* * * * * * *
เราทั้งสี่ใช้เวลานานมากกว่าจะถึงเซฟเฮ้าส์ของเจ้าชายเบเนดิกต์ เนื่องจากว่าถ้าใช้การหายตัวในการเดินทาง มันจะทิ้งร่องรอยเวทมนตร์ที่สามารถทำให้พี่วิสกี้ตามหาพวกเราได้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้น เลยต้องเริ่มกันตั้งแต่การนั่งแท็กซี่ไปลงที่วัดพระแก้ว ซึ่งผมก็เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่ามุมหนึ่งของกำแพงวัดพระแก้ว มีประตูลับที่พวกพ่อมดแม่มดสามารถใช้ผ่านทางมายังโลกเวทมนตร์ได้ โดยที่จะไม่ทิ้งร่องรอยเวทมนต์ไว้ คล้ายกับประตูบ้านที่คอยเปิดต้อนรับด้วยความยินดีอะไรแบบนั้น
แล้วพอข้ามผ่านประตูมาได้ พวกเราทั้งสี่คนก็ยังต้องไปหารคันเก่าๆ ที่ดูจะไม่เป็นที่น่าสนใจในโลกเวทมนตร์ เพื่อขับมายังตอนใต้อันเป็นที่ตั้งของเซฟเฮ้าส์ของเจ้าชาย ซึ่งด้วยความที่สมรรถนะรถมันก็ไม่ได้ดีไงครับ การเดินทางก็เลยเป็นไปแบบเต่าคลาน ทำให้กว่าพวกเราจะมาถึง ก็ปาเข้าไปเกือบช่วงพระอาทิตย์ใกล้จะลาลับขอบฟ้าแล้ว
“สวยจัง” แต่ผมก็ชอบนะ เมื่อลงจากรถมาแล้วได้เห็นภาพของพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน เพราะว่ามันสวยมาก เนื่องจากเซฟเฮ้าส์ที่ว่าตั้งอยู่บนเนินเขาสูงที่มีวิสทะเลอยู่เบื้องล่าง ทำให้ได้เห็นทั้งท้องฟ้าและน้ำทะเลที่ไล่ระดับสีสันสวยงามตามการลาลัยของดวงอาทิตย์ที่กำลังจะจากไป
ก็ถือว่า.. เป็นการต้อนรับการมาถึงของธรรมชาติที่แสนจะสวยงามมากทีเดียวเชียว : )
“วาฬ เข้าบ้านกันเถอะ” แต่ก็ชื่นชมอยู่ได้เพียงไม่นานนักหรอกนะ เพราะหลังจากนั้นก็ถูกเหล้ารัมเรียกเข้าบ้านแล้ว
“ทำไมเงียบจังวะ คนของแกไปไหนเนี่ยไอ้เจ้าชาย?”
“นั่นสิ?” ก่อนที่จะได้ยินคุณวินเซนต์กับเจ้าชายเบเนดิกต์ที่กำลังเดินนำหน้า..เริ่มแสดงความสงสัยเกี่ยวกับตัวบ้านที่ดูจะเงียบสนิทเกินไป
แต่กว่าที่เราทั้งหมดจะรู้ตัว..
“สวัสดี : )”
..ทุกอย่างก็สายเกินไปเสียแล้ว!
“พี่วิสกี้!?”
“ใช่ ฉันเอง ตกใจหรือไงที่เห็นฉันอยู่ที่นี่ได้น่ะ : )”
กะ..ก็สมควรที่พวกเราทั้งหมดจะตกใจอยู่แล้ว ที่พอเดินผ่านโถงทางเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ก็เจอเข้ากับพี่วิสกี้ที่นั่งอยู่บนโซฟาหน้าเตาผิงไฟอย่างสง่างาม คล้ายกับว่าเธอคือราชินีผู้ยึกครองบ้านหลังนี้เอาไว้ทั้งหมดแล้ว!
ฟึ่บ!!
“เฮ้ยยย!”
“คิดว่าฉันจะยอมปล่อยพวกนายไปง่ายๆ อย่างงั้นน่ะหรอ ฝันไปเถอะ : )”
คุณวินเซนต์ถึงกับร้องเสียงหลงเลย ไม่เห็นว่าทางออกที่เขากำลังจะแอบเนียนหนีออกไป กลับถูกปิดตายกลายเป็นกำแพงด้วยฝีมือของพี่วิสกี้
“เยี่ยม นี่สรุปว่าพวกเราหนีมาตั้งไกล เพื่อมาติดกับของเธออย่างงั้นเหรอเนี่ย!?” ถูกอย่างที่เจ้าชายเบเนดิกต์ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำไปในวันนี้ มันช่างสูญเปล่าจริงๆ
“ใครอยากให้นายใช้คนโง่ทำงานกันล่ะ : )” พูดจบ พี่วิสกี้ก็ดีดนิ้วหนึ่งที ก่อนที่เก้าอี้นวมตัวใกล้ๆ จะเลื่อนออก เผยให้เห็นชายคนหนึ่งนอนแน่กับพื้น โดยที่ถูกปิดปากและมัดมือมัดเท้าเอาไว้ ดูท่าว่าจะเป็นคนที่เจ้าชายใช้ให้มาจัดเตรียมเซฟเฮ้าส์สินะ
“เธอนี่มัน..”
“หุบปาก!” แล้วพี่วิสกี้ก็แผดเสียงดังลั่น เมื่อเห็นว่าเจ้าชายกำลังจะต่อว่าเธอ
“อย่ามายุ่งกับเรื่อง ถ้านายไม่อยากเดือดร้อนเบเนดิกต์”
แต่ดูท่าว่าเจ้าชายเบเนดิกต์จะไม่ยอมจบง่ายๆ เพราะพระองค์ตั้งท่าจะเปิดปากต่อว่าพี่วิสกี้ต่อ ทว่า..เหล้ารัมกลับยื่นมือเข้ามาห้ามไว้ แล้วเริ่มคุยกับพี่สาวของเขาต่อเอง
“ปล่อยพวกผมไปเถอะพี่ ถือว่าผมขอร้องล่ะ”
ผมรู้สึกว่าใจแกร่งเลยไม่ได้ยินน้ำเสียงที่แฟนของผมใช้ขอร้องพี่วิสกี้ แต่กลับไม่ได้รับความเห็นใจจากเธอเลยสักนิด “ไม่! เรื่องนี้มันมากเกินไป พี่ไม่มีทางยอมปล่อยไปง่ายๆ เด็ดขาด!”
“แต่มันคือชีวิตของผมนะพี่ ผมมีสิทธิ์ที่จะเลือกเส้นทางของตัวเอง โดยที่พี่ก็เข้ามายุ่งเกี่ยวไม่ได้”
“หึ! ใช่ มันคือชีวิตของนาย แต่ยังไงซะฉันก็เป็นพี่ และฉันควรหยุดในสิ่งที่น้องชายกำลังจะตัดสินใจผิดพลาด!”
“พี่วิสกี้!”
ตู้มมมมมมมมม!
ผมถูกเหล้ารัมคว้าเข้ามากอดไว้แน่น เมื่อพี่วิสกี้สาดเวทมนตร์มาทางที่ผมยืนอยู่ ทำให้แทนที่เวทมนตร์นั้นจะโดนผม มันเลยเลยไประเบิดรูปภาพที่ผนังด้านหลังแทน
กะ..เกือบไปแล้ว!
“พี่ขอพูดกับนายเป็นครั้งสุดท้ายนะ ว่าจงถอนพันธะสัญญาจากวาฬซะ ไม่งั้น พวกนายสองคนจะไม่มีวันได้เจอกันอีกเลย!”
“พอเถอะวิสกี้ เธอ..”
“ฉันบอกว่าให้หุบปากไงเล่า!!”
ตู้มมมมมมมมมม!
อย่างที่โบราณว่าไว้ น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง แต่เพราะว่าเจ้าชายเบเนดิกต์เป็นพ่อมด อาจจะทำให้ไม่รู้จักสำนวนสุภาษิตนี้ เลยทำให้พี่วิสกี้ที่เปรียบเสมือนน้ำเชี่ยว สาดซัดเวทมนตร์ใส่พระองค์ จนพระองค์ถึงกับลอยไปกระแทกแปะติดกับกำแพง กะ..ก่อนที่..ร่างกายของเจ้าชายเบเนดิกต์จะค่อยๆ กลายสภาพเป็นปูนแบบเดียวกับกำแพงนั้น!
“เบเนดิกต์!” คุณวินเซนต์ที่เห็นแบบนั้นตั้งท่าจะตรงเข้าไปช่วย แต่กลับต้องหยุดชะงัก.. เมื่อเจอคำขู่ของแม่หมดเพียงหนึ่งเดียวในห้องๆ นี้
“ทำไมหรอวินเซนต์ หรือว่านายอยากจะโดนอีกคน : )”
ซึ่งแน่นอนว่าคุณวินเซนต์ต้องถอยอยู่แล้ว เพราะขนาดเจ้าชายทั้งคนยังทำอะไรไม่ได้เลย แล้วเขาจะไปกล้าต่อกรกับพี่วิสกี้ได้ยังไง
“พะ..พี่วิสกี้ใจเย็นก่อนนะครับ” คราวนี้ก็เลยถึงตาผมที่ยืนเงียบมานานเป็นฝ่ายพูดบ้าง “เดี๋ยวผมจะพูดกับเหล้ารัมเอง”
พอได้ยินว่าคนที่ผมอยากจะคุยด้วยคือเหล้ารัมไม่ใช่เธอ พี่วิสกี้ก็ถึงกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ ไม่ต่างอะไรจากเหล้ารัมที่ค่อยๆ ผละอ้อมกอดออกจากผมด้วยความไม่เข้าใจเช่นกัน
“อะไรกันวาฬ?”
“เหล้ารัมครับ ผมรู้นะว่าทั้งหมดที่คุณทำไปก็เพราะว่าคุณรักผม แต่ว่า..ผมเองก็ไม่อยากให้คุณกับพี่สาวคุณต้องมาทะเลาะกันแบบนี้ เพราะฉะนั้น ผมเลยคิดว่า.. ถ้าเรามาหาทางออกอื่นที่ดีกว่าการทำพันธะสัญญาครั้งที่สองได้..”
“ไม่วาฬ!” ผมถึงกับสะดุ้ง เมื่อเจอเหล้ารัมตวาดลั่น “ผมจะไม่ถอนพันธะสัญญาจากคุณเด็ดขาด เว้นเสียแต่ว่า..”
“...”
“คุณจะเลิกรักผมนั่นแหละ ผมถึงจะยอม”
“...” แล้วแบบนี้ผมจะไปพูดอะไรได้อีก เพราะใจจริงผมก็ไม่อยากให้เราสองคนจบลงด้วยการถอนพันธะสัญญาอยู่แล้ว ยิ่งให้เลิกรักนี่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
และเมื่อห้ามไม่ได้ ผมก็เลยตัดสินใจคว้ามือเขาเข้ามาจับไว้ เพื่อเป็นสิ่งยืนยันว่าผมจะยืนหยัดอยู่ข้างเขาตรงนี้ ต่อให้ต้องเจอพี่วิสกี้จัดการขั้นเด็ดขาดขนาดไหนก็ตาม
“เหล้ารัม พี่ไม่ได้ขอให้นายกับวาฬเลิกรักกันนะ พี่แค่ขอให้ถอนพันธะสัญญาออกจากกัน เพื่อที่นายจะได้ไม่ต้องตายไปพร้อมกับคนที่นายรักก็เท่านั้น นานไม่เข้าใจหรือไง?” พี่วิสกี้ดูจะพยายามที่จะใจเย็นลง และพูดความต้องการของเธอให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“ผมเข้าใจ แต่ถ้าทำแบบนั้น พอถึงวันเกิดของวาฬ เขาก็จะต้องตายนะพี่”
“วาฬมันไม่ตายหรอกน่า!” แต่เพราะเหล้ารัมเถียง พี่วิสกี้ก็เลยกลับมาระเบิดอีกครั้ง คล้ายหงุดหงิดน้องชายตัวเองเต็มที “ซองซู พามันเข้ามา!” ก่อนที่เธอจะออกคำสั่งกับอากาศ จนผมกับเหล้ารัมต้องหันมองหน้ากันอย่างงๆ ว่าไหนซองซู? แล้ว ‘มัน’ ที่ว่านี่คือใครกันแน่?
แต่เพียงไม่นานนัก ความสงสัยก็ได้รับการไขให้กระจ่าง เมื่อนายเดินผ่านเปลวไฟออกมาจากเตาผิงด้านหลังพี่วิสกี้ พร้อมกับลากตัวชายคนหนึ่งออกมาตรงหน้าผมกับเหล้ารัม
ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอก ว่าคนที่ถูกใส่กุญแจมือและมีสภาพยับเยินราวกับนักโทษนั่นคือใคร จนกระทั่ง.. เขาเงยหน้าขึ้นมา.. ถึงได้ทำให้ผมเห็นนัยน์ตาสีเขียวขุ่นของผู้ชายคนนั้นได้อย่างชัดเจน..!
“เอียน!”
ผมตัวแข็งทื่อ.. รู้สึกทำอะไรไม่ถูกเลยจริงๆ ที่ได้กลับมาเจอเอียนอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าเขาอยู่ในสภาพแบบนี้..
“พะ..พี่หามันเจออย่างงั้นหรอ!?” เหล้ารัมเองก็ดูจะตกใจไม่น้อย ที่ได้รู้ว่าคนที่ซองซูลากมากคือใคร ถึงได้ร้องถามพี่วิสกี้เสียงหลง จนคนถูกถามต้องยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
“ไม่ใช่ฉันหรอกที่เจอ แต่เป็นนายซองซูต่างหาก ที่เพิ่งจะรู้ว่าในเอียนอะไรนี่ อยู่ใต้จมูกของเขานี่เอง : )”
“ใช่แล้ว” ซองซูที่เหมือนจะรู้ว่าถึงบทของตัวเองเริ่มอธิบาย “หมอนี่ได้รับการช่วยเหลือจากคุณปู่ของฉันเมื่อหลายปี เพราะว่าท่านเป็นพ่อมดที่ไม่เห็นด้วยกับการที่จะต้องเห็นเหล่าพ่อมดแม่มดมาช่วยเหลือพวกมนุษย์” เพราะแบบนี้เองสินะ ถึงไม่เคยมีพ่อมดแม่มดจากตระกูลเกาหลีอย่าง ‘พยอน’ ถูกส่งมาทำพันธะสัญญากับคนในตระกูลของผมเลยสักคน “ซึ่งจริงๆ ฉันเองก็รู้ดี แต่ไม่เคยสนใจ จนได้มาเห็นข่าวเรื่องที่วาฬถูกคู่พันธะสัญญาหนีไปนั่นแหละ ถึงได้เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ว่าที่แท้นายเอียนก็คือคู่พันธะสัญญาของวาฬ”
“แล้วไง?” ตอนแรกซองซูดูจะอธิบายทุกอย่างออกมาอย่างมีความสุขมาก เหมือนว่าสุดท้ายแล้วเขาคือผู้ที่ค้นหาชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายเจอ แต่กลับกลายเป็นว่า..ดันเจอเหล้ารัมสวนกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาซะอย่างงั้น ทำเอานายพ่อมดเกาหลีถึงกับหน้าเสียไปเลย
ก็นะ นายซองซูเองก็ทำเรื่องไว้เยอะ จะให้เหล้ารัมมาพูดดีๆ กับเขาได้ยังไง
“ฉะ..ฉันก็เลยอยากลากคอมันมาให้พวกนายไง เพื่อเป็นการไถ่โทษกับทุกสิ่งที่ฉันได้ทำไม่ดีเอาไว้ วาฬกับนายเอียนก็จะได้..”
“เงียบนะ! แกอย่าได้พูดถึงเรื่องพันธะสัญญาของวาฬกับไอ้พ่อมดนั่นเด็ดขาด เพราะว่าตอนนี้ฉันกับวาฬเราได้พันธะสัญญากันแล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งคนเห็นแก่ตัวอย่างนายเอียนอีก จำไว้!”
คำประกาศของเหล้ารัม ทำเอาซองซูถึงกับอ้าปากค้าง จังหวะเดียวกันกับที่เอียนและผมสบตากัน..
“...” สิ่งที่ผมเห็น มีเพียงความเกลียดชังที่ส่งผ่านมาให้..
ลองแบบนี้..คงจะไม่มีวันที่เขาจะกลับมาเป็นพี่ชายที่แสนดีของผมอีกแล้วสินะ..
“นายเสียสติไปแล้วหรือไงเหล้ารัม!” แล้วในจังหวะที่ทุกคนเหมือนจะเงียบไป พี่วิสกี้กับแผดเสียงส่งอำนาจของเธอขึ้นมาอีกครั้ง ต่างกันที่คราวนี้เธอไม่ได้นั่งอีกต่อไปแล้ว “นี่มันเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว นายยังจะต้องการอะไรอีก!”
“ก็ผมเคยบอกพี่แล้วไงวิสกี้ ว่าทางออกที่ดีที่สุดสำหรับพี่ มันอาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผมรู้ว่าคนอื่นก็ได้”
“แล้ววิธีนี้มันไม่ดีตรงไหน ไหนนายบอกพี่มาซิ!”
“ก็ไอ้เลวนี่มันไว้ใจไม่ได้! มันเคยถอนพันธะสัญญาไปแล้วครั้งหนึ่ง แล้วพี่จะเอาอะไรมารับประกันได้ว่ามันจะไม่ทำอีก เกิดมันแกล้งถอนพันธะสัญญาในวันเกิดของวาฬขึ้นมา แล้ววาฬตาย.. ผมจะทำยังไงล่ะ!”
“แต่เรื่องที่ฉันถอนพันธะสัญญา มันไม่ใช่ความผิดของฉันนะ! แต่เป็นเพราะ..อื้อออ!”
“หุบปาก!” พี่วิสกี้สะบัดมือไปทางเอียนเมื่อเขาเริ่มพูด ทำให้มีเทปกาวมาปิดปากของเขาเอาไว้แน่น “สถานะอย่างแก มีสิทธิ์อะไรมาขึ้นเสียงใส่น้องชายฉัน!”
“...” ทุกคนเงียบ.. ราวกับคำสั่งของพี่วิสกี้ที่แผดเสียงใส่เอียน..มีผลต่อคนอื่นด้วย..
“เหล้ารัม ทำไมนายถึงได้ดื้อแบบนี้ พี่รู้นะว่านายรักวาฬมาก แต่นายจะให้ความรักมาตัดสินทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไม่ได้! นายวาฬน่ะ มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่แปดปีเท่านั้น ทั้งอ่อนแอ เปราะบาง และตายง่าย ต่างจากพวกเราโดยสิ้นเชิง ทว่านายกลับยอมตายไปพร้อมกันคนรัก แล้วปล่องพี่ให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวในอีกสี่ร้อยถึงห้าร้อยปีอย่างงั้นน่ะหรอ!?”
“...” เหล้ารัมถึงกับชะงักไปเลยเมื่อพี่วิสกี้พูดแบบนี้ ในขณะที่ผมเองก็รู้สึกใจหายกับสิ่งที่ได้ยิน..
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องทำห้องนานนับนาที ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้น เหล้ารัมจะเริ่มเป็นฝ่ายกลับมาเปิดบทสนทนา
“ผมไม่อยากใครทำอะไรพี่วิสกี้ ไม่ว่าจะเป็นพี่หรือว่าวาฬก็ตาม เพราะฉะนั้นผมถึงได้บอกตอนที่ไปหาพี่ที่บ้านไง ว่ามันยังมีอีกหนึ่งวิธี ที่พี่จะสามารถช่วยให้มันเกิดขึ้นได้”
“...”
“...”
ประโยคของเหล้ารัมก่อให้เกิดการจ้องตากันระหว่างคู่พี่น้องที่ไม่มีใครยอมใคร
ผมได้แต่มองพี่วิสกี้และเหล้ารัมสลับกันไปมา จนกระทั่ง..มาหยุดอยู่กับพี่วิสกี้.. ที่ตอนนี้ในตาสีม่วงของเธอกำลังแปรเปลี่ยนเป็นสีดำขลับไร้แววตา..
ราวกับว่า.. เธอไม่หลงเหลือความรู้สึกใดอีกต่อไปแล้ว..
“ไม่ มันไม่มีทางอื่นอีกแล้วเหล้ารัม มีแค่ทางนี้ทางเดียวเท่านั้น” แหละนั่นคือคำตอบจากเธอ
“ไม่จริง พี่ก็รู้ว่ามีทางอื่นอีก พี่รู้ดี” แต่ถึงเหล้ารัมจะเถียงแบบนั้น แต่พี่วิสกี้ก็ไม่สนใจแล้ว เพราะเธอหันไปออกคำสั่งกับคุณวินเซนต์แทน
“จับเหล้ารัมไว้!”
“ครับ”
แล้วก็เป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ เมื่อคุณวินเซนต์ล็อคตัวเหล้ารัมจากทางด้านหลัง ก่อนที่จะดึงเขาห่างออกไปจนมือที่จับอยู่ของเราสองคนหลุดออกจากกัน
แล้วในตอนนั้นเอง ที่ผมได้สังเกตุเห็นว่าภายในตาสีแอมเบอร์ของคุณวินเซนต์ ดูเหม่อลอยราวกับถูกใครสะกดจิตใจไว้
ฝะ..ฝีมือพี่วิสกี้อย่างงั้นหรอ!?
“ปล่อยฉันนะวินเซนต์ นานเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!?” เหล้ารัมพยายามดิ้นรนสุดกำลัง แต่ดูเหมือนว่ายิ่งดิ้น คุณวินเซนต์ก็ยิ่งรัดแขนเขาให้แน่นมากขึ้น จนช่วงตัวด้านบนของแฟนผมไม่สามารถขยับได้อีกต่อไป
“ส่วนนาย มาหาฉัน” ก่อนที่หลังจากนั้นพี่วิสกี้จะกระดิกนิ้วเรียกผม
“อ๊ะ!!” ซึ่งมันไม่ใช่แค่การส่งสัญญาณให้เดินไป แต่คือการร่ายเวทมนตร์ที่ทำให้ตัวผมลอยเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็ว
“ล็อคตัวไว้” แล้วหันไปสั่งให้ซองซูล็อคตัวผม
“ปล่อยฉันเถอะซองซู ฉันขอร้อง” ซึ่งผมเองก็พยายามที่จะขอร้องดีๆ แล้วนะ แต่ว่า..
“ขอโทษนะวาฬ แต่ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งพี่วิสกี้หรอก”
“...” ทำเอาผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีกเลย
ไม่เพียงแค่จัดการล็อคผมกับเหล้ารัมเอาไว้ แต่พี่วิสกี้ยังเผยด้ายแห่งพันธะสัญญาขึ้นมาต่อหน้าทุกคน และ..
“ในเมื่อไม่ยอมถอนดีๆ งั้นฉันจะเป็นคนทำลายมันเอง!”
ตู้มมมมมมมมมมมมม!!
พี่วิสกี้จู่โจมเวทมนตร์ใส่ครึ่งกลางเส้นด้ายอย่างรุนแรง ทว่า..มันกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
“ดูเหมือนว่าสายใยของสองคนนี้จะเหนียวแน่นกว่าที่พวกเราคิดนะครับ” ซองซูที่กำลังล็อคตัวผมอยู่เลยแสดงความคิดเห็นออกมา แต่กลับถูกสายตาดุดันของพี่วิสกี้มองเข้าให้ ทำเอาเขานี่เงียบปากไปเลย
ตู้มมมมมมมมม!!
ตู้มมมมมมมมมมมมมมมม!!
ตู้มมมมมมมมมมมมม!!
ตู้มมมมมมมมมม!!
พี่วิสกี้งัดเวทมนตร์บทแล้วบทเล่าออกมาใช้ แต่ด้ายแดงของผมกับเหล้ารัมก็ยังคงปลอดภัยดีเหมือนเดิม ก่อนที่นายพ่อมดเหล้าจะหัวเราะซะเสียงดังลั่นในเวลาต่อมา
“หัวเราะอะไรของนายไม่ทราบ!” พี่วิสกี้ถามเสียงหงุดหงิด
“ผมจะบอกให้ก็ได้พี่วิสกี้ ว่ามันมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น ที่จะสามารถทำลายพันธะสัญญาของเราได้”
“อะไร?”
“ควักหัวใจผมสิ รับรองว่า...”
เพี้ยะ!
“เหล้ารัม!”
ยังไม่ทันที่เหล้ารัมจะพูดจบ พี่วิสกี้ก็ตรงเข้าไปตบเขาจนหน้าหัน จนผมที่เห็นแบบนั้นถึงกับร้องเรียกชื่อเหล้ารัมด้วยความตกใจ
“ถ้าพ่อแม่ยังอยู่ พวกท่านผิดหวังในตัวนายแน่!”
“หึ.. แต่พ่อแม่จะต้องเข้าใจ ว่าผมไม่สามารถฝืนใจของตัวเองได้!”
พี่วิสกี้ตั้งท่าจะตบเหล้ารัมอีกครั้ง แต่แล้วก็ชะงักไป.. ก่อนที่เธอจะเสกจดหมายขึ้นมาหนึ่งฉบับ แล้วยัดใส่กระเป๋าเสื้อสูทของคุณวินเซนต์แทน
“นี่พี่จะทำอะไร?” สีหน้าของเหล้ารัมเริ่มฉายแววความกังวล
“วินเซนต์ พาเหล้ารัมกับจดหมายส่งตัวฉบับนี้ไปส่งที่คุกต้องห้าม”
แล้วพอได้ยินคำว่า ‘คุกต้องห้าม’ เหล้ารัมก็.. “มะ..ไม่นะ พี่จะทำแบบนี้กับผมไม่ได้!”
“พาตัวไป!”
“ครับ” ทันทีที่พี่วิสกี้ออกคำสั่งอีกครั้ง คุณวินเซนต์ก็ตกปากรับคำ ก่อนจะลากเหล้ารัมออกไปยังประตูที่ปรากฏกลับคืนมา
“ไม่นะพี่วิสกี้ อย่าทำแบบนี้ แล้ววาฬล่ะ!? วาฬ! วาฬฬฬฬฬฬฬฬ~!!”
“...” พอสิ้นเสียงร้องของเหล้ารัม พี่วิสกี้ก็หันกลับมาหาผมที่กำลังยืนน้ำตาน้องหน้า..
ใจจริงผมก็อยากจะร้องเรียกนายพ่อมดเหล้ากลับไปเหมือนกัน ทว่า..ผมหาเสียงของตัวเองไม่เจอเลย เมื่อสายตาหวาดกลัวของเขา..กรีดลึกความเจ็บปวดภายในใจของผมอย่างรุนแรง..
“ทีนี้ก็ตานาย”
“...”
“ถึงเวลาที่นายต้องกลับไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่เสียที”
“...”
มาถึงตอนนี้.. ผมไม่พูดหรือดิ้นรนอะไรอีกแล้ว ไม่ว่าจะในตอนที่พี่วิสกี้เสกเชือกมามัดตัวผมไว้ แล้วลากห้องจากห้อง หรือว่าจะเป็นตอนที่เธอหันไปสั่งให้ซองซูลากเอียนตามมา
เธออยากจะพาผมไปไหนก็เชิญเลย เพราะถึงยังไงมนุษย์ธรรมดาๆ อย่างผมก็สู้อะไรพี่วิสกี้ไม่ได้..
แต่คงจะพาไปได้แค่ตัวเท่านั้นนะ เพราะว่าหัวใจของผมน่ะ มันฝากเอาไว้ที่เหล้ารัมจนหมดแล้ว..
จบตอนที่ 19
บทที่ 20 จะอัพวันพฤหัสที่ 15 ก.ย. 2016 นะครับ
*พูดคุยที่ทวิตเตอร์กันได้ โดย #พ่อมดเหล้า นะครับ
มายเพจ :
#แฮมสเตอร์ 