ยกที่ ๑๗
Looking back on when we first met,
I can not escape and I can not forget,
Baby, you are the one
You still turn me on,
You can make me whole again.
[ นึกย้อนกลับไปยังวันแรกที่เราพบกัน
ผมยังจำมันได้ดีเสมอ
พี่คือคนดีเพียงคนเดียวของผม...
พี่เป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกเร่าร้อนเสมอ...
ที่รัก...อยู่กับพี่แล้วผมเป็นตัวของตัวเอง... ]
(Whole again – Atomic Kitten : แปลเพลงเป็นเวอร์ชัน ศาสดาในเรื่อง ‘METAL TERMINAL พยัคฆ์คว่ำกวาง' โดยเจค)
:::METAL TERMINAL:::
หาญศักดิ์จังงังไปในทันทีกับคำพูดนั้น ใบหน้าหวานของเขาขึ้นสีราวกับสั่งได้ ลิ้นในปากเหมือนถูกมัดเป็นปม
“...อะไร...มึงพูดอะไร มึงหมายความว่ายังไงหา!”
เจ้าพ่อเงินกู้กร่างกลบเกลื่อน วิถีคนแมนไม่มีคำว่าเขินโว้ย!
โซดายังคงยิ้ม ดวงตาของเขาพราวระยับเหมือนหมู่ดาวบนท้องฟ้า มองช้อนสายตาจนหาญศักดิ์อยากจะเดินเข้าไปจิ้มสองตานั่นนัก
เป็นแค่ลูกหนี้มีสิทธิ์อะไรมาทำให้กูรู้สึกแปลกๆ!
...แล้วทำไมแก้มกูร้อนแบบนี้วะเนี่ย...
มึงไม่มีสิทธิ์ โอยยย มึงทำแบบนี้กับกูไม่ด๊ายยยย TTOTT
อันเดวววววว๊!!!
...อันเดวเหี้ยอะไรอีก นี่ตกลงกูเป็นนางเอกซีรียส์เกาหลีติงต๊องพวกนั้นจริงๆ หรือวะ ฮือ!
“ถ้าไม่เชื่อก็มาถามผมนี่...” เด็กหนุ่มเอาที่ล่อเป้าตบหน้าอก “เพราะผมนี่แหละคือคนที่รู้ดีที่สุด ว่าเวลาทำร้ายหัวใจตัวเองแล้วมันเจ็บขนาดไหน...”
“อย่าอยู่เลยมึง!”
หาญศักดิ์ปล่อยหมัดแรกจู่โจมเข้าที่กรามซ้ายของคนตรงหน้าทันที แต่ร่างสูงก็ยกมือรับไว้ได้อย่างสวยงามพอเหมาะพอเจาะ ที่ล่อเป้าทั้งสองอันล็อกมือที่ใส่นวมของเสี่ยหนุ่มเอาไว้
“มันเจ็บใช่ไหมล่ะครับ” ดวงตาคมจ้องมองเข้ามาในดวงตาของเขาด้วยสายตาแพรวพราวแบบชายเจ้าชู้ “ทำร้ายหัวใจตัวเองแบบนี้”
อ๊ากกก!
“ไอ้บ้า! ไอ้บ้า! ไอ้บ้า!”
หาญศักดิ์รัวหมัดอย่างบ้าคลั่งเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม เขาทั้งสะเปะสะปะออกหมัดมั่วไปหมดจนปวดแขน
“เอ้าๆ...ต่อยแบบนี้ที่เรียนไปไม่ได้ผลหรอกครับ ผมจะจริงจังแล้วนะ”
“เออสักทีเหอะ!”
ในที่สุดก็กลับเข้าสู่การเรียนการสอนจนได้ โซดาเอ่ยตำแหน่งล่อเป้าให้หาญศักดิ์ต่อยเตะไปเรื่อยๆ ต่อเนื่อง และแล้วหาญศักดิ์ก็จดจ่อกับมันจนลืมเรื่องที่เกิดขึ้นจนหมด โซดายิ่งกระพือไฟในร่างเสี่ยหนุ่มให้ลุกโชน ร่างสูงช่างรู้ดีเหลือเกินว่าทำยังไงคนต่อยจะยิ่งใส่แรงและอารมณ์ได้มากขึ้น
“โอ้โหเตะอย่างกับผู้หญิง!” เสียงห้าวตะเบ็งดังก้องขณะล่อเป้าให้หาญศักดิ์เตะปั่กๆ ทำเอาหาญศักดิ์เลือดเดือดพล่าน “แรงอีกครับพี่! เอ้า หมัดซ้าย! ซ้าย! ซ้าย!”
หาญศักดิ์คำรามดังลั่นแล้วปล่อยหมัดเท้าเข่าศอกทุกกระบวนท่าเท่าที่ตัวเองจะทำเป็น เขารุดหน้าไปอย่างมากเป็นที่พออกพอใจของคนสอน ในที่สุดพอครบสี่ยกก็เป็นอันจบ ทั้งสองเหนื่อยอ่อนจนล้มลงไปนอนแผ่หลากับเบาะจิ๊กซอว์ หาญศักดิ์ที่หน้าแดงจัดหอบหายใจรุนแรงจนอกกระเพื่อมขึ้นลงรัวเร็ว ส่วนโซดาที่นอนอยู่ข้างๆ ก็หายใจถี่ๆ ไม่แพ้กัน ทั้งคู่นอนหันหน้าเข้าหากันแต่ชี้ขาไปคนละทิศ เท่ากับว่าต่างก็เห็นใบหน้าของกันและกันกลับหัว
“พี่ดีขึ้นแล้วนะครับ แต่ว่ายังต้องฝึกอีกเยอะ มันยังไม่ดีพอจะเอาไปจัดการกับคนที่มีวิชาได้หรอก”
“อือ แฮ่ก... กูก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเก่งในชั่วพริบตาอยู่แล้ว”
โซดาพยักหน้าแล้วมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก ต่างฝ่ายต่างก็นอนจ้องตากันทั้งที่ยังหอบฮัก อันที่จริงพวกเขาแทบไม่ค่อยได้เปิดปากคุยกันดีๆ เลย ส่วนใหญ่พูดจากันทีไรเป็นเลอะเทอะตลอด การสนทนาครั้งนี้จึงเป็นอะไรที่นับว่าน่าจดจำทีเดียว
“พอพี่เก่งมากขึ้นกว่านี้ ผมจะสอนใช้มีด” โซดานิ่งคิดนิดหนึ่ง “สอนใช้ง้าวด้วยก็ได้นะครับถ้าพี่อยากเรียน”
“มีดก็พอแล้ว ง้าวนี่กูไม่ได้จะไปเล่นงิ้วสักหน่อย ว่าแต่มึงใช้เป็นทุกอย่างเลยเหรอวะ”
“ครับ ผมเรียนมวยไทยมานานมาก ครูเขาสอนหมดแหละ การป้องกันตัวด้วยอาวุธทุกแขนง เพราะมันรากฐานเหมือนกัน ปรับท่าทางนิดเดียวก็ได้แล้ว ยกเว้นพวกยิงปืน”
หาญศักดิ์พยักหน้า งั้นถ้าเกิดวันหนึ่งโซดาบ้าดีเดือดฆ่าเขาขึ้นมา อะไรๆ ใกล้มือก็คงกลายเป็นอาวุธได้ แล้วเขาก็คงสู้มันไม่ได้ ต้องกลายเป็นศพสยองอย่างไม่ต้องสงสัย
“เห็นคุณขันบอกว่า มึงใกล้ขึ้นชกรักษาแชมป์แล้วหรือ”
“ครับ อีกสักพักหนึ่ง”
หาญศักดิ์พยักหน้า จับจ้องใบหน้าของโซดาด้วยดวงตากลมโตของตัวเอง เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อบ้างเพื่อไม่ให้มันเข้าตา ก่อนจะเอ่ยถามอย่างจริงจัง
“นอกจากต่อยมวย มึงมีจุดมุ่งหมายอย่างอื่นในชีวิตไหมวะ หรือมึงอยากเป็นบัวขาว แบบจา พนมอะไรอย่างนั้นไหม”
โซดาที่นอนอยู่โคลงศีรษะ “จุดมุ่งหมายของผมไม่ใกล้เคียงกับอะไรแบบนั้นเลยครับ ผมไม่ได้คิดจะต่อยมวยอาชีพไปจนตาย ผมมีแค่ความต้องการง่ายๆ สองสามอย่างในชีวิตเท่านั้น”
“อะไรล่ะ?”
โซดาพลิกร่างเป็นท่านอนหงาย ปล่อยให้หาญศักดิ์จ้องเสี้ยวหน้าด้านข้างของตัวเอง เด็กหนุ่มนิ่งคิดสักพัก ในที่สุดก็ค่อยๆ เอ่ยปากตอบเบาๆ
“ผม... แค่อยากให้พ่อแม่สุขสบาย ได้อยู่ในบ้านดีๆ ให้พวกท่านมีความสุข ผมคิดแค่นี้จริงๆ”
ดวงตาของเด็กหนุ่มมองจ้องไปบนเพดานสีขาวว่างเปล่า คิดถึงสภาพบ้านเก่าๆ ของตัวเองที่ไม่มีปัญญาแม้แต่เงินจะหาเงินมาซ่อมแซ่มส่วนที่สึกหรอผุกร่อน คิดถึงแม่ที่ทุกข์ในอกแต่พยายามทำเป็นเข้มแข็ง นึกถึงพ่อผู้ที่จริงๆ แล้วเป็นคนดีก็เอาแต่โทษว่าปัญหาทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะตัวเอง
แม้มันจะจริง แต่โซดาไม่เคยโกรธท่านเลยแม้แต่นิดเดียว คนเราผิดพลาดกันได้
“พวกท่านเหนื่อยมามากแล้ว... ผมรู้ว่าดูจากสถานการณ์ตอนนี้มันก็คงจะยาก ผมจะสู้...ต่อให้จะลำบากแค่ไหน แต่ถ้ามันจะทำให้พ่อแม่สบายผมจะยอม แล้วผมก็สัญญากับตัวเองว่าผมจะต้องทำให้ได้ ต่อให้มันจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม”
แววตาที่จับจ้องเพดานมุ่งมั่น ยังคงพูดต่อด้วยเสียงเรียบๆ
“อย่างน้อย...มันคงไม่นานไปกว่าชั่วชีวิตหนึ่งหรอก”
ฟึ่บ...
เด็กหนุ่มหันไปมองมือของหาญศักดิ์ที่เอื้อมมาจับแก้มของเขา เพราะมันเป็นส่วนที่ใกล้ที่สุดที่อีกฝ่ายจะสามารถสัมผัสเขาได้ แววตาของเสี่ยหนุ่มสั่นไหวเบาๆ แต่เมื่อโซดากะพริบตาแล้วมองอีกที มันกลับไม่ได้สั่นเลยแม้แต่น้อย
“กูรู้โซดา กูรู้ว่ามึงต้องทำได้แน่ๆ”
เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง เลื่อนมือของตัวเองไปทาบทับมือที่ประทับอยู่ก่อนจนแนบสนิท
“ขอบคุณครับพี่...”
...สายตานั้นบอกว่าเชื่อในตัวเขา
:::METAL TERMINAL:::
“มาแล้วครับ!”
โซดาที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับตะโกนออกมาจากรถสปอร์ตเปิดประทุนคันงามของหาญศักดิ์ เล่นเอาแขกผู้หญิงที่อยู่บริเวณหน้าโรงแรมส่งเสียงฮือฮากันระลอกใหญ่
หนุ่มหล่อกับรถสปอร์ต...
สาวที่ไหนล่ะจะไม่กรี๊ด
แต่ขอโทษที... พอดีนั่นไม่ใช่รถมัน รถเมียมัน! เจ้าของยืนหัวโด่อยู่นี่
เจ้าพ่อเงินกู้ที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วหน้าโรงแรมเมททอลผงกหัวก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งเบาะด้านข้างคนขับ วันนี้เขาจะไปทำงานเก็บดอกเบี้ยเงินกู้พวกคนที่ไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไร หรือที่หาญศักดิ์กับชาญชัยจะเรียกว่าพวกตัวเล็กๆ จริงๆ งานนี้เสี่ยหานไม่ต้องลุยเองก็ได้ แต่เพราะต้องสอนงานโซดาเจ้าพ่อเงินกู้จึงต้องลงมือเอง และเนื่องจากไม่ได้ไปเก็บเงินพวกที่ฤทธิ์เยอะจึงไม่ต้องยกขโยงนำลูกน้องไปมากมาย แค่โซดากับเขาสองคนก็เพียงพอ
“เดี๋ยวไปแถวซอยวัดม่วง มึงรู้จักไหม”
โซดาส่ายหน้าหวือ
“อยู่แถวๆ บางแคอ่ะ ไม่มีอะไรมากหรอกมึงวันนี้ พวกลูกหนี้พวกนี้ไม่ค่อยมีความรู้ ขู่นิดเดียวก็กลัวหัวหดแล้ว”
โซดาพยักหน้าแล้วขับรถไปตามเส้นทาง ก่อนจะกดให้ประทุนเลื่อนคลุมปิด รถเปิดประทุนเป็นอะไรที่ไม่เหมาะกับประเทศไทยโดยเฉพาะกรุงเทพฯ อย่างรุนแรง ไหนจะแสงแดดแรงกล้าที่ร้อนฉ่าจนเหมือนจะเผาไหม้คนให้ดำเป็นตอตะโกได้ ไหนจะควันรถและมลพิษตลบอบอวล ซื้อมาก็ขับเปิดประทุนอวดได้แต่ตอนกลางคืนเท่านั้น
จากใจกลางกรุงออกมาสู่ชานเมือง ในที่สุดรถสปอร์ตคันงามก็เลี้ยวเข้าไปในซอยเก่าๆ ที่ตรงปากซอยมีร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเป็นจุดสังเกต ในซอยพลุกพล่านไปด้วยผู้คน บรรดาเด็กนักเรียนโรงเรียนวัดหลายโรงเรียนเดินกันอย่างไม่เกรงกลัวรถเต็มซอย ทำเอาโซดาต้องชะลอความเร็วแล้วขับแบบระแวดระวังสุดฤทธิ์ เครื่องแบบกระโปรงสีกรมท่าและกางเกงนักเรียนสีกากีกับสีดำละลานตาเต็มไปหมด เวลาเที่ยงๆ จนเกือบบ่ายของวันเสาร์แบบนี้โรงเรียนรัฐบาลคงจะเพิ่งเลิก โซดาเองเรียนโรงเรียนเอกชนจึงไม่มีเรียนวันเสาร์ เด็กหนุ่มรู้สึกว่าบรรยากาศช่างไม่เหมาะสมกับราศีของรถสปอร์ตคันหรูที่ขับอยู่สักนิด และดูเหมือนเจ้าพ่อเงินกู้ก็จะคิดแบบเดียวกัน
“กูน่าจะเอาแค่ครูซหรือฟอร์ดมา ไอ้เหี้ย ซอยก็แคบ ถ้าเป็นรอยนี่พ่อจะร้องเลย” หาญศักดิ์ทำหน้าหวาดเสียวตลอดเวลาที่รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
“ผมก็คิดว่างั้นแหละ...”
“เฮ้ยๆ เลี้ยวเข้าตรงนี้แล้วจอดเลย”
หาญศักดิ์พูดแล้วชี้มือเข้าไปในตรอกๆ หนึ่ง โซดาทำตามคำสั่งก่อนจะจอดรถอย่างระมัดระวังที่สุด หาญศักดิ์เปิดเก๊ะหน้ารถแล้วหยิบเอาสมุดเล่มหนึ่งออกมาแล้วโยนไปให้โซดา หน้าปกมันเขียนว่า 'ฝั่งธนฯ' รวมถึงหยิบปืนออกมาเหน็บไว้ที่เอว
“กูพกปืนไว้แค่อันเดียว จริงๆ ไม่น่าจะมีอะไรหรอกก็เผื่อไว้ก่อน สมุดบัญชีนั้นมึงต้องเป็นคนถือ ทำตัวเป็นมือขวาที่ดี เข้าใจ๊?”
“ครับๆ”
โซดาตอบเสียงประชดๆ แล้วทั้งคู่ก็เปิดประตูรถออกไปด้วยกัน หาญศักดิ์หยิบบุหรี่มาคาบแล้วจุดไฟสูบเข้าไปในปาก
“พี่ยังแก่ใจสูบบุหรี่อีกเหรอครับ นี่พี่กำลังจะมาทวงเงินคนนะ” โซดาส่งเสียงขึ้นมาทันที
“มันทำให้ดูมีมาดว้อย” หาญศักดิ์กระดิกมือที่คีบบุหรี่ใส่เด็กหนุ่ม “มึงนี่ไม่รู้อะไร เอ้า มึงเอาไปสูบด้วยเลยตัวนึง”
พูดจบเขาก็ยื่นมาร์ลโบโรสีแดงให้คนที่ยืนอยู่ข้างตัวหนึ่งแท่ง โซดามองมันอย่างชั่งใจอยู่อึดใจใหญ่ราวกับมันเป็นวัตถุประหลาดจากนอกโลก คล้ายกับว่าความคิดของเด็กหนุ่มต่อสู่กันอย่างหนัก หาญศักดิ์รู้สึกงงมาก
“อะไร มึงอายุสิบเจ็ดแล้วนะ มึงไม่เคยสูบบุหรี่เหรอ เป็นผู้ชายนะเว้ย”
โซดามองหน้าหาญศักดิ์เหมือนอีกฝ่ายเบาปัญญา เสี่ยหนุ่มคิ้วกระตุก
”ผมสูบมันไม่ได้ครับ”
ก่อนที่จะได้อ้าปากถามต่อ โซดาก็ตอบคำถามของเขาเข้าเสียก่อน
“เพราะผมเป็นนักกีฬา”
“เออ...วะ”
หาญศักดิ์กระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที สำหรับนักกีฬาแล้วร่างกายมีค่าดั่งทองคำบริสุทธิ์ ต้องดูแลให้ดีที่สุดชนิดริ้นมิให้ไต่ไรมิให้ตอม ถ้าบ่อนทำลายสุขภาพตัวเองก็ไม่อาจยืนหยัดอยู่ในวงการได้นาน มือหนาดึงมวนสีขาวออกมาจากปากหาญศักดิ์ แล้วถือปลายแต่ละด้านของมันไว้ด้วยนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ของทั้งสองมือ โซดายิ้มจนหน้ากลายเป็นแปะ
“แล้วจริงๆ พี่ก็ควรจะเลิกสูบด้วยนะครับ มันไม่ดีต่อสุขภาพของพี่หรอก”
เป๊าะ!
เสียงหักแท่งบุหรี่ราวกับเสียงหักหัวใจของหาญศักดิ์ เขาอ้าปากค้างมองมวนบุหรี่ถูกหักออกจากกันเป็นสองท่อนซึ่งๆ หน้า เสี่ยหนุ่มไล่สายตาขึ้นไปมองใบหน้าหล่อเหลา รู้สึกอยากจะด่าโซดาแต่พอมองหน้าแล้วกลับด่าไม่ออก คำด่ามันติดคาอยู่ในคอจนไม่มีเสียง
“มึง... มึง...” นิ้วของเขาสั่นระริก ทั้งโกรธทั้งอึ้งจนไม่รู้จะด่าคำไหน
“อืม ต่อไปนี้ผมจะควบคุมไม่ให้พี่สูบบุหรี่ด้วยดีกว่า เราสองผัวเมียจะได้อยู่ด้วยกันไปนานแสนนาน...เนอะ”
กวนตีน!
“ไอ้ -- !!”
“เราจะไปกันได้หรือยังครับพี่ เสียเวลาเหลือเกิน”
ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่หาญศักดิ์อยากจะทำไปมากว่าตั๊นหน้าโซดาอีกแล้ว เขามองอีกฝ่ายด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ หากแต่เด็กหนุ่มก็เพียงแค่กระดกคิ้วรัวๆ ให้เท่านั้น เจ้าพ่อเงินกู้ฮึดฮัดแล้วออกเดินไปเบื้องหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ ทันทีที่เสี่ยหนุ่มเดินผ่านหน้าบ้านหลังแรก โซดาสังเกตเห็นว่าชาวบ้านชาวช่องรีบปิดประตูลงกลอนกันด้วยความไวแสง การถูกทวงเงินยังไงก็เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่ชอบ แต่ทีตอนกู้ยืมล่ะไม่คิด...
หาญศักดิ์ทุบประตูบ้านหลังหนึ่งเสียงดังสนั่น ชายวัยกลางคนเยี่ยมหน้าออกมามองแล้วก็ยิ้มแหยๆ ให้ผู้เป็นเจ้าหนี้
“เปิดให้ผมเข้าไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน”
เสียงของหาญศักดิ์ดุดันเอาเรื่อง เข้าไปถึงก็มุ่งประเด็นไล่ต้อนเอาดอกเบี้ยอย่างโหดร้าย เก็บบ้านนี้เสร็จก็ไปเก็บบ้านอื่นๆ ต่อ แถมยังเก็บได้ครบทุกหน่วยอย่างน่าชื่นชม ใครหมกเม็ดซุกซ่อนอะไรไว้หาญศักดิ์ก็รู้หมด เมื่อไรที่เสี่ยหนุ่มยื่นมือข้ามบ่ามาข้างหลัง หมายความว่าโซดาต้องรู้หน้าที่รีบเปิดสมุดบัญชีไล่รายชื่อแล้วเปิดหน้านั้นส่งให้เจ้าพ่อเงินกู้เขาแต่โดยดี ท่าทางหาญศักดิ์แข็งกร้าวและดุดันจนโซดาประทับใจมากมาย ถ้าหาญศักดิ์คิดว่าเขาเท่ตอนตอนต่อยมวย เขาก็คิดว่าหาญศักดิ์โคตรเท่ตอนทวงหนี้เหมือนกัน มันแมนและโหดมากจนไม่อยากเชื่อว่าคนคนนี้จะเป็นคนเดียวกันกับที่เขาจัดการรวบหัวรวบหางให้นอนครางใต้ร่างเป็นลูกแมวเชื่องๆ (อย่างไม่เต็มใจ) มาก่อน เขาชักจะเข้าใจเสียแล้วสิว่าทำไมบิดาของเขาถึงได้กลัวหาญศักดิ์นักหนา
“เอ้า ครั้งนี้ผมอุตส่าห์ให้เกียรติมาเองก็รีบๆ จ่ายมา”
วาจาของหาญศักดิ์เฉียบขาด หญิงสาววัยสี่สิบกลางๆ รูปร่างเจ้าเนื้อที่แต่งหน้าแต่งตัวจัดจ้านและเป็นเจ้าของร้านเสริมสวยขนาดกลางส่งเงินให้หาญศักดิ์ด้วยท่าทีที่มีพิธีรีตอง เธอรีบถอยกรูดจะขึ้นไปชั้นสองขณะเจ้าพ่อเงินกู้นับธนบัตรอย่างรวดเร็วจนโซดาตาพร่าเลือน
“เดี๋ยวเจ๊!” หาญศักดิ์พูดเสียงดังเหมือนฟ้าผ่า “นี่มันขาดไปหมื่นเจ็ดนะ เจ๊คิดจะตุกติกกับผมเหรอ”
“เจ๊เปล่านะ!” หากแต่สีหน้าของหล่อนไม่อาจปกปิดได้ เธอเสียงสูง “เสี่ยนับไม่ดีเองรึเปล่า”
หาญศักดิ์คิ้วกระตุก เลื่อนสายตาน่ากลัวจากธนบัตรไปมองใบหน้าที่คลุมทับไปด้วยเครื่องสำอางมากมายของสาววัยกลางคน
“เจ๊เห็นผมโง่เหรอ?” เจ้าพ่อเงินกู้ฟาดปึกเงินในมือลงที่โต๊ะข้างๆ ปังใหญ่ เขากระโชกโฮกฮาก “เอามาให้ครบ! จะจ่ายไม่จ่าย ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน”
“ฉันไม่มีให้แล้ว!” หญิงสาวส่งเสียงแจ๋นๆ อย่างน่าอัดก่อนจะวิ่งมาสไลด์บานเลื่อนกรงเหล็กสนิมเขรอะปิดกั้นส่วนระหว่างที่เป็นร้านกับบ้านขณะที่หาญศักดิ์ปรี่เข้ามาหา “ฉันมีแค่นั้นแหละ กลับไป! ไอ้พวกเบียดเบียนคนอื่น!”
“เฮ้ยพูดงี้ได้ไงวะ!”
ทั้งคู่ยื้อยุดบานเลื่อนเหล็กเก่าๆ หาญศักดิ์พยายามเปิดประมันออกแต่หญิงสาวที่มือไม้สั่นก็ล็อกมันไว้ได้เสียก่อน เธอรีบวิ่งแจ้นขึ้นไปชั้นสอง หาญศักดิ์โกรธจนกระแทกหัวเข้ากับกรงเหล็กนั่นดังตึงใหญ่
“โซดา พังร้านมัน!!”
“อย่านะ!” เธอกรีดร้องแล้ววิ่งลงมาทันทีทั้งๆ ที่เมื่อกี้กำลังไต่ขึ้นไปชั้นสองของบ้านอย่างเร่งรีบ โซดายืนตัวแข็งทื่อ เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ตอนคุมกาสิโนเนื้อหางานก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ส่วนมากเป็นการดูแลไม่ให้เกิดเรื่องทะเลาะวิวาทหรือใช้กลโกงใดๆ แต่นี่มันไม่ใช่เลย
โครมมมม เพล้งงงง!!
หากแต่ขณะที่โซดาไม่เข้าใจว่าควรจะต้องทำอะไรกันแน่ หาญศักดิ์ก็ผลักเครื่องอบไอน้ำลงพื้นอย่างแรงจนฝาครอบแก้วด้านบนแตกกระจุย
“หูแตกเหรอวะ กูบอกให้พังร้านมันเดี๋ยวนี้!!”
“กรี๊ดดด อย่า!”
โซดาตกใจกับเสียงตะโกนนั่นจนทำอะไรไม่ถูก ขณะนั้นหาญศักดิ์ก็เอาฝ่ามือกวาดบรรดาสเปรย์ฉีดผมที่ตั้งเรียงรายบนเชลล์ทั้งหมดจนมันล้มระเนระนาด เสียงขวดทั้งหลายแหล่กระทบกันดังสนั่น เขาหันขวับไปมองโซดาตาวาววับ
“มึงจะทำไม่ทำฮะ!”
“ครับ...ครับ...!”
โซดารีบคว้ามือสะเปะสะปะไปที่ไดร์เป่าผมแล้วเหวี่ยงมันลงกับพื้น พอเสร็จแล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อ เขามองไปที่หาญศักดิ์ซึ่งเดือดสุดขีดและกำลังทำลายข้าวของเท่าที่จะทำได้
“อย่า! อย่า!”
เจ๊เจ้าของร้านดูเหมือนจะร้องไห้ เธอรีบไขกุญแจนั่นแล้วถลาออกมาคว้าแขนของหาญศักดิ์
“เอาไป เอาไปให้ครบ! ฮือ...ฮือ...”
“เอามาตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง!!” หาญศักดิ์ตะโกนหลังรับเงินมาแล้วนับอย่างรวดเร็ว หญิงสาวร้องไห้รำพึงรำพัน หาญศักดิ์ชี้หน้าเจ้าหล่อน “ผมก็ไม่ใช่คนชั่วโดยสันดานหรอกนะ! แล้วจำเอาไว้ว่ามาลองดีกับพรรคพยัคฆ์อีก ไม่งั้นไอ้เงินห้าล้านที่เจ๊กู้มาตั้งร้านผมจะทำให้มันเหมือนตกนรกแน่!!”
หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้น ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและหวาดกลัว
“แล้วถ้าเจ๊ย้ายหนีนะ คงไม่ต้องบอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมยิงโป้งแน่!” เสียงของหาญศักดิ์ดังราวฟ้าผ่า “โซดา กลับเว้ย!”
พูดจบหาญศักดิ์ก็ก้าวอาดๆ ผ่านร่างเด็กหนุ่มออกไปที่ประตู โซดารีบเดินตามหลังไปทันที ทั้งคู่ขึ้นไปบนรถสปอร์ตคันหรู หาญศักดิ์ที่ยังดูหงุดหงิดอยู่ยื่นพวกเงินที่เก็บมาได้ให้โซดา เด็กหนุ่มมองมันอย่างไม่เข้าใจว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ
“ล็อกรถเลย”
โซดาล็อกรถทันที
“เอ้า นับเงินสิวะ! นิ่งอะไรอยู่อีก” หาญศักดิ์ขมวดคิ้วตบประตูรถทำเอาโซดาสะดุ้งเฮือก “ดูว่ายอดตรงรึเปล่า แล้วก็บันทึกลงไปสมุดเป็นรอบๆ เรียนเก่งนี่มึง บวกลบคูณหารง่ายๆ น่าจะทำได้ เอ้า นี่เครื่องคิดเลข”
หาญศักดิ์คว้าเครื่องคิดเลขออกมาจากเก๊ะหน้ารถอีกอย่างแล้วโยนให้เด็กหนุ่ม โซดารับไปแล้วทำตามอย่างรวดเร็ว เขาอ่านออกเสียงเงินทั้งหมดที่เก็บมาได้ในหาญศักดิ์ฟัง
“เออ ถูกแล้ว เก็บได้ครบ มึงเขียนบันทึกเลย แล้วก็ใส่ไว้เก๊ะหน้ารถนี่แหละ เงินเอามาให้กู เดี๋ยวที่เหลือกูจัดการเอง แล้วต่อไปนี้เวลามึงไปทวงหนี้ที่ไหนมึงก็ทำประมาณนี้แหละ ถ้ากูไม่ไปด้วยมึงก็เป็นคนเก็บเงินค่อยเอามาให้กูตอนเจอหน้า เข้าใจไหม”
“เข้าใจครับ” โซดาค้อมศีรษะ
“แล้วที่ให้ขึ้นมาถึงล็อกรถทันทีเพราะเงินมันเยอะ เป็นเจ้าหนี้เนี่ยไม่มีใครชอบหน้าหรอกโว้ย เกิดโดนดักทำร้าย โดนขโมยเงินขึ้นมามันจะเป็นปัญหา”
“ครับ”
“กลับกันได้ วันนี้หมดแล้ว”
โซดาออกรถทันทีตามคำสั่ง ออกรถมาได้ประมาณสิบนาทีหาญศักดิ์ก็รู้สึกว่ารถมันเงียบเกินเหตุ ผิดกับขามาที่ยังมีการสนทนาประปรายกันบ้าง
“ทำไมมึงเงียบจังวะ หิวข้าวเหรอ”
“แม่ง” โซดาก่นเสียงออกมาทันทีเหมือนรอคอยอยู่นานแสนนานที่จะได้พูด “พี่โคตรน่ากลัวเลย”
หาญศักดิ์หันขวับไปมองหน้าคนที่ตั้งหน้าตั้งตาขับรถอยู่
“นี่กูหูฝาดปะเนี่ย มึงเนี่ยนะบอกว่ากลัวกู (มึงน่ากลัวกว่าอีก – อันนี้คิดในใจ)”
โซดาพยักหน้าแข็งขัน “จริงๆ นะครับ ผมไม่เคยเห็นพี่แบบนี้ล่ะมั้ง ผมพูดอะไรไม่ออกเลยคิดดูสิ”
“เฮ้อ... มันเป็นงานกู จะทำหงอๆ ไปทวงหนี้กูคงไม่มีวันจะเก็บเงินคืนได้แม้แต่แดงเดียว”
“ผมเห็นจากวันนี้แล้วก็รู้สึกว่าจริงมาก...” โซดายอมรับโดยไร้ข้อกังขา “พวกลูกหนี้พยายามหาทุกช่องทางที่จะบิดพลิ้วพี่”
“ใช่” หาญศักดิ์ตอบ “ชีวิตมันก็แบบนี้แหละว่ะ”
สองหนุ่มเงียบกันไปอีกพักใหญ่ พวกเขาใช้เวลาทวงหนี้ตั้งแต่บ่ายอ่อนๆ จนตอนนี้ก็สี่โมงเย็นแล้ว ผู้คนเริ่มเลิกงานออกมาหารถโดยสารประจำทางเพื่อกลับบ้าน บางโรงเรียนคงเลิกเย็นเหมือนเวลาปกติในวันเสาร์จึงมีนักเรียนให้เห็นประปรายด้วย พอเห็นนักเรียนชายระดับมัธยมฯ หัวเกรียนหลายต่อหลายคนหาญศักดิ์ก็นึกอะไรออก
“กูว่าจะถามมึงอยู่แต่ลืมไปเลย มึงไม่เรียนรด. เหรอวะ”
“ไม่ได้เรียนครับ”
“เอ้า งั้นมึงต้องไปเกณฑ์ทหารนะเว้ย เกิดถูกส่งไปสามชายแดนภาคใต้ทำไงฮะ พ่อแม่มึงร้องไห้ตายห่าพอดี จะต่อยมวยก็ไม่ได้ต่อย หมดยุครุ่งแน่มึง”
โซดาแย้มริมฝีปาก “ผมเคยบอกแล้วไงครับว่าผมไม่ได้อยากจะเป็นนักมวยอาชีพไปตลอดชีวิต ผมคิดด้วยซ้ำว่าอีกสักพักก็จะแขวนนวมแล้ว...”
“แฟนๆ มึงคงผิดหวังน่าดู” หาญศักดิ์แทรก คิดไปถึงพวกคนที่รักชอบในลีลาการต่อยดุเดือดเข้มแข็งของซ.โซดา แล้วตามเชียร์กันอย่างบ้าคลั่ง
“ผมต่อยมวยตลอดไปไม่ได้หรอกครับ...” โซดาลดเสียงลงจนมันแผ่วเบา “...มันเป็นอาชีพต้องคำสาป”
“อะไรนะ?” หาญศักดิ์หันขวับไปมองหน้าคนขับรถทันที โซดาพยักหน้ายืนยัน
“มวยไทยเป็นวิชาฆ่าคน...เหมือนที่ผมบอกพี่มาตลอดนั่นแหละครับ บรรพบุรุษเขาให้ส่งต่อวิชานี้ให้ทหารเอาไว้เพื่อปกป้องบ้านเมือง ไว้สู้กับข้าศึก ปกป้องแผ่นดินไทยและลูกหลาน ใครเอาไปใช้หากินในทางอื่น หรือหาเงินเข้าใส่ตัวเขาแช่งไว้ขอให้ฉิบหาย”
“โอ้...”
“พี่ไม่เห็นหรือครับว่าชีวิตนักมวยที่ดังๆ จบไม่ดีสักคน ไม่ติดเหล้าก็ติดหญิง ไม่ก็ติดพนันหรือติดยา” โซดาถอนใจ คิดไปถึงนักมวยรุ่นพี่ทั้งหลายแหล่ “ถึงไม่ติดอะไรบั้นปลายก็ตายไม่ดี...หรือไม่ก็พิกลพิการกันหมดเลย ใครเปิดค่ายมวยเป็นของตัวเองส่วนใหญ่ก็เจ๊ง”
หาญศักดิ์คิดตาม ถึงเขาจะไม่ได้เป็นคอมวยและเป็นคอบอล แต่หน้าหนังสือพิมพ์ก็มีให้เห็นอยู่เป็นประจำ ที่โซดาพูดล้วนเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น
นักมวยดังส่วนใหญ่จบชีวิตลงแบบนั้นกันจริงๆ...
“...ผมอยากเป็นอย่างอื่น มีอาชีพในใจอยู่แล้วด้วย”
“มึงอยากเป็นอะไรล่ะ” เสี่ยหนุ่มเอ่ยถาม แต่แล้วจู่ๆ เด็กหนุ่มก็ทำหน้าตามีลับลมคมในขึ้นมา
“ผมไม่บอกพี่หรอกครับ ผมอยากเก็บไว้ในใจก่อน”
“มึงอย่ามาเล่นลิ้นอย่างนี้นะ” หาญศักดิ์โวยวายทันที “กูเกลียดที่สุดอ่ะไอ้พวกอ่อยให้อยากแล้วจากไป”
“ไม่เอาครับ ไม่บอกหรอก”
เด็กหนุ่มทำเสียงลึกลับ ดูสุดแสนจะสนุกที่ได้หลอกล่อให้หาญศักดิ์อยากรู้อยากเห็น ซึ่งเจ้าพ่อเงินกู้ก็ซื่อเหลือเกิน ตกหลุมพรางเขาเข้าเต็มเปาราวกับเด็กน้อยไร้เล่ห์เหลี่ยม
“บอกกูมาเดี๋ยวนี้นะ บอกๆๆๆ!”
หาญศักดิ์เอื้อมสองมือไปคว้าคอคนที่ขับรถอยู่แล้วกระชากไปมา แต่โซดาก็เพียงแค่ลอยหน้าลอยตาอย่างกวนโมโห
โอ๊ย เกลียด! ดู๊...ดูมัน ทำจนกูอยากรู้อ่ะ แล้วมันก็ไม่ยอมบอก!
“บอกมา!”
หาญศักดิ์ตะโกนลั่นรถตอนติดไฟแดง โซดาที่เข้าเกียร์ว่างรถเรียบร้อยแล้วหันหน้าไปยักคิ้วให้เสี่ยหนุ่ม
“ถ้าบอกแล้วจะได้อะไรล่ะครับ”
“อ่ะ มึงอยากได้อะไรล่ะ” หาญศักดิ์ลองหยั่งเชิง เขาอยากรู้อยากเห็นจนอกจะระเบิดเอาเสียให้ได้ ถ้ามันขอรถสักคันก็คงต้องยอมล่ะวะ เขาอยากรู้จริงๆ หาญศักดิ์ไม่ชอบอะไรที่มันค้างคาเป็นที่สุด
โซดาไล่สายตามองอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วเลียริมฝีปาก เสี่ยหนุ่มสะดุ้งเฮือก สัญชาตญาณในร่างหวีดร้องเตือนอีกหน รู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นทันที เขารีบยกสองแขนขึ้นกอดตัวเองเหมือนผู้หญิง
ไอ้เหี้ย... ทำไมกูตุ้งติ้งจังวะ นี่กูเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
อันเดวววววว๊!
“อยากได้พี่...” เด็กหนุ่มโน้มหน้าลงไปกระซิบเสียงแหบพร่าข้างกกหูของคนที่นั่งด้านข้าง เป่าลมหายใจจนขนอ่อนที่หลังต้นคอลุกชัน “...ออนท็อปอีกสักที แล้วผมจะบอกทุกอย่างเลย”
“...!!!”
หาญศักดิ์สะดุ้งเฮือก มือหนาละจากพวงมาลัยมาเลื้อยไชเข้าไปในกางเกงสามส่วนขากระบอกใหญ่ของเขา แล้วตะปบเนื้อขาอย่างรุนแรงเมื่อสัตว์หิวโหยล่าเหยื่อ เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากตัวเองไปด้วยขณะบีบเคล้นมัน หาญศักดิ์หลับตาปี๋ ขนลุกไปทั้งตัว
“พี่ตกลงไหมล่ะครับ”
เสียงแหบพร่ากระซิบเย้าแหย่อีกครั้ง เรียวปากหยักมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เคลือบพราย เขาแลบปลายลิ้นออกไปเลียใบหูของเสี่ยหนุ่มเบาๆ
“หืม...?”
พรวด!!
“ขับรถไป!!” หาญศักดิ์ยกมือขึ้นมาผลักหน้าของโซดาจนมันเสหันไปทางข้างหน้าทันที “ไม่บอกก็อย่าบอกโว้ย!”
เสี่ยหนุ่มยกสองมือขึ้นขยุ้มผมเผ้าจนมันยุ่งเหยิง
ไอ้เกย์สลาตัน!
กูขอประณามมึง... กูขอเปลี่ยนชื่อมึงจากไอ้ผีห่าเป็นไอ้ผีหื่น
...ไอ้คนเลวววว!
ถ้ามะม้ากูยังอยู่นะ กูจะฟ้องมะม้าแน่...
.
.
.