555

ใจหายมากที่จะจบแล้ว ยังคงอยากติดตามเรื่องราวของพชรกับม่อนแจ่มอยู่เรื่อยๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1121 เมื่อ18-02-2017 11:55:13 »

น้ำตาที่ไหลเพราะอะไร เพราะจะจบแล้ว เพราะตื้นตันอิ่มเอมใจ เพราะน่ารักแสนดีทำให้มีความสุข
คงต้องบอกว่าทุกๆเพราะที่เอ่ยมารวมถึงที่ไม่ได้เอ่ยและเอ่ยไม่ออกคือคำตอบ
เพราะรักจึงอ่านและเพราะอ่านจึงรัก เป็นปรัชญาที่ป้าได้จากเรื่องนี้ ขอบคุณนะคะ
รออ่านepilogue :กอด1:

ออฟไลน์ monkey_saru

  • ทำไมหัวใจถึงเอียงซ้าย...*
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1122 เมื่อ18-02-2017 14:00:23 »

ไม่ได้อ่านนานมาก คิดถึงพชรกับม่อนแจ่มมากๆเลย

จบแล้วหรอเนี่ย  รวมเล่มด้วยไหมค้าบบ อยากได้

ออฟไลน์ Haruya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1123 เมื่อ18-02-2017 22:47:19 »

พชรรักม่อนเหลือเกิน รักจนยอมเจ็บเอง
มันบริสุทธิ์มาก

ความรักของคุณพจน์ เพชรลดา และพ่อแม่ของม่อนเช่นกัน

เพิ่งรู้ว่าดิ้งรักพ่อมากๆๆๆ

เขียนได้ซาบซึ้งมากค่ะ

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1124 เมื่อ18-02-2017 23:38:58 »

ตอนสุดท้ายแล้ว  :mew2:

ตลกพชร อะไรจะหน้าตาตื่นขนาดนั้น ถึงขั้นต้องโทรปรึกษารุ่นพี่ .. พ่อน่ารักคงวีรกรรมเยอะ อาจารย์ถึงจำแม่น
ม่อนแจ่มน่ารัก มีความมึน หน้าซื่อ แถมมีความตรง 5555

กลัวคิดถึงตาย ถึงกับต้องเอ่ยปากขอ ถ้าจะขนาดนั้น ก็ซื้อบ้านอยู่ด้วยกันเหอะ

ออฟไลน์ Haruya

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1125 เมื่อ19-02-2017 15:46:40 »

คือ มันสวยงามมากค่ะ สวยงามมากจริงๆ
คนเขียนเก่งมาก ^^ ติดตามตอนต่อไปนะ

ออฟไลน์ kunkai

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1126 เมื่อ23-02-2017 19:42:02 »

:o11:   รอน้องม่อน

ออฟไลน์ Raccoooon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +185/-2
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1127 เมื่อ25-02-2017 19:35:28 »

ขอบคุณสำหรับเรื่อราวดีๆ
ติดตามคุณคนเขียนตั้งแต่ยังไม่เข้ามหาลัยจนตอนนี้ใกล้จะจบจากม.แล้ว
ชอบตั้งแต่เรื่องแรกที่ใช้โลเคชั่นเป็นมช. อ่านแล้วเห็นภาพหมดเลยค่ะ555
ตอนนี้เองก็ยังเรียนอยู่ในมช. แต่เพราะคณะที่เรียนทำให้ไม่ค่อยมีกิจกรรมนอกคณะเท่าไหร่ มีแต่ปั่นงานโต้รุ่งอยู่แต่ในคณะ
ทำให้ไม่รู้ว่า เอ้ออ มีกิจกรรมแบบนี้อยู่ในม.เราด้วย55555

เพราะเว้นว่างไม่ได้ติดตามคุณคนเขียนไปหลายปี ตอนนี้ว่างๆเลยลองกลับมาอ่านผลงานของคุณอีกครั้ง
ตอนแรกไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนั้นถึงชอบเรื่องเกรียนนัก
อ่านเรื่องนี้ตอนแรกๆก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนั้นถึงยกให้เรื่องเกรย์เป็นผลงานขึ้นหิ้ง
ตอนแรกคิดเพราะตอนนั้นคงเด็ก อ่านอะไรก็คงชอบ

แต่พออ่านเรื่องนี้ไปเรื่อยๆถึงเข้าใจแล้วว่า
ทำไมเราถึงตกหลุมรักผลงานเขียนคุณซ้ำๆเช่นนี้

ในตอนแรกๆวิธีเขียน การสะบัดสำนวนไม่ค่อยชัดเท่าตอนหลังๆ มีแค่เจ้าม่อนโวยวายไปมาเท่านั้น
คิดว่าเนื้อเรื่องคงไม่มีอะไร
แต่ที่จริงแล้วคุณคิดเนื้อเรื่องมาแน่นมาก ทุกประโยคมีความหมายกับเนื้อเรื่อง
ผูกปม แก้ปม วางจังหวะได้ดีจนหยุดอ่านไม่ได้ เราอ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
ชอบสำนวนในช่วงท้ายๆมาก สวยจนไม่รู้จะพูดยังไงเลย
บางคำก็ได้แต่อุทานว่า เห้ย คิดได้ยังไง
มันตื้นตันใจมากจริงๆ

พอเล่นประเด็นครอบครัวแล้วยิ่งอ่อนไหวค่ะ
น้ำตาคลอเลย
หน่วงแต่ไม่เศร้า
สุขแต่ไม่ยิ้ม
บางช่วงของเรื่องมันเป็นอย่างนี้จริงๆนะ

ขอบคุณที่ทำให้พชรกับม่อนได้เดินทางจนมาอยู่ด้วยกัน
ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆค่ะ

 :L1: :pig4:

ออฟไลน์ automaton

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1128 เมื่อ26-02-2017 19:20:53 »

คิดถึ๊งคิดถึงน้องม่อน เขาไปตะโกนเรียกหน้าบ้านทุกวันรำคาญไหม
 :z12:

ออฟไลน์ beerby-witch

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 565
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1129 เมื่อ03-03-2017 22:05:37 »

เวลาปีๆนึงผ่านไปเร็วจริงๆนะ  จำได้ว่าเมื่อปีที่แล้วเข้ามากรี๊ดปักหมุดไว้แล้วเราก็หายไปเลย  กลับมาทีคือตอนสุดท้าย  อยากขอโทษคนเขียนจริงๆแต่ช่วงเวลาปีที่ผ่านมาเราไม่พร้อมที่จะอ่านอะไรหนักๆ(อันที่จริงคือคิดไปเอง) :mew2: พอได้มาอ่านจริงๆแล้วกลับชอบมาก  ถึงแม้จะเสียน้ำตาไปแต่มันเป็นน้ำตาแห่งความอิ่มเอมและตื้นตัน  น้ำตาแห่งความสุข ดีใจที่ได้อ่านผลงานของคุณอีกครั้ง  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
« ตอบ #1129 เมื่อ: 03-03-2017 22:05:37 »





ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1130 เมื่อ06-03-2017 10:18:56 »

ประกาศตามหาเกรียนลูกๆๆทั้งหลายจ้า (แต่แอบกลัวว่าจะมาอีกทีก็จบเลย  :hao5:)

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1131 เมื่อ06-03-2017 11:18:45 »

 :katai3: :katai3: :katai3: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai3: :katai3: :katai3:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1132 เมื่อ06-03-2017 11:21:50 »

 :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: SWEET SURRENDER 13/2/60 CH.35 And the Story Goes.. P.37
«ตอบ #1133 เมื่อ11-03-2017 01:20:11 »

รักเรื่องนี้  :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
«ตอบ #1134 เมื่อ15-03-2017 21:46:05 »

::EPILOGUE::

          “เดี๋ยวกูก็มาน่า ไม่เห็นต้องทำหน้าแบบนั้น..”
..
มือขาวรับกระเป๋าสะพายที่ถูกหยิบจากบนโต๊ะส่งมาให้ ปากก็พูดไปพร้อมส่งสายตาเป็นประกายไปด้วย

“หน้าแบบไหน?” คนถูกพูดด้วยเลิกคิ้ว
“ก็.. หน้าแบบคิดถึง แบบที่กำลังทำอยู่นี่ไง”
“พูดไปเรื่อย”
แน่ละ.. เป็นพชรที่ส่ายหน้าน้อยๆ อดขำไม่ได้ เพราะออกจะมั่นใจว่าตัวเขาไม่ได้ทำหน้าแบบไหนทั้งนั้นแหละ

ม่อนแจ่มกระชับเป้ไว้บนบ่า ถอนหายใจเบาๆ เหลียวมองรอบๆห้อง
“พชร บอกไอ้ดิ้ลให้ด้วยนะ ว่าอย่าเพิ่งไป”
“อืม..” พชรรับคำ
ไอดิลออกไปกับไอหมอก ในเวลาเย็นแบบนี้ เดาว่าอีกคนน่าจะไปเล่นฟุตบอล ส่วนอีกคนนั้นคงแทะเครปญี่ปุ่นรออยู่ข้างสนาม

          พชรเดินเคียงกับม่อนแจ่มออกจากห้องพร้อมกันเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่แน่ใจ
ทว่า ก็พอนับถ้วนอยู่หรอก เพราะเพิ่งจะเดินไปเดินมาด้วยกันเอาจริงๆเมื่อสองสามสัปดาห์สุดท้ายนี่เอง

“ใครมารับ ม่อน?” พชรเอ่ยถามขณะย่างเท้าอย่างไม่รีบร้อน
“ลุงสมไง” ม่อนแจ่มว่า ยกข้อมือมองนาฬิกาซึ่งเวลาคล้อยสี่โมงเย็น “กูฝากป้าเพ็ญให้บอกลุงสมอ่ะ”
พชรพยักหน้า แล้วก็เงียบกันไป ม่อนแจ่มคิดทบทวนถ้อยคำที่จะพูดกับคุณพ่อคุณแม่ สิ่งที่จะบอก.. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับพ่อแสงรวี
เมื่อเสียงแจ๋วที่มักจะไม่ค่อยหยุดพูดเงียบลง พร้อมทั้งสีหน้าครุ่นคิด มือใหญ่จึงยกขึ้นบีบไหล่เล็กให้กำลังใจเบาๆ
ม่อนแจ่มหันหน้ามามอง ยิ้มให้.. พูดว่าขอบคุณโดยไม่มีเสียง

          Mercedes Benz สีดำเป็นมันวาวจอดอยู่หน้าหอสามชายแล้วเมื่อตอนที่เด็กหนุ่มทั้งสองเดินลงมาถึง
อย่างไรก็ตาม โชเฟอร์ไม่ใช่ลุงสมดังที่ม่อนแจ่มคาด กลับเป็นบุรุษร่างใหญ่ ใบหน้าคล้ายคลึงกับคนที่เดินเคียงมาส่งเขา
นอกจากนี้ ยังมีสตรีรูปร่างระหงในชุดสูทกระโปรงมาด้วยกัน ..ซึ่งการมาของผู้ใหญ่ทั้งสองท่านนี้ พชรคุ้นเคยน้อยกว่าม่อนแจ่ม
นับจากที่โรงแรมเมื่อวันที่รู้สึกคล้ายกับว่าเนิ่นนานมาแล้ว ..นี่เป็นครั้งแรกที่พชรพบกับคุณพจน์และคุณระมิงค์พร้อมๆกัน

ม่อนแจ่มออกจะตกใจอยู่สักหน่อย เขาไม่ได้คิดว่าคุณพ่อคุณแม่จะมารับด้วยตัวเอง ท่านทั้งสองยังคงอยู่ในชุดทำงาน ท่าทางกำลังพูดคุยถกประเด็นอะไรสักอย่างที่คงเป็นเรื่องงานนั่นเอง เพราะเท่าที่ม่อนแจ่มคุ้นเคย คุณพ่อคุณแม่จะเลิกงานห้าโมงไปแล้ว ไม่ใช่สี่โมงกว่าเช่นนี้

เด็กหนุ่มสองคนค่อยๆก้าวเข้าไป.. พร้อมๆกับที่ผู้ใหญ่จับสังเกตการมาถึง

“ส..สวัสดีครับ คุณพ่อ คุณแม่”
“ม่อน ..พชร” ระมิงค์ทัก ดีใจที่เห็นพชรมาด้วย ดวงตาสองคู่ประสานกัน
“สวัสดีครับ คุณระมิงค์” พชรยกมือไหว้ระมิงค์ แล้วก็เช่นกันที่จะ..
“สวัสดีครับ ..คุณพจน์”

รอยยิ้มประดับบนริมฝีปากหนาของผู้อาวุโสกว่า..
นายพจน์ยกมือรับไหว้ กล่าวตอบกลับ “สวัสดีครับ พชร”

ระมิงค์กลืนอะไรขมๆลงในลำคอ ..ห้ามไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจกับคำเรียกขานที่ค่อนข้างห่างเหินเกินสายสัมพันธ์แท้จริงของคนทั้งสอง

“ที่จริงม่อนจะอยู่เก็บของหรือจัดการอะไรๆก่อนก็ได้นะ” 
เธอเบนสายตา ขยับเข้าหาลูกชาย ปัดไรฝุ่นออกจากเรือนผมโดยไม่จำเป็นเลย “ไม่เห็นต้องรีบกลับนี่จ้ะ”

ม่อนแจ่มเพียงยิ้ม ..เขามีเหตุผลที่จะกลับ เพียงแต่มารดายังไม่ทราบเท่านั้นเอง
“ป้าเพ็ญล่อลวงม่อนด้วยบัวลอยอ่ะครับ ม่อนปฏิเสธก็คงน่าเกลียด..”
 นั่นแหละ.. คนที่เหลือจึงพอจะหัวเราะออกมาได้

“ป่านนี้คงทำเสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะ” ระมิงค์ว่าพลางนึกถึงบัวลอยของเพ็ญมาศ แขนข้างหนึ่งโอบบ่าม่อนแจ่ม
สองแม่ลูกเดินทิ้งห่างออกไป ซึ่งพชรรู้ว่ามาจากการจงใจ
นายพจน์เองก็ก้าวช้าไม่สมความยาวของขา อย่างไรก็ตาม พชรก็ไม่ได้เร่งฝีเท้าเหมือนกัน

“พชรสบายดีนะ ..แม่ด้วย”
“สบายดีครับ”  พชรพยักหน้า นึกถึงมารดา นึกถึงสีหน้าและแววตาของท่านตอนที่ม่อนแจ่มนำ ‘ความระลึกถึง’ ส่งมอบให้ที่ใต้ถุนบ้านก่อนเขาทั้งสองจะกลับมาเชียงใหม่
“แล้ว.. คุณพจน์สบายดีหรือครับ”

นายพจน์ชะงัก ..ตกตะลึงกับคำถามจนลืมที่จะให้คำตอบ
ดวงตาสีเข้มหันมาจ้องมองเด็กหนุ่ม ทวนสิ่งที่ได้ยินในหัว

..คุณพจน์สบายดีหรือครับ..

พชรมองตอบกลับไป ไม่ได้หลบสายตา
มันคล้ายจะเป็นคำถามตามมารยาท แต่ก็ไม่ใช่หรอก เพราะสำหรับความพชรนั้น.. ถ้าไม่ได้อยากรู้ เขาจะไม่ถาม
เพียงไม่ครั้ง ไม่กี่ชั่วเวลาที่ได้พบกันในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ย่อมไม่ถึงกับสามารถสร้างความผูกพัน ..แต่ก็นั่นแหละ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันค่อยๆลบล้างความว่างเปล่า
หูพชรแว่วได้ยินคำว่า ‘พ่อ’ ที่ม่อนแจ่มเรียกลุงแสง คำที่เขายังไม่อาจเรียกคนตรงหน้า

“ผม..”

นายพจน์รอฟัง แต่เหมือนอีกฝ่ายยังไม่มีคำจะเอ่ย
บุรุษวัยห้าสิบเพียงยิ้มอ่อนบาง ถือวิสาสะค่อยๆเอื้อมมือแตะไหล่แกร่ง ใบหน้าคมส่ายนิดหนึ่ง
พชรเป็นเด็กดี ..ดีเกินไป
ไม่ควรต้องรู้สึกเสียใจ หรือแม้แต่ลังเลสับสนกับเรื่องที่ไม่ใช่ความผิดตัวเอง
นายพจน์ไม่เรียกร้องอะไรทั้งนั้น เชื่อเถอะว่าเขาพอใจกับคำเรียก ‘คุณพจน์’ แล้ว
แค่เพียงลูกชายอยากสื่อสารกับเขาเพียงพอที่จะยอมเรียก เท่านั้นมันก็เป็นคำเรียกที่น่ายินดี ไม่ว่าจะเป็นคำใดก็ตาม

         ระยะจากบริเวณหน้าประตูใหญ่ของหอดูไกลมากกว่าเคย กว่าจะถึงรถเบนซ์ซึ่งจอดอยู่
ระมิงค์กับม่อนแจ่มยืนรออยู่ก่อนแล้ว ดวงตาในกรอบแว่นแดงมองคนมาทีหลังทั้งสองสลับไปมา อ้อยอิ่งสายตาอยู่ที่พชร ..มองอย่างห่วงใยความรู้สึก
ซึ่งพชรก็ยิ้มตอบบางๆ ..เป็นสัญญาณว่าเข้าใจ

“พชร..”
นายพจน์ลังเลกับสิ่งที่จะเอ่ย พยายามให้น้ำเสียงฟังดูสบายๆและเป็นกันเองที่สุด ไม่ปรารถนาจะให้ผู้ฟังต้องอึดอัดใจ
“..ไปเที่ยวไหมครับ?”

หืม?
พชรเลิกคิ้ว เกือบจะต้องแปลความหมายของถ้อยคำนั้นซ้ำ แต่ชั่วอึดใจก็ตระหนักได้

ม่อนแจ่มเองกลืนน้ำลายลงคอ กึ่งกล้ากึ่งกลัวปฏิกิริยาตอบกลับ ขาที่เริ่มสั่นก้าวมาเคียงร่างใหญ่ผู้ที่ให้ความเคารพในฐานะบิดาเพื่อแสดงการสนับสนุนถ้อยคำชักชวนนั้น ..ก่อนจะขยับเข้าใกล้คนรักอีกครั้ง กระซิบริมไหล่
“ท..ที่บ้านไม่มีอะไรมากหรอก เป็นบ้านธรรมดา อ่าม.. ป้าเพ็ญทำอาหารอร่อยนะ
ต้นไม้ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ว่ามีต้นสักกับต้นลำไยด้วย คุณพ่อปลูกเองล่ะ..”

ระมิงค์ไม่พูดอะไร  ทว่า พยายามมองดวงตาคมกล้าของเด็กหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าทั้งที่ใจหวั่นไหว ..ปรารถนาให้รู้ ว่าความรู้สึกของเธอไม่ได้ต่างไปจากนายพจน์และม่อนแจ่มเลย

พชรนิ่งไป ..ก่อนที่ใบหน้าคมสันจะส่ายน้อยๆอย่างที่ทุกคนพอจะคาดได้
ม่อนแจ่มกัดริมฝีปาก สอดมือเล็กบีบมือใหญ่เป็นเชิงขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ

“เอาไว้คราวหน้านะครับ..”  พชรก้มศีรษะลงอย่างสุภาพ

เดี๋ยวสิ..
เดี๋ยวก่อน
จริงอยู่.. ที่มันเป็นคำปฏิเสธ
ทว่า คำปฏิเสธแบบนี้ จากคนที่รักษาคำพูด..

ม่อนแจ่มเงยหน้าขึ้น อ้าปากนิดๆ ดวงตาในกรอบแว่นเบิ่งโตกว่าปกติ มองพชรค้างจนคนถูกมองต้องตบไหล่เบาๆ ดันไปข้างหน้า
“กลับบ้านได้แล้วไป”
“พ..พชร!” ม่อนแจ่มยืนนิ่ง เรียกชื่อศักดิ์สิทธิ์ลิ้นแทบจะพันกัน
“กลับ-บ้าน”
พชรย้ำคำ ..และด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างบนใบหน้านั้นและน้ำเสียงเรียกนั้นทำให้เขาเผยอยิ้มออกมาจนได้
 
         นายพจน์นั่งประจำที่คนขับ ระมิงค์นั่งเบาะหลัง
ส่วนข้างคนขับเป็นที่ของม่อนแจ่มซึ่งขึ้นรถหลังสุดและพชรเองเป็นคนเปิดประตูให้ ลืมตัวว่านี่ไม่ใช่ประตูห้องสามสามแปด

ม่อนแจ่มลงกระจก ดวงตาในกรอบแว่นแดงมองออกมา ..ความรู้สึกหลากหลายเข้าปะทะอีกครา
อย่างไร มันคงจะไม่จางหายไปง่ายๆ
เขา.. พร้อมหน้าบิดามารดาร่วมนามสกุลบนรถเบนซ์
พชร.. ยืนอยู่ตรงนั้น บนบาทวิถี

ร่างสูงมองตา ส่ายหน้าน้อยๆ ..รู้จักอีกฝ่ายดีจนไม่ยากที่จะเข้าใจความรู้สึก
ศีรษะพชรค้อมลง มือข้างหนึ่งแตะขอบหน้าต่างรถ ข้างหนึ่งแตะลงบนศีรษะเล็ก ประทับน้ำหนัก
“เดี๋ยวเจอกัน..”

ม่อนแจ่มค่อยๆยกมือขึ้นสัมผัสมือหยาบกร้านที่ทาบเรือนผมเขาเอาไว้ 
พชรไม่ได้พูดอะไรต่อ  เพียงแต่มองกลับมา นัยน์ตาคมกล้าคู่นี้อีกแล้ว..
แววตาของพชรเป็นหลักฐานของสิ่งที่ม่อนแจ่มมักจะได้ยินใครต่อใครเอ่ย ‘การให้อภัยคือการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด’
มันยิ่งใหญ่จริงๆ..
การให้อภัย ความใจกว้าง ความมีเมตตา ..สิ่งต่างๆเหล่านั้นส่งผ่านจากคนหนึ่งถึงคนอื่นๆที่เหลือ
มันเยียวยา มันปลอบประโลม ..มันล้ำค่าราวกับชีวิตของคนในรถทั้งสามคนขึ้นอยู่กับมัน

..มันเป็นพรวิเศษ..

“ขอบคุณมากนะ พชร”
..
พชรเพียงยิ้ม ตอบกลับไปตรงตามความรู้สึกในใจ  “ไม่เป็นไร”

           Mercedes Benz ออกห่างบาทวิถี ล้อหมุนช้าๆตามความเร็วจนปะปนกับรถคันอื่นๆบนถนน
และเมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น รถก็ทิ้งห่างจนเกือบจะลับสายตาไป
แต่มันไม่เป็นไร.. เพราะพชรรู้ว่าเดี๋ยวเขาก็จะได้พบม่อนแจ่มใหม่อีกครั้ง คงแค่สองสามวันเท่านั้นเอง
และแม้จะเป็นเช่นนั้น ..ดวงหน้าขาวใส่แว่นกรอบแดงก็ยังแนบกระจกมองกลับมาหาเขาอยู่ดี

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

           มันไม่ใช่ความรู้สึกยากลำบากเหมือนครั้งแรกที่กลับมาหลังจากความจริงปรากฏ
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นครั้งที่ม่อนแจ่มกลับบ้านประดิษฐาพงศ์หลังจากไปเยือนสวนเพชรหละปูน

         “บัวลอยพร้อมเสิร์ฟนะคะ”
เหมือนทุกครั้ง.. ป้าเพ็ญผู้อวบอิ่มและใจดีโอบกอดม่อนแจ่ม กระซิบถ้อยคำที่แสดงความรัก
ความรัก.. ม่อนแจ่มทบทวนคำนามนี้ในหัว
การได้รับความรักเป็นสิ่งพิเศษ และ การให้ความรักก็เป็นสิ่งมหัศจรรย์
โชคดีแค่ไหนแล้วล่ะ ที่ชีวิตคนคนหนึ่งมีทั้งสองอย่าง

ขาเรียวย่างช้าๆเข้าไปภายในบริเวณสวน เดินมาตรงนี้ก่อนที่จะเข้าตัวบ้านด้วยซ้ำ
การปลูกต้นไม้เป็นหลักฐานของความรัก..
ม่อนแจ่มมองต้นสักใหญ่ที่แผ่ใบไปจนแทบสัมผัสกับต้นลำไย นึกถึงผืนผ้าฝีปักงดงามลายอักษร ‘P’ สี่ตัว ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย
การปักผ้าก็เป็นหลักฐานของความรักได้เหมือนกัน..

          “ม่อน..”
มือแกร่งแตะลงเบาๆที่ริมไหล่ ม่อนแจ่มหันหลังกลับไปมอง
หยาดน้ำตารื้นขึ้นในดวงตา แต่ริมฝีปากก็เผยอยิ้มบางๆ ..ซึ่งคุณพ่อพจน์ก็ยิ้มตอบกลับมา
“ไม่เป็นไรนะ”

ม่อนแจ่มเกือบจะหัวเราะทั้งที่ร่ำๆจะร้องไห้
‘ไม่เป็นไร’ เป็นคำติดปากของพชร แล้วตอนนี้ บิดาแท้จริงของเจ้าตัวเป็นคนเอ่ยด้วยเนื้อเสียงเข้มขรึมคล้ายคลึงกัน

“ไม่เป็นไรครับ” หน้าเรียวพยักรับ มองตาผู้ที่ยอมรับนับถือเป็นบิดา
“คุณพ่อครับ..”
ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย หยุดกัดริมฝีปากชั่วขณะ
ความทรงจำ ณ สวนเพชรหละปูนภายในห้วงเวลาเพียงสองวันหนึ่งคืนแจ่มชัดอยู่ในใจ..
ท้องฟ้า ผืนหญ้า ต้นไม้ ผู้คนดีๆ ความมีน้ำจิตน้ำใจ การงานที่ต้องทำ
เขาบอกแล้ว ..ว่าจะเก็บเอาสิ่งต่างๆเหล่านั้นกลับมาฝากคุณพ่อพจน์
 
“บ้าน.. บ้านไม้ ยกพื้นสูง สะอาด เป็นระเบียบ เรียบร้อย ..มีสวนผักไว้รับประทานหลังบ้าน มีสวนผลไม้สมบูรณ์สุดลูกหูลูกตาสมเป็นเกษตรกรตัวอย่าง ..เป็นผู้หญิงผมยาวชอบผูกหางม้าที่ปักผ้าสวยเหลือเกิน ..ทำกับข้าวก็อร่อย
แล้วที่สำคัญ.. มีลูกชายที่ขยัน รู้งาน เก่ง เก่งมากๆ”
..
“ม่อนส่งความระลึกถึงจากคุณพ่อให้แล้วนะครับ ..ให้คุณน้าลดา”

นายพจน์รับฟังถ้อยคำเหล่านั้น ไม่กล้าพระพริบตาราวกับกลัวมโนภาพจะจางหายไป
“ขอบใจมากลูก”

แขนใหญ่โอบไหล่เล็กเข้ามาใกล้ รู้สึกถึงความสนิทสนมกับลูกชายต่างสายเลือดที่แน่นแฟ้นยิ่งกว่าหลายปีที่ผ่านมา
“แล้วพ่อของม่อนล่ะ น่ารักเหมือนม่อนหรือเปล่า หืม?”

ฮ่ะๆ..
น่ารักหรือเปล่าหรือ? ม่อนแจ่มหลุดหัวเราะเมื่อนึกถึงพ่อแสงรวี
“ก็.. พชรเหมือนคุณพ่อพจน์ยังไง ม่อนก็เหมือนคุณพ่อแสงอย่างนั้นแหละครับ”

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

        หลังมื้ออาหาร ตบท้ายด้วยบัวลอยและตามด้วยบทสนทนาเกี่ยวกับชีวิตมหา’ลัยอันยืดยาวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ สามคนพ่อแม่ลูกก็แยกย้ายทำกิจธุระส่วนตัว

ม่อนแจ่มหามุมสงบ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดหมายเลขโทรด่วน หมายฟังเสียงขรึมที่จะส่งมาตามสาย
..
“อืม..”
“รับสายห่างเหินเนาะคนเรา” เสียงเล็กแสร้งทำน้อยใจใส่
“อ่า.. ก็..”  พชรอ้ำอึ้ง แล้วนี่ม่อนแจ่มจะให้พูดยังไง?
“ม่อน”

ม่อนแจ่มหลุดหัวเราะเมื่ออีกฝ่ายเพียงเรียกชื่อ
แต่ก็นั่นแหละนะ ..การเรียกชื่อที่ใช้เวลาเทอมกว่ากว่าจะถูกเรียกนี่มันก็แสดงความใกล้ชิดแล้วไม่ใช่หรือไง

“จะบอกว่ากู ..เรียบร้อยดีนะ พชร”
“แล้ว.. คุยอะไรกับพ่อแม่หรือยัง?”
“ก็.. คุยกับคุณพ่อแล้ว แต่ยังไม่ได้คุยกับคุณแม่เลย” ม่อนแจ่มกัดริมฝีปากอย่างลังเล
“พชร ..กูจะพูดยังไงดี”
“ถามกูน่ะนะ” พชรเกือบหัวเราะ “กูดูเหมือนพูดเก่งหรือ?”
“หงะ..” ม่อนแจ่มเบะปาก พชรพูดน้อย ไม่ใช่พูดไม่เก่งสักหน่อย บทจะพูดขึ้นมาล่ะก็นะ ..เห็นมาหลายทีแล้ว
“ม่อน” เสียงเข้มจริงจังขึ้นมา แต่ขณะเดียวกันก็ปลอบโยนให้คลายใจ
“อย่าไปเครียดเลย แค่.. ค่อยๆพูด พูดตามที่เป็นจริง”
..
“มึงถามถึงพ่อกับกู จำได้ไหม? กูก็บอกว่าอยู่ลำพูน มึงไปบ้านกู ได้เจอพ่อ คุยกัน เข้าใจกัน”

อื้อ.. ก็ใช่..
ฟังดูไม่ยากเท่าไหร่ ตลกดีที่คราวนี้คนพูดมากต้องให้คนพูดน้อยคอยชี้แนะ

“แค่พูดถึงพ่อเท่านั้นเองม่อน พูดอย่างที่มึงเห็นลุงแสงเป็นนั่นแหละ”

อื้อ.. ก็จริง..
ม่อนแจ่มฉีกยิ้มแม้ว่าพชรจะมองไม่เห็น
“ขอบคุณงับ”

จะมางับอะไรล่ะ?
พชรหลุดหัวเราะอีกครั้ง นึกอยากให้เจ้าของเสียงอยู่ใกล้ๆ อยากกอดร่างเล็กไว้แนบลำตัว อยากงับ..
โอเค พชรอาจกำลังคิดมากไป
เขาสะบัดหัวนิดหนึ่ง ขับไล่จินตนาการที่เริ่มลามกของตัวเอง ยังคงหัวเราะอยู่..

ม่อนแจ่มเผลอกดโทรศัพท์จนแนบสนิทกับหู ไม่อยากพลาดแม้แต่เสียงที่เบาที่สุด
เสียงหัวเราะของพชรเป็นขั้นกว่าของรอยยิ้ม
มันดีเหลือเกิน ..จนบางครั้งม่อนแจ่มรู้สึกว่าดีเกินจริง
แต่ก็นั่นแหละ.. ความดีมันจะจริงไม่ได้เชียวหรือ
ทำไมถึงจะไม่ล่ะ?

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          ดวงดาวทอประกายบนผืนฟ้าสีดำสนิท จุดระยิบระยับแพรวพราวดูห่างไกลไปเบื้องบน
มารดายืนมองอยู่ตรงนั้นดังที่ม่อนแจ่มเห็นท่านทำบ่อยๆ ทว่า เพิ่งตระหนักเมื่อไม่นานมานี้ว่ามีความหมายอย่างไร
หูม่อนแจ่มรู้สึกเหมือนแว่วเสียงร้องเพลงของพ่อ..

ขาเรียวก้าวเข้าไปใกล้ หยุดยืนเคียงร่างระหง

“อ้าว? แม่นึกว่าม่อนหลับแล้วเสียอีก” ระมิงค์สะดุ้งขึ้นนิดหนึ่ง หันกลับมายิ้ม
“แล้วคุณแม่ยังไม่ง่วงหรือครับ”
“นิดหน่อยจ้ะ เดี๋ยวก็จะขึ้นนอนแล้วล่ะ” มือของระมิงค์เอื้อมมาลูบศีรษะบุตรชาย พอใจที่เห็นประกายสดใสในดวงตา
อย่างไรก็ตาม เธอยังรู้สึกแปลบปลาบในใจขึ้นมาเสมอเมื่อตระหนักดีว่าติดค้างบางอย่างกับเด็กหนุ่ม

“ดาวสวยจังนะครับ” ม่อนแจ่มเสมองบนฟ้า
ความเป็นจริงก็คือ.. แสงดาวหม่นๆดูห่างไกลที่เวิ้งฟ้าบ้านประดิษฐาพงศ์นี้สวยสว่างสู้ที่สวนเพชรหละปูนไม่ได้หรอก ทว่า ตราบเท่าที่มันเป็นดาว ม่อนแจ่มก็รู้สึกว่ามันสวยอยู่ดี

“หากคืนนี้มีเรา เพียงสองคน อยากจะขออยู่จน ..แสงดาวจางไป”
ม่อนแจ่มเปล่งเสียงร้อง สังเกตปฏิกิริยาของมารดา ..มือทั้งสองของท่านกำแน่น ริมฝีปากขบเข้าหากัน

“เก็บความรู้สึกดีที่ยิ่งใหญ่ ..ไม่มี แสง แห่งใด สวยดังใจเธอ”

“ม่อน..”
ระมิงค์เรียกเสียงสั่นพร่าฝ่าท่วงทำนอง รู้สึกกดดันขณะหาคำพูดในเรื่องที่ไม่รู้จะพูดอย่างไรเพราะไม่รู้รายละเอียดปัจจุบันเลย

“คุณแม่ครับ..” ม่อนแจ่มเอ่ยแทรก ตั้งใจจะทำลายความกดดันทั้งหมดนั้นเสียเอง
เขาเอื้อมบีบมือมารดา ช่วยคลายฝ่ามือที่กำแน่นออก

พชรบอกว่าไม่ต้องเครียด แค่พูด ..พูดไปตามที่เป็นจริงๆ
แล้วความจริงมันก็แค่..
“ม่อนพบคุณพ่อแล้วนะครับ”

ระมิงค์ขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจ..
พบคุณพ่อหรือ? หมายความว่ายังไงพบคุณพ่อ
ก็.. คุณพจน์ไปรับม่อนแจ่มมาเองอย่างไร เธอเองก็ไปด้วย

“ม่อนหมายความว่า.. ม่อนพบคุณพ่อน่ะครับ” ม่อนแจ่มขยายความ
“คุณพ่อแสงรวี”

‘แสงรวี’
ชื่อนี้จารึกอยู่ในใจ ..แต่เป็นชื่อที่ระมิงค์ไม่เคยพูดออกไปให้ม่อนแจ่มได้ยิน
แต่วันนี้ ตอนนี้ กลับเป็นม่อนแจ่มที่เอ่ยออกมา

“ม่อน” ระมิงค์อ้าปากค้าง ดวงตาหวั่นไหวมองลูกชาย
“ม่อนหมายความว่าอะไร ได้ยังไง!

ม่อนแจ่มสูดลมหายใจ ค่อยๆอธิบาย
“เมื่อเดือนก่อน ม่อนไปลำพูนมา ..คุณพ่อทำงานที่สวนของพชรครับ”

พชร ..ระมิงค์รู้อยู่แล้วว่าแสงรวีรู้จักกับเด็กหนุ่มด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ทำงานด้วยกันนี่เองหรือ
แล้ว.. ม่อนแจ่มไปพบ

“พชรเรียกคุณพ่อว่าลุงแสง” ม่อนแจ่มอดยิ้มไม่ได้ขณะนึกถึงบรรยากาศ
“คุณพ่อเป็นคนดูแลสวน เป็นคนคุมคนงาน เป็นคนที่คุณน้าลดาและพชรไว้วางใจมากที่สุดเลยครับ”
ม่อนแจ่มบรรยายสรรพคุณ ทว่า ระมิงค์ยังคงนึกภาพไม่ออก
คนเป็นลูกชายนึกเสียดายนักที่ไม่ได้ขอเซลฟี่กับคุณพ่อเพื่อเอามายืนยันกับคุณแม่ให้ท่านเห็นชัดๆ
แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก..

“แสงรวี ศรีแม่ทา..” 
ม่อนแจ่มระบุชื่อชัดเจน ค่อยๆเอ่ยแต่ละคุณลักษณะออกมาช้าๆ ภาพบิดาชัดเจนอยู่ในมโนสำนึก
“ตัวเล็ก ใส่แว่น เล่นกีต้าร์เก่ง ..ร้องเพลงเพราะ”
ดวงตารื้นหยาดน้ำเงยมองสบกับมารดา “ถูกคนใช่ไหมครับ”

ระมิงค์ไม่มีคำใดจะเอ่ย
หยาดน้ำตาที่กลั้นไว้ไหลพร่างพรูลงมาตั้งแต่ ‘ตัวเล็ก’ ‘ใส่แว่น’ แล้ว
มือเรียวละมาปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นไว้ จะเสียใจก็ไม่ใช่ จะดีใจก็ยังไม่กล้า กลัวบทสนทนานี้จะเป็นเพียงความฝัน

ม่อนแจ่มสอดแขนโอบกอดมารดาเอาไว้
เขาบอกแล้วว่าจะกลับออกจากสวนเพชรหละปูนโดยหอบความรู้สึกจากที่นั่นมาด้วยให้มากที่สุด ..และเขาพยายามใส่ทั้งหมดนั้นเข้าไปในกอดครั้งนี้
“ไม่เป็นไรแล้วนะครับ คุณแม่”

‘ไม่เป็นไร’
คำเล็กๆ ..แต่ความหมายยิ่งใหญ่
คำเดียวกับที่ออกจากปากพชรวันนั้นและคำเดียวกับที่ออกจากปากแสงรวีก่อนที่จะจากกันไป
วันนี้ เธอได้ยินจากม่อนแจ่ม

คำพูดของลูก เสียงของลูก สัมผัสของลูกตอกย้ำว่านี่คือความจริง
ตัวเล็ก.. ใส่แว่น.. เล่นกีต้าร์เก่ง.. ร้องเพลงเพราะ..
ฟังเหมือนคำโฆษณาอะไรสักอย่าง
ฮ่ะๆ..
บ้าจริง
บ้า..

ก็แค่คำบอกเล่าถึงแสงรวี
ก็แค่.. คำบอกเล่าที่มาจากลูกชายของแสงรวี

ระมิงค์ร้องไห้.. แต่มันก็เป็นการร้องไห้ที่ใจยินดี
ร้องเพราะทำผิด ร้องเพราะน้ำใจจากคนดีๆ
ร้องเพราะต่อจากนี้ ระมิงค์จะไม่เป็นไร ..ม่อนแจ่มบอกว่าระมิงค์ไม่เป็นไรแล้ว

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “มีอะไรให้ม่อนช่วยไหมครับ?”
..
เพราะเห็นคิ้วหนาที่ขมวดมุ่น ดวงตาคมที่หรี่ใช้ความคิด และเอกสารที่ถืออยู่ในมือแม้เวลาล่วงดึกสงัด ม่อนแจ่มจึงถามออกไป
“อ้าว ม่อน ยังไม่นอนอีกหรือ?” นายพจน์ฉงน “เข้ามาสิลูก”

ม่อนแจ่มก้าวผ่านประตูไปในห้องทำงานของบิดา “ม่อนกวนคุณพ่อหรือเปล่าครับ”
“เปล่าๆ” นายพจน์ส่ายหน้า “แค่ตรวจสอบอะไรนิดหน่อยน่ะ ไตรมาสที่ผ่านมาออกผลิตภัณฑ์ใหม่หลายอย่าง”

ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย ค่อยๆเอ่ยออกไปให้หนักแน่น
“ปิดเทอมแล้ว เดี๋ยว.. ม่อนเข้าไปช่วยนะครับ ..ที่บริษัท”

นายพจน์ชะงักนิดหนึ่ง วางเอกสารลงบนโต๊ะ ก่อนขยับเข้าใกล้ลูกชายมากขึ้น
“ม่อน..” เสียงเข้มหยุดไป พยายามหาคำพูด
“พ่อขอบใจมากสำหรับตลอดเวลาที่ตั้งใจช่วยงานพ่อ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน แต่.. พ่ออยากให้ม่อนเข้าใจว่าพ่อจะไม่บังคับให้ม่อนทำนะ”

นายพจน์เข้าใจความรู้สึกม่อนแจ่ม ..ความรู้สึกที่ว่าควรเป็นพชร
แล้วนายพจน์ก็เข้าใจอีกว่าพชรจะไม่เข้ามาหา ซึ่งก็มีเหตุผลหากว่าม่อนแจ่มจะหันหลัง

“อะไรที่ม่อนลำบาก ม่อนกระอักกระอ่วนใจ ม่อนไม่ต้องฝืนเพราะเห็นแก่พ่อ..”

ฝืนหรือ..
ม่อนแจ่มทบทวนในใจ นึกถึงเด็กหนุ่มรูปร่างสูงที่เดินไปเดินมาท่ามกลางต้นไม้ซึ่งให้ผลิตผล ..เป็นผู้นำ เป็นผู้รู้ เป็นผู้ดูแล
พชรถูกหล่อหลอมมาในสวน ไม่ต่างจากที่ม่อนแจ่มถูกหล่อหลอมมาในบริษัท

“ม่อนศรัทธาการบริหารงานของคุณพ่อเสมอ และม่อน.. ยินดีถ้าจะได้เป็นส่วนหนึ่ง”
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใด..
ไม่เกี่ยวว่าหากตามสายเลือด เขากับคนตรงหน้าแท้จริงเป็นเพียงคนอื่นคนไกล
เขาแค่อยากช่วย เต็มใจจะช่วย เต็มใจจะมอบแรงกายแรงใจเพื่อพัฒนา PP Group ให้ดำรงอยู่ยั่งยืน

“แต่ว่าม่อนอยากขอร้องคุณพ่อแค่เพียงอย่างเดียวได้ไหมครับ”
ม่อนแจ่มหรุบตาลงต่ำ แต่แล้วก็เงยขึ้น มองประสานผู้อาวุโสกว่า “คุณพ่ออย่าให้ม่อนแต่งงานกับใครได้ไหมครับ..”

คนฟังอึ้ง ..เกือบจะหลุดหัวเราะออกมาเสียให้ได้
“ม่อน..” นายพจน์ส่ายหน้า “นึกว่าพ่อไม่ได้เรียนรู้อะไรจากการบังคับแต่งงานเลยหรือ”

“ม่อนขอโทษครับ” ม่อนแจ่มรีบเอ่ย “แต่ว่า.. คุณพ่อรักกับคุณน้าลดามาก คุณแม่เองก็รักกับคุณพ่อแสงมาก เพราะอย่างนั้น มันคงมีเหตุผลดีๆ ถึงทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ต้องยอมแต่งงานกัน มันคงไม่ใช่แค่การหัวอ่อนหรือไม่กล้าขัดคำสั่งอะไรแค่นั้น หรอก มันคงมีเดิมพันเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า..”

ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย เอ่ยออกไปตรงๆ 
“คุณพ่อครับ.. ม่อนไม่อยากคิดอะไรล่วงหน้าไปไกลมากนัก แต่ว่า.. ถ้าม่อนขอพูดไว้ก่อนเลยได้ไหมครับ
ม่อนเป็นผู้ชาย แล้วพชรก็เป็นผู้ชาย และเราก็ไม่..”

ไม่.. อะไรบ้าง ม่อนแจ่มก็ยังคิดออกไม่หมด
การที่ผู้ชายคนหนึ่ง ลูกชายคนหนึ่ง มีคนรักเป็นผู้ชายอีกคน อาจต้องแลกอะไรมาบ้างทั้งสำหรับตัวเองและพ่อแม่
ไม่แต่งงาน..
ไม่มีบุตร..
ไม่ควงแขนออกหน้าออกตาในสังคม..


นายพจน์โอบไหล่เล็กเข้าหาลำตัว เป็นครั้งที่สองของวันที่โอบกอดบุตรชาย
มีลูกมาแล้วสิบเก้าปี ..เขาเพิ่งเรียนรู้เมื่อไม่นานมานี้
ขอแค่เป็นพ่อแม่ได้ชื่อว่ามีลูกเป็นคนดี ..ขอแค่ลูกของพ่อใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข
ที่เหลือมัน..

“ไม่เป็นไร”

นายพจน์ไม่ตำหนิบิดามารดาของตนเอง ยิ่งไม่ตำหนิบิดามารดาของระมิงค์
ใช่.. พวกท่านมีเหตุผล แล้วเหตุผลนั้นก็สำคัญจริง
แต่.. นายพจน์ก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ทำแบบเดียวกัน
ต่อให้เขาจะต้องสูญเสียอะไรไปก็ตาม เขาจะไม่มีวันยอมให้ลูกชายสูญเสียคนที่ตัวเองรัก

..ไม่ว่าลูกชายคนใด..

ถ้าความรักของลูกนั้นยั่งยืนไปจนล่วงพ้นวัยหนุ่ม มีหัวใจที่มั่นคงต่อกันจนวันสุดท้ายจริงตามที่ตั้งใจไว้วันนี้
คนเป็นพ่อก็มีแต่จะยินดีกับความเข้มแข็งและสัตย์ซื่อของลูกเท่านั้นเอง

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2017 22:32:55 โดย INDY-POET »

ออฟไลน์ INDY-POET

  • อินดี้กวีเกรียน✍
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +918/-22
Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
«ตอบ #1135 เมื่อ15-03-2017 22:10:39 »

            ห้องสามสามแปดที่คับแคบดูกว้างขวางเกินไปเมื่อม่อนแจ่มไม่อยู่
พชรเกือบนึกกลัว เพราะจำความรู้สึกตอนม่อนแจ่มออกไปอยู่คอนโดได้ดี
มันเงียบ มันเหงา มันอ้างว้างว่างเปล่า อย่างที่ไม่เคยนึกว่าคนอย่างเขาจะมีวันรู้สึกอะไรเช่นนั้น

แต่นี่ไม่ใช่หรอก.. ม่อนก็แค่กลับบ้านเท่านั้นเอง
พชรมองโทรศัพท์ค้างอยู่อีกนาน แม้ปลายสายจะตัดไปแล้ว กระทั่งได้ยินเสียงคุ้นๆแว่วมาจากระเบียงห้องติดกัน ..ห้องของไอหมอก

“โง้ยย.. ไม่อยากเก็บของ ไม่อยากย้าย”
   
เสียงไอดิล รูมเมทวิศวฯสิ่งแวดล้อมนั่นเอง
พชรเงยมอง จำที่ม่อนแจ่มสั่งความไว้ได้ “บอกไอ้ดิ้ลให้ด้วยนะ ว่าอย่าเพิ่งไป”   

ร่างสูงขยับลุกจากเตียงล่างที่นั่งพิงอยู่ ก้าวช้าๆ มุ่งหน้าไปที่ระเบียง คงต้องไต่ถามไอดิลเสียหน่อยว่าจะย้ายออกวันไหน
เกิดออกไปก่อนม่อนแจ่มกลับมา เจ้าตัวคงเสียใจแย่

          “หอก็หาได้แล้ว เก็บของเถอะ จะได้กลับบ้าน ไม่คิดถึงพ่อๆหรือไง” ไอหมอกเอ่ยเย้าๆ ดังข้ามกำแพงระเบียง
“คิดถึง!” ไอดิลสวนทันควัน “แต่กูคิดถึงเพื่อนม่อนด้วย ไม่อยากแยกจากมันเลย”
ฮ่ะๆ! ไอหมอกหลุดหัวเราะ
“เรียนคณะเดียวกันไม่ใช่หรือได้ข่าว”
“เจอที่คณะกับเจอในหอมันเหมือนกันที่ไหน” ไอดิลเถียง ทำเสียงจริงจัง
“หมอก มึงลองนึกภาพกูกับไอ้ม่อนน้อยปาร์ตี้ขนมกันที่คณะท่ามกลางไอ้พี ไอ้แฝดนรกและแขกรับเชิญมากมายซิ”

พชรยังต้องยิ้ม..
ขนาดแค่จินตนาการยังน่ารัก
แต่.. เขาก็ต้องยอมรับว่าไม่อยากให้ไอดิลชวนม่อนแจ่มทำอะไรอย่างนั้นเลย

“แล้วนี่ไม่กลับห้องไปหาม่อนล่ะ หืม?”
“ไม่เอา ปล่อยให้มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกับพชรเหอะ กว่าจะถึงวันนี้ ไอ้ม่อนแทบกระอักแน่ะ”

อ่าม..
พชรไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร ได้แต่ยืนกลืนน้ำลายอย่างไม่ค่อยสงบนัก เมื่อไอดิลเริ่มต้นทำสิ่งที่เรียกว่า ‘เมาท์มอย’ เพื่อนซี๊ชัดเจนเต็มสองหูเขา

“ไอ้ม่อนน่ะชอบพชรตั้งแต่แรก กูจะบอกให้ ไม่งั้นไม่วิ่งไล่ตามขนาดนั้นหรอก”
“อ่าฮะ” ไอหมอกครางรับ พึมพำ “ทีเรื่องคนอื่นดันฉลาดขึ้นมา..”
“นี่กูยังไม่ฉลาดเท่าไหร่นะ” ไอดิล (ซึ่งยังไม่รู้ตัวว่าโดนประชด) เอ่ยต่อ
“ตอนรู้ว่ามันไปหาพชรที่คณะนั่นแหละ กูถึงเริ่มสงสัยขึ้นมา พอถามว่าชอบพชรหรือเปล่า
ไอ้ม่อนนี่สะดุดยอดหญ้าล้มลงไปนอนกับพื้นหน้าคณะวิศวฯเลยนะ แถมลุกขึ้นมาโวยวายว่าพชรไม่พูดกับมันมั่งล่ะ
มันแทบจะคลานเข่าเข้าหาขอให้พูดด้วยมั่งล่ะ แต่ถามว่าปฏิเสธไม่ชอบเขาไหม ไม่มี๊ ไม่มีแม้แต่ครึ่งคำ
แม่ง กูน่าจะแน่ใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว นี่มานึกได้ทีหลัง ตอนที่นับวัน มันยิ่งทำอะไรเพี้ยนๆไปเรื่อย นอนจ้องหน้าพชรงี้
ตะโกนน้อยใจที่จำตัวเองไม่ได้งี้ แทบจะพลิกห้องหาเศษกระดาษที่พชรเขียนรหัสวิชาให้งี้ โอ๊ย กูขำ..”

พชรยืนนิ่ง ..แทบจะเห็นภาพม่อนแจ่มแสดงกิริยาเหล่านั้น แม้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด
ไม่รู้จะขำดีหรือสงสารม่อนแจ่มดี แว่นแดงเอ๊ย..

“แล้วตอนเปิดเทอม มึงจำได้ไหม ทั้งที่กลัวผีขนาดนั้น มันยังอุตส่าห์มานอนคลุมโปงอยู่หอก่อนตั้งหลายวัน หวังว่าจะเจอพชรเร็วๆ แถมหกคะเมนตีลังกาทำความสะอาดห้องทั้งที่ตัวเองเป็นภูมิแพ้อีก..”

พชรจำรอยยิ้มแรกของเทอมใหม่ที่หน้าประตูวันนั้นได้
ม่อนแจ่มดีใจที่ได้พบเขา แต่พชรสิ เมินเฉยกับเจ้าตัวหนักยิ่งกว่าเก่าเสียอีก

ตอนนี้เป็นพชรบ้างที่ต้องรอ เป็นพชรบ้างที่ต้องทำความสะอาดห้อง เป็นพชรที่จะช่วยเก็บของให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมจะย้ายหอ

แดดเชียงใหม่ไม่สนุกนัก แต่พชรก็ไม่เดือดร้อนที่จะขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจวนไปทั่วทั้งหน้ามอและหลังมอ หาหอพักที่เหมาะสม
ไว้ค่อยให้ม่อนแจ่มเลือกอีกทีแล้วกันว่าจะอยู่ที่ไหน

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

         “พชร!”
เสียงเรียกชัดถ้อยชัดคำลั่นห้องเช่นนี้จะเป็นของใครเสียอีกล่ะ
คนยิ้มยากเผยอยิ้มทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อตนเองภายหลังเสียงเคาะประตู

ม่อนแจ่มทำท่าจะโผเข้าหาพชรทั้งยังไม่ปลดเป้ลงจากบ่า ทว่า มีอีกคนโผล่มาจากระเบียงเสียก่อน
“อะ.. ไอ้ดิ้ล” แขนเรียวที่ตั้งท่ากางออกชะงักกึก
ไอดิลหรี่ตา ยิ้มล้อเลียน “เลือกเลย จะกอดใครก่อน”

อะ..
ม่อนแจ่มอึกอัก กึ่งเขินกึ่งขำ จำต้องหุบแขนเดินตรงไปหาไอดิล ลอบหันมายิ้มอ่อนให้พชร
“ดีจริงที่มึงยังไม่ไป”
“ไปได้ไง พชรบอกเดี๋ยวมึงมา ให้รอมึงก่อน”
“อื้อ!” ม่อนแจ่มพยักลำคอพอใจ “แล้วนี่ตกลงมึงอยู่หอไหน ไอ้ดิ้ล”
“อยู่หลังมอ ฝั่งประตูวิจิตรฯน่ะ”
“อ่าฮะ อยู่ห้องเดียวกับหมอกสิ”
ไอดิลพ่นลมหายใจ “เปล่า”
“อ้าว” ม่อนแจ่มประหลาดใจ “ทำไมอยู่คนละห้องวะ”
“คนละหอด้วยซ้ำ” ไอดิลระเบิดออกมา “มันไม่ยอมแม้กระทั่งอยู่หอเดียวกับกู ไม่รู้กลัวกูย่องไปปล้ำหรือไง!”

เอ่อ..
ม่อนแจ่มหันมองหน้าพชร เค้นหาคำพูดมาสงบอารมณ์เพื่อนรักที่ทำท่าจะคุขึ้นมาเพราะคำถามของเขา
“หมอกอาจจะกลัวอดใจไม่ไหวย่องไปปล้ำมึงเองก็ได้น่า”
ไอดิลหลุดหัวเราะออกมาจนได้ “มึงคิดบวกมากม่อน”
“ก็แล้วจะคิดลบไปทำไมเล่า มึงสอนกูเองนะ”
“ห๊ะ? กูไปสอนมึงตอนไหน” ไอดิลงุนงง ทุกวันนี้เขายังสอนอะไรตัวเองไม่ค่อยจะได้เลย
“เออน่า สอนก็แล้วกัน” ม่อนแจ่มยิ้มๆ แต่แล้วสีหน้าก็หงอยลง
“กูคงคิดถึงมึงแย่..”
“ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วง!” ไอดิลโบกไม้โบกมือ พร้อมให้คำมั่น “เดี๋ยวกูกับไอ้พีจะไปเยี่ยมเยือนมึงถึงภาคเครื่องกลเลย”
“เอ่อ.. มึงมาคนเดียวได้ไหม” ม่อนแจ่มต่อรอง “เอาไอ้พีไปเก็บตรงช่องวางไข่ ..หรือไม่ก็ช่องผัก”
“ฮ่า! เข้าช่องฟรีสเลยไหม” ไอดิลต่อมุข
“ไม่เป็นไร ให้มันพอลืมตาอ้าปากได้บ้าง”
แล้วไอดิลกับม่อนแจ่มก็หัวเราะ

พชรเพียงยิ้ม..
ไม่ได้เกี่ยวกับเขาโดยตรง แต่เขาก็ยังดีใจที่ได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น
บทสนทนาของรูมเมททั้งสอง คนที่มีน้ำใจต่อเขา คนที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอดเกือบหนึ่งปี

ไม่น่าเชื่อจริงๆว่าหนึ่งปีจะผ่านไปรวดเร็วอย่างนี้ ..และไม่น่าเชื่อยิ่งกว่า ว่าเวลาหนึ่งปีสามารถเกิดอะไรได้บ้าง เราสามารถเติบโตขึ้นได้ขนาดไหน หรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงในชีวิต

          บรรยากาศยามค่ำของช่วงวันที่สิ้นสุดภาคการศึกษาแล้วเงียบเหงาลงไปถนัดใจ
นักศึกษาส่วนใหญ่เก็บของออกไปแล้ว บางคนยังไม่ทันสอบเสร็จย้ายกันเรียบร้อยแล้วก็มี
สมาชิกห้องสามสามแปดเป็นหนึ่งในไม่กี่ห้องที่เก็บของกันแบบเอื่อยเฉื่อย ไม่เร่งร้อน อ้อ.. รวมเด็กวิทยาฯ เคมีห้องสามสามหกอีกคนด้วย

“ก็ว่าตอนมานี่กระเป๋าสองใบเองนะ แล้วไหงตอนจะไปสมบัติมันงอกขึ้นมาเยอะแยะจังวะ” ไอดิลบ่น
“ของกูไม่งอกเยอะมากหรอก..” ม่อนแจ่มหันมองซ้ายขวา ไอดิลจึงต้องชี้ให้คู่ซี๊แหกตาดู
“จะพูดอะไรเกรงใจหมอนข้างหัวหมีพูห์ ฉากตั้งวาดรูป แล้วก็กรุเครื่องเขียนของมึงด้วยครับม่อน”

เออว่ะ..
ม่อนแจ่มหัวเราะก๊าก พชรยังหลุดออกมาด้วย ..ประการหลังนี่จริงที่สุด
ม่อนแจ่มมีสมุดร่างภาพ สมุดบันทึก กระดาษหลากหลายขนาด และปากกา ดินสอ ยางลบอีกนับไม่ถ้วน พอจะเอาไปเปิดร้านขายได้เลย

“กูต้องยับยั้งชั่งใจให้ได้เมื่อไปร้านเครื่องเขียน” ม่อนแจ่มพึมพำบอกตัวเองเป็นครั้งที่.. น่าจะสิบห้า
ม่อนแจ่มไม่อะไรหรอกเรื่องเสื้อผ้า หน้า ผม แม้แต่ของใช้อื่นๆอย่างกระเป๋า รองเท้า เขาใช้มันไปจนแทบยับเยินคามือ ทว่า.. ถ้าจะนิสัยเสียเรื่องซื้อของก็มีของอยู่เพียงประเภทเดียว นั่นคือ.. เครื่องเขียน

ม่อนแจ่มมักจะสติแตก หลงลืมผิดชอบชั่วดีเมื่ออยู่ในร้านเครื่องเขียน อย่างกับตัวเองมีสิบมือ วาดเขียนได้ทีละห้าภาพอย่างนั้นแหละ
ไอดิลที่ไปด้วยกันก็ไม่อาจช่วยเรียกสติอะไรเขาได้มากนัก เพราะเจ้าตัวยืนกินขนมรอหน้าร้าน

“ต่อจากนี้ มึงก็พาพชรไปด้วย ไอ้ม่อน ขานั้นน่ะยั้งมึงได้แน่นอน”
ไอดิลหัวเราะหึหึ แล้วเดินออกจากห้องสลับไปช่วยหมอกเก็บของอย่างที่เข้าห้องตัวเอง-ออกห้องหมอกอยู่แล้วมาตลอดวัน

ม่อนแจ่มกัดริมฝีปาก เก็บอุปกรณ์เครื่องเขียนลงกล่อง ใบหน้าเริ่มจะร้อนๆ

“วันหลัง กูไปด้วยก็แล้วกัน”

น้ำเสียงเรียบๆที่เปล่งออกมานั้นยิ่งทำให้ม่อนแจ่มมุดหัวลงกล่องไม่ยอมเงย
ไม่ไหวๆ.. ถ้าไม่ใช่คนเริ่มก่อนนี่เขินตลอด

“เอ้า เงยขึ้นมา เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอก” พชรเตือนกลั้วหัวเราะ
“เดี๋ยวจะเงย กูเงยเองแหละน่า” ม่อนแจ่มบอกอู้อี้ เล่นเอาพชรแปลกใจ
“นี่ตกลง เขินเป็นกับชาวบ้านเขาจริงๆใช่ไหม” พชรควรดีใจ..
“พชร!” หน้าที่แดงเป็นลูกตำลึงสุกเงยขึ้นมาว้าก “หมายความว่ายังไง!?”

เจ้าของใบหน้าคมพึงใจที่อีกฝ่ายเขินเสียบ้าง มิใช่ให้เขาเขินอยู่ฝ่ายเดียวดังที่ผ่านมา
ร่างกำยำขยับลุกขึ้นก้าวไปหา “มา ช่วยเก็บ จะได้ไม่ต้องมุดลงไปอีก”
“ไม่เป็นไร กูเก็บเองได้” คนที่ซุ่มซ่ามอยู่แล้วบวกกับอยู่ในสภาวะเขินปัดมือไปมาจึงพาให้เอกสารที่เตรียมเก็บลงกล่องหล่นกระจัดกระจายไปหมด
พชรยั้งเสียงหัวเราะไว้ในลำคอ มือแกร่งตั้งท่าจะช่วยเก็บ ทว่า เมื่อม่อนแจ่มเห็นว่าเป็นเอกสารอะไรกลับฉวยไว้เสียเอง

“เป็นอะไร?”
เพราะสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันบวกกับปฏิกิริยารวดเร็วแบบแปลกๆ พชรจึงถามออกไป
“อะ..เปล่า กู..” ม่อนแจ่มกลืนน้ำลาย เสียงสั่นพร่า อีกฝ่ายจึงยิ่งขยับเข้าใกล้
“แน่ใจหรือ?”
ปากถาม ดวงตาคมก็กวาดมองไปบนหัวเอกสาร ..มันเป็นแฟ้มลักษณะเดียวกันที่ระบุนามบริษัท PP Group
เอกสารเกี่ยวกับงานของม่อนแจ่ม..

“ว..วันก่อนที่กลับบ้าน กูเข้าบริษัทด้วย ก็เลยมีเอกสารที่ต้องเอามา เอ่อ.. ศึกษา” ดวงตาในกรอบแว่นหรุบมองพื้น
“แล้วทำไมต้องเสียงสั่น ทำไมต้องก้มหน้า ..มันมีอะไรต้องกังวล?”
“คือ.. ขอโทษนะ กูแค่..” ม่อนแจ่มหาคำพูดไม่ได้ กว่าที่จะหลุดออกมาเบาๆในที่สุด
“กูเกรงใจมึง”

เกรงใจ
เกรงใจเนี่ยนะ..
อยากจะถามไปว่าต้องมาเกรงใจเขาทำไม แต่พชรก็ไม่ได้โง่หรือด้านชาพอที่จะไม่เข้าใจ
ม่อนแจ่มเอาใจใส่กับการทำงานที่ PP Group เสมอ  แม้ไม่ค่อยสุงสิงกัน แต่พชรก็เรียนรู้ได้จากสิ่งที่เห็นมาตลอดปี

“กูรู้ว่าควรเป็นมึง..” ม่อนแจ่มพึมพำ
“แน่ใจหรือ..”
พชรถอนหายใจยาว มือแกร่งค่อยๆทาบข้างแก้มแกมบังคับให้หน้าขาวเงยขึ้นประสานสายตา
ใช่.. ถ้าว่ากันตามสายเลือด เขาคือทายาทของคุณพจน์ ประดิษฐาพงศ์ แต่ถ้าว่ากันตามบริบทแวดล้อม คนที่จะทำหน้าที่นั้นได้อย่างสมศักดิ์ศรีคือม่อนแจ่ม
“ม่อน..” พชรมองตา “กูสนแค่ว่ามึงอยากทำไหม จะมีความสุขหรือเปล่าที่นั่งในห้องประชุม วางแผน ตรวจงาน คุมเครื่องจักร อืม.. คงอะไรทำนองนั้นล่ะนะ”
“กูทำมาตั้งแต่เด็กอะ..” ม่อนแจ่มตอบงุบงิบ นั่นทำให้พชรหัวเราะ
“กูก็ทำสวนมาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน” คนหน้าขรึมยิ้มออกมา
“เรามาจากคนละที่ ถูกหล่อหลอมมาด้วยงานคนละอย่าง ที่สุดแล้ว มันไม่สำคัญว่าเราทำงานอะไรจริงไหม ทำงานยังไงต่างหากที่สำคัญ”

“กูชอบงานที่บริษัท” ม่อนแจ่มยอมรับ
“กูอยากพัฒนามัน ถึงแม้งานกูมันจะ แบบว่า.. ไม่ได้เหนื่อย สมบุกสมบันเหมือนกับงานที่มึงทำ แต่ว่ากูก็ตั้งใจนะ”
“หยาดเหงื่อไม่ใช่เครื่องหมายเดียวที่การันตีความเหนื่อยจากการทำงานนะม่อน” พชรสอน
“บางงานถึงไม่ต้องออกแดด ไม่ต้องเสียเหงื่อ แต่มีสิ่งที่ต้องคิด ต้องวางแผน มีความรับผิดชอบอื่นต้องแบกรับ ก็เหนื่อยได้เหมือนกัน อย่าถล่มตัวเองให้มันมากนัก”
..
“แล้วที่สำคัญที่สุด ..ม่อน” มือสองข้างของพชรจับมือม่อนแจ่มทั้งคู่มาบีบเอาไว้
“รักษามือให้สะอาด”

ตาใสในกรอบแว่นก้มมองมือขาวเนียนของตัวเองที่ถูกกอบกุมด้วยมือหยาบกร้านจากการกรำงานหนัก
มือคู่นี้เคยผ่านอะไรมาบ้าง ..ดิน โคลน ต้นไม้ อุปกรณ์การเกษตร
และเจ้าของมือคู่นี้บอกม่อนแจ่มว่า ..จงรักษามือให้สะอาด..

ม่อนแจ่มเข้าใจความหมายของพชร
คุณพ่อพจน์พูดเสมอ.. ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จต้องมาจากนักธุรกิจที่ดี และนักธุรกิจที่ดีจะไม่มุ่งแสวงหาผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่จะดูแลกิจการบนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม

PP Group ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย การยอมรับนับถือจากคนทั่วไปของคุณพ่อพจน์ไม่ได้ได้มาโดยบังเอิญ
และเช่นเดียวกัน PP Group ขณะที่ม่อนแจ่มเป็นส่วนหนึ่งจะไม่มีทางมีข่าวฉ้อโกงเกษตรกรให้อายพชร คุณน้าเพชรลดาและคุณพ่อแสงรวีเป็นอันขาด

ม่อนแจ่มบีบมือพชรตอบกลับ เป็นสัญญาณการให้คำมั่น
“มึงเชื่อใจกูได้เลย”

พชรยิ้ม
จริงอยู่.. ที่ชีวิตวัยเรียนกับวัยทำงานนั้นไม่ได้เหมือนกัน
เวลาผ่านไป เจริญวัยไป บางคนหลงลืมอุดมการณ์ หลายคนถูกกลืนกินจนละทิ้งปณิธานเดิม
แต่ไม่ใช่ม่อนแจ่ม ไม่มีวันใช่..
พชรเชื่อมั่นความสัตย์นี้ เชื่อใจคนคนนี้โดยไม่มีข้อเคลือบแคลง

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

          “ใจหายเหมือนกันนะที่ห้องโล่งแบบนี้”
ม่อนแจ่มถอนหายใจน้อยๆ ยืนพิงราวระเบียงมองกลับเข้ามาในห้อง ซึ่งข้าวของถูกกองแยกไว้สามมุม
“ตกลงเราไปกับพ่อๆไอ้ดิ้ลเลยเนอะ..”
“เริ่มตัดลิ้นจี่แล้ว กูอยากรีบย้าย จะได้กลับไปช่วยที่สวน” พชรผงกศีรษะ “พ่อไอดิลใจดี กูเคยเจอแล้ว”
“อื้อ” ม่อนแจ่มพยักหน้า “กูไปสวนด้วยนะ แต่ก็อาจจะไม่กี่วัน แล้วต้องเข้ามาบริษัทต่อ”
“อืม..” พชรครางรับ ค่อยๆเอ่ยออกมาเรียบๆ
“ถ้าหากเมื่อไหร่ที่มีเวลาไปเที่ยว ก็เชิญนะ”

ยังไงนะ?
ม่อนแจ่มละสายตาจากภายในห้องมาเงยมองคนข้างตัว

“คุณพจน์กับคุณระมิงค์น่ะ ถ้าเขาอยากจะไปพักผ่อน” พชรขยายความ
“กูหมายถึงว่า.. กูยินดีต้อนรับ”

ม่อนแจ่มอ้าปากค้าง

“แต่..” พชรชิงพูดขึ้นก่อน
“ม่อน มึงต้องเข้าใจนะ พ่อแม่น่ะ.. คือมันอาจจะไม่ใช่การพบกันในแบบที่..”
พชรหยุด พยายามสรรหาคำพูด

อย่างไรก็ตาม ม่อนแจ่มเองแน่ใจว่าเขาคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน
“กูเข้าใจ..”

เวลาร่วมสองทศวรรษไม่ใช่แค่สายลมพัดผ่าน ฉะนั้น มันคงไม่ใช่การโผเข้าหากันด้วยความคิดถึงหรืออะไรคล้ายๆอย่างนั้น
และถึงแม้จะคิดถึง.. คนเป็นผู้ใหญ่ก็มีความทระนงตามวัยวุฒิของพวกท่าน

ทว่า มันก็ไม่เป็นไรมิใช่หรือ หากคนที่ปรารถนาดีต่อกันเสมอมาจะได้พบกัน ได้เห็นกันและกันว่าสุขสบายดี
ได้ส่งสักรอยยิ้มหนึ่ง ได้แทนความหมายว่าไม่เป็นไร ได้ทำให้ลมหายใจที่เคยว่างเปล่ากลับมีความหมาย

ม่อนแจ่มไม่รู้หรอกว่าเหตุการณ์จะเป็นไปอย่างไร แต่น้ำใจของพชรที่ยินดีต้อนรับนี้สิที่มีคุณค่าแท้จริง

“เหมือนกันนะ” เสียงเล็กเอ่ยหนักๆ “เหมือนกัน”
“หืม?” พชรเลิกคิ้ว “อะไร เหมือนกัน?”
“กูไม่ได้อยากให้มึงต้องอึดอัดใจนะ แค่.. อยากให้รู้ว่ามึงกับคุณน้าลดาเป็นคนที่บ้านประดิษฐาพงศ์รอคอยแค่ไหนที่จะได้ต้อนรับ”

พชรนิ่งไป..
นึกถึงคุณพจน์ นึกถึงคุณระมิงค์ นึกถึงแม้แต่ป้าเพ็ญที่ได้ยินเพียงเสียงแต่ไม่เคยพบ ผู้เรียกขานเขาว่า ‘รูมเมทปรัชญาที่ไม่ชอบขี้หน้าคุณม่อน’

ที่สุดจึงเอ่ย..
“ขอบคุณมาก”

ม่อนแจ่มยิ้ม ..ยิ้มแบบกัดริมฝีปาก
มันเป็นความปิติลึกสุดในใจที่เขาไม่อยากแม้แต่จะเผยอยิ้มกว้าง
ข้อนิ้วชี้ถูกยกขึ้นมาสอดใต้กรอบแว่นเพื่อปาดหางตาซึ่งหยาดน้ำร่ำๆจะไหลออกมา

“กูดีใจนะ กูแบบว่า.. รักหมดเลย รักคุณพ่อสองคน รักคุณแม่ รักคุณน้าลดา รักมึง”
ม่อนแจ่มพยายามห้ามความรู้สึก ข้อนิ้วข้างเดียวเริ่มไม่พอ จำต้องยกขึ้นมาปาดหางตาทั้งสองข้าง
สุดท้ายก็ไม่ไหว พลิกฝ่ามือมาปิดหน้าหวังบดบังหยาดน้ำไม่ให้พชรเห็น

“กูบ้าไหม ฮึก บ้าเนอะ ..แต่กูรู้สึกว่าเราเป็นครอบครัว”

รู้สึกหรือ?
ไม่ใช่เลย..

“มันเป็นอย่างนั้น”

            พชรหัวเราะตอนที่ม่อนแจ่มยอมแพ้หลุดเสียงร้องไห้ออกมา มือใหญ่สองข้างดึงมือเล็กออก
ไม่ต้องปกปิดใบหน้า ไม่จำเป็น.. เพราะพชรอยากจะเห็น อยากจะมอง
เขาบรรจงถอดแว่นแดงออกมาถือไว้ในมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างไล้แก้มทีละฝั่ง ปาดน้ำตาออก จ้องดวงตารื้นฉ่ำอยู่อย่างนั้น

“มึงอย่ามองดิ” ม่อนแจ่มพยายามเอี้ยวหน้าไปทางอื่น แต่ทำยากนัก เพราะมือพชรทาบแก้มไว้
ใช่พชรจะเกร็งมือรั้งใบหน้าเขา เปล่าเลย.. สัมผัสจากมือคู่นี้อ่อนโยนเสมอ และอาจเป็นเพราะความอ่อนโยนนั้นเองที่ทำให้ม่อนแจ่มไม่อาจหันหนีได้

“ทีมึงยังมองกูนานจนจำไปวาดได้เหมือนเป๊ะเลยนี่..” พชรเย้า
“พัฒนามาก” ม่อนแจ่มทัก ลืมร้องไห้ไปเลย “เดี๋ยวนี้มึงถึงขนาดแซวกูได้แล้วอะ”

ก็.. นะ..
ไม่รู้จะตอบอย่างไร พชรจึงเพียงครางรับ
“อืม..”

อืม อีกละ” คิ้วเรียวขมวดนิดๆ “แต่กูชอบมากนะที่จริง ..ทำยังไงถึงจะอืมได้แบบนี้”

ฮะแฮ่มๆ..
ม่อนแจ่มกระแอมคอให้โล่ง พยายามเลียนแบบเสียงของพชร “อืม อื้ม อืม..”

..

“ไม่เหมือนว่ะ ลองใหม่นะ.. อืม”

..

“อืม.. อะ!”

เพราะใบหน้าคมนั้นก้มลงจนเกือบใกล้ชิด เสียงอืมของม่อนแจ่มจึงกลายเป็นเสียงอุทาน
พชรไม่ได้จู่โจม แค่โน้มมาหา แล้วค้างไว้ ..รอการอนุญาต

ใบหน้าเข้มพร่าเลือนเนื่องจากตอนนี้คนสายตาสั้นไม่มีแว่น แต่ม่อนแจ่มก็รู้ว่าแววตาคมคู่นั้นสื่ออะไร
แล้วก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะปฏิเสธ..
 
ใบหน้าคนตัวเตี้ยแหงนขึ้นอีก พอดีกับใบหน้าคนตัวสูงที่โน้มลงมา
ริมฝีปากที่จำได้ประกบเข้าหา ..รู้สึกคล้ายกับว่าเนิ่นนานเกินเวลาจริงที่สัมผัสนี้ห่างหายไป
แล้วเมื่อพบกันอีกครั้งนั่นแหละ ถึงตระหนักว่าต้องการมันมากแค่ไหน

ม่อนแจ่มปล่อยให้ร่างกายตอบโต้อีกฝ่ายไปตามที่ใจต้องการ
มือข้างหนึ่งยกขึ้นเกาะเอวหนา อีกข้างทาบแผ่นอกกว้างเอาไว้ ลูบไล้เบาๆอย่างเผลอไผล เสียงเล็กครางอ่อนไหวในลำคอ
“อือ..”

เหมือนว่าจะอีกนาน.. ที่คนสองคนใช้ลมหายใจเดียวกัน ก่อนที่พชรจะผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง กระซิบให้ม่อนแจ่มได้ยินชัดเจน
“แต่กูชอบเสียง อือ ของมึงมากกว่า..”

อะ..
ม่อนแจ่มนิ่งสนิท กัดริมฝีปาก ถอยใบหน้าออกมา ชกหน้าท้องแกร่งนั้นเบาๆเป็นการแก้เขิน
พชรหัวเราะ บรรจงใส่แว่นแดงกลับคืนให้ ..อ่อนเบาพอๆกับตอนที่ถอดออก

แล้วก็แค่นั้น..
ก่อนที่สองเสียงจะเริ่มต้นบทสนทนาเรื่องใหม่ ซึ่งไปสิ้นสุดตรงไหนก็ไม่รู้ รู้เพียงได้ยินเสียงไอดิลกับไอหมอกพูดคุยกันดังลอดมาจากห้องข้างๆเบาๆ

พรุ่งนี้.. ประตูห้องสามสามแปดก็จะปิดลง คงเหลือห้องโล่งเกือบว่างเปล่าเหมือนก่อนที่พวกเขาจะเข้ามาอยู่
นึกย้อนกลับแล้ว.. พชรดีใจที่ตัวเขาเคยเดินออกไป แล้วก็เดินกลับมา ..ที่ม่อนแจ่มเองเดินกลับมา หลังจากที่เดินออกไป
และไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร เขากับม่อนแจ่มปรารถนาที่สุดเสมอที่จะไม่ให้อีกคนหนึ่งต้องเสียใจ

ทั้งหมดนี้ พชรว่ามันคือการยอมจำนน
ไม่ใช่แค่ต่ออีกฝ่าย แต่ต่อใจตัวเอง ..ใจที่ยึดถือตัวตน
การยอมจำนนซึ่งทำให้ได้อะไรกลับมาโดยไม่ต้องไขว่คว้า

..การยอมจำนนที่ไม่ชนะ แต่จะไม่มีวันแพ้..

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

เฮ..
เราเดินทางมาถึงบทส่งท้ายกันแล้ว ปรบมือครับปรบมือ ปรบดังๆ (กลบเกลื่อนที่มาช้า  o18)

ดีใจมากๆเลยที่ได้เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาและที่สำคัญ เขียนจบ ฮ่ะๆ
หวังว่าทุกท่านจะมีความสุขกับการอ่าน
ขอบคุณที่ติดตามพชรกับม่อนแจ่ม ขอบคุณที่ให้กำลังใจคนเขียน
และขอฝาก SWEET SURRENDER ไว้ให้คิดถึงด้วยครับ

อ้อ แล้วก็.. ขอให้พรุ่งนี้รวยน่อ
  :a1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2017 22:17:09 โดย INDY-POET »

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
«ตอบ #1136 เมื่อ15-03-2017 22:18:23 »

มาแล้ว เย้ !!  :hao7:

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
«ตอบ #1137 เมื่อ15-03-2017 22:20:11 »

ใจหายยย จะไม่ได้อ่านแว่นแดงต่อไปแล้วว ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
«ตอบ #1138 เมื่อ15-03-2017 22:31:54 »

ซึ้งค่ะ ซึ้งทุกตอน ม่อนเอ๊ย ว่าจะไม่ร้องไห้ก็ร้องตามไปอีกแล้ว ใช่แล้ว มันคือครอบครัวเนอะ
ครอบครัวใหญ่เลยแหละ เต็มไปด้วยความรักความปารถนาดีให้กัน
ผ่านอะไรมาเยอะจริงๆ คิดถึงตอนม่อนวิ่งตื๊อตามพชร งื้อ น่ารักเนอะ
เดี๋ยวนี้พชรรู้จักแซวแล้ว เป็นกับม่อนคนเดียวลิมิเต็ดอีดิชั่น

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: SWEET SURRENDER 15/3/60 EPILOGUE P.38
«ตอบ #1139 เมื่อ15-03-2017 22:56:54 »

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ


เอ้ออ มีแผนพิมพ์เรื่องนี้ไหมคะ เราตั้งตารอนะ  :L1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด