#6.2วะฮะฮ่า!
ผมรู้สึกถึงชัยชนะอันแสนจะหอมหวานที่ได้ประทับริมฝีปากของตัวเองกับริมฝีปากของไอ้เอกตามที่ใจต้องการ มันเหมือนกับว่ายิ่งถ้าอีกฝ่ายขัดขืนมากเท่าไหร่ ผมก็จะยิ่งต้องจูบให้สำเร็จให้ได้มากเท่านั้น
ซึ่งพอได้จูบแล้ว ผมเลยยอมปล่อยให้มันเป็นอิสระ ก่อนที่ตัวเองจะคว้าค็อกเทลบนโต๊ะขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมด จนเพื่อนถึงกับเอ่ยปากห้ามไม่ทัน
อา~ อร่อย!
"สมใจมึงแล้วสินะ งั้นทีนี้ก็นั่งเฉยๆ เดี๋ยวกูไปหาน้ำมาให้" ไอ้เอกที่ทำหน้าเหมือนอยากจะฉีกผมออกเป็นชิ้นๆ รีบกดไหล่ผมให้นั่งลงทันที แล้วตั้งท่าจะเดินไปที่บาร์
แต่ใครบอกเอกล่ะว่าผมสมใจแล้ว เพราะในใจของผมตอนนี้มันยังกระหายการจูบอยู่เลย แถมพอดื่มค็อกเทลแก้วเมื่อกี้เข้าไปมันก็ยิ่งคึกคัก แม้จะทำให้มึนหัวเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่ความร้อนจากภายในและจังหวะหัวใจที่เลือดกำลังสูบฉีดตอนนี้มันผลักดันให้ผมก้าวยาวๆ ไปยังชายร่างท้วมที่เลี้ยงค็อกเทลแก้วสีฟ้า ก่อนที่จะตั้งท่าดึงเขาเข้ามาจูบ แต่..
"หยุดเดี๋ยวนี้นะวาฬ"
หลิวดันเข้ามาห้ามผมไว้ ดะ..เดี๋ยวก็จูบอีกทีเลยนี่!
"ปล่อยนะหลิว!"
"บอย พาวาฬกลับไปที่โต๊ะ ขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะคะ เพื่อนเมาค่ะ" ประโยคหลังหลิวน่าจะหันไปคุยกับคุณพี่ร่างท้วม
"ไม่เป็นไรครับ ถ้าน้องเขาอยากจูบ พี่ก็ยินดี"
"นั่นไง เขาเต็มใจจะจูบชัดๆ" ผมโวย โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าหลิวเริ่มทำหน้าไม่พอใจแล้ว
"หุบปากเลยวาฬ ถ้าหลิวโมโหมึง กูไม่ช่วยนะ"
พอเจอที่บอยกระซิบข้างหู ผมก็ได้แต่ทำหน้างอ แต่ก็ยอมหยุดแค่นั้น เหมือนร่างกายมันสั่งว่าถ้าไม่หยุดหลิวจะโกรธ แล้วผมก็ไม่ชอบเวลาที่หลิวโมโหเลยแม้แต่นิดเดียว
"ล็อคตัวไว้นะ เดี๋ยวจะเดินไปจูบใครอีก"
"โอเค"
พอบอยพาผมกลับมานั่งที่ หลิวก็สั่งให้มันล็อคผมไว้ ผมก็เลยพยายามบิดตัวให้หลุดจากบอย แต่พยายามเท่าไหร่ก็สู้แรงมันไม่ได้
ขี้โกง!
"น้ำมาละ" ก่อนจะตามมาด้วยเอกที่ถือน้ำมาสองขวด
แล้วหลังจากนั้นทั้งสามคนก็รุมกันบังคับให้ผมกินน้ำหมดไปสองขวดคนเดียวทำเอาจุกไปหมด ก่อนที่บอยจะเปลี่ยนให้เอกมาเป็นคนยึดผมเอาไว้กับทีแทน ซึ่งผมไม่เข้าใจเลยสักนิดว่ามันต้องขนาดนี้เลยหรอ การจูบใครสักคนมันผิดมากเลยหรือไง!
ผมดิ้นอยู่ในแขนแข็งแรงของไอ้เอกพักใหญ่เพื่อรอให้หลิวกับบอยเอาไอโฟนของผมไปกดเล่น นี่พวกมันไม่มีไอโฟนเป็นของตัวเองหรอวะ
ว่าแต่.. นั่งไปสักพักแล้วปวดฉี่แฮะ สงสัยเพราะพวกแม่งบังคับให้ผมกินน้ำเยอะแหงเลย!
"ปล่อยกูที" ผมขอร้อง
"ปล่อยให้มึงไปจูบคนอื่นอีกหรือไง" แต่ไอ้เอกไม่ยอม
"กูปวดฉี่"
"ตลกละ"
"ตลกบ้าอะไร กูปวดฉี่!"
"หราาา งั้นเดี๋ยวกูพาไปเอง ถ้าไม่ฉี่นะ เจอดีแน่"
อะไรวะ คนพูดความจริงก็ไม่เชื่อ ชักจะไม่พอใจละนะ
เพี๊ยะ!"เฮ้ย! ตีกูทำไม เจ็บนะ"
"เจ็บก็ปล่อยกูสิ" ผมทำตาดุใส่มัน "กูโตแล้ว กูไปเข้าห้องน้ำเองได้"
"แต่มึงเมาอยู่ เดี๋ยวกูพาไป"
"ปล่อย" แล้วผมก็สะบัดตัวให้แรงขึ้น ซึ่งนั่นทำให้เอกล็อคตัวผมแน่นขึ้นเช่นกัน
"อย่าดื้อได้มั้ย กูบอกว่า..โอ๊ยยยยย!"
ง่ำ!
ผมตัดสินใจกัดเข้าที่แขนของเอกเต็มแรง จนเจ้าตัวต้องยอมปล่อยผมให้เป็นอิสระ
"แบร่ สมน้ำหน้า"
"มากไปแล้วนะเว่ย!"
"ก็กูจะไปเข้าห้องน้ำ อยากมาล็อคกูไว้ทำไมล่ะ"
"เออ! จะไปไหนก็ไปเลยไป!!"
วินาทีนั้นเหมือนมีบางอย่างจุกขึ้นมาที่กลางอก.. เหมือนร่างกายมันรู้สึกไม่ดีเลยที่โดนไอ้เอกคำรามใส่แบบนั้น แถมพอมันพูดเสร็จก็กระดกเหล้ากินต่ออย่างไม่สนใจ
"วาฬ.." หลิวที่ดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกผมทำท่าจะเดินเข้ามา แต่ผมยกมือห้ามไว้ แล้วเดินลงมายังชั้นล่างเพื่อไปเข้าห้องน้ำเอง
ช่างหัวเอกมันสิ ก็คนมันปวดฉี่ แค่ปล่อยให้ไปเข้าก็จบแล้ว ทำยังกับว่าพอปล่อยผมแล้วผมจะไปกัดใครอย่างงั้นแหละ ผมไม่ใช่มานะเว่ย!
แล้วนี่อะไร ทำไมคนมันเยอะขนาดนี้ คนเรามันหาที่เที่ยวในคืนวันศุกร์นอกจากร้านเหล้ากันไม่ได้แล้วหรือไง? บอกว่าเป็นการผ่อนคลายหลังจากเรียนหรือทำงานมาตลอดห้าวัน แล้วไอ้ที่เต้นกันอย่างบ้าระห่ำนี่มันรีแล็กซ์ตรงไหน คอยดูเหอะ พรุ่งนี้ตื่นมาปวดตัวกันตายห่า หึ!
ผมพยายามเดินฝ่าฝูงคนที่เต้นเบียดเสียดกันจนจะเข้าไปอยู่ในร่างของกันและกันอยู่แล้ว เพื่อตรงไปยังจุดมุ่งหมายเดียวก็คือป้ายไฟรูปชายหญิงที่มีเส้นขั้นกลาง ซึ่งกว่าจะไปถึงได้ก็ว่าลำบากละ ยังจะต้องมาต่อแถวเพราะห้องน้ำเต็มอีก เยี่ยม!
หรือผมควรจะยืนฉี่ดีวะ?
แต่ไม่ชอบเลยอะ รอต่อแถวเข้าห้องน้ำก็แล้วกัน ไหนๆ ข้างหน้าก็ทยอยเข้าไปจนเหลือแค่ผู้ชายเสื้อดำอยู่คนเดียวแล้ว รอก็ได้
แอ๊ดดดดด~แล้วหลังจากที่ยืนรออยู่สักพัก ประตูห้องแรกก็เปิดออก เผยให้เห็นชายหญิงคู่หนึ่งเดินออกมา ทำเอาทุกคนที่อยู่ด้านนอกหันมองกันเป็นตาเดียว
อะไรกัน? ทำไมต้องมองกันขนาดนั้น พวกเขาทำอะไรผิดนักหนาหรอ ก็แค่เข้าห้องน้ำพร้อมกัน ดีซะอีก ประหยัดเวลาคนอื่นด้วย ว่าแต่.. สภาพผู้หญิงนี่ยุ่งเหยิงเลยแฮะ สงสัยคงเต้นหนักไปหน่อย
จนพวกเขาสองคนพากันเดินจากไป ก็ถึงตาของพี่เสื้อดำหน้าผมที่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องแรกบ้าง แต่ผม..รู้สึกอั้นไม่ไหวแล้วอะ เลย...
"พี่ครับ"
ตัดสินใจเรียกพี่เขาเอาไว้ ซึ่งพอหันมาก็เห็นว่าพี่เขาหน้าเข้มมาก ผิวแทน ดูไม่ใช่ผู้ชายแบบที่จะใจดีกับใครง่ายๆ แต่ถ้าไม่ลองขอดูก็ไม่รู้หรอกนะ
"ว่าไงครับ?"
"ผมปวดฉี่ไม่ไหวแล้ว ขอเข้าพร้อมพี่ได้มั้ย"
"หะ..หา!?"
"นะๆๆ"
"จะดีหรอน้อง พี่ว่า..."
"ดีสิครับ จะได้ประหยัดเวลาเหมือนคู่เมื่อกี้ไง"
พี่เสื้อดำหันไปมองทางที่ชายหญิงคู่นั้นเดินจากไป ก่อนจะหันกลับมามองผมหัวจรดเท้า แล้วในที่สุดก็ยิ้มออกมา
"กะ..ก็ได้ครับ"
"เย้!"
ผมร้องดีใจเหมือนเด็กๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับพี่เขา..ท่ามกลางสายตาของผู้ชายสามคนที่ยืนฉี่ และอีกสองคนที่กำลังล้างมือ
"งั้นผมขอก่อนแล้วกันนะครับ" ผมปลดกางเกงของตัวเองลงทันทีหลังจากที่พูดจบ ก่อนจะนั่งทำธุระของตัวเองต่อหน้าเขา
รู้สึกว่าต้องเป็นเพราะค็อกเทลแน่ที่ทำให้ผมใจกล้าหน้าด้านได้ขนาดนี้ นี่ถ้าพ่อแม่รู้นะ ผมคงโดนขังลืมอยู่บนหอคอยแน่ๆ เลย
"น้องน่ารักว่ะ พี่ทนไม่ไหวละ" แล้วพอผมจ้องหน้าพี่เขา อีกฝ่ายก็ถอดเสื้อออก เอ๊ะ! คนจะเข้าห้องน้ำแค่นี้ต้องถอดเสื้อด้วยหรอวะ?
ไม่เพียงเท่านั้นยังปลดกางเกงลงด้วย โห~ สงสัยพี่เขาจะปวดฉี่มากเลยแฮะ ดูดิ เป้านี่..ตุงเลย เห็นทีผมต้องรีบฉี่ให้เสร็จละ
"โอเคพี่" แล้วพอพี่เขาเดินเข้ามาใกล้ ผมก็ฉี่เสร็จเรียบร้อยพอดี เลยลุกขึ้นใส่กางเกงให้เรียบร้อย แล้วหันไปกดน้ำ "ผมเสร็จแล้ว พี่เชิญต่อเลยครับ : )"
พี่เขาถึงกับอ้าปากค้าง ทำหน้าเหมือนตกใจที่ผมเสร็จแล้ว อะไรอะ? ผมฉี่เร็วไปหรอ แต่ผมเสร็จแล้วอะ
"นี่น้อง.."
"ไปนะครับ จุ๊บ!"
ไม่บอกลาเฉยๆ นะ ผมยังจุ๊บปากพี่เขาไปทีนึงด้วยสำหรับความใจดีที่ให้เข้าห้องน้ำด้วยกัน ซึ่งพี่เขาก็ทำท่าเหมือนจะคว้าตัวผมไว้ แต่คงไม่ทันแล้ว เพราะว่าผมเปิดประตูเรียบร้อย แล้วเดินออกมาพร้อมกับสายตาของคนที่พากันมองเหมือนเดิม
แต่ผมไม่สนใจหรอก ก็อย่างว่า มนุษย์มีตานี่ การมองก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเนอะ : )
คิดได้แบบนั้น ผมก็ฝ่าฝูงคนออกมาเหมือนเดิม ทำไมรู้สึกเหมือนคนมันแน่นกว่าเดิมฟะ? แล้วเสียงเพลงกับการเคลื่อนไหวของคนในร้านก็เริ่มทำให้ผมมึนหัวมากขึ้นกว่าเดิมด้วย จนมารู้ตัวอีกทีก็เริ่มจะเดินไม่ตรงแล้ว มีความเซไปมาอยู่ตลอดเวลา นี่ดีนะที่มีคนคอยเบียดไว้ เลยไม่เทไปทางใดทางหนึ่ง ถ้าเกิดว่าลองคนหายไปสักข้างนึง มีหวัง...!
"เฮ้ย!"
แล้วยังไม่ทันจะคิดจนจบเลยด้วยซ้ำ จู่ๆ คนทางฝั่งซ้ายมือก็แหวกทางออกเฉยเลย ทำเอาผมที่เซไปข้างนั้นพอดีเกือบจะล้มลงฟาดกับพื้น ถ้าไม่ติดว่า...
"เกือบไปแล้ว : )" เจ้าของรอยยิ้มกว้างจะมาช่วยรับไว้ได้ทัน
"เหล้ารัม" ผมเอ่ยชื่อของคนตรงหน้าออกไปด้วยเสียงที่แผ่วเบา รู้สึกว่าตัวเองหายใจผิดไปหนึ่งจังหวะเมื่อได้เห็นเขาท่ามกลางแสงสีของร้านเหล้าแบบนี้ ทว่า..
"เหล้ารัมที่ไหนครับ นี่พี่ปูนเอง" ..สิ่งที่อีกฝ่ายตอบกลับมาทำให้ใบหน้าที่ผมชอบหายไปโดยพลัน เหลือเพียงใบหน้าของพี่ปูนที่ผมอยากจะอ้วกใส่
"ชะ..ช่วยปล่อยด้วยครับ" พอรู้ว่าไม่ใช่นายพ่อมด ผมก็พยายามผละออกจากรุ่นพี่ขี้หลีเมื่อสัมผัสได้ถึงมือปลาหมึกที่จับอย่างไม่ถูกที่ถูกทาง
"พี่ว่าน้องวาฬเมามากเลยนะ เซจนจะล้มขนาดนี้ ยังไงไปนั่งพักที่โต๊ะพี่ก่อนก็แล้วกัน" โดยไม่รอให้ผมตอบอะไร พี่ปูนก็ประคองผมไปที่โต๊ะของพี่เขาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าห้องน้ำเท่าไหร่นัก ซึ่งน่าจะเป็นโซนที่ราคาถูกและบรรยากาศแย่ที่สุดในร้านแล้ว
ผมถูกปล่อยให้นั่งลงข้างๆ พี่ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นเพื่อนของพี่ปูน ก่อนที่ร่างสูงจะรีบนั่งประกบผมไว้ แล้วร่างกายตอนนี้แม่งก็ไม่เป็นใจกับผมเลยสักนิด มันร้อนไปหมด แค่จะลุกยังไม่มีแรง เลยได้แต่นอนพิงเบาะโซฟาแบบนั้นต่อไปอย่างหมดสภาพ
มึนหัวโว้ย!
"น้องวาฬครับ ไอ้นี่ชื่อวินนะครับ ส่วนไอ้นั่นชื่อเทป" พี่ปูนแนะนำให้ผมรู้จักกับเพื่อนอีกสองคนของแก ซึ่งหน้าตาหล่อดี แถมสายตาก็ดูไม่เจ้าชู้เหมือนพี่ปูนด้วย ทำให้ความอยากจูบของผมมันวนกลับมาอีกครั้ง
แต่ก็น่าแปลกนะ ทั้งๆ ที่ผมอยากจูบใครหลายคน แต่กับพี่ปูนนี่..อยากถีบปากมากกว่า ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม?
"ครับ" ด้วยความที่ยังคงไร้เรี่ยวแรง ผมเลยตอบกลับไปสั้น แล้วพยายามนั่งนิ่งๆ ออมแรงต่อไป
"น้องวาฬอยากดื่มอะไรครับ เดี๋ยวพี่เลี้ยง"
"ไม่" ผมตอบออกไปแบบไม่ต้องคิด แล้วก็ไม่มีหางเสียงด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปกระทบต่อมอะไรของเพื่อนพี่ปูนอีกสองคนเข้า ถึงได้หลุดขำออกมาพร้อมกันแบบนั้น
"นี่ ทำไมใจร้ายกับพี่จัง" พี่ปูนพยายามยิ้ม ทั้งๆ ที่ตาของเขาแสดงให้ผมเห็นว่าเขารู้สึกไม่พอใจเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ อีก นี่ถ้าผมมีแรงมากกว่านี้ ผมจะเอามือดันหน้าพี่เขาให้ออกไปไกลๆ เลย
"เปล่าครับ"
"เปล่าอะไร ใจดีกับพี่หน่อยสิครับ พี่ชอบน้องนะ"
แล้วพี่ปูนก็ยิ้มกว้างๆ เหมือนตอนที่ช่วยผมไว้ไม่ให้ล้มฟาดกับพื้น มันก็เลย... ทำให้ภาพของใครคนนึงทับซ้อนเข้ามา..
"เหล้ารัม" แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ผมเอ่ยชื่อเขาออกไป
ดูจมูกโด่งๆ ของเขาสิ น่างับชะมัด จากนั้นก็ค่อยๆ ไล่ลงมาจุ๊บที่ปาก คงจะเป็นอะไรที่รู้สึกดีไม่น้อย
ตึกตัก ตึกตักแล้วเมื่อหัวใจผมเต้นแรงขึ้นซึ่งต่างจากตอนที่อยากจูบคนอื่นๆ ผมก็บอกกับตัวเองว่าถึงเวลาแล้วที่ควรจะจูบเหล้ารัมได้สักที
ถึงแม้ว่าจะตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมนายพ่อมดเหล้าถึงมาอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ แต่ในเมื่อเป็นเขา ผมก็ปฏิเสธอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละ
"เหล้ารัม"
"..."
ผมตัดสินใจเรียกชื่อเขาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าของตัวเองเข้าไปจูบเขาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงขึ้นจนถึงขั้นกดเขาให้นอนลงกับโซฟา
รู้สึกว่าหัวใจมันต้องการเหล้ารัมเหลือเกิน อยากจูบเขาอีก.. อยากจูบให้มากกว่านี้อีก.. เพราะไม่ว่าจะกดริมฝีปากลงไปเท่าไหร่ มันก็ยังตอบสนองความต้องการในหัวใจของผมไม่ได้
ทำไมกัน ทำไมใจผมถึงว่างเปล่าแบบนี้?
ยังกับว่ามีบางอย่างที่ผิดพลาดไป บางอย่างที่มันไม่ถูกต้อง!?
"วาฬ!"
แล้วผมก็พบคำตอบ... เมื่อเสียงอันแสนจะคุ้นเคยเรียกผมจากอีกทาง... ผมรีบผละจูบของตัวเองออกอย่างรวดเร็วเพื่อหันไปมองตามเสียงนั้น และพบว่า...
เหล้ารัมกำลังยืนมองมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ทว่า..นัยน์ตาคู่นั้นกลับส่องประกายความโกรธออกมาอย่างชัดเจน ในขณะที่เอกซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ได้แต่ทำหน้าเหวอ เหมือนตกใจที่เห็นผมตอนนี้
นั่นเลยทำให้ผมหันกลับไปหาคนที่ผมกดลงนอนกับโซฟา...
"พี่ปูน!"
เพราะแบบนี้เอง... ผมถึงได้รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง!
ผมหันกลับไปมองเหล้ารัมอีกครั้ง อยากจะพูดอธิบายออกไป แต่เขาไม่รออะไรทั้งนั้น รีบเดินก้าวเข้ามากระชากคอเสื้อให้ห่างจากตัวผมทันที
"เฮ้ย เดี๋ยวๆ!" พี่ปูนรีบร้องห้ามเสียงดังเมื่อเห็นว่าเหล้ารัมง้างหมัดจะชก
"อะไร!"
"กูทำอะไรผิดวะ น้องเขาเป็นแฟนมึงไง!"
"เปล่า" เหล้ารัมหันมามองหน้าผมแวบนึง ก่อนจะหันกลับไปพูดกับพี่ปูนต่อ "แต่ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง
พี่ปูนก็เลยอาศัยจังหวะที่เหล้ารัมดูจะเบาลงแกะมือที่กำคอเสื้อออก แล้วพูดในสิ่งที่ทำเอาผมตัวแข็งทื่อ...
"งั้นมึงต้องโทษน้องเขาแล้วล่ะ เพราะเขาเป็นคนจูบกูเอง ไม่เชื่อถามเพื่อนๆ กูดูก็ได้!"
เหล้ารัมถึงกับตวัดสายตากลับมาที่ผมทันที "จริงหรอ?" ก่อนถามด้วยน้ำเสียงที่..เย็นชากว่าเคย
"..." ผมไม่กล้าตอบ... ไม่ใช่ว่ากลัว แต่ความรู้สึกผิดมันกัดกินหัวใจผมอย่างรุนแรงจนแทบจะไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
เพราะรู้ว่าถ้าพูดคำตอบออกไปตามความเป็นจริง เหล้ารัมจะกลายเป็นฝ่ายที่รู้สึกแย่มากกว่าผมหลายต่อหลายเท่า และผมไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น...
"ตอบผมมาสิ!" แต่นั่นดูเหมือนว่าจะยิ่งทำให้เขาอยากได้คำตอบมากขึ้นกว่าเดิม
จนในที่สุด.. "จริงครับ" ผมก็ต้องยอมตอบออกไป
ปึก!แล้วทันใดนั้น ทุกอย่างในร้านก็หยุดนิ่งในทันทีที่เหล้ารัมชกหมัดเข้ากับกำแพง..! ไม่มีเสียงดนตรีอีกต่อไปแล้ว เพราะแม้แต่ผู้คนก็ไร้การเคลื่อนไหวไปด้วย
ราวกับว่าแรงจากการปล่อยหมัดทำให้เกิดเวทหยุดเวลาขึ้นมา..
จะมีก็แต่ผมกับคนที่ปล่อยพลังเวทเท่านั้นที่ยังขยับได้.. แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมขยับไปไหนทั้งนั้น ได้แต่รอ.. รอให้เหล้ารัมเป็นฝ่ายเดินมาหาเอง
เขาจ้องมองเข้ามาในตาผม.. หายใจยาวขึ้นกว่าปกติราวกับต้องการจะสะกดอารมณ์ตัวเอง แต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่สำเร็จ..
"กลับคอนโดเดี๋ยวนี้!"
..เพราะเขาตะโกนใส่ผมด้วยสายตาดุดัน ก่อนจะกระชากแขนผมแรงๆ ให้เดินตามไป ท่ามกลางฝูงชนที่แน่นิ่ง..
นิ่งเหมือนกับ..หัวใจของเขาที่คงจะผิดหวังในตัวผมไปแล้ว..
#แฮมสเตอร์บทที่ 6 นี่มีตั้งแต่ 6.1-6.3 นะครับ แต่ขอเก็บ 6.3 ไว้ลงทีหลังเพราะว่ารวมๆ กันแล้วค่อนข้างยาวมากๆ
คิดว่าบทนี้น่าจะเป็นตอนที่ฉูดฉาดที่สุดในเรื่องแล้ว อาจจะดราม่าหน่อย แต่ก็ถือว่าเอามาตัดความเลี่ยนติดๆๆ กันที่ผ่านมานะครับ : )
หากใครอยากด่าวาฬลง twitter ฝาก #พ่อมดเหล้า ด้วยนะครับ ฮ่าๆๆๆ~
my page :
แฮมสเตอร์ 