เป็นเช่นรัก ตอนที่ 6มาจนได้
รักแท้จอดรถหน้าบ้านหลังหนึ่ง มีรถยนต์จอดอยู่แล้วคันหนึ่ง
ตีสี่สี่สิบห้า รักแท้เงยมองห้องชั้นบนที่คาดว่าจะเป็นห้องนอน มันปิดไฟมืด
เขายืนนิ่ง ข่มขู่ตัวเองไม่ให้พล่านไปกับความคิดบางอย่าง
เขาลองเปิดประตูรั้วเล็ก และพบว่าเจ้าของบ้านไม่ระวังเสียเลย มันไม่ได้ล็อค
ที่นี่เป็นบ้านสองชั้นหลังเล็ก ทรงนิยมแบบบ้านทาวน์โฮมในเมืองทั่วไป
ยังดีที่ประตูหน้าบ้านล็อค รักแท้ล้มตัวลงนอนที่ชานหน้าบ้าน หลับตาและเหยียดขายาวเพื่อผ่อนคลายความล้าจากการขี่รถทางไกล
เขาทำอะไรที่ไม่เข้าท่าอีกแล้ว
เร่งรีบกลับเข้ากรุงเทพ อย่างกับจำเป็นต้องเจอใครบางคนจนทนไม่ไหว
แต่พอมาถึงบ้านเข้าจริงๆ กลับพอใจแค่นอนลงตรงหน้าบ้าน
ไม่ฉลาดเลยรักแท้ คนที่ทำโดยไม่ได้อะไรตอบแทนน่ะโง่ และคนโง่งมงายมักจะกลายเป็นเหยื่อ
ยังหรอกน่า เหยื่อมักไม่รู้ตัวว่ากำลังจะสิ้นท่า แต่เขาไม่ใช่
เขารู้ตัวดี มองเห็นแทบทะลุปรุโปร่งว่ากับดักมันอยู่ตรงไหน
ความรักไม่มีทางจับเขาได้ ก็น่าท้าทายดีไม่ใช่หรือ มาลองเล่นกันดูสักเกมก็แล้วกัน
รักแท้ผู้ไม่เชื่อในรักแม้แต่นิดหลับตาลง
เจ็ดโมง
คิดเช่นนั่งเท้าคางมองผู้ชายที่นอนหลับอยู่ที่ชานบ้าน
เมื่อคืนยุงคงดุน่าดู ถึงได้ทิ้งตุ่มแดงไว้เกลื่อนใบหน้าและแขนขา
คิดเช่นขยับเข้าใกล้
เป่าลมเบาๆข้างใบหูของคนหลับ
เปลือกตาเริ่มขยับยุกยิก
คิดเช่นจึงเลื่อนเข้าชิดอีกนิด
ชักลังเลระหว่างการจู่โจมที่จมูกโด่ง หรือปากที่หยักลึกเป็นทรงนั่น
กัดตรงไหนดีน้าคิดเช่นอมยิ้ม
แล้วตัดสินใจ
งับลงไปที่ริมฝีปาก ทันทีทีเขาขบฟันลงไปเต็มแรง รักแท้ก็ตะปปเข้าที่หลังคอของโจรที่มาขโมยงับปากชาวบ้าน
รั้งไว้ไม่ให้ดิ้นหนี แล้วป้อนจูบที่ดุดัน ดูด ขบ กวาดและไล้เลียจนคิดเช่นหอบหายใจหนักหน่วง และทิ้งน้ำหนักตัวลงบนตัวของรักแท้
เมื่อถอนจูบ
ปากคิดเช่นแดงเจ่อ รักแท้เองก็ไม่แพ้กัน
“จูบคนที่มาปลุกแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า” คิดเช่นถามทั้งๆที่แก้มข้างหนึ่งยังแนบอยู่กับอกซ้ายของเป็นหลัก
“ใครสอนให้ปลุกคนอื่นด้วยการกัดปากล่ะ”
คิดเช่นยักไหล่
“มาถึงแล้วทำไมไม่เรียก ตั้งใจจะมาขัดจังหวะไม่ใช่หรือ”
รักแท้ขมวดคิ้ว
นี่ก็อีกเรื่องที่กวนใจเขา อีกหนึ่งความรู้สึกที่ผลักดันให้เขามาถึงที่นี่
ความรู้สึกที่ทำให้ลุกลี้ลุกลนอยู่ภายใน คล้ายกับสิ่งที่เขาควรเป็นคนครอบครองกำลังจะหลุดมือไป
ความรู้สึกคล้ายกับเด็กที่ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ของของตน แม้เพียงมือสัมผัส
บ้าฉิบหายรักแท้หงุดหงิดตัวเอง เขาควรควบคุมตัวเองได้ดีกว่านี้ไม่ใช่หรือ
ความรู้สึกประเภทที่จะทำให้ตัวเองตกเป็นรองทุกประเภทไม่ควรจะเกิดขึ้นกับเขา
ทั้ง หวง ห่วง หึง หรือ รัก
ความรู้สึกพวกนี้หากเกิดขึ้นกับใคร ไม่ว่าจะมีอำนาจแค่ไหน อำนาจนั้นจะถูกเปลี่ยนมือทันที
เมื่อรู้ตัวว่ากำลังเป็นปลาที่ตามไล่งับเหยื่อและใกล้จะติดเบ็ด เมื่อคืนรักแท้จึงยั้งตัวเองไม่ให้ยอมจำนน ไม่ยอมอ้าปากงับเหยื่อ
เขาจึงตัดสินใจนอนลงตรงหน้าบ้าน ไม่ว่าข้างบนนั้นจะเกิดอะไรขึ้นมาก็ตาม
ช่างหัวรักแท้จมอยู่กับความคิดของตน ดูเหมือนว่ามีความคิดหลายอย่างวิ่งวนและกำลังเถียงกับตัวเอง
ดวงตาไหวริกแต่ไม่ได้จับภาพด้านหน้า คิ้วขมวดแน่น
คงเป็นเรื่องที่จริงจังน่าดู
คิดเช่นที่จับสังเกตอยู่ จ้องใบหน้านั้นอย่างสนใจ
กรามบดเข้าหากัน คงกำลังไม่พอใจในเรื่องที่ตัวเองคิด
หน้าแบบนี้ก็มีเสน่ห์นะ
แต่ว่า เขาน่าสนใจกว่าตั้งเยอะนี่นา
คิดเช่นจึงเรียกร้องความสนใจของคนที่หมกมุ่นด้วยการตวัดเลียแผล่บตั้งแต่ปลายคางยาวไปถึงปลายจมูกของรักแท้
ได้ผล
“เป็นหมาเหรอ” รักแท้งึมงำถาม ขณะยกมือกดบังคับท้ายทอยของหมาลิ้นยาวให้จูบกันอีกหน
คิดเช่นไม่ได้ตอบ แต่เอียงคอรับการจูบที่ละมุนละไมกว่าครั้งแรก
ชักติดใจการจูบกับรักแท้แล้วสิ จูบที่ไม่เหมือนกันเลยสักครั้ง
“ไปเก็บตัวยุ่งยากอย่างนั้นได้ที่ไหน” คิดเช่นถามรักแท้พลางยกมือขึ้นลูบริมฝีปากที่ตึงและบวมเจ่อ
“ตอนฝนตก”
คิดเช่นพยักหน้าช้าๆ “ตอนนั้นฟ้าร้องด้วยใช่ไหม”
“ใช่ และบางทีไม่ใช่เขาหรอกที่เป็นตัวยุ่งยาก แต่เป็นผม” รักแท้รับคำพลางควานหาบุหรี่
คิดเช่นยิ้มจนตาหยี “โชคดีจังที่ผมไม่ใช่ ว่าแต่ อย่าลืมรางวัลของผมล่ะ”
“เด็กนี่ไง รางวัล” รักแท้ลองแหย่
“ตัวยุ่งยากนี่นับเป็นรางวัลได้ด้วยเหรอ ถึงแม้ว่าหน้าตาจะดูน่ากินอยู่หรอก”
“อร่อยไหม”
คิดเช่นเหล่มอง “หวงก็ยอมรับเถอะน่า ผมจับมันกินขึ้นมาจริงๆ คุณจะยอมเหรอ”
“รู้จักห่วงโซ่อาหารใช่ไหม ผมว่าผมอยู่ข้างบนสุด”
คิดเช่นทำตาโต “โหเจ๋งอ่ะ รวบกินทั้งหมดเลยน่ะเหรอ กลัวแล้วค้าบ”
รักแท้ยิ้มที่มุมปาก เริ่มรู้ตัวว่า เขามักผ่อนปรนกฏและข้อบังคับของตัวเองเมื่ออยู่กับคิดเช่น กับเพื่อนคนอื่นเขาพูดน้อย และไม่มีการล้อเล่นแบบนี้
นี่ก็เป็นอีกคนที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป
จริงๆแล้ว คิดเช่นก็เป็นหนึ่งในตัวยุ่งยาก และอาจเป็นตัวที่ป่วนที่สุดเลยก็ได้
เขาไม่ควรปล่อยให้คนสองคนนี้ทำให้การใช้ชีวิตของเขาหลุดออกจากที่ควรจะเป็นไม่ใช่หรือรักแท้
รักแท้ดึงตัวเองกลับมา คาบบุหรี่แล้วจุดไฟ
เมื่อรักแท้เริ่มจุดบุหรี่สูบแล้วพ่นควัน คิดเช่นก็เริ่มทำท่ากลั้นหายใจ แต่ในที่สุดก็สำลักและไอโขลก น้ำตาไหลเป็นทาง
รักแท้รีบดับบุหรี่แล้วปัดมือไล่ควันให้กระจายตัว เข้าประคองคนที่ไอจนน้ำตาเล็ด
“แพ้ควันบุหรี่ทำไมไม่บอก” เขาดุคนที่ยังพยายามกลั้นไอจนยังไม่สามารถเถียงอะไรได้
คิดเช่นโบกมือไปมาพัลวัน สูดหายใจลึก แล้วค่อยพูดว่า “บอกทำไมเดี๋ยวคุณก็เห็น”
รักแท้ส่ายหน้า
เป็นหลักลืมตาตื่น สิ่งแรกที่รู้สึกคือความอุ่น
เมื่อตื่นเต็มตาดีแล้วจึงพบว่ามันอุ่นเพราะอ้อมกอดของคนที่เขานอนหันหลังให้
ทั้งที่เมื่อคืนยืนยันว่าจะไม่กอดนี่
เป็นหลักนอนนิ่งซึมซับไออุ่น พลางทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เรื่องทั้งหมดมันแปลกและไม่ควรเกิด
เริ่มตั้งแต่การโทรไปหารักแท้ การยอมให้คิดเช่นเข้าบ้านและนอนร่วมเตียง
เป็นหลักเรียงลำดับความคิดหรือหาเหตุผลดีๆให้กับการปล่อยให้ทั้งสองคนเข้าใกล้มากขนาดนี้ไม่ได้ แต่รู้ว่า ทั้งสองคนจะทำให้ชีวิตเขาหลังจากนี้ไม่เหมือนเดิม กลิ่นอายของปัญหาลอยฟุ้ง
เป็นหลักเผลอถอนหายใจ
ทำให้คนที่กอดเขาอยู่รู้สึกตัว
“ตื่นแล้วนี่”
เสียงนี่มันไม่ใช่เป็นหลักพลิกตัวกลับเพื่อมองให้แน่ใจ
และก็พบว่าคนที่กอดเขาอยู่ไม่ใช่คิดเช่นแต่เป็นรักแท้
อีกแล้ว
มีความรู้สึกที่เป็นหลักระบุประเภทชัดๆไม่ถูกเกิดขึ้นอีกแล้ว มันคล้ายกับความดีใจ ผสมด้วยความหวั่นใจ อยากหนีแต่ก็ยินดี หลังจากความยินดีก็เป็นความกลัวและไม่ไว้ใจ แต่ความดีใจก็มีส่วนผสมมากกว่าอยู่ดี
“ผม…คุณ….พี่…เอ่อ…ขอบคุณครับ” เป็นหลักสู้ตาของรักแท้ได้เพียงชั่วแวบ ก่อนหลบตา โมโหตัวเองนิดหน่อยที่ตะกุกตะกัก
ให้ตายเถอะ เดี๋ยวเค้าก็จับได้หมดว่ารู้สึกยังไงรักแท้มองแก้มที่ค่อยแดงขึ้นของเด็กตรงหน้า
พอเดาออกว่า สำหรับเป็นหลักแล้ว การกล่าวขอบคุณ ไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย
เขาอมยิ้ม แล้วก้มหอมไปฟอดหนึ่ง
เด็กสะดุ้งแต่ไม่ได้โวยวายอะไร
เขาจึงแตะปากกับหน้าผาก แถมด้วยที่เปลือกตาที่หลงเหลือรอยบวมช้ำ ยิ่งเป็นหลักไม่ห้าม รักแท้ยิ่งไม่ห้ามตัวเอง
แล้วทั้งสองก็จูบกัน มันเป็นจูบที่ผะแผ่วแล้วปลอบประโลม
รักแท้ต้องถอนจูบ เพราะรู้สึกถึงแรงยวบบนที่นอน
แล้วก็เห็นคิดเช่นจ้องตาแป๋วอยู่
“อ้าว ผมมาขัดจังหวะหรือเนี่ย แค่จะขึ้นมาตามว่ากับข้าวเสร็จแล้วนะ จูบกันต่อสิ เดี๋ยวผมปิดตา” แล้วคิดเช่นก็ยกมือขึ้นปิดตาอย่างที่พูด
เป็นหลักหน้าแดงจัดและวางมือไม้ไม่ถูก ส่วนรักแท้กลับจ้องคิดเช่นอย่างพิจารณา
ไม่หึง?
เขาไม่สัมผัสถึงบรรยากาศหรืออารมณ์ขุ่นมัว ไม่ชอบใจ หรืออะไรที่คล้ายๆอย่างนั้นจากตัวคิดเช่นเลย
“ไม่เอาน่า อย่าคาดหวังว่าผมจะเป็นแบบในละครซี่ หรือถ้าคุณอยากได้แบบนั้น เดี๋ยวคุณจูบกันใหม่แล้วผมจะเข้ามากระชากคุณออกจากกัน แล้วร้องไห้โฮๆ ดีมะ”
ทั้งเป็นหลักและรักแท้ยังงงอยู่
“ไม่ดีๆ ต้องกระชากออกมาแล้วต่อยพวกคุณให้คว่ำสิเนอะ” มีคิดเช่นคนเดียวที่ดูสนุกกับฉากละครที่เขาคิดขึ้น
“พี่เป็นแฟนกันเหรอ” เป็นหลักพยายามปะติดปะต่อเรื่องราว
“เป็นคำถามที่ดี” คิดเช่นทำหน้าราวกับกำลังแถลงข่าวเรื่องสำคัญ
“เออว่าแต่เราเป็นอะไรกันอ่ะคุณ จู่ๆคุณก็มาใช้ให้ผมมาดูแลเจ้าเด็กขี้กลัวนี่” คิดเช่นโยนคำถามกลับไปที่รักแท้
“ผมแค่ไม่ชอบเสียงดัง” มีคนไม่ยอมเสียฟอร์ม
“เมื่อคืนใครกันที่อ้อนว่า กอดผมหน่อย” คิดเช่นยื่นหน้าเข้าใกล้ล้อเลียน
“แล้วพี่กอดผมหรือไง พี่เอาขาหนักๆมาพาดผมไว้”
“แต่ลักกี้ก็หลับปุ๋ยไปเลย”
“นั่นเพราะผมเหนื่อย”
สงครามน้ำลายย่อยๆยังดำเนินต่อไป แต่รักแท้กลับรู้สึกเพลิดเพลิน เขาเอนตัวพิงหมอนในท่ากึ่งนั่ง แล้วฟังเสียงเถียงกันไปเรื่อยๆ พร้อมกันครุ่นคิดกับคำถามของคิดเช่น ที่เจ้าตัวคงลืมไปแล้ว
เราเป็นอะไรกัน? นั่นสิ รักแท้หลับตา ได้ยินเสียงทะเลาะกันเบาลงไปเรื่อยๆ เป็นเพราะทั้งเหล้าและการอดนอนเพื่อขี่รถกลับมาทำให้เหนื่อยอ่อน
เจ้าของบ้านคงไม่ว่าอะไรหากเขาจะหลับสักหน่อย
ในภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น คำถามยังลอยวน และได้ยินเสียงของใครบางคนที่คุ้นเคยกระซิบว่า
“ยอมแพ้เถอะ รักแท้”-โปรดติดตามตอนต่อไป-
ขอต้อนรับสู่ ความสัมพันธ์แบบ3p อย่างเป็นทางการค่ะ (เก็บคำเฉลยไว้ไม่ไหวแล้วค่ะ เพราะเมื่อคุณอ่านตอนนี้แล้ว ก็คงเดาเรื่องได้ปรุโปร่ง)
อ่านแล้วพอจะจับทางได้ไหมคะ ว่าทั้งสามต่างรู้ว่ามันมีแต่ปัญหาทั้งนั้นเลย
เรื่องราวนับจากตรงนี้ จะห่างไกลจากคำว่า “ศีลธรรมอันดี” ไปมากเลยค่ะ
ดังนั้นหากจะเลิกอ่านก็ไม่เป็นไรนะคะ
ความรักแบบหนึ่งต่อหนึ่งอาจเป็นความรักที่ดีที่สุดเลยค่ะ
แต่ถ้ามันไม่ใช่ล่ะคะ ยังพอจะเรียกมันว่าความรักได้อยู่หรือเปล่า
ขอบคุณที่อ่านนะคะ

ป.ล. ส่วนเรื่องนกขมิ้นที่รับปากไว้ว่าจะไม่เกินสิ้นเดือน ต้องผิดสัญญาแล้วล่ะค่ะ ยังเขียนไม่ออกจริงๆ
@tonswind