ยกที่ ๒๒
I see you blowin' me a kiss it doesn't take a scientist
To understand whats goin' on baby
[ ผมเห็นพี่ส่งจูบให้ผมกลางอากาศ
มันไม่ต้องใช้นักวิทยาศาสตร์ก็เข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองคน...ที่รัก
]
(Crush – Jennifer Paige : แปลเพลงเป็นเวอร์ชัน ศาสดาในเรื่อง ‘METAL TERMINAL พยัคฆ์คว่ำกวาง' โดยเจค)
:::METAL TERMINAL:::
LINE
S.Soda: ทำอะไรอยู่ครับ 7.00 AM
S.Soda: พี่กินข้าวหรือยัง 7.16 AM
S.Soda: ทำงานอยู่หรือครับ ไม่กวนก็ได้ 7.32 AM
S.Soda: อะไรคือ read แล้วไม่ตอบครับ... 1:12 PM
Hansuk: กูพิมพ์ช้า อย่าเร่งดิ 1:14 PM
Hansuk: กูทำงาน 1:14 PM
Hansuk: ยุ่งตั้งแต่เช้า 1:15 PM
S.Soda: * ส่งสติกเกอร์ OK * 1:15 PM
S.Soda: นี่ทำอะไรอยู่ครับ 1:15 PM
Hansuk: หายใจ 1:16 PM
พิมพ์เสร็จก็ขำในใจคนเดียว เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายต้องทำหน้าเมื่อยอยู่แน่ๆ แล้วก็ไม่ผิดจากที่หาญศักดิ์คิดเท่าไหร่ เพราะตอนนี้คนที่อ่านข้อความทำหน้าเมื่อยจริงๆ นี่ถ้าคนที่พิมพ์มาอยู่ตรงหน้า รับรองเขาจะจับซัดสักทีสองที
S.Soda: ดีๆ สิครับ 1:17 PM
S.Soda: ....... 1:17 PM
Hansuk: ประชุม 1:18 PM
Hansuk: มึงอ่ะ ไม่ซ้อม? 1:18 PM
S.Soda: ก็ได้พักบ้างสิครับ 1:19 PM
S.Soda: * ส่งรูปเซลฟ์ฟี่ตัวเองตัวเปียกเหงื่อกำลังนั่งบนพื้น * 1:19 PM
อุตะ รูปนี้แม่งแซ่บสัด... ต้องเซฟ...
Hansuk: เออ ตั้งใจซ้อม 1:20 PM
Hansuk: กูต้องไปแล้ว 1:20 PM
S.Soda: ผมวุ่นๆ แบบนี้ เปลี่ยวอ่ะดิ 1:22 PM
ไอ้เชี่ยยยยย!
ผมนี่ถึงกับลั่นเลยนะครับ
คือคิดภาพออกเลยอ่ะ แม่งต้องแบบทำหน้าเจ้าเล่ห์อยู่ตอนพิมพ์ส่งมาอ่ะ ไอ้ผีห่า!
Hansuk: กวนตีน 1:22 PM
Hansuk: กูไปจริงๆ ล่ะ 1:22 PM
S.Soda: * ส่งสติกเกอร์ Love * 1:22 PM
Hansuk: ไอ้ห่าเอ๊ย 1:23 PM
S.Soda: กำลังยิ้มอยู่ล่ะสิ... 1:23 PM
มันรู้ได้ไงวะ!!!
ปัง!
“มึงเป็นอะไรของมึงฮะ นั่งยิ้มบ้าบอคอแตกอะไร”
เสี่ยชานที่กำลังพูดเรื่องผลประกอบการของโครงการคอนโดมิเนียมที่พวกเขาจะเข้าไปร่วมหุ้นด้วยในไม่ช้านี้ทุบโต๊ะเสียงดังแล้วถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย เจ้าพ่อเงินกู้หน้าเหลอ
“ฮะ? อะไร กูยิ้มเหรอ กูไม่ได้ยิ้มสักหน่อย!”
“ก็เห็นอยู่ว่ามึงยิ้มไม่หุบ อย่างกับเมากัญชา ฟังที่กูพูดบ้างสิวะ เอาแต่เล่นโทรศัพท์เป็นเด็กๆ ไปได้ ไอ้เวร”
“แหม ก็อย่างนี้แหละครับเสี่ยชาน คนมีความรักมักจะดูเด็กลงไปนิดนึง~”
“สะเออะ! ไอ้โหนกนรกแตก!!”
หาญศักดิ์แผดเสียงดังลั่นใส่เฉินที่สอดไม่เข้าเรื่อง ผู้จัดการหนุ่มรีบหลบฉากออกไปทันทีเมื่อหาญศักดิ์ทำท่าเงื้อมือขึ้นจะปาไอโฟนใส่
“ทำอะไรอยู่ได้วะ”
ชาญชัยที่ขมวดคิ้วยุ่งยื่นหน้าเข้าไปหมายจะดูหน้าจอไอโฟนที่เพื่อนรักหมกหมุ่นไม่หยุด หาญศักดิ์รีบหดมือเก็บซ่อนมันลงกระเป๋ากางเกงแทบไม่ทัน
“ไม่มีอะไร๊ กูก็เล่นเกมไปเรื่อยนั่นแหละ”
สีหน้าของคนพูดเต็มไปด้วยพิรุธขั้นสูงสุด ชาญชัยหรี่ตาอย่างเคลือบแคลงใจ แต่สุดท้ายก็พูดเสียงเซ็งๆ “เออ เรื่องของมึง จะทำอะไรก็เรื่องของมึง แต่เรื่องงานนี่สำคัญ มึงได้ฟังที่กูพูดใช่ไหม ไม่งั้นกูจะเอาปืนยิงโป้งใส่หัวมึงแล้วนะ ขี้เกียจพูดซ้ำซาก”
“เออ ได้ฟังสิ ไอ้เสี่ยชาน...มึงนี่เมื่อไหร่จะแก้นิสัยขี้รำคาญได้นะ คิดแล้วก็สงสารเมียมึงในอนาคต”
“เมียคงมีเรื่อยๆ แต่ถ้ามึงหมายถึงภรรยาหรือคู่ตุนาหงันกูไม่มีแน่ๆ” ชาญชัยพูด เขาเป็นคนไม่เชื่อในความรัก ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันมากไปกว่าสิ่งที่เคยได้ยินจากคนอื่น เรียกว่าไม่สนใจเลยก็ได้
อย่างที่หาญศักดิ์เคยบอก... เขาไม่เคยรักใคร...
อยู่กับงานกับเงินแบบนี้ไปเรื่อยๆ นั่นแหละคือตัวเขา
อีกอย่าง เขาเคยเห็นเพื่อนรักอย่างหาญศักดิ์เจ็บปวดเพราะความรักเจียนตาย มันทำเอาเขาขยาด ไม่นึกอยากเข้าไปลิ้มลองรสชาติความรักแม้แต่นิดเดียว
“งั้นตกลงมึงคิดว่าตัดสินใจยังไงดีเสี่ยหาน”
หาญศักดิ์คิดสักพัก “กูคิดว่าอยากรอให้มันเป็นรูปเป็นร่างมากกว่านี้แล้วค่อยว่ากัน เท่าที่ฟังดูยังมีความเสี่ยงอยู่”
ร่างสูงพยักหน้ารับ พูดคุยกันถึงเรื่องงานอย่างซีเรียสอีกชั่วครู่ใหญ่ชาญชัยก็เปลี่ยนหัวข้อ
“แล้วไอ้เสือล่ะ มันเก็บตัวเป็นไงบ้าง”
ร่างสูงเอ่ยถามขณะยืดหลังบนเก้าอี้ หาญศักดิ์ยักไหล่
“ก็ดูสุขสบายดี”
ตอนนี้โซดาอยู่ในช่วงเก็บตัวซ้อมเพื่อขึ้นชกรักษาแชมป์ของเวทีมวยราชดำเนิน ฉะนั้นจึงมีความจำเป็นต้องลางานของพรรคพยัคฆ์ทั้งหมด รวมไปถึงลาเรียนที่โรงเรียนด้วย แต่ก็ไม่ใช่ว่าหาญศักดิ์จะไม่ได้เจอหน้าโซดาเลย เนื่องจากที่โรงแรมเมททอลมันอยู่ใจกลางเมือง ดังนั้นโซดายังกลับมานอนค้างตอนกลางคืนที่นี่บ้าง แต่ก็แค่กลับมานอนอย่างเดียวจริงๆ แถมกลับมาหัวถึงหมอนก็สลบเหมือด เขาเลิกดูงานเข้าไปในห้องก็เจอโซดาหลับปุ๋ย ตอนเช้ามันก็ตื่นตั้งแต่ฟ้ามืดไปซ้อมก่อนเขาตื่น เรียกได้ว่าเวลาไม่ตรงกันอย่างแท้จริงแม้จะยังเห็นหน้ากันอยู่ตลอดก็ตาม นับคำที่คุยกันเวลาเจอหน้าได้เลย
และนั่นก็ทำให้ทำให้ประตูหลังของเขาปลอดภัยอย่างที่ไม่เป็นมาก่อนนับตั้งแต่ได้รู้จักกับไอ้เด็กนั่น
แล้วดูมัน มีหน้ามาถามอีกว่ากูเปลี่ยวไหม
“แม่งดูผอมลงไปเลยวะ ไม่ได้ผอมบางนะมึง แต่แบบหุ่นเฟิร์ม กล้ามเป็นกล้าม เบ้าหน้านี่คมชัดเป๊ะกว่าเดิมอีก วันก่อนกูเจอมันออกมาวิ่งวอร์มตอนตีห้า อื้อหือ ลูกค้าโรงแรมสาวๆ ทั้งไทยทั้งเทศนี่มองกันน้ำลายจะหก”
ชาญชัยผู้ที่นอนดึกจนทำขโมยร้องไห้ได้พูด หาญศักดิ์พยักหน้า
“อือ ช่วงนี้เห็นว่าโปรแกรมซ้อมหนักขึ้นกว่าเดิมว่ะ ไขมันคงกลายสภาพเป็นกล้ามเนื้อจนหมด”
อันที่จริงเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโซดาผอมลงจริงหรือเปล่าจึงได้แต่พูดไปตามน้ำ... ช่วงนี้ก็ไม่ได้เห็นรูปร่างมันมานานแล้ว เจอหน้าทีไรก็หลับซุกตัวในผ้าห่มเรียบร้อย ตอนตื่นโซดาก็ตื่นก่อนเขาตื่น
ไว้ได้พิสูจน์ก่อนนะ... กูจะมาบอกเล่าแบบละเอียดทุกรูขุมขนเลยเพื่อน
...มั้ง
“เสียดาย วันที่มันขึ้นชกกูกับไอ้เฉินต้องไปต่างจังหวัด อดเลย”
“มึงก็ดูทางโทรทัศน์สิ พูดอย่างกับมึงจะไม่ได้ดูเลยงั้นแหละ”
ชาญชัยส่ายศีรษะ “มันไม่ได้อารมณ์โว้ย กูอยากดูสดๆ เด็กเรานะมึง ตอนนี้มันเป็นคนในพรรคเราแล้วนะ เราก็ต้องไปเชียร์พรรคพวกสิวะ”
“เหอๆ กูอยู่กรุงเทพฯ ยังไม่ไปเลย ขี้เกียจ ถ้าจะดูก็ทางโทรทัศน์นี่แหละ”
“เออ เรื่องของมึงเถอะ”
ชาญชัยตัดบทด้วยเสียงหน่ายๆ ก่อนทั้งคู่จะแยกย้ายกันไปทำงาน สำหรับหาญศักดิ์แล้ววันนี้เขาไม่มีภาระหน้าที่ใดๆ อีกเพราะได้สะสางไปจนหมดตั้งแต่เช้า เขาจึงกลับเข้าห้องพักแล้วหยิบเอาสมุดบัญชีขึ้นมานั่งตรวจทาน
ก๊อกๆ!
ตีดิ๊ด~
เสียงเซ็นเซอร์ประตูดังขึ้นบ่งบอกให้รู้ว่ามีคนเข้ามาทำให้เจ้าของห้องต้องเงยหน้าขึ้น
“อ้าว เฮ้ย! มึงมาได้ไง?”
หาญศักดิ์ร้องอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นร่างกำยำสูงโปร่งก้าวเข้ามา เด็กหนุ่มยกมือไหว้คนทักแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาวตัวหนึ่ง สีหน้าเคร่งขรึมจนคนมองถึงกับงง เพิ่งคุยไลน์กันหลัดๆ ไม่ถึงสองชั่วโมงแท้ๆ แถมตอนนั้นอีกฝ่ายก็ดูร่าเริงดี มิหนำซ้ำ เวลาตอนนี้ก็แค่บ่ายสามโมงกว่าๆ
“มึงโดดซ้อมหรือวะ” หาญศักดิ์เดินเข้าไปนั่งที่โซฟาที่นั่งเดี่ยวซึ่งตั้งฉากกับโซฟาที่เด็กหนุ่มนั่งอยู่ก่อน
“เปล่าครับ” โซดาตอบเสียงเครียด
“...มึงผอมไปเยอะเลยนะ หิวไหม เดี๋ยวกูโทรสั่งรูมเซอร์วิสให้”
“ขอบคุณมากครับพี่ แต่ไม่เป็นไรครับ” โซดายิ้มแค่นิดเดียว สีหน้าบ่งบอกให้รู้ว่ามีปัญหาจริงๆ แบบที่ไม่ต้องสงสัยอะไรอีกทั้งนั้น
“โซดา เกิดอะไรขึ้นวะ มึงกำลังเก็บตัวอยู่นะ หนีออกมาจากค่ายโดยพลการแบบนี้เดี๋ยวก็มีปัญหาหรอก”
เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะยกมือขึ้นบีบนวดกดขมับ
“พี่หาน... ผมไม่ได้ชกแล้ววะ”
“เฮ้ย!!” หาญศักดิ์ร้องอย่างตกใจ คิ้วของเขากระตุกทันที “ทำไมล่ะ!?”
โซดายกกำปั้นทุบหน้าผากตัวเองตึงใหญ่แล้วระบายทั้งที่หลับตา
“แม่ง... สปอนเซอร์รายใหญ่ของค่ายมวยผมอยู่ดีๆ ก็ถอนตัวไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เพิ่งโทรหาเจ้าของค่ายวันนี้เลย ตอนนี้ผู้ใหญ่หัวหมุนกันมาก เงินอัดฉีดคงไม่พอนั่นแหละครับ ไม่รู้มีปัญหาภายในอะไรกัน”
“เฮ้ย แม่งทำอย่างนี้ได้ยังไงวะ อยู่ดีๆ ก็มาถอนตัวโดยไม่บอกล่วงหน้าเนี่ยนะ มีสัญญานี่ ฟ้องแม่ง” หาญศักดิ์ตบเข่าฉาดใหญ่
“เขาก็คงดำเนินการกันไป แต่เรื่องของเรื่องก็คืออีกสามวันผมจะขึ้นชกแล้ว กว่าจะเจรจาอะไรต่อมิอะไรลงตัว ผมไม่ได้ขึ้นชกรอบที่จะถึงนี้พอดี”
พูดจบโซดาก็ทิ้งตัวลงกับพนักโซฟาอย่างหมดแรง หาญศักดิ์ใจแป้ว ไม่เคยเห็นโซดาหมดไฟแบบนี้มาก่อนเลย เขาสำรวจดูคนตรงหน้า โซดาผอมลงไปมาก ดูท่าทางแล้วคงฟิตอย่างหนักจริงๆ มัดกล้ามกำยำของเด็กหนุ่มเห็นเป็นรูปร่างชัดเจนกว่าครั้งไหน สันกรามรูปตัววีคมเฉียบยิ่งขับให้ใบหน้าหล่อเหลามากขึ้นแม้ว่าจะปรากฎเค้าโครงแห่งความอิดโรยเหนื่อยล้าอยู่
“แล้วถ้าเกิดว่าตกลงกันกับสปอนเซอร์รายใหญ่รายนี้ไม่ได้ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น” หาญศักดิ์ถาม
“ก็ต้องหาสปอนเซอร์ที่มีเงินหนาพอๆ กันมาทดแทนให้ได้ แต่ผมคิดว่ามันคงจะยากครับเพราะเราเหลือเวลาอีกแค่สามวันเท่านั้น”
เด็กหนุ่มซบหน้าลงกับฝ่ามือ
“พี่ขันบอกว่าไม่ต้องกังวลให้วันนี้ผมกลับมาก่อน แต่ทุกคนก็รู้นั่นแหละว่ามันไม่โอเค ผม...ผมไม่รู้จะหาทางออกยังไง”
“ใจเย็นเว้ยมึง...ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้น่า”
หาญศักดิ์เอ่ยปลอบแล้วเอื้อมมือไปตบบ่าแข็งแรงอย่างให้กำลังใจ แต่โซดาก็ส่ายหน้า
“ผมคิดว่ากับเรื่องนี้คงไม่มีทางแก้จริงๆ ครับพี่ คงขัดใจเรื่องผลประโยชน์อะไรกันนั่นแหละ แต่คนรับกรรมคือนักมวยและคนในค่ายแทบทั้งหมด”
“โธ่เอ๊ย...”
“ผมคิดเอาไว้ในใจมาตลอดว่าสิ้นปีนี้คงแขวนนวมแล้ว แล้วผมก็อยากจากวงการนี้ไปแบบมีศักดิ์ศรี ผมอยากจากไปแบบที่ยังพอมีใครจำได้ ไม่ใช่จากไปแบบเงียบๆ และไม่น่าจดจำ”
“มึงไม่อยากแค่เฟดตัวหายไปเฉยๆ จนในที่สุดคนก็ลืมกันไปเองสินะ...”
“ครับ”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ ตัวเขารู้ดีเองว่าคงจะใช้ชีวิตอยู่ในวงการมวยนี่ไม่นานนัก ฉะนั้นจึงไม่ได้คาดหวังถึงขนาดที่จะได้เป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่ แต่อย่างน้อย เขาก็อยากจากไปแบบมีความภูมิใจในตัวเอง มีศักดิ์ศรี และมีคุณค่า
หาญศักดิ์เหม่อมองไปในอากาศขณะที่อีกมือยังตบปุๆ ที่บ่าโซดาเบาๆ ทั้งคู่จมดิ่งอยู่ในความเงียบ
Rrrrrrr! Rrrrrr!
จู่ๆ เสียงเรียกเข้าจากมือถือเครื่องใหม่ของเด็กหนุ่มก็ดังขึ้น โซดารีบกดรับทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“พี่ขัน! ตกลงว่ายังไงครับ”
ดวงหน้าคมหม่นแสงลงอย่างฉับพลันเมื่อได้ยินสิ่งที่ปลายสายตอบกลับมารัวๆ เร็วๆ เขาตอบเออๆ ออๆ ไปตามเรื่องตามราวแล้ววางสายอย่างขมขื่นใจ
“พี่ขันบอกว่ายังตกลงกันไม่ได้ ผมต้องรอไปอีก... ความหวังดูริบหรี่เต็มที”
โซดาถอนใจเฮือกใหญ่ และแล้วในที่สุด...
“จึ๊ๆๆๆ มึงนี่น้า...” หาญศักดิ์ส่ายศีรษะแบบมีมาด “มองหน้ากูนี่ เห็นไหมว่ากูเป็นใคร”
ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของคนพูดอย่างไม่เข้าใจ ไม่ใช่แค่ลากเสียงพูดอย่างวางท่า แต่ยังกอดอกเต๊ะจุ๊ยอีกต่างหาก พี่หานมาไม้ไหนอีก ถึงได้อยู่ดีๆ ก็ผีเข้าผีออกแบบไม่มีสาเหตุ
รู้อยู่แล้วว่าพี่แกเพี้ยนนิดๆ... แต่ไม่คิดว่าจะเพี้ยนไม่รู้เวล่ำเวลาแบบนี้
“เห็นครับ เห็นว่าเป็นหน้าเมียคนเดิม”
“โอ๊ยไอ้ห่า! หมดอารมณ์ ให้กูเป็นเสี่ยหล่อๆ ในสายตามึงบ้างได้ไหม!”
หาญศักดิ์แหวเสียงดังอย่างเหลืออดทำเอาโซดาขำออกมาแบบกลั้นไม่ไหว หาญศักดิ์เอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มหรี่ตามองเด็กหนุ่มอย่างขัดใจ ก่อนจะตบเข่าตัวเองฉาดใหญ่
“กูนี่แหละโว้ย เจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลของประเทศไทย แล้วก็รู้เอาไว้ด้วย ว่ากูหล่อและรวยมาก”
“หมายความว่า...”
โซดาตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ เขาจ้องหน้าหาญศักดิ์ตาไม่กะพริบ เจ้าพ่อเงินกู้ยักคิ้วข้างเดียวจึ้กๆ
“เออ ถ้าไม่มีสปอนเซอร์ ก็เดี๋ยวกูนี่แหละเป็นให้เอง!”
:::METAL TERMINAL:::
อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ หาญศักดิ์ไม่ใช่คนใจดีแต่ก็ไม่ใช่คนใจร้าย ยิ่งได้มาเห็นโซดาทำท่าห่อเหี่ยวแห้งแล้งแบบนั้นมันก็ทำให้เขารู้สึกว่าคงจะใจจืดใจดำเกินไปที่ช่วยเหลือได้แต่ไม่ยอมช่วย ฉะนั้นเขาจึงตัดสินใจแก้ปัญหาให้โดยการเสนอตัวเป็นสปอนเซอร์เองเสียเลย โซดาดีใจมากและรีบติดต่อไปทางค่ายของตัวเองทันที เรื่องทุกอย่างดำเนินการไปอย่างราบรื่นสะดวกโยธินแบบไร้ปัญหาโดยสิ้นเชิง
“หรูโคตรๆ โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเมททอลเป็นหนึ่งในสปอนเซอร์...” โซดาส่ายหน้าเบาๆ อย่างยอมรับในอิทธิพลของผู้เป็นเจ้าพ่อ ไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องทุกอย่างจะพลิกร้ายกลายเป็นดีได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้
เงินนี่มันสำคัญจริงๆ ด้วย
หาญศักดิ์กอดอกยักไหล่หัวเราะหึๆ “กูเจ๋งก็งี้แหละ”
“เจ๋งจริงๆ ครับ ยอมใจเลย”
เด็กหนุ่มยิ้มแป้นเอ่ยชมยิ่งทำเอาหาญศักดิ์หัวเราะร่า ความบ้ายอนี่ไม่เข้าใครออกใครแต่เข้าตัวไอ้เสี่ยนี่เต็มๆ... แถมเข้าแล้วยังไม่ยอมออกง่ายๆ ด้วย ในที่สุดหาญศักดิ์ก็หยุดหัวเราะไปเอง
“ตกลงจะกินไรไหมมึง ดูผอมไปเยอะแปลกตายังไงไม่รู้วะ กูก็หิวข้าวแล้วด้วย เดี๋ยวจะสั่งอะไรขึ้นมากินอยู่พอดี”
“โหยพี่หาน... พี่ทำร้ายผมมากครับ ผมกินอะไรไม่ได้หรอก แม้แต่น้ำเปล่า”
“ฮะ!?”
หาญศักดิ์อุทานอย่างไม่อยากเชื่อและไม่เข้าใจ แต่โซดาก็พยักหน้ายืนยัน
“ผมต้องควบคุมน้ำหนักให้อยู่ระหว่าง 168 ปอนด์ถึง 175 ปอนด์ คลาดเคลื่อนแม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้ ตอนนี้ห้ามกินอะไรนอกโปรแกรมแม้แต่น้ำ”
“ทำไมมึงจะต้องลดน้ำหนักให้ไปอยู่ในเกณฑ์นั้นด้วย หุ่นปกติมึงก็ดีอยู่แล้วนี่” ไม่ใช่แค่ดีธรรมดา...ดีมากด้วย ดีโคตร เซ็กซี่ เอ็กซ์ แบบว่าเร้าใจอ่ะ
โซดาส่ายหน้า “พี่ไม่เข้าใจ ผมคงต้องอธิบายยาว พี่มีเวลาฟังรึเปล่าล่ะครับ”
“เออ ว่ามาสิ”
“ก็...คุมน้ำหนักแบบนักมวยนี่นรกมาก” โซดาพูดเสียงต่ำๆ พยายามจะอธิบายให้คนที่ไม่ใช่คอมวยอย่างหาญศักดิ์เข้าใจได้ง่ายที่สุด “อย่างถ้าผมปล่อยตัวอ้วน น้ำหนักกว่ามากกว่า 175 ปอนด์ (ประมาณ 79.379 กิโลกรัม) ก็ต้องไปชกรุ่นเฮฟวี่เวท ผมก็จะเสียเปรียบเพราะคู่ต่อสู้ก็จะตัวสูงแล้วก็ตัวหนากว่าผม แต่ถ้าผมลดน้ำหนักให้มันอยู่ช่วงรุ่นไลท์เฮฟวี่เวท ซึ่งเป็นรุ่นที่ผมชกอยู่ ผมก็จะได้เปรียบ โดยเฉพาะเรื่องความสูง”
เด็กหนุ่มนิ่งคิดนิดหนึ่งในขณะที่อีกฝ่ายยังคงจ้องมองหน้าเขาตาใสแป๋วอย่างตั้งอกตั้งใจ
“มวยก็เป็นกีฬาที่แอบเรื่องมาก อย่างรุ่นซูเปอร์ฟลายเวทกับแบนตั้มเวทห่างกันแค่สองกิโลกรัมก็ชกกันไม่ได้แล้ว แต่จริงๆ มันก็ไม่ได้มีใครได้เปรียบเสียเปรียบกันมากมายหรอกครับ เพราะนักมวยทุกคนก็ทำแบบเดียวกันหมด พี่พอจะเข้าใจไหมครับ”
“อ๋อ... เก็ตล่ะ มิน่า กูเห็นนักมวยต้องแก้ผ้าชั่งน้ำหนัก”
โซดาพยักหน้า “ครับ ก็ตามนั้นแหละ จะคลาดเคลื่อนไม่ได้แม้แต่นิดเดียว แต่บางคนก็จะเพิ่มน้ำหนักเพื่อไปต่อยรุ่นที่มากกว่าน้ำหนักปกติของตัวเอง แบบนั้นเรียกว่าแบกน้ำหนัก”
“อ๋อ...”
“จริงๆ น้ำหนักปกติของผมเลยคือประมาณ 71-72 กิโลกรัม จัดเป็นรุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวท แต่มันหาคู่ต่อยด้วยยาก ไม่รู้ทำไมไม่ค่อยมีคนอยู่รุ่นนี้ แถมทุกคนลงความเห็นว่าหุ่นบางไป เขาเลยให้ผมแบกน้ำหนักให้ไปอยู่รุ่นไลท์เฮฟวี่เวทมาตลอด แต่หลังจากมาอยู่กับพี่ ก็อยู่ดีกินดีเกินไป... มันเลยเกินรุ่นไลท์เฮฟวี่เวทไปอีก ตอนนี้ผมเลยต้องลดอยู่”
“กรรม ความผิดกูหรือไงล่ะ กูเหมือนโดนโทษเลย แล้วนี่ลดไม่ค่อยลงหรือไงถึงบ่นใหญ่”
“เปล่าหรอกครับ พอดีปืนผมมันใหญ่ยาวเกินมาตรฐาน ลดได้ทุกส่วนแต่ส่วนนั้นนี่ทำยังไงก็ลดไม่ลงสักที”
“โฮยไอ้ผีปอบ!!!”
หาญศักดิ์ว้ากอย่างเหลืออดทำเอาเด็กหนุ่มระเบิดหัวเราะเสียงดังสนั่น กำลังซีเรียสไอ้ผีห่านี่วกเข้าเรื่องลามกอีกแล้ว!
จ้าพ่อปืนโต พ่อปืนใหญ่ พ่อปืนนักสังหารหมู่!
“แต่ปืนผมใหญ่เกินมาตรฐานจริงๆ นะ... มันก็ทำให้ลำบากเพิ่มนิดหน่อยเวลาต่อยมวย”
โซดาหน้านิ่วคิ้วขมวดพูดเสียงเครียด ซึ่งไม่อยากจะบอกว่ากูโคตรเห็นด้วยยยย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอใครแบบว่า เอ่อ อ่า... อู้หู อ้าหา ใหญ่โตโอฬารเท่านี้มาก่อน ขนาดเวลาใส่เสื้อผ้าปกติยังเห็นนูนๆ โผล่ออกมา... เรื่องแบบนี้ก็เป็นปัญหาของผู้ชายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักกีฬา ไหนจะเรื่องความมั่นใจอะไรอีกทั้งหลายแหล่ เขาก็เห็นแหละว่าโซดาพยายามจะเก็บมันให้มากที่สุดแล้วในเวลาปกติ แต่ก็ทำได้แค่นั้น...
...แถมยังเป็นเป็นปืนอันที่เปิดซิงกูอีก ความเจ็บนั้นจะประทับอยู่ในใจข้าน้อยตลอดไป...
“เมื่อก่อนผมก็อดๆ ยากๆ น้ำหนักไม่ถึง ตอนนี้ก็กลายเป็นน้ำหนักเกินไปอีก ไม่มีอะไรจะพอดีสักที”
พูดยิ้มๆ แล้วก็เอนหลังลงกับพนักโซฟา
“อืม ลำบากเหมือนกันนะพอฟังๆ ดู... ถ้าชกเสร็จมึงมีอะไรที่อยากจะกินเป็นพิเศษไหม กูดูแล้วท่าทางจะเก็บกด”
เด็กหนุ่มที่เอนหลังพิงกับพนักโซฟาเหม่อมองไปยังเพดาน ดูคล้ายกำลังจมจ่อมกับความคิดตัวเอง
“อยากกินกับข้าวฝีมือแม่...” ริมฝีปากหยักแต้มรอยยิ้มบางๆ “อะไรก็ได้... แค่ ผมคิดถึงฝีมือแม่มากจริงๆ”
หาญศักดิ์เงียบกริบ รู้สึกสะท้อนในอก เขาก็คิดถึงอาหารฝีมือแม่ตัวเองเหมือนกัน แต่แตกต่างกับโซดาตรงที่เขาไม่มีวันจะได้กินมันอีกแล้ว... ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
“เดี๋ยวผมจะกลับค่ายมวยแล้ว สามคืนสุดท้ายผมคงเก็บตัวนอนที่ค่าย ไม่ได้กลับมานอนนี่ แล้วเจอกันอีกทีที่เวทีราชดำเนินเลยนะครับ”
“เอ๊ะ! เจอกันที่เวทีราชดำเนินอะไรวะ” หาญศักดิ์งง
“อ้าว ก็พี่เป็นสปอนเซอร์แล้วนี่ครับ พี่ก็ต้องไปดูสดสิ ได้นั่งริงไซด์เลยนะครับ รับรองเห็นชัดถนัดตาทุกรูขุมขน”
“เฮ้ย ตอนแรกกูไม่ได้กะจะไปเลยเว้ย เป็นสปอนเซอร์แต่ไม่ไปไม่ได้เหรอวะ มันดูหนวกหูอ่ะ กูขี้เกียจไปด้วย”
“ใจร้ายจัง...” เด็กหนุ่มตัดพ้อ ช้อนสายตาปริบๆ มองใบหน้าหวานๆ ของเจ้าพ่อเงินกู้ “ใจคอจะไม่ไปอยู่ดูเป็นกำลังใจตอนผัวคนนี้โดนไล่อัดบ้างเหรอครับ แค่ได้เห็นหน้าหวานๆ ของพี่ติดขอบเวที...ผมก็คงจะชื่นใจ มีกำลังใจต่อยต่อไปร้อยยก”
“อ้วกกกกก!!!!!!!!” หาญศักดิ์แทบสำรอกของที่กินเข้าไปทั้งหมดในวันนี้ออกมา เขาเต้นผ่าง ใบหน้าขึ้นสีคล้ำลามถึงคอ “หุบปากเถอะก่อนมึงจะถูกกูซัดก่อนได้รักษาแชมป์ กูจะไปดูเพราะเป็นหน้าที่ของสปอนเซอร์หรอก จำเอาไว้ว่ากูไม่ได้ไปเพราะพิศวาสมึงเลย!”
“ไม่เป็นไรครับ” เด็กหนุ่มส่งสายตาวิบวับ “ผมพิศวาสพี่ฝ่ายเดียวก็พอแล้ว”
“ไม่ต้องมาพิศวาสกู!”
“ไม่พิศวาส แต่รักได้ใช่ไหมครับ”
กึก!
หาญศักดิ์ตัวแข็งทื่อไปในทันที โซดามองเสี่ยหนุ่มที่ตัวกระตุกปากอ้าค้างเหมือนลิ้นโดนมัดกันเป็นปมจนพูดไม่ออก เขาดึงร่างแข็งทื่อนั้นมานั่งบนตักตัวเองอย่างง่ายดายเหมือนแค่ยกสำลีหรือยกนุ่น โอบประคองคนที่ตัวเล็กกว่าให้แนบอก จมูกโด่งกดลงบนแก้มของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มหัวเราะเบาๆ พูดเสียงแหบพร่า
“โกนหนวดด้วยนะครับพี่ ขึ้นเขียวๆ เป็นตอหมดแล้ว หอมแล้วสาก... ไม่ได้เจอหน้าหลายวันเดี๋ยวนี้แมนเกินหน้าเกินตา ผมไม่ชอบ...”
“กู...กู...กูจะทำทุกอย่างที่มึงไม่ชอบนั่นแหละ! หน้ากู หนวดกู เครากู อย่ามายุ่ง!” หาญศักดิ์เบี่ยงหน้าหลบจมูกกับปากซนๆ ที่จ้องจะฉกฉวยโอกาสนั่นเป็นพัลวัน
“พี่ทำกับคนที่รักพี่หมดหัวใจแบบนี้เหรอครับ”
พ่อมึ๊งงงงงงง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ทำไมต้องกระซิบเสียงพร่าข้างหูด้วย อ๊ากกกกกกกกกก
ไอ้ส.เสี่ยวดา พยัคฆ์จอมหยอด ปืนใหญ่ผู้ทำลายล้างประตูหลัง!
หาญศักดิ์ตัวแข็งเป็นหินพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ก่นด่าในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า โอย ฮือ คิดว่าวันนี้จะไม่โดนโจมตีแล้วแท้ๆ แต่ก็โดนจนได้ โว้ยยย
“เฮ้อ เสียดาย... อยากจะจัดสักทีแต่ผมก็ไม่มีเวลา เดี๋ยวต้องไปแล้ว”
“มึงรีบไปเลย! ปล่อยกูแล้วไปเดี๋ยวนี้!”
ร่างสูงยิ้มจนดวงตาโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว
“ผมจะรอนะครับ”
“รออะไรของมึงอีกหา”
“รอจนกว่าพี่จะทนไม่ไหวแล้วมาบอกรักผมเอง”
“...”
นัยน์ตาคมเต็มไปด้วยแวววาวหวาน มองหน้าคนบนตักตัวเองด้วยสายตาชวนคันหัวใจยุบยิบ ริมฝีปากหยักคลี่ยิ้ม
“ระวังลงแดงตายเพราะรักมันจุกอกซะก่อนนะครับ
”
“ไอ้ผีห่า!!”
นอกจากรางวัลออสการ์แล้ว เอาโล่คนหลงตัวเองไปแดกร่วมกันไป๊ ไอ้เวร!
แล้วหนังหน้ากูจะร้อนทำไมวะเนี่ย...โอย...
อ๊อต๊อเค๊!!??
:::METAL TERMINAL:::
ในที่สุดวันที่โซดาขึ้นชกรักษาแชมป์ก็มาถึง หาญศักดิ์ที่มาคนเดียวเดี่ยวๆ เดินเข้ามาในสนามมวยเวทีราชดำเนินแบบงงงวยเล็กน้อยตามประสามือใหม่ เขาทบทวนสิ่งที่โซดาบอกกล่าวไว้ในใจ หลักๆ ที่สำคัญเลยคือห้ามยกมือยกไม้ซี้ซั้วเวลาดูการแข่งขัน เพราะไม่งั้นพอมวยจบลงอาจมีคนเดินมาขอเก็บเงินได้ เพราะถือว่าเราส่งสัญญาณมือว่าจะร่วมเล่นพนัน... (เป็นงั้นไป) สำหรับข้ออื่นที่พึงระวังก็ไม่ได้หนักหนานัก อย่างไรเสียวันนี้หาญศักดิ์ก็มาในฐานะสปอนเซอร์รายใหญ่จึงมีคนคอยต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี
หาญศักดิ์นั่งดูมวยคู่ที่กำลังชกอยู่ไปพลางๆ เสียงโหมเชียร์ดังกระหึ่มเร้าใจไปทั่ว เสียงพากย์อันเร้าอารมณ์ของผู้พากย์ก็คอยกระตุ้นให้ทุกคนฮึกเหิมเมามัน ยิ่งเขาอยู่ที่นั่งริงไซด์ติดขอบเวทีแบบนี้เรียกได้ว่าทั้งเหงื่อทั้งเลือดของนักมวยแทบจะกระเด็นถูกใส่ ไม่เคยอินกับมวยก็จะอินงานนี้แหละวะ
ในที่สุดคู่ที่กำลังชกกันอยู่ก็ได้ผู้ชนะ เสียงเฮดังลั่นคละเคล้ากับเสียงโห่ร้องตามประสา และไม่ต้องรอนานนักสิ่งที่หาญศักดิ์รอคอยก็มาถึงในที่สุด
“...และมุมน้ำเงินนะครับ ซ.โซดา พยัคฆ์เมืองหลวง ไอ้ปืนโตเพชรฆาต อายุ 17 ปี!! แชมป์เก่าสองสมัยของเรานั่นเอง...!!!!”
.
.
.