#พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016  (อ่าน 133873 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
เห็นหุ่นกันและกันอย่างงี้
หวั่นไหวกันมั้ยย ตอบบบ

อ๊าาย ซาแมนทาอยากได้ผู้ช่วยมั้ย เค้าสมัครร
หัวนมชมพู กับกล้ามท้องงงงง ฟินน

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
#8.2

คืนวันอาทิตย์.. ผมกับเหล้ารัมมาถึงงานค่อนข้างช้า เนื่องจากจู่ๆ นายพ่อมดเหล้าก็ดูจะตัวใหญ่ขึ้นจากเมื่อวานตอนที่วัดไซส์กัน ทำให้ซาแมนธาและทีมงานต้องจัดการปรับแก้กันเล็กน้อย กว่าที่ทักซิโด้สีดำเนี้ยบจะแนบและพอดีไปกับหุ่นของเหล้ารัม

แต่ผลสรุปสุดท้ายของกระบวนการแก้ก็คือ.. นายพ่อมดเหล้าดูดีมาก! ยิ่งเขาเสยผมสีบลอนด์ไปทางด้านหลังแบบเวทลุค แล้วสวมหน้ากากสีเงินแบบนี้ มันยิ่งทำให้เขาดูฮอตขึ้นกว่าเดิมอีกเป็นสิบเท่า และใช่ เขาคือคู่ควงไปงานของผมในคืนนี้ไม่ผิดแน่ : )

ในขณะที่ทักซิโด้สีขาวหิมะอีกชุดนึงนั้นเหมือนจะเกิดมาเพื่อผมโดยเฉพาะ มันกรีดร้องชื่อผมตั้งแต่ตอนที่ได้เห็นครั้งแรก แล้วพอได้ใส่ เหมือนว่าทุกอย่างดูจะพอเหมาะพอเจาะ มีความลงตัวเข้ากับหน้ากากสีทองที่ผมกำลังใส่อยู่ ไม่มากไปไม่น้อยไป แถมสีของมันก็ยังช่วยขับผิวของผมอีกด้วย

ได้ชุดที่สุดจะยอดเยี่ยมแบบนี้มา ก็ถือว่าไม่เสียแรงที่ยอมแก้ผ้าต่อหน้าเหล้ารัมเมื่อวานนี้น่ะนะ

อายจริง แต่ก็ถือว่าคุ้ม!

ซึ่งไอ้เจ้างานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากที่เหล้ารัมกำลังส่งบัตรเชิญให้การ์ดร่างใหญ่ดูอยู่เนี่ย มันถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลเกรวินเกอร์

เหล้ารัมเล่าให้ผมฟังเกี่ยวกับงานเลี้ยงเต้นรำในคืนนี้ว่า..เป็นงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากประจำปีที่เก่าแก่มาก ถูกจัดขึ้นมาเป็นร้อยกว่าปีแล้ว เรียกว่าอยู่คู่กับประวัติศาสตร์ของโลกเวทมนตร์มาอย่างยาวนาน โดยจุดประสงค์ของตระกูลเกรวินเกอร์ก็เพื่อให้พ่อมดแม่มดวัยหนุ่มสาวนั้นได้สืบทอดประเพณีการเต้นรำอันทรงคุณค่านี้ไว้ตราบนานเท่านาน ซึ่งนั่นเป็นเพียงแค่ความคิดของผู้ใหญ่น่ะนะ เพราะเหล้ารัมบอกกับผมว่าสำหรับหนุ่มสาวในงานแล้ว งานนี้คืองานสำหรับการหาคู่ชั้นยอด เนื่องจากผู้ที่จะได้รับบัตรเชิญล้วนแล้วแต่เป็นพ่อมดแม่มดในสังคมชั้นสูงแทบทั้งนั้น "เรียกว่าคัดสรรคนที่มีฐานะมาให้พร้อมสรรพแบบนี้ ใครล่ะจะไม่ลองหาเหยื่อในงานดู จริงมั้ย?" และผมก็เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำพูดของนายพ่อมดเหล้า ถึงแม้ว่าตามกฎของธรรมชาติพวกเขาจะรักคนยากก็จริง แต่ก็มีอีกหลายคู่เลยล่ะที่แต่งงานกันเพียงเพื่อต้องการสืบสกุลและทรัพย์สมบัติไว้ ไม่มีการเห็นแก่ความรักอะไรทั้งนั้น

แล้วสาเหตุที่เหล้ารัมได้รับบัตรเชิญแบบวีไอพีมาก็เพราะว่าเพื่อนรุ่นพี่ของเขานามว่าวินเซนต์ เป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบันของเกรวินเกอร์ ซึ่งถือว่าเป็นโฮสต์หลักของงานนี้ แต่เอาจริงๆ ต่อให้ให้เขาไม่ใช่เพื่อนกัน พ่อมดหนุ่มจากตระกูลอัครวรกุลพิชิตอย่างเหล้ารัมก็ต้องถูกเชิญให้มาร่วมงานตามฐานะทางสังคมอยู่แล้ว

"เชิญเข้างานได้ครับ"

แต่เรื่องรายละเอียดงานรวมถึงความวีไอพีของนายเหล้ารัมน่ะพักไว้ก่อนนะ เพราะตอนนี้วินาทีที่น่าตื่นเต้นและน่าหวาดหวั่นใจในคราวเดียวกันของผมกำลังจะเกิดขึ้น เมื่อการ์ดเปิดเช็คบัตรเชิญเสร็จเรียบร้อย และเปิดเชือกกั้นทางเข้าของแขกระดับเอลิสต์ให้เราสองคนเดินเข้าไป

"เหล้ารัม คุณแน่ใจนะว่าทุกอย่างจะโอเค"

"แน่ใจสิ ทำไมหรอ?"

"คือ.. คุณเห็นใช้มั้ยว่าการ์ดจับจ้องคู่ของเราใหญ่เลย"

"เห็นสิ ดูสนใจมากทีเดียว"

"เพราะฉะนั้นทุกคนที่อยู่ในงานก็คงจะไม่ต่างกันหรอกนะ"

และสาเหตุที่ผมและเหล้ารัมตกเป็นเป้าสายตาก็ไม่ใช่อะไร แต่เป็นเพราะว่าน่าจะมีเพียงคู่เราเท่านั้นที่เป็นคู่ควงของผู้ชายกับผู้ชาย ซึ่งถ้าจะให้พูดกันตามจริง โลกเวทมนตร์ก็ไม่ได้แอนตี้อะไรหรอก เพียงแต่ด้วยความที่มีน้อย ก็เลยทำให้คนอื่นยิ่งสนใจมากเป็นพิเศษ

ทว่า..

"ถ้ากลัวงั้นก็ไม่ต้องควงผมก็ได้" เหล้ารัมแกะมือผมที่ควงแขนเขาอยู่ออก ซึ่งมันทำให้ใจผมร่วงหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยตอนนี้.. "แต่จับมือผมไว้ จะได้ไม่ต้องกลัว เพราะผมจะไม่ปล่อยมือจากคุณเด็ดขาด" ก่อนที่เขาจะช่วยเก็บหัวใจของผมกลับขึ้นมา เมื่อเหล้ารัมเลื่อนมือของเขามาจับมือของผมเอาไว้แน่น

แล้วก็เหลือเชื่อนะ... มันทำให้ผมอุ่นใจได้จริงๆ กับเพียงแค่การได้จับมือกับเขาเท่านั้น

นั่นเลยทำให้ผมกล้าพอที่จะเดินเคียงข้างนายพ่อมดเหล้าเข้าไปในงานที่จัดขึ้นอย่างหรูหราและคลาสสิคที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา บอกให้รู้เลยว่าต่อให้นายทุนทุ่มเงินสร้างงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากในหนังหรือในซีรี่ส์ออกมาให้แพงแสนแพงขนาดไหน ก็ไม่อาจที่จะเทียบเทียมกับงานของตระกูลเกรวินเกอร์ที่อยู่ต่อหน้าผมได้

ตึกตัก ตึกตัก

ถึงขนาดที่ทำเอาหัวใจผมเต้นผิดจังหวะไปเลย ตอนที่หันมองไปรอบๆ งาน

"เป็นไง ใช่งานในแบบที่คุณอยากมามั้ยครับวาฬ : )"

ก่อนจะพยายามรวบรวมสติของตัวเองตอนที่คนข้างๆ เอ่ยถามขึ้น และตอบเขาไปว่า.. "ยิ่งกว่าที่ผมอยากมาอีกครับ เพราะว่านี่มัน..ความฝันชัดๆ!"

นายพ่อมดหัวเราะออกมาเลยตอนที่ผมร้องเสียงตื่นเต้น และหยิกตัวเองต่อหน้าเขาเพื่อให้แน่ใจว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่ภาพฝันไปเท่านั้น

"นั่นใครน่ะ ใช่เหล้ารัมหรือเปล่า?"

แต่เพียงไม่นาน.. ความฝันของผมก็ดูเหมือนจะสลายหายไป..

"ฉันว่าใช่นะ ผมสีนั้น รูปร่างแบบนั้น มีแค่เหล้ารัมคนเดียวเท่านั้นแหละ"

"ตายจริง! งั้นก็แสดงว่าเขาเป็นเกย์อย่างที่คนเขาลือกันจริงๆ น่ะสิ"

หายไป.. พร้อมกับคำนินทา และสายตาเกือบทุกคู่ที่มองมาที่เรา..

"เฮ้ย นั่นมันเหล้ารัมไม่ใช่หรอวะ ไหงควงผู้ชายมางานด้วยวะน่ะ"

"ก็กูบอกแล้วว่ามันเป็นเกย์"

"แต่เหล้ารัมเขาเป็นพ่อมดที่เก่งมากเลยนะ"

"อ้าว เก่งแล้วเป็นเกย์ไม่ได้หรือไงเล่า"

"ว่าแต่นั่นน่ะ มนุษย์ไม่ใช่หรอวะ"

"เออ จริงด้วย คู่ควงแม่งเป็นมนุษย์ว่ะ!"

"มึงอย่าเสียงดังดิ ถ้าดวลเวทมนตร์กัน มึงสู้เหล้ารัมไม่ไหวนะเว่ย"

"เออๆ แต่นั่นมันมนุษย์จริงๆ ว่ะ นอกจากจะมีคู่ควงเป็นผู้ชายแล้วยังเป็นมนุษย์อีก ประหลาดโคตร"

"เออ ประหลาดจริงๆ"

แต่รู้อะไรมั้ย? ฝันที่เกือบจะสลายหายไปแล้ว.. กลับสวยงามขึ้นอีกครั้ง เมื่อเหล้ารัมบีบมือผมให้แน่นขึ้น.. ทั้งๆ ที่เสียงซุบซิบนินทายังคงดังมาจากหลายทิศทางอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นคำว่า 'เกย์' คำว่า 'มนุษย์' หรือคำว่า 'แปลกประหลาด' แต่กลับไม่มีผลกับผมอีกต่อไป

เพียงเพราะ.. เหล้ารัมที่จับมือผมไว้ และคอยส่งยิ้มมาให้เมื่อผมหันไปมอง..

"ดูเหมือนว่าคนจะจำคุณได้นะครับ" แต่ก็ยังอดที่จะไม่พูดถึงไม่ได้น่ะนะ เพราะยอมรับว่ามันก็ทำให้ใจผมรู้สึกขุ่นมัวเหมือนกัน

"นั่นน่ะสิ ความหล่อของผมเนี่ย แค่หน้ากากอันเดียวคงจะปิดไม่อยู่จริงๆ : )" ต่างจากเหล้ารัมที่ยังคงติดตลกอยู่ได้

ซึ่งผมว่ามันดีนะที่เหล้ารัมไม่แสดงความรู้สึกว่าซีเรียสอะไรกับคำนินทาและสายตาเหล่านั้น เพราะมันก็เลยทำให้ความสดใสจากรอยยิ้มของเขาส่งผลมาถึงผมด้วย

ดังนั้นผมก็เลยติดตลกกลับไปบ้าง "งั้นคงต้องโทษความหล่อของคุณแล้วล่ะ ที่ทำให้คนนินทาเราระยะเผาขนแบบนี้" ก่อนจะหัวเราะออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าผมไม่ได้ซีเรียสอะไรแล้ว

"แล้วใครสนล่ะ" คราวนี้เหล้ารัมจับมือผมอีกข้างไปกุมไว้ด้วยกัน "ใครอยากพูดอะไรก็พูดไป เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราสองคนมีหน้าที่ที่ต้องช่วยกันเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆ จากงานนี้ และรักษาหน้ากากของเราเอาไว้ ให้สมกับที่เป็นงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากครั้งแรกในชีวิตของคุณกันดีกว่า : )"

"..."

ซึ่งพออีกฝ่ายพูดจบ ผมก็รู้สึกว่าตัวเองหมดคำที่จะพูด.. เพราะสิ่งดีๆ ที่ควรพูด ถูกเหล้ารัมแย่งพูดไปหมดแล้ว เลยได้แต่ส่งยิ้มให้เขา เพื่อแทนคำขอบคุณสำหรับคำพูดดีๆ ที่เขาได้พูดออกมา

จะว่าไป.. เหล้ารัมนี่ก็เก่งเนอะ เก่งมากที่สามารถทำให้หมอกร้ายภายในใจผมมันจางหายไปได้เพียงแค่ได้รับคำพูดและรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติจากเขา จนบางทีผมก็นึกอยากขอบคุณเจ้าคำสาปร้ายเหมือนกัน ที่ช่วยคัดสรรคนดีๆ แบบนี้เข้ามาในชีวิตผม และทำให้ผมได้รับรู้ถึงความรู้สึกดีๆ จากคนหนึ่งคนที่นอกเหนือไปจากพ่อแม่และเพื่อน

ผมนี่ก็.. โชคดีเหมือนกันเนอะ : )

"แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเต้นรำนะ เพราะฉะนั้นคุณกับผมควรหากิจกรรมอย่างอื่นทำกันก่อน"

แต่ในขณะที่ผมกำลังคิดถึงความโชคดีที่ได้มาเจอกับเหล้ารัมอยู่นั้น นายพ่อมดก็เปิดประเด็นใหม่ขึ้น ทำให้ผมต้องรีบเก็บความคิดเหล้านั้น ก่อนจะเริ่มกวาดตามองไปรอบๆ เพื่อมองหากิจกรรมอื่นในงานที่น่าสนใจแทน

โอเค ลานที่ผู้คนจำนวนมากยืนกันอยู่ตอนนี้น่าจะเป็นฟลอร์สำหรับเต้นรำ เพราะมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง อยู่ตรงทางขึ้นบันไดใหญ่ของบ้านที่ตั้งไมค์ไว้ตรงชั้นลอยตรงทางแยกประหนึ่งเวที ส่วนฝั่งซ้ายมือที่ติดกับฟลอร์ก็เป็นพื้นยกสูงสำหรับวงออเคสต้า ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาไม่น่าจะเป็นกิจกรรมที่สามารถทำฆ่าเวลาได้ เว้นเสียแต่เหล้ารัมอยากพูดคุยกับใคร หรือไม่ก็พากันโดดขึ้นไปแย่งเครื่องดนตรีของวงออเคสต้ามาเล่นน่ะนะ

เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่คิดว่าน่าจะเวิร์คสำหรับทั้งผมและเหล้ารัม น่าจะเป็นทางเดินฝั่งขวาที่หนุ่มสาวหลายคู่กำลังพากันเดินไป เพราะว่ามันคือทางไปยังโซนห้องอาหารยังไงล่ะครับ : )

"ผมรู้แล้วล่ะว่าเราควรจะทำอะไรกันดี"

เหล้ารัมเลิกคิ้วสูงเหมือนต้องการจะถามว่าสิ่งที่ว่านั่นคืออะไร ผมก็เลยชี้ให้นายพ่อมดหน้าฝรั่งหันไปมองทางซ้ายมือ และนั่นทำให้อีกฝ่ายหันกลับมายิ้มให้ผม

"กู๊ดไอเดียเลยครับวาฬ : )" ก่อนจะตอบรับ แล้วพากันเดินจูงมือไปยังห้องอาหารที่มีพื้นที่กว้างกว่าส่วนฟลอร์เต้นรำหลายเท่า

ซึ่งอาหารการกินภายในงานนั้นเป็นแบบบุฟเฟ่ต์บาร์ทั้งหมด สามารถเลือกตักได้หลากหลายแนว และก็จุใจด้วย เพราะไม่ว่าแขกในงานจะตักไปเท่าไหร่ อาหารทุกอย่างก็จะคืนสภาพกลับมาเต็มเหมือนเดิม โดยไม่ต้องพึ่งพาบริกรให้ต้องคอยยกอาหารมาเพิ่มเติมเลยสักนิด เนี่ยแหละนะ ความสะดวกสบายของเวทมนตร์น่ะ

"คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย" ซึ่งพอผมกับเหล้ารัมมีจานเปล่าอยู่ในมือคนละใบ พร้อมกับมาหยุดยืนอยู่ตรงแถบอาหารคาวที่มีให้เลือกหลากหลายชนิดและหลากหลายชาติแล้ว ผมก็ตัดสินใจถามเขา เผื่อว่าจะเป็นแนวทางในการตักให้กับผมบ้าง

"ไม่รู้สิครับ เพราะว่าตอนนี้มันน่ากินไปหมดเลย" แต่เหล้ารัมก็เหมือนผม อาหารเยอะจนลายตา แถมหน้าตาก็น่ากินไปเสียทุกอย่าง เลือกยากอะบอกเลย

ทว่าพอเวลาผ่านไปได้ประมาณหกวิ จากตอนแรกที่เราเอาแต่ยืนมองอย่างเลือกไม่ถูก ก็เริ่มค่อยๆ ทยอยตักนั่นตักนี่จนล้นจาน ก่อนจะหยิบจานเปล่าใบใหม่เพื่อตามกันไปตักของหวานต่อด้วย เรียกว่าเรากะจะกินทีเดียวแบบไม่ต้องลุกมาตักให้ขาดตอนเลย

"คุณหยิบฝั่งนี้นะ เดี๋ยวผมหยิบฝั่งนี้ แล้วเดี๋ยวเราแบ่งกันกิน จะได้กินได้หลายๆ อย่าง" แถมเหล้ารัมยังมีการบอกแผนในการหยิบของหวานด้วย อะไรจะจริงจังกับการกินขนาดนี้นะ ฮ่าๆๆ~ "อ๊ะ! ไอ้นั่นไม่เอาครับวาฬ" แต่ในขณะที่ผมกำลังจะหยิบบราวนี่รสช็อกโกแลตใส่จาน นายพ่อมดเหล้าก็ปาดเข้ามาห้ามทันที

"ทำไมล่ะ น่ากินออก"

"ผมเกลียดช็อกโกแล็ตครับ" ไม่พูดเปล่า เหล้ารัมยังเบ้ปากแรง แถมทำท่าเหมือนขนลุกให้ผมดูด้วย

"ทำไมกัน อร่อยออก ผมชอบมากเลยนะ"

"ไม่จริงครับ ไม่เห็นจะอร่อยเลยสักนิด ผมไม่เคยได้รับรสชาติอื่นจากมันได้เลยนอกจากความขม เพราะฉะนั้นขอร้องเถอะนะครับ ถ้าอยากเป็นมิตรกัน อย่าเอามันมาใกล้ผมเลย : ("

"ฮ่าๆๆ~ โอเคครับ" พอเห็นว่าเหล้ารัมดูจะไม่ชอบช็อกโกแลตแบบจริงจัง ผมก็ยกมือยอมแพ้ "เอาเป็นว่าผมจะไม่หยิบอะไรที่เป็นช็อกโกแลตก็แล้วกัน" ก่อนจะทำการยืนยันเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ นายพ่อมดถึงได้ยอมกลับไปหยิบขนมในส่วนที่เขารับผิดชอบต่อ

"สวัสดีเหล้ารัม" แล้วในขณะที่ผมกับเหล้ารัมกำลังง่วนอยู่กับการเลือกหยิบขนมหวานใส่จานอยู่นั้น ใครคนนึงก็เดินเข้ามา

เขาสูงพอๆ กับเหล้ารัม แต่มีกล้ามแขนและความหนาของลำตัวมากกว่าสองเท่า ดูอกผายไหล่ผึ่ง ให้ความรู้สึกเหมือนทำงานในกองทัพเวทมนตร์ โดยเฉพาะเมื่อใส่ทักซิโด้สีน้ำตาลเข้มฟิตหุ่นกับคอมแบทหนังสีเดียวกันแต่เข้มกว่าแบบนี้ ยิ่งทำให้ภาพของทหารในหัวผมมันชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ส่วนผิวของเขานั้นเป็นสีแทนดูสุขภาพดี มีผมสีน้ำตาลเข้มจัดทรงเท่ สวมหน้ากากสีทองแบบที่ปิดสูงไปถึงหน้าผาก เลยทำให้ผมไม่รู้ว่าคิ้วและช่วงตาของเขานั้นมีลักษณะอย่างไร รู้เพียงแค่ว่านัยน์ตาของผู้ชายคนนี้เป็นสีฟ้าใส ไว้หนวดเคราบางๆ และมีรูปหน้าคมเข้มที่จัดว่าดูดีอีกด้วย

"อ้าว นึกว่าใคร ที่แท้ก็เจ้าชายเบเนดิกต์สุดเท่ของเรานี่เอง ว่าแต่..ไหงจำได้ด้วยวะว่าเป็นฉันน่ะ"

คำว่า 'เจ้าชาย' ทำให้ผมเบิกตาโตแบบอัตโนมัติ!

ผะ..ผู้ชายคนนี้เป็นพ่อมดเชื้อพระวงศ์อย่างงั้นหรอ!?

งั้นก็แสดงว่าที่เหล้ารัมเคยบอกว่ามีเพื่อนเป็นเจ้าชายรัชทายาทของโลกเวทมนตร์นี่ก็เรื่องจริงอะดิ!

ก็ว่าอยู่ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้มีรูปร่างเหมือนพ่อมดที่ทำงานในกองทัพเวทมนตร์นัก เพราะว่าที่โลกนี้น่ะ หากเจ้าชายองค์ใดได้รับตำแหน่งรัชทายาท จะต้องเข้าร่วมฝึกในกองทัพเป็นเวลาหนึ่งปี เพื่อที่จะได้เกิดความสมัครสมานสามัคคีกับเหล่าทหารเวท เพราะในอนาคตพอขึ้นเป็นพระราชาแล้ว จะได้เข้าใจและสามารถคุมกองทัพซึ่งเป็นทหารของพระองค์ได้

"จำได้สิ คนอย่างแกมันโดดเด่นเกินไป ปิดยังไงก็ไม่มิดหรอก"

จริงของเจ้าชาย เหล้ารัมโดดเด่นเกินไปจริงๆ ทั้งความสูง สีผม สีตา รวมถึงรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ หน้ากากแค่นี้ไม่มีทางปิดบังตัวตนของเขาได้แน่

"เจ้าชายเองก็โดดเด่นใช่เล่นเสียเมื่อไหร่ แต่ก็ขอบคุณที่ชมนะ รู้สึกปลื้มใจจัง : )"

"ขอบคุณที่ชมเช่นกันเว่ย แต่นั่นยังไม่ใช่ประเด็นที่ฉันมาหาแกหรอกนะ"

"อ้าว แล้วมาหาฉันด้วยเรื่องอะไรล่ะ : )"

"ไม่ต้องมาทำเป็นตีหน้าซื่อเลยนะไอ้พ่อมดเจ้าเล่ห์ แค่เห็นยิ้มของแก ฉันก็รู้แล้วว่าแกน่ะรู้ว่าฉันเข้ามาทักด้วยเรื่องอะไร"

"อ๋อ~ เข้ามาทักเพราะว่าคิดถึงสินะ : )"

"ไม่ใช่โว้ยยยย!"

"งั้นก็คงเพราะอยากหาเพื่อนคุยใช่มั้ย : )"

"เพราะเรื่องที่แกควงคุณผู้ชายคนนี้มาด้วยต่างหาก!" เจ้าชาย (ที่ผมยังจำชื่อไม่ได้) หันมาชี้ผมที่ยังคงถือจานใส่ขนมและไร้ซึ่งบทพูดทีนึง แล้วหันกลับไปหาเหล้ารัม "นี่สรุปที่แกบอกฉันว่ากำลังมีใจให้มนุษย์เพศชายนี่มันเรื่องจริงหรอวะเนี่ย"

"แล้วใครจะไปกล้าโกหกเจ้าชายเบเนดิกต์ (อ๋อ นี่ไงชื่อเจ้าชาย) ล่ะครับ : )"

พอได้ยินแบบนั้น เจ้าชายเบเนดิกต์ก็ยกมือขึ้นเหมือนจะยอมแพ้เหล้ารัม แล้วเปลี่ยนคู่สนทนามาเป็นผมแทน

"สวัสดีครับ ผมชื่อเบเนดิก ไซดีค แห่งราชวงศ์เนน เจ้าชายราชทายาทองค์ปัจจุบันของโลกเวทมนตร์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ"

"ยะ..ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ อะ..เอ้ย! หมายถึง... เอ่อ.." ผมที่ยืนเงียบอยู่นาน พอได้ฟังการกล่าวแนะนำตัวของเจ้าชายเบเนดิกต์แบบเต็มยศเช่นนี้ ก็เลยเผลอทะเล่อทะล่าพูด 'ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน' ออกไป ทั้งที่จริงๆ แล้ว ควรจะต้องแนะนำตัวเองให้เจ้าชายได้รู้จักก่อน น่ะ..น่าอายชะมัด!

"ทำตัวตามสบายเถอะครับ ยังไงผมก็เป็นเพื่อนของเหล้ารัม คุณไม่ต้องคิดว่าผมเป็นเจ้าชายก็ได้" ถึงพระองค์จะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ผมไม่สามารถที่จะเลิกคิดว่าพระองค์ไม่ใช่เจ้าชายได้หรอกนะ ต่อให้พระองค์เป็นเพื่อนกับเหล้ารัมก็ตาม

เพราะฉะนั้น อันดับแรก..ผมจึงตั้งสติให้มั่น หันไปวางจานของหวานในมือลงข้างๆ จานอาหารที่ตักเอาไว้ก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะหันกลับมาโค้งคำนับแบบพิเศษ โดยการนำมือขวาขึ้นวางทาบไว้บนอกซ้าย เพื่อเป็นการทำความเคารพพ่อมดแม่มดที่มีสายเลือดสูงศักดิ์อย่างเจ้าชาย

"ผมชื่อ.."

"อ๊ะๆ ชู่ววว~ เก็บเรื่องของคุณไว้เป็นความหลับก่อนดีกว่า"

แต่ในขณะที่ผมกำลังจะแนะนำตัวเอง เหล้ารัมที่ยืนยิ้มอยู่ในตอนแรก ก็ก้าวยาวๆ เข้ามาห้ามผมไว้ โดยการขยิบตาขวาหนึ่งทีพลางแตะนิ้วชี้ลงบนริมฝีปากผม..

เอ่อ.. นี่เป็นการส่งสัญญาณบางอย่างสินะ

ว่าแต่ว่า.. ทำไมนายพ่อมดเหล้าสัมผัสนิ้วแค่ที่ปาก.. แต่กลับรู้สึกชาวาบไปทั่วทั้งตัวเลยล่ะเนี่ย แถมสองข้างแก้มก็รู้สึกร้อนๆ ด้วย.. ขะ..เขินอะไรกับเรื่องแค่นี้ฟะ!?

"อ้าว ไหงงั้นล่ะ!?" ส่วนเจ้าชายที่น่าจะไม่เห็นตอนเหล้ารัมขยิบตาก็ร้องถามออกมาซะเสียงหลงเลย คงงงว่าทำไมจู่ๆ เหล้ารัมก็เข้ามาห้ามสินะ เพราะผมเองก็..งงไม่ต่างกันนั่นแหละ!

"ขอเก็บไว้เป็นความลับก่อน พร้อมเมื่อไหร่ ฉันจะพามาออกสื่อให้ได้รู้จักนะครับเจ้าชาย : )"

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
"เออ ให้มันได้อย่างงี้สิ!" ถึงแม้ว่าจะมีหน้ากากบังอยู่เกือบครึ่ง แต่ความหงุดหงิดของเจ้าชายเบเนดิกต์ก็แทบจะทะลุหน้ากากออกมาเลย จนผมอยากจะหันไปตีเหล้ารัมสักทีสองทีที่ทำให้เจ้าชายไม่พอใจแบบนี้แต่ยังยืนยิ้มอยู่ได้

แต่ก็อย่างว่าแหละ เล่นขยิบตาให้ผมแบบนั้น แสดงว่าเหล้ารัมเองก็คงจะมีเหตุผลบางอย่างที่อยากให้ผมเงียบไว้ ซึ่งถ้าให้ผมเดานะ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องพันธะสัญญาแน่ เพราะถ้าเกิดว่าเจ้าชายรู้นามสกุลของผม ก็ต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับคำสาปด้วย (เพิ่งจะนึกได้) นี่ผมลืมนึกไปได้ยังไงกันว่าต้นตระกูลของผมกับต้นตระกูลของพระองค์เกี่ยวข้องกันมากขนาดไหน โดยเฉพาะเรื่องของคำสาปน่ะ


แล้วหากเจ้าชายเบเนดิกต์รู้เข้า ก็อาจจะเกิดเป็นความคำถามที่ว่าทำไมเหล้ารัมถึงได้มายุ่งกับคนใกล้ตายอย่างผม? ทีนี้ล่ะก็ยาวลามไปถึงเรื่องพันธะสัญญาจนได้


ถึงผมจะไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงของการที่เหล้ารัมให้ปิดเรื่องพันธะสัญญาครั้งที่สอวเอาไว้ก็เถอะนะ แต่ในเมื่อผมรับปากไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นเงื่อนไขที่ผมควรจะยึดถือไว้ เพราะฉะนั้นครั้งต่อไปจะพูดอะไรก็ควรที่จะต้องคิดให้รอบคอบกว่านี้

"ถ้างั้นฉันขอตัวไปหาที่นั่งกินอาหารกับคู่ควงก่อนก็แล้วนะเจ้าชาย ไว้เจอกัน : )" ไม่เพียงเท่านั้น เหล้ารัมยังหยิบจานที่ผมวางไว้ส่งมาให้ ก่อนจะหันไปหยิบจานสองจานของตัวเอง แล้วขอตัวลาจากเจ้าชาย

"เฮ้ย อะไรวะ ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะเหล้ารัม" แต่ว่าพระองค์ไม่ยอมไง แถมยังมีการเอาตัวเข้ามาขวางไว้ด้วย

"อยู่นี่เองไอ้เหล้ารัม"

ทว่า.. ยังไม่ทันที่จะได้มีใครพูดอะไรหรือขยับไปไหนต่อจากนั้น ก็มีใครอีกคนเดินเข้ามาหาเหล้ารัมเสียก่อน ดูท่าจะสนิทสนมกับนายพ่อมดเหล้าไม่แพ้เจ้าชายเบเนดิกต์เลยด้วย

เขาเป็นชายร่างสูง ผิวขาวจัด หุ่นพอๆ กับเหล้ารัม แต่น่าจะตัวเล็กกว่าหน่อย ไว้ผมยาวระต้นคอสีดำขลับเข้าทรง รับกับใบหน้าเรียวยาวภายใต้หน้ากากสีเงินที่เหมาะกับชุดทักซิโด้สีน้ำเงินเข้มของเขา

ส่วนที่ผมชอบที่สุดของผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นนัยน์ตาสีแอมเบอร์ที่ส่องประกาย มันทำให้รู้สึกได้ว่าเขาเป็นมิตรมากกว่าศัตรู

ว่าแต่.. แล้วเขาเป็นใครกันล่ะ?

"หวัดดีวินเซนต์"

"นึกว่าแกจะยุ่งจนไม่มีเวลาทักพวกฉันซะอีก"

ผมหันมองเหล้ารัมกับเจ้าชายเบเนดิกต์สลับกัน เพราะเหล้ารัมเป็นเจ้าของประโยคแรกที่กล่าวทักทายคนมาใหม่ จึงทำให้รู้ว่าเจ้าของตาสีแอมเบอร์คนนี้มีชื่อว่าวินเซนต์ ในขณะที่ประโยคหลังเป็นของเจ้าชาย ซึ่งทำให้ผมได้รู้ว่าพระองค์เองก็น่าจะเป็นเพื่อนกับคุณวินเซนต์อะไรนี่เช่นกัน เมื่อดูจากคำสรรพนามที่ใช้เรียก

เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ.. ผมว่าชื่อวินเซนต์นี่มันคุ้นๆ แฮะ?

"สวัสดีไอ้เหล้ารัม สวัสดีไอ้เจ้าชาย โทษทีที่มาทักช้า พอดีมีเรื่องนิดหน่อย"

"เรื่องอะไรวะ" เจ้าชายเบเนดิกต์เป็นคนถามกลับไป ในขณะที่เหล้ารัมเองก็ดูจะสนใจเช่นกัน มีแต่ผมเนี่ยแหละที่ยังคงนึกอยู่ว่าตัวเองไปได้ยินชื่อวินเซนต์มาจากจากไหน?

"ก็แม่ฉันน่ะสิ หัวเสียใหญ่เลยที่ไอ้เหล้ารัมควงคุณผู้ชายคนนี้เข้ามาในงาน ถึงขั้นจะให้ฉันเชิญออกจากงานเลยนะ"

"อ๋อ~ ผมนึกออกแล้ว คุณคือวิเซนต์ ผู้นำตระกูลของเกรวินเกอร์ เพื่อนรุ่นพี่ของเหล้ารัมใช่มั้ยครับ"

"..."

"..."

"..."

ผมพูดโพล่งออกไปทันทีเมื่อในที่สุดก็นึกออกว่าคุณวินเซนต์คนนี้ก็คือวินเซนต์เดียวกันกับที่เป็นโฮสต์ของงาน ทว่า.. เอ่อ.. ดูเหมือนผมจะผิดจังหวะไปหน่อยแฮะ เลยทำให้สามหนุ่มที่กำลังคุยกันอยู่ถึงกับเงียบ.. และหันมามองผมเป็นตาเดียว..!

"เอ่อ.. ขอโทษครับ" งานนี้ก็เลยต้องรีบขอโทษกับความผิดพลาดของตัวเอง เพราะดูท่าว่ากำลังคุยเรื่องสำคัญกันอยู่ด้วย

ตายๆๆ ผมนี่มันไร้มารยาทจริงๆ เลย ฮืออออ~

"ไม่เป็นไรครับ" โชคดีนะที่คุณวิเซนต์ดูจะไม่ถือสาอะไร แถมยังพากันหัวเราะไปกับอีกสองหนุ่มด้วย ผมก็เลยไม่รู้สึกแย่มากนัก "แล้วก็ใช่ ผมคือวินเซนต์ เกรวินเกอร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณ..?"

แล้วก็เป็นอีกครั้งที่มีคนอยากรู้ชื่อของผม แต่คราวนี้ผมไม่พลาดแน่ เลยโค้งคำนับกลับคืนไป ก่อนจะตอบกลับไปว่า.. "ยินดีที่ได้รู้จักเช่นครับคุณวินเซนต์ และต้องขออภัยด้วยที่ยังไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้"

"ฮ่าๆๆ~ มีงี้ด้วย?" คุณวินเซนต์ก็เลยหันไปหาเหล้ารัมที่กำลังส่งยิ้มพึงพอใจมาให้ผมแทน "ความคิดแกสินะ"

นายพ่อเหล้ามดเหล้าไม่ตอบอะไร ทำเพียงแค่ยิ้มและยักไหล่ให้เท่านั้น คุณวินเซนต์ก็เลยใช้กำปั้นดันอกเหล้ารัมไปทีนึงเหมือนเป็นการชำระความน่าหมั่นไส้อะไรแบบนั้น

"ว่าแต่เมื่อกี้ถึงไหนแล้วนะ? อืม.. อ๋อ แม่ฉันไม่พอใจที่เหล้ารัมควงคุณนิรนามเข้ามา" เดี๋ยวนะ คุณนิรนามนี่..หมายถึงผมหรอ? "ก็เลยอยากให้ฉันเชิญแกออกจากงาน เพราะมองว่าคู่เต้นรำชายกับชายอาจจะเป็นการทำให้ประเพณีที่สืบต่อกันมาอย่างยาวนานเสื่อมเสียได้ หึ เป็นไงล่ะ ทุกปีส่งบัตรเชิญไปก็ไม่เคยมา พอมาทีนี่แจ๊คพอร์ตเลยนะเพื่อน"

อา... ว่าแต่ว่านี่เป็นเรื่องที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่หรอเนี่ย ละ..แล้วผมกับเหล้ารัมควรทำไงดีล่ะ?

"แล้วทำไงล่ะ ให้ฉันไปคุยให้มั้ย" แล้วก็เป็นเจ้าชายเบเนดิกต์ที่เสนอตัวเข้ามาช่วย ทั้งๆ ที่คนจะถูกเชิญออกอย่างเหล้ารัมยังดูมีท่าทีสบายๆ ไม่เดือดไม่ร้อนอะไรกับใครเขาอยู่เลย

ชิลเกินไปปะ!?

"ไม่ต้องแล้ว เคลียร์เรียบร้อยแล้วล่ะ พอดีมีอัศวินเข้ามาช่วยไว้ก่อน"

"ต้องเป็นคุณย่าแน่ : )" โอเค ในที่สุดเหล้ารัมก็เปิดปากพูดออกมาจนได้ แถมยังเป็นการเปิดปากพูดที่ทำเอาคุณวินเซนต์เบิกตาโตขึ้นมาเลย

"เฮ้ย รู้ได้ไงวะ!?"

"ฉันเก่ง : )"

"เออ เก่งจริง เพราะคุณย่าบอกว่าห้ามไล่ แล้วก็บอกว่าเหล้ารัมกับคุณนิรนามมีสิทธิ์ที่จะเต้นรำในคืนนี้ด้วย ทำเอาแม่ฉันนี่เงียบกริบเลย"

โห~ คุณย่าของคุณวินเซนต์นี่เจ๋งว่ะ ถึงแม้ผมจะยังไม่เคยเจอ แต่คนที่อยู่ในยุคก่อน แต่ไม่กีดกันความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยปัจจุบันแบบนี้ ผมถือว่าเป็นบุคคลที่เจ๋งมากนะ อยากเข้าไปทำความเคารพจังเลยแฮะ

"คุณย่าเจ๋งว่ะ" แม้แต่เจ้าขายก็ยังคิดเหมือนผมเลย

"ใช่ เจ๋งมาก" รวมถึงเหล้ารัมเองก็ยังสนับสนุนความคิดนั้นด้วย

"งั้นก็แสดงว่าผมกับเหล้ารัมไม่ต้องออกจากงานแล้วใช่มั้ยครับ" ก่อนที่ผมจะตัดสินใจถามอะไรออกไปบ้าง เพราะรู้สึกว่าไม่มีบทพูดอะไรกับเขาเลย

"ใช่ครับ ไม่ต้องออกแล้ว เชิญสนุกกับงานในคืนนี้ได้เต็มที่เลยครับ" คุณวิเซนต์ก็เลยตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่ทำให้นัยน์ตาสีแอมเบอร์คู่สวยส่องประกายยิ่งกว่าเดิม จนทำให้ผมนั้นยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน

จนกระทั่ง.. "พอๆ ขอปิดบทสนทนาแค่นี้" เหล้ารัมเดินเอาตัวเข้ามากั้นกลางระหว่างผมกับคุณวินเซนต์ไว้ ทั้งๆ ที่ผมยังส่งยิ้มค้างให้เพื่อนของเขาอยู่เลย

"อะไรกัน แค่นี้หวงหรอ" นั่นเลยทำให้โฮสต์ของงานถึงกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแซวๆ

แล้วไงต่อรู้มั้ย?

"ใช่"

อืม ตามนั้นแหละ พอคุณวินเซนต์ถามมา เหล้ารัมก็ตอบกลับไป สั้นๆ แต่ฟังดูรู้เลยว่าจริงจังมาก

"เอาแล้วไง ศึกชิงนาง.. เอ้ย ไม่สิๆ ต้องศึกชิงนาย บังเกิดแล้วครับ!" เจ้าชายเบเนดิกต์เองก็ใช่ย่อย พระองค์มีการทำเสียงเหมือนคนพากย์มวยเสริมทัพด้วย ทำเอาทุกคนในวงรวมถึงผมหลุดหัวเราะในวินาทีต่อมา

"เอาล่ะ ขอตัวแค่นี้แล้วกันนะ ฉันกับคู่ควงฉันตักอาหารมาถือไว้นานละ ไม่ได้กินสักที เพราะว่ามัวแต่มายืนคุยกับพวกแกสองคนอยู่เนี่ย ดูซิ เย็นหมดแล้วเห็นมั้ย" ก่อนจะตามมาด้วยการขอตัวไปกินอาหารอย่างจริงจังของเหล้ารัม ซึ่งผมเองก็เห็นด้วยว่าควรจะไปหาที่นั่งกินให้เรียบร้อยได้แล้ว หรือถ้าอยากคุยกันต่อ ก็ควรจะไปนั่งคุยให้เป็นที่เป็นทางน่ะนะ

"เออๆ ไม่กวนแล้วก็ได้วะ หมั่นไส้คนมีความรัก หึ!" เจ้าชายเบเนดิกต์เป็นคนแรกที่ตอบกลับมา พระองค์แกล้งเบะปากนิดนึงก่อนจะยิ้ม แล้วขอตัวจากไปเป็นคนแรก ทั้งๆ ที่นัยน์สีฟ้าคู่นั้นมันแสดงออกชัดมากว่ามีอีกหลายคำถามที่พระองค์ต้องการคำตอบ

"งั้นไว้เจอกัน ฉันเองก็ต้องไปตรวจอีกหลายอย่าง เอ้อ แล้วก็ระวังตัวด้วยล่ะ คืนนี้ไอ้ซองซูก็มาด้วย คงหาเรื่องมากวนนายไม่เลือกแน่" ก่อนจะตามมาด้วยคุณวินเซนต์ที่ถึงจะบอกลาทีหลังแต่เดินหายไปเร็วกว่าเจ้าชายเสียอีก จนผมคิดว่างานนี้น่าจะมีการหายตัวกันเกิดขึ้นแน่ๆ

แต่นั่นก็ยังไม่น่าสนใจเท่ากับชื่อของใครอีกคนที่คุณวินเซนต์ทิ้งท้ายเอาไว้ ซอง..ซู..งั้นหรอ?

"ทีนี้เราก็ไปหาที่นั่งกินกันดีกว่า : )" พอเหลือกันแค่สองคน เหล้ารัมก็เดินนำผมไปยังโซนที่มีโต๊ะสำหรับนั่งกินซึ่งอยู่ไม่ไกลจากส่วนตักอาหารนัก ผมก็เลยอาศัยจังหวะที่เราเดินกันอยู่ ถามคำถามขึ้นมาบ้าง

"เหล้ารัมครับ ซองซูนี่ใครหรอ?"

"พวกตัวป่วนน่ะ คุณอย่าไปสนใจเลย"

"งั้นหรอครับ"

"ใช่ครับ เพราะผมเองก็ไม่อยากที่จะสนใจมันเหมือนกัน"

โอเค ลองใช้คำว่า 'มัน' ด้วยน้ำเสียงเย็นๆ แบบนี้ แสดงว่าต้องมีความไม่กินเส้นกันแน่ๆ เพราะฉะนั้นผมก็เลยปล่อยผ่านไปซะ เอาไว้คืนนี้ถ้าได้เจอ เดี๋ยวก็ได้รู้เองแหละว่านายซองซูอะไรเนี่ย เป็นตัวป่วนประเภทไหนกันแน่

"ผมว่านั่งโต๊ะนั้นดีมั้ยครับ ดูสงบดี" แล้วพอเดินมาถึงจุดที่มีโต๊ะให้เลือกมากมาย เราสองคนก็หยุดยืนนิ่งเพื่อกวาดสายตาหาโต๊ะที่ดีที่สุดสำหรับการนั่งกินของเราสองคน จนสายตาของผมมันไปสะดุดเข้ากับโต๊ะๆ หนึ่งซึ่งตั้งอยู่ไกลจากโซนตักอหาร แต่ดูแล้วเป็นมุมสงบ เพราะบริเวณโดยรอบก็ไม่มีใครนั่งอยู่เลย

"ดีเหมือนกันครับ" พอเหล้ารัมลงเสียงว่าเห็นด้วย ก็เป็นอันว่าเราได้โต๊ะนั่งตามที่ใจผมต้องการ

แต่ยังไม่ทันที่นายพ่อมดจะได้หย่อนก้นลงนั่งเลยด้วยซ้ำ เขาก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมกับใบหน้าที่เหมือนจะเสียดายอะไรบางอย่าง

"เป็นอะไรหรอครับ"

"ผมลืม"

"ลืมอะไร"

"ลืมตักขาแกะ : ("

"เอ่อ.." ผมนี่ถึงกับเอามือแปะหน้าผากเลย เมื่อหัวสมองมันจินตนาการไปไกลกว่านั้น ไอ้เราก็นึกว่าลืมของสำคัญ ที่ไหนได้ ลืมตักขาแกะ โธ่~ "ผมว่ากินที่ตักมาให้หมดก่อนดีกว่ามั้ยครับ เดี๋ยวเหลือแล้วเสียดายของแย่"

ไม่พูดเปล่า ผมพยายามชี้อาหารและขนมของเราสองคนที่พูนจาน นี่ผมยังไม่รู้เลยว่าที่ผมตักมาเนี่ยจะกินหมดมั้ย แต่เหล้ารัมกลับยังอยากจะไปตักขาแกะเพิ่มอีกเนี่ยนะ

"ไม่เหลือหรอกครับ ผมกินหมดอยู่แล้ว งั้น.. ผมขอตัวไปตักขาแกะก่อนนะครับ อยากกินจริงๆ"

แล้วจะทำไงได้ล่ะ ในเมื่อเขาพูดว่าอยากกินจริงๆ ผมก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้าให้เขาไปตักตามที่ใจต้องการเท่านั้น โดยที่สายตาก็มองตามแผ่นหลังกว้างๆ ของเขาไป...

ซึ่งใครจะคิด ว่าจู่ๆ หัวสมองของผมมันจะตัดเข้าภาพของเหล้ารัมตอนที่ถอดเสื้อวัดตัวเมื่อวานนี้!

ทะ..ทั้งกล้ามหน้าท้อง ทั้งความแน่น กับหุ่นแข็งแกร่งที่ซ่อนรูปอยู่ภายใต้ทักซิโด้สีดำนั่น ก็พอจะทำให้เกิดเหตุผลว่าทำไมนายพ่อมดเหล้าถึงได้กินเยอะน่ะนะ

แต่พอคิดถึงแล้วมันก็ทำให้ผมรู้สึกร้อนที่สองข้างแก้มไง เพราะจิตใจอันสกปรก (ด่าตัวเอง) มันก็พาลคิดไปถึงท่อนล่างที่ปิดบังไว้ด้วยชั้นในสีดำ... โอ๊ยยยยย พอๆๆ เลิกคิดแล้วหาอะไรยัดปากเดี๋ยวนี้เลย!

พอบอกตัวเองแบบนั้นปุ๊บ ผมก็ก้มหน้าก้มตาคว้าจานอาหารเข้ามาใกล้ตัวปั๊บ จะได้กินๆ เพื่อลืมภาพในหัวไปซะ ล่ะ..แล้วนี่อะไรเนี่ย ฮะ..ฮอทด็อก!

เยี่ยม ช่วยให้ลืมได้มากเลยไอ้วาฬเอ๊ย!

ปึก!

"อ๊ะ!"

แต่ในขณะที่ผมกำลังเวิ่นเว้ออยู่กับตัวเองอยู่นั้น จู่ๆ ก็เกิดแรงกระแทกจากด้านหลัง ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แรงอะไรมากนัก แต่ความตกใจก็ทำให้ผมร้องอุทานออกมา ก่อนที่จะตั้งหลักได้แล้วหันหลังไปมอง

ก็พบกับ...

"เอียน.."

...ใครคนนึงที่เหมือนว่าจะพลาดเข้ามาชนผมเข้า

แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม... ผมถึงได้เอ่ยเรียกออกไปด้วยชื่อของ..เอียน..พ่อมดคู่พันธะสัญญาคนแรกที่กลายเป็นอดีตไปนานแล้ว ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายก็สวมหน้ากากปิดบังตัวตนไว้

อาจเพราะ..เขาคนนี้มีรูปร่างที่คล้ายกับเอียนที่ผมรู้จักในวัยเด็ก ทั้งช่วงตัวยาว และไหลกว้าง หรือไม่ก็คงเพราะ..เขามีรูปหน้ากลมและจมูกปลายเชิ่ดเหมือนกันกับเอียน และที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด..ถึงแม้ว่าผมของเขาคนนี้จะเป็นสีดำ ไม่ใช่สีทอง ทว่า..นัยน์ตาสีเขียวขุ่นแบบนี้..คือเอกลักษณ์ของเอียน โจนส์ไม่ผิดแน่!

"เอียน... นายใช่มั้ย?"

"..."

ปึก!

"เกือบไม่ทันแน่ะ นี่ผมถึงกับต้องไปแย่งมาเลยนะเนี่ย : )"

แต่ยังไม่ทันที่ผู้ชายคนนั้นจะได้ตอบอะไรกลับมา ทำเพียงแค่เบิกตากว้างขึ้นเท่านั้น เสียงวางจานและเสียงพูดของเหล้ารัมก็ดึงความสนใจจากผม.. ก่อนที่ผมจะนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่สำคัญกว่าน่ะคือผู้ชายตาสีเขียวขุ่นต่างหาก!

"คุณ.."

แล้วพอหันกลับไป... ขะ..เขาก็หายไปแล้ว!!

"อะไรหรอวาฬ?"

"เหล้ารัม เมื่อกี้ตอนคุณเดินมา คุณเห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังผมมั้ย"

"ไม่นี่ ใครหรอครับ" เหล้ารัมขมวดคิ้วพลางส่ายหน้า ก่อนจะเริ่มหันมองทางด้านหลังของผม

ผมก็เลยใช้จังหวะนั้นหันไปมองบ้าง แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว เขาหายไปแล้ว.. ผู้ชายคนนั้น..หายไปแล้วจริงๆ!

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพียงแค่แป๊บเดียวเท่านั้น จนผมคิดว่าบางที.. "เปล่าหรอกครับ สงสัยผมคงจะตาฝาดไปเองก็ได้" ..สิ่งที่ผมเห็นอาจเป็นเพียงภาพลวงตาก็ได้

"แน่ใจนะวาฬว่าไม่มีอะไร สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย"

"แน่ใจครับ" ผมจึงประดิษฐ์ยิ้มเพื่อให้เหล้ารัมเข้าใจว่าทุกอย่างโอเค

ก็เลยทำให้เขายิ้มบางๆ แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม ก่อนจะเสนอขาแกะหน้าตาน่ากินให้กับผม "โอเค งั้นลองขาแกะนี่ดู ผมว่าคุณต้องชอบแน่ๆ"

"ขอบคุณครับ" ผมเลยทำทีเป็นสนใจสิ่งที่เขาตักมาใส่จานให้ ทั้งที่ๆ ข้างในมันเอาแต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำว่า..

เมื่อกี้นี้.. ผมตาฝาดจริงๆ หรอ!?


จบตอนที่ 8

ขออนุญาตชี้แจงการอัพเดทใหม่นะครับ

เนื่องจากที่ผ่านมา ผมอัพเดทนิยายเรื่องนี้เป็นพาร์ทๆ ทำให้เกิดการอัพที่ค่อนข้างถี่และมีเวลาในการอัพที่ไม่แน่นอน จนหลายคนที่ตามอยู่อาจจะสับสนว่าสรุปแล้วนิยายเรื่องนี้จะมาเมื่อไหร่กันแน่ ดังนั้นจึงอยากจะขอประกาศการอัพนิยายแบบใหม่เอาไว้ดังนี้เลยนะครับ
1. ตั้งแต่บท 9 เป็นต้นไป ผมจะอัพเป็นแบบเต็มบทเลยครับ จะไม่มีจุดหนึ่ง จุดสองอีกแล้ว เพื่อความต่อเนื่องในการอ่าน เพราะฉะนั้นต่อให้ยาวแค่ไหน ก็จะ reply เอาไว้ต่อๆ กันเลย อ่านทีเดียว จบทีเดียว ฟินทีเดียวไปเลยครับ
2. ตั้งแต่บท 9 เป็นต้นไป ผมจะขออนุญาตอัพเฉพาะวันเสาร์นะครับ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. เป็นต้นไป ส่วนเวลาลง ก็จะเป็นช่วงหลังเที่ยงเป็นต้นไปครับ ขึ้น
หากที่ผ่านมา รวมถึงการชี้แจ้งนี้ทำให้ใครหลายคนไม่พอใจ ผมเองก็ขอโทษไว้ ณ ที่นี้เลยนะครับ
เพราะทุกสิ่งที่เขียนลงไปในนิยาย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงการอัพนี้ เจตนาเดียวก็เพื่ออยากให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านได้รับความสุข ความสนุก และได้รับความสะดวกสบายในการตามอ่านกันนะครับ

ขอบคุณมากจริงๆ ครับ ที่เข้ามาอ่าน #พ่อมดเหล้า ของผม
ขอบคุณครับ : )

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
สัปละตอน!!!!
โหยหวนมากกกกกกก เศร้ายิ่งกว่ารัมลืมตักขาแกะอีกนะ T T


(เอียนโผล่มาทำไม ไม่น่าใช่ภาพลวงตา แล้วลื้อจะหนีวาฬทำไมเนี่ย??)

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
รออีกนานเลย

เหล้ารัมคนดังขี้หึงขี้หวง น่ารัก

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ทำไมเหล้ารัมกินเก่งจัง เงิบตรงลืมตักขาแกะ 555
ว่าแต่เอียนนี่ยังไง รออ่านตอนต่อไปค่าาาาา

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

ออฟไลน์ Praykanok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
โอ๊ะะะ เอียนคัมแบ็คหรออออ
ชอบเจ้าชาย ตลกกกก 5555555
เหล้ารัมน่ารักมากกก ถึงชื่อจะยากไปหน่อย อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
อ่าว เอียนคัมแบ็คหรอ -..-
เจ้าชายและเพื่อนๆตลกดีนะ 555

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
งานเลี้ยงหรูมากกก
แต่สองคนตักอาหานไม่เกรงใจงานเลย 555
น่ารักเชียว

เจ้าชายหุ่นเซี๊ยกมากกกก
ชอบออ่าาา

มาเฉพาะวันเสาร์เรอะคะ
จะคิดถึงวาฬกับเหล้ารัมไหมน่าา

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
บทที่ 9
{ รักในห้วงอนันต์ }




ผมรู้สึกเลยว่าตัวเองเป็นคู่ควงงานเต้นรำที่แย่มาก.. ไม่สิ มันไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่ว่าผมน่ะ.. เป็นคู่ควงงานเต้นรำที่แย่มากจริงๆ!

ก็ลองคิดดูนะ ทั้งๆ ที่เหล้ารัมคอยดูแลเทคแคร์ผมสารพัด แต่ใจผมมันกลับลอยไปคิดถึงใครอีกคนที่แค่เข้ามาชนแล้วหายไป..

หายไป..ราวกับภาพลวงตาที่ไม่มีอยู่จริง..

จนสุดท้าย ผมต้องตัดสินใจประดิษฐ์ยิ้มที่สดใสที่สุดเท่าที่ตัวเองจะสามารถทำได้ เพื่อขอตัวนายพ่อมดเหล้าไปเข้าห้องน้ำ เนื่องจากผมสังเกตเห็นว่าเขาเองก็คอยสังเกตผมอยู่ตลอด

ซึ่งก็ไม่ใช่ความผิดของเหล้ารัมเลยสักนิด มันเป็นความผิดของผมที่ใจไม่พร้อม.. แต่ก็ยังฝืนทำเก่งเหมือนว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น.. ทั้งที่จริงๆ แล้วกลับตรงกันข้าม.. เพราะฉะนั้นการขอตัวมาเข้าห้องน้ำในครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะเคลียร์ตัวเองให้ได้ หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องพอมีสติให้สามารถโฟกัสคู่ควงของตัวเองได้บ้าง

แล้วก็โชคดีที่ห้องน้ำในโซนนี้ปลอดคนมาก เหมือนว่าคนจะใช้บริการห้องน้ำตรงส่วนหน้าของห้องอาหารหมด ซึ่งดีแล้ว เพราะผมเองก็ไม่อยากที่จะเข้าไปนั่งเวิ่นเว้ออยู่บนชักโครกเหมือนกัน

ฟู่วววว~

จุดที่ผมเดินเข้าหาเป็นจุดแรกคืออ่างล้างมือที่ติดกระจกขอบทองบ้านใหญ่เอาไว้ ก่อนจะเปิดน้ำโดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่าเปิดทำไม.. จะล้างมือดี? หรือว่าจะถอดหน้ากากเพื่อล้างหน้าดี? หรือแค่.. ปล่อยให้มันไหลลงท่อไปแบบนั้น..

ให้ตายเถอะ ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้วะ! ทำไมความสุขของผมมันถึงสลายหายไปเพียงเพราะแค่เห็นนัยน์ตาสีเขียวขุ่นของชายสวมหน้ากากคนนั้น.. ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงเขาอาจจะไม่ใช่เอียนก็ได้ แค่บังเอิญ..มีตาที่สีเหมือนกันเท่านั้น..

'เอียน... นายใช่มั้ย?'

แต่ถ้าไม่ใช่.. แล้วทำไมตอนที่ผมถาม เขาถึงได้เบิกตาโตเหมือนตกใจแบบนั้น? ปฏิกิริยามันควรจะเป็นแบบนั้นหรอถ้าเราถูกถามคำถามโดยคนที่เราไม่รู้จักน่ะ?

ฟู่วววว~

ไม่.. ผมตอบตัวเองได้เลย ว่ามันไม่ควรจะเป็นแบบนั้น เขาไม่จำเป็นที่จะต้องแสดงท่าทางแบบนั้นเลยสักนิดถ้าผมเป็นคนที่เขาไม่รู้จักน่ะ จริงมั้ย?

แล้วถ้าเป็นเอียนจริง ทำไมเขาถึงได้มาโผล่ในงานที่คนเยอะขนาดนี้ล่ะ? เขาไม่กลัวหรอว่าตัวเองจะถูกจับได้หรอ ทั้งๆ ที่พ่อมดแม่มดหลายคนก็น่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาดี แล้วเขา.. เคยคิดบ้างมั้ย..ว่าผมอาจจะตายไปแล้วเมื่อไม่มีเขาอยู่ในตอนนี้..

ฟู่วววว~

ผมรู้นะว่าผมเพ้อเจ้อมากที่พยายามจะฟันธงว่าผู้ชายคนนั้นคือคนเดียวกันกับเอียน โจนส์ที่ผมรู้จัก แต่เราโตมาด้วยกัน มันทำให้ผมเชื่อว่าผมจำเขาได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม เพียงแต่..

..เหล้ารัมบอกว่ามองไม่เห็นเขา?

ซึ่งมันเป็นไปได้หรอที่พ่อมดอย่างเอียนจะรอดพ้นสายตาหนึ่งในห้าพ่อมดผู้เก่งกาจตามคำบอกเล่าของไรเกอร์ไปได้น่ะ?

มันทำให้ผมสับสนนะ.. ว่าสรุปแล้วชายสวมหน้ากากตาสีเขียวขุ่นมีตัวตนจริงมั้ยหรือเป็นแค่เพียงภาพจินตนากการที่ผมคิดขึ้นมาเอง

มัน..ยังไงกันแน่นะ!?

ฟู่วววว~

ด้วยความที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ ผมจึงตัดสินใจถอดหน้ากากออก ก่อนจะวักน้ำขึ้นล้างหน้าหลายๆ ครั้งเพื่อดับความร้อนในใจของตัวเอง แล้วจึงได้เห็น..ภาพสะท้อนของชายหนุ่มคนนึงที่มีหยดน้ำเกาะพราวอยู่บนหน้า.. นัยน์ตาโศกสีน้ำตาลเข้มของเขาเต็มไปด้วยความสับสน.. และที่สำคัญคือ..เขาดูไม่มีความสุขเลยสักนิด..

ฟู่วววว~

มันน่าขำนะ ที่ผมหาความสุขให้กับตัวเองไม่ได้เลย ทั้งที่กำลังอยู่ในงานเต้นรำสวมหน้ากากที่ใฝ่ฝันอยากจะมาแท้ๆ

แถมข้างนอก.. ก็ยังมีเหล้ารัมที่รอผมอยู่..

แล้วผมมาทำอะไรอยู่ที่นี่ตอนนี้?

มานั่งสับสนถึงคนๆ นั้นทำไม ในเมื่อเวลาแห่งความสุขของงานเลี้ยงกำลังเดินผ่านไปเรื่อยๆ อย่างไม่อาจที่จะถอยหลังกลับ..

แล้วจำที่เหล้ารัมพูดได้มั้ย..

'...สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราสองคนมีหน้าที่ที่ต้องช่วยกันเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆ จากงานนี้ และรักษาหน้ากากของเราเอาไว้ ให้สมกับที่เป็นงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากครั้งแรกในชีวิตของคุณกันดีกว่า : )'

คำพูดดีๆ จากคนดีๆ ที่คอยเทคแคร์และบอกผมว่า...

'...ผมจะไม่ปล่อยมือจากคุณเด็ดขาด'

แล้วมันเพราะอะไรรู้มั้ย? ก็เพราะว่าเขาอยากให้ผมมีความสุขไง

แต่ผมกลับเอาสมองไปคิดสับสนถึงคนที่ทิ้งให้ผมรอความตายเนี่ยนะ!?

พอเลยวาฬ แบบนี้มันไม่โอเคเลยสักนิด ไม่ดีทั้งกับสุขภาพจิตของตัวเอง แล้วก็ไม่แฟร์ต่อความรู้สึกดีๆ ที่เหล้ารัมมอบให้ด้วย!

ฟึบ!

คิดได้แบบนั้น ผมก็ปิดก๊อกให้น้ำหยุดไหล ก่อนจะมองเงาสะท้อนของตัวเองอีกครั้ง.. แล้วยิ้ม.. ยิ้มที่ไม่ใช่แค่การประดิษฐ์ยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่มันตกตะกอนออกมาจากความรู้สึกดีๆ ที่นายพ่อมดเหล้ามีให้ ก่อนจะหยิบหน้ากากขึ้นสวม แล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ โดยทิ้งเรื่องแย่ๆ ทั้งหมดไว้ในนั้น..

"หายไปนานเลยนะครับวาฬ รู้มั้ยว่าผมเกือบจะเข้าไปตามคุณแล้ว เพราะกลัวว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น : )" แล้วพอกลับออกมา สิ่งแรกที่ได้รับจากเหล้ารัมก็คือคำพูดและรอยยิ้มสบายๆ ทว่า.. นัยน์ตาสีม่วงอ่อนคู่นั้นกลับฉายแววความเป็นห่วงชัดเจนจนผมต้องรีบขอโทษ

"ขอโทษนะครับ พอดีผมล้างหน้าด้วย ก็เลยช้า" ก่อนจะต่อด้วย.. "แล้วก็ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง : )" ..ประโยคขอบคุณและรอยยิ้มที่มาจากใจของผมจริงๆ

"ไม่เป็นไรครับ ผมแค่เป็นห่วงเท่านั้นเอง ว่าแต่.. หน้าคุณยังเปียกอยู่เลยนะ คงถอดหน้ากากแล้วล้างแบบเต็มที่เลยล่ะสิ" นายพ่อมดเหล้ายิ้มบางๆ พลางยกนิ้วขึ้นปาดน้ำที่ข้างแก้มออกให้

"ใช่ครับ" ผมล้างเต็มที่มาก ล้างให้มันหายบ้าไปเลย "แต่ว่าตอนถอดหน้ากากไม่มีใครเห็นนะครับ เพราะว่าไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย"

พอได้ยินที่ผมพูด เหล้ารัมก็ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมนิดนึงเพื่อตอบรับ ก่อนจะเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นแทน "รู้มั้ย เวลาที่ตัวผมเปียกน้ำ ผมชอบทำให้ทุกอย่างแห้งไวขึ้นด้วยเวทมนตร์นะ คุณอยากลองมั้ยล่ะ?"

"อยากครับ" ผมพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ทำให้นายพ่อมดผมบลอนด์ไม่รอช้า เขาชู้นิ้วชี้ขึ้นประมาณสามวินาที ก่อนจะใช้มันจิ้มลงที่แก้มผมหนึ่งครั้ง

ทันใดดัน หยดน้ำและความเปียกชื้นบนใบหน้าผมก็สลายหายไปในพริบตา!

จริงอยู่ที่มันไม่ใช่เรื่องน่าเหลือเชื่อ เพราะผมรู้ดีอยู่แล้วว่านายลูกครึ่งหน้าหล่อและยิ้มเก่งคนนี้เป็นพ่อมด แต่พอเวทมนตร์มันมาเกิดขึ้นใกล้ๆ แบบนี้ มนุษย์ธรรมดาๆ อย่างผมก็อดที่จะรู้อัศจรรย์ใจไม่ได้อยู่ดี

จนบางที..ก็อยากมีเวทมนตร์เหมือนเขาบ้างจัง..

"ชอบมั้ย"

"ชอบครับ" ผมลองเอามือลูบไล้ไปทั่วใบหน้า แล้วก็พบว่าไม่เหลือหยดน้ำหรือความเปียกชื้นอีกต่อไปแล้วจริงๆ

"ชอบเวทมนตร์ หรือว่าชอบผมล่ะ : )"

แต่ใครจะคิด.. ว่าจู่ๆ เหล้ารัมก็จะตบเข้าคำถามแบบนี้ได้!

"เอ่อ.." เล่นเอาผมนี่ต้องรีบหลบสายตาของเขาเลย.. ทั้งๆ ที่สามารถตอบกลับไปว่าเวทมนตร์ก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไม..พอเจอคำถามแบบที่ไม่ให้ทันตั้งตัวแบบนี้ ผมถึงได้..พูดไม่ออกซะอย่างงั้น..

"ว่าไงครับ ชอบอะไรมากกว่ากัน บอกผมหน่อยสิ : )" แล้วดูเหมือนว่าครั้งนี้เหล้ารัมจะไม่ยอมจบง่ายๆ ด้วย เขาทำท่าจะช้อนปลายคางผมขึ้นอยู่แล้ว ทว่า..

"สวัสดีท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอเชิญมารวมตัวกันที่ฟลอร์เต้นรำด้วยค่ะ"

..เสียงประกาศก็ดังขึ้นซะก่อน

ผมเลยอาศัยจังหวะนั้นหาทางเปลี่ยนเรื่องโดยพลัน "นี่ ไปกันเถอะ เขาเรียกรวมตัวแล้วนะครับ" ไม่พูดเปล่า ผมยังตัดสินใจคว้ามือของเหล้ารัม แล้วเดินจูงเขาไปยังฟลอร์เต้นรำด้วย ทั้งๆ ที่สองข้างแก้มยัง..รู้สึกร้อนๆ อยู่เลย..

ในขณะที่คนขี้แกล้งก็เอาแต่หัวเราะไล่หลังมาตลอดทาง ระ..ร้ายนัก!

"มาทางนี้ดีกว่าครับ" แถมพอเดินมาจนถึงที่หมาย เหล้ารัมก็ดึงให้ผมเปลี่ยนทิศทางไปหยุดยืนใกล้ๆ กับเจ้าชายด้วย เลยทำให้ทุกสายตาต่างพากันจับจ้องมาที่คู่ของเราอีกครั้ง ทั้งที่จุดเด่นควรจะเป็นเจ้าชายเบเนดิกต์แล้วแท้ๆ

"แต่ผมว่า.."

"นั่นไงครับ คุณย่าของวินเซนต์"

แต่ในขณะที่ผมกำลังจะเอ่ยปากบอกเหล้ารัมว่าเราสองคนควรไปยืนในที่ที่เด่นน้อยกว่านี้ นายพ่อมดเหล้าก็ชี้ไปยังชั้นพักตรงทางแยกของบันไดที่ผมเคยบอกว่ามีไมค์ตั้งอยู่หนึ่งตัว และตอนนี้มันได้ถูกใช้งานแล้ว..ด้วยหญิงสูงวัยในชุดราตรีสีทองแสนสง่าบนนั้น

ซึ่งถึงแม้ว่าคุณย่าจะสวมหน้ากากแบบโบราณสีเดียวกันกับชุดปิดบังไว้ แต่ผมดูออกเลยว่าท่านนั้นสวยมาก แม้เส้นผมจะเปลี่ยนสีไปหมดแล้ว แต่มันกลับทำอะไรเธอไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว โดยเฉพาะนัยน์ตาสีแอมเบอร์ที่ยังคงส่องสว่างและแฝงไปด้วยพลังอำนาจคู่นั้น.. จนผมแอบจินตนาการว่าหากเธอสั่งให้ผมทำอะไรก็ตามด้วยการจ้องมองมา คงเป็นเรื่องยากน่าดูที่จะกล่าวคำปฏิเสธออกไป..

"คุณย่าของคุณวินเซนต์สวยจังเลยครับ"

"ใช่ สวยมาก ยิ่งถอดหน้ากากออกก็ยิ่งสวย เหมือนว่า..เวลาแทบจะทำอะไรท่านไม่ได้เลย" เหล้ารัมกล่าวชื่นชมด้วยรอยยิ้มและตาเป็นประกาย ก่อนที่เวลาต่อมา.. รอยยิ้มนั้นจะหุบลงแบบทันที แล้วประกายในตาก็หม่นแสงตามไปด้วย "ส่วนนั่น แม่ของไอ้วินเซนต์ คนที่อยากให้เราออกจากงานไง" ก่อนที่นายพ่อมดจะพยักพเยิดไปอีกทางซึ่งเป็นทางด้านซ้ายของเรา แต่เป็นทางด้านขวามือของคุณย่า

แล้วพอผมหันไป.. กะ..ก็เป็นอันต้องสะดุ้ง!

เมื่อพบเข้ากับ..สายตาอาฆาตของผู้หญิงอีกคนนึงที่กำลังจับจ้องมายังผมและเหล้ารัมอย่างไม่วางตา ในขณะที่ริมฝีปากก็บูดเบี้ยวเหมือนไม่พอใจกับอะไรทั้งนั้น ซึ่งมันน่าเสียกาย.. เพราะท่านแม่เองก็จัดว่าเป็นหญิงที่สวยไม่แพ้คุณย่า เสียก็แต่พอทำหน้าแบบนี้แล้ว.. กลับลดทอนความสง่างามลงไปเกินกว่าครึ่ง โดยเฉพาะเมื่อมายืนเรียงแถวกับคุณย่าและคุณวิเซนต์ที่วางตัวได้อย่างไร้ที่ติต่อหน้าแขกในงานเช่นนี้ ยิ่งสร้างความแตกต่างในทางลบให้กับคุณแม่ของคุณวินเซนต์อย่างไม่อาจที่จะเอาความงดงามของชุดราตรีที่ท่านสวมใส่อยู่มาหักล้างได้

เฮ้อออออ งานนี้คุณแม่ทำตัวเองนะครับ : (

"สวัสดีอีกครั้งนะคะ ดิฉันเฮเลนน่า
เกนวินเกอร์ ผู้คุมกฎคนปัจจุบันของตระกูลค่ะ" พอคนเริ่มมารวมตัวกันจนหนาตา คุณย่าของวินเซนต์ก็เริ่มแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงสุภาพ "งานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากของเกรวินเกอร์นั้นเป็นประเพณีที่อยู่คู่กับโลกเวทมนตร์มาอย่างยาวนาน บางคนอาจเคยมาร่วมงานแล้วหลายต่อหลายครั้ง ในขณะที่ค่ำคืนนี้อาจจะเป็นประสบการณ์ใหม่ของใครอีกหลายคน แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ทุกคนที่มารวมงานในคืนนี้ ล้วนแล้วแต่ให้เกียรติตระกูลของเราอย่างยิ่ง ดิฉันในฐานะผู้คุมกฎของตระกูลจึงอยากจะขอขอบคุณที่ทำให้ประเพณีนี้ยังคงก้าวต่อไปได้"

แล้วทุกคนในงานก็พากันปรบมือเพื่อตอบรับคำขอบคุณนั้น ก่อนที่คุณย่าจะกล่าวต่อไปเมื่อเสียงปรบมือจางลง

"จริงอยู่ที่งานนี้มีมาอย่างยาวนานนับร้อยปี แต่ดิฉันก็เข้าใจดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ทว่าเหนือสิ่งอื่นใด หัวใจหลักสำคัญของการจัดงานก็เพื่อ..สร้างโอกาสให้หัวใจสองดวงของคนสองคนได้เต้นไปในจังหวะเดียวกัน เพราะฉะนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรืออยู่ในสถานะไหนก็ตาม จงดื่มด่ำกับค่ำคืนนี้ด้วยหัวใจของคุณ และจงรัก..เมื่อรู้สึกรัก โดยไม่ต้องสนใจใครหรือสิ่งใด"

หัวใจผมเต้นแรงขึ้นกับสิ่งที่คุณย่าพูด เพราะนอกจากจะเลือกใช้ถ้อยคำที่ก่อให้เกิดความรู้สึกแล้ว ข้อความนั้น..เหมือนถูกพูดขึ้นเพื่อผมกับเหล้ารัมโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นคู่ควงที่ต่างไปจากคู่อื่นๆ ในงาน..

ตึกตัก ตึกตัก

แล้วหัวใจก็ต้องเต้นแรงขึ้นอีกหนึ่งจังหวะ เมื่อคุณย่าหันมายิ้มให้ผมกับนายพ่อมดเหล้า ทำให้คนอื่นๆ ที่ตั้งใจฟังคุณย่าพูดอยู่ก็พากันหันมามองด้วยสายตาที่แตกต่างกันไป บ้างมองเฉยๆ บ้างยังงงๆ แต่ที่ต่างออกไปจากตอนเข้ามาคือ.. เริ่มมีหลายคนมองมาด้วยรอยยิ้มแล้ว..

ขอบคุณนะครับคุณย่า สิ่งที่คุณย่าพูดมันมีความหมายมากจริงๆ

เพราะฉะนั้น ผมกับเหล้ารัมเลยโค้งคำนับท่านเพื่อแทนคำกล่าวขอบคุณ โดยไม่สนเลยว่าแม่ของคุณวินเซนต์จะทำหน้าตาไม่พอใจมากแค่ไหน เพราะคุณย่าเองก็บอกอยู่ว่า.. 'ไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรืออยู่ในสถานะไหนก็ตาม จงดื่มด่ำกับค่ำคืนนี้ด้วยหัวใจของคุณ และจงรัก เมื่อรู้สึกรัก โดยไม่ต้องสนใจใครหรือสิ่งใด' และผมก็จะเชื่อตามนั้น : )

คุณย่าท่านเลยส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ก่อนที่จะกล่าวประโยคสุดท้ายที่ใครหลายคนกำลังรอคอย.. "เพราะฉะนั้น ดิฉันเฮเลนน่า เกรวินเกอร์ ขอเปิดงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากปีที่หนึ่งร้อยเก้าสิบสี่อย่างเป็นทางการค่ะ"

สิ้นเสียงคุณย่าของคุณวินเซนต์ ไฟในงานที่เคยสว่างจ้าก็ปรับลดระดับลงเหลือเพียงแสงสีส้มสวยที่ช่วยสร้างบรรยากาศโรแมนติคให้กับงาน ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มตีวงออกกว้าง เกิดเป็นฟลอร์เต้นรำขนาดใหญ่สำหรับหนุ่มสาวสักคู่ที่พร้อมจะลงสนามเปิดงานเป็นคู่แรก

ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ผมกับเหล้ารัมแน่ ถึงแม้ว่านายพ่อมดจะทำทีเป็นลากผมให้เดินเข้าไปกลางฟลอร์ก็เถอะ แต่ผมขืนตัวไว้สุดพลัง แถมตีแขนเขาให้ด้วย!

ไม่ใช่ว่าไม่อยากเต้นรำกับเหล้ารัมนะ แต่ถ้าจะให้มาเปิดฟลอร์เป็นคู่แรกท่ามกลางสายตานับร้อยคู่นี่ก็ไม่ไหวปะ!?

ตึง!

แล้วในขณะที่ทุกคนกำลังยืนรอผู้กล้าอยู่นั้น เสียงกลองโบราณจากวงออเคสตร้าก็ดังขึ้น ก่อนที่เจ้าชายเบเนดิกต์ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากเราจะเดินออกไปยังกลางฟลอร์พร้อมกับหญิงสาวผมทองในชุดสีชมพูสวย คอนดักเตอร์จึงเริ่มโบกไม้บาตองในมือ ทำให้ดนตรีที่เคยเงียบงันเริ่มเอ่ยเสียงขึ้นในเวลานั้น

ตึกตัก ตึกตัก

แล้วใครจะคิด.. ว่าแค่ท่วงทำนองแรก.. ก็ทำเอาหัวใจของผมเต้นแรงเสียจนต้องรีบคว้ามือของเหล้ารัมมาจับไว้

"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ" เขาก็เลยกระซิบถามด้วยความสงสัย

"ผม.." แต่แล้วผมที่กำลังจะตอบออกไปก็เป็นอันต้องชักงัก.. เมื่อรับรู้ได้ถึงก้อนสะอื้นที่จุกอยู่ที่คอ พร้อมกับน้ำตาที่ขึ้นมาคลออยู่บริเวณขอบตา

"วาฬ.. เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมน้ำตาคุณไหลล่ะ"

"ผะ..ผมเองก็ไม่รู้ครับว่าตัวเองเป็นอะไร แต่พอได้ยินเพลงนี้แล้วมัน..รู้สึกว่าเพราะ..เพราะมากเหลือเกิน.."

ผมคงบ้าไปแล้วแน่ๆ ทั้งๆ ที่ก็ไม่เคยฟังบทเพลงที่วงออเคสตร้ากำลังบรรเลงมาก่อนเลยในชีวิตนี้ แต่ท่วงทำนองของมันกลับส่งผลต่อจิตใจจนรู้สึกว่าไม่สามารถเก็บน้ำตาเอาได้..

มันไม่ใช่ว่าเศร้านะ แต่มัน..เป็นความซาบซึ้งใจจนผมต้องระบายความรู้สึกภายในออกมา

"ไม่เป็นครับ ผมเข้าใจ" ซึ่งพอได้ยินในสิ่งที่ผมพูด เหล้ารัมก็ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ก่อจะจับหน้ากากผมยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อช่วยเช็ดน้ำตา

ผมก็เลยบีบมือข้างที่จับอยู่ของเขาให้แน่นขึ้น ก่อนที่สองคนจะหันไปมองเจ้าชายและสาวชุดชมพูดที่ออกลวดลายการเต้นรำอย่างสวยงามท่ามกลางสายตานับร้อยคู่ที่จับจ้องไปยังพระองค์อย่างไม่วางตา

แล้วหลังจากนั้นไม่นาน คนที่เข้ามาเป็นคู่ที่สองก็คือคุณวินเซนต์กับสาวผมสีบรูเน็ตที่โดดเด่นไม่แพ้คู่แรก ชายกระโปรงสีเขียวอ่อนของคู่ควงของคุณวินเซนต์ค่อนข้างยาวมากทีเดียว ทำให้เวลาที่ขยับตัวแรงๆ ตามท้วงทำนองของเพลง ก็จะเกิดเป็นภาพการสะบัดที่ค่อนข้างสวยงาม ราวกับเจ้าหล่อนสามารถควบคุมชุดของตัวเองได้เป็นอย่างดี

"เหลืออีกหนึ่งคู่นะ"

"ครับ?" ผมที่กำลังมองการเต้นรำของสองคู่แรกอยู่เพลินๆ ถึงกับต้องหันไปขมวดคิ้วใส่เหล้ารัม เมื่อจู่ๆ เขาก็พูดบางอย่างขึ้นมา

"ผมบอกว่ายังเหลืออีกหนึ่งคือ เพราะตามประเพณีของเกรวินเกอร์จะต้องเปิดด้วยคู่เต้นรำทั้งหมดสามคู่ และจะต้องเต้นจนกว่าเพลงนี้จะจบลง"

"งั้นก็หมายความว่า.. เพลงนี้จะบรรเพลงแค่ช่วงเปิดหรอครับ"

"ใช่ จากนั้นก็จะเปลี่ยนไปเป็นเพลงบรรเลงทั่วไป เพราะว่าเพลงนี้เป็นเพลงสำคัญ จะบรรเลงเพียงปีละครั้งเท่านั้น"

"..."

งั้นผมควรทำไงดีล่ะ? คือ.. ผมรักเพลงนี้ ถึงแม้ว่าจะไปฟังเป็นครั้งแรก แต่ผมก็ตกหลุมรักมันเสียแล้ว เลยคิดว่าถ้าเขาเปิดฟลอร์กันเสร็จ ก็จะแอบชวนเหล้ารัมไปเต้นตรงมุมๆ อะไรแบบนั้น

แต่นี่.. เขาจะบรรเลงเพื่อเปิดงานแค่รอบเดียวเองนะ..

เสียดายจัง : (

"วาฬ ไปกันเถอะ"

"ปะ..ไปไหนครับ!?" ผมถึงกับร้องเสียงหลงออกมาเลยเมื่อเหล้ารัมทำท่าจะลากผมออกไป

"ออกไปเปิดฟลอร์กันครับ : )"

"ตะ..แต่ว่า.."

"ผมรู้ว่าคุณอยากเต้นเพลงนี้ เพราะฉะนั้น อย่าปล่อยให้มันผ่านไปเลยนะครับ : )"

แล้วเหล้ารัมก็เริ่มดึงผมด้วยแรงที่มากขึ้น ผมเลยต้องขืนตัวอย่างยากลำบากมากขึ้นไปด้วย!

"อย่านะครับเหล้ารัม ผะ..ผมอาย..."

ทว่า.. ในขณะที่กำลังดึงกันไปดึงกันมาอยู่นั้น สายตาผมมันก็ดันหันไปเห็นคุณย่าของวินเซนต์ที่กำลังมองมา.. ท่านยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้ ก่อนจะผายมือไปทางฟลอร์เต้นรำ เหมือนต้องการจะส่งสัญญาณเพื่อบอกให้ผมออกไปเป็นคู่ที่สาม

ซึ่งผมบอกแล้วใช่มั้ย ว่านัยน์ตาสีแอมเบอร์ของท่านเปี่ยมไปด้วยพลังบางอย่างที่ผมไม่อาจจะต่อต้านได้ เพราะฉะนั้น.. จึงเผลอปล่อยตัวให้เหล้ารัมลากออกไปกลางฟลอร์จนได้..

เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทันทีที่ทุกคนเห็นว่าคู่ที่สามคือชายสองคนที่กำลังหันหน้าเข้าหากัน คนนึงคือเหล้ารัมในชุดทักซิโด้สีดำที่กำลังส่งยิ้มมาให้ ในขณะที่อีกคนคือผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าในชุดทักซิโด้สีขาวหิมะ ซะ..ซึ่งก็คือผม!

"ให้เกียรติเต้นรำกับผมนะครับวาฬ : )"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2016 23:31:07 โดย Hamzholic »

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
"เอ่อ.."

ฮือออออ กลับตัวตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วสินะ!

เพราะฉะนั้น ในวินาทีต่อมา ผมจึงพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะปล่อยให้เหล้าเดินเข้ามาใกล้ขึ้น แต่พอเราสองคนกำลังจะเข้าคู่กัน.. ทุกอย่างมันก็ดูเก้ๆ กังๆ ไปซะหมด จนเริ่มมีเสียงอื้ออึงดังตามมา

ตายๆ ขะ..ขายหน้าชะมัด!

"ไหนคุณบอกผมว่าคุณเต้นรำเป็นไงครับวาฬ"

เหล้ารัมขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าผมเก้ๆ กังๆ แบบนั้น ซึ่งก็ใช่ ผมบอกเขาไปว่าผมเต้นรำเป็น แล้วผมก็เต้นรำเป็นจริงๆ เพียงแต่.. "ผมเต้นรำเป็นครับ แต่ลืมไปว่าเราเป็นผู้ชายทั้งคู่ เลยไม่รู้จะวางมือยังไงดี"

ก็จริงมั้ยล่ะ ชายหญิงเขาวางมือบนตัวอีกฝ่ายต่างกันนะครับ แล้วนี่ผมกับนายพ่อมดเหล้าเป็นชายทั้งคู่ ให้ผมทำไงล่ะ!

"จริงด้วย" เหล้ารัมทำหน้าเหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ "งั้นเอางี้ก็แล้วกัน.." ก่อนจะหาทางออกให้คู่ของเราโดยการใช้มือขวาของเขา..อะ..โอบเอวผมไว้!

งั้นแบบนี้ผมก็ต้องเป็นฝ่ายหญิงสินะ!?

"ทีนี้คูณก็รู้แล้วนะว่าควรวางมือไว้ตรงไหน : )" ก่อนที่เขาจะยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมา

แล้วผมจะไปทำอะไรได้ล่ะ นอกจากวางมือซ้ายบริเวณไหลขวาของเขา และมือข้างที่เหลือของเราก็จับกัน

เสียงบทเพลงอันแสนไพเราะเป็นตัวกำหนดการเคลื่อนย้ายของผมและเหล้ารัมให้เป็นไปอย่างถูกต้องและสวยงาม แม้ว่าตอนแรกจะยังเกร็งๆ อยู่ก็เถอะ แต่ต้องยอมรับว่าท่วงทำนองที่เข้มข้นขึ้นช่วยให้ผมสามารถตัดขาดสิ่งที่อยู่รอบตัวออกไปได้

เหลือเพียงแค่.. ผมกับเหล้ารัมเท่านั้น..

แล้ววินาทีนั้น.. มันก็เกิดเป็นภาพที่คงจะมีแต่ผมเท่านั้นที่มองเห็น.. มันจะเรียกว่า..ภาพความจำที่ผมอยากจะเก็บไว้ก็ได้นะ.. เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้คือเหล้ารัมที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ในขณะที่เราสองคนกำลังเคลื่อนไหวไปอย่างเชื่องช้าตามท่วงทำนองของเพลงที่เข้ามาประกอบกับภาพตรงหน้าจนหัวใจผมมันเต้นผิดจังหวะไปไกลแสนไกล..

มันสวยงามมากเลยรู้มั้ย สิ่งที่ผมเห็นและรู้สึกอยู่ในขณะนี้น่ะ.. สวยงามเสียจนผมไม่กล้าที่จะกระพริบตา เพราะกลัวว่าหากทำแบบนั้น ทุกอย่างจะพลันหายไปราวกับความฝันที่ไม่มีอยู่จริง.. เพราะการที่เหล้ารัมก้าวเข้ามาในชีวิตผม ก็ไม่ต่างอะไรจากภาพฝันสวยงามที่ผมไม่เคยได้จินตนาการไว้..

ถ้าวันนี้ไม่มีเขา.. ผมก็คงไม่มีวันได้มีช่วงเวลาที่น่าจดจำเช่นนี้.. ก็คงจะแค่นอนอยู่บ้านเพื่อนรอความตายไปวันๆ เท่านั้น..

ขอบคุณนะครับ

ขอบคุณที่ก้าวเข้ามาในชีวิตผม

ขอบคุณจริงๆ : )

"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ" ผมหลุดออกจากห้วงความคิดของตัวเองในทันทีที่คนตรงหน้าถามขึ้น ราวกับสังเกตความผิดปกติอะไรได้

"เปล่าครับ"

"แล้วทำไมถึงยิ้มแบบนั้นล่ะ"

อ้าว นี่ผมยิ้มอยู่หรอเนี่ย?

ไม่รู้ตัวเลยแฮะ : )

"ก็ผมมีความสุขนี่ครับ แล้วก็.. เพลงนี้มันก็เพราะจับใจจริงๆ"

"งั้นหรอครับ" เหล้ารัมเริ่มยิ้มตาม "ผมดีใจนะที่คุณมีความสุขน่ะ ว่าแต่.. คุณอยากรู้ประวัติความเป็นมาของเพลงนี้มั้ยล่ะ"

"อยากรู้สิครับ" เป็นอีกครั้งที่ผมตอบกลับเหล้ารัมอย่างกระตือรือร้น จะว่าไป.. เขานี่ก็ขยันหาเรื่องมาให้ผมสนใจได้ไม่หยุดเหมือนกันนะ

"โอเค งั้นผมจะเล่าให้ฟัง"

"ดีครับ เล่าเลยๆ"

"คืองี้.. ผมเคยได้ฟังเรื่องเล่ามาจากไอ้วินเซนต์และย่าของมันว่า เพลงๆ นี้มีชื่อว่า 'รักในห้วงอนันต์' ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นโดยคุณมอลลิน่าหญิงงามผู้เป็นต้นตระกูลของเกรวินเกอร์"

"..."

"เขาเล่ากันว่า เธอแต่งเพลงนี้ให้กับผู้ชายคนนึงที่มีโอกาสได้เต้นรำกันโดยบังเอิญ ในงานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากปีแรกของตระกูล"

"..."

"เพราะว่าในขณะที่ได้เต้นรำกันไป พูดคุยกันไป คุณมอลลิน่าเธอก็เกิดตกหลุมรักชายผู้นั้น จนอยากที่จะจุมพิตเค้าเพื่อบอกความรู้สึกที่มีในใจ"

"..."

"แต่สุดท้ายเธอก็ไม่กล้า จนการเต้นรำนั้นสิ้นสุดลง เขาก็เดินจากเธอไป.. โดยที่เธอไม่สามารถตามหาเขาได้อีก เพราะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร เนื่องจากทั้งคู่สวมหน้ากากไว้ และก็ลืมที่จะถามชื่อของกันและกัน"

"..."

"ท่วงทำนองของเพลงนี้จึงทั้งสุขและเศร้า เพราะว่าคุณมอลลิน่าตั้งใจจะส่งผ่านความรู้สึกนี้ออกไปให้ชายผู้นั้นได้รับรู้ ว่าเธออยากให้ช่วงเวลาที่เขาและเธอเต้นรำอยู่ด้วยกันตอนนั้นกลายเป็นช่วงเวลาที่ไร้ขีดจำกัด ดังอนันต์ที่จะทำให้ทั้งคู่เต้นรำกันอย่างไม่จบสิ้น เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องจากเธอไป"

"..."

"อ้อ แล้วไอ้วินเซนต์มันยังบอกผมอีกนะว่า เพลงนี้มีจุดประสงค์อีกอย่างนึงที่คุณมอลลิน่าตั้งใจจะบอกกับหนุ่มสาวทุกคู่ที่เข้าร่วมงานเต้นรำสวมหน้ากากของเกรวินเกอร์ว่า.. จงอย่าปล่อยให้ช่วงเวลาของคุณและคนที่คุณรักหลุดลอยไป แต่จงบอกรักเค้าด้วยจุมพิตที่แสนหวาน เพราะช่วงเวลาอนันต์นั้น..มันไม่มีอยู่จริง"

"..."

"เป็นไง ฟังเรื่องเล่าแล้วรักเพลงนี้มากขึ้นมั้ยครับ : )"

"..."

"..."

เพราะแบบนี้นี่เอง.. ทวงทำนองของเพลงนี้ถึงได้ไพเราะนัก.. มันทั้งสุข ทั้งเศร้า ทั้งสวยงามไปพร้อมๆ กัน อีกทั้ง.. ยังให้ความรู้สึกอ้อยอิ่งเหมือนต้องการที่จะยื้อเวลาในการเต้นรำเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ที่แท้.. ก็เพราะว่าในทุกท่วงทำนอนนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวและความรู้สึกของผู้ประพันธ์นี่เอง..

แล้วดูผมสิ อินกับสิ่งที่เหล้ารัมเล่าจนน้ำตาคลออีกแล้ว... พักหลังๆ นี่รู้สึกว่าบ่อน้ำตาผมมันตื้นมากเลยแฮะ

แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับการที่เราสองคนพากันเงียบไปในเวลาต่อมา..

"..."

"..."

ผมไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใดเหมือนกันที่ทำให้เกิดความเงียบนั้น.. แต่สิ่งที่ผมแน่ใจคือ.. สายตาของเราทั้งคู่...กำลังจับจ้องยังริมฝีปากของกันและกัน..ในจังหวะที่ท่วงทำนองค่อยๆ ช้าลงเรื่อยๆ ราวกับกำลังจะจางหายไป..

แรงดึงดูดบางอย่างทำให้ทั้งผมและเหล้ารัมค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าหากัน.. ผมรู้นะว่าถ้าทำแบบนี้ มันต้องส่งผลให้เกิดบางอย่างขึ้นกับปฏิกิริยาของคนในงานแน่ แต่ผมคิดว่าผม..ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว..

"ขอคุยด้วยหน่อยสิ : )"

ทว่า..! ในขณะที่อีกไม่นานริมฝีปากของผมกับเหล้ารัมกำลังจะแตะกัน ใครคนนึงก็กระชากเหล้ารัมออกไปนอกฟลอร์ทำให้ผมที่ถูกนายพ่อมดเหล้าโอบเอวอยู่ติดร่างแหตามไปด้วย

ทำให้แทนที่คนอื่นจะได้เต้นรำกับเพลงต่อไปที่มีจังหวะสนุกสนานขึ้น กลับต้องตีวงออกห่างเพื่อหันมาสนใจเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นแทน

น่ะ..นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!?

"ไอ้ซองซู" เหล้ารัมสะบัดมือออกจากผู้ชายคนนั้นอย่างแรง แถมเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงดุดันแบบที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ทำให้ผมได้รู้ว่าคนที่เข้ามาขัดจังหวะเราสองคนก็คือ 'ตัวป่วน' ที่เหล้ารัมไม่อยากจะพูดถึงนั่นเอง

ซองซูที่กำลังยืนยิ้มร้ายอยู่ต่อหน้าผมกับเหล้ารัมตอนนี้เป็นผู้ชายที่ไม่สูงเท่าไหร่นัก เขาอยู่ในชุดสูทสีดำและทับอีกชั้นด้วยเสื้อคลุมยาวสีเดียวกัน ซึ่งก็ดูเข้ากับเขาดี เพียงแต่.. มันออกจะดูเยอะเกินไปหน่อยสำหรับสภาพอากาศที่ไม่ได้หนาวนักแบบในตอนนี้

ส่วนใบหน้าของเขานั้นก็ไม่ได้สวมหน้ากากเหมือนกับคนอื่นๆ ทำให้ผมสามารถเห็นใบหน้าหล่อเหลาเกาหลีของเขาได้อย่างชัดเจน

อืม.. เอาจริงๆ ผมก็ไม่เคยเห็นพ่อมดสัญชาติเกาหลีมาก่อนนะ เลยไม่รู้ว่าส่วนใหญ่เขาหน้าตาเป็นยังไงกัน แต่ในส่วนของซองซูนั้นเหมือนศิลปินเกาหลีที่ผ่านการทำศัลยกรรมมาแล้ว ทั้งใบหน้าเรียวยาว ผิวขาวจัด มีสันกรามที่สวยเป๊ะ ตาเรียวคม คิ้วเข้ม จมูกโด่ง และปากเป็นกระจับได้รูป ซึ่งก็ถือว่าหล่อดี แต่ผมว่าจุดเด่นของผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ที่หน้าตานะ แต่เป็นจิวที่เจาะอยู่ตรงกระดูกอ่อนของหูด้านบนมากกว่า เพราะมันทำให้เขาดูมีเสน่ห์ขึ้นเยอะเลย

แต่เดี๋ยว.. แล้วนี่ผมมายืนบรรยายหน้าตานายพ่อมดคนนี้ทำไมกันล่ะเนี่ย ลืมหรือไงว่าเขาไม่ได้เป็นมิตรกับเหล้ารัมนะ!

"สวัสดีเหล้ารัม หายหน้าหายตาไปนานเลย ไม่คิดว่ากลับมาอีกทีแล้วจะควงผู้ชายมาด้วย ไอ้เราก็นึกว่าไปตั้งหน้าตั้งตาหาเมียที่เป็นผู้หญิงซะอีก : )"

"เรื่องของฉัน อย่ายุ่ง"

"โธ่~ อะไรกันนายนี่ แค่พูดนิดพูดหน่อยทำเป็นอารมณ์เสีย โอเคๆ ไม่พูดละ มาเข้าเรื่องของเรากันเลยก็ได้ : )"

"หึ! ฉันไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกับแกทั้งนั้น"

"เฮ้ย มีเรื่องอะไรกันวะ" แต่ในขณะที่เหล้ารัมกำลังหัวเสียได้ที่ เจ้าชายเบเนดิกต์ก็เดินเข้ามาหาเรา พร้อมกับคุณวินเซนต์ที่เดินตามมาด้วย

ผมถึงได้สังเกตเห็นว่าตอนนี้งานเลี้ยงเต้นรำเหมือนว่าจะไปต่อไม่ได้เลย หากว่าเหตุการณ์ของเหล้ารัมกับซองซูยังไม่จบลง

จนผมรู้สึกเกรงใจคุณย่าแทนเหล้ารัมจริงๆ ที่ทำให้กลายเป็นแบบนี้ แต่ก็หวังว่าท่านจะเข้าใจ เพราะงานนี้เหล้ารัมของผมไม่ได้เริ่มก่อนเลยสักนิด

"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพระองค์ กรุณาอย่ายุ่ง" แล้วดูเอาเถอะ ขนาดกับเจ้าชายมาเองแท้ๆ ยังไม่เห็นหัวเลย นายซองซูนี่มันหมาบ้าชัดๆ!

"ก็อยากยุ่งอะ มีปัญหาอะไรมั้ย" ส่วนเจ้าชายเองก็ใช่ย่อย เห็นวางตัวดีแบบนี้ก็ออกจะเลือดร้อนเหมือนกันนะ ร้อนถึงคุณวินเซนต์ที่ต้องคอยดึงพระองค์ไว้ไม่ให้เข้าไปลุยกับซองซู

"นี่ ย่าของฉันไม่ได้ส่งการ์ดเชิญนายเพื่อให้มาทำตัวแย่ๆ แบบนี้นะซองซู"

"ฉันเนี่ยนะวินเซนต์ที่ทำตัวแย่? ก็แค่ลากเหล้ารัมมาคุยกันสองคน ไม่ได้ขอให้ใครมาสนใจสักหน่อย อยากเต้นรำก็เต้นกันไปสิ!"

ไม่พูดเปล่า ซองซูยังมีการกวาดสายตาไปมองพ่อมดแม่มดที่ยืนมุงกันอยู่ด้วย ซึ่ง.. มันก็ถูกของเขานะ เพราะจริงๆ เขาก็แค่ลากเหล้ารัมออกมาคุยกันสองคน เพียงแต่.. เหตุการณ์แบบนี้มันเป็นอะไรที่อยู่ในความสนใจของผู้คนไง ถึงได้ไม่มีใครเต้นรำกันต่อน่ะ

"พอเถอะ" เหล้ารัมที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ เลยเอาแขนมากันเจ้าชายกับคุณวินเซนต์ไว้ เพื่อเป็นการห้ามไม่ให้เข้ามายุ่ง "เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจัดการเอง"

"ดี" พอได้ยินแบบนั้น ซองซูก็ยิ้มพึงพอใจ "เพราะฉันเองก็ไม่อยากมีเรื่อง"

"งั้นนายต้องการอะไร"

"ก็เหมือนเดิม ฉันต้องการให้นายรับคำท้าดวลเวทมนตร์กับฉัน แล้วฉันก็จะจากไปอย่างสงบ ตกลงมั้ย?"

"ไม่"

แต่ในขณะที่ซองซูกำลังพูดความต้องการด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เหล้ารัมก็ตอบกลับสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะเสียงดังฟังชัด ไม่ต่างอะไรจากคำตอบรับของเหล่าทหารหาญ

งานนี้ก็เลยทำเอาพ่อมดเกาหลีมีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปทันที เขาดูไม่พอใจมากขณะเดียวกัน.. นัยน์ตาก็ฉายแววความเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างชัดเจนราวกับเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะปิดบังมันกับใคร

"แน่ใจนะ"

"ใช่ ฉันแน่ใจ ต่อให้นายท้าดวลฉันกี่ครั้ง ฉันก็จะตอบแบบเดิม"

"โอเค ถ้านายยืนยันแบบนั้น งั้นฉันก็ชักจะสนใจขึ้นมาแล้วล่ะว่าคู่ควงของนายเป็นใครกันแน่ : )"

แล้วก็ตามระเบียบครับ พอทำอะไรเหล้ารัมไม่ได้ ซองซูก็หันมายิ้มร้ายให้ผม ทว่า..

"อย่า มา ยุ่ง" ..เหล้ารัมกลับเอาตัวเข้ามาบังผมไว้ทันที ก่อนที่เขาจะสั่งห้ามซองซูแบบเน้นทีละคำ

มันทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาเลย เมื่อได้เห็นว่ามีแผ่นหลังกว้างๆ ของนายพ่อมดเหล้ามากั้นเอาไว้แบบนี้..

..ดีจัง

"โอ้ววว ดูท่าว่าผู้ชายคนนี้จะสำคัญสำหรับนายจริงๆ แฮะ" แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ซองซูยอมเลิกรา "งานนี้ชักสนุกใหญ่แล้วสิ ไหนๆ คุณคนที่อยู่ข้างหลังน่ะ ช่วยเปิดหน้าให้ผมดูหน่อยได้มั้ยครับ ว่าคุณเป็นใครกันแน่ : )"

"ฉันบอกว่าอย่ายุ่งไงซองซู!"

"แล้วถ้าฉันจะยุ่ง นายจะทำไม? ดวลกับฉันงั้นหรอ? หึ ก็ดีสิ ฉันกำลังต้องการแบบนั้นอยู่เลย : )"

"..." เหล้ารัมเงียบ ไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไปทั้งนั้น และด้วยความที่ผมยืนอยู่ด้านหลังไง เลยทำให้ไม่เห็นว่าเขากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่กันแน่

แต่จากที่ฟังเขาสองคนเถียงกัน ก็ทำให้พอจะเข้าใจว่าสิ่งที่ซองซูต้องการจากเหล้ารัมคือให้รับคำท้าดวลเวทมนตร์จากเขา ในขณะที่พ่อมดเหล้ากลับปฏิเสธ ซึ่งมันก็น่าสงสัยอยู่นะว่าทำไมเหล้ารัมถึงไม่เอาด้วย ทั้งๆ ที่เหตุผลว่ากลัวก็ไม่น่าใช่ แล้ว..มันอะไรกันล่ะ?

"เงียบ ไม่ตอบ หึ! โอเค เหล้ารัม นายไม่ให้ทางเลือกฉันเองนะ แล้วอย่ามาหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน : )"

ฟึ่บ!

แต่ในขณะที่ผมกำลังคิดหาเหตุผลเกี่ยวคำปฏิเสธของเหล้ารัมอยู่นั้น ร่างสูงที่ยืนบังผมอยู่ก็ถูกเวทมนตร์ของอีกฝ่ายจู่โจมให้เซไปทางซ้าย ทำให้ตอนนี้ผมกับนายพ่อมดเกาหลียืนหันหน้าเข้าหากันโดยไม่มีอะไรขวางกั้นอีกต่อไป

ฟึ่บ!

แล้วจังหวะที่เหล้ารัมจะพุ่งตัวกลับเข้ามาขวาง ซองซูก็สะบัดมือหนึ่งครั้ง ส่งผลให้หน้ากากสีทองที่ปิดบังใบหน้าของผมเอาไว้ร่วงหล่นลงตามแรงโน้มท่วงของโลก จนเกิดเสียงฮือฮาจากผู้คนในงาน

แต่ผมเองก็ไม่รอช้าเหมือนกัน เพราะพอหน้ากากร่วง ผมก็ก้มหน้าลงโดยพลัน ก่อนจะใช้มือขวาคว้าหน้ากากกลับเข้ามาแปะไว้ แล้วใช้มืออีกข้างคว้ามือของเหล้ารัมที่พุ่งเข้ามาจนถึงตัวผม แล้วพาเขาวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิต!

"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!"

ทำให้ซองซูตะโกนไล่หลังเราสองคนมาว่าให้หยุด แต่ใครจะหยุดล่ะ หยุดก็โง่สิ!

แต่ทว่า..

"เหล้ารัม ข้างหน้า!"

ผมที่พาอีกฝ่ายวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิตก็ถึงกับต้องร้องลั่น เพราะเพิ่งจะเห็นว่าข้างหน้าเป็นเวทีวงออเคสตร้า!

แล้วจากความเร็วของการวิ่งในตอนนี้คือมันหยุดไม่ได้แล้วไง จะเปลี่ยนทางวิ่งก็ไม่ทันด้วย มีแต่ชนกับชนเท่านั้น!

"ไม่ต้องห่วง"

วูบบบบ~!

ซึ่งพอเหล้ารัมตอบกลับมาว่า 'ไม่ต้องห่วง' ผมก็รู้สึกถึงแรงดูดบางอย่างที่พาให้เราสองคนทะลุกลับมาตกลงบนโซฟาของคอนโด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เรายังอยู่ที่งานเลี้ยงเต้นรำของเกรวินเกอร์อยู่เลย!?

แต่ยังไม่ทันที่ผมกับเหล้ารัมจะได้พูดอะไรกัน อีกฝ่ายก็กวาดมือขึ้นฟ้า ก่อนที่แสงสีทองจากปลายนิ้วของเขาจะพุ่งชนเข้ากับเพดาน แล้วแตกกระจายออกเป็นละอองฟุ้งไปทั่วทั้งห้อง.. ซึ่งผมเคยเห็นอะไรแบบนี้มาแล้วครั้งนึงตอนที่แม่มดคู่พันธะสัญญาของพ่อผมร่ายคาถาป้องกันพื้นที่ที่บ้านไว้

"ผมร่ายคาถาป้องกันน่ะ ซองซูจะได้ตามรอยการหายตัวมาไม่ได้" นั่นไง ใช่จริงๆ ด้วย

แล้วพอละอองสีทองจางหายไป ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง.. ผมเห็นเลยว่าเหล้ารัมทิ้งตัวลงกับโซฟาพลางถอนใจยาวเหยียด ก่อนจะถอดหน้ากากของตัวเองออก ผมที่เห็นแบบนั้นก็เลยเอาหน้ากากออกบ้าง

"ผมขอโทษ"

"เรื่องอะไรครับ" ผมหันไปถาม เมื่อจู่ๆ เหล้ารัมก็กล่าวคำขอโทษขึ้นมา ทั้งๆ ที่ก็ไม่เห็นว่าเขาทำอะไรผิดเลยสักนิด

"ก็เรื่องที่ผมทำให้งานเลี้ยงเต้นรำสวมหน้ากากครั้งแรกของคุณพังลงไม่เป็นท่าน่ะสิ แม่ง.. นึกแล้วก็เจ็บใจไอ้ซองซูนัก ท้าดวลเวทมนตร์อยู่ได้ ก็ปฏิเสธไปแล้วว่าไม่ ก็ยังตามตื้อไม่เลือก นี่ ต่อไปถ้าเกิดว่าคุณเจอมันล่ะก็ หนีให้ไกลเลยนะ เพราะผมสังหรณ์ใจว่ามันต้องมาคอยตามรังควานเราสองคนไม่เลิกแน่"

"ตกลงครับ ถ้าเจออีก ผมจะหนีให้ไกลเลย ว่าแต่.. ผมถามได้มั้ย ว่าทำไมคุณถึงไม่รับคำท้าดวลของเขา"

"คือ.." ผมรู้สึกใจหายวาบเลยเมื่อเห็นว่านัยน์ตาสีม่วงคู่นั้นสั่นไหวราวกับเปลวเทียนต้องลม.. นี่ผม.. กำลังไปแตะบางอย่างที่มีผลต่อจิตใจของเขาหรือเปล่านะ? "ผมไม่ชอบน่ะ" แต่ก็เพียงไม่นานนัก แววตาแบบนั้นก็จางหายไป เหลือไว้เพียงคำตอบที่ฟังดูง่ายเสียจนไม่น่าจะใช่เรื่องจริงจากปากเขา

แต่ผมก็ไม่เซ้าซี้นะ แถมเปลี่ยนเรื่องคุยด้วย "อ๋อ แบบนี้นี่เอง เออนี่ ว่าแต่ที่คุณขอโทษผมนะ ผมไม่รับนะ" เพราะไม่อยากไปแตะในสิ่งที่เขาเองก็ดูจะไม่อยากพูดถึงเท่าไหร่

"อ้าว ทำไมล่ะ" แต่กลายเป็นว่านายพ่อมดเหล้ากลับเด้งตัวขึ้นจากโซฟาเพื่อมองผมด้วยสายตารู้สึกผิดแทน

"เดี๋ยวๆ ไม่ต้องทำหน้ารู้สึกผิดแบบนั้นเลยครับ เพราะที่ผมพูดน่ะ หมายถึงผมไม่ได้โกรธคุยต่างหาก"

"จริงหรอ"

"จริงครับ ผมไม่ได้โกรธคุณเลยสักนิด อันที่จริงผมว่ามันตื่นเต้นดีออก เหมือนอยู่ในหนังเลย ฮ่าๆๆๆ~" ผมนี่ก็โรคจิตเหมือนกันเนอะ "เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องคิดมาก แล้วก็เลิกทำหน้าแบบนี้ด้วย"

ไม่พูดเปล่า ผมยังถือวิสาสะใช้มือจับหน้าของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะใช้นิ้วโป้งดันมุมปากทั้งสองข้างของเขาให้กลับไปยิ้มเหมือนเดิม จนเหล้ารัมต้องจับมือผมไว้ แล้วยิ้มออกมาด้วยตัวเอง

"ยิ้มแล้ว พอใจมั้ย : )"

"เยี่ยม มันต้องแบบนี้สิ : )" พาลให้ผมยิ้มตามไปด้วยเหมือนกัน

แต่เพียงไม่นาน.. เหล้ารัมก็เปลี่ยนจากหน้ายิ้มเป็นหน้าเซ็งแบบฉับพลัน ทำเอาผมที่กำลังยิ้มตามเขาอยู่ถึงกับปรับอารมณ์ตามไม่ทันเลย

"เป็นไรไป?"

"เซ็งครับ"

"เซ็งเรื่อง?"

"..."

แล้วเหล้ารัมก็ไม่ตอบ แต่ลดระดับสายตาลงมามองช่วงปากของผมแทน.. นั่นทำให้ผมเข้าใจได้ในทันทีว่าเขาเซ็งเรื่องที่ซองซูเขามาขัดจังหวะตอนที่เราสองคนกำลังจะจูบกัน..

ซึ่งมันก็น่าเซ็งจริงๆ นั่นแหละ

แต่ให้ทำไงได้ล่ะ ในเมื่ออารมณ์ช่วงนั้นมันหายไปแล้ว ถ้าจะให้จูบกันตอนนี้มันก็ได้อยู่หรอก แต่มันจะไม่ใช่อารมณ์นั้นไง เพราะฉะนั้น.. ผมก็เลยต้องใช้นิ้วชี้แตะที่ปากของเหล้ารัมเพื่อห้ามเขาเอาไว้ ก่อนที่เขาจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้มากกว่านี้..

"ขอโทษนะครับ แต่ผมว่า.. เราสองคนคงต้องหาห้วงอนันต์ของเราใหม่แล้วล่ะ" ก่อนจะยิ้มแหยๆ ส่งไปให้

ทำเอานายพ่อมดเหล้าของเรายกมือยอมแพ้ เพราะดูก็รู้ว่าเขาเองก็คงจะคิดเหมือนกันว่าความรู้สึกมันไม่ได้แบบตอนนั้นแล้ว

ก็เลยกลายเป็นว่า.. สิ่งที่เหล้ารัมทำต่อจากนั้นก็คือการทิ้งตัวลงนอน ก่อนจะตะโกนด่าสาปนายตัวป่วนของเขาออกมาด้วยความคับแค้นใจ..

"ไอ้บ้าซองซู!!!"


จบตอนที่ 9

#แฮมสเตอร์
บอกตรงๆ เลยว่า ลงอาทิตย์ละตอนแบบนี้ก็รู้สึกใจหายเหมือนกัน
เพราะปกติพอลงเป็นจุดหนึ่งจุดสองก็จะลงได้เรื่อยๆ
แต่หลังจากไตร่ตรองมาหลายตลบ ก็คิดว่าวิธีการการลงแบบนี้น่าจะโอเคและลงตัวที่สุดสำหรับทุกคนแล้ว
ขอบคุณที่อ่านกันนะครับ :)

*พูดคุยที่ทวิตเตอร์กันได้ โดย #พ่อมดเหล้า นะครับ

มายเพจ : #แฮมสเตอร์

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2016 14:07:00 โดย Hamzholic »

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6

ออฟไลน์ Respire

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น่าสงสารเหล้ารัม อีกแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้นเอง ดั้นมีไอ้บ้าซองซูมาขัดขวางทางรักของเค้า น่าตายจริงๆ
เอาใหม่ครั้งหน้านะเหล้า เราเชื่อนายทำได้ 555555555555

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ซองซูนี่ใครรรร บังอาจทำลายโมเมนท์แสนหวาน  :fire:

lol

ว่าแต่ เอียนตัวจริงใช่ไหม?? คิดว่าเป็นตัวจริงน้า

(ว้อนท์แบบตอน .1 .2 ของเดิมมากกว่า รอสัปละตอนนี่มันนานจริงๆ ขอสัปละสองตอนได้ไหมค้าาาาาาาาาาาาาาา  :ling1:)

ปอลอ มีบอกทีหลังอีกไหมคะว่าผู้ชายที่คุณมอลลิน่าเต้นรำด้วย ฮิมเป็นใครอ่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2016 19:51:14 โดย BlueCherries »

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
55555555 เหล้ารัม นายช่างน่าสงสารเหลือเกิ๊นนนนนนนนน 555555 :m20: :m20: :m20:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โถ~ เหล้ารัมอดจูบกับวาฬเลย  :ling2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ The Empress

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โถ่ เหล้ารัมของเรา อดได้จุ๊บเลย

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ Praykanok

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ไม่เสียดายนะเหล้ารัมมม มม 5555555

ออฟไลน์ Fahkram

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ shannara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เวล นายเมาแล้วเรื้อนหนักสินะ
 :hao7:

โอ้ยยย
อิจค่ะ อิจพระนายคู่เน้

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่
ชอบเรื่องนี้ค่ะ ดูมีสตอรี่ที่การวางประวัติศาสตร์ที่อ่านแล้วรู้เลยว่านักเขียนจะต้องทำการบ้านกับมันหนักมากแน่ๆ

ล่าสุดมีเต้นรงเต้นรำกันด้วยยยยย งู้ยยยยย ชอบ


เป็นกำลังใจให้นะคะ แต่งจบไวๆ เด้อออออ

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
บทที่ 10
{ หากเอียนยังอยู่ }


ผมกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ..

โอเค ผมยอมรับว่ามันเป็นความผิดของผมเองที่คิดมาก ทั้งที่เมื่อคืนนี้ก็บอกกับตัวเองแล้วว่า..ผมจะเลิกสนใจคนที่ทิ้งผมให้นอนรอวันตายไปซะ แล้วโฟกัสแค่เหล้ารัม..ผู้ชายที่คอยเทคแคร์และอยากให้ผมมีความสุข

แต่เพราะว่าความฝันเมื่อคืนนี้..

'เอียน นั่นนายใช่มั้ย!?'

'...'

'ฉันรู้นะว่าเป็นนายน่ะ'

'...'

'หยุดก่อนเถอะ ฟังฉันพูดก่อนนะ'

'...'

'ขอร้องล่ะเอียน'

'...'

'เอียนนนน!'


..มันก็เลยทำให้ผมกลับมาคิดถึงผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง

ทั้งๆ ที่แม้แต่ในความฝันเขาก็ยังเดินจากผมไป.. ต่อให้ผมตะโกนเรียกเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมหันกลับมา.. แต่ผมก็ยังไม่สามารถลบเรื่องของเขาออกไปจากหัวได้ แถมยังหวนกลับไปปักใจเชื่ออีกว่า..ผู้ชายที่เข้ามาชนผมเมื่อคืนนี้ต้องไม่ใช่แค่ภาพลวงตา แต่เป็นเอียน โจนส์ไม่ผิดแน่..

แล้วรู้มั้ยผมคิดไงต่อ?

ผมคิดว่าผม..อยากบอกให้เหล้ารัมได้รับรู้ เพราะว่าถ้าการบังเอิญเจอกันเมื่อคืนนี้สามารถใช้เป็นเบาะแสให้เขาช่วยหาตัวเอียนจนเจอได้ บางที..อะไรๆ มันอาจจะง่ายกว่านี้ แบบที่ผมและเหล้ารัมไม่จำเป็นที่จะต้องทำพันธะสัญญาครั้งที่สองกันอีกต่อไป

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะผลักไสเหล้ารัมออกไปจากชีวิตนะ ผมยังอยากให้เขาอยู่กับผมต่อไป เพียงแค่แอบคิดเล่นๆ ว่าบางทีการทำพันธะสัญญากับคนที่เคยทำด้วยกันครั้งแรก มันอาจจะถูกผูกขึ้นง่ายกว่าการทำพันธะสัญญาครั้งที่สองให้สำเร็จภายในเวลาที่เหลืออยู่ก็ได้.. แต่ก็นะ เอียน โจนส์เองก็ไม่ใช่ดินใช่ฟ้าที่แค่เดินออกจากบ้านแล้วก็เจอกันเสียเมื่อไหร่ หรือต่อให้เจอ แล้วขอให้เขาช่วยกลับมาอยู่กับผม เขาก็คง..

"นี่ คุณเหม่ออีกแล้วนะวาฬ"

"อะ..อะไรนะครับ!?" แต่ในขณะที่กำลังคิดนั่นคิดนี่เกี่ยวกับเอียนอยู่นั้น เหล้ารัมก็เอานิ้วมาจิ้มแก้มหนึ่งที จนผมที่หลุดลอยไปไกลแล้วถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ..

"ผมบอกว่าคุณเหม่ออีกแล้ว เห็นมั้ย ขนาดผมพูดคุณยังไม่ได้ยินเสียงผมเลย นี่สรุปเป็นอะไรกันแน่เนี่ย บอกผมมาเดี๋ยวนี้เลยนะ"

พูดจบ เหล้ารัมก็กอดอกอย่างต้องการคำตอบ ทำเอาผมนี่รู้สึกตัวหดเล็กลงเลย.. เฮ้ออออออ~

"ขอโทษครับ ผมจะไม่เหม่อแล้ว" แต่สุดท้ายก็ไม่ได้บอกสาเหตุของการเหม่อออกไปนะ เพราะถึงจะอยากพูดเรื่องของเอียน แต่ผมรู้สึกว่าจังหวะตอนนี้มันยังไม่ใช่ เลยเริ่มมองไปรอบๆ เพื่อหาตัวช่วยให้รอดจากสถานการณ์ แต่ปรากฏว่า..ทุกคนในห้องเรียนกำลังก้มหน้าก้มตาเก็บของกันเกือบหมดแล้ว "อะไรกันกัน เลิกเรียนแล้วหรอ?"

"เลิกเรียนบ้านมึงสิ ไม่ได้ยินที่เฮดเจอร์บอกหรือไงว่าอาจารย์เขายกเลิกคลาส ให้ทุกคนกลับบ้านได้เลย"

จริงๆ ผมตั้งใจจะถามเหล้ารัมที่ยืนกอดอกอยู่บนหัวผมนะ แต่ไอ้เอกดันตอบแทนซะงั้น ผมก็เลยพยักหน้ารับ แล้วเริ่มลงมือเก็บของบ้าง ถึงจะยังงงๆ กับเรื่องยกเลิกคลาสอยู่ก็ตาม

"นี่ สรุปว่าคุณจะไม่บอกผมใช่มั้ยว่าทำไมถึงได้เหม่อนักน่ะ" จนคนถูกเมินอย่างเหล้ารัมถึงกับต้องนั่งยองๆ ลงข้างผมเลย

"เอ่อ.. ไม่ใช่แบบนั้นนะ ผมก็แค่.. คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง" แน่ล่ะว่าผมต้องโกหกอยู่แล้ว

"จริงหรอ?" เลยทำให้นายพ่อมดเหล้าต้องถามย้ำอย่างไม่อยากจะเชื่อ

"เออ กูยืนยันให้ก็ได้ว่าจริง ไอ้วาฬมันก็ชอบเหม่อแบบเนี้ยแหละ มึงอย่าคิดมากเลยเหล้า ห่วงมันมาก เดี๋ยวคนเขาก็คิดว่ามึงเป็นผัวเพื่อนกูหรอก"

แต่แล้วไอ้เอกที่เก็บของเสร็จก่อนใครก็หันมาสนับสนุนผมอีกเสียง จนเหล้ารัมต้องพยักหน้ารับคำสนับสนุนนั้น ก่อนที่เขาจะชะงักไป.. ไม่สิ ทั้งเค้าทั้งผมเลยที่ชะงักกับประโยคตอนท้ายที่ไอ้เอกพูดออกมา!

"ผะ..ผัวบ้านมึงสิ!" ไม่โวยเปล่า ผมเอาสมุดเลคเชอร์ที่กำลังจะเก็บใส่กระเป๋าฝาดแขนแม่งแรงๆ ด้วย ไอ้เพื่อนบ้า!

แต่แทนที่มันจะสำนัก กลับพาบอยกับหลิวหัวเราะแซวๆ ตามไปด้วย

เยี่ยม!

"นี่ก็อีกคน!" ผมเอาสมุดเลคเชอร์ฟาดแขนเหล้ารัมเป็นรายที่สอง เพราะพอหันกลับมามองหน้าเขา แทนที่จะชะงักอึ้งไปเหมือนก่อนหน้า กลับยิ้มเขินรับคำแซวซะงั้น เยี่ยม!

"ผมเจ็บนะวาฬ : ("

"เจ็บสิดี" ด้วยความที่ไม่ได้ดั่งใจ บวกกับความอายด้วย เลยทำทีเป็นลุกเดินเอาเศษลูกอมในกระเป๋ามาทิ้งที่ถังขยะด้านหลังห้อง

"นี่" แต่นายพ่อมดเหล้าก็ยังไม่วายเดินตามมา เรียกเสียงแซวให้ดังขึ้นไปอีก

เยี่ยม เยี่ยม! เยี่ยม!!

"อะไร"

"งอนหรอ"

"เปล่าสักหน่อย ก็แค่เดินมาทิ้งขยะ" แล้วผมก็ทิ้งขยะให้เขาดูเหมือนเป็นการสาธิตให้เห็นภาพอะไรแบบนั้น

"โอเค ไม่งอนก็ไม่งอน งั้น.. เสร็จนี่เราไปดูหนังกันนะ : )"

ก่อนจะตามมาด้วยความประหลาดใจจากคำชวนที่ไม่คาดฝันของเหล้ารัม อะ..อารมณ์ไหนของเขาเนี่ย?

"อารมณ์ไหนครับเนี่ย" ทำเอาผมนี่ถึงกับเสียงแผ่วลงเลย

อะไรวะวาฬ นี่แค่เหล้ารัมชวนไปดูหนังเองนะ มะ..ไม่ได้ขอเป็นแฟนสักหน่อย ไหงหัวใจมันรู้สึกพองโตได้วะ!?

"ก็เราสองคนยังไปเคยดูหนังด้วยกันเลย นะๆ ไปดูกัน : )"

"เอ่อ.. ก็ได้ครับ" ผมตอบออกไปแบบนั้น ทั้งที่ใจอยากจะตะโกนดังๆ ว่า 'ไปครับ ผมอยากมีโมเม้นท์แบบนี้กับใครสักคนที่ไม่ใช่เพื่อนสักครั้งในชีวิตมานานแล้ว แล้วก็ดีใจมากที่เป็นคุณ ขอบคุณนะครับเหล้ารัมที่ชวนผม ไปกันเลยครับ ไปเดี๋ยวนี้เลย!' แต่คงจะไม่ดีไม่งามเป็นแน่

ว่าแต่..

"ถ้าผมชวนเพื่อนไปด้วย คุณจะว่าอะไรมั้ยครับ?"

คือ.. ไม่ใช่อะไรหรอกนะ ใจจริงผมก็อยากไปกับเหล้ารัมแค่สองคน แต่ทำไงได้ล่ะ ปกติเวลาผมได้มีโอกาสไปไหนมาไหนโดยที่แม่ไม่ว่า ก็จะมีไอ้เอก บอย และหลิวไปไหนไปกันตลอด ผมก็เลยกลัวว่า.. ถ้าเกิดไม่ชวน เพื่อนจะรู้สึกไม่ดีหรือเปล่านะ?

"อันที่จริงผมอยากไปกับคุณสองคนนะ แต่ถ้าคุณอยากชวนเพื่อน ผมก็โอเค" ซึ่งก็โชคดีที่เหล้ารัมเข้าใจไง (แม้จะบอกออกมาตรงๆ ว่าอยากไปกันแค่สองคนก็เถอะ) ผมเลยสบายใจที่จะเดินกลับไปชวนเพื่อนที่โต๊ะ แต่ปรากฏว่า..

"ไม่อะ พวกกูว่าจะไปคิดงานกันที่ Today I Learned ว่ะ มึงไปกับไอ้เหล้าสองคนเหอะ"

เอกและเพื่อนอีกสองกลับปฏิเสธผม ด้วยเหตุผลที่พอผมฟังแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง.. ไม่ไปเพราะจะไปคิดงานกันเนี่ยนะ!?

อารมณ์ไหนของพวกมันวะเนี่ย!? ผีเข้าหรือว่าอะไรกันไรแน่ อาจารย์เพิ่งจะสั่งเมื่อตอนคาบเช้าเองนะ พออาจารย์คาบบ่ายแคนเซิลแล้วจะไปทำกันเลยงั้นหรอ โห~ ไม่ใช่อะ ไอ้พวกนี้ไม่ใช่เพื่อนผมแน่ ปกติมาเร่งทำเอาตอนใกล้ส่งตลอด พวกมันต้องโดนผีเข้าแน่!

"โอเค งั้นเดี๋ยวเราไปกับวาฬสองคนนะ ไว้เจอกัน" แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรต่อ เหล้ารัมก็ตัดบทให้เสร็จสรรพ ก่อนจะคว้ากระเป๋าผมมาถือไว้ให้ แล้วพากันเดินออกมาเลย

ผมที่ยังงงๆ อยู่ก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ให้นายพ่อมดลากลงจากตึกได้ตามชอบใจ จนกระทั่งสายตาไปสะดุดกับห้องสมุดคณะที่อยู่ติดกับทางหลังตึก เลยตัดสินใจรั้งเหล้ารัมเอาไว้

"เดี๋ยวก่อนเหล้ารัม"

"อะไรหรอครับ"

"ไปห้องสมุดกันก่อนได้มั้ยครับ พอดีผมอยากเข้าไปดูหนังสือออกแบบเล่มนึง"

"อ๋อ ได้ครับ ไม่มีปัญหา : )"

พอดีว่าตอนที่เห็นห้องสมุดแล้วผมเพิ่งจะนึกขึ้นได้น่ะ ว่าเมื่อเช้าตอนนั่งรถมากับเหล้ารัม ผมเห็นนักออกแบบที่ผมติดตามงานของเขามานานพูดถึงหนังสือออกแบบกึ่งศิลปะเล่มนึงบนเฟซบุ๊ค แล้วมันน่าสนใจมาก เพราะหลายคนที่เข้ามาคอมเม้นท์ ต่างก็พากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าภาพทุกภาพล้วนให้ไอเดียใหม่ๆ ทุกครั้งที่ได้มอง ไม่ต่างกับหนังการ์ตูนของค่ายจิบลิเลยทีเดียว ซึ่งผมเองก็พอจะได้เห็นภาพบางส่วนบ้างแล้ว แล้วมันก็ดีงามมากจริงๆ ก็เลยลองเสิร์ชหาดู ปรากฏว่าห้องสมุดคณะเองก็มี เลยว่าจะลองมาเปิดๆ ดูก่อน ถ้าเวิร์คจริงเหมือนภาพที่ได้เห็นในเฟซบุ๊ค ผมจะได้แวะซื้อตอนไปดูหนังด้วยเลย

"เจอแล้วครับ" พอเดินเข้ามาในห้องสมุด ผมก็เดินตรงไปยังคอมฯ ที่ใช้เสิร์ชหารหัสหนังสือ พอพบ ก็จดใส่กระดาษ แล้วเดินนำเหล้ารัมไปยังชั้นหนังสืออกแบบที่อยู่ด้านในสุด เป็นมุมที่ค่อนข้างลับตาคนทีเดียว ถึงว่าล่ะ หนังสือดีๆ มาอยู่ในโซนแบบนี้ ใครมันจะไปมองเห็นกันเล่า

"นี่หรอที่คุณตามหา"

"ใช่ครับ"

แต่ถึงจะเจอแล้วก็ใช่ว่าผมจะหยิบลงมาเองได้นะ เพราะมันดันอยู่ซะชั้นบนสุดเลย ถ้าไม่มีเหล้ารัมล่ะก็ มีหวังผมได้ไปหาอะไรมาเหยียบเพื่อหยิบเองแน่

"ภาพสวยดีแฮะ เห็นแล้วทำให้เกิดไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมาเลย"

"นั่นไงล่ะ" ผมตอบรับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น "เพราะแบบนี้ผมถึงได้มาตามหามันยังไงล่ะครับ" แสดงว่าที่เขาพูดกันก็คงจริงแหละ เพราะนอกจากเหล้ารัมแล้ว ผมที่แค่เปิดดูรูปผ่านๆ ก็ยังแอบนึกไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมาได้เลย งั้นแบบนี้ก็คงต้องไปซื้อมาเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตนซะแล้ว

"จะเช่าหรอครับ"

"เปล่าครับ กะว่ามาดูก่อน ถ้าชอบก็จะได้ไปซื้อ"

"แล้วชอบมั้ย"

"อืม.. ก็ชอบนะครับ แต่แอบติดตรงที่เป็นภาษาอังกฤษหมดเลยเนี่ยสิ เฮ้อออออ ผมยิ่งโง่ๆ อยู่"

จริงนะ ถึงจะเอ็นติดมหา'ลัยนี้ด้วยคะแนนภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างสูงก็เถอะ แต่ตอนนั้นผมติวเพื่อให้สอบติด เลยเน้นไปที่เทคนิคมากกว่าความรู้ ก็เลยสามารถทำข้อสอบได้เยอะ แต่กลับจดจำคำศัพท์ได้น้อยมาก แล้วศัพท์ที่เขาเอามาออกสอบก็ไม่ค่อยได้ใช่ในชีวิตประจำวันด้วย ใครมันจะไปจำได้ล่ะ : (

"อะไรกัน เรื่องแค่นี้เอง ผมช่วยได้นะ"

"จริงหรอครับ" นั่นไง เขาหาเรื่องมาให้ผมกระตือรือร้นได้อีกแล้ว "นี่มันมีเวทมนตร์ที่ทำให้ผมเก่งภาษาอังกฤษได้ด้วยหรอครับเนี่ย?"

"มีสิ แต่คุณต้องเอาหูเข้ามาใกล้ๆ ผมก่อน ผมถึงจะช่วยได้"

"เอ่อ.. โอเคครับ" แม้จะยังงงๆ อยู่ว่าจะเอาหูของผมไปทำอะไร แต่พอนึกถึงตอนที่แค่จิ้มนิ้วทีเดียวก็ทำให้หยดน้ำบนหน้าผมหายไปได้ ก็เลยไม่รีรอที่จะยื่นหูซ้ายไปใกล้ๆ ตามที่เขาต้องการ

แล้วก็..

จุ๊บ~

"เหล้ารัม..!" ผมเกือบร้องลั่นเมื่อตกใจที่จู่ๆ นายพ่อมดก็จุ๊บแก้มผมซะงั้น! น่ะ..นี่ดีนะที่นึกขึ้นมาได้ซะก่อนว่าตอนนี้อยู่ในห้องสมุดน่ะ เลยรีบเอามือตะครุบปากตัวเองไว้ ไม่งั้นมีหวังโดนคุณบรรณารักษ์ดุแน่ๆ

อะ..ไอ้พ่อมดบ้า!

"ทำไม จุ๊บไม่ได้หรอ : )"

"นี่มันห้องสมุดในสถานศึกษานะ ทำอะไรให้เกียรติสถาบันบ้างสิ!"

"โอ๊ะ ลืมไปๆ ขอโทษนะครับ : )"

"หึ! สายไปแล้วครับ ทีหลังถ้าจะหลอกจุ๊บกันแบบนี้ ก็ไม่ต้องเอาเรื่องที่ผมต้องการมาอ้างนะครับ แบบนี้มันให้ความหวังกันชัดๆ!"

ผมค้อนคนฉวยโอกาสแรงๆ หนึ่งที ก่อนจะทำเป็นเปิดหนังสืออ่านต่อไป เพราะยังคิดหาทางออกจากสถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้ แต่เอ๊ะ..!?

"เดี๋ยว.. ทำไม.." ผมถึงกับพูดเป็นประโยคไม่ออกเลย เมื่อจู่ๆ หนังสือในมือที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งเล่ม กลับกลายเป็นแค่ขนมหวานของผมไปแล้ว เพราะผมเข้าใจความหมายของคำศัพท์ทุกคำ แถมดูเหมือนว่าความเข้าใจทางไวยากรณ์ของผมก็จะเข้มข้นขึ้นด้วย ปะ..เป็นไปได้ไงล่ะ!?

"ก็บอกแล้วไงว่าผมช่วยได้ : )"

"กะอีแค่จุ๊บเนี่ยนะ!?"

"ใช่ครับ แค่จุ๊บเท่านั้นเอง ถ้าไม่เชื่อ ลองนี่ดูบ้าง" แล้วเหล้ารัมก็หันไปหยิบหนังสืออีกเล่มที่เป็นภาษาญี่ปุ่นส่งมาให้

ผมรับมาเปิด แต่ว่ากับเล่มนี้.. "แต่ทำไมพอเป็นภาษาญี่ปุ่นผมถึง..!"

จุ๊บ~

"อ่านใหม่สิ : )"

"ละ..เหล้ารัม!"

เขาจุ๊บแก้มผมอีกแล้ว! แต่คราวนี้คนละข้างกับเมื่อกี้นะ ตะ..แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น! ประเด็นคือเค้าจุ๊บแก้มผมอีกแล้ว!?

"เอ้า ลองอ่านดูสิครับ : )"

ถึงแม้ตอนนี้จะอยากเอาหนังสือในมือฟาดเข้ามากว่า แต่ทำไงได้ล่ะ ฟาดไปก็เท่านั้นแหละ เขาเคยสะทกสะท้านที่ไหนนายพ่อมดเจ้าเล่ห์เนี่ย!

"พระเจ้า.." แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เวทมนตร์เกิดขึ้น ใช่.. แค่เขาจุ๊บแก้มผม ผมก็เข้าใจภาษาญี่ปุ่นขึ้นมาเลย ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีพื้นฐานมาก่อนเลยด้วยซ้ำ ละ..เหลือเชื่อ!?

"เพราะฉะนั้นคงเห็นแล้วนะว่าผมไม่ได้หลอก ถ้าเกิดต่อไปอยากรู้ภาษาไหนอีกก็บอกผมล่ะ เดี๋ยวจะได้ช่วย..จุ๊บแลกภาษาให้ ตกลงมั้ย : )"

แถมเขายังมีการมาเสนอ 'จุ๊บแลกภาษา' กับผมอีกนะ บ้าที่สุด!

แล้วพอไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับยังไง เพราะมันเป็นเรื่องน่าอายมากที่เหล้ารัมมาจุ๊บผมในห้องสมุดแบบนี้ ก็เลยหาทางออก โดยการวางหนังสือทั้งหมดในมือกลับเข้าชั้น แล้วตั้งท่าเดินหนีออกมาเลย ทว่า..

"เอ่อ.." ผมเป็นอันต้องชะงัก เมื่อเห็นนักศึกษาหญิงสองคนกำลังมองมาที่ผมกับเหล้ารัมด้วยใบหน้าที่ฟินยังกับดูซีรี่ย์คู่จิ้นยังไงยังงั้น แถมมือก็ยังจิกเสื้อกันแน่นไปหมด

โอ๊ยยยยย ตายๆๆ แบบนี้ก็แสดงว่าพวกเธอเห็นตอนที่เหล้ารัมจุ๊บแก้มผมสินะ!?

อายว่ะ.. โคตรอายเลยนะแบบนี้เนี่ย!

"เอ่อ..."

แล้วในขณะที่ผมอยากจะละลายหายไปต่อหน้าต่อตาสองสาวที่ยังคงทำหน้าฟินไม่เลิก สถานการณ์ก็ถูกขับเคลื่อนให้ไปต่อด้วยตัวต้นเหตุอย่างนายเหล้ารัมที่ถือวิสาสะเอามือโอบเอวผมไว้.. แล้วพาเดินออกมาจากตรงชั้นหนังสือ..

ปล่อยให้สองสาวที่น่าจะเกิดเป็นสาววายในชาตินี้ร้องกรี๊ดกร๊าดไล่หลังมา จนคุณบรรณารักษ์อดรนทนไม่ไหว ตะโดนดุด้วยเสียงที่ดังก้อง

"งดใช้เสียงค่ะ!!"

น่ะ..นายเหล้ารัมนี่ร้ายจริงๆ!


ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2


* * * * * * *

ด้วยความที่ไม่ได้เช็ครอบฉายมาก่อน ทำให้ผมกับเหล้ารัมพลาดหนังรอบล่าสุดไปจนได้ เราสองคนก็เลยตัดสินใจซื้อตั๋วของรอบถัดไปที่จะฉายในอีกสี่สิบสิบห้านาทีข้างหน้า และตกลงกันว่าจะใช้สี่สิบห้านาทีนั้นเพื่อเดินไปซื้อหนังสือที่ผมต้องการและหาอะไรกินกัน

ซึ่งพอได้หนังสือตามที่ต้องการแล้ว ผมก็ให้สิทธิ์เหล้ารัมที่แสดงความเป็นสุภาพบุรุษอาสาช่วยถือของให้เป็นคนเลือกร้านตามที่ใจเขาต้องการ ถึงแม้ว่าในใจผมจะอยากกินซูชิก็เถอะนะ แต่ในเมื่อเอ่ยวาจาไปแล้วว่าให้เหล้ารัมเลือก ผมจะกลับคำได้ยังไง

แล้วผลก็คือ..

"กินร้านนี้ก็แล้วกัน : )"

..เหล้ารัมตัดสินใจชี้ร้านซูชิที่ผมหมายตา!

โอ๊ยยยย ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตา~ สัญญาเลยนะครับว่าผมจะตอบแทนโอกาสนี้ด้วยการกินฟัวกราส์ซูชิแบบไม่ให้เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวในร้านเลยคอยดู!

"โอเคครับ ร้านนี้ก็ดีเหมือนกัน" แต่บทจะแสดงออกมากมันก็กระไรอยู่ เลยได้แต่พยักหน้าเห็นด้วยเบาๆ แล้วเดินตามเหล้ารัมเข้าไปในร้านอย่างสงวนท่าที ทั้งๆ ที่ใจนี่คือกู่ร้องก่องโลกแล้ว~

แต่พอได้โต๊ะที่ต้องการ พร้อมกับพนักงานที่เดินเข้ามาถามว่า "รับอะไรดีครับ" ผมก็เปิดเมนูแล้วสั่งทุกอย่างตามที่ใจต้องการ โดยที่ไม่สามารถสงวนท่าที่ได้อีกต่อไป

หืมมมม อันโน้นก็น่ากิน อันนี้ก็ไม่ได้กินนาน แล้วใครล่ะมันจะไปอดใจไหว!

"เดี๋ยว เมื่อกี้คุณสั่งกี่ชิ้นนะ" จนถึงขนาดที่เหล้ารัมต้องรีบถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เพราะไม่แน่ใจกับเมนูสุดท้ายที่ผมสั่งไป

"เอ่อ.. ฟัวกราส์ซูชิสิบห้าชิ้นครับ" ผมเลยตอบออกไปแบบไม่ค่อยจะเต็มเสียงนัก เพราะกลัวว่าบางทีนายพ่อมดอาจจะดุผมก็ได้

"กี่ชิ้นนะ ผมได้ยินไม่ถนัด"

"สิบห้าชิ้นครับ"

"พระเจ้า!" พอได้ยินแบบชัดเจน เหล้ารัมก็ถึงกับเบิกตาโตขึ้นทันที "นี่คุณกะจะไม่ให้เขาคนอื่นกินเลยหรอเนี่ย!?"

ผมยิ้มแหย พร้อมกับยกมือขึ้นเกาหัวแก้เก้อ "ก็แหม ผมอยากกินนี่ครับ แล้วก็ไม่ได้กินบ่อยๆ ด้วย อย่าห้ามผมเลยน้าาา~" ก่อนจะตบท้ายด้วยน้ำเสียงออดอ้อนอีกนิด เหล้ารัมก็เลยต้องพยักหน้ายินยอม แล้วหันไปสั่งสิ่งที่ตัวเองต้องการแทน

แล้วพอพนักงานเดินจากไปพร้อมกับออเดอร์ที่ยาวเป็นหางว่าว เหล้ารัมก็หรี่ตามองผมเหมือนต้องการจะแซวกับเมนูชุดใหญ่ที่ผมสั่งไป ผมที่ไม่อยากถูกแซวก็เลยทำทีเป็นมองนั่นมองนี่ไปทั่วร้าน โดยที่ไม่นึกเลยว่าสายตาเจ้ากรรมจะไปสะดุดเข้ากับด้านหลังของลูกค้ารายหนึ่งที่กำลังนั่งโดดเดี่ยวอยู่ตรงที่นั่งแบบบาร์..!

วินาทีนั้น..ชื่อของใครคนหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ.. เพราะดูจากทรงผมและรูปร่างแล้ว ไม่ต่างจากผู้ชายที่เข้ามาชนผมในงานเลี้ยงเต้นรำของเกรวินเกอร์เลยสักนิด ใช่.. ไม่ผิดแน่ ต้องใช่เขาแน่ๆ!

คิดได้ดังนั้น ผมลุกขึ้นทันทีโดยไม่สนอาการตกใจของเหล้ารัม ก่อนจะก้าวยาวๆ เดินไปหาผู้ชายคนนั้น แล้วจับไหล่เพื่อดึงให้เขาหันมา

"เอียน..!"

ทว่า..

"เอ่อ.."

พอหันมาแล้ว กลับไม่ใช่คนเดียวกันกับที่ผมคิด เพราะว่าผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรที่เหมือนเอียน โจนส์เลย โดยเฉพาะนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่ดูจะตกใจกับการกระทำของผม..

"ขะ..ขอโทษครับ" ดังนั้นผมเลยต้องรีบยกมือไหว้เพื่อเป็นการขอโทษกับความเข้าใจผิดของตัวเอง "พอดีผมจำคนผิดน่ะครับ ขอโทษด้วยนะครับ"

"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ ว่าแต่.. เปลี่ยนจากคำขอโทษเป็นไลน์ของคุณแทนได้มั้ยครับ?" แถมนอกจากจะไม่ใช่คนที่คิดว่าใช่แล้ว ผู้ชายคนนี้ยังขอไลน์ผมอีก ทำเอาผมนี่ถึงกับเซ็งจนพูดอะไรไม่ออกเลย..

"มีอะไรหรอวาฬ" ซึ่งก็นับว่าโชคดีที่เหล้ารัมตามมาแบบได้จังหวะพอดีน่ะนะ ถึงแม้ว่าเขาจะโอบไหล่ผมเหมือนต้องการจะแสดงความเป็นเจ้าของต่อหน้าผู้ชายที่ถูกผมเข้าใจผิดก็เถอะ แต่ผมไม่ว่าอะไรเขาหรอก ผมโอเค

"พอดีเข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะ ยังไงผมก็ต้องขอโทษคุณอีกครั้งนะครับ" ก่อนที่ผมจะตัดสินใจยกมือไหว้ขอโทษผู้ชายคนนั้นเพื่อเป็นการตัดจบ แล้วพากันเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับเหล้ารัมที่ขมวดคิ้วซะจนหน้าผากย่นไปหมดแล้ว

"นี่มันเรื่องอะไรกันวาฬ ไหนช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจหน่อยซิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่ ผมว่าผมพยายามจะไม่คิดมากแล้วนะ แต่คุณทำตัวแปลกจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อกี้นี้ตอนที่ลุกเดินเข้าไปหาผู้ชายคนนั้น มันเหมือนแบบ..จิตใจคุณไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยวาฬ"

"ผม..ขอโทษครับ"

"ไม่วาฬ ผมไม่ได้ต้องการคำขอโทษ ผมต้องการคำอธิบายในสิ่งที่คุณเป็น ไม่งั้นมีหวังคืนนี้ผมคงนอนไม่หลับแน่"

"..."

พอมาถึงตรงนี้.. ผมรู้สึกแล้วว่าตัวเองไม่สามารถเก็บสิ่งที่อยู่ในใจได้อีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่ผมจะต้องเล่าเรื่องของเอียนให้เหล้ารัมได้รับรู้

"ว่าไงครับ คุณบอกผมได้มั้ย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"

"เหล้ารัมครับ ถ้าเกิดว่า.. ผมกลับไปทำพันธะสัญญากับคู่พันธะสัญญาคนแรก จะถือว่าเป็นการทำพันธะสัญญาครั้งที่สามหรือเปล่าครับ?" ผมเลยเลือกที่จะตอบกลับคำถามด้วยคำถาม เพราะอยากรู้เรื่องนี้ก่อนที่เราสองคนจะคุยกันเรื่องต่อไป

"ทำไมคุณถึงถามแบบนั้นล่ะ" แต่เหล้ารัมกลับยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้น ซึ่งผมเข้าใจความรู้สึกของเขาตอนนี้ดี เพราะว่านัยน์ตาเอเชียสีม่วงอ่อนที่อยู่ท่ามกลางความเป็นตะวันตกคู่นั้นกำลังฉายแววความสับสนออกมาอย่างชัดเจน

"ถ้าคุณตอบผมเรื่องนี้ ผมจะอธิบายในสิ่งที่คุณอยากรู้" ผมเลยต้องแสร้งทำเป็นแข็งใส่เค้า เพราะต้องการที่จะรู้คำตอบให้จงได้

"โอเค" ซึ่งแน่นอนว่าเหล้ารัมยอมตอบคำถามในที่สุด ถึงแม้ว่าสีหน้าจะสวนทางกับคำว่า 'โอเค' ที่พูดออกมาอย่างมากก็ตาม "ผมจะตอบให้ก็ได้ ว่าหากคุณกลับไปทำพันธะสัญญากับคู่พันธะสัญญาแรก จะไม่นับเป็นครั้งที่สองหรือสาม แต่จะถือว่าเป็น 'ครั้งแรกอีกครั้ง' เพราะต้นกำเนิดของพันธะสัญญาแรกถือว่าบริสุทธิ์มาก สามารถที่จะถอนและกลับมาผูกพันธะสัญญากันใหม่กี่ครั้งก็ได้ตามแต่ที่ใจต้องการ"

"แบบนี้นี่เอง"

แสดงว่าผมก็คิดถูกสินะ เรื่องที่ว่าการกลับไปทำพันธะสัญญากับเอียนนั้นง่ายกว่าการทำพันธะสัญญาที่สองกับเหล้ารัมให้สำเร็จน่ะ

"ผมตอบในสิ่งที่คุณอยากรู้แล้ว ทีนี้ก็ตาคุณอธิบายในสิ่งที่ผมอยากรู้บ้าง"

"โอเค" ทีนี้ผมก็เลยตอบรับคำทวงถามจากเหล้ารัมบ้าง ก่อนจะเงียบไปนิดนึง เมื่อจังหวะนั้นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่พนักงานยกเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ จนกระทั่งกลับไปเหลือแค่เราสองคนนั่นแหละ ผมถึงได้พูดต่อ "คือ.. เมื่อคืนนี้ตอนอยู่ที่งานของเกรวินเกอร์ ผมคิดว่าผมเจอเอียน โจนส์"

"ใครกันเอียน โจนส์ ชื่อคุ้นๆ?"

"เขาคือคู่พันธะสัญญาคนแรกของผมครับ ที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน"

"..."

"ผมไม่ได้เจอเขานานมากแล้ว ตั้งแต่วันที่เขาหนีหายไป ขนาดว่าครอบครัวผมขอให้ทางการของโลกเวทมนตร์ช่วยออกตามหาก็ไม่เจอ"

"ถึงว่า ทำไมถึงได้คุ้นชื่อนัก" ตอนแรกผมคิดว่าเหล้ารัมจะไม่พูดอะไรออกมาแล้ว แบบว่า.. อาจจะรู้สึกไม่ดีที่ผมพูดถึงคู่พันธะสัญญาคนเก่าอะไรแบบนั้น แต่พอเขาโต้ตอบกลับมา ผมก็รู้สึกว่าตัวเองหายใจได้คล่องขึ้นน่ะนะ "ทางสำนักราชวังเองก็เคยส่งให้พี่สาวผมช่วยตามหาเหมือนกัน แต่หาเท่าไหร่ก็หากันไม่พบ จนคิดว่าเขาน่าจะหนีออกไปที่โลกอื่นแล้ว"

"ใช่ ผมก็เคยคิดแบบนั้นนะ จนกระทั่ง.. มีผู้ชายคนนึงมาชนผมเข้าตอนที่คุณเดินไปตักขาแกะ ตอนแรกผมก็ไม่แน่ใจหรอก เพราะเขาสวมหน้ากาก แล้วสีผมก็เปลี่ยนไปด้วย แต่ว่า.. ผมจำตาสีเขียวขุ่นคู่นั้นได้"

"อ๋อ แบบนี้นี่เอง ตอนนั้นคุณถึงได้ถามผมใช่มั้ยว่าเห็นใครยืนอยู่หลังผมหรือเปล่า"

"ใช่ครับ เพราะพอผมหันไปอีกที.. เขาก็หายไปแล้ว.."

ผมถอนหายใจทันทีที่พูดจบ รู้สึกเหมือนเหนื่อยใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนลืมนึกไปว่าคนโคตรจะเป็นห่วงผมกำลังนั่งอยู่ตรงหน้า..

"..." แล้วก็อย่างที่คิดเลย เหล้ารัมทำหน้าไม่สบายใจส่งมาให้ ก่อนจะเอื้อมมาดึงมือผมไปกุมไว้.. "เรื่องนี้เองหรอที่ทำให้คุณทำตัวแปลกๆ น่ะ"

"ใช่ครับ ผมรู้สึกว่าผมหยุดคิดถึงเขาไม่ได้เลย ขนาดเมื่อกี้.. ผมแค่เห็นผู้ชายคนนั้นจากด้านหลังยังคิดว่าเป็นเอียนเลย"

เฮ้อออออ ถ้าเกิดว่าเมื่อคืนนี้ผมไม่เจอกับเขาอีกครั้ง อะไรๆ มันคงดีกว่านี้..

"แล้วทำไมคุณถึงต้องคิดถึงนายเอียนอะไรนั่นด้วยล่ะ ยังไงคุณก็มีผมแล้ว ต่อให้มันยังอยู่หรือว่าตาย ก็ไม่สำคัญกับคุณอีกต่อไปแล้ว จริงมั้ยครับ" เหล้ารัมกุมมือผมแน่นขึ้นเหมือนจะปลอบใจ แต่รู้อะไรมั้ย.. ผมอ่านความกังวลในตาของเขาออกนะ ว่าเหล้ารัมเองนั่นแหละที่ควรจะได้รับคำปลอบใจ เพราะเขาคงกำลังหวั่นไหวและไม่แน่ใจกับความต้องการในใจของผมตอนนี้ที่จู่ๆ ก็หยุดคิดถึงเอียนไม่ได้สินะ..

ซึ่งก็ไม่ผิดหรอกที่เหล้ารัมจะกังวล เพราะว่าผมเองก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้เหมือนกันว่าตัวเองน่ะพูดมากเกินไปแล้ว.. จนบางทีอาจจะทำให้เหล้ารัมรู้สึกว่าตัวเขากำลังจะหมดความสำคัญขึ้นมาก็ได้..

"สำคัญสิ เพราะผมรู้สึกว่า..ผมอยากหาเอียนให้เจอ แล้วกลับไปทำพันธะสัญญาครั้งแรกกับเขาอีกครั้ง" ..แต่ผมไม่มีทางเลือก เพราะผมเองก็ไม่อยากปิดบังสิ่งที่อยู่ในใจเหมือนกัน

"..." แน่นอนว่าเหล้ารัมต้องอึ้งกับสิ่งที่ผมพูดอยู่แล้ว..

"เพราะผมคิดว่ามันง่ายกว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ ในเมื่อ..คุณก็บอกเองว่าพันธะสัญญาแรกเป็นพันธะสัญญาบริสุทธิ์ สามารถทำขึ้นใหม่ได้อย่างไร้ปัญหา ต่างจากพันธะสัญญาครั้งที่สองที่ต้องอาศัยการเสียสละจากคุณ ซึ่งผม..ไม่อยากทำให้คุณเดือดร้อน" ถึงแม้ผมจะยังไม่รู้ว่าการเสียสละนั้นคืออะไรก็เถอะนะ "แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะผลักไสคุณออกไปนะครับ ผมยังอยากให้คุณอยู่กับผมนะ เพียงแต่..แค่คิดว่าถ้าหากเราได้เอียนกลับมา อะไรๆ มันอาจจะง่ายขึ้นก็เท่านั้นเอง"

ตอนแรกเหล้ารัมทำหน้าเหมือนว่าโลกนี้มันแตกสลายไปเรียบร้อยแล้ว แต่พอได้ยินผมพูดว่า 'ไม่ได้คิดจะผลักไสเขา และอยากให้เขาอยู่' นายพ่อมดก็ดูจะมีสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าเดิม แถมมือหนาๆ ที่เคยกุมมือผมซะแน่น..ก็ดูจะคลายลง..ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่ดี ในเมื่อผมเองก็ไม่ได้อยากทำให้เขารู้สึกแย่

เพราะถ้าเขารู้สึกแย่.. ผมก็รู้สึกแย่เหมือนกัน..

"วาฬครับ ผมเข้าใจสิ่งที่คุณคิดนะ แล้วผมก็ขอบคุณมากที่คุยยังอยากให้ผมอยู่กับกับคุณต่อไป" แล้วเขาก็เริ่มยิ้ม "แต่รู้อะไรมั้ย มันไม่สำคัญเลยสักนิดว่าผมต้องเสียสละอะไรเพื่อให้ได้ทำพันธะสัญญาครั้งที่สองกับคุณ ในเมื่อผมคือคนที่ตัดสินใจเดินเข้ามาในชีวิตของคุณเอง เพราะฉะนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมยอมรับผลจากการตัดสินใจของตัวเองได้เสมอ"

"..."

"แล้วจริงอยู่การได้เจอมันคนนั้น อาจจะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น และคุณเองก็คงจะมีความสุข แต่สำหรับผม.. ผมเสียใจนะ แล้วก็ไม่โอเคมากเลยด้วยที่ต้องให้คนอื่นมาใกล้ชิดกับคุณแทนที่จะเป็นผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคนๆ นั้นมันคือไอ้เลวที่ถอนพันธะสัญญาจากคุณไป ไม่สนใจเลยสักนิดว่าคุณจะอยู่หรือตาย"

"..."

"ผมขอเถอะนะวาฬ เลิกกังวล เลิกคิดถึงไอ้ผู้ชายคนนั้นกับพันธะสัญญาครั้งแรกซะ ผมรู้นะว่ามันยาก แต่มีผมอยู่ตรงนี้ทั้งคน ยังไงผมก็จะไม่ยอมให้คุณเป็นอะไรไปเด็ดขาด"

"..."

โอเค... ผมพูดอะไรไม่ออกเลยเมื่อได้ฟังในสิ่งที่เหล้ารัมพูด.. รู้สึกว่าน้ำตามันคลอขึ้นมาที่เบ้าตาอีกแล้ว.. ในเมื่อ..ผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่เขาส่งผ่านมาให้.. รับรู้..ว่าทุกคำที่เขาพูด มันส่งตรงจากหัวใจของเขาจริงๆ..

แล้วแบบนี้..ผมจะไปหาเหตุผลอะไรมาหักล้างกับเขาได้ล่ะจริงมั้ย?

ในเมื่อเหล้ารัมทำให้ผมเชื่อได้จริงๆ ว่าถ้าแค่มีเขา.. ผมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องการใครอีก..

"ขอบคุณนะครับเหล้ารัม แล้วก็ขอโทษด้วย..ที่คิดนั่นนี่ไปเรื่อยเลย" ดังนั้น ผมจึงเปลี่ยนเป็นฝ่ายกุมมือเขาบ้าง

"ไม่เป็นไรครับ แค่คุณเข้าใจผม แค่นี้ก็พอแล้ว : )" ก่อนที่อีกฝ่ายจะดึงมือออกข้างนึงเพื่อหยิกแก้มผมเบาๆ

ซึ่งผมจะไม่เขินมากขนาดนี้เลยนะ ถ้าตอนที่เหล้ารัมทำไม่ใช่จังหวะเดียวกันกับที่พนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟพอดี เล่นเอาซะผมนี่ทำหน้าไม่ถูกเลย..

แต่นั่นก็เท่ากับว่าบทสนทนาของเราสองคนจบลงด้วยดีน่ะนะ เพราะพอได้ฟังสิ่งที่เหล้ารัมพูด ผมก็ล้มเลิกความคิดที่อยากจะกลับไปทำพันธะสัญญาครั้งแรกทันที

ทว่า.. ถึงจะเลิกคิดเรื่องพันธะสัญญาแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่อยากเจอเอียนอีกครั้งหรอกนะ.. เพราะถึงยังไงผมก็มีเรื่องนึงที่อยากจะพูดกับเขาเหลือเกิน

โดยเฉพาะคำหนึ่งคำ..ที่เขาไม่ทันจะได้อยู่ฟังในคืนนั้น...


จบตอนที่ 10

#แฮมสเตอร์
อัพอาทิตย์ละตอนมันใจจะขาด
รู้สึกว่าตัวเองเหงา ไม่มีอะไรทำเลย
ก็เลยขอเปลี่ยนมาเป็นอัพอาทิตย์ละ 2 ตอนก็แล้วกันนะครับ
ขอโทษที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาครับ T___T

*พูดคุยที่ทวิตเตอร์กันได้ โดย #พ่อมดเหล้า นะครับ

มายเพจ : #แฮมสเตอร์

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :beat:


วาฬ รีบๆให้เหล้ารัมส่องดูได้แล้วว่าเอียนอยุ่ไหน จะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่านอีก

(เป็นพ่อมดแม่มดนี่เจ๋งจริง อิจฉาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา)  :ling3:

********

ปอลิง

อัพอาติ๊ดละสองตอนเป็นไอเดียที่บรรเจิดแล้วค่ะ อย่าลดลงอีกเลยนะ พลีสๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :mew6:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-07-2016 21:36:20 โดย BlueCherries »

ออฟไลน์ cinnsin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ขอจุ๊บแลกภาษาหน่อยได้มั้ยคะคือตอนนี้โง่อังกฤษม๊ากกกมาก---- //โดนวาฬฆ่า ถถถถถ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด