[ต่อจากด้านบน]“หายไปไหนมา เขาทานกันไปพักใหญ่แล้ว”
“ออกไปคุยธุระมาครับคุณพู่เพิ่งเสร็จ” ผมมองตาคุณพู่เพื่อบอกนัยความหมาย ซึ่งดูเหมือนคุณพู่จะรับสัญญาณนั้นได้
ที่โต๊ะตอนนี้มีคนอื่นนั่งอยู่ด้วยผมจึงพูดออกไปไม่ได้
ผมไม่ได้ถามคุณพู่ว่าทางนี้เรียบร้อยดีไหม เพราะคุณนิลินออกไปกับผมด้วย ข้างในนี้ย่อมปลอดภัยดี
เราทานข้าวพร้อมกับดูโชว์ที่ลูกหลานผลัดกันขึ้นไปแสดงบนเวที เสร็จแล้วก็ลงมารับเงินขวัญถุงจากอาม่า ผมถามคุณพู่
ว่าคุณพู่ไม่แสดงหรือ ผมไม่ได้คำตอบแต่ได้ค้อนวงใหญ่มาแทน
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาเลิกงานทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี จนผมคิดว่าวันนี้คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ในขณะที่กำลัง
สบายใจ พายุลูกใหญ่ก็เกิดขึ้น
“สวัสดีค่ะคุณลุง”
“จะกลับแล้วหรือหนูนิลิน” ป๊าของของพู่ ทักทายคุณนิลินที่เดินเข้ามาลา
“ค่ะจะกลับแล้วเลยแวะมาลาคุณลุงก่อน”
“ฝากสวัสดีคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะ บอกว่างๆ นัดเล่นกอล์ฟกัน ลุงรออยู่”
“ได้ค่ะคุณลุง”
“แล้วนี่ชมพู่ไม่ได้ชวนแฟนมาด้วยเหรอ ทำไมมาแต่รุ่นพี่กับเพื่อน” คุณนิลินทำหน้าแปลกใจ ราวกับเพิ่งสังเกตเห็นได้
แนบเนียนมาก
“พูดอะไรหนูนิลิน นี่ไงแฟนชมพู่” ป๊าของคุณพู่ชี้มาทางพี่ตุลย์ที่ยืนส่งยิ้มไปให้
“อุ๊ย! ไม่ใช่ค่ะคุณลุงที่รุ่นพี่ที่คณะ แฟนคุณพู่ชื่อหนิง” คุณนิลินยกมือขึ้นแตะปากทำหน้าตกใจ ก่อนจะสิ่งยิ้มหวานออกมา
“หนูนิลินจำผิดแล้ว หนูหนิงเป็นเพื่อนสนิทชมพู่” คุณพู่แอบพาแฟนเข้าบ้านบ่อยๆ บางทีก็ไปนอนค้างบอกว่าเป็นเพื่อนสนิท
ซึ่งคุณป๊าก็เชื่อมาตลอด
“ใช่ที่ไหนคะนั่นแฟนคุณพู่ค่ะคุณลุง ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าชมพู่เป็นทอม”
คุณนิลินแอบยกยิ้มริมปาก เมื่อคุณป๊าของคุณพู่หันขวับมามองลูกสาว สายตาท้าทายมองตรงมายังผมเหมือนกับจะบอกว่า
ฉันบอกแกแล้ว
“จริงเหรออาพู่” คุณป๊าของคุณพู่ตกใจจนเผลอพูดสำเนียงจีนปนออกมา
“ไม่ใช่ครับคุณลุง หนิงกับพู่สนิทกันมาก ชอบหยอกเล่นกันแรงๆ คนเคยพากันเข้าใจผิด ชมพู่เป็นแฟนผมครับ”
พี่ตุลย์โอบบ่าคุณพู่ดึงเข้ามายืนชิด ทำน้ำเสียงสบายๆ ไม่ได้ร้อนรนไปตามเกมของคุณนิลิน
“แน่นาอาตุลย์”
“ครับ”
“ไม่จริง! นิลินไม่ได้โกหกนะคะคุณลุง ชมพู่เป็นทอม ถามใครดูก็ได้” คุณนิลินเริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่ เผลอส่งเสียงเกรี้ยวกราด
ออกมา
“หยุดเถอะนิลิน ผมเป็นคนทำให้ชมพู่ต้องปล่อยข่าวแบบนั้นออกไปเอง” หมอวินพูดขึ้นมาเสียงเรียบ ก่อนหันไปทางคุณป๊า
ของคุณพู่
“ผมต้องขอโทษคุณลุงด้วยนะครับ ผมไม่รู้ว่าชมพู่มีแฟนแล้วจึงยินยอมให้ที่บ้านติดต่อมานัดพบ ชมพู่คงไม่รู้ว่าจะทำยังไง
จึงกุข่าวว่าเป็นทอมขึ้นมา เรื่องเลยดังไปทั้งมหาลัย ตอนหลังผมถึงเพิ่งทราบว่าคุณพู่พูดแบบนั้นเพราะมีแฟนอยู่แล้ว”
ผม คุณพู่ พี่ตุลย์ถึงกับอ้าปากหวอ เมื่อเจอขั้นเทพแบบหมอวินเข้าไป ตอนนี้ต่อให้มีหลักฐาน มีรูปมาเป็นลังๆ ก็คงทำอะไร
คุณพู่ไม่ได้
“แบบนี้หรอกเหรอ ไม่ต้องขอโทษหรอกวิน ลุงก็ผิดไม่เคยถามความสมัครใจลูก เราน้าอาพู่ทำไมไม่บอกป๊าว่ามีแฟนแล้ว”
“พู่เขากลัวคุณลุงรังเกียจผมที่จนกว่าครับ กลัวว่าจะขอให้พวกเราเลิกกัน” พี่ตุลย์รับมุกหมอวินได้เร็วมาก ตีสีหน้าได้เนียน
พอๆ กัน
“ไฮ้ คิดอะไรแบบนั้นอาพู่ ป๊าก็ไม่ได้รวยมาตั้งแต่เกิด ป๊าเลือกก็จริงแต่เลือกคนแข็งขันเอาการเอางาน ไม่ใช่พวก
เหลาะแหละเกาะผู้หญิงกิน”
“เดี๋ยว เดี๋ยวนะคะคุณลุง คุณลุงเชื่อด้วยเหรอคะ พวกนี้รวมหัวกันหลอกคุณลุงชัดๆ” คุณนิลินชี้นิ้วอันสั่นระริกไปยังใบหน้า
ของคุณพู่
“ที่ชมพู่หลอกไม่ใช่คุณลุงแต่เป็นคุณต่างหากนิลิน รวมทั้งอีกครึ่งค่อนมหาลัยด้วย คุณไม่ผิดหรอกที่เข้าใจผิด”
“ใช่ค่ะ พู่ผิดเองแหละ ขอโทษด้วยนะคะคุณนิลิน ที่เล่นได้เหมือนจริงไปหน่อย ทำยังไงได้ก็พู่รักพี่ตุลย์แล้ว”
คุณพู่ยกมือขึ้นกอดแขนพี่ตุลย์ ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงขนลุกขนพองเหมือนเห็นผี แต่ตอนนี้ได้แต่ยืนให้กำลังใจคุณนิลิน
ไม่ให้โกรธจนเป็นลมไปก่อน
“ลุงขอโทษแทนลูกด้วยแล้วกันนะหนูนิลินที่เล่นจนได้เรื่อง ยังไงก็ฝากบอกคนอื่นๆ ให้ด้วยนะ แก้ข่าวให้ลุงหน่อย
ไม่ไหวๆ เจ้าพวกนี้เล่นเป็นเด็กไม่รู้จักโต”
“ป๊าก็”
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด คุณนิลินไม่แม้แต่ยกมือไหว้คุณป๊าของคุณพู่ เธอเพียงแต่หันมาจ้องหน้าผมด้วยความ
อาฆาต ก่อนสะบัดหน้าเดินเชิดออกไป
“อ้าว” คุณป๊าของคุณพู่มองตามคุณนิลินไปแบบงงๆ
“เด็กสมัยนี้ เห็นแล้วปวดหัวจริงๆ ไปอาตุลย์ อาพู่ไปช่วยป๊าส่งแขก”
“แป๊บเดียวนะป๊าเดี๋ยวเดินตามไป” คุณพู่ดันหลังให้คุณป๊าเดินนำไปก่อน รอจนเดินห่างออกไปแล้วจึงยกนิ้วโป้งให้กับหมอวิน
“หมอวินสุดยอดมาก”
“นั่นสิครับ ผมนับถือเลย” พี่ตุลย์ผสมโรงอีกคน ส่วนหมอวินเอาแต่ยิ้มไม่ได้รับความดีความชอบแต่อย่างใด
“เรียบร้อยก็ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นกลับกันเลยไหมนิว” หมอวินก้มหน้ามาถามผม
“ครับ เอาไว้ค่อยคุยกันนะครับคุณพู่ พี่ตุลย์”
“เออ เม้าท์วันนี้ไม่สะดวก กว่าจะส่งแขกกว่าจะส่งญาติ เอาไว้เจอกันที่มหาลัย ขอบคุณอีกครั้งนะคะหมอวิน”
“พูดคะก็เป็นวุ้ย สงสัยน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ ก็วันนี้แหละ”
“ไอ้พี่ตุลย์”
ผมมองตามคู่ปรับที่เริ่มกลับมาทะเลาะกันอีกครั้ง นี่เป็นตัวอย่างที่ดีมากของประโยคที่ว่ายามศึกเรารบ เราสงบเรากัดกันเอง
ไม่เคยเปลี่ยนจริงๆ
“น่ารักดี”
“อะไรนะครับ” ผมเงยหน้าขึ้นมองหมอวิน
“ไม่มีอะไร ไปลาผู้ใหญ่แล้วกลับกันเถอะ”
“ครับ” ผมโล่งอกที่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี โดยที่งานอาม่าคุณพู่ไม่พังลงเสียก่อน
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“หมดแรงเลยครับ เหนื่อยจัง” ผมออกมาจาห้องน้ำก็เห็นหมอวินนั่งดูสารคดีอยู่ที่โซฟา วันนี้ผมออกมาอาบน้ำข้างนอก
ไม่ได้รออาบต่อจากหมอวิน
“เหนื่อยอะไรหมานิว ฉันไม่เห็นนายทำอะไรเลย” หมอวินหันมาสนใจผมแทนสารคดี ผมทิ้งตัวลงนั่งหน้าโซฟา
มันเป็นที่ประจำผมครับ ผมชอบกลิ้งอยู่บนพรม หรือไม่ก็นั่งเอาหลังพิงโซฟามันสบายสุดๆ ไปเลย
“เหนื่อยใจไงครับ กังวล เกร็งจนกลัวตะคริวจะกิน”
“จะเกร็งทำไมบอกแล้วว่าฉันจัดการได้”
“ก็เพราะหมอวินบอกว่าจัดการได้น่ะสิครับ ผมเลยกลัวงานอาม่าคุณพู่จะพัง”
“คิดได้นะหมานิว” หมอวินผลักหัวผมเบาๆ
“ฉันรู้จักมารยาทพอ ถึงจะอยากทำก็เถอะ”
“หือ?” ผมตาลุกโพลง นี่หมอวินคิดจะถล่มจริงๆ หรือครับ
“ถ้ามันจำเป็น แต่มันก็ไม่จำเป็นนี่เห็นไหม ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี”
“ดีตรงไหนครับ โกหกผู้ใหญ่ไม่เห็นดีเลย”
“เรื่องชมพู่มันจำเป็นนายก็รู้ว่ามันเลี่ยงไม่ได้”
“เรื่องคุณพู่ผมรู้ครับ แต่ผมไม่อยากให้หมอวินต้องโกหกคุณพ่อคุณแม่เลย” ผมรู้สึกผิดกับคุณพ่อหมอวินเพราะท่าน
เป็นผู้ใหญ่ใจดี มีเหตุผล รู้สึกเหมือนเรากำลังหักหลังความไว้ใจของท่าน
ผมเผลอถอนใจออกมาจนหมอวินรับรู้ได้ว่าผมรู้สึกไม่ดีจริงๆ จึงปิดโทรทัศน์แล้วหันมาคุยกับผมอย่างจริงจัง
“นายคิดว่าฉันโกหกพ่อกับแม่เหรอ”
“แล้วมันไม่ใช่เหรอครับ หมอวินบอกว่ารักผม หมอวินหลอกให้คุณพ่อเข้าใจว่าจะคบหาดูใจแบบจริงจังกับผม”
ถึงแม้ผมจะเริ่มเชื่อว่าหมอวินชอบผม แต่รักหรือ? คบหาจริงจังงั้นหรือ? ผมยังไม่เชื่อว่ามันจะเป็นอย่างนั้น
“หมานิว!” หมอวินดูหงุดหงิดกับคำพูดของผม จนลุกขึ้นยืน เดินไปเดินมาอยู่ชั่วครู่จึงเดินกลับมาหยุดยืนตรงหน้าผม
ทำให้ผมต้องลุกขึ้นยืนตามไปด้วย
“ให้ตายเถอะหมานิว นายจะซื่อบื้อไปถึงไหน ไม่รู้เลยเหรอว่าฉันชอบนาย” หมอวินพูดอย่างหัวเสีย แถมทำหน้าเพลียใจใส่ผมอีก
ผมเลยฮึดขึ้นมาบ้าง
“หมอวินสิครับซื่อบื้อ ผมชอบหมอวินมาตั้งนานแล้วตั้งแต่ก่อนเรารู้จักกัน หมอวินยังไม่รู้เลย” ผมทำหน้าเยาะเย้ยบ้าง
ใครกันแน่ที่ซื่อบื้อ อยู่ด้วยกันมาพักใหญ่แล้วยังดูผมไม่ออก
“นายพูดว่าอะไรนะ!” หมอวินตะลึงไปเลย มองหน้าผมด้วยความสับสน ผมส่งยิ้มอ่อนๆ ไปให้ นึกเห็นใจคนคนตัวโต
ที่คงผิดคาดจนงงงันตั้งสติไม่ทัน
“ผมชอบหมอวินมาตั้งนานแล้วครับ ตั้งแต่ก่อนรู้จักหมอวินเป็นปี เหอะ ใครกันแน่ที่ซื่อบื้อ” ผมเผลอยื่นปากล่างออกไป
เลยโดนคุณชายหมอลงโทษเข้าให้ ปากได้รูปงับลงมา กัดเม้มพอให้ผมสะดุ้ง ดูท่าทางหมอวินจะชอบใจที่ทำให้ผมร้อง
ออกมาได้
“นายว่าใครซื่อบื้อ พูดอีกทีสิ” หมอวินถามชิดริมฝีปาก น้ำเสียงข่มขู่ดูก็รู้ว่าถ้าผมตอบไม่ถูกใจต้องโดนลงโทษอีกแน่ๆ
แต่ผมไม่ชอบมุสานี่ครับ
“หมอวินซื่อบื้อ อื้อ!..” แล้วก็จริงอย่างที่คิด หมอวินไม่รอให้ผมพูดจบประโยคด้วยซ้ำ ปากร้อนแนบลงมาบดเบียดเนิ่นนาน
จนขาผมแทบไม่มีแรงยืน ต้องใช้สองมือดึงชายเสื้อของหมอวินไว้
“หมานิว นายพูดจริงใช่ไหม” หมอวินใช้สองมือประคองหน้าผม ก่อนก้มหน้าลงมาใกล้จนสายตาเราอยู่ระดับเดียวกัน
“แล้วหมอวินพูดจริงไหมครับ” ผมเองก็อยากได้ความมั่นใจเหมือนกัน ถึงจะเข้าใจที่หมอวินพูด แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับการ
ได้ยินคำนั้นจากปากของหมอวินเอง
“ฉันไม่ชอบพูด ชอบแสดงมากกว่า” หมอวินยกยิ้มมุมปาก ก่อนสอดมือเข้ามาจับเอวผมยกลอยขึ้น
“ถ้าไม่เกาะไว้หล่นไม่รู้นะ” คำขู่เล็กๆ พร้อมกับมือที่เริ่มคลายออกทำให้ผมรีบเกี่ยวขาเข้ากับเอวหมอวินทันที มือยก
กอดไปรอบคอ ทำยังไงได้ก็คนมันกลัวตกนี่ครับ
“อืม...” หมอวินครางลึกในคอ เมื่อประกบริมฝีปากลงมาดูดชิมริมฝีปากผม บดเบียดขบเม้มเอาแต่ใจ ใช้ปลายลิ้นร้อน
โลมเลียไปตามรูปปาก ก่อนสอดกระหวัดเข้ามารับรสหวานภายใน ผมลืมไปหมดทุกอย่าง ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลัง
จูบตอบหมอวิน ปล่อยตัวปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับรสสัมผัสที่ได้รับ
“ทีนี้เชื่อหรือยัง”
“ไม่รู้ครับ” ผมซบหน้าลงกับบ่าหมอวิน หน้าแดงด้วยความอาย
“หมานิวนายชอบฉันจริงใช่ไหม ไม่ได้หลอกเล่นนะ”
“ผมโกหกเป็นที่ไหนครับ” ผมไม่ตอบออกไปตรงๆ แต่เชื่อว่าแค่นี้คนฉลาดอย่างหมอวินต้องเข้าใจ
“ทำไมถึงไม่บอกฉัน” ผมเงยหน้าจากบ่าขึ้นมามองหน้าหมอวิน
“บอกได้ยังไงครับ นี่หมอวินนะครับ” ผมจิ้มนิ้วลงไปเบาๆ ที่อกของหมอวิน
“ หมอชวิน คุณชายหมอที่โด่งดังไปทั้งมหาลัยกับเด็กวัดอย่างผม ถ้าผมคิดว่ามันเป็นไปได้ก็เพ้อฝันเกินไปแล้ว”
“อื้อ..” ผมเผลอร้องออกมา เมื่อหมอวินจูบผมหนักๆ อีกครั้ง
“ยังฝันอยู่ไหม”
“ฝันครับ ตอนนี้ยิ่งกว่าอยู่ในความฝันอีก”
“ไม่ต้องห่วง ไม่ว่านายจะตื่นขึ้นมาตอนไหน ฉันก็ยังชอบนายเหมือนเดิม”
“หมอวินปากหวานก็เป็น นึกว่าเป็นแต่ดุผม” เห็นผมยังพูดได้แต่ความจริงผมอายจนหน้าแดงเป็นมะเชือเทศสุก
“ถ้าไม่ดื้อใครจะดุ”
“ผมไม่ดื้อหมอวินก็ดุ” ผมไม่รู้ตัวเลยว่าทำหน้ากระเง้ากระงอด งอนใส่หมอวินออกไป จนถูกทำโทษโดยการหอมแก้ม
ไปหลายที
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เราใจตรงกันแล้วใช่ไหม”
“มั้งครับ”
“มั้ง?” ท่าทางคุกคามของหมอวินทำให้ผมต้องรีบพูดคำตอบที่หมอวินอยากได้
“ตรงกันครับ ตรงกันแล้ว” ผมรีบตอบแต่ก็ไม่ทันอยู่ดี ต้องใช้เวลาอยู่หลายนาทีผมถึงจะมีโอกาสได้พูดอีกครั้ง
“หมอวินชอบเอาเปรียบ” ผมก้มหน้างุดลงกับบ่าของหมอวิน กลัวจะโดนทำโทษอีกครั้ง
“ใช่ฉันชอบ ไม่ปฏิเสธ” ดูเถอะครับ ผมแอบเจ็บใจเล็กๆ ว่าทำไมมีแต่ผมคนเดียวที่เอาแต่อายม้วนต้วนแบบนี้
“หมอวินซื่อบื้อ” ผมพูดอุบอิบพูดอยู่ในคอเพราะหมั่นไส้คุณชายหมอ แต่คุณชายหมอคนเก่งดันได้ยิน
“หมานิว!”
หลังจากนั้นผมก็ไม่อยากนับแล้วครับว่าโดนทำโทษไปกี่ครั้ง รู้แต่ว่ามันนับไม่ถ้วน กว่าหมอวินจะปล่อยให้ผมลงนั่ง
งานนี้เล่นเอาผมหมดแรงจริงๆ ไม่ใช่แค่บ่นอย่างที่ผ่านมา
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
สรุป งานไม่พังนะคะ ผ่านไปเรียบร้อย สวยๆ ^^
Darin ♥ FANPAGE