ตอนที่ 12 : ไม่เหมือนอุ่นดีจัง (ซุกซุก) ผมขยับตัวเข้าซุกกับที่มาของความอุ่น แต่ทำไมมันแข็งๆ ไม่นิ่มล่ะ ตาที่ปิดอยู่ค่อยๆ ปรือขึ้นมา
ก่อนพบว่าผมกำลังนอนกอดคุณชายหมออยู่ หน้าซบอยู่บนแผ่นอก มือพาดอยู่บนเอว ขาป่ายอยู่บนขาแข็งแรง
ยะ..แย่แล้ว ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง โชคยังดีที่ผมชินกับการตื่นตั้งแต่เช้ามืด ไม่อย่างนั้นถ้าคุณชายหมอตื่นก่อน ผมต้อง
โดนเตะกระเด็นไม่ให้เข้าใกล้อีกแน่ๆ เกือบไปแล้วเชียว
ผมค่อยๆ ปีนลงจากเตียง ก่อนหยิบเสื้อผ้าที่วางเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนมาถือ เดินออกไปทำธุระส่วนตัวที่ห้องน้ำ
ด้านนอก เพื่อป้องกันไม่ให้เสียงไปรบกวนการนอนของคุณชายหมอเข้า
เป็นกิจวัตรของผมไปแล้วว่าถ้ามานอนที่นี่ ผมจะตื่นมาทำอาหารเช้าให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะเข้าไปปลุกคุณชายหมอ
“หมอวินครับ” ไม่มีการตอบรับ คุณชายหมอยังนอนนิ่ง ผมจึงขยับเข้าไปใกล้อีกนิด
“หมอวินครับ” คราวนี้ผมแตะมือลงบนไหล่ เขย่าเบาๆ เพื่อให้รู้ตัว
“โอ๊ะ!” ผมถูกคุณชายหมอจับแขนเหวี่ยงลงบนเตียงก่อนร่างหนาจะหมุนตัวขึ้นทาบทับ ปากได้รูปแตะลงบนแก้มของผม
“หือ? นายหรอกเหรอ” คุณชายหมอลืมตาขึ้นมามองหน้าผม เราจ้องกันนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่หมอวินจะขยับตัวออก
“โทษที ฉันเข้าใจผิด” หมอวินไม่อธิบายอะไรมากกว่านั้น ลุกขึ้นยืนก่อนเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ทิ้งให้ผมนั่งหน้าแดงอยู่บนเตียง
หมอวินคงคิดว่าผมเป็นสาวๆ ที่พามานอนด้วย ผมไม่เศร้าหรอก แอบดีใจด้วยซ้ำ มันเป็นความฟลุ้คของผมที่ได้จูบ
จากหมอวิน ถึงจะเป็นจูบแก้มก็เถอะ
หายใจเข้า หายใจออก หายใจเข้า หายใจออก ผมพยายามตั้งสติเพื่อลดอาการสั่นและแขนขาอ่อนแรง พยายามทำให้
หัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติให้เร็วที่สุดก่อนที่หมอวินจะเสร็จธุระออกมาและพบว่าแก้มของผมได้กลายเป็นมะเขือเทศสุกไปเสียแล้ว
+++++++++++++++++++++++++++++++
“เป็นอะไรมหานั่งอมยิ้มตั้งแต่เข้ามา มีอะไรดีๆ หรือเปล่า” พี่ตุลย์เดินเข้าถามหลังจากที่เมียงมองผมมาสักพักใหญ่
“มหามันเสียซิงจูบแรกไปแล้วพี่”
“คุณพู่!” ผมอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี ไม่น่าเล่าให้คุณพู่ฟังเลย ตอนผมมาถึงคณะคุณพู่ก็ถามแบบพี่ตุลย์นี่แหละครับ
ผมไม่อยากโกหกก็เลยบอกไป อย่างไรก็เพื่อนสนิทกัน
“เฮ้ย นี่มันข่าวใหญ่ขนาดลงหนังสือพิมพ์มหาลัยได้เลยนะ เป็นไงบ้างวะมหาเคลิ้มดีไหม” พี่ตุลย์ทำตาเคลิ้มนำผมไปแล้ว
“แล้วกับใครวะ มีสาวทำซุ่มไม่บอกพี่บอกเชื้อมันน่าน้อยใจ” พี่ตุลย์ไม่รอให้ผมตอบคำถาม ยิงต่อมาอีกชุดใหญ่
“ก็เพราะมันกลัวติดเชื้อจากพี่ไง มันถึงไม่บอก” ผมเริ่มคิดว่าผมไม่ต้องพูดก็ได้ ให้สองคู่ปรับเขาคุยกันเองน่าจะเข้าท่ากว่า
“แล้วอยากติดบ้างหรือเปล่าล่ะน้องชมพู่ มามะมาจุ๊บกับพี่”
“อี๋ ไอ้พี่ตุลย์ไปไกลๆ ตีนเลย” แล้วห้องชมรมก็กลายเป็นสนามหญ้าให้พระเอกนางเอกอินเดียวิ่งไล่กันอีกครั้ง ถ้าคุณพู่ไม่ใช่
ทอมผมคงคิดว่าคู่นี้เป็นแฟนกัน
“เออ มหาวันนี้มีคนแวะมาหาที่ห้องชมรมด้วย” พี่ตุลย์ที่วิ่งครบสามรอบกลับมายืนหอบแฮ่กอยู่ข้างผม
“ใครครับ”
“ผู้หญิงสวยๆ ที่ชื่อ..ชื่ออะไรวะโอ้ต” พี่ตุลย์ตะโกนถามพี่โอ้ต ที่นั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่
“นิลิน”
“เออใช่ น้องนิลิน เขาฝากเบอร์โทรไว้ให้ด้วย ว่าให้โทรหาเขาหน่อย” พี่ตุลย์เดินไปหยิบโพสอิทที่แปะอยู่บนตู้เอกสารมายื่นให้ผม
“คุณนิลินมาหาผมหรือครับ” ผมเบิกตากว้าง เดาไม่ถูกว่าอีกฝ่ายมาหาทำไม แต่ที่แน่ๆ คงเป็นเรื่องคุณชายหมอ
“ก็บอกอยู่นี่ หลับยังไม่ตื่นหรือวะ อะเอาไป” เมื่อผมไม่หยิบเสียที พี่ตุลย์เลยแปะลงมาบนเสื้อของผม
“ตอนแรกเขาขอเบอร์มหา แต่ไอ้ตุลย์มันยึกยักท่ามากจะให้เบอร์ตัวเองแทน เขารำคาญมันเลยฝากเบอร์ไว้กับพี่แทน”
พี่โอ้ตเผาเพื่อนรัก ให้พวกผมได้รับรู้ถึงวีรกรรมของพี่ตุลย์
“แหมๆ ทีอย่างนี้ไม่พูดถึงนะไอ้พี่ตุลย์” คุณพู่หันไปเล่นงานคู่ปรับที่ปิดปากเงียบ
“คุณนิลินได้บอกไหมครับว่ามาหาผมเรื่องอะไร”
“ไม่ได้บอก บอกแต่ให้โทรหาด้วย อยากรู้มหาก็โทรไปสิ” พี่โอ้ตเลิกสนใจพวกผม ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ ผมจึง
ไม่กล้ากวนถามอะไรเพิ่มอีก
“โทรไปสิมหา กูก็อยากรู้ว่าเขามาหามึงทำไม”
“ครับ”
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดไปตามเบอร์ที่เขียนไว้ รอไม่นานก็มีเสียงหวานๆ รับสาย
“ว่าไงวะ” คุณพู่ถามทันทีที่ผมวางสาย มีพี่ตุลย์ยืนลุ้นด้วยความอยากรู้อยู่ข้างๆ
“คุณนิลินขอนัดเจอครับ กำลังจะแวะมาหาให้รออยู่ที่นี่”
“อย่าบอกนะ” จู่ๆ พี่ตุลย์ก็ทำตาลุก ชี้นิ้วใส่หน้าผม
“อะไรครับ”
“อย่าบอกว่ามหาเสียซิงจูบให้น้องนิลินคนสวย”
โป๊ก!! คุณพู่ทนไม่ไหวถึงกับยกหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะฟาดหัวรุ่นพี่
“คิดเข้าไปได้ไอ้พี่ตุลย์ ถ้าเขาจูจุ๊บกันจริง จะขอเบอร์ทำเหี้ยอะไร”
“เออวะ ว่าแต่มหามึงจูจุ๊บใครวะ” นั่นไงครับ คุณพู่หนอคุณพู่จะพูดเรื่องจูบขึ้นมาอีกทำไม เข้าผมจนได้
“ไม่เสือกสักเรื่องได้ไหมพี่ เอาสมองไปคิดอย่างอื่นบ้าง ไม่ใช้เลยระวังจะโง่”
“อ้าวไอ้คุณชมพู่ ด่าพี่โง่เหรอ”
“เปล้า บอกว่าระวังจะโง่ เคยแข่งวิ่งไหม เข้าที่ ระวัง ไป๊ อีกนิดเดียวเองว่ะพี่ เกือบโง่จริงล่ะ”
“งั้นก็มาโง่ด้วยกัน” พี่ตุลย์คว้าหัวคุณพู่ไปยีเสียฟูฟ่อง ทำเหมือนกับว่าทำแค่นั้นสมองคุณพู่จะโง่ลง
ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วปล่อยให้เล่นกันต่อไป
+++++++++++++++++++++++++++++
“สวัสดีครับ” ผมทักก่อนตามมารยาท เมื่อเดินมาถึงโต๊ะที่คุณนิลินนั่งรออยู่ ผมได้รับโทรศัพท์ให้ออกมาเจอ
นอกห้องชมรมเพื่อความสะดวกในการพูดคุย
คุณนิลินเป็นผู้หญิงผิวขาว รูปร่างสมส่วน หน้าตาน่ารักบวกกับกิริยามารยาทเรียบร้อยทำให้ดูเป็นคุณหนู
มีชาติมีตระกูล
“นั่งก่อนสิคะ” คุณนิลินชวนผมกับคุณพู่นั่งลง คุณพู่ตาวาววับเมื่อเจอสองสาวหน้าตาตรงสเปคเข้าให้
“นี่เพื่อนนิลินชื่อปูค่ะ”
“สวัสดีครับ นี่เพื่อนผมชื่อคุณชมพู่ครับ” ผมแนะนำคุณพู่ให้อีกฝ่ายรู้จักบ้าง
“เคยได้ยินชื่อแล้วค่ะ” คุณนิลินส่งยิ้มอ่อนๆ มาให้ แต่ไม่บอกว่าได้ยินมาจากไหนหรือได้ยินว่าอย่างไร
“คุณนิลินอยากเจอผมมีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามออกไปตรงๆ เพราะไม่อยากเสียเวลาอ้อมค้อม
“นิลินแวะมาทำความรู้จักกับเอาขนมมาให้ค่ะ” คุณนิลินหยิบถุงที่วางอยู่ข้างกายส่งให้ผม
“ขอบคุณครับ” ผมรับมาแบบงงๆ
“นิลินได้ข่าวว่านิวทำงานกับหมอวินหรือคะ”
“ครับ” ผมพยายามตอบให้สั้นที่สุดเพราะยังไม่ทราบเจตนาของอีกฝ่าย
“คือ..จะบอกยังไงดี นิลินเขินๆ ปูช่วยหน่อยสิ” คุณนิลินโยนไปให้เพื่อนที่รอจังหวะเสียบอยู่แล้ว
“นายพอจะได้ข่าวนิลินกับหมอวินใช่ไหม”
“ครับ”
“งั้นก็ดีแล้ว คืองี้ ทางบ้านของนิลินสนิทกับคุณป้าหมอวินมาก และก็อยากให้ทั้งสองคนคบกันด้วยความเหมาะสมใน
ทุกๆ ด้าน นิลินเองก็เป็นเด็กหัวอ่อนไม่อยากขัดใจที่บ้าน แต่ก็ติดว่าคุณชายหมอมีผู้หญิงชอบค่อนข้างเยอะกลัวต้อง
เสียใจภายหลัง เลยมีอะไรอยากให้นายช่วยนิดหน่อย”
“อะไรครับ” หลังจากที่ฟังคุณปูพูดอ้อมโลก ในที่สุดผมก็จะได้ฟังจุดประสงค์จริงๆ เสียที
“แค่อยากให้นายทำอะไรนิดหน่อย ไม่ยาก คอยรายงานข่าวหมอวินให้นิลินรู้ กับช่วยไล่พวกเหลือบไรไปให้พ้นๆ
ง่ายแค่นี้เอง แล้วไม่ต้องห่วง นิลินไม่ให้นายช่วยฟรีๆ นายจะมีเงินติดกระเป๋าใช้จ่ายสบาย”
“คุณนิลินกำลังจะให้ผมคอยสอดแหนมหมอวินหรือครับ” ผมถามให้ชัดว่าเราเข้าใจตรงกัน
“แหม อย่าใช้คำนั้นสิคะ นิลินก็แค่อยากรู้ตามประสาว่าหมอวินไปไหน ไปทำอะไร ไปกับใคร เรื่องทั่วๆ ไป
นิวช่วยนิลินได้ใช่ไหม” น้ำเสียงอ่อนหวาน สายตาออดอ้อนที่มองมา ทำเอาผมแอบขนลุกนิดๆ
“ถ้าวันไหนคุณนิลินอยากรู้ก็โทรมาครับ ถ้าผมถามหมอวินแล้วหมอวินให้ผมบอกได้ ผมก็บอกอยู่แล้ว ไม่ต้องให้เงินผมหรอก”
“หมายความว่ายังไง” คุณนิลินเริ่มหุบยิ้ม น้ำเสียงก็เริ่มเข้มขึ้นตามลำดับ
“ก็หมายความว่าคุณนิลินพูดถูกเรื่องที่ว่าผมทำงานให้หมอวินครับ ดังนั้นเจ้านายผมก็คือหมอวิน ผมคงไม่สามารถขาย
เจ้านายตัวเองได้”
“คิดดูให้ดีนะ” คุณปูพูดคล้ายจะขู่ผม ทำเอาคุณพู่ที่นั่งฟังเงียบๆ ขากระตุกขึ้นมาจนผมต้องเอามือแตะแขนไว้ไม่ให้เข้ามายุ่ง
“ครับ”
“งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ นิลินแค่แวะมาถามดู” คุณนิลินหยิบกระเป๋าขึ้นสะพายไหล่ พร้อมลุกขึ้นยืน
“แต่นิวระวังไว้นิดก็ดีนะคะ ทำตัวแบบนี้กับว่าที่เจ้านายคนใหม่ จะกระเด็นไม่รู้ตัว”
เสียงที่พูดยังไพเราะเสนาะหู พร้อมกับรอยยิ้มหวานที่กลับมาประดับอยู่บนริมฝีปาก
“ไม่ต้องระวังหรอกครับ ผมยินดี คุณนิลินสามารถพาตัวเองเข้ามาเป็นได้วันไหน ผมจะดีใจด้วย”
“แก..” คุณนิลินหลุดปากออกมาหนึ่งคำ ก่อนกลับมารักษามาดคุณหนุผู้อ่อนโยนและบอบบางไว้ได้
“ปู กลับ” หน้าสวยสะบัดพรืดเดินออกไปจากโต๊ะ ผมไม่ได้หันไปมอง มีแค่คุณพู่เท่านั้นที่มองตามไปจนลับตา
“นางฟ้ากูหายไปไหนวะ”
“เพิ่งเดินออกไปเมื่อกี้ไงครับ”
“ไอ้มหากวนตีนกูนะมึง กูหมายถึงนางฟ้าผู้แสนบอบบางน่าทะนุถนอมของกูหายไปไหนวะ พี่ชมพู่เสียดายความน่ารักเหลือเกิน”
“ไม่หายหรอกครับ แค่ไม่โผล่มาเวลาอยู่กับผมเท่านั้นเอง” เป็นเรื่องปกติของพวกที่แบ่งคนจากฐานะ เรื่องแบบนี้ผมชินเสียแล้ว
“แต่แม่เจ้าประคุณมาแรงแซงโค้งมากนะ กูว่ามาตรงๆ อย่างแคร์ยังดีเสียกว่า ไม่รู้หมอวินจะรับมือได้ไหม”
“ไม่รู้สิครับ เรื่องของเจ้านายผมไม่อยากยุ่ง”
“อ้าวไอ้มหา มึงด่ากูเสือกเหรอ” คุณพู่ออกงิ้วใส่ผม จนต้องรีบร้องห้าม
“เปล่านะครับ คุณพู่คิดไปเองผมไม่ได้ว่าคุณพู่เสียหน่อย”
“ช่างเถอะ เอาเรื่องสำคัญก่อน มึงอยากให้กูแต่งหญิงไหมวะ”
“คุณพู่จะแต่งไปทำไมครับ” ผมหันไปมองหน้าคุณพู่ด้วยความสงสัยว่าผีตัวไหนเข้าคุณพู่ถึงจะลุกขึ้นมาแต่งหญิง
“อ้าวมึงนี่ กูอุตส่าห์จะทำเพื่อมึง ยัยป้าคุณชายหมอติดต่อมาบ้านกูก่อน น้องนิลินนี่คงไม่รู้ แปลว่าบ้านกูภาษีดีกว่า
มึงอยากให้กูออกหน้าควงคุณชายหมอให้ไหม”
“ฮ่าๆ อย่าเลยครับคุณพู่ ผมกลัวฟ้าผ่า”
ป๊าบ!! “ผ่าบ้านมึงสิ” คุณพู่ตบหัวผมทิ่มไปข้างหน้า
“ผมแซวนิดเดียวเองตบลงมาได้” ผมลูบหัวป้อยๆ
“ขอบคุณครับคุณพู่แต่ไม่ต้องหรอก ยังไงสักวันหมอวินก็คงต้องคบต้องแต่งงานกับคนที่เหมาะสม ของอย่างนี้มัน
เลียงไม่ได้หรอกครับ ผมเตรียมใจไว้เองจะง่ายกว่า วันไหนก็วันนั้น”
“สาธุ” คุณพู่ยกมือไหว้ท่วมหัว ก่อนสะบัดหน้าใส่ผมอีกคน นานๆ เห็นคุณพู่ค้อนเป็นผู้หญิงที น่ารักใช่เล่นเลย
+++++++++++++++++++++++
“นิว เดี๋ยวไปส่งนิลินที่บ้านก่อน”
“ครับ” คุณนิลินนั่งอยู่กับหมอวินอยู่แล้วตอนผมเดินเข้าไปหา
“กุญแจรถ” หมอวินยื่นกุญแจรถให้ผม ผมรับมาใส่กระเป๋า ก่อนช่วยหมอวินถือหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะ
“อุ๊ย นิวทานขนมร้านนี้ด้วยหรือคะ อร่อยมากนิลินก็ชอบ” คุณนิลินพูดถึงขนมที่เธอเป็นคนซื้อให้ผมเอง
(ความจริงแล้วผมคิดจะคืนแต่คืนไม่ทันเพราะเธอเดินลิ่วๆ ออกไปก่อน) ผมคาดเดาได้ไม่ยากว่าคุณนิลินคงพูด
ดักคอผมไว้ก่อนว่าไมใช่ของเธอ อาจเป็นการเตือนผมเป็นนัยๆ ว่าไม่ให้บอกหมอวิน หรืออาจต้องการกันไว้ก่อน
เผื่อผมบอกหมอวิน เธอจะได้ปฏิเสธได้ว่าไม่จริง ผมพูดโกหก
“ใครให้มา” หมอวินมองหน้าผม สีหน้าดูไม่ค่อยพอใจ
“ไม่ใช่ของผมครับ เมื่อกี้ผมเจอเพื่อนคุณนิลิน เขาจำได้ว่าผมทำงานกับหมอวิน เลยฝากให้ถือมาให้คุณนิลิน”
ผมตัดต่อคำพูด ถือเสียว่าไม่ได้โกหก
“งั้นเหรอ” สีหน้าหมอวินดีขึ้นทันที กลับมามีใบหน้าอ่อนโยนอีกครั้ง ทีกับผมดุเอาดุเอา ทีอยู่กับสาวเป็นคุณชายหมอ
ขึ้นมาเลย
“นี่ครับ” ผมยื่นถุงขนมให้กับคุณนิลิน อีกฝ่ายกล่าวขอบคุณเบาๆ ก่อนยื่นมือมารับ
“คงเป็นปูค่ะหมอวิน นิลินบ่นอยากทานมาหลายวัน เพื่อนคงซื้อมาให้”
“ครับ” หมอวินไม่ซักถามอะไรเพิ่ม คล้ายกับไม่สนใจว่าจะเป็นใครให้มาหรือจะมายังไง เอามาให้แล้วก็จบ
“วันนี้หมอวินอยู่ทานข้าวเย็นที่บ้านนิลินด้วยกันนะคะ”
“วันนี้ผมไม่สะดวก”
“ไม่เป็นไรค่ะนิลินแค่อยากขอบคุณที่หมอแวะไปส่ง รบกวนจริงๆ ถ้ารถนิลินไม่เสียคงไม่กวนหมอ”
“ไม่เป็นไรครับ”
ผมที่เดินตามมาเรื่อยๆ อดฟังบทสนทนาไม่ได้ ผมต้องยอมรับว่าคุณนิลินวางตัวได้ฉลาด เข้าหาแต่ไม่เข้าใกล้เกินไป
“เชิญครับ” ผมกดรีโมทเปิดประตูรถเมื่อเดินมาถึงลานจอด
“ขอบคุณค่ะ” คุณนิลินก้าวขึ้นรถเมื่อหมอวินเปิดประตูหลังให้ เธอขยับเข้าไปนั่งชิดด้านในเหลือพื้นที่ให้กับหมอวิน
ขึ้นนั่ง
ผมเห็นหมอวินส่งยิ้มให้กับคุณนิลินก่อนปิดประตูหลัง แล้วเปลี่ยนมาเปิดประตูหน้าก้าวขึ้นมานั่งข้างคนขับแทน
“ขึ้นรถ” หมอวินสั่งเมื่อผมยืนบื้อมองสิ่งที่เกิดขึ้น นึกสงสารคุณนิลินที่ไม่รู้จักฤทธิ์เดชของหมอวิน ว่าภายใต้มาดคุณชายนั่น
มีอะไรซ่อนอยู่
“วันเสาร์นี้หมอวินไปตีกอล์ฟกับคุณลุงไหมคะ”
“ไม่ครับ”
“เสียดายจัง นิลินไปกับคุณพ่อด้วยค่ะ นึกว่าจะได้มีเพื่อน”
“ผมไม่เล่นครับ ไม่ชอบ”
“นิลินก็ไม่ชอบค่ะ แต่ขัดคุณพ่อไม่ได้ หมอวินไปด้วยกันนะคะ นิลินจะได้ขอยืนตัวเป็นข้ออ้างไม่ต้องลงไปตี”
“เอาไว้โอกาสหน้านะครับ นิว”
“ครับ” ผมฟังเพลินๆ เกือบลืมขานรับ
“อยากทานอะไร”
“ครับ?”
“มื้อเย็นอยากทานอะไรครับ” ผมถึงกับใบ้กิน คำถามนี้ตอบง่ายนะครับ ถ้าไม่บังเอิญว่าก่อหน้านี้คุณชายหมอ
เพิ่งปฏิเสธคุณนิลินไป แถมคำว่าครับนั่นอีก มาจากไหน ร้อยวันพันปีเคยพูดกับผมที่ไหนเล่า
“อะ..อะไรก็ได้ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นทานฝีมือนิวแล้วกันนะ ฉันชอบมากกว่าอาหารข้างนอก”
แล้วหมอวินก็หันหน้าไปส่งยิ้มให้กับคุณนิลินที่นั่งอยู่เบาะหลัง ก่อนจะพูดสำทับว่า..
“นิวทำอาหารอร่อยมากครับ”
ผมนั่งกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก รู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากด้านหลัง นึกอยากจะฟาดหมอวินสักป๊าบ
ทำไมขยันหาศัตรูมาให้ผมนัก คุณแคร์ก็คนนึงแล้ว นี่ยังมาคุณนิลินอีก ผมจะรอดไหมเนี่ย
“แหม อยากรู้เสียแล้วสิคะว่าอร่อยแค่ไหน วันหลังนิลินคงต้องขอไปลองชิมด้วยคน”
“ว่าไงพ่อครัวใหญ่อยากอวดฝีมือไหม” มือหมอวินเอื้อมมาจับศีรษะผมโยกเล่นเบาๆ คล้ายเอ็นดูเสียเต็มประดา
“ผมไม่เก่งขนาดนั้นครับแค่พอทานได้”
“ถ้าอย่างนั้นเอาไว้ให้เจ้าตัวมั่นใจก่อน ผมจะเชิญนะครับนิลิน”
“ได้ค่ะ”
หมอวินโหมดพูดจาสุภาพยิ้มตลอดเวลาแบบนี้ เคยเป็นโหมดที่ทำให้ผมแอบชอบเมื่อครั้งยังไม่ได้ทำความรู้จักกัน
แต่เดี๋ยวนี้ผมกลับไม่ชอบมันเลย ผมชอบให้หมอวินเป็นอย่างที่เป็นมากกว่า เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวบึ้งเดี๋ยวอารมณ์ดีเดี๋ยวร้าย
ผมว่าแบบนั้นหมอวินดูมีชีวิตชีวามากกว่า ไม่แข็งกระด้างแบบนี้
+++++++++++++++++++++
“อร่อยจริงหรือครับ” ผมถามเมื่อหมอวินยกน้ำขึ้นดื่มหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ
“ไม่” คนบอกว่าไม่อร่อยทานข้าวเสียเกลี้ยงจาน
“ไม่อร่อยก็ไม่อร่อยครับ” เดี๋ยวนี้ผมพอมองออกแล้วว่าอันไหนหมอวินพูดจริงพูดไม่จริง ผมจึงไม่สนใจจะซักไซ้ต่อ
สู้เก็บล้างให้เสร็จจะได้กลับวัดดีกว่า
“ไม่ถามเหรอว่าทำไมวันนี้ฉันถึงอยู่กับนิลินหรือไปส่งเธอที่บ้าน”
“ถามทำไมครับ อีกอย่างคุณนิลินก็บอกแล้วว่ารถเธอเสีย” ผมตอบไปตามที่ได้ยิน
“นายนี่มัน” หมอวินพูดทิ้งค้างแค่นั้น ก่อนจะเดินตึงตังไปทิ้งตัวลงบนโซฟา อะไรของคุณชายหมอ ทำน้ำเสียงอย่างกับไม่
พอใจที่ผมไม่ถาม
ผมวางจนลงบนโต๊ะตามเดิม เช็ดมือแล้วเดินตามหมอวินไปที่โซฟา
“ทำไมหมอวินอยู่กับคุณนิลินครับ” ผมนั่งขัดสมาธิกับพื้นเอาคางเกยโซฟาที่หมอวินนั่งอยู่
“หมานิว” อ้าว พอถามก็โกรธอีก ผมเลยยกนิ้วชี้ขึ้นแตะหัวเข่าหมอวินแล้วลูบไปมาช้าๆ ได้ข่าวว่าแมวชอบให้ลูบ
พอทำแบบนี้แล้วจะอารมณ์ดีขึ้น
“ทำไมถึงไปส่งคุณนิลินครับ” ผมลองถามอีกที แต่หมอวินไม่ยอมตอบ ตามองมือผมบนหัวเข่านิ่ง ผมนึกว่าเดี๋ยวคงโดน
ปัดออกแต่ก็เปล่า
“ป้าฉันโทรมาบอกตั้งแต่บ่ายว่าจะฝากนิลินให้ติดรถกลับบ้าน ทำเหมือนฉันไม่รู้ว่าบ้านนั้นมีคนขับรถ แต่อย่างที่เคยบอก
ฉันขี้เกียจพูดมาก อันไหนพอทำได้ก็ทำให้มันจบๆ ไปซะ” ผมนึกถึงเหตุผลที่หมอวินไปพบคุณพู่ตามนัด ตอนนั้นหมอวินก็
บอกว่าเพื่อตัดรำคาญ
“ดูเหมือนที่บ้านอยากให้หมอวินมีแฟนเร็วๆ นะครับ”
“ไม่ใช่ ป้าฉันแค่อยากได้คนที่เขาควบคุมได้และมีผลประโยชน์ร่วมกัน แม่ฉันขัดไม่ได้เพราะเกรงใจพี่สาวแต่ก็ไม่ได้บังคับ
ฉัน แค่ขอให้ไปพบตามที่ป้านัดให้บ้างก็พอ” หมอวินอธิบายให้ผมฟังยาวเหยียดโดยไม่จำเป็นเลย ที่จริงไม่ต้องเล่าให้ผมฟัง
ก็ได้
“แต่ในจำนวนผู้หญิงที่ป้าฉันพยายามเสนอ ฉันชอบคนนึงนะ” ใจที่มันแอบฟูๆ โดยไม่รู้ตัว แฟบลงเหมือนลูกโป่งถูกปล่อยลม
“ใครครับ” คำถามที่ไม่มีสิทธิ์ถามแต่ผมดันหลุดปากออกไปด้วยความอยากรู้
“ชมพู่เพื่อนเราไง เป็นคนแรกเลยนะที่ฉันว่าป้าฉันตาถึง ฮ่าๆๆ”
“หมอวิน” จากที่ลูบๆ อยู่ผมเลยฟาดเพี้ยะเข้าให้ มาว่าเพื่อนผมได้ยังไง
“ฉันไม่ได้ว่าเพื่อนนาย ฉันพูดจริงๆ ว่าฉันชอบนิสัยชมพู่ ดีที่สุดเท่าที่ป้าฉันแนะนำมาแล้ว”
“แล้วคุณนิลินล่ะครับ” ผมเลียบๆ เคียงๆ ถาม อยากรู้ว่าหมอวินคิดว่าคุณนิลินเป็นคนอย่างไร
“นิลินน่ะเหรอ” หมอวินมองไปข้างหน้าราวกับใช้ความคิด จนเผลอวางมือทับลงบนมือผมที่วางอยู่บนหัวเข่า
“เหมือนฉัน”
“เหมือนหมอวิน?”
“ใช่ เหมือนฉัน เหมือนมากด้วย ไม่มีความคล้ายนายสักนิด”
“ก็ต้องไม่คล้ายสิครับ” ผมเผลอทำหน้าง้ำ ย้ำเสียจริงผมรู้ตัวหรอกว่าผมต่างกับคนแบบหมอวินและคุณนิลินมาก
“ผมไปล้างจานก่อนครับ จะได้รีบกลับวัด”
“กลับทำไม”
“ก็ผมพักที่วัดนี่ครับ ก็ต้องกลับวัด”
“ถ้าอย่างนั้นต่อไปนายก็พักที่นี่ กลับที่นี่”
“ไม่ได้หรอกครับ ผมเกรงใจหลวงลุง”
“พรุ่งนี้ฉันจะไปพบท่านเอง ไม่อย่างนั้นนายทำงานให้ฉันได้ไม่เต็มที่ ไปล้างจานได้แล้ว ฉันจะอาบน้ำ”
หมอวินพูดเองเออเอง แล้วก็ลุกพรวดเดินหายเข้าไปในห้องนอน
ส่วนผมก็เดินงงๆ เบลอๆ กลับไปทำหน้าที่ล้างจานของตัวเองต่อไป ในหัวคิดแต่เรื่องที่หมอวินจะให้ผมย้าย
มาอยู่ที่นี่ ค่อยๆ ทำงานไปแบบไม่รีบไม่ร้อน ไหนๆ ก็ไม่ต้องรีบกลับวัดแล้วนี่ครับ
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
ใครที่ขัดใจเมื่อไหร่หมอวินจะรู้ตัว ใกล้แล้วค่ะขอเวลาหมออีกนิด จู่ๆ จะคิดได้ว่าชอบผู้ชายมันไม่ง่ายน้า
ถ้าเป็นผู้หญิงป่านนี้คงรู้ตัวแถมปล้ำไปแย้ว 555
Darin ♥ FANPAGE