ยกที่ ๓๐
มันเจ็บจะขาดใจอยู่ตรงหน้าเธอ
แต่ต้องเก็บเอาไว้ไม่แสดงว่าเสียใจ
[ ขาดใจ : Pancake ]
:::METAL TERMINAL:::
“...เฉียนย่า”
เสียงแผ่วพร่าหลุดออกมาจากริมฝีปากของเสี่ยหนุ่มที่อึ้งตะลึงจนตัวเย็นเฉียบ ร่างระหงที่ค่อยๆ เดินลงมาจากบันไดหินอ่อนที่หน้าบ้านราวกับภาพสโลว์โมชัน หาญศักดิ์อยากจะยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองแรงๆ สักฉาด แต่ก็กลัวว่ามันจะไม่เจ็บ แล้วนี่จะเป็นเพียงแค่ความฝัน
เฉียนย่าหยุดอยู่ตรงข้างหลังเฉิน ใกล้เขาเพียงแค่เอื้อม...
เสี่ยหนุ่มผลักเฉินออกไปข้างๆ จ้องหญิงสาวตรงหน้าตาไม่กะพริบ
“เฉียนย่า...มาได้ยังไง” เสียงของหาญศักดิ์แห้งผากราวกับมันไม่ใช่เสียงของเขาเลย หญิงสาวส่งยิ้มน้อยๆ
“เราขอโทษนะที่มาหาโดยที่ไม่ได้บอกก่อน ตกลงหานเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม”
หาญศักดิ์เม้มปากหลับตาลงครู่หนึ่ง กระบอกตาแสบร้อนเหมือนน้ำตาจะไหล
นี่มันไม่ใช่ความฝัน...
...มันคือเรื่องจริง
...เมื่อเธอลาใจมันถูกทำร้าย เจ็บไม่หายที่เธอทำอย่างนี้
เคยรักเธอทั้งหัวใจ บอกใจพอสักที จากนี้ต้องลืมเธอให้ลง...
เขาเปิดเปลือกตาขึ้น “เรา...เราสบายดี เฉียนย่า...เฉียนย่าหิวน้ำไหม เดินทางมาเหนื่อยรึเปล่า เฮ้ย! เฮ้ย! คนใช้บ้านนี้มันหายไปไหนกันหมดวะ!” หาญศักดิ์ตะโกนดังลั่นทำเอาพวกสาวใช้รีบสลอนหน้ากันออกมาแทบไม่ทัน
“ไปเอาน้ำเอาท่ามาให้คุณเฉียนย่าดื่มเดี๋ยวนี้ เอาขนมจัดจานมาด้วย” หาญศักดิ์ออกคำสั่ง คนใช้พยักหน้าแล้ววิ่งจู๊ดเข้าไปเตรียมของทันที เจ้าพ่อเงินกู้หันไปหาหญิงสาว “เฉียนย่า...เข้าไปนั่งในบ้านนะ รอเรานานไหม พอดีเราเพิ่งกลับมาจากไปดูงานที่ต่างจังหวัด ขอโทษด้วย...”
“เราทำให้หานลำบากใช่ไหม” เธอหน้าหมองเมื่อเห็นผู้คนดูวุ่นวายกันไปหมด “เราขอโทษที่มาโดยพลการ เรา...เราแค่...”
เธอเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาทั้งของข้างชุ่มชื้น
“เราแค่คิดถึงหาน”
“...”
หาญศักดิ์กลั้นน้ำตาจนปวดเบ้าตาไปหมด เขากัดริมฝีปากมองใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า ไหล่เล็กๆ ของเธอสั่นสะท้าน เสียงที่เอ่ยแตกระแหงเพราะแรงอารมณ์
“...เราคิดถึงหานจริงๆ นะ”
ฟึ่บ! ฟุ่บๆๆๆ...
ร่างสันทัดทิ้งกระเป๋าเสื้อผ้าลงบนพื้น พุ่งเข้าไปกอดร่างหญิงสาวตรงหน้าเต็มอ้อมแขนโดยไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป
“เฉียนย่า...เฉียนย่ากลับมาหาเราแล้วใช่ไหม”
ในวันนี้แค่ฉันเห็นเธอ ความเข้มแข็งมันก็ละลาย
ยิ่งเธอบอกให้เราเป็นอย่างเดิมได้ไหม...
เธอรู้ไหมว่าทั้งหัวใจ ยอมกลับไปเป็นของเธอ
...ตั้งแต่เจอเธอยืนหน้าประตู...
‘ถ้าเขากลับมา...กูจะกอดเขาให้เต็มสองแขน แล้วพูดว่า กลับมาหาเราแล้วใช่ไหม’
“เรารอเฉียนย่ามาตลอดเลยนะ เรา...เราไม่เคยโกรธเฉียนย่าเลย”
‘เรารอเฉียนย่ามาตลอดเลยนะ...เราไม่เคยโกรธเฉียนย่าเลย...’
“เฉียนย่า” สองแขนกอดกระชับร่างบาง เสียงที่พูดสั่นเครือ “ตอนนี้เรารวยแล้วนะ เรา...เรารวยมากเลย วันนี้เรามีพร้อมทุกอย่าง อยากได้อะไร...เรามีให้เฉียนย่าหมดเลย”
‘วันนี้เราพร้อมทุกอย่าง เรามีให้เฉียนย่าทุกอย่างเลยนะ’
“เราคิดถึงเฉียนย่า” เสียงของเจ้าพ่อเงินกู้เจือสะอื้น หลับตาฝังใบหน้าสูดดมกลิ่นหอมของเส้นผมยาวสลวย
‘เราคิดถึงเฉียนย่า’
หาญศักดิ์กอดรัดร่างหญิงสาวแน่นเหมือนจะบีบให้กระดูกของเธอแตก
“เรารับได้ทุกอย่าง ขอแค่อย่า...อย่าทิ้งเราไปอีกนะ ได้โปรด...ได้โปรดเถอะ...”
‘...อย่าทิ้งเราไปไหนอีกนะ’
“ฮือ...หาน...ฮือ...ฮือ...! เราขอโทษ...เราขอโทษนะ...ตอนนั้น...เรา...อึก...ที่ผ่านมา...เรา...ฮืออ”
“ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไรนะเฉียนย่า” เสี่ยหนุ่มส่ายหน้า น้ำตาทะลักไหลอาบสองแก้ม “กลับมาแล้วใช่ไหม บอกเราสิ ว่ากลับมาหาเราแล้ว”
เธอยกสองแขนขึ้นโอบกอดร่างสันทัดตอบ พยักหน้าในแผงอกของหาญศักดิ์รัวๆ หญิงสาวร้องไห้หนักจนตัวสั่นสะท้าน
“ฮือ...เรากลับมา...เรากลับมาหาหานแล้วนะ...อึก...ฮือ...เรา...อึก”
...ไม่ได้ยินที่เธอบอกกับฉัน คำเป็นพันมันไม่มีความหมาย
ฉันได้ยินแค่หัวใจบอกว่ายังรักเธอ
วันนี้ฉันแพ้ใจตัวเอง...
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” เสี่ยหนุ่มพรมจุมพิตข้างแก้มของหญิงสาวซ้ำๆ พูดปลอบประโลมทั้งตัวเองและคนในอ้อมแขน
“หาน...ฮือ...”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร... เราอยู่ตรงนี้นะ” หาญศักดิ์เสียงแตกพร่า แนบหน้าผากตัวเองเข้ากับหน้าผากของหญิงสาว หลับตาซึมซับทุกความรู้สึก...ทุกสัมผัส...ทุกไออุ่น...และทุกหยาดน้ำตา
มันเป็นของจริง...
“เราให้อภัยทุกอย่าง เราอยู่ตรงนี้...เป็นคนเดิมของเฉียนย่า เราไม่เคยไปไหนเลย”
“ฮือ...ฮือ...”
“เรายังเหมือนเดิมเสมอนะ”
เธอรู้ไหมว่าทั้งหัวใจ ยอมกลับไปกลายเป็นของเธอ
...ตั้งแต่เจอเธอยืนหน้าประตู...
:::METAL TERMINAL:::
“โซดา...”
เฉินเรียกชื่อใครอีกคนที่ยืนตัวแข็งทื่อด้วยเสียงแผ่วค่อย ดวงตาของโซดาว่างเปล่าดำมืดขณะจับจ้องภาพชายหญิงกอดกันตรงหน้า เฉินระบายลมหายใจออกมาทางจมูกแบบเครียดๆ โซดามีสีหน้าที่เวิ้งว้างอย่างน่าประหลาด คล้ายกับว่าเสียสูญสุดชีวิตจนตัวแข็งทื่อไปแล้ว และดูเหมือนว่าร่างสูงจะไม่ได้ยินเสียงของเขาเลยแม้แต่แอะเดียว
“โซดา...มากับพี่...”
เฉินลากเด็กหนุ่มให้เดินตามตัวเองมาช้าๆ โซดาเหมือนไม่มีสติเป็นของตัวเอง เขากะปลกกระเปลี้ยก้าวเท้าไปในทิศตามแต่ที่เฉินจะพาไป ในสายตาของเขาเห็นแต่ภาพพี่หานกำลังจูงมือผู้หญิงสวยๆ คนนั้นเข้าไปในคฤหาสน์ โดยที่คงจะลืมไปแล้วว่ามีเขาอยู่ตรงนี้...
พี่หานไม่เห็นอะไรอื่นอีกนอกจากผู้หญิงที่ชื่อเฉียนย่า
“พี่หาน...ทำไม...”
“โซดา ใจเย็นๆ” เฉินกระซิบขณะลากร่างเด็กหนุ่มให้ขึ้นบันไดตามหลังชายหญิงคู่ข้างหน้า “ฟังพี่นะ ใจเย็นก่อน...ตั้งสติ...ตั้งสติ...”
เฉินหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาสีครีมแล้วก็ดึงร่างโซดาให้นั่งลงมาข้างๆ ตัวเอง ฝั่งตรงข้ามเฉียนย่ากับหาญศักดิ์กำลังนั่งกุมมือกันอยู่ มีสำรับน้ำและขนมวางบนโต๊ะรับแขกคั่นกลางระหว่างพวกเขาทั้งสี่ หากแต่สองคนชายหญิงนั้นอยู่ในโลกของตัวเองจนไม่สนใจใคร
“เกิดอะไรขึ้นกับเฉียนย่าบ้าง แล้วสามีของเฉียนย่าล่ะ” เจ้าของบ้านเอ่ยถามเข้าประเด็นเพราะทนไม่ไหว เฉียนย่าจะกลับมาอยู่กับเขาได้อย่างไรถ้าเธอยังมีสามีเป็นตัวตน เขาจำเป็นต้องได้คำตอบตอนนี้เดี๋ยวนี้
ดวงตากลมหวานของหญิงสาวฉายแววไม่เข้าใจเจือปนกับความโศกเศร้า “...เขา...เขาตายเพราะโรคหัวใจกับความดันไปสองสามเดือนแล้วนะ ยังมีคนจากฝั่งหานไปร่วมงานศพเลย”
“ทำไมเราไม่รู้...”
หาญศักดิ์ชะงัก ข่าวของเสี่ยมงคลไม่น่าจะเล็ดรอดหูตาสับปะรดของเขาไปได้ เว้นเสียก็แต่ว่า...
เจ้าพ่อเงินกู้ตวัดหางตาวาววับไปมองเฉินที่ส่งยิ้มแห้งๆ มาให้ทันใด
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมลื้อไม่รายงานอั๊วฮะไอ้เฉิน” เสียงของหาญศักดิ์ราบเรียบ
“คือ...คือเสี่ยชานเป็นตัวแทนพรรคพยัคฆ์ไปร่วมงานศพน่ะครับ แล้ว...แล้วเสี่ยชานก็บอกว่า เอ่อ คงดีกว่าถ้าจะไม่แจ้งให้เสี่ยรู้...”
เฉินตอบตะกุกตะกัก เขากับเสี่ยชานทั้งเอาหนังสือพิมพ์ไปซ่อน แกล้งตัดสัญญาณ Wi-Fi ของโรงแรมเมททอลแล้วโวยวายว่ามันเสีย เปลี่ยนช่องโทรทัศน์หนี ทำทุกทางเพื่อไม่ให้หาญศักดิ์ต้องรับรู้ข่าวนี้ ชาญชัยเป็นห่วงเพื่อนเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก และไม่อยากให้หาญศักดิ์ต้องอ่อนไหวช้ำใจเจียนตายอีก
หาญศักดิ์หน้ากระตุก ไม่ต้องถามให้มากความก็รู้ว่าเจตนาของเฉินกับชาญชัยคืออะไร
เสี่ยหนุ่มหันหน้ากลับมามองใบหน้าสวยหวาน เขายื่นมือออกไปทัดปอยผมนุ่มหลังใบหูของหญิงสาว
“แล้วลูกของเฉียนย่าล่ะ...เป็นยังไงบ้าง คงโตเป็นหนุ่มหล่อแล้วใช่ไหม สงสัยป่านนี้เรียนอยู่เมืองนอกเมืองนาตามพวกพี่ๆ”
หาญศักดิ์ถามเสียงสบายๆ เสมือนไม่รู้สึกอะไรทั้งที่ความจริงแล้วรู้สึกไม่น้อย เขาจำได้ดีว่าเฉียนย่ามีลูกชายกับเสี่ยมงคลหนึ่งคน แล้วลูกทุกคนของเสี่ยมงคลไม่ว่าจะเกิดกับเมียคนไหน เสี่ยมงคลก็ส่งเสียให้เรียนดีๆ ที่ต่างประเทศกันหมด
เฉียนย่ากัดริมฝีปาก น้ำตาที่หายไปแล้วเอ่อคลอขึ้นมาอีกรอบจนหาญศักดิ์ตกใจ
“หาน...” เสียงของเธอแตกพร่า “ลูกเราตายตั้งแต่ตอนอายุสามขวบแล้วนะ”
หาญศักดิ์ตกใจมาก
“เรา...เราไม่รู้เลย เราขอโทษ” ลิ้นของเขาแข็ง
“แก...แกไม่ค่อยแข็งแรงตั้งแต่ตอนเกิดแล้วล่ะ เพราะเฮียมงคลมามีลูกกับเราตอนอายุเยอะแล้ว พอพ้นสามขวบไม่ทันไร แกก็ตายที่โรงพยาบาลเพราะโรคประจำตัว แล้วเฮียก็แก่เกินกว่าที่จะมีลูกได้อีก”
“ไม่ร้องนะเฉียนย่า เราขอโทษนะ...เราขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจจะสะกิดแผลของเฉียนย่า”
หาญศักดิ์จับให้หญิงสาวที่ร้องไห้มาซบบนหน้าอกตัวเอง แล้วลูบผมลูบไหล่ปลอบประโลม เธอร้องไห้โฮ พยายามฝืนยิ้ม
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ หานไม่ผิดนี่...ก็หานไม่รู้...”
“แต่เราก็ไม่ควรพูดอยู่ดี”
โซดาได้แต่มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาปวดปร่า เขาไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองจะมีสิทธิ์ทำอะไรได้บ้างนอกจากนั่งโง่ๆ อยู่ตรงนี้ เขารู้สึกเหมือนชั้นบรรยากาศทั้งหมดรอบตัวดำมืด มีเขาอยู่โดดเดี่ยวในความหม่นหมองนี้คนเดียว ได้แต่มองคนตรงหน้าทั้งสองคนพลอดรักกัน โซฟาที่เขานั่งอยู่ห่างจากพี่หานแค่ไม่กี่คืบ หากแต่มันกลับไกลกันเหมือนคนละโลก...
เขาอยากจะลุกขึ้นต่อยกำแพงแล้วก็อาละวาดโวยวาย แต่ทั้งขาทั้งแขนมันไม่มีเรี่ยวแรง เขาไม่รู้สึกถึงน้ำหนักมือของเฉินที่กำลังตบบ่าเขาด้วยซ้ำ
“เอ้อ หาน ว่าแต่สองคนนี้เป็นลูกน้องของหานเหรอ”
หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นมาหลังจากที่ซับน้ำตาจนแห้งสนิท ตอนนี้เธอกำลังมองไปที่เฉินซึ่งส่งรีบยิ้มแห้งๆ มาให้และโซดาที่มีสีหน้านิ่ง
เจ้าพ่อเงินกู้ละสายตาจากใบหน้าของหญิงสาวหนึ่งเดียวในใจไปมองหน้าทั้งคู่เพียงผ่านๆ เสียงที่ตอบออกมาเรียบแสนเรียบ
“อือ คนที่ใส่สูทนี่ชื่อเฉิน เป็นหลงจู๊ของเรา มีตำแหน่งรองจากเรากับไอ้ชานเลยก็ว่าได้”
“อ้อ ผู้จัดการคนเก่งนี่เอง” เธอยิ้มให้เฉิน ด้วยความที่เป็นลูกคนจีนเหมือนกันทำให้พูดศัพท์อะไรก็เข้าใจทันที ไม่จำเป็นต้องแปลซ้ำหรืออธิบายเพิ่มเติมเหมือนเวลาบอกกับโซดา
อย่างเช่นคำว่าหลงจู๊ อันเป็นภาษาจีนแต้จิ๋วที่ยากจะใช้ภาษาไทยมาอธิบายแทนนัก เพราะหลงจู๊คือคนที่ทำหน้าที่ดูแลทุกอย่างของเจ้านาย ทั้งเรื่องงานครอบคลุมไปยังเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นลูกน้องที่ออกไปร่วมต่อสู้เวลามีปัญหาระหว่างพรรค ดังนั้นตำแหน่งของเฉินหากต้องระบุเป็นภาษาไทยจึงกลายเป็นผู้จัดการทั่วไปอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าจะไม่ได้ทำหน้าที่แค่ดูแลเรื่องผลประโยชน์ของบริษัทก็ตามที
หาญศักดิ์กล่าวต่อเสียงเรียบเฉย
“...ส่วนเด็กคนนั้นชื่อโซดา มือขวาชั่วคราวของเรา”
...
พี่หาน...
...ไม่มองหน้ากันด้วยซ้ำ
ทำไม...
โซดากัดริมฝีปาก ดวงตาสั่นไหวขณะที่เฉินยังคงยิ้มเหมือนเดิม เขายกมือไหว้หญิงสาว
“สวัสดีครับคุณเฉียนย่า พบกันนานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้แนะนำตัว ผมชื่อเฉินครับ”
“...”
“โซดา ไหว้ผู้ใหญ่สิ” เฉินเอ่ยเสียงเข้มขึ้นมานิดหนึ่ง โซดาสะดุ้งเล็กๆ ก่อนจะยกมือที่สั่นเทาขึ้นมาไหว้หญิงสาวแบบเงอะๆ งะๆ โดยไม่ปริปากพูดใดๆ เธอรับไหว้กลับ
“ยังดูเด็กๆ อยู่เลย ทำไมทำงานแล้วล่ะ ไม่เรียนหนังสือหรอกเหรอ”
เธอยิ้มแย้มชวนโซดาพูดอย่างอัธยาศัยดี เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนขากรรไกรค้าง พยายามจะฝืนยิ้มให้เต็มปากแต่ก็ทำไม่ได้ มันจึงกลายเป็นเพียงแค่การกระตุกมุมปากน้อยๆ เท่านั้น ใบหน้าบิดเบี้ยวจนดูไม่ออกว่าจะยิ้มหรือจะทำอะไรกันแน่
“...”
เฉินแอบกระทืบเท้าเบาๆ ลงบนเท้าของเด็กหนุ่ม โซดารีบปั้นหน้า
“...ผะ...ผม...ผม...พอดีอยากช่วยเหลือที่บ้านน่ะครับ หนังสือก็ยังไปเรียน...”
“อ้อ ก็ดีนะ พี่ก็เรียนไม่สูงหรอก ทำงานตั้งแต่ยังวัยรุ่นเหมือนกัน”
โซดาปั้นหน้ายิ้มรับคำพูดนั้นเหมือนพระพุทธรูป ในหัวสมองมันว่างเปล่าขาวโพลนไปหมด กลางอกของเขาแสบร้อนเหมือนมีใครเอาน้ำกรดมาราด
“ว่าแต่ทำไมหานบอกว่าน้องเขาทำงานกับหานชั่วคราวล่ะ” เธอหันหน้าไปถามหาญศักดิ์
“อ๋อ ก็โซดาเป็นลูกชายของลูกหนี้เรา เขาส่งให้ลูกมาทำงานช่วยเหลือระหว่างผ่อนจ่ายหนี้ พอผ่อนหนี้ครบก็คงไม่ได้เป็นเจ้านายลูกน้องกันแล้ว” เสี่ยหนุ่มตอบสาวเจ้าด้วยน้ำเสียงสบายๆ เสมือนโซดาไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเขามากมายไปกว่านั้น เฉียนย่าพยักหน้า
“อย่างนี้นี่เอง อื้ม...แต่เรารู้สึกเหมือนคุ้นหน้าโซดามากเลย เราบอกไม่ถูก แต่นึกไม่ออกอ่ะ มันติดอยู่ปลายจมูก”
“...โซดาเป็นนักกีฬาชื่อดังน่ะครับ ช่วงนี้กำลังฮอตเลย ถ่ายโฆษณาหลายชิ้น” เฉินตอบแทน
“อ๋อ!” เธอตบมือเข้าหากัน หันไปยิ้มกว้างให้โซดา “นึกออกแล้ว! แต่ที่เราเคยเห็นทางโทรทัศน์น่ะผมไม่ใช่สีดำแบบนี้นี่ ผมสีเงินใช่ไหม หล่อมากเลยแหละจ้ะ ยังนึกเลยน้าว่าลูกใครหลานใคร หน้าตาดีจริงๆ”
โซดาเพียงแต่ฝืนยิ้มรับคำชมนั่น ไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะทำตัวอย่างไรกันแน่ เด็กหนุ่มเลื่อนสายตาไปมองหาญศักดิ์ ซึ่งหลีกเลี่ยงที่จะมองหน้าเขาอย่างเห็นได้ชัด หรือบางที...สายตาพี่หานอาจจะมีแค่เฉียนย่าที่นั่งข้างๆ คนเดียวแบบนี้ก็ได้
“แล้วตอนนี้เฉียนย่าอยู่ที่ไหน”
“เราก็ยังอยู่บ้านที่เฮียมงคลซื้อให้นั่นแหละ”
“อ๋อ...”
“แต่มันเหงามากนะ...” สีหน้าของหญิงสาวหม่นหมอง ดวงตาเศร้าสร้อย “อันที่จริง...มันเหงาข้างในตั้งแต่วันที่เราตัดสินใจเก็บของออกมาจากห้องเช่าแล้วล่ะ”
บรรยากาศเงียบกริบ ความเจ็บปวดแล่นริ้วขึ้นมาบนดวงตาของเจ้าพ่อเงินกู้ราวกับสั่งได้ หญิงสาวออกแรงบีบมือชายหนุ่มที่กุมกันไว้ พยายามถ่ายทอดอารมณ์ของตัวเองให้หาญศักดิ์รับรู้
“ก็ถ้าเหงาขนาดนี้ตั้งแต่วันนั้น แล้วจะไปจากหานมันเพื่ออะไรล่ะ”
“...!!”
บุคคลทั้งสี่สะดุ้งเฮือกทันทีเมื่อได้ยินเสียงกัมปนาทของใครบ้างคน ทุกคนเงยหน้าหันขวับไปมองชายร่างสูงที่เดินเข้ามาพร้อมกับลูกน้องอีกเป็นโขยง
ชาญชัยที่สวมเสื้อเชิ้ตสีดำและกางเกงยีนส์เข้ากับรูปร่างราวเทพเจ้าเสกสรรค์ก้าวเข้ามาโดยไม่ถอดรองเท้า มือหนาลูบรอยสักบนหลังคอของตัวเอง ไม่มีวี่แววล้อเล่นบนใบหน้าแม้แต่นิด มุมปากหยักกระตุกขึ้นเล็กน้อยข้างหนึ่งยามมองภาพชายหญิงที่กุมมือกันอย่างน่าอ้วกอยู่บนโซฟา เขาออกคำสั่ง
“พวกลื้อทุกคน จับคุณผู้หญิงเอาไว้!”
“ครับเสี่ย!”
ชายฉกรรจ์ราวสิบห้าคนส่งเสียงตอบรับเจ้านายแล้วพุ่งเข้าไปหาหญิงสาวทันที คนทั้งสี่ที่นั่งอยู่ก่อนตกตะลึงสุดขีด เฉียนย่าถูกกระชากร่างขึ้นมาจากโซฟา หาญศักดิ์ร้องลั่น
“เฮ้ย!”
“จับไอ้เสี่ยหานด้วย!!”
ชาญชัยออกคำสั่งอีกครั้งทันทีที่เห็นหาญศักดิ์ลุกขึ้น สถานการณ์อลหม่านสุดขีดเมื่อหาญศักดิ์ก็สู้สุดชีวิต แต่ถึงจะสู้ยังไงก็สู้คนที่มีจำนวนมากกว่าที่รุมเข้ามาไม่ได้
“มึงทำอะไรของมึงวะไอ้เสี่ยชาน! ปล่อยกู! ปล่อยกูสิวะ! กูก็เป็นเจ้านายของพวกมึงนะเว้ย! ปล่อยเฉียนย่า!!”
“ไม่ต้องฟังใครทั้งนั้นนอกจากอั๊ว!” ชาญชัยประกาศกร้าว
“พี่ชานครับ อย่าทำพี่หาน!” โซดาหน้าตื่นพยายามเข้าไปขัดขวางการกระทำที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน หาญศักดิ์ตะโกนดังลั่น
“อย่าแตะเฉียนย่า! ใครแตะเฉียนย่ากูจะตัดมือให้หมด!!”
“อั๊วย้ำอีกครั้ง! วันนี้พวกลื้อมีหน้าที่แค่รับคำสั่งจากอั๊ว!!” ชาญชัยตะเบ็งเสียง แล้วหันไปมองหน้าเพื่อนรักที่จ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “แล้วมึง! ฟังกูนะ” เขาสาวเท้าเข้าไปใกล้หาญศักดิ์ “กูแค่ต้องการจะคุยเรื่องบางเรื่องกับเฉียนย่าเท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำอะไรอื่นอีก”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมกูอยู่ฟังไม่ได้วะ ฮะ!! ปล่อยเฉียนย่า! เฉียนย่าไม่เกี่ยว!! เฉียนย่า!”
หาญศักดิ์ยังคงแผดร้องอย่างเดือดดาล...เสียงตะโกนนั้นทำเอาโซดาหมดแรงที่จะช่วย ชาญชัยยกมือลูบหลังคออีกครั้ง เขาพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกอย่างหมดความอดทน ก่อนจะยกมือขึ้นมาชี้หน้าเพื่อน
“มึงน่ะมันหลงหม้อจนลืมทุกอย่าง!!” เสียงของชาญชัยดังราวฟ้าผ่า “พอวันนี้อีนี่กลับมามึงก็ริกๆๆ กลับไปหา โดยที่ลืมไปหมดว่าตัวเองเคยเสียใจเพราะมันมากแค่ไหน!”
“เฮ้ย! พูดให้มันดีๆ นะเว้ย!!” คนถูกด่าเลือดขึ้นหน้า
“ทำไมวะ? กับไอ้แค่หม้ออันเก่ามึงลืมไม่ได้รึไง ฝังใจอะไรหนักหนาหือ” เขาชำเลืองหางตาไปมองเฉียนย่า แล้วเหยีดยิ้มมุมปาก วาจาดูถูกเพศแม่ออกมาเลื้อยคลานเต็มพื้น “หม้ออันเก่ามันกลิ่นหอมนักรึไง มันเย้ายวนใจจนมึงลืมไม่ได้เลยเหรอ ชีวิตมึงน่ะสบายกว่าเยอะถ้าไม่มีอีนี่ เชื่อกูเถอะ!”
“ไอ้เหี้ย! มึงจะมารู้อะไรล่ะ!” หาญศักดิ์โกรธจัด “ปล่อยกูนะเว้ย!! ปล่อยกู! ปล่อยสิวะ!!”
“เออ ใช่สิ กูมันคนนอกสายตา! กูมันใครก็ไม่รู้ เอาให้รู้กันไปว่ากูที่ช่วยชีวิตมึงไว้ กับอีผู้หญิงคนนี้ที่ทิ้งมึงไปทำมึงปางตาย มึงจะเลือกมันมึงก็เอาเลย!!”
“ปล่อยกู!!!”
“เฉิน ลื้อเอาไอ้เสี่ยหานไปสงบสติที่ห้องเก็บของ ล็อกขังมันไว้ด้วย!”
“หาน!!”
“เฉียนย่า! เฉียนย่า!”
หาญศักดิ์แผดร้องตลอดทางขณะที่ถูกชายฉกรรจ์ลากตัวไปโดยมีเฉินเดินตามรั้งท้ายมาติดๆ เฉินเองก็ไม่กล้าขัดขืนคำสั่งของเสี่ยชาน เวลาเอาจริงเจ้านายทั้งคู่ของเขาน่ากลัวน้อยเสียที่ไหน ส่วนโซดาได้แต่ยืนขาแข็งอยู่ที่เดิม
“เอาล่ะ ปล่อยตัวคุณผู้หญิง!”
ชาญชัยตะโกนออกคำสั่งอีกครั้ง และบรรดาลูกน้องก็ปล่อยแขนทั้งสองข้างของเฉียนย่าทันที ชาญชัยเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาไม่เปิดเผยอารมณ์ เธอเองก็เพียงแต่มีสีหน้าที่กักเก็บความรู้สึกปรากฎอยู่ หญิงสาวประนมมือขึ้นมาไหว้ชาญชัย
“สวัสดีค่ะเฮียชาน”
ชาญชัยรับไหว้แบบเป็นพิธี แล้วเลิกคิ้วขึ้นสูงจ้องไปที่หญิงสาวตรงหน้า
“ไม่พบกันเสียนาน ยังสวยเหมือนเดิมนะเฉียนย่า”
“ขอบคุณที่ชมหนูค่ะ” เฉียนย่าตอบกลับเสียงเรียบเฉยไร้อารมณ์ ชาญชัยเริ่มเอ่ยปากเสียงเนิบ
“เฮียต้องขอโทษด้วยที่ต้องใช้ความรุนแรง ทั้งๆ ที่เป็นการกลับมาเจอหน้ากันอย่างเป็นทางการของเราทั้งคู่แท้ๆ แต่ไม่งั้นเฮียเกรงว่า เราจะไม่ได้คุยกันอย่างที่ตั้งใจ เพราะไอ้หานคงจะต้องขัดตลอดเวลา”
“...เฮียมีธุระอะไรก็ว่ามาเถอะค่ะ” เธอแทรกกลางปล้องอย่างไม่เกรงกลัวอิทธิพลของเจ้าพ่อกาสิโนแบบชาญชัย ด้วยความที่เป็นอนุภรรยาของเสี่ยมงคลมานานและผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย เธอไม่ใช่หญิงสาวหงอๆ คนเดิมอีกต่อไป
ชาญชัยเอาลิ้นดุนกระพุงแก้ม
“ก็ดี ตรงไปตรงมา งั้นเฮียจะไม่อ้อมค้อมละนะ”
เฉียนย่าเพียงแต่จ้องไปที่คนพูด ไม่ปริปากสักคำ
“กลับมาหาไอ้หานทำไม”
“...”
หญิงสาวยังคงนิ่งไม่โต้ตอบ ชาญชัยเพิ่มระดับเสียง
“อย่ามาบอกเฮียนะ ว่าเกิดคิดถึงผัวเก่าขึ้นมา”
“...”
“รู้รึเปล่าว่ามันฆ่าตัวตายเพราะเฉียนย่า รู้รึเปล่าว่าตอนนั้นมันทุกข์ใจแค่ไหน” เสียงของคนเล่าพยายามคุมโทน แต่ก็ไม่อาจปกปิดความโกรธเคืองที่สุมเต็มพิกัดไว้ได้
“...”
“ถ้าวันนั้นเฮียไม่ได้อยู่กับมัน มันคงตายไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”
“...”
ดวงตาของหญิงสาววาววับราวลูกแก้วใสกับคำพูดของชายตรงหน้า
“วันนี้มันมีทุกอย่างแล้วถึงได้กลับมาใช่ไหม!! ตอบเฮียมาสิ!!”
ในที่สุดร่างสูงก็พุ่งปรี่เข้าไปเขย่าร่างหญิงสาวเหมือนเธอกินยาไม่เขย่าขวด เฉียนย่าหัวสั่นหัวคลอน โซดาพูดอะไรไม่ออกกับสถานการณ์ตรงหน้า เขาได้แต่กลอกตามองตามทุกอย่างแต่ทำอะไรไม่ได้
“เธอน่ะมันคนใฝ่สูง! อยากจะชูคอเผยอเป็นนางพญาด้วยทางลัด! พอผัวตายสมบัติหมดก็เลยคลานกลับมาหาไอ้หาน หัวใจเธอทำด้วยอะไรหา!!”
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยที่กรีดอายไลน์เนอร์ไว้อย่างงดงาม
“กลับมาหาไอ้หานทำไม! อย่าคิดนะว่าคนเขาจะมองเจตนาเธอไม่ออก! คิดว่าไอ้หานมันง่ายใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็ผ่านศพเฮียไปก่อนเถอะ!!”
“เออ ใช่! หนูมันคนชั่ว หนูทิ้งหานไปเพราะหนูอยากสบาย หนูอยากเป็นคุณฟ้าลดา อยากรวยทางลัด พอใจไหม!”
เฉียนย่าแผดเสียงใส่หน้าชาญชัยทำเอาอีกฝ่ายนิ่งอึ้ง เธอยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา
“แต่ที่วันนี้หนูกลับมาหาหาน เพราะเขาเป็นแค่คนเดียวในชีวิตที่หนูรักต่างหาก!!”
ชาญชัยอึ้งสนิท พูดอะไรไม่ออก มือที่จับไหล่บอบบางไว้คลายเองโดยอัตโนมัติ
“ต่อให้หานยังจนไม่รวยเหมือนทุกวันนี้ หนูก็จะกลับมา! เพราะหนูยังรักเขา!! หนูยังลืมเขาไม่ได้! ฮือ...ฮือ...!!”
“...”
“หนูไม่ได้อยากได้สมบัติหาน...แค่สมบัติที่เฮียมงคลทิ้งไว้ให้ก็เหลือกินเหลือใช้ไปทั้งชาติ หนูกลับมาเพราะหนูลืมหานไม่ได้ เพราะหนูคิดถึงหานอยู่ทุกคืนตลอดเวลาเกือบสิบปีมานี้...เพราะหาน...หานเป็นคนเดียวในใจหนู...”
เธอทรุดตัวลงไปบนพื้นหินอ่อนของคฤหาสน์ ดูสุดแสนร้าวราน
“เฮีย...เฮียจะคิดยังไงเกี่ยวกับหนูก็เรื่องของเฮีย” เธอสะอึกสะอื้น “หนูบากหน้ามาทั้งที่รู้ว่าหานอาจจะไล่หนูออกจากบ้านด้วยซ้ำ หนูยอมกลับมาให้ทุกคนประณามหยามเหยียด แต่...แต่อย่ามาห้ามหนู...ฮือ”
สองมือปิดใบหน้าที่เลอะคราบเครื่องสำอางจนดูไม่ได้
“อย่ามาห้ามไม่ให้หนูรักเพื่อนเฮีย...”
ชาญชัยหลับตาเม้มปาก ไม่มีอะไรจะพูดอีกต่อไป
“หนูรักหาน...ฮือ...ฮือ...วันนี้...วันนี้หนูไม่ต้องการอะไรจากหานอีกแล้ว...” เธอส่ายหน้าที่น้ำตานอง “แม้แต่ให้หานรักตอบ หนูก็ไม่ต้องการ หนูแค่อยากมาเจอหน้าหาน...แค่นั้น...แค่นั้นจริงๆ...ฮือ”
“...เฉียนย่า”
“หะ...หาน...!”
หาญศักดิ์ที่น้ำตาคลอทรุดลงไปกอดประคองร่างหญิงสาวที่สั่นสะท้าน เฉินที่เดินตามมามีสีหน้านิ่งเรียบ สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถขังหาญศักดิ์ตามคำสั่งของชาญชัยไว้ได้ แล้วพอเสี่ยชานไม่อยู่ ทุกคนก็กลัวคำสั่งของเสี่ยหานจนต้องยอมปล่อยตัวออกมาแบบนี้
“อย่าร้องนะเฉียนย่า...อย่าร้องนะ”
แล้วทุกคนก็ได้ยินทุกสิ่งที่เฉียนย่าพูด...
ชาญชัยมองสถานการณ์ตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยหลากหลายอารมณ์ เพื่อนรักของเขากำลังกอดเฉียนย่าตอบและปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน ทั้งคู่กอดรัดพันเกี่ยวกันแน่น ไม่มีที่ว่างแม้แต่ให้อากาศแทรกกลางระหว่างทั้งสอง
“กลับ...กลับเมททอล...”
เสียงที่ออกมาจากปากของเจ้าพ่อกาสิโนเบาหวิว เฉียนย่าที่สะอึกสะอื้นเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าชาญชัยอย่างไม่อยากเชื่อ เสี่ยหนุ่มร่างสูงหันหลังขวับเดินฝ่าผู้คนออกไปที่ประตู
เขายอมแพ้แล้ว...
หากแต่จู่ๆ เจ้าพ่อกาสิโนกลับหยุดฝีเท้ากึก
“แต่ถ้าคราวนี้ทำเพื่อนเฮียเสียใจอีก”
“...”
“...”
“เฮียเอาถึงขั้นเป็นศพแน่”
“ไอ้ชาน!”
“ทุกคนกลับ!”
...แต่ยังไม่ยอมวางใจหรอกนะ
ชายฉกรรจ์ทุกคนโค้งให้หาญศักดิ์ก่อนจะทยอยเดินออกไปจากตัวบ้าน ชาญชัยเองก็กำลังจะไปเช่นกัน และแน่นอนว่าเขาไม่ลืม...
“เฉิน เอาไอ้เสือกลับเมททอลไปด้วย”
...จะลืมไอ้เด็กที่กำลังยืนมองภาพชายหญิงบนพื้นด้วยสายตาร้าวรานได้อย่างไรเล่า
“ครับเสี่ย”
หากแต่โซดายังคงยืนนิ่งเงียบเหมือนเป็นศิลา...ราวกับว่ากลายเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงคฤหาสน์นี้ไปแล้ว
“ไอ้เสือ...วันนี้มึงกลับเมททอลกับกูก่อน”
ชาญชัยเดินกลับมาพูดเบาๆ กับโซดาที่ยังคงดูไม่มีสติ และเฉินกระตุกแขนแค่ไหนก็ไม่ยอมก้าวขาไป
“พี่หาน...”
“มากับพวกพี่โซดา” เฉินพูดเนิบๆ คว้าแขนของเด็กหนุ่ม ออกแรงดึงเพิ่มขึ้น “เดี๋ยวก็ได้กลับมา”
“แต่...ผม...แล้วพี่หาน...พี่...พี่หาน...”
“กลับไปกับพวกกูก่อนโซดา” เสียงของชาญชัยจริงจัง ไม่บ่อยนักที่จะเรียกชื่อเสียงเรียกนามจริงๆ ของเด็กหนุ่มตรงหน้า เขาวางมือขวาบนบ่าโซดาแล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย “ฟังนะ กูจะพูดตรงๆ อย่าหาว่าใจร้าย แต่มึงอยู่ไปไอ้หานก็ไม่เห็นมึงในสายตาหรอก”
โซดาลมหายใจสะดุด นัยน์ตาคู่คมหม่นแสงลงเหมือนสั่งได้ ราวกับเขาไปปลิดขั้วชีวิตของมันเข้า
...แต่เขาก็จำเป็นต้องทำ
“โซดา วันนี้ ตอนนี้ มึงไม่ได้อยู่ในสายตามันเลย แม้แต่นิดเดียว”
...เด็กหนุ่มถูกเฉินลากตามหลังเขาออกมาจากคฤหาสน์เหมือนคนไม่มีวิญญาณ เฉินดันหลังโซดาให้ขึ้นไปนั่งเบาะหลัง แล้วตัวเองก็ขึ้นมานั่งตรงเบาะข้างคนขับรถ ชาญชัยที่ก้าวขึ้นไปประจำตำแหน่งคนขับของรถสปอร์ตคันหรูโคลงศีรษะเบาๆ มือหนาหยิบแว่นกันแดดมาสวมแล้วพุ่งทะยานออกไปจากคฤหาสน์หรูจนเสียงล้อบดครูดกับถนนเสียงดังลั่น