ตอนที่ 17: STALKER กับลูกเชอร์รี่ (ชั่วโมงนี้ผมชนะ)พูดไปแล้ว!!
ผมพูดสิ่งที่เก็บอยู่ในใจมานานนับปีออกไปแล้ว ต่อหน้าคนนับสิบ
“.......”
หลังจากจบการสารภาพรักแบบบ้าดีเดือด ก็ไร้ซึ่งคำอุทานใดๆ แม้แต่สัตว์เลื้อยคลานก็ไม่มีหลุดออกมาจากปากผม
รอบข้างนิ่งเงียบ บรรยากาศชวนขนหัวลุก ลมพัดมาเบาๆ ให้สยิวเล่น
สาบานว่าตอนพูดผมไม่ได้คิดอะไรเลย คิดแต่ว่าพี่เหนือจะขึ้นไปแล้ว สาบานจริงๆ ว่าไม่ได้อยากทำให้พี่เหนือขายหน้า
แล้วอย่างนี้พี่มันจะยังชอบผมอยู่หรือเปล่า ผมทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้ออกไปได้ยังไง
โอ๊ย ไอ้โต๊ะเอ๊ย ไปตายแล้วเกิดใหม่เถอะ
ทั้งหมดนี้คือความคิดของผม ก่อนที่จะตัดสินใจหนีอายด้วยการดำน้ำที่ตื้นแค่เอวลงไปทั้งตัว
ผมไม่รับรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ขอลดอายุสมองให้กลับไปเท่าเด็กสองขวบที่คิดว่าพอไม่เห็นใครก็ไม่มีใครเห็นเรา
ผมดำน้ำไม่อึดหรอกครับเพราะไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย แต่จนกว่าผมจะ(ใกล้)ขาดอากาศตายเสียก่อน
ผมจะไม่ยอมขึ้นไปแน่นอน
พรึบ!!
ผมถูกแขนแข็งแรงคู่หนึ่งจับบ่าทั้งสองข้างดึงขึ้นมาเหนือน้ำ
พอลืมตาขึ้นดู เป็นหน้าพี่เหนือที่ก้มลงมาในระยะประชิด ส่งยิ้มเท่ห์ๆ มาให้
“ไง” คำแรกจากคนที่ผมสารภาพรัก
“ผม..ผมเมา” คำติดปากที่วนมาทั้งวันทั้งคืนหลุดออกไปโดยไม่ผ่านสมอง เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมที่ยืนอยู่
ผมคงกลายเป็นความบันเทิงของค่ายอีกครั้ง หลังจากสร้างกระแสความนิยมไปแล้วก่อนหน้านี้
กลับไปเที่ยวนี้ไอ้โต๊ะไม่ดังก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
“เมารักหรือเปล่าน้องโต๊ะ” ไม่รู้เสียงใคร ผมไม่คุ้นและไม่คิดจะหันไปดูหน้าให้ตัวเองได้อาย
“ฮ่าๆๆ” Dolby Surroundมากครับ ระบบเสียงรอบทิศทางจริงๆ
“ว่าไง เมาอะไรเรา”
ทำไมคนที่ควรจะโกรธหรืออายถึงเอากับเขาด้วยล่ะครับ หรือว่ามีแค่ผมที่จะเป็นลมมิเป็นลมแหล่อยู่คนเดียว
“เมา..เมาแดดครับ วันนี้อากาศมันร้อน” ผมยกมือขึ้นพัดไปมา ตัดสินใจตอบส่งๆ ไป
“’งั้นเหรือ น่าเสียดาย...”
“นึกว่าโต๊ะเมาพี่สารภาพรัก”
“เฮ้ย” “เหี้ย” “เรื่องจริง?” “กรี๊ด” “ไอ้เหนือเป็นไบ” “อ๊าย..เขารักกัน”
เลือกเอาครับ ตอนนี้เสียงแตกมั่วไปหมด ไปคนละทิศละทาง
อาฟเตอร์ช็อครอบแรก สั่นคลอนประสาททุกคนไม่เว้นแม้แต่ตัวผมเอง
“พ..พี่เหนือ..พี่เหนือชอบไอ้โต๊ะมันเหรอครับ”
นี่มันต้องเป็นเรื่องสะเทือนวงการอย่างมาก ถึงขนาดเดซี่เพื่อนผมกลับไปเป็นเดย์โดยไม่รู้ตัว
“อืม” คนตอบรับมีการส่งยิ้มโปรยเสน่ห์ไปให้
ตัวผมเหรอครับ จะทำอะไรได้นอกจากจ้องหน้าพี่เหนือปากอ้าตาค้าง เหมือนใครเอาผมไปสต๊าฟไว้ท่านี้ตั้้งแต่สามนาทีก่อน
“ยินดีด้วย” เสียงพี่ทัชทำให้ผมกลับมามีสติอีกครั้ง
“เหี้ยเหนือ เล่นเอากูช็อคแดก ไม่ให้สัญญาณกันเลยนะมึง” ผมจำชื่อพี่คนนี้ไม่ได้ รู้แต่ว่าอยู่ปีเดียวกับพี่เหนือ
“โทษทีวะ กูไม่รู้ว่าต้องจัดโต๊ะแถลงข่าว”
“อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะเหนือ มึงจะพากันขึ้นไปให้พวกกูได้อาบน้ำเล่นน้ำกันดีๆ หรือจะให้พวกกูขึ้นไปแล้วปล่อย
ให้มึงสวีทกันสองคน แม่งไม่เกรงใจสายตาเพื่อนฝูงเลย”
“ฮ่าๆ เออๆ กูขึ้นก่อน ไปโต๊ะ” พี่เหนือเปลี่ยนจากจับบ่ามาจูงแขนผมเดินขึ้นจากน้ำ
“โรงเรียนนะมึง ทำอะไรเกรงใจสถานที่ด้วย” พี่ต่อตะโกนตามหลัง
“พี่เหนือ พรุ่งนี้เพื่อนส้มยังต้องทำงานอยู่นะ” เอาเข้าไปครับ ผมเขินแล้วเขินอีก ไม่น่าสิ้นคิดเลยกู
“จะก้มหน้าไปถึงไหน” เสียงพูดปนหัวเราะของคนที่จูงผมมาตลอดทาง ถึงจะขึ้นจากน้ำแล้วก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“ขอโทษครับ” ผมหน้าจ๋อยด้วยความสำนึกผิด
“ขอโทษเรื่องอะไร”
“เรื่องเมื่อกี้ที่ผมพูดออกไปต่อหน้าคนอื่น”
“โต๊ะพูดจริงหรือโกหกล่ะ”
“จริงครับ” ผมตกใจรีบพยักหน้ารัวๆ เพื่อเป็นการยืนยัน
“ไหนว่าชอบพี่เรด” พี่เหนือดูยังติดใจกับชื่อนี้ไม่ยอมปล่อย
“ไหนว่าพี่เหนือชอบแวนโก๊ะ” ผมก็เอาบ้างสิครับ
“พี่บอกแล้วนะว่าเราคือแวนโก๊ะ ดังนั้นพี่ชอบอยู่คนเดียว อย่ามาทำเปลี่ยนเรื่อง”
“ทำไมผมถึงเป็นแวนโก๊ะครับ” ผมถามเพราะอดสงสัยไม่ได้จริงๆ
“ตอนนั้นพี่ยังไม่รู้จักชื่อโต๊ะแต่เห็นบ่อยๆ เลยจำหน้าได้”
ฉิบ ผมว่าผมพรางตัวเนียนๆ แล้วนะ ทำไมพี่มันบอกว่าเห็นบ่อยๆ วะ
“ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไรดี เห็นโต๊ะใส่แว่น ท่าทางโก๊ะๆ เด๋อๆ พี่เลยคิดถึงชื่อนี้ขึ้นมา”
“โห แต่ละอย่าง ฟังแล้วไม่เห็นจะเท่ห์เลยครับ”
“จะเท่ห์ไปทำไม แบบนี้ก็น่ารักดีอยู่แล้ว”
มาอีกแล้วครับคำนี้ ผมบอกแล้วว่าผมชอบคำว่าหล่อหรือเท่ห์ ไม่เอาน่ารัก
“อย่ามาเฉไฉ ตกลงเรื่องพี่เรดยังไง”
ผมกับพี่เหนือเดินขึ้นมาถึงห้องพักพอดี ผมเลยทำเนียน ดึงแขนออกจากมือพี่เหนือไปหยิบเสื้อผ้าจากกระเป๋า
“ผมไปเปลี่ยนชุดก่อน”
“เปลี่ยนตรงนี้แหล่ะ”
“ไม่เอาครับ” จะบ้าหรือเปล่า มันต้องถอดบ๊อกเซอร์ เปลี่ยนกางเกงในใหม่ จะเปลี่ยนตรงนี้ได้ยังไง
“อายทำไม นี่ก็เห็นจะทั้งตัวอยู่แล้ว ผู้ชายเหมือนกัน”
“ไม่เหมือน” ผมเถียงขาดใจ ถ้าเหมือนกันสาวก็ติดผมตรึมแล้วสิครับ
“ไม่เหมือนตรงไหน มา พี่ถอดให้พิสูจน์” พี่เหนือทำท่าจะดึงกางเกงบ๊อกเซอร์ลง ผมรีบหันหลังให้ทันที
ตอนนี้หน้าแดงจนลูกเชอร์รี่ยังอายครับ อยากเห็นก็อยากเห็น อายก็อาย
“นี่มันห้องเรียนนะครับ รุ่มร่ามไม่ได้” ผมตะโกนบอก ยังไงก็ไม่กล้าหันไป
“พี่แค่เปลี่ยนเสื้อผ้า คิดไปถึงไหน อะไรคือรุ่มร่าม หื้อ” ลมหายใจที่เป่ารดต้นคอเบาๆ ทำให้รู้ว่าพี่เหนือ
ย้ายมายืนชิดด้านหลังผมแล้ว ผมกระโดดโหยงเป็นกบไปข้างหน้า ใจเต้นโครมคราม
โอ๊ย แม่งเดี๋ยวไอ้โต๊ะจับปล้ำซะเลย ยั่วดีนัก พี่เหนือนะพี่เหนือ ผมอุตส่าห์ระงับใจ ไม่ให้ความร่วมมือเลย
ท่องไว้ไอ้โต๊ะ ห้องเรียน ห้องเรียน
“ฮ่าๆๆ ไป ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะแล้วรีบกลับมา เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“ครับ” ผมโกยแน้บ จะอยู่ให้ขาโต๊ะมันออกอาละวาดเหรอครับ ไม่ดีๆ
“มานั่งนี่” พี่เหนือตบลงที่ข้างตัว ผมกระมิดกระเมี้ยนเดินเข้าไปหา
“จะพูดได้หรือยัง หรือต้องรอให้คนอื่นขึ้นมาก่อน” แหม ผมโชว์ออฟไปแค่สองครั้ง แซะผมใหญ่
“ตกลงพี่เรดเป็นใคร เรายังชอบอยู่ไหม ชอบพี่หรือชอบพี่เรดมากกว่ากัน” คำถามรัวมาเป็นชุด ไม่เว้นให้ผมได้ตอบมั่งเลย
“แต่เราประกาศชอบพี่แล้ว สักขีพยานมีเพียบ คงต้องตัดใจจากทางโน้นแล้วล่ะนะ รับผิดชอบพี่ด้วย”
“หือ?” แบบนี้ก็ได้เหรอครับ อยู่ๆ มาขอให้ผมรับผิดชอบ เดี๋ยวผมก็รวบหัวรวบหางกินกลางตลอดตัวซะเลย
(กินกลาง เอ่อ..ผมออกตัวแรงไปไหมครับ ไม่ได้โฟกัสอะไรเป็นพิเศษนะครับ จริงๆ)
“โต๊ะ”
“ครับๆ” ซู้ด ขอสูดน้ำลายก่อนนะครับ คิดเพลินเลยผม
“พี่เรดคือใคร”
ผมพยายามอิดๆ ออดๆ ไม่อยากบอกเลย ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้รู้นะครับ แต่ผมกลัว
“โต๊ะ!!”
“ครับๆ พี่เรดก็คือพี่เหนือครับ พวกผมเอาไว้เรียกในกลุ่ม คนอื่นจะได้ไม่รู้ว่าพวกผมพูดถึงใคร”
“พี่เหรอ” พี่เหนือมีสีหน้าแปลกใจ
“ครับ”
“ไม่ใช่พี่ทัช? ก็วันนั้นพี่ได้ยิน”
“วันนั้นเดซี่แซวผมเล่นเฉยๆ ครับ พอดีเห็นพี่ทัชใส่เสื้อแมนเชสเตอร์ เลยเอามาแกล้งหลอกผม ว่าเห็นพี่เรดเดินอยู่”
“อืม” พี่เหนือพยักหน้าให้รู้ว่าพอจะเข้าใจ
“ว่าแต่ทำไมถึงเรียกพี่ว่าเรด”
นั่นไงครับ!! ที่ผมกลัว คิดอยู่แล้วว่าพี่เหนือต้องถาม ผมควรจะตอบยังไงดี
พี่เหนือไม่ได้ชอบสีแดง ไม่เคยใส่สีแดง วันเกิด เดือนเกิด ปีเกิดไม่เกี่ยว คำพ้องเสียง พ้องรูปไม่มี แล้วทีนี้ผมจะอ้างอะไร
“ก็..ก็..” คิดเร็วๆ สิวะไอ้โต๊ะ
“ก็อะไร”
“ก็สีแดงเป็นสีมงคล พี่เหนือเป็นสิ่ง..มงคล..สำหรับ..ผม” ท้ายประโยคผมเริ่มลังเล กูพูดอะไรออกไป ฮือๆ
“สิ่งมงคล!!”
“โต๊ะ ทำไมถึงแปลกคนได้ขนาดนี้หะเรา” ฮ่าๆ พี่เหนือจับหัวผมโยกไปมา หวังว่านี่คือการแสดงความเอ็นดูนะครับ
“แสดงว่าชอบพี่มานานแล้วสิ” พี่เหนือเปลี่ยนเรื่องได้ไวมาก ผมตั้งตัวไม่ทัน แก้มเลยกลับมาแดงแจ๋อีกครั้ง
“ว่าไงครับ” พี่เหนือถามซ้ำเมื่อผมไม่ยอมตอบ ผมเลยพยักหน้ารัวๆ ไม่กล้าตอบเป็นคำพูดออกไป
“แล้วทำไมบางทีถึงดูรังเกียจพี่ฮึ ขอไปนอนที่ห้องด้วยก็ไม่ยอม บางทีก็ไล่พี่แปลกๆ”
“อ่า..ผมลืมเรื่องนี้ไปเลย
“ก็ผมเขินพี่เหนือนี่ครับ ไม่กล้านอนห้องเดียวกัน”
“อืม” พี่เหนือลากเสียงยาว
“แล้วใครที่พอนอนปุ๊บก็กอดพี่ปั๊บ ไปนอนที่คอนโดพี่ได้สบาย ไปเที่ยวก็นอนเดียวกับพี่ได้ไม่เกี่ยง”
เหี้ยแล้วครับ พฤติกรรมผมขัดกับคำแก้ตัวอย่างรุนแรงมาก เล่นเอาผมไปไม่ถูก จะหน้าด้านแถต่อก็ทำใจไม่ได้
“คือ..คือ..”
“คือมีความลับอยู่ในห้องโต๊ะใช่ไหม อะไร รูปพี่เหรอ คนแอบชอบก็ต้องมีรูปสินะ กลัวพี่จับได้ล่ะสิ น่ารักนะเรา”
“แหะๆ” ผมหัวเราะออกไปแห้งๆ คิดถึงสิ่งที่อยู่ในห้องแล้วได้แต่กลืนน้ำลายดังเอื๊อก
ถ้าพี่เหนือได้เห็น จะยังคิดว่ามันน่ารักอยู่หรือเปล่า
“หรือใช้รูปพี่ช่วยตัวเอง”
“เหี้ย” ผมอุทานดังลั่นห้อง หน้าเน้อเห่อไปหมด โอ๊ยอีพี่เหนือพูดออกมาได้ยังไง
“ทำไม ตกใจนี่แปลว่าเรื่องจริงใช่ไหม” พี่เหนือขยับเข้ามาใกล้ สายตาคมเข้มจองเข้ามาในตาผม
“เปล่าๆ ครับ ใครจะทำอะไรน่าเกลียดแบบนั้น”
“พูดแบบนี้พี่เสียใจนะ แล้วพี่เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามเรียกพี่ว่าเหี้ยอีก ถ้าเรียกจะโดนลงโทษหนัก”
“ผมไม่ได้เรียกพี่เหนือนะครับ ผมอุทานต่างหาก”
“ข้อแก้ตัวฟังไม่ขึ้น รับโทษซะดีๆ”
พี่เหนือขยับหน้าเข้าชิด ปากร้อนๆ แตะลงมาบนริมฝีปากผมแผ่วเบาราวกับผีเสื้อกำลังโบยบิน
ก่อนมือใหญ่จะยกขึ้นจับต้นคอผมบังคับให้เงยหน้าขึ้นรับสัมผัสที่ค่อยๆ เพิ่มดีกรีความเร่าร้อนขึ้นตามลำดับ
“หิวแล้วว่ะ ไม่รู้วันนี้มีอะไรกิ.....เหี้ย..”
เสียงพี่ของขวัญปล่อยสัตว์ออกมาทักทาย เสี้ยววินาทีหลังจากได้ยินเสียงเปิดประตู
“จะตะลึงอีกนานไหม จะเข้ามาก็เข้า” พี่เหนือถอนหน้าออกจากผม หันไปดุเพื่อนตัวเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“น..เหนือ..ม..มึง”
“ตามที่เห็น” คนตอบไม่ทุกข์ร้อน มีหน้าจับมือผมไปลูบเล่นต่อหน้าต่อตาเพื่อน
“เร็วสัส ไหนบอกจะค่อยๆ จีบไงเหนือ” พี่ฝนที่ตั้งตัวได้ก่อน เดินเข้ามานั่งบนที่นอนตัวเอง
เดี๋ยวนะ!! พี่ฝนพูดว่าค่อยๆ จีบ แปลว่าพี่เหนือชอบผมจริงๆ น่ะสิ แถมดูเหมือนเพื่อนๆ ในกลุ่มก็รู้ด้วย
โว้ยไอ้โต๊ะปลื้มปริ่ม คนใจตรงกันมันเป็นแบบนี้นี่เอง สลัดแห้วไม่ได้กินกูหรอก
ไม่ใช่สิ ไอ้โต๊ะไม่ต้องกินสลัดแห้วของน้องส้มแล้ว ลากันที ลาขาด ลาตลอดกาล
“ไม่ต้องค่อยๆ จีบแล้ว น้องมันชอบกู” คนพูดดูภูมิใจในตัวเองเหลือเกิน
“จริงเหรอโต๊ะ”
“ครับ” ก็ตามนั่นแหล่ะจะปิดไปทำไม พี่เหนือเป็นของผมต้องประกาศให้โลกรู้
“คบกันแล้ว?” พี่ของขวัญถามขึ้นหลังจากเริ่มตั้งตัวติด
จริงสิ!! พวกผมเอาแต่พูดว่าชอบกัน ชอบแล้วไงวะ เราคบกันอยู่หรือเปล่า พี่เหนือไม่ได้ขอคบกับผมนี่หว่า
ผมรีบหันขวับไปมองพี่เหนือ หน้าตาผมเหวอมากๆ ผมบอกได้เลย
“ว่าไงโต๊ะ” พี่เหนือจ้องตอบผม สีหน้าติดรอยยิ้ม
อ่า..ผมลืมไป ผมเป็นผู้ชายต้องเป็นฝ่ายออกตัวสินะ มัวแต่ตะลึงจนลืมคิด
“ครับ คบกัน” โว้ แมนโครตๆ ไอ้โต๊ะ รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองขึ้นมาทันที
“งั้นก็เป็นแฟนกันแล้ว” พี่ของขวัญยังย้ำอยู่ที่เดิม
“ใช่ เป็นแ
ฟนกันแล้ว”
ตอนที่พี่เหนือพูดคำนี้ นิ้วพี่เหนือไล้วนอยู่กลางฝ่ามือผมเบาๆ ทำเอาขนลุกซู่ ได้อารมณ์แบบหวิวๆ
ทำเอาช่องท้องผมมวนไปหมด
“แยกๆ” พี่ของขวัญเดินเข้ามาดึงผมออกจากพี่เหนือ ลากให้ไปนั่งฝั่งที่นอนตัวเอง เอามือกอดเอวผมไว้
“พี่โสดอยู่อย่ามาออกนอกหน้าให้อิจฉา ไปสวีทกันทีหลัง เข้าใจไหม”
“พูดเฉยๆ ก็พอของขวัญ ไม่ต้องกอดน้องมัน” พี่เหนือเตือนเพื่อนเสียงเรียบ
ผมไม่รู้ว่าแซวกันเล่นๆ หรือเตือนจริง แต่คงแซวมากกว่าล่ะนะ
“ทำไม กับเพื่อนกับฝูงหวงเหรอ แฟนเพื่อนก็เหมือนแฟนเราเคยได้ยินหรือเปล่า มาๆ ขอพี่หอมหน่อย”
พี่ของขวัญได้ทีแกล้งพี่เหนือใหญ่ หอมแก้มผมดังฟอด
จะว่าไปตั้งแต่รู้จักกันมาพี่ของขวัญก็ลวนลามผมไปหลายทีแล้วนะครับ สมกับที่ชอบกินเด็กจริงๆ
“ของขวัญ”
“โต๊ะคืนนี้นอนฝั่งนี้นะ ฝั่งโน้นมันไม่ปลอดภัย ระวังจะถูกจับกิน”
“โต๊ะมานี่”
“โต๊ะอยู่นี่”
พี่ของขวัญล็อคผมเสียแน่น แทบจะสิงอยู่แล้ว
“โต๊ะ” พี่เหนือเริ่มเรียกผมเสียงเข้ม
“โว้ย” พี่ฝนลุกขึ้นยืน ก่อนเดินมาดึงผมออกจากพี่ของขวัญ
“ไปหาอะไรกินกันโต๊ะ พี่หิวแล้ว ปล่อยให้มันกัดกันไป รำคาญ”
“ครับ” ผมรีบเกาะพี่ฝนแจ ไม่ใช่อะไรกลัวจะโดนพี่ของขวัญกินก่อนพี่เหนือ
(อ่านไม่ผิดหรอกครับ พี่เหนือกินผมก็ได้ ผมกินพี่เหนือก็ได้ แบบไหนผมก็ไม่ขัด ขอให้กินกันก็พอ)
“รีบตามไปนะครับพี่เหนือ” ผมหันไปหยอด ยิ้มหวานให้แฟนหมาดๆ ก่อนรีบออกจากห้องไปกับพี่ฝน
ไม่ใช่อะไรครับ จะรีบไปหาไอ้เจ้า ส้มกับเดซี่ อยากเล่าใจจะขาดอยู่แล้ว
มันปลื้ม มันมีความสุข เสียจนอยากระบายออกมา
อ๊ากกกกกก
ไอ้โต๊ะได้พี่เหนือเป็นแฟนแล้วโว้ยยยยย
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>TBC<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
มาแบบสั้นๆ เพื่อปิดประเด็นแวนโก๊ะกับเรด (ส่วนพี่เหนือจะรู้ที่มาจริงๆ ของคำนี้หรือไม่ ยังไม่บอกค่า^^)
Darin ♥ FANPAGE