ตอนที่ 12: โคลัมบัส ผู้ค้นพบทวีปอเมริกา -North-
ผมพลิกกายขึ้นนอนหงาย เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องปิดลง
ทำไมผมจะไม่รู้ว่าอะไรที่มันดันอยู่บริเวณเอวผม น้ำหนักแค่นั้น ตำแหน่งนั้นเดาได้ง่ายมาก
ผมไม่ได้โมโหหรือรังเกียจโต๊ะ แต่ผมจำเป็นต้องพูดออกไปเพราะมันดันมีบางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น
บางอย่างที่กำลังพองโตอยู่ในกางเกง
ไม่รู้เป็นเพราะว่าโต๊ะแรงน้อยจนเหมือนผู้หญิง หรือเพราะมือนั้นนุ่มเนียนไม่มีความสากอย่างที่ควรจะเป็น
ทุกครั้งที่โต๊ะสัมผัสลงมาจึงให้ความรู้สึกเหมือนผมกำลังถูกเล้าโลม ยิ่งเมื่อมีบางอย่างดุนดัน บดเบียนไปมา
ยิ่งทำให้ผมร้อนวูบวาบ จนไปขยายส่วนที่ไม่ควรตื่นเข้า
ผมลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ ก่อนอื่นต้องทำให้มันสงบลงเสียก่อน
“มาที่ห้องหน่อย” ผมหยิบโทรศัพท์โทรหาสกาย เรียกเพื่อนให้มาหา ซึ่งรอไม่นานก็มีเสียงเคาะประตู
“มีอะไรวะ” สกายเดินเข้านั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง หยิบขนมบนโต๊ะโยนเข้าปาก
“มีเรื่องอยากถามหน่อย” ผมนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ กัน
“ว่ามา?”
“กูอาจจะถามอะไรแปลกๆ มึงก็ตอบมา” ผมเริ่มเกริ่นนำก่อน
“พูดซะเอากูอยากรู้ ว่ามาเร็วๆ” สกายหยิบถุงมันฝรั่งมาเปิดเพิ่มอีกถุง
“มึงว่าผู้ชายที่ไม่ใช่เกย์จะชอบผู้ชายได้ไหม” มือที่กำลังหยิบขนมชะงักนิ่ง
“ได้ไหม? ผู้ชายอย่างมึงกับกู” ผมถามมันซ้ำอีกครั้ง เมื่อสกายยังปิดปากเงียบ
“ทำไมมึงถามแบบนั้นวะ”
“ตอบมาเถอะ”
สกายถอนใจดังเฮือก เอามือเช็ดเสื้อก่อนหันมามองหน้าผมตรงๆ
“กูแสดงออกชัดขนาดนั้นเลยเหรอวะ” สกายถามผมกลับ
“แสดงออก? เฮ้ย อย่าบอกว่ามึงชอบข้าวเจ้า”
ผมค่อนข้างตกใจเพราะไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน นิสัยสกายเป็นคนขี้เล่น เทคแคร์คนเก่งไม่ว่ากับผู้หญิงหรือผู้ชาย
ผมจึงไม่เคยมองในมุมอื่น
“อ้าวไอ้เหนือ กูนึกว่ามึงมองออกถึงเรียกกูมาถาม งั้นมึงถามทำไมวะ..” สกายขมวดคิ้วเหมือนกำลังใช้ความคิด
“เหี้ย.. มึงอย่าบอกว่ามึงชอบแวนโก๊ะ” มันตกใจจนแทบจะตกเก้าอี้
“เหนือมึงถามถึงชอบแบบ ชญ. ใช่ไหมวะ ไม่ได้หมายถึงที่มึงชอบมองน้องมันเล่นตลกนะ”
สกายยังพยายามถามให้แน่ใจว่ามันเข้าใจสิ่งที่ผมพูดถูกต้อง
“เออ แบบแรกแต่กูยังไม่แน่ใจ” ผมตอบมันไปตามที่คิด
“ถ้ากูแน่ใจจะเรียกมึงมาช่วยออกความคิดเห็นเหรอ ไอ้ตกขอบโลก”
“ชะชะ มึงพูดดีๆ แม่กูอุตส่าห์ตั้งชื่อกูมาโครตเพราะว่าสุดขอบฟ้า แม่งเรียกซะหมดหล่อ ไอ้โคลัมบัส”
“อะไรของมึง” ผมมัวแต่ใจจดใจจ่อกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ทำให้คิดตามมันไม่ทัน
“ก็โคลัมบัสผู้ค้นพบโลกใหม่ไงมึง”
สกายยักคิ้วให้ผม อยากจะด่ากลับว่ามันก็ค้นพบด้วยกันทั้งคู่ล่ะวะ แต่กลัวว่าจะเถียงกันเลยเถิด ผมเลยต้องยอมเงียบปาก
“มึงมั่นใจแล้วเหรอว่ามึงชอบน้องมันจริงๆ” ผมถามคนที่รับออกมาเองเต็มปากเต็มคำ
“ไม่ชอบจริงกูจะมานั่งบริการหลังการขายแบบนี้เหรอวะ”
“มึงรู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ตัวผมยังชอบมองโต๊ะมานานแล้วถึงจะไม่เคยคุยกัน แต่สกายนี่สิ ผิดคาดมาก
โดยเฉพาะอย่างข้าวเจ้าที่ดูเป็นเด็กหนุ่มนิ่งๆ เรียบร้อย ห่างไกลกับสไตล์ความชอบของเพื่อนผมมาก
“ตอนตามรับตามส่งเกมจีบเจ็ดวันที่เล่นกันนั่นแหล่ะ วันแรกๆ ก็เล่นตามเกม วันสามสี่แหย่ไอ้เด็กนี่สนุกดี
กว่าจะถึงวันที่เจ็ดกูก็สนใจข้าวเจ้าเข้าให้แล้ว ถึงตอนนี้ก็
ชอบ สั้นๆ เลยมึง
“แล้วมึงสะดุดตาปลาอะไรเข้าวะ ถึงลุกขึ้นมาคิดว่าตัวเองชอบผู้ชายหรือเปล่า” สกายเปลี่ยนมาเป็นคนถามผมบ้าง
เราทำเหมือนหนุ่มน้อยหัดจีบต้องมานั่งปรึกษาเพื่อน ทั้งที่ผมกับมันน่าจะอยู่ในขั้นที่เรียกช่ำชองและเชี่ยวชาญไปแล้ว
“ก็คล้ายๆ มึง” ถึงผมจะสนิทกับสกาย ก็ยังกระดากปากเกินจะบอกว่าเพราะไอ้นั่นมันมีปฏิกิริยากับโต๊ะ
ถ้าเป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่างผมคงรีบบอกมันทันที
“แต่มึงยังไม่แน่ใจ?”
“อืม”
“ที่จริงพักนี้มึงก็ทำตัวแปลกๆ มึงไม่เคยเที่ยวกับคนนอกกลุ่ม แต่กูเห็นมึงไปหาน้องมันโครตบ่อย ไหนจะตามมาถึงนี่
แล้วไอ้เรื่องจูบนั่นอีก กูคิดว่ายังไงมึงก็คงไม่ทำ เหมือนครั้งแรกที่มึงไม่ทำนั่นแหล่ะ ตอนเห็นมึงจูบโต๊ะจริงๆ กูยังคิดเลยว่าแปลกดี”
พอมีคนมาทักแบบนี้ ผมถึงเพิ่งรู้สึกว่ามันแปลกเกินนิสัยผมจริงๆ ตอนทำผมไม่ได้คิดอะไร ก็แค่ทำไปตามที่อยากทำ
“เอางี้สิวะ” สกายทำท่าเหมือนนึกอะไรดีๆ ขึ้นมาได้
“มึงก็ทดสอบเลย จะได้รู้ๆ กันไป”
“ไม่ใช่กูไม่คิด แต่กูกลัวว่าถ้าเกิดมันไม่ใช่ขึ้นมา กูกับโต๊ะจะมองหน้ากันไม่ติด”
“มึงคิดไปไกลถึงไหนครับคุณโคลัมบัส มึงกะจะทดสอบจนค้นพบอเมริกาเลยหรือไง”
“กู..” เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าตัวเองหน้าขึ้นสี
“คืนนี้ยังมีเวลาอยู่ด้วยกัน มึงก็ลองทดสอบใจตัวเองดู กูย้ำว่าเบาะๆ พอนะมึง อย่าถึงกับปักธงพิชิตดินแดนล่ะ”
“มึงบอกตัวเองเถอะ กูเจ้าชู้ไม่ได้ครึ่งมึง” ผมที่หน้าขึ้นสีอยู่แล้วยิ่งไปกันใหญ่ ไอ้เพื่อนเวรพูดซะเห็นภาพ
“เกี่ยวอะไรกับเจ้าชู้วะ งานนี้มึงชนะกูใสๆ”
“ทำไม? คราวนี้มึงไม่มั่นใจ ไหนบอกอยากได้คนไหนได้คนนั้น”
“ไอ้เหี้ยเหนือ มึงอย่าพูดประโยคนี้ให้เจ้าได้ยินนะโว้ย แม่งยิ่งเกลียดกูเรื่องนี้อยู่”
ผมชักเชื่อขึ้นมาแล้วว่าสกายคงชอบเจ้าจริงๆ ไม่เคยเห็นมันร้อนตัว ทำท่ากลัวใครแบบนี้มาก่อน
“ทำไมมึงถึงชอบเจ้าวะ ไม่ต้องตามรสนิยมมึงนี่หว่าสกาย” ผมเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำอัดลมกระป๋องมาเปิดส่งให้เพื่อนและตัวเอง
“กูอาจรสนิยมผิดมาตลอดก็ได้ ถึงไม่เคยจริงจังหรือลงเอยกับใครสักคน”
“มึงจริงจังหรือเพราะเด็กมันไม่เล่นด้วย มึงเลยอยากเอาชนะ คิดดีๆ นะเว้ย” ผมชอบน้องๆ กลุ่มนี้ ไม่อยากให้ผิดใจกัน
จนมองหน้ากันไม่ติด ผมเองถึงต้องระวังเรื่องความรู้สึกที่มีต่อโต๊ะ
ผมเป็นคนชัดเจนเรื่องนี้เสมอ สนใจคือสนใจ ชอบคือชอบ ไม่ใช่คือไม่ใช่ ควงคือควง ผมบอกทุกคนที่เข้ามาไม่เคยโกหก
หรือให้ความหวังใคร
“เอาชนะเหี้ยอะไร มึงก็เห็นกูแพ้ไม่เคยนับถึงสิบก็น็อคแล้ว เด็กบ้าอะไรจีบโครตยาก” ผมอยากจะขำไอ้เพื่อนรัก
มันทำหน้ายุ่ง เหมือนเจอเรื่องยากที่สุดในชีวิต แบบที่มันหาทางจัดการไม่ได้
“ถ้ามึงชอบโต๊ะจริง มึงก็โชคดีกว่ากู โต๊ะมันดูออกง่าย มันซื่อๆ ไม่ค่อยมีเล่ห์เหลี่ยม เขิน ดีใจ โกรธแม่งเห็นโครตชัด ไม่ต้องเดา
แล้วมึงดูข้าวเจ้า กูพูดอะไรไปแม่งตอกกลับหมด หน้านิ่งๆ ไม่รู้มันเล่นมุกหรือเอาจริง ความมั่นใจกูสะเทือนไม่มีเหลือ”
“สกาย มึงรู้ตัวไหมว่ามึงเป็นหนัก” ผมอดทักเพื่อนไม่ได้ ก็ดูมันพล่ามมาเสียยาว ทำเหมือนกับอัดอั้นมานาน
“เออ ช่างกู เอาเรื่องของมึงเถอะ มึงจะถอยหรือเดินหน้าวะ”
“หมายความว่าไง” เมื่อกี้มันยังยุให้ผมทดสอบ ตอนนี้มาถามว่าจะถอยไหม จะไม่ให้ผมงงได้ยังไงครับ
“ถือว่ากูอาวุโสกว่า ถึงจะแค่ไม่กี่วัน แต่กูเคยถามตัวเองมาแล้ว และมึงก็ต้องถามตัวเองด้วย
ว่าถ้ามึงชอบน้องมันจริงๆ มึงเดินสายชายรักชายได้จริงหรือเปล่า ทุกอย่างเปลี่ยนหมดนะเว้ย
พ่อแม่ พี่น้อง ญาติ เพื่อน สังคม ไม่นับสายตาเป็นพันที่ชอบมองมึงอีก มึงรับได้ไหมล่ะ ถ้ารับไม่ได้ก็อย่าแหย่ขาเข้าไป
เลิกสนใจน้องมันตอนนี้ กูว่ายังทัน”
“แปลว่ามึงตัดสินใจได้แล้ว?” ผมย้อมถามมันกลับ
“สังคมกูอุดมปัญญาเว้ย มั่นใจว่าไม่มีปัญหา พูดจากันเข้าใจได้ มีเหตุผล ให้ความนับถือซึ่งกันและกัน”
โครม!! ผมอดถีบเก้าอี้มันไม่ได้
“มึงว่าพ่อแม่กูเหรอ”
“ไอ้นี่ กูไม่ได้ว่า แต่กูไม่ตัดสินใจให้ มึงตัดสินใจของมึงเองไง จะให้กูพูดว่าเอาเลยเพื่อน พ่อแม่มึงเข้าใจแน่นอน
เกิดมึงแม่งคบๆ ไป ทนสายตาคนอื่นไม่ไหวได้มาถีบกูแรงกว่านี้”
“นิสัยกูแคร์สังคมที่ไหน มึงก็รู้ ขอแค่กูชอบจริงก็พอ”
“เออ งั้นมึงก็หาคำตอบซะว่ามึงชอบจริงหรือเปล่า”
“อืม” ผมพยักหน้า มันก็คงต้องเป็นอย่างนั้น
“งั้นกูกลับห้องก่อน เดี๋ยวไอ้ต่อออกไปไหนล็อคห้องกูเข้าไม่ได้อีก กูไม่ได้เอากุญแจออกมา”
“อืม แต่ถ้ามึงแวะห้องเจ้า บอกโต๊ะกูถามหา ให้กลับห้องด้วย”
“รู้ทันกูอีก” ผมได้ยินสกายบ่นพึมพำ ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไป
ผมเดินไปทิ้งตัวลงบนที่นอน ทดสอบงั้นเหรอ ผมควรทดสอบแบบไหนดี แค่คิดก็อดยิ้มไม่ได้แล้ว
“พี่เหนือ ยื่นมือไปข้างหน้า ทำมือทาบกับท้องฟ้าให้ผมหน่อยครับ” คนที่มาขอให้ผมเป็นแบบสั่งเสียงแจ้ว
ไอ้การเป็นแบบให้ถ่ายมันก็โอเคอยู่นะครับ แต่ถ่ายตอนกลางคืนเพื่อให้เห็นดาวนี่ ผมต้องยื่นค้างอย่างน้อยก็เท่ากับ
ความไวชัตเตอร์ที่โต๊ะตั้ง หลายๆ ครั้งเข้าก็ชักเมื่อย ขยับนิดหน่อยไอ้ตัวดีก็บ่นเสียหูชา
“ขอพี่ดูบ้างสิ” ผมถามเมื่อเห็นโต๊ะเช็คภาพในกล้อง
“ไม่ได้ครับ ความลับ”
“ความลับอะไรของโต๊ะ พี่ยืนให้ถ่ายอยู่นี่ รูปเป็นแบบไหนก็รู้อยู่แล้ว แค่อยากรู้ว่ามันออกมาดีหรือเปล่า”
ผมงงๆ กับความคิดแวนโก๊ะมันจริงๆ ครับ มันเป็นความลับตรงไหน
“ไม่ได้ครับ ความลับ” โต๊ะยังยืนยันประโยคเดิม
“โอเคลับก็ลับ พี่ไม่รู้เลยว่าตัวเองยืนหันหลังให้กล้องหันหน้าให้ทะเล ไม่รู้เลยว่ายกมือขึ้นทาบดาว..”
“ไม่รู้เลยว่าพี่เหนือขี้บ่น”
ผมถึงกับชะงัก ดูมันนะครับขอให้ผมช่วยยังมาเบรคผมอีก
“กล้าว่าพี่เหรอ” ผมย่างเท้าไปหาโต๊ะช้าๆ อีกฝ่ายเหมือนจะรู้ตัวว่าทำผมโกรธ ถอยห่างจากขาตั้งกล้องเตรียมกระโจนหนีเต็มที่
“ผมแซวเล่นนิ้ดเดียว” ไอ้ตัวดีทำมือนิดเดียวประกอบ
“จะหนีไปไหน” เมื่อผมไม่ยอมหยุดเดิน โต๊ะก็ยังก้าวถอยไปเรื่อยๆ
“ไม่ได้หนีครับ ผมกลัวที่ไหน”
คนไม่กลัวเริ่มหันหลังไปดูทางหนีทีไล่ ผมอาศัยจังหวะนั้นพุ่งเข้ารวบตัว ก่อนยกขึ้นพาดบ่า
“พี่เหนือ” โต๊ะร้องเสียงหลง ดิ้นไปมาอยู่บนไหล่ผม
“ผมเวียนหัว ปล่อยผมลงเถอะ” ผมยังมุ่งหน้าลงทะเล เท้าเริ่มสัมผัสกับน้ำแต่ผมยังไม่ยอมหยุด
“พี่เหนือไม่เล่นคร้าบ โต๊ะขอโทษ โต๊ะผิดไปแล้ว นะ นะ” เสียงมันอ้อนจนผมเกือบใจอ่อน
ผมจับเอวโต๊ะยกมันลงจากบ่า ไอ้ตัวดีคงพอรู้ชะตากรรม มันใช้สองแขนสองขา รัดคอรัดเอวผมไว้แน่น
ผมพยายามดึงออกแต่ไม่สำเร็จ
“เป็นลิงหรือตุ๊กแก ทำไมมือเหนียวอย่างนี้หะ” ยิ่งผมพยายามแงะ โต๊ะก็ยิ่งรัดแน่นเข้า หน้ามันซุกอยู่ตรงซอกคอผม
ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดทำเอาผมชักร้อนขึ้นมา
“ปล่อยได้แล้วพี่ไม่แกล้ง” ผมผายมือออกให้รู้วาไม่ทำแล้ว แต่โต๊ะยังติดหนึบอยู่กับตัวผม
“พาขึ้นไปบนหาดก่อน” โต๊ะพยายามต่อรอง
ขาที่หนีบผมรัดแน่นทำให้รู้สึกถึงสิ่งที่บดเบียดอยู่ตรงหน้าท้อง มันไม่ได้พองโตขึ้นมาทักทายหรอกครับ
คิดว่าแวนโก๊ะมันคงกลัวผมโยนลงน้ำเกินกว่าจะรู้สึกอย่างอื่น แต่ผมนี่สิ ยิ่งมันพยายามกอดให้แน่นขึ้นเท่าไหร่
ใจผมก็ยิ่งคิดเตลิดไปไกล ขืนปล่อยให้เนื้อแนบเนื้ออยู่แบบนี้ ไม่แคล้วจะหาเรื่องปักธงยึดอาณาเขตเหมือนที่สกายมันพูด
ผมเลยจำใจต้องอุ้มเด็กน้อยไปส่งลงตรงชายหาดเหนือน้ำ โต๊ะก้มลงมองพื้นจนแน่ใจ ถึงกระโดดลงจากตัวผม
“เล่นอะไรไม่ขำ เกิดผีดึงผมลงน้ำทำไง นี่มันห้าทุ่มแล้ว” มันลงไปยืนกับพื้นได้ก็โวยวายผมใหญ่
“กลัวผีขึ้นสมองเหรอเรา ตอนเช้าก็ทีนึง นี่ก็พูดถึงไม่เลิก ระวังเถอะ พูดถึงมากระวังจะมาหา”
ผมพูดไปอย่างนั้นเองตามประสาคนไม่กลัวผี ใครจะคิดว่ามีคนปอดแหก
ไอ้ตัวดีหันซ้ายหันขวา หน้ามันเลิ่กลั่กอย่างกับกระต่ายตื่นตูม ก่อนเดินเร็วเข้ามาหาผม
“พี่เหนือกลับห้องเถอะ” มันพยักหน้าชวน สายตาหวาดระแวง
“ถ่ายเสร็จแล้วเหรอ เดี๋ยวก็ไม่มีรูปส่งประกวด”
“เสร็จแล้วพี่ กลับเหอะ พี่ไม่กลับผมกลับก่อนนะ”
“อ้าวไอ้เด็กนี่ พี่มายืนเป็นแบบให้เรา เสร็จแล้วจะทิ้งกันเฉย” ผมล็อคคอโต๊ะมายีหัวอย่างที่ชอบทำ
“เปล่าทิ้งนะพี่ ก็ชวนอยู่นี่ไง กลับกัน”
“อืม” ผมคลายแขนที่ล็อคคอเหลือแค่โอบบ่า โต๊ะบุ้ยหน้าไปทางกล้อง ให้รู้ว่าต้องไปเก็บของก่อน ผมถึงปล่อยแขน
“เดินไปด้วยกันสิ” มันคว้าแขนผมหมับ ก็ข้างที่เพิ่งเอาลงมาจากบ่ามันนั่นแหล่ะ
“อยู่แค่นี้เองจะกลัวทำไม”
“ไม่ได้กลัว แต่ไปด้วยกันเถอะ นะพี่เหนือ นะครับ”
ลูกบ้า ลูกมึน ผมก็เจอจากมันมาเยอะแล้ว แต่ลูกอ้อนถี่ๆ เหมือนคืนนี้ผมยังไม่เคยเจอ เล่นเอาตั้งตัวไม่ติด
ยิ่งเวลามันแทนตัวเองว่าโต๊ะ ผมเผลอยิ้มหวานให้มันทุกที
“งั้นก็รีบๆ เข้า” ผมแกล้งทำเสียงรำคาญ ผลักโต๊ะให้เดินไปข้างหน้า ไม่ได้ดึงแขนออกปล่อยให้โต๊ะจับเอาไว้อย่างนั้น
“อาบน้ำพร้อมกันไหม”
“หะ!!”
“จะตกใจอะไรนักหนา นี่มันดึกแล้วจะได้ไม่ต้องรอกัน ไม่เคยอาบน้ำกับเพื่อนผู้ชายหรือไง”
ผมทำหน้านิ่งๆ พยายามพูดด้วยเสียงที่เรียบที่สุด ให้เหมือนมันเป็นเรื่องปกติธรรมดา
“ผมไม่ได้บอกว่าไม่อาบสักหน่อย อาบสิ อาบเลย” โต๊ะลุกขึ้นมาท้าผมเหย็งๆ สีหน้ามันประหลาดมาก
เหมือนมันดีใจ ตกใจ กลัว กล้าและไม่กล้าไปพร้อมๆ กัน
“ถอดเสื้อผ้าสิ จะยืนอยู่ทำไม” ผมดึงเสื้อออกจากหัว ถอดกางเกงขาสามส่วนจนเหลือบ๊อกเซอร์ตัวเดียว
หันไปโต๊ะยังอยู่ครบชุด
“อ่า..ผม..เอื๊อก” โต๊ะรีบหันหลังให้ผม ถอดเสื้อยืดออก
ผมเคยเห็นโต๊ะใส่แต่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวมาแล้ว แต่ตอนนั้นก็คิดแค่มันขาวดี ผิวก็ดี ผอมไปหน่อย ไม่มีซิกแพคกับคนอื่นเขา
เหมือนผมแค่วิจารณ์หุ่นผู้ชายด้วยกัน
แต่วันนี้ผมถึงกลับต้องเสไปมองทางอื่น ไม่อยากยอมรับว่าแค่เห็นแผ่นหลังขาวๆ ของมัน ใจก็เต้นโครมครามแล้ว
“ชักช้า พี่อาบก่อนนะ” ผมพูดห้วนๆ รีบเดินไปเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงโต๊ะตะโกนตามหลัง
“อ้าว พี่เหนือ รอผมด้วยสิ ไรวะชวนแล้วทิ้งกันเฉยเลย พี่เหนืออออ”
ผมทำเป็นไม่ได้ยิน เปิดน้ำแรงสุด ยืนนิ่งใต้สายน้ำจนทุกอย่างสงบลง ทั้งใจและอะไรบางอย่างที่ยังไม่ตื่นตัวเต็มที่
แต่ผมก็รู้ได้ว่ามันมีปฏิกิริย่ากับแผ่นหลังขาวๆ นั้น
ไม่ต้องพิสูจน์อะไรแล้วมั้ง มันตั้งได้ตั้งดีขนาดนี้ ผมก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปคัดค้าน
ผมได้แต่ถอนใจ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมกับโต๊ะมันถึงได้คึกคักขนาดนี้ ไม่รู้มันจะตื่นเป็นเด็กอ่อนหัดไปถึงไหน
ขืนเป็นแบบนี้บ่อยๆ คงไม่กล้าเข้าใกล้น้องมัน
ผมนอนคิดอะไรเพลินๆ จนได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ โต๊ะเดินเช็ดผมออกมา หวีผม ตากผมเช็ดตัว ปิดไฟกลางห้องแล้ว
ถึงเดินมาขึ้นเตียง
“กู๊ดไนท์ครับพี่เหนือ” โต๊ะขยับหมอนไปชิดขอบเตียงอีกฝั่ง นอนหันหลังให้ผมเหมือนคืนก่อนที่มันทำ
ผมเคลื่อนกายเข้าไปใกล้ ก่อนคว้ามันเข้ามานอนกอดไว้กับอก
“พี่เหนือ”
“นอนแบบนี้แหล่ะ พี่จะได้หลับ ไม่งั้นเดี๋ยวดึกๆ เราก็อาละวาดเต็มเตียงอีก คนอะไรนอนโครตดิ้น”
“ผมไม่เคยนอนดิ้น” โต๊ะพยายามพลิกตัวมาเถียง
“หือ?”
“เอ้ย ผมไม่เคยรู้ตัว” มันพูดอะไรของมันวะ คนหลับก็ต้องไม่รู้ตัวสิ
“ดิ้น เมื่อคืนเราดิ้นจนกลิ้งไปทับพี่”
“ผมไม่รู้เรื่อง” โต๊ะเถียงผมข้างๆ คูๆ
“แต่พี่รู้เรื่อง ดังนั้นพี่ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน ล็อคเราไว้แบบนี้แหล่ะปลอดภัยสุด จะได้ไม่เตะพี่”
“ผมไม่ได้เตะสักหน่อย” โต๊ะมันพูดอุบอิบของมันเบาๆ คงบ่นๆ ผมแหละครับ
“นอนได้แล้ว พี่ง่วง” ผมซบหน้าลงกับซอกคอของโต๊ะ แอบสูดดมกลิ่มสบู่อ่อนๆ มันก็กลิ่นเดียวกับที่ผมใช้ทำไมมันหอมวะ
“กู๊ดไนท์ครับ”
“อืม กู๊ดไนท์”
ผมนอนกอดโต๊ะนิ่งๆ ทำเป็นแกล้งหลับ แต่ยังไม่ง่วงเลยสักนิด ผมรอจนโต๊ะนอนหายใจสม่ำเสมอ
ชะโงกดูให้แน่ใจว่าหลับสนิทแล้ว
ผมก้มลงไปหอมโต๊ะ จรดจมูกลงกับแก้มขาวๆ
ทำไมถึงไม่รู้สึกว่ามันแปลก กลับคิดว่าหอมดี
ผมก้มหน้าลงไปอีกครั้ง คราวนี้ประกบปากลงกับปากของโต๊ะ ดูดริมฝีปากบนล่างเบาๆ ก่อนตัดใจถอยออกเมื่อโต๊ะเริ่มขยับตัว
แย่แล้วเรา
ผมหงายตัวลงนอนมองเพดาน
ทำไมรู้สึกดีอย่างนี้วะ รู้สึกว่ามันไม่พอ อยากทำมากกว่านี้ อยากจูบมันอีกและอยากให้มันจูบตอบผม
นี่มันผู้ชายนะไอ้เหนือ ผู้ชายแท้ๆ เลยนะมึง
ผมอยากตบกะโหลกตัวเอง คงสมแล้วกับที่โต๊ะมันเคยเรียกผมไว้
เหี้ยเหนือเอ๊ย มึงแม่งกู่ไม่กลับแล้ว
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
Darin ♥ FANPAGE