Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Chapter 21 : อ้อนหน่อยนะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Play รักเล่น เล่นรัก (3P) : Chapter 21 : อ้อนหน่อยนะ  (อ่าน 51621 ครั้ง)

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
โอย ตายแน่  :hao7:

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
อย่าแกล้งน้องงงงงง :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ HunterKill

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ค้างงงงงง :hao6:


ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:พระเอกโรคจิตได้อีก

ออฟไลน์ ราตรีสีน้ำเงิน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 121
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
:hao5: :hao5: :hao5:


จิจั

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
หูยยย  :m25:

ออฟไลน์ Akikoneko17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
19

หวั่นไหว

 

 

            “อ๊ะ อ๊า!!!”

                คนตัวเล็กหวีดร้องอย่างทรมานเมื่อความร้อนรุ่มที่ร้อนผ่าวค่อยๆแทรกเข้ามาในร่างกายอย่างช้าๆ แต่ก็ทำให้ช่องทางต้องขยายกว้างมากขึ้น นิทานบิดเร่า การจะรับตัวตนของรามิลเพิ่มมาอีกคนทำให้นิทานแทบจะขาดใจ

                “ออกไป ฮือ เจ็บ ไม่เอา”

                นิทานร้องไห้ รามิลแทรกกายเข้าไปได้แค่เพียงครึ่ง นิทานก็แทบจะคลั่ง เขายกมือทุบตีรามิลพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้น ไอศูรย์ประคองใบหน้าน่ารักให้หันมารับจูบที่ซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน

                “ไม่ต้องกลัว”

                “ขาด ฮึก ตรงนั้น”

                เพราะรู้สึกเจ็บปวดเหมือนร่างกายถูกฉีกขาดทำให้นิทานร้องไห้โฮไม่ต่างจากเด็กตัวเล็กๆ       

                “อะ อื้อ”

                นอกจากไอศูรย์ที่พยายามปลอบประโลม รามิลเองก็ลูบไล้ร่างกายเล็กให้เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัส นิทานหยุดทุบตี แล้วจับบ่าแข็งแรงของรามิลเอาไว้ไม่ยอมปล่อย กายสูงใหญ่ค่อยๆเคลื่อนที่เข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของนิทานให้ลึกมากที่สุดเท่าที่จะสามารถเข้าไปได้

                “อ่า…”

                เสียงครางทุ้มของรามิลและไอศูรย์ทำให้นิทานใจเต้นแรงหนักหน่วง ร่างกายของเขาร้อนรุ่ม ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นที่ช่องทางด้านหลังเริ่มทุเลาลง น้ำรักขาวขุ่นที่

เต็มไปในช่องทางเหมือนเป็นสารที่ช่วยหล่อลื่นให้รามิลและไอศูรย์ได้เคลื่อนกายขยับสวนใส่ในตัวเขาได้มากขึ้น

                “อะ อ๊ะ อ๊า”

                เมื่อร่างกายเริ่มปรับสภาพได้ ชายหนุ่มทั้งสองก็ไม่คิดจะสะกดกลั้นความปรารถนาที่รุนแรงเอาไว้ รามิลจับข้อเท้าทั้งสองข้างของนิทาน แล้วเริ่มขยับสะโพกให้แก่นกายของตัวเองได้เสียดสีไปกับผนังช่องทางด้านในและแก่นกายของไอศูรย์

                เสียงร้องครวญครางของนิทานยิ่งกระตุ้นสัญชาตญาณดิบเถื่อนของไอศูรย์ให้พุ่งทะยานมากขึ้น ฝ่ามือร้อนบีบเค้นสะโพกนิ่มอย่างรุนแรง รามิลรั้งร่างเล็กไปโอบกอด แล้วเปลี่ยนเป็นไอศูรย์ที่ขยับกายขึ้นคร่อมจากข้างหลัง ก่อนจะเป็นฝ่ายขยับกระแทกกระทั้นเข้าไปในกายเล็ก

                “อะ อ๊า! อ๊า”

                นิทานร้องครางลั่น เสียงหอบหายใจของฝ่ายรุกทั้งคู่ดังผสานไม่หยุดหย่อน ใบหน้าหวานเชิดขึ้นอย่างสุขสม จากความเจ็บปวดแปรเปลี่ยนเป็นเสียวซ่านจนไม่อาจจะรั้งสติของตัวเองเอาไว้ได้

                รามิลรั้งใบหน้าน่ารักเข้ามากดจูบปากสวย ดูดเม้มเบาๆ สอดลิ้นเข้าไปตักตวงความหอมหวาน หยาดน้ำไหลรินออกที่มุมปาก ดวงตากลมปรือปรอย ความร้อนรุ่มส่งไปถึงทั้งสามคน

                “อะ อ๊ะ อ๊า!!”

                สุดปลายทาง นิทานปลดปล่อยออกมาจนหมดแรง ใบหน้าน่ารักฟุบเข้ากับไหล่ของรามิล ในขณะที่ชายร่างสูงทั้งสองยังไม่หยุดขยับสะโพกสอบ ไอศูรย์พรมจูบทำรอยแดงไปทั่วแผ่นหลังเล็ก รามิลเองก็จูบไล่ตั้งแต่ปลายเท้าข้างที่ได้รับบาดเจ็บจนกระทั่งถึงบาดแผลบริเวณขา

                “อะ อื้อ”

                ในร่างกายถูกกระแทกกระทั้นจนใบหน้าหวานบิดเบี้ยวเพราะความเสียวซ่าน ก่อนที่จะรับรู้ถึงสายน้ำที่ฉีดพุ่งเข้ามาในร่างกาย

                “แฮกๆๆ”

                ทั้งสามหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน คนที่หมดแรงไปก่อนจนหมดสตินั่นก็คือท่านประธานตัวน้อย รามิลก้มจูบหน้าผากสวยอย่างเอ็นดูพร้อมกับไอศูรย์ที่กดจูบที่หัวไหล่มนอย่างแผ่วเบา

 

-------+++++-------

 

                ร่างกายของนิทานอ่อนล้าจนตื่นมาอีกทีในช่วงสายของวันต่อมา เขาค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ช่วงล่างร้าวระบมเพราะเมื่อคืนได้ใช้งานอย่างหนัก แต่ถึงกระนั้น ร่างกายที่เปลือยเปล่ากลับไม่ได้เหน็บหนาวแต่อย่างใด เพราะมีชายหนุ่มตัวใหญ่ถึงสองคนนอนกอดเอาไว้

                “อ๊ะ”

                ได้แต่ร้องอย่างตกใจ เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกำลังนอนซุกอยู่ที่อกของไอศูรย์ เขาขยับตัวพลิกอย่างยากลำบากแล้วก็ต้องพบว่าอีกคนที่นอนกอดเขาอยู่ก็คือ รามิล นิทานเม้มปากแน่น คิดทบทวนความทรงจำ

                เมื่อคืนพวกเขาทั้งสามคนร้อนแรงกันเสียจนลืมไปว่าร่างกายของเขายังบาดเจ็บ และที่สำคัญไม่อยากจะเชื่อเลยว่าร่างกายเล็กๆของเขาจะรับคนตัวใหญ่ได้ถึงสองคนแบบนี้

                “ล็อกเกต”

                เมื่อเห็นสิ่งที่สวมอยู่ที่คอของรามิล นิทานก็นึกขึ้นมาได้ เขาต้องการสร้อยพวกนี้ ถ้าเขานำมันไปตอนนี้จะได้หรือเปล่า แต่ถ้าทั้งคู่ไม่ได้มอบให้เขาด้วยความเต็มใจ ก็มีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองจะนำเรื่องเลวร้ายของเขาไปเปิดเผย

                “ถ้าคิดจะขโมยก็ต้องรีบทำนะครับ”

                นิทานแทบจะสะดุ้งเมื่อรามิลลืมตาตื่น แล้วส่งยิ้มให้

                “อรุณสวัสดิ์ครับ”

                เอ่ยจบก็ก้มลงมาจูบแก้มนิ่มอย่างรวดเร็ว นิทานอึ้งไป แก้มนิ่มขึ้นสีเล็กน้อย เขาหลบสายตาคมกริบที่ดูมีเสน่ห์

                “ฉันไม่ได้จะขโมยนะ”

                “แต่ท่านประธานจ้องไม่กระพริบตาเลยนะครับ แบบนี้จะให้ผมคิดยังไงดีน้า”

                ว่าพลางไล้นิ้วไปตามพวงแก้มนิ่ม แรงกระชับจากอ้อมกอดของไอศูรย์ทำให้นิทานสะดุ้ง

                “อย่าแกล้งสิ เดี๋ยวก็ร้องไห้อีกหรอก”

                น้ำเสียงทุ้มน่าฟังดังข้างใบหู นิทานขนลุกซู่จนต้องห่อไหล่ ลมหายใจร้อนผ่าวของไอศูรย์เป่ารดต้นคอจนเขารู้สึกสยิวขึ้นมา

                “ฉะ ฉันไม่ได้จะร้องไห้”

                “แล้วเมื่อคืนเด็กที่ไหนที่ขี้แยกัน”

                ไม่ว่าเปล่า แต่ฝ่ามือร้อนยังลูบไล้ไปตามเรือนร่างบอบบาง รามิลเลื่อนมือไปบีบเล่นที่จมูกเล็ก นิทานจับมือหนา

                “หยุดเลยนะ”

                “งั้นก็นอนกันอีกสักนิดเถอะครับ ยังเช้าอยู่เลย”

                รามิลบอกอย่างงัวเงีย ที่จริงนิทานเองก็ยังง่วง แต่ที่ตื่นมาก่อนก็เพราะโดนกายสูงใหญ่ทั้งสองเบียดแนบชิดจนแทบจะจมอกของทั้งคู่

                “งั้นก็ปล่อยให้นอนสบายๆหน่อยสิ”

                “งั้นนอนแบบนี้ไหมครับ”

                ว่าจบ ไอศูรย์ก็จับร่างของนิทานให้พลิกขึ้นมานอนบนตัวเขา คนตัวเล็กตาโต รามิลขยับกายเข้ามาใกล้ไอศูรย์ แล้วมองคนตัวเล็ก ที่นอนคว่ำทับร่างของไอศูรย์ด้วยสายตาที่มีความสุขจนนิทานชะงักไป

                “แบบนี้ก็น่าจะนอนสบายขึ้นหรือเปล่าครับ”

                รามิลถาม ไอศูรย์ยังคงหลับตา เขาไม่พูดอะไรต่อ แต่ใช้วงแขนแข็งแรงโอบกอดร่างเล็กที่อยู่บนตัวเขาเอาไว้

                “ปล่อยฉันลงเถอะ มันหนักนะ”

                “ไม่นี่ครับ นอนต่อเถอะ”

                ในเมื่อเจ้าตัวบอกแบบนั้น นิทานก็สุดจะต่อต้าน รามิลเองก็จับมือเขาไปจูบหนึ่งที แล้วพลิกกายนอนตะแคงเลื่อนมือไปโอบกอดร่างกายบอบบาง

                “ผมเองก็อยากให้คุณมานอนบนตัวผมเหมือนกันนะ แต่ถ้านอนแล้ว คงต้องขอคิดค่าจ้างเป็นการเอาผมเข้าไปในตัวท่านประธานด้วย”

                สายตาที่เจ้าเล่ห์ร้ายกาจทำให้นิทานก้มหน้างุด อย่างน้อยไอศูรย์ก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรประหลาดแผลงๆเหมือนกับรามิล ใบหน้าหวานรีบซุกหน้ากับแผ่นอกกว้าง แล้วหลับตาลงเพราะตัวเองก็ยังอ่อนเพลีย

                รามิลอมยิ้มกับท่าทางที่แสนน่ารักของนิทาน แต่เขาก็ไม่วายเลื่อนมือไปลูบไล้ก้นนิ่มจนนิทานสะดุ้งตกใจ

                “ผมไม่ทำอะไรหรอกครับ นอนเถอะ”

                แม้จะไม่อยากจะเชื่อใจรามิล แต่นิทานก็ยอมนอนเฉยๆเพราะเขาเองก็เหนื่อยล้าเกินกว่าจะต่อต้านกับสิ่งต่างๆที่ทำให้เขารู้สึกดีในตอนนี้

               

-------+++++-------

 

                การพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์สิ้นสุดลง ในวันอาทิตย์ นิทานใช้เวลาเกือบทั้งวันที่จะอยู่บนเตียงเพื่อพักผ่อนร่างกายที่เหนื่อยล้า ถึงแม้จะโดนเลขานุการทั้งสองเอาแต่ใจ แต่ทว่าสุดท้ายก็ปรนนิบัติเขาอย่างเต็มที่จนนิทานเผลอคิดไปว่าเป็นคนรักของทั้งคู่ไปแล้วจริงๆ

                “คิดอะไรอยู่เหรอนิทาน”

                นิทัช เดินเข้ามาเกาะไหล่ของน้องชายคนเล็กที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์ แต่ดวงตา

กลับเหม่อลอย แถมยังเห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า

                “เปล่าครับ”

                “โกหก มีเรื่องอะไรดีๆอย่างนั้นเหรอ”

                คนตัวเล็กส่ายหน้าไปมาไม่ยอมบอก นิทัชดึงแก้มนิ่ม ไม่ยอมให้น้องชายได้โกหก

                “ก็แค่ทำงานราบรื่น เลยรู้สึกมีความสุขครับ”

                “จริงเหรอ ไม่ใช่ว่ากำลังคิดถึงใครอยู่หรอกนะ”

                นิทัชเอ่ยยิ้มๆ เพราะท่าทางของน้องชายเหมือนคนกำลังมีความรัก นิทานเบิกตากว้างทันทีเมื่อพี่ชายพูดแบบนั้น เขาไม่มีวันคิดว่าตัวเองจะไปตกหลุมรักผู้ชายด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้น แล้วทำไมหัวใจของเขาถึงได้ชอบเต้นแรงเวลาอยู่ต่อหน้ารามิลและไอศูรย์

                …ใจมีแค่ดวงเดียว แต่จะรักคนสองคนได้อย่างไร แถมยังเป็นผู้ชายทั้งคู่…

                เมื่อคิดถึงข้อนี้ จิตใจของนิทานก็เหมือนจะแห้งเหี่ยว ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเข้ามาในจิตสำนึก เขาคิดไม่ตกว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างไรกันแน่

                “มีอะไรหรือเปล่า ทำหน้าเครียดซะแล้ว”

                นิทัชเห็นท่าทีของน้องชายที่เปลี่ยนไปจึงได้เอ่ยถาม นิทานส่ายหน้าไปมาอย่างช้าๆเขาไม่อยากให้พี่ชายรับรู้ถึงปัญหาที่น่าอับอายในครั้งนี้

                “ผมขึ้นไปนอนก่อนนะ หาว…ง่วงนอนจะแย่แล้ว”

                พอเห็นว่าพี่ชายเริ่มสงสัย นิทานก็เริ่มบ่ายเบี่ยงไปทางอื่น นิทัชส่ายหน้าน้อยๆอย่างเอ็นดูน้องชาย มองนิทานที่รีบเดินขึ้นบันไดเพื่อตรงไปยังห้องนอน

                แกร็ก

                เมื่อปิดประตูเรียบร้อย ร่างเล็กก็เดินตรงมาที่เตียง หยิบโทรศัพท์มากดเช็คดูก็พบว่าไลน์ในโทรศัพท์แจ้งเตือนไว้ในตอนที่เขาลงไปข้างล่าง

                ไอศูรย์ : นอนหรือยังครับ

            รามิล : ยังเลย

            ไอศูรย์ : ฉันไม่ได้ถามนาย

            คนตัวเล็กระบายยิ้ม รามิลเป็นคนตั้งไลน์กลุ่มที่มีพวกเขาอยู่ด้วยกันสามคนมาหลายสัปดาห์แล้ว ในตอนแรกก็ไว้ใช้ติดต่อเกี่ยวกับเรื่องที่สืบหาความจริงเรื่องที่เขาถูกกล่าวหาว่ายักยอกเงินบริษัท แต่ช่วงหลังเมื่อทุกอย่างคลี่คลาย ประเด็นการพูดคุยก็เปลี่ยนไป

                รามิล : อ่านแล้ว

            ไอศูรย์ : ยังไม่นอน

                ทั้งคู่เริ่มรู้ว่านิทานอ่านไลน์แล้ว นิทานแทบจะสะดุ้งเพราะได้อ่านข้อความที่เด้งขึ้นไม่หยุด

                รามิล : คิดถึงพวกเราอยู่ใช่ไหมครับ

                “ไม่ใช่สักหน่อย”

                คนตัวเล็กพูดเสียงเบา เขาไม่ได้คิดถึงทั้งคู่จริงๆใช่ไหม แต่ทำไมแก้มของเขาถึงได้รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้น

                ไอศูรย์ : คิดถึงสินะ

            นิทานเบิกตากว้างที่ไอศูรย์พิมพ์ส่งมาแบบนั้น คนตัวเล็กรีบพิมพ์ส่งไปทันที

                ‘พวกนายคิดไปเอง ฉันจะนอนแล้ว’

            รามิล : หน้าแดงอยู่แน่ๆ

            ไอศูรย์ : หึหึ

            ‘ฉันไม่คุยกับพวกนายแล้ว ไปล่ะ’

            นิทานรีบกดส่งสติกเกอร์ไลน์เป็นรูปตัวการ์ตูนเข้านอนไปอย่างรวดเร็ว แล้วรีบปิดอินเตอร์เน็ต เขารีบวางโทรศัพท์ ยกมือทาบกับอกของตัวเองที่เริ่มเต้นรัวแรง

                “ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ ต่อไปต้องแย่แน่ๆ”

                เพราะเริ่มรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น นิทานต้องพยายามหักห้ามใจของตัวเอง เขาจะลืมไม่ได้ว่าทั้งคู่เคยทำเรื่องเลวร้าย เล่นสนุกกับร่างกายเขา เขาต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้ และต้องเอาสร้อยล็อกเกตนั้นมาให้ได้ รวมถึงรหัสเมลล์ด้วย

                …กลัวเหลือเกิน ว่าตัวเองจะปล่อยให้สิ่งเหล่านั้น เป็นเครื่องพันธนาการเขาเอาไว้จนไม่สามารถหลุดออกมาจากไอศูรย์และรามิลได้…

 

-------+++++-------

 

                แม้จะเริ่มเคยชินกับการทำงานร่วมกับไอศูรย์และรามิล แต่นิทานก็ไม่อยากให้ตัวเองลืมความตั้งใจตั้งแต่แรก คือเขาต้องการให้ทั้งคู่ออกจากงาน เขาไม่ควรจะทำงานกับคนที่ทำเรื่องเลวร้ายกับเขา

                แต่คนที่ทำงานดีและทำงานได้เก่งอย่างไอศูรย์และรามิลไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ เขายอมรับในฝีมือการทำงานและการดูแลเอาใจใส่จากทั้งคู่ แต่ทว่าจิตใจและสมองของเขาก็ตีกันและขัดแย้งไปหมด เพราะเรื่องละเมิดทางเพศที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสามคน

                นิทานไม่อยากจะยอมรับว่าตัวเองก็หลงใหลไปกับเสน่ห์และความเย้ายวนใจที่พาให้เขาตกหลุมกามารมณ์จนไม่อาจจะถอนตัวได้ ทั้งที่ควรรังเกียจแต่ร่างกายกลับมีความสุข             

                …เขาไม่ควรลืมว่าทั้งคู่ทำเรื่องเลวร้ายกับเขาไว้…

                แต่ภาพความเจ็บแค้นในอดีตกลับเลือนรางลงทุกที ถึงแม้ทั้งสองจะชอบเล่นสนุกกับร่างกายเขา แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดแสนสาหัสจนทนไม่ไหว มิหนำซ้ำยังมอบรสสัมผัสที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้จนเหมือนยังตราตรึงอยู่บนร่างกายของเขาอย่างไม่มีวันจางหายไป

                เขาต้องห้ามลืมเด็ดขาดว่าเมื่อก่อนต้องการอะไร ไม่อย่างนั้นจิตวิญญาณของเขาคงได้ถูกกลืนกินไปเพราะหลงไปตามคารมของทั้งคู่

                แล้วถ้าเกิดสักวันหนึ่งเขาไม่เหลือความเป็นตัวของตัวเองอีก เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะถูกชักจูงไปในทางไหน เพราะตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรกับตัวเอง และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของรามิลและไอศูรย์คืออะไรกันแน่

                …ต้องการเป็นแค่คนรัก เท่านั้นจริงๆ หรือมีอะไรแอบแฝง…

                เพราะทำงานด้วยกัน เห็นหน้ากันแทบทุกวัน ได้คุยกัน ได้สัมผัสร่างกายกันอยู่บ่อยครั้ง นิทานเลยแทบจะปักใจเชื่อว่าทั้งสองอยากเป็นคนรักของเขา แต่อีกใจหนึ่งก็ขัดแย้งจนไม่อาจจะหยุดคิดได้

                จะให้เชื่อได้อย่างไร ว่าคนที่ทำร้ายกันมาก่อน จะอยากเป็นคนรักกัน…

                ถามใครต่อใครก็คงจะไม่เชื่อ นิทานเองก็คิดแบบนั้น

                “ท่านประธานไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าครับ ดูเหมือนคุณกำลังคิดมาก”

                รามิลเข้ามาถามพร้อมกับวางแฟ้มเอกสาร นิทานเงยหน้ามองชายหนุ่ม

                “นายไม่ได้แอบติดกล้องเอาไว้อีกใช่ไหม”
                “ในเมื่อคุณบอกว่าไม่ชอบ แล้วรับไม่ได้ขนาดนั้น ผมก็เอาออกไปหมดแล้วล่ะครับ แล้วอีกอย่างผมก็อยู่กับคุณตลอดเวลา ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปติดกล้องให้เหนื่อยเปล่า”

                “อย่างนั้นเหรอ”

                รามิลพยักหน้าเพียงนิดเป็นการยืนยัน ถึงแม้รามิลจะมีนิสัยบางอย่างที่น่ากลัวซ่อนอยู่ แต่ในเวลาทำงานเขาก็จะตั้งใจและทุ่มเทกับมัน ถึงแม้บางครั้งจะใช้เรื่องงานมาทำเรื่องหวาดเสียวเล่นสนุกกับร่างกายเขาก็ตามที

                “แล้วตกลงว่าท่านประธานเครียดเรื่องอะไรครับ”
                “ถ้าบอกไปแล้ว นายจะทำให้ฉันหายเครียดได้หรือไง”

                “มันก็ไม่แน่หรอกนะครับ”

                รามิลยิ้มกว้าง เหมือนต้องการให้นิทานสบายใจ ร่างเล็กถอนหายใจออกมา วันนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าต้องทำทุกอย่างให้มันเด็ดขาดและชัดเจน ไม่อย่างนั้นเขาก็ต้องคิดมากและสับสนแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ

                “ฉันต้องการคุยกับนายและไอศูรย์”

                “ได้สิครับ เดี๋ยวผมไปตามหมอนั่นมาให้”

                นิทานมองตามรามิลที่เดินออกไปข้างนอก เพียงไม่นานก็กลับเข้าห้องมา

พร้อมกับไอศูรย์

                “ท่านประธานอยากคุยกับพวกเราเรื่องอะไรเหรอครับ”

                เมื่อเข้ามาก็เปิดประเด็นถามทันที นิทานถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เขาไม่รู้ว่าเขากำลังเหนื่อยในเรื่องไหน ในเมื่อตอนนี้ยอดขายที่บริษัทก็ค่อยๆดีขึ้น การทำงานระหว่างเขาและเลขานุการทั้งสองก็ราบรื่นแทบไม่มีปัญหาอะไรเลย

                “นั่งก่อนสิ”

                เขาเรียกให้รามิลและไอศูรย์นั่งที่โซฟาซึ่งอยู่ตรงข้าม ทั้งคู่มองคนตัวเล็กอย่างแปลกใจ นิทานพรูลมหายใจเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก

                “พวกนายเองก็ทำงานกับฉันมานานพอสมควรแล้ว”

                “ครับ”

                ไอศูรย์ตอบรับ รามิลเองก็ยิ้มตอบรับเช่นกัน นิทานดูเป็นฝ่ายอึดอัดใจ ในเมื่อมันไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เขาจะพูดคุยเรื่องนี้กับทั้งคู่

                “พวกนายทำงานดีมาก ดีจนฉันรู้สึกว่า ถ้าขาดพวกนายไป แล้วฉันจะเป็นยังไง”

                ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนว่ากำลังทำร้ายตัวเอง นิทานสูดลมหายใจเข้าออกให้เป็นปกติมากที่สุด ไม่อย่างนั้นเขาคงได้คิดมากไม่หยุดหย่อน

                “แล้วยังไงเหรอครับ”

                รามิลถามอย่างอารมณ์ดี เพราะโดนชมไปขนาดนั้น จนรู้สึกว่าคนตัวเล็กคงจะเริ่มเปิดใจให้กับพวกเขาแล้ว

                “ถึงฉันจะชอบการทำงานของพวกนายมากแค่ไหนก็ตาม แต่เรื่องราวในอดีตที่พวกนายใช้เรื่องนั้นข่มขู่ฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกแย่เอามากๆ”

                “มันแย่มากขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

                รามิลเลิกคิ้ว เขายกมือกอดอก พลางสังเกตท่าทางของนิทาน

                “ใช่ ฉันว่ามันแย่มาก ฉันทำงานเป็นประธานบริษัท แต่ต้องมาคอยระแวงว่า

คลิปฉัน เรื่องทุเรศแบบนั้นจะหลุดออกไปเมื่อไหร่ พวกนายจะเล่นสนุกกับฉันไปอีกนานแค่ไหน ฉันต้องยอมพวกนายไปตลอดชีวิตเลยหรือเปล่า”

                “ไม่หรอกครับ”ไอศูรย์โต้แย้ง

                “แล้วเมื่อไหร่เรื่องพวกนี้มันจะจบ ถ้าทุกอย่างมันแย่ แล้วฉันจะทำยังไง พวกนายคิดว่าฉันรู้สึกยังไง ฉันจะบ้าตายอยู่แล้วนะ พวกนายยังไม่ให้สร้อยกับฉัน ไม่ให้เมลล์กับรหัส ถ้ามีเรื่องผิดพลาด แล้วเรื่องพวกนี้หลุดออกไป ฉันจะทำยังไง!”

                นิทานเหมือนระเบิดลง เขาทนทุกอย่าง ยอมปล่อยให้ร่างกายเป็นของเล่น ถึงแม้เขาจะสุขสมก็จริงอยู่ แต่ลึกๆก็ยังหวั่นใจ ไม่มีใครชอบการข่มขู่ แม้ความกลัวจะเริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกหวั่นไหว แต่จิตใต้สำนึกก็เหมือนตอกย้ำว่าเขาควรจะจัดการเรื่องนี้ ไม่ควรปล่อยให้มันเรื้อรัง

                “ฉันไม่เข้าใจเหตุผลของพวกนายเลยจริงๆ ว่าทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย พวกนายบอกฉันไม่ได้เหรอ ทำไมต้องเล่นบทบาทคนรักกับฉัน มันสนุกมากเลยหรือไง”

                ทั้งไอศูรย์และรามิลต่างมองหน้านิทาน พวกเขาถอนหายใจออกมาแผ่วเบาพร้อมกัน

                “อยากเป็นคนรักกัน มันมีเหตุผลให้คิดมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

                รามิลพูดออกมาเหมือนจะตัดพ้อและท้อแท้ แต่ใบหน้าก็ไม่ได้แสดงสีหน้าย่ำแย่

                “พวกเรานึกว่าคุณจะรู้เหตุผลนั้นอยู่แล้วซะอีก”

                “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ว่าพวกนายทำไมถึงได้อยากเป็นคนรัก”

                เสียงถอนหายใจของรามิลและไอศูรย์ดังขึ้น เพราะดูเหมือนว่าความปรารถนาของพวกเขาที่ต้องการส่งไปให้นิทานรับรู้มันจะไปไม่ถึง

                “เหตุผลมันก็แค่”

                นิทานมองหน้าทั้งคู่  รอฟังคำตอบที่ทั้งสองเฉลยมาพร้อมกันจนคนฟังใจเต้นรัวเร็ว แทบจะหยุดหายใจ

                “รัก….”



100%

อากิเปิดเทอมแล้วค่อนข้างจะยุ่งนะคะ ติดตามการอัพได้ที่เพจ https://www.facebook.com/akikoneko17fiction/



อีกไม่กี่วันก็จะปิดพรีแล้วนะคะ

ท่านใดที่สนใจเล่มนิยายเรื่องนี้ กับสะใภ้ขายาว มาซื้อกันได้จ้า



เปิดพรีออเดอร์ จิ้มลิ้ง
http://www.tunwalai.com/chapter/695333/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-10816-10916?page=1


 

 

 

 

 

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
หูยยยยย มาบอกรักกันอย่างงี้ นิทานหวั่นไหวไปอีก10ระดับ 555555

ออฟไลน์ aommama

  • เป็ดมึน คนเซอร์
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-5
โดนบอกรักพร้อมกันไปแบบนี้ ไม่หวั่นไหวให้มันรู้ไปสิเอ้า

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
น่าที่นิทาน จะรู้สึกแบบนี้
ถูกข่มขีน ทำร้ายจิตใจ กุมคลิปลับไว้อีก
ใครจะยังสบายใจอยู่ได้
ไอศูรย์ กับ รามิล เคยพบกับนิทาน มาก่อนแน่ๆ
น่าจะเป็นตอนที่ยังเรียนอยู่
เป็นการแอบรักนิทาน ข้างเดียว?
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
พวกนายสามคนเคยเจอกันมาก่อนใช่ป่ะ?

ออฟไลน์ bvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
สงสานนิทานอ่ะ ไม่ชอบการบังคับ...บางที2คนนี้ควรได้รับการลงโทษบ้างนะ ถึงจะรักแต่บางครั้งการทำร้ายมันไม่ใช่เรื่องดี

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
เหตุผลว่ารัก แต่เริ่มต้นไม่ดีไง
เราเข้าใจนิทานนะ
ทุกคนมีความกลัว
ยิ่งประสบการณ์แรกรับไม่สวยงาม
ทันยิ่งรู้สึดแย่ๆในใจ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
มันถึงเวลาแล้วที่สามคนจะต้องเคลียร์ใจนะ
ถ้าเกิดว่าเคลียร์ไม่ลงตัวก้อส่งรพ.โรคประสาทเลยดีกว่า

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ไหน ๆ คุยกันแล้วเคลียร์กันไปโลด

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
เปิดอกเคลียร์กันให้รู้เรื่องไปเลยสิ ไหนๆก็มาไกลขนาดนี้แล้วอ่ะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
นิทานคงสับสนมาก

ออฟไลน์ Xert

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดถึงจังเลยค่ะ  :mew2:

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
รออยุน้าาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Akikoneko17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
20

สื่อไปไม่ถึง

           

 

คำสารภาพรักที่ออกมาโต้งๆจากปากของรามิลและไอศูรย์ ทำให้คนตัวเล็กคิดมากอยู่หลายวัน เขาหลบสายตาและพยายามไม่พูดคุย ไม่มองหน้าไอศูรย์และรามิล

                “เฮ้อ”

                นิทานก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไร และเขากำลังคิดมากเรื่องไหน แต่รู้แค่ว่าทุกครั้งที่นึกถึงคำสารภาพนั้น หัวใจของเขาก็เหมือนไม่เป็นหัวใจของตัวเอง มันหวั่นไหวทุกครั้งที่นึกถึง

                …โกหก มันต้องเป็นเรื่องโกหกแน่ๆ…

                เพราะไม่อาจจะทำใจยอมรับได้ ไม่อย่างนั้น เขาคงต้องคิดมากไม่จบไม่สิ้น แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ นิทานก็ไม่รู้ว่าตัวจะเป็นยังไงต่อไป

                “ทำไมยังไม่เข้าห้องทำงานอีกล่ะครับ”

                รามิลเข้ามาในห้องน้ำ นิทานสะดุ้งเฮือก มองซ้ายมองขวา มีเพียงเขาและชายหนุ่มแค่สองคนเท่านั้น

                “ฉันกำลังจะกลับพอดี”

                นิทานเลี่ยงจะเดินหนี แต่ทว่าเขาก็โดนรามิลรั้งเอาไว้ด้วยมือใหญ่ ชายหนุ่มจับแขนเล็ก

                “ทำไมต้องหลบหน้าผมด้วยครับ”

                น้ำเสียงที่เปล่งออกมา แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ นิทานเงยหน้ามอง เขาเม้มปากแน่น แล้วพยายามผลักอีกฝ่ายให้ออกห่าง

                “ฉันไม่ได้หลบหน้า”

                “โกหก ผมไม่เชื่อ”

                ใบหน้าที่ปกติมักจะยิ้มแย้มในยามนี้กลับบึ้งตึง

                “ปล่อยนะ นายไม่มีสิทธิ์จะมาทำกับฉันแบบนี้”

                “ทำไมจะไม่มีสิทธิ์”

                ดูเหมือนว่าความอดทนของรามิลจะสิ้นสุดลงแล้ว เขาดันร่างเล็กให้ชิดกับกำแพงห้องน้ำ แล้วก้มหน้าลงมาซุกไซ้ซอกคอขาว

                “อื้อ ปล่อยนะ ปล่อย!”

                ลิ้นร้อนลากเลียไปตามลำคอขาว ในขณะที่มือหนาสอดเข้าไปใต้เสื้อแล้วบีบขยี้ยอดอกเล็กอย่างหยอกเย้า เขาเผลอครางออกมาอย่างแผ่วเบา พยายามเรียกสติตัวเองกลับมา แต่เขาก็ต้านแรงและการเล้าโลมไม่ไหว

                “ทำอะไร!”

                พลั่วะ!

                ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนนิทานตกใจ เพราะจู่ๆไอศูรย์ก็เข้ามากระชากรามิลแล้วต่อยจนอีกฝ่ายล้มลงไปกระแทกกับพื้น รามิลหันขวับไปมองไอศูรย์ เขายันกายลุกขึ้นแล้วต่อยกลับ

                “หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

                นิทานทนมองไม่ได้ รีบเข้าไปห้ามทั้งคู่ จนกระทั่งโดนลูกหลง ถูกผลักจนศีรษะไปกระแทกกับผนังกำแพง

                “โอ้ย!”

                เสียงร้องของนิทานทำให้ไอศูรย์และรามิลชะงัก ทั้งคู่รีบเข้ามาประคองร่างเล็ก

                “เจ็บมากไหม”ไอศูรย์ถาม

                “ค่อยๆลุกนะ”

                รามิลพยุงนิทานให้ลุกขึ้น เขาเหลือบมองทั้งคู่ จู่ๆ ดวงตาก็เอ่อคลอไปด้วยน้ำ

สีใส

                “พวกนายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ทะเลาะกันทำไม”

                ทั้งสองนิ่งชะงักไป ไอศูรย์เป็นฝ่ายพูดก่อน

                “เมื่อกี้หมอนี่มันขืนใจคุณใช่ไหม”

                นิทานนิ่งเงียบ เขาหลบตาไอศูรย์ ร่างสูงรั้งนิทานมากอดแนบอก แล้วลูบหลังเบาๆ

                “ฉันบอกนายแล้วใช่ไหม ว่าอย่าทำแบบนี้อีก”

                “เหอะ ทำเป็นพูดดี จริงๆนายก็หงุดหงิดเหมือนกันใช่ไหมล่ะ ที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้”

                รามิลสวนกลับ ไอศูรย์นิ่งไป เขาเอ่ยเสียงเรียบ

                “วิธีที่นายทำ ฉันไม่คิดว่ามันจะดีหรอกนะ”       

                “นายปฏิเสธตัวเองไม่ได้หรอก ว่าลึกๆแล้ว นายก็อยากทำเรื่องเลวร้ายกับผู้ชายที่นายกอดจนใจแทบขาด”

                คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นทันที ไอศูรย์หลับตาลง แล้วพรูลมหายใจอย่างแผ่วเบา

                “วันนี้นายอยู่นอกห้อง ฉันจะดูแลท่านประธานในห้องเอง”

                พูดจบก็ประคองนิทานออกจากห้องน้ำ รามิลมองตามด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะกดยิ้มร้ายที่มุมปาก

                “ฉันไม่เป็นไรหรอก”

                นิทานขยับตัวออกห่างจากไอศูรย์ ใจเขาเพิ่งจะเริ่มหยุดเต้นแรงเมื่อเดินมาถึงห้องทำงาน ยิ่งเห็นทั้งคู่ทะเลาะกันแบบนี้เขายิ่งใจคอไม่ดี

                “เดี๋ยวผมไปหายามาทาให้นะครับ”
                เพราะหน้าผากของนิทานเหมือนจะช้ำจนเริ่มบวมเล็กน้อย ไม่นานไอศูรย์ก็กลับมาเปิดหลอดยาแล้วลงมือทายาให้กับเขา

                “ฉันไม่เข้าใจพวกนายเลยจริงๆ”

                มือใหญ่ชะงัก เขามองหน้านิทาน ใบหน้าคมคายไม่แสดงอารมณ์ใดๆ คนตัวเล็กเองก็ยังคงไม่สบตา

“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

                “ทำไมคุณถึงเมินผม”

                “ฉัน…”

                “เกลียดผมมากอย่างนั้นเหรอ”

                เขารีบเงยหน้ามองไอศูรย์ทันที ดวงตาคมกริบนั้นเหมือนแฝงไปด้วยความน้อยใจ นิทานสับสน ไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้

                “แล้วนายจะให้ฉันทำยังไง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มต้น พวกนายเหมือนกำลังล้อเล่นฉัน เล่นกับความรู้ฉัน คำว่ารักที่นายสารภาพ มันเป็นแค่คำพูดเล่นๆ รักเล่นๆ เล่นสนุกกับฉันใช่ไหม”

                คิ้วทั้งสองของไอศูรย์เริ่มขยับเข้าหากันอย่างช้าๆ แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวกำลังเคร่งเครียด เขาสบตากับนิทาน

                “ในเมื่อพวกเราบอกความจริงไป แต่คุณไม่เชื่อ แล้วจะให้พวกเราทำยังไง”

                “ฉันไม่รู้ว่าความจริงมันคืออะไรกันแน่ พวกนายรักฉันจริงๆงั้นเหรอ แต่ทำไมต้องข่มขู่ฉัน ฉันอยากรู้ความจริง ฉันอยากรู้ว่าพวกนายทำไปทำไม พวกนายเป็นคนยังไงกันแน่ แล้วกำลังคิดอะไรอยู่”

                ตลอดเวลาที่ผ่านมา นิทานไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว ทั้งรามิลและไอศูรย์เป็นยังไง บางครั้งก็เหมือนเป็นคนที่น่ากลัว แต่บางครั้งก็ใจดี อ่อนโยน และช่างเอาใจ

                “อยากรู้มากใช่ไหม ว่าพวกเราคิดอะไร”

                คนที่เอ่ยออกมาไม่ใช่ไอศูรย์ แต่เป็นรามิลที่เปิดประตูเข้ามา ชายหนุ่มขยับ เนคไทของตัวเอง แล้วปลดมันออกปล่อยลงกับพื้น

                “นะ นายทำอะไร”

                นิทานถามเสียงสั่น รามิลหันไปมองไอศูรย์

                “ฉันบอกแล้วว่าวิธีของนายมันไม่ได้ผล”

                ชายหนุ่มขยับแว่นตา แล้วถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

                “การบอกความรู้สึกไปตรงๆอย่างเดียวน่ะ มันสื่อไปไม่ถึงหรอก”

                กลายเป็นว่าคราวนี้ไอศูรย์ไม่ได้กางแขนออกมาปกป้องนิทานอีกแล้ว เขาปล่อยให้รามิลเข้ามาถึงตัวนิทานได้ทันที ฝ่ามือร้อนลูบไล้ไปตามเสื้อผ้าราคาแพง ก่อนจะกระตุกยิ้ม           

                “ดูสิ…แค่นี้ ท่านประธานตัวน้อยก็ใจเต้นแรงแล้ว”

                “ยะ หยุดนะ”

                “หืม…หยุดอะไรกันครับ หึหึ”

                รามิลหัวเราะเหมือนขบขัน เขาก้มลงไปดึงเสื้อสูทของนิทาน แล้วก้มลงมางับเข้าที่ยอดอกเล็ก คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือก ปรือตามอง ดวงตาคมกริบที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจทำให้นิทานหวั่นใจ

                “นายเองก็อยากจะเล่นสนุกใจแทบขาดไม่ใช่หรือไง”

                ชายหนุ่มตวัดสายตาไปมองไอศูรย์ พลางหยิบกุญแจมือที่มีลักษณะเป็นผ้าขนฟูสีชมพูอ่อนมาล็อกเข้าที่ข้อมือเล็กของนิทาน ร่างเล็กตกใจแต่ก็สายไปเสียแล้ว

                “อย่าทำอะไรบ้าๆนะ!”

                “อยากรู้ไม่ใช่เหรอครับ ว่าพวกผมคิดอะไร อยากจะทำอะไร ต้องการอะไร”

                “ไอศูรย์ นายช่วยฉันด้วย”

                นิทานหันไปขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่มที่อยู่ไม่ไกล ไอศูรย์มองด้วยสายตาที่เรียบเฉย

                “ทำไมคุณถึงไม่เชื่อในสิ่งที่พวกผมสารภาพ หรือว่าตลอดเวลาคุณไม่เชื่อใจในตัวพวกเราเลย”

                ไอศูรย์หรี่ตาลง นิทานเริ่มใจคอไม่ดี ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องตกมาอยู่ในสถานการณ์คับขันแบบนี้ รามิลถอดเสื้อสูทของตัวเองโยนทิ้งลงกับพื้น

                “แค่คำพูดมันไม่พอหรอก ร่างกายที่คุ้นเคยจนขาดไม่ได้ต่างหาก ที่จะยืนยันได้ ว่าคุณเป็นของพวกเราแล้ว”

                ไม่เพียงคำพูดที่น่ากลัว แต่ทั้งท่าทางและสายตาของรามิลก็ทำให้นิทานหวาดกลัวจนตัวสั่นขึ้นมา เขากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่อย่างเครียดหนัก กายเล็กพยายามจะหนีแต่เขาก็โดนรามิลโอบกอดไม่ให้ไปไหนได้ มือทั้งสองถูกจับกุม พยายามทุบตีอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดพ้นไปจากความน่ากลัวได้เลย

                “นายทำแบบนี้กับฉัน แล้วจะให้ฉันเชื่อใจได้ยังไง”

                “นี่เป็นการแสดงความรักของพวกเราต่างหากครับ”

                รอยยิ้มร้ายกาจที่แฝงความหื่นกระหายทำให้คนตัวเล็กตัวสั่น รามิลเข้ามาซุกไซ้ที่ซอกคอ ริมฝีปากร้อนขบเม้มทำรอย นิทานพยายามถอยหนี แต่ไอศูรย์ก็เข้ามาร่วมวงด้วย เขาเบิกตากว้างเมื่อเห็นชายหนุ่มเข้ามาสมทบ

                เสื้อผ้าของนิทานหลุดลุ่ยแทบไม่เหลือคราบประธานบริษัทที่น่าเคารพ สภาพของเขาตอนนี้ไม่ต่างกับสัตว์เล็กที่รอให้สัตว์ร้ายเข้ามาขย้ำเหยื่อให้สมใจอยาก

                “อย่าทำฉันนะ พวกนายจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้”

                มือเล็กพยายามปัดป้อง แต่ร่างกายก็โดนรุกราน ไม่อาจจะต่อต้านได้ ยอดอกเล็กถูกบีบขยี้อย่างหยอกเย้า รามิลก้มลงมางับกัดที่ยอดอก ตวัดลิ้นเลียไปเพื่อกระตุ้นให้คนตัวเล็กได้ครางพร่าด้วยความเสียวซ่านรัญจวนใจ ใบหน้าหวานหันหน้าหนี แต่ก็โดนไอศูรย์จับหันให้มารับบทจูบที่แสนรุนแรง ร่างสูงขบกัดริมฝีปากเล็กจนเจ็บช้ำ นิทานได้กลิ่นคาวเลือด ปลายลิ้นร้อนไล้เลียที่มุมปาก สัมผัสหยาบกร้านจากมือหนาลูบไล้ไปตามลำตัว

                เรือนกายขาวเนียนโดนความร้อนจากกายสูงใหญ่แนบชิด  แม้พยายามจะหลบหลีก แต่ก็ไม่อาจจะหลบได้ ทั้งด้านบนและด้านล่างถูกริมฝีปากสวยงับเม้มดึงรั้ง มือช่วยดึงออก จนเผยให้เห็นหมดทุกสัดส่วน

                “ทะ ที่นี่มันที่ทำงานนะ”

                สติของนิทานแทบจะไม่เหลือ แต่เขาก็พยายามจะห้าม มือเล็กพยายามยกดันร่างสูงโปร่งให้ออกห่าง แต่ลมหายใจอุ่นร้อนที่คลอเคลีย ปากเรียวที่ปลุกเร้าก็นำพาสติของนิทานให้เลือนหายไป

                “อะ อื้อ ยะ หยุดนะ เดี๋ยวมีคนมาเห็น”

                ร่างเล็กบอกเสียงสั่นพร่า รามิลเงยหน้ามาจากช่องทางด้านหลัง ลากลิ้นเลียตั้งแต่พวงเนื้อใต้แก่นกายไล้ขึ้นไปจนถึงปลายยอดแล้วตวัดลิ้นเลียซ้ำๆที่ส่วนหัว

                “อะ อึก”

                “ไม่มีใครมารบกวนพวกเราหรอกครับ ท่านประธาน”

                มือร้อนจับแท่งเนื้อเล็กให้พอดีมือ แล้วก้มลงไปดูดเลียอย่างเอร็ดอร่อย ไอศูรย์เองก็ทำรอยรักไปทั่วแผงอกขาว อ้าปากงับกัดยอดอกเล็กจนนิทานหวีดเสียงร้องด้วยความเจ็บ ขยุ้มกลุ่มผมนิ่มไว้ในมือ ดวงตากลมปรือปรอยอย่างทรมาน

                “ยะ หยุดที อื้อ หยุด”

                แต่การปลุกเร้าหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อยๆ เขาพยายามจะดึงสติตัวเองให้กลับมาแต่ก็ยากเหลือเกิน รามิลก้มต่ำลงไปดูดเลียช่องทางด้านหลัง เพื่อเตรียมตัวให้นิทานเจอกับของที่แสนใหญ่โต ไอศูรย์กระชากเนคไทเสื้อตัวเองออก แล้วรัดมันเข้าที่แก่นกายเล็กอย่างรุนแรง

                “ฮือ ปล่อยนะ เอาออกไป”

                ชายหนุ่มกระตุกยิ้มร้าย แล้วเลียหยาดน้ำตา ยกแขนทั้งสองขึ้น ลากลิ้นเลียไปใต้วงแขน ซุกไซ้ไปตามเรือนร่าง สูดกลิ่นกายหอมหวานที่ยั่วยวนใจ

                “อะ อื้อ”

                เหงื่อมากมายผุดขึ้นเต็มใบหน้าของนิทาน ร่างกายของเขาถูกปลุกเร้าอย่างรุนแรงจนดวงตาพร่าเบลอ

                มือใหญ่รูดชักแก่นกายของตัวเองที่ตื่นตัวเต็มที่ รามิลยันกายลุกขึ้น เขามองสบตากับไอศูรย์ นิทานรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา

                “พวกนายจะทำอะไร อ๊ะ!”

                เขาร้องเสียงหลง เมื่อไอศูรย์ช้อนตัวเขาขึ้นมา โดยอุ้มจากด้านหลัง แขนแกร่งช้อนเข้าที่ข้อพับขาทั้งสองของนิทาน ช่องทางรักเผยให้เห็นเต็มตารามิล ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม

                “นายนี่รู้ใจฉันจังเลยน้า”

                “หึ หึ”

                มีเพียงเสียงหัวเราะในลำคอ แต่ก็ดังมากพอที่จะทำให้นิทานใจเสีย แท่งเนื้อของเขาสั่นระริกอย่างน่ากลัว อยากปลดปล่อยเต็มที่ ช่องทางด้านหลังเต้นตุบตับรอการสัมผัสอย่างรุนแรง ใบหน้าหวานสั่นไปมา เพราะกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

                “ฮะ ฮ้า อ๊า!!”

                นิทานครางลั่นด้วยความเจ็บปนเสียว เมื่อรามิลอัดแก่นกายใหญ่โตเข้ามาในร่างกายของเขาจนสุดโคน แล้วถอนสะโพกออกอย่างแรงจนดังบ๊วบ

                “อะ อื้อ พะ พวกนาย”

                ใบหน้าหวานแดงซ่านเพราะความอับอาย ไอศูรย์ยกคนตัวเล็กสูงขึ้นอีกเล็กน้อย รามิลรู้งาน เขาจับก้นของนิทานให้แยกออก ก่อนจะค่อยๆกดลงมาให้กลืนกินแก่นกายของไอศูรย์ เขาจับแขนเล็กให้มาคล้องคอแกร่ง

                “อะ อื้อ”

                ยิ่งขยับตัว ภายในก็ยิ่งเสียดสี น้ำหนักทิ้งลงมาตามแรงโน้มถ่วงโลก รามิลขยับเข้ามาจับขาทั้งสองของนิทานรั้งเอาไว้ ไอศูรย์บีบขยำก้นนิ่มอย่างเมามัน ก่อนจะขยับสะโพกสวนใส่เข้าออกอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงกระทบ

                “อะ อ๊า”

                นิทานครางลั่น ใบหน้าฟุบกับไหล่รามิล เมื่อไอศูรย์ถอนตัวออก แล้วรามิลก็แทรกเข้ามาใหม่ ทั้งคู่ทำสลับไปมาไม่หยุดหย่อน คนตัวเล็กได้แต่อับอาย แต่ร่างกายก็ครวญครางอย่างนึกรังเกียจตัวเองขึ้นมา

                “ได้ยินไหมครับ เสียงเมื่อกี้น่ะ”

                รามิลกระซิบถามว่านิทานได้ยินเสียงตอนที่เขาถอนกายออกไหม คนตัวเล็กได้แต่ก้มหน้างุด ร่างกายบิดเร้า สองหนุ่มมองหน้ากัน แล้วจับแก่นกายทั้งสองให้ค่อยๆแทรกเข้าไปในช่องทางที่อ่อนนุ่ม

                “อ๊ะ อ๊า”

                ช่องทางรักถูกเติมเต็มด้วยความเป็นชายทั้งสองแท่ง นิทานสะดุ้งเฮือก แอ่นกายขึ้นอย่างทรมาน ความอึดอัดแล่นไปทั่วร่างจนเขาแทบจะขาดใจตาย ร่างเล็กครางเสียงกระเส่าอย่างรัญจวนปนทรมาน เมื่อคนรักทั้งสองเริ่มขยับสะโพกสวนใส่

                “มะ ไม่ไหว ฮือ พอเถอะ พอสักที อะ อ๊ะ พะ”

                คนตัวเล็กร้องขอไม่ได้ศัพท์ ทั้งจุก ทั้งเสียว จนแก่นกายเล็กสั่นระริกไม่หยุดเพื่อรอการปลดปล่อย ใบหน้าหวานอาบไปด้วยน้ำตาที่เกิดจากความสุขสมจนทนแทบไม่ไหว

                เสียงเนื้อเสียดสีไม่หยุด ทำให้นิทานแทบจะขาดใจ ช่องทางรักขยายมากขึ้นเริ่มชินกับการต้องรับทั้งสองเข้ามาในร่างกาย

                “อะ อึก”

                เป็นรามิลที่ปลดปล่อยออกมาก่อนแล้วสุดท้ายตามมาด้วยไอศูรย์ ส่วนคนตัวเล็กยังคงทรมานไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้

                “ตรงนั้น ชะ ช่วยที”

                นิทานร้องขออย่างทรมาน แก่นกายเล็กสั่นสะท้านอย่างน่าสงสาร รามิลและไอศูรย์ระบายยิ้มอย่างเอ็นดู เขาปล่อยให้นิทานได้ยืนกับพื้น แต่คนตัวเล็กก็อ่อนแรงจนแทบทรุด รามิลช้อนกายเล็กอุ้มขึ้นแนบอกเดินพาไปตรงกระจกห้องที่มองผ่านออกไปเห็นตึกด้านนอกได้

                “อย่า ไม่เอา อย่านะ”

                คนตัวเล็กพยายามดิ้นหนี ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน เขาอายจนไม่รู้จะเอาหน้า

ไปไว้ไหน แก่นกายเล็กเสียดสีไปกับกระจก รามิลจับก้นนิ่มแบะออกแล้วแทรกกายเข้าไปในร่างเล็ก

                “อะ อ๊า!!!”

                “อ่า…รัดแน่นจังเลยนะครับ”

                รามิลหยอกเย้า เขาเคลื่อนกายเข้าออกจากกายเล็กอย่างเอาแต่ใจ ปลายนิ้วเลื่อนไปบดขยี้ยอดอกสวย ไอศูรย์รั้งใบหน้าน่ารักแล้วกดจูบริมฝีปากสวย

                เมื่อสิ้นสุดความร้อนรุ่ม รามิลจึงผละกายออก แล้วกลายเป็นไอศูรย์ที่เคลื่อนกายเข้ามาแทนที่ นิทานต้องแบกรับความร้อนแรงจากเลขานุการทั้งสองไม่หยุดหย่อน ภายในช่องทางรักบวมช้ำเต็มไปด้วยน้ำขาวขุ่น

                รามิลเป็นคนปลดเนคไทให้กับนิทาน เขาจึงได้ปลดปล่อยออกมาจนเลอะเปรอะเปื้อนกระจกห้อง กายเล็กทรุดลงอย่างหมดแรง ไอศูรย์ช้อนกายนิทานขึ้นอุ้มไปยังโซฟา เขาลูบผมนิ่มของคนตัวเล็กอย่างอ่อนโยนก่อนจะก้มลงมาจูบหน้าผากสวย

                “ไหวไหมครับ”

                ไอศูรย์ถาม นิทานปรือตามอง ครั้งนี้เขาไม่ได้หมดแรงจนสลบไป มือเล็กถูกปลดกุญแจข้อมือแล้ว

                “ฉันอยากจะฆ่าพวกนายจริงๆ”

                น้ำเสียงนั้นอ่อนล้า ดวงตาไม่ได้ดุดัน แต่มันเต็มไปด้วยความเง้างอน คนตัวเล็กพยายามทุบตีไอศูรย์แต่แรงนั้นช่างน้อยนิดจนชายหนุ่มนึกเอ็นดู จับมือเล็กมาจูบ

                “อย่าโกรธเลยนะครับ”ไอศูรย์พูดขึ้น

                “พวกนายมันใจร้าย”

                คนตัวเล็กเบือนหน้าหนี รามิลจับขาเล็กแยกออกแล้วสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางด้านหลัง นิทานสะดุ้งเฮือก

                “จะ จะทำอะไร”

                “แค่จะเอาของพวกเราออกน่ะครับ เดี๋ยวจะนอนไม่สบายตัว”

                ชายหนุ่มบอกอย่างอารมณ์ดี เห็นได้ชัดเลยว่า พอได้กินท่านประธานตัวน้อยไปอย่างอิ่มหนำสำราญ สีหน้าของทั้งสองก็เบิกบานใจจนนิทานหมั่นไส้

                “มะ อื้อ ไม่ต้อง…ออกไปนะ”

                แม้จะพยายามดิ้น พยายามหนีก็ไม่พ้น เขาเหมือนถูกกลั่นแกล้ง ต้องพยายามสะกดกลั้นความเสียวซ่าน กลั้นเสียงคราง จนกระทั่งรามิลทำความสะอาดให้จนเสร็จ

                ทั้งรามิลและไอศูรย์เข้ามาช่วยทำความสะอาดร่างกายให้กับเขาแล้วสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เพราะไม่อยากให้ร่างเล็กไม่สบาย นิทานได้รับการดูแลด้วยสภาพที่เหนื่อยอ่อน โต้เถียง ขัดแย้งไม่ได้

                “ถ้าเหนื่อยก็นอนพักนะครับ”

                นิทานปรือตามองไอศูรย์ ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว

                “ทำยังไง นายถึงจะให้ล็อกเกตฉันเหรอ”

                “อืม ยังไงดีน้า”

                รามิลกอดอก กรอกตาคิดไปมา แล้วคลี่ยิ้มหวานตอบ

                “งั้นก็ลองอ้อนพวกเราดูสิครับ อ้อนมากๆ เดี๋ยวพวกเราก็ใจอ่อนเอง”

 

 100%

จะกลับมาทะยอยอัพให้จนจบนะคะ



 เปิดรีปริ้น royal-tiger-คุณพ่อครับ มาเป็นเมียผมเถอะ

http://www.tunwalai.com/chapter/743291/%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99-royal-tiger-%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A-51016-51216





 

 

 

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
 :z3: :z3: :z3:
สงสารนิทาน การกระทำมันก็สำคัญพอๆกะคำพูดนั่นแหละ พูดว่ารัก แต่การกระทำไม่ดีเลย เป็นใคร ใครก็ไม่อยากจะเชื่ออ่ะ เอะอะก็ปล้ำ แถมขู่อีก เฮ้อออ :เฮ้อ:

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
...การกระทำแบบนี้ฉันจะเชื่อพวกนายดีไหมเนี้ยย!! วุ้ย :beat: ทำตัวดีหน่อยๆ เดี๋ยวเค้าจะพานิทานหนี เดี๋ยวๆๆ o18 o18

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
                      :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ bvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
ลองให้นิทานหายไป ดูซิว่าพวกนี้จะทำยังไง

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
อย่าตะหลบหลังเลขาสองคนนี้บ้างจัง!

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เอิ่ม......อยากรู้ความรู้สึกจริงๆ ของนิทาน
ต้องใช้ภาษากายสินะ ได้ผลเลย
นิทาน เอ่อ.....ถูกปรนนิบัติซะ .....เหนื่อยเลย
ส่วนไอศูรย์ รามิล หน้าตาเบิกบานมีความสุข เลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Akikoneko17

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-2
21

อ้อนหน่อยนะ

 

                นิทานไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำว่า ‘อ้อน’ สักเท่าไหร่นัก มันหมายถึงให้เขาเข้าไปคลอเคลียชายหนุ่มทั้งสองเหมือนกับพวกลูกแมวตัวน้อยหรืออย่างไร คนตัวเล็กนั่งถอนหายใจอยู่บนเตียงกว้าง ผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้วที่เขาโดนเลขานุการทั้งสองทำเรื่องน่าอับอายภายในห้องทำงานอีกครั้ง

                “ถ้าพวกนั้นใจอ่อน เรื่องทุกอย่างก็จะจบ”

                รู้ดีว่าถ้าทุกอย่างจบ นั่นหมายถึงเขาและทั้งสองก็ต้องจบความสัมพันธ์ต่อกันด้วย เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกใจหายขึ้นมา

                “ไม่ ทุกอย่างจบก็ดีแล้ว”

                ทั้งที่ควรโกรธเคือง แต่นิทานกลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย ร่างเล็กนอนพลิกกระสับกระส่ายไปมาบนเตียง

                เขาควรจะโกรธแค้นให้มากกว่านี้ เขาควรจะเอาคืนพวกนั้นบ้าง แล้ววิธีการเอาคืนของเขาควรจะเป็นยังไง

                “ทำไมยิ่งคิดยิ่งปวดหัวนักนะ”

                ได้แต่ขยี้ผมของตัวเองท่ามกลางความมืด เพราะคิดไม่ออกกับหนทางเอาคืนให้ไอศูรย์และรามิลได้เจ็บปวด

                สุดท้ายนิทานก็รู้แค่ว่าเขาคงต้องทำดีกับไอศูรย์และรามิลให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้น เรื่องราวทุกอย่างก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เขาก็ยังคงตกเป็นเบี้ยล่างของ

ทั้งคู่ดังเดิม

                เช้าวันใหม่เริ่มต้นอีกครั้ง ก่อนจะเข้าบริษัท นิทานแวะร้านขนม เพื่อซื้อขนมติดมือไปด้วย เขาเข้ามาถึงบริษัท ด่านแรกที่เจอก็คือไอศูรย์ที่นั่งเตรียมความเรียบร้อยต่างๆอยู่ที่หน้าห้อง

                “เอ่อ คือ”

                เสียงเรียกของนิทาน ทำให้ไอศูรย์ต้องหันไปมอง เขาเอียงคอเล็กน้อย แล้วกล่าวทักทายเหมือนดังทุกวัน

                “เอ่อ ฉันซื้อมาฝาก”

                กล่องขนมคัพเค้กถูกยื่นมาตรงหน้าของไอศูรย์ นิทานไม่รู้ว่าจะเริ่มทุกอย่างยังไง เขาเป็นผู้ชายจะให้ไปอ้อนผู้ชายด้วยกัน มันก็คงแปลกๆ ถ้าซื้อของไปเอาใจ น่าจะเป็นอะไรที่เขาเข้าใจมันได้ง่ายมากกว่า

                “นายไม่เอาเหรอ”

                ใบหน้าที่ดูผิดหวังเกิดขึ้น เมื่อไอศูรย์ยังยืนนิ่ง และมองหน้านิทาน

                “คุณอยากให้ผมรับไว้เหรอครับ”

                “อะ อื้อ”

                “งั้นมาใกล้ๆผมอีกหน่อยสิ”

                “เอ๊ะ”

                เขาได้แต่เลิกคิ้วด้วยความงุนงง แต่ก็ยอมเข้าไปใกล้แต่โดยดี ไอศูรย์รั้งกายเล็กมาสวมกอด นิทานดิ้นขลุกขลักไปมา พยายามยกมือดันแผงอก

                “ทำอะไรน่ะ เดี๋ยวมีคนมาเห็นหรอก”

                “ผมอยากกอด ไม่ได้เหรอครับ”

                เสียงทุ้มดังข้างใบหู ใบหน้าหล่อเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ นิทานยกมือทุบแผงอกกว้างรัวๆ

                “ปล่อยนะ”

                “แหมๆๆ แต่เช้าเชียวนะ”

                รามิลเปิดประตูออกมา เขายืนกอดอก ไหล่พิงกำแพง มองดูทั้งสองด้วยรอยยิ้ม

                “นี่ฉันซื้อขนมมาให้นายด้วย”

                “ใจดีจังเลยนะครับ”

                พูดไปก็ยิ้มไปอย่างเอ็นดู ท่าทางที่เขินจนหน้าแดงของท่านประธานตัวน้อย ไอศูรย์ไม่ยอมให้ร่างเล็กหลุดจากอ้อมกอดไปได้ง่ายๆ จมูกโด่งเคลื่อนต่ำลงมาจนสัมผัสแก้มนิ่ม

                “อ๊ะ”

                นิทานสะดุ้ง หันขวับไปมอง ทั้งสองหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ

                “ปล่อยนะ!”

                ความขุ่นเคืองเริ่มเกิดขึ้น เมื่อทั้งรามิลและไอศูรย์มีความสุขกันเสียเหลือเกิน ไอศูรย์บอกด้วยรอยยิ้ม

                “ไม่ปล่อยครับ”

                “นายช่วยบอกให้หมอนี่ปล่อยฉันทีสิ ฉันจะไปทำงาน”

                ในเมื่อเอาตัวรอดเองไม่ได้ คนตัวเล็กเลยหันไปขอความช่วยเหลือจากรามิล ชายหนุ่มมองการเอาตัวรอดของนิทาน แต่ก็ไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือ ทำให้คนตัวเล็กเริ่มแสดงใบหน้าง้ำงอ

“ทำไมนายไม่เข้ามาช่วยฉันล่ะ”

“ก็ลองอ้อนให้ผมช่วยสิครับ”

รามิลยังคงเจ้าเล่ห์ นิทานกัดปากอย่างคิดไม่ตก เขาจะออดอ้อนรามิลอย่างไรดีอีกฝ่ายถึงจะยอมช่วย ส่วนไอศูรย์นั้นแทนที่จะห้ามปราม กลับรอดูการเอาตัวรอดของนิทานเสียอย่างนั้น

“ชะ ช่วยฉันด้วย”

นิทานบอกเสียงแผ่ว พร้อมมองหน้ารามิล แต่ชายหนุ่มก็ยังนิ่งเฉย เขาจึงพยายามมากขึ้นอีก

“รามิล ช่วยฉันด้วยนะ นะ นะ”

นิทานส่งสายตาอย่างวิงวอน เหมือนกระต่ายน้อยน่ารักที่ร้องขอชีวิตยามโดนนายพรานจับกุม แต่รามิลก็ยังคงใจแข็ง ไอศูรย์กระตุกยิ้ม

“อ้อนผมไม่เร็วกว่าเหรอครับ”

ชายหนุ่มที่โอบกอดเขาไว้เป็นคนเสนอบอกแทน นิทานอึ้งไป

“นายปล่อยฉันเถอะนะ ฉันอยากไปทำงานแล้ว”

แต่ไอศูรย์ก็ยังนิ่งเฉยต่อคำขอ รามิลหัวเราะเบาๆในลำคออย่างชอบใจ รอดูคนตัวเล็กแสดงท่าทางน่ารักต่อไป

“ไอศูรย์”

นิทานจับเสื้อสูทของชายหนุ่มแล้วดึงไม่แรงมากนัก แต่ก็ทำให้ไอศูรย์รับรู้ถึงแรงที่ส่งไป

“ปล่อยฉันเถอะนะ”

สายตาคู่สวยช้อนมองอย่างไร้เดียงสา คนตัวสูงระบายยิ้มอ่อนโยนแล้วเผลอปล่อยนิทานให้หลุดจากอ้อมกอด รามิลค่อนข้างขัดใจที่อีกฝ่ายแพ้ทางจนได้

“เอาล่ะ หมดเวลาเล่นแล้ว”

เมื่อหลุดออกมาได้ ร่างเล็กก็ปั้นหน้านิ่ง  ทั้งที่หัวใจเต้นโครมครามแทบจะหลุดออกมา ทั้งเขินทั้งอายจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี

รามิลและไอศูรย์มองตามนิทานที่รีบเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานโดยที่ไม่ยอมหันมามองเลขานุการทั้งสองอีก

รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อทั้งสอง รามิลเหลือบตามองเพื่อนร่วมงานที่มีสีหน้าแต้มไปด้วยความสุข แม้จะไม่ได้แสดงออกมาจนเห็นได้ชัดมากมายนักก็ตาม

“ปล่อยตัวง่ายจังเลยนะ”

ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ไอศูรย์หย่อนกายนั่งลงที่เก้าอี้ พลางวางแขนทั้งสองบนโต๊ะ ผสานมือเข้าหากัน

“ก็น่ารักขนาดนั้น”

“นั่นสินะ”

นี่ขนาดถูกบังคับให้อ้อน ยังน่ารัก น่ากอดขนาดนี้ ถ้าหากวันหนึ่งเจ้าตัวเกิดอยากอ้อนขึ้นมาจริงๆ พวกเขาจะเป็นอย่างไร คงได้แพ้ทาง ยอมไปหมดเสียทุกอย่าง

 

-------+++++-------

 

“เอ่อ เย็นนี้ไปดูหนังกับฉันนะ ได้ไหม”

หลังเลิกงาน นิทานเข้ามาอ้อนชวนไอศูรย์กับรามิลด้วยท่าทางที่เก้อเขิน ใบหน้าน่ารักเห่อร้อนขึ้นมา เพราะปกติเวลาจะไปไหน คนที่ชวนก็คือสองหนุ่ม ส่วนนิทานมีแค่ทำตามเท่านั้น แต่วันนี้เจ้าตัวเป็นฝ่ายเชื้อเชิญก่อน จึงทำให้ทั้งคู่ค่อนข้างที่จะแปลกใจ

“เย็นนี้เหรอครับ”

ไอศูรย์เลิกคิ้วเหมือนสงสัย นิทานพยักหน้า

“ก็พรุ่งนี้เป็นวันหยุด”

เขาพูดเสียงไม่ดังมากนัก แต่ทั้งคู่ก็ได้ยินชัด พอจะเข้าใจถึงสาเหตุที่นิทานเอ่ยชวน คงจะเริ่มเปลี่ยนแผนมาเอาใจพวกเขาให้ใจอ่อน ท่าทางที่พยายามเข้าหาแบบนี้ ก็น่ารักไม่ใช่น้อย ชวนให้รามิลอยากจะจับนิทานเปลื้องผ้าแล้วฟัดให้หายหมั่นเขี้ยว

“เอ่อ พวกนายไปกับฉันนะ”

เอ่ยชวนเองก็กระดากอายเอง แต่ที่ต้องพยายามทำใจกล้า เพราะสมองสั่งว่าเขาควรจะจบปัญหาพวกนี้ได้แล้ว ทำไมเขาถึงได้ปล่อยให้มันยืดเยื้อ

ความสัมพันธ์ของมนุษย์นั้นซับซ้อน หากยิ่งปล่อยให้เนิ่นนาน นิทานก็กลัวใจตัวเอง เขากลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถวิ่งหนีออกมาจากทั้งสองคนได้ แต่ที่น่ากลัวมากกว่านั้น ก็คงเป็นเพราะเขากลัวว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายไม่ยอมปล่อยมือทั้งสองคน

“ไปสิครับ ท่านประธานอุตส่าห์ชวนพวกเราทั้งทีนี่นา”

รามิลเป็นฝ่ายตอบตกลงก่อน ไอศูรย์เองก็พยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าตกลงเช่นกัน

นิทานลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะตอนแรกคิดว่าทั้งคู่อาจจะแปลกใจจนไม่อยากจะไปด้วยกัน แต่เมื่อทั้งสองตอบกลับมาแบบนี้ เขาก็ค่อยโล่งใจ

“ไปกันเถอะครับ”

ไอศูรย์กล่าวขึ้น พลางผายมือเล็กน้อยให้คนตัวเล็กเดินนำไปก่อน ถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสามคนจะก้าวข้ามคำว่าเจ้านายกับลูกน้อง แต่ไอศูรย์ก็รู้ว่าที่นี่คือบริษัท ต่อหน้าคนอื่น เขาก็อยากให้ทุกคนเคารพนิทานในฐานะประธาน ไม่ใช่เดินตามเลขานุการทั้งสอง

แม้ทั้งคู่จะอยากเดินกุมมือของนิทานขนาดไหน แต่ก็รู้ขอบเขตมากพอ เพราะคนที่ไม่พึงพอใจนิทานนั้นมีรอบตัวไปหมด ถึงท่านประธานตัวน้อยจะพยายามอย่างไร สุดท้ายก็ไม่วายโดนมองว่ายังอ่อนประสบการณ์อยู่ดี

“อ๊ะ”

นิทานได้แต่ร้องเสียงหลงอย่างตกใจ เมื่อมาถึงลานจอดรถ ที่แทบไม่มีผู้คนเพราะพวกเขาลงมาช้ากว่าเวลาเลิกงานในวันปกติ เขาหันขวับไปมองเจ้าของมือที่ลูบก้นเขาอยู่ ถึงไม่บอกก็รู้ว่าคือรามิล

“ทำอะไรของนาย”

“ก็มันน่าจับนี่ครับ”

ว่าพลางยิ้มจนเห็นฟันขาว ไอศูรย์เองก็ไม่ยอมน้อยหน้า เขาจับใบหน้าเล็กให้หันมาหาแล้วกดจูบที่แก้มนิ่ม

“ขอพลังครับ”

แก้มนิ่มขึ้นสีทันที รามิลเป็นฝ่ายเปิดประตูให้กับนิทาน ในขณะที่ไอศูรย์ขึ้นไปนั่งในตำแหน่งคนขับ

แม้จะพยายามเคยชินมากแค่ไหน แต่นิทานก็ไม่อาจจะข่มความเขินอายไปได้ เขาได้แต่แกล้งมองไปนอกกระจกรถ ทำเป็นไม่สนใจ แต่การกระทำของนิทานก็อยู่ในสายตาของทั้งสองอยู่ดี

“จะทานอะไรก่อนไหมครับ”

หลังจากมาถึงโรงภาพยนตร์ได้พักใหญ่ และซื้อตั๋วหนังแล้ว กว่าหนังจะฉายก็อีกเกือบหนึ่งชั่วโมง เวลาในตอนนี้ก็เกือบสองทุ่มแล้วด้วย

“พวกนายอยากกินอะไรล่ะ”

ถ้าในเวลาปกติ ทั้งคู่มักจะเป็นฝ่ายถามนิทานว่าอยากทานอะไร แต่คราวนี้ คนตัวเล็กชิงถามไปเสียก่อน

“ถ้าตอบว่ากินท่านประธาน จะได้หรือเปล่าครับ”

รามิลสวนกลับอย่างรวดเร็ว เรียกความร้อนผ่าวให้แล่นทั่วใบหน้า

“จะ จะบ้าเหรอ”

ได้แต่ตอบเสียงติดขัด เขาไม่ชอบการถูกหยอกเย้าแบบนี้เลย เพราะมันทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะชอบกล ทั้งๆที่นิทานพยายามตอกย้ำตัวเองว่าทั้งสองคนคือโรคจิตที่ทำเรื่องน่าอายกับเขาตั้งมากมาย แถมเป็นผู้ชายใจร้ายที่ไม่น่าให้อภัย แต่ทำไม พอยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งได้ฟังเสียง ได้รับสัมผัส ร่างกายเขาก็โอนอ่อนและตอบสนองเข้าไปทุกที

“ไปกินพิซซ่ากันไหมครับ”

เพราะพวกเขาเดินไป คุยไป จนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าร้านพิซซ่าพอดี รามิลหันไปมองไอศูรย์

“ไม่ใช่ว่าคิดไม่ออก แล้วเจออะไร ก็เลือกไปหรอกนะ”

“แล้วนายคิดออกหรือไง”

ทั้งคู่มองหน้ากัน เพราะความคิดเดียวกันในตอนนี้ สิ่งที่น่าทานมากที่สุดคงเป็นคนข้างๆกาย

“เอ่อ งั้นไปกินบุฟเฟต์ไหม มีตั้งหลายอย่าง”

คนตัวเล็กเอ่ยขึ้นมา เมื่อเห็นสองหนุ่มเริ่มทำหน้าตึงใส่กัน เพราะดูเหมือนว่ารามิลจะไม่ได้อยากทานพิซซ่า

“ท่านประธานอยากท่านบุฟเฟ่ต์เหรอครับ”

รามิลหันมาถาม ไอศูรย์เองก็หันมามองเช่นกัน

“เอ่อ คือ ฉันก็คิดว่ามันก็ดีนะ”นิทานยิ้มเจื่อนๆ

“งั้นเอาเป็นว่า เป็นบุฟเฟต์แล้วกัน”

ไอศูรย์สรุป รามิลก็พยักหน้าเห็นด้วย นิทานนิ่งไปพักหนึ่ง เพราะถ้าเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต่างจากเดิม ที่เขาต่างหากที่ถูกเอาใจ แต่นิทานก็ไม่ทันได้พูดเรื่องนั้น เพราะสติของเขาหายไป เมื่อมือทั้งสองข้างโดนทั้งคู่จับกุมคนล่ะฝั่ง แล้วพาเดินไปยังร้านอาหารบุฟเฟต์นานาชาติ

 

-------+++++--------

 

หลังจากผ่านพ้นการทานอาหาร ทั้งสามก็เข้ามาในโรงภาพยนตร์ แม้นิทานจะปรามว่าไม่ต้องซื้อน้ำและป๊อบครอนแล้วเพราะเขาอิ่มจนท้องตึง แต่รามิลก็กลัวว่านิทานจะหิวและกระหายน้ำขึ้นมาระหว่างชมภาพยนตร์

...ช่างเป็นเลขานุการที่ดูแลเอาใจใส่เจ้านายได้ดีจนน่าหมั่นไส้...

“ท่านประธานนั่งตรงกลางแล้วกันนะครับ”

ไอศูรย์บอก เขาเดินเข้าไปนั่งก่อน แล้วดึงคนตัวเล็กให้นั่งตรงกลางระหว่างเขาและรามิล แม้จะอยากนั่งแบบสันโดษ แต่ก็คงทำไม่ได้

ภาพยนตร์ที่ทั้งสามเลือกดู แม้นิทานจะบอกให้รามิลและไอศูรย์เป็นคนเลือก แต่ไปๆมาๆ ก็วนมาเป็นนิทานเลือกโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เขาเลือกแนวต่อสู้ ทั้งๆที่ไม่ได้ชอบ เพราะเขาคิดว่าจะเป็นแนวที่เลขานุการของเขาชอบจึงได้เลือกเพื่อเอาใจ

“อึก”

นิทานสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อรับรู้ถึงฝ่ามือร้อนที่เลื่อนมากอบกุมมือซ้ายของเขา แน่นอนว่าคือไอศูรย์ ในขณะที่รามิลกลับวางมือบนต้นขานิทาน แล้วลูบไล้มันเบาๆ

“รามิล อย่า”

นิทานพยายามห้าม แต่ใบหน้าหล่อกลับเคลื่อนมาคลอเคลียเสียอย่างนั้น ไอศูรย์รั้งศีรษะเล็กให้เข้ามาใกล้ เหมือนต้องการให้เลี่ยงจากรามิล

“คิดจะหาเรื่องกันเรอะ”

รามิลเริ่มคิ้วกระตุก ไอศูรย์หันไปกล่าวเสียงเรียบ

“งั้นนายก็ทำตัวดีๆสิ”

“หึ”

รามิลไม่คิดว่าไอศูรย์จะเป็นคนดีอย่างที่พูด เพราะเจ้าตัวเองก็เนียนพรมจูบที่ศีรษะของคนตัวเล็ก

...ทำเป็นคนดี สุภาพบุรุษ จริงๆก็ใจอกุศลเหมือนกัน...

“เอ่อ ดูหนังกันเถอะเนอะ”

เขาผละออกจากไอศูรย์ พยายามทำใจสู้ เขาเป็นฝ่ายเลื่อนมือไปวางทับมือของรามิลและไอศูรย์ ทั้งซ้ายและขวา แต่ก็ทำให้ทั้งคู่เงียบไป และตอบรับมาเพียงคำว่า 'ครับ'

นิทานเองก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกบางอย่าง ปกติมักจะเป็นฝ่ายโดนรุก แต่พอเป็นฝ่ายเข้าหาเองบ้าง แล้วได้รับการตอบสนองที่ดี ก็ทำให้หัวใจเขาอิ่มเอมขึ้นมา ทั้งๆที่เขาคิดว่าไม่ควรจะรู้สึกแบบนั้น

ภาพยนตร์ฉายไปเรื่อยๆอยู่พักใหญ่ นิทานไม่ชอบการสู้รบ เขานั่งดูอย่างปรือตา มือที่เลื่อนไปจับมือทั้งคู่ก็ชักกลับมาวางที่ตัก ร่างกายโงนเงนเล็กน้อย กระทั่งทั้งดูทั้งฟังไปเพลินๆ จนปิดเปลือกตาลง

“อ่า...”

รามิลหันไปมองคนตัวเล็กที่หลับเรียบร้อยแล้ว ศีรษะนั้นก็เอนไปซบไหล่ของรามิล พร้อมกับหลับตาพริ้ม

“น่ารักชะมัด ถ้าจับกดตรงนี้ จะได้ไหมน้า”

ว่าพลางไล้นิ้วไปตามพวงแก้มนิ่ม นิทานขยับกายเล็กน้อย เหมือนหาไออุ่น ไอศูรย์หันไปมอง

“เจ้าบ้า”

“จริงๆนายเองก็อยากทำใช่ไหมล่ะ”

รามิลรู้ทัน เสียงระเบิดดังกระหึ่มในโรงหนัง ภายใต้ความมืดสลัว กลับมีสายตาเจ้าเล่ห์ของทั้งสองจ้องมองร่างเล็กที่นอนหลับไม่สนใจอะไรเลย ทั้งที่เป็นคนชวนพวกเขาทั้งสองเข้ามาดูหนังด้วยกันแท้ๆ

"ให้นอนแบบนี้ ก็ดีแล้วนี่"ไอศูรย์กล่าว พลางมองคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู  รามิลเองก็มองมือเล็กที่เลื่อนมากอดแขนเขาราวกับเป็นหมอนข้าง ดูเหมือนว่าวันนี้ท่านประธานตัวน้อยจะเหนื่อยมาทั้งวัน ถึงได้มาหลับง่ายๆแบบนี้

“นั้นสินะ มันก็ไม่เลวเหมือนกัน”

รามิลระบายยิ้ม ถึงอยากทำเรื่องหื่นๆ แต่เห็นท่าทางน่ารักของคนตัวเล็กแบบนี้ มันก็ให้ความรู้สึกดีเหลือเกิน





100%



หายไปนาน เพราะมัวแต่ยุ่งๆค่ะ แต่จะเริ่มกลับมาอัพให้จนจบแน่นอนค่ะ

ปล. ใครต้องการซื้อแบบรวมเล่ม สามารถติดต่อสอบถามมาได้นะคะ ^_^

https://web.facebook.com/akikoneko17fiction/

 

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 490
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เริ่มจะดีๆกันแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด