ตอนที่ 8 ♥2 : คนไข้กับ(หมา)หมอ“ดีขึ้นไหมครับ” ผมถามเมื่อกลับมาจากอาบน้ำแล้วพบว่าหมอวินยังไม่หลับ
“อืม” คนตอบไม่ยอมเงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่อ่านอยู่ จนผมเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างเตียง ถึงยอมเงยหน้าขึ้นมามอง
“อย่าเพิ่งอ่านหนังสือสิครับมันจะยิ่งปวดหัว” ผมยื่นมือไปจับหนังสือที่หมอวินถืออยู่ รอดูท่าที เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่าย
ไม่ว่าอะไร ผมจึงดึงออกเอามาวางไว้ข้างเตียง
“มีใครเคยบอกไหมว่านายมันตัวยุ่ง”
“ไม่มีครับ หมอวินเป็นคนแรกที่บอก” ผมลงนั่งคุกเข่าข้างเตียงหมอวิน เท้าข้อศอกบนที่นอน มองหน้าคนที่ผมคุยด้วย
“นิว”
“ครับ”
“โกรธไหมที่ฉันเรียกว่าหมา” ผมสบตาคู่นั้น สีหน้าไม่บ่งบอกว่าคนถามคิดอะไรอยู่
“อืม ก็ขึ้นอยู่กับว่าหมอวินเรียกผมเพราะอะไรครับ ถ้าผมรู้ผมถึงจะบอกได้ว่าโกรธหมอวินไหม“ หมอวินเงียบไปจน
ผมนึกว่าคงไม่ตอบอะไร
“ฉันเคยบอกนายแล้วว่าครั้งแรกที่ฉันเห็นนายที่ร้านกาแฟนั่น นายทำให้ฉันนึกถึงหมาที่รอเจ้าของมาเล่นด้วย”
“อธิบายเพิ่มอีกนิดได้ไหมครับ”
“นี่แหละฉันถึงบอกว่านายมันตัวยุ่ง ได้คืบจะเอาศอก” หมอวินว่าผม แต่ก็ยอมอธิบายให้ฟัง
“แววตานายเหมือนลูกหมาที่กำลังรอเจ้าของอย่างอดทน ซื่อสัตย์ ภักดี และหลังจากที่ฉันใช้เวลากับนายเกือบทั้งวัน
ฉันว่านายเป็นอย่างนั้น นายซื่อสัตย์ จริงใจ คนแบบนายหายากขึ้นทุกวัน”
“งั้นผมก็ไม่โกรธครับ ผมจะถือว่ามันเป็นคำชม อีกอย่าง...”
“อะไร”
“ผมว่าหมอวินก็เหมาะกับเป็นคนเลี้ยงหมา เขาว่าคนชอบเลี้ยงหมาคือคนที่อยากมีเพื่อน เป็นคนขี้เหงา ผมว่าหมอวินขี้เหงา”
ผมเท้าคางเอียงคอมองหน้าเจ้าของ
“อย่าเดามั่ว” หมอวินจิ้มนิ้วชี้กลางหน้าผาก ผลักเบาๆ จนหน้าผมหงายไปข้างหลัง
“ผมไม่ได้เดามั่ว ผมรู้จริงต่างหาก”
“เมื่อไหร่จะเงียบ ไหนบอกอยากให้ฉันพัก ออกไปดูหนังข้างนอกไป”
“ไม่เอาครับ ถ้าผมออกไปหมอวินก็อ่านหนังสืออีก”
“นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ จะเอายังไงหมา”
“ผมนวดหัวให้ไหมครับ ผมเก่งนะ รับประกันได้” ผมอยากให้หมอวินพัก วิธีนี้รับรองเผลอหลับไม่รู้ตัว
“เชื่อได้เหรอว่าเก่ง ไม่ใช่พรุ่งนี้ตื่นมาฉันปวดหัวมากกว่าเดิม”
“หมอวินบอกเองนะครับว่าผมซื่อสัตย์ ต้องเชื่อได้สิ”
“นอกจากเป็นตัวยุ่งแล้ว ยังชอบยอกย้อนด้วยใช่ไหม”
“แหะๆ” ผมไม่รู้จะตอบอะไรเลยหัวเราะออกไป ที่จริงอยากบอกว่าก็กับหมอวินคนเดียวนี่แหละครับ เพราะปกติไม่มี
ใครพูดจากับผมเหมือนหมอวินสักคน
“ตามใจ ดูสิจะสมราคาคุยไหม”
“รับรองครับ วันหลังหมอวินต้องมาขอให้ผมนวดเลยล่ะ” ผมรีบขยับตัวขึ้นไปนั่งบนเตียง ข้างตัวหมอวิน
“หมอวินนอนลงสิครับ นั่งเอนๆ แบบนี้ผมลงน้ำหนักมือไม่ถนัด” หมอวินเลิกเถียงกับผม ยอมเลื่อนหมอนลงก่อนเอนตัว
ตามลงไป
ผมเริ่มจากวางนิ้วโป้งลงบนขมับของหมอวินทั้งสองข้าง กดน้ำหนักลงไป คลึงวนเป็นวงกลม เพื่อให้บริเวณนั้นผ่อนคลาย
“อืม” เสียงครางเบาๆ ดังมาจากหมอวินที่นอนหลับตานิ่ง ทำให้ผมรู้ว่าหมอวินกำลังรู้สึกสบายสมกับราคาคุยของผม
ผมขยับนิ้วโป้งมาวางตรงหัวตา ลากโค้งไปตามรูปคิ้วเพื่อให้โบว์อันใหญ่ที่หมอวินชอบผูกไว้คลายออก ผมทำซ้ำๆ สามสี่หน
ก่อนกลับมานวดที่ขมับใหม่
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ผมจึงเปลี่ยนขึ้นไปนวดบนศีรษะแทน หมอวินยังหลับตานิ่ง ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้ผมก้มหน้าลงไปใกล้
แค่ไหน ดูแบบนี้ขนตาหมอวินยาวมาก ผมว่าขนตาสวยกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก ตาก็เรียวยาว ทำไมถึงได้ของดีมา
ครบครันขนาดนี้
“มองอะไร” จู่ๆ หมอวินก็ลืมตาขึ้นมา ทำเอานักสำรวจอย่างผมถอนสายตาไม่ทัน ต้องยอมรับโดยดุษฎี
“มองหน้าหมอวินครับ”
“มองหน้าหาเรื่องเหรอ”
“มองหน้าชื่นชมคนหน้าตาดีครับ เห็นแล้วอิจฉา” หมอวินมองสำรวจหน้าผมบ้าง ก่อนตบด้วยประโยคสุดแสนชื่นใจ
“ก็น่าจะอิจฉาอยู่หรอก” ผมพูดไปอย่างนั้นเองว่าอิจฉาเพราะผมพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่แล้ว แต่ดูอีกคนตอบครับ
“ไม่มีถ่อมตัวเลยนะครับ”
“ทำไมต้องทำหรือนายว่าไม่จริง” ผมคงตอบคำถามนี้ได้ทันที ถ้าหมอวินจะไม่ดึงคอเสื้อผมลงไป
จนปลายจมูกเราเกือบชนกัน ผมมองหน้าที่เห็นไม่ชัดเพราะความใกล้นั้น มันใกล้จนทุกอย่างดูเบลอไปหมด
“ว่าไง ชัดพอไหม”
“มะ..ไม่ชัดครับมันใกล้ไป” หมอวินจะได้ยินเสียงหัวใจผมไหมเพราะตอนนี้ผมได้ยินมันชัดเต็มสองหู
“ช่างเถอะ” หมอวินปล่อยมือจากคอเสื้อผม ผมรีบยืดตัวขึ้นนั่งหลังตรง ใจยังเต้นแรงจนนับจังหวะไม่ทัน
“หมอวิน เอ่อ..จะนวดต่อไหมครับ” ตอนนี้ผมไม่รู้จะเอามือไม้ไปวางไว้ไหน มันดูเกะกะเก้งก้างไปหมด ทำไมตื่นเต้นได้ถึงขนาดนี้
“ไม่ต้อง...ขอบใจ”
“ครับ” ผมถอยลงจากเตียงมานั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนพรม มองซ้ายมองขวาไม่รู้จะทำอะไรต่อ
“ฉันจะนอน ถ้านายยังไม่ง่วงก็ออกไปนั่งเล่นข้างนอก”
“นอนครับ” ผมแอบถอนใจโล่งอก ค่อยยังชั่วไม่อย่างนั้นสงสัยต้องนั่งอึดอัดกันอีกนาน
หมอวินปิดไฟจากปุ่มควบคุมข้างเตียง ผมนั่งปรับสายตาให้ชินกับความมืด รอจนแน่ใจว่าหมอวินห่มผ้าเรียบร้อย
จึงล้มตัวลงนอนบ้าง วันนี้ผมไม่ได้สวดมนต์ ผมไม่อยากทำเสียงรบกวนการพักผ่อนของหมอวิน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“หนาว” ผมขยับตัว พยายามดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้มิดชิด ตาหนักเกินกว่าจะลืมขึ้น แต่ความเย็นไม่ปราณียังตามชอนไชเข้า
มาจนได้ ผมดึงผ้าห่มเข้ามาหนีบไว้กับตัว หวังว่ามันจะอุ่นขึ้นสักนิดแต่ก็ไม่ดีขึ้น ผมกำลังคิดว่าจะลากพรมย้ายไปนอนปลาย
เตียงดีไหม เพราะลมจากแอร์ตกลงบริเวณที่ผมนอนพอดี มันน่าจะพอช่วยได้
ผมกำลังตัดสินใจ เมื่อได้ยินเสียงขยับจากบนเตียง หมอวินคงตื่นมาเข้าห้องน้ำ ผมยังหลับตานิ่ง กะว่าให้หมอวินออกมาก่อน
ให้แน่ใจว่าหลับแล้วค่อยย้าย ไม่อยากให้มานั่งซัก เดี๋ยวหายง่วงจะไม่ได้พักผ่อน
ซวบ เสียงผ้าห่มขยับ ก่อนตัวผมจะถูกยกให้ลอยขึ้น ผมตกใจมากแต่ไม่กล้าลืมตาขึ้นดู ผมเอาหน้าซุกกับผ้าห่มที่ติดมาด้วย
กลัวว่าหมอวินจะสังเกตเห็นว่าผมตื่นอยู่
ตัวผมถูกวางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา รู้สึกได้ถึงมือที่เลื่อนผ้าห่มขึ้นคลุมให้จนถึงคอ ผมได้ยินเสียงเดินห่างออกไป
จึงแอบหยีตาขึ้นมอง เห็นหมอวินเดินไปหยิบหมอนบนพรมขึ้นมาวางบนเตียง ก่อนกลับขึ้นมานอนอีกครั้ง
เรานอนอยู่ข้างๆ กัน ถึงจะไม่ชิดแต่ก็บนเตียงเดียวกัน นั่นทำให้ผมเกร็งไปหมด ไม่กล้าขยับ ไม่กล้าหายใจแรง
ผมหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ตาเบิกโพลงในความมืด กว่าหมอวินจะหลับสนิทผมเกือบขาดอากาศหายใจตาย
ผมค่อยๆ ขยับตัว นานกว่านี้ตะคริวคงกินขา ผมตะแคงข้างหันหน้าไปทางหมอวิน มองคนที่นอนหงายหายใจขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอ
“ขอบคุณครับ” ผมขยับปากแต่ไม่มีเสียงออกมา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“อรุณสวัสดิ์ครับ” ผมทักทายคนที่เดินมานั่งที่โต๊ะกินข้าว หมอวินอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“วันนี้มีข้าวต้มปลาครับ ผมทำน้ำจิ้มสำหรับปลาให้ด้วย”
“อืม” หมอวินกดเปิดโทรทัศน์ดูรายการข่าว
“รอแป๊บนะครับ เกือบเสร็จแล้ว”
“ไม่ต้องรีบ วันนี้ฉันมีเรียนสาย”
“ครับ”
ผมจะถามถึงเรื่องเมื่อคืน แต่หมอวินนั่งดูข่าวนิ่ง ผมเลยไม่กล้ารบกวน
“ได้แล้วครับ” ผมวางชามข้ามต้มปลาพร้อมถ้วยน้ำจิ้มลงข้างหน้าหมอวิน ก่อนกลับไปตักอีกชามสำหรับตัวเอง
ผมนั่งกินไปเรื่อยๆ แต่หมอวินยังไม่มีทีท่าจะเลิกดูข่าว ผมจึงตัดสินใจเกริ่นขึ้นก่อน
“เมื่อคืนผมขึ้นไปนอนบนเตียงหมอวิน”
“ใช่”
“ผม...” ผมกำลังคิดว่าจะขอบคุณไปตรงๆ เลยดีไหมที่หมอวินอุ้มผมขึ้นไปนอน หรือจะถามนำก่อนดีว่าผมขึ้นไปได้อย่างไร
แต่มันดูมุสาเกินไปในเมื่อผมรู้อยู่แล้ว
“เมื่อคืนนายปีนขึ้นมา”
“อ่า...” ผมเลยอ้าปากค้าง ต้องเก็บคำพูดที่กำลังจะหลุดปากออกไปกลับเข้าคอ
“ผมจำไม่ได้ว่าผมปีนขึ้นไป” อันนี้พูดได้ครับ ไม่ได้มุสา ก็ผมจำได้นี่นาว่าหมอวินเป็นคนอุ้มขึ้นไป
“ละเมออีกแล้วเหรอ” เจอหน้านิ่งๆ ทำเนียนระดับสิบ ผมถึงกับคิดว่าหมอวินน่าจะไปเป็นพระเอกละครแทนเป็นหมอ
“เหมือนครั้งก่อนใช่ไหมครับ” ผมหมายถึงคืนที่ผมขับรถมาส่งหมอวินที่คอนโดและตื่นมาบนพรมหน้าเตียง
“ใช่”
“อ๋อครับ” ผมลอบมองหน้าด้านข้างของหมอวิน ความดีใจไหลเวียนไปทั่วร่างจนเกิดเป็นรอยยิ้มบนใบหน้า เมื่อคิดอะไร
บางอย่างขึ้นมาได้ มันน่าจะใช่
“ขอบคุณครับหมอวิน”
“เรื่องอะไร” หมอวินละสายตาจากรายงานข่าวหันมามองหน้าผม
“เรื่อง...เรื่องที่ยอมปล่อยให้ผมนอน ไม่ถีบผมตกลงมาที่เดิม”
“ฉันไม่ใช่คนใจร้าย แล้วฉันก็ง่วงเกินกว่าจะลุกขึ้นมาจัดการนาย”
“ครับ หมอวินไม่ใช่คนใจร้ายสักนิด” ผมส่งยิ้มให้หมอวิน มันคงเป็นรอยยิ้มที่กว้างมาก กว้างจนหมอวินถึงกับเลิกคิ้ว
“มีอะไร”
“ไม่มีครับ ผมแค่ดีใจ”
“ดีใจ? เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่หมอวินใจดีไงครับ ผมดีใจที่มีเจ้าของน่ารัก”
จู่ๆ หมอวินก็เหมือนถูกใครสับสวิทช์ หน้าเรียบๆ กลายเป็นหน้ายิ้มแล้วหุบฉับกลายเป็นหน้าบึ้งทันที
ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในสามวินาที
“หมานิว!! พูดมาก ฉันจะดูข่าว”
“ครับ” ผมก้มหน้าก้มตากินเมื่อถูกดุ ชมนิดชมหน่อยแทนที่จะดีใจ ทำหน้าจะกินหัวผมอีกแล้ว
“นาย xxไม่ xxx”
“อะไรนะครับ” ผมได้ยินเสียงหมอวินแต่ไม่ชัด มันเบาและขาดเป็นห้วงๆ
“ฉันบอกว่าหมาพันธุ์นายก็ไม่ขี้เหร่เท่าไหร่”
หมอวินหน้าแดงอีกแล้ว คราวนี้แดงลามไปจนถึงหู ตกลงหมอวินชมผมว่าน่ารักใช่ไหม
“หมอวินครับ”
“อะไร” เสียงห้วน ดุจนใครฟังก็คงขยาด แต่ผมไม่กลัวหรอก ผมรู้แล้วว่าหมอวินเป็นคนยังไง
“ทานยาอีกสักเม็ดไหมครับ สงสัยไข้จะขึ้น”
“หมานิว!!”
ฮ่าๆๆ ผมรู้แล้วว่าหมอวินป่วยเป็นโรคอะไร ไม่ต้องไปปรึกษาแพทย์ให้เสียเวลา อย่างหมอวินตอนนี้
เขาเรียกว่า..อาการเขินนนน
เอาเถอะครับ ผมจะทำเป็นไม่สงสัยก็แล้วกัน ว่าผมปีนอีท่าไหนถึงข้ามไปนอนฝั่งของหมอวินได้
ท่าทางผมจะปีนเก่งน่าดู
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
สองสามวันนี้กล้ามเนื้ออักเสบนะคะ ทำให้พิมพ์นานๆ แล้วปวดเลยไม่ได้มาลงนิยาย ตอนนี้ค่อยยังชั่วบ้างแล้ว
ขอลงเรื่องนี้ก่อนเพราะติดไว้ครึ่งเรื่อง ใครรอ someone พรุ่งนี้นะคะ
Darin ♥ FANPAGE