#พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016  (อ่าน 133858 ครั้ง)

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
เที่ยวกลางคืนครั้งแรกจะเจออะไรมั้ยนะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
รอด้ายเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดงๆๆๆๆ :katai2-1:
จะเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่าหนอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Honeyhoney

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
 :mew1: เหล้ารัมโดนอ้อนนแพ้ราบคาบเลย 555 ไม่มีดราม่าใช่ไหม ขอให้หวาน ๆ ไปก่อนน

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
#6.1

สถานที่อับแสง ผู้คนอัดแน่น กลิ่นบุหรี่คละคลุ้ง และเสียงดนตรีดังกระหึ่ม..เป็นบรรยายกาศแปลกใหม่แบบที่ผมไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยในชีวิตนี้

ซึ่งเอาจริงๆ ผมว่ามันก็ไม่แย่ แต่ถ้าให้ถามใจตัวเองว่าอยากมาบ่อยๆ มั้ย? ผมว่า... นานๆ ทีมาน่าจะดีกว่าน่ะนะ

และร้านที่เอก บอย และหลิวตัดสินใจพาผมมาเปิดโลกกว้างในวันนี้ก็คือ Let Me Drunk ที่อยู่ห่างจากมหา'ลัยพอสมควร แต่ตั้งอยู่ในย่านสถานที่เที่ยวกลางคืนที่เด็กมหา'ลัยผมและเหล่าบรรดาคนมีเงินชอบเที่ยวกันมาก

บรรยากาศร้านก็เป็นไปตามที่ผมบอกนั่นแหละ แถมยิ่งวันศุกร์ก็ยิ่งคนเยอะหนักเข้าไปอีก โชคดีนะที่ร้านนี้เขาไม่หวงแอร์ ก็เลยทำให้อากาศค่อนข้างสบาย เผลอๆ อาจจะเย็นกว่าข้างนอกด้วยซ้ำ

โต๊ะที่เราได้อยู่ในโซนชั้นลอยของร้าน ซึ่งบอยแอบกระซิบว่าไอ้เอกหมดเงินไปเยอะมากกว่าจะได้โต๊ะบริเวณนี้ เพราะมันคือโซนที่ดีที่สุดในร้าน มีแค่สามโต๊ะเท่านั้น และสามารถมองเห็นทั้งร้านได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเวทีที่จัดวงหมุนเวียนมาคอยเล่นสดร้องสดกันอย่างไม่ขาดสาย ถือว่าเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างคุ้มนะ เมื่อเทียบกับชั้นสองที่เหมือนตัดขาดจากโลกไปเลย และชั้นหนึ่งที่เบียดกันจนแทบจะเดินเป็นปกติไม่ได้

ข้อเสียอย่างเดียวของโซนชั้นลอยก็คือ คุณจะเป็นจุดสนใจจากทุกคนในร้าน เพราะฉะนั้นถ้าแบบผมที่ไม่ค่อยชินกับการถูกคนมองมากๆ มันก็รู้สึกอึดอัดอยู่เหมือนกัน

"เฮ้ยวาฬ เป็นไรวะ" แล้วไอ้เอกก็เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นอาการผมที่เอาแต่นั่งหลังชิดกำแพงมองบอยที่เริ่มออกลายโยกย้ายไปมาแล้ว ในขณะที่เรายังไม่ได้สั่งอะไร และหลิวก็ยังมาไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ

"คือ... กูรู้สึกไม่ชินว่ะ ไม่ใช่เพราะว่าเพิ่งมาเที่ยวครั้งแรกนะ แต่เพราะมีแต่สายตาจับจ้องมามากกว่า"

พอได้ยินผมพูดจบปุ๊บ ไอ้เอกก็กวาดตามองไปรอบๆ ปั๊บ ซึ่งผมรู้สึกทึ่งมากที่ไม่ว่าตรงไหนที่เพื่อนผมกวาดตาไป เหล่าบรรดาสายตาที่จ้องมองมาตรงมุมนั้นก็จะพลันหายไปด้วย ราวกับว่าเอกสามารถควบคุมให้พวกเขาเลิกสนใจได้ด้วยสายตาเหยี่ยวที่แค่ทำหน้านิ่งๆ แต่กลับเปี่ยมไปด้วยพลังความน่าเกรงขาม

นี่ผมยกให้มันเป็นเจ้าป่าของมหา'ลัยเลยดีมั้ยวะ?

"ไม่ต้องไปสนใจหรอก คิดแบบที่กูคิดสิ"

"ว่า?"

"คนพวกนั้นมองเราด้วยสายตาสองอย่าง หนึ่ง..พวกเราหน้าดีมาก" อันนั้นก็ถูกนะ อะ..เอ้ย! ใช่ที่ไหนกันเล่า เอกกับบอยอะหน้าตาดี ไม่ใช่ผมสักหน่อย

"แล้วสองล่ะ" ผมเลยถามถึงอีกข้อที่อาจจะพอเข้าแก๊ปกับตัวผมบ้าง

"พวกเขาอิจฉาที่เราได้ในสิ่งที่พวกเขาอยากได้ไง" ไม่พูดเปล่า เอกยังกางแขนทั้งสองข้างออก เหมือนจะบอกให้รู้ว่าสิ่งที่คนอื่นต้องการก็คือชั้นลอยที่มีบาร์ส่วนตัวและวีไอพีบาร์เทนเดอร์ที่ให้บริการแค่สามโต๊ะพิเศษนี้เท่านั้น ก่อนที่มันจะหันไปเต้นกับไอ้บอยด้วยท่าทางกวนๆ จนผมต้องหลุดยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกที่สบายใจขึ้น

จะว่าไป.. มีเพื่อนแบบไอ้เอกนี่ก็ดีนะ : )

"โอ้โห ครั้งแรกเลยมั้งที่เห็นวาฬใส่ขาสั้นเนี่ย" ก่อนที่เสียงของอีกคนที่เพื่อนๆ กำลังรออยู่จะเรียกความสนใจจากผม

"มาแล้วหรอ กำลังรออยู่เลย"

"นี่อย่าบอกนะว่ายังไม่ได้สั่งอะ"

ผมพยักหน้ารับ "จริงๆ เอกจะสั่งแล้ว แต่บอยบอกว่าให้รอหลิวก่อน เพราะหลิวสั่งเก่ง" ก่อนจะตอบกลับไปอย่างซื่อๆ ตามที่เอกกับบอยคุยกันก่อนหน้านี้

โดยที่หารู้ไม่ว่า..

"พวกมันขี้เกียจคิดต่างหาก"

"อ้าว มาแล้วหรอหลิว" บอยที่ตอนแรกเต้นๆ อยู่รีบเดินมาทักทันทีด้วยรอยยิ้มกว้างโชว์เหล็กดัดฟัน

"ค่ะ" แต่หลิวกลับบ่นอุบ "นี่ถ้าหลิวมาเที่ยงคืน ทุกคนคงไม่ได้ดื่มอะไรกันเลยมั้ง" ก่อนจะสะบัดหน้านิดๆ เหมือนสาวขี้วีน แต่ด้วยความที่น้ำเสียงและหน้าตาของหลิวออกแนวสาวสวยหวานมากๆ เลยทำให้ดูไม่น่ากลัวเลยสักนิด (แต่บอยก็แอบมียิ้มแหยๆ อยู่น่ะนะ) ก่อนที่เจ้าหล่อนจะฝากเอกไปสั่งสิ่งที่เธอต้องการให้พวกเราดื่มในคืนนี้ และแต่ละชื่อก็สับสนพอๆ กับชื่อของลิปสติกผู้หญิงที่ไม่เคยบ่งบอกสีของพวกมันได้อย่างแท้จริง

"ว่าแต่วาฬเถอะ วันนี้คิดไงใส่กางเกงขาสั้นมาล่ะ" คำถามเรื่องกางเกงขาสั้นวกกลับมาอีกครั้งจนผมต้องก้มพิจารณาการแต่งตัวของตัวเอง

คือ.. ก็อย่างที่รู้กันว่าผมไม่เคยเที่ยวสถานที่แบบนี้มาก่อน และเหล้ารัมก็ออกไปหาเพื่อนก่อนที่ผมจะอาบน้ำเสร็จด้วยซ้ำ มันก็เลยไม่รู้จะปรึกษาใคร แล้วด้วยความที่ปกติก็ใส่แต่เสื้อถักกับกางเกงขายาว เลยนึกครึ้มอยากลองเปลี่ยนการแต่งตัวดูบ้าง

ผลก็คือได้เป็นเสื้อเชิ้ตติดกระดุมคอสีฟ้าอ่อนพับแขน กับกางสีขาวที่ทับชายเสื้อเข้าไว้ด้านใน และผ้าใบของ addidas ที่เพิ่งแวะซื้อก่อนหน้าที่จะมาร้าน

ว่าแต่..ที่หลิวทักแบบนี้คือมันไม่ดีหรือเปล่านะ?

"อยากลองเปลี่ยนอะไรใหม่ๆ ใส่ดูบ้างน่ะ มันไม่โอเคหรอ" ผมถามอย่างกังวลใจ

เพราะหลิวเองก็ใส่ชุดกระโปรงสีชมพูเรียบๆ แต่หรูกับรองเท้าส้นสูงมา ในขณะที่บอยกับเอกก็จัดเป็นเชิ้ตกับขายาว ตอนนี้ผมเลยดูเป็นเด็กไปเลยเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ

"ใครว่าล่ะ ดูดีจะตาย เราว่าสไตล์นี้ดูเหมาะกับวาฬนะ กึ่งลำลองกึ่งทางการ แถมขาขาวๆ ขนาดเนี้ย มีของดีก็ต้องโชว์แหละ"

"บ้า" ผมรู้สึกว่าหูตัวเองร้อนขึ้นมาเลยเมื่อเจอหลิวแซวเข้า ถึงขนาดที่ต้องลุกขึ้นดึงขากางเกงลงอย่างคนขาดความมั่นใจ

ทำเอาตัวต้นเหตุถึงกับหัวเราะออกมาทันทีเมื่อเห็นว่าคำแซวของเธอมีผลกับผม

"ของที่สั่งได้แล้วครับ" ต้องของคุณพนักงานเสิร์ฟชายหน้าตี๋ที่มาขัดจังหวะบทสนทนาของเราเข้าซะก่อน ไม่งั้นมีหวังหลิวอาจจะยังไม่ยอมเปลี่ยนเรื่องก็ได้

"ขอบคุณค่ะ"

"ด้วยความยินดีครับ"

และเมื่อพนักงานเสิร์ฟวางของที่ยกมาเรียบร้อยแล้ว หลิวก็กล่าวขอบคุณอย่างคนมีมารยาท พลางจัดแจงของทุกอย่างให้วางอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม มีทั้งขวดสีอำพันที่ผมมั่นใจว่าต้องเป็นเหล้าแน่ๆ แล้วก็.. น้ำแข็ง โซดา น้ำอัดลม กับแก้วค็อกเทลบรรจุของเหลวสีหวานอีกสองแก้ว ซึ่งอย่างหลังนี่ดูน่าดื่มมากทีเดียว

"เดี๋ยวครับ" แต่ในขณะที่พนักงานเสิร์ฟหน้าตี๋กำลังจะเดินจากไปหลังจากที่ก้มหน้าก้มตาเสิร์ฟเรียบร้อยแล้ว ผมก็เรียกเขาเอาไว้ก่อน

"ว่าไง... คะ..ครับ!"

"เอ่อ..." แล้วผมก็พูดไม่ออกดิ เมื่อเห็นว่าพนักงานเสิร์ฟหน้าตี๋ถึงกับชะงักไปเลยเมื่อหันมามองผม แถมยังพูดจาติดๆ ขัดๆ อีก น่ะ..นี่น้องเขาสัมผัสพลังงานอะไรบางอย่างที่อยู่ใกล้ตัวผมได้หรือเปล่าวะ!? "มีอะไรหรือเปล่าครับ"

"วะ..ว่าไงนะครับ"

"ผมถามว่ามีอะไรหรือเปล่า ทำไมคุณดู.. แปลกๆ"

"ปะ..เปล่าครับ ว่าแต่คุณต้องการอะไรก็บอกผมได้เลยครับ เดี๋ยวผมจัดการให้" พอเจอผมทักว่าเขาทำตัวแปลกๆ คุณพนักงานเสิร์ฟหน้าตี๋ก็ก้มหน้ามองพื้นไปเลย ก่อนจะพูดรัวเร็วแบบรวดเดียวจบ จนผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ เมื่อจินตนาการว่าที่เขาก้มหน้าไปอาจจะเพราะว่าไม่อยากเห็นในสิ่งที่ไม่อยากจะเห็นแน่ๆ

"เอ่อ... คืองี้ครับ ผมอยากให้ช่วยไปตามผู้ชายสองคนนั้นหน่อย" ผมชี้ไปยังเอกกับบอยที่ลงไปเต้นกับสาวๆ หน้าเวทีตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ (ไวมาก)

"พี่เสื้อขาวกับเสื้อแดงใช่มั้ยครับ" เขาหันไปมองประมาณสองวิแล้วกลับมาก้มมองพื้นต่อ

"ใช่ครับ"

แล้วพอได้รับการคอนเฟิร์มจากผมเรื่องคนเสื้อขาว (บอย) และคนเสื้อแดง (ไอ้เอก) พนักงงานเสิร์ฟหน้าตี๋ก็เดินหนีจากโต๊ะของเราอย่างไว

"หลิว เขาเป็นอะไรอะ  ทำไมต้องอึ้งๆ แบบนั้น หรือเขาเห็นผีที่โต๊ะเรา!?"

"บ้า ผีเผอที่ไหนกัน" แต่แทนที่หลิวจะอินตาม เจ้าหล่อนกลับยิ้มหวานออกมาแทน ซึ่งผมคิดว่ามันดูไม่เหมาะกับสถานการณ์เลยสักนิด "วาฬนี่อ่อนต่อโลกจริงๆ เลยนะ ผู้ชายเขาหน้าแดงแถมพูดจาติดๆ ขัดๆ เพราะเขินวาฬขนาดนั้นยังไม่รู้ตัวอีก"

"วะ..ว่าไงนะ!?" ผมที่ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรเลยถึงกับร้องถามเสียงหลงแข่งกับเสียงเพลงที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง

พนักงานเสิร์ฟคนนั้นเขินผมเนี่ยนะ!?

มะ..ไม่จริงมั้ง

"ก็ตามที่หลิวพูดไปนั่นแหละ แล้วก็ไม่ใช่แค่พนักงานเสิร์ฟนะที่ดูจะสนใจวาฬ ยังมี..." แล้วหลิวก็เว้นคำพูด หันไปมองอีกสองโต๊ะพิเศษบนชั้นลอยนี้ที่มีผู้ชายเกือบสิบคนกำลังหันมองทางผมและหลิว เหมือนกับหลิวต้องการจะบอกผมว่านอกจากพนักงานเสิร์ฟคนนั้นแล้ว ยังมีพวกผู้ชายวัยทำงานเหล่านี้ที่สนใจผมด้วย

ซึ่ง... ถ้าผมไม่ได้คิดไปเอง ผมว่า..ส่วนใหญ่มองผมมากกว่าหลิวอีก..

น่ะ..นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!?

"เอ่อ... อันนี้กินได้มั้ยหลิว" ผมแกล้งทำเป็นหันมาให้ความสนใจกับค็อกเทลสีหวานแทน เพราะต้องการจะละความสนใจจากสายตาของผู้ชายวัยทำงานเหล่านั้นและประเด็นที่หลิวกำลังพูด แล้วก็ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายเอ่ยปาก ผมก็ซดค็อกเทลซะหมดเกลี้ยง

อา... รสชาติดีแฮะ หวานอร่อย

"นี่เป็นการมาเที่ยวร้านเหล้าคืนแรกของมึงไม่ใช่หรอ ไหงซดทีเดียวหมดแก้วเลยวะ" ซึ่งตอนที่ผมวางแก้วลง ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เอกเดินกลับมาถึงโต๊ะพอดี โดยมีบอยเดินตามหลังมาติดๆ

ผมรอจนทั้งคู่นั่งลงแล้ว ถึงได้ตอบกลับไป "นี่มันค็อกเทล เวลาที่บ้านกูจัดงานเลี้ยง กูก็เคยกินอยู่บ้าง แต่ถ้าไอ้นี่กูไม่เอาด้วยนะ" ก่อนจะทำทีเป็นดันขวดเหล้าสีอำพันให้ห่างตัว

"นี่มันของดีนะเว่ยวาฬ ลองสักหน่อยเหอะ เดี๋ยวกูชงให้แก้วนึง"

"ไม่เอาสิบอย อย่าบังคับวาฬ หลิวว่าแค่ค็อกเทลก็พอแล้วนะ"

"นั่นดิ กูว่าแค่ค็อกเทลกูก็พอแล้วล่ะ"

"เออ งั้นก็ตามใจ" บอยยกมือยอมแพ้เมื่อเห็นว่าผมยืนยันแบบนั้น แล้วเปลี่ยนเป้าหมายเป็นชงเหล้าให้ไอ้เอกแทน

ในขณะที่หลิวเลือกผสมเหล้าให้ตัวเอง ซึ่งมันอเมซิ่งในสายตาผมมาก นี่ถ้าผมไม่ได้มาในคืนนี้ ก็คงไม่มีวันได้เห็นภาพสาวสวยอย่างคุณหนูหลิวชงเหล้าให้ตัวเองด้วยท่าทางคล่องแคล่วแบบนี้สินะ ถึงจะรู้ว่าภายในเมื่อเทียบกับภายนอกแล้ว..ตัวตนที่แท้จริงของหลิวก็ค่อนข้างจะห่างไกลจากรูปลักษณ์เยอะ แต่ยังไงมันก็ยังอเมซิ่งสำหรับผมอยู่ดีนั่นแหละ

ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมดื่มค็อกเทลแค่คนเดียว ขณะที่อีกสามคนมีเหล้าเป็นของตัวเองในปริมาณความเข้มข้นที่แตกต่างกันออกไป อย่างหลิวนี่จะผสมโซดาแบบครึ่งต่อครั้ง ส่วนบอยจะเป็นเหล้าครึ่งนึงน้ำอัดลมครึ่งนึง ในขณะที่ไอ้เอกนั้นเหล้าสามส่วนโซดาหนึ่งส่วน มันก็ดูบ่งบอกตัวตนของแต่ละคนได้เหมือนกันนะไอ้เหล้าที่กินเนี่ย

"เอ้ามา ชนกัน ในโอกาสที่น้องวาฬของพวกเราได้ออกมาท่องโลกยามราตรีเป็นคืนแรก โชนนนนนน~"

"โชนนนนนนนนน~"

แกร๊ง!

แล้วพวกเราทั้งสี่คนก็ชนแก้วกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนที่จะเปิดการดื่มในค่ำคืนนี้ด้วยการกระดกรวดเดียวหมดแก้ว ซึ่งผมเป็นคนแรกที่หมดก่อน เลยได้มีโอกาสสังเกตเห็นว่าตอนที่ไอ้เอกดื่มเหล้านี่คือมันฮอตโคตร สาวๆ นี่มองกันตาเป็นมันลงมาจากชั้นสองและขึ้นมาจากชั้นหนึ่งด้วย นี่ถ้าตาพวกสาวๆ มีเรดาร์นะ เพื่อนผมคงตัวพรุนไปหมดแล้ว

"เอ๊ะ ว่าแต่ลืมถามไปเลย ว่าแป้งไปไหน ยังไม่มาอีกหรอ"

ปึก!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2016 10:37:24 โดย Hamzholic »

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
แล้วในขณะที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวย หลิวที่มาร้านช้าที่ก็สุดถามถึงแป้งแฟนเอกเข้า ทำเอาคนที่กำลังดื่มอยู่ถึงกับวางแก้วลงเสียงดัง พร้อมกับคำรามออกมาราวกับสัตว์ป่า

"ตายห่าไปแล้ว!"

"..." นั่นทำเอาหลิวอึ้งไปเลย และคงจะรู้ได้ในทันทีด้วยว่าถ้าลองเอกกลายสภาพจากคนเป็นเสือโคร่งแบบนี้แสดงว่ามีปัญหากับแฟนชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์

เพราะเรื่องเดียวที่จะทำให้เอกหงุดหงิดได้ดุร้ายขนาดนี้ก็คือการทะเลาะกับแป้ง ซึ่งเป็นแบบนี้มานานมากแล้ว แต่พอถามมันก็ไม่เคยเล่ารายละเอียดอะไรให้เพื่อนๆ ฟัง ผมก็เลยคิดว่าไม่ยุ่งกับเรื่องนี้น่าจะเป็นการดีที่สุด เพราะขนาดผมคิดว่าเลิกแน่ๆ ก็ยังคบกันยาวมาเป็นปีๆ

เฮ้ออออออออ~ ความรักนี่มันเข้าใจยากจังเนอะ

"จะ..ใจเย็น" ด้วยความที่ผมนั่งอยู่ใกล้เสือโคร่งที่สุด ผมเลยเลือกที่จะเป็นฝ่ายพูดกับมันเป็นคนแรก

ซึ่งข้อดีของไอ้เอกคือถึงมันจะบ้าเลือดยังไง มันก็ไม่เคยทำร้ายเพื่อน ผมก็เลยไม่ค่อยจะต้องหวาดระแวงมากนัก

"ขะ..ขอโทษนะเอก หลิวไม่รู้ หลิวไม่ได้ตั้งใจ" ส่วนหลิวก็ทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ ไอ้เอกก็เลยหลับตาถอนหายใจยาวๆ เหมือนต้องการจะระงับอารมณ์ตัวเอง แล้วลืมตาขึ้นมาขอโทษอีกฝ่าย

"หลิวไม่ผิดหรอก เอกเองที่ต้องขอโทษ อย่าถือสาเลยนะ" แล้วส่งยิ้มบางๆ ให้

หลิวก็เลยมีสีหน้าที่ดีขึ้น ก่อนจะรีบหยิบแก้วเอกไปชงพร้อมกับของตัวเองตามสูตร และส่งแก้วคืนให้เจ้าของ

"มา เราสองคนมาชนกัน ถือเป็นการชนแบบสมานฉันท์"

ผมยิ้มออกมานิดนึงกับคำพูดของหลิว ในขณะที่บอยเองก็หลุดหัวเราะออกมาน้อยๆ แล้วมีหรอที่หลิวใจๆ ซะขนาดนี้แล้ว ไอ้เอกมันจะไม่เอาด้วยน่ะ

แกร๊ง!

ก็เลยเป็นอันว่าหมดไปอีกแก้วกับความสมานฉันท์ของหลิวกับเอก

ซึ่งข้อดีของการกินเหล้าก็คือของเพื่อนๆ ผมมันจะชงกันได้เรื่อยๆ จนกว่าเหล้าจะหมดขวดไง แต่ค็อกเทลสองแก้วของผมเนี่ยสิหมดแล้วหมดเลย ก็เลยตั้งใจว่าจะเดินไปสั่งเพิ่ม แต่ยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นยืนเลยด้วยซ้ำครับ พนักงานเสิร์ฟคนเดิมที่.. เอ่อ.. หลิวบอกว่าเขาเขินผม ก็เอาค็อกเทลสามแก้วมาส่งให้

"เฮ้ย พวกผมยังไม่ได้สั่งเลยนะ" บอยงง ซึ่งผมเองก็ไม่ต่างกัน แค่คิดในใจก็ยกมาเสิร์ฟแล้ว แบบนี้ก็ได้หรอ!?

"คือ.. แก้วนี้.." พนักงานเสิร์ฟผายมือไปที่แก้วค็อกเทลสีฟ้า "คุณผู้ชายท่านนั้นให้ผมเอามาเสิร์ฟครับ" ก่อนจะชี้นิ้วไปยังผู้ชายหนึ่งคนที่นั่งอยู่ในโต๊ะชั้นลอยฝั่งซ้าย เขาเป็นผู้ชายผิวขาวตี๋ รูปร่างออกท้วม สวมเชิ้ตสีเทากับกางเกงขายาวสีดำแบบวัยทำงาน กำลังขยับแก้วในมือเบาๆ พลางส่งยิ้มมาให้..ผม!?

"ให้ใคร" เอกถามออกเสียงเข้มนิดหน่อยตามสไตล์

"หะ..ให้คุณคนนี้ครับ" ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่ผมคิด พนักงานชายหน้าตี๋ชี้มาที่ผม ทำเอาเพื่อนๆ ส่งเสียงครางในลำคอพร้อมกัน

ก่อนที่จะตามมาด้วยคำถามจากหลิวที่ดูจะยิ้มๆ เหมือนรู้คำตอบอยู่แล้ว "แล้วแก้วนี้ล่ะ" พลางแตะนิ้วลงบนขอบแก้วค็อกเทลสีส้มเข้ม

"แก้วนี้.. คุณผู้ชายคนนั้นให้เอามาให้ครับ" แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ผม หลิว เอก และบอยหันไปมองตามนิ้วที่ชี้ของพนักงานเสิร์ฟที่ตรงไปทางโต๊ะอีกหนึ่งโต๊ะบนชั้นลอยนี้

และเห็นว่าเพื่อนๆ บนโต๊ะเดียวกันกำลังรุมชี้ที่ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นประเภทเล่นกล้าม สวมเสื้อยืดสีขาวคอกลมฟิตหุ่นกับกางเกงขายาวสีเข้มกำลังยักคิ้วหลิ่วตามาให้..ผมอีกเช่นเคย

"นี่ก็ให้ผมหรอ" จริงๆ ก็รู้อยู่แล้ว เพราะผู้ขายเล่นกล้ามคนนั้นค่อนข้างส่งสายตามาอย่างชัดเจนมากเมื่อเทียบกับชายตี๋ร่างท้วมอีกโต๊ะ แต่ยังไงก็อยากจะถามเพื่อความแน่ใจน่ะนะ

"ใช่ครับ แก้วนี้ก็ด้วย ให้คุณหมดทั้งสามแก้วเลยครับ" ก่อนจะจบลงด้วยแก้วสุดท้ายซึ่งเป็นสีขาวที่น่าจะเป็นรสลิ้นจี่น่ะนะ เพราะว่าผมเคยกินอยู่

"แล้วแก้วนี้ใครให้ล่ะ บาเทนเดอร์หรอ" พอเอกถามแบบนั้น ผมเลยหันไปมองที่บาร์เทนเดอร์อย่างอดไม่ได้ แต่กลายเป็นว่าไม่มีการส่งยิ้มหรือยักคิ้วหลิ่วตาอะไรกลับมาทั้งนั้น เขาทำเพียงแค่ก้มหน้าทำนั่นทำนี่ของตัวเองไปเรื่อย

เพราะฉะนั้นก็คงจะเหลือแต่...

"เปล่าครับ ของผมเอง ถึงจะไม่แพงเท่าสองแก้วแรก แต่ผมก็ให้ด้วยใจนะครับ"

...พนักงานเสิร์ฟคนนี้นี่เอง

"เอ่อ..." เอาซะผมพูดอะไรไม่ถูกเลย แต่อย่างน้อยๆ ก็ควรจะขอบคุณน่ะนะ "ขอบคุณนะครับ"

พนักงานเสิร์ฟหน้าตี๋ตรงหน้าก็เลยยิ้ม แล้วจังหวะที่แสงไฟสาดมา ผมถึงได้สังเกตเห็นว่าเขาหน้าตาดีทีเดียว น่าจะอายุน้อยกว่าผมนะ แถมแก้มของเขาตอนนี้ก็ออกจะ..แดงหน่อยๆ ด้วย คง..เขินผมมั้ง

ก่อนที่เขาจะเดินจากไป ทิ้งผมไว้กับเพื่อนๆ สามคนที่เอ่ยปากแซวเรื่องความฮอตของผมซะยกใหญ่ โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าวินาทีนั้นในหัวผมกลับมีคำพูดนึงแวบเข้ามา...

"ใช่ ผมรู้ว่าคุณเป็นผู้ชาย แต่คุณไม่รู้หรอกว่าคุณมีเสน่ห์มากแค่ไหน"

มันเป็นคำชมของนายพ่อมดฝรั่งหน้าหล่อที่ทำเอาผมเขินเมื่อตอนหลังเลิกเรียน

แต่เอาจริงๆ คือตอนนั้นผมก็ยังไม่ได้คิดว่าตัวเองมีเสน่ห์เหมือนที่เขาพูดนะ จนได้มาอยู่ในสถานที่ที่ส่วนใหญ่จะรวบรวมเสือ สิงห์ กระทิง แรดเอาไว้ ถึงได้ทำให้เห็นว่ารูปลักษณ์ภายนอกของตัวผมเองก็ดึงดูดคนเข้ามาหาได้เยอะมากๆ เหมือนกัน

เพราะไม่ใช่แค่ชั้นลอยกับพนักงานเสิร์ฟเท่านั้น ยังมีผู้ชายหลายคนแวะเวียนเข้ามาขายขนมจีบผมซะจนหลิวแกล้งทำหน้าเซ็ง พร้อมกับประโยคที่เรียกเสียงฮาให้ทั้งกลุ่มว่า..

"ชะนีไทยไร้ที่ยืนแล้วค่าาา~"


แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรใครกลับไปสักคน พวกเขาเหล่านั้นก็เลยต้องโยกย้ายกลับไปยังที่ที่ตัวเองจากมา

ซึ่งมันก็น่าตลกดีเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ผมเองก็ยังโสดสนิทและอยากเรียนรู้ที่จะรักใครสักคนเหมือนกัน แต่พอมีคนเข้ามาแบบนี้ กลับไม่อยู่ในความสนใจของผมเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะหล่อระดับตัวท็อปขนาดไหนก็ตาม

คงเพราะ... ผมเองก็มีตัวท็อปของผมอยู่แล้วมั้ง... ในเมื่อเงื่อนไขก็บอกอยู่ว่าเราสองคนจะต้องรักกัน ผมว่าผมก็คงจะขอโฟกัสแค่เหล้ารัมคนเดียวเนี่ยแหละ ถึงด้ายของผมจะยังเป็นสีขาว แต่ในทุกขณะจิต ผมก็มีนายพ่อมดเป็นที่ตั้งนะ แล้วมันก็ไม่ใช่เพราะเรื่องของพันธะสัญญาเพียงอย่างเดียว มัน...มาจากความรู้สึกที่อยู่ภายในใจลึกๆ ด้วย

เพียงแต่ตอนนี้มันอาจจะยังไม่มากพอที่จะแสดงพลังของมันออกมาก็เท่านั้นเอง

ผมกับเพื่อนเลยได้ความสงบสุขกลับคืนมาอีกครั้งหลังจากที่ผมปฏิเสธผู้ชายไปสิบกว่าคนแล้ว ก่อนจะเริ่มหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาเล่ากัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องตลกน่ะนะ ทำเอาผมนี่ขำกับเพื่อนๆ จนเลิกสนใจสิ่งรอบข้างกันไปเลย

จนกระทั่ง..

"สวัสดี" ..เสียงของใครบางคนทักขึ้น ในขณะที่ผมเพิ่งจะสั่งค็อกเทลแก้วที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

ทุกคนพากันหันไปมองตามเสียงนั้น ก่อนที่ไอ้เอกจะเป็นคนทักทายกลับเป็นคนแรก

"อ้าวพี่ปูน สวัสดีครับ" ตามด้วยยกมือไหว้ หลิวบอยก็ด้วย ผมที่ยังงงๆ อยู่ว่าใครเลยต้องไหว้ตาม

"ขอนั่งด้วยคนสิ เหงา"

"โห คนอย่างพี่เนี่ยนะเหงา ได้ข่าวว่าเด็กเพียบ" บอยเอ่ยแซวพลางลากเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ มาให้พี่ที่ชื่อปูนนั่ง ดูท่าทางสนิทกันอยู่นะ ไม่งั้นก็คงไม่คุยเล่นกันแบบนี้หรอก

ว่าแต่..ผมชักมึนๆ แล้วแฮะ สงสัยดื่มอีกสักแก้วสองแก้งคงต้องขอเป็นน้ำเปล่ามาล้างคอบ้างแล้วล่ะ

"เด็กที่ไหนกัน อย่าใส่ร้ายพี่ดิ พี่ยังโสดนะ" แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้รู้จักกัน แต่เหมือนตอนที่พี่ปูนพูดว่าเขาโสด มันเหมือน..จงใจจะส่งข้อความนั้นมาทางผมเลยแฮะ จนแม้แต่หลิวกับเอกเองก็หันมามองผมด้วย

นี่อย่าบอกนะว่าเสน่ห์อะไรนั่นของผมมันทำงานอีกแล้วน่ะ!?

"โอเค โสดก็โสด ว่าแต่นี่พี่มากับใครอ่ะ" จะเหลือก็แต่บอยที่คงไม่ทันได้สังเกต เลยยังคงชวนพี่ปูนคุยต่อไป จนร่างสูงที่เซ็ทผมเสยไปทางด้านหลังและแต่งตัวลุคแบดบอยถามถึงผมนั่นแหละ บอยถึงจะรู้ตัว

"มากับใครไม่สำคัญหรอก เพราะสิ่งที่พี่อยากรู้ตอนนี้คือบอยไม่คิดจะแนะนำเพื่อนบอยให้พี่รู้จักหน่อยหรอ : )"

รอยยิ้มและสายตาเจ้าชู้ของอีกฝ่ายเหมือนกระสุนปืนที่ถูกยิงตรงมาที่ผมพร้อมกันหลายๆ นัด แต่ด้วยความที่เขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่ผมสนใจ เลยเหมือนมีเกราะอย่างดีมากั้นกระสุนเหล่านั้นเอาไว้

"เอ่อ... นั่นเพื่อนผมชื่อวาฬครับ" บอยที่เพิ่งจะจับทางถูกแสดงความลำบากใจออกมาเหมือนกัน ที่จู่ๆ รุ่นพี่ที่มันท่าทางจะสนิทก็ออกตัวแรงแบบนี้ แต่ยังไงก็คงต้องแนะนำผมให้พี่เขารู้จักแหละ "วาฬ นี่พี่ปูน วิศวะปีสาม ประธานสันทนาการวิศวะสมัยตอนที่เราอยู่ปีหนึ่งไง"

คำว่า 'ประธานสันทนาการวิศวะ'
ดึงความทรงจำสมัยปีหนึ่งของผมกลับคืนมา

เพราะจริงๆ แล้วตอนช่วงปีหนึ่ง สาเหตุหลักที่ทำให้ผม เอก บอย และหลิวกลายมาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันก็เพราะเราทั้งสี่คนตัดสินใจไปสมัครเข้าชมรมสันทนาการของสถาปัตย์ ซึ่งช่วงแรกๆ มันก็ซ้อมแยกคณะกันอยู่หรอก แต่พอตอนหลังที่ใกล้ช่วงงานแข่งสันทนาการ ก็เริ่มมีการซ้อมรวมทั้งมหา'ลัยเกิดขึ้น และทุกปีเจ้าภาพที่จะเปิดตึกให้คนไปรวมตัวกันก็คือคณะวิศวะ แล้วตอนนั้นเองที่ผมได้เจอกับประธานสันทนาการของวิศวะที่โคตรจะขี้หลีที่สุดในโลก ไม่เกี่ยงว่าจะชายหรือหญิง ขอแค่ให้หน้าตาดีเถอะ พี่แกเอาหมดแหละ

อ้อ แถมยังเป็นคนที่ทำให้การแข่งสันทนาการปีก่อนโดนอาจารย์ด่ากันเละด้วยนะ เพราะจู่ๆ ก็นึกบ้าอะไรไม่รู้ แก้ผ้าโชว์หุ่นใส่กางเกงในตัวเดียวไปเต้นเบียดกับพวกคนหน้าตาดีของแต่ละคณะ ทำเอาปีนี้เกือบงดการแข่งสันทนาการเลยด้วยซ้ำ

นี่ผมลืมคนที่โคตรของโคตรเสื่อมแบบนี้ไปได้ยังไงกัน?

หรือว่ามันน่าเกลียดจนไม่น่าจดจำวะ?

"งั้นก็สวัสดีอย่างเป็นทางการอีกครั้งแล้วกันนะครับพี่ปูน" แต่ถึงจะไม่ชอบยังไง ผมก็รู้ว่าอะไรควรเก็บไว้ และอะไรควรพูดออกไปน่ะนะ

"ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ว่าแต่เราเหอะ เคยเป็นสันทนาการด้วยหรอ ปกติถ้าคนหน้าตาดีแบบวาฬนี่พี่ต้องจำได้นะ"

แล้วดูเอาเถอะคนเรา ถามคำถามคนอื่น แต่ตามองต้นขาที่โผล่พ้นออกมาจากกางเกงขาสั้นเนี่ยนะ

รู้งี้ใส่ขายาวมาดีกว่า : (

"ตอนนั้นผมอ้วนครับ" อันนี้ผมไม่ได้พูดเล่นนะ สมัยตอนปีหนึ่งผมอ้วนมาก เพราะการกินก็เป็นอีกหนึ่งทางออกของการลดความเครียด จนจบปีหนึ่งนั่นแหละถึงได้รู้สึกว่าอยากผอมบ้าง ก็เลยแอบขอให้ไรเกอร์ช่วยหายาวิเศษให้ ผมถึงได้หุ่นดีแบบนี้ไง "พี่คงไม่เห็นผมอยู่ในสายตาหรอก"

"โธ่ อดีตก็คืออดีตครับ ปัจจุบันนี้คือพี่มองน้องแค่คนเดียวเลย : )"

"..."

แหวะ!

ถ้าวิ่งไปอ้วกตอนนี้จะเป็นการเสียมารยาทมั้ยนะ ทำไมทั้งที่พี่ปูนก็พูดสไตล์เดียวกันกับเหล้ารัม แต่ไหงมันต่างกันราวฟ้ากับเหวนรกขนาดนี้?

ซึ่งแน่นอนว่านายพ่อมดเหล้าต้องไม่ใช่เหวนรกอยู่แล้ว

"รุกหนักจังเลยนะคะพี่ปูน" หลิวทำทีเป็นแซวพี่ปูนยิ้มๆ แต่จากสายตาคือผมรู้ว่าหลิวต้องการจะสื่อให้พี่ปูนรู้ว่า 'มากเกินไปแล้ว' แต่ถึงอย่างงั้นอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมหยุด

"ไม่หนักไปหรอกครับน้องหลิว เพราะตั้งแต่เห็นวาฬเดินเข้ามา พี่ก็หยุดมองวาฬไม่ได้ บอกตรงๆ เลยว่าชอบ อยากจีบ มีแฟนยังครับ?" แล้วยังเอาแต่จ้องมองผมอยู่ตลอดเวลาด้วย ถึงแม้ว่าต้นประโยคจะพูดกับหลิวก็ตาม

ผมเลยส่ายหน้า "ยังไม่มีครับ" พูดความจริงออกไป เลยยิ่งทำให้คนเจ้าชู้ออกอาการเจ้าชู้แหละขี้หลีขึ้นมากกว่าเดิม

"ถ้างั้นพี่ก็จีบได้ใช่มั้ยครับ : )"

"ไม่ได้ครับ" ผมรีบตอบกลับทันที แอบเห็นไอ้เอกที่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเงียบๆ หยักยิ้มมุมปากด้วย

"อ้าว ก็โสดไม่ใช่หรอครับ พี่ก็ต้องจีบได้สิ"

ผมส่ายหน้าอีกครั้ง คราวนี้แรงขึ้น จนรับรู้ได้ถึงอาการมึนๆ ในหัวว่ามันกำลังก่อตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน "พี่จีบผมไม่ได้ครับ เพราะผมอนุญาตให้คนที่ผมชอบจีบเท่านั้น"

"แต่น้องวาฬยังไม่เคยลองคุยกับพี่จริงๆ จังๆ เลยนะ แล้วจะรู้ได้ไงว่าชอบหรือไม่ชอบ"

"ไม่ต้องคุยกันผมก็รู้จักพี่ดีครับ ประธานสันทนาการที่ใส่กางเกงในตัวเดียวแล้วไปสีแต่กับพวกคนหน้าตาดีๆ น่ะ ไม่ใช่ผู้ชายแบบที่ผมชอบหรอก : )"

วินาทีนั้นผมอยากส่องกระจกมากจริงๆ เพราะผมตั้งใจเลียนแบบรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเหล้ารัมส่งไปให้พี่ปูนด้วย

"..."

โอ๊ะโอ ดูท่าว่าจะมีคนเสียหน้าจนพูดไปออกเลยแฮะ

รู้นะว่าเป็นรุ่นพี่ รู้นะว่าควรจะไว้หน้าเขาบ้าง แต่มันก็อดไม่ไหวจริงๆ กับสายตาทีโลมเลียซะยิ่งกว่าลิ้น! เหมือนผมโดนลวนลามทางการมองยังไงก็ไม่รู้ เจ้าชู้ขี้หลีก็เป็นที่หนึ่ง ไม่ออกปากไล่ตรงๆ ก็ดีแค่ไหนแล้ว

"เอ่อ..." หลิวกับเอกเองก็ดูจะยิ้มๆ นะ จะมีก็แต่บอยอีกแล้วที่ไม่เข้าพวก เพราะหน้ามันดูเสียตามพี่ปูนไปเลย "พี่ปูนครับ ผมว่า..."

"งั้นพี่ไปล่ะ ขอให้สนุก" พูดจบแค่นั้นคนขี้หลีก็ลุกเดินลงไปชั้นล่าง คงกลับไปที่โต๊ะของตัวเองแหละ ท่าทางดูไม่พอใจสุดๆ เลยด้วย

"เจ๋งโคตรเพื่อน มาชนกันหน่อย" เอกที่เงียบอยู่นานรีบหยิบแก้วค็อกเทลแก้วใหม่ที่พนักงานเพิ่งจะเดินมาเสิร์ฟส่งให้ผม ก่อนจะขอชนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

"โชนนนนนน~" โดยที่หลิวเองก็ร่วมชนด้วย

แต่บอยนี่คือทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมา "มึงไปพูดกับพี่ปูนแบบนั้นได้ไงวะวาฬ พี่เขาไม่ได้แค่ขี้หลีอย่างเดียวนะ พี่เขาเอาเรื่องด้วย เกิดยกพวกมาตีพวกเราจะทำยังไง"

"..."

ตะ..ตีเลยหรอ!?

นี่ผมอึ้งเลยนะ นึกว่าแค่เสียหน้าแล้วก็เกลียดกันก็คือจบซะอีก นี่นอกจากจะเป็นผู้ชายที่เจ้าชู้จนน่ารังเกียจแล้ว ยังชอบใช้กำลังอีกหรอวะเนี่ย

"กลัวไร มาเหอะ กูจะโค่นให้หมดเลย" แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้แสดงความกลัวออกไป เอกก็ทำให้ทุกอย่างดูเบาลงไปเลย ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นคนซอฟท์ๆ หรอกนะ แต่เพราะว่าตั้งแต่ที่คบกันมา ไม่เคยเห็นใครล้มเอกได้สักคน สิบรุมหนึ่งก็เจอมาแล้ว ผมนี่คิดว่าถ่ายหนังเลย ยังกับซ้อมคิวบู๊กันมาให้ตัวร้ายวิ่งเข้าไปให้พระเอกต่อย ต่างกันก็ตรงที่สิ่งที่ผมเห็นกับตาตอนนั้นมันเป็นเรื่องจริงไง ถึงได้รู้ว่าคนอย่างเอกน่ะแกร่งแค่ไหน

"กูน่ะไม่ห่วงมึงหรอก" แต่บอยรีบแย้ง "กูกลัวพี่ปูนแม่งดักฉุดไอ้วาฬไปปู้ยี่ปู้ยำมากกว่า"

"เชี่ย!" ผมสบถแหวกเสียงเพลงแนว EDM ที่กำลังเปิดให้ลูกค้าเต้นกันอย่างบ้าระห่ำขึ้นมาเลย เมื่อได้ยินสิ่งที่บอยพูด

คือถ้าจะปล้ำกันนี่คือต่อยกูให้ตายยังจะดีกว่า ของแบบนี้ขอเก็บไว้ให้คนที่รักเท่านั้นนะบอกเลย!

"พอได้แล้วบอย เลิกทำให้วาฬกลัวสักที"

"บอยไม่ได้ทำให้วาฬกลัวนะหลิว บอยพูดเพราะบอยเป็นห่วงต่างหาก" บอยทำหน้ายู่เมื่อเห็นว่าหลิวตำหนิตัวเอง

สุดท้าย.. "พอเลยทุกคน ไม่ต้องคิดมาก จะไม่มีใครถูกทำร้ายทั้งนั้น รวมถึงโดนขมขืนด้วย เพราะกูจะจัดการทุกคนที่มายุ่งกับเพื่อนกูเอง ตกลงนะ" ..เอกก็เลยเป็นคนสรุปประเด็นพี่ปูนซะ เพื่อให้ทุกคนสบายใจ

ก็เลยยิ่งทำให้ผม... คิดมากขึ้น!

คือ.. เอกมันจะรู้มั้ยนะว่าคำว่า 'ขมขืน' ที่มันเลือกใช้แทนคำว่า 'ปู้ยี่ปู้ยำ' ของบอย กลับส่งผลให้ผมนั้นสะเทือนใจยิ่งกว่าเดิม ถึงขนาดที่ว่าจินตนาการเห็นภาพตัวเองโดนไอ้พี่ปูนที่ใส่กางเกงในตัวเดียวจับคร่อมเลยด้วยซ้ำ

และเพราะแบบนั้นผมจึงขอเวลานอกจากเอก บอยและหลิวไปนั่งที่บาร์ เพื่ออัดค็อกเทลแบบต่อเนื่องจนกว่าจะรู้สึกสบายใจ ซึ่งแน่นอนว่าเพื่อนๆ ก็เลือกที่จะไม่ห้าม ซึ่งนั่นดีแล้ว เพราะมันช่วยเพิ่มความสบายใจให้ผมด้วยเช่นกัน

ความเย็นและความหวานปนขมทว่าหวานนำของบรรดาของเหลวสีสดใสแก้วแล้วแก้วเล่าทำให้ผมรู้สึกเหมือนหลุดออกมาจากความกังวลเรื่องพี่ปูน เลยตัดสินใจสั่งแก้วใหม่แล้วถือเดินกลับมานั่งกับเพื่อนๆ ด้วยความรู้สึกที่...ไม่เหมือนเดิม

"สบายใจแล้วสินะ แก้มมึงนี่แดงมากเลย อัดไปกี่แก้วล่ะเนี่ย" คำถามแรกเป็นของเอกที่ยังคงดูชิลกับของเหลวสีอำพันที่มันดื่มเข้าไป จนผมเกิดคำถามในใจว่า ถ้ากินแล้วไม่เมาจะกินทำขี้เกลืออะไร เปลืองตายชัก

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ผมอยากจะพูดหรอก เพราะประเด็นสำคัญก็คือผมได้ยินคำถามของไอ้เอกชัดเจน แต่ไม่รู้สึกสนใจเลยสักนิด ในเมื่อตาผมมันเอาแต่จับจ้องไปที่ริมฝีปากของคนหน้าดุแบบไม่วางตา

"เอก... ปากมึงน่าจูบว่ะ"

"อะ..อะไรนะ!?" แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เพื่อนสนิทผมถึงกับตาโตเลยเมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้น ผมก็เลยหัวเราะออกมาด้วยความขำ ก่อนที่จะรู้สึกว่าหน้าตัวเองมันเอียงเข้าหาเอกอย่างไม่อาจจะควบคุมได้ เหมือนว่า..อยากเข้าไปจูบอีกฝ่ายให้สำเร็จ

ทว่า..

"หลิวว่าวาฬเริ่มเมาละนะ" หลิวเป็นฝ่ายดึงผมให้กลับมานั่งตรงๆ เหมือนเดิม

"เปล่าสักหน่อย ก็แค่อยากจูบเอกเฉยๆ เอง" ผมเลยต้องหันไปเถียงผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่ม แล้วหันกลับไปหาเอกอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้มันทำหน้าตาได้ประหลาดมากจริงๆ

"ฮ่าๆๆๆ~ แบบนี้ล่ะที่เรียกว่าเมาแล้ว หลิวว่า...อื้อ!"

จุ๊บ!

แล้วพอหลิวดึงผมไม่ให้เข้าหาเอกอีกครั้ง ผมก็เลยหันกลับมาจุ๊บปากหลิวซะเลย เพราะว่าปากหลิวเองก็น่าจูบเหมือนกัน

"เฮ้ยไอ้วาฬ!" ก่อนที่บอยจะเป็นคนมาแยกผมให้ออกห่างจากหลิว โดยการดันตัวผมออกแรงๆ

ดูมันจะไม่ค่อยพอใจผมนะไอ้บอยน่ะ ซึ่งก็ไม่แปลกหรอก ในเมื่อใครเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่ามันแอบชอบหลิว แต่ด้วยความที่มันป๊อดไง เลยไม่ได้บอกความรู้สึกออกไปสักที คอยดูเหอะ สักวันหมาจะคาบไปแดก อิอิ

"ใจเย็นๆ บอย วาฬแค่เมาเอง" แล้วดูดิ ไอ้บอยเล่นใหญ่ซะขนาดนั้น เลยกลายเป็นว่าหลิวทำหน้าลำบากใจกับอาการของบอยมากกว่าตอนที่โดนผมจูบด้วยซ้ำ

"เอ่อ... โทษที เมื่อกี้บอยแค่ตกใจน่ะ" แล้วทีนี้ล่ะทำมาเป็นคิดได้ "ขอโทษนะวาฬ กูไม่ได้ตั้งใจจะผลักมึงแบบนั้น กูแค่...อื้อออ!"

จุ๊บ!

ผมก็เลยจูบปากไอ้บอยไปด้วยหนึ่งทีแบบไม่ให้มันตั้งตัว ด้วยเหตุผลสองข้อคือหนึ่ง..ลงโทษที่มันผลักผม และสอง..ปากมันก็น่าจูบไม่แพ้ใคร

"ไอ้วาฬ!" พอโดนผมจูบไปสามวินาที บอยก็ดันผมออก แต่ดูจะเบาลงกว่าตอนที่แยกผมกับหลิวนะ คงเพราะว่ามันน่าจะเริ่มตั้งหลักได้แล้วว่าผมเมา "จูบแบบนี้มันผิดผีนะโว้ย!"

แต่เอาจริงๆ ผมว่าผมไม่ได้เมานะ คือ... ผมแค่เห็นว่าปากเพื่อนๆ น่าจูบ ก็เลยจูบเท่านั้นเอง พยายามห้ามตัวเองแล้วด้วย แค่มันอดใจไม่ไหว ไม่ได้เมาสักหน่อย

"กลับมานั่งเลยวาฬ" คราวนี้เป็นไอ้เอกที่จับผมนั่งลงกับที่ ผมเห็นว่าหลิวหันไปหัวเราะบอยด้วย ส่วนบอยก็เอามือถือปากใหญ่เลย แหม ทำมาเป็นรังเกียจนะ เชอะ!

แต่ก็ช่างหัวบอยมันเถอะ เพราะยังไงตัวมันก็น่าสนใจน้อยกว่าปากของเอกอยู่แล้ว

"เอก มึงให้กูจูบเหอะ"

"เชี่ย ไม่ได้ กูเป็นเพื่อนสนิทมึงนะ"

"ทีหลิวกับบอยกูยังจูบได้เลย"

"ก็มึงเล่นทีเผลออะ"

"นะๆ"

"ไม่ เดี๋ยวกูไปหาน้ำเย็นๆ มาให้ จะได้เลิกบ้า"

"น้าาา~"

"กูบอกว่าไม่ก็... เฮ้ย!"

"จู๊บบบบบบ~" คราวนี้ผมไม่สนใจแล้วว่าไอ้เอกจะยอมมั้ย อุตส่าห์ขอดีๆ ไม่ยอมให้ ก็ต้องบังคับฝืนใจเอามาเลย

"ชะ..เชี่ยแล้วไง!" ซึ่งปกติธรรมดายังไงผมก็สู้แรงไอ้เอกไม่ได้หรอก แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทั้งที่เอกก็เอามือดันหน้าอกผมไว้ แต่พอเจอผมใช้แขนสองข้างเกี่ยวต้นคอให้มันเข้ามาหาตัว ก็เหมือนอีกฝ่ายจะต้านพลังของผมไม่ได้เลย

ขยับเข้ามาอีก.. ขยับอีกกกกก.. อย่างงั้นแหละ... ใกล้แล้ว.. อีกนิดเดียว.. อีกแค่..

จุ๊บ!

"อื้ออออ!"

เสร็จโจร : )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2016 10:43:52 โดย Hamzholic »

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
#6.2

วะฮะฮ่า!

ผมรู้สึกถึงชัยชนะอันแสนจะหอมหวานที่ได้ประทับริมฝีปากของตัวเองกับริมฝีปากของไอ้เอกตามที่ใจต้องการ มันเหมือนกับว่ายิ่งถ้าอีกฝ่ายขัดขืนมากเท่าไหร่ ผมก็จะยิ่งต้องจูบให้สำเร็จให้ได้มากเท่านั้น

ซึ่งพอได้จูบแล้ว ผมเลยยอมปล่อยให้มันเป็นอิสระ ก่อนที่ตัวเองจะคว้าค็อกเทลบนโต๊ะขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมด จนเพื่อนถึงกับเอ่ยปากห้ามไม่ทัน

อา~ อร่อย!

"สมใจมึงแล้วสินะ งั้นทีนี้ก็นั่งเฉยๆ เดี๋ยวกูไปหาน้ำมาให้" ไอ้เอกที่ทำหน้าเหมือนอยากจะฉีกผมออกเป็นชิ้นๆ รีบกดไหล่ผมให้นั่งลงทันที แล้วตั้งท่าจะเดินไปที่บาร์

แต่ใครบอกเอกล่ะว่าผมสมใจแล้ว เพราะในใจของผมตอนนี้มันยังกระหายการจูบอยู่เลย แถมพอดื่มค็อกเทลแก้วเมื่อกี้เข้าไปมันก็ยิ่งคึกคัก แม้จะทำให้มึนหัวเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่ความร้อนจากภายในและจังหวะหัวใจที่เลือดกำลังสูบฉีดตอนนี้มันผลักดันให้ผมก้าวยาวๆ ไปยังชายร่างท้วมที่เลี้ยงค็อกเทลแก้วสีฟ้า ก่อนที่จะตั้งท่าดึงเขาเข้ามาจูบ แต่..

"หยุดเดี๋ยวนี้นะวาฬ"

หลิวดันเข้ามาห้ามผมไว้ ดะ..เดี๋ยวก็จูบอีกทีเลยนี่!

"ปล่อยนะหลิว!"

"บอย พาวาฬกลับไปที่โต๊ะ ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะ เพื่อนเมาค่ะ" ประโยคหลังหลิวน่าจะหันไปคุยกับคุณพี่ร่างท้วม

"ไม่เป็นไรครับ ถ้าน้องเขาอยากจูบ พี่ก็ยินดี"

"นั่นไง เขาเต็มใจจะจูบชัดๆ" ผมโวย โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าหลิวเริ่มทำหน้าไม่พอใจแล้ว

"หุบปากเลยวาฬ ถ้าหลิวโมโหมึง กูไม่ช่วยนะ"

พอเจอที่บอยกระซิบข้างหู ผมก็ได้แต่ทำหน้างอ แต่ก็ยอมหยุดแค่นั้น เหมือนร่างกายมันสั่งว่าถ้าไม่หยุดหลิวจะโกรธ แล้วผมก็ไม่ชอบเวลาที่หลิวโมโหเลยแม้แต่นิดเดียว

"ล็อคตัวไว้นะ เดี๋ยวจะเดินไปจูบใครอีก"

"โอเค"

พอบอยพาผมกลับมานั่งที่ หลิวก็สั่งให้มันล็อคผมไว้ ผมก็เลยพยายามบิดตัวให้หลุดจากบอย แต่พยายามเท่าไหร่ก็สู้แรงมันไม่ได้

ขี้โกง!

"น้ำมาละ" ก่อนจะตามมาด้วยเอกที่ถือน้ำมาสองขวด

แล้วหลังจากนั้นทั้งสามคนก็รุมกันบังคับให้ผมกินน้ำหมดไปสองขวดคนเดียวทำเอาจุกไปหมด ก่อนที่บอยจะเปลี่ยนให้เอกมาเป็นคนยึดผมเอาไว้กับทีแทน ซึ่งผมไม่เข้าใจเลยสักนิดว่ามันต้องขนาดนี้เลยหรอ การจูบใครสักคนมันผิดมากเลยหรือไง!

ผมดิ้นอยู่ในแขนแข็งแรงของไอ้เอกพักใหญ่เพื่อรอให้หลิวกับบอยเอาไอโฟนของผมไปกดเล่น นี่พวกมันไม่มีไอโฟนเป็นของตัวเองหรอวะ

ว่าแต่.. นั่งไปสักพักแล้วปวดฉี่แฮะ สงสัยเพราะพวกแม่งบังคับให้ผมกินน้ำเยอะแหงเลย!

"ปล่อยกูที" ผมขอร้อง

"ปล่อยให้มึงไปจูบคนอื่นอีกหรือไง" แต่ไอ้เอกไม่ยอม

"กูปวดฉี่"

"ตลกละ"

"ตลกบ้าอะไร กูปวดฉี่!"

"หราาา งั้นเดี๋ยวกูพาไปเอง ถ้าไม่ฉี่นะ เจอดีแน่"

อะไรวะ คนพูดความจริงก็ไม่เชื่อ ชักจะไม่พอใจละนะ

เพี๊ยะ!

"เฮ้ย! ตีกูทำไม เจ็บนะ"

"เจ็บก็ปล่อยกูสิ" ผมทำตาดุใส่มัน "กูโตแล้ว กูไปเข้าห้องน้ำเองได้"

"แต่มึงเมาอยู่ เดี๋ยวกูพาไป"

"ปล่อย" แล้วผมก็สะบัดตัวให้แรงขึ้น ซึ่งนั่นทำให้เอกล็อคตัวผมแน่นขึ้นเช่นกัน

"อย่าดื้อได้มั้ย กูบอกว่า..โอ๊ยยยยย!"

ง่ำ!

ผมตัดสินใจกัดเข้าที่แขนของเอกเต็มแรง จนเจ้าตัวต้องยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ

"แบร่ สมน้ำหน้า"

"มากไปแล้วนะเว่ย!"

"ก็กูจะไปเข้าห้องน้ำ อยากมาล็อคกูไว้ทำไมล่ะ"

"เออ! จะไปไหนก็ไปเลยไป!!"

วินาทีนั้นเหมือนมีบางอย่างจุกขึ้นมาที่กลางอก.. เหมือนร่างกายมันรู้สึกไม่ดีเลยที่โดนไอ้เอกคำรามใส่แบบนั้น แถมพอมันพูดเสร็จก็กระดกเหล้ากินต่ออย่างไม่สนใจ

"วาฬ.." หลิวที่ดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกผมทำท่าจะเดินเข้ามา แต่ผมยกมือห้ามไว้ แล้วเดินลงมายังชั้นล่างเพื่อไปเข้าห้องน้ำเอง

ช่างหัวเอกมันสิ ก็คนมันปวดฉี่ แค่ปล่อยให้ไปเข้าก็จบแล้ว ทำยังกับว่าพอปล่อยผมแล้วผมจะไปกัดใครอย่างงั้นแหละ ผมไม่ใช่มานะเว่ย!

แล้วนี่อะไร ทำไมคนมันเยอะขนาดนี้ คนเรามันหาที่เที่ยวในคืนวันศุกร์นอกจากร้านเหล้ากันไม่ได้แล้วหรือไง? บอกว่าเป็นการผ่อนคลายหลังจากเรียนหรือทำงานมาตลอดห้าวัน แล้วไอ้ที่เต้นกันอย่างบ้าระห่ำนี่มันรีแล็กซ์ตรงไหน คอยดูเหอะ พรุ่งนี้ตื่นมาปวดตัวกันตายห่า หึ!

ผมพยายามเดินฝ่าฝูงคนที่เต้นเบียดเสียดกันจนจะเข้าไปอยู่ในร่างของกันและกันอยู่แล้ว เพื่อตรงไปยังจุดมุ่งหมายเดียวก็คือป้ายไฟรูปชายหญิงที่มีเส้นขั้นกลาง ซึ่งกว่าจะไปถึงได้ก็ว่าลำบากละ ยังจะต้องมาต่อแถวเพราะห้องน้ำเต็มอีก เยี่ยม!

หรือผมควรจะยืนฉี่ดีวะ?

แต่ไม่ชอบเลยอะ รอต่อแถวเข้าห้องน้ำก็แล้วกัน ไหนๆ ข้างหน้าก็ทยอยเข้าไปจนเหลือแค่ผู้ชายเสื้อดำอยู่คนเดียวแล้ว รอก็ได้

แอ๊ดดดดด~

แล้วหลังจากที่ยืนรออยู่สักพัก ประตูห้องแรกก็เปิดออก เผยให้เห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินออกมา ทำเอาทุกคนที่อยู่ด้านนอกหันมองกันเป็นตาเดียว

อะไรกัน? ทำไมต้องมองกันขนาดนั้น พวกเขาทำอะไรผิดนักหนาหรอ ก็แค่เข้าห้องน้ำพร้อมกัน ดีซะอีก ประหยัดเวลาคนอื่นด้วย ว่าแต่.. สภาพผู้หญิงนี่ยุ่งเหยิงเลยแฮะ สงสัยคงเต้นหนักไปหน่อย

จนพวกเขาสองคนพากันเดินจากไป ก็ถึงตาของพี่เสื้อดำหน้าผมที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องแรกบ้าง แต่ผม..รู้สึกอั้นไม่ไหวแล้วอะ เลย...

"พี่ครับ"

ตัดสินใจเรียกพี่เขาเอาไว้ ซึ่งพอหันมาก็เห็นว่าพี่เขาหน้าเข้มมาก ผิวแทน ดูไม่ใช่ผู้ชายแบบที่จะใจดีกับใครง่ายๆ แต่ถ้าไม่ลองขอดูก็ไม่รู้หรอกนะ

"ว่าไงครับ?"

"ผมปวดฉี่ไม่ไหวแล้ว ขอเข้าพร้อมพี่ได้มั้ย"

"หะ..หา!?"

"นะๆๆ"

"จะดีหรอน้อง พี่ว่า..."

"ดีสิครับ จะได้ประหยัดเวลาเหมือนคู่เมื่อกี้ไง"

พี่เสื้อดำหันไปมองทางที่ชายหญิงคู่นั้นเดินจากไป ก่อนจะหันกลับมามองผมหัวจรดเท้า แล้วในที่สุดก็ยิ้มออกมา

"กะ..ก็ได้ครับ"

"เย้!"

ผมร้องดีใจเหมือนเด็กๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับพี่เขา..ท่ามกลางสายตาของผู้ชายสามคนที่ยืนฉี่ และอีกสองคนที่กำลังล้างมือ

"งั้นผมขอก่อนแล้วกันนะครับ" ผมปลดกางเกงของตัวเองลงทันทีหลังจากที่พูดจบ ก่อนจะนั่งทำธุระของตัวเองต่อหน้าเขา

รู้สึกว่าต้องเป็นเพราะค็อกเทลแน่ที่ทำให้ผมใจกล้าหน้าด้านได้ขนาดนี้ นี่ถ้าพ่อแม่รู้นะ ผมคงโดนขังลืมอยู่บนหอคอยแน่ๆ เลย

"น้องน่ารักว่ะ พี่ทนไม่ไหวละ" แล้วพอผมจ้องหน้าพี่เขา อีกฝ่ายก็ถอดเสื้อออก เอ๊ะ! คนจะเข้าห้องน้ำแค่นี้ต้องถอดเสื้อด้วยหรอวะ?

ไม่เพียงเท่านั้นยังปลดกางเกงลงด้วย โห~ สงสัยพี่เขาจะปวดฉี่มากเลยแฮะ ดูดิ เป้านี่..ตุงเลย เห็นทีผมต้องรีบฉี่ให้เสร็จละ

"โอเคพี่" แล้วพอพี่เขาเดินเข้ามาใกล้ ผมก็ฉี่เสร็จเรียบร้อยพอดี เลยลุกขึ้นใส่กางเกงให้เรียบร้อย แล้วหันไปกดน้ำ "ผมเสร็จแล้ว พี่เชิญต่อเลยครับ : )"

พี่เขาถึงกับอ้าปากค้าง ทำหน้าเหมือนตกใจที่ผมเสร็จแล้ว อะไรอะ? ผมฉี่เร็วไปหรอ แต่ผมเสร็จแล้วอะ

"นี่น้อง.."

"ไปนะครับ จุ๊บ!"

ไม่บอกลาเฉยๆ นะ ผมยังจุ๊บปากพี่เขาไปทีนึงด้วยสำหรับความใจดีที่ให้เข้าห้องน้ำด้วยกัน ซึ่งพี่เขาก็ทำท่าเหมือนจะคว้าตัวผมไว้ แต่คงไม่ทันแล้ว เพราะว่าผมเปิดประตูเรียบร้อย แล้วเดินออกมาพร้อมกับสายตาของคนที่พากันมองเหมือนเดิม

แต่ผมไม่สนใจหรอก ก็อย่างว่า มนุษย์มีตานี่ การมองก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเนอะ : )

คิดได้แบบนั้น ผมก็ฝ่าฝูงคนออกมาเหมือนเดิม ทำไมรู้สึกเหมือนคนมันแน่นกว่าเดิมฟะ? แล้วเสียงเพลงกับการเคลื่อนไหวของคนในร้านก็เริ่มทำให้ผมมึนหัวมากขึ้นกว่าเดิมด้วย จนมารู้ตัวอีกทีก็เริ่มจะเดินไม่ตรงแล้ว มีความเซไปมาอยู่ตลอดเวลา นี่ดีนะที่มีคนคอยเบียดไว้ เลยไม่เทไปทางใดทางหนึ่ง ถ้าเกิดว่าลองคนหายไปสักข้างนึง มีหวัง...!

"เฮ้ย!"

แล้วยังไม่ทันจะคิดจนจบเลยด้วยซ้ำ จู่ๆ คนทางฝั่งซ้ายมือก็แหวกทางออกเฉยเลย ทำเอาผมที่เซไปข้างนั้นพอดีเกือบจะล้มลงฟาดกับพื้น ถ้าไม่ติดว่า...

"เกือบไปแล้ว : )" เจ้าของรอยยิ้มกว้างจะมาช่วยรับไว้ได้ทัน

"เหล้ารัม" ผมเอ่ยชื่อของคนตรงหน้าออกไปด้วยเสียงที่แผ่วเบา รู้สึกว่าตัวเองหายใจผิดไปหนึ่งจังหวะเมื่อได้เห็นเขาท่ามกลางแสงสีของร้านเหล้าแบบนี้ ทว่า..

"เหล้ารัมที่ไหนครับ นี่พี่ปูนเอง" ..สิ่งที่อีกฝ่ายตอบกลับมาทำให้ใบหน้าที่ผมชอบหายไปโดยพลัน เหลือเพียงใบหน้าของพี่ปูนที่ผมอยากจะอ้วกใส่

"ชะ..ช่วยปล่อยด้วยครับ" พอรู้ว่าไม่ใช่นายพ่อมด ผมก็พยายามผละออกจากรุ่นพี่ขี้หลีเมื่อสัมผัสได้ถึงมือปลาหมึกที่จับอย่างไม่ถูกที่ถูกทาง

"พี่ว่าน้องวาฬเมามากเลยนะ เซจนจะล้มขนาดนี้ ยังไงไปนั่งพักที่โต๊ะพี่ก่อนก็แล้วกัน" โดยไม่รอให้ผมตอบอะไร พี่ปูนก็ประคองผมไปที่โต๊ะของพี่เขาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าห้องน้ำเท่าไหร่นัก ซึ่งน่าจะเป็นโซนที่ราคาถูกและบรรยากาศแย่ที่สุดในร้านแล้ว

ผมถูกปล่อยให้นั่งลงข้างๆ พี่ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นเพื่อนของพี่ปูน ก่อนที่ร่างสูงจะรีบนั่งประกบผมไว้ แล้วร่างกายตอนนี้แม่งก็ไม่เป็นใจกับผมเลยสักนิด มันร้อนไปหมด แค่จะลุกยังไม่มีแรง เลยได้แต่นอนพิงเบาะโซฟาแบบนั้นต่อไปอย่างหมดสภาพ

มึนหัวโว้ย!

"น้องวาฬครับ ไอ้นี่ชื่อวินนะครับ ส่วนไอ้นั่นชื่อเทป" พี่ปูนแนะนำให้ผมรู้จักกับเพื่อนอีกสองคนของแก ซึ่งหน้าตาหล่อดี แถมสายตาก็ดูไม่เจ้าชู้เหมือนพี่ปูนด้วย ทำให้ความอยากจูบของผมมันวนกลับมาอีกครั้ง

แต่ก็น่าแปลกนะ ทั้งๆ ที่ผมอยากจูบใครหลายคน แต่กับพี่ปูนนี่..อยากถีบปากมากกว่า ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม?

"ครับ" ด้วยความที่ยังคงไร้เรี่ยวแรง ผมเลยตอบกลับไปสั้น แล้วพยายามนั่งนิ่งๆ ออมแรงต่อไป

"น้องวาฬอยากดื่มอะไรครับ เดี๋ยวพี่เลี้ยง"

"ไม่" ผมตอบออกไปแบบไม่ต้องคิด แล้วก็ไม่มีหางเสียงด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปกระทบต่อมอะไรของเพื่อนพี่ปูนอีกสองคนเข้า ถึงได้หลุดขำออกมาพร้อมกันแบบนั้น

"นี่ ทำไมใจร้ายกับพี่จัง" พี่ปูนพยายามยิ้ม ทั้งๆ ที่ตาของเขาแสดงให้ผมเห็นว่าเขารู้สึกไม่พอใจเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ อีก นี่ถ้าผมมีแรงมากกว่านี้ ผมจะเอามือดันหน้าพี่เขาให้ออกไปไกลๆ เลย

"เปล่าครับ"

"เปล่าอะไร ใจดีกับพี่หน่อยสิครับ พี่ชอบน้องนะ"

แล้วพี่ปูนก็ยิ้มกว้างๆ เหมือนตอนที่ช่วยผมไว้ไม่ให้ล้มฟาดกับพื้น มันก็เลย... ทำให้ภาพของใครคนนึงทับซ้อนเข้ามา..

"เหล้ารัม" แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ผมเอ่ยชื่อเขาออกไป

ดูจมูกโด่งๆ ของเขาสิ น่างับชะมัด จากนั้นก็ค่อยๆ ไล่ลงมาจุ๊บที่ปาก คงจะเป็นอะไรที่รู้สึกดีไม่น้อย

ตึกตัก ตึกตัก

แล้วเมื่อหัวใจผมเต้นแรงขึ้นซึ่งต่างจากตอนที่อยากจูบคนอื่นๆ ผมก็บอกกับตัวเองว่าถึงเวลาแล้วที่ควรจะจูบเหล้ารัมได้สักที

ถึงแม้ว่าจะตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมนายพ่อมดเหล้าถึงมาอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ แต่ในเมื่อเป็นเขา ผมก็ปฏิเสธอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละ

"เหล้ารัม"

"..."

ผมตัดสินใจเรียกชื่อเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้าไปจูบเขาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงขึ้นจนถึงขั้นกดเขาให้นอนลงกับโซฟา

รู้สึกว่าหัวใจมันต้องการเหล้ารัมเหลือเกิน อยากจูบเขาอีก.. อยากจูบให้มากกว่านี้อีก.. เพราะไม่ว่าจะกดริมฝีปากลงไปเท่าไหร่ มันก็ยังตอบสนองความต้องการในหัวใจของผมไม่ได้

ทำไมกัน ทำไมใจผมถึงว่างเปล่าแบบนี้?

ยังกับว่ามีบางอย่างที่ผิดพลาดไป บางอย่างที่มันไม่ถูกต้อง!?

"วาฬ!"

แล้วผมก็พบคำตอบ... เมื่อเสียงอันแสนจะคุ้นเคยเรียกผมจากอีกทาง... ผมรีบผละจูบของตัวเองออกอย่างรวดเร็วเพื่อหันไปมองตามเสียงนั้น และพบว่า...

เหล้ารัมกำลังยืนมองมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ทว่า..นัยน์ตาคู่นั้นกลับส่องประกายความโกรธออกมาอย่างชัดเจน ในขณะที่เอกซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ได้แต่ทำหน้าเหวอ เหมือนตกใจที่เห็นผมตอนนี้

นั่นเลยทำให้ผมหันกลับไปหาคนที่ผมกดลงนอนกับโซฟา...

"พี่ปูน!"

เพราะแบบนี้เอง... ผมถึงได้รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง!

ผมหันกลับไปมองเหล้ารัมอีกครั้ง อยากจะพูดอธิบายออกไป แต่เขาไม่รออะไรทั้งนั้น รีบเดินก้าวเข้ามากระชากคอเสื้อให้ห่างจากตัวผมทันที

"เฮ้ย เดี๋ยวๆ!" พี่ปูนรีบร้องห้ามเสียงดังเมื่อเห็นว่าเหล้ารัมง้างหมัดจะชก

"อะไร!"

"กูทำอะไรผิดวะ น้องเขาเป็นแฟนมึงไง!"

"เปล่า" เหล้ารัมหันมามองหน้าผมแวบนึง ก่อนจะหันกลับไปพูดกับพี่ปูนต่อ "แต่ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง

พี่ปูนก็เลยอาศัยจังหวะที่เหล้ารัมดูจะเบาลงแกะมือที่กำคอเสื้อออก แล้วพูดในสิ่งที่ทำเอาผมตัวแข็งทื่อ...

"งั้นมึงต้องโทษน้องเขาแล้วล่ะ เพราะเขาเป็นคนจูบกูเอง ไม่เชื่อถามเพื่อนๆ กูดูก็ได้!"

เหล้ารัมถึงกับตวัดสายตากลับมาที่ผมทันที "จริงหรอ?" ก่อนถามด้วยน้ำเสียงที่..เย็นชากว่าเคย

"..." ผมไม่กล้าตอบ... ไม่ใช่ว่ากลัว แต่ความรู้สึกผิดมันกัดกินหัวใจผมอย่างรุนแรงจนแทบจะไม่เหลือชิ้นดีแล้ว

เพราะรู้ว่าถ้าพูดคำตอบออกไปตามความเป็นจริง เหล้ารัมจะกลายเป็นฝ่ายที่รู้สึกแย่มากกว่าผมหลายต่อหลายเท่า และผมไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น...

"ตอบผมมาสิ!" แต่นั่นดูเหมือนว่าจะยิ่งทำให้เขาอยากได้คำตอบมากขึ้นกว่าเดิม

จนในที่สุด.. "จริงครับ" ผมก็ต้องยอมตอบออกไป

ปึก!

แล้วทันใดนั้น ทุกอย่างในร้านก็หยุดนิ่งในทันทีที่เหล้ารัมชกหมัดเข้ากับกำแพง..! ไม่มีเสียงดนตรีอีกต่อไปแล้ว เพราะแม้แต่ผู้คนก็ไร้การเคลื่อนไหวไปด้วย

ราวกับว่าแรงจากการปล่อยหมัดทำให้เกิดเวทหยุดเวลาขึ้นมา..

จะมีก็แต่ผมกับคนที่ปล่อยพลังเวทเท่านั้นที่ยังขยับได้.. แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมขยับไปไหนทั้งนั้น ได้แต่รอ.. รอให้เหล้ารัมเป็นฝ่ายเดินมาหาเอง

เขาจ้องมองเข้ามาในตาผม.. หายใจยาวขึ้นกว่าปกติราวกับต้องการจะสะกดอารมณ์ตัวเอง แต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่สำเร็จ..

"กลับคอนโดเดี๋ยวนี้!"

..เพราะเขาตะโกนใส่ผมด้วยสายตาดุดัน ก่อนจะกระชากแขนผมแรงๆ ให้เดินตามไป ท่ามกลางฝูงชนที่แน่นิ่ง..

นิ่งเหมือนกับ..หัวใจของเขาที่คงจะผิดหวังในตัวผมไปแล้ว..


#แฮมสเตอร์

บทที่ 6 นี่มีตั้งแต่ 6.1-6.3 นะครับ แต่ขอเก็บ 6.3 ไว้ลงทีหลังเพราะว่ารวมๆ กันแล้วค่อนข้างยาวมากๆ

คิดว่าบทนี้น่าจะเป็นตอนที่ฉูดฉาดที่สุดในเรื่องแล้ว อาจจะดราม่าหน่อย แต่ก็ถือว่าเอามาตัดความเลี่ยนติดๆๆ กันที่ผ่านมานะครับ : )

หากใครอยากด่าวาฬลง twitter ฝาก #พ่อมดเหล้า ด้วยนะครับ ฮ่าๆๆๆ~

my page : แฮมสเตอร์

 :katai4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2016 10:33:04 โดย Hamzholic »

ออฟไลน์ M.J.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เหล้ารัมน่ารักมากๆ ชอบบบ :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :ling1:

วาฬไม่ดูลิมิตตัวเองเลย เมาแล้วเป็นปีศาจจูบดะไปจนได้  :ling1:

งดแอลกอฮอล์หนึ่งปี กินได้เฉพาะตอนที่อยู่กับเหล้ารัม!!!

จะว่าไป งานนี้ต้องโดนเหล้ารัมลงโทษนะ  :monkeysad:

ออฟไลน์ kamontipsaii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
โทษใครไม่ได้เลยวาฬ
ไม่แปลกที่เหล้ารัมโกรธ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เมาแล้วได้เรื่องเลยนะวาฬขืนเมาแล้วไล่จูบคนอื่นไปทั่วระวังได้สามีเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เหล้ารัมนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
ถ้าจะจูบดะขนาดนี้ อย่ากินเหล้าอีกเลยเหอะวาฬ
คิดกลับกันว่าวาฬต้องเห็นคนที่รักจูบกับคนอิ่น
จะรู้สึกยังไง
นั้นละความรู้สึกเหล้ารัม

เมาแล้วจูบไปทั่วแบบนี้ แย่เลยนะ
สงสารเหล้ารัม

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
วาฬเมาแล้วนิสัยเสียนะ

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
โอ้ยยยยวย วาฬแม่งดื้อ เป็นไงละ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เมาแล้วกลายเป็นปีศาจจูบซะงั้น
งานนี้ต้องง้อกันยาว

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
#6.3

ปึก!

พอกลับมาถึงคอนโด เหล้ารัมเหวี่ยงผมลงกับเตียงอย่างไร้ความใจดี ซึ่งนั่นทำให้ผมที่เงียบมาตลอดทางเริ่มแสดงความไม่พอใจบ้าง

"ไม่ต้องรุนแรงกับผมแบบนี้ก็ได้นะ"

แต่เหล้ารัมกลับไม่สะท้อนความรู้สึกผิดออกมาจากใบหน้าเลย เขาดูโกรธมาก และยิ่งโกรธมากขึ้นเมื่อผมพูดออกไปแบบนั้น

"ทำไมถึงต้องจูบมันด้วย!" แถมยังไม่ฟังสิ่งที่ผมพูดเลยสักนิด

"ผมไม่ได้ตั้งใจ"

"นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะ"  ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันของอีกฝ่ายที่ทำเอาอารมณ์โกรธของผมพุ่งแซงหน้าความรู้สึกผิดในใจขึ้นมาเลย

"ก็ผมเมานี่!"

"เมางั้นหรอ?"

"ใช่!"

"แล้วไหนสัญญาแล้วไงว่าจะไม่เมาน่ะ!"

"..."

ผมอึ้ง...

อยากกลืนคำที่พูดออกไปทั้งหมดกลับคืนมา มันเหมือนว่าวินาทีนั้นผมเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าผมสัญญาอะไรกับเขาเอาไว้ ความรู้สึกผิดจึงเข้าจู่โจมหัวใจผมอีกครั้ง..

"ไหนบอกว่าโตแล้วดูแลตัวเองได้ไง แต่ปล่อยตัวให้เมาจนไปจูบกับคนอื่นแบบนี้เนี่ยนะโตแล้ว!"

ผมรู้ว่าผมควรจะสงบปากสงบคำเอาไว้ เพราะว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด แต่ผมทนไม่ไหวจริงๆ ว่ะ เวลาที่คนว่าผมเป็นเด็กเนี่ย!

"แล้วคุณมายุ่งอะไรด้วย"

กึก!

ผมกัดริมฝีปากของตัวเองทันทีที่รู้สึกตัวหลังจากนั้นว่าพูดอะไรออกไป จนอีกฝ่ายถึงขั้นขอทวนคำพูดของผมใหม่อีกครั้ง

"คุณว่าไงนะ"

"ผมบอกว่าคุณมายุ่งอะไรด้วย ผมจะจูบกับใครมันก็ชีวิตผม ต่อให้ผมไปได้กับใคร คุณก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่งทั้งนั้นแหละ!"

แล้วพอความร้อนในร่างกายมันผลักดันอารมณ์ให้ควบคุมไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว ผมเลยใส่เขาเป็นชุด ทั้งๆ ที่ใจมันค้านทุกสิ่งที่พูดออกไปเกือบทั้งหมด

แม่ง!

แต่ในขณะที่ผมกำลังรอฟังให้อีกฝ่ายตอบกลับมา กลับกลายเป็นว่าเหล้ารัมเลือกที่จะเงียบ.. เขาก้าวยาวๆ เข้ามาพร้อมกับสองข้างแก้มที่เห็นชัดว่าเจ้าของของมันกำลังขบฟันกรามด้วยความโมโห ก่อนจะกดผมลงกับเตียง..!

"นี่ ปล่อยนะ!"

"ไม่!"

"ก็บอกว่าให้ปล่อยไง อย่าทำแบบนี้นะเหล้ารัม!"

"ทำไมจะทำไม่ได้ ในเมื่อถ้าผมอยากมีสิทธิ์ในตัวคุณ ผมก็ต้องทำแบบนี้ล่ะ!"

"อื้ออออ!"

พูดจบแค่นั้น ร่างสูงที่กำลังคร่อมตัวผมอยู่ก็ก้มลงมาบดเบียดริมฝีปากของผมเอาไว้อย่างหนักหน่วง!

ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือมันทั้งดุดันและร้อนแรงมากจนผมรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวของเลือดที่น่าจะเกิดขึ้นตรงไหนสักแห่งในช่องปากของผมและเขา

ผมพยายามใช้แรงเท่าที่มีผลักเหล้ารัมออกไป ทว่านายพ่อมดกลับเปลี่ยนความหนักหน่วงนั้นให้กลายเป็นความอ่อนนุ่มที่ผมรู้สึก..โหยหา

มันให้ความรู้สึกที่ต่างกันออกไปจริงๆ กับตอนที่ผมจูบภาพลวงตาของเขา (ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเป็นพี่ปูน) เพราะว่าของจริงกลับเติมเต็มความรู้สึกเสียจน..ผมเผลอเกี่ยวคอเขาให้เข้ามาใกล้ขึ้นอีก..

ผมยอมรับเลยว่าความโกรธก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นความเคลิบเคลิ้มอย่างยากที่จะหยุดยั้งได้ เพราะผมชอบ..ชอบมากจริงๆ ที่ริมฝีปากของเราแลกเปลี่ยนความรู้สึกให้แก่กันและกัน และผมก็ชอบเหลือเกิน..ที่ร่างกายของเค้าแนบชิบจนผมสัมผัสได้ถึงจังหวะหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นแรงไม่ต่างจากหัวใจของผม ไหนจะกลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเขาที่ผมอยากจะเสพเข้าไปอีกเรื่อยๆ

ทุกอย่างที่กล่าวมาเป็นดั่งภวังค์ที่กักขังผมไว้ได้อย่างไร้ความคิดที่จะโบยบินหนี ถ้าไม่ติดว่า... สองมือของเขาเริ่มล่วงเกินรุกล้ำเข้ามาในเสื้อของผมเพื่อแปะป่ายหยอกล้อไปทั่ว ก่อนที่เหล้ารัมจะเริ่มไล่ระดับลงมาปลดกระดุมกางเกงผมอย่างคล่องแคล่ว มันเลยทำให้ผมเริ่มรู้สึกถึงภัยคุกคามทางร่างกายที่กำลังจะไปไกลเกินกว่าการจูบ และผมก็ยังรับมันไม่ได้...

ผมยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องนี้ เลยพยายามควบคุมสติตัวเองเพื่อที่จะผลักเขาออกไปอีกครั้ง แต่ต่อให้ออกแรงแค่ไหน ก็ไม่สามารถจะทำอะไรเขาได้เลยแม้แต่นิดเดียว

"พอเถอะ... หยุดเถอะ..." ผมพยายามเปล่งเสียงออกมาเพื่อห้ามเหล้ารัมที่ตอนนี้ไล่ระดับของริมฝีปากลงไปยังต้นคอของผม เพื่อซุกไซ้มันด้วยลมหายใจร้อนที่รินรดลงมา พร้อมกับสองมือที่เลื่อนลงไปปลดกางเกงของตัวเองด้วย

"..."

"ไม่นะ... อย่าทำแบบนี้..."

"..."

"ขอร้อง... พอเถอะ..."

"..."

ผมห้ามเขาแล้วนะ พยายามแล้วจริงๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ฟังผมเลย จนทำให้ฟางเส้นสุดท้ายมันมาขาดเอาตอนที่เหล้ารัมกำลังจับขอบกางเกงในของผมเพื่อที่จะดึงลง ผมเลยรู้สึกว่าทนรับเรื่องนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว!

"บอกให้พอไงเล่า!!"

ด้วยสัญชาตญาณของการเอาตัวรอด ผมเลยสอดมือเข้าไปหยิบเครื่องรางไร้มนตร์จากใต้หมอนออกมาแปะเข้าที่หน้าของเหล้ารัมทันที..!

จนนายพ่อมดต้องกระโดนถอยไกลออกไปนั่งไม่เป็นท่าอยู่ที่พื้นเกือบถึงประตูห้องพร้อมกับคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด

น้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างและรอยแดงปื้นคล้ายรอยไหม้บนแก้มด้านขวา ทำให้ผมที่นั่งมองอยู่ถึงกับต้อง..กำเครื่องรางไร้มนตร์ในมือแน่นด้วยความรู้สึกผิด จนเล็บยาวจิกลงไปบนเนื้อ

ขะ..ขอโทษ

ผมอยากจะพูดออกไปแบบนั้น.. แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม สิ่งที่ออกจากปากไปกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม!

"คุณกล้าดียังไงทำกับผมแบบนี้!"

"..." เหล้ารัมไม่ตอบ เขาทำเพียงแค่ใช้สองมือกุมแผลบนใบหน้าของตัวเองเอาไว้ ทำให้ผมไม่รู้ว่าที่เขาไม่ตอบเพราะไม่อยากตอบ หรือว่าเจ็บแผลจนไม่สามารถตอบได้กันแน่...

แต่ที่เด่นชัดจนผมไม่ต้องเดา ก็เห็นจะเป็น..สายตาของเหล้ารัมที่มองมาทางผมด้วยความเจ็บปวด...

"เผยด้ายแห่งพันธะสัญญาออกมา" ซึ่งผมรู้สึกแย่มากเหลือเกินกับสิ่งที่พลาดทำลงไป... แต่ทุกส่วนของร่างกายมันกลับไม่หยุดยั้งที่จะแสดงด้านแย่ๆ ของตัวเอง

"..." เหล้ารัมยังคงนิ่ง เหมือนว่าได้ยินแต่ไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด ปากที่ไม่ตรงกับใจของผม..จึงเอ่ยสิ่งที่พูดไปแล้วซ้ำขึ้นอีกครั้ง

"ผมบอกว่าให้คุณเผยด้ายแห่งพันธะสัญญาออกมาไง!" แต่ด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม ราวกับผู้คุมละครสัตว์ที่พยายามออกคำสั่งกับราชสีห์

"..." แล้วถึงแม้ว่าจะดูยังไม่เข้าใจเหมือนเดิม แต่เหล้ารัมก็ยอมทำตามในที่สุด

เพียงแค่เขาสะบัดมือขวาของตัวเองหนึ่งที่ เส้นด้ายที่เชื่อมโยงเราทั้งสองคนไว้ก็ปรากฏขึ้น โดยมีความยาวตามระยะที่เราสองคนอยู่ห่างกัน

และแน่นอนว่าเส้นด้ายในฝั่งของผมยังคงเป็นสีขาวเช่นเดิม.. ในขณะที่ของอีกฝ่ายดูจะเข้มขึ้นเล็กน้อยจากเมื่อวานตอนที่ทำพันธะสัญญา...

"ดูซะ ของผมยังเป็นสีขาวอยู่เลย" ผมชูมือขึ้น เพื่อที่ต้องการจะให้เหล้ารัมเห็นด้ายฝั่งของผมชัดๆ "ผมรู้ว่าคุณเป็นคนที่จะช่วยชีวิตผม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะทำอะไรกับผมก็ได้!"

"..."

"ในเมื่อ...คุณยังไม่ได้ครอบครองหัวใจผมเลยด้วยซ้ำ!"

"..."

"เพราะฉะนั้นถ้าผมจะไปจูบกับใครมันก็เป็นสิทธิ์ของผม แล้วคุณเองก็ไม่มีสิทธิ์มาลงโทษผมด้วยวิธีการแบบเมื่อกี้นี้ด้วย!"

"..."

การตะโกนทำให้ผมที่มึนหัวอยู่แล้วยิ่งมึนหัวหนักมากขึ้นไปอีก.. ใจจริงอยากจะทิ้งตัวลงนอนเลยด้วยซ้ำ แต่ความรู้สึกภายในตอนนี้มันปั่นปวดไปหมดแล้ว โดยเฉพาะกับสิ่งที่พูดออกไป... ถึงจะควบคุมตัวเองไม่ได้ และเริ่มเรียบเรียงคำพูดในหัวได้แย่มาก แต่หูของผมก็ยังได้ยินในสิ่งที่ตัวเองพูดนะ... ทำให้รู้ว่ามันมีทั้งคำพูดที่ออกมาจากใจและคำพูดที่ออกจากปาก...

คำพูดที่ออกจากใจก็คือ..ผมไม่พอใจจริงๆ ที่เขาเลือกที่จะใส่อารมณ์ลงมากับผมด้วยวิธีนั้น

ส่วนที่เหลือ...ผมยังไม่รู้เลยว่าพูดออกไปได้ยังไง?

ในเมื่อมันฟังดูแล้ว...มันช่างใจร้ายกับเขาเหลือเกิน...

แล้วที่แย่กว่านั้นคือเหล้ารัมไม่ใช่ผมไง เขาไม่รู้หรอกว่าอันไหนคือที่รู้สึกจริงๆ หรืออันไหนคือแค่พูดไปตามอารมณ์เท่านั้น เพราะฉะนั้นสายตาที่มองมาของเขาจึงมีแต่ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนแม้แต่ผมเองก็ยังต้องเจ็บปวดหัวใจตาม...

"..."

"..."

เราสองคนตกอยู่ในความเงียบ... เอาแต่มองหน้าของอีกฝ่ายอยู่เกือบนาที ก่อนที่ในที่สุดเหล้ารัมก็จะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเขา แล้ว..

"ผมขอโทษ" ..โค้งคำนับผม ทั้งๆ ที่ยังใช้มือขวากุมแผลบนใบหน้าไว้

"..." และภาพนั้นทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก.. ซึ่งดีแล้ว.. เพราะผมได้แต่ภาวนาให้ตัวเองปิดปากเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

ไม่อยากให้ตัวเองพูดอะไรแย่ๆ ที่มันขัดกับใจอีกต่อไปแล้ว..

"ผมยอมรับว่าผมขาดสติที่ผมทำลงไป และผมก็สมควรแล้วที่จะได้รับมัน" เขาคงหมายถึงรอยแผลบนใบหน้า

"..."

"บางทีผมก็คิดนะว่ามันยากสำหรับผมเหมือนกัน กับการเป็นฝ่ายที่รู้สึกมากกว่าแบบนี้"

"..."

"ถึงได้ทั้งหวงและห่วงคุณจนแทบจะเป็นบ้า"

"..."

"ทั้งๆ ที่ลืมไปว่าคุณเอง... ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมเลย"

"..."

"ผมขอโทษจริงๆ ครับ"

"..."

..ทุกคำพูดของเหล้ารัมเหมือนมีดหลายต่อหลายเล่มที่ปักเข้ามายังก้อนเนื้อหัวใจของผมเล่มแล้วเล่มเล่า... ความเจ็บปวดจากการได้เห็นอีกฝ่ายเจ็บปวดทำให้ผมรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบไม่มีที่ยืนให้ผมอีกต่อไป...

ผมเกลียดตัวเองจัง

เกลียดที่ดื่มจนเมา เกลียดที่ผิดสัญญากับเขา และเกลียดที่ทำให้เขาเจ็บทั้งหายและใจ

ผมพังมาก... พังมากจริงๆ ในคืนนี้

มันเหมือนว่าผมแทบจะแยกแยะไม่ออกแล้วว่าอะไรเป็นอะไร แล้วผมควรที่จะรู้สึกอะไรกับเรื่องไหนก่อนดี

มันแปรปรวนไปหมดจนต้องขยับตัวเพื่อพิงหลังกับหัวเตียง... ในขณะที่ตาก็พยายามมองไปยังเหล้ารัมที่ตอนนี้กำลังเดินออกจากห้องไป

วินาทีนั้นคำถามมากมายเทเข้ามาในหัวผมพร้อมๆ กับความรู้สึกผิดมากมายมหาศาลที่สาดซัดเข้าสู่กลางใจ

ไม่มีอะไรเป็นระบบให้แยกแยะได้เลยในตอนนั้น จนมารู้ตัวอีกที...

ร่างสูงของเหล้ารัมก็เดินหายไปแล้ว เหลือไว้เพียงเส้นด้ายที่เพิ่มระยะของความยาวออกไป จนไม่เห็นถึงปลายทาง...


จบตอนที่ 6

#แฮมสเตอร์

บทนี้เป็นบทที่มีความงงงวยมาก
เพราะคนเขียนพยายามจะทำให้สมองของวาฬเป็นคนเมาและไม่มีระบบ ไม่รู้ว่าคนอ่านจะอินตามกันมั้ย ฮ่าๆๆๆ~

แล้วไหนจะความหน้ามืดของเหล้ารัมอีก
เรียกว่าเพราะความเมาและอารมณ์ขาดสติเป็นเหตุจริงๆ

ก็หวังว่าเขาทั้งสองคนจะคืนดีกันนะครับ
หรือว่าจะมีอะไรอีกอันนี้ก็ต้องรอกันบทต่อไป

ยังไงก็ฝากคอมเม้นติชมกันด้วยนะครับ : )

ป.ล. หากใครอยากพูดคุยอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใน twitter ฝาก #พ่อมดเหล้า เพื่อง่ายต่อการตามอ่านของคนเขียนนะครับ ขอบคุณมากๆ เลยครับ

my page : แฮมสเตอร์

 :really2:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :เฮ้อ:

ถอนหายใจให้วาฬหนึ่งที

ทำไมลื้อเป็นคนแบบนี้หือ??

(เหล้ารัมผิดด้วยที่จะปล้ำวาฬอ่ะ)

จงคืนดีกันเถอะ พลีสสสสสสสส

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
งง ตัวเองเป็นคนผิดแท้ๆ เป็นไรมากรึป่าวอ่ะ เมาได้น่าเกลียดมากอ่ะ ตั้งแต่ไปไล่จูบคนนั้นคนนี้ละ เป็นคนที่รู้สึกมากกว่ามันเจ็บจริงๆ เข้าใจเหล้ารัมเลย ตอนระเบิดอารมณ์ไม่เหมือนคนเมาเลยนะจ้ะ เหมือนคนเอาแต่ใจตัวเองมากกว่า นี่ถ้าเป็นเหล้ารัมคงไม่ช่วยแล้วอ่ะ แค่คิดว่าต้องอยู่กับคนแบบนี้ อยู่คนเดียวดีกว่าเป็นไหนๆ อะไรๆอ้างเมานี่ไม่ใช่เหตุผลที่ฟังขึ้นหรอกนะ เคยชอบมากแท้ๆเรื่องนี้ :ruready

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เราว่า วาฬเหมือนนกในกรงทอง พอได้ออกจากกรงก็อยากรู้อยากลองเรื่องที่ไม่เคยเจอไปเสียหมด
ดู ๆ ไปก็เหมือนเด็กอยากรู้อยากเห็น ไม่มีเหตุผล ไม่ฟังความอะไรแล้ว
แท้ที่จริงวาฬคงจะเป็นคนเอาแต่ในพอสมควรทีเดียว แต่ถูกกักเก็บไว้ด้วยคำว่าเป็นห่วงเวลาอยู่กับพ่อแม่
พอมาอยู่กับเหล้ารัม ได้อิสระได้ทำตามใจตัวเอง ก็เลยอยากทำตามใจตัวเองให้มาก ๆ ไม่ทันได้นึกถึงคนที่เป็นห่วง
ที่วาฬพูดมาก็จริงแหละ เพราะวาฬยังไม่รักเหล้ารัม... บางทีการกระทำเลยดูไม่แยแสไปบ้าง หรืออาจจะรู้สึกอยู่นิด ๆ แต่ก็ไม่ได้รักมากพอจะยับยั้งตัวเองไง
ตอนนี้เจ็บปวดไปกับเหล้ารัม ที่เขาว่ากันว่า คนที่รักก่อนเป็นคนแพ้ อาจจะจริงก็เป็นได้ รักมากกว่าเลยถูกทำให้เจ็บมากกว่า
สร่างเมาแล้วก็จงสำนึกถึงการไม่รักษาคำพูดเสียเถอะวาฬ

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ต่อให้รู้สึกผิดยังไงเธอก็ย้อนกลับแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วละ นี่ขนาดเมายังเถียงฉอดๆๆๆ เอาแต่ใจมากมั้ยวาฬ ถามตัวเองดู
ถึงต่อไปจะขอโทษแต่มันก็ไม่ทันละ ความรู้สึกอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ April❤

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 456
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
คือเมาเละมากจริมๆ เสียใจ :ling1:
แต่ตอนเถียงกันทำไมรุ้สึกว่าพูดได้ขนาดนี้มันน่าจะหายเมาละะ :katai1:

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
แล้วจะพูดในสิ่งที่ใจไม่ได้คิดเพื่ออะไร
เพื่อให้เหล้ารัมดจ็บเหมือนที่ตัวเองรู้สึกเรอะ
ท่าทางจะได้ผลนะ
เจ็บมากเลยละ (ทั้งคู่เลย)

ออฟไลน์ cinnsin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อื้อหืออออ ต่างคนต่างระเบิดก็ชิบหายสิคะ ใจเย็นเย๊นนนนนนนน! อย่าทำแบบนี้สิคะคนอ่านใจบ่ดีเลยเน้อ  :sad4: :sad4: :sad4:
*ซดมาม่ารัวๆจะได้หมดเร็วๆ* มาคุยกันดีๆเถอะนะเถอนะ

ออฟไลน์ M.J.

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 206
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ฮรื่อออออ ไม่เอาแบบนี้ มาต่อให้หายดราม่าเลยยยยย สงสารเหล้ารัม แงงงงงงงงงง  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
วาฬรู้สึกตัวก็รีบๆคุยกันซะ บอกตรงๆสงสารเหล้าอ่ะ :hao4:

ออฟไลน์ ragazx20

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นิสัยวาฬดูเหมือนคุณหนูเอาแต่ใจนะ ไม่ก็ปากแข็ง ยังไงดีเหมือนรู้ว่าตัวเองผิดแต่ไม่ยอมรับผิดอ่ะ ถ้าเป็นแบบนี้สงสารเหล้ารัม  :m15:  คนรู้สึกมากกว่ายังไงก็เจ็บอ่ะ แต่ว่านะ วาฬพูดแรงไปมั้ย(มีความอิน) แต่ถ้ามองในอีกมุมก็วาฬยังไม่ถึงขั้นรักขั้นชอบอะเนอะ เฮ่อออ สู้ต่อไปนะพ่อมดเหล้า

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
รอบนี้วาฬผิดนะคะลูก

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
สงสารคนที่รักข้างเดียว แล้วโดนพูดใส่แบบนั้น

ออฟไลน์ DeShiWa

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-9
มาให้กลังใจจ้า

ยังอ่านไม่ทัน

เรื่องสนุกมากๆเลย

ออฟไลน์ THiiCHA

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-4
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องแปลกแหวกแนว ชอบมากกก 
 
ปวดใจกับตอนล่าสุด 
วาฬผิดจริงๆนะลูก
ณ จุดนี้สงสารเหล้ามาก แน่นอนว่าคนที่รู้สึกมากกว่าย่อมเสียใจมากกว่า
ยิ่งอ่านที่เหล้าพูดแล้วน้ำตาซึมเลย : (
#ทีมเหล้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด