#พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #พ่อมดเหล้า ★ จบแล้ว + Special Story of Rum || อัพเดท : 12/21/2016  (อ่าน 133676 ครั้ง)

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
วันเกิดก็ไม่ได้อยู่ฉลองกันต้องฝากเค้กของเหล้ารัมให้วิสกี้ถือไปให้แทน :mew4: :mew4: :mew4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
โอ๊ยยยย น้ำตาท่วมแล้วววว นี่เราอยากรู้เรื่องเอียนมากเลยล่ะ :katai1:

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2

บทที่ 21
{ เหล้ารัม }


- Rum’s Part -
   
ผมคงเป็นคนเดียวในคุกต้องห้ามนี้ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย นอกจากการรักใครคนนึงจนหมดหัวใจ..
   
ห้องขังที่ผมได้ค่อนข้างหรูหราและอัดแน่นไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ซึ่งแตกต่างอย่างมากเมื่อนำไปเทียบกับภาพในหัวที่จินตนาการไว้ ว่าจะต้องมืดมน อับชื้น และมีหนูมากมายบุกรุกเข้ามา
   
ซึ่งสาเหตุที่ได้ห้องระดับวีไอพีขนาดนี้ ก็ด้วยเหตุที่ผมบอกไปข้างต้น ว่าผมไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย และที่ต้องมาอยู่ที่นี่ก็เป็นเพียงแค่การ ‘ฝากขัง’ โดยผู้นำสูงสุดของตระกูลอัครวรกุลพิชิต (พี่วิสกี้) เท่านั้น ถึงได้ยังคงกินอิ่มนอนหลับเพราะยังมีเตียงนุ่มนอนสบายแบบนี้
   
แต่ถึงแม้ว่าที่นี่จะดีสักแค่ไหน ผมก็ไม่ได้เอาแต่นั่งๆ นอนๆ อยู่เฉยๆ ไปวันๆ หรอกนะครับ เพราะถึงยังไง...ใจผมมันก็โหยหาคนที่ผมรักอยู่เสมอ ขนาดที่ว่า..ผมเกือบจะนอนร้องไห้เป็นเด็กๆ อยู่หลายต่อหลายครั้งแล้ว.. แต่ติดตรงที่ว่าผมจะเอาเวลาไปทำแบบนั้นไม่ได้ ผมต้องเข็มแข็งเข้าไว้ ต้องคอยคิดถึงเวลาที่วาฬพยายามทำให้ผมยิ้มเพื่อที่จะได้มีกำลังใจหาทางออกของปัญหาต่อไป
   
เพราะว่าถ้าผมเกิดอ่อนแอขึ้นมาซะเอง แล้วจะเอาอะไรไปทำให้วาฬมั่นใจได้ล่ะ ว่าผมสามารถที่จะปกป้องเขาจากอันตรายทั้งหลายได้ ถูกมั้ยครับ?
   
ดังนั้น สิ่งที่ผมควรจะทำที่สุดก็คือ..การหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้!
   
แต่มันไม่ง่ายเลย.. เพราะว่าระบบความปลอดภัยของที่นี่แน่นหนามาก ถึงขนาดที่ว่าไม่เคยมีพ่อมดแม่มดที่เป็นนักโทษคนได้ถูกควบคุมการใช้เวทมนตร์ในคุกต้องห้ามนี้แม้แต่คนเดียว เนื่องจากผู้คุมขังทุกคนมั่นใจว่าต่อให้ใช้เวทมนตร์ที่เก่าแก่และเก่งกาจขนาดไหน ก็ยังไม่สามารถเอาชนะระบบรักษาความปลอดภัยจากที่นี่ได้
   
ซึ่งจริง เพราะว่าผมลองหนีออกไปจากห้องสี่เหลี่ยมๆ นี่หลายครั้งแล้ว แล้วผลก็คือ..ผมได้พบกับความอันตรายมากมายเกินกว่าที่พ่อมดแม่มดคนนึงจะจินตนาการได้ ตั้งแต่คำสาปเล็กๆ ไปจนถึงมังกรยักษ์ที่พร้อมจะแผดเผาคุณด้วยไฟ ซึ่งที่พูดนี่คือแค่เท่าที่ผมเจอนะ เพราะพอไปได้ถึงจุดหนึ่ง ผมก็พลาดท่าและโดนกระชากกลับมายังห้องขังของตัวเองในสภาพยับเยินเสียก่อนทุกที จนช่วงหลังๆ มานี้ ผมว่าผมชักจะเริ่มเสพติดความเจ็บปวดขึ้นมาเสียแล้ว..
   
แต่ถึงจะเจ็บปวดสักแค่ไหน ผมก็ดีใจนะ ที่ทุกครั้งที่ผมพยายามแหกคุกออกไป ผมก็จะหนีไปได้ไกลขึ้น ไกลจนหวังว่าสักวัน..จะไปจนถึงสุดทางของด้ายแห่งพันธะสัญญา..
   
“นายควรบอกพี่สักที ว่ามันมีอะไรที่จะทำให้พี่ถอนพันธะสัญญาของนายสองคนได้บ้าง!?” พี่วิสกี้เป็นคนที่แวะมาหาผมบ่อยที่สุดในบรรดาผู้คนที่ผมรู้จัก ซึ่งเธอก็มักจะพูดแต่เรื่องเดิมๆ จนผมไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาประชดประชันเธอแล้ว ก็เลยเลือกที่จะทำเมิน แล้วถามเรื่องของวาฬกลับไปแทน
   
“วาฬเป็นยังไงบ้างครับพี่?”
   
“นี่นายไม่ได้ฟังพี่เลยใช่มั้ยเนี่ย!?”

   
ซึ่งนอกจากที่พี่สาวของผมจะไม่ตอบแล้ว ยังมีการโวยวายใส่ด้วย ผมเลยมักจะเปลี่ยนเรื่องคุยให้เธอเย็นลง โดยการโน้มน้าวให้พี่วิสกี้ ‘ไปในอีกเส้นทาง’ ที่เราสองคนต่างก็รู้ดีว่ามันจะกลายเป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกฝ่าย
   
แต่คำตอบที่มักจะได้รับอยู่เป็นอาจิณก็คือ ”ไม่!” ก่อนที่เธอจะหนีกลับไปเลย...
   
“เฮ้ย เป็นไงบ้างวะไอ้เหล้ารัม กินอิ่มนอนหลับดีมั้ย?” โชคดีอยู่อย่างที่ถึงจะต้องอยู่ในนี้นานสักแค่ไหน แต่วินเซนต์กับเบเนดิกต์ก็มักที่จะแวะเวียนนำข่าวของวาฬมาบอกผมเสมอ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นเรื่องเดิมๆ..คือวาฬเอาแต่ร้องไห้..
   
ในขณะที่ถ้าผมเลือกได้ ผมคงไปซับน้ำตาให้วาฬแล้ว.. แต่ไอ้คุกนี่สิ แม่งโหดหินซะเหลือเกิน! จนผมอยากบ้าตายอยู่แล้วที่ไม่ได้เจอหน้าวาฬสักที!
   
“เอางี้มั้ย ในระหว่างที่แกยังหนีออกไปจากที่นี่ไม่ได้ ก็เขียนจดหมายไปหาวาฬก่อน เผื่อว่าถ้าเขาได้อ่านสิ่งที่แกเขียน อาจจะช่วยให้เขาดีขึ้นก็ได้” ด้วยความที่ยังไม่สามารถออกไปได้ ไอ้เจ้าชายก็เลยออกไอเดียเรื่องจดหมายขึ้นมา โดยมันจะอาสาเป็นคนไปส่งด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมได้ฟังในตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้เลย : )
   
จดหมายฉบับแรกที่ผมเขียนไปหาวาฬ เป็นจดหมายที่ตั้งใจจะบอกให้เขา ‘อย่าร้องไห้’ ซึ่งก็รู้นะว่าช่วยอะไรไม่ได้มากนักหรอก แต่อย่างน้อยก็อาจจะทำให้รู้สึกดีขึ้นได้กว่าที่เขาเป็น แล้วผลที่ได้รับจากจดหมายฉบับแรกที่ตอบกลับมาก็คือ..

   จดหมายฉบับที่หนึ่ง..ถึงเหล้ารัม
   ผมคิดถึงคุณนะ แล้วก็ดีใจมากด้วย ที่ได้รู้ว่าห้องขังของคุณวีไอพีแค่ไหน
   แต่ก็อย่างที่คุณว่า ยังไงที่นั่นก็ไม่น่าอยู่นานนักหรอก เพราะถ้าคุณไม่มีผมคอยสร้างปัญหาให้ มันจะไปสนุกอะไร จริงมั้ย?
   ส่วนเรื่องที่คุณอยากให้ผมร้องไห้น้อยลง ผมพยายามอยู่นะ เมื่อวานนี้ก็ไปดูหนังตลกมา ก็พอช่วยได้บ้าง แต่คงจะดีกว่านี้.. ถ้าผมได้ป้อนป๊อบคอร์นคุณในระหว่างที่ดูหนังไปด้วย เพราะว่าดูคนเดียวกินคนเดียวมันไม่ค่อยจะแฮปปี้สำหรับผมเท่าไหร่ อ้อ แล้วก็อยากมีคุณมาคอยซบไหล่ผมด้วย หนังคงน่าดูขึ้นอีกเยอะ
   ป.ล. ผมฝากหมึกผัดไข่เค็มมาให้ด้วย หวังว่ารสชาติจะยังถูกใจคุณเหมือนเดิม


อย่าลืมกันนะ
ลงชื่อ.. วาฬ
   
..ผมร้องไห้
   
ถึงจะบอกตัวเองว่าต้องเข็มแข็งแค่ไหน แต่เมื่อได้เห็นลายมือและสิ่งที่วาฬตอบกลับมา มันก็ทำให้ผมเหมือนถูกทุบกำแพงที่สร้างลงจนแตกสลาย..
   
ยิ่งอ่านก็ยิ่งคิดถึงตอนที่เราสองคนไปดูหนังด้วยกัน.. ตอนนั้นผมรู้ตัวนะว่าผมรบกวนสมาธิในการดูหนังของวาฬมากๆ แต่ผมก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ เพราะไม่เคยทำอะไรแบบนั้นกับใครมาก่อน มันก็เลย..รนๆ แบบที่ไม่ค่อยจะเป็นตัวของตัวสักเท่าไหร่ และสัญญากับตัวเองว่าคราวหน้า ผมจะปรับปรุงการดูหนังกับแฟนของผมให้ดีขึ้น
   
อ้อ แล้วก็ไม่ใช่เท่านั้นนะ จดหมายฉบับนี้ยังมีหมึกผัดไข่เค็มของโปรดผมส่งกลับมาด้วย ซึ่งเป็นอะไรที่อร่อยมาก! ผมแทบหยุดกินไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว ไม่เสียแรงเลยสักนิดที่เขียนบ่นว่าอยากกินลงไปแบบนั้น : )

   จดหมายฉบับที่สอง..ถึงเหล้ารัม
   ขอโทษที่จดหมายฉบับนี้ตอบกลับมาช้า.. ก็อย่างที่คุณรู้ ช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่งมาก ซึ่งข้อดีก็คือ..มันทำให้ผมร้องไห้น้อยลงอย่างที่คุณต้องการแล้ว แต่ว่าไอ้ข้อเสียเนี่ยสิ..คือขอบตาผมมันดำจนกลายเป็นแพนด้าแล้ว!


   ผมวาดรูปสภาพหน้าผมตอนนี้มาให้คุณดูด้วย เป็นไงล่ะ? เหมือนแพนด้าอย่างที่ผมว่ามั้ย!?
   ยังไงคุณก็รีบกลับมานะ มาใช่เวทมนตร์อะไรกับผมก็ได้ให้ผมหายขอบตาดำสักที ทนอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว!!!!
   ป.ล. ขอให้คุณโชคดีกับการแหกคุกนะครับ
   ป.ล.2 พอไม่มีคุณอยู่ด้วย คอนโดมันดูกว้างจนเหงาเลยอะ[/i]

   
อยากกอดคุณจัง
เผื่อว่าจะได้รับพลังเพิ่ม
ลงชื่อ.. วาฬ
   
ส่วนจดหมายที่สองที่ได้รับตอบกลับมาค่อนข้างทิ้งช่วงนานพอสมควร ซึ่งส่วนหนึ่งมันก็เป็นเพราะผมเองด้วยที่เขียนจดหมายฉบับที่สองส่งไปให้ค่อนข้างช้า เนื่องจากการหลบหนีครั้งล่าสุดทำเอาแขนของผมใช้การไม่ได้ไปหลายวัน
   
แต่พอได้เห็นรูปที่วาฬวาดมาแบบนี้ มันก็ทำให้ผมยิ้มได้ แล้วก็มีกำลังใจมากขึ้นไปอีก จนคิดว่าต่อให้ต้องบาดเจ็บเจียนตาย ผมก็จะออกไปหาเจ้าของลายมือนี้ให้จงได้!

   จดหมายฉบับที่สาม..ถึงเหล้ารัม
   คราวก่อนคุณส่งเพลงแทนความรู้สึกของคุณมาให้
   คราวนี้คงถึงตาผมบ้างแล้ว..

   When you’re gone
   The pieces of my heart are missin’ you
   When you’re gone
   The face I came to know is missin’, too
   When you’re gone
   The words I need to hear
   To always get me through the day
   And make it okay
   I miss you
   --When You’re Gone : Avril Lavigne

   ไม่รู้ว่าคุณจะหาฟังได้มั้ย?
   ป.ล. อยากให้คุณกลับมาสักที


I miss you
ลงชื่อ.. วาฬ

   
ส่วนจดหมายฉบับที่สามนี่เกิดจากความดราม่าของผมเอง.. คือ.. มันมีอยู่วันนึง ในขณะที่ผมกำลังนอนรอเพื่อให้แผลจากการหลบหนีหายดีพอที่จะหนีต่อได้ ผมก็ดันนึกถึงเนื้อเพลงของมนุษย์เพลงนึงที่ผมเคยฟังนานมากแล้ว
   
ซึ่งเมื่อก่อนนี้ผมไม่เคยอินกับมันเลยนะ จนมาถึงวันนี้.. ผมถึงได้รู้ว่า.. ความหมายของความรักที่ห่างไกลและโหยหากันมันทรมานขนาดไหน.. ถึงได้เขียนเนื้อเพลงส่งไปให้แทนความรู้สึกในใจของตัวผมเอง
   
แล้วผลที่ได้คือ.. เนื้อเพลงแทนใจของวาฬที่ทำเอาหัวใจผมแกว่งไปเลยเหมือนกัน..
   
ฟึ่บ!

/ ต่อด้านล่าง /


ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
ผมรีบเก็บจดหมายเกินกว่าสามฉบับที่ได้รับตอบกลับมาของวาฬลงกล่อง เมื่อเห็นว่ากำแพงห้องขังเปิดออกเป็นวงกว้าง ก่อนที่พี่วิสกี้จะก้าวเดินเข้ามา พร้อมกับถือถุงอะไรบางอย่างมาด้วย?
   
“ทำไมวันนี้มาดึกจัง?”
   
“ก็ที่นี่มันเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง พี่จะมาตอนไหนมันก็ได้ทั้งนั้นแหละ”
   
“โอเค” ผมยกมืออย่างยอมแพ้ เพราะไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากทะเลาะกับพี่วิสกี้เท่าไหร่นัก “ว่าแต่.. ไอ้นั่นอะไรน่ะ?” ก่อนจะเบี่ยงความสนใจไปที่ถุงในมือพี่สาวของผมแทน
   
“คือ..” แต่น่าแปลกที่วิสกี้กลับดูอ้ำอึ้งไป ดูไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด?
   
“คือ?” ผมก็เลยเลือกที่จะถามซ้ำอีกครั้ง พี่วิสกี้ถึงได้ยอมพูดออกมา
   
“คือ.. วาฬฝากเค้กมาให้นายน่ะ” ไม่พูดเปล่า เธอส่งถุงที่บอกว่าเป็นเค้กจากวาฬให้ผมถุงนึง “พอดีวันนี้ตั้งใจจะแวะไปทำลายด้ายแห่งพันธะสัญญา แค่ดันเป็นวันเกิดของนายนั่น ก็เลยเว้นไว้ก่อน เพราะถ้าเกิดฉันทำลายสำเร็จแล้ววาฬตาย นายคงเกลียดฉันไปตลอดชีวิตแน่”
   
“...” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำเพียงแค่ยิ้ม..เมื่อรู้สึกว่าภายในใจมันเต็มตื้นไปด้วยความรู้ดีๆ ที่เห็นว่าพี่วิสกี้ยอมรับเค้กจากวาฬมา
   
แล้วที่สำคัญกว่านั้นคือ..ผมดีใจมากเหลือเกินที่เมื่อพ้นวันเกิดปีที่ยี่สิบเอ็ดนี้ไป วาฬก็จะไม่ต้องตายเพราะคำสาปบ้าๆ นั่นอีกแล้ว : )
   
“สรุปว่าจะดีใจหรือเสียใจกันแน่ เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวน้ำตาคลอ ทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้!”
   
จนได้ยินเสียงดุๆ จากอีกฝ่ายนั่นแหละ ถึงได้ทำให้ผมรู้ว่าตัวเองกำลังมีน้ำตา.. อะไรกันเนี่ย? ผมนี่ชักอ่อนไหวเป็นผู้หญิงเข้าไปทุกวันแล้วนะ
   
สงสัยงานนี้คงติดมาจากวาฬแหง : )
   
“แล้วนั่น?” แต่ในขณะที่ผมกำลังจะตอบอะไรพี่วิสกี้กลับไป ก็เกิดสะดุดใจกับอีกหนึ่งถุงที่อยู่ในมือของพี่สาวผมขึ้นมาซะก่อน เลยปัดน้ำตาออกอย่างลวกๆ ก่อนจะพยักพเยิดไปที่ถุงที่ว่านั่นแทน
   
“ของพี่..” พี่วิสกี้เว้นจังหวะนิดนึงเพื่อก้มลงมองสิ่งที่ผมถาม “วาฬเขาทำให้พี่น่ะ เป็นรสช็อกโกแลต เขาบอกว่าเขาจำได้ว่าพี่ชอบ เพราะว่านายเป็นคนบอก”
   
“พี่..” ผมถึงกับพูดออกไปได้แค่นั้น เมื่อรู้สึกถึงก้อนความรู้สึกบางอย่างที่มันขึ้นมาจุกอยู่ที่อกผมในตอนนี้..
   
เพราะมันแปลกมาก.. แปลกมากที่พี่สาวผมดูอ่อนลงเรื่องวาฬ จนใจผมมันพองโตอย่างมีความหวังว่านั่นอาจจะเป็น..สัญญาณที่ดีสำหรับเรื่องที่กำลังเป็นปัญหาอยู่นี่ก็ได้
   
“พี่วิสกี้ ผมอยากไปหาวาฬ” เลยตัดสินใจเกริ่นนำร่องไปก่อน เผื่อว่าความ ‘อ่อนลง’ ของพี่วิสกี้ที่ผมสัมผัสได้ อาจจะเป็นเพียงแค่ความเข้าใจผิดเท่านั้น
   
“เฮ้อออออ นายก็รู้ว่าพี่ยังปล่อยนายไปไม่ได้ จนกว่านายจะยอมถอนพันธะสัญญาจากวาฬหลังจากวันนี้” ซึ่งผลที่ได้รับก็คือผมถูกปฏิเสธเหมือนเดิมนั่นแหละ เพียงแต่..กลับเป็นการปฏิเสธที่ดูจะมีท่าทีอ่อนลงกว่าทุกครั้งจริงๆ.. 
   
จนพอผมเอาไปรวมกับเรื่องที่พี่วิสกี้รับเค้กจากวาฬมา.. มันยิ่งทำให้ผมแอบคิดว่า.. บางทีนะ พี่สาวผมอาจจะมีความคิดที่เปลี่ยนไป..
   
“แต่พี่ก็รู้นี่ ว่าผมจะไม่ยอมถอนพันธะสัญญาเด็ดขาด” เพราะขนาดว่าผมพูดแบบนี้ เธอยังไม่เถียงอะไรกลับมาเลย
   
“...” ทำเพียงแค่ก้มลงมองถุงที่อยู่ในมือเท่านั้น
   
“พี่วิสกี้.. ช่วยผมเถอะนะ พี่เองก็รู้ดีว่ามันยังมีอีกหนึ่งทางออกที่ดีกับเราทุกฝ่าย ขอแค่พี่ช่วย ผมสัญญาว่าผมจะไม่ขออะไรจากพี่อีกเลย.. นะพี่” พอเห็นว่าบรรยากาศระหว่างเราสองพี่น้องต่างไปจากหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ผมจึงจัดสินใจขยี้ต่ออีกนิด
   
และถ้าเธอตกลงช่วย ชีวิตนี้ผมจะไม่ขออะไรจากพี่สาวของผมอีกเลย
   
“เหล้ารัม..” พี่วิสกี้ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจากถุงเค้ก “นายไม่คิดบ้างหรอ ว่าบางที..นายก็ขอพี่มากเกินไป.. นายจะเอาแต่ได้กับได้ โดยที่นายไม่แคร์พี่บ้างเลยอย่างงั้นน่ะหรอ?”
   
ใช่.. ผมรู้ว่าที่ผ่านมาผมก็มีความต้องการหลายอย่างในชีวิต ด้วยความที่ไม่มีทั้งพ่อและแม่ พี่วิสกี้จึงเป็นคนเดียวที่คอยสรรหาทุกอย่างมาให้ จนบางครั้ง..ผมก็ลืมนึกไปเลยว่า ผมนี่ช่างเอาแต่ใจตัวเองเหลือเกิน..
   
“ผมยอมรับนะ ว่าที่ผ่านมา ผมเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง แถมยังขัดใจพี่ก็แทบจะทุกเรื่อง แต่นั่นก็เพราะว่า..ผมอยากได้รับอิสระเพื่อตามหาสิ่งที่ผมต้องการ ซึ่งก็คือ..ความรัก”
   
“...”
   
“ซึ่งในวันนี้ผมได้เจอในสิ่งที่ผมตามหาแล้ว นั่นก็คือวาฬ..คนที่ทำให้หัวใจผมมันหยุดอยู่กับที่ ไม่ต้องออกเดินทางตามหาความรักเหมือนหลายปีที่ผ่านมาอีกต่อไป”
   
“...”
   
“ผมไม่รู้นะว่าพี่จะเข้าใจความรู้สึกของผมมั้ย แต่ผมรักวาฬมาก.. เขาคือคนแรกและคนเดียวที่ทำให้ผมรักคนอื่นนอกจากคนในครอบครัวได้มากขนาดนี้”
   
“...”
   
“เขาคือคนที่..ทำให้ผมพร้อมที่จะละทิ้งความเห็นแก่ตัวทุกอย่างเพื่อให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้”
   
“...”
   
“จริงๆ ผมเองก็เข้าใจเหตุผลที่พี่พยายามจะตัดขาดพันธะสัญญาของเรานะ แต่ผมก็อยากให้พี่เขาใจด้วยว่าความรักของผมกับวาฬมันเดินทางมาไกลมากเกินกว่าที่จะถอยหลังกลับแล้ว เพราะฉะนั้น ผมถึงได้บอกว่านี่จะเป็นคำขอสุดท้ายจากผม”
   
“...”
   
“ขอเพียงแค่ความช่วยเหลือจากพี่ให้ผมได้อยู่กับเขาไปอีกนานแสนนานเท่านั้น”
   
“น่ะ..นายจะทำอะไร?” มาถึงตรงนี้ ผมตัดสินใจคุกเข่าลงต่อหน้าพี่สาวของตัวเอง เลยทำให้เธอค่อนข้างตกใจเล็กน้อย
   
“นะพี่” ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่ามันเว่อไปก็ได้ แต่ผมแค่อยากให้พี่วิสกี้เห็นว่า..นี่คือคำขอร้องอย่างจริงจังจากผม และมันจะเป็นคำขอสุดท้ายอย่างที่ผมได้พูดไปจริงๆ
   
ทว่า.. “พอเถอะ วันนี้พี่เหนื่อยมาก ไม่อยากจะต้องมาคุยเรื่องนี้อีกแล้ว” พี่วิสกี้รีบยกมือห้าม
   
“แต่พี่..”
   
“พี่กลับล่ะ”
   
พูดจบแค่นั้น พี่วิสกี้ก็เดินออกจากห้องขังไป ปล่อยผมให้นั่งคุกเข่ามองตามแผ่นหลังของเธอไป..ด้วยอารมณ์ที่แยกออกเป็นสองทาง..
   
คือหนึ่ง..ผมแอบเสียใจนิดหน่อยที่พี่วิสกี้ยังไม่ยอมตกปากรับคำว่าจะช่วย
   
แต่สอง.. ผมรู้สึกดีใจนะ ที่แวบนึง..ผมได้มีโอกาสเห็นความสั่นไหวภายนัยน์ตาของพี่สาวผม.. ซึ่งนั่นบ่งบอกว่า..อาจจะเป็นสัญญาณที่ดีหลังจากนี้ก็ได้
   
“เฮ้อออออออ” ผมค่อยๆ ลุกขึ้นพลางถอนหายใจกับตัวเองที่ยังต้องติดอยู่ในห้องขังนี้ต่อไป ทั้งๆ ที่ก็เป็นเป็นวันเกิดของคนที่ผมรักแท้ๆ
   
แต่เอาเถอะ ยังไงซะวันนี้ก็มีเค้กฝีมือวาฬอยู่เป็นเพื่อนผมด้วย คงเป็นคืนที่ไม่เหงานักหรอกมั้ง : )
   
คิดได้ดังนั้น ผมก็นำเค้กไปใส่จานในโซนครัว ถึงได้เห็นว่ามันเป็นเค้กรสนมหน้าตาน่ากิน พร้อมกับที่มีกระดาษโน๊ตติดมาบนฝากล่องด้วย..

   
‘ขอบคุณที่ทำให้ผมมีชีวิตอยู่ต่อไป รักคุณนะเหล้ารัม -วาฬ’

   
ผมอมยิ้มออกมาเลยเมื่อได้เห็นข้อความแบบนั้น เพราะว่าผมเองก็อยากที่จะขอบคุณวาฬเหมือนกัน ที่มีชีวิตอยู่เพื่อให้ผมได้รักเขาต่อไป : )
   
ทว่า..
   
เคร้ง!
   
ในขณะที่ผมกำลังจะหยิบช้อนมาตักเค้ก.. ลางสังหรณ์บางอย่างที่ผุดขึ้นภายในใจก็ทำเอาช้อนหลุดมือ!
   
“วาฬกำลังตกอยู่ในอันตราย!”
   
ตึกตัก ตึกตัก
   
จะ..ใจของผมเต้นแรงมากเมื่อปากมันร้องออกมาในสิ่งที่ใจคิด.. ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้ลางสังหรณ์บ้าๆ นี่มันมาจากไหน แต่มันกลับส่งผลรุนแรงเสียจนผมนั่งไม่ติดอีกต่อไปแล้ว!
   
ตู้มมมมมมมม!!
   
ไวเท่าความคิด ผมหันไประเบิดกำแพงห้องขังจนกลายเป็นวงกว้าง ก่อนที่จะฝ่าฟันอันตรายด้านนอกเอาไปอย่างไม่กลัวเกรง
   
เพราะต่อให้การหนีครั้งนี้มีค่าเท่ากับตาย ก็ขอให้ผมไปตายตอนที่ได้เห็นว่าวาฬปลอดภัยดีก็แล้วกัน!


จบตอนที่ 21

สำหรับตอนต่อไป จะเป็นตอนจบนะครับ
ซึ่งตอนจบ+บทส่งท้าย..จะอัพในวันที่ 30 ก.ย. 2016 นะครับ
ขอบคุณทุกคนที่ยังตามอ่านกันครับ

*พูดคุยที่ทวิตเตอร์กันได้ โดย #พ่อมดเหล้า นะครับ

มายเพจ : #แฮมสเตอร์

 :hao5:

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
มีลางว่าต้องเกี่ยวกับเอียน
รอตอนต่อไปน้าาาาา

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
รู้สึกว่ามันสั้นๆ เหมือนตัดจบเลยอ่าค่ะ T T

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
วาฬเป็นอะไรอีกล่ะ ไหนว่า พันธสัญญาสำเร็จแล้ว

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5

ออฟไลน์ kiolkiol

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nemesis

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2287
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-3

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ขอให้วาฬปลอดภัยนะ

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
เหยยยย เกิดอัลลัยยยยย

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
บทที่ 22
{ ทางออกสุดท้าย }


- Wan’s Part –
   
คำอวยพรวันเกิดและท่าทีที่เปลี่ยนไปของพี่วิสกี้ทำให้ผมรู้สึกสบายใจขึ้นกว่าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ถึงขนาดที่ว่ารีบล้างหน้าล้างตาแล้วเปิดประตูออกจากห้องเพื่อจะนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไปเล่าให้พ่อกันแม่ฟัง
   
“อ้าว ยังไม่นอนอีกหรอคะคุณวาฬ” แต่ในขณะที่เปิดประตูออกไป ก็เจอกับพี่ฟ้าที่กำลังถือถาดวางแก้วนมผ่านหน้าห้องนอนของผมไป
   
“ยังครับ ว่าจะลงไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่สักหน่อย”
   
“โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวเอานมนี่ไปให้นายเอียนก่อนนะคะ”
   
“เดี๋ยวครับ” ผมถึงกับต้องเบรคพี่ฟ้าเอาไว้ทันที เมื่อได้ยินชื่อของคนที่ไม่คิดว่าจะกินนมในเวลาแบบนี้ได้ “พี่ฟ้าคิดไงเนี่ยจะเอานมไปให้เอียน เขาไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะครับ?”
   
“เปล่านะคะคุณวาฬ พี่ไม่ได้คิดเองนะคะ แต่นายวาฬเขาเดินลงไปขอพี่เองต่าง”
   
“เอียนเนี่ยนะขอเอง?” ผมถึงกับขมวดคิ้วมุ่นกว่าเดิมเมื่อได้ยินแบบนั้น
   
คือ.. ก็ไม่ได้ไม่เชื่อในสิ่งที่พี่ฟ้าพูดหรอกนะ เพราะยังไงก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่พี่ฟ้าจะต้องโกหกผมอยู่แล้ว เพียงแต่แค่..การขอรีเควสนมจากแม่บ้านของเอียนมันเป็นอะไรที่แปลกมากจริงๆ นั่นแหละ
   
“ใช่ค่ะ เขาลงไปขอกับพี่เองเลย ตอนแรกพี่ก็งงๆ นะคะ แต่ไม่กล้าถามอะไรมาก เดี๋ยวนี้หมอนี่ยิ่งอารมณ์ร้ายๆ อยู่ด้วย ไม่เห็นจะจะน่ารักเหมือนเมื่อก่อนเลย”
   
“...” นั่นสินะ.. ถ้าลองเป็นเมื่อก่อน เอียนคงสุภาพกับทุกคนในบ้านมากกว่า แต่ก็อย่างว่าแหละ เขาเองก็คงเจออะไรมาหนักหนาไม่น้อย ตั้งแต่วันที่หนีหายไป.. “งั้นเอามานี่ครับ เดี๋ยววาฬเอาไปให้เอียนเอง”
   
“อุ๊ย จะดีหรอคะ เขายิ่ง..”
   
“เอามาเถอะครับ วาฬจัดการได้” พูดจบแค่นั้น ผมก็หยิบแก้วนมมาถือไว้ ก่อนจะบอกให้พี่ฟ้ามีอะไรทำก็ไปทำได้ตามสบาย
   
ก๊อกๆๆ!
   
พอเห็นว่าพี่ฟ้าเดินลงไปแล้ว ผมก็เดินย้อนกลับมาที่หน้าห้องของเอียนเพื่อเคาะเรียกเขา
   
“...” ซึ่งไม่นานนัก เขาก็เปิดออกมา ก่อนจะมองผมสลับกับแก้วนมที่อยู่ในมือโดยไม่พูดอะไร
   
“คือ.. ฉันอาสาเอานมมาให้แทนพี่ฟ้าน่ะ หวังว่านายคงจะไม่ว่าอะไรนะ?” ผมเลยรีบพูดถึงสาเหตุที่ผมมาเคาะ เพราะถ้าไม่อย่างงั้น เขาอาจจะปิดประตูใส่หน้าผมเหมือนที่ผ่านๆ มาก็ได้
   
“...” แล้วก็เป็นอะไรที่แปลกมาก.. ที่วันนี้เขาไม่ปิดประตูใส่หน้าผมอย่างที่คิด แถมยังยื่นมือออกมารับแก้วนมด้วย จนผมคิดว่านี่น่ะ..ต้องเป็นสัญญาณที่ดีที่ผมกับเขาได้ปรับความเข้าใจกันแน่ๆ!
   
เพราะฉะนั้น.. “นี่” ก่อนที่เขาจะปิดประตูลง “ขอเข้าไปหน่อยได้มั้ย ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับนายน่ะ” ผมเลยบอกความต้องการของตัวเองออกไป
   
แอ๊ดดดดด~
   
แล้วใครจะคิดครับ ว่าเรื่องน่าประหลาดใจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง จากตอนแรกที่รับแก้วนมจากมือของผมไปแล้ว ตอนนี้เอียนยังเปิดประตูออกกว้างขึ้นเพื่อให้ผมเข้าตามคำขออีกด้วย!
   
แปลก แปลกมาก! แปลกที่สุด!!
   
“ขอบคุณนะ” แต่ถึงจะแปลกยังไง ผมก็ไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปหรอก เอียนอุตส่าห์เปิดประตูให้ขนาดนี้ แล้วผมจะมัวรออะไรอยู่ล่ะ
   
ปัง!
   
“อ๊ะ!” ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเสียงปิดประตูไล่หลังของเอียนค่อนข้างแรงมาก จนผมเผลอคิดไปในด้านลบว่า..เขาอาจจะจู่โจมในขณะที่ผมหันหลังอยู่ก็ได้!
   
แต่ผลคือ.. “โทษที..ที่ทำให้ตกใจ” นอกจากที่เอียนจะไม่จู่โจมผมแล้ว เขายังกล่าวคำขอโทษผมด้วย ราวกับว่าเอียนที่เคยส่งสายตาชิงชังมาให้..พลันหายไปแล้วเสียอย่างงั้น?
   
“ไม่ต้องขอโทษหรอก”
   
ซึ่งพอผมบอกเขาว่าไม่ต้องขอโทษ เอียนก็พยักหน้าหนึ่งที แล้วเงียบไป.. ปล่อยให้ผมยืนงงๆ ว่าจะสามารถจัดวางตัวเองเอาไว้ตรงไหนของห้องๆ นี้ได้บ้าง คือไม่ใช่ว่ามันรกหรืออะไรหรอกนะ ในทางตรงกันข้ามคือมันแทบจะไม่มีร่องรอยของการใช้ชีวิตเลยด้วยซ้ำ เพียงแต่แค่..พอความผูกพันที่เคยมีมันหายไป อะไรๆ มันก็ดูจะวางตัวลำบากไปเสียหมด
   
“...” แต่ก็เพียงไม่นานนัก เอียนที่ตอนแรกเอาแต่ยืนเงียบก็เริ่มขยับร่างกายไปยังโต๊ะข้างเตียง ก่อนที่เขาจะวางแก้วนมลงบนนั้น พร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น เอาหลังพิงกำแพง
   
“...” ในขณะที่ผมยืนชั่งใจอยู่เกือบนาที ก่อนที่จะตัดสินใจเดินไปนั่งในแนวเดียวกับเขา เพียงแต่เว้นระยะห่างแบบที่สามารถให้คนมานั่งตรงช่องว่างระหว่างพื้นที่ได้ถึงสองคน
   
คือ..ก็ไม่ได้อยากจะทำตัวตีสนิทอะไรหรอกนะ เพียงแต่แค่คิดว่า ถ้าจะต้องคุยกันจริงๆ ผมก็ไม่อยากจะยืนค้ำหัวเขา หรือว่านั่งห่างกันมากจนเกินไปอะไรแบบนั้น
   
“มีอะไรจะพูด ก็พูดมาสิ” แล้วเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเรื่องที่สามก็เกิดขึ้น เมื่อผมที่ไม่รู้จะเริ่มต้นการสนทนาในครั้งนี้ยังไงดี กลับได้ตัวช่วยเป็นเอียนที่จู่ๆ ก็ถามขึ้นมา ถึงน้ำเสียงจะดูไร้อารมณ์อย่างมาก แต่ก็ดีกว่าที่เขาไม่พูดอะไรกับผมเลยน่ะนะ
   
“คือ.. ก่อนอื่นเลย ฉันอยากจะขอโทษนายนะเอียน ขอโทษ..สำหรับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับนาย โดยเฉพาะ..เรื่องในคืนนั้น..”
   
“...”
   
“ฉันเสียใจมากจริงๆ นะ ไม่ได้ตั้งใจให้ทุกอย่างเป็นแบบนั้นเลย เพียงแต่ถ้าแค่ตอนนั้นนายฟังฉัน...”
   
“ขอโทษหรอ?”
   
“วะ..ว่าไงนะ?”
   
ตอนแรกทุกอย่างดูจะไปได้สวยนะ คืออย่างน้อยๆ เอียนก็ยอมนั่งฟังผมแต่โดยดี แต่พอถึงตอนที่ผมจะเริ่มอธิบายเนี่ยสิ เขาก็ดันถามขัดขึ้นมา ก่อนที่แค่นหัวเราะในลำคอ จนผมถึงกับต้องหันไปถามซ้ำ เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงต้องขัดขึ้นมาแบบนี้ด้วย
   
“นายรู้สึกผิดกับเรื่องนี้จริงๆ น่ะหรอวาฬ?”
   
“กะ..ก็ต้องรู้สึกผิดอยู่แล้ว ในเมื่อ..”
   
“ถ้ารู้สึกผิดแล้วทำไมถึงทำให้ฉันต้องกลับมาติดอยู่กับนายด้วย!?”
   
“...”
   
“ทำไมถึงไม่ปล่อยฉันไปสักที!!?”
   
แล้วเอียนก็ทำเอาผมอึ้งไปเลย เมื่อจู่ๆ เขาก็หันมาเขย่าตัวผมแรงๆ อย่างบ้าคลั่ง จนความกลัวเข้าครอบคลุมหัวใจผมในช่วงเวลาอันรวดเร็ว
   
สะ..สายตาเกลียดชังของเอียนมันกลับมาอีกแล้ว!
   
“เอียน...” แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังใจดีสู้เสือนะ พยายามที่จะเรียกชื่อเขาเพื่อให้ฟังผมบ้าง
   
แต่กลับกลายเป็นว่า.. “ไม่ต้องมาเรียกชื่อฉัน!” ..ยิ่งทำให้เขาเขย่าตัวผมแรงยิ่งกว่าเดิม!
   
“...”
   
“ฉันเคยคิดว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ทั้งๆ ที่ฉันเกลียดการที่ต้องมาอยู่ทำพันธะสัญญายังกับทาสของมนุษย์ แต่ฉันก็ยังเฝ้าอุตส่าห์ดูแลนายสารพัด แทบจะไม่ต่างจากนายชายในไส้!”
   
“...”
   
“แล้วนายตอบแทนฉันยังไงวาฬ.. ตอบแทนด้วยการจูบอย่างงั้นน่ะหรอ ไอ้คนผิดเพศ!!”
   
“เอียน.. ปล่อย..” แรงบีบที่มาพร้อมคำด่าของเอียนเริ่มทำให้ผมรู้สึกเจ็บที่หัวไหล่ทั้งสองข้างมากขึ้นเรื่อยๆ พยายามจะขอให้เขาปล่อยแล้วนะ แต่กลายเป็นว่าเขายิ่งบีบแรงขึ้น จนผมต้อง.. “บอกให้ปล่อยไงเล่า!” ..ผลักเขาออกไปให้ห่างจากตัว!
   
ทำให้เอียนหงายหลังไปชนกับขอบเตียงอย่างรุนแรง “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ~” แต่แทนที่เขาจะโวยวาย กลับหัวเราะราวกับว่าสะใจในความเจ็บที่เกิดขึ้นยังไงยังงั้น ยะ..ยังกับพวกคนบ้า!
   
“ฟังฉันนะเอียน ฉัน..”
   
“ฉันจะไม่ฟังอะไรจากปากนายทั้งนั้นแหละ!”
   
“แต่นายต้องฟัง!”
   
“...”
   
“นายควรได้รู้เรื่องจูบนั่น ว่าที่จริงแล้วฉันแค่ต้องการพิสูจน์ความรู้สึกที่มีต่อนายก็เท่านั้น และผลก็คือฉันไม่ได้ชอบนายเลยสักนิด มันเป็นแค่ความสับสนในวัยเด็ก นายเข้าใจฉันมั้ย!” ผมยืนหอบหายใจทันทีเมื่ออธิบายทุกอย่างจบลงอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าเดี๋ยวเอียนก็จะหาเรื่องขัดขึ้นมาอีก
   
“...” ซึ่งผลคือ..เอียนดูนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย เหมือนว่าเขากำลังตกใจกับสิ่งที่ผมพูด “นี่แสดงว่าที่ผ่านมา..ฉันเข้าใจนายผิดมาตลอดเลยอย่างงั้นหรอ?” ไม่เพียงเท่านั้น.. เขายังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้า คล้ายกับคนที่กำลังตกอยู่ในอาการรู้สึกผิดจากสิ่งที่เข้าใจผิดมาอย่างยาวนาน..
   
“เอียน..” ด้วยความเห็นใจ ผมจึงรีบก้าวยาวๆ เข้าไปหาเอียน ตั้งใจจะช่วยดึงตัวให้ลุกขึ้น และหมายจะปลอบโยนเขาเท่าที่ผมจะสามารถทำได้ ทว่า.. “เอียน!”
   
ปึก!
   
แทนที่เขาจะเศร้าอย่างที่แสดงออก เอียนกลับผลักผมจนล้มลงนอนกับพื้น ก่อนที่เขาจะตามเข้ามากดไว้ พร้อมกับระเบิดหัวเราะใส่หน้าผมด้วยสีหน้าของคนที่เสียสติไปแล้ว!
   
“มาบอกตอนนี้มันก็สายไปแล้ว! เพราะถึงยังไงนายก็เป็นเกย์ ได้ยินมั้ย นายเป็นเกย์! ไอ้พวกสิ่งมีชีวิตน่าสมเพช!”
   
“...”
   
“ฉันน่ะ..ขยะแขยงไอ้พวกผิดเพศอย่างนายเต็มทนแล้ว! ฮ่าๆๆๆๆๆๆ~ นายไม่รู้หรอกว่าฉันต้องยอมโดนอะไรบ้าง เพื่อให้พวกพ่อมดเกย์พวกนั้นมันช่วยปิดบังเรื่องของฉันน่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ~”
   
“ฮึก..”
   
“น่ะ..นี่นายร้องหายหรอ!? โอ๋ๆๆ ไม่เอาสิ จุ๊ๆๆ อย่าร้องนะ เพราะถ้ายิ่งนายร้อง ยิ่งนายขอความเมตตา พวกมันก็จะยิ่งทำกับนายเหมือนสัตว์ เหมือนกับที่มันทำกับฉันไง!”
   
“ฮึก..” ผมรู้นะว่าเวลาแบบนี้ควรที่จะต้องเข้มแข็งเอาไว้เพื่อหาทางรอด เพราะการแสดงออกของเอียนเข้าขั้นจิตวิปริตไปแล้ว แต่ว่า.. พอฟังจากสิ่งที่เขาเล่า.. ผมก็อดที่จะร้องไห้ไม่ได้จริงๆ เพราะมันทำให้ผมได้รู้ว่า.. ฮึก.. เขาเจอเรื่องเลวร้ายอะไรมาบ้าง ถึงได้ส่งผลต่อจิตใจของเขาจนมันผิดเพี้ยนไปขนาดนี้..
   
“นี่โชคยังดีนะ ที่ตระกูลพยอนช่วยฉันไว้ ฉันถึงได้อยู่อย่างปลอดภัยตลอดหลายปีที่ผ่านมา แล้วยังไงต่อรู้มั้ย?”
   
“ฮึก..”
   
“แล้วไอ้ความรักผิดเพศของนายกับไอ้พ่อมดนั่นก็ทำให้ฉันต้องกลับมาเดือดร้อนอีกครั้ง!”
   
“ฮึก..”
   
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ~ ได้ยินมั้ยวาฬ!”
   
“ฮึก..”
   
“ความรักของนายทำให้ฉันเดือดร้อน ได้ยินมั้ย!!?”
   
“เอียน!” เอียนเขย่าตัวผมอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่เขาจะดึงผมให้ลุกขึ้นมา แล้วโยนกลับไปนอนกองกับพื้นตามเดิม
   
ซึ่งมันเจ็บมาก.. แต่ผมไม่มีเวลามาสำออยอะไรทั้งสิ้น เพราะต้องใช้จังหวะนั้นหนีออกจากห้องไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้
   
ทว่า..
   
ปึก!
   
“อื้อ!” ผมกลับล้มลงนอนคว้าหน้ากับพื้น เมื่อเอียนใช้เวทมนตร์เสกเชือกขึ้นมามัดมือมัดเท้าของผมไว้ รวมถึงเสกผ้ามามัดปากผมด้วย!
   
“จะหนีไปไหนล่ะ ไหนว่ามีเรื่องจะคุยกับฉันไม่ใช่หรอ ฉันรอฟังอยู่นะ” ก่อนที่เอียนจะตามมาลากผมกลับไปกลางห้อง แล้วจับพลิกให้นอนหงาย
   
“อื้อ!” ผมร้องเสียงหลงเลยเมื่อจู่ๆ นายเอียนก็ขึ้นคร่อมร่างของผมเอาไว้ เพราะถ้าเป็นตอนที่เขาปกติดี ผมจะไม่คิดไปในเรื่องใต้สะดือเลย แต่พอเขาเสียสติแบบนี้แล้ว... เขาอาจจะทำอะไรกับผมก็ได้นั้น!
   
“จุ๊ๆ อย่าร้องสิ ฉันไม่ได้จะทำอะไรนายสักหน่อย”
   
“...”
   
“ฉันแค่อยากจะเป็นอิสระจากเรื่องนี้ก็เท่านั้นเอง นายเข้าใจฉันใช่มั้ย..นายตัวเล็ก”
   
“...”
   
ผมรู้สึกสะเทือนใจกับคำเรียกนายตัวเล็กของเอียนมาก เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อน มันคือความเอ็นดูในแบบของพี่ชาย แต่กับตอนนี้..ตอนที่เขาค่อยๆ เอามือลูบหัวผมพร้อมทั้งฉีกยิ้มจนผิดธรรมชาติ มะ..มันกลับทำให้ผมชักไม่แน่ใจ.. ว่าเขาต้องการจะทำอะไรกับผมกันแน่!?
   
“และทางเดียวที่ฉันจะหลุดพ้นจากนายได้ก็คือ.. นายจะต้องตายซะ!!!”
   
“อื้อ!!!”
   
โดยที่ไม่ทันให้ตั้งตัว สองฝ่ามือใหญ่ๆ ของเอียนก็ตรงเข้าบีบคอผมอย่างแรง จนผมต้องพยายามดิ้นพล่านเพื่อเอาชีวิตรอด
   
“ฮึก.. อย่าโกรธกันเลยนะ ฮึก.. ฉัน.. ฮ่าๆๆๆๆๆๆ~ ฉัน.. ฉันไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ!”
   
“อึก..” แต่ก็อย่างที่ผมเคยได้บอกไปแล้ว ว่าเอียนน่ะตัวใหญ่กว่าผมมาก เพราะฉะนั้นจึงไม่มีทางเลยที่ผมจะสู้แรงของเขาได้..
   
ผมรู้สึกว่าทุกอย่างมันชาไปหมดหลังจากนั้น.. รู้สึกเหมือนว่าตัวเองไม่หลงเหลืออากาศให้หายใจอีกต่อไป.. รวมถึงแรงที่ดิ้นรนต่อสู้ก็น้อยลงเรื่อยๆ ตามไปด้วย
   
จนในวินาทีนั้น.. ผมเริ่มคิดถึงหน้าพ่อกับแม่.. ตามด้วยพวกเพื่อนๆ ก่อนที่จะจบท้ายด้วย..เหล้ารัม..
   
“อึก..” ใจจริงผมก็ไม่ได้อยากจะยอมแพ้แค่นี้หรอกนะครับ แล้วก็ไม่ได้อยากจะให้ทุกอย่างมันจบลงแบบนี้ด้วย เพียงแต่.. ผมคงทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้วจริงๆ..
   
“นี่มันอะไรกัน?” แต่ในขณะที่ผมกำลังจะหมดลมหายใจอยู่ในเสี้ยววินาทีนั้น.. จู่ๆ เอียนก็ดันปล่อยมือของเขาออก!? ก่อนที่เขาจะจับมือที่ถูกมัดอยู่ของผมชูขึ้น และชี้ไปยังด้ายแห่งพันธะสัญญาที่ปรากฏขึ้นมา..
   
เพล้งงงง!!
   
ทว่ายังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรกลับไป หน้าต่างห้องที่เคยปิดทึบก็ถูกระเบิดออก พร้อมกับใครอีกคนที่พุ่งตัวเข้ามา..
   
คนที่...อยู่อีกฝั่งของเส้นด้ายระหว่างเรา!
   
“แกนี่เอง! ตายซะ!” แต่ยังไม่ทันที่ผมกับเหล้ารัมจะได้พูดอะไรต่อกัน เอียนก็ระเบิดเสียงดังลั่น ก่อนที่จะพุ่งเข้าหาเหล้ารัมทันที!
   
เพล้ง!
   
แรงชนของทั้งเหล้ารัมและเอียนส่งผลให้หลอดไฟด้านบนแตกละเอียด จนห้องที่เคยสว่างไสวกลับมืดลงจนมองไม่เห็นสิ่งใด
   
ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นาน...
   
ตู้มมมมมมมมมม!
   
ฟิ้วววววว!
   
ฟิ้วววว!
   
ตู้มมมมมมมม!!
   
...แสงสีเสียงตระการตาจากพลังเวทมนตร์ก็ถือกำเนิดขึ้น!
   
ตู้มมมมมมมมมมมมมม!!!
   
“อ๊ากกกกกกกกกกกก!”
   
ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะคลานไปหลบตรงมุมๆ ห้อง เพื่อที่ว่าจะได้ไม่โดนลูกหลงจากการปะทะกันของพ่อมดทั้งสอง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทำอย่างที่ใจคิด เสียง ‘ตู้ม’ สุดท้ายก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงร้องที่ต่อจากนั้นที่ผมเองก็ไม่ค่อยจะแน่ใจนักว่าเป็นของใคร
   
พรึ่บ!
   
จนกระทั่งหลอดไฟที่เคยแตกไปแล้วกลับมาสว่างไสวอีกครั้งนั่นแหละ ผมถึงได้พรั่งพรูน้ำตาออกมา.. ฮึก.. ดะ..ด้วยความดีใจ.. ที่ได้เห็นว่าคนที่นอนจมกองเลือดอยู่ก็คือเอียน ในขณะที่เหล้ารัมยืนหอบหายอยู่เหนือร่างนั้นอย่างผู้ชนะ!
   
“วาฬ!” แต่พอเขาหันมาเห็นว่าผมมองอยู่ ก็รีบตรงรี่เข้ามาแกะทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นพันธนาการออกให้ แล้วเริ่มถามในสิ่งที่ทำเอาผมถึงกับน้ำตาพรั่งพรู “เป็นยังไงบ้าง เจ็บอะไรต้องไหนมั้ย แล้วมันทำอะไรคุณรึเปล่า!?”
   
“ฮึก..”  จริงๆ คือช่วงคอของผมที่โดนเอียนบีบมันก็มีความเจ็บอยู่นะ แต่เมื่อเทียบกับบาดแผลตามร่างกายของเหล้ารัมที่โคตรจะยับเยินแล้ว ผมก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลยสักนิด..
   
นี่เขา.. ฮึก.. เคยห่วงตัวเองมากกว่าผมบ้างมั้ยเนี่ย!?
   
“คุณนี่มัน..” และเพราะว่าหมดคำจะพูด ผมเลยเลือกที่จะดึงอีกฝ่ายเข้ามาจูบหนักๆ เพื่อบอกผ่านทุกความรู้สึกที่อยู่ในใจ
   
“อ๊ะ!” ซึ่งตอนแรกเหล้ารัมก็ดูจะชะงักไปเล็กน้อยนะ คงเพราะไม่คิดว่าจู่ๆ ผมก็จะส่งสัมผัสอันหนักหน่วงผ่านทางริมฝีปากให้เขาแบบนี้ แต่พอเขาเริ่มตั้งตัวได้เท่านั้นแหละ เลยสลับกลับกลายเป็นฝ่ายผมที่อ่อนระทวยเสียจนต้องให้เหล้ารัมประคองร่างกายเอาไว้แทน
   
ปัง!
   
ผมกับเหล้ารัมเราแทบจะไม่มีทีท่าว่าจะผละออกจากกันและกันเลยนะ เพราะยิ่งจูบกันเท่าไหร่ เราทั้งคู่ก็ดูจะยิ่งโหยหากันมากขึ้นเท่านั้น จนในช่วงขณะหนึ่ง..มันเกินเลยไปถึงขั้นที่สอดผ่านมือเข้าไปในส่วนใต้ร่มผ้ากันแล้ว..
   
“วาฬ นี่มันเกิดเราเรื่องอะไรขึ้น!?”
   
แต่ทำไงได้ล่ะ ถึงไม่อยากผละก็ต้องผละน่ะนะ เมื่อในเวลาต่อจากนั้น ประตูห้องก็ถูกกระชากเปิดออกอย่างแรง พร้อมกับผู้คนที่พากันกรูเข้ามา ทั้งเหล้ารัมและผมจึงต้องผละออกจากกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
   
“เหล้ารัม นี่นายหนีออกมาจากคุกต้องห้ามได้ยังไงเนี่ย!? นี่ถ้าเกิดทางคุกไม่แจ้งว่านายหนีมาที่นี่ ฉันไม่ทางเชื่อหูตัวเองจริงๆ ด้วย” แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้รับคำอธิบายจากสิ่งที่เกิดขึ้น พี่วิสกี้ที่ตามเข้ามาทีหลังก็แผดเสียงนำหน้ามาซะก่อน
   
ซึ่งพอเห็นว่าพี่สาวของตัวเองเดินเข้ามา สิ่งแรกที่เหล้ารัมทำก่อนตอบคำถามก็คือคว้าผมเข้าไปกอดไว้แน่น ก่อนที่จะถอยออกให้ห่างจากพี่วิสกี้ ราวกับกลัวว่าเธอจะพรากเราสองคนออกจากกันอีกครั้ง.. “คือ.. ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แวบนึง..เหมือนลางสังหรณ์มันบอกผมว่า..วาฬกำลังตกอยู่ในอันตราย ผมก็เลย..ตัดสินใจแหกคุกออกมาช่วยเขา”
   
“แล้วก็สำเร็จเนี่ยนะ!?”
   
“ใช่ครับ ผมถึงได้ยับเยินแบบนี้ไงพี่”
   
“นายนี่มัน.. บ้ามาก!” พี่วิสกี้ถึงกับตีหน้าผากตัวเองไปทีนึงเลยเมื่อได้ยินคำยืนยันจากน้องชายของตัวเองถึงเรื่องของการแหกคุกต้องห้ามแบบนั้น ราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยินเลยแม้แต่นิดเดียว
   
“แล้วทำไมคุณถึงได้มีลางสังหรณ์ว่าผมกำลังตกอยู่ในอันตรายล่ะครับ?” ผมเลยอาศัยจังหวะที่พี่วิสกี้กำลังเดินไปเดินมา ถามถึงเรื่องลางสังหรณ์อันแม่นยำของเหล้ารัม
   
“ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ” แล้วผลก็คือ.. คนที่กอดผมอยู่ก็ดูจะไม่ค่อยแน่ใจเช่นกัน ว่าลางสังหรณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมาจากอะไรกันแน่ “แต่อาจจะเป็นเพราะ.. สายใยในการทำพันธะสัญญาครั้งที่สองของเราก็ได้” มีแต่เพียงแค่การสันนิษฐานเท่านั้น
   
แต่รู้อะไรมั้ย ผมว่าผมเชื่อในการสันนิษฐานครั้งนี้ของเหล้ารัมนะ เพราะดูอย่างตอนที่ผมยังไม่รู้เรื่องอะไรสิ ยังฝันว่าเหล้ารัมบอกว่าจะตายไปพร้อมกับผมเลย แล้วเป็นไง มันก็กลายเป็นแบบนั้นจริงๆ คล้ายกับลางบอกเหตุยังไงยังงั้น
   
ซึ่งผมว่า..มันน่าจะเกี่ยวข้องกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่งนั่นแหละ..
   
“แล้วนี่ทำไมนายเอียนถึงได้มาจมกองเลือดอยู่ตรงนี้เนี่ย!?” แล้วจากนั้นคำถามของพี่วิสกี้เรียกความสนใจจากทุกคนอีกครั้ง ผมถึงได้เห็นว่าเธอกำลังหันไปหาคำตอบจากคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ในห้องแทน โดยมี.. พ่อผม แม่ผม พี่ฟ้า ฟาเรเนีย แล้วก็มะม่วง  รวมทั้งสิ้นห้าชีวิต
   
จะ..จนผมเองยังงงเลยว่าทำไมถึงได้ขนกันมาเยอะแยะขนาดนี้?
   
กระทั่งได้ยินคำตอบจากพ่อที่กล้าพอจะหันไปตอบคำถามพี่วิสกี้ “พ่อเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ได้ยินแต่เสียงดังโครมครามจากในห้อง แต่พยายามช่วยกันเปิดประตูเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออกสักที ก็เลยไปตามฟาเรเนียมาช่วยเปิดให้ ถึงได้เข้ามาได้ แต่ยังไม่ทันที่พ่อจะได้ถามอะไรให้รู้ความ คุณก็ดันมาซะก่อนนี่ไง” ถึงได้เข้าใจเรื่องราวราวที่เกิดขึ้นด้านนอก
   
ซึ่งพอพี่วิสกี้ได้ยินแบบนั้น เธอจึงหันมาทางผม เหมือนต้องการคำตอบที่ดีกว่าคำว่า ‘ไม่รู้’ จากคำถามเดิมที่ได้ถามไปแล้ว
   
ผมก็เลยเริ่มเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้ทุกคนฟัง จนถึงตอนที่เหล้ารัมมาช่วยนั่นแหละ
   
“นี่มันบีบคอคุณงั้นหรอเนี่ย!?” แต่แทนที่พี่วิสกี้ซึ่งเป็นคนที่ต้องการคำตอบจะมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง กลับเป็นเหล้ารัมที่ตั้งท่าจะเดินไปจัดการเอียนซ้ำ เลยร้อนถึงพี่วิสกี้ที่ต้องรีบเข้ามาห้ามน้องชายของตัวเอง
   
“พอได้แล้วเหล้ารัม อยากติดคุกข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาหรือไง!?”
   
“...” ผมรู้สึกโล่งใจที่เหล้ารัมยอมหยุดตามคำเตือนของพี่วิสกี้ แต่ที่แย่คือ..พอพี่วิสกี้เข้ามาใกล้ นายพ่อมดเหล้าก็ทำการคว้าตัวผมแล้วรีบถอยห่างออกมาอีก จนถึงขนาดที่ว่าพี่วิสกี้ดูจะชะงักไปเลย..
   
ก๊า!
   
..ห้องทั้งห้องเกือบจะตกอยู่ในความเงียบ ถ้าไม่ได้เสียงจากกาของฟาเรเนียที่ร้องขึ้นมา ก่อนที่เจ้าของของมันจะเดินเข้าไปใกล้ร่างเอียน แล้วหันมาถามเสียงเรียบ
   
“ให้พาคนเจ็บไปส่งโรงบาลก่อนมั้ย?”
   
“ก็ดี แต่พาไปโรงพยาบาลในคุกนะ จะได้ขึ้นทะเบียนนักโทษไปทีเดียวเลย”

ก๊า!
   
เป็นอีกครั้งที่อีกาบนไหล่ของฟาเรเนียส่งเสียงขึ้น คล้ายต้องการจะตอบรับคำของพี่วิสกี้แทนเจ้านาย
   
ฟึ่บ!
   
ก่อนที่หลังจากนั้นฟาเรเนียจะก้มลงแตะตัวเอียน แล้วทั้งคู่ก็พลันหายตัวออกจากห้องนี้ไป..
   
ลาก่อนนะ..เอียน
   
“ส่วนนาย ฉันขอคุยกับนายเป็นการส่วนตัวจะได้มั้ย?” ซึ่งพอหลังจากที่เคลียร์เรื่องร่างนองเลือดของเอียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนต่อไปที่พี่วิสกี้ต้องการจะเคลียร์ก็คือ..ผม
   
ทว่า.. “ไม่!” กลับเป็นเหล้ารัมที่ปฏิเสธ แล้วเบี่ยงตัวมาบังเพื่อให้ผมซ่อนอยู่ด้านหลังของเขาแทน
   
ซึ่งถ้าเป็นปกติ พี่วิสกี้คงแผดเสียงใส่น้องชายของเธอไปแล้ว แต่กับคราวนี้.. “เหล้ารัม.. ถ้านายอยากได้ทางออกของปัญหานี้ นายต้องยอมให้พี่คุยกับวาฬเป็นการส่วนตัว”
   
“แต่ว่า..”
   
“จงเชื่อใจพี่”
   
“...”
   
“เพราะถ้าไม่อย่างงั้น ก็อย่าหวังว่าจะได้ในสิ่งที่นายต้องการ”
   
“...”
   
พอเจอคำพูดแบบนั้นของพี่วิสกี้ เหล้ารัมก็หันมองหน้าผม เหมือนต้องการให้ผมเป็นอีกหนึ่งเสียงที่จะตัดสินใจ
   
“ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวผมจะเป็นคนไปคุยกับพี่วิสกี้เอง”
   
แล้วมันจะมีเหตุผลอะไรที่ผมจะไม่คุยล่ะ ในเมื่อตลอดระยะเวลาตั้งแต่ที่โดนจับได้เรื่องพันธะสัญญาครั้งที่สอง พี่วิสกี้ก็แทบจะไม่เคยเปิดโอกาสให้เราได้เจรจากับเธออย่างเป็นทางการเลยกันสักครั้ง
   
แถมครั้งนี้สัญญาณที่พี่วิสกี้ส่งมาก็ดูจะดีกว่าทุกครั้งด้วย ผมจะไม่ยอมให้โอกาศดีๆ แบบนี้หลุดลอยไปเด็ดขาด!
   
“งั้นพี่จะไปรอข้างนอกนะ” พอพูดจบ พี่วิสกี้ก็เดินออกจากห้อง เลยเหลือก็แต่เหล้ารัมเท่านั้นที่ต้องตกลงว่าควรจะเอายังไง?
   
และผลก็คือ..
   
“โอเค” เหล้ารัมยอมตกลง ..เยส!
   
“งั้นเดี๋ยวผมมานะครับ : )” ผมเลยรีบเดินตามพี่วิสกี้ไป ด้วยหัวใจที่เต้นแรง..

/ ต่อด้านล่าง /

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2

* * * * * * *

ตึกตัก ตึกตัก
   
ผมรู้สึกว่าตัวเองใจเต้นแรงมาก เมื่อพี่วิสกี้พาเราย้ายจากห้องเอียนเพื่อมาคุยกันที่ห้องผมแบบตามลำพัง..
   
"พี่วิสกี้มีอะไรอยากจะคุยกับผมหรอครับ?" แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังพยายามทำใจดีสู้เสือนะ เพราะต่อให้พี่วิสกี้พูดอะไรมา ผมก็จะต้องรับมือให้ได้ ห้ามแสดงความกลัวให้เธอได้เอากลับมาใช้เล่นงานผมเด็ดขาด..
   
"ฉัน.. ขอโทษ.."
   
"วะ..ว่าไงนะครับ?" น่ะ..นี่ผมหูฝาดไปหรือเปล่าเนี่ย!?
   
"ฉันบอกว่าฉันขอโทษ" พี่วิสกี้เนี่ยนะขอโทษผม!? "ขอโทษที่วิธีการของฉันทำให้นายเกือบตาย และ..ขอโทษที่แยกนายกับน้องชายฉันออกจากกันด้วย"
   
"..."
   
สีหน้ารู้สึกผิดของพี่วิสกี้ที่ผมไม่คิดเลยว่าจะได้เห็น..กลับส่งผลรุนแรงต่อจิตใจ.. เพราะว่ามันน่าใจหายมากทีเดียวนะ ที่ได้เห็นคนที่เคยแข็งอย่างพี่วิสกี้แสดงด้านอ่อนแอออกมามากมายขนาดนี้..
   
ทว่าอีกใจหนึ่งก็รู้สึกดี.. ที่นั่นเท่ากับว่า พี่วิสกี้เองอาจจะเริ่มเปลี่ยนใจเรื่องผมกับนายพ่อมดเหล้าขึ้นมาแล้วก็ได้
   
"นายยังจำตอนที่นายถามฉันว่า.. ยังมีทางอื่นอีกมั้ย ที่จะทำให้เราทั้งสองฝ่ายพบกันคนละครึ่งทางน่ะ?" แต่กลับกลายเป็นว่า คำพูดที่จู่ๆ ก็ชวนให้ผมนึกถึงอดีตที่เคยพูด ก็ทำเอาผมแอบงงไปเหมือนกัน
   
"จำได้ครับ" แต่ผมก็ยังจำได้นะ ที่ตอนนั้นผมบอกว่า..อาจจะมีทางอะไรที่ทำให้ผมอายุไขยาวนานได้เหมือนกับเหล้ารัม โดยที่..อาจจะเปลี่ยนผมให้กลายเป็นภูติผีปีศาจอะไรแบบนั้น
   
ทำไมกันนะ? มันมีอะไรอย่างงั้นหรอ?
   
หรือว่าพี่วิสกี้สามารถช่วยให้ผมกลายเป็นภูตผีปีศาจได้จริงๆ?
   
"จริงๆ มันก็พอจะมีอยู่อีกทางนะ ทางที่เหล้ารัมเองก็พยายามขอร้องให้ฉันเลือก"
   
"..."
   
"แต่ฉันเองก็พยายามที่จะปฏิเสธตลอด เพราะอยากให้มันเป็นทางออกสุดท้ายที่ฉันจะทำ"
   
"แล้ว.. มันคือ?"
   
"มันก็คือ.. การเปลี่ยนนาย"
   
"เปลี่ยนผม?" ปะ..เปลี่ยนผมเนี่ยนะ เปลี่ยนไปเป็นอะไรกัน?
   
"ใช่ เปลี่ยนนาย เปลี่ยนให้กลายเป็น..ปีศาจ"
   
"..."
   
พอได้ยินคำว่า 'ปีศาจ' มันเหมือนปลดล็อคความสงสัยถึงสิ่งที่เหล้ารัมพยายามจะพูด ว่ายังมีอีกหนึ่งทาง ที่จะช่วยให้ผมอายุไขเท่ากับพ่อมดแม่มดได้ นายพ่อมดเหล้าถึงได้ยังยื้อเรื่องของพันธะสัญญาครั้งที่สองเอาไว้นานขนาดนี้ เพราะในความคิดของผมนะ..สำหรับเหล้ารัมน่ะ การตายไปพร้อมกันก็เรื่องนึง แต่ความปรารถนาสูงสุดของเขา ก็คือการให้ผมมีชีวิตยืนยาวเกินกว่าอายุไขของมนุษย์ต่างหาก
   
เพียงแต่ว่า.. ในขณะเดียวกัน คำว่าปีศาจมันก็ทำให้ผมเกิดความกังวลขึ้นมาในใจ.. เพราะภาพในหัวของผมตอนนี้ มีแต่อสูรกายร้ายที่พร้อมจะไล่ฆ่าผู้คนอย่างหิวกระหายเลือด แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริง ผะ..ผมจะอยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ได้ยังไงกัน?
   
"นายคงจะกำลังคิดถึงภาพน่ากลัวๆ เกี่ยวกับปีศาจอยู่ใช่มั้ย? แต่ฉันบอกได้เลยนะ ว่ามันไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอก เพราะว่าปีศาจยุคใหม่น่ะ เขามีหน้าตาและการดำลงชีวิตเหมือนกับอย่างเราๆ เนี่ยแหละ ไม่ได้จ้องไล่ฆ่าคนเหมือนยุคก่อนการล่มสลายอีกต่อไปแล้ว เพียงแต่แค่พวกเขามีพลังพิเศษและมีร่างที่เป็นอสูรกายให้ใช้งานได้ในยามที่พวกเขาต้องการจะใช้ก็เท่านั้น" แต่เหมือนว่าพี่วิสกี้จะรู้ ก็เลยอธิบายเรื่องของปีศาจเพิ่มตาม ทำให้ผมค่อนข้างโล่งใจขึ้นมาก ที่ถ้าเกิดว่าต้องเปลี่ยนไปเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าปีศาจจริง ผมยังจะได้สามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ ไม่ใช่อสูรกายร้ายที่เดินไปไหนมาไหนผู้คนก็พากันกรีดร้องวิ่งหนีแบบนั้น
   
"แบบนี้นี่เอง"
   
"ใช่ มันเป็นแบบนั้นแหละ และฉันก็สามารถช่วยให้นายกลายเป็นปีศาจได้ตามที่เหล้ารัมขอด้วย เพียงแต่.."
   
"เพียงแต่?" มันยังมีปัญหาอะไรอีกงั้นหรอ?
   
"ฟังฉันให้ดีนะวาฬ" พี่วิสกี้เดินเข้ามาจับไหล่ผมไว้ ก่อนที่จะปรับเข้าสู่โหมดที่จริงจังมากขึ้น "นายอาจจะคิดว่า นายสามารถเปลี่ยนเป็นปีศาจได้เพื่อคนที่นายรัก เพราะว่าขนาดเหล้ารัมยังเสียสละชีวิตยาวนานเพื่อทำพันธะสัญญาที่สองกับนายเลย ถูกมั้ย?"
   
"ก็.. ใช่ครับ" จริงๆ แอบยอมรับว่าผมไม่ได้คิดอะไรแบบนี้มาก่อนนะ เพราะว่าเพิ่งจะมารู้เรื่องการเปลี่ยนเป็นปีศาจเมื่อกี้นี้เอง แต่พอพี่วิสกี้ถาม ผมก็เริ่มคิดตามไป และ..คำตอบมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
   
คือผมพร้อมที่จะเปลี่ยนเป็นปีศาจทันที หากมันจะทำให้ผมได้อยู่กับคนที่ผมรักต่อไม่อยากไร้ปัญหาน่ะ
   
"แต่นายก็ต้องเข้าใจ ว่าฉันเองก็มีเหตุผลผลของฉัน ที่ไม่สามารถทำตามคำขอของน้องชายฉันได้ง่ายๆ"
   
"..."
   
"เพราะว่านายลองคิดดูสิ ว่าถ้าเกิดวันนึงพวกนายสองคนค้นพบว่า..รักที่มันเกิดขึ้นระหว่างเหล้ารัมกับนาย เป็นเพียงแค่รักชั่ววูบ มันจะส่งผลเสียยังไงกับพวกนายบ้าง?"
   
"..."
   
"อย่าง.. ถ้าวันใดนายหมดรักน้องชายฉันขึ้นมา เหล้ารัมก็จะไม่สามารถฉุดรั้งนายไว้ได้ เพราะนายกลายเป็นปีศาจที่มีอายุยืนยาวไปแล้ว ก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาเหล้ารัมอีก กลับกัน ถ้าเกิดว่าวันนึงน้องชายฉันเป็นฝ่ายหมดรักนายขึ้นมาบ้าง นอกจากนายจะกลับมาเป็นมนุษย์อีกไม่ได้แล้ว นายยังต้องมีชีวิตยืนยาวต่อไปเพื่อดูคนที่นายรักค่อยๆ ทยอยล้มหายตายจาก โดยที่สุดท้าย..นายก็จะไม่เหลือใครคอยอยู่เคียงข้างอีกต่อไป นายรับเรื่องนั้นได้อย่างงั้นน่ะหรอ?"
   
"..."
   
"แล้วที่พูดเนี่ย ก็ไม่ใช่เพราะว่าฉันอยากกีดกันนายหรือว่าต้องการจะทำให้นายรู้สึกกลัวจนล้มเลิกความตั้งใจหรอกนะ เพราะว่าที่ผ่านมา..จนถึงวันนี้.. มันทำให้ฉันได้รู้แล้วว่า นายกับเหล้ารัมต้องการกันและกันมากแค่ไหน แต่ว่า..ฉันแค่อยากให้นายลองคิดทบทวนให้ดี ก่อนที่นายจะตัดสินใจ"
   
"..."
   
"เพราะเมื่อตัดสินใจอะไรลงไปแล้ว ก็จะไม่สามารถย้อนกลับมาแก้ไขอะไรได้อีก"
   
"..."
   
"แล้วนาย..จะตัดสินใจยังไงล่ะ? หรือว่า.. อยากจะขอเวลาคิดก่อนดี?"
   
ก็จริงของพี่วิสกี้นะ ที่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องผ่านกระบวนการคิดอย่างถี่ถ้วน ห้ามเอาอารมณ์ชั่ววูบมาใช้ในเรื่องแบบนี้เด็ดขาด เพราะว่า.. เมื่อตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแล้ว ก็จะไม่สามารถก้าวถอยหลังได้อีกเลย
   
ซึ่งผมก็คิดนะ แต่คิดได้ไม่นานนัก.. "ไม่ต้องขอเวลาคิดหรอกครับ เพราะผมตัดสินใจแล้ว ว่าผมจะเปลี่ยน..เพื่อเหล้ารัม : )" ..ก็ตัดสินใจตอบตกลงกลับไปในเวลานั้น
   
"นะ..แน่ใจหรอ?" จนพี่วิสกี้เองยังต้องถามย้ำอีกรอบเพื่อความแน่ใจ เพราะเธอคงจะคิดว่าผมด่วนสรุปเร็วเกินไปแน่
   
แต่ไม่เลย ในเมื่อผมมีเหตุผลที่ดีที่สุดในการตัดสินใจครั้งนี้เตรียมไว้แล้ว.. "แน่ใจครับ เพราะถึงแม้ว่ามนุษย์อย่างผม จะไม่ได้มีรักที่มั่นคงและยืนยาวเท่ากับพ่อมดแม่มด แต่การได้มาเจอกับผู้ชายคนนึงที่รักผม เสียสละเพื่อผม และต่อลมหายใจให้ผมแบบเหล้ารัม ผมก็ไม่คิดว่าชีวิตนี้.. ผมจะต้องการใครไปมากกว่าเขาอีกแล้ว"
   
และในทันทีที่ผมพูดจบ..ด้วยความมั่นคงและหนักแน่นภายในใจ พี่วิสกี้ก็ค่อยๆ เผยรอยยิ้มของเธอออกมา พร้อมกับ..น้ำตาหนึ่งหยดก็ล่วงหล่นหล่นลงมาด้วย..
   
คล้ายว่าเธอกำลังตื้นตันใจในสิ่งที่ผมตอบออกไปอย่างมาก.. ซึ่ง.. ฮึก.. ผมเองก็อยากจะบอกว่าผมตื้นตันใจไม่แพ้กัน ฮึก.. ที่ได้เห็นในสิ่งที่ผมกำลังเห็นอยู่ในขณะนี้
   
ก่อนที่พี่วิสกี้จะปิดประโยคสุดท้ายของบทสนทนาว่า..
   
"งั้นฉันก็จะให้ในสิ่งที่นายสองคนต้องการ : )"

/ ต่อด้านล่าง /

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2

บทส่งท้าย
{ THE END }


สองอาทิตย์ต่อมา
   
ผมลืมตาตื่นขึ้น.. เมื่อถูกปลุกด้วยเสียงตีบอกเวลาดังสิบสองครั้ง.. ซึ่งนั่นหมายถึง..เวลาเที่ยงคืน..
   
มันมืดมาก.. ที่ที่ผมนอนอยู่ตอนนี้ก็ช่างแคบเหลือเกิน.. แถมยังลำบากในการหายใจอีกด้วย..
   
แต่ผมจะบ่นอะไรได้ ในเมื่อนี่คือสิ่งที่ผมเลือกเอง..
   
กึก!
   
แต่แล้วความคิดผมก็สะดุดลง เมื่อได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นจากด้านบน คล้ายกับ..เสียงดับเครื่องยนต์อะไรแบบนั้น?
   
และเพื่อความแน่ชัดของความอยากรู้ ผมจึงหลับตาลง แล้วมองด้วย ‘จิต’ แทน.. โอเค.. ผมเริ่มเห็นแล้ว..
   
กึก!
   
มีชายคนหนึ่งกำลังลงจากรถที่เพิ่งจะดับเครื่อง.. ผมไม่แน่ใจหรอกนะว่าเขาคือใคร เนื่องจากเห็นหน้าไม่ชัด แต่เป็นผู้ชายรูปร่างสูง ใส่รองเท้าผ้าใบ กางเกงยีนส์ และเสื้อกล้าม
   
เขาเดินไปยังหลังรถกระบะที่เขาขับมา ก่อนจะหยิบ..เอ่อ.. อ๋อ~ จอบ ใช่ เขาหยิบจอบแล้วเดินตรงมาหยุดอยู่บนตัวผม ก่อนที่จะ..
   
ฉึก!
   
..ลงมือขุดดินลงมา
   
ตึกตัก ตึกตัก
   
ผมรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นกว่าเดิมเมื่อเริ่มเดาได้แล้วว่าผู้ชายที่กำลังขุดดินอยู่ตอนนี้คือใครกันแน่ แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังไม่ได้ส่งเสียงเรียกชื่อเขาออกไปนะ เพราะอยู่ลึกขนาดนี้ ยังไงเขาก็ไม่มีทางได้ยินแน่
   
ปึก!
   
ซึ่งภายหลังจากที่รอเกินกว่าสิบนาที จอบก็ถูกทิ้ง เมื่อผู้ชายบนนั้นสามารถขุดลงมาจนเจอโลงศพของผมแล้ว เขาจึงเปลี่ยนวิธีการ โดยกระโดดลงมาเขี่ยดินออก แล้วหยิบค้อนที่ใส่เอาไว้ที่กระเป๋นหลังกางเกงยีนส์ออกมางัดตะปูออกแทน
   
และเพียงไม่นานนัก..
   
“สวัสดี : )”
   
..ฝาโลงก็ถูกเปิดออก
   
พร้อมกับแสงจันทร์และใบหน้าเปื้อนยิ้มของเขาที่ฉายชัดเต็มตา
   
“สวัสดี.. ฮึก..” ความดีใจที่ท่วมท้นเต็มอกเริ่มทำให้ผมร้องไห้ ก่อนที่สมองจะเริ่มนึกทบทวนถึงครั้งสุดท้ายที่เจอกัน
   
ก็.. สองอาทิตย์นั่นแหละ.. ที่ผมต้องอยู่ในหลุมศพหลุมนี้ ภายหลังจากที่ตกปากรับคำของพี่วิสกี้แล้ว
   
“นี่พี่จะช่วยผมจริงๆ ใช่มั้ยพี่!?” ซึ่งคนที่ดีใจที่สุดก็เห็นจะเป็นเหล้ารัม ในขณะที่ผมต้องอธิบายเรื่องราวการตัดสินใจทั้งหมดให้พ่อกับแม่ได้รับรู้ ซึ่งผลก็คือ..
   
“ขอแค่ลูกมีความสุข พ่อกับแม่ก็ยินดี” ..ท่านทั้งสองไม่ค้านอะไรทั้งสิ้น
   
นั่นเลยทำให้พี่วิสกี้พาผมไปหา ’โฟเบีย’ ที่โลกปีศาจในเช้าวันถัดไป..
   
ถามว่าโฟเบียคือใครน่ะหรอครับ? อ๋อ.. เขาเป็นราชาปีศาจที่หล่อมาก! แถมมีผมสีเขียวอมฟ้าน้ำทะเลน่าหลงใหลด้วย จนพี่วิสกี้ต้องตีผมอยู่หลายครั้ง ที่มีคนรักอยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับเสียจริตให้ราชาโฟเบียยังกับพวกคลั่งไคล้ดารา
   
และสาเหตุที่ทำให้พี่วิสกี้พาผมไปหาราชาโฟเบียก็คือ.. ”ช่วยเปลี่ยนผู้ชายคนนี้ให้กลายเป็นปีศาจที” ..ขอความช่วยเหลือพระองค์ในสิ่งที่ผมและเหล้ารัมต้องการ
   
แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ได้จบลงโดยง่าย ผมต้องเล่าถึงเรื่องราวความรักของผมอันเป็นแรงผลักดันอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้ผมตัดสินใจเลือก ‘ทางที่สามนี้’ ต่อหน้าราชา ราชินี รวมถึงเหล่าขุนนางปีศาจในราชสำนัก
   
ใช้เวลาในการประชุมอย่างยืดเยื้ออยู่เกือบสามชั่วโมง ก่อนที่ราชินีเพนนี (ชื่อของพระองค์) จะลุกขึ้น และตัดสินใจเด็ดขาดเดี๋ยวนั้นว่า.. ”เราตัดสินใจแล้ว เราอนุญาตให้ราชาเปลี่ยนชายคนนี้ให้ปีศาจได้ เพื่อเห็นแก่ความรักของเขาทั้งคู่ รวมถึงสายสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างราชาโฟเบียกับแม่มดวิสกี้ที่มีมาอย่างยาวนาน” ..เป็นการปิดประชุม
   
ซึ่งคนที่ช่วยในการทำพิธีกรรมทั้งหมดก็คือราชินีนั่นเอง โดยการหาดวงจิตปีศาจอันบริสุทธิ์มาให้ แล้วนำมาฝังรากไว้ในใจผม ก่อนที่จะมาถึงขั้นตอนสุดท้าย และนั่นก็คือการถูกฝังอยู่ในสุสานหลวงเป็นเวลาสิบสี่ราตรี
   
แล้วลองคิดดูเถอะ ว่าผมจะต้องนอนอยู่ในหลุมแบบนี้มาทั้งหมดสิบสี่คืน โดยที่ใครก็เข้ามายุ่งไม่ได้ จนกว่าที่จะครบเวลาตามที่กำหนดไว้ มันช่าง..โดดเดี่ยวเสียจนผมต้องนอนร้องไห้แทบจะทุกคืน..
   
ทว่า..
   
“จับมือผมไว้นะวาฬ เดี๋ยวผมจะดึงคุณขึ้นมาเอง”
   
..ต่อจากนี้คงไม่ต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว
   
“คิดถึงคุณจัง” ผมรีบบอกเขา เมื่อเหล้ารัมช่วยให้ผมขึ้นมาจากหลุมได้สำเร็จ
   
“คิดถึงเหมือนกันนั่นแหละ”
   
ก่อนที่หลังจากนั้นเราทั้งคู่จะตรงเข้าจูบกันอย่างดูดดื่ม ราวกับว่า..โหยหากันและกันอย่างยากที่จะต้านทานพลังแรงดึงดูดของอีกฝ่ายได้.. ซึ่งก็เหมือนเดิม.. เมื่อใดที่ได้จูบเหล้ารัมแบบนี้ การจูบของเราก็จะยิ่งหนักหน่วงและยาวนานขึ้น จนผมรู้สึกจริงๆ ว่าถ้าผมกับเหล้ารัมเป็นของเหลวสองชนิดล่ะก็ ป่านนี้เราทั้งคู่คงจะหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไปแล้ว
   
“ผมสาบานเลยนะว่า ต่อจากนี้ผมจะไม่ยอมให้คุณห่างจากผมไปไหนนานๆ อีกแล้ว” พอหลังจากที่จูบกันไปได้สักพัก เหล้ารัมก็ค่อยๆ ผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง.. ก่อนจะพูดในสิ่งที่ตรงกับใจผมเช่นกัน..ว่าไม่อยากให้เหล้ารัมจากผมไปไหนนานๆ แบบนี้อีกแล้ว
   
“จริงหรอ?” แต่ด้วยความที่ผมอยากเห็นรอยยิ้มขึ้นเล่นจากเขาแบบที่ไม่ได้เห็นมานาน ผมเลยแกล้งทำเป็นถามด้วยน้ำเสียงยียวนเหมือนไม่อยากเชื่อ ซึ่งเหล้ารัมเองก็คงจะดูออกนั่นแหละว่าผมแกล้ง
   
“จริงสิ : )” ผมเลยได้เห็นอย่างที่อยากเห็นสมใจ “เว้นเสียแต่ว่าคุณจะอยากจะจากผมไปน่ะนะ” ก่อนที่เขาจะรีบเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วมุ่น เหมือนรอฟังคำตอบว่าผมต้องการอย่างที่เขาพูดมั้ย?
   
ซึ่งแน่นอนว่า.. “ไม่มีทางแน่”
   
“ตอบได้ดี : )”
   
เหล้ารัมก็เลยดึงผมเข้าไปจูบอีกครั้ง โดยที่คราวนี้มือของเขาเริ่มล่วงเกินมากขึ้น จากที่ตอนแรกก็แค่โอบเอว ทว่าตอนนี้..กลับล้วงเข้าไปในเสื้อด้วย!
   
“ดะ..เดี๋ยว..” ผมเลยต้องรีบผละออกอย่างรวดเร็ว จนได้เห็นสีหน้าหงุดหงิดราวกับเด็กโดนขัดใจของอีกฝ่าย
   
“อะไร? หรือว่า..กังวลเรื่องสถานที่?” ไม่พูดเปล่า นายพ่อมดเหล้าหันมองไปรอบๆ ด้วย จนจากตอนแรกที่ผมไม่ได้คิดอะไร จึงเริ่มคิด
   
ว่า.. ตอนนี้เราอยู่ในสุสานนี่นา!?
   
“กะ..ก็มีส่วนอยู่หรอก..” อย่างน้อยๆ เขาก็ควรที่จะเคารพคนที่ตายไปแล้วบ้าง “แต่ว่า..”
   
“แต่ว่า?”
   
แต่ว่าเรื่องสถานที่ก็ยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ผมผลักนายพ่อมดผมบลอนด์ออกหรอกนะ แต่เป็น.. “แต่ว่า..อีกสาเหตุที่ผมห้ามคุณ ก็เพราะว่าผมมีเรื่องที่อยากจะถามน่ะ”
   
“อะไรหรอ?” เหล้ารัมขมวดคิ้วมุ่นทันทีแบบที่ไม่ใช่การแกล้งทำ
   
จนผมต้องรีบถามออกไป เพราะไม่อยากให้เขาสงสัยอะไรมากไปกว่านี้ “คือ.. ตอนนี้ผมก็กลายเป็นปีศาจอย่างสมบูรณ์แล้ว ก็เท่ากับว่า..พันธะสัญญาครั้งที่สองคงจะไม่จำเป็นอีกต่อไป แล้วคุณ..จะถอนพันธะสัญญาจากผมรึเปล่า?”
   
พอได้ยินผมถามแบบนั้น จากตอนแรกที่กำลังทำหน้าสงสัย เหล้ารัมเลยเปลี่ยนมาเป็นยิ้มหวานแทน
   
“ไม่หรอก : )”
   
“ทำไมไม่ล่ะ?”
   
“ก็เพราะ.. ในเมื่อมันคือจุดเริ่มต้นของความรักเรา ผมก็อยากให้มันเป็นสิ่งสุดท้ายของความรักเราด้วย : )”
   
“แต่ว่า.. ถ้าผมเกิดตายขึ้นมา คุณก็จะตายตามผมไปทันทีเลยนะ มันจะคุ้มกันหรือไง?” ผมยังคงถามต่อ
   
“วาฬครับ ถ้าผมกลัวเรื่องนั้น ผมจะทำพันธะสัญญากับคุณตั้งแต่แรกทำไม จริงมั้ย : )”
   
“...”
   
“เว้นเสียแต่ว่า.. คุณจะอยากถอนพันธะสัญญาจากผมน่ะนะ?”
   
แน่นอนว่าผมต้องส่ายหน้าปฏิเสธอยู่แล้ว “ไม่ครับ ผมไม่อยากถอน” เพราะที่ถามมาทั้งหมดเนี่ย ก็เพราะกลัวว่าเขาจะถอนจากผมมากกว่า
   
“ถ้างั้นก็เก็บไว้ เป็นสิ่งแสดงความจริงใจของผมที่มีให้คุณก็แล้วกัน : )”
   
คำพูดของเขาทำให้ผมถึงกับยิ้มแก้มปริออกมาเลย ก่อนที่จู่ๆ.. ปากผมมันก็อยากที่จะส่งผ่านความรู้สึกออกไปให้ผู้ชายดีๆ ที่อยู่ต่อหน้าผมได้รับรู้.. “เหล้ารัม.. ผม.. รักคุณนะ” โดยการบอกรักเขา ทว่า..กะ..กลับรู้สึกเขินซะเอง.. อาาา~..
   
“...” แล้วพอได้ยินแบบนั้น เหล้ารัมก็ยิ้มแก้มปริออกมาบ้าง จนผมถึงกับต้องถามกลับไปเลย เพราะไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงได้ยิ้มมากขนาดนี้?
   
“ทะ..ทำไมทำหน้าแบบนี้ล่ะ?”
   
“ก็ผมดีใจสุดๆ ไปเลยนี่” เหล้ารัมเว้นจังหวะเพื่อขยับเข้ามาใกล้ จนผมแทบจะไม่มีพื้นที่ให้หายใจแล้ว..! “คุณรู้มั้ยวาฬ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่คุณบอกรักผมต่อหน้าแบบนี้เนี่ย : )”
   
จะ..จริงด้วย! นี่เป็นครั้งแรกของคำบอกรักจากปากผมเลยนี่นา!?
   
แต่ว่า..
   
“ใช่ นี่เป็นครั้งแรกของผม แต่ว่าคุณน่ะ ยังไม่เคยบอกรักผมบ้างเลยนะ”
   
..เขาเองก็ไม่เคยพูดคำว่ารักออกมาต่อหน้าเหมือนกันนั่นแหละ!
   
“จะ..จริงดิ?” เหล้ารัมทำหน้าครุ่นคิด ก่อนที่ไม่นานนักหลังจากนั้นเขาจะยิ้มแห้งๆ แล้วยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองแก้เก้อ “จริงด้วยแฮะ”
   
“แล้ว?” พอเขารู้ตัวแล้วว่าไม่เคยบอกรักผม ผมเลยทำเป็นขมวดคิ้ว อย่างต้องการจะถามว่า..แล้วถ้าเป็นอย่างงั้น เขาควรจะต้องทำยังไง?
   
เหล้ารัมก็เลยหัวเราะอย่างเข้าใจ “วาฬครับ ผมรักคุณนะ รักคุณมากจริงๆ : )” ก่อนที่จะพูดคำว่ารักออกมา
   
เฮ้อออออ รู้สึกดีจังแฮะ : )
   
“ผมก็เหมือนกันนั่นแหละ”
   
“อืม.. แต่ผมว่าผมรักคุณมากกว่านะ : )” พอได้ยินว่าผมตอบกลับไปอีกครั้ง เหล้ารัมก็เลยทำเป็นพูดเกทับซะเลย ซึ่งผมก็โอเคที่จะเป็นฝ่ายแพ้อยู่แล้ว ถะ..ถ้าไม่ติดว่า..การเกทับนั้นจะมาพร้อมกับมือของเหล้ารัมที่เอื้อมลงไปบีบก้นผมด้วย!
   
“บ้า!” แล้วด้วยความที่ผมเขินไง ผมเลยดันอกของเขาเหมือนกับในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ทว่า..!
   
“เฮ้ยยยยยยย!!”
   
ตู้มมมมมมมมมมมมม!!
   
ระ..รอบนี้มันกลับไม่เป็นอย่างที่เคยเป็นน่ะสิ!
   
“เหล้ารัม!”
   
ผมรีบวิ่งไปหาเหล้ารัมที่ผมผลัก ‘กระเด็น’ ไปนอนกองกับพื้นอยู่ในที่ที่ไกลจากจุดที่เราเคยยืนอยู่
   
แต่พอวิ่งไปถึงตัวเขา ผะ..ผมกลับชะงักมือคืนกลับมา.. พะ..เพราะดูเหมือนว่ามือผมตอนนี้..จะมีพลังที่ควบคุมไม่ได้เสียแล้ว!
   
“มือคุณหนักจัง : )” แต่โชคดีนะที่เหล้ารัมไม่เป็นอะไรมาก แม้จะลุกขึ้นมาอย่างเปื้อนฝุ่น แต่ก็ยังหล่อและยังยิ้มอยู่ได้..
   
“ผมขอโทษ” ผมเลยรู้สึกสบายใจที่จะเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น
   
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ก็คุณไม่ใช่มนุษย์เหมือนเมื่อก่อนแล้วนี่เนอะ : )”
   
“เฮ้อออออ~ ดูเหมือนว่าผมคงต้องใช้เวลาอีกสักพักเลยนะ กว่าจะสำรวจว่าร่างกายที่กลายเป็นปีศาจไปแล้วนี่มันสามารถทำอะไร... เฮ้ย! น่ะ..นี่คุณจะทำอะไรน่ะเหล้ารัม!?” ผมถึงกับร้องเสียงหลงทันที ที่ยังไม่ทันจะพูดจบ เหล้ารัมก็เข้ามาช้อนตัวผมขึ้นอุ้มซะแล้ว!
   
“ก็เมื่อกี้ผมได้ยินคุณพูดว่าคุณต้องสำรวจตัวเองไม่ใช่หรอ? ผมเลยกะว่าจะพากลับไปช่วยสำรวจต่อที่คอนโดไง : )”
   
“ผะ..ผมหมายถึงว่าผมจะสำรวจตัวของผมเอง ไม่ใช่ให้คุณมาช่วยสักหน่อย!” ยะ..อย่ามาร้ายนะ!
   
“ได้ไงกัน? ของแบบนี้มันต้องให้คนอย่างผมสำรวจสิ ถึงจะถูก : )”
   
“ละ..เหล้ารัม..”
   
“กลับคอนโดเลยมั้ย หรือว่า..คุณยังไม่อยาก : )”
   
“กะ..ก็ไปสิ..”
   
โอ๊ยยยยย ขะ..เขินนะครับที่ต้องมาตอบคำถามสองแง่สองง่ามของนายพ่อมดเหล้าแบบนี้เนี่ย!
   
แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ เราสองคนห่างจากกันมานานมากแล้วจริงๆ เพราะฉะนั้น.. ผมก็เลยไม่อยากที่จะเล่นตัวอะไรอีกต่อไปแล้ว..
   
“โอเค : )” ..ก็เลยปล่อยให้เหล้ารัมพาผมกลับไปยังคอนโดของเขา.. ไม่สิ คอนโดของเรา
   
และเตรียมใจไว้แล้วด้วยว่า.. คงโดนนายพ่อมดเหล้าสำรวจร่างกายจนถึงเช้าแน่!


FIN


แฮมสเตอร์
ในที่สุดก็จบลงแล้วนะครับสำหรับนิยายเรื่องนี้
ยอมรับตามตรงนะครับว่ารู้สึกใจหายมาก แต่ในขณะเดียวกันก็โล่งใจมากเช่นกัน ที่ในที่สุดก็ทำมันออกมาเสร็จจนได้
‘พ่อมดเหล้า’ นี่คือเรียกได้ว่าเป็นนิยายวายเรื่องยาวเรื่องที่สองในชีวิตเลยก็ว่าได้ครับ ที่สามารถเขียนจนจบบริบูรณ์
(เราจะไม่พูดถึงเรื่องแรกนะครับ ฮ่าๆๆๆๆ~)
แถมยังเป็นนิยายที่มีความหนามากที่สุดเท่าที่แต่งมา ก็คือ 295 หน้า ซึ่งทุกครั้งที่มองจำนวนหน้าตรงนี้
ก็ยังถามตัวเองอยู่เลยว่า…เขียนไปได้ยังไงวะเนี่ย?
เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนที่ค่อนข้างขี้เบื่อมาก เขียนแค่ 120 หน้าก็คือลิมิตสำหรับตัวเองแล้ว
แต่ก็อย่างว่าน่ะนะ นิยายเรื่องนี้มันพิเศษไม่เหมือนกับเรื่องไหนๆ จริงๆ
เพราะนอกจากที่มันจะทำให้แฮมสเตอร์รู้สึกถึงความเติบโตแล้ว ก็ยังทำให้แฮมสเตอร์ได้เรียนรู้ และลองผิดลองถูกอะไรอีกหลายๆ อย่างด้วย

ซึ่งจุดนี้ แฮมสเตอร์ก็อยากจะขอขอบคุณนักอ่านทุกคนมากนะครับ
ทั้งคนที่ติดตามมาตั้งแต่ต้น (แล้วหายไป แงงงงงง) ทั้งคนที่ยังคงตามกันอยู่ รวมถึงคนที่แวบมาเหมือนขาจรตามร้านอาหารต่างๆ ด้วย
ขอบคุณมากจริงๆ ครับ
นิยายเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายเลยสำหรับผม มันผ่านช่วงเวลาทั้งดีและร้ายมาอย่างหนักหน่วง
บางครั้งก็รู้สึกว่าตัวเองอยากจะลงมันสามตอนรวด แต่บางครั้งก็นอนนิ่งๆ แล้วบอกตัวเองว่า..ไม่อยากแต่งมันอีกแล้ว..ก็มี
ทว่า..เพราะกำลังใจจากนักอ่านทุกคน ก็ทำให้นิยายเรื่องนี้จบลงจนได้
ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมากจริงๆ
แล้วก็ต้องขอโทษด้วย หากนิยายทั้ง 22 ตอนที่ผ่านมานี้ อาจจะทำให้ใครหลายคนรู้สึกไม่ดี หรือไม่พึงพอใจไปบ้าง
แฮมสเตอร์จะพยายามนำข้อเสียต่างๆ ไปปรับปรุงครับ
และหวังว่าเราจะได้เจอกันอีกในเรื่องหน้า

ขอบคุณครับ

ป.ล. ฝาก #พ่อมดเหล้า หากต้องการพูดคุยถึงนิยายเรื่องนี้ เพื่อเป็นการสั่งลาครั้งสุดท้ายถึงเหล้ารัมและวาฬกันนะครับ

มายเพจ : #แฮมสเตอร์

 :heaven

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
อยากไปช่วยเหล้ารัมกับวาฬสำรวจพลังด้วย :hao6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อยากไปแอบหลบอยู่ใต้เตียงดูเค้าสำรวจกัน ~~ :hao6:
เหล้ารัม เอะอะ มือล้วงตลอดเลยนะยะะ  :-[ มีความหมั่นใส้หนักมากก
จบซะแล้ว ขอตอนพิเศษ ช่วงหลังจากนี้ต่อได้ไหมค๊า ยังไม่รู้เลยว่าวาฬเป็นปีศาจอะไรอ่าา
แอบสงสารเอียนเบาๆเหมือนกันแหะ แสดงว่าต้องเจอเรื่องร้ายๆมา T-T อยากเห็นโมเม้นทเอียน กลับมารักดูแลน้องวาฬเหมือนเดิม   มีโหมดหวงน้องชายค่ะ จะมีไหมมม :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2016 14:42:19 โดย Natsuki-ChaN »

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
อยากแอบดูเขาสำรวจร่างกายกันอ่ะ ขอมีส่วนร่วมด้วยได้มั้ยยยยยยยยยยยยยยยย :hao6: :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ shannara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
จาอาว จาอาวตอนพิเศษ
 :mew6:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ในที่สุด วาฬก็รู้ตัวและคิดที่จะอยู่เพื่อเหล้ารัมบ้าง พี่วิสกี้ก็ดูใจดีขึ้น หรืออาจจะเป็นคนปากร้ายแต่ใจดีก็ได้ ดีใจที่เหล้ารัมมีความสุขเสียที

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :hao5:

เหมือนโดนตัดจบ แต่พี่วิสกี้ถ้าเป็นงี้ทีแรกก็ไม่น่าจะโมโหร้ายขนาดนี้นะ พูดให้วาฬคิดดีๆตั้งแต่แรกก็โอเคแล้วนี่นา

ออฟไลน์ Ryu7801

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ดีใจที่ทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน o13 o13 o13 o13

ออฟไลน์ kiolkiol

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :mew1: ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะ เหล้ารัมออกแนวรักของนกเงือกมากค่ะ แต่นางน่ารักจริงๆนะคะ ส่วนวาฬตอนแรกก็ยังไม่ชินกับเหล้ารัมแต่ว่าทั้งสองก็รู้จักหันเข้าหากันค่ะ น่ารักมากกก ชอบตอนนางจีบกันจริงๆค่ะ อิอิ

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
จะเป็นปีศาจอะไรน้ออออออออ จะมีร่างเป็นอะไร ต้องจินตนาการต่อไป
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคะ

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :z1: :pig4: อยากดูสองคนนี้สำรวจกันและกันจัง

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

และแล้ว.......

ก็สมหวัง

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ


ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ BBnuna

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 299
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
จบแล้วอ่ะะะ ชอบเรื่องนี้  สนุกดี พลอตเรื่องแนวเรื่องแปลกดี แต่แบบเหมือนมันค้างคาประมานว่าเรื่องเอียนที่ดูแบบเหมือนจะสำคัญก็มับทจริงๆนิดเดียวประมานนี้ คือคิดว่าเรื่องที่มีสองสามโลกสเกลมันกว้างมาก เรื่องนี้ดูสั้นไปเลย เหมาะจะมีภาคต่อสุดๆ555
ปล.ขอบคุณมากที่แต่งนิยายดีๆให้อ่าน<3

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด