ตอนที่ 14 : STALKER กับเหนือเมฆ “จิต1 เรียกจิต2 จิต3 พิกัด 14 นาฬิกา ผู้ท้าชิงเดินทางมาถึงสนามแล้ว”
ป๊าบ
“มึงพูดดีๆ ก็ได้โต๊ะ กูแม่งดูโรคจิตไปด้วย” ผมลูบหัวป้อยๆ ทำไมไอ้ส้มมันชอบตีผมนักวะ คนยิ่งโง่ๆ อยู่
“มา กูจะจาระไนให้ฟังค่ะ” เดซี่ลากผมกับส้มให้เข้ามายืนชิดๆ หันซ้ายหันขวา ดูลู่ทางจนมั่นใจแล้วจึงเล่า
“ทีมตระกูลเบอรี่ ส่งตัวแทนมาสามนะคะ พี่พราวชิงถ้วยพี่เหนือค่ะ ผมสั้นที่ยืนข้างๆ ชื่อพีทเป็นน้องพี่พราวชิงถ้วยพี่สกาย
ส่วนตุ๊ดเด็กคนสุดท้ายคือน้องไวไวชิงถ้วยพี่ต่อ เซทกันมาครบทีม ผลประโยชน์ร่วมกันความสัมพันธ์เหนียวแน่น
ไปเที่ยวนี้ศึกหนักแน่นอนค่ะ เดซี่คอนเฟิร์ม”
“โห อะไรจะจัดมาลงตัวขนาดนั้นวะ ไวไวนี่ไม่ใช่ชื่อจริงใช่ไหม” วันนี้ส้มต้องถอยให้เดซี่เป็นเจ้ากรมการข่าวแทน
“เปล่า มันชื่อวีวี่แต่กูเรียกมันไวไว มึงกับกูต้องเฝ้าพี่ต่อให้ดีๆ วีวี่มันไวสมชื่อกูตั้ง”
“แต่กูว่าเฝ้าพี่สกายไว้ให้ไอ้เจ้ามันดีกว่า เด็กนั่นท่าทางแรดไม่เบาน่าจะหนักกว่าพี่สาว”
ผมเห็นด้วยกับส้มครับ ท่าทางใช่ย่อย แต่งตัวไปค่ายอย่างกับไปเดินสยาม กางเกงยีนส์สั้นกุด ขนาดผมยังมองแล้วมองอีก
“เจ้ามันเอาแน่เหรอวะ กูว่ามันไม่ได้ชอบผู้ชายนะ” ผมไม่กล้าทำอะไรโดยพลการครับ กลัวเจ้ามันตามมาเตะทีหลัง
“เอาไม่เอาไม่รู้ล่ะของดีต้องกั๊กไว้ก่อน เดี๋ยวให้เพื่อนเลือกทีหลัง” เออ ส้มมันก็พูดเข้าท่า ผมไม่อยากมีเรื่องกับผู้หญิง
แต่ไอ้สองคนนี้มันก็ถือว่าเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ก็คงต้องปล่อยให้พวกมันจัดการครับ ห้ามยาก
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ของเพื่อนก็เหมือนของเรา เรื่องอะไรจะให้คนอื่นคาบไปรับประทาน”
“ตกลง งานนี้เอาพี่สกายเป็นหลัก ของกูไม่เป็นไรกูพอจัดการเองได้” ผมยื่นมือให้ส้มกับเดซี่จับ
“สู้ค่ะ” เดซี่วางมือลงมา
“ไอ้เจ้ามา อย่าหันไปมองเดี๋ยวมีพิรุธ” ส้มยังไม่ทันวางมือก็ต้องทำเป็นยกมือเสยผมแทน
ส่วนผมก็ต้องรีบเอามือลง ทำเป็นคุยกันเรื่องอื่นไป
“เพื่อช่วยเพื่อนโต๊ะของเรา ต้องเริ่มตั้งแต่การขึ้นรถบัสนะคะ ช่วงชิงที่นั่งใกล้พี่มันให้ได้ เจ้ากับโต๊ะเดี๋ยวขนกระเป๋า
ให้พวกกูด้วย อดีตนักกรีฑาเก่าอย่างกูกับส้ม จะเข้าชิงชัยด่านแรกให้เอง”
“จะไปทำความดีกันหรือไปทำอะไร” เจ้าส่ายหน้าไปมา ท่าทางท้อแท้
“ไปหาสามีให้เพื่อนสิคะของมันแน่นอนอยู่แล้ว” เดซี่ดอกสวยตอบเต็มปากเต็มคำด้วยความภาคภูมิใจ
“หาภรรยาให้กูไม่ใช่หาสามี” ผมจำเป็นต้องแก้ความเข้าใจของเพื่อนๆ เสียใหม่
“เหี้ยโต๊ะมึงก็กล้าพูด พี่เรดแม่งโครตแมน แล้วดูหุ่นมึง เอาสมองส่วนไหนคิดวะ”
“สมองที่ฉลาดที่สุดของกูนี่แหล่ะ มึงคิดว่าขืนกูรอให้พี่เรดกด ชาตินี้กูจะได้สักครั้งไหม
มึงคิดว่าพี่มันพิศวาสอยากได้กูนักหรือไง พูดไม่คิด” ผมด่าเดซี่กลับบ้าง
“ถ้ากูไม่ปล้ำเสียเอง ก็แดกมังฯ มันทั้งชาตินั่นแหล่ะ เนื้อหนอ หนังหนอ พี่เหนือหนอ กูจะได้แดกไหม”
“อย่าเอ่ยชื่อ” ส้มตบกะโหลกผมซ้ำเป็นครั้งที่สองของเช้านี้
“โทษทีกูลืมตัว พูดเรื่องนี้แล้วมันขึ้น กูก็อยากถูกพี่มันกด แต่ระหว่างไม่ได้เลยกับต้องเป็นคนลงมือ กูก็จำเป็นต้องทำ
แม่กูสอนว่าอย่าหวังอะไรลมๆ แล้งๆ อยากได้ต้องทำเอง มึงเข้าใจหรือยัง”
“กูเห็นแก่ความหน้าด้านของมึง กูจะยอมเข้าใจแล้วกันนะโต๊ะ เหี้ยเอ๊ย มีเพื่อนแต่ละคน”
ผมไม่แคร์หรอกครับว่าส้มจะเข้าใจเพราะเหตุผลอะไร ขอแค่มันเข้าใจก็พอ ผมหันไปมองเดซี่กับเจ้า
ก็ได้รับการพยักหน้าแบบขอไปที่ เท่ากับตอนนี้ทุกคนเข้าใจจุดประสงค์ของผมตรงกันแล้วเป็นอันใช้ได้
“โต๊ะ พี่เรด” เดซี่ชี้นิ้วไปทางกลุ่มผู้ชายห้าหกคนที่กำลังเดินเข้าไปในตึกคณะ ผมรีบมองตามทันที ไม่เห็นมีนี่หว่า
“ไหนมึง”
“เดินไปโน้นไง” พวกผมอีกสามคนก็มองหากันใหญ่ ไหนวะ
เจอแล้วครับ ชายหนุ่มในเสื้อสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เดินเห็นหลังอยู่ไกลๆ ฆ่าเพื่อนหมกคณะวิศวะฯ เสียดีไหม
เล่นอะไรไม่เข้าท่า กล้ามากที่มาล้อเล่นกับของสูง
“หล่อจริงๆ เลย พี่เรดของมึงเนี่ย กูเห็นแล้วอยากเปลี่ยนใจ ขอชอบด้วย”
ยังเล่นไม่เลิกครับ สงสัยเดซี่จะได้เป้าหมายใหม่ ไม่ต้องแย่งพี่ต่อกับไอ้ส้มแล้ว
“red devil"
“เหี้ย” ไม่อุทานไม่ได้แล้วครับ พี่เหนือ พี่สกายเล่นมายืนอยู่ข้างหลังพวกผม ไม่รู้มากันตั้งแต่เมื่อไหร่
"คิดอยู่เหมือนกันว่าใครมันจะชื่อเรด หมายถึงคนที่ชอบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนี่เอง”
“โต๊ะชอบพี่ทัชเหรอ” พี่สกายถามผม พวกผมก็มองหน้ากันเลิ่กลัก ใครวะพี่ทัช
“เรื่องนี้ไม่ตอบครับ ใช่ไหมโต๊ะ” ไอ้เจ้าจ้องตาผมเขม็ง
“ครับๆ ไม่ตอบ” ผมพยักหน้าตาม
“มาคณะพี่บ่อยๆ ก็เพราะแบบนี้สินะ” เวรกรรมไปกันใหญ่แล้วครับ แต่จะให้ลุกมาอธิบายก็คงยิ่งไม่เข้าท่า
“พี่ต่อไปไหนคะ” เดซี่ช่วยเปลี่ยนเรื่องโดยการถามหาว่าที่สามี
“ไปซื้อเสบียง นี่พวกพี่กำลังจะตามไป”
“โต๊ะ”
“ครับ”
พี่เหนือโยนกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ส่งให้ผม
“พี่ฝากจองที่นั่งให้ด้วยสามที่ เดี๋ยวมา”
“แล้วพี่ของขวัญกับพี่ฝนล่ะครับ” ผมหมายถึงแล้วต้องจองให้พี่ของขวัญกับพี่ฝนด้วยไหม
“สองคนนั่นจะนั่งด้วยกัน เห็นบอกจะไปรวมกับพวกผู้หญิงจะได้มีเพื่อน ทำไม? หรืออยากจองที่ให้คนอื่น”
ผมยังไม่ทันตอบ พี่สกายก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ต้องทำใจว่ะเหนือ เขาแค่อยากได้เราเป็นแบบ ใช้แล้วก็ทิ้งๆ ขว้างๆ”
งงสิครับ ผมหันไปมองหน้าเจ้า ขานั้นไม่พูดอะไรแต่ยื่นมือไปดึงกระเป๋าออกจากมือพี่สกาย
“เดี๋ยวจัดการให้ครับ”
“ดีมาก พี่จองแล้วนะ” พี่สกายยื่นมือไปลูบผมไอ้เจ้า
หือ? ผมกับเดซี่มองหน้ากันตาโต มันแฝงความหมายใช่ไหม
“โต๊ะจะเอาอะไรไหม เดี๋ยวพี่ซื้อมาเผื่อ” พี่เหนือดึงความสนใจผมกลับมา
“อะไรก็ได้ครับพี่เหนือ ผมทานได้หมด”
“อืม เดี๋ยวพี่มา”
พอพี่สกายกับพี่เหนือเดินออกไป พวกผมที่ทำเป็นยืนนิ่งๆ ก็แตกตื่นทันที
“ยังไงคะ ยังไง จองอะไรกันคะ” มือวางอันดับหนึ่งออกตัวแล้วครับ
“อะไร? ก็จองที่นั่งไง ฟังไม่ออกเหรอเดซี่” เจ้ายังคงทำหน้านิ่งได้เนียนมากครับ แต่แอบเห็นมันหน้าแดง
ชิชะคิดจะหลอกเพื่อนสนิทอย่างผม
“ค่า จองที่นั่งค่ะ นักกรีฑาอย่างกูเลยไม่ได้ออกตัวเลย อยู่ๆ เหยื่อมาหาถึงที่ สงสัยทริปนี้จะสบายกว่าที่คิด”
“มึงอย่าเพิ่งดีใจไป ดูโน้น” ส้มพยักหน้าให้พวกผมมองตาม
ผมเห็นแก๊งค์เบอรี่เดินตามพี่เหนือไปด้วย ทางเดินทั้งโล่งทั้งกว้างแต่สองสาวกลับเดินเบียดเสียแนบชิด
“สงสัยซ้อมเดินบนคันนา” ผมเศร้าก็เศร้าแต่พอนึกมันก็อดขำไม่ได้
“มึงช่วยกระตือรือร้นกว่านี้ได้ไหมวะโต๊ะ กูเห็นยังปรี๊ดแทน” ส้มส่ายหน้าไม่เข้าใจผม
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงวะ ให้เดินไปกระชากแขนหรือไง กูไม่ใช่ผู้หญิง”
“ค่ะ แต่บางครั้งมึงก็ต้องทำเหมือนผู้หญิงเพื่อของที่มึงอยากได้ กูไม่ได้หมายถึงให้มึงไปกระชากลากแขนพี่มันนะ
แต่มึงก็ต้องหัดมีจริตบ้างถึงจะทันกัน”
“หยุดคุยก่อน รถเปิดให้ขึ้นแล้ว” เจ้าสะกิดเดซี่ทีกำลังกลายร่างเป็นหม้อต้มน้ำเดือด
“พวกมึงขึ้นไป เดี๋ยวกูกันน้องไวไวเอง หาหลุมที่ว่างแค่พอดีพวกเรา อีเด็กนั่นจ้องใหญ่คงรู้ว่าพี่เหนือฝากกระเป๋าไว้
อย่าให้มันได้ที่ใกล้ๆ เป็นอันขาด”
“จะก่อสงครามจริงเหรอเดซี่ ไปทำบุญกันนะ” เจ้าเอ่ยเตือนเสียงเรียบ
“บุญก็ส่วนบุญค่ะ หรือเจ้าไม่สงสารไอ้โต๊ะมัน” ตอนนี้อะไรก็โยนมาที่ผมแล้วล่ะครับ เจ้าไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่าพวกผม
กันให้มันนั่นแหล่ะ
“ตามใจ เอาไงก็เอา” ผม เจ้า ส้ม หอบหิ้วกระเป๋าทั้งหมด 6 ใบขึ้นรถ เพื่อจองที่นั่งทั้งหมดเจ็ดที่ (พี่ต่อไม่ได้ฝากกระเป๋าไว้)
“โต๊ะ ลงมาช่วยพี่ขนน้ำหน่อย” พี่เหนือตะโกนเรียกผมที่ริมหน้าต่าง
“ครับ” ผมรีบลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยวกูมา” ผมบอกเจ้าที่กำลังอ่านหนังสือในมือรอเวลารถออก
“ให้ไปช่วยไหม”
“ไม่ต้องมั้ง ถ้าต้องใช้หลายคนพี่เหนือคงบอกแล้ว” ผมตอบสั้นๆ ก่อนลงรถไปคนเดียว
พี่เหนือยืนรอผมอยู่ด้านล่าง ใกล้ๆ ตัวมีน้ำวางอยู่ห้าแพ็ค พอผมเดินมาถึงพี่เหนือยกขึ้นสามแพ็คเหลือไว้สองแพ็คให้ผมจัดการ
ผมช่วยพี่เหนือขนไปไว้หลังรถกระบะของทีมสวัสดิการ เห็นคนยืนกันอยู่ตั้งเยอะ อะไรวะยังไม่เริ่มงานก็อู้แล้ว
น้ำเหลือต้องยกอีกแค่สี่แพ็คไม่ยอมจัดการให้เรียบร้อย
“ไปเถอะ” พี่เหนือเดินนำผมกลับไปที่รถบัส
“อ้าว”
ที่นั่งผมถูกพี่สกายจับจองไปเรียบร้อยแล้วครับ ไอ้เจ้ามันเห็นผมรีบเรียกใหญ่
“โต๊ะมานั่งสิ”
“อืม” ผมได้แต่พยักหน้าก็พี่สกายยังไม่ยอมลุก ผมจะนั่งได้ยังไงล่ะครับ
“โต๊ะนั่งกับเหนือแทนพี่ที พี่ขี้เกียจลุก”
อยากจะตอบว่าได้ครับเหลือเกิน แต่ก็กลัวว่าคืนนี้จะโดนไอ้เจ้ามันแอบฆาตกรรม ผมเลยได้แต่อึกๆอักๆ ไม่กล้าตอบ
“งั้นโต๊ะนั่งกับพี่” พี่เหนือเป็นคนเอ่ยปากเสียเอง ไอ้เจ้าเลยทำอะไรไม่ได้
ผมพยายามส่งสายตาให้เจ้า ว่าผมถูกบังคับไม่ได้เต็มใจสักนิด แต่ตัวนี่ไถลตามพี่มันไปอย่างไว
กูไม่เต็มใจเลยเจ้า เชื่อกูเถอะ
“เหนือไปนั่งกับพราวไหมคะ” ผมว่าห้าวันนี้ สามกลุ่มคงเกาะกันเป็นตังเมไปแบบนี้แหล่ะครับ
เพราะกลุ่มผมกับกลุ่มเบอรี่มีเป้าหมายเดียวกัน สงสารก็แต่พวกพี่ๆ เถอะ จะรับมือกันไหวหรือเปล่า
จู่ๆ ก็ต้องมาอยู่กลางสงคราม กลายเป็นถ้วยรางวัลกันไม่รู้ตัว
“ไม่ล่ะ พราวไปนั่งเถอะ”
“ไปด้วยกันเถอะค่ะ นั่งออกันเต็มข้างหลัง ข้างหน้าโล่งนั่งกันสบายๆ เหนือจะได้เหยียดขา”
“พี่เหนือนั่งด้วยกันนี่แหล่ะค่ะ เดี๋ยวจะได้เล่นเกมแก้เบื่อ” เดซี่นั่งถัดจากเจ้าไปตะโกนข้ามมา
“น้องก็เล่นกันเองสิคะ คนตั้งเยอะแยะจะกวนเหนือทำไม” รถยังไม่ทันจะออกเดซี่กับพี่พราวก็พร้อมจะเปิดศึกแล้ว
“เอาสิ เดซี่อยากเล่นเมื่อไหร่ก็เรียก”
“เหนือ!!” พี่พราวเผลอขึ้นเสียงใส่พี่เหนือด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะคิดได้รีบลดเสียงลง
“ใจดีอีกแล้วนะคะ น้องๆ ถึงไม่เกรงใจ”
“อ่า..พี่เหนือผมขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะครับ พวกผมมันไม่รู้จักเกรงใจใครจริงๆ ด้วย
ถึงไม่เคยรู้ว่าการชวนพี่ๆ เล่นเกมมันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ โห นี่มันเรื่องระดับชาติเลยนะครับ ผมนี่ โง่จริงๆ”
ผมหันไปทำหน้าซื่อๆ ใส่พี่เหนือ
“ขอบคุณพี่พราวนะครับที่บอก” คราวนี้ผมหันไปส่งยิ้มหวานให้พี่พราวบ้าง ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากเบาะหลัง
“ขอโทษทีพราว ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกัน” พี่สกายยังเอาแต่หัวเราะ เสียงขลุกขลักเหมือนคนกั้นไว้ไม่ไหว
“สกาย พราวไม่ขำนะคะ”
“ปล่อยให้เด็กพวกนี้มาทำเหมือนพราวเป็นตัวตลกได้ยังไง”
“แล้วพราวจะเอาอะไรครับ พราวว่าน้องมันไม่เกรงใจ น้องมันก็ขอโทษแล้ว ยังไม่พอใจอีกหรือ” พี่เหนือถอนใจยาว
“รถจะออกแล้วพราวไปนั่งเถอะ ขอบคุณครับที่ชวน” พี่เหนือตัดบท
“ต่อ ข้างต่อไม่มีคนนั่งใช่ไหม เดี๋ยวพราวย้ายมานั่งด้วยนะ ฝากจองไว้ที”
โอ้ แม่เจ้า เป็นผมเผ่นแน้บไปตั้งหลักแล้ว ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ของเขาแรงดีจริงๆ
“ไม่ทันแล้วค่ะพี่พราว พีทจองแล้ว ใช่ไหมคะพี่ต่อ” น้องกางเกงสั้นหอบกระเป๋ามายืนข้างเบาะที่ว่างเรียบร้อย
“พีทนั่งกับวีวี่สิ มาด้วยกันทำไมทิ้งเพื่อน”
“พี่พราวก็นั่งกับวีวี่แทนพีทสิคะ พีทจะนั่งตรงนี้”
พี่ต่อไม่ใช่เป้าหมายของทั้งคู่ แต่เพราะมีที่ว่างแค่ที่เดียว พี่น้องถึงกับตีกันเอง เยี่ยมมากครับ ผมโครตนับถือ
“ง่วง”
ผมมัวแต่หันไปดูศึกวันทรงชัย คนข้างๆ เลยใช้มือดึงให้ผมกลับลงมานั่งดีๆ
“ง่วงก็นอนครับ เดี๋ยวผมเบาเสียงให้”
“อืม”
“นอนนะ”
“ครับ”
ผมคิดว่าพี่มันคงบอกเป็นนัยๆ ว่าไม่ให้ผมรบกวน แต่ไม่ใช่ครับ
อ๊ากกกกกกก
อีพี่เหนือเลื่อนตัวลงจนความสูงพอๆ กับผม ก่อนเอนหัวมาซบลงบนไหล่ ซุกอยู่กับซอกคอของผม
“อืม ค่อยสบายหน่อย” เสียงพึมพำเบาๆ ลมหายใจที่รดอยู่ตรงไหปลาร้า ทำเอาผมควบคุมจังหวะการหายใจของตัวเองไม่ได้
เสียงทะเลาะกันของสองศรีพี่น้องยังดังอยู่ แต่หัวผมไม่รับรู้ข้อความ ไม่สามารถแปลความหมายใดๆ ได้
ตึ๊ง เสียงเตือนข้อความผมดังขึ้น
ผมค่อยๆ ล้วงโทรศัพท์ออกมาด้วยมือเดียว เอียงโทรศัพท์ออกจากหน้าพี่เหนือ ก่อนกดเปิดอ่านข้อความ
Beautifuldaisy : นิพพานหรือยังมึง
orangemikan : สู่สุขตินะเพื่อน
kaojao : เดี๋ยวถ่ายรูปให้
ผม: วางโทรศัพท์ไว้กับตักเฉยๆ กูตอบไม่ได้ กูตายไปแล้วววววว
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
สั้นๆ เพื่อแนะนำตัวละครใหม่ก่อนนะคะ ใครรอขำ เดี๋ยวพรุ่งนี้จัดให้ ^^
Darin ♥ FANPAGE