ตอนที่ 23: หนึ่งพันครั้ง“วินไปไหนวะแฟนมาหา” เสียงตะโกนถามของนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งทำเอาผมอดเขินไม่ได้ ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครกล้า
พูดหรือแซวตรงๆ แต่ทุกอย่าเปลี่ยนไปหลังจากหมอวินให้สัมภาษณ์ออกสื่อ
“นิวมานั่งก่อนเดี๋ยววินลงมา” หมอชลโบกมือเรียกผม ผมหันไปตามเสียงเรียกเห็นหมอชลนั่งอยู่กับหมอวัตและอีกสองคน
ที่ผมพอคุ้นหน้าแต่ไม่มีโอกาสได้พูดคุยกัน
“วินฝากบอกว่าช้านิดอาจารย์หมอเรียกไปพบ” หมอชลขยับที่ให้ผมนั่ง ผมคุ้นเคยกับหมอชลและหมอวัตมากขึ้น จึงไม่
รู้สึกอึดอัดใจสามารถนั่งคุยเล่นด้วยได้สบาย
“วัต วินอยู่ไหนวะ” ผมหันไปมองด้านหลังไม่คุ้นหน้าคนที่ถาม จึงได้แต่ฟังเงียบๆ
“ยังไม่ลงมา ถามหาวินทำไมวะ”
“แต่เดี๋ยวมาใช่ไหม”
“ใช่”
“งั้นฝากนี่ให้วินหน่อย “
“อะไร” หมอวัตถามพร้อมกับยื่นมือออกไปรับของจากเพื่อน
“นี่มันสร้อยพระอาทิตย์ วินให้นิวไปแล้วไม่ใช่เหรอ” หมอวัตยื่นของในมือมาตรงหน้าผม ผมมองให้แน่ใจก่อนพยักหน้ารับ
ใช่ครับมันเป็นสร้อยพระอาทิตย์ของหมอวินที่ให้ผมจริงๆ
“วินลืมไว้ที่โต๊ะ ฉันเดินออกมาทีหลังดีที่เห็นเลยเก็บมาให้”
“ขอบใจว่ะ เดี๋ยวบอกวินให้ว่านายเป็นคนเก็บมา”
“ไม่เป็นไร ไปก่อนนะ” หมอวัตโบกมือให้เพื่อนก่อนหันมาถามผม
“วินเอาสร้อยกลับมาใส่เหรอนิว แต่วันนี้ก็ไม่เห็นใส่นี่”
“เปล่าครับ ผมทำเพชรเม็ดเล็กๆที่ประดับตรงกลางพระอาทิตย์หล่นหาย หมอวินเลยจะเอาไปให้ช่างจัดการให้” ผมพลิก
ด้านหน้าของจี้ให้หมอวัตดู
“อ๋อ งั้นนิวเก็บไว้ให้วินมันแล้วกัน” หมอวัตยื่นสร้อยมาให้ผม
“ได้ครับ” ผมรับสร้อยมาเก็บใส่กระเป๋า ผมนึกว่ามันเป็นของรักของหวงของหมอวินเสียอีกทำไมถึงลืมเอาไว้ได้
“นิวรอนานไหม” หมอวินลงนั่งเบียดผม ผมส่งยิ้มให้ก่อนส่ายหน้าแทนคำตอบ
“กว่าจะมาได้นะคุณชายปล่อยเพื่อนหิวจนตาลาย” หมอชลบ่นอุบเพราะรอนานกว่าที่คิด
“อาจารย์หมอเรียกไปคุยเรื่องงานที่มหา’ลัยเราเป็นเจ้าภาพ ฉันเป็นคนดูเรื่องสถานที่มันมีการเปลี่ยนแปลงเลยคุยกันนาน”
“งั้นก็ไปกันได้แล้ว เออ เมื่อกี้ไทมันเอาของที่นายลืมมาให้ อย่าลืมไปขอบคุณ”
“ของอะไรวะ” หมอวินขมวดคิ้ว ท่าทางเหมือนนึกไม่ออกว่าลืมอะไรไว้ ผมเผลอยกมือขึ้นแตะสร้อยในกระเป๋า
“อยู่ที่นิวแหน่ะ” หมอวินหันมามองหน้าผมเป็นเชิงถาม ผมจึงล้วงสร้อยที่เก็บไว้ออกมาส่งให้
“หือ? เจอที่ไหน” หมอวินดูแปลกใจแต่ไม่ตกใจเลยสักนิด
“บนโต๊ะที่นายนั่งเรียน ไทออกมาทีหลังเห็นวางอยู่เลยเก็บมาให้ ดีนะที่ไทมันจำได้ว่าของนาย”
“คงหล่นจากกระเป๋า ฉันไม่ได้เอากล่องใส่มาเพราะมันใหญ่เกิน”
“ถ้าหายไปเสียดายแย่ สร้อยสำคัญของนายไม่ใช่เหรอวะ” หมอชลหยิบสร้อยจากมือหมอวินไปดูบ้าง
“เปล่า” หมอวินปฏิเสธเสียงเรียบ โชคดีของผมที่หมอวินมองหน้าหมอชลอยู่จึงไม่เห็นว่าหน้าของผมถอดสีไปแค่ไหน
“อ้าว เห็นเมื่อก่อนใส่ประจำนึกว่าสำคัญเสียอีก” หมอชลทำหน้างงที่ตัวเองเข้าใจผิดมาตลอด
“จะไปกันได้หรือยังไหนว่าหิวจนตาลาย”
“ครับท่าน ทำเสียงเหมือนกระผมเป็นคนช้าเลยนะ แหม”
“ก็นายกำลังช้าอยู่นี่ไงชล ไปได้แล้วเดี๋ยวนิวกลับไปเรียนไม่ทัน” หมอชลยังบ่นกระปอดกระแปดแต่ก็ยอมลุกขึ้นโดยดี
ผมเดินตามกลุ่มหมอวินไปเงียบๆ ใจพะวงถึงแต่สร้อยพระอาทิตย์ หมอวินบอกว่ามันไม่สำคัญแม้ว่ามันจะเป็นสร้อย
ที่แสดงความเป็นเจ้าของผมอย่างนั้นหรือ
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“ทำอะไรอยู่ ทำไมไม่เข้าไปข้างใน” หมอวินเดินออกจากห้องนอนมาทิ้งตัวลงนั่งข้างผม
“ผมดูหนังอยู่ครับ” ผมชี้มือไปที่จอโทรทัศน์ หนังที่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือเรื่องอะไร
“ทำไมไม่เข้าไปเปิดดูในห้องจะได้นอนดูสบายๆ” หมอวินเอื้อมมือไปหยิบรีโมทเพื่อปิดโทรทัศน์ แต่ผมหยิบมาเปิดใหม่
อีกครั้ง
“ผมไม่อยากรบกวนหมอวินอ่านหนังสือครับ”
“อ่านก็เปิดได้ ไปเถอะ”
“ไม่เป็นไรครับผมอยากดูที่นี่” ผมหันกลับไปจ้องจอสี่เหลี่ยมทำเหมือนสนใจมันหนักหนา
“นิวเป็นอะไร วันนี้ดูแปลกๆ ตั้งแต่ตอนเย็นแล้วนะ” หมอวินแย่งรีโมทจากมือผมไปปิดอีกครั้ง ก่อนโยนไปตกบน
โซฟาอีกตัวที่ตั้งห่างออกไป
“เปล่าครับ” ผมก้มหน้าไม่อยากสบตากับหมอวิน
“นิว” หมอวินเชยคางผมขึ้น ถึงผมจะพยายามฝืนแค่ไหน ผมก็สู้มือแข็งแรงนั้นไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้น”
“ไม่มีนี่ครับ”
“ไม่มีได้ยังไง นายไม่ยิ้มไม่พูดเอาแต่หลบตาฉัน มีเรื่องอะไรที่คณะหรือเปล่า หรือนิลินยังไปหาเรื่องนายอยู่”
“ไม่เกี่ยวกับคุณนิลินครับ ตั้งแต่วันนั้นผมไม่เจอเธอ” ผมเบือนหน้าออกจากมือหมอวิน เพราะไม่มีหนังให้ทำเป็นแกล้งดู
ผมจึงก้มลงมองมือตัวเองแทน
“ถ้าอย่างนั้นเกี่ยวกับอะไร โกรธอะไรฉันหรือเปล่า” หมอวินเอาแต่ถาม ผมอยากให้หมอวินกลับเข้าไปในห้องนอนเสียที
“ไม่ได้โกรธครับ หมอวินเข้าไปอ่านหนังสือต่อเถอะครับ ผมไม่อยากกวน”
“พูดแบบนี้ใครจะไป” หมอวินเอนตัวลงนอนหนุนตักผม ดึงมือไปกุมไว้บนอก
“อยากไปเที่ยวไหม อาทิตย์หน้ามีวันหยุดยาวติดกันสี่วัน อยากไปไหนหรือเปล่า” หมอวินลูบมือผมเล่นไล้วนไปทีละนิ้ว
“ผมว่าจะกลับบ้านต่างจังหวัดครับ”
“หือ?” หมอวินขมวดคิ้วลุกขึ้นมานั่ง “ทำไมถึงไม่บอกฉัน”
“ปกติหยุดยาวแบบนี้ผมก็กลับบ้านทุกครั้ง” ผมแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ ไม่ได้ตรงกับที่หมอวินถามสักนิด
“ไปบ้านนายก็ดี ฉันจะได้ไปแนะนำตัวและทำความรู้จักพ่อกับแม่ของนาย” หมอวินดูไม่ติดใจเรื่องที่ผมไม่บอกล่วงหน้า
“หมอวินจะไปด้วยหรือครับ”
“ทำไม ฉันไปไม่ได้เหรอ”
“เปล่าครับไปได้”
“แต่เสียงนายเหมือนไม่อยากให้ฉันไปด้วย”
“เปล่าครับ..คือผม..ไม่มีอะไรครับ ผมแค่ยังไม่ได้บอกพ่อแม่เท่านั้นเอง” ผมเผลอถอนใจออกมาจนหมอวินจับได้
“กลุ้มใจเรื่องพ่อกับแม่หรือเปล่า ถ้านายไม่สะดวกใจยังไม่อยากบอกก็ตามใจนะ”
“ครับ” ผมตอบรับเสียงอ่อย แล้วก็เงียบไป
“วันนี้ดูนายเหนื่อยๆ ไปนอนกันเถอะ มาฉันอุ้มไปเอง” หมอวินลุกขึ้นยืนก่อนช้อนตัวผมขึ้นจนผมต้องรีบกอดไปรอบคอ
เพราะกลัวตก
“หมอวินปล่อยผมลงเถอะครับผมยังไม่ง่วง”
“ไม่ง่วงก็เข้าไปนอนเล่น อยากดูหนังก็เปิด ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเองแต่ห้ามอยู่ข้างนอกคนเดียว”
“แต่ผมอยากอยู่ข้างนอกนี่” ผมกัดปากทำหน้าดื้อดึงอย่างที่ไม่เคยทำกับหมอวินมาก่อน
“เสียใจฉันอยู่ที่ไหนนายต้องอยู่ที่นั่น” แล้วหมอวินก็อุ้มผมเข้าไปในห้องจนได้ ไม่ฟังผมเลยสักนิด พอแผ่นหลังสัมผัสเตียง
ผมก็พลิกตัวนอนตะแคงหันหลังให้หมอวินทันที
“ถ้าอย่างนั้นผมนอนเลยนะครับ” ผมรีบหลับตาดึงผ้าห่มที่หมอวินคลุมให้ขึ้นมาปิดถึงหน้า ได้ยินเสียงถอนใจจากคนที่นั่ง
อยู่ข้างหลัง
หมอวินเงียบไปชั่วครู่ก่อนไฟในห้องจะดับลง ผมรับรู้ถึงอัอมแขนที่โอบมารอบเอวดึงผมเข้าไปนอนชิดจนแผ่นหลังสัมผัส
กับอกกว้าง ผมไม่พูดอะไรสักคำไม่กู๊ดไนท์หมอวินเหมือนที่เคย วันนี้หมอวินไม่ทวงถามเพียงแต่ชะโงกตัวมาจูบผมเบาๆ
ที่แก้มและบอกกู๊ดไนท์เสียเอง
“ราตรีสวัสดิ์หมาน้อย ฝันดีนะ”
✪✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✣✤✥✦✧✪
“หมอวินครับเปิดประตูให้ผมที” ผมง่วนอยู่กับการจัดห้องครัวใหม่ เมื่อได้ยินเสียงกริ่งจึงเรียกให้หมอวินที่นั่งอยู่ใกล้กว่า
ช่วยเปิดประตูให้
“นายไปเปิดเองได้ไหมฉันพลาดฉากนี้ไม่ได้”
“ได้ครับ” ผมละมือจากลิ้นชักที่จัดอยู่ วันนี้ตั้งแต่กลับมาถึงผมก็ทำตัวยุ่งๆ อยู่ในห้องครัว จัดโน่นย้ายนี่ไปตามเรื่องตามราว
ให้ดูเหมือนยุ่งๆ เข้าไว้
“สวัสดีครับ ผมมาส่งดอกไม้ครับ”
“ไม่ทราบว่าส่งให้ใครครับ” ผมมองคนที่ถือดอกไม้ช่อใหญ่(มาก)อยู่ในอ้อมแขน ผมถามออกไปแบบนั้นเพราะกลัวว่า
จะส่งผิดห้อง ที่นี่ไม่มีผู้หญิง หรือว่าจะเป็นของหมอวิน
“เอ่อ..เขาเขียนว่าส่งให้หมาขี้งอนครับ”
“อะไรนะครับ!!” พนักงานส่งดอกไม้หน้าขึ้นสีแดงเรื่อ ดูลำบากใจที่จะต้องพูดคำนั้นซ้ำ
“ส่งให้หมาขี้งอนครับ”
อ๋อ..ครับ..” อย่าว่าแต่คนส่งจะทำหน้าลำบากใจเลยครับ คนรับก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปหมุดไว้ไหน
“ผมเองครับ ผมรับไปได้เลยใช่ไหมครับ”
“ครับ รบกวนเซ็นตรงนี้ให้ผมด้วยครับ” ผมรับดอกไม้มาถือไว้ก่อนเซ็นชื่อเป็นผู้รับของและส่งปากกาคืนให้กับพนักงาน
ผมก้มลงมองดอกไม้ช่อใหญ่ในมือ ดอกไฮเดรนเยียที่ผมชอบ มีทั้งสีฟ้าสีม่วงสีชมพูคละกันไป สวยจนผมละสายตาจากมันไม่ได้
“จะยืนตรงนั้นอีกนานไหม” เสียงทุ้มๆ ดังมาจากคนที่ควรนั่งดูหนังอยู่ แต่พอผมหันไปมองหมอวินปิดโทรทัศน์ไปแล้ว
“หมอวินเป็นคนสั่งมาให้ผมหรือครับ” ผมยื่นดอกไม้ในมือออกไปข้างหน้าให้หมอวินดูชัดๆ
“ใช่เหรอ” หมอวินทำหน้าเหมือนผมพูดอะไรประหลาด ทำให้ผมต้องมองดอกไม้ในมืออีกครั้งถึงเพิ่งเห็นว่ามีการ์ดเสียบอยู่
ผมถือดอกไม้ไปวางไว้บนโต๊ะ เลือกนั่งเก้าอี้คนละตัวกับหมอวินก่อนหยิบการ์ดขึ้นมาอ่าน
"ขอโทษที่ทำให้หมาหงอย จากแมวโง่" ผมไม่รู้ว่าตอนนี้หน้าผมดูเป็นยังไง มันคงดูแทบไม่ได้เพราะผมอยากหัวเราะและอยากร้องไห้ไปพร้อมๆ กัน
ผมกำการ์ดเอาไว้แน่น ก่อนเงยหน้าขึ้นมองหมอวิน ภาพตรงหน้ามันพร่าไปหมด
“ฉันไม่รู้ว่าทำอะไรให้นายโกรธแต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ฉันขอโทษ”
“หมอวิน” ผมโผเข้ากอดหมอวิน ลืมเลือนความรู้สึกที่ติดอยู่ในใจ เหลือเพียงความตื้นตันท้วมท้น
“อย่าโกรธฉันเลยนะ ยกโทษให้ฉันได้ไหม”
“ผมไม่ได้โกรธหมอวินจริงๆ นะครับ”ผมพูดปนสะอื้น ไม่รู้ทำไมถึงขี้แยเป็นเด็กๆ แต่มันดีใจจนกลั้นไม่อยู่
“ถ้าอย่างนั้นนายเป็นอะไร” หมอวินลูบหลังให้ผมช้าๆ โยกตัวไปมาเบาๆ
“ผมแค่น้อยใจ แล้วก็โกรธตัวเอง”
“หือ? โกรธตัวเองทำไม” หมอวินถอยตัวออกเพื่อมองหน้าผม
“ผมโกรธตัวเองที่คิดอะไรงี่เง่ากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง”
“แล้วเรื่องไม่เป็นเรื่องที่ว่ามันคือเรื่องอะไร” หมอวินยังไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปง่ายๆ ส่วนผมไม่อยากพูดถึงมันสักนิด
“อย่ารู้เลยครับ ผมไม่อยากเล่า” ผมก้มหน้างุด ยิ่งหมอวินง้อผมแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกถึงความงี่เง่าของตัวเอง
“ไม่ได้สิ นายต้องบอกฉันมาว่าอะไรที่มันทำให้นายไม่สบายใจ เรื่องพวกนี้ฉันต้องรู้น่ะนิว ไม่เข้าใจหรือว่าฉันเป็นห่วงนาย”
ผมหน้าแดงเรื่อง ในใจรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
“จะเล่าได้หรือยัง” เมื่อถูกถามซ้ำๆ ผมจึงยอมปริปากออกไป
“ก็วันนั้นที่หมอวินลืมสร้อยไว้ที่ห้องเรียน แล้วหมอวินบอกหมอชลว่าสร้อยพระอาทิตย์ไม่สำคัญ ผมเลยน้อยใจ”
“โธ่เอ๊ยหมานิว”
“เห็นไหมครับ ผมทำตัวไม่น่ารักเลยแล้วจะไม่ให้โกรธตัวเองได้ยังไง พระท่านก็สอนว่าเหตุของความทุกข์คือการยึดติดกับ
บางสิ่งไม่ปล่อยวาง แต่ผมก็ยังเผลอไปคิด ผมไม่ชอบตัวเองตอนนี้สักนิด”
“ฟังนะนิว สร้อยเส้นนั้นเคยสำคัญกับฉันจริงเพราะเป็นสร้อยที่หาซื้อยากมาก กว่าฉันจะได้มันมา แต่ตั้งแต่ฉันมีนาย
มันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว มันกลายเป็นแค่สิ่งของ นายเข้าใจที่ฉันพูดไหม สำหรับฉันของสำคัญมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
นั่นก็คือนาย”
“หมอวิน”
“ฉันไม่คิดว่านายจะเอาไปคิดมาก ยอมรับว่าไม่ได้นึกถึงเรื่องนั้นเลยด้วยซ้ำ เด็กโง่เอ๊ย รู้ตัวไหมว่าทำเอาฉันนั่งไม่ติด
เรียนไม่รู้เรื่องประสาทจะกินอยู่แล้ว”
“ก็ผมน้อยใจนี่ครับ หมอวินไม่รู้หรอกว่าผมดีใจแค่ไหนที่หมอวินสวมสร้อยเส้นนี้ให้แล้วบอกผมว่ามันเป็นปอกคอที่แสดงว่าผ
มเป็นของหมอวิน”
“หึหึ ดีใจที่เป็นของฉันงั้นสิ”
“หมอวินอ่า” พองอนแล้วมีคนง้อผมเลยชักเอาใหญ่ เผลอทำปากเชิดขึ้น น้ำเสียงกระเง้ากระงอด ฟังเสียงตัวเองแล้วผมยัง
ตกใจว่าทำไปได้ยังไง
“จำไว้นะนิว ไม่ว่าจะมีสร้อยหรือไม่นายก็เป็นของฉัน ฉันดีใจที่นายใส่มันแต่ถ้ามันหายก็ไม่เป็นไร ฉันสามารถหาสร้อยใหม่
มาใส่ให้นายได้อีกเป็นพันๆ เส้น
ขอแค่คนที่ใส่คือนายและคนที่ให้คือฉันก็พอ ”
“หมอวินเลี่ยน” ผมอมยิ้ม มันเขินจนต้องหาอะไรมาเบรกเพราะกลัวหัวใจตัวเองจะวายตายเพราะความสุขเสียก่อน
“หมานิว” คุณชายหมอหน้าบึ้ง งอนที่ผมโดนผมเบรก
“แล้วนี่อะไรครับ” ผมชี้มือไปที่ดอกไม้ช่อใหญ่
“ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะครับจะได้ง้อด้วยดอกไม้” ได้ทีผมเอาใหญ่ครับ ผมชอบตอนหมอวินทำหน้าแบบนี้ที่สุด เขิน งอน โมโห
และไม่รู้จะทำยังไงในเวลาเดียวกัน
“แล้วฉันเคยง้อผู้ชายที่ไหน จะได้รู้ว่าต้องทำยังไง” หมอวินหูแดงเบือนหน้าหนีผม
“อ้าว หมอวินก็เป็นผู้ชายนะครับ ผู้ชายชอบอะไรหมอวินไม่รู้เหรอครับ”
“หมานิว!!”
“แต่ผมชอบครับ ชอบมากด้วย มากที่สุดเลย” ผมหยิบช่อดอกไม้ขึ้นมาหอม เมื่อเห็นว่าคุณชายหมอทำท่าจะโมโหขึ้นมา
จริงๆ โธ่นานๆ ทีหมอวินจะหลุดมาดเขิน ผมก็อยากเห็นนานขึ้นอีกนิดนี่ครับ
“หมอวินรู้ได้ยังไงครับว่าผมชอบดอกไฮเดรนเยีย”
“ถามชมพู่มา”
“ถามคุณพู่เหรือครับ? “ โอ๊ยหมอวินน่ารักจัง หมอวินผู้อยู่บนหอคอยงาช้างไม่เคยงอนง้อใคร ลงทุนไปถามคุณพู่
โดยไม่กลัวว่าจะถูกแซว
“แล้วคุณพู่ไม่สงสัยอะไรหรือครับ”
“สงสัย ฉันบอกไปว่าอยากซื้อดอกไม้ให้นาย”
“คุณพู่ก็ยอมบอกดีๆ หรือครับ” ผมถามเพราะรู้ว่าอย่างคุณพู่ไม่นาจะอยากให้หมอวินซื้อดอกไม้ให้ผม ก็คุณพู่ไม่ชอบ
ดอกไม้นี่ครับ
“เปล่า พู่บอกให้ฉันซื้อสังฆทานให้นายจะได้เอาไปถวายวัดแต่ฉันเห็นว่ามันไม่ไหว เลยเอาคำตอบเรื่องดอกไม้มาจนได้”
“ฮ่าๆ “ ผมหัวเราะขำคุณพู่ คุณพู่รู้จริงครับ แต่ที่คุณพู่ลืมนึกคือเวลาคนเรามีความรักมักเปลี่ยนไป ตอนนี้ผมชอบดอกไม้
ที่หมอวินซื้อให้มากกว่า (แต่ไม่ว่าหมอวินจะซื้ออะไรมาให้ ผมก็ชอบทั้งนั้นแหละครับ)
“กล้าหัวเราะขำฉันเหรอหมานิว”
“เปล่าสักหน่อยครับ ผมไม่ได้ขำหมอวินนะครับ” ผมรีบปฏิเสธเมื่อหมอวินทำหน้าเหมือนจะเอาเรื่อง
“ไม่ทันแล้วล่ะ อย่างนายต้องถูกทำโทษให้เข็ด”
“อย่านะครับหมอวิน เดี๋ยวดอกไม้พัง” ผมเอาดอกไม้ขึ้นมาอ้างเพราะยังถือไว้ในมือ ใช้มันเป็นกำบังไม่ให้หน้าของหมอวิน
เข้ามาใกล้
“หึหึ หมาซื่อบื้อ จำไม่ได้เหรอว่าฉันพูดว่าอะไร ของอะไรก็ไม่สำคัญฉันซื้อให้นายใหม่ได้เป็นพันๆ ช่อ ดังนั้นอย่าหวัง
ว่ามันจะช่วยนายได้”
“อื้อ..” ผมผู้รู้ชะตากรรม รีบวางดอกไม้บนโต๊ะรับแขกทันก่อนที่หมอวินจะประกบปากลงมา ฉิวเฉียดจริงๆ ครับ
ผมเชื่อแล้วว่าหมอวินไม่สนใจของ ต่อไปจะไม่งอนเพราะเรื่องพวกนี้อีกแล้ว
“หายงอนหรือยัง” หมอวินถามผมเสียงแหบพร่าชิดริมฝีปาก
“งอน?” สติผมเลือนลางเพราะพายุจูบที่หมอวินโหมกระหน่ำลงมา จนหัวขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก
“อ๊ะ..” หมอวินเรียกสติให้ผมด้วยการกัดริมฝีปากล่างเบาๆ
“อื้อ..เดี๋ยวสิครับให้ผมตอบก่อน” ผมประท้วงเบาๆ เมื่อคนถามเอาแต่ประกบปากเข้ามาชิด ไม่เว้นช่องว่างให้ผมสักนิด
“ช่างมันเถอะฉันไม่อยากรู้แล้ว ฉันจะง้อไปเรื่อยๆ แบบนี้แหละ” แล้วคนง้อก็หาผลประโยชน์จากการง้อไปเรื่อยๆ
โดยไม่สนใจว่าคนงอนหายงอนไปตั้งนานแล้ว แถมยังลืมอีกว่าที่ทำอยู่นี่ไม่ได้กำลังง้อแต่ทำโทษผมที่หัวเราะขำต่างหาก
หมอวินซื่อบื้อ! แค่นี้ก็จำไม่ได้
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
กะจะเขียนให้นิวงอนเยอะๆ แต่คิดไปคิดมาอย่าดีกว่า มันดูไม่ใช่นิสัยของนิว
Darin ♥ FANPAGE