ตอนที่ 11 ♥ ครึ่งหลัง : STALKER กับเสม็ด ใครจะเสร็จก่อนกัน “ว้าว ดาวสวยจังเลย” ส้มยกมือทาบกับท้องฟ้า
“ต้องชมเจ้า เลือกบังกะโลเสียไกลความเจริญ เลยมองเห็นฟ้าชัดแจ๋ว”
“นี่ชมหรือด่าเดซี่” ผมหันไปถามด้วยความข้องใจ
“ชมสิคะ”
“ดั่งดาว มันควรหมายถึงสิ่งที่เปรียบประดุจดาวไม่ใช่เหรอ แล้วพวกเรามาถ่ายดาวกันทำไมวะ”
ส้มเริ่มตั้งขาตั้งกล้องเป็นคนแรก
“เพราะมันสวย” ผมตอบส้มด้วยเหตุผลที่ง่ายที่สุด
“แชะ” เสียงชัตเตอร์ทำให้ผมต้องหันไปมองต้นเสียง เจ้าหันกล้องมาถ่ายภาพผม
“นี่ก็ดั่งดาว”
“โต๊ะ?” ผมยกมือชี้หน้าตัวเอง
~♬ ~♬ รู้รึเปล่า ว่ายังมีดวงดาวที่ไม่มีแสง แค่เพียงอยากถามเธอ ว่าเธอรู้หรือไม่
ว่ายังมีดวงดาว ที่ใครไม่อาจเห็นอยู่บนฟ้านั่น เห็นฉันเห็นมันในคืนนี้ ~♬ ~♬
เสียงเพลงลอยมาเบาๆ จากปากของคนที่เพิ่งถ่ายรูปผมไป
ขอบใจมากเจ้า เปรียบเทียบผมได้เห็นภาพมาก
แต่..เสียใจว่ะ ฮะฮ่า ไอ้โต๊ะไม่ใช่ดวงดาวที่พี่เหนือไม่เห็นอีกแล้ว
พี่เหนือเห็นผม พี่เหนือรู้จักชื่อผม พี่เหนือคุยกับผม
เราได้จูบกัน และคืนนี้เราจะได้นอนด้วยกัน หึหึ หึหึ
~♬ ~♬ ไปเสม็ด ฉันไม่เสร็จสักที เอ้า ใครพอรู้ ช่วยบอกฉันที
ว่าทำอย่างไรดีหนอ ให้เธอยอมฉันที วานช่วยบอก สักที สองที ~♬ ~♬
ผมฮัมเพลงของแรพเปอร์ชื่อดัง มันต้องเพลงนี้ถึงจะเหมาะกับผม
“ไม่ออกตัวแรงเลยนะคะมึง” เดซี่เลิกสนใจดาว หันมาจ้องเล่นงานผมแทน
“มึงเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะคุณโต๊ะ มึงต้องยอมคุณพี่เรด ไม่ใช่คุณพี่เรดยอมมึงค่ะ”
“มึงเอาตรรกะอะไรมาคิดเดซี่ กูก็ผู้ชายมีสิทธิ์เท่าเทียมกันเว้ย”
“ถุย ไอ้ตะเกียบ ไอ้เลขหนึ่ง มึงไม่ได้ดูหุ่นตัวเองเทียบกับหุ่นพี่เรดเขาเลยนะคะ เป็นไม้ซีกเสือกคิดจะงัดกับไม้ซุง”
“มึงนั่นแหล่ะไม่รู้จริงเดซี่ เขาวัดกันที่ลีลาเว้ย ไม่ใช่หุ่น”
“เหรอ” ส้มหันมาจับมืออยู่ข้างเดซี่ ด้วยความหมั่นไส้
“มึงผ่านมากี่ศึก แล้วคิดว่าพี่มันผ่านมากี่ศึก ดูหนังหน้าก่อน แค่นจะคุย”
“มึงคอยดูก็แล้วกัน เสม็ดจะต้องไม่เสียชื่อเพราะกู” ผมโม้ด้วยความมันปาก ถามว่ามั่นใจไหม โธ่จะมีเหรอครับ
ไม่มีหรอกความมั่นใจ หน้าตาเป็นไงไม่รู้จัก
“เออกูจะคอยดู ถ้ามึงทำสำเร็จกลับไปกูเลี้ยงสามวันสามคืนเลย”
“เจ้าช่วยอีกสองคืน” คนที่ยืนเงียบๆ นึกว่าจะทำตัวเป็นกลางก็เอากับเขาด้วย
“งั้นกูให้อีกสองคืนค่ะ ครบเจ็ดวันพอดี เสร็จแล้วเผาได้”
“เป็นเพื่อนประสาอะไรกันวะไม่ให้กำลังใจกูเลย มึงเคยเห็นอกเห็นใจความรักกูบ้างไหม
กูแม่งอับแสงมาจะเป็นปีเพิ่งมีโอกาสได้เฉิดฉาย พวกมึงก็ไม่ซัพพอร์ทกู”
ผมหันหน้าออกไปสู่ทะเลกว้าง เชิดหน้า45องศา มองตรงไปยังหมู่ดาว
“กูเปิด f/2.8 30s มึงล่ะเจ้า”
“เท่ากัน”
“isoเท่าไหร่”
“iso3200 ขอลองก่อน ส้มอย่าเดิน เจ้าไม่ได้รองขาตั้งกล้อง”
อนิจจา เพื่อนๆ ต่างพากันสนใจผม
“ได้รูปถูกใจหรือยัง” เสียงทุ้มๆ ดังมาจากข้างหลัง ผมหันไปมองเห็นพี่เหนือกับพี่สกายเดินลงมาที่หาด
“ยังเคยครับ คงต้องดึกกว่านี้อีกนิด”
“นี่จะเที่ยงคืนแล้ว จะได้นอนกันกี่โมง”
“สักตีสองมั้งครับ” ผมกะเอาคร่าวๆ
“ถ้าอย่างนั้นโต๊ะตามพี่ไปเอากุญแจก่อน เผื่อพี่หลับจะได้ไขเข้าไปเอง”
“จริงด้วย งั้นเดี๋ยวส้มไปเอากุญแจด้วย จะได้ไม่ต้องปลุกพี่ของขวัญ”
ผม พี่เหนือ ส้มเดินกลับห้องพัก ผมเดินตามพี่เหนือไป ใจก็คิดวางแผนไป
เอาไงดีวะ ถ้าผมมาตอนตีสองมันจะเข้าท่าหรือเปล่า
“พี่เหนือครับ ผมไปเก็บกล้องเลยดีกว่า คืนพรุ่งนี้ค่อยถ่าย วันนี้ชักง่วงๆ คงไม่ไหว”
“เอาสิ เดี๋ยวโต๊ะเปิดเข้ามาเลยพี่ไม่ล็อคห้องนะ จะอาบน้ำ”
“ครับ ผมเก็บของแป๊บเดียว”
“อืม”
ผมรีบวิ่งกลับไปที่หาด เก็บกล้องและอุปกรณ์ลงกระเป๋า อ้างเหตุผลเดียวกับที่บอกพี่เหนือ ไม่ได้อยากโกหกเพื่อนครับ
แต่พี่สกายยังอยู่ ผมเลยต้องเลยตามเลย
ผมเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องเงียบมีแต่เสียงน้ำดังออกมา ใจผมชักเต้นแรง โครตตื่นเต้น ไม่รู้ว่าจะวางตัวยังไง
ผมเลยเริ่มจากการหยิบเลนส์ออกมาทำความสะอาดเพราะลมแรงใช้ได้ พวกฝุ่นทราย อาจปลิวเข้ามา ไหนจะความชื้นอีก
ผมง่วนทำงานของตัวเองไปได้พักใหญ่ กำลังจะเก็บอุปกรณ์กลับเข้ากระเป๋า พี่เหนือก็ออกมาพอดี
มาอีกแล้วครับ ผ้าเช็ตัวพันเอวผืนเดียว หน้าท้องที่เต็มไปด้วยซิกแพค วีเชฟแบบคมชัด พี่จะพ้นผ้าต่ำไปถึงไหน
โรงพยาบาลใกล้ที่สุดคือโรงพยาบาลอะไร ผมต้องหาข้อมูลไว้ก่อนไหม แจ้งกรุ๊ปเลือดไว้เพื่อความสะดวก
“โต๊ะ”
“หา? ค..ครับ”
“อาบน้ำ”
“อ๋อ อาบน้ำ” ผมหยิบอุปกรณ์เดินเข้าห้องน้ำไปแบบมึนๆ งงๆ ราวกับโดนสะกดจิตด้วยแพค6
“โต๊ะ”
“ครับ?” ผมหันมามองหน้าคนเรียก
“จะเอาเลนส์เข้าไปทำอะไรในห้องน้ำ”
“ห..เหี้...เฮ้ย” ดีที่ยังเบรกสัตว์เลื้อยคลานไว้ได้ทัน ในมือผมถือเลนส์ไว้หนึ่งตัว
“อา..มันติดมือมาเฉยๆ ครับ” ผมรีบเอากลับไปวางในกระเป๋า คว้าผ้าเช็ดตัวเสื้อผ้าวิ่งเข้าห้องน้ำ ราวกับกลัวโดนใครแซงคิว
เสียงหัวเราะตามหลังทำเอาผมอยากจะเขกหัวตัวเอง หน้าแม่งก็เนิร์ดอยู่แล้ว ยังทำตัวเอ๋อๆ เด๋อๆ ใส่พี่มันอีก
จะมีอะไรดีบ้างไหมวะกู ผมได้แต่ปลงชีวิต
ผมอาบน้ำออกมาเห็นพี่เหนือนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง มีผ้าห่มคลุมอยู่ที่สะโพก
“นอนเลยใช่ไหม เมื่อกี้เห็นบอกว่าง่วง” พี่เหนือวางหนังสือลงโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียง
ผมพยักหน้า รีบตากผ้าเช็ดตัว หวีผมสามที แล้วขึ้นมานอนข้างๆ พี่เหนือเดินไปปิดไฟกลางห้อง เหลือไว้แต่แสงจากโคมไฟหัวเตียง
ผมสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนเริ่มแผนการที่วางไว้
สเต็ปหนึ่ง นอนห่างๆ ผมดึงหมอนไปชิดขอบเตียงอีกด้าน ทำเป็นนอนตัวลีบหันหลังให้พี่เหนือ เห็นไหมๆ ผมไมได้อยากนอนใกล้ๆ นะ
สเต็ปสอง ดิ้นไม่รู้ตัวผมรอเวลาจนผ่านไปเกือบสิบห้านาที คนประกาศตัวว่าง่วงอย่างผมต้องหลับแล้วสิ
ผมแกล้งครางอืออา ก่อนจะพลิกตัวกลิ้งไปหนึ่งตลบ ฟาดเท้าไปบนขาพี่เหนือ ส่วนอื่นๆ อย่าเพิ่งให้โดน
นิ่งๆ ไว้ดูปฏิกิริยา
ผมไม่กล้าลืมตาขึ้นมาดู เลยไม่รู้ว่าพี่เหนือหลับไปหรือยัง ได้แต่รอว่าจะมีการสะบัดออกไหม
ผ่านไปเกินหนึ่งนาที ทุกอย่างปกติดี ผมเข้าสู้ขั้นตอนต่อไปทันที
สเต็ปสาม คนมันติดหมอนข้างทำไงได้ผมม้วนตัวจนหัวไปชนแขนพี่เหนือ ก่อนใช้มือเท้าก่ายขึ้นไปบนตัว
หมับ
อยู่ล่ะ ผมนอนกอดพี่เหนือนิ่งๆ พยายามโก่งส่วนหน้าอกออก เดี๋ยวพี่มันจับได้ คนหลับอะไรจะใจเต้นรัวขนาดนี้
“โต๊ะ” เสียงเรียกเบาๆ
ม่ายยย โต๊ะไม่ได้ยิน
“โต๊ะ” พี่เหนือใช้มือข้างที่ไม่ได้อยู่ติดกับผมเขย่าแขนที่พาดลงไปบนอกพี่มันเบาๆ
ผมแกล้งขยับนิดๆ แต่ไม่ยอมลืมตา
เสียงพี่เหนือถอนหายใจ แล้วก็เงียบไป ทุกอย่างดูเป็นไปได้ด้วยดี ดีจนผมเผลอทำอะไรพิเรนๆ
“กู๊ดไนท์ครับแม่” ผมชะโงกตัวขึ้นไปหอมแก้มพี่เหนือ พยายามพูดเสียงยานคาง ก่อนรีบลงมานอนซบแขนพี่แกเหมือนเดิม
เหี้ยโต๊ะเอ๊ย โครตไม่เนียนเลยมึง ทั้งชีวิตไม่เคยหอมแก้มกู๊ดไนท์แม่สักครั้ง พี่มันจะเชื่อไหมวะ
สเต็ปสี่ แกล้งตายอืมมม ผมงัวเงียลืมตาขึ้นมา รู้สึกถึงแสงสว่างภายในห้อง
เช้าแล้วเหรอ ผมขยับตัว อยากรีบอาบน้ำแปรงฟันก่อนพี่เหนือจะตื่น ตัว ปากจะได้หอมๆ
เฮ้ย!!!
ผมลุกไม่ขึ้น
ผมตื่นแล้วจริงๆ นะ ผมไม่ได้กำลังฝันแน่ๆ แต่ผมขยับร่างกายไม่ได้
ฉิบหาย ผีอำ!!
“นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ....”
“โต๊ะ เป็นอะไร” เสียงพี่เหนือเรียกผมพร้อมมือที่เขย่าไหล่ ทำให้ผมสะดุ้งเฮือก หลุดออกจากการถูกครอบงำ
พี่เหนือมาช่วยผมไว้
“พี่เหนือ..พี่.ผมถูกผีอำ” ผมตะกายเข้าหาพี่เหนือ ตกใจสุดขีด น่ากลัวเหลือเกิน”
“มีที่ไหนโต๊ะ”
“จริงๆ นะพี่ มันทับผมจนขยับไม่ได้” ผมหน้าซีด ลนลานเล่าปากสั่น
“โต๊ะ ผีไม่ได้อำ แค่พี่กอด”
“หะ!!” ผมเงยหน้ามองพี่เหนืองงๆ
“โต๊ะขยับไม่ได้เพราะพี่กอด เข้าใจหรือยัง”
เอ่อ..ขยับไม่ได้เพราะพี่เหนือกอด พี่เหนือกอด กอดเหรอ!!
“พี่เหนือกอด!!”
“ใช่ พี่กอดเราไว้เอง” พี่เหนือพยักหน้า
หรือ..หรือว่าพี่เหนือจะมีใจให้ผม อ๊ากกกก
“ขืนไม่กอดเราไว้ เมื่อคืนพี่คงไม่ได้นอน เด็กอะไรนอนดิ้นชะมัด แขนขาฟาดดะไปหมด พี่ขยับหนียังตามมา”
ฟืบ ได้ยินเสียงลูกโป่งหมดลมกันไหมครับ สภาพผมโครตเหมือนเลยตอนนี้
“ทีนี้ก็ลงไปจากตักพี่ได้หรือยัง”
หือ?” ผมก้มลงมอง
เวรล่ะครับ เมื่อกี้ผมดันตะกายขึ้นมานั่งบนตักพี่เหนือ แถมกอดคอพี่มันไว้แน่น
เฮ้อ...ที่แท้ก็ไม่ใช่ผีอำ
แต่เป็นผีผลักนี่เอง ดี๊ดี ^^
“จะลงไม่ลง?”
แหม ช้านิดช้าหน่อยทำเป็นหวงตัว ถามอย่างกับเลือกได้ ถ้าตอบไม่ลงจะทำยังไง
โครม
อ๋อ ทำอย่างนี้นี่เอง ผมนอนพังพาบอยู่กับเตียง อู๊ย จับโยนลงมาได้ ตอบช้านิดช้าหน่อยทำเป็นโมโห
“อ่ะ กูตักมาให้” ส้มวางจานสลัดลงตรงหน้าผม เพื่อนมันน่ารักจริงๆ ทั้งจานตักมาแต่แห้ว
“โต๊ะดอกไม้สวยกูเก็บมาให้” ลั่นทม
“ โต๊ะ..” ผมรีบยกมือห้ามเจ้า ได้โปรดพอเถิด อย่าทับถมกูเลย
“พวกมึงจะไม่ถามกูก่อนเหรอ กูอาจประสบความสำเร็จก็ได้”
“ค่ะ เดินได้สะดวกสบายขนาดนี้ มึงคงประสบความสำเร็จหรอก” เดซี่จีบปากจีบคอบอกผม
“มึงต้องดูพี่เหนือไม่ใช่ดูกู” พวกนี้ความจำสั้นครับ ผมบอกว่าผมจะเป็นคนกด ฟังกันไม่เข้าใจ
“มึงแน่ใจนะว่ามึงเรียนมหา’ลัย มึงเป็นความอับอายของคณะจริงๆ”
“หยุด เดินมากันแล้ว” เจ้ารีบเบรกพวกผมเมื่อเห็นพวกพี่ๆ ตักอาหารกันเสร็จแล้ว
“วันนี้เอาไง” พี่ต่อถามขึ้นหลังจากจัดการมื้อเช้าเรียบร้อย
“เล่นน้ำอยู่ที่นี่ไหม เมื่อวานก็ไปตะลอนๆ มาแล้ว” พี่ของขวัญออกความคิด
“ถามน้องมันก่อน ว่างานเสร็จกันหรือยัง ต้องไปถ่ายที่ไหนหรือเปล่า” พี่สกายหันมาทางพวกผม
“ของผมถ่ายคืนนี้ครับ” ผมตอบเป็นคนแรก
“ส้มจะกลับไปถ่ายกรุงเทพฯ วันนี้ไม่มีอะไร”
“เดซี่ไม่ส่งประกวดแล้ว ขี้เกียจ” โห เดซี่ดอกสวยเล่นง่ายเกินไปไหม
พอเหลืออีกคำตอบเดียวสายตาทุกคู่จึงเพ่งไปที่จุดเดียวกัน
“เจ้าได้ภาพที่ต้องการแล้ว”
“ไหนวะ ไม่เห็นเอามาอวดเลย” ผมบ่นเพื่อนรักที่อุบเงียบไม่ยอมบอกใคร
“เอามาดูเลย เร็วๆ” ส้มแบมือขอกล้องที่เจ้าถือติดมาทานอาหารเช้าด้วย
“ความลับ” เจ้าตอบยิ้มๆ ไม่ยอมส่งกล้องให้ใครดู
“เอาน่าเดี๋ยวก็ได้เห็น ใจเย็นๆ”
“มีความลับอย่างนี้ รูปใครบางคนหรือเปล่าคะ” โหมดอยากรู้อยากเห็นของเดซี่เริ่มทำงาน
“เปล่า” เจ้าปฏิเสธแต่พวกผมทำเป็นไม่ได้ยิน
“พี่สกายเมื่อคืนเป็นนายแบบเหรอคะ เห็นอยู่ต่อกันแค่สองคน แหมๆ”
เมื่อคืนส้มกับเดซี่ยอมแพ้หลังผม จึงเหลือแค่เจ้าที่ยังคงรอถ่ายรูปดาวและพี่สกายที่อยู่เป็นเพื่อน
ถึงแม้จะโดนไล่แค่ไหนก็ไม่ยอมไป
“ความลับครับ” พี่สกายตอบก่อนส่งตาวิบวับไปให้เพื่อนผม
“โอ้ย หมั่นไส้ค่ะ พี่ต่อมามีความลับกับเดซี่ไหมคะ”
“พี่ว่าพี่อยู่ของพี่เงียบๆ แล้วนะ เดซี่ปล่อยพี่ไปเถอะ พี่ไหว้ล่ะ”
ฮ่าๆๆๆ พวกผมหัวเราะกันลั่นโต๊ะ กับท่ายกมือไหว้ของพี่ต่อ และสายตาจะกินให้ได้ของเดซี่
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็พักสบายๆ อยู่ที่นี่ เดี๋ยวเย็นๆ ค่อยออกไปหาอะไรกินกัน”
“โอเค”
“งั้นขอนอนต่อนะ ยังแฮ้งค์ๆ อยู่เลย” พี่ของขวัญเอามือนวดหัว เมื่อคืนซัดไปใช่เล่น
“เหมือนกัน เมื่อคืนนอนเกือบตีสอง” ส้มสนับสนุนอีกเสียง
“เจอกันเที่ยงครึ่งดีไหม เช้านี้ก็แยกย้ายกันไปนอน” พี่ต่อมองนาฬิกา
“ตกลง” แต่ละคนหน้าตาไม่ไหวครับ เลยได้ข้อสรุปเป็นเสียงเดียวกันไม่มีใครค้าน โดยเฉพาะผม
“ง่วงไหมเรา” พี่เหนือวางกุญแจไว้บนโต๊ะในห้อง
“ไม่เท่าไหร่ครับ พี่เหนือล่ะ”
“ไม่ง่วง”
“อยากทำอะไรครับ” ผมลงนั่งที่ปลายเตียง ลุ้นอยากให้พี่เหนือนอน
“โต๊ะนวดเป็นไหม”
“นวดเหรอครับ”
“ใช่ พี่ปวดหลัง เตียงมันนิ่มเกินไป”
“เป็นครับ เป็น พี่เหนือนอนเลย เดี๋ยวผมนวดให้”
ผมรีบถลาเข้าไปหาพี่เหนือ นวดเป็นหรือเปล่าไม่รู้หรอกครับ นอกจากทุบๆ ให้พ่อบ้าง ก็ไม่เคยนวดให้ใครเสียที
แต่ของอย่างนี้กดๆ ไปมันก็ได้เองแหล่ะ”
“ขอบใจ” พี่เหนือยกมือขึ้นถอดเสื้อยืดออกจากศีรษะ ก่อนก้าวขึ้นไปนอนคว่ำหน้าบนเตียง
ผมยืนใจสั่นอยู่เงียบๆ
ข้างหลัง พี่เหนือหันข้างหลังให้กับผม
พี่มันกำลังเชิญชวนผมหรือเปล่า กำลังเปิดทางให้ผมใช่ไหม
ผู้ชายมันต้องหันหลังให้กันแบบนี้สินะ ผมก็ดันลืมศึกษามาให้ดี ดูแค่ผ่านๆ เพราะทนดูต่อให้ถึงตอนนั้นไม่ไหว มันขนลุกเกินไป
ผมก้าวขึ้นเตียงช้าๆ ขึ้นไปนั่งคุกเข่าคร่อมสะโพกของพี่เหนือเอาไว้ อยากจะนั่งทับลงไปแต่ยังใจไม่ถึง
“พี่ขอเน้นๆ ตรงเอวนะ” พี่เหนือเอื้อมมือมาแตะตรงกลางเอวบริเวณขอบเข็มขัด
“ครับ” ผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก พี่มันอ่อยให้ผมถอดเข็มขัดหรือเปล่าวะ
แล้วไอ้พวกนั้นก็ไม่เชื่อผมว่าพี่เหนือเป็นรับได้ อยากให้มาเห็นกันนัก
ผมค่อยๆ วางมือลงไป รีดนิ้วโป้งยาวลงมาตามกระดูกสันหลัง พี่เหนือครางเบาๆ ทำเอาผมหายใจไม่เป็นจังหวะ
เสียงพี่เหนือโครตเซ็กซี่
ผมเริ่มใช้อุ้งมือกดไปทั่วๆ แผ่นหลังกว้าง ทิ้งน้ำหนักลงไปทั้งตัว เพราะกลัวพี่มันไม่สะเทือน
ผิวของพี่เหนือเรียบเนียน กล้ามเนื้อหลังแข็งแรงไม่มีไขมัน จับไปตรงไหนก็แน่นไปหมด
“โต๊ะ นั่งลงมาสิจะได้ไม่เมื่อย” พี่เหนือพึมพำบอก
“ครับ” ผมทิ้งตัวลงไปนั่งบนสะโพกพี่เหนือ เราสัมผัสกันแนบชิดจนผมมือไม้สั่น ไม่มีแรงกดขึ้นมา
ผมจึงเปลี่ยนมาใช้ศอกกดลงไปแทน
แต่พอทำแบบนั้น ผมต้องก้มตัวลงไปมากขึ้น จนรู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวพี่เหนือ
แผ่นหลังได้รูปในระยะประชิด มันทำให้ผมร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ
“โต๊ะ”
“ครับ”
“ขยับขึ้นมาตรงใต้ไหล่หน่อย ตรงเอวไม่ต้องแล้ว
“ตรงเอว?”
ผมก้มลงมองมือตัวเองที่ข้างนึงกำลังใช้ศอกกดกลางหลัง อีกข้างผมจับมือตัวเองเอาไว้เพื่อให้ศอกมีน้ำหนัก
แล้วตรงเอวคือ....
“เหี้ย!!” ไม่สนแล้วล่ะครับว่าตัวเองอุทานว่าอะไร
ผมกระเด้งตัวออกมา เผ่นไปยืนข้างเตียง
“พี่เหนือ ผมลืมเรื่องสำคัญ ขอไปหาเจ้าที่ห้องก่อนนะครับ”
ผมคว้าโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์ได้ก็รีบเผ่นออกจากห้องมาด้วยความยากลำบาก
เหี้ยเอ๊ย ขาโต๊ะลูกพ่อ จะตื่นมาช่วยนวดทำไม
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
**ตอนต่อไปก็ยังอยู่ที่เสม็ดไม่ไปไหน
**ลงอีกทีวันพุธนะคะ พรุ่งนี้ติดธุระ ยุ่งตั้งแต่กลางวันยันกลางคืนเลย ^^
Darin ♥ FANPAGE