Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Chapter 21 : อ้อนหน่อยนะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Chapter 21 : อ้อนหน่อยนะ  (อ่าน 51616 ครั้ง)

ออฟไลน์ Akikoneko17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*******************************************************************************************

นิยายเรื่องนี้ เป็นนิยาย ชายรักชาย
มีเนื้อหา 3P
ติดเรท ที่ 3 คนนะคะ
หากท่านใดรับไม่ได้ กรุณากดออก
ขอบคุณค่ะ




ฝากเพจด้วยค่ะ   https://web.facebook.com/akikoneko17/
ขอแปะลิ้งนิยาย -ของอากิ ที่อัพในเล้านะคะ

Play รักเล่น เล่นรัก (3P)
cr.ภาพ http://tsuru-tsurumi.exteen.com/images/Nase/Cigarette%20Kisses01.jpg


http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53773.msg3379996#msg3379996

 


สะใภ้ขายาว
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53223.msg3359687#msg3359687




Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2018 11:25:04 โดย Akikoneko17 »

ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Intro
«ตอบ #1 เมื่อ19-05-2016 23:10:15 »

บร๊ะ! ท่าจะแซบ

ออฟไลน์ ben10

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Intro
«ตอบ #2 เมื่อ20-05-2016 01:06:28 »

อุต๊ะะะะะะ รอต่อไป :z1:

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Intro
«ตอบ #3 เมื่อ20-05-2016 15:35:24 »

 :o8: :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ Akikoneko17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
1   
ผู้ชายในความมืด



   การใช้ชีวิตประจำวันของนิทานนั้นเหมือนเรื่องตลก เขาต้องตื่นเช้าเข้าบริษัททุกวันจันทร์ถึงศุกร์ แต่นั่นก็ไม่น่าเซ็งเท่ากับ
การที่ถูกสบประมาท

   “บางทีก็อาจจะเป็นเพราะเด็กเกินไป”
   การที่มีใบหน้าและร่างกายที่เหมือนกับเด็กมัธยมนั้นเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่มีปัญหาอะไร หากแต่เพราะว่ากลายเป็นการ
เหมือนดูถูกเขาในการทำงาน นิทานเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดมากไปหรือเปล่า แต่ลึกๆแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดมาก

   “ไตรมาสนี้ ยอดขายตกลงนะครับ”

   หนึ่งในผู้ประชุมเอ่ยขึ้น สายตาหลายคู่เหมือนมองนิทานในเชิงตำหนิเล็กน้อย นิทานพยายามข่มใจตัวเองไม่ให้คิดมาก เขา
เองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว จะมาอาละวาดหรือทำท่าทางไม่พอใจก็คงจะไม่ใช่
   “ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจซบเซาแบบนี้  เราจะทำยังไง ถึงจะเพิ่มยอดขายได้ล่ะคะ?”

   ไม่ใช่แค่นิทาน แต่ทุกคนในที่ประชุมเองก็เหมือนพยายามหาทางที่จะเพิ่มยอดขายให้กับบริษัท เขาเองก็ไม่ได้เก่งในเรื่อง
การบริหารมากนัก เรื่องนั้นนิทานก็พอจะรู้ตัวดี แต่เขาเองก็อยากจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดไม่ให้แพ้พี่ชายและพี่สาวของตัวเอง

   “คุณนิทานมีความเห็นยังไงบ้างครับ”
   คำถามนั้นพุ่งประเด็นมาที่ประธานบริษัท ถึงในบริษัทนี้เขาจะเป็นใหญ่ก็ตาม แต่ก็ยังมีคณะกรรมการที่เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท
อยู่ด้วย

   นิทานนิ่งคิดไป ไม่ใช่ว่าเขานิ่งนอนใจ แต่ในช่วงเวลาแบบนี้ ของเล่นเด็กก็ใช่ว่าจะขายได้ดีเป็นเทน้ำเทท่า อัตราการขายก็
เหมือนคงตัว แต่บางครั้งก็ตกลงมา แม้บริษัทของเขาจะเป็นบริษัทรายใหญ่ที่ผลิตสินค้าในด้านนี้ก็ตามที

   “ผมคิดว่า เราน่าจะต้องออกแบบสินค้าให้น่าสนใจมากกว่านี้ครับ”
   “แผนกออกแบบของเราก็ทำงานอย่างเต็มที่แล้วนะคะ”

   หากคิดไปว่านี่คือการขัดแย้งในบริษัทก็อาจจะเป็นไปได้ แต่นิทานพยายามจะไม่คิดในเชิงลบ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น นิทาน
ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าคณะกรรมการนั้นไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่บิดาของเขาเลือกเขาขึ้นมาเป็นประธานบริษัท ทั้งที่อายุยังน้อยและไม่มี
ประสบการณ์

   การประชุมในแต่ละครั้งสำหรับนิทานนั้นไม่ต่างกับการต้องเข้าสนามรบ เขาเองก็ยังไม่สามารถจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้
อย่างดีเยี่ยมเท่าไหร่นัก

   กว่าจะเสร็จสิ้นการประชุม นิทานก็แทบจะหมดแรง เขาพาร่างกายตัวเองกลับมายังห้องทำงาน ภายในห้องเขาอยู่คนเดียว
ทันทีที่ปิดประตู ทั้งร่างก็ถลาล้มฟุบบนโซฟา ใบหน้าที่อ่อนเยาว์กว่าวัยซุกเข้าที่หมอนใบเล็ก

   “เหนื่อยจริง”

   เขาพลิกร่างนอนหงาย ดวงตาเริ่มเหม่อลอยมองเพดาน ในสมองเริ่มคิดไปต่างๆนานา

   ถึงแม้จะมีพ่อเป็นถึงนักธุรกิจที่บริหารงานได้อย่างดีเยี่ยม แต่เขากลับเหมือนจะไม่มีความสามารถขนาดนั้น การเข้าหาคน
อื่นก็ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายสำหรับนิทาน
   “เฮ้อ”

   เพราะไม่รู้จะระบายความเครียดอย่างไร สุดท้ายนิทานจัดการให้ตัวเองถอนหายใจออกมา ในใจหวังอยู่ลึกๆว่าความเครียด
และความกังวลนี้จะหายไปได้บ้าง แต่มันก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เหมือนจะดีขึ้น แต่แล้วก็กลับมาเครียดใหม่

   ก๊อกๆๆ

   เสียงเคาะประตูนั้นเรียกความสนใจ แต่นิทานก็ไม่ได้หันกลับไปมอง เขาเปิดเปลือกตาขึ้นหลังจากที่เพิ่งปิดเปลือกไปเพียง
แค่ครู่เดียวเท่านั้น

   “คุณนิทานครับ ผมเองครับ”

   ธนัต ซึ่งเป็นเลขานุการของนิทานกำลังเอ่ยบอก นิทานยันกายลุกนั่งพิงโซฟา จัดเสื้อผ้าให้เรียบ แล้วเอ่ยขึ้น

   “เปิดเข้ามาได้เลยครับ ผมไม่ได้ล็อก”
   ถึงจะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนที่จิตใจเข้มแข็ง แต่เขาก็ไม่ได้อยากจะทำตัวอ่อนแอให้ใครมาสงสาร

   “ขออนุญาตครับ”

   นิทานไม่ได้ถือสาอะไร เขามองธนัตที่เดินเข้ามาในห้อง ถึงอย่างไรเสีย ธนัตก็อายุมากกว่าเขา เพราะอีกฝ่ายก็ทำงานในรุ่น
บิดาเขามาก่อน

   “ผมวางไว้ตรงนี้นะครับ”

   แฟ้มเอกสารจำนวนหลายแฟ้มถูกวางลงบนโต๊ะทำงานของนิทาน ชายตัวสูงเดินกลับมาหาประธานบริษัทหน้าเด็กแถมยัง
ตัวเล็กอีกต่างหาก
   “นี่ก็ใกล้เวลาเลิกงานแล้วนะครับ คุณนิทานไม่กลับบ้านหรือครับ?”

   ธนัตถามด้วยความเป็นห่วง แท้จริงก็ทั้งห่วงใยและเอ็นดูนิทานเหมือนลูกหลานคนหนึ่ง

   “ขอบคุณมากนะครับ แต่ผมว่าจะอ่านเอกสารอีกสักหน่อย ค่อยกลับน่ะครับ”

   “ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

   “ครับ”


   นิทานพยักหน้า ประตูห้องปิดลง เมื่อธนัตออกจากห้องไป เขายันกายลุกจากโซฟา เดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน
   “เยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”

   นี่คือเอกสารที่เขาคิดว่าจะศึกษาเอาไว้ นิทานหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ ความเครียดที่สะสมเนื่องจากความคาดหวังของ
หลายคนในบริษัทกับการทำหน้าที่ประธานบริษัท ทำให้เขาต้องตั้งใจให้มากกว่านี้

   เขาไม่อยากทำให้ผู้เป็นบิดาต้องผิดหวัง และไม่ต้องการได้ยินคำสบประมาทใดๆทั้งนั้น

   นาฬิกา บอกเวลาเลิกงานแล้ว แต่ไฟในห้องทำงานประธานบริษัทยังคงเปิดอยู่  พร้อมกับคนตัวเล็กที่ฟุบหน้าไปกับโต๊ะ

   “โอย…ทำไมมันยากแบบนี้”

   หน้าผากมนกระแทกเข้าซ้ำๆลงกับกองแฟ้มที่กองจนเต็มโต๊ะ ทุกอย่างบนโต๊ะดูรกไปหมดจนแทบไม่เห็นพื้นโต๊ะทำงาน

   “ไม่อยากอ่านแล้ว”


   เขารู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควรจะเป็นแบบนี้ แต่ความเหนื่อยล้าและความท้อแท้ก็เกิดขึ้นในใจ อยากจะถอนตัวออกจากตำแหน่ง
ใหญ่โตนี้ แต่ใจมันก็ไม่กล้าพอ เพราะเขาก็ไม่ใช่คนที่จะคิดยอมแพ้อย่างง่ายๆ

   Rrrr

   “ครับคุณแม่”
   หลังจากกดรับสาย นิทานก็กรอกเสียงไปทันที เขาไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆแล้ว การกลับบ้านช้ากว่าปกติ น่าจะไม่ใช่ปัญหาอะไร

   “ผมว่าจะกลับดึกหน่อยน่ะครับ ขอเคลียร์งานอีกสักนิด”
   [อย่าหักโหมมากนะลูก ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านก่อนก็ได้]

   “ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ แค่นี้เองนะครับ อีกอย่าง ผมก็โตขนาดนี้แล้ว สบายมากครับ”

   [ขับรถดึกๆ มันอันตรายนะลูก]

   “อ่า…ถ้าขับกลับไม่ไหว ผมว่าจะนอนพักที่ห้องทำงานก่อนก็แล้วกันครับ”

   ดูท่าแล้ว อีกภายในหนึ่งชั่วโมง เขาคงอ่านเอกสารไม่เสร็จเป็นแน่ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็ไม่อยากจะหยุดความ
พยายาม

   …ถ้าไม่พยายามให้ถึงที่สุด แล้วต้องมาเสียใจทีหลัง เขาไม่เอาด้วยหรอก…

   “คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ”
   [ถ้าไม่ไหว นอนพักในห้องก็ดี เพราะแม่ไม่อยากให้นิทาน เสี่ยงขับรถกลับบ้าน  หรือนิทานจะให้คนขับรถไปรับก็ได้นะลูก]

   “อย่าดีกว่าครับ ผมไม่อยากให้ลำบาก เพราะผมก็ไม่รู้ด้วยว่าจะเสร็จตอนไหน เดี๋ยวผมนอนค้างที่นี่เลยแล้วกัน”
   สุดท้ายนิทานก็ตัดสินใจว่าจะอยู่ที่บริษัท และคงไม่ฝืนกลับบ้าน ยิ่งมองกองเอกสารก็ยิ่งรู้ชะตาตัวเอง


   …เขาต้องพยายามให้มากกว่านี้…

   [จ้า งั้นดูแลตัวเองด้วยนะลูก แล้วนี่ได้กินอะไรหรือยัง]
   “เดี๋ยวผมโทรสั่งอาหารมาส่งน่ะครับ คุณแม่ไม่ต้องห่วง”

   เขาเองก็ดีใจที่มารดาเป็นห่วงเขามากขนาดนี้ แต่เขาเองก็ไม่ใช่เด็กตัวเล็กๆแล้ว ที่จะต้องให้คอยมาเป็นห่วงจนเกินไป 

เขาโตแล้ว ถึงแม้ร่างกายจะไม่ค่อยโตตามอายุก็ตามที
   หลังจากวางสายจากมารดาแล้ว สิ่งที่นิทานคิดได้ก็คือเขาลืมทานมื้อเย็น หรือจะเรียกว่ามื้อค่ำเลยก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะ
มัวแต่อ่านเอกสารจนลืมเวลาไปเสียแล้ว
   นิทานโทรสั่งพิซซ่าให้มาส่งที่บริษัท เขาไม่ค่อยอยากอาหาร แต่ว่าสมองก็เหมือนจะไม่ทำงาน ถ้าหากไม่ได้รับอาหารเข้าสู่ร่างกาย ขาเล็กนั้นพาร่างไปยังตู้เย็น พอหยุดคิดเรื่องเครียด ความหิวก็ประดังเข้ามาแทน
   ภายในตู้เย็นขนาดเล็ก มีเพียงแค่ขวดน้ำเปล่าที่แช่เอาไว้ เพราะปกติเขาไม่ค่อยซื้ออะไรมาตุนไว้เท่าไหร่นัก ตอนเช้าก็ทานมาจากบ้าน ตอนเย็นก็กลับไปทานที่บ้าน ยกเว้นวันนี้

   การโดนตำหนิทางอ้อมในที่ประชุม มันทำให้เขารู้สึกแย่มากเลยทีเดียว นิทานพยายามสลัดความคิดในเรื่องที่พาลให้จิตใจ
ย่ำแย่

   เขานั่งเคาะนิ้วบนโต๊ะ เหมือนตอนนี้สมองเขาคิดอะไรไม่ออก ราวกับว่ารอเวลาให้อาหารมาส่ง เสียงโทรศัพท์โทรเข้าจาก
คนส่งพิซซ่าในยามค่ำคืนนั้นทำให้สติของนิทานกลับมา เขาลุกจากเก้าอี้ที่นั่ง เดินออกจากห้องเพื่อลงไปรับพิซซ่าที่ด้านล่าง
ของตึก

    อันที่จริงเขาจะบอกให้เด็กส่งพิซซ่ามาส่งที่ชั้นที่ห้องทำงานของเขาอยู่เลยก็ได้ แต่เพราะนิทานรู้สึกเบื่อ เลยอยากจะเดิน
ออกกำลังกายสักนิด มองวิวทิวทัศน์ในยามค่ำคืนให้หายเหนื่อยกายและเหนื่อยใจ

   “นี่ครับ”

   เด็กส่งพิซซ่านั้น เป็นเพียงชายหนุ่มในประมาณยี่สิบปี นิทานดูออกว่าอีกฝ่ายน่าจะอายุน้อยกว่าเขา

   “เอ่อ ขอโทษครับ”

   ดูเหมือนว่าเด็กหนุ่มจะรู้ตัวว่าเขาเผลอจ้องมองใบหน้าของนิทานนานเกินไป เขาก็แค่สงสัยในตัวของคนที่สั่งอาหารเท่านั้น
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเป็นเพียงเด็กมัธยมต้น แต่กลับมาใส่ชุดทำงานเสียแล้ว

   นิทานขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย พอจะรับรู้ว่าเด็กตัวสูงตรงหน้านั้นคิดอะไรอยู่ เขาเองก็ไม่ชอบให้ใครมามองว่าเขาเป็นเด็กเสียด้วย นิทานหมุนกายจะไปกดลิฟต์ แต่ทว่าเสียของเด็กส่งพิซซ่าก็เรียกเอาไว้

   “เอ่อ เงินทอนครับ”


   “ไม่ต้อง”

   เพราะหงุดหงิดและเครียดจากการทำงานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมาเจอสายตาที่ดูสงสัยและแปลกใจของคนที่อายุน้อยกว่า

มันก็ยิ่งทำให้นิทานหงุดหงิดเป็นเท่าตัว

   เด็กหนุ่มได้แต่มองตามนิทานที่เดินเข้าไปในลิฟต์แล้ว รู้ดีว่านี่อาจจะเป็นการเสียมารยาทจนทำให้ลูกค้าไม่พอใจ อยากจะขอโทษแต่อีกฝ่ายก็ทำไม่สนใจที่จะหันกลับมามอง รีบกดลิฟต์ปิดไปเสียรวดเร็ว

   “เฮ้อ”

   รู้ดีว่าการที่ไปหงุดหงิดใส่คนที่ไม่รู้จัก มันเป็นเรื่องที่ไม่ควร แต่อารมณ์ของเขาตอนนี้ก็เหมือนไม่ค่อยจะปกติสักเท่าไหร่นัก
กลิ่นพิซซ่าทำให้ความหิวเข้ามาประท้วงเรียกร้องเข้าเสียแล้ว

   “เงียบดีจัง”

   การอยู่ในความเงียบเพียงคนเดียว ก็ทำให้นิทานเริ่มระแวง เพราะตอนแรกมัวแต่หงุดหงิด ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมากมายนัก
แต่พออยู่ในความเงียบสงัดแบบนี้ เขาก็เริ่มใจคอไม่ดี แม้ชั้นที่ชั้นหนึ่งจะมียามเฝ้าอยู่ แต่ชั้นอื่นๆก็ไม่มีคน

   …มืด…
   ก็ไม่คิดว่าจะมันจะมืดสลัวมากขนาดนี้ อาจเป็นเพราะตอนก่อนลงไปข้างล่าง มัวแต่คิดอยากจะผ่อนคลายอารมณ์ที่เหนื่อย

ล้า ตอนนี้ที่เมื่อทุกอย่างดีขึ้นแล้ว สติทุกอย่างก็เริ่มกลับมาจนเริ่มใจคอไม่ดี

   ขาเรียวเล็กเดินไปตามเส้นทางที่เปิดไฟไว้ไม่กี่ดวง เพราะในยามนี้ ไม่ใช่เวลาที่จะมาเปิดไฟทำงาน นิทานเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสวิตซ์ไฟมันอยู่ตรงไหนบ้าง เพราะเขาก็ไม่ได้คิดอยากจะรู้เรื่องพวกนี้มาตั้งแต่แรก

   ถึงแม้จะไม่เคยประสบพบเจอกับสิ่งที่ไร้ชีวิต แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่กลัว จะเรียกว่าเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ก็เป็นได้ ว่าหวาด

กลัวกับสิ่งที่มองไม่เห็น
   เท้าเล็กพยายามก้าวเดินให้เร็วขึ้น แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งรู้สึกว่าห้องพักของตัวเองมันช่างแสนไกล

   พรึบ!
   ตุบ!

   สติของนิทานเหมือนถูกตัดขาด ใจของเขาเต้นรัวแรง ทั้งที่คิดว่าควรจะรีบเดินต่อ แต่ร่างกายมันเหมือนแข็งทื่อ ถุงพิซซ่าที่

ถือมาก็ตกลงพื้น จนไม่กล้าจะหยิบ
   “ใจเย็น…”   

   นี่คือถ้อยคำที่พยายามบอกกับตัวเอง อีกไม่กี่ก้าว…ก็จะถึงห้องของเขาแล้ว นิทานสูดลมหายใจเข้าปอดให้มากที่สุด แต่
เหมือนจะสูดเท่าไหร่ ออกซิเจนก็ไม่พอ เมื่อเขารับรู้ได้ถึงบางอย่างที่กำลังเข้ามาใกล้

   …ไม่จริง…

   หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรง สมองพยายามสั่งการให้ขานั้นขยับ แต่ร่างกายกลับไม่สนใจ เหมือนว่าตัวเองกำลังยืนรอความน่า
กลัวที่จะมาเยือน

   …ต้องหนี!...

   ความหวาดกลัวคืออาวุธที่ป้องกันของมนุษย์ ทำให้ต้องหลบหนีจากอันตราย สุดท้ายเขาก็ออกแรงวิ่งเหมือนคนบ้า แต่ก็ใช่
ว่าจะหนีพ้น

   “อื้อ!!”   

   เขาถูกมือใหญ่นั้นปิดปาก ร่างกายเล็กสั่นระริก สติที่มีเหมือนหายไป ไม่รับรู้เลยว่าตอนนี้เขากำลังอยู่กับอะไรกันแน่ จะเป็น
มนุษย์ หรือว่าไม่ใช่

   “อึก”

   ทั้งที่ประตูห้องอยู่ไม่ไกล แต่ร่างกายก็เหมือนไร้เรี่ยวแรง ความร้อนผ่าวเริ่มสัมผัสผ่านเสื้อเชิ้ตตัวยาว ขาของเขาหมดแรง
จนต้องทรุดกายลง

   “ยะ อย่า”
   นิทานรับรู้ได้ถึงสัมผัสร้อนผ่าวที่ประทับลงมาที่คอ ฟันคมกำลังขบงับและดูดเม้ม ลากขูดไปเบาๆ แต่นั่นก็ไม่เท่ากับฝ่ามือ
ร้อนที่กำลังเคลื่อนสูงมาสัมผัสกับอกเล็กที่มีเสื้อผ้าเนื้อดีปกปิด

   “อึก”

   ความกลัวและความสงสัยตีกันจนมั่วไปจนหมด กระดุมเม็ดแล้วเม็ดเล่าถูกปลดออก จนสัมผัสได้ถึงเสื้อกล้ามตัวบางที่
นิทานใส่เอาไว้ ภายใต้ความมืดสลัวเพราะได้แสงไฟจากข้างนอก พอทำให้เขาเห็นสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนร่างของเขา
   …นี่มันอะไรกันแน่…

   นิทานพยายามจะดิ้นให้หลุดจากการจับกุม แต่สัมผัสที่เคลื่อนไหวไปบนร่างนั้นกลับทำให้ร่างกายของเขาไร้เรี่ยวแรง

   นี่เขากำลังถูกทำเรื่องแปลกๆที่ทางเดินอย่างนั้นเหรอ!
   ความคิดสับสนตีกันให้วุ่น กลัวก็กลัวว่าถ้าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเขาตอนนี้ไม่ใช่คนเขาจะทำยังไง

   “อึก”
   ยอดอกเล็กถูกบีบดึงอย่างแรงจนนิทานต้องเบ้หน้า ไม่อยากคิดว่าจะมีขโมยเข้ามาในบริษัท เพราะยามก็เฝ้าอยู่ที่ด้านล่าง
ตลอด คนในบริษัทเองก็คงจะกลับกันไปหมดแล้ว

   …แล้วเขากำลังโดนใครทำอะไรอยู่กันแน่…
   พยายามจะลืมตามอง แต่ก็ไม่อาจจะรับรู้ได้ว่าคือใคร ร่างกายที่สัมผัสได้ คงไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่หลุดออกมาจากนิทาน
เพราะมันไม่ต่างกับร่างมนุษย์ทั่วไป นิทานยกมือปัดป่ายร่างตรงหน้าให้ออกห่าง

   หนัก…

   ถ้าหากเป็นคน คงเป็นผู้ชายที่ตัวใหญ่ ถึงได้รู้สึกเหมือนกับดันกำแพงแบบนี้ ลมหายใจอุ่นร้อนนั้นเป่ารดที่ซอกคอขาวเนียน พร้อมกับมือที่ลูบไล้ไปตามเรือนร่าง นิทานสะดุ้งเฮือก เมื่อรับรู้ได้ถึงสัมผัสที่เกิดขึ้นใจกลางลำตัว

   “อึก!”

   ร่างกายเหนื่อยล้าจนไร้แรงขัดขืน ความกลัวและสับสนปนกันจนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร พยายามจะเอ่ยเรียกให้คนช่วย
ตามสัญชาตญาณ แต่ปากของเขาก็ถูกมือร้อนนั้นกดปิดเอาไว้ ก่อนที่จะแทนที่ด้วยเนคไทของเขาที่โดนกระชากออกเพื่อนมามัด
คาดกับปากของเขาเอาไว้

   มือทั้งสองโดนจับรวบเอาไว้จนไม่อาจจะขัดขืน นิทานนึกรังเกียจร่างกายที่เล็กเหมือนเด็กมัธยมของตนเอง เขาอยากจะขัดขืนให้มากกว่านี้ แต่ร่างกายกลับตอบสนองต่อสัมผัสที่แสนประหลาด

   “อึก”

   ดวงตาของเขาเบิกกว้าง เมื่อใจกลางลำตัวถูกรุกล้ำ  ด้วยอวัยวะที่คล้ายกับมือของมนุษย์ แต่เพียงครู่ก็เปลี่ยนไปเป็นสิ่งที่
อุ่นร้อน

   ความกลัวเกิดขึ้นในใจ พร้อมกับความอับอายที่ส่วนล่างของกายตื่นตัว
   “อื้อ อื้อ…”




   เสียงครางเกิดขึ้นในลำคอ ร่างกายที่เคยขัดขืน เหมือนโอนอ่อนตามไปอย่างไม่อาจจะปฏิเสธได้ เพราะสัมผัสที่ใจกลางลำ

ตัวนั้นเหมือนกำลังพาเขาไปสู่ดินแดนที่แสนสุขสม
   ความร้อนชื้นนั้นครอบครองใจกลางลำตัวที่กำลังตื่นตัวอย่างเต็มที่ นิทานไม่ใช่ผู้ชายที่หมกมุ่นกับเรื่องทางเพศก็จริงอยู่




แต่ร่างกายเมื่อโดนปลุกเร้า ในสถานการณ์ที่ไม่เคยพบเจอก็ยิ่งพาให้คนตัวเล็กตื่นเต้นเสียจนลืมไปว่าเขากำลังทำเรื่องน่ากลัวกับ

ใครก็ไม่รู้

   …อยากจะขัดขืน อยากจะผลักไส แต่ถ้าหยุดตอนนี้ ทุกอย่างก็เหมือนถูกพาไปทิ้งกลางอากาศแล้วไม่ได้กลับลงมา…
   “อื้อ อึก!!!”



   ร่างทั้งร่างนั้นกระตุกเกร็ง ร่างกายเหมือนล่องลอยกลางอากาศแล้วตกลงมาบนปุยนุ่นที่นุ่มนิ่ม นิทานปรือตา รู้สึกสบายตัว เขาหอบหายใจถี่ ดวงตานั้นปรือปรอยไปด้วยหยาดน้ำตา ก่อนเปลือกตาบางจะค่อยๆปิดลง พร้อมสติทั้งหมดที่หายไป

100%
29/5/59

ฝากเพจด้วยค่ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

ขอแปะลิ้งนิยาย -ของอากิ ที่อัพในเล้านะคะ

Play รักเล่น เล่นรัก (3P)
cr.ภาพ http://tsuru-tsurumi.exteen.com/images/Nase/Cigarette%20Kisses01.jpg


http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53773.msg3379996#msg3379996

 



'Royal tiger สามีผมเป็นเสือ' http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53735.msg3378586#msg3378586

 
คุณพ่อครับ...มาเป็นเมียผมเถอะ
  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52889.msg3349707#msg3349707


สะใภ้ขายาว
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53223.msg3359687#msg3359687






ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ Akikoneko17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
2   
ระแวง

   

สติสัมปชัญญะทุกอย่างกลับมาเมื่อร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ นิทานลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความสว่างภายในห้องทำงาน เขาสะดุ้ง
แทบจะสุดตัว ภาพความทรงจำเลวร้ายยังติดตาและตรึงในสมองของเขาอย่างไม่เลือนหาย

   …เขาถูกลวนลาม!!!...

   ร่างที่ไม่ต่างจากเด็กมัธยมนั้นสะดุ้งเฮือก ยันกายนั่ง ดวงตานั้นลนลาน ไม่คิดว่าตัวเองจะโดนทำมิดีมิร้ายโดยที่ไม่รู้ว่าคน
คนนั้นคือใคร

   “ที่นี่”

   เมื่อเริ่มประคองสติของตัวเองได้ เขาก็มองไปรอบๆกาย แล้วก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงาน เขาไม่ได้อยู่ที่ทาง
เดินหน้าห้อง

   “ฝัน?”

   คิดได้เพียงแค่นั้นว่าเขาฝันไป แต่นิทานก็ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะฝันเป็นตุเป็นตะขนาดนั้น เขาจำได้ว่าเขาสั่งพิซซ่า
แล้วลงไปรับพิซซ่า พอขึ้นมา ก็พบว่าไฟดับตรงทางเดินกลับห้อง แล้วเขาก็เจอกับเรื่องประหลาด

   แม้จะไม่ค่อยอยากจำเรื่องเหล่านั้น แต่นิทานก็เชื่อว่าสิ่งที่เขาเจอนั้นคือคน ไม่ใช่ผี ผีที่ไหนจะสัมผัสเขาได้มากขนาดนั้น
แถมเขายังรับรู้ถึงลมหายใจร้อนอุ่น แล้วจะไม่ให้เป็นคนเหมือนกับเขาได้อย่างไร

   แต่บางที นิทานก็คิดว่าตัวเองอาจจะฝันไปก็เป็นได้ ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงได้มาอยู่ในห้องทำงาน แถมตื่นจากการ
หลับบนโซฟา

   …หรือว่าเขาจะหลับไป และเรื่องการสั่งพิซซ่าก็คือเรื่องที่เขาฝันไปด้วย…

   ถึงบอกกับตัวเองแบบนั้น เพื่อให้สบายใจ แต่พอหันไปตรงหน้า ก็พบว่ามีถุงที่ใส่ถาดพิซซ่านั้นวางอยู่ และนั่นทำให้นิทาน

เบิกตากว้าง

   “เรื่องจริงเหรอ…”

   เขาเริ่มใจคอไม่ดี แต่ถึงแบบนั้น เขาก็ไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง ถึงแม้ความรู้สึกมันจะบอกเขาแบบนั้นก็ตามที

   นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน ถ้าทุกอย่างคือเรื่องจริง แล้วเขาเข้ามาให้ห้องนี้ได้ยังไง ถ้าคนที่เขาเจอคือผีจริงๆ ผีก็น่าจะ
ปล่อยให้เขานอนหมดสติอยู่หน้าห้อง เขาไม่น่าจะได้เข้ามาอยู่ในห้องทำงานแบบนี้

   “เฮ้อ”

   เครียดจากเรื่องงานไม่พอ พอตั้งสติได้เขาก็ต้องมาเครียดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก ก็ภาวนาให้สิ่งที่พบเจอไม่ใช่สิ่งลี้ลับ
เพราะถึงแม้เขาจะไม่อยากโดนผู้ชายด้วยกันมาข่มเหง แต่เขาก็ไม่อยากทำงานในที่ที่มีสิ่งที่เขามองไม่เห็นแบบนั้น
   เสียงท้องร้องโครกครากเหมือนกับประท้วงให้นิทานหยิบพิซซ่าขึ้นมาทานได้แล้ว เขาหยิบถาดพิซซ่าออกมา ความร้อน
ของมันหายไปหมดแล้วเพราะผ่านไปหลายชั่วโมง แต่ถึงกระนั้น นิทานก็ไม่อยากจะสนใจสักเท่าไหร่ เขารู้แค่เขากำลังหิว ยังไงก็

ต้องหาอะไรทานลงท้องให้หายทรมานร่างกาย

   พอท้องเริ่มอิ่ม ความคิดก็เริ่มแล่น นิทานเริ่มไตร่ตรองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาเริ่มมั่นใจมากขึ้นว่าสิ่งที่เขาเจอน่าจะเป็น
คนเหมือนกับเขา แล้วที่สำคัญ ที่บริษัทนี้ก็มีการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา ถ้าจะมีคนนอกเข้ามานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
   …คนคนนั้นต้องเป็นคนในบริษัทแน่ๆ…

   นิทานฟันธงให้คำตอบตัวเอง แต่เขาก็นึกไม่ออกว่าคือใคร เพราะผู้ชายที่ทำงานในบริษัทนี้ก็มีไม่ใช่น้อย แล้วที่สำคัญ เขา
เองก็เป็นผู้ชายตัวเล็ก คนอื่นๆที่อยู่ในบริษัทนี้ก็ตัวใหญ่กว่าเขาทั้งนั้น

   ได้แต่คิดไม่ตกกับสิ่งที่พยายามจะค้นหา แต่สุดท้ายแล้วก็เหมือนว่าคนตัวเล็กจะรู้ว่าคิดไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เมื่อสายตาไป
ปะทะกับกองแฟ้มเอกสารจำนวนมากที่รอให้เขาไปเคลียร์

   อย่างน้อยก็ขออาบน้ำแต่งตัวใหม่ ให้จิตใจมันปลอดโปร่งมากกว่านี้ แล้วค่อยไปเครียดต่อ



-------+++++-------

   

   “สีหน้าคุณนิทานดูไม่ค่อยดีเลยนะครับ”

   ธนัตถามอย่างเป็นห่วง ดูท่าแล้วนิทานคงไม่ได้นอนแทบทั้งคืน ขอบตานั้นดำคล้ำจนน่าสงสาร

   “ผมสบายดีครับ”

   เขาไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ธนัตก็รู้ดีว่าร่างกายของนิทานนั้นอ่อนเพลียมากแค่ไหน

   “คุณนิทานได้ทานอะไรหรือยังครับ”

   ผู้ใหญ่ที่โตกว่าเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงจากใจจริง นิทานได้แต่ระบายยิ้ม คิดว่าบิดาของเขาช่างเลือกหาเลขานุการได้ดี
เหลือเกิน นอกจากบิดาของเขาจะบริหารงานเก่งแล้ว การเลือกคนทำงานก็ยังเก่งไม่แพ้กัน
   “ยังเลยครับ”

   ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องของเขาในตอนเช้า เพราะนิทานล้าจนหลับไป และเหนื่อยจนเกินกว่าจะออกไปหาอะไรทาน แม้แต่
พิซซ่าในห้องเขาก็ยังไม่อยากจะทานซ้ำอีกเป็นรอบที่สองในตอนเช้า
   “งั้นเดี๋ยวผมไปซื้ออะไรมาให้ทานนะครับ”

   “เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกครับ”

   “อย่าเกรงใจเลยครับ ผมนึกแล้วว่าคุณนิทานต้องยังไม่ได้ทานอะไร  เดี๋ยวผมฝากคนไปซื้อให้นะครับ”

   “อ่า ลำบากเปล่าๆครับ”
   นิทานเอง ถึงแม้ลึกๆเขาจะรู้ว่าตัวเองเป็นคนเอาแต่ใจ และไม่ค่อยยอมใคร แต่เขาก็เกรงใจคนที่อายุมากกว่า

รอยยิ้มของธนัตที่มองเขาเหมือนลูกหลานคนหนึ่งนั้น ทำให้นิทานไม่อาจจะปฏิเสธ

“คุณนิทานอยากทานอะไรครับ บอกผมมาได้เลย”
“เอ่อ อะไรก็ได้ครับ”

เขาเกรงใจจนทานอะไรก็ในตอนเช้า ธนัตพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะโทรศัพท์ไปสั่งใครบางคนให้ซื้อโจ๊กหมูมาให้กับเขาในตอนเช้า
นอกจากความเป็นผู้ใหญ่ของธนัตแล้ว ความห่วงใยที่ส่งมาก็ไม่ต่างจากญาติของเขา นิทานรู้สึกดีใจที่ได้พบเจอคนอย่างธนัต

วันนี้ธนัตเข้าบริษัทมาเช้าก่อนถึงเวลาเริ่มงานเป็นปกติเหมือนทุกวัน ก็คงไม่แปลกนัก ถ้าธนัตจะโทรไปหาใครสักคนเพื่อวานให้
อีกฝ่ายซื้ออาหารมื้อเช้ามาให้กับเขา ธนัตรู้ว่านิทานไม่ใช่พวกเรื่องมากในเรื่องของอาหาร ถึงแม้นิทานจะมีตำแหน่งเป็นถึงประธานบริษัท แต่ชายหนุ่มก็ชอบทานอะไรง่ายๆ เหมือนกับเด็กๆ นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ธนัตรู้สึกเอ็นดูนิทานเหมือนลูก
เหมือนหลานคนหนึ่ง

“เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ”

   “ครับ”

   “เดี๋ยวผมจะไปเตรียมเอกสารที่จะคุยกับลูกค้านะครับ เดี๋ยวถ้าโจ๊กมาแล้ว ผมจะให้เขาเอามาให้คุณนิทานในห้อง”

   “ขอบคุณมากครับ”

   พอธนัตออกจากห้องไปแล้ว นิทานก็ลอบถอนหายใจ ถึงเขาจะดีใจที่มีคนคอยดูแล แต่ก็อดคิดในเชิงลบไม่ได้ว่า ธนัตจะ
มองว่าเขาเป็นเด็กไม่โตหรือเปล่า แล้วถ้าธนัตคนที่เขาไว้ในมากที่สุดในบริษัทนี้ยังคิดว่าเป็นเพียงแค่เด็กไม่เหมาะสมกับ
ตำแหน่งประธาน แล้วเขาจะทำอย่างไร

   เหมือนว่าคิดไปก็ไม่ได้ช่วยให้นิทานรู้สึกผ่อนคลาย เขาจึงหยุดคิดและปล่อยเวลาให้ผ่านไปเหมือนพยายามไม่ใส่ใจกับมัน ทั้งที่เรื่องที่พาให้เครียดพวกนี้ก็ยังคงเก็บซ่อนเอาไว้ในใจของเขา


   ก๊อก ก๊อก ก๊อก

   “ครับ เชิญเข้ามาเลยครับ”

   แกร็ก

   นิทานที่กำลังยืนมองออกไปนอกกระจกห้องบานใหญ่ เขาไม่ทันได้หันกลับมามอง เพราะคิดว่าคงเป็นแค่คนมาส่งอาหาร
แต่ทว่าความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้น เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้านั้นก็ทำให้นิทานต้องหันกลับมามอง

   “นี่ครับ”

   เขาบอกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่อยู่เบื้องหน้า ป้ายชื่อที่นิทานเผลออ่านแล้วจำใส่สมองอย่างไม่ได้ตั้งใจนั้น
ทำให้เขาเผลอจำอีกฝ่ายได้

   “เอ่อ นายเองเหรอ”

   “ท่านประธานจำผมได้ด้วยเหรอครับ?”

   “อ่า…ก็จำได้นะ”

   ก็เพราะผู้ชายคนนี้ดูดีมากเหมือนกับนายแบบ จะไม่ให้เขาจำได้อย่างไรกัน

   “จะให้ผมวางไว้ตรงไหนดีครับ?”
   คำถามถูกส่งมาพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม นิทานได้แต่จ้องหน้ารามิลอย่างไม่ยอมกระพริบตา

   “หน้าผมมีอะไรติดหรือครับ?”

   “อ่อ เปล่าหรอก”

   พอรู้ว่าตัวเองเริ่มเสียมารยาทมากเกินไป นิทานได้แต่ยิ้มแห้งๆ หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่เอาไปใส่ใจ แต่ในใจของเขากลับรู้สึก
ไม่ค่อยดีนัก ไม่รู้ว่าทำไมพอละสายตาจากร่างกายนั้นแล้ว ดวงตาของเขากลับไปจ้องที่มือใหญ่นั้นไม่หยุด

   …ใช่มือคู่นี้หรือเปล่า…ที่สัมผัสเขาเมื่อคืน…

   “ท่านประธาน”

   เสียงทุ้มเรียกสติของนิทานให้กลับมา เขาเลิกลั่ก แล้วเดินไปนั่งลงบนโซฟา

   “เอ่อ โทษที พอดีฉันนอนไม่พอ”

   “อย่างนั้นเหรอครับ ถ้านอนไม่พอ…อย่างน้อยก็ควรจะนอนพักให้หายเพลีย ไม่อย่างนั้นจะไม่มีแรงนะครับ”

   ชายตัวสูงวางโจ๊กลงบนโต๊ะตัวเล็ก แล้วหันมามองนิทาน นิทานมองรามิล อย่างระแวง เขารู้ว่าตัวเองอาจจะคิดมากไป แต่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันก็ทำให้เขาเริ่มคิดอะไรแปลกๆ

   หรือว่าจะมีคนโรคจิตแฝงตัวอยู่ในบริษัทนี้…แล้วคนคนนั้นคือใคร

   นิทานยังไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้ เขาก็ไม่อยากที่จะกล่าวหารามิล แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังคิดมาก หากมีคน
โรคจิตแฝงอยู่ในบริษัทของเขาจริงๆ เรื่องน่ากลัวอาจจะเกิดขึ้นมากกว่าเดิมในอนาคต
   ถึงจะรู้ว่าเป็นเรื่องร้ายแรง แต่นิทานก็ไม่อาจจะบอกเรื่องพวกนี้กับใครได้ เขาอับอายเกินกว่าจะบอกว่าโดนผู้ชายด้วยกัน
ลวนลามทางเพศ ทั้งที่เขาเป็นผู้ชายเหมือนกันแล้วทำไมเขาถึงป้องกันตัวเองไม่ได้ กลับไปโอนอ่อนต่อสัมผัสของผู้ชายโรคจิต
พรรค์นั้น

   …เขาต้องหาผู้ชายโรคจิตคนนั้นให้ได้…   

   “ท่านประธานครับ”

   “อ่า…”
   เขาสะดุ้ง เพราะมัวแต่เหม่อลอย คิดไปเรื่อยเปื่อย เสียงของรามิลทำให้นิทานละออกมาจากความคิด
   “ขอให้ทานโจ๊กให้อร่อยนะครับ ดูแลสุขภาพด้วย ผมไปแล้วนะครับ”

   เขากล่าวพร้อมกับรอยยิ้มสดใส แล้วหมุนกายจะเดินออก

   “เดี๋ยว!”

   นิทานก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้เรียกร่างสูงเอาไว้ รามิลหันมาหาคนตัวเล็ก พร้อมกับเลิกคิ้วเพียงครู่ นิทานหลุดออกมา
จากความคิดสับสนของตัวเอง

   …รามิลที่ดูแสนดีขนาดนี้จะเป็นคนโรคจิตได้ยังไงกัน…
   เขาคิดมากเกินไป นิทานได้แต่บอกตัวเอง ชายหนุ่มตัวสูงเลิกคิ้วเพียงครู่ แล้วพรูลมหายใจออกจมูก

   แค่งานที่ต้องทำทุกวันมันก็เครียดมากพออยู่แล้ว แต่นี่เขาต้องมานั่งกังวลเรื่องคนโรคจิตอีกอย่างนั้นเหรอ

   “ถ้าไม่มีอะไร งั้นผมไปนะครับ”

   เพราะนิทานเอาแต่เงียบ รามิลจึงได้เอ่ยขึ้นมา คนตัวเล็กได้แต่ยิ้มเจื่อน มองร่างสูงโปร่งเดินออกจากห้องไป เหลือเพียง
แค่เมฆหมอกแห่งความหวาดระแวงที่รายรอบกายเขาอย่างไม่ยอมหมดไป



-------+++++-------
   

   สิ่งมีชีวิต นอกจากจะต้องหากินเพื่อความอยู่รอดแล้ว หลังจากบริโภคไป ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องขับของเสียออกจาก
ร่างกาย นิทานเองก็เช่นกัน เขารู้สึกปวดปัสสาวะขึ้นมา เพราะว่าดื่มน้ำเข้าไปเยอะ
   นิทานออกจากห้องทำงาน มุ่งตรงไปยังห้องน้ำ ห้องทำงานของเขาไม่ได้มีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องน้ำที่เขามุ่งตรงไปนั้น ยัง
มีห้องอาบน้ำอยู่ใกล้ๆ

   เมื่อมาถึงที่หมาย นิทานก็ไม่รอช้า รีบทำธุระส่วนตัวทันที

   “อ่า…”
   นิทานยืนปัสสาวะด้วยความผ่อนคลาย เขาหลับตาพริ้ม การได้ปัสสาวะก็เหมือนการปลดปล่อยความทุกข์อย่างหนึ่ง

   “!!!”

   แต่ทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนนิทานตั้งตัวไม่ทัน ฝ่ามือใหญ่นั้นเลื่อนมาปิดดวงตาเขาเอาไว้ พร้อมกับมืออีกข้างที่
ล็อกคอของนิทานเอาไว้ให้เจ้าตัวดิ้นไม่หลุด

   การปัสสาวะของนิทานหยุดชะงัก เขารู้สึกตกใจ แต่เพียงครู่เดียวก็เหมือนมีอะไรบางอย่างมาปิดปากตาเขาแทน
   มันคือ ‘ผ้าปิดตา’

   นิทานไม่รู้เลยว่าเบื้องหน้าของเขาคืออะไร แม้การโจมตีในครั้งนี้มันจะคล้ายกับเมื่อคืนก็จริงอยู่ แต่ตอนนี้เขากำลังอยู่ในที่
สว่าง แถมมือของเขาก็เหมือนถูกจับไพ่หลัง

   “นี่แกเป็นใคร! แกกล้ามากที่ทำแบบนี้กับฉัน ไม่รู้หรือไงว่าฉันคือใคร!”

   “หึ”
   มีแต่เสียงหัวเราะในลำคอ นิทานอยากจะตะโกนเรียกให้คนช่วย แต่จู่ๆก็มีผ้ากลิ่นหอมบางอย่างยัดเข้ามาในโพรงปากของ
เขา ก่อนที่มือทั้งสองเขาจะถูกมัด

   “อึก”

   เพียงแค่ชั่วพริบตา ร่างทั้งก็ถูกจับอุ้มไปวางที่อ่างล้างหน้า นิทานคิดว่าผู้ชายที่สัมผัสเขาคือคนเดียวกับเมื่อคืน แต่พอมือหนาเริ่มกระชากเสื้อผ้าของเขาออก นิทานก็รับรู้ได้แล้วว่า คนคนนี้ไม่ใช่เดียวกับคนเมื่อคืนแน่นอน เขาสัมผัสได้ แม้จะไม่เห็น
หน้า

   “อื้ออ”

   เพราะโดนผ้ายัดปาก เสียงหวานจึงได้แต่คร่ำครวญในลำคอเท่านั้น ยามที่โดนฟันคมขบกัดยอดอก กายเล็กก็สะดุ้งผวา
ความรุนแรงนี้ทำให้นิทานกลัว

   …ผู้ชายคนนี้น่ากลัวเหลือเกิน…
   ความเป็นชายที่สั่นระริกเผยให้เห็นเพราะนิทานยังปัสสาวะไม่เสร็จ ถูกมือร้อนเค้นคลึงจนกายบางถอยหนี แต่ฝ่ามือร้อนก็รั้ง
สะโพกนิ่มเข้ามาใกล้ นิทานพยายามจะกระชากมือตัวเองให้หลุดออก แต่แรงบีบรอบแท่งเนื้อก็ทำให้คนตัวเล็กแทบจะร้องไห้
เขาปวดปัสสาวะจนจะกลั้นไม่อยู่ แต่นิ้วมือใหญ่นั้นก็กดปิดเอาไว้

   “อื้อ อื้อ”
   น้ำตาสีใสไหลอาบแก้มเนียน นิทานเกลียดคนที่ทำให้เขาต้องอับอายและหมดศักดิ์ศรีมากขนาดนี้

   “อึก”


   กายบางกระตุกแรง เมื่อลิ้นร้อนลากเลียไปตามแท่งเนื้อ ราวกับปลุกเร้า แต่กลับไม่ยอมให้นิทานได้ปลดปล่อย นิทานโดน
กระตุ้นจนร่างกายแทบจะทนไม่ไหว เขาร้องไห้ไม่ต่างกับเด็กตัวเล็กที่ถูกรังแก พยายามจะยกขาถีบร่างตรงหน้า แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะโดนได้ง่ายๆ เพราะคนตัวใหญ่จับขาเล็กดันจนต้นขาแทบจะชิดกับอก

   “อื้อ อื้อ”

   เมื่อความอดทนสิ้นสุด การกลั่นแกล้งที่เหมือนจบสิ้นลงนั้นกลับไม่ใช่ เพราะมันยิ่งทำให้คนตัวเล็กอับอายมากที่สุดในชีวิต


   “อะ อ๊ะ อ๊า!!”

   ทั้งช่องทางด้านบนที่เป็นอิสระเมื่อผ้าถูกดึงออก ช่องทางด้านล่างที่ถูกนิ้วแข็งแกร่งปิดเอาไว้ก็เปิดออก เสียงครางหวานดัง
พร้อมกับสายธารสีขาวและสีเหลืองที่ไหลพุ่งออกมาอย่างเต็มที่

   กายสูงใหญ่ขยับหลบสายธารทั้งสองที่ผสมปนกันจนแยกไม่ออก มีเพียงรอยยิ้มที่เกิดขึ้นที่มุมปากเท่านั้น นิทานนั่งหอบ
หายใจ เสียงฝีเท้าที่ถอยไกลไปเรื่อยๆ ทำให้นิทานนึกหวั่น

   ถึงแม้ผู้ชายคนนี้จะโรคจิต แต่ก็คือคนที่ทำให้สภาพของเขาย่ำแย่ เขาไม่อยากให้อีกฝ่ายจากไปโดยที่ไม่ปลดพันธนการ
เขาแบบนี้

   “อย่าไปนะ!กลับมาแก้มัดฉันก่อน”

   นิทานลนลาน เขาขยับตัวไปมา พยายามจะลงจากขอบอ่างล้างหน้า จนตัวเองเคลื่อนตัวตกลงที่พื้น ก้นกระแทกพื้นด้วย
ความเจ็บ

   “กลับมา! ฉันบอกให้กลับมา!”

   นิทานอยากจะกรีดร้องให้ดังลั่น แต่เขาก็อายเกินกว่าจะทำมันได้ สุดท้ายคนตัวเล็กจึงได้แต่พยายามนั่งนึกหาหนทางแก้
มัดให้ตัวเอง อย่างน้อยตอนนี้ก็ขอแค่เอาผ้าปิดตาออกให้ได้ เขาก็จะรู้ว่าคนที่ทำกับเขาแบบนั้นคือใครกันแน่

   ประตูห้องน้ำปิดลง พร้อมกับป้ายที่แขวนไว้ว่ากำลังทำความสะอาด ในตอนนี้นิทานไม่กล้าเรียกใครทั้งนั้น เขาไม่อยากให้
ใครมาเห็นเรื่องน่าสมเพช

   ตึก ตึก

   ใจของนิทานเต้นรัวแรง เมื่อความรู้สึกกำลังบอกว่ามีใครบางคนกำลังตรงมาที่ห้องน้ำ

   ป้ายกำลังทำความสะอาดถูกหยิบออก ก่อนที่ประตูห้องน้ำจะเปิดขึ้น นิทานผวา เขาหนีบขาเข้าหากันแน่น ก้มตัวงอ ไม่
อยากให้ใครรับรู้ว่าเขากำลังโชว์ความเป็นชายที่ยามนี้คงเลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำขาวขุ่นและน้ำปัสสาวะของตัวเอง

   “อย่ามองนะ!อย่ามอง!”

   เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่เข้ามาคือใคร แต่ขอแค่ใครก็ได้ ที่ไม่ใช่คนที่เขาเคยรู้จัก หรือเคยเห็นในที่ประชุม แต่เพียงครู่เดียว
ผ้าปิดตาของเขาก็ถูกดึงออก ดวงตาของนิทานเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เสื้อผ้าบนร่างเขาหลุดลุ่ย ป้ายชื่อพนักงานที่ห้อยให้เห็น
ทำให้คนตัวเล็กไม่กล้าแม้แต่จะมองเจ้าของร่างกายสูงใหญ่นี้ ได้แต่มองป้ายชื่อเท่านั้น

   ‘ไอศูรย์’

   


100%

30/5/59


ฝากเพจด้วยค่ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ตายแล้วบริษัทนี้มีแต่พวกโรคจิต อิอิ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
นิทาน โดนแกล้งต่อเนื่อง
โดยคนสองคน รามิล ไอศูรย์
แต่ทั้งสองคนจะรู้กันหรือเปล่า :katai1:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
สงสารนิทานอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : chapter 2 ระแวง
« ตอบ #9 เมื่อ: 30-05-2016 17:34:35 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :เฮ้อ:   สงสารอ่า

ออฟไลน์ Akikoneko17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2

3
ล้อเล่น


   “ยะ อย่ามอง”


   ความอับอายเกิดขึ้นจนนิทานไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร สภาพของเขาในตอนนี้คงดูน่าสมเพชและน่ารังเกียจ เขาเป็นถึง
ประธานบริษัท แต่กลับโดนกระทำเรื่องน่าเกลียดแบบนี้

   “ท่านประธาน ทำไมถึง…”

   ไอศูรย์แสดงความแปลกใจ แต่ท่าทางของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากมายนัก เขายังคงสุขุมและนิ่งสงบ นิทานก้มหน้าต่ำ
เอ่ยปากขอความช่วยเหลือแม้จะเขินอายมากแค่ไหนก็ตาม

   “ชะ ช่วยฉันที”

   ความเงียบยังคงเกิดขึ้น ชายหนุ่มยังไม่ได้เข้ามาช่วยนิทาน มีเพียงเสียงลมหายใจของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ยังขาดเป็น
ช่วงๆ กับความทรมานที่เกิดขึ้นและไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมา

   “หมายถึงให้ผมช่วยเหรอครับ?”

   เขาถามเหมือนต้องการย้ำเตือนความต้องการของนิทานให้ชัดเจน นิทานอับอายเกินกว่าจะสนใจอะไร ได้แต่พยักหน้าตอบ
กลับไป

   “อ๊ะ”

   เพียงแค่ชั่วอึดใจ ไอศูรย์ก็เข้ามาประชิดร่างของเขา ชายหนุ่มช้อนตัวนิทานอุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาว คนตัวเล็กได้แต่เงยหน้า
มองร่างสูงอย่างตกใจ

   “ผมจะพาไปล้างตัว”

   พอได้รับคำตอบแบบนั้น นิทานก็รู้สึกโล่งอก เขาโดนจับอุ้มมาวางที่ตรงอ่างล้างหน้า

   “นะ นายแค่แก้มัดให้ฉันก็พอ”

   ถ้าทำได้ นิทานคงอยากจะสลายหายตัวไปให้พ้นจากที่นี่ ไอศูรย์ไม่เอ่ยตอบรับอะไร แต่เขาก็ทำตามที่นิทานบอก ชาย
หนุ่มโน้มตัวไปแก้มัด

   “อ่า…”

   ความรู้แปลกๆเกิดขึ้นทันที กลิ่นน้ำหอมของชายหนุ่มแตะจมูกเขา ความร้อนรุ่มในกายที่เหมือนจะสงบนิ่งไปแล้ว กลับตื่น
ขึ้นมาใหม่

   สายตาคมมองอย่างสงสัย พร้อมกับคิ้วสวยที่เริ่มขมวดเข้าหากัน เมื่อมีบางอย่างชนเข้ากับที่หน้าท้องของเขา

   “มะ มันไม่ใช่นะ”

   เพียงครู่ก็ถูกร่างสูงตวัดสายตามอง นิทานไม่รู้หรอกว่าทำไมร่างกายของเขาถึงได้เป็นแบบนี้ แต่ที่รู้คือเขาไม่ได้มีเจตนาที่
จะทำให้ช่วงล่างของเขามันตื่นตัว

   “ให้ผมช่วยเรื่องนี้ด้วยสินะครับ”
   ความร้อนแผ่จากฝ่ามือไอศูรย์สัมผัสเข้ากับความเป็นชายที่ท้าทายสายตา ชายหนุ่มหลุบตามองเพียงนิด

   “มะ ไม่ใช่”

   นิทานอายเกินกว่าที่จะพูดออกไปให้ชัดเจน ปากอยากจะปฏิเสธ แต่แก่นกายที่โดนปลุกเร้า ทำให้เขาแทบจะหมดแรงต่อต้าน

   “ผะ ผม”

   เขานึกคำพูดอะไรไม่ออก อยากจะจับมือหนาให้หยุดสัมผัส แต่เรี่ยวแรงมันก็หายไปจนหมด สิ่งที่ตื่นตัวต้านแรงโน้มถ่วง
อยู่ภายใต้อุ้งมือร้อนผ่าว สายตาคมจับจ้องมอง ไม่อาจจะอ่านออกได้ว่าคิดอะไรอยู่ มีเพียงความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้น กลิ่น
น้ำหอมแตะจมูกจนนิทานเริ่มเวียนหัว เขาแทบไม่เหลือสติ

   “อะ อื้อ”
   การขยับขึ้นลง ยิ่งเพิ่มความสุขสมปนทรมาน เขายกมือขยุ้มเสื้อของไอศูรย์เอาไว้ ใบหน้านั้นซบเข้าที่แผงอก ร่างกาย
เหมือนบิดเบี้ยวไม่ใช่ของตนเอง

   ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดอยู่ข้างต้นคอเล็ก พร้อมกับความร้อนผ่าวที่เคลื่อนที่ขึ้นลงที่ใจกลางลำตัว

   “ยะ อย่า อื้อ”
   “ผมกำลังช่วยคุณ”

   เขาเอ่ยบอกเสียงเรียบ พร้อมกับมือร้อนที่ขยับไม่หยุด ปลายนิ้วโป้งถูไถไปมาที่บริเวณส่วนปลาย นิทานปรือตามองอย่าง
ยากลำบาก ใจกลางลำตัวสั่นระริก

   “อะ อื้อ อึก”
   การช่วยเหลือยังคงดำเนินต่อไป จนกระทั่งคนตัวเล็กกระตุกเกร็ง ปลดปล่อยความอึดอัดทรมานที่เกิดขึ้น เขาหอบหายใจ
ฟุบหน้าไปกับแผ่นอกกว้าง สติเหลือเพียงน้อยนิด

   “แฮกๆๆ”

   เสียงหอบหายใจดังก้องห้องน้ำ เขาทั้งเพลียทั้งเหนื่อยล้า เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาปลดปล่อยออกมาในวันนี้ ไอศูรย์
ค่อยๆคลายมือที่กำรอบแก่นกาย น้ำขาวขุ่นเปรอะเปื้อนไปทั่วมือหนา

   “ขะ ขอโทษ”
   เขาไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยใส่มือของไอศูรย์ นิทานเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไอศูรย์ถึงได้ทำแบบนี้ เขามองชายหนุ่มที่เปิดก๊อก
น้ำเพื่อล้างมือ นิทานได้แต่กุมมือปิดส่วนกลางลำตัวเอาไว้ เขาไม่กล้าสบตากับไอศูรย์

   “นายออกไปจากห้องน้ำก่อนได้ไหม”
   น้ำเสียงนั้นสั่นเทา แม้เจ้าตัวจะพยายามประคองให้เป็นปกติก็ตามที แต่มันก็ดูเหมือนว่าจะยากลำบากเหลือเกิน

   “ให้ผมช่วยดีกว่า”

   “ไม่เป็นไร”

   แค่นี้เขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว นอกจากจะต้องมาเปลือยต่อหน้าพนักงานที่บริษัท ยังจะโดนผู้ชายด้วยกันใช้มือ
ช่วยตัวเองอีก

   ปัญหาเรื่องที่เขาโดนไอ้โรคจิตลวนลาม มันไม่เทียบเท่ากับเรื่องที่ต้องมาอับอายต่อหน้าไอศูรย์

   “ได้โปรด ออกไป”
   “ผมกลัวว่าท่านประธานจะ…”

   “ได้โปรด ฉันบอกให้ออกไป ถ้านายเป็นห่วงฉัน  แค่ยืนเฝ้าที่หน้าห้องน้ำ อย่าให้ใครเข้ามาก็พอ”

   “ก็ได้ครับ”

   พอได้รับคำตอบแบบนั้น เขาก็แทบจะพรูลมหายใจออกมา เสียงฝีเท้ากำลังก้าวเดินออกจากห้องน้ำ ทำให้คนตัวเล็กเริ่ม
ผ่อนคลายความเครียดมากขึ้น
   ปัง

   “เฮ้อ”



   สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจ เอนศีรษะพิงเข้ากับกระจก นิทานยกมือปิดหน้าตัวเอง เขาอยากร้องไห้ เขาอยากจะปล่อยน้ำตา แต่ก็เหมือนทุกอย่างมันอัดแน่นไปหมด เขาทั้งกลัว ทั้งสับสน และกังวล

   “ไม่…”
   เขาต้องย้ำเตือนกับตัวเอง มือเล็กลดลง ดวงตาทั้งคู่มองในกระจก เห็นสภาพที่น่าสมเพชของตัวเอง เพียงครู่เขาก็สูดลม
หายใจเข้าลึกๆ

   เขาไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว เขาเป็นถึงประธานบริษัท เขาจะไม่มีวันยอมทำตัวน่าสมเพชเด็ดขาด เขาไม่ต้องการความ
สงสาร ความเห็นใจ เขาไม่อยากให้ตัวเองต้องอ่อนแอ
   นิทานสะบัดศีรษะไล่ความรู้สึกที่หวาดกลัวออกไป เขาตวัดหันไปมองที่พื้น มันสกปรกด้วยคราบน้ำปัสสาวะและคราบน้ำอสุจิของเขา


   “ใจเย็นๆ”
   เสียงนั้นทวนพร่ำบอกกับตัวเองวนซ้ำไปมา เขาต้องมีสติ เขาต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของคนชั่ว

   พอสติกลับมา นิทานก็รีบจัดการกับตัวเอง เขารีบล้างทำความสะอาดร่างกาย แล้วสวมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย รีบวิ่งไปกด

ล็อกประตูห้องน้ำชั้นนอก
   ถึงแม้ปกติเวลาอยู่บ้านจะมีคนคอยทำความสะอาดห้องน้ำให้ แต่ในตอนนี้เขาไม่อาจจะยอมให้แม่บ้าน หรือพนักงานคน
ไหนมาเห็นสภาพอันน่าสังเวชใจของเขาเด็ดขาด

   “อ๊ะ…”
   มือของเขาชะงัก เมื่อนึกขึ้นได้ว่า มีคนอื่นรับรู้เรื่องนี้ คนคนนั้นก็คือไอศูรย์ เขาไม่รู้ว่าไอศูรย์เป็นคนยังไง แต่จากท่าทาง
ของอีกฝ่ายก็ดูเป็นคนที่เงียบขรึมและดูใจเย็น ไอศูรย์ไม่น่าจะพูดมากเรื่องของเขา แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น นิทานก็ไม่อยากจะไว้ใจ

   “เสร็จสักที”

   ชายหนุ่มยกหลังมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วโยนไม้ถูพื้นให้เข้าไปอยู่บริเวณมุมกำแพง เขาเดินไปล้างมือ แล้วเดินออก
จากห้องน้ำ
   “นาย!”

   พอเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นไอศูรย์ยืนอยู่ คนตัวสูงหันมามองเจ้านายของตัวเอง

   “ครับ?”

   เขาเลิกคิ้วเพียงนิด ราวกับสงสัย นิทานกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ
   “ทำไมนายยังอยู่ที่หน้าห้องน้ำอีก”

   “ก็ท่านประธานสั่งให้ผมเฝ้าหน้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอครับ”

   ไอศูรย์ไม่ได้กวนประสาท แต่แค่ทวนคำสั่งที่ได้รับ นิทานพยายามหายใจเข้าออกให้จังหวะปกติมากที่สุด พอคิดดูแล้ว นิทานก็พูดแบบนั้นออกไปจริงๆ

   เขาเดินเข้ามาหาไอศูรย์ แล้วเงยหน้ามองชายหนุ่ม ใบหน้าที่อ่อนวัยนั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง

   “ฉันอยากให้นายเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ”
   “ครับ?”

   “ก็เรื่องที่นายเห็นฉันในห้องน้ำไงเล่า!”

   พูดไป ก็แก้มแดงไป นิทานไม่อยากจะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็อดคิดถึงไม่ได้

   “รวมถึงเรื่องที่ผมช่วยคุณด้วยหรือเปล่าครับ”

   เขาถามหน้าตาย ไม่ได้แสดงอารมณ์ว่าต้องการล้อเล่นกับท่านประธานบริษัท นิทานไม่ได้โต้ตอบอย่างเสียงดังแบบเมื่อครู่
เขาได้แต่พยักหน้าเบา และตอบรับในลำคอ

   “อืม…นั่นด้วย”

   “ครับ”

   “ฉันอยากให้นายลืม ลืมไปให้หมด”

   “ความจำของคนเรามันไม่ได้สั่งให้ลืมได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะครับ”

   รอยยิ้มจางๆเริ่มเกิดขึ้นที่ริมฝีปากสวย นิทานเงยหน้ามองไอศูรย์ พนักงานคนนี้เหมือนกำลังถือไพ่เหนือเขา แต่ถึงกระนั้น
ชายหนุ่มก็ไม่ได้มีท่าทีแปลกไปจากเดิมสักเท่าไหร่นัก

   “นายต้องเก็บเป็นความลับ ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาด เข้าใจไหม”

   นิทานเดินเข้าไปประชิดชายหนุ่มมากขึ้น ภาพของทั้งคู่ไม่ต่างกับเด็กมัธยมตัวเล็กที่หาเรื่องผู้ใหญ่เลยสักนิด ไอศูรย์คลี่ยิ้ม
เพียงนิด แล้วเคลื่อนกายเข้ามาใกล้นิทาน คนตัวเล็กเผลอกลั้นหายใจ

   “เนคไทเบี้ยวน่ะครับ”

   ว่าพลางจับเนคไทของนิทานขยับให้ตรงกลาง แล้วขยับกายถอยออกห่าง ก่อนจะหมุนกายจะเดินจากไป

   “เดี๋ยวก่อนสิ แล้วเรื่องที่ฉันบอกนาย นายเข้าใจใช่ไหม”
   ไอศูรย์หยุดเดิน แล้วหันมามองนิทานพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ

   “ครับ”

   มีเพียงคำตอบรับที่เหมือนจะเข้าใจแล้ว ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินจากไป นิทานยืนเครียดอยู่หน้าห้องน้ำเพียงครู่ ก่อนจะพรูลม
หายใจ เขาต้องรีบกลับไปที่ห้องทำงาน

   “ท่านประธานไปไหนมาเหรอครับ ผมเข้าไปในห้องแล้วไม่เจอ”

   ธนัตเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นนิทานเดินกลับมายังห้องทำงาน ชายหนุ่มนิ่งไปพักใหญ่ เพราะเผลอคิดถึงเหตุการณ์ในห้องน้ำนั้นอีก
จนได้

   “ครับ ว่าอะไรนะครับ?”

   “ผมเห็นคุณไม่อยู่ในห้องน่ะครับ ก็เลยเป็นห่วง”

   เขาไม่ได้หายตัวไปแค่ชั่วครู่ แต่หายไปนานร่วมชั่วโมงเลยก็ว่าได้ ไม่แปลกถ้าธนัตจะเป็นห่วงเขา

   “พอดีผมท้องเสียนิดหน่อยน่ะครับ”

   “อ่า…มิน่า คุณดูหน้าซีดๆ”
   “ผมไม่เป็นอะไรแล้วล่ะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”

   “ไม่ได้หรอกครับ ผมต้องเป็นห่วง”

   “ผมไม่เป็นไรจริงๆครับ”

   “ไปหาหมอไหมครับ ผมว่าคุณควรจะไปหาหมอ”

   ธนัตเป็นห่วงเขาในฐานะญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง นิทานเองก็ไม่อาจจะบอกธนัตได้ว่าตอนนี้เขากำลังกังวลและเหนื่อยกับเรื่อง
อะไร

   “อย่าเลยครับ ผมเป็นไม่มาก สงสัยจะกินอะไรแปลกๆเข้าไปน่ะครับ”

   “แบบนั้นยิ่งไม่ได้ใหญ่เลยนะครับ”

   “เอาเป็นว่า ขอแค่จัดยามาให้ผมกิน เดี๋ยวผมก็หายแล้วล่ะครับ”
   เขาไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ แต่ธนัตก็เป็นห่วงเขามากจริงๆ เขาเองก็รู้สึกเกรงใจธนัตมากพอสมควร ไหนจะดูแลเขาใน
เรื่องของงานที่บริษัท ไหนจะธุระอื่นๆที่อีกฝ่ายเต็มใจจะช่วยดูแลอย่างเต็มที่ราวกับเขาเป็นลูกหลานคนหนึ่ง

   “อย่างนั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวผมจะลงไปซื้อยามาให้นะครับ”

   “ขอบคุณมากครับ”

   นิทานกลับเข้ามาในห้องพัก เขาเอนกายลงนั่งบนโซฟา ในหัวทั้งสับสน ทั้งวุ่นวาย

   …เขากำลังโดนคุกคามทางเพศ…
   คนที่ทำอนาจารกับเขามันต้องเป็นคนในบริษัทนี้แน่ๆ ต้องเป็นคนข้างใน ไม่น่าจะเป็นคนข้างนอก เพราะเขาโดนทั้งกลาง
คืนและกลางวัน

   …มี 2 คน…

   นิทานรู้สึกได้ว่า เขากำลังโดนพวกโรคจิตสองคนเล่นงาน แต่บางที คนโรคจิตพวกนั้นอาจจะมีมากกว่าสองคนก็ได้

   “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”

   คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ได้แต่ยกมือกุมศีรษะตัวเอง เขาต้องทำอะไรสักอย่างที่จะให้เขาไม่ตกต้องอยู่ในอุ้งมือไอ้พวก
โรคจิตนั่น



-------+++++-------



   “คุณธนัตครับ เข้ามาหาผมในห้องที”

   ชายหนุ่มกดโทรศัพท์เรียกธนัตให้เข้ามาในห้อง ไม่นานนักธนัตก็เข้ามานิทาน มองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของประธาน
บริษัท
   “ครับ คุณนิทาน”

   “ผมต้องการให้คุณ ไปเอาคลิปจากกล้องวงจรปิด ตรงแถวทางเดินมาห้องผม กับแถวหน้าห้องน้ำให้ผมที”

   “ทำไมจู่ๆ คุณนิทานถึงได้”
   “ผมแค่อยากรู้อะไรนิดหน่อยน่ะครับ”

   ถ้าใช้คำว่านิดหน่อย ก็เรียกได้เลยว่าโกหก นิทานไม่ได้อยากแค่รู้ แต่เขาต้องตามจับคนร้ายให้ได้ เขาจะเป็นคนจับมันด้วย
ตัวเองแล้วจับพวกมันส่งตำรวจ

   “เอ๊ะ ? มีอะไรหรือเปล่าครับ”

   “ไม่มีอะไรหรอกครับ รบกวนคุณช่วยผมทีนะ”

   แม้ธนัตจะสงสัยมากแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้าจะถามอะไรไปมากกว่านี้ เพราะยังไงซะ นิทานก็คือเจ้านายของเขา แม้อีกฝ่ายจะ
อายุน้อยกว่าเขามากก็ตามที

   ธนัตจัดการเรื่องคลิปในกล้องวงจรปิด แล้วหยิบแฟรชไดร์ฟที่มีไฟล์คลิปมาให้กับชายหนุ่ม

   “ขอบคุณมากครับ”

   “ครับ”

   พอหมดธุระ ธนัตก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ นิทานมองธนัตที่เดินออกจากห้องไปแล้ว เขาจึงรีบเปิดคลิปดู คลิปที่เขาได้รับมานั้นเป็นคลิปของทั้งวัน

   “เวลาน่าจะประมาณนี้”

   นิทานคลี่ยิ้ม เมื่อเปิดคลิปแล้วเห็นตัวเองกำลังเดินถือพิซซ่าเดินออกจากลิฟต์ เขากดย้อนเวลาไป ก็ไม่เจอใครเดินมาแถว
นี้ แถมพอหลังจากไฟดับ ภาพทั้งหมดก็หายไป

   “นี่มันอะไรกัน”

   เขาพยายามกดเปิดดูอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าคลิปจะดูได้แค่เวลาก่อนที่ไฟจะดับเท่านั้น

   “โถ่เว้ย แบบนี้ก็ไม่รู้สิ ว่ามันเป็นใคร”

   มือเล็กทุบลงที่โต๊ะ เขากัดปากตัวเองแน่น ไม่อยากจะหงุดหงิด แต่ตอนนี้เขาก็หงุดหงิดมากจริงๆ

   นิทานพยายามตั้งสติ เขาไม่ควรจะหงุดหงิด อย่างน้อย อีกคลิปที่เขามีก็น่าจะช่วยอะไรเขาได้

   “ใช่…อีกคลิปมันต้องมีแน่ๆ คงไม่ซวย คลิปมาเสียตอนไอ้ชั่วนั่นมาหรอกนะ”

   เขากำลังภาวนา อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ใจร้องขอ แต่บางครั้ง คำขอกับความเป็นจริงก็ตรงกันข้าม

   ปัง!

   เขาแทบจะทุบคอมบนโต๊ะ เมื่อทุกอย่างมันเกิดขึ้นไม่ต่างกับคลิปแรก ภาพสิ้นสุดแค่เขาเดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็เล่นต่อ
เป็นฉากที่ไอศูรย์เดินจากเขาไป หลังจากที่เกิดเรื่อง

   “ไอ้โรคจิต พวกแกเป็นใครกันแน่”

   นิทานพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เขาควรจะแจ้งตำรวจ แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขากล้าทำ เขา
อับอายเกินกว่าจะให้ใครมารู้ว่าเขาถูกผู้ชายด้วยกันกระทำเรื่องอนาจาร

   “คุณธนัตครับ”

   นิทานทนไม่ไหว เขากดต่อสายไปยังธนัต บางทีไฟล์คลิปอาจจะมีไฟล์อื่นอีก เขาต้องรู้ให้ได้ว่าพวกมันเป็นใคร

   [ครับ คุณนิทาน]

   “ไฟล์คลิปที่คุณเอามาให้ผม มันเสียนะครับ มีไฟล์อื่นอีกไหมครับ”

   [อ่า…เสียเหรอครับ]

   “ใช่ครับ มันเสีย ผมอยากได้ไฟล์ใหม่ คุณช่วยติดต่อให้ผมเดี๋ยวนี้เลยนะครับ”

   [ได้ครับ]

   นิทานนั่งถอนหายใจ เขาเอนกายพิงเบาะ เพียงไม่นานก็มีสายเรียกเข้าจากธนัต นิทานระบายยิ้มอย่างมีความหวัง

   “ของวันที่คุณนิทานต้องการที่บริเวณสถานที่เหล่านั้น ไฟล์มีแค่นั้นครับ”

   [งั้น…ผมขอดูกล้องทุกตัว ของวันที่ผมบอก]

   “ได้ครับ”

   ให้มันรู้ไปสิ ว่าจะไม่ปรากฏภาพผู้ร้ายเลยสักไฟล์เดียว ใบหน้าหล่อเริ่มเผยให้เห็นถึงความหงุดหงิด

   “คุณนิทานครับ ได้แล้วครับ”

   ทรัมไดร์ที่บรรจุคลิปที่นิทานต้องการ ได้ถูกธนัตนำมายื่นให้ ชายหนุ่มเอ่ยขอบคุณ แล้วบอกให้ธนัตออกไปจากห้อง

   “ให้มันรู้ไปสิ ว่าแกจะรอดสายตาฉันไปได้”

   ตี๊ดดดดดดดด

   !!!

   ดวงตาคู่สวยฉายให้เห็นถึงความไม่พอใจ ความหงุดหงิดเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะทุกคลิป ไฟล์เสียทั้งหมด

   …นี่มันแย่กว่าสองคลิปก่อนหน้า เพราะก่อนหน้านี้ยังมีภาพให้เห็นบ้าง แต่คลิปที่มาทีหลัง คือเปิดดูอะไรไม่ได้เลย…

   “โถ่เว้ย!!”

   มือเล็กกวาดแฟ้มบนโต๊ะลงพื้น ด้วยความโมโห เขาต้องรู้ให้ได้ว่าไอ้โรคจิตที่มันคุกคามทางเพศเขาเป็นใครกันแน่

   …เขากำลังโดนพวกมันล้อเล่น…ไม่อย่างนั้น ทุกคลิปต้องเสียเหมือนกันหมด…ไม่ใช่เปิดได้แค่ไฟล์ที่เป็นบริเวณที่เกิดเหตุ
การณ์แย่ๆนั่น…   

   “ทำยังไงดี จะขอให้ใครช่วยก็ไม่ได้ เรื่องน่าสมเพชแบบนั้น”

   ตอนนี้ นิทานไม่ต่างกับตกอยู่ในความมืด แม้ทุกอย่างมันเหมือนภาพหลอน แต่เขาก็รู้ว่ามันคือความจริง เขาไม่อาจจะ
ยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เขาไม่รู้เลยว่าไอ้โรคจิตพวกนั้นมันต้องการอะไรจากเขากันแน่

   “มันจะหยุดหรือเปล่า…”

   เขาคิดหาทางไม่ออก และกำลังจะพยายามมองโลกในแง่ดี ว่าคนพวกนั้นอาจจะไม่ได้มาทำเรื่องชั่วๆกับเขาอีก

   “เฮ้อ”
   นิทานก้มมองแฟ้มเอกสารที่เขาปัดตกพื้น ด้วยความที่เป็นลูกคนเล็ก โดนตามใจมาตั้งแต่เด็ก แท้จริงแล้วเขาก็มีนิสัย
เอาแต่ใจ และใจร้อนอยู่พอสมควร แต่ก็พยายามข่มมันเอาไว้ เพราะตอนนี้เขากำลังเป็นผู้ใหญ่ เขาเป็นถึงประธานบริษัท

   “ใจเย็นๆ”

   ชายหนุ่มได้แต่บอกกับตัวเอง ในขณะที่เก็บแฟ้มเอกสาร งานมากมายรอเขาอยู่ พอคิดดูแล้ว เรื่องไอ้โรคจิตนั่นแทบจะเป็นเรื่องเล็กไปเลย


    เขาเป็นผู้ชาย ไม่ได้มีอะไรเสียหาย ไม่ได้เสียตัว ท้องก็ไม่ได้ แต่ก็เสียศักดิ์ศรี เขาอยากจะตามจับเจ้าพวกชั่วนั่น แต่สมอง
ก็เหมือนพยายามทำให้เขาสนใจเรื่องอื่นมากกว่า

   “ฉันจะถือว่าครั้งนี้เป็นโชคร้ายของฉัน และเป็นโชคดีของพวกแก ที่ไฟล์คลิปมันเสีย ถ้ามีอีกครั้ง ฉันจะไม่ปล่อยพวกแกเอา
ไว้แน่”

   

-------+++++-------



   กาลเวลาเคลื่อนผ่าน ความมืดมิดเข้ามาแทนความสว่าง ร่างกายสูงใหญ่ยืนอยู่ชิดริมหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่สูงเท่าตัว
คน ภายในห้องนอนที่ตกแต่งไว้ด้วยโทนสีขาวสะอาดตา นิ้วเรียวยาวเลื่อนกดสัมผัสหน้าจอโทรศัพท์เพื่อรับสายเรียกเข้า พร้อม
กับรอยยิ้ม

   “ดูสิว่าใครโทรมาเอ่ย…”

   [ฝีมือนายใช่ไหม]


   เสียงทุ้มจากปลายสายทำให้คนที่กดรับสายหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี

   “อะไรทำให้นายคิดแบบนั้นล่ะ”
   [คลิปเสียเยอะขนาดนั้น มันไม่บังเอิญไปหน่อยหรือไง]

   “นั่นสินะ บังเอิญจริงๆ ที่เป็นวันนั้นที่ฉัน… แล้วก็เป็นวันที่นาย…”

   [อย่ามาใส่ความฉัน]   

   “ใส่ความงั้นเหรอ…ถึงฉันไม่ทำ นายก็จะไปทำอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ฉันก็แค่ชิงลงมือทำให้ก่อนก็เท่านั้น ควรจะขอบใจฉันสิ”

   [นายมันโรคจิต]

   ร่างสูงหมุนกาย แล้วก้มมองรูปถ่าย ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดู เขาระบายยิ้มอย่างอารมณ์เมื่อมองใบหน้าน่ารักของผู้ชายที่เป็น
ถึงประธานบริษัทที่เขาทำงานอยู่

   “ว่าแต่ฉัน…นายก็คงเป็นพวกซาดิสนิยมความป่าเถื่อนล่ะสิ”
   [หึ]

   มีเพียงเสียงหัวเราะในลำคออย่างแผ่วเบา ก่อนที่สายโทรศัพท์จะถูกตัดไป เขาหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี แล้วไล้นิ้ว
เล่นไปตามโครงหน้าของนิทานในภาพ ก่อนจะยกยิ้มเพียงนิด ดวงตาจับจ้องที่ใบหน้าขาวเขียนไม่วางตา

   “ถ้าเต็มไปด้วยน้ำขาวขุ่น…คงจะน่ารักสุดๆ”



100%

ฝากเพจด้วยจ้า

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
แร๊งงงสสสส์

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ Akikoneko17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
4
เลขานุการ




   เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้น แม้การใช้ชีวิตจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะนิทานยังคงรู้สึกไม่สบายใจที่เขาใช้ชีวิตในบริษัท  เขาอด
ไม่ได้ที่จะหวาดระแวงในยามที่ต้องเดินขึ้นไปทำงาน หรือทุกครั้งที่เข้าไปในห้องน้ำ

   “เอกสารฉบับนี้ รบกวนส่งไปพิจารณาด้วยนะครับ”

   การทำงานวันนี้ เหมือนดังทุกวัน เพียงแต่เขายังไม่เจอหน้าของเลขานุการของตัวเอง นอกเหนือจากนี้เหตุการณ์ทุกอย่างดู
ปกติดี ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้น จนนิทานเริ่มจะสบายใจ

   “บางทีเจ้าพวกนั้น อาจจะหายไปแล้วก็ได้”

   เขาคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข บิดกายไปมาในขณะที่นั่งอยู่บนโซฟา นิทานเอนกายนอนหลังจากที่เคลียร์เอกสารบนโต๊ะเสร็จ
เรียบร้อยแล้ว

   ก๊อกๆๆ

   ทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตู เขาก็เด้งตัวลุกนั่งอย่างรวดเร็ว

   “เชิญครับ”

   “ขออนุญาตครับ”

   ชายหนุ่มตัวสูงที่เดินเข้ามา ทำให้นิทานชะงักไป เขาตัวค้างแข็งทื่อ เมื่อเห็นคนที่เขาไม่อยากจะพบเจอ

   “นะ นาย”

   “ครับ”

   ไอศูรย์สบตากับนิทาน คนตัวเล็กสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ราวกับต้องการสะกดกลั้นความคิดที่แสนวุ่นวาย ผู้ชายคนนี้กุม
ความลับของเขาเอาไว้ ความอับอายทำให้นิทานไม่อาจจะทนมองหน้าของไอศูรย์ต่อไปได้

   “นายเข้ามาในห้องฉันทำไม…”

   “ผมไม่รู้ว่าท่านประธานทราบหรือยัง เรื่องเกี่ยวกับคุณธนัต”

   “เอ๊ะ…”

   เขาเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ นิทานไม่ค่อยเข้าใจความหมายของไอศูรย์

   ก๊อกๆๆ

   เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง นิทานขมวดคิ้วฉับ ไอศูรย์เดินไปเปิดประตู ชายตัวสูงอีกคนที่เดินเข้ามาคือรามิล

   “สวัสดีครับ ท่านประธาน”

   รอยยิ้มสวยเผยให้เห็น รามิลมองประธานตัวเล็กที่กำลังจ้องมองเขาและไอศูรย์

   “ทำไมพวกนายสองคน ถึงเข้ามาในห้องฉัน”

   ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ว่าคำถามนั้นเหมือนกับว่าตัวเองกำลังหวาดระแวงอะไรบางอย่าง ทั้งๆที่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่า
ทำไมตัวเองจะต้องรู้สึกกังวล


   “เรื่องเลขาของท่านประธาน”ไอศูรย์กล่าว

   “หมายความว่ายังไง แล้วคุณธนัตไปไหน”

   “นั่นล่ะครับ คือเรื่องที่พวกเรามาที่นี่”รามิลเอ่ย

   “หืม?”


   นิทานยังคงไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น  วันนี้เขาเข้ามาทำงาน ก็ยังไม่เจอหน้าของธนัตเลย มีเพียงกองเอกสารที่วางเอาไว้

บนโต๊ะเท่านั้น

   “ฉันไม่เข้าใจที่พวกนายพูด”

   ประธานบริษัทตัวเล็ก เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับสบสายตาคู่สวยของรามิล ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้น

   “พวกเราสองคน จะมาเป็นคนดูแลท่านประธานแทนคุณธนัตครับ”

   รามิลไขข้อข้องใจทั้งหมด แต่นิทานกลับรู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ เขาไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน

   “ไม่จริงน่า”
   ไม่อยากจะเชื่อง่ายๆ ถึงแม้ธนัตจะเคยพูดกับเขาเรื่องเปลี่ยนเลขานุการ ที่มาคอยดูแลเขาก็ตามที  นิทานเหลือบตามอง
ชายทั้งสองที่ไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนไปแต่อย่างใด

   “นายพูดจริงเหรอ…”

   คนที่หวั่นไหวก่อนกลับกลายเป็นนิทาน แม้เขาจะไม่อยากเชื่อก็ตาม แต่ท่าทางจริงจังของทั้งสองก็ทำให้นิทานอดหวั่นใจ
ไม่ได้

   “อันที่จริง เลขาของท่านประธานควรจะมีแค่คนเดียวครับ”ไอศูรย์เอ่ยขึ้น


   “แล้วทำไม ถึงมีพวกนายสองคน”

   ความสงสัยยังไม่จบสิ้นง่ายๆ รามิลระบายยิ้มสวย ก่อนจะเอ่ยตอบให้คนตัวเล็กได้คลายความสงสัย
   “ก็เพราะว่า พวกเราเหมือนถูกส่งมาให้ให้ท่านประธานเลือกครับ ว่าอยากได้ใครเป็นเลขา”

   “ผมต้องการคุยกับคุณธนัตเดี๋ยวนี้”
   นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ จะให้เขาเลือกใครมาทำงานแทน ก็เร็วเกินไปหน่อย นิทานรู้ดีว่าอายุของธนัตก็ไม่ใช่น้อยๆแล้ว อีกไม่
นานธนัตก็คงต้องออกจากตำแหน่งที่ดูแลเขาอยู่
   “งั้นเดี๋ยวผมโทรให้ครับ”

   ไอศูรย์รับอาสา ท่าทางสุขุม นิ่งสงบ นิทานแอบหวั่นใจ เขากลัวว่าไอศูรย์จะเผลอพูดเรื่องน่าอับอายคราวก่อนให้คนอื่นฟัง

   นิทานไม่เคยมีปัญหาอะไรกับรามิล ทำให้เขามองรามิลได้อย่างสนิทใจ อย่างน้อยการที่ในห้องมีรามิลอยู่ด้วย ก็ทำให้เขา
รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่วายที่จะหวาดระแวง

   “ได้แล้วครับ”

   การต่อสายถึงธนัตใช้เวลาไม่นาน นิทานแอบเคืองคนสูงวัยที่ทอดทิ้งเขาได้ลงคอ ทำไมถึงจะให้เขาเปลี่ยนเลขานุการ
โดยที่ไม่บอกไม่กล่าวอะไรกับเขาเลย

   “สวัสดีครับ คุณธนัต”

   [สวัสดีค่ะ ท่านประธานเหรอคะ]
   กลับกลายเป็นว่าเสียงปลายสาย ไม่ใช่ธนัตเสียแล้ว นิทานขมวดคิ้วฉับ เขามองหน้าไอศูรย์ทันที

   เดิมทีแล้ว เขาก็ไม่ค่อยจะสนิทใจกับไอศูรย์ เพราะร่างสูงได้กุมความลับที่น่าอับอายของเขาเอาไว้

   “เอ่อ ใครพูดครับ”

   [ดิฉัน เป็นภรรยาของคุณธนัตค่ะ]

   “อ่อ เอ่อแล้วคุณธนัตล่ะครับ”

   [คุณธนัตอยู่โรงพยาบาลค่ะ]

   “!!!”

   พอได้ยินคำกล่าวจากภรรยาของธนัต นิทานก็เงียบไปพักใหญ่ เขาตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องแบบนี้

   “มันเกิดอะไรขึ้นครับ”

   [อยู่ๆเขาก็หมดสติ โรคหัวใจกำเริบน่ะค่ะ แต่ตอนนี้หมอให้ย้ายไปห้องพักพิเศษแล้วค่ะ]

   “ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ทำไมผมไม่รู้เรื่องเลย”

   [ก็ตั้งแต่วันเสาร์แล้วค่ะ คุณธนัตบอกว่า ไม่อยากให้คุณนิทานไม่สบายใจ]

   “ผมจะไปเยี่ยมเขา”
   [ขอบคุณมากนะคะ]

   หลังจากทราบชื่อโรงพยาบาลที่ธนัตเข้าทำการรักษา เขาก็กดวางสาย นิทานหันมามองรามิลและไอศูรย์

   “ทำไมพวกนายไม่บอกฉัน ว่าคุณธนัตเข้าโรงพยาบาล”

   “ผมก็นึกว่าคุณทราบแล้วครับ”


   ไอศูรย์ตอบเสียงเรียบ แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่ทำให้นิทานพอใจ
   “ท่านประธานจะไปหาคุณธนัตตอนนี้เลยไหมครับ”

   รามิลพูดในสิ่งที่ทำให้นิทานพอใจขึ้นมาเล็กน้อย อันที่จริงไอศูรย์ก็ไม่ได้ทำเรื่องๆแย่กับนิทานแต่อย่างใด เพียงแต่คนตัว
เล็กระแวงไปตามประสา เพราะเขากลัวว่าความลับที่น่าอับอายของตัวเองจะถูกเปิดเผย แต่ดูจากท่าทีที่เงียบสงบของไอศูรย์
บางทีนิทานอาจจะคิดมากไปเองก็เป็นได้

   “งั้นฉันไปล่ะ”

   นิทานจะเดินออกจากห้อง รามิลเดินไปเปิดประตูให้กับร่างเล็ก

   “ขอบใจ”
   เขาบอกเสียงเรียบ นิทานไม่ใช่คนประเภทที่ชอบสนิทกับใครง่ายๆ เขาเดินออกจากห้อง ความรู้สึกที่มีคนเดินตามมา
ทำให้เขาต้องหันไปมอง

   “พวกนายสองคน ทำไม…”

   “พวกเราจะตามท่านประธานไปด้วยครับ”

   คนที่ตอบคำถามคือไอศูรย์ นิทานถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่ค่อยชอบถูกคุมความประพฤติสักเท่าไหร่นัก

   “จะไปเป็นคนขับรถหรือไง”

   “ผมก็คิดว่าจะทำแบบนั้นอยู่แล้วครับ”

   นิทานออกจะหงุดหงิดเล็กน้อยกับใบหน้าที่เรียบเฉย เหมือนไม่สะทกสะท้านของไอศูรย์ เขาถอนหายใจเล็กน้อย รามิลเดิน
นำหน้านิทาน แล้วกดลิฟต์ให้

   “เชิญครับ”

   คนตัวเล็กกรอกตาเล็กน้อย รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังมีบอดีการ์ด เพราะตอนนี้เขามีผู้ชายตัวใหญ่ตั้งสองคนยืนขนาบข้าง ใน
ขณะที่เขายืนอยู่ตรงกลาง

   “รู้สึกแย่ชะมัด”

   แม้จะพูดเบาๆ แต่ก็เหมือนว่าไอศูรย์สัมผัสได้ถึงความหงุดหงิด ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ในขณะที่รามิ
ลมีรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า

   “พวกนายสองคน…เป็นเพื่อนสนิทกันเหรอ”


   ไม่รู้อะไรดลใจให้นิทานถามออกไปแบบนั้น รามิลเป็นคนแรกที่ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา

   “ทำไมท่านประธานคิดแบบนั้นล่ะครับ”

   ตึง

   ประตูลิฟต์เปิดออก ไอศูรย์กดปุ่มเปิดประตูค้างไว้ ให้ทั้งสองออกจากลิฟต์เสร็จแล้วตนจึงเดินออกมา

   “ไม่รู้สิ ความรู้สึกมันบอกล่ะมั้ง”

   “งั้นความรู้สึกคุณก็คงจะไม่ตรงกับความจริงสักเท่าไหร่”

   เสียงนั้นดังขึ้น หลังจากที่ไอศูรย์เดินออกจากลิฟต์ นิทานหันไปมองชายหนุ่ม เขาไม่อยากจะเอามาเป็นอารมณ์

   “พวกเราไม่ใช่เพื่อนสนิทกันหรอกครับ”


   รามิลพูดอธิบาย นิทานพยักหน้ารับรู้ แล้วเดินตรงไปยังรถยนต์ของตนที่ขับมาเองเมื่อเช้า

   “ท่านประธานอยากให้ผมขับ หรือให้เขาขับครับ”

   คนฟังคิดเพียงครู่ เขามองหน้ารามิลที่เอ่ยถาม แล้วมองไอศูรย์ที่ยังคงทำหน้านิ่งสงบ นิทานกระตุกยิ้ม

   “นายแล้วกัน”

   นิทานยื่นกุญแจรถให้กับไอศูรย์ รามิลหันไปมองเพื่อนร่วมงาน เขากระตุกยิ้มเหมือนเยาะเย้ยที่มุมปาก ไอศูรย์ไม่ได้ตอบโต้
อะไร นอกจากดวงตาคมกริบภายใต้กรอบแว่นที่มองตามรามิลไปเพียงครู่ ก่อนที่เขาจะไปเป็นสารถีขับรถ

   “คุณธนัตเป็นคนเลือกพวกนายสองคนให้มาเป็นเลขาของฉันเหรอ”

   เพราะอดทนต่อไปไม่ไหว จึงได้ถามออกไป รามิลที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างกับไอศูรย์เป็นคนเอ่ยตอบแทนคนขับรถ

   “ครับ ผมรู้สึกดีใจนะครับ ที่ได้มาเป็นหนึ่งในตัวเลือก”
   “ฉันเองก็ไม่คิดว่าคนที่คุณธนัตเลือกจะเป็นพวกนายเหมือนกัน”

   “ทำไมถึงคิดว่าจะไม่เป็นพวกเราล่ะครับ”

   ไอศูรย์เอ่ยขึ้นบ้าง พร้อมกับรถยนต์ที่หยุดจอดเมื่อถึงไฟแดง นิทานเงียบไป เขาพยายามจะไม่มองไอศูรย์ในแง่ที่ไม่ดี อัน
ที่จริงเรื่องวันนั้นก็ไม่ใช่ความผิดของไอศูรย์เลยแม้แต่น้อย เขาต่างหากที่กลัวจนมองอีกฝ่ายในแง่ร้ายไปได้

   “ก็ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ไม่ค่อยได้เห็นหน้าพวกนายก็เท่านั้น”

   “อย่างนั้นเหรอครับ”
   น้ำเสียงของไอศูรย์เหมือนจะเชื่อแต่ก็มันก็แฝงไปด้วยความแปลกใจ นิทานเมินหน้ามองไปนอกกระจกหน้าต่างรถ รามิล
เหล่ตามองไอศูรย์ แล้วกดยิ้ม

   “ตลกนักหรือไง”

   เขาพูดเสียงไม่ดังมากนัก แต่มันก็ดังมากพอที่จะทำให้รามิลได้ยิน รามิลเหลือบตาไปมองไอศูรย์ แล้วเอ่ยขึ้น

   “ก็มากพอล่ะนะ”

   ไอศูรย์ไม่เอ่ยสวนกลับ รามิลพอจะเข้าใจว่าอีกฝ่ายอาจจะรู้สึกเหนื่อยหน่ายจนไม่อยากจะพูดเสวนาสิ่งใดกับเขา แต่เขาก็ไม่คิดมากอยู่แล้ว อยากจะทำอะไรก็เชิญได้เลย

   หลังจากที่สิ้นเสียงของรามิล ทุกอย่างในรถก็อยู่ในความเงียบ เขาเหลือบตามองกระจกรถที่อยู่เหนือศีรษะ ก็พบว่าท่าน
ประธานตัวน้อยหลับตาพักสายตาเสียแล้ว ไม่รู้ว่าแค่พักสายตา หรือว่าหลับไปจริงๆกันแน่

   …น่ารักชะมัด…   

   รามิลคิดขึ้นในใจ เขาอยากจะเลื่อนมือไปสัมผัสกับแก้มนิ่มในยามนี้เหลือเกิน ไม่ใช่แค่ความคิด แต่แขนยาวกำลังเลื่อนไป
ที่ข้างหลัง

   “อะ ฮึ่ม”

   เสียงกระแอมไอในลำคออย่างไม่ดังมากนัก เหมือนเรียกสติของรามิลให้กลับมา เพื่อไม่ให้เขาทำตามสัญชาตญาณของตัวเอง เขาเหลือบตามองไอศูรย์ที่เป็นคนส่งเสียง รามิลไม่ได้รู้สึกอยากขอบคุณ แต่ก็ถือว่าโชคดีอยู่บ้าง เพราะเป็นจังหวะที่นิทาน
ขยับกาย แล้วลืมตามาในอีกไม่ช้า

   …โชคดีที่ชักมือกลับทัน…

   นิทานมองชายทั้งสองที่นั่งอยู่เบื้องหน้า ดูท่าทางแปลกๆในสายตาเขา แต่พอมองนานๆ ก็ไม่เห็นเรื่องน่าสงสัยอะไร

   จนกระทั่ง รถยนต์เคลื่อนที่มาจอดที่ลานจอดรถของโรงพยาบาลที่เป็นสถานที่ที่ธนัตมารักษาตัว

   “เดี๋ยวผมไปเปิดประตูให้นะครับ”รามิลเอ่ย

   “ไม่ต้องหรอก”

   นิทานเอ่ยปฏิเสธความหวังดีของรามิล  เพราะเขาไม่ได้ต้องการให้พนักงานบริษัท มาเป็นคนขับรถคอยเปิดประตูให้
   “นี่ครับ”

   ไอศูรย์คืนกุญแจรถยนต์ให้กับนิทาน เขารับมันมาโดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไร ก่อนที่ทั้งสามคนจะมุ่งตรงไปยังห้องพักพิเศษที่มี
ธนัตพักอยู่

   “คะ คุณนิทาน”

   ธนัตค่อนข้างตกใจที่เห็นนิทานมาหาเขาถึงที่นี่ นิทานยกมือไหว้ภรรยาของธนัต เขาเดินตรงไปที่เตียงผู้ป่วย

   “ทำไมคุณถึงไม่บอกผมล่ะครับ ว่าคุณป่วย”

   “ผมขอโทษครับ”

   “ผมเป็นเจ้านายที่แย่เองครับ ที่คิดว่าคุณไปติดต่อธุระ เลยไม่รู้ว่าคุณไม่สบายขนาดนี้”

   วงหน้าน่ารักเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ธนัตฝืนแรงที่มียกมือวางทับกับหลังมือเล็กของนิทานอย่างอ่อนโยน
   “ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกนะครับ ผมแค่ไม่อยากให้คุณไม่สบายใจก็เท่านั้น”


   “คุณเองก็เหมือนญาติผู้ใหญ่ของผม”
   “ขอบคุณครับ คุณนิทาน”
   “ขอโทษนะครับ ที่ไม่ได้เอาของเยี่ยมมาด้วย”

   นิทานเองก็มัวแต่คิดมาก จนลืมที่จะซื้อของเยี่ยมคนป่วย ปกติเขาก็ไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมคนป่วยที่โรงพยาบาลสักเท่าไหร่นัก
เรียกได้ว่าจำครั้งสุดท้ายที่เคยเข้าโรงพยาบาลเพราะไปเยี่ยมคนอื่นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

   “แค่คุณนิทานมา ผมก็ดีใจมากแล้วครับ”


   “ครับ แล้วอาการของคุณเป็นยังไงบ้างครับ”
   “หมอบอกว่าอาการผมดีขึ้นมากแล้วล่ะครับ คุณนิทานไม่ต้องเป็นห่วง”

   “ดีจังเลยครับ”

   เขาดีใจมาก จึงได้ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ ธนัตเหมือนญาติผู้ใหญ่ เป็นคนที่สอนเขาให้รู้งานต่างๆ เขาแทบจะนับถือธนัตเหมือนพ่อคนที่สอง

   “อ่า…คุณนิทานมากับ…”

   ธนัตเหลือบตาไปเห็นชายตัวสูงทั้งสองที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก ทั้งคู่กล่าวทักทายเลขานุการวัยกลางคน
   “คุณนิทานคงรู้เรื่องที่ผมฝากสองคนนี้ไปบอกแล้ว”

   “อันที่จริง ผมก็ไม่อยากจะคุยกับคุณตอนนี้ เพราะคุณยังไม่สบายอยู่”
   แม้อยากจะรู้ความจริงและเคลียร์ทุกอย่างให้ชัดเจนไปเลย แต่เขาก็เป็นห่วงสุขภาพของธนัต ไม่อยากให้อีกฝ่ายฝืนมาตอบ
คำถามเขา

   “คุยตอนนี้เลยก็ได้ครับ ดูเหมือนคุณนิทานไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่”

   ธนัตดูออกทันที เพราะความสงสัยของนิทานแสดงออกทางสีหน้าได้อย่างชัดเจน นิทานได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ

   “ถ้าคุณคิดว่าสะดวก ก็ได้ครับ”
   “ครับ เรื่องไอศูรย์ กับรามิล คุณพ่อของคุณเองก็พอจะทราบแล้วล่ะครับ”

   “แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงให้สองคนนี้มาดูแลผม”

   “ทั้งรามิลและไอศูรย์ ต่างก็ทำงานได้อย่างดีครับ ผมคิดว่าคุณสมบัติของทั้งสองคนน่าจะช่วยอยู่เคียงข้างและสนับสนุนคุณ
ได้”

   ธนัตบอกอย่างจริงใจ นิทานนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ

   “แต่ผมว่า คุณธนัตก็เป็นเลขาที่ยอดเยี่ยมมากๆเลยนะครับ”

   “ผมก็แก่ตัวลงทุกวัน อีกอย่างตอนนี้ร่างกายของผมก็ไม่ค่อยดี ผมคงทำงานให้คุณได้ไม่เต็มที่”

   “ผม…”
   “แต่ผมก็ดีใจที่ได้ดูแลคุณนิทานนะครับ”

   “ขอบคุณครับ ใจจริงผมก็อยากให้คุณเป็นเลขาให้กับผมแบบนี้ไปเรื่อยๆ แต่ผมเองก็อยากให้คุณได้พัก ผมไม่อยากให้
สุขภาพของคุณต้องแย่ลงไปมากกว่านี้”

   แม้นิทานจะเป็นลูกชายคนเล็ก และมีนิสัยเอาแต่ใจ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เป็นคนที่ขี้สงสารและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เขาไม่
อยากให้ธนัตต้องป่วยหนักมากกว่าเดิมเพราะตัวเขา

   “แล้วผมจะต้องมีเลขาสองคนเลยเหรอครับ”

   นิทานเหลือบตามองไอศูรย์และรามิล ธนัตคลี่ยิ้มจางๆ

   “เรื่องนั้นแล้วแต่คุณนิทานเลยครับ ผมเสนอสองคนนี้ แต่ถ้าคุณอยากจะเลือกเพียงแค่คนเดียวก็ได้ครับ”

   “อ่า…”

   ถ้าให้เลือก เขาก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าควรจะเลือกใคร สายตาที่ไว้ใจและเชื่อใจในตัวชายหนุ่มทั้งสองของธนัต ทำให้
นิทานไม่ได้พูดอะไรออกไป นอกจากเก็บไปครุ่นคิดเท่านั้น

   หลังจากที่เยี่ยมธนัตเสร็จ นิทานก็คิดว่าเขาจะขับรถกลับบ้านเลย

   “ท่านประธานครับ รอด้วยสิครับ”

   รามิลรีบเดินตามนิทานที่เดินกึ่งวิ่งไปที่รถ นิทานเองก็ไม่รู้ว่าเขากำลังเป็นอะไร เหมือนจิตใจเขากำลังสับสนและ
หวาดระแวงกับอะไรบางอย่าง

   “ระวัง!!!”

   เสียงร้องของรามิลดังขึ้น นิทานเบิกตากว้าง ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่นิทานไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างของเขาเกือบ
โดนรถชน แต่โชคดีที่รามิลเข้ามากระชากตัวเขาหลบ แต่นั่นก็ทำให้พวกเขาทั้งสองเซล้มทับลงกับพื้น

   “!!!”

   นิทานเบิกตากว้าง เมื่อเขานอนทับรามิลอยู่ แต่นั่นก็ไม่เท่าความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้น
   …เขากำลังโดนจับก้น!...

   “นะ นาย”

   คนตัวเล็กเอ่ยเสียงติดขัด แต่ใบหน้าที่ทำเหมือนสงสัย และไม่เข้าใจ ทำให้นิทานเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน

   “นายจับก้นฉัน”

   “ครับ? ขอโทษครับ!”

   รามิลเลิกคิ้ว พร้อมกับมือใหญ่ที่ขยับรุนแรงขึ้น จนเหมือนเป็นการบีบก้นนิ่ม เป็นจังหวะเดียวที่ไอศูรย์เดินมาถึงทั้งคู่พอดี 
นิทานรีบดันกายลุกขึ้นด้วยความตกใจปนความอาย ส่วนรามิลค่อยๆยันกายลุกขึ้นตาม เขาหันไปมองไอศูรย์ ทั้งคู่สบตากัน ก่อนที่ทั้งสองจะกระตุกยิ้มมุมปาก โดยที่นิทานไม่ทันได้สังเกต

   


100%
30/5/59
ฝากเพจด้วยค่ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

ขอแปะลิ้งนิยาย -ของอากิ ที่อัพในเล้านะคะ

Play รักเล่น เล่นรัก (3P)
cr.ภาพ http://tsuru-tsurumi.exteen.com/images/Nase/Cigarette%20Kisses01.jpg


http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53773.msg3379996#msg3379996

 



'Royal tiger สามีผมเป็นเสือ' http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53735.msg3378586#msg3378586

 
คุณพ่อครับ...มาเป็นเมียผมเถอะ
  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52889.msg3349707#msg3349707


สะใภ้ขายาว
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53223.msg3359687#msg3359687





ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :pig4: เหมือนกวางน้อยติดกับดักเสือไงไม่รู้

ออฟไลน์ chouxcream59

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กรี๊ดดดดดดดด!! ต้อนรับเรื่องใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิมมค่า  :hao7:
ชอบแนวนี้จัง 3p พระเอกทั้งสองก็แลดูจิตๆดี ฮาาาา
ติดตามค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1483
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
สนุกสุดๆ
อยากรู้ใครจะจิตกว่ากัน

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
จะรอดไหมเนี่ยนิทาน

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ทำไมทั้งรามิล ไอศูรย์ เจาะจงมาที่นิทานคนเดียว :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :z3: มีความจิตอ่อนๆ

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
นิทานโดนรุมละ

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เอาล่ะ ทีนี้ก็มีโรคจิตสองคนมาอยู่ใกล้ตัว  :hao6:

รอติดตามนะ  :3123:

ออฟไลน์ Akikoneko17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
5
ความช่วยเหลือ


   แม้จะไม่มีธนัตคอยช่วยงานเหมือนแต่ก่อน แต่ตอนนี้เขาก็มีเลขานุการที่เพิ่มมาถึงสองคน เนื่องจากที่หน้าห้องมีโต๊ะ
สำหรับให้นั่งเพียงแค่คนเดียว จึงมีคนหนึ่งอยู่นอกห้อง ส่วนอีกคนก็อยู่นอกห้องแทน

   “ท่านประธานเลือกสิครับ ว่าอยากให้ใครอยู่ ให้ใครไป”

   ไม่รู้ว่านิทานคิดมากไปเองหรือเปล่า ว่าคำกล่าวของรามิลดูแปลกๆ แต่เขาก็ไม่มีเวลาไปใส่ใจเรื่องนั้นมากนัก แม้จะไม่มี
ธนัตคอยอยู่เคียงข้าง แต่การทำงานของเขายังต้องดำเนินต่อไป

   “แล้วพวกนายสองคน ใครอยากไปอยู่ข้างนอกบ้างล่ะ”

   แทนที่จะตอบคำถาม นิทานกลับใช้คำถามย้อนกลับ ตอนนี้เขารู้สึกไม่ค่อยดีกับใครสักเท่าไหร่ เพราะวันก่อน เขาก็โดนรา
มิลจับก้น ถึงแม้มันจะเป็นอุบัติเหตุก็ตามที

   “ผมว่า ท่านประธานเป็นคนเลือก น่าจะดีที่สุดนะครับ”

   ดวงตาของทั้งสองสบกัน ทั้งห้องอยู่ในความเงียบ ภายใต้กรอบแว่น ยังซ่อนดวงตาคมกริบที่ไม่อาจจะสื่อให้เห็นถึงความ

ต้องการที่แท้จริงได้

   “งั้นฉันเลือกนาย”

   หากจะบอกว่านิทานอคติ ตอนนี้เขาก็คงจะบอกว่าใช่ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะยุติธรรมอยู่แล้ว

   “ครับ”

   ไอศูรย์ตอบรับอย่างง่ายดาย ก่อนจะหมุนกายเดินออกจากห้องไป นิทานมองตาม ใจเขากระตุก ความรู้สึกผิดเกิดขึ้นอย่าง
ไม่อาจจะหาคำตอบให้กับตัวเองได้ บางทีเขาอาจจะทำเกินไป

   “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”

   ท่าทางแปลกๆของนิทาน ทำให้รามิลเอ่ยถามออกมา นิทานยิ้มเจื่อน ก่อนจะเอ่ยตอบ

   “เปล่านี่”

   “ครับ”

   รามิลไม่โต้แย้งใดๆ เขากลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะที่ได้ย้ายเข้ามาเพิ่มในห้อง นิทานลอบมองรามิล

   “มื้อเที่ยง คุณนิทานจะลงไปทานข้างนอก หรือว่าจะสั่งเข้ามาในห้องครับ”

   “อืม…ฉันขี้เกียจลงไป ฝากนายจัดการด้วยแล้วกัน”

   “ได้ครับ”

   รอยยิ้มถูกส่งมาพร้อมกับคำตอบ ในสายตาของนิทาน รามิลเป็นผู้ชายที่ยิ้มง่าย ท่าทางสดใสร่าเริงนั้น ทำให้นิทานรู้สึก
ผ่อนคลายลง น่าแปลกพอสมควร ทั้งที่เขาและรามิลไม่ได้รู้จักหรือสนิทอะไรกันมากมายนัก แต่รามิลก็ยังสามารถพูดคุยกับเขา
ได้เรื่อยๆ

   “ผมคิดว่าส่วนนี้อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มนะครับ”

   นิทานขมวดคิ้ว รามิลยื่นแฟ้มเอกสารให้กับเขา นิทานมองหน้ารามิล

   “มีอะไรหรือเปล่า”

   “ผมคิดว่า ลองอ่านทวนอีกสักครั้งก็ได้นะครับ”

   “เรื่องของบสั่งซื้อน่ะเหรอ”

   รามิลได้แต่ยิ้ม แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ เขาหย่อนกายนั่งลงที่เดิม นิทานเปิดแฟ้มเอกสารอีกครั้ง เขาไล่สายตามองทุก
บรรทัดอย่างละเอียด แล้วก็หยุดชะงัก

   “เอ๊ะ…”

   สายตาของนิทานหยุดชะงัก ที่บรรทัดตรงกลางหน้ากระดาษ เขามองมันอย่างไม่อาจจะละสายตาไปได้

   “ตัวเลขมันแปลกๆ”

   “ท่านประธานคิดว่าอย่างนั้นเหรอครับ”

   “ไม่รู้ฉันคิดไปเองหรือเปล่า ว่ารายรับ กับรายจ่าย ตัวเลขบางตัวมันไม่ล้อกันน่ะ”

   อาจจะเป็นเพราะเขาอ่านเอกสารเป็นจำนวนมากในวันนี้ เลยทำให้สับสนกับตัวเลข

   “ผมว่า เอกสารนี้ ถ้าท่านประธานยังไม่แน่ใจ ก็ยังไม่ต้องอนุมัติก็ได้นะครับ”

   “แต่ฉันเซ็นไปแล้วนะ”

   “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจัดการให้”

   ยังคงเป็นเหมือนทุกครั้ง สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มของรามิล นิทานก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกสบายใจ
ขึ้นมา

   ก๊อกๆๆ

   ไอศูรย์เดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับถุงใส่กล่องอาหาร นิทานหันไปมองรามิล

   “นายเป็นคนบอกให้เขาไปซื้อเหรอ”

   “ก็ประมาณนั้นล่ะครับ”

   พอได้ยินคำตอบ นิทานก็เริ่มหลุบตามองถุงในมือของไอศูรย์ เขาวางลงที่โต๊ะ แล้วหมุนกายจะเดินออกจากห้อง

   “เดี๋ยวสิ  แล้วนายกินอะไรมาหรือยัง”

   นิทานไม่รู้เลยว่าเพราะอะไรถึงได้ถามออกไปแบบนั้น ในใจเขายังอดไม่ได้ที่ระแวงไอศูรย์ แต่บางทีทุกอย่างอาจจะไม่ได้
เลวร้ายขนาดนั้น ความหวาดกลัว ทำให้เขาเลือกที่จะมองไอศูรย์ในแง่ร้าย

   “ผมยังไม่ได้กินครับ แต่เดี๋ยวจะออกไป”

   “อย่างนั้นเหรอ”

   “ขอตัวนะครับ”

   รามิลได้แต่มองตามพร้อมกับรอยยิ้ม นิทานไม่ได้สังเกตเห็น เขาหันมาอีกที ก็เจอรามิลยิ้มให้เสียแล้ว

   “แล้วนาย”

   “ที่ผมสั่งมามีแต่ของท่านประธานน่ะครับ”

   “อย่างนั้นเหรอ”

   นิทานได้แต่มองตามรามิลเดินออกจากห้องไป เขาหย่อนกายนั่งมองกล่องข้าว ก่อนเปิดมันออก แม้เวลาจะล่วงเลยมาถึง
ตอนเที่ยงแล้วก็ตาม เขาก็ยังไม่รู้สึกหิวสักเท่าไหร่นัก คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาอย่างคิดไม่ตก

   “ถ้าไม่ไว้ใจลูกน้องแล้วจะทำงานยังไง”

   เขายกมือเสยผม พยายามไล่ความกังวลที่เกิดขึ้น ไม่อยากจะคิดให้มันปวดหัวไปมากกว่านี้ เขาไม่ไว้ใจไอศูรย์ และกลัวว่า
อีกฝ่ายจะเอาความลับของเขาไปพูดสนุกปาก

   “ต้องคุยให้รู้เรื่อง”

   สุดท้าย นิทานก็ไม่อาจจะข่มใจให้ตัวเองมีความอดทนมากพอต่อความสงสัยและหวาดระแวง เขาต้องคุยกับไอศูรย์ให้รู้
เรื่อง

   เมื่อเวลาหลังพักเที่ยงมาถึง รามิลก็เดินเข้ามาในห้อง นิทานจึงเอ่ยขึ้น

   “รบกวนคุณช่วยตามคุณไอศูรย์มาหาผมที”

   “ครับ?”

   แน่นอนว่า คำสั่งนั้นสร้างความสงสัยให้กับรามิล แต่นิทานก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ รามิลจึงไม่ได้เซ้าซี้ เขาเดินออกจากห้องไป
ตามไอศูรย์ให้เข้ามาในห้อง

   “คุณรามิล คุณออกไปก่อนนะครับ”

   รามิลมองหน้านิทานแล้วมองหน้าไอศูรย์ ดวงตาฉายแววไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ยินยอมออกไปโดยดี พร้อมกับรอยยิ้ม

เพียงนิด

   หลังจากที่ประตูห้องปิดลง นิทานก็ผายมือเชิญให้ไอศูรย์นั่งลงที่เก้าอี้ ชายหนุ่มนั่งลงตรงข้ามกับนิทาน

   “ผมขอคุยกับคุณตรงๆเลยนะครับ”

   “ครับ”

   “ผมค่อนข้างกังวลกับเรื่องเอ่อ เรื่อง”


   นิทานรู้สึกอึดอัดและทรมานหากจะต้องพูดเรื่องคืนนั้นออกไป ไอศูรย์หรี่ตามอง ราวกับต้องการอยากรู้ว่าเรื่องที่นิทานต้องการพูดนั้นคือเรื่องอะไรกันแน่

   “เรื่องอะไรครับ”

   เมื่อท่านประธานตัวน้อย ทำท่าอิดออด ไม่พูดออกมาเสียที ไอศูรย์จึงถามกลับไปแทน เพราะอย่างน้อย อาจจะทำให้บรรยากาศที่น่าอึดอัดใจนี้จบลงเร็วขึ้น ซึ่งมันจะเป็นผลดีต่อทั้งคู่ โดยเฉพาะกับนิทาน
   “เรื่องที่ในห้องน้ำวันนั้น”

   เขาพูดเสียงเบาลง ไอศูรย์ก้มหน้าลงเพียงนิดราวกับสงสัยหรือไม่ได้ยิน นิทานเงยหน้าสบตากับชายหนุ่ม

   “นายไม่ได้เอาเรื่องของฉันไปบอกใครใช่ไหม”

   “ไม่ครับ”

   “พูดจริงนะ”

   ไอศูรย์คลี่ยิ้มที่ดูจริงใจ ทำให้นิทานเริ่มรู้สึกไว้วางใจขึ้นมา เมื่อชายหนุ่มเริ่มยืนยันอีกครั้ง

   “ผมไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ท่านประธานไม่ต้องกังวล”

   “นายสัญญากับฉันสิ ตอนนี้นายเป็นเลขาของฉัน ถ้านายไม่สัญญากับฉัน ฉันก็ไม่สามารถไว้ใจนาย และไม่สามารถทำงาน
ร่วมกับนายได้”

   “ครับ ผมสัญญา”

   “ดีจัง”

   นิทานเริ่มยิ้มออก เพราะท่าทางที่ดูจริงจัง และคำสัญญาที่ไอศูรย์ย้ำกับเขาอีกครั้ง

   “เชื่อใจผมได้เลยครับ”

   “ขอบใจนายมากจริงๆนะ ฉันดีใจที่นายเก็บไว้เป็นความลับ”

   “ผมเป็นเลขาของท่านประธาน แน่นอนว่าจะต้องทำทุกอย่างเพื่อคุณ”

   พอได้ยินคำยืนยันที่หนักแน่นแบบนี้ นิทานก็พอโล่งใจ ไหนๆเขาก็ได้ทำความเข้าใจกับไอศูรย์แล้ว แถมในวันนั้น ไอศูรย์

ยังเป็นคนมาช่วยเขาจากคนร้ายอีก ถ้าเขาไม่ไว้ใจไอศูรย์ ก็ไม่รู้ว่าควรจะไปไว้ใจใครได้ในตอนนี้

   “วันนั้น นายก็เห็นใช่ไหม ที่ฉันโดนทำเรื่องแบบนั้น”

   “ครับ”

   การที่ไอศูรย์ไม่แสดงท่าทางตกใจ หรือว่ารังเกียจ เพราะอีกฝ่ายแสดงสีหน้าเรียบเฉยนั้น ทำให้นิทานเดาอารมณ์ของ
ไอศูรย์ไม่ออก แต่อย่างน้อยก็ดีกว่ารู้ว่าไอศูรย์แสดงความรู้สึกสมเพชเขา

   “ที่จริง ฉันก็อยากให้เรื่องนี้มันผ่านไป ฉันคิดว่าจะลืมมันไปให้หมด”

   “ทำไมคุณถึงทำแบบนั้น”

   “เอ๊ะ”
   นิทานค่อนข้างแปลกใจ กับคำกล่าวของไอศูรย์ ชายหนุ่มยกนิ้วกลางดันกรอบแว่นของตัวเองขึ้นเล็กน้อย

   “นายหมายความว่ายังไง”

   “การที่คุณปล่อยให้คนร้ายลอยนวล มันสมควรแล้วหรือครับ”   

   “แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง ฉันเอากล้องวงจรปิดมาเช็คแล้ว แต่คลิปทั้งหมดก็โดนลบ”

   ความกังวลและความเครียดเผยให้เห็นชัดเจนบนใบหน้าของนิทาน  ไอศูรย์มองร่างเล็กเพียงครู่ แล้วจึงเอ่ยขึ้น

   “มันอาจจะกลับมาอีกก็ได้”

   “ไม่หรอก ฉัน…ฉันคิดว่ามันคงไม่”

   “ผมก็แค่ตั้งสมมติฐาน แต่บางทีก็อาจจะจริงอย่างที่คุณบอก คุณคงเจอแค่ครั้งเดียว มันอาจจะกลัว แล้วไม่กล้ากลับมาอีก”

   “อึก!”

   นิทานตัวแข็งทื่อ เพราะที่เขาโดนในห้องน้ำ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเจอเรื่องต่ำทรามจากคนร้าย ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าครั้งแรก
กับครั้งที่สองมันจะเป็นคนเดียวกันหรือเปล่า

   “ฉันไม่ได้เจอ…แค่ครั้งเดียว”

   คำกล่าวนั้น ทำให้ไอศูรย์ชะงัก เขาขมวดคิ้ว ราวกับสงสัย เขาจ้องหน้าท่านประธานตัวเล็ก
   “คุณหมายความว่ายังไง ที่ไม่ได้เจอแค่ครั้งเดียว”

   เหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นทั้งสองครั้งนั้น ทำให้นิทานรู้สึกกลัว เขาคิดไม่ตกว่าควรจะแก้ปัญหายังไง เขาไม่รู้ว่าจะบอกเรื่องนี้กับใคร เพราะเขาอายเกินกว่าที่จะพูด ท่าทางคิดมากและกังวลของนิทาน ทำให้ไอศูรย์พูดขึ้น

   “ถ้าคุณไม่พูด ผมก็ไม่รู้ และมันอาจจะเป็นอันตรายต่อตัวคุณอีกก็ได้”

   “ฉัน…”

   ใบหน้าน่ารักก้มต่ำลง กุมมือทั้งสองประสานกัน เขาไม่ต่างกับเด็กตัวน้อยที่ถูกเค้นคำตอบ ไอศูรย์นั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งโดยที่
ไม่พูดอะไร จนกระทั่ง

   “ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณไม่พร้อมจะบอก หรือไม่อยากให้ผมรู้ ผมก็ไม่บังคับ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน
ประธาน ผมไม่อาจก้าวก่าย”

   น้ำเสียงนั้นไม่ได้แฝงการประชดประชันแต่อย่างใด ราวกับพูดให้ฟังเฉยๆ นิทานเงยหน้ามองไอศูรย์

   “นายสัญญาอีกครั้งได้ไหม ถ้าฉันเล่าให้ฟังแล้วนายจะไม่บอกใคร”

   “ครับ”

   ใบหน้าที่จริงจังและดูน่าเชื่อ ทำให้นิทานลังเล พอคิดว่าเขาเคยอับอายต่อหน้าไอศูรย์ไปครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าอีกฝ่ายรู้เรื่องน่า
อายของเขาอีกครั้ง มันอาจจะไม่มีปัญหา แต่ถึงอย่างนั้น ศักดิ์ศรีก็ทำให้คนตัวเล็กคิดไม่ตก ไม่อาจจะเล่าออกไปได้ทันที

   “ถ้าท่านประธานไม่สะดวกใจ ก็ไม่ต้องเล่าหรอกครับ”

   “อ่า…”

   “ท่านประธาน มีอะไรจะสั่งผมต่อหรือเปล่าครับ ถ้าไม่มี ผมขอตัว”

   นิทานกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ มองไอศูรย์ที่ยันกายลุกขึ้น แล้วหมุนกายจะเดินออกจากห้อง คนตัวเล็กรีบวิ่งเข้าไปหา
แล้วจับข้อมือแข็งแกร่งนั้นไว้

   “เดี๋ยวก่อน!”

   ความกลัว ทำให้เขาไม่อาจจะปล่อยไอศูรย์ไปได้ เพราะไม่มีหลักประกันอะไรได้เลยว่า เขาจะไม่เจอเรื่องน่ากลัวแบบเมื่อ
สองครั้งก่อนนั้นอีก
   
“ฉันจะเล่าให้ฟังทุกอย่าง แต่นาย นายห้ามหัวเราะฉัน ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครด้วย”

   ไอศูรย์หันกลับมามองนิทาน แล้วคลี่ยิ้มอ่อนโยน

   “ผมบอกแล้วไงครับ ว่าผมเป็นเลขาของคุณ ผมไม่อาจจะเอาเรื่องเจ้านายไปบอกคนอื่นได้หรอกครับ”

   “ขอบใจนะ”

   เพราะเก็บความลับไว้กับตัวคนเดียว เขาถึงได้รู้สึกหนักอึ้ง ทั้งเครียดและทรมาน แม้จะพยายามลืมและไม่ใส่ใจ แต่ก็ไม่
อาจทำได้ สุดท้ายภาพเหล่านั้นก็กลับมาหลอกหลอนเขาอยู่ดี

   “เอาล่ะ นั่งลงสิ ฉันจะเล่าให้ฟัง”

   “ครับ”

   ทั้งนิทานและไอศูรย์ ต่างนั่งลงที่โซฟา นิทานเม้มปากแน่น เขาโน้มตัวต่ำลง มือทั้งสองประสานกัน ในเมื่อเขาตัดสินใจ
แล้วว่าจะเล่า เขาก็ต้องเล่าออกไป

   “ฉันโดนลวนลาม…ในคืนก่อนที่ฉันจะโดนในห้องน้ำ”

   ดวงตาของไอศูรย์เบิกกว้างกว่าเดิมเล็กน้อยเหมือนคนตกใจ เขาจ้องมองนิทาน ราวกับต้องการหยั่งลึกลงไปในจิตใจของ
คนตัวเล็ก ที่ในตอนนี้คงสับสนหาทางออกไม่เจอ

   “ฉันคิดว่า มันอาจจะมีสองคน ฉันแค่รู้สึก ว่าครั้งแรกกับครั้งที่สอง มันไม่ใช่คนเดียวกัน”

   “ทำไมคุณถึงมั่นใจล่ะครับ ว่ามันไม่คนเดียวกัน หรือว่าคุณเห็นหน้ามันแล้ว”

   ไม่ว่าใคร เมื่อได้ยินสิ่งที่นิทานบอก ต่างก็ต้องสงสัยอยู่แล้ว นิทานกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

   “ฉันไม่ได้เห็นหน้าพวกมันหรอก”

   “แล้วทำไมคุณถึงคิดว่ามีสองคน หรือว่าเสียงของพวกมันไม่เหมือนกัน”

   “ฉันไม่รู้ ฉันแค่รู้สึกว่ามันมีสองคน ฉันไม่เห็นหน้าพวกมัน แต่ฉันรู้ได้ ว่ามันไม่เหมือนกัน”


   “คุณใช้ความรู้สึกสินะ”


   ราวกับเป็นการตำหนิ นิทานเงยหน้ามองไอศูรย์ทันที ชายหนุ่มพรูลมหายใจเล็กน้อย

   “แล้วคุณมีหลักฐานอะไรบ้าง ที่จะพอทำให้สืบหาตัวมันได้”

   แทนการตอบด้วยคำพูด นิทานส่ายหน้าไปมาช้าๆ เขาไม่รู้เลยว่าจะแก้ไขเรื่องราวเหล่านี้ยังไง ไม่มีหลักฐานใดๆเลยแม้แต่
อย่างเดียว

   “แล้วคุณได้บอกเรื่องนี้กับใครบ้างหรือยังครับ”

   “ไม่…เรื่องน่าอายแบบนี้ ฉันจะไปกล้าบอกใคร”

   “แต่คุณก็บอกผม”

   นิทานชะงักไป จริงอย่างที่ไอศูรย์พูด เขาเองยังแปลกใจว่าทำไมถึงได้กล้าบอกเรื่องนี้กับอีกฝ่าย นั่นอาจเป็นการเพราะตก
อยู่ในสภาวะเคร่งเครียดเพียงลำพัง เป็นสิ่งที่ช่างทรมาน

   “ผมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะครับ”

   “ฉันรู้ แต่ฉันก็ไม่รู้จะต้องทำยังไงดี”

   “ผมว่าท่านประธานต้องหาตัวคนร้ายให้พบ แล้วจับส่งตำรวจครับ”

   “ถ้ามันหาง่ายขนาดนั้น ฉันก็คงจับมันเข้าคุกไปแล้วล่ะ…อ่า…จริงสิ”

   “ครับ”

   คนตัวเล็กเริ่มคิดอะไรบางอย่างออก ในเมื่อตอนนี้คนที่รู้เรื่องราวที่แสนน่าอับอายของเขา และไม่มีทีท่าเวทนาแต่อย่างใด
นิทานจึงตัดสินใจพูดออกไป

   “นาย…จะช่วยฉันจับคนร้ายได้ไหม”

   นิทานเริ่มใจคอไม่ดี เมื่อไอศูรย์นิ่งเงียบ เขาเงยหน้ามองประธานบริษัทที่มีท่าทางขาดความมั่นใจ และลุ้นคำตอบของเขา

   “ได้แน่นอนอยู่แล้วครับ ผมยินดีจะช่วยคุณตามหาคนร้ายอย่างสุดความสามารถ”

   “ขอบใจนะ ขอบใจนายจริงๆ”

   นิทานจับมือของไอศูรย์ เขาคลี่ยิ้มอย่างดีใจ อย่างน้อยตอนนี้เขาก็มีพวก เพียงไม่นาน นิทานก็ผละออกจากการสัมผัสคน
ตัวสูง

   “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวไปทำงานต่อนะครับ”

   “อืม”

   เขามองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไปจากห้อง และประตูห้องก็ได้ปิดลง นิทานคลี่ยิ้มอย่างมีความสุข ที่เขามีคนช่วย
ตามจับคนร้ายแล้ว

   แกร็ก

   ร่างสูงใหญ่เดินออกจากห้องทำงานของประธานบริษัท รามิลยืนกอดอก เอนหลังพิงกำแพง อยู่ในท่าที่ผ่อนคลาย

   “ถ้าสมมตว่าคนร้าย ช่วยตามจับคนร้าย แล้วแบบนี้จะเจอคนร้ายไหมน้า”

   ไอศูรย์ขมวดคิ้วฉับทันที เขาสงสัยว่ารามิลรู้ได้ยังไง ว่าเขาคุยอะไรกับนิทานบ้าง รามิลกระตุกยิ้ม เขายกมือจับบริเวณหู
ของตัวเอง หันข้างในด้านที่ไอศูรย์ไม่เห็น ให้อีกฝ่ายได้เห็นจัดเจน

   “ว่าแต่ฉันโรคจิต…แล้วเครื่องดักฟังนี่มันอะไร…เหอะ…อย่างกับสโตกเกอร์เลยนะนายเนี่ย”

   รามิลหัวเราะขบขันใน สิ่งที่อยู่บริเวณหูข้างหนึ่งของรามิล มีลักษณะเหมือนหูฟังบลูทูธ แต่เบื้องหลังของมันคือเสียงที่เกิด
ขึ้นในห้องทำงานที่อยู่ใกล้ๆต่างหาก

   “อย่ามายุ่งกับของของฉัน”ไอศูรย์มองอย่างไม่พอใจ

   “ไม่ว่ามันทุเรศบ้างเหรอ…ที่ใช้เครื่องดักฟังน่ะ”

   คิ้วหนาเริ่มกระตุก ราวกับไม่พอใจในคำกล่าวของรามิล แต่เพียงครู่ เขาก็ต้องกระตุกยิ้มที่มุมปากแทน
   “ทั้งที่ได้ทั้งภาพและเสียงน่าจะดีมากกว่าแท้ๆ”

   เขากล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม แล้วแกะหูฟังจอมปลอมออก ก่อนจะยื่นให้กับเจ้าของที่แท้จริง ไอศูรย์รับมันมา แล้วมองหน้ารา
มิล

   “ฉันจะเอากล้องไปติดในห้องให้ก็ได้นะ แต่ฉันไม่ชอบเป็นหมาหัวเน่าเสียด้วย…ดังนั้น ฉันจะต้องได้อยู่ในเกมไล่จับคนร้าย
ในครั้งนี้ด้วย…เพราะฉันไม่ยอมให้นายเล่นสนุกกับประธานตัวน้อยแค่คนเดียวหรอกนะ…ไอศูรย์”

   “หึ”
   
100%
3/6/59

ฝากเพจด้วยค่ะ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/

ขอแปะลิ้งนิยาย -ของอากิ ที่อัพในเล้านะคะ

Play รักเล่น เล่นรัก (3P)
cr.ภาพ http://tsuru-tsurumi.exteen.com/images/Nase/Cigarette%20Kisses01.jpg


http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53773.msg3379996#msg3379996

 



'Royal tiger สามีผมเป็นเสือ' http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53735.msg3378586#msg3378586

 
คุณพ่อครับ...มาเป็นเมียผมเถอะ
  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52889.msg3349707#msg3349707


สะใภ้ขายาว
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=53223.msg3359687#msg3359687





ออฟไลน์ Serioz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ถ้าประธานตัวน้อยรู้ความจริง จะทำยังไงเนี่ย

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
เมื่อไหร่ประธานจะโดนเล่นอีกน้าาาาา (อุ๊ปส์!)

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
สองคนนั้น กำลังสนุกอยู่สินะ  :hao3:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
แย่งกันทำไม. ร่วมมือดีกว่า

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ chouxcream59

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ครั้งต่อไปจะโดนอะไรนะ  :hao7: :impress2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด