ตอนที่ 5 : ประกาศความเป็นเจ้าของและสวมปลอกคอ -วิน-ผมเกิดมาในครอบครัวมีฐานะ แต่ไม่ได้รวยมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า เป็นรุ่นพ่อกับแม่ที่สร้างฐานะมาด้วยตัวเอง
นั่นทำให้ผู้คนรอบตัวต่างพยายามเข้าหาครอบครัวผม ไม่ว่าญาติพี่น้อง คนรู้จัก หรือแม้กระทั่งผู้ปกครองของเพื่อน
ผมเริ่มชาชินกับมันตั้งแต่เด็ก ใครจะนึกว่าเด็กในวัยห้าหกขวบ กำลังอยู่ในวัยซน มีความสุขที่มีเพื่อนเล่นด้วยมากมาย
จะถูกใช้เป็นบันไดไต่เต้า เพียงเพราะโรงเรียนอยู่ใกล้บริษัท และผู้ปกครองของนักเรียนส่วนใหญ่ทำงานอยู่ที่นั่น
ผมเข้ามัธยมในโรงเรียนเอกชนชั้นดี ที่พ่อกับแม่เป็นผู้บริจาคเงินสนับสนุนโรงเรียนรายใหญ่ ตลอด 6ปี ผมแทบจะนับ
อาจารย์คนที่กล้าดุผมได้ แม้แต่ผู้อำนวยการยังยิ้มแย้มเอาใจผมทุกครั้งที่เจอ
ผมมีเพื่อนสนิทเหมือนนักเรียนคนอื่นๆ ทั่วไป ไม่ได้เป็นโรคต่อต้านสังคม เพียงแต่ผมระวังตัว และระวังตัวค่อนข้างมาก
ถ้าคุณเคยโดนครั้งหนึ่ง คุณจะรู้ว่าการป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกคือสิ่งที่ดีที่สุด ความจริงใจเป็นสิ่งที่ผมหาไม่ได้ง่ายนัก
ในวงจรชีวิตที่ผ่านมา
ผมมีพี่ชายสองคน คนโตชื่อลม ลมเป็นพี่ที่เหมือนเพื่อนสนิทของน้อง ผมไม่เคยเรียกลมว่าพี่แม้เราจะอายุห่างกันถึง3ปี
ลมเป็นคนรับมือกับสถานการณ์ของครอบครัวและญาติผู้หิวกระหายได้ดีที่สุด ไม่เหมือนผมที่พอเข้ามหาวิทยาลัยได้ก็ถือ
โอกาสย้ายออกมาอยู่ข้างนอก ในขณะที่พี่ชายคนกลางไปศึกษาต่ออยู่ต่างประเทศ
แต่ถึงแม้ว่าผมจะย้ายออกมาอยู่คนเดียวแล้ว ก็ใช่ว่าจะหลีกบางเรื่องพ้น อย่างเช่นเรื่องการพยายามหาคนที่เหมาะสม
ให้กับผม ใช่ว่าผมจะไม่รู้ว่าแต่ละคนที่พยายามจะแนะนำแม่ผมมา ล้วนแล้วแต่เป็นลูกเพื่อน หรือลูกของญาติของญาติ
หรือใครก็ตามที่สามารถเอื้อประโยชน์ให้กับพวกเขาได้ แม่ผมค่อนข้างเกรงใจพี่น้องโดยเฉพาะพี่สาว ซึ่งก็คือป้าของผม
ผมจึงไม่ได้ขัดขืนหรือตั้งป้อมต่อต้านเพราะไม่อยากให้แม่ลำบากใจ อีกอย่างผมมีวิธีจัดการมันอยู่แล้วในแบบของผม
จนกระทั่ง...
ผมเจอผู้ชายหน้าตาซื่อๆ ที่เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ผู้ชายคนนั้นมองผมด้วยแววตาใส สายตา
คาดหวัง ราวกับหมานั่งรอให้เจ้าของมาเล่นด้วย
วันนั้นผมจึงตัดสินใจพาหมาตัวนั้นไปเดินเล่นฆ่าเวลา หมาที่มีชื่อว่า นิว
หลายๆ อย่างในตัวของนิวทำให้ผมแปลกใจ ถ้าเทียบกันแล้วผมกับนิวคงเหมือนขาวกับดำ หรือขั้วบวกกับขั้วลบ
ผมผู้ที่เก็บความรู้สึกไว้ข้างในตลอดเวลาภายใต้รอยยิ้มฉันท์มิตร ในขณะที่หน้าของนิวแปรเปลี่ยนไปตามความรู้สึกของเจ้าของ
นิวดูเปิ่นเมื่อเข้าโรงหนังเฟิร์สคลาส แต่นิวไม่เก็บอาการว่าฉันไม่เคยเข้า ฉันปรับเก้าอี้แบบนี้ไม่เป็น ทุกอย่างเห็นชัดจาก
ใบหน้าและดวงตาคู่นั้น
นิวทำตาโตตื่นตาตื่นใจกับข้าวของแบรนด์ดังๆ ที่ผมเดินดู แต่ในดวงตาคู่นั้นไม่มีความอยากได้หรืออยากมี
นิวพยายามจะจ่ายตังค์ค่าตั๋วหนังคืนให้ผมทั้งที่สีหน้าเห็นชัดกว่าเสียดายเงินมากขนาดไหน แต่ก็ควักออกมา
และยืนยันว่าต้องจ่ายคืนให้ได้
ในมหาลัย ผมมีเพื่อนสนิทอยู่สองคนที่เรียนคณะเดียวกัน คือ วัตหรือณวัตน์ และชลหรือชลธี ทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่ดี
และเป็นคนที่ผมไว้ใจได้ แต่เราเหมือนกันอยู่อย่าง นั่นคือเรารู้จักใส่หน้ากากเพื่อใช้ชีวิตในสังคมให้ได้ดี ไม่เหมือนกับนิว
บางอย่างในตัวของนิวทำให้ผมรู้สึกสบายใจ รู้สึกเหมือนอยู่ในโซนปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องตั้งการ์ดเพื่อป้องกันตัวเอง
และเพราะแบบนั้น ผมจึงหลุดปากพูดบางอย่างออกไป
“ถ้าอย่างนั้นจากนี้ไปนายมาเป็นเด็กฉัน” และอีกหนึ่งประโยคในอีกไม่กี่วันต่อมา
“นายมาทำงานให้ฉัน”
นิสัยผมไม่ชอบให้คนมาเข้ามาวุ่นวายในชีวิต เบื่อคนคอยเอาใจ เบื่อความสัมพันธ์แบบผลประโยชน์ต่างตอบแทน
แต่เรื่องทุกเรื่องบนโลกใบนี้ย่อมมีข้อยกเว้น
สำหรับผม ข้อยกเว้นนั้นชื่อ นิว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“เอสเปรสโซ่เย็นกับแซนวิชครับ” ผมมองของที่หมานิวเอามาวางไว้ให้ตรงหน้า ก่อนหยิบขึ้นมาทานเงียบๆ
จากที่เคยคายทิ้งตอนนี้ผมทานได้สบายๆ
หมานิวเป็นเด็กซื่อพอๆ กับที่เป็นเด็กฉลาดมีเหตุมีผล รวมถึงเป็นเด็กดื้อมากอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากที่ผมแสดงออกชัดเจน
ว่าไม่ทานแซนวิชที่นิวเอามาจากวัด วันต่อมาผมยังได้แซนวิชที่หน้าตาคล้ายเดิมทุกอย่าง และก่อนที่ผมจะจัดการกำจัด
เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของตัวเอง หมานิวรีบคว้าไปถือไว้และเริ่มบรรยายสรรพคุณทันที
“หมอวินรู้ไหมครับว่าเวลาคนทำของมาถวายพระโดยเฉพาะผู้สูงอายุ ท่านจะใช้ของดีที่สุด สะอาดที่สุด ทุกอย่างแทบจะ
วางไว้บนที่สูง กลัวบาปกลัวกรรมกลัวไม่ได้บุญ ดังนั้นแซนวิชพวกนี้ทั้งสะอาด ปลอดภัยและมีคุณค่าทางอาหารมากกว่า
หลายๆ ร้านที่ทำมาเพื่อค้ากำไรนะครับ หมอวินลองคิดดูดีๆ”
“ส่งมา”
“ถ้าหมอวินทิ้งจะบาปนะครับ” คนตัวผอมเริ่มเอาบาปบุญมาขู่ผม ผมอยากแกล้งทิ้งอีกสักหน แต่เห็นหน้าซื่อๆ ตาใสๆ
ท่าทางจริงใจแล้วทำไมลง
“ส่งมา”
“คือ หมอวินครับ..”
“ตกลงจะให้กินไหม”
“กินครับกิน” นิวรีบยื่นแซนวิชส่งให้ผม ก่อนล้วงอีกชิ้นที่อยู่ในถุงพลาสติกออกมาจากกระเป๋า ขึ้นมาทานบ้าง
“ไม่ดื่มกาแฟเหรอ”
“ผมดื่มมาจากวัดเรียบร้อยแล้วครับ”
“ดื่มมาจากวัด?”
“ผมชงทรีอินวันครับ ง่ายๆ สะดวกดี”
“มันจะได้รสอะไร คราวหน้าซื้อมาสองแก้ว ทานแต่แซนวิชเปล่าๆ เดี๋ยวก็ติดคอ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมทานได้ กาแฟมันแพง”
“ฉันได้พูดว่าให้จ่ายเองไหม ซื้อเท่าไหร่ก็หักเงินไป ไม่พอก็เบิก” ผมจำไม่ได้แล้วว่าต้องพูดประโยคนี้ซ้ำๆ มากี่ครั้ง
ตั้งแต่นิวมาทำงานให้ผม ผมให้เงินนิวไว้ห้าพันบาท และมีอีกห้าพันบาทวางไว้ในลิ้นชักที่คอนโดเพื่อเป็นเงินสำรอง
ผมไม่รู้ว่านิวใช้เงินยังไง แต่หลังจากที่ผมให้เงินนิวไปครั้งแรกจนป่านนี้ยังไม่เคยเบิกเพิ่มเลยแม้แต่บาทเดียว
“ไม่เอาครับ”
“ทำไมถึงดื้อนัก พูดอะไรไม่ขัดสักเรื่องจะได้ไหม”
“แล้วทำไมหมอวินชอบแจกตังค์เป็นเบี้ยแบบนี้ล่ะครับ ยังทำงานหาเงินเองไม่ได้สักบาท” คนพูดเคี้ยวตุ้ยๆ ทำน้ำเสียง
ปกติจนผมไม่แน่ใจว่ากำลังถูกหลอกด่าอยู่หรือเปล่า
“นี่นายด่าฉันเหรอ”
“เปล่าครับเปล่า แค่ก แค่ก” นิวรีบปฏิเสธ ตกใจจนสำลักแซนวิช กระอักกระไออยู่พักใหญ่กว่าจะกลับมาพูดได้ตามปกติ
“แต่จะว่าไปแล้ว ตอนนี้ผมรวยกว่าหมอวินน่ะครับ ผมทำงานได้เดือนละตั้งหมื่นนึง ไว้พรุ่งนี้ผมเลี้ยงกาแฟหมอวิน ไม่
หักตังค์ครับ”
“หมานิว” ผมลงเสียงหนักเพื่อให้รู้ตัวว่าชักจะเอาใหญ่แล้ว
“ครับ?” สายตาที่มองมาเหมือนมีคำถามทำให้รู้ว่าเจ้าตัวไม่ได้รู้ตัวสักนิด
“พรุ่งนี้ซื้อกาแฟมาสองแก้ว หักจากเงินที่ฉันให้ทุกครั้ง นี่คือคำสั่ง เข้าใจไหม”
“รับทราบครับ แต่ผมไม่เข้าใจ”
ผมเลิกต่อล้อต่อเถียงกับหมานิว รู้แล้วว่าพูดไปไอ้ตัวดีมันก็คงหาเรื่องมาสงสัยข้องใจไม่จบไม่สิ้น พอผมทานเงียบๆ
เจ้าตัวก็เงียบบ้าง หลังจากนั้นวันไหนผมมีเรียนเช้า ก็จะมีแซนวิชสองอัน กาแฟสองแก้วมาวางบนโต๊ะเสมอ เหมือนเช่นวันนี้
“ตอนเย็นจอดรถไว้ที่มหาลัยนะ นายมาขับรถให้ฉัน”
“หมอวินจะไปไหนครับ”
“xxxxxxx” ผมบอกชื่อร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากมหาลัยมากนัก
“เคยไปเที่ยวกลางคืนบ้างหรือเปล่า”
“เคยครับ ผมไปกับพี่สายรหัสสองสามครั้งแต่ผมไม่ชอบ” ถึงนิวไม่บอกผมก็คิดว่าผมรู้
“ให้ผมไปส่งแล้วรับกลับหรือครับ”
“นายไปกับฉันด้วย” ที่จริงผมกะจะทำแบบที่นิวถาม แต่เพราะอะไรบางอย่างทำให้ผมนึกสนุกอยากพานิวไปด้วย
“ไปชุดนี้หรือครับ” นิวก้มลงมองชุดนักศึกษาที่ตัวเองใส่ ผมเห็นคนแต่งตัวถูกระเบียบมาก็มาก แต่ถูกระเบียบ
แบบร้อยเปอร์เซ็นต์เป๊ะตั้งแต่หัวจรดเท้าขนาดนี้ก็มีแต่หมานิวนี่แหละ
“อยากไปชุดไหนก็ตามใจ แต่ถ้าจะไปชุดนี้ก็ช่วยแกะกระดุมคอกับพับแขนเสื้อขึ้นด้วยเถอะ เห็นแล้วฉันอึดอัดแทน”
“ไม่อึดอัดนะครับ ผมใส่สบายดี”
“มานี่” ผมขี้เกียจเถียงกับเด็กดื้อ จึงเรียกให้ย้ายมานั่งฝั่งเดียวกัน
“หันมา” ผมสั่งเมื่อนิวลงนั่งเรียบร้อย
ผมปลอดกระดุมเม็ดบนสุดออกให้นิว ก่อนดึงแขนขึ้นมาพับแขนเสื้อให้ทีละข้าง หมานิวนั่งนิ่งทำตัวแข็งเหมือนหุ่นยนต์
“นั่งดีๆ”
“ผมนั่งดีแล้วครับ” คนพูดทำคอแข็ง ขยับแต่ปาก ไม่รู้จะเกร็งอะไรนักหนา
“ลุกขึ้นยืน” ผมสั่งเมื่อพับแขนเสื้อทั้งสองข้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“หมอ..หมอวินทำอะไรครับ” นิวร้องเสียงหลงเมื่อผมยกมือขึ้นปลดหัวเข็มขัด
“ทำอะไร ไม่เห็นเหรอว่าฉันปลดเข็มขัดอยู่”
“ปะ..ปลดทำไมครับ ผม..ผม..”
“จะร้องเป็นเป็ดถูกเชือดทำไมหะ ไม่อยากให้ทำก็ทำเอง”
“ให้ผมทำอะไรครับ”
“กางเกงพวกนี้เป็นเอวต่ำ คลายเข็มขัดออกซะ ให้มันอยู่ตรงสะโพก จะรัดไว้ตรงเอวทำไมพิลึก” ผมบอกหมานิวเสียงห้วน
พอหมานิวร้อง ผมถึงเพิ่งนึกได้ว่าบางอย่างก็ไม่ควรทำ
“อ่า..เข้าใจแล้วครับ” นิวปลดเข็มขัดออก และใส่กลับเข้าไปใหม่ ครั้งนี้เข็มขัดอยู่ตรงสะโพกอย่างที่ควรจะเป็น
ผมมองสำรวจความเรียบร้อยให้อีกที พอแต่งตัวแบบนี้นิวดูดีขึ้นมาก
“ทีหลังก็แต่งแบบนี้เข้าใจไหม”
“เข้าใจครับ ถ้าอย่างนั้นผมไปเรียนก่อนนะครับ ตอนเย็นเลิกแล้วผมโทรหาหมอวินอีกที”
“ไปเถอะ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++
“วินทางนี้ค่ะ” แคร์ยกมือโบกให้ผม ผมพยักหน้าให้รู้ผมเห็นแล้ว ก่อนเดินนำนิวเข้าไปร่วมกลุ่ม
“มาช้าไอ้คุณชายหมอ เลิกก็เลิกพร้อมกัน ไปเอ้อระเหยอยู่ไหนมาวะ” วัตส่งแก้วเหล้าให้ผม นอกจากผู้หญิงสามคนที่นั่งอยู่
ไม่มีใครแปลกใจที่เห็นนิวมาด้วย เพราะผมบอกเพื่อนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
“ถามคนขับเถอะว่าเหยียบเกิน 80 เป็นไหม” ผมบุ้ยใบ้หน้าไปทางนิวที่ตามมานั่งลงข้างๆ
“เห็นหน้าแล้วคงไม่ต้องถามว่ะ ทำดีแล้วนิว” หน้าซื่อๆ ของหมานิวทำให้ทุกคนหมดคำถาม
“ดื่มอะไรดี เบียร์ เหล้า”
“ขอน้ำเปล่าดีกว่าครับ ผมไม่ดื่ม”
“เฮ้ยได้ยังไง มาแล้วต้องดื่ม นิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดี” วัตไม่สนใจฟัง ชงเหล้ากับโซดาส่งให้เป็นการบังคับไปในที
“ผม..”
“นิวต้องขับรถให้ฉัน ขอน้ำเปล่าก็พอ”
“ออกตัวตลอด แตะไม่เคยได้” ชลพูดลอยๆ พอผมหันไปมองก็ยักคิ้วให้
“วินคะ”
“ครับ” ผมหันไปมองแคร์ที่นั่งอยู่อีกด้านของผม
“ทำไมต้องให้เข้ามานั่งด้วยค่ะ ให้รออยู่ที่รถก็ได้”
“ทำไมต้องให้ไปนั่งลำบากอยู่ในรถ” ผมถามแคร์ยิ้มๆ หวังว่าแคร์จะดูทิศทางอารมณ์ของผมออก
“จะลำบากอะไรคะ เป็นคนใช้ให้ทำอะไรอยู่ตรงไหนก็ต้องอยู่ แคร์ไม่ชอบเลย วินให้ออกไปเถอะค่ะ”
“แคร์เกินไปหรือเปล่า ที่นั่งก็ยังเหลือให้นิวนั่งอีกคนจะเป็นไรไป” รุ้งเพื่อนกลุ่มเดียวกับแคร์ที่มักไปไหนมาไหนด้วยทุกครั้ง
ขัดขึ้น
“เอ๊ะรุ้ง ทำไมต้องขัดแคร์ด้วย”
“นั่นสิ คนละชั้น จะให้มานั่งด้วยทำไม” ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรแป๋มถึงเอาใจแคร์มากมาย คนที่อยากขยับชั้นมักทำตัวแบบนี้
ผมควงแคร์มาได้สักพัก แต่ตอนนี้คงถึงเวลาแล้ว คนเรามักไม่เห็นตัวตนจริงๆ จนกว่าจะถูกกระตุ้นให้เผยโฉมออกมา
แคร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อได้เจอตัวกระตุ้นชั้นดีอย่างหมานิว
“ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะ ไปนิว” ผมหันไปเรียกนิวก่อนลุกขึ้นยืน
“อ้าววินจะไปไหนคะ” แคร์ลุกพรวดขึ้นมากอดแขนผมไว้
“เห็นบอกว่าอยากให้นิวกลับไม่ใช่หรือครับ”
“ใช่ค่ะ แต่..แต่เกี่ยวอะไรกับหมอวินด้วยล่ะคะ” แป๋มมองผมหน้าตาตื่นคงกลัวโดนเหวี่ยงที่เป็นสาเหตุให้ผมกลับ
“นั่นสิคะวิน ก็ให้มันกลับไปก่อน เดี๋ยวแคร์ให้คนขับรถไปส่งวินก็ได้ค่ะถ้าไม่อยากให้มันนั่งรอ”
ทันทีที่แคร์ขึ้นมันกับนิว ผมบอกได้ทันทีว่าจะไม่มีครั้งหน้าสำหรับผู้หญิงคนนี้อีก
“นิวนั่งเถอะ ผู้หญิงก็เรื่องมากแบบนี้แหละอย่าสนใจเลย นั่งๆ “ ชลกวักมือเรียกนิวให้ลงนั่งเหมือนเดิม
“หมอวินครับ ผมว่าผมไปรอที่รถดีกว่าครับ”
“นิว” ต่อหน้าคนอื่นนอกจากลม ผมไม่เคยเรียนกนิวว่าหมา เพราะผมไม่อยากให้คนอื่นเรียกนิวแบบนั้น คำว่าหมา
สำหรับผมกับหมาของคนอื่นไม่เหมือนกัน
“วินคะ เอาเถอะค่ะแคร์ขอโทษ วินอยากให้มันนั่งก็นั่ง แคร์ตามใจวิน”
“แคร์ในนี้ไม่มีคนชื่อมัน นิวไม่ใช่คนรับใช้ แต่เป็นเพื่อนของผม ช่วยให้เกียรติด้วย”
“เพื่อน..เพื่อนเหรอคะ แต่เด็กนี่มัน..”
“ดูเหมือนแคร์จะยังไม่เข้าใจที่ผมพูด”
“นิว” ผมหันไปเรียกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ มือเล็กดึงเสื้อผมมาได้สักพักแล้ว เหมือนพยายามห้ามผมไม่ให้มีเรื่องกับใคร
“ครับ”
“อยากอยู่เที่ยวต่อไหมหรืออยากกลับ ฉันตามใจนาย”
“ผม..”
“อยู่เที่ยวด้วยกันก่อนนิว เดี๋ยวค่อยกลับ” ชลรีบรั้งนิวเอาไว้
“ว่าไง”
“ครับ อยู่ก่อนก็ได้ครับ”
“ได้ งั้นก็นั่งต่อ” ผมดึงแขนนิวลงนั่งอีกครั้ง ไม่สนสายตาที่มองมาด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจและไม่พอใจ
ของที่ผมตัดสินใจทิ้งแล้วผมไม่เคยเก็บมาสนใจอีก
“นิวทานนี่สิอร่อย” รุ้งที่นั่งตรงข้ามกับแคร์เลื่อนจานยำแซลมอนมาให้นิว
“ขอบคุณครับ”
“นิวเรียนคณะไหนว่าจะถามหลายทีแล้ว”
“เกษตรครับหมอวัต”
“หึ” เสียงหัวเราะขึ้นจมูกดังมากพอที่จะทำให้นิวหันไปมอง นิวส่งยิ้มให้แคร์ตาคู่นั้นไม่มีเล่ห์เหลี่ยมไม่มีความหมางใจ
หรือไม่พอใจอยู่
“พ่อผมทำนาครับ ผมเลยอยากเรียนทางนี้ จะได้เอาความรู้กลับไปช่วยที่บ้าน”
“ความคิดดี” ชลเอ่อยชมความคิดของนิว
“อ๋อ พ่อเป็นชาวนา” แป๋มพูดขึ้นลอยๆ ผมคงจะปล่อยผ่านถ้าไม่เห็นรอยยิ้มเยาะนั้นเสียก่อน
“ครับพ่อผมเป็นชาวนา” แต่ก่อนที่ผมจะจัดการอะไรลงไป นิวกลับรับคำขึ้นมา สีหน้าภาคภูมิใจ นับถือ
และให้ความเคารพ จนทำให้ผมที่มองใบหน้านั้นอยู่ อดยิ้มตามไม่ได้
“อย่างนี้บ้านก็อยู่ต่างจังหวัดสิ วันหลังขอไปเที่ยวบ้านบ้างได้ไหม”
“ไปสิครับหมอชล ผมพาเที่ยวเอง ใกล้ๆ บ้านผมมีน้ำตกใหญ่ สวยมาก”
“ตกลง ปิดคราวนี้เลยดีไหม” ชลหันมาถามผม ซึ่งผมก็พยักหน้าตอบรับ
“จะมาคุยหรือจะมาดื่มค่ะชล แครเริ่มเบื่อแล้วนะ ทั้งเซ็งทั้งไม่สนุก” ผมเห็นหน้าหมานิวเจื่อนลงนิดนึง
ก่อนจะปรับสีหน้ามาเป็นปกติ
“นิวฝากของหน่อย”
“ครับ?” นิวหันมามองหน้าผมงงๆ
“ฉันขี้เกียจพก” ผมหยิบโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าตังต์ออกมา คนที่รู้จักผมดีจะรู้ว่าผมไม่ชอบให้ใครยุ่งกับของส่วนตัว
“วินฝากไว้กับแคร์ก็ได้ค่ะ” แคร์รีบยื่นมือออกมารับ แต่ผมวางทุกอย่างไว้บนมือของนิว
“วิน ไหนบอกว่าไม่ชอบให้ใครยุ่งกับของส่วนตัวไงคะ เดี๋ยวมันก็แอบเปิดดู” เมื่อไม่ได้ดั่งใจดูเหมือนแคร์จะลืมว่ากำลัง
พยายามเรียกคะแนนคืนจากผมอยู่
“ใช่ผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับของส่วนตัว”
“นั่นสิคะ แล้วทำไม..” ผมไม่รอให้แคร์พูดจนจบประโยค
“ผมเคยบอกแคร์แล้วว่านิวดูแลผมอยู่ ของส่วนตัวอยู่กับคนส่วนตัวก็ถูกแล้วนี่ครับ”
“คนส่วนตัว หมายความว่ายังไงคะวิน” ผมถอนใจให้กับความอยากรู้อยากเห็นนี้
“หมายถึงคนที่เป็นของไอ้คุณชายหมอมันแค่คนเดียวไงแคร์ ไม่เห็นจะเข้าใจยาก”
“ตกลงนี่มึงกำลังประกาศความเป็นเจ้าของอยู่หรือเปล่าวะวิน ฮ่าๆๆ” วัตหัวเราะชอบใจ พูดต่อจากชลที่เพิ่งไขข้อข้องใจให้กับแคร์
“ใช่” ผมตอบรับเสียงเรียบ ทำเอาใครหลายคนรวมถึงคนที่ถูกติดประกาศทำหน้าเหวอหนัก
“ผมเหรอครับ” นิวชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“ใช่” ผมถอดสร้อยที่สวมอยู่ออกมา เป็นสร้อยทองคำขาวห้อยจี้รูปพระอาทิตย์ ผมสวมมันเข้ากับคอของนิว
ก่อนก้มลงไปกระซิบใกล้ๆ
“ไม่ใช่แค่ฉันเป็นเจ้าของ แต่ฉันจะสวมปลอกคอให้นายด้วย ต่อไปนายเป็นคนของฉันเท่านั้นหมานิว”
ผมถอยตัวออก ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หมานิวรีบตะครุบสร้อยที่ใส่อยู่ขึ้นดูหน้าตาตื่น
ชลกับวัตแซวกันสนุกปาก ส่วนผมไม่ได้พูดอะไรอีก ปล่อยให้ปฏิกิริยาของแต่ละคนเกิดขึ้นตามความรู้สึกของตัวเอง
โดยเฉพาะปฏิกิริยาของแคร์ คนที่ขอสร้อยเส้นนี้จากผมมานับครั้งไม่ถ้วน
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
หมอวินไม่ใช่คุณชายที่แสนดี เรื่องนี้ไม่มีปม แต่พระเอกเราปมเต็มใจเลย ^^
Darin ♥ FANPAGE