ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 3
' คุณคีย์ครับ.. '
ถนนเส้นเดิมที่ผมยืนรอข้ามถนนเหมือนเมื่อวาน สัญญาณไฟสีเขียวเป็นรูปคนเดินบอกเป็นสัญลักษณ์ว่าให้เราข้ามถนนได้ แต่ขาของผมมันกลับยืนนิ่งอยู่แบบนั้นพลางก้มลงมองเวลาที่บอกผมว่าตอนนี้มันเลยเวลานัดช่วงหนึ่งทุ่มมาประมานสิบนาทีแล้ว
“ คงคิดว่าเราไม่มา แล้วก็กลับไปแล้วละมั้ง " ผมพูดกับตัวเองแบบนั้นตอนที่มองไปรอบๆ ก่อนจะพบกับใครคนที่นัดไว้เดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม ท่าทางหล่อเหลาที่แม้จะอยู่ในชุดอยู่บ้านธรรมดา แค่เสื้อยืดกางเกงขายาวก็ดูเท่ห์อย่างประหลาด หัวใจที่เต้นแรงของผมกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะหันไปมองทางอื่นราวกับไม่เห็นเค้าเดินมาหา
“ คุณคีย์ เห็นผมแล้วก็อย่าเบือนหน้าหนีเหมือนไม่เห็นกันสิครับ " เค้าที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วยิ้มให้ผม ทำไมถึงรู้สึกว่าวันนี้เค้าหล่อกว่าเมื่อวานอีกวะ หรือเพราะวันนี้ผมมีสติก็เลยมองเค้าได้เต็มตามากกว่าเมื่อวานที่สติไม่ค่อยครบเท่าไหร่ " ผมคิดว่าคุณจะไม่มาซะแล้ว "
“ มาสิ " ผมบอกสั้นๆก่อนจะถอนหายใจออกมา ไม่รู้จะพูดอะไรเลย ทำไมมันต้องเกร็งอะไรขนาดนี้ก็ไม่รู้ " แล้วตกลงนายไม่ได้เอากระเป๋าฉันไปจริงใช่มั้ย "
“ ทำไมคุณถึงคิดว่าผมเป็นคนเอากระเป๋าคุณไปละครับ " เค้าถามออกมาซื่อๆด้วยรอยยิ้ม
“ ก็มันหายไป เป็นของอย่างเดียวของฉันที่หายไป นายไม่ได้เอาไปจริงๆใช่มั้ย "
“ ถึงผมจะอยากจะเจอคุณอีก ก็ไม่มีทางเอากระเป๋าคุณไปเพื่อเอามันมาเป็นข้ออ้างที่จะเจอคุณหรอกครับ " เบือนหน้าหนีคำพูดของอีกคน ผมที่ถอนหายใจอีกคนก็หัวเราะ
“ คุณไปลืมมันไว้ที่ไหนรึเปล่าครับ "
“ ฉันไม่ได้ลืมพกมันมาก่อนที่จะเจอกับนายแน่นอนละ "
“ งั้นก็อาจจะลืมไว้ที่ร้านเบียร์หลังจากที่เจอผม เพราะตอนนั้นคุณเมามากผมเองก็ลืมไปว่าคุณมีกระเป๋ามาด้วย "
“ ร้านเบียร์ตรงนั้นนะเหรอ " ผมชี้ไปอีกคนก็พยักหน้า " งั้นก็ไปดูกันเถอะ "
“ มันมีเอกสารสำคัญมากเหรอครับ "
“ ก็สำคัญนะ เป็นงานที่ฉันต้องพรีเซนต์พรุ่งนี้น่ะ " ผมบอกอีกคนตอนที่เราเดินข้ามถนนไปยังร้านเบียร์อีกฝั่ง เดินเข้าไปในร้านตอนที่กำลังมองหาเจ้าของร้าน เด็กเสิร์ฟที่ดูเหมือนจะจำพวกเราได้ก็ทักขึ้น
“ อ้าวพี่ เมื่อวานลืมกระเป๋าไว้นะครับ "
“ อ่าใช่ๆ เมื่อวานลืมเอาไว้ ยังเก็บไว้ให้มั้ย " เค้าพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างหลังร้านสักพักแล้วเดินออกมาพร้อมกับกระเป๋าของผมที่ก็ใส่ถุงกระดาษไว้เป็นอย่างดี
“ เก็บไว้ให้แล้วครับ นี่ครับ " ผมรับถุงกระดาษนั้นมา ตอนที่กำลังจะเปิดกระเป๋าดูอยู่ๆมือหนาของคนที่ยืนข้างกันก็มือผมห้ามเอาไว้
“ มีอะไร " ถามเค้าเสียงเบา อีกคนก็ยิ้มให้เด็กเสิร์ฟตรงหน้า
“ ขอบคุณมากนะครับ " ฟานก้มหน้าขอบคุณอีกคนก่อนจะดึงให้ผมนั่งลงตรงโต๊ะที่เรานั่งด้วยกันเมื่อวาน " ขอเบียร์สองแก้วนะ "
“ ฉันไม่กิน "
“ เอ่อ ตกลงว่า "
“ เบียร์สองแก้วครับ " เค้าย้ำกับเด็กเสิร์ฟอีกครั้งก่อนที่เค้าจะเดินออกไป แล้วใบหน้าคมก็หันมาพูดกับผม " คุณจะเปิดเช็คของต่อหน้าคนที่เค้าเก็บของไว้ให้คุณไม่ได้นะครับ มันเสียมารยาทแล้วก็ไม่น่ารักเหมือนหน้าตาคุณเลย คุณต้องรอให้เค้าไปก่อนสิ "
“ นายเด็กกว่าฉันมีสิทธิอะไรมาสอนฉันไม่ทราบ " ผมถามก่อนจะแอบเหล่เด็กเสิร์ฟที่ก็เดินหายไป แต่มันก็จริงของเค้านะ ถ้าเปิดเช็คตอนนั้นก็เหมือนจะน่าเกลียดไปหน่อย เค้าก็อุตส่าห์เก็บไว้ให้
“ โตแค่อายุแบบคุณ ให้ผมสอนมันก็ดีแล้วนิครับ " เค้ายิ้มออกมาก่อนจะหันไปรับเบียร์แก้วใหญ่ที่เอามาเสิร์ฟเราที่โต๊ะ ผมที่กำลังจะอ้าปากด่ามันก็ได้แต่ยิ้มให้น้องพนักงานคนนั้นก่อนที่เค้าจะเดินออกไปอีกครั้ง
“ นี่นายกำลังด่าฉันใช่มั้ย แล้วบอกแล้วไงว่าฉันไม่กินเบียร์ " แล้วก็จะไม่ยอมกินเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เหตุการณ์มันซ้ำรอย
“ กลัวเหตุการณ์ซ้ำรอยแบบเมื่อคืนเหรอครับ " มารู้ใจกันอีก .. ผมถอนหายใจออกมาตอนที่จิบเบียร์ไปคำนึงพลางเหลือบมองเด็กเสิร์ฟที่ก็เดินไปมาอยู่โซนหลังร้าน
“ คุณเปิดกระเป๋าเช็คได้แล้วละครับ " พยักหน้ารับคำพูดของอีกคน ผมเปิดกระเป๋าตัวเองดูก่อนจะถอนหายใจโล่งว่ามันยังมีของอยู่ครบ ไม่ได้มีอะไรหายไปแม้แต่ชิ้นเดียว โดยเฉพาะเอกสารงานของลูกค้าที่ต้องทำส่งภายในวันพรุ่งนี้ด้วย
“ ของอยู่ครบมั้ยครับ "
“ อยู่ครบนะ " ผมถอนหายใจโล่งออกมาตอนที่หยิบเบียร์จะกินต่อ แต่มือมันก็ชะงักหยุดแค่นั้น ผมวางแก้วเบียร์ลงก่อนอีกคนจะถาม
“ ทำไมไม่กินละครับ "
“ ไม่อยากกิน " เค้ามองหน้าผมตอนที่พูดแบบนั้นออกมา ฟานยิ้มมุมปากก่อนจะดึงเบียร์ของตัวเองมากินบ้าง
“ เพราะคิดถึงเรื่องเมื่อวานอยู่สินะครับ "
“ ไม่ได้คิดถึงสักหน่อย ฉันจำมันได้ที่ไหน " บอกปัดเค้าไป ก่อนที่สายตาคมนั้นจะมองสบตาผม
“ คุณจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ "
“ ใช่ จำอะไรไม่ได้เลย " คนฟังขมวดคิ้วมองหน้าผม ตอนที่พูดออกมาแบบนั้นก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“ น่าเสียใจจังนะ ที่คุณจำอะไรไม่ได้เลย แต่ว่าผมน่ะ จำได้นะ จำได้ทุกอย่างเลย "
“ นาย "
“ อยากจะถามอะไรผมรึเปล่าครับ " สายตาคมหันมาสบตาผม เค้าที่กำลังยิ้มอยู่ในตอนนั้น อยู่ๆหัวใจของผมเต้นแรงขึ้นมา อาจเพราะคำถามที่อยากจะถามมันชวนให้เลือดสูบฉีดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกละมั้ง คำถามเกี่ยวกับเรื่องคืนนั้น " หน้าคุณแดงๆนะครับ "
“ แค่เมานิดๆหน่อยนะ "
“ คุณกินไปแค่คำเดียวเองนะ " ไอ้เด็กบ้า แกอย่ามารู้เรื่องอะไรมากมายจะได้มั้ย
“ ก็อากาศมันร้อน "
“ ผมว่า มันก็ไมไ่ด้ร้อนอะไรเท่าไหร่ "
“ นี่! “ ผมขึ้นเสียงใส่อีกคน " นายคิดว่าฉันคิดถึงเรื่องของเราคืนนั้นแล้วมันจะทำให้ฉันเขินรึไง "
“ ใช่ครับ " นี่ก็ตอบอีก ...
' โอ๊ยยยย ทำไมชีวิตกูต้องมาเจอกับอะไรพวกนี้ด้วยวะ ' ผมสบถในใจตอนที่หันไปทางอื่น ฟานก็ถาม
" แล้วตกลงคุณกำลังคิดถึงเรื่องของเราคืนนั้นใช่มั้ยครับ "
“ ไม่ได้คิด ทำไมต้องคิดด้วย ฉันจำได้ที่ไหน "
“ ผมทวนความจำให้มั้ยครับ "
“ ไม่ต้อง!!! “ คำถามซื่อๆที่มีอยู่ล้านความหมาย " ทวนความจำบ้าอะไร อย่ามาลามกนะเว้ย "
“ ผมลามกตรงไหน ก็ถ้าคุณลืมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเราคืนนั้น คุณก็แค่ถามผม ผมก็แค่บอกคุณ มันก็แค่นั้นเองที่ผมบอกว่าจะทวนความทรงจำให้ คุณคิดว่ายังไงครับ .. หมายถึงจะให้เราทำเรื่องแบบนั้นกันอีกเหรอ "
“ บ้า! ไม่ใช่ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น " บอกปัดเค้าไป เค้าก็หัวเราะออกมา
“ คุณนี่ยั๊วะง่ายจังนะครับ น่ารักดี "
“ นี่ นายเลิกพูดอะไรแบบนั้นกับฉันจะได้มั้ย ฟังแล้วมันขนลุก "
“ คำพูดแบบไหนเหรอครับ " เค้ายกเบียร์ขึ้นดื่มพลางถามผม
“ ก็คำพูดที่บอกว่า ฉันน่ารัก ฟังแล้วมันขนลุก "
“ น่ารักจริงๆนี่ครับ ก็ไม่ได้น่าขนลุกตรงไหน ผมก็พูดไปตามสิ่งที่ผมคิด ก็คุณน่ารักจริงๆ " เบือนหน้าหนีอีกคนอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ผมหยิบเบียร์ขึ้นมาดื่มก่อนจะมองอีกคนที่ก็จ้องผมอยู่
“ ฉันมีอะไรที่อยากจะถามนายหน่อย "
“ อะไรครับ " ท่าทางที่สนใจของอีกคน ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะดึงตัวเองเข้าไปใกล้อีกคน สองแขนค้ำลงบนโต๊ะก่อนจะกอดอก
“ เมื่อคืนนายไม่ได้ใส่สดใช่มั้ย "
“ คุณชอบแบบไม่ใส่ถุงเหรอครับ " กรอกตามองไปทางอื่น ผมขยี้หัวตัวเองแรงๆก่อนจะเม้มปากตัวเองเสียแน่น ไม่รู้ว่ามันซื่อจริงๆหรือแอบกวนตีนผมอยู่กันแน่
“ ไม่ได้ชอบเว้ย!! ฉันแค่อยากรู้ว่าฉันควรตรวจร่างกายเพราะโรคติดต่อที่ไม่ได้ใส่ถุงยางรึเปล่ามันก็เท่านั้น "
“ ผมใส่ถุงตลอดครับ แต่ถึงจะไม่ใส่คุณก็ไม่ต้องห่วงนะ ผมเป็นผู้ชายสุขภาพดี ไม่มีโรคอะไรทั้งนั้น " ก็ค่อยโล่งใจไปหน่อย อย่างน้อยถึงจะไม่รู้ว่ากี่รอบแต่เค้าก็ใส่ถุงตลอดทุกรอบนั่นก็ดีแล้ว " โล่งใจเหรอครับ "
“ ทำไมนายเป็นคนช่างถามอะไร ขนาดนี้นะ "
“ ก็ผมแค่เห็นคุณยิ้มที่มุมปากนิดหน่อย เหมือนกำลังโล่งใจ "
“ ก็ใช่ จะว่าแบบนั้นก็ได้ แต่นายคงไม่อยากจะมีอะไรกับคนแปลกหน้าแล้วไม่ใส่ถุงหรอกจริงมั้ย "
“ แต่จริงๆ เมื่อคืนคุณบอกผมว่าคุณไม่ชอบใส่ถุงนะ "
“ แค่กๆ " ผมสำลักเบียร์ทันทีที่อีกคนพูดออกมาแบบนั้น เช็ดคราบเบียร์ด้วยหลังฝ่ามือของตัวเองลวกๆอีกคนก็ยิ้มออกมา ' ไอ้นี่ก็ยังมีหน้ามายิ้มอีก ' น่าหงุดหงิดชะมัดเลย มันเหมือนตัวเรายอมเค้าไปทุกอย่างในช่วงเวลาที่ไม่มีสติแบบนั้น ทำไมกันนะทั้งๆที่ไม่ใช่คนแบบนั้นมาก่อน โหยหาเหรอวะ แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ไม่เห็นเข้าใจตัวเองเลย “ งั้นก็ขอบคุณที่นายใส่ถุงให้ฉันละกันนะ เอาเป็นว่ามื้อนี้ฉันจะเลี้ยงนายเอง อยากจะกินอะไรละ สั่งสิ "
“ ผมไม่อยากจะกินข้าวที่นี่ครับ "
“ เรื่องมาก แล้วอยากจะกินอะไร "
“ อยากจะกินอาหารที่คุณทำให้ผมกิน "
“ ห๊า ? “ ขมวดคิ้วมองอีกคนผมอ้าปากค้างอยู่แบบนั้น " นายว่าอะไรนะ อยากจะกินข้าวที่ฉันทำให้นายกินนะเหรอ "
“ ใช่ครับ "
“ ตลก " ตอบอีกคนไปทันที " ฉันทำมาม่ายังไม่อร่อยเลย แล้วอีกอย่างฉันไม่มีทางพาคนแปลกหน้าเข้าไปในบ้านฉันหรอก "
“ ผมแปลกหน้าตรงไหนเหรอครับ " เค้าถาม " เมื่อคืนเราก็อยู่ด้วยกันทั้งคืน อีกอย่างเราสองยัง.."
“ หยุด!! หยุดเลยนะนาย " ยกมือขึ้นปิดปากอีกคนด้วยความรวดเร็ว รอยยิ้มที่ยิ้มให้ผ่านแววตานั้นผมถอนหายใจออกมาตอนที่เค้าดึงมือผมลง
“ นะครับ ช่วยทำอาหารอร่อยๆให้ผมกินหน่อย " สบสายตาที่อบอุ่นคู่นั้น หัวใจที่เต้นแรงของผมรู้เลยว่า ..
' นี่กูต้องพ่ายแพ้ให้ไอ้เด็กนี่อีกแล้วใช่มั้ย '
แล้วก็ใช่.. ผมพ่ายแพ้ให้มันอีกแล้ว ถอนหายใจออกมา ตอนที่เปิดประตูคอนโดแล้วหันไปมองคนที่เดินตามหลังมาด้วยความรู้สึกมีความสุขเสียจนออกนอกหน้า
“ ถ้านายท้องเสีย อย่ามาว่าฉันก็แล้วกัน "
“ ไม่หรอกครับ ผมไม่ว่าคุณหรอก " คนที่เดินตามหลังมาพูดแบบนั้น ก่อนจะมองไปรอบๆตัวของเค้าอย่างอยากรู้ คอนโดไม่หรูหราเท่าใจกลางเมืองแต่ก็ไม่ได้ไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกรอบตัวเท่าไหร่นัก เป็นตึกสูงไม่มากแต่ตัวห้องกว้างขวาง แบ่งแยกทุกอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัวหรือแม้แต่ห้องนอน พื้นที่ส่วนตัวที่คนทำงานอย่างผมพยายามผ่อนจ่ายทุกเดือนเพื่อสร้างสินทรัพย์ไว้เป็นของตัวเอง
“ คอนโดคุณคีย์ น่าอยู่จังครับ "
“ อื้ม " พยักหน้ารับก่อนจะวางกระเป๋าไว้บนโซฟาที่อีกคนก็นั่งอยู่ตรงนั้น
“ ผมดูทีวีได้มั้ยครับ "
“ ตามใจสิ " เสียงทีวีที่ดังขึ้นเบาๆ ผมมองดูเค้าจากในครัวที่อยู่ติดกัน ใบหน้าด้านข้างที่กำลังสนใจรายการที่หน้าจอทีวีที่กำลังฉายการ์ตูนอะไรสักอย่างที่ตัวผมไม่เคยสนใจ แต่ก็ยอมรับว่าเสียงพาร์กคุ้นๆหูอยุ่ " ทำไมแค่เห็นหน้าด้านข้างนายก็ยังหล่อขนาดนั้นนะ "
“ คุณคีย์ว่าอะไรนะครับ " คงเพราะได้ยินเสียงผมบ่นก็เลยถามออกมาแบบนั้น ผมสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่ส่ายหน้าไปมาเค้าก็ยิ้ม
“ นายอยากจะกินอะไร "
“ อะไรก็ได้ครับ ที่คุณคิดว่าคุณทำอร่อย "
“ ไม่มี " ผมบอกไปตรงๆ ก็อย่างที่บอกผมทำอาหารไม่เป็น จะเรียกว่าไม่เคยทำก็คงไม่ใช่แต่คงเป็นไม่ถนัดมากกว่า แถมยังไม่ค่อยมีเวลาอีก เพราะกลับมาก็ดึกแล้วไหนจะเป็นความเหนื่อยที่แค่พออาบน้ำก็อยากจะล้มตัวลงเตียงนอนแล้ว ไม่มีเวลาที่อยากจะทำอะไรอย่างอื่นหรอก อาหารที่มีในตู้เย็นก็แค่ทั่วไป หมดอายุรึเปล่าก็ไม่รู้ เหมือนชีวิตนี้ทุ่มเทให้กับงานจนลืมใส่ใจชีวิตส่วนตัวไปแล้ว
“ ฉันไม่มีของสดเลยล่ะ บะหมี่ถ้วยแล้วกัน "
“ ก็ได้ครับ " เค้าบอกแบบนั้น ผมก็หันไปต้มน้ำร้อนแล้วก็จัดการเทใส่ถ้วยคัพ ปิดฝาเรียบร้อยก่อนจะเดินเอาไปให้อีกคนที่ก็ยังสนใจดูการ์ตูนไม่ลุกไปไหน ผมนั่งลงข้างเค้าอีกคนก็หันมาบอก " ขอบคุณมากครับ "
“ นายชอบดูการ์ตูนเหรอ " ผมถามอีกคนก็พยักหน้า
“ ก็แค่เรื่องนี้แหละครับ " ขมวดคิ้วมองเรื่องราวที่กำลังดำเนินไปช้าๆ จนคิดขึ้นมาได้ว่า เนื้อเรื่องที่คุ้นหูอยู่ในตอนนี้ก็เป็นการ์ตูนที่ผมเคยดูผ่านตามาแล้วเหมือนกัน
“ นี่มัน โคนันนิ ใช่มั้ย เจ้าหนูยอดนักสืบ "
“ คุณรู้จักด้วยเหรอครับ "
“ นี่นายคิดว่าฉันแก่่ขนาดไม่รู้จักโคนันเลยรึไง "
“ ก็เปล่าหรอกครับ "
“ นายกินได้แล้ว มาม่าน่ะเดี๋ยวเส้นก็อืดหมด " เชิดหน้าไปที่มาม่าคัพที่ปิดฝาอยู่ มือหนาที่ดึงมาขึ้นมาเปิดกิน กินหอมฉุยๆที่ฟุ้งออกไป ได้กลิ่นหมูสับจางๆจนรู้สึกหิวขึ้นมาเหมือนกัน
“ คุณคีย์กินด้วยกันมั้ยครับ "
“ ไม่ละ ฉันไม่ค่อยชอบกินอาหารหลังกินเบียร์ " ผมมองการ์ตูนที่กำลังฉายอยู่ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าสนุกตรงไหน ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม โคนันเก่งเหมือนเดิม ไอ้ลุงนี่ก็ไขปัญหาไม่ได้ตลอดแต่ก็ขี้เม้าส์จัง แถมยังตกลงเออออไปเป็นเรื่องเป็นราวอีกว่าตัวเองเก่งทั้งๆที่ก็ไม่รู้เรื่องอะไรแท้ๆ หรืออาจเพราะผมแก่แล้วมั้งก็เลยดูการ์ตูนอะไรพวกนี้สนุกน้อยลง " ฉันถามหน่อยสิ "
“ ทำไมครับ "
“ ไอ้การ์ตูนที่นายดูอยู่มันสนุกตรงไหนเหรอ "
“ ก็สนุกนะครับ ผมชอบเวลาที่โคนันมันไขคดี สนุกตรงที่เราไม่รู้ว่าเค้าตายยังไง แล้วก็โคนันเฉลยให้เราฟัง ผมชอบตอนนั้น "
“ แบบนั้นนี่เอง " พยักหน้ารับสั้นๆ ผมเดินไปที่ตู้เย็นในครัวอีกครั้งหยิบเบียร์มาสองกระป๋องก่อนจะกลับมานั่งที่เดิม
“ แล้วคุณคีย์ไม่ชอบเหรอ "
“ ไม่อะ ฉันไม่ใช่เด็กสักหน่อย " ยกเบียร์ขึ้นดื่มตอนที่พูดคำนั้นออกไปอีกคนก็ขมวดคิ้วมองผมเหมือนกับว่าตัวเค้ากำลังไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง " ทำไม นายข้องใจอะไร "
“ ก็เปล่าหรอก แค่สงสัยว่าต้องเป็นเด็กเหรอครับ ถึงจะชอบดูการ์ตูนได้ ผมเห็นคนบางคนโตเป็นผู้ใหญ่แล้วยังงอแงบอกว่าเค้าไม่รักเหมือนเด็กๆเลย "
“ นี่! “ ผมแหวดเสียงขึ้นใส่อีกคนที่ก็ยังคงมองผมหน้านิ่งๆ ก่อนจะก้มลงกินมาม่าในมือตัวเองต่อจนหมด ฟานลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัวผมได้ยินเสียงเปิดถังขยะพร้อมกับเสียงน้ำที่ดังอยู่สักพักก่อนที่อีกคนจะเดินวนกลับมาพร้อมกับ ปากที่เหมือนเคี้ยวอะไรอยู่ " กินอะไรอีกละนั่น "
“ แค่ลูกอมครับ "
“ กินเสร็จแล้ว นายก็กลับไปได้แล้วไป ฉันจะนอนพักผ่อนอีก "
“ ขอผมดูการ์ตูนสักหน่อยสิครับ จบแล้วจะกลับทันทีเลย " เค้าต่อรองผมก็พูดอะไรไม่ได้หรอก คงใกล้จบแล้วมั้ง ฉายมานานละนิ ไอ้การ์ตูนโคนันไรเนี้ยอะ เหลือบมองเค้าที่ตั้งใจดูการ์ตูนตรงหน้า ท่าทางที่กำลังคิดปากก็กินลูกอมไปเรื่อย " ผมว่าไอ้หมอนี่ต้องเป็นคนร้ายแน่เลย "
“ โคนันรึไงนายอะ "
“ ก็การ์ตูนแบบนี้สนุกตรงที่เราจะได้ ลุ้นว่าใครคือคนร้ายนะครับ ลุ้นว่าเราจะทายถูกมั้ย "
“ อ๋อเหรอ " ผมพยักหน้ารับเค้า ก่อนจะคิดถึงเรื่องที่ค้างคาใจอยู่อีกเรื่อง สายตาที่กำลังจ้องเค้าครุ่นคิดอยู่ว่าจะเอ่ยถามออกไปดีมั้ย
“ คุณมองผมนานเกินไปแล้วนะครับ "
“ เอ๊ะ ? “ เหมือนสติหลุดไปชั่วขณะนึงแล้วพอเค้าทักผมก็สะดุ้งขึ้นมา " มองอะไรของนายฉันก็มองไปเรื่อย "
“ อย่าโกหกเลย ผมรู้ว่าคุณมองผมอยู่ " เค้าเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ผมก็ถอยหลังหนี " หรือว่าคุณอยากจะกินลูกอม แบ่งให้มั้ยครับ "
“ ประสาทใครจะอยากจะกิน " เบือนหน้าหนีอีกคนตอนที่ถอนหายใจออกมาแต่เค้าที่ยังมอง ผมหลบไปไหนยังไงก็ต้องทำให้หันกลับมามองเค้าอยู่ดี " มองทำไม "
“ ผมว่าคุณมีอะไรอยากจะถามผมนะ "
“ จริงๆก็มีนะ "
“ นั่นไง " เค้าบอก ท่าทางดีใจเหมือนทายว่าใครเป็นผู้ร้ายในโคนันแล้วตัวเองเดาถูกอย่างงั้นละ " ถามอะไรครับ "
“ ทำไมเมื่อวานถึงจ่ายเงินให้ฉันละ ทั้งค่าเบียร์แล้วก็ค่าโรงแรม ทั้งๆที่ว่าจะหยิบเอาเงินจากกระเป๋าฉันไปจ่ายก็ได้ " มันเป็นเรื่องที่ผมอยากรู้ แล้วก็รู้สึกว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องถามให้รู้ให้ได้
“ ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่คุณเมาแล้ว กระเป๋าเงินก็ของส่วนตัวของคุณผมไม่อยากจะยุ่ง อีกอย่างค่าเบียร์มันก็ไม่ได้เยอะมากมายซะหน่อย ส่วนค่าโรงแรม " เค้าเว้นเสียงไปสักพักเหลือบตามองไปทางอื่นอย่างไม่อยากจะพูด ผมก็จับคางให้เค้าหันมาสบตาผม
“ มองตาฉัน แล้วพูดออกมา "
“ มันเป็นเรื่องที่ผู้ชายสมควรจะทำไม่ใช่เหรอครับ เรื่องแบบนี้น่ะ "
“ แต่ฉันก็เป็นผู้ชาย " ผมบอก
“ ในกรณีเรา ผมว่าเรื่องแบบนี้ฝ่ายรุกควรเป็นคนทำไม่ใช่เหรอครับ คุณเป็นรับเรื่องแบบนั้นคุณไม่ต้องทำหรอก " เค้าพูดออกมาด้วยท่าทางไม่ใส่อะไร ราวกับก็คิดแบบนั้น ใสซื่อเป็นเด็กที่ไม่เคยผ่านโลกด้านเลวๆมาเลยก็ว่าได้ ทั้งๆที่ถ้าปกติเงินผมคงไม่เหลือสักบาท อย่าว่าแต่กระเป๋าหรือเอกสารเลย ...จะบอกว่าผมโชคดีที่เจอเค้าก็ได้นะก็อย่างน้อยมันก็ไม่ได้แย่ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรตาม แม้จะเป็นเซ็กส์ก็เถอะ
“ อยากรู้แค่นั้นแหละ การ์ตูนจบแล้ว กลับบ้านไปได้แล้วไป " ผมบอกตอนที่หันไปดูทีวีที่กำลังฉายตัวอย่างตอนต่อไปแต่อีกคนก็ยังจ้องหน้าผมไม่หันไปมองที่ไหน " มีอะไรอีกละ "
“ ขอผมถามคุณบ้างได้มั้ยครับ "
“ ถามอะไร "
“ เรื่องคืนนั้น เกี่ยวกับผู้ชายคนที่แอบชอบ รู้สึกดีขึ้นมาบ้างรึยังครับ หรือว่ายังเสียใจเรื่องของเค้าอยู่ " ถ้อยเสียงอบอุ่นที่เอ่ยถาม ผมสบตาอีกคนที่มองผมด้วยสายตาที่ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี เหมือนห่วงใย หรืออาจจะแค่สงสารหรือสมเพชคนอย่างผม
“ ฉันลืมมันไปหมดแล้วละ ความรักของฉันมันก็เหมือนกับ ถ้าคิดถึงก็เจ็บ ไม่คิดถึงก็ไม่เจ็บ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ารู้สึกยังไง เหมือนว่าชอบแต่ก็ไม่ได้มากถึงขั้นจะรอเค้าไปตลอด รอให้เค้าโสดแล้วฉันก็จีบ เพราะมันไม่มีวัน เรียกว่าไงดี ก็แค่ตัวขั้นเวลาตอนที่ใจฉันไม่รู้จะคิดถึงใครละมั้ง ความรักของฉันกับเค้าน่ะ "
“ งั้นถ้าเป็นแบบนั้น จะร้องไห้เสียใจทำไมละครับ ก็เพราะว่าหวังอยู่รึเปล่า ว่าเค้าจะมีใจให้คุณ "
“ อย่าพูดอะไรที่นายไม่เข้าใจมันเลยจะดีกว่า อย่ามาทำเป็นว่ารู้จักฉันดีไปหน่อยเลย " เพราะขนาดฉันเอง ฉันยังไม่รู้เลยว่าตัวเองทำไมถึงเจ็บปวดนัก เพราะชอบ คาดหวังว่าจะได้ หรือคิดเข้าข้างตัวเองตลอดว่าเค้ามีใจกันแน่ แต่ไม่ว่าทางไหนก็เหมือนจะเจ็บปวดไปทุกครั้งที่ตัวผมคิดถึงเค้า .. รักข้างเดียวไม่เคยคิดเลยว่าจะเจ็บปวดอะไรได้ขนาดนั้น " อย่างฉันน่ะ ถ้ามีใครที่ดีกว่าเค้าก็คงไม่สนใจเค้าแล้วละ "
“ อย่างงั้นเหรอครับ "
“ ใช่ เพราะงั้นนายมีใครที่จะพอแนะนำให้ฉันรู้จักบ้างมั้ยละ อาจจะเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยของนาย หรือว่าพี่ชายของรุ่นพี่ในคณะของนาย รองศาสตร์จารย์ที่ยังหนุ่ม หรือว่่านะ.. “ เสียงของผมหายไปจากตรงนี้ตอนที่ถูกดึงตัวให้เข้าไปหาอีกคนอย่างรวดเร็วและไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากหนาปิดกั้นสิ่งที่ผมกำลังพูดอยู่นั้นด้วยความนุ่นนวลและอบอุ่นก่อนที่เค้าจะพยายามดันลิ้นเข้ามาแล้วผมก็สะดุ้งตัวและผลักหนีความต้องการนั้นของเค้า " นี่นาย !”
“ ทำไมคุณถึงได้พูดจาทำร้ายจิตใจผมนักละครับ "
“ ห๊า ? “ ผมเอียงหน้างงอีกคนที่ส่งแววตาตัดพ้อมาให้ เค้าที่ถอนหายใจออกมาเบือนหน้าหนีผมก่อนจะหันกลับมา
“ ผมไม่มีหรอกครับคนแบบนั้นที่คุณอยากจะให้ผมแนะนำให้ ผมไม่รู้จักใครทั้งนั้น แล้วถึงจะรู้จักผมก็ไม่แนะนำด้วย เพราะคนที่ผมจะแนะนำมีคนเดียวเท่านั้น.. ก็คือ ตัวผมเอง "
“ นาย ? นายนี่อะนะงั้นก็ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ได้อยากจะฟัง “ ผมบอกปัดตอนที่กำลังจะเดินหนีอยู่ๆ มือหนาของคนที่นั่งใกล้ก็คว้าแขนผมแล้วดึงเข้าไปใกล้
“ ผมชื่อ ฟานครับ อายุ 19 ปี ตอนนี้เรียนคณะวิศวกรรมเครื่องกล นิสัยเป็นคนง่ายๆสบายๆ อาจจะขี้น้อยใจบ้างแต่ก็ไม่เยอะ ผมเป็นคนหวงของโดยเฉพาะของที่ผมรัก "
“ เดี๋ยวนะนายฉันไม่ได้อยากจะฟังเลยนะ " บอกไปแบบนั้นแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเค้าจะหยุดพูด
“ ส่วนสเป็คผมชอบคนอายุมากกว่า เป็นตัวผิวขาว หน้าตาสวยส่วนเวลายิ้มเค้าก็จะเป็นคนน่ารัก นิสัยเอาแต่ใจนิดหน่อย ปากไม่ตรงกับใจ หรือพูดง่ายๆ.. ก็คือคุณ นั่นแหละครับ " ทุกอย่างเงียบลงตอนที่เค้าพูดแบบนั้นออกมา นานแล้วที่ไม่ได้ใจเต้นแรงแบบนี้ นานแล้วที่ไม่ได้สบตาใครละฟังคำพูดนั้น คำพูดที่ตอนนี้ เด็กผู้ชายคนนี้กำลังจะพูดกับผม “ คุณคีย์ครับ ถ้าผมบอกว่าชอบคุณ คุณจะตอบตกลงเป็นแฟนผมมั้ยครับ "
...............................................................
แล้วคีย์จะตอบว่าอะไร...
ติดตามตอนหน้าจ้าาาาาาา #ไม่ต้องโยนรองเท้ามา
โดนเด็กเต๊าะหนักขนาดนี้แล้ว จะตอบว่าอะไรกันดีละเค่อะ
น้องฟานต้องรับผิดชอบที่ทำให้ใจเต้นแรงเค่อะ แรงยันคนแต่ง
ไม่ต้องนับพี่คีย์ คนแต่งก็เริ่มหวั่นไหวแล้วเค่อะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
ยังไงก็ฝากเม้นท์ ฝากแชร์ ฝากประชมสัมพันธ์ นิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ
ส่วนใครที่มีทวิต เฟส ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยค่าาา จะตามรีนะจ้ะ ตัวเอง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ เจอกันตอนหน้าจ้าา
หนมี่ผู้ใสซื่อ
