“เดี๋ยวเขาก็ตื่นน่า” เจ้เฉียนย่าพยายามปลอบผม แต่เสียงของเธอก็อู้อี้ ผมรู้ว่าที่เธอน้ำตาคลอแบบนี้ก็เพราะเธอสงสารผมจับใจ เธอเคยผ่านความสูญเสียครั้งใหญ่ตอนที่ลูกของตัวเองตาย ฉะนั้นเธอจึงเข้าใจความรู้สึกของผมในตอนนี้ดีกว่าใคร “หานเขาดวงแข็งจะตาย นี่เขาก็รอด...ไม่เห็นเหรอ แค่อาจจะต้องใช้เวลา...”
“ฮือ...”
“เขาต้องตื่นมาหาโซดาของเจ้อยู่แล้ว หานเขาไม่ทิ้งคนรักไปไหนหรอก ยิ่งคนรักดีๆ แบบโซดาด้วย ถ้าไม่ยอมตื่นขึ้นมาก็โง่เต็มทน อย่างโซดาเนี่ยตายไปชาติหน้ายังไม่รู้จะหาได้หรือเปล่าเลย เชื่อเจ้สิ”
ผมสะอึกสะอื้นพยักหน้ารัวๆ ในอ้อมแขนเรียวบาง ผู้หญิงคนนี้ตอนที่เธอหวนกลับมาหาพี่หาน เธอทำให้ผมเจ็บไปหมด แต่ตอนนี้เธอกลับเป็นคนที่คอยปลอบโยนผม และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่อยู่เคียงข้างผม
เธอเป็นคนดี
“กลับบ้านไปอาบน้ำอาบท่าไป พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่นะ ถ้ามีอะไรคืบหน้าเจ้จะโทรไปบอก อ่านหนังสือบ้างล่ะใกล้สอบแล้ว”
“ครับเจ้”
“จ้ะ ไปๆ แล้วนี่มายังไงละเนี่ย”
“ขี่มอเตอร์ไซค์มาครับ...”
“งั้นก็ขี่กลับดีๆ ล่ะ อย่าให้เป็นอะไรไปนะ ดึกป่านนี้แม่เราเป็นห่วงแย่แล้ว ถึงบ้านแล้วก็อย่าลืมไลน์มาบอกเจ้ด้วย”
“ได้ครับ”
“แล้วก่อนออกจากห้องไปล้างหน้าล้างตาหน่อยนะลูกจะได้สดชื่น เรียกสติมานะ จะได้ขับขี่ปลอดภัย”
“ครับ”
ผมพยักหน้าแล้วยกมือปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปวักน้ำเอามาลูบหน้าลูบตา แล้วออกไปไหว้ลาเจ้เฉียนย่าให้เรียบร้อย จากนั้นจึงขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน ผมต้องคอยเตือนตัวเองไม่ให้ร้องไห้ เพราะถ้าร้องไห้ในหมวกกันน็อก มันจะทำให้วิสัยทัศน์การมองเห็นแย่มาก
“กลับมาแล้วหรือลูก กินข้าวกินปลามาหรือยัง”
แม่ที่นั่งดูโทรทัศน์รอผมอยู่บนโซฟาเดี่ยวเอ่ยถามอย่างห่วงใย ผมหันไปมองนาฬิกาบนฝาผนัง สี่ทุ่มกว่าแล้ว ผมนี่เป็นลูกที่ใช้ไม่ได้เลย ทำให้แม่ต้องรอดึกๆ ดื่นๆ
“กินมาแล้วครับจากที่โรงพยาบาล” ผมยิ้มบางๆ ให้แม่ “ขอโทษด้วยนะครับที่กลับดึกแบบนี้”
ผมตรงเข้าไปหาแม่ แล้วคุกเข่าลงบนพื้นสวมกอดเอวของเธอก่อนจะฝังหน้าลงไป
“คุณหานเป็นยังไงบ้าง”
“...เหมือนเดิมครับ”
ไม่ดีขึ้น...ไม่แย่ลง...และไม่ฟื้น
แม่ถอนใจ ลูบหลังลูบไหล่ปลอบประโลมผม ไม่ต้องมีคำพูดใดๆ เพราะแม่รู้ว่าผมไม่อยากพูด แต่แม่เข้าใจผม
“เดี๋ยวผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับแม่ รู้สึกเหนื่อยๆ”
“จ้ะ ไปพักผ่อนนะ ส่วนพ่อเพลียมากหลับไปแล้วล่ะ”
“ครับ”
ผมไลน์ไปบอกเจ้เฉียนย่าว่าถึงบ้านแล้ว จากนั้นก็อาบน้ำอาบท่าจนเรียบร้อยแล้วกลับมานั่งอ่านหนังสือในห้องตัวเอง สัปดาห์หน้าก็ถึงเวลาสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารแล้ว รวมไปถึงสอบตามตารางปกติที่โรงเรียนผมด้วย อนาคตของผมยังไม่แน่นอน เพราะถ้าสอบไม่ติดโรงเรียนเตรียมทหาร ผมก็ต้องเรียนโรงเรียนเดิมต่อแล้วค่อยไปหาลู่ทางสู่อาชีพตำรวจในอนาคตทีหลัง ฉะนั้นผมจะต้องตั้งใจทั้งสองอย่าง ผมพยายามอ่านหนังสือเท่าที่จะว่างอ่านได้ บางทีก็พกไปอ่านที่โรงพยาบาล แต่ช่วงนี้ มันไม่ค่อยเข้าหัวผมจริงๆ
อ่านไปได้สักเกือบสองชั่วโมงผมก็เอาปากกาไฮไลท์คั่นหน้าหนังสือที่อ่านค้างแล้วปิดไฟจนห้องมืดสนิท ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงตอนจวนเที่ยงคืน สมองและร่างกายอ่อนล้าเกินกว่าจะซึมซับความรู้ใดๆ เข้าหัวอีกต่อไป
“พี่หาน...”
ผมพูดเบาๆ ในความมืด หลับตากระชับกอดหมอนข้างแน่น สูดกลิ่นอายของน้ำยาปรับผ้านุ่มหอมๆ เข้าเต็มปอด จินตนาการว่ามันเป็นกลิ่นของร่างพี่หานที่ผมชอบดมอยู่เสมอ
ประโยคที่อธิบายถึงความรู้สึกทั้งหมดของผมหลุดออกมาจากปาก
“ผมคิดถึงพี่...”
:::METAL TERMINAL:::
6:30 AM
“ไง ยังไม่ตื่นอีกเหรอมึง”
เจ้าพ่อกาสิโนที่นั่งอยู่ข้างเตียงคนป่วยก้มหน้าลงไปพูดกับเพื่อนรัก ส่วนเฉียนย่าขอลงไปหาอะไรกินข้างล่าง ในห้องจึงมีแค่เขากับเฉินที่เพิ่งมากันตั้งแต่เช้าตรู่
“มึงคิดจะอู้งานยาวล่ะสิ” ชาญชัยยังคงพูดต่อราวกับหาญศักดิ์แกล้งหลับ “ตื่นได้แล้วนะเสี่ยหาน คนเขารอกันทั้งบ้านทั้งเมือง”
เฉินเดินหันหลังไปจัดระเบียบกระเช้าทั้งหลายที่วางเต็มห้องเงียบๆ เนื่องจากเสี่ยหานเจ้านายของเขาก็เป็นผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของประเทศไทย และข่าวก็ใหญ่โตมาก ดังนั้นจึงมีคนผลัดกันมาเยี่ยมไม่ขาดสาย แล้วยังมีกระเช้าจำนวนมโหฬารถูกส่งมาให้ทุกๆ วัน ซึ่งถามว่าคนป่วยได้กินได้ใช้ไหม ก็เปล่า... ลำบากพ่อหลงจู๊คนเก่งต้องขนเอาไปแจกจ่ายให้บรรดาลูกน้องในพรรคต่ออีกทอด แต่ก็คิดในแง่ดีว่าทุกคนได้ขนมนมเนยดีๆ กินฟรีกันไป
“ซื้อกาแฟมาให้ค่ะ” เฉียนย่ากลับมาพร้อมกับกาแฟสามแก้วในมือ เฉินรับมาสองแก้วแล้วส่งแก้วหนึ่งให้ผู้เป็นเจ้านาย จากนั้นเฉียนย่าก็ไปนั่งบนโซฟาตัวยาวในขณะที่หนุ่มๆ อีกสองคนนั่งข้างเตียง ทั้งสามสนทนากันเรื่องอาการของหาญศักดิ์อยู่นาน รวมไปถึงเรื่องความคืบหน้าของคดี และเรื่องของพิชิต เฉียนย่าดูเพลียเต็มที
เด็กหนุ่มร่างสูงที่เพิ่งมาใหม่ตกใจนิดหน่อยที่เจอทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาตั้งแต่แปดโมงเช้าแบบนี้
“เอ้าไอ้เสือ เข้ามาๆ” ชาญชัยหาวขณะพูด โซดายกมือไหว้ทุกคนจนครบ แล้วลากเก้าอี้อีกตัวไปนั่งข้างๆ เสี่ยชานกับเฉินที่นั่งอยู่ก่อน
“ว่าต่อสิเฉียนย่า เฮียรอฟังอยู่ เมื่อเช้ามืดหมอเข้ามาพูดอะไรนะ”
“อ่อ หมอบอกหนูว่าค่ำๆ นี้จะส่งอาจารย์หมอมาดูอาการหานอีกทีน่ะค่ะ นอนนานแบบนี้กับแผลถูกแทง ทุกคนก็คิดว่าผิดปกติและน่าเป็นห่วง... ความดันก็ต่ำจนน่าอันตราย จังหวะการหายใจไม่ค่อยดี อาการแปลกๆ ตอนนี้มีแต่ทรงกับทรุด”
ทุกคนมีสีหน้าว่างเปล่าเคว้งคว้างทันทีที่เฉียนย่าพูดจบ เธอรีบเอ่ยต่อ
“แต่หมอก็บอกว่าไม่ใช่กรณีอย่างนี้ไม่เคยเกิดขึ้นหรอกนะคะ เพียงแต่มันเกิดขึ้นได้น้อย... บางทีคงต้องเช็กร่างกายส่วนอื่นของหานว่ามีอะไรกระทบกระเทือนไหม อาจารย์หมอคนที่จะมาเห็นว่าแกเก่ง คงจะมีวิธีจัดการได้”
ชาญชัยมีสีหน้าไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด “เฮียว่าจะไปบนเรื่องไอ้เสี่ยหานมันสักหน่อย ว่าจะไปวันนี้กับเฉินนี่แหละ ไอ้เสือ...” เจ้าพ่อกาสิโนหันไปหาโซดาที่ค่อยๆ หันหน้ามาเมื่อถูกเรียก “...ไปกับกูนะ”
“แต่ผมอยากอยู่กับพี่หาน” เด็กหนุ่มทอดมองไปยังร่างที่หลับใหล มิหนำซ้ำยังมีหน้ากากครอบปากจมูกเพื่อช่วยหายใจใส่เพิ่มจากวันก่อนๆ วันนี้วันเสาร์ โซดาจะมีเวลาอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งวัน และเผื่อถ้าคนที่นอนอยู่ตื่นขึ้นมา...เขาก็อยากจะเห็นด้วยสองตาของเขา
“ไปด้วยกันเถอะ...มึงอยู่อย่างนี้มาตลอด ถ้าแม่มึงไม่บังคับให้ต้องกลับไปนอนบ้านมึงคงหอบเสื้อผ้ามาอยู่ที่นี่แล้ว และพวกกูไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น” ชาญชัยเสริมอย่างจริงจัง
“ไปไหว้พระไหว้เจ้าขอพรให้เสี่ยหานเถอะโซดา” เฉินลุกขึ้นเดินไปบีบไหล่หนาของเด็กหนุ่ม พยายามโน้มน้าว “มึงจะได้สบายใจขึ้นด้วย ช่วงนี้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยนะรู้ไหม เสี่ยหานอยู่ที่นี่มีคนคอยดูแลเยอะแล้ว”
“ใช่ ไปเถอะนะ เปิดหูเปิดตาบ้าง เจ้จะอยู่เฝ้าหานต่อเองไม่ต้องห่วง เพลียมากไปไม่ไหวจริงๆ ถ้าหานตื่นเมื่อไหร่ก็จะโทรไปบอกโซดาคนแรกเลย พวกเราไม่อยากเห็นโซดาซึมกะทื่อแบบนี้นะ”
เมื่อผู้ใหญ่สามเสียงออกปากกันขนาดนี้โซดาก็จนใจ เขาจำต้องไปศาลเจ้าพ่อเห้งเจียที่เยาวราชกับเฉินและชาญชัยแม้ไม่ได้อยากเท่าไหร่นัก เขาอยากอยู่เฝ้าหาญศักดิ์มากกว่าเป็นไหนๆ ระหว่างทางรถติดหนักจนถึงขนาดใช้เวลาเดินทางกว่าสี่ชั่วโมงจึงจะมาถึงเขตเยาวราช และเมื่อมาถึงวัดสามจีนอันเป็นที่หมายก็ไม่มีที่จอดรถอีก เฉินจึงอาสาจะนำรถไปวนรอจนกว่าพวกเขาจะไหว้เจ้าเสร็จ แล้วจะค่อยวนกลับมารับอีกที
ชาญชัยเดินแยกไปซื้อของมาบนบานตามประสาคนรู้จักที่ทางดีไม่มีหลง เพราะบ้านเก่าเจ้าตัวก็อยู่ที่เยาวราชเหมือนกัน แม้จะไม่ได้จีนทั้งพ่อทั้งแม่แบบหาญศักดิ์แต่ก็มีเชื้อจีนไม่น้อยไปกว่าใคร เพียงแป๊บเดียวก็ได้ของจนครบแล้วก็พากันเข้าไปในตัวศาลเจ้า
ศาลเจ้าพ่อเห้งเจีย หรือที่คนจีนเรียกว่า ‘ไต้เสี่ยฮุกโจ้ว’ เป็นศาลขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ถึงกระนั้นก็มีคนมาสักการะไม่ขาดสายจนเบียดเสียดแออัด ยิ่งวันเสาร์แบบนี้ไม่ต้องพูดถึง และไม่ได้มีแค่คนไทยหรือคนไทยเชื้อสายจีน แต่ยังมีไปถึงนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน ต่างก็มากราบไหว้แสดงให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างดี
เสี่ยหนุ่มพาโซดาเข้ามาจนถึงด้านใน จากนั้นจึงส่งของไหว้ชุดหนึ่งให้เด็กหนุ่ม อันได้แก่ธูปสิบแปดดอก เทียนไหว้เล่มใหญ่ และชุดกระดาษเงินกระดาษทองทุกแบบ โซดาที่ไม่รู้ขนมธรรมเนียมใดๆ เลยทำตามชาญชัยทุกอย่าง พวกเขาจุดธูปทุกดอกแล้วเริ่มไหว้วน อันได้แก่การไหว้ฟ้า ไหว้ดิน ไหว้บรรพบุรุษ ตามด้วยไหว้เจ้าแม่กวนอิมและทวยเทพที่คอยปกปักรักษา
จากที่ชาญชัยบอกมา เจ้าพ่อเห้งเจียมีหลายองค์มากเพราะคนปั้นมาถวายเยอะ แต่องค์จริงที่เก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดและมาจากเมืองจีนตั้งแต่อดีตกาลนั้นจะทำด้วยไม้แกะ ตั้งประทับอยู่ที่ศาลด้านใน
ทั้งคู่พากันเข้าไปศาลเก่าด้านในหลังไหว้ศาลใหม่ด้านนอกเสร็จ ชาญชัยก้มลงนั่งท่าเทพบุตรหลับตาสวดคาถาบูชาเจ้าพ่อเห้งเจียอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็เริ่มบนบานศาลกล่าว
“พ่อเห้งเจีย... เพื่อนของอั๊วชื่อหาญศักดิ์ พ่อจำได้ไหม เป็นลูกชายอีกคนของพ่อเหมือนกับอั๊ว” ชาญชัยพึมพำ เขากับหาญศักดิ์ฝากตัวเป็นลูกของเจ้าพ่อเห้งเจียตั้งแต่ยังนมไม่แตกพาน แล้วก่อนเข้ามาที่ศาลด้านในเขาก็บอกให้โซดาฝากตัวเองเป็นลูกอีกคนของท่านแล้วเช่นกัน
“ถ้าเกิดปาฏิหาริย์ เพื่อนอั๊วฟื้นขึ้นมาภายในสามวันเจ็ดวันนี้ อั๊วจะซื้อผลไม้ห้าอย่างมาถวายกับเทียนใหญ่อีกคู่ แล้วจะสร้างองค์ของพ่ออีกองค์มาถวายให้ที่วัด พ่อก็รู้ดีว่าใครว่าอั๊วเป็นคนพูดจริงทำจริง” ชาญชัยบนของหนักกันเลยทีเดียว แล้วนิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่งหลังพูดจบแต่ยังคงพนมมือค้าง เปลือกตาของเสี่ยหนุ่มเต้นริกๆ ก่อนจะตัดสินใจกล่าวต่อ
มาถึงขั้นนี้แล้วก็เอาให้มันชัดเจนรู้เช่นเห็นชาติกันไปเลย
“...หากแต่ถ้ามันหมดบุญแล้วถึงเวลาที่จะต้องจากโลกนี้ไปจริงๆ ก็ขอให้มันจากไปอย่างสงบไม่ต้องทรมาน อย่าให้ต้องอยู่เป็นเจ้าชายนิทราให้เจ็บปวดเป็นภาระใคร หรือพิกลพิการใดๆ เลยนะครับพ่อ...”
“พ่อเห้งเจียครับ...! อึก...ฮือ...ฮือ” โซดาขัดคำพูดของชาญชัยอย่างทนไม่ไหว ปี่แตกออกมาทันทีที่เสียงต่ำๆ พูดประโยคสุดท้ายไม่ทันจบ เขาก้มลงกราบองค์เจ้าพ่อเห้งเจียไม้แกะสามครั้งตามแบบพุทธ ก่อนจะหมอบทรุดอยู่บนพื้นจนลุกขึ้นมาไม่ได้เมื่อกราบครั้งที่สาม เด็กหนุ่มตัวสั่นสะท้าน
“อย่า...อย่าให้นายหาญศักดิ์ต้องตายแบบนี้เลยนะครับ บุญลูกมีเท่าไหร่ ลูกยกให้พี่หานหมดเลย เอาไปต่อชีวิตให้พี่หานทีเถอะ อย่า...ฮึก...อย่าให้พี่เขาต้องจากไปแบบนี้ ลูกอยู่ไม่ได้...ฮือ”
โซดาร้องไห้โฮเสียงดังอย่างสุดกลั้นจนคนมองทั้งศาล ชาญชัยเอื้อมแขนไปตบหลังเด็กหนุ่มที่สะอื้นฮักๆ
“ใจเย็นๆ นะไอ้เสือ เรื่องบางเรื่องเราก็ต้องทำใจไว้บ้าง” ชาญชัยที่หางตาชื้นพูด บุญไม่ใช่เงินที่จะบริจาคโอนต่อให้ใครได้ตามใจชอบ แน่นอนว่าเขาไม่อยากให้เรื่องเลวร้ายที่สุดอย่างนั้นเกิดขึ้น ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อคนที่ร้องไห้อยู่นี่เป็นคนที่แทงหาญศักดิ์เองกับมือด้วยความไม่ตั้งใจ
ทุกคนที่รู้เรื่องไม่มีใครโกรธโซดา ถ้าจะโกรธ...ก็ควรจะโกรธหาญศักดิ์มากกว่าที่ทะเล่อทะล่าเข้าไปอย่างนั้น
รู้ว่าไม่อยากให้เด็กมันฆ่าใครจนเกิดคดีใหญ่ แล้วมีตราบาปติดใจติดตัวไปทั้งชีวิต
แต่คิดบ้างไหมว่าถ้าตัวเองตายไปทั้งอย่างนี้ ถึงไม่เกิดคดี แต่หัวใจของโซดาจะมีแผลใหญ่แค่ไหน คงใหญ่กว่าที่แทงไอ้พิชิตแน่ๆ
...โซดาจะกลายเป็นฆาตกรที่ฆ่าคนรักของตัวเอง...
ถึงตำรวจไม่รู้ แต่เจ้าตัวก็รู้ดีอยู่แก่ใจ
เราปิดบังความจริงได้...แต่เราบิดเบือนมันไม่ได้หรอก...
“ฮือ...ตายไม่ได้นะ...” เด็กหนุ่มละล่ำละลัก เสียงทุ้มต่ำแตกพร่า มือยังพนมขณะที่ฟุ่บอยู่บนพื้น ร้องไห้จนพื้นศาลตรงนั้นเปียกเป็นดวง “อย่าให้พี่หานตายนะครับพ่อ...อึก...ฮือ อย่าให้พี่เขาเป็นอะไร...”
“พอแล้วไอ้เสือ” ชาญชัยเสียงสั่น น้ำตาคลอเบ้าไปหมดขณะพยายามฉุดเด็กหนุ่มให้ขึ้นมาจากพื้น เขาพยายามควบคุมอารมณ์สะเทือนใจให้มากที่สุด โตแล้ว จะมาร้องไห้เป็นเด็กๆ ในที่แบบนี้มันไม่เหมาะไม่ควร “ไหว้เสร็จก็กลับกันเถอะ คนอื่นเขาจะได้มาไหว้บ้าง”
“...ลูกยอมทุกอย่างแล้วครับ...ฮึก...ช่วยพี่หานด้วย...ช่วยพี่หาน...”
พอเสร็จสิ้นการไหว้เจ้าทั้งหมดชาญชัยก็เอากระดาษเงินกระดาษทองของตัวเองและโซดาไปเผาที่เตาเผาของวัดตามธรรมเนียม ทั้งสามกลับมาโรงแรมตอนช่วงเย็น เฉียนย่าขอตัวกลับบ้านเพราะเพลียจัดและอยากกลับไปอาบน้ำอาบท่านอนพักยาวๆ ส่วนเฉินก็ลำเลียงหอบหิ้วกระเช้าทั้งหลายไปเก็บที่ท้ายรถ ตอนนี้ในห้องจึงเหลือเพียงแค่ชาญชัยกับโซดาแค่สองคน
ก๊อกๆ
“ขออนุญาตครับ”
นายแพทย์ที่ดูมีอายุเคาะประตูเป็นมารยาทแล้วก้าวเข้ามาพร้อมกับนางพยาบาล ทั้งชาญชัยและโซดาไหว้นายแพทย์ผู้นั้นทันที
“ไม่ทราบว่าอาการเพื่อนผมเป็นยังไงบ้างครับ ทำไมยังไม่ตื่น” ชาญชัยถามทันทีอย่างร้อนใจ โซดาเงียบกริบ มองหน้านายแพทย์อาวุโสอย่างรอฟังคำตอบ
“หมอคงต้องตอบตามตรงครับว่าเรายังหาสาเหตุกันไม่ได้ -- ”
“อะไรกัน? นอนแบ็บมานานขนาดนี้พวกคุณยังหาสาเหตุไม่ได้” ชาญชัยลุกพรวดจากเก้าอี้ โวยวายแทรกทันทีตามประสาคนใจร้อน โซดารีบพุ่งเข้าไปชาร์จตัวพี่ชายไม่ให้กระโจนใส่แพทย์ “เพื่อนผมไม่ใช่ใครที่ไหนก็ไม่รู้นะคุณหมอ! เขาเป็นคนใหญ่คนโตทุกคนก็รู้ดี กับไอ้แค่แผลถูกแทง ทำไมยังไม่ฟื้น หรือพวกคุณจงใจเลี้ยงไข้เพื่อสูบเงินผมหา”
“พี่ชาน ไม่พูดแบบนี้สิครับ” โซดาพยายามปรามชาญชัยที่เอะอะมะเทิ่ง หากแต่นายแพทย์ก็ดูไม่โกรธ เขาใจเย็นมากจนโซดานึกนับถือ เฉินที่เพิ่งกลับเข้ามาในห้องรีบปรี่มารั้งตัวเจ้านายไว้อีกคน
“หมอเข้าใจดีว่าคุณร้อนใจที่เพื่อนยังไม่ฟื้น แต่อาการของคนไข้ค่อนข้างประหลาด พวกคุณเองก็คงจะพอรู้สึก หมออยากขอให้ทางญาติคนไข้ใจเย็นสักนิด แล้วก็อยากให้เซ็นเอกสารยินยอมให้เราพาคนไข้ทำเอกซเรย์ MRI เพื่อหาความผิดปกติด้วยครับ ทางโรงพยายาลจะเร่งหาสาเหตุที่คนไข้ยังไม่ฟื้น แล้วเร่งดำเนินการรักษาอย่างแน่นอน”
ชาญชัยเย็นลงเมื่อได้ฟังเหตุผลทั้งหมด เขาเงยหน้าขึ้นมองนายแพทย์ที่อธิบายอาการของหาญศักดิ์ในปัจจุบันให้เฉินกับโซดาฟังอยู่
“ผมต้องขอโทษด้วยที่เมื่อสักครู่เสียมารยาท แต่ผมเป็นห่วงเพื่อนมาก” ชาญชัยเอ่ยอย่างจริงใจ นายแพทย์ค้อมศีรษะรับคำขอโทษ “ผมเป็นคนตรงๆ ขอถามคุณหมอตรงนี้เลยแล้วกันว่าในกรณีที่แย่ที่สุด เพื่อนผมจะเป็นยังไง เราอย่าอ้อมค้อมกันอีกเลย”
“บาดแผลของคนไข้ก็ซ่อมแซ่มตัวเองได้ดี หมอเลยตอบไม่ได้ว่าการที่คนไขัยังไม่ฟื้นเกิดจากอะไรกันแน่ ถึงได้อยากจะทำการเอกซเรย์ MRI พรุ่งนี้ และอาจจะมีการทดสอบหลายๆ อย่างตามมาอีกถ้าเกิดว่ายังหาสาเหตุไม่ได้
“แต่เนื่องจากร่างกายของเขาดูเรียบร้อยดี หมอคิดว่าปัญหาอาจจะเกิดจากที่สมองมากกว่า อาจจะเป็นตอนที่หัวใจเขาล้มเหลวไปครั้งนั้นทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่พอ ระบบข้างในจึงรวน เรายังไม่อาจสรุปอะไรได้เลย ในกรณีนี้สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้ก็คือ”
นายแพทย์เว้นช่วงพูด ชายหนุ่มทั้งสามในห้องต่างก็จ้องมาที่เขาเป็นตาเดียว
“คนไข้อาจสมองตาย หรือเรียกอีกอย่างว่าโรคเจ้าชายนิทรา”
“...!!”
ดวงตาทั้งสามคู่ของคนฟังเบิกกว้าง รู้สึกไร้เรี่ยวแรงกันจนถึงขนาดที่ชาญชัยต้องคว้ามือไปจับโครงเหล็กของเตียงเพื่อพยุงตัว
เจ้าชายนิทรา
ถึงไม่ตาย...ก็เหมือนตาย
“หมออยากให้คุณชานตามเรามาเพื่อไปเซ็นเอกสารยินยอมให้คนไข้เข้าเอกซเรย์ MRI วันพรุ่งนี้”
แต่ทุกคนยังคงยืนตัวแข็ง นายแพทย์เอ่ยอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
“คุณชาน”
ชาญชัยสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมองแพทย์หนุ่ม แววตาหวาดกลัวและไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินปรากฎชัดเจน
“กรุณาตามหมอมาทางนี้ด้วยครับ”
เสี่ยหนุ่มร่างสูงก้าวตามนายแพทย์และนางพยาบาลไปอย่างเชื่องช้าเหม่อลอย
“ผะ-ผมไปด้วยครับเสี่ย”
เฉินที่ยังสติไม่กลับเข้าเนื้อเข้าตัวดีรีบวิ่งตามเจ้านายออกไป อย่างน้อยก็อยากจะมีอะไรให้ทำในตอนนี้
ร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมของตัวเองช้าๆ โซดาปิดเปลือกตา เขาร้องไห้มากจนคราวนี้ไม่อาจร้องไห้ได้อีกแล้ว มันเกินคำว่าเสียใจ เกินคำว่าเจ็บปวดกว่าที่จะร้องไห้ระบายออกมาได้
“พี่หาน... ได้ยินผมไหมครับ”
โซดาลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปก้มลงกระซิบข้างหูของหาญศักดิ์อย่างที่เคยทำบ่อยๆ มือหนาลูบหน้าผากขาวซีดอย่างอ่อนโยน ไล่ไปจนถึงเรือนผม
“ไม่อยากอยู่กับพวกเราแล้วเหรอครับ”
“...”
“ไม่อยากอยู่กับผมแล้วเหรอ”
“...”
“บอกรักเสร็จก็ทิ้งกันเลย ทำไมใจร้ายจัง”
“...”
“ใจคอพี่จะไม่ให้ผมดื่มด่ำกับความสุขที่พี่บอกรักผมบ้างเหรอครับ”
“...”
“ผมอยากฉลองนะที่พี่บอกว่ารักผม แต่พี่เป็นแบบนี้แล้วผมจะฉลองได้ยังไงล่ะ”
“...”
“ไหนพี่บอกว่าจะไม่ทิ้งผมไง”
มือใหญ่ยังคงสัมผัสอย่างแสนรักบนกลุ่มผมนั่น
“บางทีพี่อาจจะเหนื่อย ไม่อยากอยู่บนโลกนี้อีกแล้วเพราะผ่านเรื่องหนักหนาสาหัสอะไรมามาก รู้สึกอยากพักผ่อน ไม่อยากจะดิ้นรนต่อสู้กับอะไรอีกต่อไป”
“...”
“ไม่ผิดหรอกครับที่พี่จะคิดอย่างนั้น ขนาดผมเด็กกว่าพี่เป็นสิบปี ผ่านโลกมาน้อยกว่าพี่ บางทีผมยังคิดอยากนอนพักยาวๆ ไม่อยากตื่นขึ้นมาทำอะไรแล้ว”
โซดายกมืออีกข้างขึ้นปิดปากตัวเอง ในที่สุดน้ำตาก็คลอหน่วยขึ้นมาอีกจนได้ เด็กหนุ่มลดมือลงจากปาก สะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอีก เขาจุมพิตแผ่วเบาที่ขมับของหาญศักดิ์ เสียงสั่นพร่าขณะกระซิบ
“แต่ถ้าพี่ได้ยินเสียงนี้ ขอให้กลับมาหาผมนะครับ”
“...”
“...กลับมาหาผมคนนี้ ผมจะดูแลพี่เอง จะไม่ปล่อยให้พี่ต้องเหนื่อยคนเดียวอีกแล้ว ผมสาบาน”
----------------
โฮกกกกกกกกกกกกกก
ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจนะคะ คอมเมนต์ล้นหลามมากเลยอ่ะ เค้าปลื้มใจจัง T^T
สำหรับคนที่ไม่ชอบนะคะ เจคไม่พูดอะไรมากค่ะ สิทธิ์ของใครของมันอยู่แล้ว
แต่ถ้าคุณไม่ชอบ คุณเลือกที่จะสามารถติเพื่อก่อดีๆ หรือเลือกที่จะไม่อ่านมันได้ โดยไม่จำเป็นต้องเหยียบย่ำดูถูกงานของใคร ถือเป็นสันติวิธีนะคะ Peaceful โลกฉดไฉ~
หากเราอยากได้อะไรดั่งใจเรา เราก็จำเป็นต้องไปแต่งเอง
ผลงานใครใครก็รักเนอะ ><
ยืนยันว่าผู้หญิงแบบเฉียนย่ามีจริงๆ ไม่ติงนังค่ะ นางเป็นตัวละครที่กลับมาเพื่อที่ให้เสี่ยหานของเรารู้ใจตัวเอง
โฮกกกก แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป เสี่ยจะกลับมาม้ายยยยย
ติดตามกันต่อที่ #ฟิคพยัคฆ์คว่ำกวาง นะเจ้าค่ะ!