ยกที่ ๓๓
ขอบฟ้า ต้องกลายเป็นเขาที่พาไป ทุกสิ่งที่ฝันกันเอาไว้
จบแล้ว...ไม่เหลือสักอย่าง
[ ขอบฟ้า – Bodyslam ]
:::METAL TERMINAL:::
โซดานอนร้องไห้กอดเขาทั้งคืน...
เด็กหนุ่มไม่ได้นอนหลับ...เขาเองก็ไม่ได้นอนหลับ รู้ตัวกันอีกทีก็ฟ้าสว่างแล้ว
เราทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรเป็นเรื่องเป็นราวกันตั้งแต่เช้า โซดาเก็บข้าวของเงียบๆ ด้วยความนิ่งสงบจนน่าใจหาย ถ้าสันติเห็นโซดาตอนนี้คงจะต้องช็อกแน่ๆ เพราะผ่านไปไม่ถึงหนึ่งวันดีลูกชายสุดที่รักที่เคยปกติทุกอย่างกลับฟกช้ำดำเขียวราวกับเพิ่งขึ้นไปต่อยมวยชุดใหญ่มา
ร่างสูงไม่มีอะไรให้เก็บมากนัก เพราะของส่วนใหญ่ของเขาก็อยู่ที่โรงแรมเมททอล เก็บเพียงไม่ถึงสิบห้านาทีดีก็เสร็จสิ้น โซดาลงไปรอเฉินมารับที่ชั้นล่างของบ้าน โดยมีหาญศักดิ์นั่งคอยเป็นเพื่อนกับความเงียบ
เสี่ยหนุ่มเอ่ยปากขอตัวกลับขึ้นไปบนห้อง ก่อนจะผุดลุกขึ้นแล้วทำตามนั้นทันที หาญศักดิ์เปิดตู้เสื้อผ้า ตรวจตราสิ่งของทุกอย่างในห้องแล้วก็พบกับของสิ่งหนึ่ง เขาถอนใจ หยิบมันมาถือในมือแล้วลงไปข้างล่าง
“โซดา...ไอโฟนน่ะ...”
ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของเสี่ยหนุ่ม เขาส่ายหน้าช้าๆ
“ผมคงรับไว้ไม่ได้ครับ”
แก้วตาชายหนุ่มสั่นไหว ตัดสินใจเอื้อมไปคว้าจับมือหนาของโซดาให้แบออก แล้ววางไอโฟนสีดำลงไปบนมือนั่นก่อนจะบังคับมันให้กำเอาไว้
“โซดา ทุกสิ่งทุกอย่างที่กูให้ กูไม่เคยอยากได้คืน...ไม่เคยหวังอะไรทั้งนั้น เก็บมันไว้เถอะนะ อะไรที่เป็นของมึงก็คือของมึง ให้แล้วก็ถือว่าให้เลย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หนังสือ คอมพิวเตอร์ ไปจนถึงทุกๆ อย่าง... แล้วถ้ามึงไม่อยากจะเห็นมัน ไม่อยากจะได้มันจริงๆ จะเอามันไปโยนทิ้งลงถังขยะก็ตามใจ”
ดวงตาคมสั่นไหวขณะรับฟังคำพูดพวกนั้น ก่อนจะพยักหน้าแล้วเก็บไอโฟนลงกระเป๋ากางเกง และหลังจากนั้น...ก็ไม่มีเสียงพูดคุยอะไรอีก หาญศักดิ์และโซดายังคงยืนจ้องตากันอย่างนั้น ก่อนที่โซดาจะเป็นฝ่ายยอมแพ้ถอยกลับไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม หาญศักดิ์กัดริมฝีปาก แล้วถอยกลับไปนั่งที่เดิมของตนบ้าง
“มาแล้วครับๆ” เสียงเฉินดังมาก่อนตัว ผู้จัดการหนุ่มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองขณะพูดไปด้วย เขามาไม่สาย ตอนนี้ก็เพิ่งเก้าโมงเช้าเท่านั้น ข้างหลังเฉินมีลูกน้องคนหนึ่งเดินตามมาอีกคน “สวัสดีครับเสี่ยหาน ...เอ้ามาโซดา ข้าวของอยู่ไหนล่ะ”
“มีแค่นี้แหละครับพี่” โซดาตอบเฉินพลางชี้นิ้วโป้งข้ามไหล่ไปยังเป้ที่ตัวเองกำลังสะพายอยู่ “ข้าวของส่วนใหญ่ของผมอยู่ที่เมททอล”
“อ๋อ ส่งเป้มานี่มา เดี๋ยวให้พี่เขาเอาไปเก็บที่รถให้ พอดีวันนี้พี่ชัยว่างๆ เลยอาสามาช่วยขนของ แต่ถ้ามีแค่นี้พี่ชัยคงได้ขับรถอย่างเดียวแล้วล่ะ”
โซดาปลดเป้ที่สะพายอยู่ลงแล้วส่งให้ชายที่ชื่อชัย ชายคนนั้นรับเป้หนักๆ ไปแล้วก็พูดกับเฉินว่าจะขอตัวไปรอที่รถ ชัยไม่ลืมหันไปไหว้ลาเสี่ยหานก่อนจาก
“มีอะไรอีกไหม แน่ใจนะเว้ยว่ามีแค่นั้น”
“แค่นั้นจริงๆ ครับ”
“งั้น... ก็ไปเลยไหม?”
สิ้นประโยคคำถามของเฉิน ความอึดอัดที่ไม่รู้ที่มาก็โรยตัวไปทั่ว มันปกคลุมหนาแน่นราวกับเมฆฝนสีเทาหนาหนักอุ้มน้ำที่พร้อมจะตกกระหน่ำได้ทุกเมื่อ เฉินลอบถอนหายใจ เขารู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ แต่เขาก็เป็นแค่คนใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งของหาญศักดิ์ที่มีหน้าที่ทำตามคำสั่งเท่านั้น...เขาบอกให้ทำอะไรก็ต้องทำ บอกให้ไปไหนก็ต้องไป ...บอกให้มาพาโซดาไปเก็บของแล้วส่งกลับบ้าน...ก็ต้องปฏิบัติตาม... เขาอาจจะสนิทกับเจ้านายทั้งสองถึงขนาดกวนประสาทได้เป็นบางครั้ง แต่เฉินก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงที่จะเสนอแนะความคิดเห็น หรือทำตัวรู้ดีเกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ตอนที่ทุกอย่างเหมือนระเบิดเวลานับถอยหลัง
ความรู้สึกของคนสองคน...จะมีใครที่รู้ดีไปกว่าคนสองคนนั้นเอง
ร่างสูงนิ่งไปอึดใจหนึ่ง สายตาเวิ้งว้างว่างเปล่ามองไปที่กำแพงสีขาว ก่อนเด็กหนุ่มจะหันหน้ากลับมามองหน้าเฉินแล้วพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้น...ไหว้ลาเสี่ยหานสิโซดา...”
โซดาหมุนตัวหันไปทางเสี่ยหนุ่มที่กำลังยืนมองเขาอยู่ก่อนแล้วด้วยแววตาที่สั่นสะท้าน เขายกสองมือไหว้หาญศักดิ์ ที่มือแข็งจนยกมือขึ้นมารับไหว้โซดาไม่ได้ หาญศักดิ์ได้แต่มองจ้องเด็กหนุ่มอยู่อย่างนั้น เฉินพยักหน้า
“อืม ไปกันได้แล้วล่ะ”
โซดาผงกศีรษะรับเบาๆ อีกหนแล้วเดินตามหลังเฉินไปเงียบๆ ไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้นอีกระหว่างชายหนุ่มทั้งสาม ไม่มีเสียงอะไรจากหาญศักดิ์...ไม่มีเสียงจากปากของเฉินผู้ขี้เล่น...หรือเสียงจากตัวของโซดาที่แสนเงียบขรึม...
“เดี๋ยวก่อน!!”
หาญศักดิ์ตะโกนออกมาเมื่อสองหนุ่มก้าวเดินไปถึงประตูคฤหาสน์ ทั้งคู่ชะงักกับเสียงดังเหมือนฟ้าผ่านั่น และแล้ว...
ร่างสันทัดวิ่งโผเข้าหาแผ่นหลังกว้าง สอดแขนกอดรัดช่วงเอวของเด็กหนุ่มโดยไม่อายสายตาเฉินอีกต่อไป ศีรษะทุยซบลงบนหลังส่วนบนของร่างสูง กลุ่มผมนุ่มสีน้ำตาลเข้มสั่นระริกเหมือนตัวคนกอด
“โชคดี...”
หาญศักดิ์น้ำตาซึม... ขั้วหัวใจของตัวเองราวถูกตัดขาดเมื่อต้องเอ่ยแต่ละคำ...มันยากเย็นเหมือนฝนทั่งให้เป็นเข็ม... แต่เขาจะไม่ให้ใครเห็นร่องรอยแห่งความอ่อนแอนี้เด็ดขาด...
“...โชคดีนะ...โซดา...”
เสียงของหาญศักดิ์สั่นพร่า กระชับอ้อมแขนเป็นครั้งสุดท้าย กัดริมฝีปากห้ามน้ำตาตัวเองไม่ให้ไหลทะลักออกมาจนคนอื่นรู้ เขายังคงก้มหน้าซ่อนความรู้สึกอยู่ที่เดิมอยู่อย่างนั้น และคนที่ถูกกอด...ก็นิ่งแสนนิ่ง ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย
หรือหากใบหน้าของโซดาแสดงอาการอะไรอยู่...เขาก็คงไม่มีวันได้เห็นมัน
“ขอบคุณ....สำหรับทุกอย่างที่ผ่านมานะ...”
เสียงของหาญศักดิ์เบาราวกับเสียงสายลม
“...ตัวเอง”
เสี่ยหนุ่มดึงแขนออกจากเอวสอบ หูตาไม่แสดงอาการอะไรทั้งสิ้นจนเฉินไม่รู้เลยว่าเจ้านายตัวเองเสียน้ำตาจนมันซึมเลอะหลังเสื้อของเด็กหนุ่ม และตอนนี้ต้องกำลังพยายามกลั้นทำนบน้ำตาไม่ให้แตกมากแค่ไหน
โซดาไม่ได้เอ่ยตอบอะไรทั้งนั้น และไม่ได้แม้แต่จะหันหน้ากลับมา
แต่เขาเห็นเฉินเอื้อมมือไปตบไหล่ของโซดา ก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปขึ้นรถด้วยกัน...
หาญศักดิ์ยกมือขวาขึ้นกุมอกซ้ายของตัวเองที่ปวดแปลบ ความหนาวเย็นอ้างว้างจู่โจมกลางใจจนเขาตัวสั่น แต่ทุกอย่างมันจบไปแล้ว...มันได้ถูกเลือกไปแล้ว...ไม่มีใครจะแก้ไขอะไรมันได้
เขาเป็นคนเสือกไสไล่ส่งโซดาด้วยน้ำมือตัวเอง...
ถ้าจะต้องเจ็บปวดเสียใจแบบนี้ แล้วมันจะโทษใครได้
ทำไปทั้งๆ ที่รู้ดีว่า...ต่อจากนี้โซดาจะมีแผลเป็นไปทั้งชีวิต
เขาก็เช่นกัน...
และตอนนี้
โซดา...จากเขาไปแล้ว...
:::METAL TERMINAL:::
“โซดา.... อ้าว! อ่านหนังสืออยู่หรือ”
หญิงวัยกลางคนที่เปิดประตูห้องลูกชายเข้ามาพูด โซดาที่ในมือยังคงกางหน้าหนังสือเตรียมสอบหันไปมองหน้ามารดา
“ไม่เป็นไรๆ อ่านไปเถอะ แม่ไม่กวนแล้วจ้ะ” เธอรีบกุลีกุจอจะปิดประตู
“ไม่เป็นไรครับ” เด็กหนุ่มปิดหนังสือแล้วลุกจากเก้าอี้ “แม่มีอะไรจะใช้งานใช่ไหมครับ เข้ามาก่อนก็ได้”
หญิงสาวยิ้ม “นิดหน่อยน่ะจ้ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่จะวานให้ออกไปซื้อของที่ตลาดให้หน่อยน่ะ แต่ถ้ารบกวนเดี๋ยวแม่ไปเองก็แล้วกัน”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปให้ดีกว่า เพิ่งจะสี่โมงเองเดี๋ยวค่อยกลับมาอ่านต่อก็ได้ แม่เอาอะไรบ้าง..”
โซดาในชุดนักเรียนลุกยืนทันที หยิบไอโฟนออกมาพิมพ์บันทึกถึงรายการสิ่งของที่แม่ต้องการ ส่วนใหญ่ก็เป็นของสดที่จะนำมาทำมื้อค่ำวันนี้ และยังมีของจิปาถะอีกเล็กๆ น้อยๆ
“ขี่มอเตอร์ไซค์ระวังๆ นะลูก อย่าขี่เร็วล่ะมันอันตราย”
“คร้าบ”
เด็กหนุ่มยิ้มรับคำมารดาขณะใส่หมวกกันน็อก เสร็จแล้วก็บิดรถฟีโน่คันใหม่เอี่ยมเท่สะบัดไปตลาด แต่ปรากฎว่าวันนี้ตลาดปิด เขาจึงขี่รถไปที่ห้างสรรพสินค้าที่ใกล้บ้านที่สุดแทน
จอดรถเสร็จก็เข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ต หยิบตะกร้าเลือกนู่นเลือกนี่ เขาถูกแม่ใช้มาซื้อของเข้าบ้านเป็นประจำอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหากับการเลือกซื้ออะไร เด็กหนุ่มซื้อของใช้จิปาถะก่อน ไม่ว่าจะเป็นน้ำปลา ซีอิ๊ว น้ำมัน น้ำตาล บรรดาสารพัดเครื่องปรุงอีกมากมาย รวมไปถึงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จากนั้นจึงเดินมาที่โซนของสด
“โอ๊ย เวลาเลือกของนี่ช่วยดูอันที่มันดีๆ ได้ป่ะ ไม่ใช่เห็นอะไรก็หยิบมาส่งๆ อ่ะ” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งบ่นอย่างไม่สบอารมณ์อยู่ใกล้ๆ ตัวโซดา
“วะ ก็เราไม่รู้นี่! จะไปรู้ได้ไงวะว่าอันไหนมันดูสดกว่ากัน ทำอาหารเป็นที่ไหนเล่า ก็บอกให้ไปหยิบเอ็นไก่ เราก็หยิบมาแล้วนี่ไง!”
“แต่แพ็คนี้เลือดมันไหลเต็มเลย เลือกอันที่ดีๆ สิ”
“วุ่นวายฉิบหาย” เสียงผู้ชายพูดอย่างหงุดหงิด “เราไม่เข้าใจเฉียนย่าเลยว่าจะออกมาซื้อเองทำไม ให้แม่บ้านออกมาซื้อก็ได้”
“ของที่คนใช้เลือกกับเราเลือกเองมันจะไปเหมือนกันได้ยังไงเล่า”
ทั้งคู่ที่เข็นรถเข็นคันใหญ่มัวแต่ทุ่มเถียงกันจนไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นรอบตัว เด็กหนุ่มมองภาพคู่รักใหม่ปลามันมาเดินซื้อของเข้าบ้าน ไม่รู้ตัวเลยว่ายืนตัวแข็งค้างมองอยู่นาน จนสองคนนั้นที่ไม่ทันได้ระวังเข็นรถมาชนตัวเอง
“โอ๊ย...”
“ว้าย! / เฮ้ย!”
“ตายแล้ว! ชนเขาเลย เพราะหานคนเดียว!” เฉียนย่าแว้ดลั่น รีบปราดเข้าไปในหาเด็กหนุ่มในเครื่องแบบนักเรียน “น้องคะเป็นอะไรไหมคะ เจ็บตรงไหนไหม พี่ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ”
“มะ...ไม่เป็นไรครับ...”
“อ้าว โซดา!” เฉียนย่าอุทานอย่างตกใจเมื่อพบว่าคนที่ถูกชนเป็นใคร ก่อนแววตาของเธอจะเปล่งประกายอย่างยินดี เธอกระโดดกอดเด็กหนุ่มเต็มสองแขน
“เป็นยังไงบ้างฮึ เจ้คิดถึงเรามากเลย ไม่ได้เจอหน้าตั้งเกือบสัปดาห์ โธ่ๆ”
โซดามองหน้าที่ซีดเผือดของเสี่ยหนุ่มขณะที่ถูกเฉียนย่าโอบกอดลูบหลังลูบไหล่ ดวงตากลมโตราวกวางป่ามองหน้าเขาด้วยสายตาที่อัดล้นไปด้วยความรู้สึกหลายอย่าง...และเขาเองก็คงเป็นอย่างนั้นเช่นกัน... ก่อนที่ในที่สุด เฉียนย่าจะดึงเขาออกมามองหน้า เด็กหนุ่มรีบยิ้ม
“สบายดีครับ เจ้ล่ะครับ”
“สบายดีจ้ะ สบายดีมาก หานก็สบายดี พวกเราสุขสบายจนไม่รู้จะพูดยังไง ฮ่าๆ” เธอหัวเราะอารมณ์ดี ไม่รู้เลยว่าคำตอบทำให้คนฟังปวดแปลบ
พี่หานคงมีความสุขมากกว่าที่ไม่มีเขาคนนี้...
เสียงแหบโหยเปล่งออกมาเบาๆ “...สบายดีกัน...ก็ดีแล้วล่ะครับ...”
“หาน จะไม่มาทักทายน้องชายหน่อยเหรอ พูดอะไรหน่อยสิ ยืนนิ่งเป็นกิ้งก่าอยู่ได้”
“...อ้อ”
หาญศักดิ์สะดุ้ง ก่อนจะขยับกายอย่างประดักประเดิด แล้วค่อยๆ เอ่ยปากออกไป
“เอ้อ สบายดีนะมึง...”
“สบายดีครับ...”
อึดอัดสิ้นดี...
โซดากลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงท้อง รู้สึกชาไปหมดทั้งตัว เขาไม่อยากอยู่ตรงนี้อีกแม้แต่นาทีเดียว ไม่อยากต้องทนฝืนความรู้สึก ไม่อยากทนยืนปั้นหน้าอีกต่อไป
ข้างในของเขา มันรับอะไรไม่ไหวอีกแล้ว...
“เจ้ครับ พอดีมากับแม่ แม่คงรอแย่แล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“อ้าว น่าเสียดายนะ นึกว่าจะได้ไปกินข้าวด้วยกันต่อ”
โซดาพยายามฝืนยิ้ม “ไว้โอกาสหน้านะครับ วันนี้ผมคงต้องขอตัวจริงๆ”
เด็กหนุ่มกระพุ่มมือไหว้หญิงสาวและเสี่ยเงินกู้เร็วๆ ก่อนจะหันหลังเดินหนีไปทันที เขารีบซื้อของด้วยความรวดเร็ว พอคิดเงินเสร็จก็ขี่รถตรงดิ่งกลับบ้าน มือหนาบิดรถจนความเร็วสุดเข็มไมล์ ขับฉวัดเฉวียนตัดหน้ารถบนท้องถนนจนถูกบีบแตรด่าตลอดทาง แต่โซดาไม่ได้ยิน ไม่สนใจอะไรด้วยซ้ำ เขาก็แค่อยากไปให้พ้นๆ จากตรงนั้น
“กลับมาแล้วเหรอ เร็วจังลูก”
“ครับ”
“งั้นมาช่วยกันทำดีกว่าเนอะ พ่อกลับมาหิวๆ จะได้มีกินเลย”
“ครับ...”
“นี่วันนี้พ่อไปให้สัมภาษณ์อีกแล้วล่ะ แม่นะดีใจจริงๆ ที่ในที่สุดบ้านเราก็ลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้กับเขา พ่อของลูกนี่สุดยอดไปเลย”
เธอเอ่ยอย่างภาคภูมิใจในตัวสามี แววตาเป็นประกาย โซดายิ้ม
“ก็ขนมมันอร่อยนี่ครับ ผมรู้อยู่แล้วว่าพ่อต้องทำได้ ผมเชื่อในตัวพ่อเสมอแหละ”
สันติกลายเป็นนักธุรกิจที่ทุกคนในวงการให้ความสนใจ ชายหนุ่มนำของที่ไม่มีใครคิดมาก่อนว่าจะนำมาผลิตเป็นขนมออกวางขายได้อย่าง ‘คางกุ้ง’ มาทดลองตีตลาด ด้วยความที่สันติชอบกินกุ้งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว วันหนึ่งจึงนึกสงสัยและเสียดายที่เห็นภรรยาทิ้งส่วนระหว่างคอกับลำตัวของกุ้ง ตรงที่เป็นเส้นๆ หลายอันและนิ่มแฉะน้ำ เขาจึงได้ลองนำมาทดลองทำหลายรูปแบบ ทั้งต้ม ทอด อบ นึ่ง ตระเวณติดต่อไปตามฟาร์มกุ้งต่างๆ ขอซื้อส่วนคางกุ้งมาเป็นกิโลๆ ทอดเททิ้งอยู่อย่างนั้นกับภรรยา ลองผิดลองถูกอยู่หลายต่อหลายเดือนกว่าจะได้สูตรที่พอใจ และเมื่อทดลองนำออกตลาด ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาก็ดีเกินคาดจนผลิตไม่ทัน ตอนนี้สันติมีโรงงานถึงสองสาขาสำหรับผลิตขนม ‘คางกุ้งทอดกรอบ’ ขายในประเทศไทย และยังมีแผนที่จะนำส่งออกขายไปทั่วเอเชีย ก่อนจะไประดับโลก
มิหนำซ้ำทุกคนในบ้านยังหัวใส ให้โซดารับหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ถ่ายโฆษณาไปเลย แม้จะแขวนนวมไปสักพักแล้วแต่ชื่อเสียงก็ยังไม่ซามาก ทำเอาแฟนคลับของพี่ซ.โซดาแห่กันไปทดลองซื้อมากินอีกเพียบ เรียกได้ว่างานนี้มีแต่ได้กับได้ ขึ้นกับขึ้น เฮงกับเฮง
ฉะนั้นตอนนี้ ฐานะของครอบครัวสกุลโอเรียกว่าไม่น้อยหน้าใครเลยทีเดียว
“แม่ทำอาหารมาตั้งนาน ไม่เคยคิดถึงเล้ยไอ้เรื่องคางกุ้งคางเกิ้งเนี่ย พ่อเราเขาฉลาดมาก แล้วตั้งแต่ไปออกรายการ ‘SME ตีแตก’ นะลูก ใครๆ ก็สนใจพ่อ เข้าหาพ่อกันใหญ่ ในฐานะที่แม่ช่วยพ่อมาตลอด แม่ดีใจมากจริงๆ ตอนพวกเราเริ่มต้นนะ ทอดคางกุ้งกันเสียทิ้งไปเป็นกิโลๆ แต่วันนี้มันสำเร็จแล้ว ดีใจเหลือเกิน”
เด็กหนุ่มเพียงแค่ยิ้ม ไม่ได้พูดตอบอะไรทั้งนั้น เขาถลกพับแขนเสื้อเชิ้ตนักเรียนขึ้น แล้วลงมือช่วยแม่เตรียมอาหารอย่างขมักเขม้น จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำไม่สนใจสิ่งใดอื่น
หญิงสาวที่ลอบมองอาการของลูกชายอยู่นานแล้วเอ่ยขึ้น
“ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้านคราวนี้ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า ลูกแม่เงียบๆ ลงไปเยอะเลยนะ ดูเหม่อๆ ชอบกลด้วย”
คนเป็นแม่มีหรือจะดูอาการลูกตัวเองไม่ออก เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออดถ้าแม่ไม่รู้แล้วใครจะมารู้ แค่ผิดปกติไปนิดเดียวก็จับได้แล้ว
โซดาที่หันหน้าเข้าหาซิงค์และกำลังล้างของสดในกะละมังใบเล็กชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะรีบเอ่ยตอบมารดา
“เปล่าครับ แค่ช่วงนี้เรียนเหนื่อย ใกล้สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารแล้วด้วย”
“อย่าหักโหมนะลูก... ได้แค่ไหนก็แค่นั้นนั่นแหละ”
“ครับ”
เธอยังคงไม่สบายใจกับการแสดงออกของลูกชายนัก เพราะรู้ว่าเขาไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด ลูกหนอลูก...สำหรับคนเป็นแม่ แค่ลูกอ้าปากนิดเดียว ก็เห็นไปจนถึงตับไตไส้พุงแล้ว
“คิดถึงแฟนเหรอลูก”
“...”
มีแต่ความเงียบที่เป็นคำตอบให้กับเธอเท่านั้น หญิงสาวเงียบ...ลุ้นอย่างรอคอย
“...บ้าแล้วครับแม่ ผมมีแฟนที่ไหนกันเล่า” โซดาหัวเราะเบาๆ
“แน่ใจนะ อย่าโกหกแม่เลย ถึงลูกมีแฟน แม่ก็ไม่ห้ามอะไรหรอก”
“โธ่แม่ครับ” เด็กหนุ่มหันขวับมามองหน้ามารดา ดูเหมือนติดจะขำนิดหน่อย “ไปฟังอะไรมาจากใครล่ะครับเนี่ย ผมไม่มีแฟนจริงๆ”
เธอยังคงมีสีหน้าไม่เชื่อรุนแรง หญิงสาวส่งยิ้มรู้เท่าทันให้ลูกชาย “งั้นรอแม่แป๊บหนึ่ง”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อมารดาวิ่งออกไปจากห้องครัว ก่อนจะกลับมาใหม่ภายในระยะเวลาไม่ถึงสองนาทีพร้อมกับของบางอย่างในมือ
“แม่!! นี่แม่ซื้อคอสโมฯ ฉบับนี้มาด้วยเหรอ!!”
โซดาแผดเสียงดังลั่น หูแดงก่ำ วิ่งพุ่งเข้าไปจะฉกฉวยนิตยสารเล่มนั้นมาจากมือมารดาทันที เธอรีบเอามันหลบ
“ว้าย! ออกไปนะ เอ๊ะนี่แม่นะไอ้ลูกคนนี้! ออกไปเลย ก็แหม แม่อยากเห็นนี่ว่าลูกตัวเองถ่ายแบบเป็นยังไงบ้าง หล่อจะตายไป”
“หล่อกับผีน่ะสิ!” โซดายังคงพยายามแย่งนิตยสารในมือมารดาให้วุ่นวาย “แม่!! เอาไปเผาทิ้งเลยนะ โอ๊ย ใครจะเห็นก็ได้ยกเว้นแม่กับพ่อ โธ่ ซื้อมาทำไมครับ!!” เด็กหนุ่มอยากจะชักดิ้นชักงอลงบนพื้นห้องครัวเพราะอายมารดาสุดขีด
“โถ แล้วยังมาปากแข็งบอกว่าไม่มีแฟน” เธอล้อ
“พอแล้ว! ผมไม่คุยกับแม่แล้ว ไปล้างผักต่อดีกว่า”
โซดาฮึดฮัดหน้าร้อนฉ่า ก่อนจะหันกลับไปล้างผักที่ซิงค์ หญิงสาวหัวเราะลั่นก่อนจะเอานิตยสารไปเก็บที่เดิม แล้วกลับมาลงมือเตรียมอาหารต่อ พอโซดาหันหน้ามาเห็นสายตาล้อเลียนของเธอก็แยกเขี้ยวใส่อย่างอาฆาต เล่นเอาเธอต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกระลอก
มือบางยกปาดน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะหัวเราะมากเกินไป
“เฮ้อ...ดีใจจังนะที่เราสามคนได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีก ไปทำงานกับคนอย่างนั้นน่ะ แม่เป็นห่วงลูกมากเลยรู้ไหม”
โซดาไม่ได้ตอบอะไรเพราะมันไม่ใช่คำถาม เขาตั้งเตาแล้วเทน้ำใส่หม้อ ก่อนจะหมุนเปิดแก๊ส จากนั้นจึงหันไปทำอย่างอื่นต่อ
“แม่นะกลุ้มแสนกลุ้ม กลัวว่าคุณหานน่ะเขาจะ เอ่อ...” เธอกระดากปากชอบกลที่จะต้องพูด แต่ก็ตัดสินใจเอ่ยออกมาตรงๆ “แบบว่า...เบี่ยงเบนทางเพศน่ะลูก สังคมสมัยนี้มันน่ากลัวนะ แล้วผู้ชายบางคนก็ไม่ได้ชอบแต่ผู้หญิง ผู้ชายก็ชอบได้ บางคนหนักยิ่งกว่าชอบแต่ผู้ชายด้วยกันเลย ผิดมนุษย์มนากันไปหมดแล้ว ไม่รู้โลกเป็นอะไรไป”
เธอบ่นนู่นบ่นนี่ไปเรื่อย ไม่ได้หันไปสังเกตปฏิกิริยาโต้ตอบจากลูกชายตัวเองเลยสักนิด
“...แต่เรากลับมาแบบปลอดภัยดี แถมคุณหานเขาเอาไปช่วยงานจริงๆ แม่ก็เบาใจ”
เธอก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อ ปากเล็กยังคงพร่ำพูด
“แหม ว่าแต่ใครเป็นสาวคนนั้นที่ลูกแม่ให้สัมภาษณ์กันล่ะ แม่จะมีโอกาสได้พบหน้าค่าตาบ้างไหมหนอ พามาแนะนำบ้างสิ ถึงผู้หญิงจะแก่กว่าเรา แต่แม่ไม่คิดมากหรอก สมัยนี้แล้วนี่เนอะ”
“แม่...”
เสียงปร่าของโซดาทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมาจากการลำเลียงบรรดาขวดซีอิ๊วน้ำปลาน้ำมันเข้าตู้ แผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่หันใส่เธอสั่นเทา
“มีอะไรลูก”
“แม่...พี่หานไม่ได้เป็นเกย์หรอกครับ”
“...”
“พี่หานมีแฟนแล้ว...เพิ่งจะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน เป็นรักแรกของพี่เขาด้วยนะครับ สวยมากเลย...”
เสียงแตกพร่าที่ดังกังวาลของโซดาทำให้เธอรู้สึกตกใจขึ้นมาดื้อๆ และยังมีความสับสนก่อตัวขึ้นมาอีกด้วย
เธอค่อยๆ เอ่ยปากตอบบุตรชาย
“แม่รู้ลูก...”
“แต่ผม...ผมเป็นครับแม่”
“...”
หญิงสาวเงียบกริบ ลิ้นพันกันจนพูดอะไรไม่ออก เธอตัวแข็งทื่อราวเห็นคนคลอดลูกเป็นไข่คาตา และคนพูดก็ยังไม่หันหน้ามาทางเธอเลย มีเพียงแผ่นหลังกว้างนั่นที่สั่นสะท้านหนักกว่าเดิม
...มันเงียบเสียจนถ้ามีเข็มตกสักเล่ม เธอก็ต้องได้ยินแน่นอน เพราะตอนนี้แม้แต่เสียงพัดลมที่เปิดทิ้งไว้ ยังดังราวกับเสียงเครื่องจักรของโรงงาน
ร่างบางกลั้นใจ ค่อยๆ เดินสาวเท้าเข้าไปหาร่างสูงที่ยังคงหันหน้าเข้าหาซิงค์ บรรยากาศที่เงียบขนาดนี้ทำให้เธอคิดว่าเธอฟังเสียงแผ่วๆ ที่ดังออกมาจากลูกชายไม่ผิดแน่...
“...โซดา...เป็นอะไรไปลูก”
หญิงสาวเอ่ยถามเสียงเครือ และแล้วทันใด เสียงสะอื้นแผ่วเบาที่เธอคิดว่าได้ยิน ก็กลายเป็นเสียงร้องไห้ปิ่มใจจะขาดอย่างไม่ปิดบังอีกต่อไป
...ราวกับคนร้องรวดร้าวแสนสาหัส...กำลังถูกทรมานจนตายทั้งเป็น
“ลูกแม่...เป็นอะไรไปลูก...เป็นอะไรไป...!”
หญิงสาวร้องไห้ออกมาด้วยอีกคนเมื่อเห็นอาการเจ็บปวดของลูกชายเต็มสองตา ร่างสูงหันหน้าหนีออกจากซิงค์ไปด้านข้าง โกยอากาศเข้าปอดเพื่อหายใจ น้ำตาไหลทะลักจากดวงตาคมอาบไปทั่วใบหน้า มือหนาข้างหนึ่งค้ำลงพยุงร่างกับเคาน์เตอร์ครัว...ไร้เรี่ยวแรงที่จะทรงตัวอีกต่อไป เสียงทุ้มต่ำที่ตอบมารดาแตกพร่า
“...ผม...ผมคิดถึง...ผมคิดถึงพี่หานจังเลยครับแม่...”
“โถลูกแม่...ลูกแม่” หญิงสาวเข้าโอบกอดร่างสูงที่สั่นสะท้าน เธอเข้าใจทุกอย่างหมดแล้ว “รักเขามากไหมลูก... รักเขามากเลยใช่ไหม”
“อึก...ฮือ...ฮือ...”
ร่างสูงพยักหน้ารัวๆ เหมือนตุ๊กตาสปริงติดหน้าคอนโซลรถ ร้องห่มร้องไห้ปานจะขาดใจตายอยู่อย่างนั้น หญิงสาวร้องไห้ไปด้วยอีกคน เสียงของทั้งคู่ดังก้องไปทั่วห้องครัว
เขาไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว...
บอกตัวเองให้ลืม แต่มันก็ยังรัก รักจนแทบบ้า...
ในสายตาของเขามีแค่พี่หาน...
ในหัวใจของเขา...ก็มีแค่พี่หาน...
“แม่...ทำไมมันเจ็บแบบนี้ล่ะครับ...ทำไมมันทรมานแบบนี้...” เด็กหนุ่มยกมืออีกข้างทุบหน้าอกตัวเองตุ้บๆ น้ำตานองเต็มหน้า กระบอกตาของเขาแสบร้อนเหมือนถูกเผาไหม้ หญิงสาวน้ำตาพราก สงสารลูกจนทนแทบไม่ไหว
“ฮือ...โถ...น่าสงสารเหลือเกิน...มันจะดีขึ้นนะลูก...เชื่อแม่สิลูก...แล้วมันจะผ่านไป...”
“...พี่หาน...ฮือ...พี่หาน...”